(___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 28 Love is Last (05-07-60) [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 28 Love is Last (05-07-60) [END]  (อ่าน 59383 ครั้ง)

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 9 Love is Taking Break (11-09-59)
«ตอบ #30 เมื่อ11-09-2016 22:51:53 »

สนุกมาก รอติดตามตอนต่อไป :katai4:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 9 Love is Taking Break (11-09-59)
«ตอบ #31 เมื่อ12-09-2016 07:24:05 »

พี่ตุลย์กินหัวกินหาง รวบตึงไปเลยครัช!!

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Chapter
10


 
            “นิ หยินฝากมา”

            ผมรับกล่องสี่เหลี่ยมใบเล็กๆมาจากมือของพี่บอลด้วยความประหลาดใจ พี่หยินคือผู้หญิงหน้าตาน่ารักที่เป็นเพื่อนพี่บอล เป็นธรรมดาที่ผู้ชายจะชอบผู้หญิงหน้าตาน่ารัก ผมยอมรับว่าแอบมองพี่เขามาสักพักตั้งแต่ตอนรับน้อง แล้วก็พอจะรู้ว่าพี่เขาก็มีใจให้

            “หยินบอกให้แกะเลย แล้วขอคำตอบด้วย”

            พี่บอลนั่งลงข้างๆผมพลางกินลูกชิ้นปิ้งด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผมแกะกล่องสีชมพูผูกโบว์สีขาวน่ารักออกก่อนจะพบกับกระเป๋าสตางค์หนังสีน้ำตาลพร้อมกับกระดาษใบเล็กๆที่เขียนข้อความไว้ว่า

            ‘พี่ชอบนินะ คบกันมั้ย’

            “นี่เราอยู่ในยุคสมัยที่ผู้หญิงต้องขอผู้ชายคบแล้วเหรอวะ!” พี่บอลว่า ปกติแล้วผมอาจจะขำ แต่ที่น่าแปลกคือ ผมแอบมองพี่เขาอยู่ แต่กลับไม่รู้สึกดีใจหรือตื่นเต้นอะไรกับข้อความนี้เลย

            “ว่าไงวะนิ” คนข้างๆเห็นว่าผมเงียบไปเลยทักขึ้น ผมขยี้หัวตัวเองพลางใช้ความคิด

            “ไม่รู้ว่ะพี่”

            “งั้นแสดงว่าไม่” พี่บอลลุกจากเก้าอี้แล้วเคี้ยวลูกชิ้นปิ้งตุ้ยๆอยู่ในปาก ก่อนจะเดินล้วงกระเป๋าออกไปพร้อมกับทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่ว่า

            “ถ้ามึงชอบหยินจริง มึงตอบตกลงแบบไม่ต้องคิดแล้ว”

            คำพูดที่ทำให้ผมรู้สึกผิดกับพี่หยิน แต่มันกลับมีภาพของใครคนหนึ่งขึ้นมาแทนที่

            ครั้งแรกที่ไอ้ตุลเลือก มันใช้เวลาคิดอยู่นาน แต่ครั้งที่สอง มันไม่คิดเลยว่าจะเลือกผม…

            แต่ที่ประสาทกว่านั้นคือ

            มันมีความรู้สึกหน่วงๆบางอย่างเกิดขึ้นในใจผม มันไม่ใช่หน่วงเหมือนอย่างที่เคยเป็น ไม่ได้หน่วงเพราะรู้สึกอยากจะระบายมันออกมา

            แต่มันหน่วง … เหมือนกำลังนั่งอิงอยู่ข้างเตาผิง

            เชี่ยนิ มึงมัน… บ้าไปแล้วแน่ๆ

            ทั้งหมดนี่มันเป็นความผิดของมึงเลยไอ้เน!

 

 

            “ฮันหน่ะ นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด ปกติอ่านหนังสือไม่เห็นจะเครียดแบบนี้เลย” ไอ้เจลเปิดประตูห้องนอนเข้ามาพลางวางกระเป๋าลงที่เตียง ผมที่นั่งอยู่ที่พื้นพรมเกาหัวด้วยความเครียด

            ไม่ใช่เพราะมันยาก แต่มันอ่านไม่รู้เรื่อง!!!

            ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนในชีวิต ผมเป็นคนหัวดีเรียนเก่งแต่แค่ไม่คิดจะเรียน ทั้งๆที่อ่านหนังสือฝรั่งเศสอยู่แต่มันกลับไม่เข้าหัวเลยแม้แต่นิด มีแต่ภาพใครอีกคนลอยผ่านหน้ายิ่งกว่าผี

            “เป็นไรวะแห้ง” เมื่อเห็นว่าผมไม่ตอบไอ้เจลเลยนั่งลงข้างๆแล้วโบกมือไปมา ผมถอนหายใจเบาๆ

            “ไม่รู้”

            “กวนตีนป่ะเนี่ย”

            “เอ้าไอ้ห่า ก็ไม่รู้ว่าเป็นไรเหมือนกัน” ผมฟุบหน้าลงกับหมอนใบโต ทั้งๆที่ควรจะโฟกัสกับการสอบที่จะมาถึงเร็วๆนี้ แต่พอเจอไอ้ผู้ชายที่ชื่อตุลาการ ผมกลับไม่มีสมาธิจะทำอะไรเลยในช่วงสองสามวันมานี่

            “แหนะ อย่าบอกนะว่าเผลอใจอ่อนให้ไอ้ตุลไปแล้ว” ไอ้เจลพูดขึ้นเล่นเอาผมเงียบเป็นเป่าสาก

            บ้าดิ เออบ้าแล้ว

            นั่นแฟนน้องนะเว้ย บ้าบอคอแตกเข้าไปใหญ่แล้ว

            “อย่ามั่วน่า”

            “มั่วไรแห้ง หลังจากเจอไอ้ตุล ไอ้นิของกูก็ชอบเหม่อลอยใจลอยไปไหนต่อไหน แถมยังทำท่าเหมือนคิดอะไรอยู่ในใจ แหมกูเพื่อนมึงมากี่ปี ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าในหัวมึงมีแต่ไอ้ตุล ไอ้ตุล แล้วก็ ไอ้ตุล”

            ‘ผั่วะ’

            ผมฟาดหมอนใส่หน้าของไอ้จรัสด้วยความแรง มันร่วงลงไปนอนที่พื้นแล้วร้องโอดโอย

            “ทำกูทำไมแห้ง!!!”

“นั่นปากหรือส้นตีนเนี่ย ไปไกลๆเลยก่อนที่หน้ามึงจะมีรอยตีนกูแทนตีนกา!!!”

            “ใจร้าย!!!”

            “แล้วไง!!!” ผมกับไอ้เจลตะคอกใส่กัน แต่แทนที่มันจะไสหัวอันน่ารำคาญนั่นไปให้พ้นๆหน้าผม มันกลับเข้ามากระแซะแล้วกอดผมไว้จากด้านหลังเหมือนกลัวผมจะโกรธจริงๆ

            ผมแค่รำคาญ ที่มันชอบทำตัวรู้มากไปซะหมด

            “กูขอโทษ กูแค่อยากให้มึงพูดออกมาบ้างว่ามึงกำลังคิดอะไรอยู่ บางทีนะนิ ถ้ามึงพูดออกมา อะไรๆมันอาจจะดีขึ้นก็ได้ ดีกว่าเก็บเอาไว้ให้ปวดหัวคนเดียว” ไนเจลพูดเสียงออดอ้อน ผมมองมันตาขวาง

            จะให้พูดได้ยังไง ในเมื่อมันเป็นเรื่องน่าโมโห

            ที่ในสมองผมกลับมีแต่ผู้ชายที่ชื่อตุลาการ

 

 

            การสอบฝรั่งเศสที่สมควรจะง่ายสำหรับผมกลับกลายเป็นเหมือนกับออกแรงรบในสนามรบแล้วโดนยิงจนร่างพรุน ตอนนี้ผมได้แต่มานั่งเหี่ยวๆแห้งๆอยู่ที่ร้านขายหนังสือที่ไม่ห่างจากตัวมหาลัยเท่าไร ไอ้เจลกว่าจะเลิกก็สองสามทุ่ม ผมที่รู้สึกเบื่อไม่อยากจะเข้าไปนอนง่อยที่บ้านเลยคิดว่าจะหาอะไรทำฆ่าเวลา

            ถ้าไม่ติดที่ว่าใครบางคนดันติดสอยห้อยตามมาด้วย ผมเลยคิดๆว่าจะเปลี่ยนจากฆ่าเวลาเป็นฆ่าว่าที่ทนายของชาติอยู่

            “ขอบคุณนะครับที่ยอมบอกว่าอยู่ไหน”

            ไอ้ตุลทำหน้าดีใจเหมือนลูกหมาที่ได้ของเล่นพลางสั่นหางดิ้กๆเข้ามายืนข้างๆผม ผิดกับผมที่มีใบหน้าเซ็งกะตายสุดขีด อันที่จริงผมไม่ได้บอกว่าผมอยู่ที่ไหน ไม่ดิ ผมไม่ได้ตั้งใจจะบอกว่าผมอยู่ที่ไหน…

            ก็ไอ้ตุลอ่ะดิมันเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ ซึ่งผมไม่รู้ว่าใคร แล้วมันก็ได้เบอร์ผมมาจากไหนไม่รู้ เสียงแม่งก็โคตรเหมือนไอ้ธาม เพื่อนของผมที่เพิ่งกลับจากออสฯ ผมก็เลยติ๊ต่างไปว่าไอ้ตุลคือไอ้ธาม แล้วก็ดันเสร่อบอกไปว่าอยู่ร้านหนังสือที่ห้างหน้ามหาลัย

            เพิ่งจะรู้เมื่อกี้เนี่ยแหละว่าไม่ใช่ไอ้ธาม แต่เป็นไอ้ตุล 

            “นิชอบอ่านหนังสือเหรอ” คนที่ดูสดใสเหมือนโลกนี้เป็นสีชมพูตลอดเวลานั่งลงที่โซฟาข้างๆผม ภายในร้านมีโซฟาที่เอาไว้ให้เด็กๆนั่งอ่านหนังสือได้จะได้ไม่นั่งที่พื้นเกะกะทางเดิน

            ผมไม่ตอบ ไม่อยากจะคุย ไม่อยากสนิทชิดเชื้อ

            เน … มึงต้องเป็นคนบงการทุกอย่างแน่
           
            กูจะไม่ซื้อพิซซ่าเผาส่งไปให้มึง!

            “นิครับ … โกรธผมเหรอ” สายตาเหมือนลูกหมาที่ส่งมาให้ผมทำให้ผมต้องเอาหนังสือนวนิยายภาษาอังกฤษเล่มหนาฟาดกบาลตัวเองด้วยความละเหี่ยใจ

            สาบานดิว่านี่คนเดียวกับผู้ชายที่ผมรู้จักเมื่อห้าเดือนที่แล้ว

            “ไม่” ผมตอบนิ่งๆแล้วลุกไปเดินหาหนังสือเล่มอื่น ไอ้ตุลเดินสะพายกระเป๋าตามมา ดูก็รู้ว่ามันรีบขนาดไหน เจ้าตัวยังใส่ชุดนักศึกษา แถมเหงื่อก็ออกเต็มหลังจนเสื้อแนบไปกับลำตัว

            “แล้วทำไมนิไม่มองหน้าผมเลย”

            ผมหันขวับไปจ้องหน้าไอ้คนขี้ตื้อ ก่อนจะชี้หน้ามันด้วยความเหลืออด

            “อย่า – เยอะ!!!”

            “นิโกรธผมจริงๆด้วย” ไอ้ตุลทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ผมเอาหนังสือฟาดกบาลมันไปทีจนมันร้อง

            “เจ็บนะครับ”

            “อยู่กับเนมึงเป็นแบบนี้ป่ะเนี่ย ปัญญาอ่อนฉิบหาย”

            เหมือนผมพูดอะไรผิด เหมือนชื่อเนเป็นคำต้องห้ามสำหรับคนตรงหน้า ไอ้ตุลเงียบไปแล้วเดินตามผมแบบไม่มีปากไม่มีเสียงอะไรจนกระทั่งผมเลือกหนังสือเล่มที่อยากได้ไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์

            ผมเดินออกจากร้านหนังสือด้วยความรู้สึกอึดอัดแปลกๆ ไอ้ตุลไม่ได้เดินหนีหายไป แต่ทำเพียงแค่สะพายกระเป๋าเดินตามผมต้อยๆ ผมไปหยุดอยู่ที่ร้านกาแฟร้านหนึ่งก่อนจะสั่งกาแฟแล้วนั่งที่โต๊ะเปิดหนังสืออ่านฆ่าเวลา

            ถึงด้านหน้าจะเป็นตัวอักษรที่ผมตั้งหน้าตั้งตารออ่านมาเกือบสามเดือน หนังสือตอนต่อของนิยายที่ผมชอบ แต่สายตาผมกลับมองทะลุจากหนังสือไปที่คนที่นั่งลงด้านหน้า

            “ผมไม่เคยทำแบบนี้ต่อหน้าเนสักครั้งเลย” จู่ๆไอ้ตุลก็พูดขึ้น มันไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากตัก ผมลดหนังสือลงจากระดับสายตามองคนตรงหน้าที่ดูน่าสงสาร

            น่าสมเพช

            น่าชกซักสามสี่หมัด

            โอ้ยพับผ่า

            “ช่างมัน” ผมว่าก่อนจะหันกลับไปสนใจหนังสือต่อ แต่ยังไม่ทันจะได้อ่านบรรทัดถัดไปไอ้ตุลก็คว้าหนังสือในมือผมไปแล้วมองหน้าผมด้วยความจริงจัง

            “ช่างมันไม่ได้ ผมตั้งใจแล้วว่าจะเริ่มใหม่กับนิ แล้วผมก็ไม่เคยเห็นนิเป็นตัวแทนของเน ที่ผมแสดงออกไปทุกอย่างก็เพราะว่านิคือนิ อยู่ต่อหน้าเน ผมต้องเป็นฝ่ายปกป้อง…”

            “…”

            “แต่พออยู่ต่อหน้านิ มันเหมือนกับว่านิเป็นที่พักพิงให้ผมได้”

            ผมนั่งกระพริบตาปริบๆ ทั้งๆที่กินกาแฟเย็น แต่กลับไม่รู้สึกเย็นเลยสักนิด

            “อะไรที่ทำให้มึงมั่นใจว่ากูจะยอมอ่อนข้อให้มึงวะ มันมีตรงไหนของหน้ากูที่บอกว่าซักวันกูจะชอบมึงกลับเหมือนที่เนเคยชอบมึง”

            คนตรงหน้านิ่งไป ดวงตาหลุบต่ำลงอีกครั้ง

            “ถามจริงเหอะตุล อันนี้ไม่เกี่ยวกับเน ตัดเรื่องเนออกไปจากสมองเลย มึงจะแน่ใจได้ยังไง ว่าการที่มึงตามตื้อกูอยู่เนี่ยกูไม่ได้รู้สึกรำคาญมึง”

            “ก็ถ้านิรำคาญ นิคงไม่ปล่อยให้ผมอยู่ข้างนิจนถึงตอนนี้หรอกจริงมั้ย”

            เหมือนขุดหลุมฝังตัวเอง ผมตบหน้าผากตัวเองดังแปะ

            เออจริง ผมเป็นคนขี้โวยวาย เอาแต่ใจ แถมขี้รำคาญ ถ้าผมรำคาญ ไอ้ตุลคงไม่เสนอหน้านั่งอยู่ตรงนี้แน่ ผมคงไล่ตะเพิดมันกลับไปตั้งแต่เจอหน้าแล้ว

            จริงๆผมโคตรรำคาญมันเลยนะ

            แต่ไม่ได้รู้สึกว่าต้องไล่ตะเพิดมันกลับไป

            เป็นอะไรของมึงเนี่ยนิติ…

            “ห้าเดือนที่ผ่านมา ผมไม่เคยลืมนิได้เลย มันเหมือนกับว่าคนๆหนึ่งเข้ามาในชีวิตเรา แล้วจู่ๆก็หายไป โดยไม่รู้ว่าเขาเป็นหรือตาย มันทรมานยิ่งกว่ารู้ว่าเขาตายไปแล้วอีกนะครับ”

            ไอ้ตุลมองหน้าผมด้วยสายตาจริงจัง นัยน์ตาสีดำสนิทของมันดึงดูดจนผมละสายตาไปไหนไม่ได้

            “ผมนั่งทบทวนตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งได้คำตอบแน่ชัด…”

            “…”

            “ว่าผมคงรักนิเข้าแล้วจริงๆ”

            ผมลุกพรวดจากเก้าอี้แล้วเดินออกจากร้านด้วยความรู้สึกแปลกๆในช่วงอก มันเหมือนจะอาเจียนแต่ก็ไม่ใช่ ขายาวๆสองข้างของผมพาร่างของตัวเองมาหยุดในห้องน้ำ ผมปิดฝาชักโครกลงแล้วทิ้งตัวลงนั่งก่อนจะเสยผมที่ปรกหน้าของตัวเองขึ้นไปพลางพ่นลมหายใจออกจากปากแรงๆ

            Shit …

            ไม่จริงน่า

            ใบหน้าที่ร้อนผ่าวกับความรู้สึกโหวงในอกมันทำให้ผมรู้ดีเลยว่าตัวเองกำลังเป็นอะไร

            ถ้าไม่ผิด

            ผมกำลังเขินไอ้ตุล…

            TBC
           นิไม่ผิดหรอกลูก นิกำลังเขินนังตุลแน่ๆๆๆๆ พี่บอกเลย

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
รุกเข้าไปคร้าบบบบบบ ตุลสู้ๆๆ นิใจอ่อนไวไวน๊า ^3^

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
รุกเข้าไป รุกเข้าไป ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
พี่ตุลย์คนจริง เดินหน้าชัดเจน ทำเอาน้องมันเขินเลย 555555 แอบเชียร์พี่ตุลย์อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
โอ้วววว~. นายมาถูกทางแล้วตุล รุกๆๆๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
งุ้ยยย อยากอ่านต่อ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
พยายามเข้านะตุล

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
เริ่มต้นด้วยความหน่วง อ่านละเศร้าๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 10 Love is Unexplainable (13-09-59)
« ตอบ #39 เมื่อ: 14-09-2016 21:16:57 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nu-tarn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-6
พี่ตุลย์ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก ตื๊อมันเข้าไป น้องเริ่มใจอ่อนแล้ว  :-[  :impress2:

ปล.แอบสงสัยทำไมเรารู้สึกว่าเนเหมือนจะรู้ว่าตัวเองจะตายเลยบอกกับนิเอาไว้แบบนั้นอ่ะ

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 10 Love is Scar (22-09-59)
«ตอบ #41 เมื่อ22-09-2016 20:31:32 »

Chapter
11
[/b]

 

            ผมนั่งเหม่อมองดอกกุหลาบสีขาวที่ถูกวางอยู่บนหลุมศพของเนติ ปล่อยให้ลมเย็นๆพัดผ่านใบหน้าไป กลิ่นหอมๆของดอกไม้ที่ใครหลายๆคนเอามาให้คนที่ตายแล้วทำให้ผมไม่อยากจะลุกไปไหน ถ้าไม่ติดที่ว่าหิวข้าวไส้แทบกิ่ว กับใครอีกคนที่เหน็บมาด้วยทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิด

            เมื่อความอดทนของผมถึงขีดสุด ท้องก็บิดจนจะเป็นเกลียว ผมเลยลุกพรวดออกจากสุสานโดยไม่สนใจว่าอีกคนจะตามมาไหม รู้แค่ว่าผมหิว และอยากหาอะไรกิน

            นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาเยี่ยมเนที่หลุมศพ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลุมศพเนอยู่ที่ไหนถึงต้องให้ไอ้ตุลพามา เพราะแบบนี้ไงผมถึงได้ถูกญาติๆนินทาว่าผมไม่รู้สึกอะไรที่แม่กับน้องชายฝาแฝดตาย อยากจะหัวเราะ

            การที่เราไม่แสดงออกมา ไม่ได้หมายความว่าไม่เสียใจหรอกนะ

            “นิครับ” เสียงทุ้มๆที่ดังตามมาด้านหลังไม่ได้ทำให้ผมหยุดเดิน ผมเดินเงียบๆไปหยุดหน้าร้านขายข้าวเหนียวหมูปิ้ง

            “เอาข้าวเหนียวสองห่อแล้วก็หมูปิ้งสี่ไม้ครับ”

            “นิครับ” ไอ้ตุลยังยืนเรียกชื่อผมอยู่ข้างๆ ผมมองมันด้วยหางตานิดๆ

            “อะไร”

            “นิโกรธอะไรผมเหรอ” คำถามชวนน่ารำคาญทำให้ผมอยากจะเอาไม้เสียบหมูปิ้งนี่แทงหน้าไอ้คนข้างๆ

            “แค่หิว ขี้เกียจรอ”

            พอได้หมูปิ้งมาผมก็โบกรถสองแถวแล้วก็สวาปามไม่สนใจอะไรคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง ไอ้ตุลยังนั่งเงียบสีหน้าเหมือนคนรู้สึกผิดอะไรสักอย่าง ผ่านไปเกือบสิบนาทีทั้งผมและตุลก็ยังนั่งเงียบ จากที่มีคนเป็นสิบบนรถสองแถว คนก็ค่อยๆทยอยลงจนเหลือแค่ผมกับมัน

            ผมเหลือบมองไอ้คนชอบคิดมาก ก่อนจะยื่นถุงหมูปิ้งที่เหลืออยู่ไม้หนึ่งกับข้าวเหนียวอีกถุงให้มัน

            “กินป่ะ แต่กูเหลือหมูให้ไม้เดียวนะ หิว…”

            ยังพูดไม่ทันจบคนข้างๆก็โน้มหน้าลงมาใกล้จนผมต้องเขยิบหนี ผมมองหน้าไอ้ตุลด้วยความตกใจ ไอ้ห่านี่อยู่บนรถสองแถวนะ ผมยกถุงข้าวเหนียวหมูฟาดใส่มันจนมันรับเกือบไม่ทัน

            “อันที่จริง…” ไอ้ตุลพูดเสียงแผ่วแล้วจ้องมองถุงหมูปิ้งราวกับว่าจะคุยกับหมูปิ้ง ไม่ได้จะคุยกับผม ผมที่แกะหมากฝรั่งออกมาเคี้ยวแล้วเป่าเล่นเหม่อมองออกไปนอกรถ

            “อันที่จริงผมยังลืมเนไม่ได้หรอก”

            หึ … ผมว่าแล้ว ลืมได้ก็บ้า

            “ผมแค่อยากบอกให้นิรู้ ไม่อยากโกหกหรือปิดบัง”

“…”

“แต่การเริ่มต้นใหม่ บางทีมันก็ไม่ได้หมายความว่าต้องลืมนี่ครับ” ผมหันไปสบตากับไอ้ตุลด้วยความรู้สึกแปลกๆ ก่อนจะชะงักไปเมื่อรถสองแถวขับผ่านหน้าคอนโดของไอ้ตุลไป

            ผมรีบหันไปตบกระจกรถบอกคนขับรถก่อนที่รถจะจอด เราสองคนเดินลงจากรถแล้วไม่ได้พูดอะไรกันอีกจนกระทั่งถึงห้อง วันนี้ผมตั้งใจจะมาเอาของๆตัวเองที่ทิ้งไว้ที่ห้องของมันเมื่อห้าเดือนก่อน

            มันก็จริงที่ว่าเราจะไปบังคับใครให้ลืมใครอีกคนไม่ได้ ยิ่งเป็นคนที่อยู่ในห้วงลึกของความทรงจำ ผมมักจะพูดกับตัวเองว่าต้องทิ้งเนไว้ข้างหลัง แต่จริงๆแล้วยิ่งคิดว่าจะทิ้ง ผมยิ่งกลับถลำลึกไปเรื่อยๆ

            ขาสองข้างของผมพาตัวเองเข้าไปในห้องคอนโดของไอ้ตุล พลางทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา

            “เออ มึงก็พูดถูก บางทีบางเรื่อง อยากลืมแม่งก็ลืมไม่ได้สักที” ผมบ่นอุบอิบ ตุลาการยิ้มออกมานิดๆแล้วเดินหายเข้าไปในห้องนอน ผมมองข้าวของของตัวเองที่กองอยู่ข้างโซฟา

            ก่อนจะชะงักไปเมื่อรู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่ดวงตา ผมเงยหน้าเพื่อไล่น้ำใสๆที่กำลังจะไหลออกมาพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ

            ทำไมมันเหมือนกับว่า ยิ่งเข้าใกล้ไอ้ตุลมากเท่าไร ผมยิ่งรู้สึกว่าผมอ่อนแอมากขึ้นเรื่อยๆ

            มันเหมือนกับว่าข้างในอยากจะระเบิดออกมาให้รู้แล้วรู้รอด

            “นิ … เป็นอะไร” ไอ้ตุลเดินออกมาจากห้องนอนแล้วปราดเข้ามาหาผมที่นั่งกุมขมับอยู่ ผมสะบัดไล่ๆมันออกไป ยิ่งถูกถามว่าเป็นอะไร มันยิ่งเหมือนเอาค้อนมาทุบกำแพงที่ผมสร้างขึ้นให้ทลายลงเรื่อยๆ

            “นิ”

            “เงียบน่า!!” ผมตะคอกเสียงดังแล้วล้มตัวนอนลงบนโซฟา ไม่มีเสียงตอบรับจากไอ้ตุลอีก มีเพียงแค่เสียงฝีเท้าที่เดินไกลออกไปเรื่อย เหลือทิ้งไว้เพียงผมที่นอนเอาแขนปิดใบหน้าของตัวเองอยู่

            ยิ่งเข้าใกล้คนที่มีความทรงจำเกี่ยวกับเนเต็มไปหมด

            มันยิ่งทำให้ผมคิดถึงเน

 

            มารู้สึกตัวอีกทีฟ้าก็มืดแล้ว ผมเผลอหลับไปจนกระทั่งมาสะดุ้งตื่นตอนเที่ยงคืนกว่าๆ แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือผมนอนอยู่บนโซฟา มีผ้าห่มห่มให้เรียบร้อย แต่กลับมีใครอีกคนนั่งอยู่ที่พื้นแล้วพิงโซฟาอยู่ ผมขมวดคิ้วมองเจ้าของห้องที่หลับคอพับคออ่อน คนที่ห้องมีเตียงแต่ไม่ยอมไปนอนที่เตียง

            มือของผมเอื้อมไปแตะไหล่ของไอ้ตุล คนตรงหน้าไม่มีทีท่าว่าจะตื่นแต่กลับไหลลงไปนอนที่พื้น ผมส่ายหน้าให้กับภาพตรงหน้า จะยื่นมือไปปลุกไอ้ตุลแต่กลับชะงักไปเมื่อเห็นกลุ่มผมนุ่มนิ่มของมันซะก่อน

            ผมถือวิสาสะแตะฝ่ามือลงบนกลุ่มผมของเจ้าของห้องที่แฟนของมันเคยบอกไว้ว่านุ่มนักนุ่มหนา

            มึงรู้มั้ยตุล ที่กูด่ามึงว่ามึงไม่เข้มแข็ง มึงเป็นไอ้ไก่อ่อน

            คนที่ควรโดนด่าคือกูต่างหาก

            มึงพึ่งพาอะไรกูไม่ได้หรอก เพราะขนาดความรู้สึกของตัวเอง

            กูยังไม่รู้เลย

            “เน…” เสียงพึมพำดังออกจากปากของคนที่หลับสนิทแถมยังชอบละเมอ ผมมองตุลาการ ผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ตั้งแต่ผมรู้จักมัน โกรธก็แสดงออกว่าโกรธ เสียใจก็ร้องไห้ฟูมฟาย แต่มันกลับเข้มแข็งที่สามารถผ่านช่วงเวลานั้นมาได้

            มันเข้มแข็งมากจริงๆ

            “เน” ผมมองคนที่ยังนอนละเมอพลางยิ้มออกมานิดๆแล้วเผลอเอามือขยี้หัวมันไปด้วยความหมั่นเขี้ยวแบบแปลกๆ

            เน … มึงจะโกรธกูมั้ยถ้ากูจะบอกว่า

            แฟนมึงก็น่ารักดี

            “นิ ตื่นแล้วเหรอครับ” ผมสะดุ้งเมื่อใครอีกคนลุกพรวดขึ้นมา ผมหันหลังให้กับไอ้ตุลทันที เจ้าของห้องลุกขึ้นมานั่งแล้วถอนหายใจเบาๆ

            “โกรธอะไรผมเหรอ นิ…”

            “กูไม่ได้โกรธ เลิกคิดเองเออเองเหอะน่า” ผมว่า ไอ้ตุลพ่นลมหายใจหนักๆอีกครั้ง

            จู่ๆก็มีแรงกดทับลงมาที่แผ่นหลัง เหมือนไอ้ตุลจะเอาหัวของมันพิงลงบนหลังของผม มันนั่งเงียบๆอยู่แบบนั้นไม่ได้พูดอะไร จะมีก็แต่มือที่เลื่อนมาจับมือผม ผมสะบัดออกแต่ไอ้ตุลก็ยังคว้ามือผมไปจับไว้แน่น จนผมเริ่มจะรำคาญเลยปล่อยให้มันจับไว้แบบนั้น

            “นิ … ถึงเนจะอยู่ในใจผมก็จริง แต่ผมไม่เคยโกหกตัวเอง”

            “…” มันเหมือนกับมีก้อนอะไรบางอย่างขวางคอเอาไว้ ผมพยายามกลืนน้ำลายแต่มันยากซะเหลือเกิน ผมไม่รู้ว่าตุลาการต้องการอะไร ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงขยับตัวไปไหนไม่ได้

            ทั้งๆที่ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงหันไปเอาเท้ายันหน้ามันแล้วข้อหาพูดจาอะไรพล่อยๆ

            “ผมไม่เคยโกหกตัวเองจริงๆนะ ว่าความรู้สึกที่ผมมีให้นิ มันเหมือนกับตอนที่ผมเริ่มรักเนแรกๆ”

            “…”

            “ผมไม่ได้อยากจะเปรียบเทียบนิกับเน แล้วก็ไม่ได้จะขอร้องให้นิรักผมตอบ”

            “…”

            “ผมแค่ อยากดูแล อยากอยู่ข้างๆ … ผมแค่อยากบอกว่า ถ้านิต้องการใครสักคน …”

            “…”

            “ผมอยู่นี่นะ”

            ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบมีเพียงแค่เสียงลมหายใจของผมกับไอ้ตุล และอีกเสียงหนึ่งที่ผมไม่อยากให้ไอ้ตุลได้ยิน เสียงที่อาจจะไม่ดังจนมันได้ยินแต่ตัวผมเองกลับได้ยินชัด

            เสียงหัวใจที่เต้นราวกับจะระเบิดออกมาจากอก

            “อย่าลืมนะครับ ถ้ามีอะไร ผมอยู่ตรงนี้นะ” ไอ้ตุลดึงมือของมันออกไปแล้วแตะลงที่กลุ่มผมของผมเบาๆก่อนที่มันจะเดินหายเข้าไปในห้องนอน

            ผมหันกลับมานอนมองเพดานด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย ทำได้เพียงแค่เหม่อมองไปที่แสนไกลราวกับว่าต้องการจะคุยกับใครสักคน

            เน … มึงต้องการให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้เหรอ

            มึงก็รู้ว่าจริงๆแล้ว

            กูไม่ได้เข้มแข็งอะไรเลย

            กูไม่ได้เข้มแข็งพอ ที่จะห้ามใจไม่ให้รู้สึกอะไรกับคนที่มาทำดีด้วย

            อย่าง ตุลาการ…

 

            รุ่งเช้าผมรีบออกจากคอนโดของไอ้ตุลเพราะยังไม่อยากเจอหน้ามันตอนนี้ ไม่รู้ดิ ผมรู้สึกสับสน แค่อยากใช้เวลาอยู่กับตัวเองสักพัก ถามตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงยอมให้ตุลาการมันทำอะไรตามใจชอบ ผมเลยว่าจะกลับบ้านไปหาพ่อ โดยไม่ลืมที่จะแวะห้างซื้อข้าวของอะไรเข้าไปฝากตาลุงรักสัตว์ พ่อผมก็พอๆกับไอ้เจล สองคนนี้คุยกันได้ ไอ้เจลเลี้ยงงู พ่อผมเลี้ยงกิ้งก่า

            เข้ากันอยู่

            ผมไปโดยไม่ได้โทรบอกพ่อก่อน ว่าจะไปเซอร์ไพรส์เพราะตั้งแต่กลับจากฝรั่งเศสก็ไม่ได้มาเหยียบบ้านเลย มันแปลกนะ ที่บางทีบางครั้ง เราก็ไม่อยากจะไปอยู่ในที่ที่มีความทรงจำของคนที่ตายไปแล้วเต็มไปหมด เหมือนอย่างห้องของไอ้ตุล

            ข้าวของในบ้านยังถูกจัดเรียงเรียบร้อยเหมือนเดิม การไปอยู่ที่ห้องไอ้ตุลมันมีความทรงจำของเนก็จริง แต่การกลับมาอยู่ที่บ้านสิ่งที่ผมจะนึกถึงนอกจากเน คือแม่

            ผมนั่งลงบนเก้าอี้เปียโนพลางไล้มือไปตามปุ่มสีขาวดำ บางทีถ้าผมกลับจากฝรั่งเศสให้เร็วกว่านี้ กลับมาอยู่กับแม่ แม่ก็อาจจะไม่ตาย … แต่ก็พูดไม่ได้หรอก ผมไม่ใช่ลูกรักของแม่นี่

            “เสนอหน้ามาได้สักทีนะ” เสียงแหลมๆของผู้หญิงดังขึ้นด้านหลังของผม ผมหันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่ผมเกลียดขี้หน้าที่สุด ป้าอร … พี่สาวแท้ๆของแม่

            เธอโทษผมว่าผมเป็นสาเหตุให้แม่ฆ่าตัวตายทั้งๆที่แม่ตรอมใจตายเพราะเนต่างหาก

            “หายหัวไปไหนมาล่ะ งานศพแม่แท้ๆยังไม่แม้แต่จะเสนอหน้ามา”

            การที่ป้าอรอยู่ในบ้านแล้วมาชี้หน้าด่าผมฉาดๆนี่ แสดงว่าพ่อไม่อยู่บ้าน เพราะถ้าพ่ออยู่บ้าน ป้าอรไม่มีสิทธิ์ที่ด่าว่าเหมือนว่าผมเป็นสาเหตุที่ทำให้เนและแม่ตาย

            “ใครน่ะแม่” ผู้ชายตัวสูงอีกคนเดินเข้ามาในห้องรับแขก เจ้าตัวขมวดคิ้วเมื่อเห็นหน้าผม

            “ลูกทรพีไง สร้างแต่ปัญหาให้น้องสาวฉัน บางทีแกน่าจะเน่าตายอยู่ที่ฝรั่งเศสไปซะ”

            “แม่” ลูกชายของป้าอรท้วงแม่ตัวเอง ซึ่งมันทำให้ผมอยากจะขำ มันชื่อไอ้อิง ผมไม่เคยเรียกมันว่าพี่แม้ว่ามันจะอายุมากกว่าผมสามปี ผมไม่เคยเคารพผู้ชายคนนี้

            “แกอย่ามาห้ามแม่เลยอิง น้ำตาสักหยดมันยังไม่มี สำนึกหรือเปล่าไม่รู้ว่าทำชาวบ้านชาวช่องเขาเดือดร้อนไปหมด”

            “นิมันไม่รู้อะไรด้วยแม่จะไปโทษมันทำไมล่ะ”

            “งั้นก็รู้ไว้ซะนะ ว่าทำไมน้องชายแกถึงรีบกลับมาบ้าน เพราะเนติจะมาขอให้น้องสาวฉันยกโทษให้แกที่แกทำตัวเหลวไหลเที่ยวไปชกตีกับชาวบ้านไง!!!”

            ผมนิ่งไป ป้าอรชี้หน้าผมแล้วกร่นด่าอีกครั้ง

            “แกมันไม่เหมาะจะเป็นฝาแฝดพี่ชายของน้องแกเล๊ย ถ้าไม่ติดว่าแกหน้าเหมือนกัน ฉันคงไม่รู้สึกผิดที่เหมือนว่ากำลังด่าเนติหลานรักของฉันอยู่”

            ป้าอรเดินฉับๆออกไปจากห้องรับแขกเหลือเพียงแค่ผมกับไอ้อิง ผมทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาด้วยความรู้สึกแย่ที่ก่อขึ้นมาในใจ ผมเคยคุยกับเนเรื่องที่ว่าผมอยากจะกลับบ้าน แต่เพราะกลับไม่ได้ ผมไม่อยากกลับมาเจอแม่ที่เอาแต่ด่าว่าว่าผมไม่น่าเกิดมาเป็นลูกของเธอ

            ผมเคยขอของขวัญวันเกิดกับเน แต่มันก็เป็นคำขอเล่นๆ เหมือนที่เราชอบพูดเล่นๆกันว่า เฮ้ยวันนี้วันเกิดกูอ่ะ มึงเอาของขวัญมาเลยบีเอ็มคันละสิบล้านอะไรแบบนี้

          ‘มึงช่วยไปพูดกับแม่ทีดิว่ากูขอโทษ กูสำนึกผิดแล้ว กูอยากกลับบ้าน’

            ผมไม่นึกว่าเนจะทำมันจริงๆ   

            “นิ” ไอ้อิงเดินเข้ามาใกล้ผม มือของมันยื่นมาจะแตะไหล่ผมแต่ผมปัดออก ผมจ้องหน้ามันด้วยแววตาไม่เป็นมิตร ยอมรับว่าผมไม่ค่อยแสดงออกชัดๆว่าไม่ชอบขี้หน้าใคร

            มันเป็นคนแรกและคนเดียวที่ผมเกลียดเข้ากระดูกดำ

            “พี่ขอโทษแทนแม่พี่ด้วยแล้วกันที่พูดแบบนั้น นิไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เนกับแม่ตาย”

            ผมไม่พูดอะไรทำเพียงแค่เขียนโน้ตใส่กระดาษทิ้งไว้บนเปียโนเพื่อให้พ่อรู้ว่าวันนี้ผมกลับมาบ้าน ผมเดินชนไหล่ไอ้อิงไปอย่างไม่สนใจแต่มันกลับคว้าแขนผมเอาไว้

            “นิเลิกเย็นชากับพี่สักทีได้มั้ย”

            “ได้ ถ้ามึงไม่ใช่คนที่เอาเรื่องของกูมาฟ้องแม่น่ะนะ”

            ไอ้อิงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมกับแม่ไม่ลงรอยกัน มันคือคนที่เอาเรื่องทั้งหมดมาพูด ทั้งๆที่บางเรื่องมันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความจริงคืออะไร

            “แล้วถ้ากูไม่ห่วงมึง กูจะทำป่ะ”

            ผมสะบัดแขนตัวเองออกจากไอ้ญาติโรคจิตแล้วชูนิ้วกลางใส่หน้ามันอย่างไร้ความนับถือ

            “ไปตายเหอะ”

            TBC

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 11 Love is Scar (22-09-59)
«ตอบ #42 เมื่อ22-09-2016 21:01:56 »

นิสู้ๆนะ :mew6:

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 11 Love is Scar (22-09-59)
«ตอบ #43 เมื่อ22-09-2016 21:47:17 »

อิป้า :angry2:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 11 Love is Scar (22-09-59)
«ตอบ #44 เมื่อ23-09-2016 06:51:24 »

ทำไมดูซับซ้อน ความหลังเยอะจริงๆ ><

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 11 Love is Scar (22-09-59)
«ตอบ #45 เมื่อ24-09-2016 18:05:30 »

อ้าว ไหงงั้น นิน่าสงสาร รออ่านตอนต่อไป~

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 11 Love is Scar (22-09-59)
«ตอบ #46 เมื่อ24-09-2016 18:32:18 »

ถึงจะบอกว่าตัวเองหวังดียังไงก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งหรือเปล่า

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 12 Love is Weakness (25-09-59)
«ตอบ #47 เมื่อ25-09-2016 20:32:20 »

Chapter
12
[/b]

 

            ผมกลับมาทำตัวเป็นพระเอกเอ็มวีอีกครั้ง ตอนนี้ฝนตกหนักยิ่งกว่าฟ้ารั่ว ผมนั่งตากฝนอยู่ริมฟุตบาทไม่รู้ร้อนรู้หนาว หลังจากออกจากบ้านผมก็โทรไปหาไอ้เจลแต่มันไม่รับ ผมเลยโทรไปหาไอ้ป้อง ไอ้ป้องก็ติดงาน โทรไปหาไอ้สิท พอไอ้สิทไม่ว่างผมก็ไม่รู้จะคุยกับใคร ไอ้ธามที่เพิ่งกลับจากแดนจิงโจ้ก็ยังไม่มีเบอร์มัน จนกระทั่งเลื่อนไปเจอเบอร์ของไอ้ตุล

            อาจจะบ้าแต่ผมดันเมมเบอร์มันไว้ด้วย

            เห็นแบบนั้นก็ยิ่งทำให้หงุดหงิดเข้าไปใหญ่

            อะไรกันนักหนาวะโว้ย!

            ‘ครืน ครืน’

            ฟ้าร้องเป็นบ้าเป็นหลังไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกกลัวสักนิด ผมนั่งมองโทรศัพท์ของตัวเองที่ค่อยๆดับลงเหมือนจะชัตดาวน์ตัวเองเพราะน้ำเข้า

            ผมอาจจะเป็นคนดูมีเหตุผลในหลายๆเรื่อง อาจจะดูเป็นคนเข้มแข็งให้กับทุกอย่างที่ปะทะประดังเข้ามาพร้อมๆกัน แต่ผมก็ยังเป็นคน

            ยังมีความรู้สึก ยังเจ็บ ยังเสียใจเป็น

            ‘นิ ทำไมมึงถึงไม่เคยร้องไห้เลยวะ พี่ตุลเคยถามว่าทำไมกูถึงเข้มแข็งจัง’

          ‘เหอะ เราคงเป็นแฝดหัวแข็งฆ่าไม่ตายมั้ง’

          ‘เอาดีๆดิ’

          ‘แล้วมึงรู้ได้ไงว่ากูไม่เคยร้องไห้’

          ‘ก็กูไม่เคยเห็นน้ำตามึงเลยนี่หว่า’

          ‘การที่กูไม่มีน้ำไหลออกมาจากตา มึงรู้ได้ไงว่ากูไม่ได้ร้องไห้อยู่ข้างใน’

            จะรู้ได้ยังไง ว่าคนที่ไม่ได้ร้องไห้ออกมา เขาไม่ได้กำลังร้องเจียนจะตายอยู่ข้างใน

            นี่ไม่ใช่ละครที่ว่าผมนั่งร้องไห้อยู่แล้วจะมีนางเอกเดินมาเจอพร้อมกับร่มคันหนึ่งแล้วบอกว่ากลับด้วยกันมั้ย หรือว่ามีรถหรูมาจอดข้างหน้าแล้วบอกว่า ขึ้นมา โง่หรือเปล่าเอาตัวเองไปตากฝน

            ผมพยุงร่างแฉะๆของตัวเองไปยังที่ที่ผมคิดว่าผมอยู่แล้วผมสบายใจ แต่ผมดันโผล่มาอยู่หน้าห้องไอ้ตุล ที่ที่ผมรู้สึกว่ามันอึดอัดที่สุดในโลก

            เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ผมจะไปบ้านไอ้เจลนี่หว่า

            แต่ถ้าเกิดไปหาไอ้เจลตอนนี้ ดีไม่ดีผมจะทำมันเป็นห่วงมากกว่าเดิม…

            ผมเลยเคาะประตูลงหน้าห้องของไอ้ตุลที่ไม่รู้ว่ามันนอนหลับไปแล้วหรือยัง ตั้งแต่กลับจากบ้านพ่อผมก็เดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อยเหมือนชีวิตไร้จุดหมาย นั่งค้างอยู่แถวสะพานข้ามแม่น้ำ ลงเอยที่ริมฟุตบาท ฝนตกจนตัวเปียกแฉะไปถึงไส้ใน

            ประตูถูกกระชากเปิดออกด้วยความตกใจ ไอ้ตุลมองหน้าผมแล้วกระพริบตาปริบๆเหมือนมีคำถามอะไรมากมายจะถาม ผมถือวิสาสะเดินลอดแขนมันเข้าไปแล้วถอดเสื้อออกเพราะแอร์ในห้องเย็นเฉียบ

            “โอยหนาว”

            “ไปทำอะไรมาเนี่ย แฉะเป็นลูกหมาเลย”

            ผมหัวเราะแหะๆให้เจ้าของห้องก่อนจะพยุงร่างตัวเองเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำอุ่นๆปล่อยให้ความคิดถูกน้ำพัดลงท่อไป ไม่รู้ว่าใช้เวลาอาบน้ำนานเท่าไร รู้แค่ว่าผมเริ่มรู้สึกหัวหนักๆอยากจะทิ้งตัวลงบนเตียง

            ไอ้ตุลยืนพิงกำแพงอยู่ข้างประตูห้องน้ำ ผมมองหน้ามันนิดๆแต่ไม่ได้คิดจะพูดอะไร ก่อนจะลากสังขารตัวเองไปทิ้งตัวนอนบนโซฟาแล้วหลับตาลง

            “ไปนอนบนเตียงเถอะ เดี๋ยวคืนนี้ผมนอนโซฟาเอง” ตุลาการยื่นข้อเสนอ ผมเพลียเกินกว่าจะตอบตกลงเลยได้แค่ครางอือในลำคอ

            “นิ ไม่คิดจะบอกผมจริงๆเหรอว่าทำไมถึงไปตากฝนมาแบบนี้”

            “อย่าเซ้าซี้น่า รำคาญ…” ผมว่า ไม่มีเสียงตอบรับจากไอ้ตุลอีก

            แค่ไม่กี่วินาทีต่อมาผมกลับรู้สึกเหมือนลอยขึ้นจากโซฟา ผมรีบเบิกตากว้างมองไอ้คนที่พยายามอุ้มผมด้วยท่าเจ้าสาวด้วยความตกใจ

            “ไอ้เชี่ยตุล!!!!!!!”

            ‘พลั่ก’

            มือของผมเสยเข้าที่บ้องหูไอ้ตุลจนมันเซล้มพรวดลงบนพื้นพรม ก้นกบผมกระแทกพื้นจนชาไปทั้งแถบ ผมร้องโอดโอยแล้วเอาเท้าถีบไอ้ตุลด้วยความหงุดหงิด

            มึงคิดว่ากูเป็นผู้หญิงที่มึงอยากจะอุ้มเมื่อไรก็อุ้มเหรอ

            สติยังดีอยู่มั้ยวะหา!!!!!

            “บ้ารึเปล่า นี่มึงทำบ้าอะไรเนี่ย” ผมตะคอกด่าไอ้ตุลที่นั่งกุมหูอยู่ ผมตบมันไปแรงพอสมควร มันหันมามองผมแล้วตะคอกใส่ผมกลับ

            “ก็ผมอยากให้นิบอกอะไรผมบ้างนี่!!! ทำไมต้องเก็บมันไว้คนเดียวด้วยวะ!!!”

            “แล้วมึงจะอยากรู้ไปทำไมเล่า!”

            “ก็ผมรักของผมนี่!!!”

            โอ้โห เหมือนโดนรองเท้าแตะตบหน้าดังฉาด ผมนั่งหน้าชาอยู่กับที่แล้วกระพริบตามองไอ้ตุลด้วยความสับสน เหมือนโดนไอ้ตุลตบบ้องหูด้วยคำพูด ตุลาการเขยิบเข้ามาใกล้ผม ไม่ถึงเสี้ยววินาทีริมฝีปากอุ่นๆของมันก็แตะลงบนริมฝีปากของผม เนิบนาบและอ่อนโยน ฝ่ามือของไอ้ตุลจับท้ายทอยของผมเอาไว้ และผมไม่ได้ขัดขืนอะไรทั้งสิ้น

            จูบเบาๆก่อนจะค่อยๆหนักขึ้นเรื่อยๆ สมองผมมึนไปหมด ลมหายใจหนักๆของไอ้ตุลกระทบข้างแก้มของผมก่อนที่เจ้าตัวจะค่อยๆถอนริมฝีปากออกเมื่อผมเริ่มท้วงเพราะขาดอากาศหายใจ ผมผละออกจากมันเล็กน้อยพลางโกยอากาศเข้าปอด

            ไอ้ตุลยื่นหน้ามาจะจูบผมอีกครั้งแต่ผมหดคอกลับ ถึงจะชินกับการจูบเมื่ออยู่ปารีส แต่การจูบกับผู้ชายที่ดันรู้สึกดีด้วยนี่มัน …

            อันตรายชัดๆ

            อันตรายโคตรๆ

            “นิ…”   

            “เดี๋ยว หยุดๆๆ!!!” ผมถอยหลังพรวดแต่ไอ้ตุลตามเข้ามาประชิด แค่เพียงเสี้ยววินาทีมันก็ตามมาตะครุบผม

            Shit …

            “กูไม่เล่นนะ อยากตายหรือไง” ผมขู่ ไอ้ตุลยิ้มโชว์ลักยิ้มเล่นเอาผมชะงัก

            “ไม่ตบผมนี่ แสดงว่าชอบเหรอ”

            ‘ผั่วะ’

            “อ๋อ เป็นไอ้พวกชอบความรุนแรงงั้นสิ” มันขอมาผมก็สนอง ผมฟาดฝ่ามือลงบนหัวของไอ้ตุลอย่างแรง มันร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด เมื่อเห็นช่องทางผมเลยรีบลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งเข้าห้องนอนไอ้ตุลไปพลางกดล็อคประตู

            ผมทรุดตัวนั่งลงบนพื้น หัวใจเต้นรัวราวกับว่าจะหลุดออกมาจากอก

            เน …

            แฟนมึงกำลังทำให้กูเป็นบ้า!!!!

 

            โชคดีที่ก่อนนอนผมซัดยาแก้ไข้ไปสองเม็ดเพราะกลัวตอนเช้าจะตายเพราะไข้ซะก่อน ดันไปทำเก๋าตากฝนตั้งสามสี่ชั่วโมง ตื่นเช้าเลยมีแค่อาการปวดเมื่อยเล็กน้อยที่พอจะทำให้อยากจะนอนเหยียดอยู่บนโซฟาทั้งวัน แต่ผมกลับเลือกที่จะออกไปที่มหา’ลัยเพื่อเคลียร์งานที่ค้างอยู่ให้เสร็จ

            “ทำไมไม่รับโทรศัพท์” เสียงคุ้นหูดังขึ้นด้านหลัง ผมเงยหน้ามองคนที่ยืนค้ำหัวอยู่ จรัส บราวน์ที่ทำหน้าเหมือนไม่ได้กินข้าวเช้านั่งลงตรงข้ามผมที่นั่งอ่านหนังสือฝรั่งเศสอยู่ มันหรี่ตามองอย่างเอาเรื่องแต่ผมไม่ได้ใส่ใจ

            “นิ มึงโกรธกูเหรอที่กูไม่รับโทรศัพท์” ไอ้เจลถามผม ผมส่ายหน้าเบาๆ แต่สายตายังคงจับจ้องหนังสือที่อ่านไม่เข้าหัวเลยสักนิด ในหัวมีแต่คำพูดของป้าอร ซ้ำไปซ้ำมา

            เรื่องที่เนตายเพราะรีบกลับบ้านไปขอของขวัญชิ้นที่แย่ที่สุดในชีวิตของเน

            ของขวัญที่ขอให้ผมกลับบ้าน แต่ยังไม่ทันขอก็ตายซะก่อน

            “กูเคยโกรธเรื่องไร้สาระแบบนั้นที่ไหนกัน” ผมพูดเสียงแผ่ว ไอ้เจลยื่นมามากระชากคอเสื้อผมเพื่อบ่งบอกว่ามันกำลังไม่พอใจและต้องการคุยแบบตั้งใจ

            “แล้วทำไมถึงไม่มองหน้ากู”

            “แล้วทำไมกูต้องมองหน้ามึง…” ผมตกใจเมื่อเห็นหางคิ้วไอ้เจลถูกปิดด้วยผ้าก็อต แถมโหนกแก้มมันยังมีรอยช้ำเขียว ผมขมวดคิ้วแล้วจับหน้าไอ้เจลให้หันซ้ายหันขวา เพราะเมื่อกี้มองหน้ามันมุมเงยผมถึงไม่เห็นว่าหน้ามันเยินขนาดนี้

            “ไปกัดกับหมาที่ไหนมาเนี่ย”

            “อย่าเปลี่ยนเรื่อง ทำไมไม่รับโทรศัพท์เมื่อคืน โทรไปเกือบจะร้อยสาย!!” ผมแอบแปลกใจนิดหน่อยที่ไอ้เจลมันขึ้นเสียงใส่ ปกตินอกจากกวนตีนไปวันๆแล้วมันก็ไม่ค่อยจะดุผมสักเท่าไร

            “อ่าว ก็นึกว่าจะให้ดูแผล”

            ผมเลี่ยงที่จะตอบคำถามเพราะไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วง จะหันไปก้มมองหนังสือแต่ไอ้เจลก็คว้าหนังสือไปเก็บแล้วลากผมออกจากห้องสมุด

            “มึงเป็นอะไรเนี่ยเจล”

            “มึงไปเจอไอ้อิงมาใช่มั้ย” ไอ้เจลถามเมื่อลากผมออกมาที่ระเบียง ผมแอบแปลกใจนิดหน่อยที่มันรู้ จริงๆเรื่องไอ้อิงกับผมไม่ถูกกัน ไอ้เจลรู้มาแต่ไหนแต่ไร แต่ผมไม่รู้ว่าทำไมมันรู้ว่าเมื่อวานผมไปเจอไอ้อิงมา

            ผมพยักหน้า ไอ้เจลถอนหายใจ

            “เมื่อวานมันมาหากูที่บ้าน ถามว่ารู้มั้ยว่านิไปนอนที่ไหน อยู่กับใคร”

            “…” มือสองข้างผมกำแน่น ไอ้เวรนี่ ชักจะมากไปละไง

            “มึงต้องรอให้มันทำอะไรมึงก่อนเหรอวะถึงจะยอมบอกกูว่ามึงไปเจอมันอ่ะ”

            “ก็ไม่เห็นต้องสนใจคนแบบมันนี่”

            “นิ!!! มึงก็รู้ว่าไอ้อิงเป็นคนยังไง มึงจะรอให้มันตามมึงไปทุกที่แล้วพูดจาส้นตีนยังไงกับมึงก็ได้โดยที่ไม่สนว่ามึงจะรู้สึกยังไงน่ะเหรอ”

            “กูเจอมาเยอะแล้วว่ะเจล กูไม่สนใจแล้วว่าใครจะพูดยังไง แค่ไอ้อิงคนเดียวช่างหัวมันเหอะ” เหมือนคำพูดของผมไปกระตุกต่อมโมโหของไนเจลเข้า มันบีบไหล่ผมอย่างแรงแล้วจ้องผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ

            “อย่าพูดเหมือนกับว่ามึงไม่มีค่า ทำไมวะนิ มึงชอบพูดว่ามึงชิน ชอบพูดว่ามึงน่าจะตายแทนเน มึงคิดมั้ยว่าพวกกูรู้สึกยังไงเวลามึงพูดว่าคนที่ควรจะตายน่าจะเป็นมึงมากกว่า”

            “กูก็แค่พูดเล่น”

            ไอ้เจลปล่อยมือจากไหล่ของผมแล้วฟึดฟัดทำท่าจะเดินหันหลังไป แต่มันหันหลังกลับมาชี้หน้าผมด้วยแววตาและสีหน้าที่ผิดหวังเหมือนกำลังน้อยใจ

            “มึงเล่น แต่พวกกูไม่เล่น นิที่กูรู้จักไม่ใช่ผู้ชายที่ยอมให้คนอื่นมาพ่นน้ำลายใส่หัวแล้วอยู่เฉยๆแบบนี้ นิที่กูรู้จักอ่ะ ถ้าใครพูดจาหมาๆใส่มันต้องซัดหมัดกลับไป”

            ผมรู้สึกเหมือนกับโลกหมุนเลยต้องคว้าราวระเบียงเอาไว้ ถึงอย่างนั้นปากมันก็พูดจาบ้าๆออกไปทั้งๆที่สมองยังไม่ทันจะสั่งการ

            “กูก็เป็นของกูแบบนี้แหละ”

            “ไม่ใช่ นิติที่กูรู้จัก ไม่มีวันพูดหรอกว่าตัวเองไร้ค่า”

            ไอ้เจลหันหลังให้ผมแล้วเดินออกไปทิ้งให้ผมยืนอยู่คนเดียว ยังไม่ทันจะอ้าปากห้ามมันขาทั้งสองข้างก็ทรุดฮวบลงที่พื้น ผมนั่งพิงระเบียงแล้วใช้ฝ่ามือกุมใบหน้าของตัวเองเอาไว้พลางหัวเราะบ้าๆคนเดียว

            มึงมันไม่ได้เรื่องจริงๆนิติ

 

            ผมกลับไปที่คอนโดของไอ้ตุลเพราะตอนนี้ไอ้เจลคงโมโหผมจนไฟลุกที่พูดออกไปแบบนั้นเหมือนกับไม่ใส่ใจในความเป็นห่วงของมัน จริงๆผมไม่ได้อยากพูดแบบนั้นออกไป ไม่เลยจริงๆ

            ไอ้ตุลไม่อยู่ที่ห้อง ห้องใหม่มันผมก็ไม่มีกุญแจเลยต้องลงไปนั่งรอที่ล็อบบี้ แต่ก็ขี้เกียจเกิน ผมเลยนั่งชันเข่ารอไอ้ตุลหน้าห้องพลางก้มหน้าหลับตาลงเพราะไม่อยากจะสนทนากับใครก็ตามที่จะเดินผ่านไปผ่านมา รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้ ผมอยากได้ใครสักคนอยู่ข้างๆ คนที่จะไม่บ่นไม่ว่าแม้จะห่วงขนาดไหน คนที่จะยอมทนนั่งเงียบๆอยู่ด้วยกันจนกว่าผมจะยอมปริปากพูดเอง

            เหอะ ไอ้ตุลเนี่ยนะจะยอมนั่งเงียบๆ แต่มันก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะตอนนี้ผมไม่อยากทะเลาะกับเพื่อน ไม่อยากให้ทิฐิและความงี่เง่าของตัวเองทำให้เพื่อนเสียใจ

            เหมือนที่ผมทำให้เจลเสียใจวันนี้

            “นิ!” เสียงของไอ้ตุลดังขึ้นก่อนที่ผมจะหลับ มันเดินเข้ามาใกล้พลางนั่งยองๆลงตรงหน้าผม สายตาเป็นห่วงถูกส่งมาแต่มันก็ไม่ได้ถามอะไรรีบไขกุญแจเข้าห้องไปด้วยความรวดเร็ว

            “ขอโทษนะครับที่กลับมาช้า นิน่าจะโทรมาบอกก่อนว่าจะกลับเร็วผมจะได้ขอเพื่อนออกจากห้องติวก่อนเวลา หิวมั้ย กินอะไรมาหรือยัง”

            ไอ้ตุลพูดเป็นชุดพร้อมกับถอดรองเท้าอย่างทุลักทุเล ผมมองแผ่นหลังของมันเงียบๆ

            “นิไปอาบน้ำก่อนมั้ยเดี๋ยวผมอุ่นข้าวกล่องให้ พอดีแวะซื้อมาเมื่อกี้เผื่อจะหิวตอนดึกๆ”

เมื่อเห็นว่าไอ้ตุลไม่ยอมหยุดพูดสักทีผมเลยคว้าเสื้อของมันเอาไว้ คนที่ยืนหันหลังอยู่ถึงกับชะงักนิ่งอยู่กับที่

            “นิ…”

            “พูดมากว่ะ” ผมซบหน้าลงบนแผ่นหลังกว้างๆของมันอย่างถือวิสาสะ

            ‘หลังของพี่ตุลกว้างมากเลยรู้ป่ะ’

            และอุ่นมาก

            ‘เวลาหนาวๆได้มันกอดนี่โคตรอุ่นเลย’

            มึงไม่เคยพูดผิดเลยเน … มึงไม่เคยพูดผิดเลยจริงๆ

            ภายในห้องมีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังหึ่งๆ ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากผมหรือไอ้ตุล เหมือนมันรู้ว่าผมแค่อยากได้ที่พักพิง และผมก็ต้องการที่จะอยู่เงียบๆไม่อยากจะพูดอะไร

            “นิ…” เสียงทุ้มๆของไอ้ตุลดังขัดความเงียบ ผมครางตอบในลำคอ

            “อือ”

            “ผมอยู่ตรงนี้นะ”

            พอไอ้ตุลพูดแบบนั้นออกมาเท่านั้นแหละ มันเหมือนกับว่าร่างกายของผมขยับไปเอง จากที่เพียงแค่ซบแผ่นหลัง ผมโถมกอดมันจากด้านหลัง จิกมือทั้งสองข้างลงไปบนเสื้อของไอ้ตุลด้วยความอึดอัดที่อยากจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ

            เมื่อก่อนผมเคยเป็นคนเข้มแข็งอย่างที่ไอ้เจลว่า

            แต่ตอนนี้ … ผมอยากทำตัวอ่อนแอเสียเหลือเกิน     
            TBC

ออฟไลน์ sincere13

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 12 Love is Weakness (25-09-59)
«ตอบ #48 เมื่อ26-09-2016 00:10:36 »

กรี้ดดดดดดดดดดเป็นเรื่องทีอ่านแล้วก็ค้ำคอร์มากกกหหทั้งค้ำคอร์ทั้งเขินทั้งโกรธ. หลายอารมที่สุดแต่คือเรื่องดีมาก ภาษาสุดยอด ไม่ไหวแล้วววจัลล้อง

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 13 Love is Stubborn (28-09-59)
«ตอบ #49 เมื่อ28-09-2016 21:18:41 »

Chapter
13

 

            (มึงควรโทรไปคุยกับไอ้เจลนะ มันงอแงใหญ่บอกว่ามึงไม่รับโทรศัพท์มัน เมื่อวานมันอยากขอโทษที่ตะคอกใส่มึง) ผมใช้มือถือไอ้ตุลโทรไปหาไอ้สิท เพราะอยากรู้ว่าไอ้เจลเป็นยังไงบ้าง ผลสรุปที่ได้คือแทนที่มันจะโกรธผม มันกลับกลัวว่าจะโดนผมโกรธแล้วก็โทษว่าตัวเองผิดที่ทำให้ผมกับมันทะเลาะกัน

            เหอะ ไอ้บ้าขี้แง ตัวโตเป็นควายร้องไห้งอแง

            “มันคงไม่อยากคุยกับกูตอนนี้หรอก แต่กูไม่อยากให้มันเป็นห่วง ฝากบอกมันด้วยว่าขอโทษ ไว้จะโทรไปขอโทษเองทีหลัง บอกเจลว่าอย่าขี้แย แล้วก็แผลที่หน้าอ่ะไปหาหมอซะเผื่อช้ำใน” ผมสั่งเสียไอ้สิท ไอ้สิทรีบท้วงตามประสาคนกวนประสาท

            (โอ้ยไปขอโทษมันทำไม ไอ้ห่าเจลอ่ะผิด นี่คนนะเว้ยไม่ใช่ควายถึกถึงจะได้ทนทุกสถานการณ์แบบมึงอ่ะไอ้ห่า นิมันก็อ่อนแอเป็นเว้ย สมองเท่าเมล็ดถั่วยังมีแต่ความชั่วอีก) ผมแอบยิ้มออกมานิดๆ ไอ้สิทจัดเต็มขนาดนี้แสดงว่าไอ้จรัส บราวน์นั่งอยู่ข้างๆมันนั่นแหละแต่ไม่กล้าคุยกับผม

            “เออแค่นี้ก่อนนะ หมามันนอนอยู่เดี๋ยวมันตื่น” ยังไม่ทันจะได้วางสาย ไอ้สิทก็รีบโวยวายกลับมา

            (เดี๋ยว มึงเลี้ยงหมาตั้งกะเมื่อไร… ปี๊ป)

            สายตาของผมละจากจอโทรศัพท์ของไอ้ตุลมองกลุ่มผมสีดำสนิทที่พิงไหล่ของผมอยู่ เมื่อคืนผมนั่งเงียบๆอยู่กับไอ้ตุลทั้งคืนโดยที่ไม่ได้คุยอะไรกัน จนกระทั่งหลับไปทั้งคู่ ตื่นเช้ามาเลยเจอคนที่ดูเหมือนจะอ่านหนังสือหนักเพราะเรียนใกล้จะจบนอนพิงไหล่อยู่เลยไม่อยากจะปลุก

            ตั้งแต่เมื่อไรกันที่ผมยอมให้มันเข้าใกล้ขนาดนี้

            แต่ก็ต้องขอบคุณที่มันยอมทนไม่ถามอะไร ผมเองก็ไม่อยากพูดอะไร เพราะแบบนี้ไงใครๆถึงทยอยโกรธผมที่ผมไม่ค่อยจะบอกในสิ่งที่ตัวเองเก็บเอาไว้ข้างใน

            ผมแค่ไม่ถนัดที่จะต้องพูดมันออกมา

            นั่งนานๆจนไหล่ผมเริ่มจะชาไอ้ตุลก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น เหน็บเริ่มจะกินไหล่ข้างซ้ายจนผมต้องขยับนิดๆ พอขยับปุ๊ปไอ้คนข้างๆก็งัวเงียสะลึมสะลือทันที

            “เน… ขอนอนต่อแปปนึงนะ”

            ริมฝีปากของผมเม้มเข้าหากันแบบอัตโนมัติ ผมเงยหน้ามองเพดานก่อนจะขมวดคิ้วให้กับเนติที่ผมมโนภาพเอาเองว่ามันกำลังมองมาจากบนฟ้าแล้วยกนิ้วกลางใส่มันไป

            ส่งแฟนมึงมาให้กูแล้วแฟนมึงเอาแต่พูดชื่อมึงเนี่ยนะ

            ขี้โกงนี่หว่า

            “อ้าว ผมหลับไปตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย” เหมือนคนโดนบ่นจะรู้ตัว ผมมองไอ้ตุลที่ลุกขึ้นนั่งตัวตรงด้วยหางตา มันขยี้ตาแล้วบิดไล่ความเมื่อยด้วยความงัวเงีย

            เจ้าของห้องอ้าปากหาวกว้างก่อนจะหันมามองหน้าผม

            “มีอะไรติดหน้าผมเหรอ” ไอ้ตุลถาม ผมกลอกตาด้วยความเซ็งขั้นสุด

            จงขอบคุณกูซะที่ให้มึงนั่งพิงจนปวดไหล่ขนาดนี้

            ผมทำท่าจะลุกขึ้นไปล้างหน้า แต่ไอ้ตุลคว้าแขนของผมไว้ก่อน

            “พร้อมจะบอกผมหรือยังว่าเมื่อวานเป็นอะไร” เจ้าตัวถาม ผมมองมันนิ่งๆ

            ไม่ใช่ไม่อยากบอก แต่ไม่รู้ว่าตัวเองจะทนมันได้แค่ไหน

            “ไว้ถ้าทนไม่ไหวจริงๆจะบอกแล้วกัน”

            “ทำไมถึงต้องทน”

            “มึงเลิกเซ้าซี้แล้วลุกไปแปรงฟันไป ปากเหม็น”

            สุดท้ายเราสองคนก็มายืนมองหน้ากันอยู่ในห้องน้ำผ่านกระจกบานใหญ่ ผมนั่งแปรงฟันอยู่บนชักโครกเหลือบตามองไอ้ตุลที่ขอบตาคล้ำเป็นหมีแพนด้าที่นั่งพิงอ้างล้างหน้าแปรงฟันอยู่

            “อึงอ่านอังอืออักอ่ออ้ะ” ผมพูดไปแปรงฟันไป ไอ้ตุลหันมามองหน้าแล้วเลิกคิ้วข้างเดียว

            “อ้ะ”

            “อูอามอ่าอึงอ่านอังอืออักอ่อ อาอำเอียว”

            “อ้ะ?!!” ไอ้ตุลยังคงไม่รู้ว่าผมพูดอะไร แต่การที่มันตอบอ้ะอ้ะกลับมาก็พอทำให้ผมรู้ว่าตัวผมเองก็พูดไม่รู้เรื่อง แค่นั้นก็ทำให้รู้สึกขำขึ้นมาซะเฉยๆ ผมดันหัวเราะทั้งๆที่ฟองยาสีฟันยังเต็มปากเลยทำให้สำลักเข้าคอไปเลยเต็มๆ

            “แค่กๆ”

            ไอ้ตุลรีบเปิดน้ำใส่แก้วแล้วล้างปากผม แต่เหมือนมันจะโง่เกินไปน้ำเลยหกเลอะกางเกงผมหมด

            “เฮ้ยนิ ผมขอโทษ” มันลุกลี้ลุกลนรีบบ้วนปากตัวเองก่อนจะเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้ผมที่ไอเหมือนคนกำลังจะตายอยู่รอมร่อ ยาสีฟันเห็นหวานๆงี้เข้าคอทีแสบไปถึงจมูกเลยเว้ย

             “แค่กๆ โอ้ย แค่ก ทำไมมึง โง่ ขนาดนี้” ผมด่าไอ้ตุลไปไอไปแล้วดึงผ้ามาเช็ดกางเกงยีนส์ที่เปียกน้ำเป็นวงกว้างเหมือนคนฉี่ราด ผมเลยรีบเดินออกไปจากห้องน้ำแล้วหากางเกงเปลี่ยนแต่ดันลืมไปว่าไม่มีชุดมาด้วยนี่ดิ ชุดอยู่บ้านไอ้เจลหมด วันนั้นที่ตัวเปียกเพราะตากฝนมาก็ได้เสื้อยืดกับกางเกงนอนของไอ้ตุลที่มักจะห้อยไว้อยู่ในห้องน้ำตามมุมนู้นมุมนี้ตามประสานิสัยคนชอบวางเผื่อ

            ผมเดินไปถือวิสาสะเปิดตู้เสื้อผ้าของเจ้าของห้องอย่างเอาแต่ใจก่อนจะชะงักไป

            “เฮ้ย ชุดมึงหายไปไหนหมดเนี่ย”

            “นิไม่ได้บอกว่าจะมานอนค้างนี่ครับ เลยเอาไปซักหมดแล้วเพราะอาทิตย์หน้าแม่จะมาเยี่ยมที่คอนโดเลยรีบทำความสะอาดไว้ก่อน”

            ไอ้ตุลพูดรัวๆเล่นเอาผมหันไปถลึงตาใส่

            “แล้วกางเกงเปียกนี่จะทำไงวะ!!!”

            “ถอดมาก็ได้เดี๋ยวผมไปซักให้”     

            “กูต้องออกไปข้างนอกวันนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วจะทำไงวะเนี่ยโอ้ย”

            “แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะออกหรือไม่ออกนี่ครับ เอากางเกงผมไปใส่ก่อนมั้ยล่ะ” ผมมองไอ้ตุลแล้วขมวดคิ้ว

            “ก็เมื่อกี้บอกว่าเอาไปซักแล้วจะให้ใส่กางเกงไหนวะ”

            เจ้าของห้องชี้ไปยังกางเกงยีนส์ที่ตัวเองสวมอยู่ ผมมองไอ้ตุลแล้วปาผ้าที่เช็ดปากอยู่เมื่อกี้ใส่หน้ามัน

            “ขามึงยาวยิ่งกว่าเสาไฟฟ้าหน้าบ้านกูยังจะมาหน้าด้านบอกว่าให้ใส่กางเกงมึงออกไปข้างนอกเนี่ยนะ มึงคิดว่ากูเป็นเด็กฮิพเหรอไอ้ห่าเดินออกไปสภาพนั้นกูต้องเดินไปดึงกางเกงไปมั้ย!!!”

            “เอาหนังยางรัดก็ได้นะครับ”

            “กวนประสาท!!!”

            ผมยกมือจะเฉาะหัวไอ้ตุลแต่กลับโดนคว้าเอาไว้ ไอ้คนที่เล่นบาสจนตัวสูงโย่งก้มลงมากดจมูกลงบนแก้มของผมรวดเดียวแล้วรีบหดคอหนีหมัดของผม

            “ไอ้ตุล!!!”

            “นินี่เวลาโมโหเหมือนกระรอกเลยนะครับ” เจ้าของห้องยิ้มตาหยีโชว์ลักยิ้ม ผมคว้าหมอนบนเตียงปาใส่หน้ามันอย่างแรง

            “โอ้ยๆ ยอมแล้วจ้า ยอมแล้วพ่อคนดุ”

            “ไปไกลตีนเลยไป๊!!!” ผมปาหมอนอีกใบใส่หน้าไอ้ตุลที่หัวเราะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนมันต้องวิ่งหนีออกจากห้องไป ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อน ผมเงยหน้ามองกระจกที่ติดอยู่ตรงข้ามพลางชะงักไปเมื่อเห็นรอยยิ้มที่อยู่บนหน้าของตัวเอง ริมฝีปากสองข้างที่ฉีกยิ้มราวกับไม่ใช่ผู้ชายที่ชื่อนิติ ผมค่อยๆหุบยิ้มลงพลางไปยืนหน้ากระจกก่อนจะแตะเงาของตัวเองเบาๆ

            เวลามึงยิ้ม มันเป็นแบบนี้เองเหรอเน

            ถึงว่าล่ะทำไมไอ้ตุลถึงรักมึงมากขนาดนี้

            มึงรู้มั้ยว่าเวลามึงยิ้ม มึงน่ารักมากเลยนะเนติ…

            “เฮ้ยตุล เสื้อบาสที่ฝากไว้ซักยัง…วะ…” ผมชะงักไปเมื่อเห็นผู้ชายคนหนึ่งมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องนอน ใบหน้าที่คุ้นๆเหมือนเคยเจอที่ไหนทำให้ผมร้องอ๋อขึ้นมาในใจ

            เพื่อนที่เคยมาหาไอ้ตุลที่ห้องเมื่อตอนที่ผมไปหามันแรกๆ

            ชื่ออะไรผมจำไม่ได้เพราะไม่ได้ใส่ใจ

            “อ้าวตาม มึงมาไงเนี่ย” ตุลาการโผล่มาจากไหนไม่รู้ทักทายเพื่อนที่ยืนอ้าปากค้างอยู่ เหมือนเจ้าตัวเพิ่งจะนึกออกว่าผมไม่ใช่ผีเนแต่เป็นพี่ชายฝาแฝดของเนที่ชื่อนิติ

            “เชี่ยตุลมานี่เลย” คนที่ชื่อตามลากไอ้ตุลไปที่ห้องครัว ผมยืนพิงประตูห้องนอนฟังบทสนทนาของสองคนที่กำลังจะเกิดขึ้น ครั้งที่แล้วผมแอบได้ยิน แต่ครั้งนี้ผมตั้งใจจะฟังว่าหมอนั่นจะพูดอะไร

             “ตกใจหมดห่านึกว่าเจอผี” เหอะ ผีหน้าสิหล่อขนาดนี้

            “นั่นพี่ชายเนไง จำไม่ได้เหรอวะ”

            “แล้วไหนมึงบอกว่าอยู่กับเขาแล้วอึดอัด”

            บทสนทนาเงียบไป เหมือนไอ้ตุลจะรู้ว่าผมฟังอยู่มันเลยเบาเสียงลง คราวนี้จากที่ยืนฟังธรรมดาผมถึงกับต้องเงี่ยหูฟังว่ามันจะพูดอะไร

            “ตอนแรกอ่ะใช่ … แต่จะพูดไงดีวะตาม”

            “อะไร… อะไรมึง อย่าบอกนะว่า…!”

            “เออดิ ตอนแรกกูคิดว่ากูชอบเขาเพราะว่าเขาหน้าเหมือนเน เพราะกูยังรักเน ยังลืมเนไม่ได้”

            “เฮ้ยมึง”

            “แต่ตอนนี้ มันไม่ใช่แบบตอนนั้นละว่ะ”

            “เพราะหน้าเหมือนเนเหรอวะ ไม่หลอนมั่งหรือไง”

            “ห่าตาม ก็กูกำลังจะบอกว่าเขาไม่เหมือนเน … นิก็คือนิ เนก็คือเน”

            “ตุล… กูเพื่อนมึงมาทั้งชีวิตนะ กูรู้ว่ามึงไม่มีทางลืมเนง่ายๆ”

            “กูไม่ได้ลืมเน แต่กับนิติ… กูก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ะว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา”

            “แล้วมึงรู้สึกยังไงตอนนี้ กับนิติของมึงอ่ะ”

            “… กูรักเขาเข้าเต็มๆเลยว่ะ”

            ผมเคลื่อนตัวกลับเข้าไปในห้องนอนพลางปิดประตูลงแล้วทรุดตัวลงบนเตียงก่อนจะคว้าหมอนเข้ามาปิดหน้า ใบหน้าที่ร้อนผ่าวเหมือนจะละลายโลกทั้งใบทำให้ผมรู้สึกแย่

            เป็นอะไรของมึงวะนิ ทำไมแค่คำพูดแค่นี้ถึงมีอิทธิพลกับผมขนาดนี้

            ไม่หรอก ผมไม่ได้ชอบไอ้ตุล แค่รู้สึกดีด้วย

            อย่างที่ไอ้เจลว่า คนอ่อนแอมักจะต้องการใครอีกคน ผมก็แค่เคลิ้มตามไป

            ไม่มีไรหรอกมั้ง ไม่หรอก…

            ‘แอ๊ด’

            ประตูถูกเปิดเข้ามาด้วยฝีมือใครสักคน ผมไม่ได้เงยหน้ามองว่าใครเดินเข้ามาแต่กลิ่นน้ำหอมจางๆที่ชินจมูกบ่งบอกว่าเป็นตุลาการไม่ใช่คนชื่อตามเพื่อนของมัน

            “นิหลับเหรอครับ”

            เปล่า

            ผมเกือบจะพูดออกไปถ้าไม่ติดที่ว่าเปลี่ยนใจนอนนิ่งๆอยู่กับที่แม้จะหายใจไม่ออกก็เถอะ

            เตียงที่ยวบลงด้านข้างบ่งบอกว่าเจ้าของห้องทิ้งตัวลงนั่ง ฝ่ามือของไอ้ตุลแตะลงบนกลุ่มผมของผม ความอุ่นของมือมันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ

            “ผมรู้ว่านิอาจจะไม่ชอบผม ผมรู้ว่านิไม่อยากทรยศเน”

            “…”

            “ผมเองก็ไม่อยากทรยศเน แต่บางทีผมก็สงสัยว่าทำไมเนถึงส่งนิมาดูแลผมทั้งๆที่ผมตัวคนเดียวก็ดูแลตัวเองได้ … บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเนไม่อยากให้เราสองคนอยู่ตามลำพัง”

            “อาจจะเป็นเพราะว่าเราต่างก็เป็นคนสำคัญของเน…”

            ผมนิ่งไปแล้วเหม่อมองไปที่หมอนสีขาวราวกับว่ามองทะลุผ่านมันไปได้ เพื่อนๆผมก็บอกแบบนั้นว่าจุดประสงค์ของเนที่ขอให้ผมมาดูแลไอ้ตุลก็เพราะว่าเนไม่อยากให้ผมอยู่คนเดียว

            เนรู้ว่าผมเข้ากับใครไม่ได้ ที่สำคัญผมเป็นคนหัวแข็งและนิสัยแย่

            “ผมสัญญากับตัวเองว่าเนจะเป็นคนสุดท้าย และผมจะไม่รักใครอีก”

            “…” ผมก็สัญญากับตัวเอง ว่าผมจะไม่มีวันรักใคร เพราะความรักมันงี่เง่าสิ้นดี

            “แต่ตอนนี้ผมผิดสัญญากับตัวเองที่ดันไปหลงรักคนๆหนึ่งเข้า”

            ก้อนบางอย่างจุกในลำคอของผมทำให้การกลืนน้ำลายเป็นไปอย่างยากลำบาก ผมอยากขยับตัวใจจะขาดแต่ก็อยากจะฟังว่าตุลาการจะพูดอะไรต่อ ทั้งๆที่ยิ่งฟังก็ยิ่งทำให้รู้สึกแย่

            แย่งั้นเหรอ ถ้ามันแย่คงเป็นสิ่งแย่ๆที่ดีทีสุดเท่าที่ผมเจอมาตั้งแต่น้องชายฝาแฝดและแม่เสียไป

            จมูกโด่งๆสัมผัสลงบนกลุ่มผมของผมอย่างถือวิสาสะ ร่างทั้งร่างของผมแข็งเป็นก้อนหินเมื่อไอ้ตุลจูบศีรษะของผมเบาๆแล้วถอนออก เหมือนไฟช็อตเข้าทั่วร่าง จากที่อยากขยับดันกลับขยับไม่ได้

            “พักผ่อนเยอะๆนะครับ ฝันดีนะ”

            เจ้าของห้องเดินออกไปโดยไม่ลืมที่จะปิดประตูลงเหมือนเดิม ผมถอนหมอนใบใหญ่ออกก่อนจะหายใจเข้าปอดให้ลึกที่สุด ทั้งๆที่เครื่องปรับอากาศมันเปิดเย็นจนหนาวแต่ใบหน้าของผมกลับร้อนผ่าวจนเหงื่อแตก

            ไอ้ตุลาการ

            มึงมันไอ้ฆาตกร

            ไอ้ปีศาจที่ชอบทำให้หัวใจคนอื่นเต้นอย่างกับจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ

            Shit … I hate him …

            TBC

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 13 Love is Stubborn (28-09-59)
« ตอบ #49 เมื่อ: 28-09-2016 21:18:41 »





ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 13 Love is Stubborn (28-09-59)
«ตอบ #50 เมื่อ28-09-2016 23:16:17 »

ค่อยๆรักกันเบาๆ  :hao6:
แล้วแฟนของเจลนี่ใครคะะะ สงสัยยย

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 13 Love is Stubborn (28-09-59)
«ตอบ #51 เมื่อ29-09-2016 00:55:47 »

 I hate him จริงเหรอค้าาาา นิติ

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 13 Love is Stubborn (28-09-59)
«ตอบ #52 เมื่อ01-10-2016 15:56:09 »

โรแมนติกแบบซึนเดเระของนิติ 555555

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 14 Love is Feeling (04-10-59)
«ตอบ #53 เมื่อ04-10-2016 22:49:27 »

Chapter
14
[/b]

 

            “น้าไม่รู้เหรอครับว่าที่นิได้แผลกลับมาทุกวันเพราะไปชกต่อยกับคนอื่นเขาไปทั่ว”

          “นิมันเล่นเทควันโดต่างหากล่ะ!!!”

          “เนอย่าเถียงพี่ พี่เห็นกับตาว่านิไปชกเขา”

            “แล้วพี่รู้อะไรมั้ย ว่านี่มันเรื่องของครอบครัว ไม่ใช่เรื่องของพี่!”

            “พี่อิงเขาก็พี่เนนะลูก แล้วเจ้านิอยู่ไหน โกหกน้าทุกวันว่าได้แผลจากการซ้อม”

          “น้าต้องจัดการเด็ดขาดแล้วนะครับ ผมเป็นห่วงไม่อยากให้น้องโดนลูกหลงเข้า”

          “อย่างนี้ต้องส่งไปดัดนิสัยให้ไกลๆพวกเพื่อนนิสัยแย่ของมันซะ…”

          “แม่จะส่งพี่นิไปไหน…”

          “ฝรั่งเศส!!!”

          “นิ … นิครับ” แรงเขย่าที่ไหล่ทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นจากความฝันที่ชัดซะเหมือนกับว่าย้อนเวลาไปยืนอยู่ตรงนั้นแล้วบังเอิญได้ยินบทสนทนาของคนสามคนเข้า

            แม่ เน และไอ้อิงญาติที่ผมโคตรจะเกลียดขี้หน้า

            “ซื้อของเสร็จแล้ว กลับกันเลยมั้ย” ผมออกมาซื้อของเป็นเพื่อนไอ้ตุล เห็นมันบอกว่าเย็นนี้มีติวกับเพื่อนอีกเพราะใกล้สอบ แต่เพราะเหนื่อยๆไม่อยากจะเดินไปไหนมาไหนผมเลยนั่งรอที่ร้านกาแฟจนเผลอหลับไป

            แล้วก็ฝันบ้าๆแบบนั้น

            หลังจากวันนั้น วันที่ไอ้อิงเอาเรื่องที่ผมชกต่อยไปฟ้องแม่ แม่ก็ไม่เหมือนเดิม แม่หาว่าผมเป็นลูกทรพี เป็นตัวถ่วงของครอบครัว และไม่เคยคิดจะคุยกับผมดีๆสักครั้ง ไม่ว่าจะเจอหน้ากันกี่รอบ แม่จะไม่มองหน้าผมและโทษว่าผมเป็นสาเหตุที่ทำให้เนต้องเจอเรื่องแย่ๆในชีวิต เพราะว่าผมกับเนหน้าตาเหมือนกัน เนบางครั้งก็โดนลูกหลงกลับบ้านแทนผม แม่รักเนมากขนาดไหนผมรู้อยู่แก่ใจ             

            สุดท้ายแล้ว แม้แต่ตอนที่เนตาย แม่ยังไม่รับรู้เลย ว่ายังมีผมอีกคนที่เป็นลูกของแม่

            ผมไม่โกรธแม่หรอก ไม่เคยโกรธเลย

            “ทำหน้าแบบนั้นอีกแล้ว” เสียงของไอ้ตุลปลุกผมออกจากห้วงความคิด ผมเลิกคิ้วสงสัย

            “แบบไหน”

            “ก็แบบที่ว่าเหมือนเก็บอะไรไว้ในใจคนเดียว”

            ผมเบือนหน้ามองออกไปนอกกระจก ผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ข้างนอกนั่นต่างก็ใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อให้อยู่รอดในแต่ละวัน ผิดกับผมที่ปากบอกเข้มแข็ง แต่ข้างในมันกลับร้องไห้ซะเสียงดัง

            “กลับกันมั้ย หรืออยากจะแวะที่ไหนอีก” ไอ้ตุลถาม ผมไม่ได้ให้คำตอบแต่กลับนั่งอยู่เงียบๆ พลันสายตาก็ไปสะดุดกับหน้าตากวนตีนๆของใครสักคนที่จำหน้าได้แม่น

            ไอ้ป้อง … กับผู้ชายตัวสูงๆอีกคนที่ผมเกือบจะจำไม่ได้ถ้าไม่ติดที่ว่าตาแหลมๆของมันกำลังมองมาที่ผมพอดิบพอดี พอเจ้าตัวมั่นใจว่าเป็นผมเท่านั้นแหละมันก็รีบลากไอ้ป้องเดินตรงมาทางนี้

            ผมลุกพรวดจากเก้าอี้เล่นเอาไอ้ตุลตกใจ ขายาวๆก้าวฉับๆโดยไม่สนใจว่าคนข้างหลังจะเดินตามมาทันมั้ย ผมหยุดยืนอยู่ที่ประตูมองคนที่กำลังผลักประตูเข้ามาก่อนจะกระโดดเกาะมันเป็นลิงด้วยความคิดถึงเพื่อนที่ไม่ได้ติดต่อกันเลยตลอดสองปี

            ไอ้ธาม 

            ตั้งแต่มันกลับจากออสฯผมก็ไม่ได้ติดต่อมันเลย

            ไอ้ธามกอดผมที่เกาะมันเป็นโคอาล่าจนคนในร้านกาแฟหันมามองหมด ผมเกาะมันไม่ปล่อยจนไอ้ป้องต้องลากไอ้ธามออกจากร้านกาแฟไปข้างนอกที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน

            “เป็นไรแห้ง คิดถึงกูมากอ่ะดิ” นอกจากไอ้เจลแล้วก็มีไอ้ธามเนี่ยแหละที่ไม่ว่าจะไปไหนมันจะคอยตามติดผมเหมือนเป็นเจ้าชีวิต แล้วเวลามีปัญหามันกับไอ้เจลก็จะเสนอหน้ามาก่อนคนอื่นตลอด

            “มึงสบายดีนะ” ผมถามเสียงอู้อี้ทั้งๆที่ยังกอดไอ้ธามอยู่ มันเอามือยีหัวผมเบาๆเหมือนเมื่อก่อน

            “เออดิ สบายมาก มึงเลิกกอดกูได้ยัง เพื่อนมึงมองเหมือนจะฆ่ากูแล้วเนี่ย” ไอ้ธามว่า ผมเลยเพิ่งนึกได้ว่าไม่ได้มาคนเดียว ผมถอนกอดออกก่อนจะถอยหลังไปนิดหน่อย เท่านั้นแหละมือของไอ้ตุลก็คว้าชายเสื้อผมกำแน่นไม่ปล่อย

            ผมหันไปขมวดคิ้วใส่ไอ้ตุล มันจ้องหน้าผมแล้วมองหน้าไอ้ธามเหมือนคนไม่พอใจ

            “นี่ใคร” ไอ้ตุลถาม ผมมองหน้ามันแล้วมองหน้าไอ้ธาม

            “ธาม … เพื่อนกู เพื่อนเจล กลุ่มเดียวกัน”

            “เดี๋ยวนะ อ่ะแหนะๆๆๆ อะไรออกมาเที่ยวด้วยกันเหรอออ” ไอ้ปกป้องเหมือนจะจำไอ้ตุลได้ มันรีบแซวตามประสาคนขี้สอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน

            “เรื่องของมึงเปล่า ก็ไม่” ผมแลบลิ้นใส่ไอ้ป้อง แต่อย่างไอ้ป้องน่ะเหรอจะสำนึก

            “คบกันยัง ป่านนี้เนแม่งนั่งยิ้มแฉ่งหน้าบานแล้วภารกิจทำให้พี่ชายกับแฟนรักกันสำเร็จ…” บรรยากาศรอบตัวผมมาคุขึ้นหลังจากที่ไอ้ป้องพูดออกมา ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากไอ้ธามที่จ้องหน้าไอ้ตุลเหมือนจะเขมือบหัว และไอ้ตุลที่จ้องหน้าไอ้ธามเหมือนพร้อมจะพุ่งเข้าใส่

            “วันนี้บรรยากาศอึมครึมเหมือนฝนจะตกพายุจะเข้าเนอะ … กูไปจองตั๋วหนังก่อนนะธาม” แล้วมันก็แผ่นแน่บไปทิ้งขี้เอาไว้ให้ผมกองเบ้อเริ่ม

            เพื่อนเวร

            “ไอ้นี่อ่ะเหรอที่ไอ้เจลเล่าให้ฟัง”

            ผมไม่รู้หรอกว่าไอ้เจลเล่าอะไรให้ธามฟัง แต่ก็ทำได้แค่พยักหน้าเออออไป

            “คบกันเหรอ” ไอ้ธามถาม ผมที่กำลังจะพูดว่าไม่โดนไอ้ตุลขัดขึ้นซะก่อน

            “อือ คบกัน”

            เดี๋ยวนะ! ผมหันไปถลึงตาใส่ไอ้ตุล มันยังคงจ้องหน้าไอ้ธามแล้วกำชายเสื้อผมไว้แน่นราวกับว่ากลัวผมจะหลุดหายไปไหน ผมดึงจมูกไอ้ตุลอย่างแรงจนมันร้องโอ้ยแล้วก้มหน้าลงมาจนกระทั่งสบตากับผม

            “นี่จะไม่ก่อเรื่องสักวันได้ป่ะวะ”

            “ก็มัน…”

            “นิ” เสียงของธามขัดขึ้น ผมหันไปมองเพื่อนตัวเองก่อนจะถอนหายใจ

            “ไม่ได้คบ”

            เท่านั้นแหละไอ้ตุลปล่อยมือจากชายเสื้อผมแล้วเดินหายไปเลย ทิ้งผมไว้กับไอ้ธามที่ทำหน้าเหมือนจะฆ่าคนได้

            “มึงชอบมันสินะ แล้วดูท่ามันจะชอบมึงมากด้วย” ไอ้ธามถาม ผมถอนหายใจอีกครั้ง

            “ไม่ต้องโกหกไม่ต้องปิดบัง กูไม่ได้โกรธอะไรถ้ามึงจะชอบใคร ถึงมันจะเป็นคนแรกที่มึงชอบก็เหอะ”

            “อือ ก็ชอบอยู่ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปได้ไกลขนาดไหน” ผมตอบอย่างตรงไปตรงมา ไอ้ธามขยี้หัวผมแล้วยิ้มให้เหมือนทุกครั้ง

            “กูดีใจนะที่มึงยอมเปิดใจให้ใครสักคน” ผมยิ้มให้กับสิ่งที่ธามพูด

            “มึงแน่ใจแล้วใช่มั้ย ว่าคนนี้”

            “กูไม่รู้อะไรเลยธาม แค่เนบอกว่าให้กูมาดูแลมัน แล้วอยู่ดีๆมันก็เหมือนกับว่ากูกลายเป็นเด็กขาดความอบอุ่นขึ้นมาเฉยๆ”

            “กูไม่ว่าหรอกถ้ามึงจะมีความรัก แต่ถ้าไอ้เวรนั่นทำมึงเสียใจเมื่อไร มึงรู้ใช่มั้ยว่ามันจะเจอกับอะไร”

            ผมพยักหน้าให้กับไอ้ธาม

            “มันไม่มีทางทำกูเสียใจหรอก มีแต่กูเนี่ยแหละที่จะทำมันเสียใจ”

 

            ผมแยกกับไอ้ธามหลังจากที่ขอเบอร์โทรศัพท์มาจากมัน เพราะโทรศัพท์พังไปวันนี้ผมเลยว่าจะมาหาซื้อเครื่องใหม่ แต่กลับกลายเป็นว่าต้องลงเอยที่การเล่นซ่อนหากับไอ้ตุล เดินหาอยู่นานสองนานผมถึงเจอตุลาการนั่งหน้าจ๋อยอยู่ที่บันไดด้านนอกห้าง

            ขาสองข้างของผมพาตัวเองไปนั่งลงข้างๆเจ้าของแผ่นหลังกว้างกับหัวทุยๆสีดำสนิทเหมือนลูกแมว ไอ้ตุลหันมามองผมนิดๆก่อนจะหันไปมองจ้องสิ่งของในมือ

            พวงกุญแจรูปจระเข้หน้าตาปัญญาอ่อนอยู่บนฝ่ามือของไอ้ตุล

            จริงๆปกติผมไม่ใช่คนที่จะต้องมาเดินตามหาใคร ถ้ามันจะหายไปผมก็แค่เดินกลับบ้านไปโดยไม่สนใจ กลับไปนอนกระดิกเท้าฟังเพลงเหมือนอย่างแต่ก่อน แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้เดินหาไอ้ตุลจนปวดขา

            บางทีแม้แต่ความคิดของตัวเราเองเรายังไม่เข้าใจเลย

            “ผมรู้ว่านิคงไม่ได้ชอบผมง่ายๆ และผมก็รู้ด้วยว่าที่เราทำอยู่มันผิด”

            “…”

            “ผมรู้ว่าผมอาจจะทำให้นิไม่สบายใจ ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรืออะไร”

            รู้แล้วล่ะว่าทำไมเนถึงบอกว่าให้ผมมาอยู่ข้างๆไอ้ตุล เพราะเนคิดว่าผมมันเป็นพวกไม่คิดอะไรปล่อยผ่านไป ส่วนไอ้ตุลเก็บเรื่องจุ๊กจิ๊กทุกเรื่องมากคิดไปซะหมดนี่ดิ

            “ผมขอโทษ…”

            “อันนี้ซื้อให้กูใช่ป่ะ” ผมคว้าพวงกุญแจในมือของไอ้ตุลมาถือเอาไว้ เจ้าตัวพยักหน้าหงึกหงัก แต่สีหน้าก็ยังจ๋อยเหมือนหมาหงอยเหมือนเดิม

            “ไม่เห็นจะน่ารัก” เท่านั้นแหละ ปากคว่ำหน้าบูดทันที

            “งั้นเดี๋ยวผมไปซื้อใหม่”

            ไอ้ตุลทำท่าจะคว้าพวงกุญแจกลับไปแต่ผมกลับขยับมือหนีแล้วยัดพวงกุญแจนั่นใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกงพลางลุกขึ้นยืน

            “ให้แล้วห้ามทวงคืนแล้วกัน”

            เจ้าตัวคลี่ยิ้มออกนิดๆเผยให้เห็นลักยิ้มบนแก้ม ผมแอบชะงักไปกับรอยยิ้มของไอ้ตุลพลางเดินหนี

            ทุกครั้งที่เวลามันยิ้ม มันเหมือนกับหัวใจผมเต้นรัว

            มันเหมือนเด็กๆที่เวลาอะไรไม่ได้ดั่งใจก็หน้าบึ้ง พอเวลามีความสุขก็ยิ้มหน้าแป้นแล้นเห็นแล้วน่าหมั่นไส้เป็นบ้า

            นี่ผมชอบมันจริงๆงั้นเหรอวะ… ตรงไหนของไอ้ตุลที่ผมดันเผลอไปชอบกัน

            “นิครับ” เสียงทุ้มๆดังขึ้น ผมเดินดุ่มๆไม่สนใจว่าไอ้ตุลจะเรียก

            “นิ…”   

            “อะไร” ผมพูดโดยไม่มองหน้าไอ้ตุล สายตาตรงไปยังทางเดินข้างหน้าเพื่อตรงไปขึ้นรถแท็กซี่

            “คือ…” คนที่เดินตามมาข้างหลังกระอึกกระอักเหมือนอยากพูดอะไร ผมเลยหันไปเผชิญหน้ามัน เจ้าของดวงตาเรียวๆกับใบหน้าคมๆยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ผมยืนกอดอกมองไอ้ตุลเงียบๆ

            “มีไรว่ามา”

            “นิชอบผมบ้างหรือยัง” คำถามตรงไปตรงมาเล่นเอาผมสะดุด คอเริ่มแห้งผากเหมือนอยู่กลางทะเลทราย ผมมองหน้าไอ้ตุลสักพักก่อนจะตอบออกไป

            “มั้ง”

            ไอ้ตุลทำตาเป็นประกายพร้อมกับใบหน้ามีความสุข

            “ดีใจขนาดนั้นเลย?”

            “อย่างน้อยก็รู้ว่าพอมีความหวังบ้างแหละครับ”

            “ชอบกูมากหรือไง”

            “ก็พอที่จะทำให้หึงเวลานิกอดกับคนอื่นได้อ่ะ”

            “…” เจ้าของคำพูดคำจาที่ตรงไปตรงมาเดินผ่านร่างผมไปทิ้งให้ผมยืนกินจุดเงียบๆอยู่ลำพัง มือของผมถูท้ายทอยเบาๆพลางถอนหายใจ

            ที่มันทำหน้าเหมือนมันจะไปฆ่าใครตอนที่ผมกอดไอ้ธามเพราะมันหึงผมกับไอ้ธามงั้นสินะ

            เหอะ ตลกสิ้นดี

มันเป็นครั้งแรกที่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับใคร มันน่ารำคาญก็จริงแต่พอไม่มีมันก็รู้สึกเหมือนกับขาดอะไรบางอย่างไป ไม่ได้ต้องการมัน แต่ก็ขาดมันไม่ได้

นี่น่ะเหรอที่เขาเรียกว่าความรัก

            รู้สึกโลกหมุนตลอดเวลา แถมยังหน่วงๆในอก

            นี่น่ะเหรอสิ่งที่เนเคยบอก

            ผมเคยคิดว่ามันจะแย่ซะอีก

            อันที่จริง … มันกลับรู้สึกดีด้วยซ้ำ

            TBC

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 14 Love is Feeling (04-10-59)
«ตอบ #54 เมื่อ05-10-2016 08:45:20 »

รอลุ้นนิให้เปิดใจกว้างๆ


ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 14 Love is Feeling (04-10-59)
«ตอบ #55 เมื่อ05-10-2016 19:11:48 »

อบอุ่น แบบกรุ่นๆ แต่ดี

ออฟไลน์ iamtsubame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 14 Love is Feeling (04-10-59)
«ตอบ #56 เมื่อ05-10-2016 23:34:28 »

ครบรสมากค่ะ  o13

ออฟไลน์ leenanhyun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-2
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 15 Love is Sadness (12-10-59)
«ตอบ #57 เมื่อ12-10-2016 20:39:02 »

Chapter
15

           

            ช่วงหลังๆผมกับไอ้ตุลเริ่มไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น ส่วนมากจะเป็นมันที่ขอตามผมไปทุกที่ แล้วก็แปลกที่ผมไม่ได้ปฏิเสธ ก็แค่บอกว่าอยู่ตรงไหนแค่นั้นมันไม่ใช่คนชอบเซ้าซี้ หรืออาจจะชอบเซ้าซี้แต่รู้ว่าผมรำคาญเลยไม่ทำ โชคดีที่ผมมักจะหมกตัวอยู่แต่ในมหา’ลัยเพื่ออ่านหนังสือเตรียมสอบ ไอ้ตุลเลยได้ทีมาขออ่านด้วยเลยที่ห้องสมุด

            แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันที่เจ้าของหัวทุยๆมานอนหลับคากองหนังสือตรงหน้าผม

            คงเหนื่อยมากสินะ ใกล้จะเรียนจบแล้วนี่

            เพราะโทรศัพท์เครื่องเก่าพังไป ข้อความที่คุยกับเนบางส่วนก็หายไปด้วย อันที่จริงข้อความของเนที่อยู่ในเครื่องเนผมเปิดอ่านแค่ของผมกับเน ผมไม่เคยคิดจะเปิดข้อความที่เนคุยกับเพื่อนๆหรือคนอื่นๆเพราะไม่มีความสนใจที่จะอ่านมัน แต่ตอนนี้ผมกลับมองชื่อของ ‘พ่อเป็ด’ ฉายาไอ้ตุลที่เนตั้งเอาไว้

            เหอะไอ้นิ … อย่าเพิ่งถลำลึกดิวะ

            มึงยังไม่รู้ใจตัวเองเลยว่าควรรู้สึกยังไงกันแน่

            ผมตัดสินใจปิดโทรศัพท์ของเนแล้วหย่อนลงกระเป๋าพลางก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อ จู่ๆก็มีนิ้วของใครสักคนจิ้มลงบนแผ่นหลัง พอหันไปมองก็เจอกับผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่รู้จัก

            “มีคนฝากมาให้นายอ่ะ” คนที่นั่งข้างหลังผมยื่นอมยิ้มมาให้ ผมรับมาไว้อย่างงงๆพลางพลิกดูโพสอิทที่ติดมากับอมยิ้ม

            ‘ขอโทษ ดีกันนะ – ไนเจล’

            ผมแทบจะหลุดยิ้มออกมาถ้าไม่ติดว่านั่งอยู่ท่ามกลางผู้คนเยอะแยะ ไม่ได้หันหลังไปเพื่อมองหาว่าไอ้เจลอยู่ตรงไหน แต่มันคงกำลังมองอยู่สักที่นั่นแหละ

            เพราะเป็นไอ้เจล ไอ้สิท ไอ้ป้อง กับไอ้ธาม ผมถึงรักเพื่อนมากๆ แม้บางครั้งจะกัดกันเป็นหมาก็เถอะ

            “ปวดคอ” คนตรงหน้าค่อยๆสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา เท่านั้นแหละคนที่กำลังเล่นซ่อนแอบอยู่ก็โผล่พรวดออกมา ไอ้เจลที่โผล่มาจากซอกหลืบชั้นหนังสือนั่งลงข้างๆผมแล้วมองผมสลับกับไอ้ตุล

            “ทำไมมานั่งด้วยกัน มันเรียนอีกม.นี่” ไอ้เจลกระซิบถามเพราะในห้องสมุดห้ามใช้เสียงดัง

            “มาอ่านหนังสือ” ผมพูด ไอ้เจลหันมาทำตาขวางใส่

            “นิ … อย่าบอกนะว่าที่ไอ้ธามบอกเรื่องจริง”

            ผมไม่ได้ตอบ แค่พยักหน้าหงึกหงัก รู้อยู่แล้วว่าพวกมันต้องคุยกัน ไอ้คนขี้โวยวายถึงกับหน้าเบ้

            “ยังหรอก ยังไม่ได้ถึงขั้นคบกัน” แต่เป็นไอ้ตุลที่แก้ต่างแทน ผมเลิกคิ้วมองคนตรงหน้า เมื่อวานมันเป็นคนบอกไอ้ธามว่าผมกับมันคบกัน แล้วจู่ๆวันนี้มันกลับบอกไอ้เจลว่ายังไม่คบ

            ผมไม่ได้น้อยใจ แค่รู้สึกสงสัย

            “ไม่อยากให้เข้าใจผิด”

            “แต่มึงจีบเพื่อนกูอยู่ใช่ป่ะ” ไอ้เจลซัก

            “กูจีบนิก็จริง แต่กูไม่อยากให้นิอึดอัด” ผมขมวดคิ้วมองไอ้ตุล เพราะเมื่อวานผมบอกมันว่าอย่าก่อเรื่อง วันนี้ไอ้ตุลก็ไม่ก่อเรื่อง

            แม่งจะเชื่องไปไหนวะเนี่ย

            “กูหวงเพื่อนมากมึงรู้เปล่า” ไอ้เจลวางแขนลงบนพนักเก้าอี้ที่ผมนั่ง มองจากด้านหลังก็เหมือนว่ามันกำลังโอบผมอยู่ ผมไม่ได้สนใจอะไรกับสงครามประสาทที่มันกำลังจะสร้างขึ้นเพื่อเล่นกับไอ้ตุล แต่กลับสนใจหนังสือที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า

            “กูก็หวงคนที่กูชอบ มึงรู้ป่ะ”

            “แต่กูมาก่อนนะ”

            “แล้วไง ไม่เคยได้ยินเหรอรักแท้แพ้ใกล้ชิด”

            “หึ”

            ผมเผลอหลุดหัวเราะออกมา ถึงมุขมันอาจจะไม่ตลก แต่ผมก็รู้สึกถึงความจริงจังของผู้ชายที่ชื่อตุลาการ ริมฝีปากผมที่คลี่ยิ้มออกเล็กน้อยเล่นเอาคนสองคนที่นั่งร่วมโต๊ะถึงกับหยุดเถียงกันจนผมต้องเงยหน้ามองบทสนทนาที่จู่ๆก็เงียบไป

            ไอ้เจลมองหน้าผมอึ้งๆพอๆกับไอ้ตุลที่กระพริบตามองผมปริบๆ

            “อะไร… มองอะไร”

            “มึงยิ้ม” จรัส บราวน์ตอบ ผมแอบตกใจนิดหน่อย ก็จริงอยู่ที่ผมไม่ค่อยยิ้ม ข้อหนึ่งคือเพราะโดนแรงกดดันจากหลายๆทาง ข้อสองคือเพราะสูญเสียทั้งแม่ทั้งน้องชาย

            มันทำให้จิตใจผมแย่ยิ่งกว่าอะไร

            “ตั้งแต่เนตาย กูก็ไม่เคยเห็นมึงยิ้มเลยรู้มั้ยนิ” ไอ้เจลว่า ผมมองหน้าไอ้ตุลที่ยิ้มตอบผม คนตรงหน้ายิ้มโชว์ลักยิ้มราวกับว่ามันมีความสุขมากที่เห็นผมยิ้มเพราะมุขเห่ยๆของมัน

            ยอมรับเลย ว่าผมโคตรแพ้รอยยิ้มของไอ้ตุล

            ไม่รู้ว่าเป็นตอนไหน แต่พอเห็นลักยิ้มข้างแก้มมันบุ๋มลงไปเมื่อไร ผมต้องหลบตามันทุกครั้ง

            “แต่อย่าคิดว่ามึงทำให้นิยิ้มได้แล้วกูจะยอมให้มึงทำอะไรกับเพื่อนกูก็ได้นะ” ไอ้เจลกอดแขนผมแล้วขู่ไอ้ตุลฟ่อๆ ท่าทางโคตรจะขัดกับหน้าตาหล่อๆของมันเหลือเกิน

            “กูจะทำไรได้ ถ้านิไม่อนุญาต”

            “จ้าพ่อสุภาพบุรุษ ถ้ามึงทำเพื่อนกูเสียใจนะ เตรียมป่นปี้เป็นผงได้เลย”

            ผมเอามือปิดหน้าตัวเองพลางฝืนยิ้มเอาไว้ บทสนทนาของไอ้เจลกับไอ้ตุลยังคงดำเนินไปเรื่อยๆท่ามกลางชีวิตของผมที่เริ่มจะมีจุดที่เรียกว่าสีสันแทรกเข้ามา

           

            ตกเย็นไอ้ตุลมีติวต่อกับเพื่อน ผมเลยว่าจะไปนอนบ้านไอ้เจล แต่ไอ้เจลติดซ้อมบาสดึก มันเลยให้ผมกลับไปก่อน ผมที่เหนื่อยอยากจะนอนใจจะขาดรีบตรงกลับไปบ้านเจล เมื่อรถแท็กซี่จอดหน้าบ้าน ผมกลับชะงักไปเมื่อเห็นรถเก๋งคันที่ดูคุ้นตาจอดอยู่

            เพราะไม่ได้เอะใจ ผมเลยละความสนใจออกจากรถคันนั้น แต่ยังไม่ทันจะไขกุญแจเข้าบ้าน ฝ่ามือของใครสักคนก็พุ่งตรงเข้ามากระชากแขนผมอย่างแรง

            “จับตัวได้แล้ว”

            เจ้าของใบหน้าที่ผมเกลียดและไม่อยากแม้จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมโลกกับมันปรากฏอยู่ตรงหน้า

            ไอ้อิง

            “ปล่อย”

            “นิไปนอนที่ไหน ทำไมไม่บอกพี่” คนตรงหน้าถามเหมือนแคร์มาก ทั้งๆที่ดูก็รู้ว่ามันเสแสร้งแกล้งทำเป็นคนดี ผมล่ะเกลียดนักไอ้พวกชอบสอดรู้เรื่องชาวบ้าน

            “ไม่ใช่เรื่องของมึง”

            “ใช่สิ พี่เป็นพี่ชายนินะ”

            ผมไม่ได้ตอบอะไรแต่สะบัดแขนออกจากไอ้อิง ไม่อยากญาติดีด้วย มันทำให้ผมต้องทะเลาะกับแม่ มันทำให้แม่ไม่เคยคิดจะเห็นผมอยู่ในสายตา มันเป็นไอ้คนที่ยุแยงตะแคงรั่วให้ผมกับแม่มองหน้ากันไม่ติด

            ทั้งๆที่เรื่องจริง ไม่ใช่ว่าผมไปหาเรื่องคนอื่น แต่ผมเป็นคนที่โดนหาเรื่อง

            ผมเป็นนักกีฬาเทควันโด และต้องเจอกับคู่แข่งมากมาย พอพวกมันแพ้ มันก็ยกพวกมารุม  พวกไอ้เจลคอยช่วยผมอยู่เสมอ แต่ไอ้อิง พอเห็นผมไปชกต่อยครั้งเดียว มันก็หาว่าผมยกพวกไปรุมพวกมัน

            ไอ้พวกฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียดอย่างมัน ผมไม่นับญาติหรอก

            “นิติ กลับบ้านกับพี่เถอะ ไปอยู่กับพี่” มือของไอ้อิงคว้าแขนผมไม่ยอมปล่อย ผมผลักมันออกแล้วมองมันด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

            “อย่ายุ่งกับชีวิตกู ไม่ต้องมารับผิดชอบ ไม่ต้องมาสำนึกว่าตัวเองเป็นพี่ ถ้าสิ่งที่มึงทำเพียงแค่ต้องการให้พ่อกูเห็นใจ” ผมพูดเสียงนิ่ง แต่เหมือนไปสะกิดจุดอ่อนของไอ้อิง มันฟาดหมัดลงบนหน้าผมเล่นเอาใบหน้าข้างซ้ายชาจนผมร่วงไปกองที่พื้น

            “เพราะปากมึงเป็นอย่างงี้ไงไอ้นิ อันที่จริงกูก็ห่วงมึงนะ กูรักมึงเหมือนน้องแท้ๆ แต่ทั้งๆที่กูพยายามจะรักมึง โอ๋มึง มึงก็ผลักไสกู พ่อมึงก็ไม่เคยจะแยแสกู”

            “ก็รู้ตัวเองดีนี่”

            เบื้องหลังความเป็นห่วงของไอ้อิง ไอ้ญาติสารเลวก็เป็นเพราะว่ามันอยากเป็นหลานรักของพ่อ มันอยากให้พ่อผมเลี้ยงดูมัน ซื้อของแพงๆให้มัน ที่มันมีรถดีๆใช้ทุกวันนี้ก็เพราะว่าเงินของพ่อผม ไม่ต้องบอกว่าใครยุยงให้มันทำแบบนี้ ก็ป้าผมนั่นแหละ พ่อผมมีสมบัติเยอะ ผิดกับป้าอรที่สามีทิ้งไปและไม่มีทรัพย์สมบัติติดตัว เธอมักจะชอบมาขอแม่ผมเป็นประจำ และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อกับแม่ของผมทะเลาะกันบ่อยๆ พ่อไม่ชอบป้าอร แต่ปฏิเสธไม่ได้เพราะเป็นพี่สาวแม่

            จนกระทั่งแม่ตาย ป้าอรก็ถือสิทธิ์ว่าสินสอดของทางฝ่ายแม่จะต้องได้คืน พ่อถึงได้อนุญาตให้ป้าอรเข้าๆออกๆบ้านได้ 

            ส่วนไอ้อิง มันอยากทำตัวเป็นหลานรักโดยเข้าทางผม ดูแลผม ทำตัวว่าเป็นพี่ชายที่รักน้องชายปานจะกอดกันกลม เพราะเนปฏิเสธมันอย่างเห็นได้ชัด มันเลยอาศัยเข้าหาผมที่ไม่ชอบมีปากเสียงกับใครแทน

            แต่มันคิดผิด เพราะผมร้ายกว่าเนเยอะ

            ผลที่ออกมาคือ ต่อหน้าพ่อ หรือในบ้าน มันจะทำเหมือนรักผมมาก

            แต่พออยู่กันตามลำพัง มันจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า

            “กูเคยคิดนะ ว่ามึงจะน่ารักกว่าน้องชายฝาแฝดมึง แต่ที่ไหนได้ มึงนี่หัวแข็งกว่าเนร้อยเท่า” ไอ้อิงเริ่มลามปามไปถึงคนที่ตายไปแล้ว ผมค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นยืน

            “ก็ดีเหมือนกันที่เนมันตาย ไอ้เด็กปากดีแบบนั้นตายๆไปได้ก็ดี”

            ‘ผลั่วะ’

            ผมเสยหมัดเข้าที่คางของไอ้อิงจนมันหน้าหงาย ต่อให้มันด่าผมร้อยเท่าพันทวี ก็ไม่เท่ามันด่าเนคำเดียว

            “อย่าคิดจะพูดถึงน้องชายกูแบบนั้น”

            “ทำไมจะพูดไม่ได้ มึงมันลูกทรพี มึงทำให้น้องชายมึงต้องโดนซ้อมกลับบ้านเพราะความที่ว่าหน้ามึงเหมือนกัน เพราะน้องมึงรักมึงมากไง ถึงได้รีบบึ่งรถกลับบ้านในวันเกิดเพื่อขอให้แม่ให้อภัยพี่ชายเลวๆจนกระทั่งตัวเองตาย! มึงไม่รู้หรือไงว่ามึงนั่นแหละนิที่เป็นคนทำให้เนตาย!!!” เหมือนมีหนามพันอยู่รอบร่างกายของผม และมันกำลังค่อยๆทิ่มแทงจากข้างใน ผมจ้องไอ้อิงเขม็ง

            หยุดพูดสักที… หยุดพูดสักทีไอ้สารเลว

            “แล้วจำไว้ด้วยนะ ว่าแม่มึงก็ตายเพราะมึง เด็กนรกอย่างมึงไม่น่าเกิดมาหรอก!!!”

            หยุดได้แล้ว บอกให้หยุด

            “มึงนั่นแหละที่เป็นคนฆ่าน้องชายกับแม่ของตัวเอง!!!”

            ผมปิดหูสองข้างของตัวเองแล้วถอยหลังชนกับรั้วบ้านของไอ้เจลพลางทรุดตัวลงนั่งที่พื้นด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนที่ประเดประดังเข้ามาจนแทบจะอยากหายไปจากตรงนี้ หยุดพูดสักที!!!

            “ไอ้เด็กเวร ... มึงน่าจะตายๆไปซะ พร้อมกับน้องมึงนั่นแหละ!!!”

            “ไม่มีใครบอกเหรอ ว่าหมาขี้เรื้อนอย่างมึงนั่นแหละที่ควรตาย” เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับร่างของใครคนหนึ่งที่เดินมายืนข้างหน้าผม ผมไม่ได้เงยหน้ามองแต่ก็รู้ได้ว่าเป็นใคร

            ไอ้เจล

            “อยากตายแบบศพสวยๆ หรืออยากตายแบบหัวไปทางตัวไปทางดีล่ะ” ในมือของไอ้เจลมีไม้เบสบอลอยู่ ไอ้อิงถึงกับเงียบไปที่อยู่ๆเจลก็โผล่มา

            มันไม่กล้ากับเจลหรอก ไอ้เจลตัวใหญ่กว่ามันอีก

            “เลิกยุ่งกับเพื่อนกูแล้วไสหัวไปซะ ถ้าไม่อยากให้กูเอาเรื่องทั้งหมดนี่ไปฟ้องลุงนิรัต ว่ามึงพยายามจะสั่งให้ลูกชายสุดที่รักที่เขาเหลือเพียงคนเดียวไปตาย”

            เท่านั้นแหละไอ้อิงรีบเดินกลับไปขึ้นรถด้วยท่าทีไม่พอใจแล้วขับออกไปทันที ไอ้เจลรีบวิ่งเข้ามาหาผมพลางดูว่าผมมีแผลตรงไหนมั้ย มันค่อยๆพยุงให้ผมยืนขึ้นแล้วพาเข้าไปในบ้าน

            “โคตรเลวเลยจริงๆ สันดารแม่งเหมือนแม่มัน หมาลอบกัดฉิบ ดีนะที่กูเอะใจขอกลับก่อน” ผมนั่งเงียบอยู่บนเตียงภายในห้องนอน ไอ้เจลบ่นพลางหายออกไปข้างนอกเหมือนว่าจะไปเอากล่องยามาทำแผลที่ผมโดนต่อย แต่ตอนนี้สิ่งที่ผมอยากทำ คือเหมือนทุกๆครั้งเวลามีอะไรหนักอยู่ในหัว

            ผมพาร่างของตัวเองเดินเข้าไปในห้องน้ำพลางกดล็อคประตูแล้วทรุดตัวลงนั่งภายใต้ฝักบัว เปิดน้ำให้ล้างสิ่งที่อยู่ในหัวแล้วปล่อยตัวเองให้ลอยไป

            ผมน่ะเหรอที่ทำให้แม่กับเนตาย นั่นสินะ เป็นเพราะผมเองที่ไม่เคยแม้แต่จะคุยกับแม่หรือเนดีๆ เป็นเพราะผมเองที่ปลีกตัวออกจากครอบครัวที่ไม่มีใครต้องการ

            เป็นเพราะผมเองที่ไม่กลับมาอยู่กับแม่ตอนที่เนตาย เป็นเพราะผมเองที่ไม่เคยพูดดีๆกับเนสักครั้ง เป็นเพราะตัวผมเองทั้งหมดที่ทำให้ทุกอย่างมันแย่ลง

            ก็จริงอย่างที่ไอ้อิงว่า บางทีคนที่ควรตาย น่าจะเป็นผม

            ไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น รู้ว่ามีเสียงโวยวาย ไม่รู้ว่าผมนั่งนานขนาดไหน รู้เพียงแค่ว่าไม่รู้สึกถึงความหนาว มือก็ชาไปหมด จนกระทั่งประตูถูกพังเข้ามา คนแรกเลยที่วิ่งเข้ามาหาผมคือคนที่ไม่เคยปฏิเสธผมไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม

            มืออุ่นๆของตุลาการสัมผัสลงบนใบหน้าของผมที่เย็นเฉียบ ไอ้เจลวิ่งเข้ามาปิดน้ำให้พร้อมกับมองผมด้วยสีหน้าที่มีแต่ความกังวล

            “นิ…”

             ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอได้ยินไอ้ตุลเรียกชื่อผมเท่านั้นแหละ ผมก็คว้าคอมันด้วยแขนสองข้างแล้วกอดไอ้ตุลเอาไว้ กำแพงที่ผมสร้างขึ้นจนสูงลิ่วพังทลายลงเพียงแค่พริบตา น้ำตาที่ผมกลั้นเอาไว้ทะลักออกมาเหมือนกับว่ามันถึงจุดสิ้นสุดแล้ว

            ผมร้องไห้จนตัวโยน ร้องไห้งอแงเหมือนเด็ก ร้องเสียงดังเหมือนคนบ้าแถมยังตัวสั่นไปหมด

            มันทรมานมาก

            ทรมานจนอยากจะหายไปจากตรงนี้
           
            TBC

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 15 Love is Sadness (12-10-59)
«ตอบ #58 เมื่อ12-10-2016 22:28:14 »

สงสารนิติ. การอยู่ด้วยความรู้สึกผิดนี่มันทรมานมากนะ พี่ตุลย์ช่วยน้องด้วย

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
Re: (___Last love__) by Jiwinil ตอนที่ 15 Love is Sadness (12-10-59)
«ตอบ #59 เมื่อ12-10-2016 23:01:35 »

ความเสือกของอิง...ขอให้โดนสนองกลับเท่าเทียม

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด