Chapter
20
แล้วจะทำวิธีไหนวะ!?
นั่นคือคำถามที่ผมถามไอ้ธามไป แต่คำตอบที่ได้กลับมา ล้วนเป็นคำตอบที่ทำให้ผมคันไม้คันมืออยากจะเดินไปหยิบน้ำมันมาราดใส่บ้านแล้วจุดไฟเผาบ้านไอ้ธามซะ
ผมคงคิดผิดจริงๆที่มาถามไอ้ผู้ชายบ้ากามเจนโลกแบบมัน
น่าขยะแขยงเป็นบ้าแต่ละวิธี
ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่ผมดันมานั่งกุมขมับอยู่ที่บันไดหน้าตึกคณะอักษรสรรหาวิธีที่จะให้ไอ้ตุลเรียกชื่อผมแทนเรียกชื่อเน
ฝันเหรอไอ้นิ ตุลมันคบกับเนมากี่ปี มึงเพิ่งเข้ามาในชีวิตมันไม่กี่วันจะให้มันเรียกชื่อมึงน่ะเหรอ
อย่ามโนเลย
“หือ อ้าวพี่นิ” เสียงทุ้มๆที่ดังขึ้นด้านหน้าทำให้ผมเงยหน้าจากเท้าของตัวเองไปสบตากับเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลอ่อน พอเห็นว่าเป็นใครเท่านั้นแหละ ผมก็โกยอ้าวชนิดที่เรียกว่าไฟลนตูด
นี่ขนาดไม่ไปที่บ้าน ยังมาเจอมันที่มหา’ลัย ไม่ต้องเดาก็รู้ มันมารอไอ้เจล แล้วถ้าถามว่ามันมาได้ไง ไอ้เด็กม.ปลาย นานาชาติตัวแสบที่มาพักร้อนที่บ้านไอ้เจลจะตอบว่า
แหม บังเอิญน่ะ
แต่จริงๆแล้วมันตั้งใจมาหาผมแน่นอน
คนตรงหน้าผมชื่อ เดล ญาติห่างๆของไอ้ไนเจล มีฉายาว่าเด็กนรก
“เฮ้ยๆ! อะไรวะ เห็นหน้าก็หนีกันซะงั้น” มือซุกซนของไอ้เดลคว้าคอเสื้อของผมเอาไว้ เป็นแค่เด็กม.ปลายแท้ๆ แต่เพราะตัวสูงโย่งเหมือนเสาไฟฟ้าพอๆกับญาติของมัน เลยทำให้พอมายืนข้างไอ้เดลผมนั่นแหละที่กลายเป็นเด็กม.ปลาย
“กูมีธุระ” ผมว่า ไอ้เจ้าของหัวทองๆแถมยังเจาะหูสามสี่รูยิ้มร่าใส่ผม นิ้วเรียวๆของไอ้เดลสัมผัสลงบนคอของผมก่อนจะทำหน้าเหมือนกับตื่นตูม
“อะไรเนี่ย”
ไอ้เดลกระชากผมเข้าไปหามัน ก่อนจะดึงคอเสื้อผมเปิดออก
“ถ้ามึงไม่หยุดลวนลามกู กูจะบอกไอ้เจลจริงๆนะ” ผมขู่ ไอ้เดลไม่สะทกสะท้านสักนิด
“ก็บอกไปดิ แต่ตอนนี้ผมสนใจพี่มากกว่า ใครทำคิสมาร์คกับพี่เนี่ย แอบมีกิ๊กแล้วไม่บอกผมเหรอ”
“ห้ะ”
“ก็นี่ไง คิสมาร์ค แหม กลับจากปารีสก็เร่าร้อนเชียวนะพี่นิ”
‘ผั่วะ’
ผมฟาดกบาลไอ้เดลจนมันหัวทิ่มก่อนจะเดินไปหยุดที่กระจกบานใหญ่ใต้ตึกเรียนแล้วมองดูคอตัวเองในกระจก ผมขมวดคิ้วแล้วมองรอยบนคอที่ช้ำจนเกือบจะกลายเป็นสีม่วงพลางลูบมันเบาๆ
อะไรวะเนี่ย
ก่อนภาพๆหนึ่งจะแวบขึ้นมาในหัว
‘โอ้ยไอ้หมาบ้า กัดทำซากอะไรวะ’
‘ก็มันหมั่นเขี้ยว’
‘ก็ไปกัดอย่างอื่น อย่ามากัดคนอื่นซี้ซั๊วะ’
‘ไม่ใช่คนอื่นซะหน่อย คนรักต่างหาก’
ฉ่า…
เหมือนมีเสียงผัดผักบุ้งไฟแดงดังขึ้นข้างหู ไอ้ตุลมันกัดผมแรงขนาดนี้เลยเหรอวะ รอยชัดขนาดนี้ ดีนะที่ไม่ได้ปลดกระดุมคอเสื้อตั้งแต่แรก ไม่งั้นล่ะมึงไอ้นิ โดนมองเป็นเพนกวินในตู้กระจกแน่
“จะบอกได้ยัง ว่าใครทำ” ไอ้เดลกอดอกยืนทำหน้าบึ้งอยู่ด้านหลัง ผมมองมันผ่านกระจกพลางแลบลิ้นใส่
“เป็นเด็กเป็นเล็ก ไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้านดิ”
“อยากยุ่ง แล้วอีกอย่าง พี่นิของผมคนเดียว ห้ามใครแตะ”
ผมกำลังจะเดินเข้าไปสั่งสอนไอ้เด็กปากเสีย แต่เพราะใครอีกคนที่ไม่รู้ว่ามายืนด้านหลังไอ้เดลตั้งแต่เมื่อไรยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่
ตุลมันนิ่งอยู่แบบนั้น สีหน้าบึ้งตึงแบบนั้นคงได้ยินที่ไอ้เดลพูดเข้าไปเต็มสองรูหู
จู่ๆไอ้ตุลก็ก้มหน้าแล้วเดินหันหลังกลับไป ผมถลึงตาใส่คนที่เดินจ้ำอ้าวกลับไปก่อนจะรีบเดินตามไป รู้อยู่ว่ามันเป็นคนคิดมาก ขืนปล่อยไว้ไอ้ตุลต้อง…
ผมชะงักอยู่กับที่เมื่อไอ้เดลคว้าแขนผมเอาไว้ ต่อให้มันไม่คว้า ผมก็ทำได้เพียงแค่ยืนนิ่งอยู่กับที่
นี่ผม … แคร์ความรู้สึกของตุลาการขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน
ตั้งแต่เมื่อไรกัน ที่ผม … เดินตามคนอื่น
“จะไปไหน ยังไม่ได้สะสางเรื่องที่ค้างคาเลยนะ” ไอ้เดลว่า ผมสะบัดมือมันแล้วมองมันนิ่งๆ
ผมเริ่มจะหงุดหงิดมากๆแล้วจริงๆ
“พี่นิ…” เมื่อไอ้เดลเห็นว่าผมไม่เล่น มันเลยปล่อยแขนผมเป็นอิสระ
ผมหันกลับหลังแล้ววิ่งตามไอ้ตุลออกไป ทั้งๆที่ฝนเริ่มจะซาลงมาแต่ผมก็ไม่ได้หาที่หลบฝน หันซ้ายหันขวาอยู่นานสองนานผมก็ไม่เห็นไอ้ตุลแล้ว มันเดินไปไหนของมันวะ
ไอ้บ้าขี้แยนั่น ป่านนี้ร้องไห้ขี้มูกโป่งไปแล้วหรือยังก็ไม่รู้
ฝนที่ตกลงมาเหมือนพระเจ้าลงโทษทำให้โทรศัพท์ของผมสองเครื่องที่ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงพังไม่เป็นท่า แถมกระเป๋าก็ยังเปียกแฉะไปหมด รถเมล์หรือแท็กซี่ก็ไม่โผล่หัวมาสักคัน สองแถวก็ไม่มี ทีตอนเวลาไม่อยากเรียกล่ะมากันจังเลย สุดท้ายผมก็ต้องเข้าไปหลบฝนที่ตู้โทรศัพท์ด้านหลังมหา’ลัย
ตกอะไรขนาดนี้วะ แบบนี้จากที่จะเดินหาไอ้ตุลต่อ กลายเป็นว่าผมต้องมาง่อยอยู่กับที่
สภาพแบบนี้ ไอ้ตุลคงเปียกพอๆกับผมแน่นอน
มันจะกลับห้องไปแล้วหรือยังนะ หรือว่าไปมุดอยู่ที่ไหนในมหา’ลัย
ร้องไห้หรือเปล่า
เป็นอะไรไหม
คิดมากหรือเปล่า
ผมทึ้งหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิดพลางมองขึ้นไปบนฟ้า ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วคุยกับเนทางโทรจิต
สั่งให้เทวดาหยุดฉี่แตกเป็นเขื่อนซะที ไอ้น้องบ้า!
ไม่รู้หรือไงว่ากูเป็นห่วงแฟนมึงเนี่ย
…
ห่วงงั้นเหรอ
นั่นสินะ
อือ ผมเป็นห่วงไอ้หมาบ้านั่น ผมเป็นห่วงไอ้ตุลจริงๆ
ผมควักเหรียญห้าบาทในกระเป๋าก่อนจะยืนนิ่งอยู่ที่หน้าโทรศัพท์ในตู้ โทรศัพท์มือถือสองเครื่องดับอนาถไปแล้ว สาบานได้ว่ากลับจากปารีสผมเปลี่ยนโทรศัพท์มากกว่าเปลี่ยนกางเกงใน แล้วตอนนี้ที่น่าหนักใจที่สุดคือ
ดันจำเบอร์ไอ้ตุลไม่ได้
โถ่เว้ย แล้วแบบนี้น่ะเหรอจะมีปัญญาทำให้ตุลเรียกชื่อมึงตอนมันหลับได้
ฝันเหอะไอ้นิติ
ยืนอยู่เกือบสองชั่วโมง ฝนก็ยังไม่หยุดตกแถมยังตกหนักกว่าเดิมอีก ผมได้แต่นั่งกอดตัวเองอยู่ในตู้กระจกที่ถูกเกาะด้วยคราบน้ำฝนจนมองไม่เห็นอะไรด้านนอก ไปไหนก็ไปไม่ได้เพราะมองไม่เห็นทาง ในใจก็เป็นห่วงคนที่ชอบคิดมาก อยากจะอธิบาย อยากจะบอกว่าไม่มีอะไร
แต่ทิฐิในตัวเองกลับสูงลิ่วยิ่งกว่าอะไร
ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ ไอ้ตุลคงไม่คิดมากหรอก ผมไม่ได้เล่นด้วยกับไอ้เดลนี่
ไอ้ตุลคงรู้แหละ มันคงไม่โง่มั้ง
“โอ้ย” สุดท้ายก็ทำได้แค่แหกปากออกมาแล้วกอดเข่าเอาไว้พลางซุกหน้าลงบนเข่า
ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ผมก็อดห่วงไม่ได้จริงๆ
กว่าฝนจะหยุดตกก็มืดพอดี ผมเดินย่ำน้ำแฉะๆที่ท่วมเกือบถึงฟุตบาทถนนไปขึ้นรถสองแถวก่อนจะไปลงที่คอนโดของไอ้ตุล ผมเดินลากตัวที่หนักมวลน้ำของตัวเองไปยืนอยู่หน้าห้องของตุลาการพลางแตะคีย์การ์ดลงบนประตูแล้วผลักเข้าไป
ไฟที่ปิดมืดบ่งบอกว่าไม่มีใครอยู่ในห้อง แถมรองเท้าไอ้ตุลก็ไม่มี
มันยังไม่กลับ…
ผมลากสังขารของตัวเองเข้าไปในห้องแล้วทรุดตัวลงนั่งที่ริมกำแพงข้างห้องน้ำ
มันโกรธผมเหรอ
มีเพียงคำนี้คำเดียวที่ดังชัดในหัว ผมนั่งอยู่กับที่ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานขนาดไหน ทั้งหนาวทั้งเปียกแต่ก็ไม่มีแรงจะลุกยืนเลยสักนิด
ทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำอะไรผิด
ทำไมวะ ทำไมมันถึงไม่กลับห้อง
ผิดเหรอที่กูจำเบอร์โทรศัพท์มึงไม่ได้ ผิดเหรอที่กูไม่วิ่งไปคว้ามึงให้เร็วกว่านี้
… มึงโกรธกูเหรอ ตุล …
ผมนั่งรอจนนาฬิกาบ่งบอกเวลาตีสองครึ่ง นั่งอยู่นิ่งๆแบบนั้นจนตัวเกือบแห้งแต่ก็ยังชื้นอยู่ ประตูห้องที่ปิดสนิทมานานถูกเปิดออกพร้อมกับแสงสว่างด้านนอกนั่นที่สาดเข้ามา ผู้ชายที่ผมตามหามาตั้งแต่ตอนเย็นยืนเบิกตากว้างอยู่หน้าห้องราวกับตกใจ
ไอ้ตุลเปียกก็จริง แต่ไม่เปียกโชกแบบผม
มันไม่ได้ไปกระโดดน้ำตายที่ไหน มันยังยืนอยู่ตรงนี้
โล่งอกจัง
“นิ…”
เจ้าของห้องเดินมานั่งคุกเข่าตรงหน้าผม ฝ่ามืออุ่นๆของไอ้ตุลที่แตะลงบนใบหน้าของผมทำให้จากที่หนาวๆกลับอบอุ่น เจ้าตัวมีสีหน้าตกใจที่ผมเปียกแฉะขนาดนี้
“ทำไมไม่อาบน้ำ เดี๋ยวก็เป็นหวะ…!”
ผมกระชากคอเสื้อของผู้ชายตรงหน้าเข้ามาก่อนจะกดริมฝีปากลงไปที่ริมฝีปากของอีกคน คนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวถึงกับร้องเหวอในลำคอ ผมไม่รอให้ไอ้ตุลได้หายใจก็ผลักมันลงไปนอนที่พื้น ก่อนที่ผมจะนั่งคร่อมร่างของผู้ชายที่ทำให้ผมเป็นบ้าอยู่ตอนนี้
พอริมฝีปากของไอ้ตุลเป็นอิสระ มันก็คว้าแขนของผมทั้งสองข้างเอาไว้ ไอ้ตุลทำหน้าตกใจนิดๆก่อนมันจะยื่นมือมาแตะที่แก้มของผม
“ร้องไห้ทำไม” ผมชะงักไป ฝ่ามืออุ่นๆที่สัมผัสและไล่ไปตามใบหน้าของผมทำให้ผมร้องไห้ออกมาหนักกว่าเดิม
ทั้งๆที่ผมไม่เคยร้องไห้ให้ใคร
ทำไม… ทำไมต้องเป็นมันวะ
ทำไมต้องเอาหินมาถ่วงหัวใจกูไว้ด้วย
“นิครับ” ไอ้ตุลพยายามดันตัวขึ้นมานั่ง แต่ผมใช้มือกดร่างมันเอาไว้
“มึงมันไม่ยุติธรรม มึงมันนิสัยไม่ดี”
“นิ…”
“กูไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมกูถึงต้องกลัวมึงโกรธ กูไม่ได้สนใจไอ้เดลด้วยซ้ำ แล้วทำไมกูต้องวิ่งตามหามึง ทำไมกูต้องตามมึงด้วย มึงมีดีอะไรงั้นเหรอ!!” ผมตะคอกเสียงดัง
“…”
“มึงมันแย่ จะให้กูพูดกี่ครั้งว่ามึงมันแย่”
“…”
“ทำไมกูต้องชอบมึงขนาดนี้ด้วยวะ” ผมสะอื้นเสียงแผ่ว ไอ้ตุลคว้าผมลงไปกอดเอาไว้
ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากของผู้ชายที่ผมบอกชอบออกไป มีเพียงแค่อ้อมกอดที่อุ่นซะจนทำให้ผมลืมไปสนิทว่าตัวผมเปียกแฉะอยู่ ฝ่ามืออุ่นๆ กลุ่มผมนุ่มๆ อ้อมกอดกว้างๆของมัน
“อย่าโกรธกูนะ” ผมกระซิบข้างหูไอ้ตุล มันหัวเราะในลำคอนิดๆ
“โกรธลงที่ไหนล่ะ”
ไอ้ตุลพาผมมาแช่น้ำอุ่นหลังจากที่ผมกอดมันซะจนตัวมันเปียกไปด้วย เจ้าของห้องนั่งหย่อนขาอยู่ที่อ่างอาบน้ำให้ผมพิงขามัน ส่วนผมนอนแช่ฟองสบู่อยู่ ไอ้ตุลสระผมให้ผมเหมือนเด็กๆ
“ทำไมนิถึงกลัวว่าผมจะโกรธล่ะ” คนขี้สงสัยถามขึ้น ผมเงยหน้ามองผู้ชายที่เคยกุมหัวใจน้องชายฝาแฝดของผมเอาไว้ แล้วตอนนี้มันก็กุมหัวใจของผมด้วยอีกคน
“ก็มึงชอบคิดมาก”
“ก็จริงที่ผมเป็นคนคิดมาก แต่ผมไม่เคยโกรธนินะครับ ถึงบางครั้งนิจะทำตัวไม่มีเหตุผลไปบ้าง” ผมถลึงตาใส่ไอ้ตุล มันยกมือสองข้างขึ้นขอสงบศึกเหมือนทุกครั้ง
อยากตายมากนักหรือไง
“แล้วทำไมมึงต้องเดินหนีด้วยล่ะ”
“ก็ … คนมันหวง” ไอ้ตุลเบือนหน้าหนี ผมที่กำลังเงยหน้ามองมันเลยแอบเห็นว่าหูมันแดงๆ
ห่ะๆ เขินเป็นกับเขาด้วยหรือไง
“กลัวว่าถ้าเข้าไปตอนนั้น ผมจะทำตัวให้นิไม่ชอบเอาได้ เลยคิดว่าเดินหนีดีกว่า”
“อ๋อ งั้นเองเหรอ”
ผมมองไปที่ฟองสบู่ในอ่างน้ำพลางมองเป็ดยางที่ลอยผ่านหน้าไป บางที คนที่คิดมากไม่ใช่ไอ้ตุลหรอก แต่เป็นผมเนี่ยแหละ ผมเงยหน้าขึ้นไปมองตุลาการอีกครั้ง พลางขยับปากพูดในสิ่งที่ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดออกไปดีหรือเปล่า
“กูเรียกมึงว่าพ่อเป็ดได้มั้ย”
ไอ้ตุลหันกลับมาสบตากับผม พลางจ้องหน้าผม ผมหลบตามัน
นั่นสินะ เนเรียกได้คนเดียวอยู่แล้ว
“เลิกเปิดอ่านข้อความของผมกับเนเถอะครับ แล้วพ่อเป็ดนั่นน่ะเนก็เป็นคนตั้ง”
ผมได้แต่นั่งหุบปากเงียบๆ ก่อนแขนหนักๆของไอ้ตุลจะโอบรอบคอของผมเอาไว้ มันก้มลงมาวางคางของมันไว้ที่ไหล่ของผม
“ถ้านิอยากเรียก ก็ตั้งชื่อผมเองซะเลยสิครับ”
“!!!”
ตอนแรกผมก็ว่าน้ำมันออกจะเย็นอยู่หรอก แต่พอไอ้ตุลพูดแบบนั้นออกมา ผมว่าน้ำนี่มันชักจะร้อนเกินไปแล้ว ผมทำได้แค่นั่งนิ่งๆพลางเหลือบตามองคนที่ถูไถอยู่ข้างๆแก้ม
“แน่ใจนะ” ผมถามไอ้ตุล มันร้องฮืมในลำคอเหมือนกับตกลงให้ผมตั้งชื่อมัน
ในใจจริงๆตัวผมแทบจะลอยติดเพดานห้องแล้ว แต่เพราะต้องรักษาฟอร์ม ผมเลยทำได้เพียงแค่กระเถิบตัวลงไปในน้ำจนน้ำถึงคาง ซ่อนความเขินอายเอาไว้ใต้ฟองสบู่
ผมไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไร ผมไม่ใช่คนแบบเนที่ชอบตั้งชื่อของๆตัวเองไปซะหมดทุกอย่าง
แต่ว่าไอ้ตุล มันเหมาะกับชื่อนี้ที่สุดแล้ว
“มึงมัน ไอ้ลูกหมาชัดๆ”
TBC