ตอนที่ 16
แพทริกจัดการงานที่เหลือต่ออีกเล็กน้อยก่อนจะรีบบินกลับเมืองไทยด้วยเครื่องบินส่วนตัว ใจแข็งแกร่งร้อนรนไปหมดเมื่อสิ่งที่แซมรายงานยังติดอยู่ในหัว แม้จะได้รับการยืนยันแล้วว่ากานต์รักไม่ได้เป็นอะไรมากแต่ความห่วงใยก็ไม่อาจบรรเทาลงได้หากไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเอง
“กานต์รักเข้าโรงพยาบาลตอนไหน” เสียงเข้มเอ่ยถามเมื่อคิดขึ้นได้ว่าก่อนหน้านั้นร่างเล็กยังพึ่งส่งข้อความมาบอกว่ากำลังจัดการกับขนมที่จะส่งไปในงานวันเกิด
“ประมาณเที่ยงคืนของเมืองไทยครับ”
“เที่ยงคืน? แล้วกานต์รักไปโรงพยาบาลได้ยังไง”
“มีคนพาไปส่งครับ แต่ไม่แน่ใจว่าใคร” แพทริกพยักหน้ารับ อย่างน้อยกานต์รักก็ไปถึงโรงพยาบาลแล้วอย่างปลอดภัย
ลมหายใจหนักถูกผ่อนออกก่อนมือหนาจะยกขึ้นปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตคลายความอึดอัด รีบจนแม้แต่ชุดทำงานยังไม่ได้เปลี่ยนเลยด้วยซ้ำ
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
“ปวดหัวหรือเปล่า”
พร้อมกานต์เอ่ยถามผู้เป็นน้องชายขึ้นเมื่อทั้งสองนั้นพึ่งกลับจากโรงพยาบาล หมอยืนยันแล้วว่ากานต์รักไม่ได้เป็นอะไรเช้าวันต่อมาจึงสามารถออกจากโรงพยาบาลได้
“ไม่ปวดเลย รักไม่ได้เป็นอะไรแล้วจริงๆ”
ใบหน้าเนียนใสระบายยิ้มยืนยันคำพูด กานต์รักตื่นขึ้นมาในตอนเช้าอาการปวดหัวก็หายเป็นปลิดทิ้ง เพราะไม่ได้ป่วยหนักอะไรหมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้แม้ว่าพี่ชายจะพยายามคะยั้นคะยอให้อยู่ต่อเพื่อดูอาการซักหน่อยก็ตาม
“ต่อไปนี้ห้ามทำงานหนักอีกแล้วรู้ไหม นี่พ่อกับแม่บ่นพี่จนหูชาว่าไม่ดูแลน้องให้ดี”
“รักไม่รู้ว่ามันจะเป็นขึ้นมาอีก”
นานมากแล้วที่ไม่มีอาการกำเริบกานต์รักจึงไม่ทันได้ดูแลตัวเองให้ดีและเผลอใช้งานร่างกายด้วยความลืมนึกไป ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเหตุใดจึงมีอาการทั้งที่ตลอดช่วงเวลาผ่านมาใช่ว่าจะไม่เคยพักผ่อนน้อยหรือคิดมาก
“ตอนนี้รู้แล้วเพราะฉะนั้นก็อย่าทำอีกล่ะ” พี่ชายเอ่ยบอกพร้อมกับขยี้หัวเล็กเบาๆไม่กี่ที
“อื้อ”
“พักผ่อนซะ เดี๋ยว...” ยังไม่ทันได้เอ่ยจนจบประโยคดีเสียงออดก็ดังขึ้นจนทั้งสองต้องเหลือบมองหน้ากัน
ไม่มีใครรู้ว่ากานต์รักอยู่ที่นี่และไม่มีทางที่ใครจะมาหาในตอนนี้ พร้อมกานต์มองหน้าน้องชายก่อนใบหน้าเล็กจะส่ายเป็นคำตอบอย่างรู้ความหมาย
“เดี๋ยวพี่ไปดูเอง” กานต์รักพยักหน้ารับก่อนจะมองตามคนพี่ที่ลุกขึ้นเดินออกไปจนลับสายตา
พร้อมกานต์เดินไปทางประตูอย่างระแวดระวัง แม้จะไม่รู้แน่ชัดว่าใครมาแต่ต้องปลอดภัยเอาไว้ก่อน ความปลอดภัยที่นี่มากพอสมควร คนที่ขึ้นมาได้แสดงว่าไม่ใช่เพียงแค่คนธรรมดา ร่างสูงจ้องมองประตูนิ่งยามมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะค่อยๆแนบดวงตาเข้ากับตาแมวอย่างเชื่องช้า
...แล้วคิ้วได้รูปก็ต้องเลิกขึ้นนิดๆเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่หลังประตูนั้นคือใคร
แพทริก เบรนเนแกน
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นก่อนพร้อมกานต์จะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติอีกครั้งเมื่อเสียงออดดังขึ้นราวกับคนรอนั้นร้อนใจ มือหนายกขึ้นกดปุ่มปลดล็อคประตูบานใหญ่จึงค่อยๆเปิดออก
“กานต์รัก!”
“รักพักผ่อนอยู่ครับ”
สิ่งขวางกั้นถูกเลื่อนออกให้ทั้งสองคนยืนเผชิญหน้า แพทริกมองผู้ชายที่ยืนอยู่ในห้องนิ่ง แม้ภายนอกจะดูเรียบเฉยทว่าพร้อมกานต์กลับสังเกตเห็นสันกรามที่ถูกขบเข้าหากัน สายตานั้นก็มองมาอย่างไม่เป็นมิตรและมีความเกรี้ยวกราด
“คุณเป็นใคร มาอยู่ในห้องของกานต์รักได้ยังไง”
แพทริกข่มอารมณ์พูดออกมา เขาจำได้ดีว่าคนตรงหน้าเป็นใคร และต่อให้ไม่เคยเจอกันมาก่อนแต่เมื่อประตูห้องของกานต์รักถูกเปิดโดยผู้ชายคนอื่นเขาก็ไม่มีทางพอใจ
มันเป็นใคร มาอยู่ในห้องสองต่อสองกับ
เมียของเขาได้ยังไง!
“แล้วคุณล่ะครับเป็นใคร มาหารักทำไม”
ชื่อเล่นที่เอ่ยเรียกอย่างแสดงความสนิทสนมยิ่งทำให้แพทริกรู้สึกหัวร้อนด้วยความหึงหวง ข้างในมันแทบจะระเบิดออกมาให้รู้แล้วรู้รอด
“ผมจะเป็นใครมันก็เรื่องของผม กานต์รักอยู่ไหน”
พร้อมกานต์รู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้าแทบจะข่มอารมณ์กรุ่นโกรธของตัวเองเอาไว้ไม่ไหว มือของคนตัวสูงกว่าเริ่มกำแน่นเข้าหากันจนชักหวั่นว่าแพทริกจะต่อยเปรี้ยงมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
“รักพักผ่อนอยู่ข้างในครับ”
“ใครมาน่ะพร้อม”
กานต์รักเดินออกมาตามเมื่อเห็นว่าคนเป็นพี่นั้นหายมานานเกินควร ก่อนตาดวงโตจะเบิกกว้างจนแทบถลนเมื่อเห็นใครอีกคนที่ยืนอยู่
“คุณแพท! มาได้ยังไงครับ”
ความรู้สึกเมื่อเจอหน้าคนที่คิดถึงมันมากมายจนตีรวนขึ้นมาในอก กานต์รักทั้งดีใจ โหยหาและคิดถึง ปลายเล็บสั้นกุดจิกเข้ากับฝ่ามือเพื่อทดสอบว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป แพทริกดูโทรมขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยคงเป็นผลมาจากการทำงานหนัก แต่ไหนว่าจะไปหนึ่งอาทิตย์กัน วันนี้พึ่งจะล่วงเข้าสู่วันที่ห้าเท่านั้นเอง
“ฉันมาได้ยังไงมันไม่สำคัญหรอก แต่ไอ้หมอนี่มันเป็นใคร ฉันเคยบอกไว้ว่ายังไง”
แพทริกชนไหล่คนที่ยืนอยู่หน้าประตูอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเดินเลยเข้าไปหาร่างบางที่เขาเป็นห่วงจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร ดวงตาคมวาวโรจน์ด้วยความไม่พอใจอย่างรุนแรง ทั้งเป็นห่วงทั้งหึงตีรวนกันไปหมด
“ระ รัก...”
กานต์รักขบริมฝีปากเข้ากันเมื่อรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังโกรธ คำสั่งห้ามใกล้ชิดกับพร้อมกานต์ดังขึ้นมาในหัว ยิ่งยามพี่ชายอยู่ด้วยกันในห้องอย่างนี้คนที่ยังไม่รู้ความจริงคงยิ่งโกรธมาก
ตาโตเหลือบมองเลยไปยังคนที่ยืนอยู่ทางด้านหลังก่อนจะพบว่าอีกคนส่งยิ้มมาให้อย่างอารมณ์ดี
น้องกำลังจะตายอยู่แล้วนะพร้อม
“พูดมา อธิบายมา! ฉันเป็นห่วงนายแทบตาย รีบบินกลับมาเพื่อมาเจอว่านายอยู่กับผู้ชายคนอื่นอย่างนี้เหรอ!”
กานต์รักสะดุ้งกับเสียงตะคอกของอีกฝ่ายจนเผลอกลั้นลมหายใจ ใบหน้าคมบึ้งตึงกรุ่นโกรธเกรี้ยวกราด แพทริกหายใจแรงอย่างระบายอารมณ์
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ พร้อมเป็น...”
“ทำไมรักต้องอธิบายให้คุณฟังด้วยครับ”
คนเป็นน้องเบือนใบหน้าไปหาพี่ชายทันทีเมื่อพร้อมกานต์เอ่ยขัดขึ้นมา สถานการณ์ตรงหน้าไม่ได้ดีและมันกำลังจะแย่ลงไปอีกเมื่อพร้อมกานต์พูดอย่างนั้น
แพทริกหมุนตัวกลับไปมองคนด้านหลังก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายกำลังมองมาอย่างท้าทาย
“คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่ง ผมคุยกับกานต์รัก ไม่ได้คุยกับคุณ” ชายหนุ่มพูดเสียงรอดไรฟัน
“คุณเองก็ไม่มีสิทธิ์มาโวยวายและบอกให้รักอธิบายนะครับ” พร้อมกานต์ตอบกลับอย่างไม่รู้ร้อน รู้ดีว่าหากยิ่งทำแบบนี้อีกฝ่ายจะยิ่งเดือด
“ทำไมผมจะไม่มีสิทธิ์!” เสียงคำรามดังก้องไปทั่วทั้งชั้น ขณะที่กานต์รักจับจ้องแผ่นหลังกว้างของคนตัวโตอย่างเป็นกังวล
“แล้วสิทธิ์ของคุณคืออะไร”
“ก็สิทธิ์ที่กานต์รักเป็นเมียของผมยังไงล่ะ!”
“เหรอครับ? ผมไม่เห็นรู้เลยนะ ตอนที่รักป่วยผมเป็นคนอุ้มเขาไปโรงพยาบาล แล้วตอนนั้นคุณอยู่ที่ไหน”
“...”
“คุณเดินเข้ามาแล้วเอาแต่ตะคอกใส่โดยไม่ถามซักนิดว่ารักเป็นยังไงบ้าง นี่เหรอคนที่คุณบอกว่าเป็นเมียของคุณ แม้แต่ดูแลเขาคุณยังทำไม่ได้เลย...ผมว่าคุณกลับไปดีกว่าครับ ปล่อยให้ผมดูแลรักเองจะดีกว่า”
พลัก
ร่างของพร้อมกานต์ถูกอีกคนเข้ามากระชากคอเสื้อด้วยความรวดเร็วเมื่อพูดจบประโยค แม้จะไม่ทันตั้งตัวแต่คนถูกจู่โจมก็ไม่แสดงท่าทีอะไรออกไป แพทริกจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความโมโหเหมือนอยากจะฆ่าคน กานต์รักเองก็ตกใจจนร้องออกมาเสียงดัง
“อย่ามายุ่งกับกานต์รัก!” มือหนากำคอเสื้อไว้ในมือแน่นจนพร้อมกานต์รู้สึกหายใจลำบากกว่าเคย
“คุณแพทครับ ปล่อยพร้อมเถอะนะครับ รักอธิบายทุกอย่างได้”
กานต์รักขยับตัวเข้ามาหาพร้อมกับเอ่ยพูดเสียงร้อนรนอย่างกลัวว่าทั้งสองจะมีเรื่องกันไปมากกว่านี้ ทว่าทันทีที่พูดจบสายตาวาวโรจน์ที่มีความไม่พออยู่เต็มเปี่ยมก็ตวัดมองมา
“อย่าเอ่ยชื่อมัน”
“ใครกันแน่ที่อย่ามายุ่ง ระหว่างคนที่รักเขามาตลอดกับคนที่ไม่เคยใส่ใจเขาเลยคุณคิดว่ารักควรจะเลือกใคร” คำว่ารักที่อีกฝ่ายเอ่ยพูดมันทำให้แพทริกกัดฟันแน่นจนได้เกิดเสียง
“ใครบอกว่าฉันไม่เคยใส่ใจ” ถ้าไม่ใส่ใจเขาจะเป็นห่วง จะร้อนรน จะสั่งให้คนจับตาดูกานต์รักระหว่างที่ไม่อยู่หรือยังไง
“หึ ไม่ต้องมีคนบอกหรอกครับ ระหว่างที่รักป่วยการไม่เคยหน้าคุณเลยมันก็บอกผมได้เป็นอย่างดี”
“...” แพทริกนิ่งเงียบ ไม่ใช่ว่ายอมรับแต่ไม่มีเหตุผลที่จะต้องอธิบายให้คนตรงหน้าฟัง
“คุณกลับไปเถอะ ผมจะดูแลรักเอง”
“แกนั่นแหละที่ต้องกลับไปและออกไปจากห้องของเมียฉันซะ”
สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้พร้อมกานต์รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังโมโหสุดขีด และนั่นแหละคือสิ่งที่เขาต้องการ
“เมียคุณ? แต่เขาเป็นคนที่ผมรัก และรักก็รักผม”
“รักไม่ได้รักแก เขารักฉัน!”
แพทริกออกแรงดันจนพร้อมกานต์ต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าว กานต์รักขยับตัวตามก่อนจะเอ่ยเรียกหากแต่แพทริกไม่สนใจเลยซักนิด ความโมโหมันมากมายจนแทบไม่ได้ยินเสียงอื่นใด
“ทำไมรักต้องรักคนที่ไม่ได้รักเขาล่ะครับ...กับคุณที่เห็นแก่ตัวและผมที่รักเขามาตลอดทั้งชีวิต ใครกันแน่ที่ควรถอย”
“ฉันบอกตอนไหนว่าไม่ได้รักกานต์รัก แกไม่มีสิทธิ์มาพูดถ้าไม่รู้อะไร!”
“แล้วคุณจะบอกว่าคุณรักรักอย่างนั้นเหรอ!”
พร้อมกานต์แกล้งใส่อามรณ์ลงไปอีกเพื่อให้อีกคนหลุดเอ่ยความรู้สึกออกมา คาดว่ารางวัลออสการ์ปีนี้อาจตกมาอยู่ในมือของตัวเองก็เป็นได้
“ใช่
ฉันรักกานต์รัก! และกานต์รักก็รักฉัน แกนั่นแหละที่ต้องถอย ถ้าไม่อยากตายก็ออกไปซะ”
มือหนาที่กำคอเสื้อของพร้อมกานต์แน่นสะบัดออกอย่างรุนแรงจนอีกคนเซถลาแทบล้ม ด้วยความตกใจกานต์รักจึงรุดเข้าไปพยุงพี่ชายของตัวเองตามสัญชาตญาณ แม้ว่าในใจจะสั่นไหวกับคำว่ารักของแพทริกอย่างมากมายแต่ด้วยสถานการณ์ตรงหน้าจึงไม่อาจดีใจได้เต็มที่
และภาพนั้นยิ่งทำให้แพทริกโมโหจนอยากจะคว้าปืนซักกระบอกออกมายิง
“พร้อม พอแล้วนะ”
“ทำไมล่ะรัก กับอีแค่คำพูดใครก็พูดได้”
พร้อมกานต์หันมาพูดกับน้องชายที่มีสีหน้าไม่สู้ดีเมื่อเห็นคนเป็นพี่กับแพทริกทะเลาะกันอย่างหนัก คนกลางนั้นจึงตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก
“พร้อม...”
“ฉันไม่ได้แค่พูด!”
แพทริกทนไม่ไหวอีกต่อไปเมื่อเห็นกานต์รักอิงแอบแนบชิดกับฝ่ายนั้น ร่างสูงย่างก้าวเข้าหาก่อนมือหนาจะรั้งแขนของคนที่เป็นเมียให้ถลามายืนอยู่ข้างตัว แม้ว่าจะโมโหแค่ไหนแต่เขาก็ไม่มีทางปล่อยกานต์รักไปให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น
“คุณแพท ใจเย็นๆนะครับ เชื่อใจรักได้ไหม”
มือบางนุ่มนิ่มเอื้อมมาลูบแขนแกร่งอย่างแผ่วเบาพร้อมกับเอ่ยพูดด้วยความใจเย็น แม้ว่าจะรู้สึกเจ็บตรงต้นแขนเล็กที่อีกคนบีบแน่นแต่ก็ไม่ได้ถือโทษ กานต์รักเข้าใจว่าคนตัวโตกำลังโมโห และแม้จะกังวลกับความรุนแรงนี้ทว่าใจดวงน้อยกลับเต็มตื้นยามเห็นอาการของแพทริก มันบ่งบอกได้ดีว่าตัวเองนั้นสำคัญกับอีกฝ่ายไม่น้อย
เสียงนุ่มหวานร้องขอบวกกับสายตาจริงใจทำให้คนโมโหผ่อนอารมณ์ลงมาได้เล็กน้อย แพทริกมองหน้าคนพูดนิ่งก่อนจะยอมอยู่เฉย
ทว่ายังไม่ทันที่สถานการณ์จะคลี่คลายลง เสียงคนเดินมาจากทางด้านหลังก็รั้งให้คนทั้งสามหันไปสนใจ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน...พร้อม รัก”
เสียงหวานใสเอ่ยถามพร้อมกับการปรากฎตัว พร้อมกานต์และกานต์รักเบิกตากว้างเมื่อเห็นบุคคลทั้งสองที่กำลังเดินมา
“พ่อ! แม่!”
สองพี่น้องอุทานออกมาจนแพทริกรู้สึกเอะใจเมื่อได้ยินพร้อมกานต์นั้นร้องออกมาด้วยคำเดียวกัน ไม่ใช่แค่ทั้งสองคนที่อึ้งแพทริกเองก็ไม่ต่างกัน
ท่านทั้งสอง...
“มีเรื่องอะไรกัน ทำไมมายืนอยู่หน้าห้องกันอย่างนี้” คนเป็นแม่เอ่ยถามพร้อมกับกวาดตามองไปยังร่างสูงของแพทริกด้วยความสงสัย
“พ่อกับแม่มาได้ยังไงครับ” กานต์รักเอ่ยขึ้นอย่างมึนงง
“พอรู้เรื่องที่ลูกไม่สบายพ่อกับแม่ก็รีบมาทันที แม่เขาเป็นห่วงเราจนแทบบินมาเดี๋ยวนั้นแต่พอดีพ่อต้องจัดการเรื่องงานก่อน” คนเป็นพ่อเอ่ยตอบ
“ทำไมไม่เห็นบอกรักเลยครับว่าพ่อกับแม่จะมา”
“ก็ลูกอยู่โรงพยาบาล นี่แม้แต่พร้อมแม่ก็ไม่ได้บอก กะว่าจะมาเซอร์ไพร์สด้วย...แล้วสรุปจะบอกแม่ได้หรือยังว่ามีเรื่องอะไรกัน”
“เอ่อ พร้อมว่าเราไปคุยกันข้างในดีกว่าครับ” คนมีชนักติดหลังรีบเอ่ยก่อนจะขยับเข้าไปหาผู้ให้กำเนิด
“มาสร้างเรื่องอะไรไว้หรือเปล่าหือเรา” แพทริกยังคงยืนนิ่งมองหน้าทุกคนสลับกันไปมา
“มีอะไรก็เข้าไปคุยกันข้างในดีกว่านะ น้องยิ่งพึ่งออกจากโรงพยาบาล”
คนเป็นพ่อเอ่ยเตือนจนทุกคนเริ่มขยับตัว เว้นแต่แพทริกที่ยังคงยืนปักหลังนิ่งเมื่อไม่รู้เรื่องราวอะไร
“เข้าไปข้างในกันนะครับคุณแพท รักจะอธิบายให้ฟังทุกเรื่องเลย”
กานต์รักหันมาพูดกับคนข้างตัว ใบหน้าคมสบตากันนิ่งก่อนจะยอมเดินเข้าไปตามแรงรั้งที่ท่อนแขน
❋❋❋❋❋❋❋❋❋❋
“นี่พ่อกับแม่รักเองครับ พ่อแม่ครับ นี่คุณแพทริกครับ”
กานต์รักเอ่ยแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกัน แม้ว่าทั้งพ่อและแม่ของตัวเองจะรู้เรื่องแพทริกดีอยู่แล้วก็ตาม
“สวัสดีครับ” แม้จะยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกแต่แพทริกก็ยกมือขึ้นไหว้ท่านทั้งสองตามขนบธรรมเนียมของคนไทย
แพทริกเคยเจอทั้งสองคนมาบ้างในเรื่องของธุรกิจ ไม่เคยคิดเลยว่าพ่อกับแม่ของกานต์รักเป็นใคร แม้จะรู้ว่าร่างเล็กไม่ใช่แค่คนธรรมดาแต่ก็นึกไม่ถึง
“ไม่เจอกันนานนะ” เป็นพ่อของกานต์รักที่เอ่ยตอบ
“เอาล่ะ ใครจะบอกแม่ได้หรือยังว่ามีเรื่องอะไรกัน...ว่ายังไงพร้อมกานต์”
คนเป็นแม่สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างว่าลูกชายของตัวเองต้องมาก่อเรื่องอะไรแน่ๆสายตาของแพทริกถึงได้จ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ บรรยากาศตึงๆระหว่างทั้งสองมันเดาได้ไม่ยาก
“ก็...ไม่มีอะไรนี่ครับ เราแค่คุยกันนิดหน่อย” พร้อมกานต์เอ่ยตอบพร้อมด้วยรอยยิ้มเอาใจ
“แม่ไม่เชื่อนะ จะสารภาพหรือจะให้แม่ถามน้อง...เรื่องที่ไม่ดูแลน้องจนต้องเข้าโรงบาลแม่ก็ยังไม่ได้ลงโทษเราเลย เป็นพี่ชายยังไงหืม”
คำพูดของคนที่ละหม้ายคล้ายกันกับกานต์รักทำให้แพทริกก้มลงมองหน้าคนข้างตัวด้วยความรวดเร็ว
น้อง? พี่ชาย?
“โธ่ พร้อมขอโทษครับคุณผู้หญิง ขอโทษที่ดูแลลูกชายสุดที่รักของคุณแม่ไม่ดีพอ อย่าทำอะไรผมเลยนะครับ โปรดไว้ชีวิตลูกด้วย”
พร้อมกานต์แกล้งเอ่ยพูด ไม่ได้รู้สึกไม่ดีเลยซักนิดที่แม่ว่าอย่างนั้น เขาเองก็รู้สึกผิดที่ดูแลน้องชายไม่ดีเช่นกัน เพราะกานต์รักเป็นน้องเป็นลูกคนสุดท้องจึงไม่แปลกนักที่ทุกคนจะดูแลและเป็นห่วงมากเป็นพิเศษ
“เดี๋ยวเถอะเรา”
“แม่อย่าว่าพร้อมเลยครับ เป็นเพราะรักเอง” คนเป็นน้องรีบออกตัว
“พอกันทั้งคู่ เอาล่ะ เรื่องนี้เอาไว้ค่อยว่ากัน...มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าจ๊ะ”
เธอหันไปถามบุคคลที่สามเมื่อยังไม่ได้รับคำตอบในเรื่องที่อีกฝ่ายมาอยู่ที่นี่ แพทริกมองหน้าทุกคนนิ่งก่อนจะเอ่ยปากถามถึงสิ่งที่สงสัย
“ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”
“ได้สิ”
“กานต์รักกับผู้ชายคนนี้เป็นอะไรกันครับ”
เพราะคิดว่าหากถามผู้ใหญ่ทั้งสองท่านคงไม่โกหกแพทริกจึงเอ่ยออกไป แม้ในใจจะรับรู้ได้ถึงเรื่องราวบางอย่างแต่ก็ยังต้องการความชัดเจนให้ไม่ต้องค้างคาใจอีกต่อไป
“พร้อมกานต์เป็นพี่ชายแท้ๆของกานต์รัก เป็นลูกชายคนโตของเรา ทำไมหรือ?”
คำตอบที่ได้รับทำให้แพทริกนิ่งงัน ใบหน้าคมหันไปมองคนข้างตัวก่อนจะเห็นอีกฝ่ายสิ่งยิ้มแหยๆมาให้ ส่วนคนก่อเรื่องนั้นกลับมองมาแล้วเลิกคิ้วใส่
“เปล่าครับ จะว่าอะไรไหมครับถ้าผมจะขออนุญาตขอตัวกานต์รักไปคุยเป็นการส่วนตัว”
แม้จะดูเสียมารยาทไปซักหน่อยหากแต่ตอนนี้แพทริกอดรนทนรอที่จะถามความจริงทั้งหมดจากกานต์รักไม่ไหว
“ได้จ้ะ ตามสบาย”
ทั้งพร้อมกานต์และคนเป็นพ่อก็ไม่ได้มีท่าทางจะขัดขวางหรือไม่พอใจ แพทริกค้อมหัวให้คนทั้งสองก่อนจะเอื้อมมือไปคว้ามือเล็กแล้วรั้งให้ลุกขึ้น
“ห้องนอนอยู่ไหน” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนร่างเล็กเมื่อเดินขึ้นมาจนถึงทางแยกของบันได
“มุมสุดฝั่งขวาครับ”
กานต์รักเอ่ยตอบเสียงเบา ในใจนึกหวั่นไปต่างๆนาๆเมื่อไม่รู้ว่าคนตัวโตจะว่าอย่างไรกับเรื่องทั้งหมด ตัวเขาเองก็มีหลายเรื่องที่อยากจะพูดทว่าหนึ่งสิ่งที่อยากทำที่สุดคือโผเข้าหาอ้อมกอดที่โหยหา
คิดถึงคุณแพทมาก
แกร๊ก
เสียงประตูห้องถูกเปิดและปิดลงในเวลาต่อมาเมื่อทั้งสองคนเดินเข้ามาภายในห้องนอนกว้าง ร่างสูงหมุนตัวกลับมาหาคนด้านหลัง ดวงตาคมสบกันเรียบนิ่งจนกานต์รักต้องเม้มปากด้วยความสั่นไหว รู้ตัวว่ามีความผิดอยู่มากมายเหลือเกิน
“พูดมา...ให้หมดทุกสิ่ง”
ตาโตช้อนขึ้นมองใบหน้าของคนที่คิดถึงสุดหัวใจด้วยแววตาวูบไหว เสียงทุ้มเอ่ยเรียบนิ่งจนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังโกรธมากแค่ไหน
“...รักไม่ได้ตั้งใจจะโกหกคุณแพทเลยนะครับ...ทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องของพร้อม พร้อมเป็นพี่ชายแท้ๆของรักแต่ที่ไม่ได้บอกความจริงไปตั้งแต่ต้นเพราะพร้อมขอเอาไว้ แล้วรักเองก็ไม่รู้ว่าทำไม”
“...”
“รักขอโทษนะครับ”
กานต์รักรู้ดีว่าตัวเองเอ่ยคำนี้ออกมาสิ้นเปลืองเหลือเกิน แต่ทุกครั้งความรู้สึกที่ออกไปนั้นมันไม่ใช่แค่การพูดส่งๆ แม้จะเป็นเพียงแค่ลมที่ออกจากปากแต่มันมีความรู้สึกที่เป็นจริงทั้งหมดอยู่ในนั้น
“แล้วเรื่องพ่อแม่?”
ลมหายใจแผ่วเบาถูกสูดลึกยามแพทริกเอ่ยถามถึงเรื่องนี้ ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องมีอะไรปิดบังอีกต่อไป
“มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะบอกอะไรทั้งหมด คุณแพทคงน่าจะเข้าใจแล้วว่าทำไม เหตุผลของการที่สืบประวัติรักไม่ได้เลยก็เพราะอย่างนั้น...”
แพทริกยืนฟังทุกอย่างนิ่งงัน จ้องมองใบหน้าหวานที่คิดถึงตลอดแทบทุกวินาทีโดยไม่ละสายตา เสียงเล็กที่เอ่ยอธิบายแทรกผ่านเข้ามาในหูทุกถ้อยคำ
พ่อแม่ของกานต์รักทำให้แพทริกเข้าใจทุกอย่าง ทั้งฐานะและทุกๆเรื่อง
ท่านทั้งสองคือนักธุรกิจซึ่งผันตัวมาจากการเป็น...
ราชวงศ์ ในวงการธุรกิจน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้ และแทบไม่มีใครรู้เลยว่าลูกของท่านเป็นใครคงด้วยเพราะเรื่องของความปลอดภัย พ่อของกานต์รักเป็นลูกชายคนโต เป็นคนที่ได้สืบราชสมบัติโดยตรง ทว่ากลับเลือกสละทุกสิ่งอย่างเพื่อใช้ชีวิตอย่างสามัญชน ยิ่งได้มารักกับสามัญชนสาวชาวไทยยิ่งทำให้ท่านแทบจะกลายเป็นคนธรรมดาไปโดยปริยาย
แม้จะพอเดาได้ตั้งแต่แรกแต่พอรู้ว่าใครเป็นพ่อแม่ของกานต์รักแพทริกก็ยังอดอึ้งไม่ได้
“ไม่ใช่รักไม่อยากบอกนะครับ แต่มันเป็นเรื่องที่พูดยาก ถ้าพูดไปแล้วมันเสี่ยงต่อทุกคนไม่ใช่แค่ตัวรักเอง แต่ว่าตอนนี้ยังไงคุณแพทก็รู้แล้ว...อีกอย่างรักเชื่อว่ามันจะไม่มีอะไรอันตรายเพราะเป็นคุณ”
กานต์รักขยับตัวเข้าหาเรือนร่างสูงใหญ่กระทั่งระยะห่างระหว่างทั้งสองนั้นแทบไม่มีเหลือ ตาดวงโตกวาดมองคนตรงหน้าอย่างลึกซึ้งก่อนหัวเล็กจะค่อยๆเอียงซบลงกับอกแกร่ง และเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ก้าวถอยห่างอย่างที่นึกกลัวจึงกล้าทิ้งน้ำหนักลงไปทั้งหมด
“ที่รักยอมรับข้อเสนอของคุณในคืนนั้นก็เพราะ...รักเคยเจอคุณมาก่อนหน้านั้นแล้วนะครับ”
“...”
“คุณแพทเป็นรักครั้งแรก...ตั้งแต่ตอนที่รักอายุ14” “ว่ายังไงนะ?”
คราวนี้แพทริกไม่สามารถทำเป็นนิ่งเฉยได้อีกต่อไป มือหนาจับไหล่เล็กให้กานต์รักผละออกก่อนจะมองหน้าอย่างมีคำถาม วันนี้เป็นวันที่มีหลายอย่างให้ตามไม่ทันจนเริ่มรู้สึกมึนงงไปหมด
รักครั้งแรกอย่างนั้นหรือ? เมื่อไหร่ ตอนไหนกัน
“ตอนนั้นที่คุณแพทเรียนอยู่ปีสาม รักเรียนมัธยมอยู่ที่โรงเรียนในเครือมหาลัยเดียวกัน...คุณแพทจำเด็กที่ตัวเองเคยช่วยตอนเกือบจะโดนรถชนได้ไหมครับ รักคือคนคนนั้น”
กานต์รักจำได้ดีถึงเรื่องเมื่อสิบปีก่อน โรงเรียนมัธยมที่ขึ้นชื่อว่าเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดในอังกฤษอีกฝั่งนั้นเป็นมหาลัยอันโด่งดัง มันถูกแบ่งโดยสวนที่ถูกตกแต่งอย่างกว้างขวางทว่ายังไงก็ยังมีความเกี่ยวเนื่องมาถึงกัน วันนั้นกานต์รักก้าวข้ามถนนไปทางหอสมุดด้วยความเหม่อลอยเพราะมัวแต่คิดเรื่องสอบในหัว ขาเล็กก้าวพาตัวเองข้ามไปอีกฝั่งเมื่อสัญญาณไฟปรากฏโดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีรถคันหนึ่งที่กำลังวิ่งมาด้วยความเร็ว
และหากไม่มีฮีโร่ตัวโตในวันนั้นยังแทบนึกไม่ออกเลยว่าอาการตัวเองจะเป็นอย่างไร มือหนารั้งให้ร่างเล็กหลุดออกจากตำแหน่งอันตรายเพียงแค่เสี้ยววินาที ความใกล้ชิดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางความตกใจ หลังจากรู้ตัวแล้วเงยหน้าขึ้นมองผู้มีพระคุณใจดวงน้อยก็แทบหลุดลอย
ใบหน้าคมก้มลงมองมาพร้อมกับเอ่ยถาม แม้น้ำเสียงจะไม่ได้ชวนสั่นไหวแต่แค่นั้นก็มากพอที่จะทำให้กานต์รักตกหลุมรักอีกฝ่าย ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้แพทริกจึงเป็นคนที่อยู่ในหัวใจของกานต์รักมาโดยตลอด
แม้ว่าปีต่อมาอีกคนจะเรียนจบไปและกานต์รักต้องย้ายไปต่อมอปลายที่อื่นแต่กานต์รักก็รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวของแพทริกตลอดมา ยิ่งยามรู้ว่าแม่ของแพทริกมีเสี้ยวไทยยิ่งทำให้รู้สึกดีใจเข้าไปใหญ่ กานต์รักกลับเมืองไทยทุกครั้งเมื่อมีโอกาสเพราะแม่เป็นคนไทยแท้ และสองปีต่อจากนั้นแพทริกก็กลับมาบริหารงานที่เมืองไทยอย่างเต็มตัว หลายครั้งที่ได้อยู่บนผืนแผ่นดินเดียวกันแล้วกานต์รักไม่ยอมพลาดโอกาสที่จะพยายามสะกดรอยตามจนได้เจอหน้า
เพราะฉะนั้นเมื่อถูกคนสนิทของอีกคนยื่นข้อเสนอให้กานต์รักเลยไม่ลังเลเลยที่จะตกลง
นั่นคือที่มาของเรื่องทั้งหมด “เมื่อไหร่?...ฉันจำไม่ได้”
แพทริกเอ่ยออกมาเสียงเบาเมื่อพยายามนึกตามคำพูดของคนที่มองมาด้วยความรู้สึกจากทั้งหมดของหัวใจ
“มันนานมากแล้วครับ ไม่แปลกเลย วันนั้นพอคุณเห็นว่ารักไม่ได้เป็นอะไรก็วิ่งกลับไปคงไม่ได้มองซักเท่าไหร่”
เหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังจะรีบไปที่ไหนซักแห่งและมีกลุ่มเพื่อนที่ยืนรออยู่อีกฝั่ง ไม่แปลกเลยที่แพทริกจะจำอะไรไม่ได้ มันเป็นเพียงเวลาแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น
“ฉันทำแบบนั้นจริงๆเหรอ ช่วยนายเอาไว้?”
“จริงครับ”
“นายรักฉันมาตลอด10ปี?”
“ครับ”
เกินกว่าที่จะเอ่ยคำไหนออกมาได้อีก ริมฝีปากของแพทริกขยับเคลื่อนเข้าหาคนร่างเล็กด้วยความรวดเร็ว ความรู้สึกเต็มตื้นนั้นล้นปรี่อยู่ในอก สัมผัสนั้นแทนความโหยหา ความคิดถึง ความห่วงใยและความรู้สึกขอบคุณ เรื่องที่พึ่งได้รับรู้มันทำให้แพทริกรู้สึกอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
รู้เพียงแค่ว่าคนในอ้อมกอดตอนนี้นั้นมีค่าและสำคัญอย่างมากมายเหลือเกิน เขาจะไม่มีทางปล่อยกานต์รักไปไหนทั้งนั้น...
ตลอดไปจบ.
หลอกกกกกก5555555 เฉลยปมทุกอย่างเลย บางคนอาจเลิกสงสัยไปแล้ว ตามนั้นเลยนะคะ แล้วก็ขอชี้แจงนิดนึงเผื่อใครจะสงสัย
1.ครอบครัวกานต์รักไม่ใช่ราชวงศ์ในไทยน๊า
2.แม่กานต์รักเป็นคนไทยแท้ส่วนพ่อไม่ใช่ค่ะ แต่พ่อก็พูดไทยได้ฟังไทยได้เพราะอยู่มานาน ตอนนี้ทำธุรกิจอยู่ที่ต่างประเทศ
3.แม่ของแพทริกเป็นลูกเสี้ยวไทย ส่วนพ่อนั้นเป็นคนอังกฤษ
ครบแล้ว แฮ้ นั่นคือที่มาของทั้งหมดในทุกเรื่อง เฉลยหมดเลยยยย เพราะฉะนั้นต่อจากนี้เขาจะได้หวานกันเต็มที่ซ้ากที คุณแพทบอกรักกานต์รักแล้วด้วย ต้องยกความดีให้พร้อมเลยเนอะ อิอิ
อาจมึนเบลอไปบ้างบางช่วงนะคะะะ มาช้าเพราะดูผู้ชายอยู่ ทั้งลุ้นทั้งตรวจเนื้อเรื่องผิดพลาดยังไงอย่าว่ากันเนอะ
เจอกันตอนหน้าค่า รักคนอ่านคนเมนต์ที่ซู้ดดดดดดดดดดดดดดด
พูดคุยกัน :
https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/ Follow me :
https://twitter.com/exsoull_ หรือจะติดแฮ็ชแท็ก
#ผู้เป็นที่รัก เป็นกำลังใจให้กันก็ได้นะคะะะะะ