[ต่อค่ะ]
ผมไม่รอให้คนงานพูดอะไรต่อ รีบวิ่งออกจากแผนกตรงไปยังดาดฟ้า พอขึ้นไปถึง เห็นนาคินทร์นั่งอยู่ในร่มพร้อมคนงาน ใช้ผ้ากดตรงแถว ๆ เหนือหน้าผากด้านหน้าไว้ ผมรีบตรงดิ่งเข้าไปหาทันที คนที่แผนกผมวิ่งตามมาด้วย ตอนนี้ผมไม่สนใจเรื่องความจริงจะถูกเปิดเผยหรือไม่อะไรแล้ว นาคินทร์เงยหน้ามอง หน้าหงิกใส่คนงานนิดหนึ่ง
“ไปบอกคุณหนูทำไม”
“ก็พวกเราเป็นห่วง เลือดออกเยอะ น่าจะต้องเย็บ”
ผมรีบดึงมือคนตัวสูงออก เลือดไหลพลั่ก ๆ เลย ผมเอามือที่มีผ้าผืนเดิมกดไว้
“ไปหาหมอ เดี๋ยวนี้”
“เดี๋ยวเลือดก็หยุด นิดเดียวเอง”
“นิดเดียวก็ต้องไป”
“แต่…”
“ไม่ต้องมีแต่”
ผมสั่ง จับมือคนตัวสูง หันไปขอตัวคนในแผนกที่ตามมาด้วยความเป็นห่วง พาลงลิฟท์ไปที่รถ
นาคินทร์ล้วงหยิบกุญแจรถมากดอันล็อก เปิดประตูออกกว้างให้อย่างที่เคยทำ ทั้งที่มือหนึ่งยังกดปากแผลอยู่ ผมแย่งกุญแจรถมาถือไว้
“นาคินทร์นั่นแหละเข้าไปนั่ง ฉันจะขับเอง”
“แต่คุณหนูครับ”
“อย่าให้ต้องพูดหลายคำนาคินทร์”
ผมบอกด้วยน้ำเสียงโมโหนิด ๆ
“ครับ”
นาคินทร์พยักหน้ารับคำ ขยับเข้าไปนั่งแทนที่ ผมเดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งคนขับ เสียบกุญแจ สตาร์ทเครื่อง หมุนเปิดแอร์เพื่อให้ภายในรถเย็น หยิบมือถือมากดโทรออก
“อาหมอ ว่างไหม นาคินทร์หัวแตก จะพาไปให้ช่วยดูอาการหน่อย”
“อ้าวเหรอ ได้สิพามาได้เลย”
“ไม่ต้องรบกวนคุณหมอก็ได้ครับคุณหนู”
เสียงนาคินทร์แทรกมา อาหมอหัวเราะ
“พามาเลยอนุชา คนในบ้านอารักษามาครบทุกคนแล้ว เหลือนาคินทร์นี่แหละ ยังไม่ผ่านมืออาเลย ขอละเลงสักหน่อย”
“ให้ไปรักษานะครับ ไม่ใช่ให้ไปทำร้าย”
“นั่นแหละน่า พามา ๆ”
ผมกดวางสาย
“ขอโทษที่ทำให้เดือดร้อนครับ”
“ไม่หรอกน่า นาคินทร์นี่นะ”
ผมต่อว่าด้วยความเป็นห่วง ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ขับมาถึง อาหมอมารับหลังจากผมโทรหาอีกรอบ ใช้เวลาตรวจรักษาไม่นาน เย็บไปตั้งสามเข็มแน่ะ
“ไปทำอีท่าไหนให้ตกลงมาได้ล่ะ”
ผมถาม หลังจากอาหมอจากไปเพื่อตรวจคนไข้คนอื่นต่อ
“ผมคิดเรื่องอื่นเพลิน ๆ น่ะครับ”
“เรื่องอะไร คิดถึงสาวที่ไหนเวลางาน”
ผมถามไปงั้น เพราะรู้อยู่แล้วว่านาคินทร์ไม่มีทางคิดเรื่องสาว ๆ ได้หรอก นาคินทร์ไม่ตอบ แต่มองหน้าผม
อ้าว หรือว่าคิดถึงสาวจริง ๆ ผมแอบเจ็บจี๊ดในหัวใจเบา ๆ
“นี่นายคิดเรื่องสาวจริง ๆ เหรอ นายเจอคนที่จะมาเป็นแม่หนูแดงแล้วเหรอ”
ผมถามต่อเสียงเบา อดรู้สึกเสียใจไม่ได้ อยากกลายร่างเป็นผู้หญิงซะเอง จะได้เป็นแม่เลี้ยงของหนูแดงได้
นาคินทร์ส่ายหัว
“ไม่ใช่หรอกครับ คิดเรื่อยเปื่อยไปเรื่อย”
“จริงนะ” ผมถามย้ำ
“ครับ นอกจากหนูแดง คนในครอบครัวคุณหนูกับคุณหนูแล้ว ผมไม่มีทางคิดถึงใครมากไปกว่านั้นหรอก”
ผมยิ้มออกมาได้
“อย่าให้รู้ว่าคิดถึงใครมากกว่าฉันนะ จะงอนเข้าให้”
เอ่อ…พูดไปแล้วก็ตะขิดตะขวงใจ
ผมเป็นอะไรกับนาคินทร์ ถึงมีสิทธิ์ไปห้ามไม่ให้คิดถึงใครได้
“ครับไม่มีหรอก”
ผมรู้สึกร้อนวูบวาบซาบซ่านไปทั่วทั้งหัวใจ ถึงจะรู้ว่าความหมายที่นาคินทร์พูดคือในฐานะนายจ้าง แต่แค่นั้นก็เพียงพอสำหรับผมแล้ว
“นี่ ฉันว่านาคินทร์กลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่า อย่าทำงานเลย”
นาคินทร์ส่ายหัว
“นาคินทร์ทำไหว อย่าให้นาคินทร์รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนอ่อนแอเลยครับ อีกอย่าง นาคินทร์อยากกลับบ้านพร้อมคุณหนูด้วย”
ผมรู้ว่าเขาพูดในฐานะลูกจ้าง แต่คำนั้นทำให้ผมรู้สึกปลาบปลื้มในใจยังไงพิกล ผมพยักหน้า อาหมอให้ยามากิน แล้วจะแวะไปดูแผลให้เมื่อครบกำหนด ขากลับนาคินทร์ยืนยันจะขอขับรถเองเพราะไม่ได้เจ็บอะไรมากมายแล้ว ผมก็ไม่คัดค้าน ตอนนี้ใบหน้าหล่อ ๆ นั้นมีผ้าก็อชปิดไว้จนเห็นได้เด่นชัด พอลงจากรถได้ผมก็เรียกให้นาคินทร์หยุด ขยับเข้าไปชิด
“เจ็บไหม”
ผมใช้มือแตะเบา ๆ บนผิวเนื้อใกล้ผ้าก็อช นาคินทร์จับมือผมไว้ ลดมันลงมากุมไว้เบา ๆ หัวใจผมเต้นแรง นี่นาคินทร์รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังจับมือผมอยู่ แต่ผมก็ไม่คิดจะชักกลับ
“แค่คุณหนูเป็นห่วงนาคินทร์ก็หายเจ็บแล้วละครับ เป็นบุญของนาคินทร์จริง ๆ”
หัวใจผมเต้นแรงยิ่งกว่าเดิม
อยากจูบ...
ผมอยากจูบนาคินทร์จริง ๆ...
อยากจูบมาก ๆ...
ผมจ้องตาคนตัวสูง และนาคินทร์ก็ไม่ได้ละสายตาไปไหน บางสิ่งในนั้นดึงดูดให้เราสบกันนิ่งค้าง ผมคิดไปเองไหม ที่ใบหน้าของเราสองคนกำลังเคลื่อนเข้าหากัน
เราสองคนสะดุ้งเมื่อมีเสียงเครื่องยนต์สตาร์ทดังกระหึ่ม นาคินทร์รีบปล่อยมือผมออก
“เจอกันตอนเย็นนะครับ”
“ห้ามทำงานหนักล่ะ”
ผมกำชับ นาคินทร์แยกตัวขึ้นลิฟท์อีกตัวที่จะตรงไปยังดาดฟ้า ส่วนผมเดินไปยังลิฟท์ที่จะขึ้นแผนก
เมื่อกี้ ถ้าไม่มีรถคันนั้น ผมเดาไม่ถูกเหมือนกันว่าเมื่อกี้จะเป็นการจูบหรือเปล่า
ผมใจเต้นแรง
ใจเย็นอนุชา ใจเย็น
“ทำไมคนงานทำสวนเรียกอนุชาว่าคุณหนูเหรอ”
ผมอ้ำอึ้งเมื่อเข้าไปถึงแผนกแล้วเจอคำถามนี้เข้า
“คือ.. มันเป็นชื่อเล่นผมน่ะครับ ชื่อหนู แต่เรียกอนุชาดีกว่า เฉพาะคนที่บ้านจะเรียกหนู เวลาเติมคุณเข้าไปเลยกลายเป็นคุณหนูน่ะ”
“อ๋อ น่ารักดีนะ คุณหนู”
ผมหัวเราะไม่เต็มเสียงนัก
“คุณหนู”
ผมสะดุ้งเฮือก หันขวับไปมองคนพูด คุณเอกสิทธิ์หัวเราะ
“ฟังดูดีแฮะ”
“อย่าเลยครับ ชื่อมันฟังดูน่าอาย ผมไม่ชอบให้ใครเรียก”
ยกเว้นนาคินทร์คนเดียว คุณเอกสิทธิ์พยักหน้าเข้าใจ
พอเลิกงานปุ๊บผมก็วิ่งตรงขึ้นไปยังดาดฟ้าทันที เห็นนาคินทร์ขึ้นไปนั่งทำอะไรอยู่บนนั่งร้านเหมือนเดิม ขยันจริง ๆ ขนาดบาดเจ็บนะเนี่ย
ผ่านไปเกือบสิบนาทีนาคินทร์ถึงเห็นว่าผมมานั่งคอย
“คุณหนูรีบไหม ถ้าไม่รีบ นาคินทร์ขอทำตรงนี้ให้เสร็จก่อนกลับ”
“เอาสิ ไม่รีบ แล้วไม่เจ็บรึไง”
“ไม่ครับ ยิ่งมีคุณหนูอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้ยิ่งไม่เจ็บเข้าไปใหญ่”
ผมร้อนวูบไปทั่วทั้งหน้า กัดริมฝีปากเบา ๆ
“งั้นก็รีบไปทำสิ เดี๋ยวจะส่งกำลังใจไปให้เยอะ ๆ”
นาคินทร์หัวเราะ หันกลับไปทำงานต่อ ผมนั่งเล่นมือถือคอยกระทั่งพระอาทิตย์ลาลับ ตอนแรกคิดว่าแผลบเดียว สงสัยนาคินทร์จะทำงานจนลืมเวลาอีกแน่ ๆ
กระทั่งงานตรงหน้าเสร็จ แบตในมือถือผมหมดพอดี
“ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ”
“ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ ฉันหิวแล้ว”
“คุณหนูจะรังเกียจไหม ถ้าวันนี้นาคินทร์จะลงมือทำครัวให้กิน”
ผมตาโตมอง
“จริงเหรอ”
“ครับ ตอบแทนสำหรับกำลังใจ อันที่จริงคนงานเอาไข่มดแดงมาฝากน่ะ ญาติเขากลับมาจากต่างจังหวัดเอามาฝาก คนงานเลยแบ่งมาให้ผมบางส่วน”
“ไข่มดแดง” ผมย่นหน้ามอง “กินได้ด้วยเหรอ”
“ครับ อาหารพื้นบ้าน เอ่อ ไม่แน่ใจว่าคุณหนูจะรังเกียจไหม ขอโทษครับ ลืมถามก่อน”
“ได้สิ ไข่ปลาคาเวียร์ก็เคยกินมาแล้ว แค่ไข่มดแดง”
นาคินทร์หัวเราะ พากันกลับบ้าน ผมขอตัวเข้าห้องไปอาบน้ำก่อน แต่งตัวด้วยชุดที่คิดว่าจะน่ารักที่สุดสำหรับนาคินทร์ลงไปข้างล่าง
“โห ช่วงนี้น่ารักขึ้นนะอนุชา”
พี่ชาติชม
“น่ารักน่าเริกอะไรกันพี่ชาติ เอาไว้ชมชยันต์ดีกว่า”
“อ้าว น่ารักก็คือน่ารัก”
ผมไม่สนใจคนตัวสูง แอบดีใจนิดหนึ่ง ถ้าพี่ชาติที่ชื่อว่าสายตาซื่อบื้อเรื่องความสวยความงามชมแปลว่าผมต้องดูดีระดับหนึ่งละ
ผมเดินย่องเงียบไปที่สวน เห็นคนตัวสูงกำลังขะมักเขม้นเตรียมอะไรสักอย่างอยู่หลังบ้าน ครัวนาคินทร์เป็นครัวแบบปิกนิก ไม่ใช่ครัวหลัก มีเพียงเตาแก๊สปิกนิก หม้อกระทะจานชามไม่กี่ใบ เพราะส่วนใหญ่ หนูแดงทำให้อยู่บ้านใหญ่อยู่แล้ว
“นาคินทร์”
ผมเรียกคนที่ยืนหันหลัง นาคินทร์หันมามอง
“คุณหนู”
นาคินทร์มองผมนิ่งค้าง
อ่ะ เอ่อ...นี่ผมดูดีจนทำให้นาคินทร์ตาค้าง หรือว่ามันทุเรศจนอีกคนตาค้างกันแน่ ความมั่นใจชักหด
“ทะ ทำไมเหรอ หรือฉันใส่เสื้อกลับด้าน”
ผมรีบก้มสำรวจตัวเอง
“ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณหนูรออยู่ที่นั่นละกัน ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็เรียบร้อย”
นาคินทร์ชี้ไปยังม้านั่งตัวเดิม ผมเดินไปนั่ง เพราะไม่ถนัดทำอะไรพวกนี้อยู่แล้ว
To be Con...
เป็นหนึ่งในนิยายไม่กี่เรื่องที่แต่งแล้วไม่มีดราม่าให้โดนเปลือกทุเรียนปาหัว ดีต่อหัวและหัวใจจริงๆ
เปิดจองหนังสือ Memew แฮบ>>
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54068.msg3389162#msg3389162