(___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 28 Love is Last (05-07-60) [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 28 Love is Last (05-07-60) [END]  (อ่าน 59346 ครั้ง)

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ




LAST LOVE
by Jiwinil




'มึงให้สัญญากับกูได้มั้ย ว่าถ้ากูตาย มึงจะดูแลพี่เขาแทนกู'
'อือ กูสัญญา'

เรื่องที่แต่ง
EXCHANGE เอก วิน
Love Abyss หลงรัก
Scumbag
TAKE TURN สลับรัก
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-07-2017 21:03:04 โดย leenanhyun »

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 1
«ตอบ #1 เมื่อ27-07-2016 12:41:54 »

CHAPTER
1

 

            นายเนติ นิรันดร์กร

            ชาตะ 10 สิงหาคม 2535

            มรณะ 10 สิงหาคม 2557


           

            ถ้าวันหนึ่ง คนที่คุณรักที่สุดในชีวิตจากไป คุณจะทำอย่างไร
แล้วถ้าคนที่จากไป ฝากอะไรบางอย่างให้คุณได้สานต่อล่ะ … คุณจะทำมันหรือไม่

            เรื่องราวมันเกิดขึ้นกับผมหลังจากที่ฝาแฝดน้องของผมเสียชีวิตเพราะความประมาท ทั้งน้องชายของผมและคนขับรถตู้ รถของเนถูกชนท้ายตกจากสะพานหลังจากที่ส่งข้อความให้กับผมเพียงแค่เสี้ยววินาที

            ข้อความที่เราสองคนคุยข้ามประเทศ เป็นข้อความที่คุยกันเล่นๆว่า ถ้าใครคนใดคนหนึ่งตาย เราอยากจะให้ใครอีกคนสานอะไรต่อ

            ผมพิมพ์ไปว่า ‘กอดแม่’

            ส่วนน้องชายฝาแฝดของผมพิมพ์กลับมาว่า ‘ช่วยดูแลผู้ชายที่เขารักที่สุดให้หน่อย’

            ซึ่งเนคงได้สานต่อในสิ่งที่ผมอยากทำ เพราะว่าหลังจากที่เนตายไม่กี่อาทิตย์ต่อมา แม่ก็ตรอมใจตายตามแฝดน้องของผมไป

            ส่วนผม ผมไม่เคยผิดสัญญาที่ให้ไว้กับน้องชายตัวเอง

            แม้ว่าตัวผมจะอยู่ไกลค่อนโลก ผมก็บินกลับมาเพื่อสานต่อในสิ่งที่เนอยากให้ผมทำ

            ‘ก๊อกๆ’

            ผมเคาะหลังมือลงบนประตูไม้เบาๆพลางยืนพิงประตูแล้วจุดบุหรี่สูบ มืออีกข้างก็จับมือถือไล่ดูข้อความที่เคยคุยกับน้องชายฝาแฝด ซึ่งส่วนมากมีข้อความคิดถึงกับข้อความที่เกี่ยวกับผู้ชายที่ผมกำลังจะเจอ

            ‘ทะเลาะกับพี่ตุลว่ะ เบื่อ คิดมากอะไรนักหนาไม่รู้’

          ‘ดีกันแล้ว พี่ตุลโคตรน่ารักเลย’

          ‘นิ มึงดูดิพี่เขาซื้อสร้อยมาให้ด้วย’

          ‘อบอุ่นเนอะ ผู้ชายอะไรวะ’

          ‘เมื่อวานเผลอพูดออกไป ว่าถ้าวันนึงกูตายพี่เขาจะทำยังไง’

          ‘วันนี้วันเกิด พี่ตุลบอกว่าจะมารับ แต่ต้องรีบกลับไปหาแม่ก่อน’

          ‘ถ้าเราคนใดคนหนึ่งเกิดตายขึ้นมา มึงอยากให้กูทำไรสานต่อให้มั้ย’

          ‘ถ้ากูตาย ดูแลพี่ตุลให้หน่อยได้มั้ย’

            ประตูด้านหลังผมถูกกระชากเปิดออกจนทำให้ร่างของผมเกือบร่วงหัวโหม่งพื้น ถ้าไม่ติดที่ว่าฝ่ามือของคนในห้องดันแผ่นหลังของผมให้กลับมายืนตัวตรง

            กลิ่นเหล้าหึ่งเลยว่ะ

            พอหันไปประจันหน้าเท่านั้นแหละ ไอ้เจ้าของห้องที่เปิดประตูออกมาแม่งก็ทำหน้าเหมือนเห็นผี เห็นผีไม่พอ มือสากๆนั่นยังลากแขนผมเข้าไปในห้อง ไม่ทันได้พูดได้จามือของมันก็เลื่อนขึ้นมาจับหน้าผมพร้อมกับริมฝีปากที่พร่ำพรรณนาเหมือนคนบ้าไม่หยุดหย่อน

            “เน … เนเหรอ เน …”

          ‘พี่ตุลน่ารักเนอะ’

            ข้อความของเนผุดขึ้นมาในหัวผม ผมไล่ตามองสภาพคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ผู้ชายหัวยุ่งกระเซอะกระเซิงไว้เครารุงรังเหมือนมีไว้ให้เหานอนเล่น ขอบตาคล้ำริมฝีปากซีดอย่างกับคนติดยา

            ‘พี่ตุลอบอุ่นเนอะ’

            ฝ่ามือหยาบกระด้างลูบไล้ใบหน้าของผมราวกับจะทดสอบว่าทั้งหมดนี่เป็นความฝันหรือไม่ ลมหายใจที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้าและกลิ่นบุหรี่ คนตรงหน้าเคลื่อนใบหน้าของมันมาใกล้จนจมูกแทบจะชนกับแก้มของผมทำให้ต้องเบือนหน้าหนี

            ‘พี่ตุลโคตรสุภาพบุรุษเลย’

            ริมฝีปากที่เหมือนเพิ่งจะละจากขวดเหล้าบดเบียดลงบนปลายคางของผมอย่างน่ารำคาญ ผมกระชากหัวของคนตรงหน้าจนหน้าเชิดแล้วมองดวงตาสีดำสนิทที่ดูเลื่อนลอย

            “เน … เน …”

            “กูไม่ใช่เน กูชื่อนิติ เป็นแฝดพี่ของเน”

            “ไม่ เน … เน”

            ไอ้บ้านี่เพ้อเจ้อไม่ยอมหยุด สุดท้ายผมเลยต้องผลักมันลงไปนอนม้วนอยู่ที่พื้นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ครอบครองพื้นที่สมองของมันไปจนเกือบหมด

            “เน … เน” มากไปกว่านั้น มันยังนอนร้องไห้ได้อย่างน่าสมเพช

            นี่น่ะเหรอผู้ชายที่น้องชายผมชมว่าดีหนักดีหนา

            ก็แค่ไอ้ขี้เมาล่ะวะ

 

                       

            (you gotta be kidding me Niti!!!)

            “fuxx off”

            ผมวางโทรศัพท์จากฝรั่งเศสพลางถอนหายใจแล้วมองไปยังคนที่นอนก่ายอยู่บนเตียง ผู้ชายตัวสูงจนขาเลยออกจากปลายเตียง เทียบกับตัวน้องชายของผมก็คงจะเป็นตอม่อกับเสาไฟฟ้า

            ถึงฝาแฝดจะมีใบหน้าเหมือนกัน แต่ผมกับเนติต่างกันลิบลับ ทั้งนิสัย ร่างกาย หรือแม้แต่ความคิด

            เนเป็นผู้ชายประเภทที่ต้องพึ่งพาคนอื่น ส่วนผมเป็นประเภทที่พึ่งพาตัวเอง ผมชอบอยู่คนเดียว ทำตามใจตัวเองคนเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะสัญญาที่ให้ไว้กับน้องชายฝาแฝด

            ผมจะไม่มีวันยุ่งกับผู้ชายที่ชื่อว่า ตุลาการ

            หรือเรียกง่ายๆเลยว่า ผัวน้องชายตัวเอง

            “อือ” เสียงครางฮือบนเตียงดังขึ้นพร้อมกับไอ้ตุลที่ค่อยๆลุกขึ้นด้วยอาการปวดล้าตามร่างกาย ทำไมผมถึงรู้น่ะเหรอ ไปอยู่ฝรั่งเศสคนเดียว มันก็ได้อะไรมากกว่าขนมปังฝรั่งเศสก็แล้วกัน

            ผมมองสภาพพื้นห้องที่เกลื่อนไปด้วยเสื้อผ้าเน่าๆ กระป๋องเบียร์ ขวดเหล้า สารพัดข้าวของโสโครกที่สามารถทำให้คนๆหนึ่งซึ่งเคยดูดีกลับกลายเป็นขี้ยาข้างถนน

            ไอ้ตุลาการลุกขึ้นมานั่งแล้วกุมศีรษะเอาไว้ ผมมองแผ่นหลังเปลือยเปล่าของมันที่เต็มไปด้วยรอยแดงทั่วแผ่นหลังพลางพ่นควันบุหรี่ออกจากปาก

            “นี่น่ะเหรอผู้ชายที่น้องชายกูบอกว่ารักนักรักหนา”

            เสียงของผมทำให้ไอ้ตุลสะดุ้งแล้วหันมามองด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ มันเบิกตากว้างแล้วกระพริบตาปริบๆไม่ต่างจากเมื่อคืน จะต่างก็เพียงแค่ว่าเมื่อคืน มันเมา แต่ตอนนี้ มันไม่

            “เน…”

            “ก็เพิ่งบอกอยู่เมื่อกี้ ว่านี่น่ะเหรอผู้ชายที่น้องชายกูบอกว่ารักนักรักหนา”

            คนตรงหน้ากระพริบตาปริบๆเหมือนคนที่ยังประครองสติตัวเองกลับมาไม่ครบร้อย ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปคว้าผ้าขนหนูที่ห้อยอยู่ปลายเตียงพลางโยนไปให้คนที่ยังคงจ้องหน้าผมไม่ละไปไหน

            “ไปอาบน้ำ ทำตัวให้เหมือนคน แล้วออกมาคุยกัน”

            ผมเดินเลี่ยงเพื่อที่จะออกไปเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายนอกห้องนอน แต่กลับโดนฝ่ามือหยาบๆคว้าแขนเอาไว้ ริมฝีปากของตุลาการพึมพำเสียงแผ่ว

            “เน…”

            “กูชื่อนิติ เนติแฟนของมึงตายไปเมื่อเดือนที่แล้ว จำไม่ได้หรือไง”

            อาจจะดูใจร้ายที่ผมพูดจาแรงๆแบบนั้นออกไป ใครๆก็ว่าว่าผมใจร้าย งานศพน้องผมก็ไม่ไป งานศพแม่ผมก็ไม่ไป แล้วก็ไม่มีน้ำตาซักหยดให้ใครเห็น

            แต่มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น และมันก็ย้อนกลับไปแก้อะไรไม่ได้

            รู้แค่ว่าน้องชายกับแม่ผมตายแล้ว นั่นคือสิ่งที่ผมต้องยอมรับและใช้ชีวิตต่อไป

            รอจนเกือบชั่วโมงเจ้าของห้องถึงจะเสด็จออกจากห้องน้ำ คราบของคนขี้ยาเหลือทิ้งเพียงไว้แค่ขอบตาคล้ำๆกับใบหน้าซีดเซียว แต่เมื่อโกนหนวดโกนเคราจนหมด ไอ้ตุลาการมันก็กลับมาดูเป็นผู้ชายอบอุ่นของเนติคนเดิม

            สายตาของไอ้ตุลยังคงไม่ละจากผม มันยังคงมองหน้าผมด้วยสายตาที่ประหลาดใจ ผมถอนหายใจเบาๆแล้วขยี้ก้นบุหรี่ลงบนโต๊ะน้ำชาตรงหน้า

            “เข้าเรื่องเลยนะ”

            “เรื่อง … เรื่องอะไร?”

            “กูจะมาอยู่กับมึงตั้งแต่วันนี้”

            “!!!”

            “ช่วยเก็บห้องให้มันดูดีเหมือนก่อนที่เนจะตาย …” ผมมองสภาพห้องคอนโดที่รกยิ่งกว่ารังหนู พลางนึกไปถึงสิ่งที่เนชอบพูดถึงบ่อยๆเมื่อเราอยู่ไกลกัน

          ‘อยากให้มึงมาที่คอนโดพี่ตุลจัง คอนโดแบบที่มึงชอบเลยนะ สะอาดแล้วก็ดูดีมาก มึงคงชอบเหมือนกู’

            ‘พี่ตุลเป็นคนคิดมากแบบโคตรๆเลย จะทำยังไงให้พี่ตุลหายคิดมากดี’

            “แล้วอีกอย่าง” ผมเงยหน้ามองผู้ชายที่ดูจะตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตกใจกับตัวผม และตกใจกับสิ่งที่ผมพูดออกไปไม่หยุดปาก ซึ่งผมไม่คิดจะอธิบายอะไร

            เพราะทุกอย่างมันอธิบายในตัวของมันเองอยู่แล้ว

            “เนอยากให้กูมาดูแลมึง นั่นคือคำขอของเนก่อนตาย”

            “ดูแล?” ตุลาการถามขึ้นด้วยความสงสัยที่คงอัดอั้นในใจมันเต็มแก่ ผมนั่งประสานมือมองผู้ชายตรงหน้าที่สวมเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นสีดำ

            “ผมไม่ต้องการให้ใครมาดูแล ผมอายุ 24 แล้วนะคุณ”

            “ผมก็ไม่ต้องการดูแลคุณ ถ้าไม่ใช่ว่าผมสัญญากับน้องชายของผม”

            คนตรงหน้าส่ายหน้าแล้วหัวเราะออกมาเป็นเชิงว่าผมเข้าใจอะไรผิด

            “คุณคิดผิดหรือเปล่า ต่อให้คุณหน้าเหมือนกัน ต่อให้พวกคุณเป็นฝาแฝดกัน แต่ผมไม่ได้รักเนที่หน้าตา ผมรักเนที่เนเป็นเน ไม่ใช่ใครหน้าเหมือนก็จะมาแทนที่ได้”

            เหอะ ใครกันแน่ ที่ไม่เข้าใจอะไรเลยวะ

            “แล้วคุณคิดว่าผมอยากทำนักหรือไง คุณคิดเหรอว่าผมอยากมาแทนที่น้องชายของผม”

            “…” ไอ้ตุลเงียบไป สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีเท่าไร

            “บอกไว้เลยนะ กูไม่คิดจะแย่งผัวของเนหรอก แต่กูไม่เคยผิดสัญญาที่ให้ไว้กับเน”

            ผมมองหน้าตุลาการด้วยแววตาว่างเปล่า

            “แล้วไม่ใช่เพราะจำต้องทำ แต่เพราะอยากทำ ทีนี้ก็เลิกสงสัย เลิกถาม แล้วเก็บห้องทำตัวให้สมเป็นเด็กนิติฯอย่างที่ไอ้เนชอบอวดให้ฟังบ่อยๆที”

           

 

            ทุกสิ่งทุกอย่าง มันย่อมร่วงโรยไปตามกาลเวลา เหมือนกับคน ที่สักวัน ก็ต้องตาย

            แต่ก่อนตาย เราได้ทำสิ่งที่เราอยากทำที่สุดแล้วหรือยัง

          ‘นิติ … พี่เคยรักใครสักคนมั้ย’

            ‘แค่กๆ’

            ผมลุกขึ้นจากโซฟาแล้ววางหนังสือลงบนพื้นก่อนจะเดินเข้าไปที่ห้องนอนของเจ้าของห้องแล้วมองสภาพของตุลาการที่เมาเหมือนหมากลับมาถึงห้องก็เอาแต่นั่งจุ่มหัวลงชักโครก

            คืนแรกที่ผมใช้ชีวิตอยู่กับแฟนของน้องชายตัวเอง

            ถึงห้องจะสะอาดและดูน่าอยู่ แต่คนในห้องไม่ได้ทำให้อยากอยู่ด้วยเลยสักนิด

            ผมกดโทรศัพท์ต่อสายไปยังพ่อแท้ๆของตัวเองที่มีสภาพคงไม่ต่างกับผู้ชายที่ชื่อตุลาการ

            (ว่าไง)

            “ป๊า พรุ่งนี้ผมอยากไปสมัครเรียนที่มหา’ลัย น่าจะโอนจากมหา’ลัยที่ฝรั่งเศสได้ ป๊าติดต่ออาจารย์ที่มหา’ลัยที่ปารีสให้หน่อยได้มั้ย”

            (ทำไมไม่กลับไปเรียนที่นู่นเลยล่ะ)

            “ถ้าผมกลับไปฝรั่งเศส ป๊าจะทิ้งผมไปอีกคนมั้ยล่ะ”

            ไม่มีเสียงตอบจากปลายสาย พ่อของผมวางโทรศัพท์แล้วปล่อยให้ตัวผมเองจมกับความว่างเปล่า ผมมองสภาพของผู้ชายที่นอนห้อยอยู่ที่ชักโครกก่อนจะเดินเข้าไปลากมันลงอ่างอาบน้ำแล้วเปิดน้ำฝักบัวราดใส่ตัวของไอ้ตุล

            ผมอยากจะพูดกับเน ถ้าเนยังอยู่

            ถ้ามีรัก แล้วต้องมีจาก ถ้าจากกันแล้วจะต้องทรมานขนาดนี้

            ผมเลือกไม่มีความรักยังจะดีกว่า

            “เน…” เสียงพึมพำจากคนๆเดิม คนที่ผมเจอหน้ายังไม่ถึงสองวัน ผมขมวดคิ้วมองผู้ชายที่นอนละเมออยู่ในอ่างอาบน้ำพลางค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของเขาถอดออกจากตัว

            ถ้ามันเป็นกรรมที่ผมเคยทำไว้กับเนติล่ะก็

            ผมจะไม่แปลกใจเลยที่ทำไมผมต้องมาชดใช้กรรมเหล่านั้นกับคนที่น้องชายผมรัก

            “กูนิติ ไม่ใช่เนติ” จะต้องให้บอกกี่รอบกันวะ




             TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-10-2016 18:58:23 โดย leenanhyun »

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 2 Love is Share (28-07-59)
«ตอบ #2 เมื่อ28-07-2016 10:09:54 »

Chapter
2

 

              ฝาแฝด เมื่อขาดคนใดคนหนึ่งไป ก็เหมือนกับขาดอีกครึ่งของชีวิตไป

              “น้องชายตายทั้งคนไม่มีน้ำตาสักหยด”

              คำพูดของญาติๆที่คอยตั้งคำถามเกี่ยวกับตัวผมตั้งแต่เกิดมาเป็นฝาแฝดของเนติ เด็กผู้ชายที่ดีพร้อมทุกอย่าง เนไม่เคยมีเรื่องต่อยตีจนต้องโดนย้ายไปเรียนต่างประเทศ เนเรียนเก่ง เนเป็นเด็กดี ใครๆก็รักแฝดน้องของผม

              ผิดกับผม ที่เกเรท้าตีท้าต่อยจนถูกพ่อส่งไปดัดนิสัยถึงฝรั่งเศส

              เพราะแบบนั้นผมกับเนเลยห่างกัน ไม่ค่อยสนิทกันเหมือนแต่ก่อน แต่ถึงกระนั้นสายสัมพันธ์ระหว่างฝาแฝดมันก็ไม่เคยจางหายไป

              ‘อยากได้อะไรกูจะหาให้ โอเคป่ะ ไม่ต้องมาบ่นว่าเกรงใจ กูพี่มึง’

              ‘อยากให้มึงกลับบ้านไวๆ คิดถึงนะพี่นิ’

              ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ใบหน้าของเนมันชัดเจนอยู่ในสมองเพราะมันคือใบหน้าของตัวผมเอง ผมถอนหายใจเบาๆพลางหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ตุลาการที่ไม่รู้หายเมาตอนไหนนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างโซฟา เจ้าตัวหันมามองผมแวบหนึ่งก่อนจะหันไปมองจอกำแพงที่มีรูปเนติดอยู่

             “เหมือนกันมาก” เสียงพึมพำของเจ้าของห้อง ในฝ่ามือของตุลถือตุ๊กตาเป็ดตัวใหญ่อยู่

              จะไม่ให้เหมือนได้ไง ก็ฝาแฝดกันนี่

             “เนไม่เคยบอกล่ะสิว่ามีฝาแฝด” ผมถามขึ้น เพราะดูจากตอนที่เจอหน้ากัน ไอ้ตุลดูตกใจจนตาแทบถลน นอกจากเพื่อนๆที่สนิท เนก็ไม่เคยบอกใครว่ามีฝาแฝด ไม่ใช่เพราะไม่ชอบที่มีคนหน้าเหมือนกันเกิดมาพร้อมกัน แต่เป็นเพราะผมทำเรื่องแย่ๆเอาไว้ และเนมักจะเป็นคนรับแทนในสิ่งที่ผมได้ทำผิดลงไป

              ผมถึงบอกไง ว่ามันเป็นกรรมที่ผมทำไว้กับเน

              เนไม่เคยเกี่ยงที่จะยอมรับหมัดแทนผมเลยสักครั้ง

              “อือ แค่บอกว่ามีพี่ชาย”

              “ถ้าเลือกเกิดได้ กูก็ไม่อยากหน้าเหมือนน้องชายตัวเองหรอก” ผมว่าแล้วนอนหันหลังให้กับคนที่นั่งพิงโซฟาอย่างหมดอาลัยตายอยาก ผมจำตุ๊กตาเป็ดในอ้อมกอดของตุลาการได้

                เนชอบเป็ด

               “จำเป็นต้องนอนที่นี่ด้วยเหรอ” ตุลาการถามเสียงเรียบ ผมครางในลำคอเบาๆ

               “อือ” อยากอยู่ที่นี่ เพราะว่ามันเต็มไปด้วยความทรงจำดีๆของเนเต็มไปหมด

               “มันเหมือนฝันร้ายรู้มั้ย ที่จะต้องตื่นมาเจอหน้าคนที่หน้าเหมือนกับคนที่ตายไปแล้วทุกเช้า”

                คำพูดที่ดูเหมือนอยากจะไล่ผมออกจากห้องเพราะหน้าผมเหมือนกับผู้ชายที่ทำให้ตุลาการกลายเป็นไอ้ขี้เมาขี้เหล้า

                ผมหัวเราะนิดๆ

              “เพราะแบบนี้ ถึงกลับห้องดึกแล้วก็เมากลับมาสินะ มึงไม่ชอบหน้ากูขนาดนั้นเลยดิ”

            เมากลับมา จะได้ไม่รู้ว่ามีผมอยู่ในห้อง ฉลาดคิดนี่ แต่ก็โง่พอๆกัน

            “ออกไปเถอะนิติ ผมดูแลตัวเองได้ไม่ต้องให้ใครมาดูแล ยิ่งคุณอยู่ที่นี่ มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่”

            “มึงพูดเองว่าไม่ได้รักเนที่หน้า นิสัยกูกับเนมันต่างกันฟ้ากับเหวอยู่แล้ว”

            “…”

            “กูจะอยู่ที่นี่ ถ้ามึงจะเมากลับมาทุกคืนเพื่อหนีหน้ากูนั่นก็เรื่องของมึง แต่ถ้าคิดว่าทำแล้วเนติจะมีความสุข ก็คิดใหม่ซะนะ”

            ผมตัดบทสนทนาเพียงแค่นั้นพลางคว้าเสื้อคลุมของตัวเองเดินออกมาจากห้องของไอ้ตุล ยอมรับว่าตัวผมเองใจร้ายที่เอาหน้าเหมือนกับน้องชายไปโผล่ให้แฟนน้องเห็นบ่อยๆ

            แต่สัญญาคือสัญญา

            ผมต่อสายโทรศัพท์ไปยังเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันนานตั้งแต่ผมโดนส่งไปเรียนที่ฝรั่งเศส ไม่นานผมก็มาหยุดอยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมูข้างถนนที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

            “ไอ้นิ”

            วงแขนกว้างกระชับกอดผมด้วยความคิดถึง ผมกอดตอบไปด้วยความคิดถึงเพื่อนสนิทของตัวเองพอๆกัน คนตรงหน้าผมชื่อสิท เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม กลุ่มเรามีสมาชิกกันห้าคน ซึ่งตอนนี้ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง

            ผมไม่ค่อยรู้ข่าวเพื่อนแต่ละคนมากเท่าไรเพราะไม่ได้ติดต่อกันเลยตั้งแต่จบม.6 มีก็แค่ไอ้สิทเนี่ยแหละที่ยังคุยกันบ่อยๆ

            ซึ่งตอนนี้ก็ผ่านมาสองปีกว่าแล้ว

            “จะย้ายมาเรียนที่กรุงเทพฯเนี่ยนะ” ไอ้สิทมีท่าทีตกใจหลังจากที่ผมเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง อันที่จริงเพื่อนทุกคนต่างก็เป็นห่วงผม พวกมันไปงานศพทั้งของเนและของแม่ผม

            “ให้ป๊าทำเรื่องโอนให้ว่ะ ว่าแต่มึงอ่ะ เรียนเป็นไงวะ” ผมถามไอ้สิท มันก็ยักคิ้วหลิ่วตาตามประสาคนที่โดดเรียนเป็นเรื่องปกติ

            “ก็เฉยๆว่ะ ชีวิตเรื่อยๆ มึงไม่โทรหาไอ้เจลบ้างเหรอ มันโคตรห่วงมึงเลยรู้มั้ย”

            “ไม่ว่ะ กลับมาก็เจอหน้าอยู่แค่สองคน มึงกับ…” ผมเงียบไปเมื่อนึกถึงใครอีกคนที่ไม่รู้ป่านนี้จะตรอมใจแขวนคอตายตามน้องชายของผมไปหรือยัง ยอมรับว่าไอ้ตุลาการอะไรนั่นทำให้ผมหัวปั่นได้พอสมควรตั้งแต่มาเหยียบประเทศไทย

            เนชอบอะไรแบบนี้งั้นเหรอ

            ผมไม่เคยเข้าใจเลยสักนิด

            “ช่างเหอะ”

            “พวกกูรู้นะว่ามึงเป็นคนยังไง แต่บางเรื่องก็บอกพวกกูได้นะเว้ย มึงไม่ต้องเก็บไว้คนเดียวก็ได้ไม่มีใครด่าหรอก” ไอ้สิทบีบไหล่ผมเบาๆ ฝ่ามือหนักๆของมันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย

            ผมยิ้มมุมปากเหมือนทุกๆครั้งที่มีเรื่องอะไรหนักใจ ซึ่งเป็นเชิงบอกพวกเพื่อนๆว่ากูโอเค กูแค่ไม่อยากพูดถึงมัน มันผ่านไปแล้ว สิ่งที่ต้องทำคือทำตอนนี้ให้ดีที่สุด

            “แล้วจะเข้าเรียนที่ไหนวะ”

            “ยังไม่รู้เลยว่ะ แค่อยากเรียนให้จบ ถ้าทำเรื่องไม่ได้ คงต้องหางานทำ”

            “เออ มีไรให้ช่วยก็บอกพวกกูนะ”

            “อยากเจอพวกมึงทุกคนว่ะ” ผมพูดเบาๆ ไอ้สิทยิ้มมุมปากอย่างสู่รู้

            “อยากเมาก็บอก เออไว้กูนัดให้ พวกมันไม่เกี่ยงหรอกถ้าเป็นมึง”

            “เออรู้ก็ดี ใครเกี่ยงกูตัดให้เป็ดกินแน่”

            “โห ไอ้โหด!”

            ผมกับสิทคุยกันเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งมันขอตัวกลับ สุดท้ายผมเลยไม่มีอะไรทำ จะกลับไปห้องไอ้ตุลก็ยังไม่อยากกลับ เลยเดินร่อนเร่ไปทั่ว สองปีที่ผมจากไปอะไรๆก็เปลี่ยนไปเยอะ

            นิสัยเกเรสมัยเด็กๆของผมมันก็หายไป เพราะว่าจากที่โดนตามใจ กลายเป็นต้องพึ่งตัวเอง

            รอจนเกือบตีสามผมถึงได้พาตัวเองกลับมาที่ห้องของตุลาการ เรื่องกุญแจห้องผมได้มาจากไอ้ตุลที่เป็นคนเก็บของๆเนไว้ทุกอย่าง ทั้งกระเป๋าสตางค์ มือถือ หรือแม้แต่สร้อยที่ไอ้ตุลเคยให้เนไว้ผมก็ริบมาเก็บไว้กับตัวทั้งหมด

            ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องพลางสอดสายตาไปทั่วห้อง ป่านนี้เจ้าของห้องคงหลับไปแล้ว

            ขาสองข้างของผมพาตัวเองไปหยุดยืนอยู่ที่ประตูห้องที่ถูกเปิดกว้างอยู่ ไอ้ตุลนอนหลับอยู่บนเตียง ผมมองภาพๆนั้นพลางเปิดรูปในโทรศัพท์ดู รูปที่เนเคยส่งมาให้ผมตอนที่เนเคยยืนอยู่ตรงนี้

            ‘พี่ตุลหลับปุ๋ยเลย’

             ผมหัวเราะกับข้อความที่ผมคุยกับเนเรื่อยเปื่อย ถึงจะมีเนฝ่ายเดียวที่พิมพ์ไว้ซะเยอะแยะและผมตอบกลับไปแค่อืม ก็ดี แต่เนก็ยังขยันจะเล่าเรื่องราวในชีวิตให้ผมฟังตลอด

             ถ้าได้ฟังจากปากก็คงจะดี

             สุดท้ายผมก็ทำเพียงแค่ดึงประตูห้องนอนของไอ้ตุลปิดลงเบาๆแล้วเดินไปล้มตัวลงนอนบนโซฟากว้างพลางพยายามข่มตาหลับ

             ปล่อยให้อีกคืนผ่านไป พร้อมกับสัญญาของเนติที่กำลังค่อยๆถูกสานต่อ

 

 

             ‘เพล้ง’

             แก้วน้ำใบใหญ่ร่วงลงจากมือของเจ้าของห้องเมื่อตุลาการเห็นใบหน้าผมผ่านทางกระจก ผมถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้องนอนของมันเพื่อที่จะเอาเสื้อผ้าของเนมาสวม คนที่กำลังแปรงฟันแล้วเปิดประตูห้องน้ำค้างไว้คงจะตกใจที่เห็นแฟนตัวเองที่ตายไปแล้วมาโผล่อยู่ในกระจก

            กว่าจะชินก็คงอีกนานมั้ง

            ผมเดินเข้าไปหาคนที่ยืนก้มหน้ามองอ่างล้างหน้าไม่พูดไม่จา ก่อนจะจับขาของไอ้ตุลให้เขยิบออกไปเพราะกลัวแก้วจะบาด

            มือสองข้างของผมจับผ้าปูพื้นแล้วกวาดเศษแก้วพวกนั้นเพื่อเอาไปทิ้งถังขยะ

            ไม่มีบทสนทนาระหว่างผมกับไอ้ตุล

            ผมเลือกทำอาหารง่ายๆอย่างแซนวิชแล้วก็ไข่ดาวกับกาแฟ เห็นเนบอกว่าไอ้ตุลชอบกินกาแฟ ผมทำทุกอย่างแล้ววางไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินกลับไปนั่งอ่านหนังสือที่โซฟาราวกับว่าชีวิตว่างหนักหนา

            คนตัวสูงเดินออกมาจากห้องนอนด้วยอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ตุลาการมองหน้าผมแล้วเสยผมขึ้นไปลวกๆด้วยความอึดอัดพลางเดินตรงไปห้องครัว ไม่นานนักเจ้าตัวก็โผล่หัวออกมา คิ้วขมวดจนแทบจะผูกเป็นปม

            “กาแฟ?” ไอ้ตุลเลิกคิ้วเป็นเชิงสงสัย ผมไม่ได้เงยหน้าจากหนังสือ แค่ตอบไปตามที่มันอยากรู้

            “เนบอกทุกเรื่องเกี่ยวกับมึงให้กูฟัง”

            “…” เจ้าของห้องไม่ได้พูดอะไรอีก แค่เดินหายเข้าไปในครัวแล้วนิ่งเงียบไป

            Rrrr Rrrr

            เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น ชื่อบนหน้าจอเป็นชื่อที่ผมไม่อยากจะสนทนาด้วยในตอนนี้

            “Hi” ผมทักทายอย่างลวกๆ ปลายสายรัวกลับมาด้วยความโมโหที่ผมไม่ได้บอกเธอว่าจะกลับไทยกะทันหัน และมีอีกเรื่องก็คือ ผมคงไม่กลับไปที่ปารีสอีกแล้ว

            (Niti, where are you) เบอร์โทรศัพท์นี่ เจ้าตัวคงได้จากพี่ที่ทำงานพิเศษด้วยกันกับผม

            “I don’t know where I am” (ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมอยู่ที่ไหน)

            (Stop joking around, will you come back to Paris?) (อย่าเล่นน่า จะกลับมาปารีสมั้ย)

            “No, sorry for not telling you, thanks for everything” (ไม่ ขอโทษที่ไม่ได้บอก ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง)

            (You ok right?) (โอเคหรือเปล่า)

            “I don’t know either” (ไม่รู้เหมือนกันว่าโอเคมั้ย)

            (don’t be such an idiot who doesn’t know your own feeling, if you wanna cry, then cry) (อย่าทำตัวเหมือนคนโง่ที่ไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง ถ้าอยากร้องไห้ ก็ร้องไห้ซะสิ)

            “I don’t wanna cry, gotta go now, thank you Joanna and ... goodbye” (ไม่ได้อยากร้องไห้ ไปก่อนนะ ขอบคุณโจแอนนา แล้วก็ … ลาก่อน)

            ผมกดสายทิ้งแล้วเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง โจแอนนาเป็นผู้หญิงที่คอยตามตื้อผมเมื่อตอนที่ผมอยู่ปารีส เธอเป็นคนดีแต่ผมไม่ได้ชอบเธอ ตอนกลับกรุงเทพฯผมก็ไม่ได้บอกใครว่าจะกลับนอกจากพี่ที่ทำงาน ผมนั่งเงียบๆอยู่คนเดียวก่อนจะสะดุ้งไปเมื่อขวดน้ำเย็นๆสัมผัสที่แก้ม ผมรับขวดน้ำจากเจ้าของห้องมาดื่มในขณะที่ตุลาการนั่งลงข้างๆผม

            เจ้าตัวหันมามองหน้าผมอย่างพินิจพิจเคราะห์

            คงจะหาจุดไม่เหมือนกันเหมือนเล่นเกมจับผิดภาพของผมกับเนล่ะมั้ง

            “ถ้ามองใกล้ๆ ก็ต่างกันอยู่” คนตรงหน้าพึมพำ ผมเลิกคิ้ว

            “ต่างกันตรงไหน ขนาดพ่อยังแยกเราไม่ออกเลยด้วยซ้ำ”

            “เนไม่มีแผลเป็นที่หางคิ้ว” มือของไอ้ตุลถือวิสาสะแตะปลายคิ้วของผม จนกระทั่งฝ่ามือหยาบๆของมันแตะลงบนแก้มของผม

            “ผิวเนไม่กระด้างแบบนี้” เหอะ ผมควรจะดีใจกับคำพูดนี่มั้ย

            “เนไม่เจาะหู แล้วก็ไม่ชอบไว้ผมยาว” ตุลาการจับใบหูของผมที่มีจิวหูสีดำติดอยู่ แล้วก็เลื่อนไปถึงปรอยผมที่ยาวประบ่า

            ผมยิ้มจางๆแล้วยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจอะไร

            “ดีแล้ว แล้วก็จำใส่หัวไว้ว่าคนละคน จะได้ไม่ตกใจทำข้าวของแตกอีก”

            ผมทำท่าจะลุกขึ้นจากโซฟา แต่มือหยาบๆของไอ้ตุลคว้าผมไว้อีกครั้ง คราวนี้มันลากผมให้นั่งลงที่เดิมแล้วเคลื่อนใบหน้าของมันเข้ามาใกล้ ผมไม่ได้รังเกียจหรืออะไร ไม่ได้ตกใจหรืออยากจะผลักไส อยู่ที่ปารีสผมก็เจออะไรแบบนี้จนชิน

            “แต่มีอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน” ไอ้ตุลทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ผมยิ้มแหยๆส่งให้มัน

            ยังไม่ทันไรริมฝีปากอุ่นๆก็ประทับลงบนริมฝีปากของผมราวกับโหยหา ผมเบิกตากว้างแล้วเบือนหน้าหนีไอ้ตุลที่บีบแขนผมแน่นไม่ยอมปล่อย ลมหายใจหนักๆของตุลาการเป่ารดปลายจมูกของผมราวกับว่ามันทรมานจนอยากจะหายไปจากโลกนี้ซะ

            ผมใช้แรงเฮือกใหญ่ผลักไอ้ตุลกระเด็นออกไป ไม่ลืมที่ฟาดหมัดใส่ปลายคางมันจนหน้าหงาย ตุลาการนั่งกุมคางของตัวเองเอาไว้เงียบๆผิดกับผมที่หอบจนตัวโยนด้วยความโมโห

            ถ้ามันทำแบบนี้กับผม แสดงว่ามันก็เคยทำกับเน

            แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องคิด

            นอกซะจากว่า

            “กูไม่เคยคิดจะแทนที่เน จำใส่หัวไว้”

            “ขอโทษ แค่เผลอไป …”

             ผมนิ่งแล้วยืนมองหน้าไอ้ตุลด้วยความไม่เข้าใจ

            “ผมแค่จะบอกว่าพวกคุณสองคนเหมือนกันที่ว่าเข้มแข็งเหมือนกัน”

            “ห่ะ…”

            “ไม่ว่าจะเจ็บสักแค่ไหน ผมก็ไม่เคยเห็นน้ำตาจากเนเลยสักครั้ง ไม่ว่าเนจะโดนไอ้กุ๊ยที่ไหนตีกลับมา เนก็ไม่เคยร้องไห้ให้ผมเห็น”

            สิ่งที่ตุลาการพูดออกมามันเหมือนเป็นดาบคมกริบที่แทงซ้ำๆลงบนร่างกายของผม เมื่อก่อนผมมีเรื่องบ่อย จนไอ้พวกกุ๊ยนั่นแค้น แต่ผมดันโดนย้ายไปเรียนที่ฝรั่งเศส เนเลยโดนไอ้พวกเวรนั่นมากระทืบเพราะนึกว่าเป็นผม

            ผมทำให้เนเจ็บ ผมไม่เคยลืมเรื่องนั้น

            “ผมแค่อยากบอกว่า ถ้ามันทรมาน ไม่เห็นจำเป็นต้องเก็บเอาไว้คนเดียวเลย”


             TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-08-2016 19:39:15 โดย leenanhyun »

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 3 Love is Realize (30-07-59)
«ตอบ #3 เมื่อ30-07-2016 21:11:01 »

Chapter
3

 

           “แค่อยากบอกว่า ถ้ามันทรมาน ไม่เห็นจำเป็นต้องเก็บเอาไว้คนเดียวเลย”

            ผมล่ะเกลียดพวกที่สู่รู้ไปซะทุกเรื่องทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง

            หลังจากบทสนทนาของผมกับไอ้ตุลจบลงด้วยความเงียบ เราสองคนก็ต่างแยกย้ายกันเข้านอน มันเดินกลับเข้าไปนอนในห้องแล้วปิดประตูลง ส่วนผมนอนก่ายหน้าผากอยู่ที่โซฟา

            จนกระทั่งประมาณตีสองกว่าๆถึงได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นหน้าห้อง ตุลาการพรวดพราดเปิดประตูออกมาจากห้องนอนแล้วเดินไปที่ประตูหน้าห้อง ผมมองด้วยหางตาแล้วหลับตาลงเพราะไม่อยากรับรู้อะไรมากไปกว่านี้

            “โอเคมั้ยวะ” เสียงไอ้ตุลถามคนที่เหมือนกำลังเดินเข้ามาในห้อง ผมเงยหน้าไปมองผู้ชายที่ตัวสูงพอๆกับตุลาการ ไอ้หมอนั่นเองก็มองมาที่ผม มันหน้าซีดเหมือนเจอผี ผมทำเพียงแค่ปรายตามองแล้วหันกลับมาเอาหนังสือปิดหน้านอนตามเดิม

            “เชี่ยตุล นั่นมันเน…”

            “นั่นพี่ชายฝาแฝดของเน ชื่อนิติ”

            “ขนกูลุกไปหมดเลยห่า ทำไมไม่บอกให้เร็วๆวะ เออว่าแต่เนมีฝาแฝดด้วยเหรอวะ”

            ผมทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินบทสนทนานั้น แต่ไอ้ตุลมันคงจะมีความเกรงใจอยู่บ้างเลยลากเพื่อนมันหายเข้าไปในห้องนอนแล้วปิดประตูลง แต่ถึงอย่างนั้นเสียงของเพื่อนไอ้ตุลก็ใช่ว่าจะเบา

            “เขาสัญญากับน้องชายว่าจะดูแลกูก่อนที่เนจะตาย”

            “แล้วเขามาอยู่กับมึงเนี่ยนะ”

            “อือ จะให้กูทำไง เขาบอกสัญญาเป็นสัญญา เขาไม่เคยผิดสัญญากับน้องชาย”

            “บ้าแล้ว มึงต้องตื่นมาทุกเช้าเจอหน้าผู้ชายที่เหมือนกับเนเนี่ยนะ หลอนตายห่า”

            “เชี่ยตาม ปากมึงนี่ ผีเจาะปากมาพูดเหรอวะ”

            “เอ้า กูพูดตามจริง ว่าแต่มึงเหอะ ดูเป็นคนขึ้นนะ หรือว่าเหมือนเจอเนอีกรอบเลยรู้สึกดีขึ้นวะ”

            “ดีกับผีมึงดิ กูผวาทุกครั้งเวลาเห็นหน้าเขาด้วยซ้ำ”

            ถ้าจะนินทาคนอื่น ก็นินทาให้มันเบาๆหน่อยไม่ได้เหรอวะ

            ผมกระชับนาฬิกาปลุกดิจิตอลในมือแล้วปาไปที่ประตูห้องของไอ้ตุลเพื่อบอกว่ากูนอนฟังอยู่นะ ช่วยพูดจาให้มันดีๆ ไม่ก็พูดเบาๆชนิดที่ว่าไม่ต้องให้กูได้ยินได้หรือเปล่า

            น่ารำคาญ

            ดูเหมือนคนในห้องจะรู้ตัว พวกมันลดวอลุ่มเสียงลง แต่ก็ยังได้ยินชัดแจ๋วอยู่ดี

            “แล้วมึงจะเอาไงต่อ”

            “โชคดีที่มึงมา กูขอไปนอนบ้านมึงซักอาทิตย์สองอาทิตย์ได้มั้ยวะ”

            “เออมาดิ กูไม่อะไรอยู่แล้ว แล้วพี่ของเนจะไม่โกรธเอาเหรอ”

            “ไม่รู้ว่ะ กูอยู่กับเขาแล้วอึดอัด”

            “เอ้า ตลกป่ะเนี่ยไอ้ตุล แล้วมึงจะให้พี่เขาดี๊ด๊ามาทักทายเซฮัลโหลกับมึงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ น้องชายเขาตายในวันเกิดนะเว้ย ฝาแฝดเกิดวันเดียวกัน มึงโง่ป่ะเนี่ย”

            “…”

            “นั่นก็หมายความว่าทุกวันเกิดของเขา เขาต้องรู้สึกแย่เพราะมันเป็นวันที่น้องเขาตายไง”

            ‘ปัง’

            ผมฟาดประตูปิดเสียงดังแล้วพาตัวเองออกจากห้องของไอ้ตุลโดยไร้จุดหมาย แค่ไม่อยากฟังบทสนทนาพวกนั้นต่อ ขาสองข้างของผมก้าวฉับๆลงไปตามบันไดหนีไฟก่อนที่มันจะอ่อนแรงลงดื้อๆ

            หลังของผมชนกับกำแพงแล้วค่อยๆทรุดลงนั่งลงที่บันได ผมกุมใบหน้าของตัวเองเอาไว้พลางขยี้หัวตัวเองด้วยความหงุดหงิดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

            “นั่นก็หมายความว่าทุกวันเกิดของเขา เขาต้องรู้สึกแย่เพราะมันเป็นวันที่น้องเขาตายไง”

            ‘มึงอยากได้ของขวัญอะไรมั้ยนิ’

          เสียงของเนแทรกขึ้นมาในหัวของผม ผมจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ ก่อนจะลูบใบหน้าตัวเองแรงๆ

            ตอนนั้นผมไม่ได้ตอบว่าอยากได้อะไร

            แต่ตอนนี้ผมอยากขอ

            “ขอให้มึงไม่ตายได้มั้ยวะเน”

           

 

            ผมลงเอยด้วยการนอนหลับคาบันไดหนีไฟที่เวลาตีสองคงไม่มีใครออกมาเดินเล่น รู้สึกตัวอีกที แสงตะวันจากด้านนอกก็ลอดผ่านกระจกบานเล็กเข้ามากระทบกับตา ผมค่อยๆกระพริบตาไล่ความง่วงและบิดตัวไล่ความเมื่อยพลางพยุงตัวเองลุกขึ้นยืน

            สภาพของผมยังอยู่ในเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีดำ ชุดนอนเมื่อคืน

            Rrrr Rrrr

            เสียงโทรศัพท์ที่ผมคว้าออกมาด้วยดังขึ้น ผมมองเบอร์ที่ไม่คุ้นตาพลางกดรับ

            “ฮัลโหล”

            (แห้ง) เสียงที่คุ้นหูและสรรพนามที่ปลายสายใช้เรียกผมบ่อยๆทำให้ผมคลี่ยิ้มออกมานิดๆ

            อย่างน้อยอะไรๆก็ไม่ได้แย่ไปทั้งหมด

            “ไงสมหมาย” ผมเรียกชื่อพ่อของคนปลายสายกลับไป เรียกเสียงหัวเราะจากอีกคนได้เหมือนทุกครั้ง

            (คิดถึงว่ะ เมื่อวานเจอไอ้สิท เป็นไงบ้าง)

            คนที่ผมกำลังคุยอยู่คือไอ้เจล เพื่อนที่ผมสนิทที่สุดในกลุ่ม สนิทมากกว่าไอ้สิทด้วยซ้ำ แต่ไอ้เจลขาดการติดต่อไปเกือบสองปี ตอนแรกผมคิดว่ามันคงยุ่งๆ แต่หลังจากที่ได้คุยกับไอ้สิทก็พอรู้ว่าไอ้เจลมันเองก็มีปัญหาที่แก้ไม่ตกพอๆกับผม

            พ่อมันเป็นตำรวจ ส่วนแม่มันติดยา

            แย่ที่สุด คือพ่อต้องมาจับแม่เข้าคุก

            “ก็ดี มึงอยู่ไหนอ่ะกูอยากเจอ”

            (วันนี้กูไม่ว่างว่ะ เอาเป็นพรุ่งนี้มั้ย กูจะนัดพวกมันไปหามึง คิดถึงแห้งของกูใจจะขาด) ผมยิ้มมุมปากแล้วค่อยๆพาตัวเองเดินกลับห้องของไอ้ตุล

            “เออได้ ที่ไหนก็โทรบอกกูแล้วกัน”

            (จ้ะที่รัก กูรักมึงนะแห้ง) ไอ้เจลพูดเสียงมีความสุข ผมทำหน้าแหยงๆใส่โทรศัพท์

            ขอบคุณ ที่ไม่ถามว่ากูโอเคมั้ย

            เพราะกูเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงเหมือนกัน

            “อือ”

            ผมไขกุญแจเข้าไปในห้องของตุลาการ ไม่มีใครอยู่ในห้อง มันคงออกไปนอนกับเพื่อนแล้วมั้งเพราะผมดันเป็นตัวประหลาดสำหรับมันไปแล้ว ผมทิ้งตัวลงบนโซฟาแล้วนอนหลับไปด้วยความเมื่อยล้า

            จนกระทั่งรู้สึกเหมือนมีผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นมาสัมผัสที่หน้าผาก ผมถึงค่อยๆลืมตาขึ้น

            อันที่จริงผมนอนไม่หลับเลยตั้งแต่กลับจากฝรั่งเศส คงเรียกอาการว่าปรับเวลาไม่ถูกมั้ง เลยทำให้ตอนนี้รู้สึกตัวหนักอึ้งจนเหมือนโดนเอาก้อนหินมาถ่วงไว้ร้อยๆก้อน

            “ไม่สบายรู้มั้ย” ผมปรายตามองไอ้ตุลที่ไม่ได้ออกไปนอนค้างบ้านเพื่อนอย่างที่มันพูดไว้แต่กลับนั่งอยู่ข้างๆผมพร้อมกะละมังสีขาวกับผ้าชุบน้ำอุ่นที่มันคอยเอามาเช็ดตัวให้ผม

            “กูไม่ใช่เนนะ” เสียงของผมเริ่มประหลาดออกเป็นเชิงทุ้มจนแทบจะแหบหายเข้าไปในลำคอ

            “อือรู้ ก็ไม่ได้ทำเพราะว่าเป็นเนนี่”

            “…”

            ผมนิ่งเงียบไปเพราะไม่มีแรงจะเถียง ยิ่งเมื่อคืนออกไปนอนที่บันไดหนีไฟยิ่งทำให้ตั้งแต่คอจนถึงไหล่ปวดล้าไปหมด จะพลิกตัวทีนี่เหมือนกับว่ายกโลกทั้งใบ

            “ขอโทษ แล้วก็ขอโทษแทนเพื่อนด้วย เรื่องที่พูดออกไปเมื่อคืน” ไอ้ตุลนั่งสำนึกผิดอยู่ข้างๆผม ถ้ามีหู หูมันคงลู่ ถ้ามีหาง หางมันคงตก

            ผมไม่ได้โกรธอะไร แค่ไม่อยากจะฟังแค่นั้นเอง

            “ช่างเหอะ”

            “ขอโทษจริงๆ”

            “ช่างมัน”

            สุดท้ายก็จบลงด้วยความเงียบอีกครั้ง ตุลนั่งหันหลังให้ผมพิงโซฟาเหมือนอย่างเดิม ผมมองกลุ่มผมสีดำสนิทของมัน ทุกอย่างที่เป็นผู้ชายคนนี้ ล้วนเป็นความทรงจำที่ดีของเนทั้งหมด

            ‘ผมพี่ตุลโคตรนุ่มเลย’

            ‘พี่ตุลหล่อมากเลยนะมึง’

            ‘แขนกว้างจนแทบจะโอบกูได้สองคน’

            ‘กูรักพี่เขามากเลยว่ะ’

            และผมตอบเนไปแค่ว่า ‘โรคจิต’

            มันเป็นความทรงจำที่ดีจริงๆ

            ผมเอื้อมมือไปจับกลุ่มผมของไอ้ตุลที่นั่งนิ่งอยู่ มันทำท่าจะหันมาแต่ผมห้ามเอาไว้ ผมมันนุ่มอย่างที่เนว่า แล้วมันก็หล่ออย่างที่เนว่า ไหล่มันกว้างอย่างที่เนว่า

            เพราะอย่างนี้ใช่มั้ย มึงถึงไม่อยากยกเขาให้ใคร เนติ

            “ทำไม”

            “เนเคยบอกว่าผมมึงนุ่มเหมือนขนแมว” ผมพูดเสียงแผ่ว ไอ้ตุลหัวเราะนิดๆ

            “งั้นเหรอ”

            “แต่กูว่าแข็งเหมือนหนังควายเลยว่ะ”

            “เฮ้ย พูดงี้ก็ไม่แฟร์ดิวะ”

            ไอ้ตุลหันหลังมาเหมือนจะหาเรื่องผมที่กำลังกลั้นขำตัวโยนเลยทำให้ใบหน้าของมันกับผมห่างกันไม่ถึงคืบ พิษไข้ของผมเริ่มทำให้ตาผมหนักจนแทบจะปิดลง

            “ขอบคุณที่ดูแลเนมาตลอด” ผมพึมพำ สิ่งสุดท้ายที่ได้ยิน คงเป็นเสียงที่กระซิบข้างหูว่า

            “ฝันดีครับ”

 

            ด้วยความถึกของร่างกาย ตกดึกผมเลยลากสังขารที่ยังไม่ค่อยหายไข้ดีออกมากินข้าวกับพวกไอ้เจลและไอ้สิท รวมถึงเพื่อนอีกคนที่ชื่อป้อง ตอนแรกพวกเราสี่คนว่าจะกินเหล้า แต่พอไอ้เจลรู้ว่าผมไม่ค่อยสบาย เลยเปลี่ยนจากกินเหล้าเป็นกินข้าวแทน

            จริงๆมีเพื่อนอีกคนที่อยู่กลุ่มเดียวกับผมชื่อไอ้ธาม ตอนนี้มันถูกส่งไปนอนกับจิงโจ้ที่ออสเตรเลีย

            “ทำไมเนถึงให้มึงสัญญาแบบนั้นวะ” ไอ้ป้องถามขึ้นหลังจากที่ผมเล่าเรื่องสัญญาของผมกับเนให้พวกมันฟัง ไอ้เจลกับไอ้สิทมองหน้าผมอย่างอยากรู้

            “ก็กูแลกสัญญากับเน ว่าอยากจะให้ใครสานต่ออะไร แล้วเนก็รักไอ้ตุลอะไรนั่นมากไง”

            “ไม่ใช่ คือหน้ามึงกับเนนี่ถ้าไม่รู้จักจริงจังก็แยกไม่ออกนะ” ไอ้เจลถามแทรก

            “กูไม่รู้ว่ะ เนมันก็แบบนี้แหละมึง กูเองยังไม่เคยเข้าใจเลยว่าฝาแฝดกูคิดอะไรอยู่”

            “แต่แบบนี้โคตรอันตรายเลยว่ะ” ไอ้เจลพูดขึ้นมาอีก ผมมองมันด้วยความไม่เข้าใจ

            “อันตรายอะไรวะ”

            “ไอ้ตุลเป็นแฟนเน แล้วมึงหน้าเหมือนเน มึงไม่คิดเหรอวะว่ามันจะเผลอไผลอะไรบ้างในเมื่อไอ้ตุลมันคิดถึงแฟนมันขนาดนั้นแล้วดันมีคนหน้าเหมือนแฟนมานอนอยู่ในห้องด้วย”

            ผมทำหน้าเบ้ใส่ไอ้เจลที่พูดอะไรไร้สาระ

            “บ้าป่ะสมหมาย ถึงฝาแฝดแต่ก็ไม่เหมือนกันว่ะ”

            “ไม่เหมือนกันเชี่ยไร ถ้าตัดเรื่องมึงนิสัยห้าวก้าวร้าวออกไป มึงกับเนแทบไม่ต่างกัน”

            “ก็จริงว่ะนิ กูว่ามีโอกาส 80% เลยที่ไอ้ตุลจะหันมาชอบมึง” ผมชะงักไปกับคำพูดของไอ้สิทแล้วมองหน้าเพื่อนๆทีละคน ไอ้เจลดูมีท่าทางเป็นห่วงผมที่สุด

            “แต่กูไม่ได้จะแย่งแฟนน้อง”

            “มึงโง่หรือแกล้งโง่วะนิ … แค่ไอ้เนบอกให้มึงมาดูแลแฟนมัน ทั้งๆที่มึงหน้าตาเหมือนเน แค่นั้นก็เหมือนกับเนอนุญาตให้มึงทำอะไรกับไอ้ตุลก็ได้ไม่ใช่เหรอไง”

            “…”

            ผมนั่งใบ้กินพูดอะไรไม่ออก แล้วมันก็จริงอย่างที่ไอ้เจลว่าจริงๆ เพราะผมลองมาย้อนอ่านข้อความที่คุยกับเน ไม่มีคำไหนเลยที่เนจะพูดว่า ‘ห้ามทำให้พี่ตุลรักเด็ดขาด’ มีเพียงแค่ว่า ‘มีมึงคนเดียวที่จะดูแลพี่ตุลได้’ ‘ถ้าวันนึงกูตาย ฝากดูแลพี่ตุลด้วยนะ’

            ตอนนั้นผมคิดว่ามันเป็นเพียงสิ่งไร้สาระ

            ผมด่าเนกลับไปคำเดียวว่า ‘ห้ามพูดว่ามึงจะตายอีก ไม่งั้นไม่ต้องสะเออะมาคุยกับกู’

            บ้าเหอะ

            แต่ถึงยังไง ผมก็ไม่เคยคิดเรื่องรักบ้าบออะไรนั่นอยู่แล้ว

            แล้วไอ้ตุล มันต้องมีจิตสำนึกดิวะ ว่าผมกับน้อง มันคนละคนกัน!


            TBC
            -------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-08-2016 19:39:38 โดย leenanhyun »

ออฟไลน์ rainiefonnie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 3 Love is Realize
«ตอบ #4 เมื่อ30-07-2016 21:38:00 »

น่าสนุกน่าติดตามค่ะ

ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 3 Love is Realize
«ตอบ #5 เมื่อ30-07-2016 21:56:19 »

มันจะต้องมีดราม่าแน่เลย

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 889
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 3 Love is Realize
«ตอบ #6 เมื่อ30-07-2016 22:36:18 »

ติดตามๆ

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 4 Love is Suffering (03-08-59)
«ตอบ #7 เมื่อ03-08-2016 15:05:30 »

Chapter
4

           

            อีเมล์ฉบับหนึ่งถูกส่งเข้ามาในมือถือของผม พอกดดูเท่านั้นแหละชีวิตก็เหมือนล่องลอยอยู่ในอวกาศเป็นชั่วโมงๆ ทางปารีสไม่สามารถโอนวิชาที่ผมเรียนมาเรียนที่ไทยได้ เพราะหลักสูตรคนละแบบกัน

            ถ้ารู้ว่าจะโอนเรียนไม่ได้ ผมยอมเรียนวิชาธรรมดาที่มันมีในประเทศไทยดีกว่า

            “ทำอะไรน่ะ” ไอ้ตุลเดินออกจากห้องน้ำแล้วตรงเข้ามาหาผมที่นั่งจ่อหน้าโน้ตบุ๊คอยู่

            “ว่าจะหาที่เรียน แต่คิดอีกทีหางานทำเลยดีกว่า” ผมพูดเสียงเนือย

            ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเสียเวลาสองปีไปโดยไร้ประโยชน์เนี่ยนะ

            แล้วสิ่งที่พ่อผมพูด ก็ไม่ได้มีแววบังคับเหมือนแต่ก่อน

            ป๊าพูดแค่ว่า จะทำอะไรก็ทำไป ขอแค่ให้ผมอยู่กับป๊าก็พอ

            ความรู้สึกของผมกับพ่อไม่ได้ต่างกันเท่าไร เมื่อก่อนบ้านเราเคยมีกันสี่คน เป็นครอบครัวที่มีความสุข จนกระทั่งทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อผมถูกส่งไปต่างประเทศ เนออกจากบ้านมาอยู่กับแฟน แม่เองก็เป็นโรคซึมเศร้า

            สุดท้าย เราก็เหลืออยู่เพียงแค่ครึ่งของสมดุล

            ถ้าขาดผมไปอีกคน ป๊าเองก็คงไม่ไหวเหมือนกัน

            “แล้วที่เรียนที่นู่นโอนมาไม่ได้เหรอ” ไอ้ตุลถาม ผมพยักหน้า มันนั่งมองผมกดหน้าจอคอมไปเรื่อยโดยไม่ได้ถามอะไร มีเพียงแค่ความเงียบกับลมหายใจอุ่นๆแล้วก็กลิ่นแชมพูที่เนชอบใช้ที่ลอยฟุ้งไปหมด

            มันคงจะชินแล้วมั้งที่มีคนหน้าเหมือนแฟนตัวเองมานั่งอยู่ในห้อง เลยไม่มีอาการเหวอแตกหรืออะไรที่ดูน่ารำคาญสำหรับผม

            “ใช่แชมพูที่เนชอบใช้หรือเปล่า” ผมถามต่อ วันนี้เพิ่งจะได้กลิ่นมันชัดๆ เพราะสองสามวันก่อนผมได้กลิ่นแต่กลิ่นเหล้าและกลิ่นบุหรี่ตลบอบอวลไปทั้งห้อง

            “อือ”

            “ขอใช้มั่งได้ป่ะ” ผมหันไปถามเจ้าของห้อง ไอ้ตุลถอยหลังนิดๆพลางพยักหน้า

            “เอาดิ ใช้คนเดียวคงอีกหลายเดือนกว่าจะหมด”

            “เหอะ ของมึงเปล่าก็ไม่ใช่”

            “หึ ปากดีจังเลยครับ” ไอ้ตุลทำท่าจะคว้าผมไว้แต่ผมวิ่งหลบเข้าไปในห้องน้ำก่อน

            ผมนั่งลงตรงขอบอ่างอาบน้ำก่อนจะหยิบขวดแชมพูสีใสกลิ่นหอมอย่างที่เนชอบขึ้นมาดูแล้วมองดูรอบๆขวด ปกติผมใช้ห้องอาบน้ำที่อยู่ในห้องนั่งเล่นเลยใช้ของที่ตัวเองเตรียมมาแค่นั้น เนเคยถ่ายรูปแชมพูนี่มาให้ผมดูบ่อยๆแล้วก็บอกชอบนักชอบหนา เราเป็นฝาแฝดกัน แต่ผมกลับชอบอะไรที่ต่างจากเน

            มึงเคยรู้มั้ยว่าทำไมเราถึงต่างกัน

            เพราะมึงน่ารัก เวลาที่มึงเป็นตัวของมึงเองไง

            ผมทรุดตัวนั่งพิงขอบอ่างอาบน้ำทั้งๆที่มันเปียกพลางพิงตัวเองด้วยความเหนื่อยอ่อน ทั้งๆที่เคยเป็นคนที่ไม่แคร์อะไรรอบข้างนัก แต่ยอมรับเลยว่าการที่เข้ามาอยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำของแฝดน้อง

            มันไม่ได้ทำให้ผมมีความสุขมากนักหรอก

           

           

            “นิติ นิรันดร์กร” เสียงเรียกชื่อของผมดังขึ้นภายในห้องแอร์ที่เงียบสนิท ผมลุกจากโซฟาตรงไปที่เคาน์เตอร์ก่อนจะตรวจเอกสารแล้วกรอกข้อมูลที่จำเป็นลงในกระดาษสีขาวสามสี่ใบ

            “เริ่มงานวันจันทร์ได้เลยนะคะ วันเสาร์ก็แวะมาวัดชุด เอาค่าตัดชุดมาด้วย”

            “ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้ขอบคุณพี่พนักงานที่รับสมัครงานก่อนจะเดินออกมาจากห้อง ผมตัดสินใจมาสมัครพาร์ทไทม์ที่ร้านกาแฟชื่อดัง ใช้เวลาว่างไม่ให้คิดฟุ้งซ่าน ก่อนจะค่อยไปสมัครเรียนเอาใหม่ตอนปีหน้าในช่วงที่เขาเปิดรับสมัครกัน

            ผมเดินออกจากห้างสรรพสินค้าใกล้คอนโดของไอ้ตุลก่อนจะชะงักไปเมื่อเจอใครบางคนลงจากรถแท็กซี่มาพร้อมกับเพื่อน

            ตุลาการเงยหน้ามาสบตากับผมเหมือนจะทักทาย แต่ผมกลับเบือนหน้าหนีแล้วเดินกลับไปเพื่อที่จะกลับไปที่คอนโดเมื่อหันไปเจอะกับเพื่อนของไอ้ตุลที่ชื่อว่าตาม คนที่มาห้องไอ้ตุลเมื่อไม่กี่วันที่แล้ว

            ปกติผมเองก็ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใครมากนักอยู่แล้ว ชีวิตคนเดียวมันสบายกว่าเยอะ

            “นิ” เสียงทุ้มๆที่ดังไล่หลังมาทำให้ผมชะงักฝีเท้า ผมหันไปมองคนที่วิ่งตามมา ตุลาการหยุดลงตรงหน้าผมก่อนจะถือวิสาสะเกลี่ยปรอยผมของผมทัดหู ผมถอยหลังแล้วมองมันอย่างคาดโทษ

            “กูกับมึงยังไม่สนิทกันถึงขั้นนั้นนะ”

            ไอ้ตุลยิ้มนิดๆ ก่อนจะยกถุงพลาสติกเล็กๆแนบลงที่ใบหูของผม

            “เนเคยบอกว่าซื้อให้พี่ชายก่อนจะถึงวันเกิดสองวัน แล้วก็ยังไม่ได้ให้ เพิ่งค้นเจอเมื่อเช้าน่ะ” คนตรงหน้ายื่นถุงพลาสติกที่บรรจุจิวต่างหูรูปดาวสีดำเอาไว้ ผมมองต่างหูนั่นด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนก่อนจะกำมันไว้ในมือแน่น

            ‘นิติอยากได้อะไรเป็นของขวัญหรือเปล่า’

          “ขอตัวนะ” ผมเดินหนีไอ้ตุลออกไปตามทางโดยไม่หันกลับไปมองคนข้างหลัง

            กำแพงที่ผมสร้างขึ้นเพื่อป้องกันตัวเองจากความอ่อนแอ

            มันกำลังพังลง

            เพราะผมเข้าใกล้ความทรงจำของแฝดน้องเข้าไปเรื่อยๆ

            และถ้าถึงวันหนึ่ง วันที่ผมรู้ว่าเนมีค่าขนาดไหน ผมอาจจะยืนต่อไปไม่ไหวเหมือนตอนนี้

            สุดท้ายผมก็มาหยุดในที่ที่คิดว่ามันสามารถทำให้ผมลืมเรื่องราวทั้งหมดไปได้ แล้วก็มีสิ่งเดียวที่ทำให้คนสามารถลืมช่วงเวลาเจ็บปวดได้สักระยะ แม้จะเพียงแค่ช่วงหนึ่ง แต่มันก็ดีที่ไม่ต้องคิดอะไร

            ผมจำไม่ได้ว่าตัวเองกระดกเหล้าเข้าปากไปกี่แก้ว รู้เพียงแค่ว่าสติเริ่มจะหลุดออกจากตัว ผมกดโทรศัพท์หาเบอร์ที่คุ้นเคยก่อนจะรอจนปลายสายรับแล้วพูดภาษาเอเลี่ยนรัวลงไปโดยจำไม่ได้ว่าพูดอะไรไปบ้าง รู้แค่อย่างเดียว…

            มันไม่เจ็บแล้ว

            มันไม่ทรมานแล้ว

            ไม่ต้องนึกถึงแม่และเนอีกแล้ว

            …

            “นิติ”

“นิติ!”

เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือที่แตะลงบนใบหน้าผมเบาๆ ผมค่อยๆลืมตาขึ้นจากความมืดพลางมองไปรอบๆตัวแล้วหันกลับมาโฟกัสคนที่กำลังพยุงผมเดินอยู่ข้างๆ

“ตุล?” ผมเลิกคิ้วสงสัย ตุลาการพยุงร่างของผมเข้าไปในห้องก่อนจะโยนผมลงบนเตียงกว้าง ผมนอนขดหันหลังให้เจ้าของห้องเพราะอาการปวดหัวมันประดังเข้ามาจนหัวแทบระเบิด

“Shit”

ปวดหัวฉิบ

“ใครใช้ให้กินเข้าไปเยอะขนาดนั้นวะ” ไอ้ตุลบ่น แต่เสียงที่ผ่านเข้าหูผมเป็นเพียงเสียงที่จับความไม่ได้ศัพท์ ก่อนจะผล็อยหลับไปเพราะพิษเหล้า และมันเป็นคืนแรก

ที่ผมสามารถหลับสนิท โดยไม่ต้องตื่นขึ้นเพราะฝันร้าย

“ตกลงใครต้องดูแลใครวะเนี่ย”

             


            แสงที่แยงเข้าตาทำให้ผมค่อยๆพยุงร่างของตัวเองขึ้นมานั่ง สติที่ยังเข้าร่างไม่ครบทำให้มือของผมควานสะเปะสะปะไปทั่วจนไปสัมผัสเข้ากับสิ่งๆหนึ่งที่อยู่ข้างตัว มันคือตุ๊กตาเป็ดของเน เป็ดหน้าตากวนตีนที่สุดในโลกกำลังยิ้มเยาะผมอยู่

            มึงกำลังหัวเราะเยาะกูอยู่ใช่มั้ยเน

            ผมชกตุ๊กตาเป็ดเข้าจังๆที่หน้าจนหน้ามันบุบ ประตูห้องนอนถูกเปิดออกพร้อมกับเจ้าของห้องที่ยืนกอดอกพิงประตูมองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่ม

            “ทีนี้ใครดูแลใครกันแน่” ไอ้ตุลย้อน ผมมองสภาพตัวเองที่เหลือแต่เสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์เหี่ยวๆ

            “เหอะ” อยากจะหัวเราะ แต่มันออกมาแค่นั้น

            “ดีนะที่ยังรู้จักโทรมาหา ไม่งั้นป่านนี้โดนเสี่ยที่ไหนอุ้มไปขายแล้วก็ไม่รู้” ผมหันขวับมองคนที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมแถมยังมีใบหน้าที่กวนประสาทจนอยากเอาฝ่าเท้าประทับสักสามสี่ที

            “กูโทรหามึงเหรอ” จำได้ว่าผมไม่ได้กดโทรเบอร์ไอ้ตุล แล้วก็ไม่มีเบอร์ไอ้ตุลด้วย

            ผมโทรหาไอ้เจลนี่

            “อือ ใช้เครื่องของเนโทรมา” ผมชะงักไป…

            เฮ้ย กูจำได้ว่ากดเบอร์เจล

            ขนผมลุกซู่ซ่าด้วยความหลอนประสาท ถึงเนจะเป็นแฝดน้อง แต่ถ้าจะหลอกกันก็อย่ามาหลอกกันแบบนี้ได้มั้ยวะเฮ้ย ถึงจะพกโทรศัพท์สองเครื่อง แต่ผมไม่เคยคิดจะหยิบโทรศัพท์ของเนมาใช้เลย

            อโหสิกันนะเนนะ ถึงพี่มึงจะห้าวขนาดนี้ แต่ก็ไม่ใช่กูไม่กลัวอะไรนะเว้ย

            ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ ปล่อยให้เรื่องลี้ลับเป็นเรื่องลี้ลับของมันไป ข้าวของผมอยู่ครบไม่ได้ถูกปล้นไปแถมยังกลับมานอนที่ห้องได้อย่างปลอดภัยครบสามสิบสองถือว่าเป็นเรื่องดี

            “ทีนี้รู้หรือยัง ว่าเหล้ามันดียังไง” เจ้าของห้องถามขึ้น แล้วเดินหนีออกไป ผมเบะปากใส่มันด้วยความไม่พอใจ เออรู้ แต่ก็ไม่ได้เมาเหมือนหมาอย่างมึงแล้วกัน

            ผมพยุงตัวเองเข้าไปห้องน้ำ ตอนนี้ถือว่าห้องน้ำของไอ้ตุลเป็นห้องน้ำของผมไปแล้วโดยปริยาย เพราะเจ้าตัวไม่มีทีท่าว่าจะโวยวายอะไรที่ผมเข้ามายุ่มย่ามกับของใช้ส่วนตัวของมันกับเน เอาจริงๆแล้วผมชอบใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำมากกว่าออกไปข้างนอก

            เพราะมันไม่ต้องเห็นความทรงจำที่ดีของเนมากสักเท่าไร

            มันก็มีเพียงแค่กลิ่นอายของความเป็นเนติอยู่เท่านั้นเอง

            หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็ค่อยๆเดินออกไปนั่งจุ่มที่โซฟาก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นไอ้ตุลยืนกินน้ำนิ่งๆอยู่ที่หน้าครัว มันเหม่อมองออกไปราวกับว่ากำลังนึกถึงสิ่งที่เคยมี กำลังนึกถึงผู้ชายที่มันรัก

            ทุกอย่างที่อยู่ในห้องนี้ มันถูกส่งผ่านโดยเนติให้กับผมที่อยู่ที่ปารีส ผมรู้แม้กระทั่งสีเตียง สีผ้าม่าน สีของโซฟา สีของไฟ สีของพรมก่อนที่จะเข้ามาเหยียบในห้องของตุลาการ

            ผมหันไปมองผู้ชายที่ยังยืนนิ่งไม่ขยับไปไหนอยู่ที่หน้าห้องครัวแล้วก็ต้องนิ่งไปเมื่อน้ำใสๆไหลออกมาจากดวงตาเรียวของผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของแฝดน้องของผม ผมนั่งเงียบอยู่กับที่จนกระทั่งไอ้ตุลรู้สึกตัวแล้วปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของตัวเอง มันหันมามองผมแล้วยิ้มจางๆ

            “เดี๋ยวออกไปข้างนอกนะ”

            ทั้งผมและไอ้ตุลไม่มีใครอยากจะอยู่ในห้องนี้นักหรอก เพราะว่าไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีแต่ไอจางๆของเนอยู่ทั่วไปหมด ผมทักขัดเจ้าของห้องก่อนที่มันจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ

            “มึงโอเคนะ” ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงถามออกไปแบบนั้น ถ้าเป็นวันแรกที่ผมมาเหยียบที่ห้องนี้ คงจะมีเพียงแค่คำพูดที่ว่า มึงต้องโอเค เพราะกูจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเน

            ไอ้ตุลหันมามองหน้าผมด้วยแววตาเหนื่อยล้า ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ มันนั่งลงข้างหน้าผมที่นั่งอยู่บนโซฟา ก่อนจะก้มหน้าแล้วกำมือสองข้างเอาไว้แน่น

            “มันอาจจะผิด แต่… ขออย่างได้ไหม” เสียงทุ้มๆของคนตรงหน้าสั่นเครือ ผมมองไอ้ตุลนิ่งๆ

            “อือ”

            “ขอกอดทีได้ไหม” ผมนิ่งไป มันเป็นคำขอที่ดูเหมือนไม่มีอะไรแต่มันกลับทำให้ใจผมหล่นฮวบไปอยู่ตาตุ่ม ผมรู้ว่าผมกับเนไม่ต่างกันมากอย่างที่ไอ้เจลบอก มีเพียงแค่ความก้าวร้าวของผมเท่านั้นที่ทำให้ฝาแฝดอย่างเราต่างกัน

            แต่พอเวลาที่ผมลดทิฐิของตัวเองลง

            ผมกับเนก็เหมือนคนๆเดียวกัน

            ผมไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้อนุญาต ตุลาการยันตัวเองขึ้นมาคุกเข่าพลางกอดผมเอาไว้ราวกับว่ามันเป็นกอดครั้งสุดท้าย จมูกโด่งๆกดลงที่ไหล่ของผมพร้อมกับแผ่นหลังที่สั่นนิดๆ

            อย่างที่เนว่าไม่มีผิด

            อ้อมกอดของไอ้ตุล เมื่อสวมกอดผม มันกว้างและใหญ่ราวกับเป็นที่พักพิงได้อย่างดี

            ผมแตะมือลงบนหลังของไอ้ตุลเล็กน้อยเพื่อบ่งบอกว่ามันชักจะนานเกินไปแล้ว เจ้าตัวถึงได้ค่อยๆถอนออก ไม่มีคำพูดใดๆต่อจากนั้น ตุลาการเพียงแค่ลุกขึ้นแล้วเดินกลับห้องปิดประตูแล้วขังตัวเองเอาไว้

            ซึ่งทั้งหมดนี่ มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่มากขึ้นไปอีก

            เน … กูจะทำตามสัญญาของมึงได้นานขนาดไหนกัน

            ในเมื่อมันทรมานราวกับจะฉีกหัวใจกูออกเป็นชิ้นๆแบบนี้


            TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-08-2016 19:40:34 โดย leenanhyun »

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 4 Love is Suffering
«ตอบ #8 เมื่อ05-08-2016 22:56:22 »

โอ้ยยยยย ชอบ หลงเสน่ห์นิติสุดๆ

ออฟไลน์ Sweettemp

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 4 Love is Suffering
«ตอบ #9 เมื่อ06-08-2016 00:13:06 »

โอ๊ย ดราม่าแฝด ชอบๆ แอบขำเรื่องเนลี้ลับ เสียดายตัวละครเนติเหมือนกันนะ คนที่อ่อนโยนและเข้มแข็งต่อให้จากไปคนก็ยังนึกถึงอยู่ตลอด  :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 4 Love is Suffering
« ตอบ #9 เมื่อ: 06-08-2016 00:13:06 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 5 Love is Disaster (09-08-59)
«ตอบ #10 เมื่อ09-08-2016 18:10:37 »

Chapter
5
[/b]

 

   ตั้งแต่วันที่ไอ้ตุลขอกอดผม เราสองคนก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก อาจจะเป็นเพราะว่าผมและมันต่างคนต่างก็รู้สึกผิด ตุลาการเป็นแฟนน้องชายของผม ผมเป็นพี่ชายที่หน้าตาเหมือนเน มันไม่ใช่เรื่องดีหรอกที่ไอ้ตุลอาจจะเห็นผมเป็นตัวแทนของเน

   ประจวบเหมาะกับที่ผมได้งานที่ร้านกาแฟ ผมเลยออกจากห้องตอนเช้าตรู่กว่าจะกลับก็ล่อไปเที่ยงคืนกว่า ถึงห้องก็อาบน้ำล้มตัวลงนอนหลับเป็นตาย

   จนกระทั่งผ่านไปเกือบหนึ่งอาทิตย์ ผมกับไอ้ตุลก็ยังไม่คุยกัน

  “สายๆโว้ย” ผมสบถแล้วคาบขนมปังปิ้งไว้คาปาก มืออีกข้างกระชับเสื้อยูนิฟอร์มของร้านกาแฟแล้วพยายามจะติดกระดุมพร้อมทั้งดึงกางเกงขึ้นมาใส่

   งานเข้าเก้าโมง แต่ผมดันหลับไม่รู้เรื่องจนตอนนี้แปดโมงสี่สิบห้าแล้ว

   จู่ๆเจ้าของห้องที่มักจะหมกตัวอยู่ในห้องนอนก็เปิดประตูผ่างออกมา ผมหันไปมองผู้ชายตัวสูงที่สวมเสื้อยืดสีดำตัวใหญ่กับกางเกงบอล หัวของไอ้ตุลยุ่งยิ่งกว่ารังนก คนตัวสูงเดินออกจากห้องแล้วเดินเลยผมไป มันไปก้มๆเงยๆอยู่ที่โซฟาก่อนจะถามขึ้น

  “เนเห็นนาฬิกาข้อมือของตุลมั้ย”

   ผมชะงักไปเมื่อได้ยินชื่อของเน ไอ้ตุลดูจะไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา มันเกาหัวแกรกๆอยู่หน้าโซฟาพลางหันมามองผมที่ยังกึ่งเปลือยอยู่หน้าครัว

   ไอ้ตุลนิ่งไปเมื่อเห็นหน้าของผม มันลูบใบหน้าตัวเองหนักๆสองสามทีแล้วยืนเอามือปิดหน้าผากนิ่งอยู่แบบนั้นราวกับเพิ่งนึกได้ว่า เนตายไปแล้ว
 
  “เอ่อ โทษที เพิ่งตื่นน่ะ” คนตรงหน้าผมเดินตรงกลับไปที่ห้องพลางฟาดประตูปิดลง ผมไม่รู้ว่าไอ้ตุลหมกอยู่ในห้องทำอะไร แต่เท่าที่ดูจากสภาพมันแล้วคงทุ่มแรงอ่านหนังสือจนไม่หลับไม่นอนแล้วประสาทหลอนไป

   แต่แบบนี้ไม่ดีเลย...เน มึงคิดถูกเหรอวะที่ให้กูมาดูแลแฟนมึง

   ไม่ใช่ว่าผมควรจะปล่อยไอ้ตุลให้เจอคนใหม่แล้วลืมเนไปอย่างงั้นเหรอ แบบนั้นมันน่าจะดีกว่าให้มันทรมานกับฝันร้ายทุกคืนทุกวันเมื่อเห็นหน้าผม

   ผมไปหยุดยืนอยู่หน้าประตูไม้สีน้ำตาลที่คั่นระหว่างไอ้ตุลกับผมไว้ ถึงจะอยู่ห้องเดียวกัน แต่ระยะห่างของผมกับมันไกล เหมือนมันเป็นโลก และผมอยู่นอกอวกาศ

   ช่วงวันแรกๆ ผมมั่นใจในตัวเองเหลือเกินว่าอยากจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเน ผมไม่เคยผิดสัญญา แต่ตอนนี้ ยิ่งเห็นไอ้ตุลทรมาน ผมชักคิดว่าผมไม่ควรจะทำตามสัญญานั้น

   ฝ่ามือของผมวางลงบนประตูไม้หมายจะเคาะเรียกคนด้านใน แต่มันกลับชะงักไปเมื่ออีกใจสั่งให้ผมรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเน ผมถอนฝ่ามือออกแล้วเดินตรงไปที่ครัวด้วยความหงุดหงิด

   ที่มึงหมายความว่าให้กูดูแลไอ้ตุล กูต้องดูแลมันยังไงวะเน ทำข้าวให้กินทุกเช้า ดูแลมันเวลาซุ่มซ่าม คอยชวนมันคุย คอยเล่นตลกให้มันดูแบบนี้เหรอวะ

   สุดท้ายผมก็ทิ้งความสงสัยไว้กับกระดาษโพสอิท ไข่ดาวและไส้กรอกสองชิ้นไว้ให้คนที่หมกตัวอยู่แต่ในห้องก่อนจะพาตัวเองออกไปทำงาน

   ถ้าการดูแลไอ้ตุลหมายถึงการดูแลชีวิตประจำวันของมัน

   ผมว่าผมไม่จำเป็นหรอกมั้ง

 

   ตีหนึ่งครึ่ง

   ผมลากสังขารตัวเองกลับจากร้านกาแฟมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องของตุลาการด้วยความอ่อนล้า แค่อาทิตย์เดียวผมถูกใช้งานยิ่งกว่าลูกทาส ทั้งเช็คสต็อก เช็คของ เช็คเงิน ทำความสะอาดร้านบ้าบอคอแตก

   สาบานได้ว่าถ้าไม่มีโบนัสให้ผมจะระเบิดร้านแม่งให้เป็นจุล

   หลังจากไขกุญแจเข้าไปในห้องสำเร็จ ผมก็เดินไร้วิญญาณไปทรุดตัวลงนอนที่โซฟา ไม่อยากอาบน้ำ ไม่อยากสนใจบ้าบอ   อะไรทั้งสิ้น เปลือกตาทั้งสองข้างที่กำลังจะปิดลงชะงักไปเมื่อหางตาของผมไปหยุดอยู่ที่ประตูห้องนอนของไอ้ตุล

   มันไม่ออกไปไหนเลยทั้งวันเหรอ

   ผมยันตัวเองลุกจากโซฟาแล้วเดินไปหยุดหน้าประตูไม้ ก่อนจะเคาะเบาๆ ไม่มีสัญญาณตอบรับ ผมเลยถือวิสาสะเปิดประตูที่ไม่ได้ล็อคเข้าไปแล้วมองสภาพห้องที่ผมไม่ได้เข้ามาเหยียบเกือบอาทิตย์

   … fuck

   ถึงไอ้ตุลจะไม่ได้ทำรกข้างนอก แต่ข้างในสภาพไม่ต่างกับตอนแรกที่ผมมาเจอมันเลย

   กลิ่นเหล้า กลิ่นเบียร์ กลิ่นบุหรี่หึ่งตลบอบอวลไปหมด

   เจ้าของห้องนอนก่ายอยู่ข้างเตียง ที่พื้นมีหนังสือกฎหมายเล่มหนาเตอะ ไหนจะชีทอะไรกระจัดกระจายไปหมด ผมถอนหายใจแล้วมองขวดเหล้าที่กองระเกะระกะบนพื้น

   ชีวิตมันต้องเดินต่อไปมึงรู้มั้ยวะตุล

   ผมเก็บขวดเหล้า กระป๋องเบียร์ยัดใส่ถุงดำแล้วค่อยๆนั่งเก็บชีทของไอ้ตุลไปวางที่โต๊ะ โทรทัศน์ที่ถูกเปิดค้างขึ้นจอสีดำมันก็ยังไม่คิดจะปิด ผมหยิบหนังสือเล่มหนาเตอะที่วางอยู่ข้างตัวของผู้ชายที่เนชมนักชมหนามาเปิดดู

   กฎหมายเป็นพันๆข้อทำผมปวดหัว

   ผมวางหนังสือลงบนเตียงแล้วเขย่าตัวคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่อง ไอ้ตุลสะลึมสะลือแล้วครางในลำคอ

  “อือ”

  “ลุกมานอนดีๆดิวะ” มือของผมจะยื่นไปดึงแขนคนตรงหน้า แต่กลับถูกสะบัดออกอย่างแรง ผมขมวดคิ้วด้วยความรำคาญแต่ยังไม่ทันที่จะตะคอกออกไปไอ้ตุลก็สะอื้นออกมาเสียงแผ่ว

   ไอ้ขี้แย

  “เน … ตุลขอโทษ ตุลขอโทษ”

    มันพร่ำคำว่าขอโทษไม่ยอมหยุด แถมยังร้องไห้เป็นวักเป็นเวร ผมทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าของตุลาการพลางตบหน้ามันเบาๆ เจ้าตัวลืมตาขึ้นจากอาการเมาเหมือนหมา

   “เน … ตุลขอโทษ ถ้าตุลไปรับเน เนก็ไม่ตาย…” ไอ้ตุลสะอื้น ผมเม้มริมฝีปากแน่น

  “เลิกโทษตัวเองสักทีเถอะว่ะ มันน่าสมเพช”

  “เน ตุลรักเนนะ เน” วงแขนกว้างของไอ้ตุลถลาเข้าล็อคเอวผมแล้วซุกใบหน้าของมันลงบนไหล่ของผมโดยไม่แม้แต่จะขออนุญาต ผมพยายามดันหน้าของไอ้ตุลออกไป แต่ดันทำไม่ได้

  “เน … เน … เนทิ้งตุลทำไม”

  “มึงทิ้งกูทำไม”

  “เนไม่ตายได้มั้ย”

  “กูขอให้มึงไม่ตายได้มั้ย”

   มันเหมือนมีเสียงก้องอยู่ในหัว ผมทรุดตัวลงนั่งปล่อยให้ไอ้ตุลปล่อยโฮลงบนไหล่ของตัวเองพร้อมกับเสียงเรียกชื่อฝาแฝดน้องของผมที่ค่อยๆทำลายกำแพงของผมลงทีละนิด

  “มึงไม่จำเป็นต้องเก็บมันไว้คนเดียวก็ได้นะนิ”

   เสียงของไอ้สิท ไอ้เจลสะท้อนก้องในหัวของผม จนผมเริ่มจะทนมันไม่ไหว

   ผมผลักร่างของไอ้ตุลจนหลังมันกระแทกเข้ากับโต๊ะวางโคมโฟ ด้วยแรงกระแทกจากคนตัวใหญ่ๆทำให้โคมไฟทำท่าจะร่วงลงใส่ร่างของคนตรงหน้า ผมรีบยื่นมือเข้าไปคว้าโคมไฟนั่นก่อนที่มันจะฟาดลงบนหัวของคนที่เมาไม่รู้เรื่อง

   นี่ไม่ใช่เวลามาอ่อนแอไอ้นิ… มึงต้องเข้มแข็ง เข้มแข็งให้ได้

  “ไอ้เชี่ยตุล ลุก!!!”

   ผมตะคอกเสียงดังลั่นแล้วเอาขาเตะไหล่ไอ้ตุลอย่างแรง คนที่สะลึมสะลือกึ่งเมากึ่งหลับอยู่เมื่อกี้ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผม

  “เน…”

  “กูนิติ เนตายไปแล้ว เข้าใจมั้ยวะ!!!” เสียงของผมดังจนทำให้ไอ้ตุลสะดุ้งเล็กน้อย มันมีท่าทางว่าจะตั้งสติได้บ้าง ก็ดีจะได้คุยกันรู้เรื่อง ไอ้ตุลขยี้หัวตัวเองแล้วลุกขึ้นมานั่งบนเตียง

   ความเงียบเข้าปกคลุมภายในห้องอีกครั้ง

  “เลิกทำตัวเหมือนเด็กป.4 ที่ต้องให้กูมาบอกว่าอะไรควรทำไม่ควรทำได้แล้ว เนตายมึงก็ต้องอยู่ต่อให้ได้ ไม่ใช่ทำตัวเป็นไอ้ขี้เมาไปวันๆแบบนี้!” ผมพูดออกไปด้วยความหงุดหงิดและโมโห แต่เหมือนกับว่าไปจุดไฟให้ลุก

   จากไอ้ตุลที่ดูจะเป็นคนใจเย็นหันมามองหน้าผมด้วยแววตาเกรี้ยวกราด มันปราดเข้ามาบีบไหล่ผมแล้วตะคอกกลับเสียงดัง

  “กูจะทำอะไรก็ชีวิตกู!!! ใครจะเหมือนมึง น้องชายแท้ๆตายยังไม่มีน้ำตาสักหยด!!! ถามจริงเหอะนิติ มึงเคยเสียใจที่เนตายบ้างมั้ยวะ!!!”

   ผมชะงักไปกับคำพูดของไอ้ตุล คำพูดที่เจ้าตัวเผลอพูดออกมาเพราะความโมโห พอรู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา ไอ้ตุลถึงได้จับแขนของผมแล้วมีท่าทีอ่อนลง

   “นิ … ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ…”

   ก้อนหินนับร้อยก้อนที่ถ่วงอยู่ในหัวใจเหมือนพร้อมใจกันระเบิด สมดุลที่ขาดหายไปทำให้ใจผมเหวี่ยง ผมหันหลังเดินจ้ำอ้าวออกจากห้องนอนของไอ้ตุลแล้วคว้ากระเป๋าเป้ที่ใส่เสื้อผ้ามาก่อนจะยัดเสื้อผ้าทั้งหมดลงในกระเป๋า ไอ้ตุลเดินตามออกมาห้ามผมเอาไว้

  “ขอโทษ นิ … ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”

  “ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจมึงก็พูดออกมาแล้ว มันย้อนกลับไปแก้อะไรไม่ได้”

   ผมคว้ากระเป๋าขึ้นสะพายหลังแล้วเดินออกจากห้อง ไม่ลืมที่จะโยนกุญแจห้องกลับไปให้ไอ้ตุลที่เดินตามออกมาเพื่อจะร้องขอและขอโทษไม่ให้ผมไป

  “เอาคืนไป กูไม่มีเหตุผลที่จะต้องดูแลมึงอีกแล้ว”

   TBC
   มีความดราม่าไปอี๊กกกกกกกกกกก  :sad4: :sad4:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-08-2016 19:41:01 โดย leenanhyun »

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 5 Love is Disaster
«ตอบ #11 เมื่อ16-08-2016 20:06:51 »

อึดอัดจนอยากร้องให้ แต่ชอบนะคะ :katai1:
รอติดตามนะ

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 5 Love is Disaster
«ตอบ #12 เมื่อ17-08-2016 00:02:42 »

บีบหัวใจสุดๆ ตามนิกลับมาให้ได้นะ

เค้าว่ากันว่าคนที่แข็งนอกมักจะอ่อนใน โดยดูจากการกระทำ

ชอบเรื่องนี้ มาต่อไวๆนะคะ
ปล ขอแนะนำให้ใส่วันที่ที่อัพตรงชื่อเรื่อง ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยมาลง ตามอ่านทุกเรื่องเลย

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 6 Love is Release (23-08-59)
«ตอบ #13 เมื่อ23-08-2016 19:44:49 »

Chapter
6

           

            ควันไอน้ำสีขาวลอยฟุ้งไปทั่วห้องน้ำ กระจกใสขึ้นฝ้าจนแทบจะมองไม่เห็นคนที่นั่งกอดตัวเองอยู่ภายใต้สายน้ำ ทุกอย่างมันอาจจะเป็นบททดสอบจิตใจของ นิติ นิรันดร์กร ผู้ชายอายุ 22 ที่จากบ้านไปสองปีกว่า ก่อนที่น้องชายฝาแฝดของเขาจะขับรถตกสะพานและแม่ผู้เป็นที่รักตรอมใจตายตามลูกไป

            มันอาจจะเป็นบททดสอบเพื่อทำให้เขาเข้มแข็งมากขึ้นกว่าเดิม

            งั้นหรือ?

            “กูจะทำอะไรก็ชีวิตกู!!! ใครจะเหมือนมึง น้องชายแท้ๆตายยังไม่มีน้ำตาสักหยด!!! ถามจริงเหอะนิติ มึงเคยเสียใจที่เนตายบ้างมั้ยวะ!!!”

            คำพูดของไอ้ตุลก้องอยู่ในหัวผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า

            แม่กับน้องชายแท้ๆตาย ใครบ้างจะไม่เสียใจ

            มึงมีสิทธิ์พูดมากขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไร มึงเป็นแค่แฟนน้องกู มึงไม่ใช่คนในครอบครัว

            “ละมึงจะให้กูทำไงวะสิท ไปต่อยหน้าไอ้ห่าตุลที่พูดจาหมาๆใส่ไอ้นิเหรอ”

            “กูก็เข้าใจไอ้ตุลนะเว้ย แต่ไม่ใช่ไอ้ตุลคนเดียวหรอกที่ต้องมีใครดูแล มึงดูสภาพไอ้นิดิวะ”

            ผมนั่งเงียบฟังบทสนทนาของเพื่อนสองคนที่เถียงกันอยู่ด้านนอกห้องน้ำ เสียงโครมครามดังขึ้นด้านนอกไม่ได้ทำให้ผมละสายตาไปจากกำแพงห้องที่มีรูปเป็ดสีเหลืองแปะอยู่บนฝาผนัง

            “กูไม่เข้าใจเนเลยว่ะ เนทำแบบนี้เพราะอะไรวะ”

            “บางทีเนอาจจะคิดถูกก็ได้นะ”

            “อะไรของมึงอีกครับคุณปกป้อง”

            “เอ้า ก็มึงคิดดู คนนึงแฟน คนนึงแฝดพี่ ต่างคนต่างต้องการอ้อมกอดใครสักคนช่วยพยุง มึงลองคิดดีๆเจล กูว่าที่เนทำไม่ใช่ไม่มีเหตุผลหรอกว่ะ”

            “อย่าบอกนะมึง”

            “เออดิ กูว่าเรื่องนี้ต้องมีเงี่ยนงำแน่ๆ”

            “พ่อง”

            ถ้าเป็นเวลาปกติผมอาจจะขำกับมุขนั่น แต่ตอนนี้แค่จะขยับกล้ามเนื้อบนหน้ายังยากเลย ไม่รู้ว่ากี่ชั่วโมงแล้วที่ผมนั่งจับเจ่าอยู่ท่ามกลางสายน้ำทำตัวเหมือนเป็นพระเอกเอ็มวี เจ็บนี้มิอาจลืม

            ‘ก๊อกๆ’

            เสียงเคาะประตูดังขึ้นหน้าห้องน้ำพร้อมกับเสียงของไอ้เจลที่ตะโกนแทรกขึ้นมา

            “นิ เป็นไรป่ะวะ นี่จะสามชั่วโมงละนะมึง ออกมาก่อนที่ไข้จะแดกเหอะ!”

            ไม่เป็นไร

            ผมอยากพูดออกไป แต่ทำได้เพียงนั่งหุบปากเงียบๆแล้วมองสายน้ำที่ค่อยๆไหลลงท่อ สามชั่วโมงแล้วเหรอ ไม่ยักรู้เลยแฮะ เหมือนกับผ่านไปแค่สิบนาที

            “เฮ้ยนิ ตายยังวะ”

            “โหควายป้อง ปากเสียไอ้ห่า”

            “นิ ออกมาเหอะ พวกกูเป็นห่วงนะ” เสียงไอ้สิทดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝ่ามือทุบเบาๆที่ประตู

            ขาสองข้างผมค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นยืนก่อนจะยกมือปาดหยดน้ำออกจากใบหน้าของตัวเองแล้วเสยผมที่เปียกชุ่มขึ้นไป ผมเดินร่างไร้วิญญาณไปที่ประตูพลางบิดลูกบิดเปิด

            “เหี้ย!!!”

            “ออกมาเลยออกมา ปากมึงม่วงหมดแล้ว” ไอ้เจลลากผมออกจากห้องน้ำแล้วให้ผมนั่งลงที่เก้าอี้ มันเอาผ้าขนหนูมาเช็ดหัวผม ส่วนไอ้สิทก็รีบไปเอาชุดมาให้ผมเปลี่ยน

            “ไอ้ตุลแม่ง น่าเอาฝ่าตีนประทับปากมันซักที” ไอ้สิทบ่นแล้วก็ช่วยผมเปลี่ยนชุดไปพลางๆ

            ขอบคุณพวกมึงนะ ที่ดูแลกูขนาดนี้

            มีแค่พวกมึง กูก็เข้มแข็งได้

            ไอ้เจลเอาผ้าห่มคลุมร่างของผมแล้วกอดผมเอาไว้จากด้านหลังเพื่อให้ตัวผมอุ่นขึ้น เจลมันก็เหมือนพี่ชายของผม มันดูแลผมทุกอย่าง ไม่ว่าเวลาไหนที่เดือดร้อน ไอ้เจลจะโผล่หน้ามาเป็นคนแรกเสมอ

            ถึงผมกับมันจะไม่ได้คุยกันเกือบสองปี แต่พอกลับมา ทุกอย่างก็ยังไม่เปลี่ยนไป

            “เฮ้ยนิ เพื่อนกูที่อยู่คอนโดเดียวกับไอ้ตุลโทรมาบอกว่าไอ้ตุลจะย้ายออกว่ะ”

            ผมหันไปมองหน้าไอ้ป้องที่ถือโทรศัพท์คาไว้ที่หู ผมกับไอ้สิทมองหน้ากัน ดูเหมือนไอ้สิทจะไม่เข้าใจว่าการย้ายออกของตุลหมายความว่ายังไง

            แต่ผมเข้าใจดี

            ตุลาการกำลังจะตัดใจจากเนติ

            ซึ่งถือเป็นเรื่องดี

            ดีมากๆ

            ปล่อยเนไปได้แล้วตุล เนมันไปสบายแล้ว

 

            สามวันที่ผมมาขออยู่บ้านไอ้เจล เช้าออกไปทำงานเย็นกลับแล้วก็หลับเป็นตาย จนกระทั่งมานั่งไล่ดูข้อความในโทรศัพท์ของตัวเองอีกครั้ง บทสนทนาที่ผมคุยไว้กับเน

            “มึงไม่คิดจะหาอะไรทำเป็นชิ้นเป็นอันเหรอวะ กลับไปเรียนที่ฝรั่งเศสก็ไม่มีใครว่านะเว้ย” ไอ้เจลนอนอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ข้างๆผม ผมหันไปมองมันนิดๆพลางนอนพิงหลังมัน

            “ไม่ว่ะ กูไม่อยากให้ป๊าอยู่คนเดียว ถ้าเกิดอะไรขึ้น กูจะได้ไปทัน”

            เพราะผมอยู่ไกลถึงครึ่งโลก ตอนที่เนตายผมเลยไม่ได้ฟังแม้แต่เสียงของเน ตอนที่แม่ตายผมยังไม่แม้แต่จะได้ห้าม คราวนี้ถ้าพ่อเป็นอะไรไป ผมสาบานว่าผมจะสู้กับยมทูตให้ตายไปข้าง

            ผมเลื่อนข้อความของเนไปเรื่อยๆจนกระทั่งไปสะดุดกับบางอย่าง

            ‘กูซื้อนี่ไว้ให้ แต่ยังไม่รู้จะส่งไปยังไง ปารีสนี่ไกลจัง มึงจะเหงามั้ยเวลาอยู่คนเดียว’

            เป็นข้อความที่ผมอ่านแต่ไม่ได้ตอบ อาจจะเป็นเพราะว่ายุ่งอยู่กับการทำงานพิเศษที่ปารีส ผมกดรูปดูสิ่งที่เนซื้อไว้ให้ มันเป็นสร้อยข้อมือหนังสีน้ำตาล มีจี้สีทองรูปจระเข้ห้อยอยู่

            ‘กลับบ้านไวๆนะนิ กูคิดถึง’

            ผมได้ของจากไอ้ตุลแค่อย่างเดียวคือต่างหูที่ผมใส่ติดตัวอยู่ตอนนี้ ของที่เนซื้อไว้ให้ผม แต่สร้อยข้อมือนั่นผมยังไม่ได้ และพรุ่งนี้ผมจะไปทวงคืนจากมัน

            ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมกับไอ้ตุลอาจจะเข้าหน้ากันไม่ติดแล้วก็ตาม

            มีหลายข้อความที่ผมเพียงแค่อ่านและไม่ได้ตอบเน ผมไม่เคยคิดว่ามันจะมีอะไรมากเลยเพราะไม่นึกว่าเนจะจากไปเร็วขนาดนี้ ผมไม่เคยใส่ใจ ไม่เคยคิดจะคุยกับแฝดน้องของตัวเอง เพราะคิดตลอดว่า คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก

            อย่างที่เขาว่าจริงๆ

            ครั้งสุดท้าย มักไม่มีสัญญาณเตือน

 

            ตอนเช้าผมตรงกลับไปที่คอนโดเก่าของไอ้ตุล เจ้าของคอนโดให้ที่อยู่ใหม่ของมันมาเพราะยังมีจดหมายบางส่วนที่จะถูกส่งมาที่คอนโดเพราะมันยังไม่ได้แจ้งเรื่องย้าย ผมเลยนั่งรถแท็กซี่ตรงไปที่คอนโดใหม่ที่ไอ้ตุลไปซื้ออยู่

            ผมหยุดอยู่ที่หน้าประตูคอนโดที่ใหม่ เรื่องที่ตุลมันเคยพลาดผิด ผมก็ถือว่าแล้วก็แล้วกันไป ผมไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ในเมื่อมันไม่ใช่คนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิท

            ผมก็ไม่มีอะไรต้องแคร์มัน

            แล้วตอนนี้มันก็ย้ายมาอยู่ที่ใหม่ ที่ไม่มีความทรงจำของเนเหลืออยู่

            ถือซะว่าสัญญาของผมลุล่วงไปด้วยดี

            มันจะได้เลิกร้องไห้แล้วก็เลิกเมาเหมือนหมาสักที

            ‘ออด’

            ผมกดออดข้างประตู ไม่นานนักเจ้าของห้องก็เดินมาเปิด ไอ้ตุลดูตกใจที่เห็นผมยืนอยู่ตรงหน้า มันหลบตาผมก่อนจะเปิดประตูอ้ากว้างให้ผมเดินเข้าไป

            “เข้ามาสิ”

            สภาพห้องยังคงรกเลอะเทอะอย่างเคย แต่รกกันคนละแบบ รอบแรกที่ผมเจอตุลาการ ห้องมันเลอะเพราะความทรงจำเก่าๆ แต่ที่นี่ ทั้งกลิ่นใหม่ ทั้งฟอร์นิเจอร์ใหม่ ความทรงจำใหม่ๆกำลังถูกแทนที่

            ไม่มีกลิ่นอายของเน ไม่มีความทรงจำของเน

            แปลกที่ผมรู้สึกดี

            “กูมาเอาของ สร้อยข้อมือที่เนเคยซื้อให้ กูยังไม่ได้คืน” ผมหันไปพูดกับไอ้ตุลที่มองหน้าของผมไม่ละสายตา

            “นิ … หายโกรธผมหรือยัง” คนตรงหน้าถามด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด ผมกลอกตาไปมา

            “กูมาเอาของคืน สร้อยข้อมือหนังสีน้ำตาลที่มีจี้รูปจระเข้”

            “ผมขอโทษจริงๆ วันนั้นผมไม่ได้ตั้งใจพูดออกไป ยกโทษให้ผมนะ”

            ตกลงไอ้ตุลาการนี่มันได้ฟังสิ่งที่ผมพูดหรือเปล่าวะ

            “บอกไปแล้ว ว่าเราไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกันอีก”

            “แต่ผมไม่สบายใจ”

            “งั้นก็เลิกพูดเหอะ อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป กูไม่ติดใจอะไร”

            ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ตุลาการหันไปค้นลังกระดาษลังหนึ่งแล้วหยิบกล่องใสที่ใส่ข้าวของยื่นมาให้ผม

            “นี่ของทั้งหมดของเน เอากลับไปให้หมดเลยก็ได้”

            ทุกอย่างตั้งแต่รูปคู่ รูปของเน ของใช้ส่วนตัวอยู่ในกล่องนี้หมดรวมไปถึงสร้อยข้อมือที่เนตั้งใจซื้อให้ผม แบบนี้ … ไอ้ตุลกำลังตัดใจจากเนแล้วจริงๆสินะ

            ผมก้าวขาเพื่อจะเดินออกไปจากห้องหลังจากที่ธุระของผมจบลง แต่เสียงขลุกขลักที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง ไอ้ตุลกำลังแบกลังกระดาษคนเดียวซึ่งดูท่าจะหนักเพราะมันกำลังเซไปเซมา แล้วแถมมันยังต้องจัดห้องคนเดียวที่ดูเหมือนต้องใช้เวลาซักอาทิตย์ถึงจะลงตัว ผมถอนหายใจเบาๆ

            กล่องใสที่บรรจุความทรงจำชิ้นสุดท้ายของเนถูกผมวางลงบนโต๊ะข้างตู้วางรองเท้า ผมเดินเข้าไปช่วยไอ้ตุลพยุงกล่องกระดาษที่โคตรจะหนักจนแทบจะทำให้คนที่คิดจะยกมันคนเดียวเกือบจะล้มหัวคะมำเมื่อกี้ ตุลาการดูตกใจที่เห็นผมเข้ามาช่วย พร้อมทั้งพูดออกมาด้วยความเกรงใจ

            “ผมยกเองได้ ไม่เป็นไรหรอก นิกลับไปเถอะ”

            “เหอะ นอกจากปากจะหมาแล้วยังจะหัวแข็งอีกเนอะ ตัวเองจะล้มอยู่แล้วยังจะบอกว่าไหว” ผมกับไอ้ตุลวางกล่องที่บรรจุหนังสือเรียนของมันลงบนโต๊ะกินข้าว ไอ้ตุลก้มหน้ามองของในลังอยู่แบบนั้น

            “แล้วนิล้มแรงขนาดนั้น ไหวเหรอ…” คำพูดของไอ้ตุลทำให้ผมถึงกับนิ่งไป

            ใช่ ... ผมล้มแรง ผมเสียสมดุลของตัวผมเองไป มันเหมือนเสียขาสองข้าง ตอนนี้ผมกำลังใช้มือเดินแล้วลากร่างของตัวเองไปตามทาง และพร่ำบอกตัวเองว่าไหว ผมเข้มแข็ง

            “ถ้าไม่ไหว กูคงไม่ยืนอยู่แบบนี้หรอก” ผมว่าแล้วช่วยไอ้ตุลแบกของอย่างอื่น

            ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะลงตัว ผมนั่งหอบอยู่ข้างโซฟาพลางปาดเหงื่อที่ไหลเปรอะใบหน้า ไอ้ตุลยื่นกระป๋องน้ำอัดลมให้ผมพลางนั่งลงข้างๆ

            “แปลกนะ พอออกจากห้องนั้นมา ผมกลับไม่รู้สึกอึดอัดแล้ว”

            “ก็ดีแล้วนี่ อะไรที่ผ่านไปแล้ว ก็ปล่อยให้มันเป็นความทรงจำที่ดีไป อย่าให้มันมาทำลายตัวมึง” ผมพูดเสียงแผ่ว ไอ้ตุลหัวเราะเบาๆ รอยยิ้มที่ผมไม่ค่อยได้เห็นปรากฏบนใบหน้าของผู้ชายที่เนรัก ผมเพิ่งสังเกตว่าไอ้ตุลมีลักยิ้มที่แก้มซ้าย

            “แต่บางที ก่อนที่จะเริ่มต้นใหม่ เราก็ควรระบายความเจ็บปวดออกไปให้หมดก่อนนะ”

            “…”

            ไอ้ตุลหันมามองหน้าผมก่อนจะใช้ฝ่ามือของมันสัมผัสลงบนหัวทุยๆของผม

            “คนที่เจ็บเหมือนกัน ย่อมรู้ดีอยู่แล้ว”

            TBC
            มาต่อแล้วนาจาาา ขอบคุณที่ติดตามกัน  :mew1: :mew1:

             

ออฟไลน์ Ta_ii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 6 Love is Release (23-08-59)
«ตอบ #14 เมื่อ23-08-2016 23:52:35 »

น่าติดตามมาก ชอบความแข็งของนิติอ่ะ ดูเป็นตัวละครที่น่าสนใจทีเดียว

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 6 Love is Release (23-08-59)
«ตอบ #15 เมื่อ24-08-2016 09:10:21 »

อา ขอให้ทั้งสองคนมีความสุขมากๆนะ

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 6 Love is Release (23-08-59)
«ตอบ #16 เมื่อ24-08-2016 09:32:12 »

เย้ๆมาต่อแล้ว ชอบเรื่องนี้อ่ะ อ่านเหมือนได้กำลังใจในตัว 55555 ชอบนิติสุดๆมีเสน่ห์ดี

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 7 Love is Mistake (02-09-59)
«ตอบ #17 เมื่อ02-09-2016 20:33:14 »

Chapter
7

 

            ทำไมไอ้เวรตุลาการนั่นมันชอบทำเหมือนรู้ไปหมดทุกเรื่องวะ

            ผมถอนหายใจเบาๆแล้วเดินไปตามทาง ชีวิตของผมตอนนี้เหมือนอย่างที่ไอ้เจลว่า ผมใช้ชีวิตทิ้งไปวันๆไร้จุดหมาย บางทีคนที่ควรจะทิ้งอดีตไม่ใช่ไอ้ตุลที่พยายามอ่านหนังสืออย่างหนักเพราะใกล้จะเรียนจบในปีหน้า

            แต่เป็นผมที่ยังเรียนได้แค่ครึ่งแต่ดันต้องลาออก

            “I said I won’t go back” (ก็บอกแล้วไงว่าไม่กลับไป) ผมคุยโทรศัพท์กับโจแอนนา เธอไม่ยอมหยุดตื้อ แม้ผมจะอยู่ห่างจากเธอครึ่งโลก มันน่ารำคาญเป็นบ้า

            (please come back, I beg you …) (ได้โปรดกลับมา ฉันขอร้อง)

            “No”

            (please Niti … I can’t forget you, I love you …)

            ผมกดวางสายก่อนจะถอดซิมโทรศัพท์หักทิ้งแล้วโยนลงจากสะพานข้ามแม่น้ำด้วยความหงุดหงิด สาบานได้นี่เป็นครั้งแรกที่ผมปรี๊ดแตกแบบนี้

            ทำไมต้องทำเหมือนผมเป็นคนเดียวของเธอ

            ความรักนี่มันงี่เง่า ทั้งๆที่เจ็บ ทำไมต้องยอมทนวะ

            ผมไม่ได้รักเธอ

            เลิกเพ้อเจ้อสักที

            ผมโบกแท็กซี่ตรงไปที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อซิมใหม่มาใส่เครื่อง ก่อนเพิ่งนึกได้ว่าข้อความที่คุยกับเน มันหายไปหมดแล้วเพราะผมโยนซิมโทรศัพท์ทิ้งไป

            ไอ้เชี่ยนิ มึงโคตรโง่

            ทั้งๆที่ผมควรจะบอกตัวเองว่าให้หยุด แต่ผมกลับเปิดโทรศัพท์ของเนขึ้นมาแล้วเลื่อนดูข้อความที่ผมกับเนคุยกัน ผมไม่เคยคิดจะยุ่งเรื่องส่วนตัวของเน

            แต่ผมคิดถึงเน

            มีเพียงข้อความที่เราคุยกันที่ยังบ่งบอกถึงตัวตนของเน

            คนที่ควรจะทิ้งอดีตไปแล้วเริ่มต้นใหม่ ไม่ใช่ไอ้ตุล แต่เป็นตัวผมเอง

           

 

            หลังจากที่ผมไม่มีอะไรติดค้างกับผู้ชายที่ชื่อตุล ผมก็ไม่ได้เจอหน้ามันอีกเลย แต่มันเหมือนมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ชักนำให้ผมเข้าใกล้ไอ้ตุลมากขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่ผมยึดโทรศัพท์เนมาใช้

            วันแรกผมไปเอาสร้อยข้อมือ พอหลังจากอ่านข้อความที่เนคุยกับผม มันก็ยังมีของของเนที่อยู่กับไอ้ตุลที่ผมอยากจะได้คืนอีกเยอะแยะเพราะข้อความที่เนส่งมาหาผมในโปรแกรมแชทมันมีมากมายมหาศาล วันที่สองผมไปเอาเสื้อผ้าของเนคืน วันที่สามผมไปเอารองเท้าของเนคืน วันที่สี่ผมไปเอาหนังสือเรียนคืน

            และวันที่ห้า ผมมายืนอยู่หน้าห้องของไอ้ตุลด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ

            เจ้าของห้องเปิดประตูแล้วเดินนำผมเข้าไปเหมือนรู้ว่าผมมาทำอะไร

            “มึงเอาของๆเนที่มึงมีทั้งหมดคืนมาเลยเหอะ กูขี้เกียจมาทุกวัน” ผมบ่นเป็นหมีกินผึ้งแล้วมองไอ้ตุลที่ยืนยิ้มโชว์ลักยิ้มอยู่ที่โซฟา

            “มันเยอะจนลืมแล้วว่ามีอะไรบ้าง ของที่เห็นชัดๆก็ใส่กล่องไปให้แล้วไง”

            “โว้ย สมองมึงนี่ ถ้ามันครบกูจะกลับมาเอาทำซากอะไรวะ!!”

            ผมถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้องนอนใหม่ของไอ้ตุลก่อนจะนิ่งไป บรรยากาศห้องนอนเก่าที่เต็มไปด้วยกลิ่นแชมพูของเนตอนนี้เปลี่ยนเป็นกลิ่นหอมๆของน้ำหอมกลิ่นใหม่ ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ ตุลาการเปลี่ยนแชมพู สบู่ทุกอย่างที่เนชอบใช้เป็นแบบใหม่หมด

            มึงเข้มแข็งเร็วกว่ากูอีกตุล

            ตอนนี้กูยังไม่สามารถหยุดอ่านข้อความของเนได้เลย

            ผมเดินกลับออกมาจากห้องนอนพลางทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาเหมือนเป็นห้องของตัวเอง เจ้าของห้องมีสีหน้าดีขึ้นกว่าแต่เก่า ขอบตาก็ไม่คล้ำเป็นหมีแพนด้า

            “เวลาเนอยู่กับมึง เนเป็นคนแบบไหนวะ” ถึงจะเป็นคำถามที่ดูอึดอัด แต่ไอ้ตุลกลับไม่อึดอัดที่จะตอบ กลับกันใบหน้าของมันเปื้อนรอยยิ้มเวลาพูดถึงเนติ

            “เนเป็นคนน่ารัก ขี้งอนหน่อยๆ ขี้โวยวายแต่พอซักพักก็จะมาอ้อน”

             “เนติดนิสัยชอบซื้อของที่อยากได้ ไม่ว่าแพงขนาดไหนก็ซื้อ ของถึงได้เต็มห้องไปหมด ชอบเอาแต่ใจตัวเอง แต่พอดุก็จะถามว่า ถ้าไม่รักก็ไปรักคนอื่นเลยไป”

            “…”

            เนในสายตาของผม เป็นเด็กผู้ชายขี้งอแง งอแงในความหมายของผมคือน่ารำคาญ งี่เง่า พูดมาก ชอบทำตัวบ้าบอ เพ้อเจ้อไปวันๆ เอาแต่พูดพร่ำถึงเรื่องความรักบ้าบอคอแตก

            “มึงไม่รำคาญบ้างเหรอวะ เวลาเนงอแง” ผมถามเสียงเรียบ ไอ้ตุลนั่งลงข้างๆผมพลางถอนหายใจ

            “เวลาคนเรามีความรัก ต่อให้มันน่ารำคาญแค่ไหน เราก็จะมองผ่านมันไป”

            “…”

            “เคยได้ยินมั้ยความรักทำให้คนตาบอด” นิยามน้ำเน่าที่ผมไม่เคยเชื่อว่ามันจะมีจริง

            “น่ารำคาญว่ะ”

            “ผมก็เคยคิดว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก จนได้เจอเน” ไอ้ตุลดูมีความสุขที่พูดถึงเน แต่ผมไม่ แค่จะยิ้มผมยังยิ้มไม่ออกเลยด้วยซ้ำ

            มันเหมือนกับว่าทั้งๆที่ผมเป็นฝาแฝดของเน ผมยังไม่เคยเห็นข้อดีของฝาแฝดของตัวเอง

            ผมถอนหายใจแล้วมองหน้าไอ้ตุลก่อนจะลุกขึ้นยืน เจ้าของห้องมองหน้าผมด้วยความสงสัยแต่ยังไม่ทันเอ่ยปากถามผมก็พูดขัดขึ้นก่อน

            “เอาของๆเนมาให้หมด กูขี้เกียจมาใหม่แล้ว”

            ตุลาการยิ้มนิดๆเหมือนกับว่าเรื่องที่ผมพูดมันตลกมากนัก

            “ไม่หมดหรอก ต่อให้ขนไปทั้งห้องก็ไม่หมดหรอกนิติ” ผมขมวดคิ้ว ไอ้ตุลเงยหน้าขึ้นมามองผม ดวงตาสีดำสนิทของมันเหมือนห้วงอวกาศที่จะดูดใครก็ตามที่จ้องมองมันเข้าไป

            “เพราะผมเองก็เป็นของๆเนเหมือนกัน”

 

 

           ไม่รู้ว่าคำพูดของตุลาการมีนัยยะแฝงหรืออะไรหรือเปล่า รู้เพียงแค่ว่ามันกวนใจผมอย่างยิ่ง หลังจากกลับจากซื้อของกับไอ้เจลที่ห้าง ผมก็มานอนกลิ้งอยู่บนเตียงอ่านข้อความในโทรศัพท์ของเนแล้วมองเพื่อนสนิทที่นั่งวาดแผนการแข่งบาสอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ

           ไอ้เจลเป็นนักบาสของมหา’ลัย ตอนนี้มันเรียนอยู่ปีสามคณะเกษตร ด้านหลังบ้านมันมีสวนแปลงผักอยู่ แถมยังมีรสนิยมชอบเลี้ยงงูและรักงูเหมือนลูก ผมลืมบอกไปว่าชื่อเจลเนี่ยย่อมาจากไนเจล มันเป็นลูกครึ่ง ที่ผมสามารถบอกได้ว่าครึ่งคนส่วนอีกครึ่งไม่รู้อะไร

            ล้อเล่น

            มันเป็นลูกครึ่งไทย ออสเตรเลีย

            มันถึงได้สูงชะลูดเหมือนเสาไฟฟ้าขนาดนี้ไง

            “เจล” ผมเรียกชื่อคนที่มีสีหน้าจริงจังกับการวางแผนการซ้อมบาสฤดูหนาวปลายปีนี้

            “หือ”

            “มึงยังไม่เคยเล่าให้กูฟังเลยนะ ว่าแฟนคนล่าสุดมึงชื่ออะไร” ไอ้เจลหันหลังพรวดพราดจนแทบจะตกเก้าอี้ เจ้าตัวมีสีหน้าตระหนกตกใจกับคำถาม ผมขมวดคิ้วกับท่าทีเก้อๆของมัน ที่ผมถามเพราะว่าเคยได้ยินจากไอ้สิทว่าที่เจลมันยุ่งๆไม่ได้ติดต่อผม นอกจากเรื่องพ่อกับแม่ ก็มีเรื่องแฟนคนล่าสุดของมันเนี่ยแหละ

            เป็นไรวะ

            “ถามอะไรตอนนี้วะแห้ง กูเสียสมาธิหมด”

            “ก็กูอยากรู้ เผื่อวันนึงกูตายไป กูก็อยากรับรู้เรื่องคนรอบตัวบ้าง” เพื่อนสนิทของผมหันมาทำตาขวางใส่ ไอ้เจลวางงานของมันลงแล้วเดินมานั่งลงบนเตียงตรงหน้าผม

            “ห้ามพูดอะไรแบบนั้นออกมาอีก”

            “พูดว่าจะตายน่ะเหรอ”

            “แห้ง!!!” ไอ้เจลตะคอกใส่ผมแล้วยกหมอนมาฟาดด้วยความโมโห ผมกลิ้งหลบอย่างง่ายดายก่อนที่จะถูกไอ้เจลคว้าตัวเอาไว้ มันกอดผมไว้หลวมๆ

            “ถ้ามึงตาย กูจะไม่ให้อภัยตัวเองที่ดูแลมึงไม่ดีพอ”

            ผมนิ่งไป พลางบีบแขนไอ้เจลเบาๆ

           “ถ้าสมมติมึงเป็นแฟนกู แล้วกูตายไป มึงจะรู้สึกยังไงวะ” ผมถามเพื่อนด้วยความสงสัย ไนเจลถอนหายใจเบาๆแล้วกอดผมแน่นขึ้นไปอีก

           “กูรู้นะว่ามึงอาจจะคิดว่าคนเป็นแฟนคงไม่รู้สึกถึงความรู้สึกของฝาแฝดที่เสียอีกคนไป”

           “…”

           “แต่คนเป็นแฟน มันทรมานพอๆกัน เพราะหัวใจของตัวเอง ให้อีกคนไปแล้ว”

           “อือ”

           “แล้วยิ่งถ้าเขาตายแล้ว มันก็ไม่มีคนดูแลหัวใจดวงนั้นได้ดีเท่าคนเก่าอ่ะ”

           ไอ้เจลพูดเสร็จมันก็ขยี้หัวผมเบาๆแล้วเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือตามเดิม ผมนอนเหม่อมองออกไปยังประตูกระจกที่สามารถมองเห็นดวงจันทร์จากระเบียงชั้นสอง

           บางทีที่ผมเห็นไอ้ตุลมันยิ้มๆ แต่ในใจของมันอาจจะกำลังฝืนยิ้มก็ได้

           แล้วผมควรจะทำยังไง ระหว่างให้มันทำตัวเป็นไอ้ขี้เหล้า กับ ให้มันฝืนยิ้มเก็บความรู้สึกไว้ข้างใน

 

 

           ขอบคุณพระเจ้าที่สร้างผมขึ้นมาให้ขี้สงสัยขนาดนี้

           อยากจะทุบหัวตัวเองสักสามรอบ ในมือของผมมีของอยู่สองอย่างที่ถูกบรรจุอยู่ในถุงพลาสติก ข้างซ้ายขวดเหล้า ข้างขวาขวดน้ำผลไม้ ผมอยู่หน้าห้องไอ้ตุล และผมต้องการทดสอบมันว่าผมควรจะปล่อยให้มันทำสิ่งไหนดีกว่ากัน

           ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมกับรอยยิ้มของเจ้าของห้องเหมือนทุกครั้ง

           ผมถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้องที่ไร้กลิ่นอายของเนก่อนจะนั่งลงบนพื้นพรมสีครีม ไอ้ตุลเดินตามมาพลางเลิกคิ้วสงสัยแล้วมองผมที่หยิบขวดเหล้าและขวดน้ำผลไม้ออกมาจากถุง

          “หือ อะไรน่ะ”

          “มึงมานั่งนี่” ผมเรียกเจ้าของห้องให้เดินมานั่งข้างหน้า ไอ้ตุลเดินมานั่งข้างหน้าผมแต่โดยดีไม่มีปากเสียงอะไร มันมองหน้าผมด้วยความไม่เข้าใจ

          “กูจะให้มึงเลือกสองอย่าง และมึงต้องซื่อสัตย์ ถือซะว่าเนจับผิดมึงอยู่บนสวรรค์”

          “ห่ะ” ไอ้ตุลดูงงแดกมาก แต่ผมไม่คิดจะอธิบายอะไรมากกว่านั้น

          "ในใจมึงจริงๆแล้ว มึงรู้สึกยังไงตอนนี้”

           คนตรงหน้าขมวดคิ้วจนเป็นโบว์เบ้อเริ่ม ไอ้ตุลทำท่าจะถามแต่ผมขัดไว้ก่อน

          “กูอาจจะผิดที่ทำให้มึงต้องฝืนยิ้ม ถ้ามึงไม่อยากฝืนก็ไม่เป็นไรนะกูเข้าใจ แต่ไงดีวะ คือกูก็ไม่อยากเห็นมึงเมาเหมือนหมา ถ้าเนรู้เนคงเสียใจ แต่กูก็ไม่อยากให้มึงฝืนตัวเองว่ะ เข้าใจมั้ยวะ” คำพูดของผมโคตรผิดหลักตรรกะ มันวนไปวนมาเหมือนอยู่ในโอ่ง

           แต่ดูเหมือนไอ้ตุลจะเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร มันชี้นิ้วไปที่ขวดน้ำผลไม้

          “แล้วนี่อะไรครับ”

          “ก็ถ้ามึงโอเคกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว แล้วรอยยิ้มนั่นไม่ใช่รอยยิ้มที่มึงฝืน ก็ดี เนจะได้สบายใจ”

           ผมอ้างความสบายใจของเน แต่จริงๆมันคือความสบายใจของผมล้วนๆ ถ้าขืนไอ้ตุลมันฝืนยิ้มอย่างที่ผมเข้าใจถูก แล้วถ้าเกิดผมไม่คิดจะทำอะไร เนอาจจะลุกขึ้นมาจากหลุมศพแล้วบีบคอผมให้ตายตามกันไปก็ได้

           หลังจากที่อ่านข้อความของเนแล้ว ผมยอมรับว่าหัวผมอ่อนลง ผมรู้สึกผิดกับน้องชายฝาแฝดที่รักผมมากมายเท่าท้องฟ้าแต่ผมกลับเห็นค่ามันแค่เล็บขบ

           ผมอยากเข้าใจในสิ่งที่เนทำ อยากใกล้ชิดกับเนมากกว่านี้

           ผมที่ไม่เคยทำอะไรให้เน ผมอยากจะรักษาสัญญา

           ให้ชัวร์ ว่าคนที่เนรักโอเคแล้วจริงๆผมถึงจะหยุดทุกอย่างลง

           “ขวดเหล้าคือผมยังลืมเนไม่ได้ ส่วนขวดน้ำผลไม้คือผมลืมเนได้แล้วและพร้อมเริ่มต้นใหม่งั้นใช่มั้ย” ไอ้ตุลอธิบายในความเข้าใจของมัน ผมพยักหน้านิดๆ

           “อือ ตามนั้น เลือกซะ กูจะได้รู้ว่าควรจะทำไงต่อ”

           “ทำไงต่อ?”

           “กูสัญญากับเนไว้ไงจำไม่ได้เหรอ ว่าจะดูแลคนรักของเนให้ ไม่อยากให้ค้างคาโอเค้?” ผมขึ้นเสียงสูงเป็นเชิงกวนบาทา แต่ไอ้ตุลทำเพียงแค่หัวเราะออกมาเบาๆ

           “เลือกเลย” ผมนั่งนิ่งกอดอกมองผู้ชายตรงหน้า ผู้ชายที่ดูเข้ากับเนอย่างที่ใครเขาว่ากัน ตุลมันตัวใหญ่ มันกอดเนทีเดียวเนก็จมแล้ว ตุลมันอบอุ่น ผู้ชายตรงสเปคคนขี้เอาแต่ใจแบบเน ไอ้ตุลมันใจเย็น คอยรับอารมณ์ของเนได้เสมอ

           ไม่แปลกใจที่เนจะรักมัน ถึงขนาดที่ว่าตายไปแล้ว ยังมีอิทธิพลส่งถึงคนอื่นให้รู้สึกสงสารไอ้เวรนี่

           ตุลาการนั่งกอดอกมองขวดเหล้าสลับกับขวดน้ำผลไม้ด้วยความหนักใจ เมื่อผมเห็นมันใช้เวลานานมากในการตัดสินใจผมเลยโพล่งขึ้นด้วยความหงุดหงิด

           “นี่ไม่ใช่ข้อสอบไอ้ห่า เลือกผิดก็เลือกใหม่ได้ ลีลาจัง กูไม่ได้มีเวลาทั้งวันมานั่งมองมึงส่ายหน้าเป็นพัดลมหรอกนะไอ้…”

           ผมสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อมือของไอ้ตุลไม่ได้หยิบขวดเหล้าหรือขวดน้ำผลไม้ แต่มือของตุลกลับยื่นมาจับปลายคางของผมแล้วดึงเข้าไปหามันพร้อมกับริมฝีปากของตุลาการที่แนบลงบนริมฝีปากของผมอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ติด

           เท้าของผมยกขึ้นถีบท้องไอ้ตุลกระเด็นออกไปอย่างอัตโนมัติ ผมมองไอ้ตุลที่ลงไปขดตัวกุมท้อง

           “โอ้ยเจ็บ”

           “มึงเผลออีกหรือไง” ผมจำได้ว่าครั้งแรกที่จูบกับไอ้ตุลคือมันบอกว่าเผลอนึกว่าผมเป็นเน

          ถ้ามันเผลออีกรอบผมจะต่อยมันจริงๆ

          “เปล่า ก็ผมเลือกไม่ถูก” ไอ้ตุลเงยหน้ามองผม

          “เอ้า เลือกไม่ถูกแล้วไมไม่บอกวะ กูไม่ใช่เนนะถึงได้จูบเอาๆเนี่ย”

          “ผมไม่ได้โง่นะนิ”

          “มันมีหลายครั้งที่มึงโง่นะ”

          “ก็ไม่รู้จะเลือกอะไร ผมเลยเลือกนิแทน”

           ---------------------------
           TBC

ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 7 Love is Mistake (02-09-59)
«ตอบ #18 เมื่อ02-09-2016 21:26:08 »

หืมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 7 Love is Mistake (02-09-59)
«ตอบ #19 เมื่อ02-09-2016 22:52:04 »

“ก็ไม่รู้จะเลือกอะไร ผมเลยเลือกนิแทน"
แจ่มว้าวมากตุลย์ แอบรู้สึกตกใจอ่ะ แต่ในทางบวกนะ เหมือนจะเห็นสัญญาณอะไดีๆจากทั้งคู่เลยแฮะ

แต่อย่าลืมนะว่าจริงๆแล้วคนที่คิดมากคิดเยอะคิดๆๆๆๆๆวุ่นวายไปหมด คือ นิติ นิติทำให้เรานึกถึงคนกลัวจากผูกพันธ์กับใครซักคน เพราะไม่อยากเจ็บปวดเลยเลือกที่จะไม่ผูกใจกับใครไว้ แต่นิติคงไม่รู้ตัวว่าตัวเองเริ่มผูกพันธ์กับตุลย์ทีละนิดด้วยความรู้สึกตัวเอง โดยไม่ผ่านเนอีกแล้ว ถึงได้ซื้อเหล้ากับน้ำผลไม้มาให้ตุลย์เลือก

ชอบบบบบบบบบบ จะรอตอนต่อไป ว่าตุลย์จะโดนลูกถีบอีกกี่รอบ5555


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 7 Love is Mistake (02-09-59)
« ตอบ #19 เมื่อ: 02-09-2016 22:52:04 »





ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 8 Love is Foolish (07-09-59)
«ตอบ #20 เมื่อ07-09-2016 19:05:27 »

Chapter
8

           

     ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรหลังจากที่ตุลาการพูดคำพล่อยๆแบบนั้นออกมา ไม่รู้ว่ามันคิดก่อนพูดมั้ย หรือไม่รู้ว่าในสมองมันมีอะไรอยู่ รู้เพียงแค่ว่าไม่กี่นาทีผมก็มาหยุดยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ที่ไร้ผู้คนพร้อมกับคิ้วสองข้างที่ขมวดเป็นปม

     ผมไม่ใช่คนโง่ ไม่ใช่คนที่รู้ว่าสถานการณ์ที่เจอเมื่อกี้มันคืออะไร

     เน … มึงต้องการอะไรวะ มึงรู้หรือเปล่าว่าคนอ่อนแอมักจะโอนอ่อน

     มึงรู้หรือเปล่า ว่าคนที่สูญเสียใครสักคน แค่ใครอีกคนมาทำดีใส่ เขาก็รู้สึกดีด้วยซะแล้ว
 
     เพราะแบบนี้ไง ผมถึงไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนของน้องชายฝาแฝด

     โถ่เว้ย ใครจะบ้าดูไม่ออก
 
     ผมโดนไอ้ตุลจูบสองรอบ รอบแรก ใช่ ดูรู้ว่ามันเผลอ แต่รอบที่สอง มันไม่ได้เผลอ ดูก็รู้ว่ามันตั้งใจเลือกผม…

     ใครจะโง่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในภาวะที่เรียกว่า

     ถูกมีความรู้สึกดีๆด้วย

     ผมจะไม่พูดไปมากกว่านี้ จะไม่ตัดสินใจว่าที่ไอ้ตุลมีท่าทีแปลกๆพักหลัง ที่มันยิ้มบ่อยขึ้นเวลาเจอหน้าผม ที่มันชอบแกล้งผมแล้วหัวเราะมีความสุข ทั้งคำพูดจาที่ดูเหมือนอยากจะให้ผมระบายสิ่งที่อยู่ในใจ ทำตัวเหมือนอยากเป็นที่พักพิงให้กับผม

     ผมจะไม่คิดมากไปกว่านี้ จะไม่คิดว่าไอ้ตุลยิ้มให้ผม เพราะผมเป็นมากกว่า คนรู้จัก

     การที่แฟนของน้องชายแอบมีความรู้สึกดีๆให้

     มันก็ทำให้ผมเหมือนตกนรกทั้งเป็น

 

     ผมใช้เวลาทั้งวันไปกับการนอนอยู่เฉยๆ ข้างๆมีกล่องกระจกใสใหญ่ๆที่มีงูใบไม้สีเขียวเลื้อยไปตามกิ่งไม้ที่ไอ้เจลเอามาใส่ไว้ ผมมองงูตัวเล็กๆอย่างไม่รู้สึกเบื่อ หรือว่าอาจจะเป็นเพราะว่า ผมไม่ได้ใส่ใจมันเลยสักนิด ในสมองของผมตอนนี้ มีแต่เรื่องว่าควรจะทำอะไรต่อดี

     บางที ผมควรจะทำให้ตัวเองยุ่งเพื่อที่จะไม่ต้องมานั่งคิดฟุ้งซ่าน

     ถ้าตอนนี้ผมเรียนอยู่ฝรั่งเศส คงจะดีกว่า

     Rrrr Rrrr

     เสียงโทรศัพท์ของเนดังขึ้นเล่นเอาผมสะดุ้ง ร้อยวันพันปีไม่เคยมีใครโทรเข้ามาตั้งแต่ผมได้โทรศัพท์มาจากไอ้ตุล ผมหยิบโทรศัพท์ของเนมาดูชื่อคนโทรเข้าก่อนจะนิ่งไป

     มันคือชื่อของผู้ชายที่ผมไม่อยากจะสนทนาด้วยตอนนี้

     มันคือคนที่ทำให้ผมคิดมาก

     มันคือไอ้เวรที่น้องชายผมสั่งให้ดูแลเพราะกลัวว่าแม่งจะคิดสั้นตายตามแฟนไป

     ผมเลือกจะวางโทรศัพท์ไว้นิ่งๆ แต่มันโทรไม่หยุด จนสุดท้ายด้วยความรำคาญผมจึงกดรับ ยังไม่ทันที่จะได้ตะคอกด่า เสียงจากปลายสายที่ไม่ใช่เสียงไอ้ตุลก็รัวมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน

     “นิหรือเปล่า กูตามนะเพื่อนไอ้ตุล มาที่คอนโดมันเดี๋ยวนี้เลย ไอ้ตุลจะฆ่าตัวตาย!!!”

     “!!!”

     นั่นเป็นความคิดที่ โคตรโง่เลยให้ตายดิ!!

     ผมรีบดิ่งตรงไปที่คอนโดของตุลาการ ก่อนจะผลักประตูห้องเข้าไป ภาพที่เห็นคือห้องที่ผมเพิ่งจะออกไปตอนบ่ายๆตอนนี้กลับกลายเป็นกองขยะไม่ต่างจากห้องเก่า ผู้ชายที่ชื่อตามเพื่อนของตุลยืนกุมขมับอยู่หน้าห้องน้ำ ผมรีบปราดเข้าไปยืนข้างๆมันพลางชะงักไป

     ภาพตรงหน้าของผมคือผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาที่กำลังทำตัวเองให้เหมือนไอ้ขี้แพ้ ผู้ชายที่ผมเคยคิดว่ามันเข้มแข็งเร็วกว่าตัวผมเองกำลังถือมีดโกนจ่อลงบนข้อมือ ดวงตาที่ว่างเปล่าของตุลาการเป็นคนละคนกับที่ผมเคยรู้จัก

     โชคดี ที่มันทำเพียงแค่ค้างไว้แบบนั้น ไม่มีทีท่าว่าจะกรีดมันลงไป

     “กูพูดกับมันมันก็ไม่ตอบ พอจะเข้าไปดึงออกก็กลัวว่ามันจะกรีดข้อมือตัวเอง” ไอ้ตามว่า ใบหน้าของมันซีดพอๆกับไก่ต้ม ผู้ชายตัวโตซะเปล่าแต่ใจโคตรเล็กยิ่งกว่าปลาซิว ผมผลักร่างของไอ้ตามให้พ้นทาง มันทรุดลงไปนั่งข้างเตียงแล้วมองเพื่อนของมันที่นั่งเงียบอยู่ในห้องน้ำ

     ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางเดินเข้าไปหาตุลาการ มือจะคว้ามีดโกนออกไปแต่ไอ้ตุลกลับฝืนเอาไว้ มันเงยหน้ามองผม ดวงตาแดงก่ำที่บ่งบอกถึงการร้องไห้อย่างหนักมันทำให้ผมสมเพช

     คนที่คิดจะฆ่าตัวตายมีแต่คนโง่เท่านั้นแหละ ทางออกมีเป็นร้อยเป็นพันทาง

     “เนอยากมีชีวิตอยู่แต่ไม่มี มึงมีชีวิตอยู่แต่ไม่อยากมี … โง่หรือเปล่า” ผมพูดเสียงเรียบ ทั้งๆที่ในใจโมโหอยากต่อยมันให้เลือดอาบ

     “กูไม่อยากสั่งสอนมึงนะตุล เพราะมึงโตแล้ว มึงควรคิดอะไรเป็นมากกว่าคำว่าจะตาย”

     คนตรงหน้าของผมยังคงไม่เอามีดโกนออกจากข้อมือ ทั้งๆที่มันกำลังมองหน้าผมด้วยแววตาอ้อนวอน เจ็บปวด ขอร้อง

     ผมรู้ว่าไอ้ตุลรักเนมาก ผมรู้ว่าเนรักตุลมาก แต่วันนึงมันก็ต้องมีวันจากลา แค่ไม่รู้ว่าจะช้าหรือเร็ว ผมรู้ว่าจิตใจมันย่ำแย่ ผมรู้ว่ามันอาจจะซึมเศร้าที่ขาดเนไป

     แต่ตอนเกิดมา เนไม่ได้เกิดมาพร้อมมัน ทำไมมันถึงอยู่มาได้วะ

     ทำไมไม่คิดวะไอ้ห่า

     “กูเคยนึกนะว่ามึงเข้มแข็ง แต่ไม่นึกเลยว่ะ ว่ามึงจะโง่ขนาดนี้ … เนคงเสียใจ ที่มีแฟนห่วยฉิบหายแบบมึง” ตอนนี้มีคำๆเดียวที่ผมอยากพูดกับมันคือคำว่า โง่ โง่ดักดาน โง่ฉิบหาย ชีวิตมีดีๆอยากจะเอาไปทิ้ง

     โง่

     ผมไม่คิดจะกล่อมอะไรอีก แต่หันหลังแล้วจะเดินออกไปจากห้องน้ำ เสียงอะไรบางอย่างกระทบกับพื้นกระเบื้องก่อนที่วงแขนของตุลจะคว้าเอวของผมกอดเอาไว้

     ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากใคร มีเพียงแค่เสียงลมหายใจหนักๆของไอ้ตุลที่ฟังดูเหนื่อยล้า

     “กูผิดเองที่รู้สึกดีกับมึงนิติ … ทำไมวะ ทั้งๆที่เนเพิ่งไป พอมึงเข้ามาทำดีด้วยหน่อย กูกลับมีแต่ภาพมึงในหัว …”

     แต่กลับเป็นผมเองที่ได้แต่นั่งแข็งเป็นก้อนหิน วงแขนของตุลกระชับกอดแน่นขึ้น จมูกโด่งๆและหน้าผากของมันจรดลงบนแผ่นหลังของผม

     “กูรู้สึกผิดกับเน แต่ใจกูกลับคิดถึงแต่มึง”

     อย่านะ อย่าพูดคำนั้นออกมาเชียว…

     “กูชอบมึงว่ะนิ

     “…”

     “ชอบจนอยากจะเริ่มใหม่กับมึง อยากดูแลมึงเหมือนที่มึงดูแลกู ไม่ใช่เพราะอยากดูแลมึงเพราะว่ามึงเป็นฝาแฝดของเน …”

     “…”

     “กูผิดมากมั้ย … ที่เวลานึกถึงเนทีไร กลับมีมึงเต็มหัวไปหมดเลย”

     มันอึดอัด ยิ่งกว่าเอาหินมาถ่วง ตอนนี้ในอกผมเหมือนกับแบกโลกไว้ทั้งใบ มันหนัก มันหน่วงจนอยากจะหายตัวได้ อยากจะย้อนเวลากลับไป อยากนอนอยู่บนเตียงที่ฝรั่งเศสแล้วตื่นขึ้นมาพบว่าทั้งหมดนี่มันเป็นฝัน

     “นิ … กูขอโทษ … กูละสายตาจากมึงไม่ได้จริงๆ”

     “คนที่มึงควรขอโทษไม่ใช่กู … แต่เป็นเน” ผมว่าแล้วสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดของตุลพลางจะเดินหนี แต่กลับนิ่งไป

     เพราะเรื่องนี้น่ะเหรอ เพราะมันรู้สึกผิดกับเนที่ชอบผมมันถึงจะฆ่าตัวตายงั้นเหรอ

     โง่เป็นบ้าเลย

     “มึงนี่มัน … โคตรโง่เลยว่ะ”

 

 

     ผมที่ดูเหมือนจะเป็นสาเหตุให้ไอ้ตุลจะฆ่าตัวตายไม่ได้หนีหายไปเหมือนครั้งก่อนๆ ทั้งๆที่มันไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ ผมไม่ใช่คนผิด แต่ผมกลับรู้สึกแย่

     เนรู้แน่ๆว่าอะไรจะเกิดขึ้น เนรู้ว่าตุลจะต้องรักผมเข้าสักวัน

     ทำไมผมถึงไม่ทันแผนของเนวะ

     ถ้ารู้ว่าสุดท้ายมันจะเป็นแบบนี้ ผมจะไม่สัญญากับเน

     ผมนั่งรอไอ้ตุลคุยกับเพื่อนของมันอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขก จนกระทั่งไอ้ตามเดินออกมาขอบคุณผมที่ช่วยเพื่อนของมันไว้ก่อนที่มันจะขอตัวกลับก่อนเพราะนี่ก็เกือบจะตีสองแล้ว
 
     ตุลาการเดินออกมาจากห้องนอนพลางนั่งลงที่โซฟาข้างๆผม ผมเหม่อมองออกไปยังหน้าต่างข้างนอก ผมเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น อย่างที่บอก

     คนที่สูญเสียใครสักคนไป เวลามีอีกคนเข้ามา ย่อมใจอ่อนอยู่แล้ว

     “กูพูดผิดไปที่ว่ามึงควรจะขอโทษเน” ผมพูดเสียงแผ่วท่ามกลางความเงียบ

     วันหนึ่งไอ้ตุลต้องลืมเนอยู่แล้ว ผมไม่ควรพูดออกไปแบบนั้น เพราะมันเหมือนกับว่าเวลามันจะเปิดใจให้กับใครคนใหม่มันต้องรู้สึกผิดกับเน ทั้งๆที่เนตายไปแล้ว

     ผมแค่ ไม่อยากให้คนใหม่ของตุล เป็นตัวผมเอง

     “ผมขอโทษเนจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ที่ดันไปรู้สึกดีกับพี่ชายเน”

     “มึงอย่าพูดคำว่าชอบกู รู้สึกดีกับกูบ่อยๆได้ป่ะวะ ขนลุกว่ะแม่ง” ผมหันขวับไปเผชิญหน้ากับไอ้ตุลแล้วโวยวายด้วยความไม่พอใจ คนตรงหน้ามีสีหน้าดีขึ้นกว่าเมื่อกี้

     “แล้วจะให้ผมทำไง เวลาจะกินผมก็คิดถึงนิ เวลาจะนอนก็คิดถึงแต่นิ ถึงจะหน้าเหมือนกัน แต่นิกลับมาหลอกหลอนผมตลอดยิ่งกว่าเนที่ตายไปแล้วอีก” ไอ้ตุลบ่น

     ผมกับมันหันหน้าหนีกันอีกครั้งด้วยความหงุดหงิด

     “ตกลงกูผิดสินะ”

     “ใช่นิผิด”

     อ้าวไอ้ห่า

     “กูผิดยังไงไหนบอกดิ้ กูแค่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเนนี่กูผิดยังไงวะ”

     “ผิดทุกอย่าง ผิดตั้งแต่ก้าวเข้ามาในชีวิตผม ผิดที่เป็นห่วงผม ผิดที่ทำข้าวให้ผมกิน ผิดที่ดูแลผมตอนเมา ผิดที่คอยด่าผมเวลาผมทำไม่ดี”

     ผมกลายเป็นผู้ร้ายในสายของไอ้เวรตรงหน้าขึ้นมาซะเฉยๆ จากที่จะระเบิดอยู่แล้ว มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนไฟค่อยๆลุกจนลามมาอยู่บนหน้า

     “แล้วจะให้กูทำยังไงวะ!!!”

     ไม่ทันไรริมฝีปากของตุลาการก็แนบลงบนริมฝีปากของผม แผ่วเบาราวกับต้องการจะบอกว่ามันไม่ได้โกรธอะไร มันไม่ได้โทษอะไร ผมพยายามผลักไสคนตรงหน้าออกไป ด้วยจิตใต้สำนึกที่คอยบอกว่า

     ผมไม่มีวันมาแทนที่เน

     คนอื่นจะแทนก็แทนไป แต่ไม่ใช่ตัวผม

     ฝ่ามือของตุลสัมผัสลงบนท้ายทอยของผม มือของมันดันให้ริมฝีปากของผมแนบชิดกับมันมากกว่าเดิม ลิ้นร้อนๆที่แตะลงบนริมฝีปากของผมทำให้สติแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ

     ผมผลักไอ้ตุลออกไปพรวดเดียวพลางหอบหายใจแล้วรีบโกยอากาศเข้าปอด

     ก่อนที่ไอ้ตุลจะตอบคำถามผม พร้อมกับดวงตาของมันที่จ้องตาของผมด้วยความแน่วแน่

     “ช่วยทำผิดต่อไปเรื่อยๆได้มั้ยครับ

     TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-09-2016 19:36:54 โดย leenanhyun »

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 7 Love is Foolish (07-09-59)
«ตอบ #21 เมื่อ07-09-2016 22:07:03 »

คนที่สูญเสียใครสักคนไป เวลามีอีกคนเข้ามา ย่อมใจอ่อนอยู่แล้ว----เอาเลยค่ะ ใช้โอกาสนี้เยียวยากัน เรียนรู้กันเลยเนอะ แต่นิเป็นเด็กขี้กลัว จะไหวเร้ออออออ

ตุลย์ โคตรชัดเจนเลย ดีมาก

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 7 Love is Foolish (07-09-59)
«ตอบ #22 เมื่อ08-09-2016 08:01:53 »

รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 7 Love is Foolish (07-09-59)
«ตอบ #23 เมื่อ08-09-2016 10:47:09 »

รู้สึกชอบเวลาตุลเรียกนิ
มันรู้สึกเอ็นดู รู้สึกเหมือนตัวเล็กๆ
หนูนิ คึ //โดนนิติฟาด55555

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 7 Love is Foolish (07-09-59)
«ตอบ #24 เมื่อ11-09-2016 11:33:59 »

ชอบ ดราม่าหนักมากแต่ความน่ารักก็มี

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 7 Love is Foolish (07-09-59)
«ตอบ #25 เมื่อ11-09-2016 17:51:11 »

ชอบอ่ะ!! หน่วงๆเหมือนอยากจะร้องไห้ และก้อน่ารักๆ

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 9 Love is Taking Break (11-09-59)
«ตอบ #26 เมื่อ11-09-2016 19:42:35 »

Chapter
9



   แน่นอน คำตอบผมย่อมชัดเจน ในเมื่ออีกฝ่ายรู้สึกดีด้วย มันก็ถึงเวลาที่ผมจะต้องหยุดทุกอย่างลง เราต่างคนต่างก็รู้สึกผิด มันก็ควรจะห่างกันซักพัก

   ซึ่งสักพักของผม คือ ห้าเดือน

   ไม่มีการติดต่อใดๆระหว่างผมกับตุลาการ เหมือนกับว่าผมหายไปจากชีวิตมันเฉยๆตั้งแต่วันที่มันสารภาพกับผมว่ามันชอบผม

   คนเราย่อมรู้ดีว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ

   ผมเลือกจะหยุด และตุลก็ต้องหยุด

   ห้าเดือนผมบินไปปารีส หมกตัวอยู่กับแสงสีเสียงในเมืองแห่งความโรแมนติค จนกระทั่งถึงเวลาที่ผมควรจะต้องกลับมาทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน ผมควรจะกลับมาเรียน

   "ไอ้นิ" เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ผมหยุดกิจกรรมทุกอย่างลงพลางหันไปยกมือไหว้รุ่นพี่ผู้ชายที่ชื่อบอล พี่บอลยกมือรับไหว้ก่อนจะนั่งลงข้างๆ

   ผมเลือกมหาลัยที่ไม่ใช่มหาลัยเดียวกันกับเน มันอาจจะดูเหมือนว่าผมทรยศเนที่พยายามจะปิดตายไม่สนใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในอดีต แต่บางทีการที่ผมจะมีชีวิตต่อไป คือผมต้องลืมครึ่งหนึ่งของตัวเองให้ได้ ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ห้าเดือนผ่านมาผมก็ยังอ่านข้อความของเนทุกวัน

   "ว่าไงพี่"

   "พี่อยากให้เอ็งลงกีฬามหาลัยว่ะ เอ็งสนใจไรป่ะ"

   ผมขมวดคิ้วมองพี่บอล รุ่นพี่ปีสาม ถึงจะไม่ค่อยคุ้นกับระบบรุ่นพี่รุ่นน้อง แต่เข้าเมืองตาหลิ่วผมก็ต้องหลิ่วตาตาม เขาเรียกพี่ก็ต้องเรียกพี่

   "ไม่ว่ะพี่"

   "อย่างไอ้แห้งอ่ะเหรอ กูว่ากีฬาชักว่าวน่าจะเก่ง" เสียงที่ผมจำได้แม่นกับผู้ชายตัวสูงหน้าตาครึ่งคนครึ่งผีที่เดินเข้ามา มันคือไอ้ไนเจล

   ใช่ ผมตัดสินใจเข้าเรียนที่เดียวกับเจล แต่คนละคณะกัน เจลเรียนเกษตร ผมเรียนอักษร อย่างน้อยก็พอเอาภาษาฝรั่งเศสที่เคยเรียนมามาใช้ได้

   "นี่ก็เสือกจังวู้ว" พี่บอลบ่น ไอ้เจลมองเพื่อนตัวเองตาขวาง

   มันมีเพื่อนเป็นพันๆได้ แล้วเพื่อนมันแต่ละคนนี่ก็โคตรพันแข้งพันขา เรียกว่าไปไหนก็มีแต่เพื่อนเจล เข้าห้องน้ำจะขี้ก็เจอเพื่อนไอ้เจล ผมมีชีวิตอยู่รอดในมหาลัยก็เพราะใครๆก็รู้จักผมในนามเพื่อนเจลนี่แหละ

   "เออนิ ไอ้ธามมันกลับไทยแล้วนะมึง" ผมพยักหน้า ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับการกลับมาของเพื่อนที่โดนส่งไปเรียนที่ออสเตรเลียซะเท่าไร
 
   "หน่วยก้านอย่างน้องนิตินี่พี่ว่า ว่ายน้ำดีมะ" พี่บอลยังคงไม่จบเรื่องอยากให้ผมเป็นนักกีฬามหาลัย ปกติเด็กอักษรไม่ค่อยมีตัวดังๆในชมรมกีฬา พอผมเข้ามา แค่ว่ายน้ำช่วยเพื่อนตอนรับน้องแม่งก็เหมารวมว่าผมว่ายน้ำเก่ง นี่ถ้าผมเอาติ่งหูสะกิดบอลเข้าประตู แม่งคงเหมารวมว่าผมเตะบอลเก่งอีกอ่ะ

   "หยุดเลย หยุดม่อเพื่อนกูไอ้บอล เดี๋ยวตบหูหลุด" ไอ้เจลด่าเพื่อนมัน ผมที่นั่งอยู่กลางบทสนทนาได้แต่มองโทรศัพท์ของเน อ่านข้อความอะไรไปเรื่อยเปื่อย

   "ตัวเองอย่าใจร้ายกับเค้า"

   "แรด!!! ไปไหนก็ไปไป๊" ไนเจลผู้หล่อเหลายกตีนถีบเพื่อนตัวเองจนพี่บอลวิ่งหนีพร้อมกับโชว์นิ้วกลางคืนแทบไม่ทัน เพื่อนสนิทผมนั่งลงตรงข้ามก่อนจะถามขึ้น

   "มันโทรมาอีกป่ะ"

   ผมส่ายหน้า

   ผมไม่ได้กังวลว่าไอ้ตุลจะโทรเข้าเครื่องเนวันละร้อยกว่าสาย มันเป็นเพียงแค่เดือนกว่าๆ หลังจากนั้นก็ไม่มีโทรศัพท์จากไอ้ตุลอีกเลย ผมว่ามันคงทำใจได้แล้วล่ะ หวังว่าคงไม่คิดฆ่าตัวตายอีกนะ

   "กูจะไปสนามบาส จะไปด้วยกันป่ะ" ไอ้เจลถาม ผมพยักหน้าตาม เพราะหลังเลิกเรียนไม่รู้จะไปไหนอยู่แล้ว เลยรอกลับบ้านพร้อมเจลมันเลยทีเดียว

   สนามบาสในร่มดูเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ โดยเฉพาะพ่อคนหล่อสะพรึงโลกอย่างไนเจล
 
   ไอ้เจลมีแข่งบาสประมาณอาทิตย์หน้า ช่วงกีฬามหาลัยที่ต้องแข่งกับมหาลัยอื่น ผมเลยมานั่งดูมันซ้อมเกือบทุกวัน จนกลายเป็นว่าใครๆเอาไปนินทาว่าผมกับมันมีซัมติงอะไร

   ซัมตีนดีกว่ามั้ย

   "มึงว่างเปล่าอาทิตย์หน้า กูมีแข่งสองนัด"

   เจลมันนั่งลงข้างๆผมหลังจากซ้อมเสร็จ นาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่มกว่า มันเอาหัวชุ่มเหงื่อของมันมานอนบนตักผม

   "ว่าง"

   "เย้" สมหมาย(ชื่อพ่อเจล) ทำหน้าดีใจใหญ่ แปลกนะถ้าในบ้านจะมีคนชื่อสมหมาย กับอีกคนชื่อ อลิซ

   มันดูขัดกับชีวิต

   อย่างไอ้เจลนี่ดูสับสนกับชีวิต

   มันชื่อ จรัส บราวน์
 
   ...

   ปกติต้องใช้นามสกุลพ่อ แต่บ้านนี้แม่เป็นใหญ่ไง... ถ้ามันใช้นามสกุลพ่อ ผมว่าก็คงน่ารักดี แบบ ไนเจล ศรีเสงี่ยม ประมานนั้น

   เมื่อก่อนตอนอยู่ม.ปลายเพื่อนไม่เรียกไนเจลนะ เรียกไอ้บาวๆ ไม่ก็ไอ้จัด

   หน้าแม่งโคตรฝรั่ง ชื่อไอ้บาว

   เรียกทีคนหันทั้งบาง

   ผมกับไนเจลพ่อคนหล่อจนน่ารำคาญออกมาหาอะไรกินข้างหน้ามหาลัย กินข้าวด้วยกัน กลับบ้านบ้านเดียวกัน นอนเตียงเดียวกัน ชอบเล่นถึงเนื้อถึงตัวกัน

   ผมรู้ว่าคนอื่นคิดไปไหนต่อไหน แต่ผมกับเจลไม่มีความรู้สึกแบบนั้น

   เราสองคนคือเพื่อนและจะไม่มีวันเป็นมากกว่านั้น

 
 

   หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนกระพริบตาครั้งเดียว ผมสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์สีซีดพอดีเข่าแล้วเดินออกจากบ้านของ จรัส บราวน์ เรียกทีไรจั๊กจี้ทุกที

   ไอ้เจลออกไปมหาลัยแต่เช้าเพราะมีแข่ง นี่เป็นแข่งรอบที่สอง รอบแรกผมติดสอบเลยไม่ได้ไปดู ได้ยินว่าชนะขาดลอย

   เอาจริงๆแค่ไอ้เจลมันเดินลงสนาม สาวๆอีกฝั่งก็เชียร์ให้ทีมตรงข้ามชนะแล้ว

   ตามหลักเหตุและผลนะผู้หญิงมักชอบคนหล่อ แล้วถ้ายิ่งนิสัยดี เอาไปเลยคูณสอง

   ผมเลือกที่นั่งบนแสตนด์ริมรั้ว ไอ้เจลหันมาหาผมก็โบกมือยิ้มหวานจนสาวๆกรี้ดกร้าดกัน ผมยกนิ้วกลางให้มันแล้วเลือกยัดหูฟังใส่หู เปิดเพลงดังๆมองการแข่งขันบาสที่กำลังจะเกิดขึ้น

   มันควรจะเป็นแบบนั้น ถ้าไม่ใช่ใครสักคนกำลังเดินเข้ามาในสนามพร้อมกับทีมของตัวเอง

   'ตุลาการ'

    ผมรีบเปิดกระเป๋าไอ้เจลหาใบระบุชื่อคู่แข่งก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นชื่อมหา'ลัยที่เนติเรียน

   ผมไม่รู้มาก่อน ว่าไอ้ตุลเล่นบาส...
 
   ไอ้เจลมองมาที่ผมเหมือนจะสื่อว่ามันเห็นเหมือนที่ผมเห็น ผู้ชายตัวสูงไหล่กว้างที่กำลังเปลี่ยนชุดอยู่ข้างสนาม ไอ้ตุลดูเปลี่ยนไปเยอะ มันตัดผมทำให้หัวทุยๆเหมือนขนแมวนั่นดูนุ่มนิ่มเข้าไปใหญ่ แถมหน้าตาก็ดูจะอ้วนขึ้น ดูดีขึ้นกว่าสภาพห้าเดือนที่แล้ว

   พวกนักบาสจากอีกฝั่งหน้าซีดเมื่อเห็นผมนั่งอยู่ข้างสนาม เสียงนินทาดังขึ้น จนกระทั่งไอ้ตุลเป็นฝ่ายหันมาสบตาผม ดวงตาสีดำสนิทที่ดูอ่อนแอตอนนั้น ตอนนี้กลับเข้มแข็งขึ้นกว่าแต่ก่อน มันดูตกใจที่เห็นผมที่หายตัวไปห้าเดือนจู่ๆมานั่งอยู่ตรงนี้ ก่อนจะหันไปอธิบายให้เพื่อนๆฟัง ว่าผมไม่ใช่ผีเน แต่เป็นนิติ ฝาแฝดพี่ชาย

   "มึงจะกลับก่อนมั้ย" ไอ้เจลขยับปากถามแบบไม่มีเสียงด้วยความเป็นห่วง ผมส่ายหน้า

   ผมกับตุลาการตอนนี้เป็นแค่คนรู้จัก

   ไม่มีอะไรต้องหลีกหนีอีกแล้ว
 
   การแข่งขันดำเนินไปอย่างราบรื่นแต่ผลออกมากลับกลายเป็นไนเจลชนะไปอย่างสูสี คะแนนห่างกันนิดเดียว แต่ยอมรับเลยว่าสายตาของผมมองแต่ไอ้ตุล มันเล่นบาสเก่งมาก แต่ไม่เก่งเท่าเด็กที่โตมากับลูกกลมๆสีส้ม

   ทุกอย่างลงเอยด้วยดี แพ้ก็แพ้ ชนะก็ชนะ

   แต่ที่ลงเอยไม่ดี คือคนที่กำลังเดินข้ามฝั่งตรงมาหาผมนั่นแหละ

   "หยุดเลยมึง!" ไอ้เจลตะโกนใส่ไอ้ตุลพลางบังร่างของผมเอาไว้ทำให้ผมไม่เห็นสีหน้าของตุลาการ

   "นิมันไม่อยากรู้สึกผิดไปมากกว่านี้ มึงกลับไปเหอะ"


   เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่เมื่อดูเหมือนไอ้ตุลจะไม่ยอมหยุดเข้ามาใกล้ผม จนไอ้เจลต้องไปผลักออก คนเริ่มมองมาที่พวกมันสองคน นึกว่าจะต่อยกันเรื่องผลแพ้ชนะ ผมถอนหายใจพลางคว้าข้อมือผู้ชายสองคนออกจากสนามบาสเพื่อไปยืนเคลียร์กันที่อื่น

   ไอ้เจลยังคงดันผมไว้ด้านหลังมันตลอด เพราะกลัวว่าไอ้ตุลจะทำอะไรมากเกินกว่าคนรู้จัก แต่เอาจริง ตัวผมก็ไม่ได้เล็ก หน้าตาก็ไม่ได้หน่อมแน้ม อยู่ปารีสนี่สาวๆรุมจีบ ไอ้นี่นับวันชักจะทำตัวเหมือนพ่อเข้าไปทุกวัน

   พวกเราสามคนเลยมานั่งเคลียร์ที่ร้านนั่งชิว ผมนั่งข้างเจล ตรงข้ามคือไอ้ตุล สายตาของตุลมันไม่ได้มีแววเจ็บปวดเหมือนครั้งก่อนๆ ไม่ได้มีความเศร้าสร้อยอยู่ในดวงตาคู่นั้น กลับกันมันเป็นสายตาที่บ่งบอกถึงความดีใจ ราวกับว่ามันรอเวลาที่จะได้เจอผมมานานแล้ว

   “มึงจะเอาไง ว่ามา” ไอ้เจลเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ผมไม่ได้มองหน้าคู่สนทนาแต่เหม่อมองออกไปยังถนนที่มีรถวิ่งประปรายเพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว

   “แล้วมึงเกี่ยวอะไรด้วย กูแค่อยากทักว่านิเป็นไงบ้าง” ไอ้ตุลพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ไม่เหมือนไนเจลที่เหมือนกินภูเขาไฟเข้าไปแล้วกำลังจะปะทุ

   เรื่องเพื่อนมันจริงจังเสมอ

   “นิมันสบายดี ไม่ดิ สบายดีม๊ากมากเวลาไม่มีมึงเนี่ย” เมื่อเห็นว่าไอ้เจลชักจะพูดจาลามปามผมเลยเหยียบเท้าเพื่อนเข้าไปหนึ่งที มันสะดุ้งแล้วร้องลั่น

   ผมมองผู้ชายตรงหน้า ตุลาการ ผู้ชายที่ผมสาบานว่าจะไม่ข้องเกี่ยวด้วยแต่ดันต้องเข้าไปดูแลมันเพราะคำขอร้องจากเนน้องชายฝาแฝดที่ตายไปแล้ว จากคนรู้จักกับกลายเป็นว่ามันดันมารู้สึกดีๆกับผม ผมเลยตีตัวออกห่างจากมันห้าเดือน แล้วจู่ๆมันก็มีอะไรบางอย่างพาให้เรามาเจอกันอีก ... เน มึงเล่นตลกกับกูอยู่เหรอ

   “มึงสบายดีนะ” ผมถามไอ้ตุล มันยิ้มจางๆเหมือนดีใจที่ผมยอมคุยกับมัน

   อันที่จริงผมไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น อะไรผ่านไปแล้วก็ผ่าน ไม่ใช่คนเก็บอะไรมาคิดเยอะแยะ

   “ครับ นิล่ะ”

   “ก็เพิ่งบอกไปไงว่าสะ…”

   “หุบปากละกินไป” ผมยกแก้วเบียร์ด้านหน้าไอ้เจลจับกรอกปากมันไม่ให้มันพูดมาก ก่อนจะหันไปคุยกับไอ้ตุลต่อ

   “ก็ดี”

   บทสนทนาเงียบลงไป ไม่มีใครพูดอะไรต่อจากนั้น ผมนั่งเล่นแก้วโค้กในมือของตัวเองทั้งๆที่ยังมีโค้กอยู่เต็มแก้วพลางมองเลยไปยังแก้วของไอ้ตุลที่ยังมีเบียร์อยู่เต็มแก้วพอกัน

   ความคิดบางอย่างแทรกเข้ามาในสมอง ผมขมวดคิ้วพลางหัวเราะกับตัวเอง

   บ้าน่านิ … มึงคงไม่ได้ …

   ผมดันแก้วโค้กของผมไปตรงหน้าของไอ้ตุล เจ้าตัวเงยหน้าจากแก้วเบียร์พลางเลิกคิ้วมองผมด้วยความสงสัย ไอ้เจลจะถามอะไรแต่ผมเอามือปิดปากมันเอาไว้

   ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีที่ไอ้ตุลพอจะเดาออกว่าผมต้องการอะไร ย้อนกลับไปเมื่อห้าเดือนที่แล้วผมเคยให้มันเลือกระหว่างขวดเหล้ากับขวดน้ำผลไม้ ระหว่างยังลืมไม่ได้กับลืมได้และพร้อมจะเริ่มต้นใหม่ กลับกันตอนนี้คือแก้วเบียร์กับแก้วโค้ก

   “นิ…” คนตรงหน้าเรียกชื่อผมเสียงแผ่ว แต่กลับเป็นผมเองที่ไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังทำอะไร

   รู้แค่ว่า…

   “เลือกสิ”

   ผมอยากรู้ว่ามันลืมเนได้หรือยัง

   คนตรงหน้าไม่ได้ใช้เวลาคิดเหมือนครั้งก่อน แต่เพียงแค่เสี้ยววินาที มือยาวๆของมันก็เอื้อมข้ามมาจับคอเสื้อของผมขยำซะจนมันยับยู่ยี่ ไอ้เจลที่เห็นว่าไอ้ตุลเหมือนจะหาเรื่องผมดิ้นพล่านแต่ผมตีปากมันไปแรงๆจนมันเงียบเป็นหมาหงอย

   ผมขมวดคิ้วมองไอ้ตุล มือของมันยังจับคอเสื้อของผมแน่น

   และผมรู้ ว่าครั้งนี้มันเลือกอะไร

   “คราวนี้ผมจับไม่ปล่อยแน่ๆ … นิติ

    TBC

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 9 Love is Taking Break (11-09-59)
«ตอบ #27 เมื่อ11-09-2016 20:24:19 »

นิติ คนโหด หรือจะสู้พี่ตุลย์ มือกาว

เอาเลยพี่ จัดหนักไปเลย จับนิติถวายพานพี่ตุลย์

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 9 Love is Taking Break (11-09-59)
«ตอบ #28 เมื่อ11-09-2016 20:33:13 »

รอต่อไป~

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 9 Love is Taking Break (11-09-59)
«ตอบ #29 เมื่อ11-09-2016 21:36:48 »

 :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด