(___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 28 Love is Last (05-07-60) [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 28 Love is Last (05-07-60) [END]  (อ่าน 59405 ครั้ง)

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 24 Love is Distance (19-01-60)
«ตอบ #120 เมื่อ19-01-2017 18:14:55 »

Chapter
24

 

            นี่ก็สามวันแล้วที่ผมโทรหาไอ้ตุลไม่ติด มันเหมือนลางสังหรณ์ของผมจะแม่น หลังจากที่ตุลกลับบ้านไป มันโทรมาหาผมแค่ครั้งเดียวบอกว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ให้ผมไปเที่ยวกับพวกไอ้เจลไปพลางๆก่อน ถ้ามันกลับมาปุ๊ป ทุกอย่างจะโอเค

            แต่คุยกันต้องคุยกันถึงสามวันเลยเหรอ ต้องหายเงียบขนาดนี้เลยหรือไง

            (จะออกมาเที่ยวกับพวกกูมั้ย มัวแต่หมกตัวอยู่ในห้องมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก) ไอ้ธามคุยกับผมผ่านทางโทรศัพท์ ผมนั่งสูบบุหรี่พิงระเบียงอยู่ที่ห้องของตุล รอมันกลับมา

            แต่ก็ไม่มีวี่แววแม้แต่จะโทรมาด้วยซ้ำ

            ผมต้องมั่นใจ ว่ามันจะต้องกลับมา

            ใช่ มันเป็นคนบอกเอง ว่าทุกอย่างต้องไปด้วยดี

            “ไม่ล่ะ ว่าจะกลับบ้านไปหาป๊า”

            (ให้ไปรับมั้ย?) ไอ้ธามถามผมด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง พอๆกับไอ้เจลที่ดึงดันจะมาหาผมให้ได้แต่ตอนนี้มันดันโดนเอาไปลอยคออยู่ที่เกาะพีพี

            “ไม่ต้อง เดี๋ยวไปเอง”

            ผมวางสายจากธามแล้วเตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้าออกจากห้องของไอ้ตุล สายตาของผมไปหยุดอยู่ที่เสื้อแขนยาวของเจ้าของห้องที่พาดไว้ที่ปลายเตียง ไม่ได้ขยับไปไหนตั้งแต่วันที่ตุลหายไป

            มือของผมจับเสื้อของไอ้ตุลขึ้นมาแล้วขยำมันแน่น

            อย่าหายไปแบบนี้ได้ไหม

            กลับมาไวๆได้ไหม

            มันเหงารู้ไหม…

            ตั้งแต่เมื่อไรกันที่ผมรู้สึกขาดผู้ชายที่ชื่อตุลาการไม่ได้

            ผมนั่งรถแท็กซี่กลับมาที่บ้าน พลางเปิดประตูรั้วเข้าไป สายตาเหลือบไปเห็นรถของพ่อที่จอดอยู่ ผมรีบตรงดิ่งเข้าไปในบ้านแล้วตรงเข้าไปที่ห้องทำงานของพ่อ เปิดประตูเข้าไปก็เจอพ่อยืนอ่านหนังสืออยู่ริมหน้าต่าง ผมมองผู้ชายวัยกลางคนที่ดูเปลี่ยนไปมากหลังจากล่าสุดที่ผมได้เจอ

            ตั้งแต่กลับจากปารีส ผมก็ไม่ได้มาหาพ่อ ไม่คิดจะมาเจอหน้า ขนาดพ่อชวนไปเที่ยว ผมก็ไม่เคยคิดจะไปด้วย ผมไม่ใช่ลูกอกตัญญู แต่การที่ผมไม่ได้อยู่กับพ่อ ไม่ได้หมายความว่าผมไม่รักพ่อสักหน่อย

            ผมแค่ต้องการเวลา ถึงแม้พ่อจะให้อภัยที่ผมเคยทำตัวเกเร แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกผิด ที่ผมรักษาทั้งชีวิตแม่และชีวิตเนไม่ได้

            “นิ…” พ่อหันหน้ามาเจอผม เจ้าตัวดูมีท่าทีตกใจ ผมยิ้มออกมานิดๆ

            “ไง ไม่เจอกันนาน ดูไม่แก่เลยนะ” ผมแซว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผมรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีกเมื่อป๊าก้าวไวๆเข้ามาหาผมแล้วกอดผมแน่น แผ่นหลังของป๊าสั่นนิดๆ ผมวางมือลงบนหลังของป๊าแล้วตบเบาๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นกอดแน่น ผมซุกหน้าลงบนไหล่ของพ่อแท้ๆแล้วร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กๆ

            “ป๊า ผมขอโทษ”

            ขอโทษที่ไม่ค่อยติดต่อมา ขอโทษที่ไม่กลับมาเยี่ยม ขอโทษที่รักษาชีวิตเนกับแม่ไว้ไม่ได้

            ผมขอโทษ

 

            หลังจากร้องไห้จนพอใจผมก็มานั่งอยู่บนโซฟาโดยมีถุงน้ำแข็งประคบตาอันแดงก่ำ ผมกับพ่อปรับความเข้าใจกัน พ่อพยายามพูดว่าผมไม่ใช่คนผิดสำหรับเรื่องแม่และเน พ่อดีใจที่ผมปลอดภัยและอยู่กับพ่อ แค่นั้นก็เกือบจะทำให้คนที่ไม่เคยร้องไห้อย่างผมน้ำตาตกอีกรอบ ป๊าเองยังรู้สึกตกใจที่จู่ๆไอ้เด็กหัวแข็งที่ตกบันไดบ้านสิบขั้นไม่ร้องซักแอะจู่ๆก็ร้องงอแงเหมือนเด็กไม่ได้ของเล่น

            สุดท้ายผมก็เลยยกเรื่องตุลมาเล่าให้ป๊าฟัง ผู้ชายตรงหน้า คนที่ทำให้ผมเกิดมาจับไหล่ผมแล้วบีบเบาๆราวกับต้องการปลอบโยน

            “คนจะอคติ ยังไงมันก็อคติ เราไม่ต้องไปเก็บความคิดของเขามาใส่สมองเราให้รก”

            ผมนั่งฟังผู้ใหญ่สอนเป็นครั้งแรก และเป็นครั้งเดียวที่ผมไม่ต่อต้าน

            “ถ้าเราเชื่อใจเจ้าตุล ยังไงสักวันเจ้าตุลก็ต้องกลับมา”

            มันก็จริง ผมเชื่อมั่นว่ายังไงตุลมันต้องกลับมา แต่เมื่อไร? ผมต้องรอไปอีกนานขนาดไหน?

            ผมที่ไม่เคยคิดจะรอใคร ไม่เคยคิดจะตามใคร จะทนได้ถึงเมื่อไร…

            “ฟังป๊านะนิติ … ไม่ว่าอะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด เราทำได้สองอย่าง คือแก้ไข กับปล่อยมันไป ถ้าตอนนี้ลูกยังเชื่อมั่นว่าทุกอย่างต้องดีขึ้น ป๊าก็อยากให้เชื่อมั่น แต่ถ้าเมื่อไรลูกไม่สามารถยื้อมันไว้ได้ ก็ให้ปล่อยมันไปซะ ยิ่งยื้อ ครั้นก็ยิ่งจะทรมาน”

            “แล้วถ้าเกิด… มันไม่กลับมาล่ะป๊า” ผมพึมพำเสียงแผ่ว ป๊าตบไหล่ผมเบาๆอีกครั้ง

            “ลูกชายป๊าที่ชื่อนิติเนี่ย เข้มแข็งกว่าใครทั้งนั้น นิต้องผ่านมันไปได้ ป๊าเชื่อแบบนั้น เรื่องยากกว่านี้นิยังผ่านมาได้เลย ทั้งแม่ ทั้งเน กับตุล … ถ้ามันไม่ใช่ ก็อย่าไปยึดติด”

            “งั้นเหรอป๊า…”

            “ลดทิฐิของเราลงบ้าง ลดความดื้อ ความรั้นว่าทุกอย่างต้องเป็นไปดั่งใจ เราไม่สมหวังไปซะทุกอย่างหรอก”

            นั่นสินะ

            ถ้าไม่ไหวจริงๆก็แค่ปล่อยไป

            แต่ตอนนี้ สิ่งที่ทำได้ ก็คงทำได้เพียงแค่เชื่อในตัวของตุลาการอย่างเดียว

 

            ตั้งแต่ผมกลับมาอยู่ที่บ้าน พ่อก็เอางานหอบมาทำที่บ้านหมดเหมือนกับกลัวว่าผมจะคิดสั้นอะไรทำนองนั้น ขอบอกเลยว่าผมไม่ใช่คนแบบนั้น จะมีก็แค่ซึมๆหงอยๆไปบ้าง แต่ผมก็พยายามทำตัวไม่ให้ว่าง ทั้งออกไปเที่ยวกับพวกไอ้ธาม โทรไปกวนไอ้เจล หรือไปเล่นเทควันโดกับไอ้สามเพื่อนสนิทสมัยเด็กๆ ลูกชายของเพื่อนพ่อที่ห่างจากกันไปนาน

            ผมยังคอยติดต่อหาตุลอยู่เรื่อยๆ แต่ไร้การตอบกลับ มือถือก็ปิดเครื่อง ไปตามหาที่มหา’ลัยเพื่อนของมันก็บอกว่าตุลขาดการติดต่อกับเพื่อนๆไปหมด พอถามหาว่าบ้านตุลอยู่ไหน ก็ไม่มีใครรู้สักคนเพราะชีวิตสี่ปีที่ผ่านมา ตุลมันใช้เวลาขลุกอยู่แต่ที่คอนโดกับเน

            เวลาผ่านไปเดือนกว่าๆ ผมที่เคยเชื่อมั่นว่าตุลต้องกลับมาก็ยังไม่ทิ้งความเชื่อมั่นนั้น ผมยังคงกลับไปคอนโดของตุลอยู่บ่อยๆ ไปดูว่ามันแวะมามั้ย มันอาจจะแวะมาเอาของบ้างก็ได้ แต่ไม่มีวี่แววเลยสักนิด ของที่ตั้งกองไว้ แบบไหนก็แบบนั้น นานๆทีจะมีคนขึ้นมาเก็บห้องให้เพราะเป็นบริการของทางคอนโด

            ผมใช้ชีวิตยุ่งๆของผมก็จริง แต่พอตกเย็น ความคิดถึงมันก็มักจะทำให้ผมกลายเป็นคนซึมเศร้าขึ้นมาซะเฉยๆ พ่อเองก็คอยหาเพื่อนมาให้ผม ไม่ให้เหงาหรืออยู่คนเดียว

            แต่ไม่ว่าจะกี่คน ผมก็ไม่เคยลืมผู้ชายที่ชื่อตุลาการ

            หนึ่งเดือนผ่านไป สองเดือนผ่านไป สาม สี่ ห้า หก เดือนผ่านไป

            ผมกลับไปเรียนที่มหา’ลัยเหมือนเดิม ทำตัวเหมือนเดิม กลับไปนอนที่คอนโดไอ้ตุลเหมือนเดิม ทำทุกอย่างเหมือนเดิมแค่ไม่มีคนเดิมอยู่ข้างๆ

            ไอ้เจลเองก็ห่วงที่ผมซึมๆไป มันก็ชวนผมไปตีแบดกับพวกไอ้สิทไอ้ป้องบ่อยๆ แต่ก็แค่นั้น ความสนุกมันอยู่ได้แปปเดียว พอกลับมาอยู่คนเดียวก็เหมือนเดิม

            “กินซะ แล้วก็เลิกเหม่อเหมือนคนไร้วิญญาณซะที” สาม ลูกชายน้าเบลเพื่อนสนิทของพ่อผมยื่นกระป๋องน้ำอัดลมมาให้ผม

            ตอนแรกผมไม่อยากจะเจอน้าเบลกับไอ้สามด้วยซ้ำ เพราะไม่อยากจะตอบคำถามเรื่องแม่และเน แต่กลับกัน ทั้งน้าเบล และสาม ต่างก็ไม่เคยถามอะไรเรื่องแม่และเนเลยสักคำ นั่นทำให้ผมไม่รู้สึกอึดอัดและเข้ากับไอ้สามได้ดี

            ผมกับสามเดินไปตามถนนคนเดินที่ไม่ค่อยมีคนเพราะนี่มันก็เกือบจะตีหนึ่งแล้ว ไอ้สามมักจะชวนผมคุยนู่นคุยนี่ไม่ต่างจากไอ้เจล แต่มันดีตรงที่มันไม่งอแงเหมือนไอ้เจลนี่แหละ เวลามันเห็นผมนั่งเงียบๆคนเดียว มันก็จะเงียบตามแล้วก็ปล่อยให้ความเงียบคุยกัน

            หลังจากเที่ยวจนเกือบโต้รุ่งผมก็กลับมาอยู่ที่คอนโดของไอ้ตุลอีกครั้ง ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงของตุลาการ เตียงที่มักจะมีกลิ่นเหงื่อปนน้ำหอมอ่อนๆของเจ้าของห้อง แต่ตอนนี้มันหายเกลี้ยงไปหมด เหลือทิ้งไว้เพียงแค่กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ดมแล้วคันจมูกเป็นบ้า

            มึงหายไปไหนวะตุล … มึงจะคิดถึงกูบ้างมั้ย

            คำพูดของไอ้ตุลที่เคยพูดไว้กับผมมักจะย้ำซ้ำๆอยู่ในหัว

            ‘คนๆหนึ่งเข้ามาในชีวิตเรา แล้วจู่ๆก็หายไป ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย มันทรมานยิ่งกว่ารู้ว่าเขาตายไปแล้วอีกนะครับ’

            นั่นสินะ สงสัยมันคงเป็นกรรมที่ผมเคยทำกับไอ้ตุลไว้

            คราวนี้ มันเลยมาตามสนองผมแทน

            ‘กึก’

            เสียงกึกกักดังขึ้นที่ประตูหน้าห้อง ผมเบิกตากว้างก่อนจะลุกพรวดจากที่นอน ในใจโลดแล่นด้วยความดีใจ ปนหวาดกลัวเต็มไปหมด ผมหวังว่าเป็นตุล แต่ภาพที่เห็นตรงหน้านั่นไม่ใช่

            ผู้ชายสองคนที่ใส่เสื้อวอร์มสีส้ม ด้านหลังมีโลโก้ของบริษัทรับขนของทำให้ผมหน้าชา

            “อ้าว มีคนอยู่ในห้องเหรอครับ” ผู้ชายคนหนึ่งหันมาหาผมแล้วยิ้มให้ ผมก้มหัวให้เขาเล็กน้อย

            “พี่มาทำอะไรเหรอครับ?”

            “พอดีพ่อของคุณตุลาการให้มาขนของที่จำเป็นกลับน่ะครับ เห็นว่าลูกชายไปเรียนต่อที่นิวซีแลนด์ คงจะไม่ได้กลับห้อง กลัวว่าของมีค่าจะหาย”

            “…”

            เหมือนโดนฝ่ามือฟาดลงบนหน้าแรงๆจนชาไปหมด ร่างกายของผมชาไปทั้งร่าง ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากแล้วถามคำถามออกไปอีกครั้ง

            “พี่พอจะรู้มั้ยครับ ว่าบ้านของเจ้าของห้องอยู่ที่ไหน”

            “อ่อ คุณวุฒิให้ไปส่งที่บริษัทน่ะครับ ไม่ได้ระบุบ้านมา”

            “น้องเป็นเพื่อนลูกชายคุณวุฒิเหรอ” พี่ผู้ชายดูมีอายุอีกคนถามขึ้นขณะที่ค่อยๆเก็บพวกโทรทัศน์ใส่กล่อง ผมพยักหน้านิดๆ เขาดูเหมือนจะรู้จักไอ้ตุลแฮะ

            “แย่หน่อยนะ เห็นเลขาที่บริษัทบอกว่าลูกชายเขาคงไม่ได้กลับบ้านยาวเลย เห็นว่าไม่ได้บอกใครสักคน นี่น้าแอบไปถามมา เพราะปกติน้องตุลก็ใช้บริการพวกน้าให้ขนของมาลงห้องนี้รอบที่แล้ว”

            “…”

            “ถ้าจะไปก็น่าจะให้ลูกชายโทรหาเพื่อนๆหน่อย นี่เพื่อนๆเข้าไปตามหาที่บริษัท นึกว่าเจ้าตุลเป็นอะไรไป น้ามาบอกก็เพราะไม่อยากให้ตีโพยตีพาย เจ้าตุลไปเรียนต่อน่ะ”

            ผมเงียบไปแล้วมองภาพผู้ชายสองคนที่ค่อยๆขนของแต่ละอย่างใส่ลงกล่อง ผมเดินกลับเข้าไปในห้องนอน ยัดของทุกอย่างที่เป็นของผมลงกระเป๋าสะพายก่อนจะเดินออกไปห้องไปด้วยความว่างเปล่า

            ไปเรียนต่อ… งั้นเหรอ

            งั้นที่ไม่ติดต่อมา ก็เพราะไปอยู่นิวซีแลนด์งั้นเหรอ

            เป็นเพราะพ่อไม่ให้ติดต่อมาหรือเปล่า เหมือนพวกเพื่อนๆของมึงที่ไม่รู้ว่ามึงหายไปไหน

            แล้วเมื่อไรจะกลับ…

            ในหัวผมมีแต่คำถาม มากมายเต็มไปหมดและไม่รู้จะเริ่มที่ไหนต่อ

            รู้ตัวอีกทีก็มาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านไอ้เจล

            แล้วแบบนี้…

            ผมยังต้องรอมันอีกมั้ย ในเมื่อผมไม่รู้เลย ว่าต้องรออีกนานแค่ไหน

            TBC

ออฟไลน์ AmPnie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 24 Love is Distance (19-01-60)
«ตอบ #121 เมื่อ19-01-2017 22:24:17 »

สนุกอ่ะ มาต่อเร็วๆนะคะ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 24 Love is Distance (19-01-60)
«ตอบ #122 เมื่อ19-01-2017 22:47:45 »

 :m15: :m15: :m15:

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 24 Love is Distance (19-01-60)
«ตอบ #123 เมื่อ20-01-2017 22:04:50 »

มาม่าแตกเลยงานนี้ ตุลรีบมาเคลียร์ โลกโซเชียลก็มี จัดไป

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 24 Love is Distance (19-01-60)
«ตอบ #124 เมื่อ21-01-2017 12:30:11 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ iaum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 24 Love is Distance (19-01-60)
«ตอบ #125 เมื่อ31-01-2017 11:27:18 »

มาต่อเร็วๆนะ เรารอนะ  :hao5:

ออฟไลน์ ::UsslaJlwaJ::

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1011
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 24 Love is Distance (19-01-60)
«ตอบ #126 เมื่อ09-02-2017 04:45:15 »

มาแปะป้ายว่าสนุกมากกก

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 25 Love is Taking Time (10-02-60)
«ตอบ #127 เมื่อ10-02-2017 20:20:15 »

Chapter
25



            ถ้าขึ้นชื่อว่าสิ่งไหนที่ทำให้คนเราทรมานมากที่สุด

            ก็คงจะเป็นความรัก

            ผมรู้แล้วว่าความรักมันทรมานแบบนี้นี่เอง มันคิดถึง มันโหยหา อยากรู้ว่าเขาเป็นยังไง ทำอะไรอยู่ แต่ท้ายที่สุด ก็ทำได้เพียงแค่ต้องปล่อยมันไป ไม่ใช่เพราะว่าหมดรัก แต่เพราะว่า รักต่อไปไม่ได้

            ผมใช้เวลาเยียวยาชีวิตของตัวเองให้กลับมาอยู่ในวงเวียนชีวิตปกติอยู่นานพอสมควร จนกระทั่งเวลามันผ่านเลยไป ชีวิตคนมันก็ต้องเปลี่ยนไป

            ตอนแรกก็ปีกว่าๆที่ผมใช้ชีวิตไปกับความเศร้า รอคอย มีความหวัง

            จนกระทั่งสองปี ทุกคนต่างก็เตือนสติว่าผมควรจะรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น

            และในที่สุด สามปี … ทุกอย่างเริ่มเลือนราง

            ไม่มีข่าวคราวอะไรจากผู้ชายที่ชื่อตุลาการ ไม่มีวี่แวว ไม่มีการโทรมาหา หรือไม่มีช่องทางไหนที่จะติดต่อได้ จากที่เคยรัก เคยผูกพัน มันกลับกลายเป็นเพียงรู้จักกัน จะมีที่หลงเหลือก็คือความรู้สึกดีๆที่เคยมีให้

            นี่สินะ ที่เขาบอกว่า บอกลากัน ยังไม่เจ็บเท่ากับหายไปซะเฉยๆ

            สุดท้าย … สี่ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก

            ผมทุ่มเทให้กับการเรียนจนกระทั่งเรียนจบ พวกไอ้เจล ไอ้ธาม ไอ้สิท ไอ้ป้อง ก็จบตามกันมาติดๆ ตอนนี้ผมทำงานเป็นอาจารย์สอนพิเศษอยู่ที่มหา’ลัยในตัวเมือง พ่อเองก็ขายบ้านเก่าทิ้ง แล้วมาลงทุนทำคอนโด ชีวิตตอนนี้ผมเลยเข้าขั้นชีวิตคนกรุงเต็มที่ เช้านั่งรถไฟฟ้า เย็นนั่งรถไฟฟ้า กลับห้องคอนโดนอนหลับเป็นตาย กินอาหารกล่อง เดิมๆซ้ำๆไม่มีอะไรแปลกใหม่

            ส่วนไอ้เจลน่ะเหรอ ชีวิตดีขึ้นกว่าเดิมเยอะ พ่อแม่กลับมาดีกัน แม่ออกจากคุก เลิกติดยาแล้ว ส่วนไอ้เจลก็ไอ้ลัลล้าอยู่ที่ออสเตรเลีย ตอนนี้เห็นบอกว่ากำลังจะได้เข้าคัดตัวนักบาสโปรแกรมดัง

            ส่วนธาม มันก็เรียนต่อโทที่ไทย ไอ้ป้องทำงานที่โรงงานกล่องกระดาษของพ่อ ส่วนไอ้สิททำงานกับแม่มันที่ภูเก็ต เห็นว่าทำโรงแรม มันชวนพวกผมไปเที่ยวบ่อยๆ แต่สุดท้ายพวกเราตัดสินใจว่าจะรอไอ้เจลกลับจากนอกก่อน แล้วค่อยไปเที่ยวพร้อมกัน

            ผมกลับไปเยี่ยมหลุมศพแม่กับเนปีละครั้ง ชีวิตก็เหมือนเดิมๆ ตอนนี้พ่อเองก็กำลังไปได้สวยกับน้าเบล ทั้งสองคนเข้ากันได้ง่ายเพราะว่าน้าเบลเองก็โดนสามีทิ้งไป ส่วนพ่อผมเองก็ต้องการใครสักคนมาดูแล และผมเองก็คงจะมีพี่ชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกันเพิ่มมาอีกคนนั่นก็คือไอ้สาม ป้าอรเองก็หายไปจากสาระบบชีวิตของผมและพ่อหลังจากขายบ้านทิ้ง

            ทุกอย่างลงตัวไปหมด

            ผมนั่งหลับตาฟังเพลงในรถไฟฟ้าที่เหลือคนเพียงแค่นิดเดียวระหว่างทางกลับคอนโด ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งลงตรงข้ามกับผม พร้อมกับลูกชายตัวเล็กที่อุ้มตุ๊กตาลูกหมาอยู่

            ‘ถ้านิอยากเรียก ก็ตั้งชื่อผมเองเลยสิครับ’

            ‘มึงมันไอ้ลูกหมาชัดๆ’

            น่าแปลกที่ถึงแม้คนๆนั้นจะไม่อยู่ตรงนี้แล้ว ผมกลับยังรู้สึกคิดถึงอยู่

            แต่ความเจ็บปวดเหล่านั้น มันกลับหายไปทั้งหมดแล้ว

            รถไฟฟ้าจอดลงที่สถานีที่คอนโดที่พ่อผมลงทุนสร้างร่วมกับน้าเบล ผมเลยได้สิทธิพิเศษนอนห้องชั้นบนสุดติดริมแม่น้ำเห็นวิวของกรุงเทพฯตอนกลางคืนชัดแจ๋ว

            ถึงอย่างนั้นอยู่ห้องใหญ่ๆไป มันก็ไม่มีประโยชน์ถ้าอยู่คนเดียว

            ผมเดินจากชั้นสองลงมานั่งที่โซฟาพลางเตรียมการสอนพรุ่งนี้ ผมสอนวิชาภาษาอังกฤษ ถึงจะเรียนเอกฝรั่งเศสมา แต่ก็มีเพียงแค่วิชานี้เท่านั้นที่อาจารย์ดันลาออกกะทันหัน ผมเลยเข้าเสียบทันที มหา’ลัยเองก็ไม่ไกลจากคอนโดเท่าไร ขึ้นรถไฟฟ้าประมาณสี่สถานีได้

            Rrrr Rrrr

            เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมคว้าขึ้นมาแนบหูพลางกดปากกาเล่น
           
            “ครับ นิติพูดครับ”

            (วอซซ้าบดู้ด) เสียงลอยมาพร้อมกับหน้าลูกครึ่งผีครึ่งคน ไอ้จรัส บราวน์

            “ดู้ดหน้าดิ โทรมาไม มีไร”

            (เอ้า คิดถึงแห้งทำไหมจะโทรมาไม่ได้ ได้ข่าวยังว่าไอ้ธามโดนผู้ชายตามจีบ)

            “ห้ะ” ผมถึงกับหลุดขำ ไอ้เจลนี่ข่าวไวตลอด ขนาดมันไปมุดหัวอยู่ออสเตรเลีย ยังรู้เรื่องก่อนผมที่อยู่ประเทศเดียวกับไอ้ธาม

            (เออดิ ตลกชิบ แล้วนึกว่าจะเป็นแบบ ผู้ชายน่ารักๆสเปคไอ้ธาม ที่ไหนได้…)

            “อย่าบอกนะว่าชนิดเดียวกัน…”

            (แม่นหล้ายหลาย) ผมล่ะเกลียดไอ้คนชอบมั่วเอาภาษากลางกับภาษาถิ่นมาผสมกันอย่างไอ้เจลจริงๆ กระแดะมากนักหรือไง ต้องพูดปนกันสี่ห้าภาษา

            “ว่าแต่มึงเหอะ เมื่อไรจะกลับไทย เพื่อนๆเขารอนัดกันไปถล่มโรงแรมไอ้สิทอยู่”

            (สิ้นปีก็กลับแล้วจ้าที่ร้าก)

            … กูกดวางสายมึงตอนนี้ทันมะ

            “ทำไมไวจังวะ” ผมเอาไหล่หนีบโทรศัพท์ไว้กับหูแล้วค่อยๆขีดเขียนแผนการสอนในวันพรุ่งนี้ ปล่อยให้ไอ้เจลพล่ามของมันไป

            (เอ้าไอ้ห่านี่ ไวก็สงสัย กลับช้าก็บ่น กูเก็บครบแล้วเถอะ ไนเจลคนเทพก็แบบนี้แล)

            “ไปอยู่นู่นพูดภาษาคนไม่ได้เลยเหรอ”

            (นิติ อย่ามาทำตัวบิช เดี๋ยวพี่เจลจะตบให้)

            “แรด”

            (ไอ้ตุลติดต่อมาบ้างมั้ย…) น้ำเสียงของไอ้เจลที่เปลี่ยนไป แฝงความเป็นห่วงมาให้ผม ผมวางปากกากับกระดาษลงที่ข้างตัวพลางเหม่อมองไปยังระเบียงชั้นสองภายในห้องคอนโดที่สามารถมองลงมาเห็นห้องนั่งเล่นได้

            (ลืมได้หรือยัง ยังงอแงอยู่เปล่า)

            “กูใคร นิติคนถึก”

            (โถ่ถัง ใครก็ไม่รู้ชอบร้องไห้ขี้มูกโป่ง)

            “ไปนอนดูดนมหมาไปถ้าปากมึงว่างนักอ่ะ”

            ผมกำลังจะวางหูใส่ไอ้เจล พลางหันไปเจอกับของที่เผลอหยิบติดมือออกจากห้องของไอ้ตุลมาด้วยเมื่อสี่ปีที่แล้ว เสื้อเชิ้ตสีดำของมัน เสื้อที่มันชอบใส่นอน

            ถึงจะไม่มีกลิ่นของตุลติดอยู่แล้ว แต่เวลามอง มันก็ทำให้หายคิดถึงได้บ้าง

            (ถ้าเกิดวันนึงไอ้ตุลกลับมาขอมึงคบ มึงจะว่าไงวะนิ)

            ว่าไงงั้นเหรอ

            “ไม่รู้ว่ะ ถ้ามันกลับมา ก็อยากจะชกหน้ามันซักหมัดสองหมัดเหมือนกัน”

            (นี่สิเพื่อนโผมมมมม)

            ผมหัวเราะนิดๆแล้ววางหูโทรศัพท์พลางล้มตัวลงนอนที่โซฟา ก่อนจะคว้าเสื้อเชิ้ตของตุลมากอดเอาไว้ ผมว่าผมคงจะบ้าที่ถ้าเกิดว่าตุลมันกลับมา ผมเองก็คงไม่เกี่ยงที่จะกลับไปคบกับมันเพราะความรู้สึกทั้งหมดมันไม่ได้จางหายไป ถึงบางทีผมอาจจะรู้สึกโกรธที่มันหายไปเงียบๆ แต่มันคงจำเป็นที่ต้องทำแบบนั้น ตุลาการไม่ใช่คนที่ทำอะไรอยู่บนพื้นฐานของความไม่เอาใจใส่

            กลิ่นที่อยู่บนเสื้อเชิ้ตสีดำของตุล คือกลิ่นน้ำหอมที่ผมไปนั่งไล่หาว่าคือกลิ่นไหน ถึงมันอาจจะไม่เป้ะ แต่ก็พอทำให้เหมือนว่ามันยังอยู่ตรงนี้

            ว่าแต่ ทำไมผมต้องคอยให้ความหวังตัวเอง ว่าสักวันมันต้องกลับมา

            นี่มันสี่ปีแล้วนะนิ มันคงไม่กลับมาแล้วล่ะ

            ผมนอนกอดเสื้อเชิ้ตของตุลอยู่แบบนั้น พลางเผลอหลับไป

 

            “งานส่งสุดท้ายสิ้นเดือนนี้ มีคำถามอะไรถามผมได้ตลอด แค่นี้แหละครับ เลิกคลาสได้”

            ผมบอกเลิกคลาสแล้วหันมาสนใจกับงานที่นักศึกษาส่งมา ถึงแม้ว่าในอดีตผมจะเคยคิดว่าตัวเองไม่มีทางเป็นอาจารย์ได้แน่นอนเพราะทัศนคติผมแคบยิ่งกว่าอะไร แต่พอมาทำจริงๆ มันก็ไม่ได้แย่ ยิ่งเป็นเรื่องภาษาเรื่องที่ผมชอบแล้ว ก็สนุกไปอีกแบบ

            “พี่นิ ผมไม่เข้าใจตรงนี้อ่ะ” นักศึกษาที่นี่เรียกผมว่าพี่นิ ไม่เคยเรียกผมว่าครูหรืออาจารย์เพราะว่าผมเพิ่งจบใหม่ๆ อายุก็ไม่ต่างกับพวกเขาเท่าไร ตอนนี้ผมเลยว่าจะเรียนทางไกลเอา เรียนของทางฝรั่งเศส จะได้ดูน่าเชื่อถือจนใครๆสามารถเรียกว่าอาจารย์ได้เต็มปากกับเขาซะบ้าง

            พอสอนเสร็จ ผมก็มานั่งทำงานต่อในออฟฟิศ เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ผมรู้เลยว่าหายนะกำลังคืบคลาน ต้องเป็นหนึ่งในไอ้สี่ตัวนั่นแน่ๆ

            “ฮัลโหล นิติพูดครับ”

            (นิ ไอ้เสี่ยธนนแม่งจะฟ้องกูกับแม่ว่าทำโรงแรมเลียนแบบมันว่ะ)

            เสียงแบบนี้ ไอ้สิท

            “อ้าวทำไมวะ นี่นึกว่าเรื่องจบไปแล้วนี่” ผมว่า ก็ไอ้เสี่ยธนนเนี่ย มันรวยมาก แล้วไอ้สิทเองก็รวย แต่ประเด็นคือดันเปิดโรงแรมคล้ายกัน แต่ไอ้สิทน่ะมันเปิดก่อน เนื่องจากคนรวยอย่างเสี่ยธนนย่อมทำอะไรก็ได้ ด้วยความหมั่นไส้มันเลยฟ้องไอ้สิทข้อหาทำโรงแรมเลียนแบบมันทั้งๆที่ผมว่ามันไม่เห็นจะเหมือนเลยสักนิด

            (ไม่จบนี่ดิ มึงรู้จักทนายเก่งๆป่ะวะ? อยากจะฟ้องกลับให้หน้าหงายเลยแม่ง) ไอ้สิทถึงกับโทรมาถามผม แสดงว่ามันคงจะเดือดร้อนเข้าขั้น

            “ไม่ว่ะ แต่ป๊าคงรู้จักบ้าง”

            (ถ้ามึงได้ทนายเก่งๆยังไงบอกทีนะเว้ย นี่แม่กูก็กำลังหาทนายอยู่ แต่ไม่ค่อยจะเก่งเท่าไร)

            “โอเค ไว้ยังไงจะโทรไปบอก”

            ผมวางสายจากไอ้สิทแล้วตรงดิ่งกลับคอนโดไปหาพ่อ ไม่แปลกใจเลยที่พ่อจะร่ายชื่อทนายที่พ่อรู้จักออกมามากมายก่ายกองจนกระทั่งผมไปสะดุดกับทนายคนหนึ่งที่มีชื่อเหมือนผู้ชายที่จู่ๆก็หายไปจากสาระบบชีวิตของผม

            ‘ตุลาการ สิรฉัตร’

            “ป๊า ทนายที่ชื่อตุลาการนี่ป๊ารู้จักหรือเปล่า” พ่อของผมที่กำลังสนใจการพัตกอล์ฟตอบแบบขอไปที

            “ไม่รู้สิ ป๊าได้นามบัตรมาจากตอนที่ไปงานเลี้ยงรุ่นศิษย์เก่าน่ะ”

            อื้อหือ รุ่นพ่อเลยเหรอวะ

            จะไหวมั้ยเนี่ย

            ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมกดเบอร์โทรศัพท์ไปยังทนายที่ชื่อตุลาการ อาจจะเป็นเพราะว่าถูกชะตาเพราะชื่อเหมือนกับคนที่ผมคิดถึงก็ได้มั้ง หวังว่ามันจะเก่งจนช่วยให้เพื่อนผมชนะคดี ถ้าเป็นไอ้ตุลล่ะก็ มันต้องชนะแน่ๆ

            (ตุลาการรับสายครับ) ปลายสายออกเสียงทุ้มๆคุ้นหู แต่ผมไม่ได้ใส่ใจเพราะมัวแต่สนใจการตรวจงานของนักศึกษาในมือมากกว่า

            “พรุ่งนี้พอจะว่างไหมครับ พอดีผมอยากจะคุยเรื่องเคสของเพื่อนที่จะโดนฟ้องเรื่องลิขสิทธิ์โรงแรมที่ภูเก็ต”

            (ว่างครับ ซักกี่โมงดีครับ)

            “ประมาณเที่ยงแล้วกันครับ เจอกันที่ร้านอาหารแถวๆคอนโด Niran ได้มั้ยครับ”

            (ครับผม)

            “เห็นบนนามบัตรบอกว่าจบจากนอก ผมเชื่อใจคุณได้มั้ยเพราะว่าพ่อผมได้นามบัตรมาจากงานเลี้ยงรุ่น บอกตามตรงว่าผมอยากให้เพื่อนผมชนะคดีเพราะอีกฝ่ายเป็นไอ้เสี่ยงี่เง่าคนหนึ่ง” เผลอพ่นสันดานดิบออกไปกะทันหัน ผมรีบแก้คำให้สุภาพ
 
            “เอ่อ เสี่ยที่คิดไม่ค่อยเป็นน่ะครับ”

            (ถ้าฝั่งคุณได้เปรียบ ผมชนะคดีมาแล้วเกินครึ่งร้อยครับที่ต่างประเทศ)

            “ถ้าอย่างนั้นก็โอเคครับ เจอกันที่ร้าน XXX ตอนเที่ยง นี่เบอร์ติดต่อผม ผมจะจองโต๊ะรอไว้”

            (ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรครับ ผมจะได้ถามหาถูก)

            “นิติครับ”

            ผมว่าแค่นั้นพลางวางสายไปแบบชุ่ยๆเพราะกำลังวุ่นวายกับการทำงานตรงหน้า จะว่าไปทนายก็ไม่ได้เสียงแก่หงำเหงือกขนาดนั้น อาจจะเป็นลูกชายของเพื่อนพ่อล่ะมั้ง

            พอทำงานเสร็จผมก็เผลอหลับคาโซฟา พร้อมกับเสื้อเชิ้ตตัวเดิมที่กอดเอาไว้เป็นเสมือนของแทนตัวของผู้ชายที่ผมเคยรัก และยังรักอยู่

            ถ้าได้กอดมึงจริงๆ ก็คงดี

            TBC


มาต่อแล้วววววว โอ้ยยยเกือบลืมไปแล้วจริงๆว่ายังลงไม่จบ ขอโทษน้าา
ขอให้สนุกกับการอ่านนิยายนะคะ รัก.

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 25 Love is Taking Time (10-02-60)
«ตอบ #128 เมื่อ10-02-2017 21:19:51 »

ค้างเลยยยยยยย   :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 25 Love is Taking Time (10-02-60)
«ตอบ #129 เมื่อ12-02-2017 01:52:59 »

ถ้าเจอกันจริงๆเราไม่อยากให้นิติใจอ่อนกับตุลย์เลย งอนยาวๆเลยได้มั้ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 25 Love is Taking Time (10-02-60)
« ตอบ #129 เมื่อ: 12-02-2017 01:52:59 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 25 Love is Taking Time (10-02-60)
«ตอบ #130 เมื่อ12-02-2017 10:53:05 »

โกรธตุลอะ :ling1:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 25 Love is Taking Time (10-02-60)
«ตอบ #131 เมื่อ12-02-2017 11:25:34 »

อ้าวววว

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 25 Love is Taking Time (10-02-60)
«ตอบ #132 เมื่อ12-02-2017 14:26:49 »

เหตุผลอันใดก็ไม่เพียงพอที่ทำให้คนๆหนึ่งต้องรอมานานขนาดนี้หรอก พิสูจน์รักแท้งี่เง่าห่าเหวเหรอ ถ้าเราเป็นนิติต่อให้ไม่เหลือใครก็ไม่จำเป็นต้องมีผู้ชายที่ชื่อตุลาการ

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 26 Love is Hope (13-02-60)
«ตอบ #133 เมื่อ13-02-2017 15:17:29 »

Chapter
26

 

            หลังจากเคลียร์งานเสร็จแต่หัววันผมก็รีบบึ่งกลับไปที่ร้านอาหารข้างๆคอนโดของพ่อ ผมจองชื่อโต๊ะอาหารในร้านโดยใช้ชื่อนิติก่อนจะออกมายืนคุยโทรศัพท์

            “ไฟล์ที่ส่งไปให้อยู่ในเมลแล้วพี่ตา ครับ แต่ผมส่งไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ … อ้าว ทำไงล่ะทีนี้ ผมไม่ได้เอางานติดตัวมานี่สิ … ครับๆ เดี๋ยวจะรีบส่งให้ก็ได้ครับ”

            บ้าชิบ

            ผมดูนาฬิกาที่บอกเวลาสิบเอ็ดโมง ยังมีเวลาอีกชั่วโมงก่อนจะถึงเวลานัด ผมรีบตรงดิ่งกลับไปที่คอนโดเพื่อไปส่งเอกสารผ่านทางเมลอีกครั้งเพราะที่ส่งไปเมื่อวานมันดันหายไปไหนไม่รู้ พอมาถึงคอนโด ไฟก็ดันดับ ดับไม่พอ เหมือนฟ้ากำลังกลั่นแกล้งผม แบตโน้ตบุ๊คก็ดันมาหมดตอนนี้อีก

            โว้ยยย อะไรนักหนาวะเนี่ย

            ผมรีบย้ายก้นไปที่ร้านกาแฟข้างๆคอนโดที่ห่างจากร้านอาหารเกือบสองช่วงตึกพลางส่งไฟล์งานให้กับพี่ตา มันคือไฟล์ข้อสอบมิดเทอมของวิชาที่ผมสอน กว่าจะส่งงานเสร็จก็ล่อไปเกือบครึ่งชั่วโมง ผมนั่งรถแท็กซี่เพื่อตรงไปร้านอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีก

            (นิ สามลืมเอกสารไว้ที่ล็อบบี้คอนโดอ่ะ ฝากเอาให้หน่อยได้มั้ย ตอนนี้อยู่บนสถานีรถไฟฟ้าอ่ะ)

            ผมมองนาฬิกาที่บอกเวลาสิบเอ็ดโมงสี่สิบห้า

            “ให้พี่ที่คอนโดเอาไปให้ดิ”

            (พี่เขาไม่ว่างเลยอ่ะ รีบใช้ด้วยดิ รถจะมาแล้ว)

            “เออๆ แปปๆ”

            สุดท้ายผมเลยต้องวิ่งกลับไปที่คอนโดเพื่อไปเอาเอกสารที่ไอ้สามต้องใช้พลางปีนเอาขึ้นไปให้มันที่สถานีรถไฟฟ้า วิ่งไปวิ่งมาผมงี้ลิ้นแทบห้อย ตอนนี้เวลาเที่ยงตรงพอดี

            Rrrr Rrrr

            เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นตรงเวลาเป้ะ ผมรีบกดรับพลางกรอกเสียงลงไป

            “ขอโทษที่สายครับ พอดีมีเรื่องไม่คาดคิดนิดหน่อย”

            (อะไรของมึงเตี้ย กูกำลังจะลงหน้าคอนโดมึง รอรับแล้วมาช่วยถือของหน่อย) เสียงไอ้ธามแหกปากมาตามสายเล่นเอาผมตาขวาง

            “แล้วทำไมไม่โทรมานัดกูก่อน”

            (เพิ่งนึกได้ว่าลงหน้าคอนโดมึงพอดี)

            “ไอ้…”

            (ลงแล้ว รอรับด้วย) ไอ้ธามมัดมือชกผมจนปฏิเสธไปไม่ได้ แล้วอะไรมันต้องมาประเดประดังเข้ามาพร้อมกันวันที่ผมนัดคุยธุระกับทนายด้วยวะเฮ้ย

            สุดท้ายผมก็ต้องโทรไปเลื่อนนัดทนายตุลาการนั่น เลื่อนออกไปเป็นห้าโมงครึ่ง แล้วมาช่วยไอ้ธามถือของที่มันจะย้ายเข้ามาอยู่ที่คอนโดของพ่อผมเพราะว่าขี้เกียจไปเช่าหอที่มีป้าขี้บ่นตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเวลาที่ไอ้ธามซื้อของขึ้นไปกินบนห้อง

            ผมวางลังใส่หนังสือลงบนพื้นห้องคอนโดของไอ้ธามพลางทรุดตัวลงนั่งหอบแฮ่กที่พื้น

            “กูกำลังจะไปคุยกับทนายที่ไอ้สิทมันขอมา มึงนี่น้า”

            “อ้าวเหรอ ไมมึงไม่บอก” ไอ้ธามทำหน้าเหรอหราเหมือนจะสำนึกผิด ผมเตะขามันจนมันทรุดลงที่พื้นแล้วนอนแผ่ข้างๆผม

            “มึงไม่ได้เบื่อที่ป้าที่หอบ่นหรอก หนีใครมาอ่ะดิ” ผมถามเพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกัน ไอ้ธามยื่นมือมาขยี้หัวผมแล้วเลื่อนตัวมานอนบนตักผม

            “อือ แม่งตามรังควานชีวิตกูมาก”

            “แล้วมึงหายไปแบบนี้ เขาไม่เสียใจเหรอวะ” ไอ้ธามเงยหน้ามองผมแล้วเอามือแตะหน้าผมเบาๆเหมือนมันจะรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร

            ตุลหายไปแบบนี้ ผมไม่เสียใจเหรอ

            เสียใจดิวะ คนนะไม่ใช่ผักปลาจะไม่มีความรู้สึก

            แต่สุดท้ายผมก็ทำอะไรไม่ได้

            “ก็ถ้าไม่จำเป็น กูก็ไม่ทำหรอก”

            จากคำพูดของไอ้ธาม ดูเหมือนว่าไอ้ผู้ชายที่ตามตื้อมันจะดูมีความสำคัญกับมันพอสมควร เพราะไม่งั้นอย่างไอ้ธามน่ะเหรอโดนผู้ชายตามตื้อ ป่านนี้ไอ้ผู้ชายนั่นได้ลงไปนอนห้อยโตงเตงหยอดน้ำข้าวต้มไปแล้ว

            อยู่กับไอ้ธามได้ไม่นานผมก็ต้องรีบไปสอนที่มหา’ลัย พอเลิกเสร็จก็ดันโดนขอร้องให้อยู่ฟังบรรยายของอาจารย์ที่มาจากมหา’ลัยต่างประเทศ สุดท้าย ผมก็เลยต้องโทรไปขอโทษขอโพยทนายตุลาการนั่น แล้วเลื่อนนัดเป็นวันพรุ่งนี้แทน

            อะไรมันจะมาวุ่นวายในวันที่ผมมีนัด วันธรรมดาล่ะไม่เห็นจะวุ่น

            บ้าตาย

            ผมขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อจะกลับคอนโด เลยเลือกที่นั่งที่ไม่ค่อยมีคน ด้วยความล้าเลยทำให้เผลอเอาหัวพิงกระจก ผมมองออกไปข้างนอก มองวิวของกรุงเทพตอนกลางคืน คนแล้วคนเล่าผลัดกันเข้าออกรถไฟฟ้าจนกระทั่งคนน้อยลงเรื่อยๆ

ผมถอนหายใจแล้วมองกระจกไปเรื่อยเปื่อย พลางเงาสะท้อนที่กระจกก็ทำให้ผมหันขวับไปมองผู้ชายตัวสูงที่ใส่ชุดสูทที่ยืนอยู่ใกล้ประตู กลุ่มผมสีดำสนิทที่ดูคุ้นตานั่น ผู้ชายคนนั้นยืนหันหน้าหาประตูเลยทำให้ผมเห็นเพียงแค่แผ่นหลังของเขา แผ่นหลังกว้างๆนั่น…

            คุ้นมาก

            คุ้นเหมือนเคยเจอที่ไหน…

          ‘หลังพี่ตุลกว้างมากเลยรู้มั้ย’

          !!!

            สถานีต่อไป XXX

            เสียงประกาศสถานีต่อไปดังขึ้นพร้อมกับรถไฟฟ้าที่จอดลง ผู้ชายตัวสูงคนนั้นก้าวออกจากรถไฟฟ้าไป ไม่รู้ว่าทำไมขาของผมจู่ๆก็ก้าวตามเขาไปแต่ไม่ทัน ประตูปิดลงพร้อมกับรถที่ค่อยๆเคลื่อนออกช้าๆ สายตาของผมจับจ้องไปยังคนที่เหมือนจะรู้ตัวว่าโดนมองอยู่ ผู้ชายเจ้าของผมสีดำใส่สูทสีเทาค่อยๆหันหน้ามาพลางเบิกตากว้างเมื่อเห็นผมที่ยืนอยู่ในรถไฟฟ้า เจ้าตัวยืนนิ่งอยู่แบบนั้นด้วยอารามตกใจ ผมแนบฝ่ามือลงบนกระจกอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาแต่ยังไม่ทันจะทำอะไร รถไฟฟ้าก็เคลื่อนตัวออกไปจนลับสายตา…

            ผมทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ภายในรถไฟฟ้าพลางกุมขมับด้วยความรู้สึกมึนงงไปหมด

            ไม่ผิดแน่ ใบหน้านั่น เจ้าของดวงตาเรียวๆนั่น จมูกโด่งๆ ริมฝีปากสีซีดออกคล้ำ กลุ่มผมสีดำสนิท ใบหน้าหล่อๆและลักยิ้มที่ผมชอบมอง

            ตุล…

 

            (ห้ะ!? มึงเจอไอ้ตุลเนี่ยนะ?) เสียงไอ้เจลตะโกนดังออกมาจากโทรศัพท์หลังจากที่ผมสอนเสร็จแล้วมานั่งพักที่ออฟฟิศหรือเรียกง่ายๆว่าห้องพักอาจารย์พร้อมกับกาแฟหนึ่งแก้ว

            เมื่อคืนหลังจากเจอหน้าตุล ผมก็นอนไม่หลับ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่การที่ได้เห็นหน้ามัน มันเหมือนความหวังลมๆแล้งๆที่ผมฝันเฟื่องเอาไว้ทั้งหมดมันกำลังจะกลายเป็นจริง

            (แล้วจะทำไงวะ)

            “ไม่รู้ว่ะเจล ไม่รู้เลย”

            ไอ้ตุลเมื่อก่อนกับตอนนี้ดูราวกับเป็นคนละคน ตอนนี้มันดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ดูเป็นคนที่ยิ่งกว่าพึ่งพาได้และดูเป็นคนสุขุมกว่าแต่ก่อน

            จะให้พูดยังไงดี

            ถ้าเจอกันอีก หรือไม่รู้จะได้เจอมั้ย

            ผมอยากถาม ว่ามันสบายดีไหม… เป็นไงบ้าง…

            คิดถึงมึงนะ…

            เวรเอ้ย ผมคิดบ้าอะไรอยู่วะ

            ใช่ไอ้ตุลจริงๆหรือเปล่าผมยังไม่รู้เลย

            ผมทำงานจนถึงดึกก่อนจะขึ้นรถไฟฟ้ากลับคอนโดเหมือนอย่างเคย ผมนั่งที่เดิมแล้วเหม่อมองออกไปข้างนอกเหมือนทุกครั้ง แค่หวังว่าจะได้เจอมันอีก จะได้เจอไอ้ตุลอีก

            แค่ได้เห็นหน้าก็ยังดี

            แต่ไม่มีวี่แววของไอ้ตุลเลยสักนิด

            ผมอาจจะคิดถึงมันจนตาฝาด …

            แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็เลือกที่จะลงที่สถานีที่ไอ้ตุลลงเมื่อวานเพื่อจะดูว่าแถวนั้นมีคอนโดที่ตรงกับรสนิยมของมันอยู่มั้ย ผมยืนรอหน้าประตูขณะที่ประกาศสถานีต่อไปด้วยอารมณ์มึนๆกับชีวิต

‘ถ้าเกิดวันนึงไอ้ตุลกลับมาขอมึงคบ มึงจะว่าไงวะนิ’

            เสียงไอ้เจลหลอกหลอนอยู่ในหูผม ประตูรถไฟฟ้าเปิดออก ผมก้าวขาออกไปยืนข้างนอกตรงสถานีที่แทบจะไม่มีคนเหลืออยู่แล้วเพราะมันดึกพอสมควร ผมยกมือปิดหน้าพลางหัวเราะสมเพชตัวเอง

            นี่มึงกำลังทำอะไรของมึงวะนิ

            ฝันลมๆแล้งๆหรือไง

            มันจำมึงได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย

            ผมถอนหายใจพลางเดินให้ห่างจากระยะของรถไฟฟ้า ก่อนจะหันไปมองผู้ชายที่เดินออกพร้อมกันทางประตูของอีกโบกี้หนึ่ง

            สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้า ทำให้ใจผมเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก

            ผู้ชายตัวสูงคนที่ผมอยากจะเจอมาตลอดสี่ปี เจ้าของลักยิ้มที่มีเสน่ห์ อ้อมกอดที่เคยกอดผมเอาไว้ ริมฝีปากที่เคยคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ ลมหายใจอุ่นๆ กับแผ่นหลังกว้างๆ

            ผู้ชายคนนั้นยืนห่างจากผมหนึ่งช่วงโบกี้ พร้อมกับหันมามองผมด้วยสายตาเหมือนเมื่อวาน สายตาที่บ่งบอกถึงความตกใจ ปนความสับสนเต็มไปหมด

            เจอแล้ว … ผมเจอมันแล้ว

            รถไฟฟ้าเคลื่อนออกไปปล่อยให้ผมกับตุลยืนจ้องหน้ากันอยู่แบบนั้น คนเริ่มจางหายไปเรื่อยๆ จนเหลือเพียงแค่ผมกับตุลที่ยืนหันหน้าเข้าหากัน

            ไม่รู้ว่าควรทำไง ผมอยากถามมันว่ามันเป็นยังไงบ้าง ไปอยู่ที่นู่นลำบากมั้ย คิดมากอะไรหรือเปล่า สบายดีมั้ย คิดถึงกูบ้างมั้ย ทำไมไม่ติดต่อมาบ้าง ไหนบอกว่าทุกอย่างจะดีขึ้นไง

            แต่สิ่งที่ผมทำ กลับตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง

            ‘ผั่วะ!!!’

            ผมวิ่งเข้าไปชกหน้าไอ้ตุลจนมันร่วงไปกองที่พื้น ก่อนที่ผมจะหันหลังแล้ววิ่งหนีมันออกมาด้วยความรู้สึกอึดอัดจนแทบจะระเบิด เสียงทุ้มๆที่มักจะเรียกชื่อผมสมัยก่อน มันน่ารำคาญ

            “นิ!!!”

            แต่ตอนนี้ มันทำให้ผมอยากจะวิ่งกลับไปกอดมัน

            “นิ เดี๋ยวก่อน!!”

            “มึงมันงี่เง่า เลวเอ้ย!!” ผมกร่นด่าไอ้ตุลแล้ววิ่งลงบันไดจากสถานีเพื่อตรงกลับไปที่คอนโด ฟุตบาทด้านล่างแทบจะไม่เหลือคนเดินผ่านแล้ว รถก็แทบจะไม่มีวิ่ง

            “นิ!!! นิติ!!! รอผมก่อน ให้ผมอธิบาย…”

            “เงียบไป!!! หุบปากเห็นแก่ตัวของมึงไปซะ!!!” ผมหันกลับไปด่าไอ้ตุลจนหน้าเน่อแดงไปหมด เราสองคนยืนจ้องหน้ากันเหมือนจะฆ่ากันให้ตาย สุดท้ายผมเป็นฝ่ายเข้าไปกระชากเสื้อมันแล้วเขย่ามันเหมือนมันเป็นกระป๋องน้ำอัดลม

            “กูเกลียดมึงไอ้เวร เกลียดมึงไอ้คนเห็นแก่ตัว มึงกล้าดียังไงหายหัวไปสี่ปีปล่อยให้กะ…”

            ริมฝีปากที่ผมคิดถึงบดเบียดลงบนริมฝีปากของผม ความโหยหาที่ผมฝันลมแล้งๆมันกำลังเป็นรูปเป็นร่าง แต่ถึงอย่างนั้น ความโมโหมันก็มีมากกว่า

            ผมผลักไอ้ตุลออกแล้วเดินดุ่มๆกลับไปที่คอนโด ต่อให้เดินจนขาลากทิฐิผมก็ยังสูงลิ่วยิ่งกว่าอะไร ไอ้ตุลยังคงเดินตามผมต้อยๆแล้วพยายามจะคว้าแขนผมไว้ คนที่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นไม่มีท่าทีโวยวายแบบเมื่อก่อน ถ้าเป็นเมื่อก่อน ไอ้ตุลมันต้องคอยเรียกนิ นิ นิ นิ ไปตลอดทางจนกว่าผมจะยอมยกโทษให้มัน

            มึงยังรักกูอยู่ไหม

            มึงจะเปลี่ยนไปไหม

            นี่คือคำถามที่ผมพูดออกไปไม่ได้

            ผมเดินดุ่มๆเข้าไปในคอนโดโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น พอไอ้ตุลตามเข้ามาในลิฟต์เท่านั้นแหละ มันก็ปราดเข้ามาจูบผม ผมพยายามถอยหนีแล้วโกยอากาศเข้าปอดก่อนจะผลักไอ้ตุลออกไป

            “กูเกลียดมึง ตุลาการ”

            ลิฟต์เปิดออก ผมก้าวขาฉับๆตรงไปที่ห้องด้วยความโมโห ก่อนจะกระชากประตูห้องเปิดแล้วปิดฟาดใส่หน้าไอ้ตุล ไอ้คนที่ไวยิ่งกว่าจรวดพุ่งเข้ามาในห้อง ใช่ ผมพามันมาที่ห้อง จะได้ซ้อมได้ถนัดๆ

            “ตายซะ” ผมชกไอ้ตุลอีกครั้ง เจ้าตัวกอดผมเอาไว้ แต่ผมก็ทั้งทุบ ทั้งตี ทั้งข่วนมันยิ่งกว่าแมว แต่ไอ้ตุลไม่ตอบโต้เลยสักนิด ผมใช้กำลังจนกระทั่งสะใจ ตุลาการเลยถอนกอดออกแล้วลากผมไปนั่งที่โซฟาเพื่อคุยกันดีๆ

            “นิจะด่า จะฆ่า จะชกผมยังไงก็ได้ แต่ให้ผมอธิบาย…”       

            “อธิบายบ้าไร มึงหายหัวไปสี่ปีมึงยังจะมีหน้ามาอธิบายอีกเหรอ!!!”

            “นิครับ ขอล่ะ ผมคิดถึงนิมากนะ” ฝ่ามืออุ่นๆของไอ้ตุลแตะลงบนหน้าผม มันอุ่นเหมือนเคย แต่ผมทำเพียงแค่ปัดมันออกไป

            “บอกได้มั้ย กูต้องทำตัวยังไง ในเมื่อจู่ๆมึงก็หายไป” ผมตัดพ้อไอ้ตุล คนข้างๆดึงผมเข้าไปกอดแล้วกดจมูกลงบนกลุ่มผมของผม

            ทำไมผมต้องคิดถึงมันด้วย

            ทำไมกูต้องคิดถึงมึงขนาดนี้ด้วย ไอ้คนน่ารำคาญ

            TBC

อยากให้คนอ่านใจเย็นๆ5555555555555555555555 หัวใจเถอะ
แต่เดี๋ยวก่อน สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านเรื่องใหม่ของ jiwinil ตอนนี้มีที่กำลังแต่งและอัพลงอยู่ 2 เรื่องด้วยกันนะคะ ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะคะ
He is my...เนื้อคู่
ตะวัน จันทร์ ฉันและเธอ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 26 Love is Hope (13-02-60)
«ตอบ #134 เมื่อ13-02-2017 15:38:24 »

ตุลาการ  อธิบายมาเลยนะ  หายไปไหนมา 4 ปีเชียวนะ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 26 Love is Hope (13-02-60)
«ตอบ #135 เมื่อ13-02-2017 16:59:25 »

อย่ายอมกลับไปง่ายๆนะนิติ :m16:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 26 Love is Hope (13-02-60)
«ตอบ #136 เมื่อ13-02-2017 20:32:44 »

โอ้ยๆ......เขาเจอกันแล้ว
ตุลาการ นิติ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
แหมๆ ตุลาการ ทำงานด้านกฎหมาย เป็นทนายซะด้วย
แต่นิติ นี่สิ อยากเจ้อ อยากเจอตุล หายไปสี่ปี
พอเจอกันจริงดันชกหน้าซะนี่
ปรับความเข้าใจกันดีๆ เลย ฮึ
คนอ่าน รอฉากหวานๆ นานละนะ NC ยิ่งดี /เขิน
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 26 Love is Hope (13-02-60)
«ตอบ #137 เมื่อ13-02-2017 21:01:28 »

 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 26 Love is Hope (13-02-60)
«ตอบ #138 เมื่อ13-02-2017 21:26:57 »

กลับมาแล้ว

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 26 Love is Hope (13-02-60)
«ตอบ #139 เมื่อ18-03-2017 22:20:20 »

มารอเหตุผล :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 26 Love is Hope (13-02-60)
« ตอบ #139 เมื่อ: 18-03-2017 22:20:20 »





ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 27 Love is Permanent (07-04-60)
«ตอบ #140 เมื่อ07-04-2017 11:35:17 »

Chapter
27

 

            “ฟังผมอธิบายก่อนนะ ขอร้องล่ะครับ”

            เสียงทุ้มๆของผู้ชายที่ผมเคยสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยว แต่ตอนนี้มันกลับมีอิทธิพลต่อหัวใจของผมมากกว่าใคร จากที่โวยวายเมื่อกี้ ผมนั่งเงียบๆแล้วรอฟังไอ้ตุลอธิบาย

            “วันนั้นที่ผมไปหาพ่อ พ่อผมรับไม่ได้เรื่องที่เราจะคบกัน”

            ผมเงยหน้ามองไอ้ตุล มันไม่ยอมปล่อยผมจากอ้อมกอดเหมือนกลัวว่าผมจะหายไป

            คนที่กลัว ต้องเป็นผมมากกว่า ผมกลัวว่ามันจะหายไปอีกครั้ง

            “พ่อกักบริเวณผม ขังผมไว้ในห้อง ไม่ยอมให้ผมติดต่อนิ หรือเพื่อนคนอื่น ผมเลยประท้วงพ่อด้วยการไม่กินข้าวกินน้ำ” ไอ้ตุลอธิบายด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รับรู้ได้ว่ามันไม่ได้โกหก

            “ทำไมมึงต้องทำถึงขนาดนั้นวะ” ผมถาม ตุลยิ้มมุมปากโชว์ลักยิ้มบนแก้มของมัน

            “ถ้าไม่ทำแบบนั้น เขาคงไม่รู้ว่าผมรักนิจริงๆ”

            เหอะ พูดง่ายนี่ไอ้หมา

            “พอเห็นแบบนั้น พ่อเลยยอมลงแล้วก็มีข้อแลกเปลี่ยนกับผม ว่าถ้าผมยอมไปเรียนต่อแล้วได้เป็นทนาย หลังจากนั้นพ่อจะไม่ยุ่งกับชีวิตผมอีก”

            “แต่มึงไม่ติดต่อมา…”

            “ผมรู้ ขอโทษ แล้วก็รู้ด้วยว่าคำขอโทษคงไม่พอ” ไอ้ตุลกอดผมแน่นขึ้นไปอีก มันซุกหน้าลงมาบนไหล่ผมพลางถอนหายใจแล้วยิ้มออกมา

            “ดีใจจังที่ได้เจอนิอีก ดีใจมากๆเลยรู้มั้ยครับ”

            ใจที่ไม่ได้เต้นรัวกับใครสักคนมาสี่ปี ตอนนี้มันกลับมาเต้นรัวอีกครั้ง ผมพยายามปัดไอ้ตุลออกไป ทั้งๆที่พยายามจะทำใจแข็งเพราะอยากสั่งสอนที่มันหายไปแบบไม่บอกบ้าอะไร ทิ้งให้ผมเป็นห่วง เหงา รู้สึกแย่อยู่คนเดียว แต่พอเจออ้อมกอดอุ่นๆของมันแล้ว ผมดันพ่ายแพ้มันราบคาบ

            “กูโกรธมึงอยู่นะ” ผมเมินสายตาออกไปมองที่อื่น ไอ้ตุลพยักหน้ากับไหล่ผม

            “ครับ ผมบอกกับนิว่าทุกอย่างจะต้องเป็นไปด้วยดี ผมต้องอดทนเพื่อที่จะเรียนให้จบ สอบทนายให้ผ่าน แต่พอกลับมาที่ไทย นิก็เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ แถมบ้านนิผมก็ยังไม่เคยไปเหยียบ”

            “…”

            “ถ้าเกิดว่าผมติดต่อนิช่วงที่ผมเรียนอยู่ ผมคงทนคิดถึงไม่ไหว และถ้าผมเรียนไม่จบ พ่อก็จะไม่ให้เราคบกัน”

            ผมหันไปขมวดคิ้วหน้าบึ้งใส่ไอ้ตุลพลางผลักมันออก

            “มึงมันเห็นแก่ตัวชิบ แล้วอีกอย่าง เราก็ยังไม่ได้คบกันว่ะ” พอผมจะลุกเดินหนี ไอ้ตุลก็กระชากแขนผมลงไปนั่งตักมัน พฤติกรรมเดิมๆที่หายไปจากชีวิตค่อยๆกลับมาเติมเต็มช่องโหว่ในชีวิตของผม

            “จะให้ผมทำอะไรก็ยอม จะโกรธผมก็ได้ แต่อย่าเกลียดผม อย่าไล่ผม”

            “…”

            “นิเป็นคนสุดท้ายของผมนะ ถ้านิไล่ผมไป ผมก็ไม่รู้จะไปไหนอีกแล้ว”

            “งี่เง่า” ผมผลักหัวไอ้ตุลแรงๆ

            ถึงมันจะดูโตกว่าแต่เก่า ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่นิสัยก็ยังเหมือนเด็ก

            “ต้องทำยังไงถึงจะหายโกรธ”

            “…” ไม่รู้ว่ะ ต้องทำยังไงน่ะเหรอ ไม่รู้จริงๆ

            เพราะแค่ได้เจอหน้า ได้กอด ได้อยู่ข้างๆ ก็หายโกรธแล้ว

            “สี่ปีที่ผ่านมา กูเคยสงสัยว่ามึงหายไปไหน กูยอมแพ้ไปแล้วด้วยซ้ำกับการที่จะได้เจอมึง” ผมพึมพำเสียงแผ่ว มันนานเท่าไรไม่รู้ที่ผมรอว่าเมื่อไรตุลจะกลับมา

            นานเท่าไรไม่รู้ รู้แค่ว่าผมเกือบจะลืมมันไปแล้ว

            “นิครับ…” ตุลจับมือผมแน่น แน่นพอที่จะทำให้รู้ว่ามันคงไม่หายไปไหนอีก

            “กูจะแน่ใจได้ยังไง ว่ามึงจะไม่หายไปอีก”

            จะแน่ใจได้ยังไง ว่าจะไม่เจ็บอีก

            “ถ้าอย่างนั้น …” ผมเห็นไอ้ตุลนิ่งไป เหมือนใช้ความคิดอะไรบางอย่าง มันจ้องตาผมเหมือนกับจะสื่อว่ามันจริงจังกับสิ่งที่กำลังจะพูดออกมา

            “คบกับผมนะ”

            “!!”

            เหมือนทุกอย่างรอบตัวมันนิ่งไปหมด ภาพตรงหน้ามีเพียงแค่ผู้ชายตาหยีๆ คนหนึ่งที่จริงจังกับคำพูด คนที่ซื่อสัตย์แม้กระทั่งสายตาที่แสดงออก

            ผมกับตุลอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไร้สถานะมาเกือบปี และตามด้วยสถานะที่คลุมเครือ ไม่ได้คบกัน ไม่ได้บอกรักกันทุกวัน จู่ๆมันหายไป ความสัมพันธ์นั้นก็เหมือนจะสิ้นสุดลง แต่ตอนนี้ผู้ชายตรงหน้ากำลังขอผมคบ สถานะที่แน่ชัด สถานะที่บ่งบอกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ มันไม่ใช่ผมตัวคนเดียวอีกแล้ว

            เมื่อเห็นผมนิ่งไป ตุลมันเลยย้ำอีกครั้ง

            “เป็นแฟนกันนะ นิติ”

            ความร้อนที่พุ่งขึ้นมาบนใบหน้าทำให้ผมต้องเบือนหน้าหนี บรรยากาศรอบตัวมันร้อนอบอ้าวไปหมดจนเหงื่อชื้นเต็มหลังและฝ่ามือ

            ทำไมมึงอ่อนแบบนี้วะไอ้นิ ไหนเมื่อก่อนเป็นไอ้ขาโจ๋ที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่สะท้านไง

            นี่มัน…

            จะละลายแล้วเว้ย

            อันตรายชิบ… โคตรอันตราย!

            ไอ้ผู้ชายที่ชื่อตุลาการนี่มันตัวอันตรายชัดๆ!!

            “นิ… ยังโกรธอยู่เหรอ” ไอ้ตุลถาม แล้วพยายามลากแขนผมเข้าไปหามัน ผมเบือนหน้ามองไปที่อื่นทั้งๆที่รู้ตัวเองว่าหูเหอคงแดงเถือกไปหมดแล้ว

            ความรัก มันทั้งเจ็บปวด ทั้งรู้สึกดี แบบนี้สินะ

            “นิ … เขินเหรอครับ” ผมหันขวับไปมองหน้าไอ้ตุลแล้วจะตวาดใส่ แต่พอเห็นสีหน้าหงอยเหมือนหมาจ๋อยของมัน ผมก็ทำได้แค่เบี่ยงสายตาไปมองที่อื่น

            “เขินบ้าไร มั่วแล้วมึงอ่ะ”

            “…” ไอ้ตุลเงียบไป ทุกอย่างรอบตัวผมเงียบไป รับรู้ว่าเราสองคนยังอยู่ข้างกัน ไม่มีใครคิดจะลุกหนีไปไหน เวลาเกือบสี่ปี มันเหมือนเพียงแค่เสี้ยววินาทีที่ผ่านไปเมื่อได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง

            นี่น่ะเหรอความรัก

            ถึงแม้จะห่างกันขนาดไหน ถ้ายังรัก สุดท้ายมันก็ยังคงทนอยู่ไม่จางหายไป

            “เชี่ย” ตุลาการสบถแล้วเอามือกุมขมับ “โคตรน่ารักเลยว่ะ”

            ช่า…

            ขออภัย ขณะนี้นิติได้ทำการระเบิดตัวเองเป็นที่เรียบร้อย

            “ไปตายไปไอ้หมาโง่” ผมทั้งถีบทั้งผลักไอ้ตุล เจ้าตัวหัวเราะอย่างสะใจแล้วกดจูบลงบนหน้าผากของผม ไล่ไปที่ตา จมูก ก่อนจะจูบริมฝีปากเบาๆแล้วถอนออก

            “ผมหวังอยู่ทุกวัน ว่าจะต้องได้เจอนิอีกครั้ง”

            “แล้วไง”

            “พอมาเจอกันจริงๆ ผมอยากจะหนีไปอีกรอบแล้วอ่ะ” คำพูดของไอ้ตุลเล่นเอาฝ่ามือผมกระตุก เหมือนไอ้ตุลจะรู้ว่ามันจะต้องโดนฟาดแน่ๆมันเลยล็อคแขนผมไว้

            “เออ ไปไหนก็ไป เชิญเลย ไปไกลๆส้นตีน ไปตายเลยไป”

            “ไล่ผมไปตายไม่เหงาเหรอ…”

            “ไม่”

            “นิ…”   

            “ไรของมึงนักหนาวะ” ผมหันไปแหกปากใส่ไอ้ตุล ริมฝีปากสีออกคล้ำของมันบดเบียดลงมาบนริมฝีปากของผม บดเบียด คิดถึง โหยหา อ่อนโยน แทบจะดึงสติผมไป

            ตุลค่อยๆถอนริมฝีปากออก ผมยกแขนขึ้นมาบังหน้าที่ร้อนผ่าวของตัวเอง

            เพราะแบบนี้ใช่มั้ยวะเน ทำให้มึงถึงรักผู้ชายคนนี้มากขนาดนั้น

            กูเข้าใจแล้ว ถ้าเป็นกู

            กูก็คงให้มึงสัญญาว่าจะดูแลตุลเหมือนอย่างที่มึงทำ

            “เชี่ยเอ้ยย ทำไมต้องทำตัวน่ารักวะ” ไอ้ตุลกระโจนใส่ผมจนแทบจุก

            “ไอ้หมาบ้านี่ ออกไปนะเว้ย”

            “ทนไม่ไหวแล้ว ผมไม่ได้กอดนิมาตั้งสี่ปี”

            “บอกให้ปล่อยไงล่ะโว้ย”

            “ไม่ครับ ผมแนะนำว่าพรุ่งนี้นิควรจะโทรไปลางานดีกว่า” ผมถลึงตาใส่ไอ้ตุลที่เริ่มทำมากกว่ากอด ก่อนจะแหกปากใส่มันจนห้องแทบระเบิด

            “ไอ้นรก!!!!!”

            แต่ถึงอย่างนั้น มันก็กลับมาหาผมแล้ว

            ผู้ชายที่ผมเคยสัญญากับตัวเองว่าจะไม่รัก

            ตอนนี้ผมดันรักจนถอนตัวไม่ขึ้น

            บ้าชิบ…

 

            ลางานน่ะเหรอ ลากับผีสิ

            ผมมีนัดกับทนายที่จะไปช่วยไอ้สิทว่าความเรื่องโรงแรมตอนบ่ายโมง แต่นี่เที่ยงแล้วผมยังสภาพล่อแล่อยู่ในห้องน้ำ ยืนอาบน้ำแทบจะไม่ไหว อาจจะเป็นเพราะนี่เป็นครั้งที่สองที่ผมกับไอ้ตุลมีอะไรกัน ไอ้ตุลมีความสุข แต่กูนี่ทุกข์เต็มๆ

            กว่าจะอาบน้ำเสร็จก็ล่อไปเที่ยงครึ่ง โชคดีที่ร้านอาหารที่นัดไว้อยู่ใกล้คอนโด นั่งแท็กซี่ไปสิบนาทีก็ถึงถ้ารถไม่ติด ผมแต่งตัวเสร็จสรรพพลางหันไปมองผู้ชายที่ยังนอนแผ่อยู่บนเตียง

            ตุลาการมันกลับมาหาผมแล้วจริงๆ

            ผมนั่งยองๆลงข้างเตียง พลางจับกลุ่มผมสีดำสนิทของตุลเล่น แล้วเขียนโน้ตวางไว้ข้างเตียงก่อนจะรีบออกไปยังร้านอาหาร

            แต่พอมาถึงร้าน ไอ้ทนายนั่นก็ไม่มีวี่แววที่จะโผล่หัวมา

            ผมเลยต่อสายไปยังทนายตุลาการ ที่ดันชื่อไปเหมือนกับไอ้ตุลาการที่ทำหลังผมแทบเดาะเมื่อคืน

            (ครับคุณนิติ ขอโทษทีครับ พอดีผมนอนเพลินไปหน่อย!!) น้ำเสียงของไอ้ทนายนั่นดูเร่งรีบเหมือนคนกำลังวิ่ง นี่ถ้าไอ้ตุลไม่ได้นอนแผ่อยู่ที่ห้องผม ผมคงจะนึกว่าไอ้ทนายตุลาการนี่เป็นคนเดียวกับผู้ชายที่ขอผมคบเมื่อคืนหลังจากที่หายต๋อมไปสี่ปี

            มันก็พอมีเหตุผลที่พอจะรับฟังได้ เพราะเรื่องครอบครัวไอ้ตุลผมเองก็ไม่อยากมีปัญหา

            “ครับ ผมจองโต๊ะไว้แล้วนะ”

            (ขอโทษจริงๆครับ ใกล้ถึงแล้ว ไว้เจอกันครับ ตี๊ดๆ) ปลายสายตัดไป ผมนั่งมองแก้วกาแฟในมือพลางถอนหายใจ

            ผมยังไม่ได้ตอบตกลงว่าจะคบกับไอ้ตุลมั้ย เอาจริงๆก็คือผมไม่เคยมีเรื่องรักๆใคร่ๆอะไรพวกนี้เข้ามาในชีวิต ดังนั้นการตอบตกลงคบใครนั่นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะไม่ธรรมดาสักเท่าไร ถึงใครๆจะบอกว่าไอ้นิมันไม่เคยกลัวอะไรหรอก ขนาดโดนชกหน้าเละยังไม่ร้องไห้สักแอะ

            แต่เรื่องชกกับความรักนี่มันคนละเรื่องเลยว่ะ

            โดนชกมันก็แค่เจ็บ

            แต่โดนรุกนี่มันเสียหายทั้งกายและใจนะเว้ย…

            “ได้จองที่ไว้หรือเปล่าคะ”

            “ครับ ชื่อคุณนิติ” เสียงทุ้มๆดังขึ้นด้านหลัง ผมหันไปมองผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ที่จองโต๊ะ ก่อนจะขมวดคิ้ว คนตัวสูงๆผมดำฟูๆเหมือนแมว แผ่นหลังที่ดูคุ้นตานั่น ดูคล้ายกับไอ้ตุลจังวะ

            “ทางนู้นเลยค่ะ”

            พนักงานสาวผายมือมายังโต๊ะที่ผมนั่ง ก่อนที่ไอ้ผู้ชายตัวสูงนั่นมันจะหันหน้ามา ผมเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าไอ้ผู้ชายที่เหมือนรีบวิ่งมาเสื้อผ้ายังใส่ไม่เข้าที่ชายเสื้อยังหลุดออกมาจากกางเกง เน็คไทก็เบี้ยวนึกว่าไปรบกับใครมา คือไอ้คนเดียวกับที่ควรจะนอนกางแข้งกางขาอยู่บนเตียงของผม…

            เฮ้ย

            ไอ้ตุลเดินดุ่มๆเข้ามาหาผมพลางยัดชายเสื้อเข้าไปในกางเกง เราต่างคนต่างขมวดคิ้วมองหน้ากันเหมือนกับว่าไม่อยากจะเชื่อสายตา

            อย่าบอกนะว่า…

            “ทนายตุลาการ?” ผมเลิกคิ้วถามไอ้ตุลที่มาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะที่ผมนั่ง ไอ้คนหน้าซื่อๆตาหยีๆทำตาโตที่สุดเท่าที่จะทำได้เมื่อเห็นผมนั่งอยู่ที่โต๊ะ

            “นิติ…”

            ไอ้ตุลหัวเราะแล้วนั่งลงตรงกันข้ามกับผมพลางถอนหายใจ

            “นี่มันเกินความคาดหมายของผมจริงๆนะ”

            เออ เหมือนกัน

            สรุปว่าไอ้ชื่อที่อยู่บนนามบัตรนั่น ตุลาการ สิรฉัตร คือชื่อของไอ้ผู้ชายที่หายหน้าไปสี่ปีจริงๆ ไอ้ทนายที่ตอนแรกผมเอะใจว่าชื่อมันคล้ายกับผู้ชายที่ผมรักเหลือเกิน

            มันคือความบังเอิญ หรืออะไรกัน

            ถ้าผมไม่เจอนามบัตรที่พ่อเก็บไว้ หรือถ้าพ่อไม่เผอิญเก็บมันเอาไว้เพราะนามบัตรนั่นพ่อดันได้มาจากเพื่อนของพ่อ ผมกับตุลคงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว

            ไอ้ตุลยิ้มเผล่อย่างชอบใจ ส่วนผมก็ทำได้แค่นั่งจิบกาแฟเงียบๆ

            ยอมรับ ว่าบางเรื่อง ผมก็เชื่อว่าโชคช่วยมีจริง

            “กูอยากจะฟ้องมึงจริงๆ ข้อหาหลอกลวงประชาชน” ผมบ่นอุบ ไอ้ตุลหัวเราะ

            “งั้นผมฟ้องกลับบ้างนะ”

            “ข้อหาอะไร”

            “ข้อหาทำให้ผมตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ขึ้น”

            “…”

            ผู้ชายตรงหน้ายิ้มโชว์ลักยิ้มจนแก้มบุ๋ม ผมนี่อยากจะหยิบส้อมแทงหน้ามันถ้าไม่ติดที่ว่าคนเต็มร้านอาหารยิ่งกว่ารังมด

            มึงนั่นแหละที่จะโดนฟ้อง

            ข้อหาทำให้คนอื่นเขินเรี่ยราด

            “เหอะ แล้วจะเรียกเงินเท่าไรดีล่ะ” ผมเออออเล่นกับไอ้ตุล มันยื่นมือมาจับมือผมที่วางอยู่บนโต๊ะ

            “เอาเป็นทั้งตัวและหัวใจของคุณได้ไหมครับ คุณนิติ นิรันดร์กร”



            TBC


ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 27 Love is Permanent (07-04-60)
«ตอบ #141 เมื่อ07-04-2017 14:08:45 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 27 Love is Permanent (07-04-60)
«ตอบ #142 เมื่อ07-04-2017 19:12:33 »

อรี๊ยยยยยยยยยยย เขินมากกกกกกกก   :mew3: :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 27 Love is Permanent (07-04-60)
«ตอบ #143 เมื่อ07-04-2017 20:17:28 »

 :3123: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 27 Love is Permanent (07-04-60)
«ตอบ #144 เมื่อ07-04-2017 20:42:14 »

เจอกันแล้ว นิ ต่อยตุลาการไปด้วย
จูบกันแล้ว คบกันแล้ว เอ่อ......มีอะไรกันด้วย  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 27 Love is Permanent (07-04-60)
«ตอบ #145 เมื่อ07-04-2017 20:44:47 »

 :pig4:

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 28 Love is Last (05-07-60) [END]
«ตอบ #146 เมื่อ05-07-2017 21:06:17 »

Chapter
28



            การว่าความของไอ้สิททำให้ผมรู้ว่าไอ้ผู้ชายที่ผมเคยด่าว่ามันเป็นไอ้ขี้แพ้ เป็นคนที่โคตรเก่งและดูมีอำนาจเมื่อจริงจังกับการทำงาน ไอ้สิทขอบคุณไอ้ตุลจนแทบจะถวายตัวให้ สุดท้ายมันเลยให้บัตรกำนัลพักโรงแรมมันฟรีตลอดชีวิตให้กับไอ้ตุล แต่พอผมขอบ้าง ไอ้สิทดันตอบว่า

            “ก็ให้ผัวเลี้ยงไปสิ!!!”

            ไอ้ห่า… นี่เพื่อนไงจำไม่ได้เหรอ

            สุดท้ายผมเลยด่าไอ้สิทไป เพื่อนกันทำแบบนี้มึงก็ไปคุยกับขี้ไป สุดท้ายแล้วผมก็ได้กิ๊ฟเซทของที่ระลึกชุดใหญ่จากคุณแม่ของไอ้สิทจนได้ ถึงผมจะเงียบๆแต่ความชั่วร้ายผมเพียบและไม่เป็นรองใคร

            ทุกอย่างกลับมาลงตัวเหมือนกับว่าสี่ปีที่แล้วมันเป็นเพียงแค่วันเดียวที่หายใจทิ้งก็ผ่านไป ผมยังคงทำงานเป็นอาจารย์ วุ่นวายกับการสอน ส่วนไอ้ตุลก็ย้ายเข้ามาอยู่ที่เดียวกันกับผม มันเองก็วุ่นกับงาน เราสองคนเลยนัดกันว่าสงกรานต์ว่าจะหาที่ไปเที่ยว แต่ก็ยังไม่ได้คุยกันสักที

            ผมไปถามพ่อว่าทำไมถึงได้นามบัตรของไอ้ตุลมา ที่น่าตกใจคือพ่อของผมดันเป็นรุ่นพี่ของพ่อของไอ้ตุลที่เคยเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันมาก่อน

            เอาจริงๆผมก็ชักจะเชื่อแล้วล่ะว่าเรื่องโชคอะไรนั่นอาจจะมีจริง เพราะพ่อผมบากหน้าไปคุยกับพ่อของตุลที่บ้าน ได้เรื่องได้ราวมาว่าเขายังคงไม่ยอมรับที่ลูกชายไปคบกับผู้ชาย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับลูก ในเมื่อตุลรักษาสัญญา ดังนั้นเขาก็จะไม่ยุ่งกับตุลอีก แต่ไม่ได้ถึงกับตัดพ่อตัดลูกนะ แค่ผมคงไม่สามารถโผล่หน้าไปไหว้พ่อของไอ้ตุลที่บ้านได้นั่นแหละ

            ช่วงนี้คนที่เห็นว่าชีวิตดูไม่ค่อยสงบเท่าไรก็คงจะเป็นไอ้ธาม ผมมักจะไปนั่งเล่นห้องมันเพราะอยู่คอนโดเดียวกัน อย่างที่ไอ้เจลสายลับหน้าหมาบอก ไอ้ธามโดนผู้ชายตามจีบจริงๆ วันนั้นผมเผลอเปิดห้องเข้าไปตอนที่มันกำลังทะเลาะกับรุ่นพี่ที่ตามจีบมัน ไอ้ธามไล่ตะเพิดไอ้ผู้ชายคนนั้นออกมา พอมันเห็นผมมันก็เลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง

            ปกติแล้วไอ้ธามเป็นคนที่มีเสน่ห์ไม่ว่าจะกับผู้หญิงและผู้ชาย แต่เพราะนานๆทีไม่ค่อยมีใครรุกใส่มันมาก่อนมันเลยคงรู้สึกเหมือนกับถูกเหยียบหน้าแล้วเอาตีนติดขี้หมามาขยี้ๆ ไอ้ธามบอกว่าไม่ช้าก็เร็วมันอาจจะต้องย้ายไปที่ใหม่ ผมเลยเสนอว่าถ้าจะย้ายอีกก็ให้ไปอยู่ในรูหนูเหอะ

            ส่วนไอ้เจลจะกลับไทยก็สิ้นปี ผมจะไม่พูดถึงเรื่องมัน เอาเป็นว่าช่วงนี้พ่อจรัส บราวน์กำลังมีความรัก ไม่ว่าจะโซเชียลกี่ช่องทางมันก็ดูจะเฮฮาลัลล้ากับชีวิตไปซะหมด แต่ประเด็นคือผมไม่เคยเห็นหน้าคนที่ไอ้เจลกำลังจู๋จี๋ดู๋ดี๋ด้วย เอาเป็นว่าถ้ามันยังไม่พาคนนั้นไปไหว้พ่อแม่ล่ะก็แสดงว่ามันยังไม่ชัวร์ว่าจะไปรอดมั้ย

            ไอ้ป้องรายนั้นก็หายหัว เหมือนว่าโรงงานกล่องกระดาษของพ่อมันทำกำไรมาได้ตลอด พอไอ้ป้องเข้าไปบริหาร กำไรดันหดหายเหมือนไอ้ป้องเป็นตัวซวย ตอนนี้ไอ้ป้องเลยโดนส่งไปทำงานกับน้าที่ไร่ชาที่เชียงใหม่ พอไอ้ป้องออกไป โรงงานกล่องกระดาษก็กลับมาทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำอีกครั้ง ตลกชิบ

            ส่วนผมกับตุล วันนี้เราสองคนตัดสินใจจะไปเยี่ยมเน

            ผมนั่งฟังเพลงไปเรื่อยเปื่อยระหว่างที่ไอ้ตุลขับรถเพื่อตรงไปที่หลุมศพของเน

            ถึงสี่ปีจะเป็นช่องว่างที่ผมกับตุลห่างกัน แต่เพียงไม่นานเราก็ใช้เวลาปรับตัวเข้าหากันได้ใหม่ ไอ้ตุลเล่าเรื่องมากมายก่ายกองที่มันเจอช่วงที่มันไปเรียนต่อ ส่วนผมก็เล่าเรื่องที่มหา’ลัยให้มันฟังไปเรื่อยเปื่อย

            แปลกที่ถึงแม้จะห่างกันไปนาน แต่มันเหมือนกับว่ามีอะไรดึงดูดให้ผมกับตุลยังคงพูดคุยกันได้เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน

            จนกระทั่งมาถึงหลุมศพ

            ผมวางตุ๊กตาเป็ดลงบนหลุมศพของเนพร้อมกับโทรศัพท์มือถือของเนที่ผมไม่คิดจะชาร์จมันขึ้นมาใหม่อีก แล้วเหม่อมองไปยังป้ายชื่อหลุมศพเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้มีใครอีกคนยืนอยู่ข้างๆผม

            มันอาจจะไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ผมกับตุลรักกัน เหตุผลมันอาจจะไม่มากพอด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร มันเหมือนกับว่าผู้ชายคนนี้เข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปของชีวิตผม

            การจากไปของเนและแม่ มันคือการสูญเสียมากเกินกว่าจะทนไหว ทั้งผมและตุลต่างก็เหมือนเสียสมดุลในชีวิต แต่เนก็รู้ ว่าถ้าเนไม่อยู่ คนสองคนที่จะเสียใจที่สุดกับการจากไปของมันคือผมและตุล และนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่เนขอเอาไว้ว่าถ้าเนตาย … เนอยากให้ผมสัญญาว่าผมจะดูแลผู้ชายที่มันรัก

            แต่มันไม่ได้บอกเอาไว้ว่า ผมกับตุลาการ จะได้รักกันในอนาคต

            ผมจับมือของตุล มันเองก็กระชับมือตอบกลับและเราสองคนจะจับมือกันแบบนี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ กูสัญญานะเนติ ว่ากูจะไม่ปล่อยมันไป กูจะดูแลตุลให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

            ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยทำให้กู ขอบคุณที่ถึงแม้กูจะสร้างปัญหาให้มึงมากมาย แต่มึงก็ไม่เคยลืมเลยว่ายังมีฝาแฝดคนนี้

            ‘ถ้าเราคนใดคนหนึ่งเกิดตายขึ้นมา มึงอยากให้กูทำไรสานต่อให้มั้ย’

            ‘ถ้ากูตาย ดูแลพี่ตุลให้หน่อยได้มั้ย’


            ได้ดิ

            กูเป็นพี่ชายมึงนะ กูทำให้มึงได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว

            แล้วตอนนี้ กูก็ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับมึงได้แล้วนะเน …

            ดังนั้น หลับให้สบายนะ … น้องชาย

            ไม่มีเรื่องอะไรที่มึงต้องห่วงแล้ว

                       

            ผมกับตุลใช้เวลาหลังจากเยี่ยมหลุมศพเน แวะไปหลุมศพแม่ ก่อนจะตรงไปเที่ยวทะเลแล้วค่อยจองโรงแรมนอนตอนดึกๆ พอถึงโรงแรมไอ้คนขับรถจำเป็นก็หลับเป็นตายด้วยความเหนื่อยล้า ผมใช้เวลาอาบน้ำสักพักก่อนจะเดินออกมานั่งมองคนที่หลับไม่รู้เรื่อง

            เมื่อตอนเจอกันแรกๆ มันเป็นผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องเลยในความคิดของผม เป็นไอ้ขี้เมา เป็นไอ้ขี้แพ้อ่อนแอยิ่งกว่าสิ่งมีชีวิตทุกตัวบนโลก ผมไม่เคยคิดจะสนใจสิ่งมีชีวิตแบบนั้นเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นผู้ชายที่เข้มแข็ง อ่อนโยน และไม่ยอมแพ้กับเรื่องไหนๆ

            ผมเองก็เป็นคนที่ปิดกั้นตัวเอง ไม่เคยพูดอะไรที่อยู่ในใจออกไปให้ใครได้ฟัง แต่มันเป็นคนแรกที่เหมือนกับว่าพอโดนจ้องตาแล้วความลับทุกอย่างในใจของผมก็รั่วไหลออกไป ไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นคนที่ดูมีอำนาจ แต่ตุลเป็นเพียงผู้ชายซื่อๆ ที่พร้อมจะรักษาสัญญาได้ทุกเรื่องและพูดทุกเรื่องที่อยู่ในใจของมันทำให้เราสองคนไม่ค่อยมีเรื่องตะขิดตะขวงใจสักเท่าไร ตุลเป็นผู้ชายที่ไม่ได้ดูน่ากลัว แต่กลับเป็นได้ทั้งเพื่อน น้องชาย และพี่ชายในเวลาเดียวกัน

            ผมอยากจะขอบคุณไอ้ตุลหลายๆเรื่อง ขอบคุณที่ทำให้ชีวิตผมไม่รู้สึกเงียบ ขอบคุณที่ทำให้ชีวิตมีสีสันตลอดแม้มันจะน่ารำคาญบ้างบางครั้ง แต่พอไม่มีมัน ผมก็เหมือนเคว้งคว้างอยู่คนเดียว

            นี่สินะความรักที่ใครๆหลายคนมักจะบอกว่ามันมีความสุขและทุกข์ไปพร้อมกัน

            ผมเกลี่ยปรอยผมที่ปรกหน้าของตุลไปทัดหูพลางมองมันนิ่งๆ ก่อนจะลุกเดินไปหาน้ำกินแถวตู้เย็นๆเล็กๆ คนที่หลับสนิทขยับตัวเหมือนละเมอ ก่อนจะพึมพำออกมาเสียงเบา

            แต่ผมกลับได้ยินชัดเต็มสองรูหู

            “นิ…”

            ไอ้ตุล ละเมอเรียกชื่อผม…

            ผมลูบใบหน้าร้อนผ่าวของตัวเอง ไม่อยากจะเชื่อหูเลยด้วยซ้ำแต่ก็แอบดีใจที่มันละเมอชื่อผมออกมา ถึงอยากจะให้เรียกมาตลอดก็เถอะแต่พอมาเจอเข้าจริงๆมันกลับขนลุกแปลกๆ ผมเดินกลับไปนั่งลงข้างเตียงแล้วกดจูบลงบนหน้าผากมันเบาๆ

            ขอบคุณที่มารักคนเอาแต่ใจแบบกู ถึงกูจะไม่เก่งเรื่องแสดงความรัก

            แต่กูเก่งเรื่องดูแลมึงนะ

            ผมฟุบหน้าลงบนเตียงข้างๆตุลาการพลางหลับตาลง มืออีกข้างผมจับมือของผู้ชายที่น้องชายผมรักและตัวผมเองก็รักเอาไว้

            ผมกับตุลไม่ได้ลืมเน ถึงแม้ว่าเรื่องราวที่ผ่านมามันจะเป็นเหตุการณ์ที่อยากจะลืมลงไป ถึงแม้เนจะจากไป แต่เนยังคงอยู่ในใจของผมและตุลตลอดไป

            ขอบคุณนะเน

            ของขวัญวันเกิดชิ้นนี้ของมึง กูจะดูแลอย่างดี

            เพราะของขวัญวันเกิดชิ้นนี้ มันคือความรักครั้งแรก

            และครั้งสุดท้าย

            ของผู้ชายที่ชื่อนิติ นิรันดร์กร

 

 


END





ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้น
ขอบคุณที่ติดตามกันแม้จะหายไปนาน
รักคนอ่านนะ จุ้บๆ


ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 28 Love is Last (05-07-60) [END]
«ตอบ #147 เมื่อ05-07-2017 23:21:22 »

จบแล้ว จบจริงๆ
ตุล นิ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณไรท์ ให้คนอ่านมีความสุข
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 28 Love is Last (05-07-60) [END]
«ตอบ #148 เมื่อ06-07-2017 01:50:54 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 28 Love is Last (05-07-60) [END]
«ตอบ #149 เมื่อ06-07-2017 08:51:48 »

 :pig4: :pig4: :3123: :3123: :กอด1: :กอด1: :mew1: :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด