SIDELINE. ผมเป็นเด็กเสี่ย (21.03.21) ตอนพิเศษ อาถรรพ์ดินเนอร์ (1) [Updated]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: SIDELINE. ผมเป็นเด็กเสี่ย (21.03.21) ตอนพิเศษ อาถรรพ์ดินเนอร์ (1) [Updated]  (อ่าน 128849 ครั้ง)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

กำจัดเต้  เปิดตัวเอนก

เอ...แสดงว่าเอนกหรือเอกฝีมือดีกว่าเต้  ชิมิ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
จ้างพี่เอนกกี่บาทเล่นคุ้มจัง555

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
พี่เอกหนุ่มใต้

ออฟไลน์ GMT101

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2

ออฟไลน์ aha_aha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
อ่านรวดเดียวตั้งแต่ต้น จนตอนล่าสุด บอกได้คำเดียวว่าแซบมาก!!!

สนุก สมจริง ไม่โลกสวย อ่านแล้วชอบมากๆ ^^

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
พีเอกเป็นสีสันของเรื่องเลย มาเติมชีวิตชีวาให้ความหน่วงของสองคนนี้หน่อยเถอะ

ออฟไลน์ kimkidoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
งื้อออออออออ แทบจะลืมไปแล้ววววว ไม่ได้เข้าเล้านานมากกกกก
คิดถึงเรื่องนี้เหมือนเดิม ดีใจที่มาต่อมากๆค่าาาาาาาา
พี่เอกเข้ามานี่จะมาดราม่าไหมน้ออออ แต่ก็ดี มาเลยๆชอบๆ
ชีวิตตุลย์กับวงการบันเทิงนี่จะยังไงน้อออออ กลัวใจเหลือเกินนนนน
สู้ๆรนะคะ ติดตามมมมม :katai4:

ออฟไลน์ skyberry

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ love love

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
16.2

เสร็จจากงานถ่ายแบบที่สตูดิโอตอนเย็น ตุลย์ก็ขึ้นรถตรงกลับบ้าน ระหว่างทางเขาพลั้งปากตอบ ‘ตกลง’ กับแม็ก เพราะอีกฝ่ายดันโทรเข้ามา รั้นจะเอาคำตอบให้ได้ จากนั้นก็เริ่มประสานงานกับร้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เผื่อเตรียมของสำหรับทำเซอร์ไพรส์ทั้งหมดให้เสร็จก่อนวันพุธที่จะถึง


เขาคุยโทรศัพท์กับเพื่อนไปตลอดทาง มั่นใจว่าทุกอย่างจะราบรื่นดี โดยเฉพาะเรื่องที่อเนกเกริ่นไว้เมื่อบ่าย


ศานนท์ไม่น่ามีเหตุผลอะไรที่จะห้ามเขาไม่ให้ไปห้างสรรพสินค้า เพราะมันไม่ใช่สถานที่ที่ต้องระแวดระวังตัว หรือ ว่าเสี่ยงต่ออันตรายเลยสักนิด


แต่ว่า...


“ไม่ได้”


“ห๊ะ?”


“ฉันปล่อยเธอไปเสี่ยงในที่ที่คนพลุกพล่านอย่างนั้นไม่ได้”


คำตอบของศานนท์ตอนที่ฝ่ายนั้นกลับถึงบ้าน ทำให้ตุลย์ขมวดคิ้วเป็นปม


“ทำไมล่ะครับ ที่สาธารณะ คนพลุกพล่านก็ดีออกไม่ใช่เหรอ ใช่ว่าจะมีจราจลสักหน่อย อีกอย่าง ถ้าผมไป พี่เอกก็ไปกับผมด้วย ไม่เห็นจะอันตราย”


หนุ่มใหญ่ส่ายหน้า ขณะถอดสูทโยนพาดไว้บนพนักโซฟาที่เขานั่ง “ฉันให้เธอไปไม่ได้”


“ทำไมครับ?”


“เอาไว้จัดการเรื่องพวกนี้เสร็จแล้วจะเล่าให้ฟัง ระหว่างนี้ฉันอยากให้เธอ...”


“คุณ!”


ตุลย์ขึ้นเสียงขัด เมื่อศานนท์ตอบเหมือนต้องการปัดคำถามให้พ้นตัว


“ผมวางแผนแล้ว และมันก็ไม่ใช่แผนที่อยู่ๆ คุณจะมายกเลิกแค่เพียงเพราะว่าคุณห่วงผมด้วยเรื่องไม่เป็นไรเรื่องด้วย”


“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอจะให้ฉันทำยังไง?”


“คุณก็ตอบผมมาก่อนสิ ว่าทำไม การที่ผมไปเที่ยวห้าง มันอันตรายตรงไหน?”


ตุลย์ยืนกรานเอาคำตอบ ยิ่งหัวเสียเมื่อหนุ่มใหญ่ยิงคำถามกลับ


“แล้วเธอคิดว่าฉัน ‘ควรให้ความสำคัญ’ กับอะไรมากกว่ากัน ระหว่างงานวันเกิดเพื่อนเธอ กับ สวัสดิภาพของเธอเอง?”


ถูกจี้ใจดำ เขาก็เม้มปาก


“คุณรู้ว่า ‘เพื่อน’สำคัญแค่ไหนสำหรับผม ถึงพวกเขาจะไม่สำคัญสำหรับคุณ แต่คุณก็ยังพูดแบบนี้...”


“.......”


“ความจริง ผมก็ไม่ได้สำคัญต่อคุณถึงถ้าคุณมีปัญหาแล้ว ‘ลูกค้าเก่า’ ของคุณจะต้องมาตามรังควานผมอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แล้วคุณจะมัวห่วงผมให้มันได้อะไรขึ้นมา ในเมื่อคนที่ควรระวังตัวคือคุณเองมากกว่า!”


“ตุลย์”

ศานนท์ปรามเขาด้วยการเรียกชื่อ เหมือนจะโทษว่าเขารั้นไม่มีเหตุผลเอง


“งั้นคุณก็บอกผมสิ ว่าทำไมผมถึงไม่ควรไป” ตุลย์ลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับหนุ่มใหญ่ “หรือว่าที่คุณตอบไม่ได้เพราะจริงๆ แล้วมันไม่มีเหตุผล!?”


ประโยคที่พูด ดังและเงียบหายไปพร้อมๆ กับอารมณ์คุกรุ่นที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจตุลย์ ไม่มีคำตอบใดๆ จากศานนท์นอกจากสีหน้านิ่งขรึม และแววตาที่ยืนยันคำเดิมเป็นเสมือนประกาศิต เพียงแค่นั้นตุลย์ก็รู้ว่า ไม่มีทางได้สิ่งที่ต้องการจากผู้ชายคนนี้


เขาเดินหนีขึ้นชั้นบนทันที


“ฉันห้ามเพราะเป็นห่วงสวัสดิภาพเธอนะ”


“คุณห่วงจริงๆ หรือว่าแค่อยากควบคุมชีวิตผมกันแน่เถอะ!?”


ตะคอกกลับ ก่อนกระแทกประตูห้องนอนปิดเสียงดังปังด้วยแรงโทสะ


เขาเกลียดด้านนี้ของศานนท์เสียจริง!


ไอ้ด้านที่ไม่เคยให้ความชัดเจนกับเขาได้ พอมันเป็นเรื่องส่วนตัวของฝ่ายนั้น นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเขาถึงไม่ชอบถามซอกแซกเกี่ยวกับหศานนท์ ก็เพราะเขาไม่เคยได้คำตอบที่ชัดเจนสักครั้ง


เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ไม่ว่าจะตอนพยายามถามถึงเจตนาที่อีกฝ่ายซื้อเขามา หรือแม้แต่เรื่องสถานะระหว่างเขาและศานนท์ หนุ่มใหญ่ไม่เคยตอบเจาะจง สิ่งที่ทำให้เขาเชื่อมั่นว่าสามารถไว้ใจอีกฝ่ายได้ล้วนแล้วแต่เป็นการกระทำที่สื่อออกมาทั้งสิ้น


และมันน่าโมโหเวลาที่ศานนท์ทำเหมือนเขาไม่ควรรู้อะไร ทั้งๆ ที่การตัดสินใจของอีกฝ่ายส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตเขา และเขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเชื่อฟัง!


“โธ่เว้ย!”


ตุลย์สบถ เม้มปากแน่น ก่อนจะทิ้งตัวหงายบนที่นอน


เขาอุตส่าห์หวังว่าจะได้ทำอะไรตอบแทนจีจี้บ้าง นอกจากสร้างปัญหาให้เธอ แต่ก็ดันต้องมาทิ้งโอกาสไปเพราะศานนท์ห่วงเขาในเรื่องไม่เป็นเรื่องงั้นเหรอ!?


ครืด... ครืด... ครืด...


คงใช้เวลานานเกินไปหลังวางสายจากเพื่อนสนิท แม็กถึงได้โทรตาม ตุลย์กดรับก่อนจะกรอกเสียงใส่โดยไม่ตอบรอให้ปลายสายถาม


“กูไปไม่ได้”

ฝ่ายคู่สนทนาถึงกับอุทานเสียงดังว่า ‘ห๊ะ อะไรวะ’ ก่อนจะเงียบหายไปพักใหญ่


“...คืออะไรวะ? ไหนบอกไม่มีปัญหาเรื่องโน้มนาวใจเสี่ยของมึงไง?”


“กูไม่รู้เหตุผลว่าทำไม รู้แต่ว่ากูไปไม่ได้”


“อะไรวะ... กูไม่เห็นจะเข้าใจว่าห้างเป็นสถานที่น่าสุ่มเสี่ยงตรงไหน ยกเว้นว่ามึงจะไปนัดบอดกับใครนั่นแหละ เฮ่อะๆ” แม็กหัวเราะประชดติดรำคาญ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่


“สรุปว่ามึงไม่ไปว่างั้น? แต่กูไม่ยกเลิกเซอร์ไพร์หรอกนะ กูโทรเตรียมงานไว้หมดแล้ว จะให้ยกเลิกเพราะมึงมาไม่ได้ กูไม่เอาด้วยว่ะ”


“มึงไม่ต้องยกเลิก เดี๋ยวกูไปแฮปปี้เบิร์ดเดย์กับจี้ย้อนหลัง”


แม็กขาน ‘อือฮึ’ ในคอเป็นอันรับคำ


“เอาจริงเถอะ มึงไม่เบื่อบ้างเหรอวะ ชีวิตนกในกรงทอง ทำอะไรเองก็ไม่ได้ต้องรอคำสั่งจากคนอื่นแบบนี่เนี่ย?”


“เบื่อดิ”


เขาตอบไม่ต้องคิด ‘อิสระ’ โดยไม่ต้องผูกติดชีวิตไว้กับใคร คือสิ่งที่เขาโปรดปรานเป็นที่สุด แต่นั่นคือก่อนที่เขาขายมันเพื่อแลกความฝันมา


“แล้วทำไมไม่เดินออกมาวะ ‘มึงเลือกได้’ ไม่ใช่เหรอ?”


“มัน...” ซับซ้อนกว่าที่มึงคิด


ตุลย์ตั้งใจจะตอบแบบนั้น แต่พูดไปไม่ถึงครึ่ง เขาก็สะดุดใจกับประโยคของปลายสาย


แม็กพูดถูก... เขามีสิทธิ์จะ ‘เลือก’ และ ‘ตัดสินใจ’ ทำในสิ่งที่ตนเองคิดว่าเหมาะสม เหมือนที่ศานนท์พูดว่าฝ่ายนั้นไม่ใช่จ้าวชีวิตเขา


ในเมื่อหนุ่มใหญ่ตีตัวไปก่อนไข้ และไม่มีเหตุอะไรที่จะห้ามเขา เขาก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องทำตามคำสั่งของฝ่ายนั้น


 “กูเปลี่ยนใจแล้ว ...กูจะไป  แต่ขอจัดการอะไรก่อน แล้วจะตามไปทีหลัง”


-------------------------------


หลังจากที่มีปากเสียงกับศานนท์เมื่อคืน ก็มีความเป็นไปได้ว่าหนุ่มใหญ่อาจคนส่งมาตามดูเขาเพิ่ม เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะอยู่กับร่องกับรอย แต่ก็ค่อนข้างผิดคาด เพราะมีแค่อเนกที่ขับรถมารับเขาในตอนเช้าเพียงคนเดียวเหมือนๆ กับทุกวัน 


สิ่งที่พวกเขาคุยกันก็มีเรื่องสัพเพเหระปกติ ปราศจากพิรุธใดๆ เว้นเสียแต่ฝ่ายนั้นจะเอ่ยทักว่าสีหน้าเขาเหมือนคนนอนไม่พอ


แน่ล่ะ นั่นเพราะเขามีแผนจะหนีไปงานวันเกิดจี้ในวันพรุ่งนี้ และเขาก็อยากแน่ใจว่าจะไม่ทำพลาด...


ถึงแม้ว่าศานนท์จะแสดงให้เห็นว่าฝ่ายนั้นไม่ติดใจอะไรเรื่องที่เขาขึ้นเสียงใส่เมื่อคืน และไม่คิดจะตามเช็คความเป็นไปของเขา แต่ตุลย์ก็ไม่อยากวางใจเต็มร้อยนัก


ใครจะรู้ล่ะ ฝ่ายนั้นอาจจะส่งสายสืบมาเพิ่มโดยไม่บอกเขาก็เป็นได้


ดังนั้นสิ่งกำลังจะทำเขาก็คือ ‘เช็คให้แน่ใจ’ ว่ามีแค่อเนกคนเดียวเท่านั้นที่อีกฝ่ายส่งมา ‘ดูแล’ ด้วยการเดินไปซื้อเครื่องเขียนนอกเขตมหาวิทยาลัยคนเดียว โดยที่ไม่บอกอเนก


ถึงจะคิดไว้แบบนั้น แต่พอเอาเข้าจริงแล้ว โชคชะตาก็ดูจะไม่ค่อยเป็นใจเพราะฟ้ามืด ฝนตั้งเค้าจะตกมาตั้งแต่เช้าตรู่ อีกทั้งยังมีลมแรง แต่ด้วยความดันทุรัง ตุลย์จึงยืมร่มเพื่อนออกไปตามแผน


เดินมาได้ยังไม่ถึงจุดหมายดี จู่ๆ ฝนก็เทโครมลงมาพรวดเดียวอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เล่นเอาคนเดินผ่านไปผ่านมาต้องวิ่งหลบใต้ชายคากันวุ่น ร่มที่เขาเตรียมมาดูจะช่วยอะไรไม่ได้เท่าไหร่เพราะลมแรงเกินไป เล่นเอาเปียกซกตั้งแต่ห้านาทีแรก ตุลย์จึงไม่มีทางเลือกนอกจากแทรกตัวเข้าไปหลบใต้ชายคาพร้อมกับคนอื่นๆ ด้วย


เขาสอดส่ายไปรอบๆ น่าเสียดายที่ไม่เจอใบหน้าคุ้นตาของคนที่อาจติดตามออกมาจากมหาวิทยาลัยเลยสักคน แต่กระนั้นก็ยังไม่วางใจ ยืนรอต่อราวๆ สิบนาที เขาถึงเดินหลบใต้ชายมั่งหน้าต่อไปยังจุดหมาย ซึ่งก็คือร้านเครื่องเขียนที่ตั้งใจไว้แต่แรก


เสียงกระดิ่งกรุ้งกริ้งดังตอนที่ตุลย์ผลักประตูเข้ามาด้านใน เขาตรงไปยังชั้นวางปากกาซึ่งเป็นจุดที่สามารถหันหน้าไปทางหน้าต่างเผื่อมองออกไปข้านอกได้ชัดเจน แต่ยังไม่เจอใครน่าสงสัย


หรือว่าเขาจะตื่นตูมไปเอง?


คิดแบบนั้นในทีแรก


...แต่ห้านาทีให้หลังก็ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เมื่อหนึ่งในคนที่เคยยืนหลบฝนกับเขาทำท่าจะเดินผ่านร้าน แต่จู่ๆ ก็หยุดกึก แล้วย้อนกลับมาหลบฝนตรงชายคาหน้าร้านเครื่องเขียนแทน


ฝ่ายนั้นเป็นชายผิวขาว สูงราวๆ หนึ่งร้อยแปดสิบกว่า เรียกได้ว่าเกินมาตรฐานชายไทยเล็กน้อย รูปร่างค่อนข้างใหญ่ ไม่รูว่าเป็นเพราะเขาสวมแจ็คเก็ตหนังสีน้ำตาลเข้มด้วยหรือไม่


ตุลย์ยืนรออยู่ในร้านสักพัก ขณะที่พยายามจดจำหน้าตาของอีกฝ่าย จนแน่ใจว่าผู้ชายคนนั้นจะไม่ไปไหนในเวลาอันใกล้ เขาถึงซื้อปากกาสองแท่ง จ่ายเงิน รอเจ้าของหยิบใส่ถุงกระดาษให้ แล้วออกจากร้านทันที


เผื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้คิดเองเออเองไปคนเดียว เขาจึงเดินกางร่ม สลับกับหยุดพักใต้ชายคา พลางปัดหยดน้ำออกจากถุงกระดาษ แสร้งทำเป็นว่ากลัวของที่ซื้อมาเปียก สิ่งที่ยืนยันว่าคิดไม่ผิด คือชายเจ้าของแจ็คเก็ตหนังตามเขามา ถึงแม้จะทิ้งระยะห่างเยื้องหลังอยู่มาก จนดูแล้วแทบไม่ผิดสังเกตุ แต่ฝ่ายนั้นก็ตามต่อจนสุดแนวตึก


ครั้นพอพ้นตึกแถวเข้าสู่ถนนสายใหม่ ชายคนนั้นถึงหายหน้าไป เห็นแบบนั้น ตุลย์ก็หยุดพักใต้ชายคาร้านอาหารแห่งหนึ่ง ยืนละล้าละลัง อดกังวลเล็กๆ ไม่ได้


ดูเหมือนวิธีนี้จะสิ้นคิดไปหน่อย เพราะนอกจากเขาจะพิสูจน์ว่าอะไรเป็นอะไรไม่ได้แล้ว ยังต้องมาเปียกโชกไปทั้งตัวอีก เห็นทีพรุ่งนี้คงต้องวัดเพิ่งดวงสักตั้ง...


ฝนเริ่มซา ประกอบกับคนเริ่มน้อยเพราะห่างไกลจากมหาวิทยาลัยมากขึ้นทุกที เขาจึงตัดสินใจเดินกลับ แต่เพราะลมแรง จังหวะที่กางร่ม ถุงกระดาษเจ้ากรรมเลยลื่นหลุดมือ ปลิ้วตกพื้นแล้วไถลครืดไปหยุดอยู่ตรงท่อระบายน้ำข้างฟุตบาต


ตุลย์ถอนหายใจ แล้ววิ่งตามไปเก็บ แต่ก่อนจะเอื้อมถึงถุง มือปริศนาก็คว้าแขนแน่น ออกแรงรั้งเขาจนเซถอยหลังกลับมาที่ฟุตบาต


“ระวังรถครับ คุณหนู!”


...คุณหนู...


ถ้าเป็นเวลาปกติเขาคงฟังแล้วแล้วแสลงหู แต่ตอนนี้กลับรู้สึกรื่นอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก


ตุลย์หัวเราะ ‘หึๆ’ ในใจ ก้มลงเก็บถุงกระดาษที่ตอนนี้ยับยู่ยี่เป็นก้อนจนรู้สึกเหมือนกำปากกาสองแท่งข้างใน ก่อนจะหันไปหา ‘บุคคล’ ที่เพิ่งคว้าแขนเขา


อีกฝ่ายเป็นชายร่างใหญ่เช่นกัน หากแต่ผิวสีน้ำผึ้ง สีหน้าบ่งบอกชัดว่าเซ็งจัด เพราะเพิ่งหลุดปากเรียกเขาว่า ‘คุณหนู’ หมาดๆ


ตรงมุมตึกไม่ไกลจากกันนักคือ เจ้าของแจ็คเก็ตหนังสีน้ำตาล ซึ่งฝ่ายนั้นก็จับตามองเขาอยู่เช่นกัน


นึกแล้วเชียวว่า ศานนท์เป็นคนรอบคอบ...


เห็นจะๆ แบบนี้ ตุลย์ก็คลี่ยยิ้มมุมปากอย่างอดไม่ได้


“พวกคุณนี่เอง ที่คุณศานนท์ส่งมาตามดูแลผม”


---------------------------------


เอ๊ะ ตัวละครเยอะเกินไปหรือเปล่า!? แต่ไม่ต้องสนใจเจ้าค่ะ อันนี้ตัวประกอบ ประกอบจริงๆ 5555+
ยืดไปหรือเปล่าคะ ถ้ายืดไปติได้เจ้าค่ะ เมลล่าจะนำไปปรับเนอะ
ข่าวร้ายคือ ปลาเมลล่าป่วย ฮื่อๆๆๆ เศร้ามากก น้องยังไม่ตาย แต่อาการไม่ค่อยดี นี่อัพเสร็จคิดว่าจะกลับลงไปดูอยู่เหมือนกันค่ะ ไม่รู้น้องหลับหรือยัง ถถถถ
วันนี้มาช้าไปนิดนึงนะคะ จะไม่บอกว่ายุ่งเพราะอ้างเยอะแล้ว 555+
ตอนหน้าพบกับ how to หนีคุณศานนท์สไตล์หนูตุลย์ ใบ้ว่านางไม่ได้ไปคนเดียว นางมีคนช่วย และคนช่วยเป็นหนึ่งในตัวละครที่เปิดตัวไปแล้วด้วยยย อิอิ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ เมลล่าจะพยายามขยันมากขึ้น ฮา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ตุลย์ก็ดื้อด้านอยู่นะ คิดถึงแต่เพื่อน แต่ไม่คิดถึงชีวิตตัวเอง

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
โอ๊ย ตุล !!!!

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

นู๋ตุลย์...เอาแต่ใจเกินไปหรือเปล่า?


ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1

17th Night : ปาร์ตี้วันเกิด


“ทำแบบนี้ไม่น่ารักนะคร้าบคุณ”


ประโยคแรกที่อเนกพูดกับตุลย์พลางส่ายหน้าตอนที่กลับมาตัวเปียกซก นอกจากเขาจะแก้ตัวกับฝ่ายนั้นไม่ขึ้นแล้ว เรื่องก็ยังไปถึงหูศานนท์อีกจึงจบด้วยถูกต่อว่าไปพอประมาณ


ก่อนที่เช้าวัดถัดมา อเนกจะส่งเขาที่มหาวิทยาลัย โดยมีฝ่ายนั้นจับตาแบบคุมเข้ม ส่วนชายสองคนที่เขาเจอเมื่อวาน เข้ามาคุยกับอเนกในตอนเช้าแค่พักเดียว แล้วก็หายหน้าไปทั้งวัน


เขารู้ว่าศานนท์มีแผนอะไรสักอย่างที่ตั้งใจปิดเป็นความลับ แต่เขาก็มีแผนเหมือนกัน...


ประตูข้างยิมใกล้กับค่ายมวย เป็นตรอกเชื่อมออกไปสู่ถนนใหญ่ ปกติแล้วมหาวิทยาลัยไม่อนุญาตให้นักศึกษาเข้าออกทางดังกล่าว


แต่ตุลย์เป็นสตาฟกิจกรรม นั่นเขาทำให้ได้สิทธิ์พิเศษในการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่างที่นักศึกษาทั่วไปไม่สามารถใช้งานได้ ประจวบเหมาะกับเย็นนี้มีแข่งบาสเกตบอลที่ยิมพอดี


เขามีกุญแจ... ที่ต้องการก็แค่จังหวะเหมาะๆ


“พี่เอก เย็นนี้ผมจะอยู่ดูบาส”


เขาทรุดตัวลงบนม้าหินฝั่งตรงข้าม ที่ประจำที่อเนกชอบนั่งรอ พลางซดกาแฟทื่ซื้อติดมือมาเมื่อเที่ยงหลังแยกกับเพื่อน


“อ้าว ไม่หนีตามเพื่อนไปฉลองวันเกิดแล้วเหรอครับ?” เจ้าของสีหน้าทะเล้นยักคิ้วให้ทีเหมือนลองเชิงเขา ตุลย์ก็เบ้ปาก


“ผมโดนเคอร์ฟิว ถึงต่อให้พูดอะไรไป พี่ก็ไม่พาผมไปอยู่ดี”


“ถูก”  อเนกชี้นิ้วใส่เขาเหมือนตอนคำถามในรายการเกมโชว์ถูก “แล้วจะอยู่ถึงกี่โมงล่ะครับ”


“คงจนกว่าเกมจะจบครับ”


ฝ่ายนั้นหยักหน้าเข้าใจก่อนจะขาน ‘อื้มๆ’


“งั้นเดี๋ยวจะเล่นหมากรุกรอ”


ตุลย์มองกล่องพลาสติกใสบรรจุตัวหมากรุกที่ตั้งอยู่ซ้ายมือของอเนก ก่อนจะถอนหายใจ ตั้งแต่ถูกสั่งให้มาตามติดเขาทุกวี่ทุกวัน อีกฝ่ายก็มักจะหาอะไรมาทำฆ่าเวลา


แรกๆ ก็เล่นโทรศัพท์ อ่านหนักสือพิมพ์ วาดรูปเล่นใส่สมุดฉีก หลังๆ เจ้าตัวคงเบื่อถึงได้ซื้อเลโก้มาต่อบ้าง งัดชิ้นโทรศัพท์มาประกอบใหม่บ้าง และล่าสุดก็คือ เล่นหมากรุก...


...คนเดียว


เรียกว่าเป็นวิวัฒนาการของงานอดิเรกอย่างแท้จริง


“งั้นผมไปยิมนะครับ”


ตุลย์ขอตัวกับอเนกก่อนจะลุกขึ้นตรงไปยิมก่อน โดยที่ฝ่ายนั้นเก็บของ เดินตามหลัง แล้วย้ายก้นมานั่งแปะบนม้าหินที่มีตารางหมากรุกหน้าทางเข้ายิมแทน


แน่ล่ะ ก็เมื่อวานเขาทำซะได้เรื่อง อเนกคงระแวงเป็นธรรมดา


โอ้เอ้อยู่ข้างนอกพักหนึ่งจนเกมเริ่ม ตุลย์จึงเข้าไปนั่งที่สแตนด้านใน แต่การอยู่นิ่งๆ เป็นเรื่องลำบากสำหรับคนที่กำลังเป็นกังวลว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนหรือไม่อย่างเขา นั่งขยุกขยิกได้ราวสิบนาที เขาก็ลุกอย่างคนมีความอดทนต่ำ ก่อนจะแทรกตัวผ่านผู้ชมที่เริ่มทะยอยกันเข้ามาจับจองทีด้านในเยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้วออกไปที่ประตูด้านหลังยิม


ตุลย์หยุดใกล้ๆ ทางออก สอดส่องให้แน่ใจว่ามีแค่นักศึกษาประปรายเท่านั้น เขาถึงทำตามแผนต่อด้วยการเดินเลาะทางเดินปลอดคนมาจนใกล้ถึงค่ายมวย


น่าแปลกใจก็ตรงที่ตลอดทางไม่เห็นเงาคนของศานนท์เมื่อวานหรือเนกเลย นั่นทำให้เขาระแวง แต่ก็ได้เพียงเก็บความสนใจไว้ในใจ


ทันทีที่มาถึงประตูเป้าหมาย เขาก็หยิบกุญแจไข ความรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นขโมยที่อาจจะถูกจับคาหนังคาเขาเมื่อไหร่ก็ได้ ทำเอาไขผิดๆ ถูกๆ อยู่พักจนเริ่มโมโหตัวเอง


แกร๊ก!


ประดุจเสียงแห่งอิสระภาพ พอปลอดล็อคกุญแจได้ ตุลย์ก็คว้าประตูเหล็กเปิดทันที


“เฮ้ย!”


เขาสะดุ้งเฮือก หลุดปากอุทานเมื่อมือปริศนาวางบนไหล่ ครั้นพอกลั้นใจหันกลับไป ก็เจอกับคำถามสั้นห้วนแบบโทนเสียงระนาบเดียว


 “ไปไหน?” เต้ถามหน้าตาย


โธ่เว้ย! ตกใจหมดไอ้หมอนี่!


เขาลืมไปสนิทว่าหลังเลิกเรียนเป็นเวลาซ้อมมวยปกติของฝ่ายนั้น


“มีเรื่องต้องไปทำ อย่ายุ่ง” ตุลย์ปัดมือออกติดรำคาญ แต่ถูกเต้คว้าต้นแขนไว้อีกรอบ


“นายไปไม่ได้”


 “ไปได้ เพราะฉันมีกุญแจ ประตูค่ายก็ไม่ได้ไว้สำหรับนักมวยใช้อย่างเดียว ปล่อยน่า!”


เขายื้อ แต่แรงที่มากกว่าของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังเล่นชักเย่อบนแขนตัวเอง


 “โธ่เว้ย ปล่อย! คนยิ่งรีบๆ อยู่ มีนัดสำคัญ!”


“ฉันให้ไปไม่ได้”


“ทำไม นายเป็นพ่อฉันหรือไง!?”


 “เขาสั่งให้นายอยู่ที่นี่”


“ห๊ะ” สรรพนามต้องสงสัย ทำให้ตุลย์ขมวดคิ้วแน่น “ ‘เขา’ คือใคร?”


ตุลย์จ้องตาฝ่ายนั้น แต่นอกจากเต้จะไม่ให้คำตอบแล้ว ยังหลบตาและลากเขาออกมาให้ห่างจากประตูเหล็ก เขาอ้าปากจะถามซ้ำด้วยความไม่เข้าใจ แต่วินาทีต่อมาก็ถึงบางอ้อ เมื่อลำดับเหตุการณ์ในหัวเริ่มประติดประต่อกันเป็นเรื่องเป็นราวสอดรับกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น


เต้ตามเขาติดแจมาเป็นเดือนๆ และจู่ๆ ก็หายไปตอนอเนกเข้ามา ไม่ใช่เพราะอเนกเป็นไม้กันหมาให้เขา แต่...


“นายก็เป็นคนที่ศานนท์สั่งให้ตามดูฉันสินะ?”


“ใช่”


นี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไมอเนกถึงปล่อยเขาเดินเพ่นพานไปทั่ว โดยไม่กลัวว่าเขาจะหนี


ยิ่งพอนึกไปถึงคนต้นเรื่องอย่างศานนท์ ตุลย์ก็อดฉุนนิดๆ ไม่ได้ ปากบอกจะไม่ยุ่งเรื่องที่มหาวิทยาลัยของเขาแท้ๆ แต่สุดท้ายก็ส่งคนมาสอดแนม


...คุณนี่มัน!


“เฮ้ย นายจะโทรหาใคร!?” ตุลย์ร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ เต้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดในขณะที่มืออีกข้างยังกำต้นแขนเขาไว้เหนียวหนึบ


“พี่เอก”


“ไม่”


ตุลย์เอี้ยวตัวฉกโทรศัพท์จากมือเต้ แต่อีกฝ่ายตอบสนองไวกว่าด้วยสัญชาตญาณนักมวย เขาถึงทำได้แค่จับข้อมือฝ่ายนั้น ออกแรงขืนไว้เผื่อท่วงเวลา


“นายฟังฉัน!”


“.......”


เต้เลิกคิ้ว ตอนที่เขาสบตาอีกฝ่ายตรงๆ

“นายจำผู้หญิงที่ร้องไห้วันที่ฉันมีเรื่องกับกายได้หรือเปล่า...? เธอชื่อจีจี้ วันนี้เป็นวันเกิดของเธอ และตอนนี้เธอก็รออยู่ที่ร้านอาหาร”


“.......”


“กายชอบเธอ และการที่คนโด่งดันในด้านลบๆ อย่างฉันไปสนิทกับเธอ มันทำให้หมอนั่นไม่พอใจ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงคอยหาเรื่องฉัน”


“.......”


“จีจี้ชอบละครเวที ผ่านรอบคัดเลือกก็แล้ว แต่ไม่ได้แสดง นั่นเพราะการมี ‘ฉัน’ ทำให้หมอนั่นอันตรายต่อเธอด้วย เธอถึงต้องมาเป็นสตาฟกิจกรรม แล้วยังไง? หนีมาฝ่ายกิจกรรม แต่สุดท้ายก็ยังมาเจอปัญหาคาราคาซังเดิมๆ เหมือนคืนที่นายมีช่วยฉันอีก”


“.......”


“ฉันมันตัวสร้างปัญหา...” ตุลย์เม้มปากเบาๆ ถึงตรงนี้เต้ก็ลดโทรศัพท์ลง เห็นได้ชัดว่าสนใจฟังในสิ่งที่เขากำลังเล่า


“แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อฉันมีเพื่อนที่ไว้ใจได้อยู่เท่านี้ ฉันแค่อยากสร้างความทรงจำอะไรดีๆ ให้เธอบ้าง ไอ้ที่มันนอกเหนือกว่าประสบการณ์เฮงซวยที่แล้วมา แผนฉันก็เตรียมไว้แล้ว เหลือแค่ต้องไปถึงที่นั่น”


“ฉันปล่อยนายคนเดียวไม่ได้” น้ำเสียงห้วนผ่อนลง


“งั้นก็ไปกับฉัน นายมีหน้าที่ดูแลฉันไม่ใช่หรือไง? อีกอย่าง... นายน่าจะเข้าใจที่สุดว่า ‘เพื่อน’ มีความหมายขนาดไหน”


ตุลย์ยืนกรานด้วยแววตาแน่วแน่ สบตากันอยู่ได้ครู่ เต้ก็เป็นฝ่ายเสหลบ แล้วถอนหายใจหน้านิ่วคิ้วขมวดเป็นปม เห็นได้ชัดว่ากำลังลังเล


แต่ยังไม่ทันได้ที่อีกฝ่ายจะได้ตกลงปลงใจ เขาก็เหลือบไปเห็นหลังไวๆ ของหนึ่งในคนของศานนท์พุ่งพรวดออกมาจากด้านหลังยิม


วินาทีนั้นตุลย์ไม่เหลือเวลาให้คิด เขาดึงแขนตัวเองคืนจากเต้ แต่แล้วกลับถูกอีกฝ่ายผลักตัวผ่านประตูเข้าไปในตรอกเวลาไล่เรี่ยกัน


“ไปเจอกันหน้าถนนใหญ่!”


ตุลย์ออกวิ่งตามที่อีกฝ่ายบอก ไม่รู้ว่าคนของศานนท์เห็นเขาหรือไม่ แต่นั่นไม่สำคัญเมื่อขาทั้งสองข้างก้าวมาถึงหน้าถนนใหญ่ จังหวะเดียวกันกับที่บิ๊กไบค์คนหนึ่งพุ่งพรวดพราดออกมาจากซอยฝั่งตรงข้าม คนขับดูเร่งรืบเอาเรื่อง เพราะมือข้างหนึ่งยังถือหมวกกันน็อค เขาจึงเห็นหน้าชัดว่าเป็นเต้


 “ขึ้นมา!”


พอรถจอดเลียบแนวฟุตบาตอย่างรีบๆ ตุลย์ก็เหวี่ยงขาขึ้นคร่อมทันที ก่อนคนขับจะเร่งเครื่องยนต์ออกไป


----------------------


ถึงจะจัดว่าเป็นรถที่มีขนาดเล็กกว่าเมื่อเทียบกับรถยนต์ แต่การต้องเสียเวลารอสัญญาณไฟสี่แยกอยู่พักใหญ่ๆ ก็ทำให้พวกเขามาถึงห้างสรรพสินค้าตอนที่จวนจะใกล้เวลานัดเต็มแก่ แม้จะพูดได้เต็มปากว่าเร็วกว่าปกติในช่วงเวลาที่จราจลคับคั่งเช่นนี้ก็ตาม


เต้วนรถมาจอดไว้ที่ชั้นสี่ซึ่งเป็นที่จอดเฉพาะสำหรับบิ๊กไบค์ เรียกว่าใหญ่โตกว้างขวางกว่าซองจอดมอเตอร์ไซค์ปกติอยู่โข


“ชั้นหก”


ลงจากรถปุ๊บ ตุลย์เข้าเดินลิ่วๆ เข้าไปในตัวอาคารอย่างคร้านจะสนใจคนเบื้องหลัง


หมดประโยชน์แล้วก็เขาก็ไม่คิดจะพูดจาเกลี่ยกล่อมประจบสอพลออะไรกับเต้ให้เปลืองน้ำลายอีก


พวกเขาขึ้นลิฟท์แก้วมายังชั้นหกซึ่งเป็นชั้นที่ตั้งของร้านคาเฟ่ที่ตุลย์นัดกับเพื่อนไว้ ครั้นพอมองเขาไปก็เห็นว่าโต๊ะริมติดกระจกถูกจับจองโดยแม็ก และกลุ่มเพื่อนสาวของจีจี้อีกสองคน


“รออยู่นี่” ตุลย์สั่ง


“ไม่ได้ ถ้านายเป็นอะไรขึ้นมา...” ...ฉันตายแน่


ท้ายประโยคของเต้กลืนหายไป เมื่อตุลย์โพล่งขัด


“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกน่า! นายพูดอย่างกับวันนี้มีผู้ก่อการร้ายบุกยึดห้าง ติดนิสัยตื่นตูมมาจากคุณศานนท์หรือไง? อย่าตามมา! เพราะตอนนี้เพื่อนฉันคิดว่านายเป็นสโตกเกอร์กันหมด”


“ได้ไง?”


คนฟังย่นคิ้วเหมือนไม่เชื่อ ตุลย์ก็กรอกตา


“นายคิดว่าไอ้การตามติดคนอื่นเป็นแหน มันเป็นพฤติกรรมที่คนปกติเขาทำกันเหรอ? ตอนนี้แค่เห็นหน้านาย ฉันก็สยองแล้ว นายอยู่ตรงนี้แหละ”


เขาตัดบท แน่ใจว่าพูดชัดเจน แต่จะพอก้าวเท้าเดินต่อ คนเบื้องหลังก็ดื้อด้านเดินตามประหนึ่งว่าฟังไม่เข้าใจศัพท์


หมอนี่มันซื่อบื้อหรือไงเนี่ย!?


“เถอะน่า! รอตรงนี้ เดี๋ยวเสร็จแล้วฉันออกมา”


“......”


“แค่แป๊บเดียว โอเค๊?” ตุลย์ต่อรองเมื่อเต้แสดงออกว่าดึงดันจะตามให้ได้ “ให้พื้นที่ส่วนตัวฉันบ้างเหอะ”


ประเมินคำพูดเขาอยู่ชั่วอึดใจ เต้ก็พยักหน้าเบาๆ


“ก็ได้”


ตุลย์ผงกหัวตอบอย่างขอไปที ก่อนจะตรงเข้าร้าน ไปยังโต๊ะที่เพื่อนนั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่ แล้วพบว่าคนสำคัญสำหรับเซอร์ไพร์ซในวันนี้ได้หายไป


“จี้ล่ะ?”


“ก็กูนึกว่ามึงจะมาไม่ทัน เลยให้เพื่อนพาจี้ออกไปช็อปปิ้งถ่วงเวลาก่อน เฉียดฉิวชิบหาย”


แม็กห่อไหล่ทำหน้าสยอง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ พิมพ์อะไรสักอย่างใส่โปรแกรมแชทลงไป


“กูบอกละ กำลังให้พามา”


คุยอะไรกันต่ออีกนิดหน่อย จวบจนเพื่อนที่อยู่กับจีจี้ส่งข้อความกลับมา แม็กและเขาก็ลุกขึ้นไปคุยกับพนักงานหลังเคาท์เตอร์ โดยเพื่อนผู้หญิงที่เหลือนั่งรอรับสาวเจ้าอยู่ที่โต๊ะ


เนื่องจากได้ติดต่อวางแผนเตรียมเซอร์ไพร์ซไว้กับทางร้านล่วงหน้าแล้ว ทุกอย่างจึงดำเนินไปอย่างเป็นระบบระเบียบ พนักงานเริ่มจุดเทียนบนเค้ก ในขณะที่แม็กเข้าไปหยิบลูกโป่งยักษ์บรรจุแก๊สหลังร้าน ที่เจ้าตัวอุตส่าห์ดั้นด้นไปซื้อมาตามคำแนะนำของเขา


ทันทีที่จีจี้เดินเข้ามาถึงโต๊ะ เพื่อนคนเดิมก็ส่งข้อความให้สัญญาณ จากนั้น พนักงานค่อยๆ เดินออกมาจากหลังร้าน ร้องเพลงวันเกิดตามจังหวะปรบมือ ตามด้วยแม็กเดินถือลูกโป่งออกมา และตุลย์ถือเค้กที่มีเทียนส่องสว่างปักอยู่


แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู ยู... แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู ยู...


สีหน้าของจี้เลิ่กลั่กในทีแรก แต่พอร้องไปได้ครึ่งเพลงเธอก็เริ่มหัวเราะและปาดน้ำตาไปด้วยพร้อมกัน จวบจนเพลงสิ้นสุดพร้อมกับเสียงปรบมือของเหล่าบรรดาผู้มีส่วนร่วมในเซอร์ไพร์ซครั้งนี้ ตุลย์ก็วางเค้กปอนด์เล็กลงด้านหน้าหญิงสาว


“เป่าเร็วๆ!”


ถูกเพื่อนสาวยุอย่างตื่นเต้น เธอก็ก้มหน้าเป่าเทียน


“ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย”


“ขนาดนี้อะไรเล่า ก็วันเกิดจี้ทั้งที” แม็กเสริม


คาดไม่ถึงว่าอยู่ๆ จีจี้จะลุกขึ้นกอดฝ่ายนั้นแน่น เล่นเอาเจ้าตัวถึงกับยืนตัวแข็งท่ามกลางเสียงโห่ของเพื่อนคนอื่นๆ


“ขอบคุณมากๆ นะ แม็ก”


เธอว่า และไม่ลืมที่จะไล่กอดเพื่อนๆ ไปทีละคนพร้อมคำขอบคุณ จนมาถึงตุลย์เป็นคนสุดท้าย


“ขอบคุณที่เป็นเพื่อนที่ดีมาตลอดนะ”


“ขอบคุณเหมือนกันครับ” เขากอดตอบ


จีจี้ยิ้มให้ทีหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปหาแม็ก เห็นว่าฝ่ายนั้นหน้าแดงไปถึงหูจนเพื่อนคนอื่นเริ่มแซว เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามขำๆ ว่า ‘เป็นอะไรหรือเปล่า?’ ทั้งที่รู้คำตอบอยู่แก่ใจ


“เป็นอะไรที่ไหน! สบายดี กินเค้กกันดีกว่า” แม็กทิ้งตัวนั่งแล้วหัวเราะฮ่าๆ กลบเกลื่อน เป็นอาการเคอะเขินแบบที่ตุลย์เห็นไม่บ่อยนัก


เขาตั้งใจจะอยู่คุยต่อสักหน่อย แต่พอมองย้อนกลับไปหน้าร้านก็เห็นว่าเต้กำลังเดินเข้ามาตาม เขาไม่มีทางเลือกนอกจากขอตัวกับเพื่อนแล้วเกี่ยวเต้ตัว ลากแขนอีกฝ่ายออกไปนอกร้านพร้อมกัน


“อะไรเล่า ฉันบอกว่ารอแป๊บนึงไง” ตุลย์ขู่เสียงเบา เห็นได้ชัดว่าสีหน้าเต้ดูไม่ผ่อนคลายเท่าไหร่


“เราต้องไปแล้ว”


“แต่ฉันยังไม่เสร็จธุระ”


เขาขมวดคิ้ว แต่ถูกเต้คว้าแขน


“นายต้องมากับฉัน มีคนมองเราอยู่”


----------------------


คุณศานค่าตัวแพงค่ะ ตอนนี้ไม่ออก ถถถถ ล้อเล่นน้า
ติชมได้เหมือนเดิมนะคะ รักนักอ่านทุกคน

ตามจริงแล้วเมลล่าว่าจะไปสอนพิเศษ แต่ไปๆ มาๆ จมอยู่กับนิยายเฉยเลย 5555+ เพราะใจนึงก็อยากเขียนให้จบ

จริงๆ แล้วทุกคนนอาจจะยังไม่รู้แต่เรื่องนี้ดำเนินมาเกินครึ่งแล้วน้า
เมลล่าคำณวนไว้ว่าน่าจะจบที่ราวๆ 30 ตอน ไม่น่าเกินไปกว่านี้ค่ะ
เราน่าจะไปถึงช่วงสุดท้ายของเรื่องกันตอนที่ราวๆ 20-21 ไปปิดปมที่ราวกับ 28-30 เจ้าค่ะ
เอ๊ะ ใบ้ไทม์ไลน์ทำไม 55555+

สำหรับตอนหน้า จะมีคนมองอยู่จริงหรือไม่ และคนมองจะเป็นใคร
หรือเป็นคนของคุณศานนท์อีกแล้ว
เอ๊ะๆๆๆ !

โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ

ลืมบอกว่า เร็วๆ นี้จะมีตอนพิเศษคั้นน้า ส่วนจะเป็นตอนพิเศษของใครโปรดติดตามเจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณนักอ่านทุกทั่น #กราบแบบเบญจางค์

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ลึกลับจัง  ศัตรูจะเยอะไปไหน?

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ตุลย์ก็ขยันเอาแต่ใจ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
เรามองตุลย์ อยู่นร้า

ออฟไลน์ waza

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
นิยายก็สนุกลุ้นทุกตอน แต่คนเขียนมาแบบกระปริบกระปรอยเหลือเกิน  :ling1: :katai1:

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
17.2


“นายรู้ได้ยังไง!?”


เขาขืนตัวไว้ อยากให้แน่ใจว่าหมอนี่ไม่ได้ตื่นตูมเออออไปเอง


 “เห็นผู้ชายตรงบันไดมั้ย”


เต้พยักเพยิดไปทางขวามือ มีชายคนหนึ่งสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นมีปก กางเกงขาสั้นสีขาว กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ใกล้ๆ บันไดเลื่อน


“ฉันเห็นเขาครั้งแรก คือตอนก่อนที่เราจะขึ้นลิฟท์”


“ใช่คนของคุณศานนท์หรือเปล่า?”


“ไม่ ถ้าใช่ฉันต้องเคยเห็น”


“นายแน่ใจนะ?”


ตุลย์หรี่ตา มองหน้าคู่สนทนาสลับกับชายคนดังกล่าว ขณะที่ถูกเต้ดึงแขนให้เดินต่อด้วยฝีเท้าที่ไม่รีบร้อนจนผิดสังเกตุ


ไม่รู้ว่าเพราะจินตนาการ หรือสัญชาตญาณบางอย่างในตัว ชั่วพริบตาที่ตุลย์หันหลังกลับไป ผู้ชายคนนั้นก็ถอนสายตากวิวทิวทัศน์ชั้นล่าง จ้องตรงมาที่เขาพอดี ทำเอาเขาขนลุกซู่อย่างห้ามไม่อยู่


“เดินปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พยายามอย่างทำตัวมีพิรุธ เราจะกลับไปที่ลานจอดรถ”


ถูกเต้ปราม เขาถึงรู้ตัวว่าตัวเองเดินเร็วผิดวิสัย ตุลย์ปรับฝีเท้าให้เป็นปกติ ข่มความกังวลไว้ในใจ ก่อนที่เต้จะนำเขาลงบันไดเลื่อน ปะปนไปกับฝูงชน


อย่างน้อยในที่พลุกพล่านพวกเขาก็ได้เปรียบกว่า


ลงมาถึงชั้นสี่ซึ่งเป็นชั้นที่จอดรถเอาไว้ พวกเขาก็ตรงไปยังทางออกที่ใกล้ที่สุด เต้คว้าแขนเขาด้วยมือข้างหนึ่งเหมือนกลัวว่าจะหลุดหาย ส่วนอีกมือผลักประตูกระจกพาทั้งคู่ออกสู่ลาดจอดรถที่ร้อนอบอ้าวต่างจากด้านใน


มอเตอร์ไซค์คู่ใจของอีกฝ่ายจอดอยู่ที่ล็อกกลางจึงต้องเดินออกไปไกลหน่อย ระหว่างทางเต้ก็เหลือบมองหลังเป็นระยะ แต่ไม่มีวี่แววว่าบุคคลคนน่าสงสัยตามมาแต่อย่างใด เช่นเดียวกับบิ๊กไบค์ของชายหนุ่มยังคงจอดอยู่ในสภาพเดิม ณ ที่เดิม ไม่มีวี่แววว่าถูกทำลายหรือขีดข่วนให้เป็นรอยใดๆ


เห็นแบบนี้ตุลย์ก็กอดอก ถอนหายใจเฮือก


...ไอ้หมอนี่แทบทำเขาหัวใจวาย!


“ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ นายคิดไปเองหรือเปล่า?”


เต้ไม่ได้สนใจที่เขาถาม แต่ก้มมองตัวถังแล้วงัดแงะอะไรของเจ้าตัวประหนึ่งคนหวงรถที่อยากเช็คให้แน่ใจว่าลูกรักของตัวเองปลอดภัยดี


“เฮ้ย! ถ้าไม่อะไรแล้วฉันจะกลับเข้าไปข้างใน” ตุลย์เรียกซ้ำ เสียงแข็ง


จู่ๆ ลากเขาออกมา แถมยังไซโครว่ามีคนตามอยู่จนต้องแยกกับเพื่อน ทั้งๆ ที่ไม่ได้ลา แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าคิดเองเออเองทั้งหมด จะให้เขาอารมณ์ดีใส่ก็ใช่เรื่อง


“ไม่ มันไม่ปกติ”

“อะไรไม่ปกติอีก ฉันหรือสมองนาย?”


เต้พูดอะไรเข้าใจยาก จนเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ถึงพบว่าสายไฟชุดหนึ่งในมือเต้ขาดทั้งแผง


“สายสตาร์ทโดนตัด ”


ประโยคนั้นทำเอาเย็นยะเยือกไปถึงสันหลัง


...บ้าไปแล้ว...


ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง...


“เราก็ไม่มาควรยืนอยู่ตรงนี้”


ตุลย์หันหัวกลับไปที่อาคารเร็วที่สุดเท่าที่จะคิดได้ แต่ยังไม่ทันได้ก้าวออกจากจุดเดิม กลุ่มชายฉกรรจ์สามคนก็เดินออกมาจากประตูห้าง


คนพวกนั้นไม่ได้ใส่สูท แต่ใส่เสื้อยืดสีดำเหมือนกันทั้งกลุ่ม ชายเสื้อดำมองมาที่เขา ก่อนเดินตรงมาหา ไม่ได้แสดงท่าทีคุกคาม แต่สัญชาตญาณก็ร้องบอกตุลย์ว่าพวกกำลังตกอยู่ในอันตราย


“วิ่ง!”


เต้กระชากตัวเขาวิ่งให้ และทันทีที่พวกเขาออกวิ่ง ชายพวกนั้นก็วิ่งตามมาเช่นกัน


“ตามไปเร็วเข้า!”


เสียงฝีเท้าดังอึกทึกไปทั่ว เนื่องจากจุดที่เต้จอดรถไว้เป็นล็อกกลาง และทางเข้าห้างถูกดัก พวกเขาจึงถูกต้อนให้วิ่งไปที่ระเบียงลานจอดรถซึ่งเป็นทางตันโดยปริยาย พอเหลือบมองออกไปยังอากาศว่างเปล่าด้านนอก ตุลย์ก็คิดออกอย่างเดียว...


“เราต้องปีนลงไป!”


ลานจอดรถของห้างแห่งนี้ถูกสร้างให้มีระยะระหว่างชั้นน้อยกว่าปกติ เพื่อให้พื้นที่ใช้สอยเกิดประโยชน์มากที่สุด จากที่ประเมิน ระยะห่างระหว่างชั้นที่พวกเขาอยู่และชั้นถัดลงไปจึงไม่น่ากว้างเกินหนึ่งช่วงตัวคน ตัวระเบียงก็ก่อจากซีเมนต์ ด้านบนมีราวจับเส้นยาวๆ หลอมเข้ากับตัวฐานแน่นหนา ถ้าระมัดระวังหน่อย พวกเขาน่าจะใช้ราว หย่อนตัวลงไปเหยียบระเบียงชั้นล่างได้


แต่เต้กลับคว้าแขนเขา วิ่งฉีกขวาออกไปที่มุมตึกอีกด้าน ระหว่างทางก็ซอกแซ่กผ่านรถที่จอดอยู่เพื่อถ่วงเวลา จนคลาดกับชายฉกรรจ์กลุ่มนั้น หากต่างคนก็ต่างรู้ดีว่าวิธีนี้ทำได้แค่ถ่วงเวลา ตราบใดที่จุดที่พวกเขาอยู่ยังเป็นทางตัน


“ตรงมุมตึกน่าจะมีท่อน้ำ นายปืนลงไปจากตรงนั้น”


ตุลย์ชะโงกหน้าออกไปนอกระเบียงก็พบท่อเหล็กยึดติดกับสันตึก ลากยาวจากลงไปถึงพื้นดินตามที่เต้ว่า ถึงแม้ว่ามันจะดูเก่า สนิมเขลอะ แต่การมีสิ่งของให้ยึดเกาะมากกว่าหนึ่งก็ย่อมปลอดภัยกว่า


ตุลย์ก้าวขาข้ามไปได้ข้างเดียว ถูกลมหวิวๆ จากชั้นสี่พัดผ่านร่าง เขาก็รู้สึกโหวงเหวงในอก หลังระเบียงซีเมนต์คือ ธาตุอากาศและความว่างเปล่าอย่างแท้จริง ไม่มีที่ให้เหยียบหรือยึดเกาะ นอกจากอาศัยกำลังแขนยึดราวซีเมนต์แล้วหย่อนตัวเองลงไป


ยิ่งกว่านั้นพอเหลือบมองลงไปด้านล่าง สิ่งของทุกอย่างก็ดูเล็กกว่าที่เคยเป็น เช่นเดียวกับผู้คนที่เดินขวักไขว่สวนกันไปมา


ความสูงขนาดนี้ หากตกลงไป ต่อให้โชคดีก็ยังมีโอกาสตาย...


“เจอพวกมันแล้ว!!”


 “ไปๆๆ เร็วเข้า!”


เต้สีหน้าเครียดจัด ฝ่ายนั้นมองเขาสลับกับชายฉกรรจ์ที่กำลังตรงเข้ามาเหมือนเหลือเวลาน้อยเต็มที


ตุลย์สูดหายใจเข้าแล้วก้าวขาอีกข้างไปสู่ความเวิ้งว้างว่างเปล่าอย่างไม่มีทางเลือก โดยที่มือทั้งสองยึดราวระเบียงไว้แน่น


นับว่าโชคช่วยอยู่มาก ที่ชั้นถัดลงมาสูงไม่เต็มความยาวตัวของเขา ใช้กำลังแขนขืนน้ำหนักตัวเองไว้ไม่นาน เท้าก็แตะเหยียบระเบียงชั้นล่างได้สำเร็จ อาศัยความช่วยเหลือจากท่อตรงมุมเสาเป็นหลักยืดอีกหน่อย เขาก็พาตัวเอาไถลเข้ามาในอาคารได้ในเวลาอันสั้น


ดูเหมือนสถานการณ์ทางฝั่งเต้จะบีบคั้นเต็มที เจ้าตัวถึงได้ลูกลี้ลูกลนปืนตามลงมาติดๆ ตุลย์ยื่นมือให้เต้ยึดเป็นหลักทันทีที่อีกฝ่ายเท้าเหยียบถึงระเบียง ชายหนุ่มก็ตอบรับความช่วยเหลือด้วยการคว้ามือ ก่อนที่เขาจะดึงเต้กลับเข้ามาในอาคารได้อย่างปลอดภัย และออกวิ่งต่อ


วิ่งมาได้ไม่ไกล จู่ๆ เต้ก็กดหัวเขาให้หลบใต้เงารถ ขณะที่เจ้าตัวโทรศัพท์หาใครสักคนโดยไม่พูด เห็นแบบนั้นตุลย์ก็ล้วงกระเป๋าตาม แต่กลับพบว่ามันว่างเปล่า


บ้าเอ้ย เขาลืมโทรศัพท์ไว้ที่คาเฟ่!!


เสียงตึงตังจากระเบียงทำให้ตุลย์ค่อยๆ ชะโงกกลับไปมองยังจุดที่พวกเขาหย่อนตัวลงมา ก่อนจะตกใจเมื่อหนึ่งในสามชายฉกรรรจ์ปีนตามลงมาด้วย


และที่แย่ที่สุดคือ จังหวะที่ชะโงกออกไป เขาบังเอิญสบตากับชายคนนั้นอย่างพอดิบพอดี...


“เฮ้ย! พวกมันยังอยู่ข้างล่าง!”


เวรเอ้ย! ที่เห็นในหนังแม่งคือเรื่องโกหกทั้งเพ!!


ตุลย์ลุกพรวดพราด ขาแทบพันกัน เขากระชากคอเสื้อเต้ที่ยังถือโทรศัพท์ ก่อนจะวิ่งออกมาอย่างไม่คิดชีวิต


ตุลย์นำไปยังประตูห้าง แต่ไปได้ครึ่งทาง ก็ถูกชายฉกรรจ์สองคนที่วิ่งลงมาจากทางลาดขาออกสำหรับรถยนต์ดักหน้าเสียก่อน


“บันได! ลงไปให้ถึงชั้นหนึ่ง!”


เต้ชี้ไปยังบันไดหนีไฟซึ่งอยู่หลบมุม อีกฝ่ายดันให้เขาวิ่งลงไปก่อนโดยมีตนเองตามมาติดๆ  ลงไปได้แค่สามเอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอึกทึกก็ไล่ตามหลังมา


พักหลังมานี้ตุลย์ไม่ค่อยได้แตะกีฬาเพราะติดงานถ่ายแบบ บันไดจึงทำให้เขาความเร็วตกอย่างเห็นได้ชัด ลงมาได้อีกครึ่งชั้น เขาก็ตัดสินใจเปลี่ยนทิศทางกลับเข้าห้างแทน เพราะหากใช้บันไดต่อไป กลุ่มคนพวกนั้นคงไล่ตามทันในเวลาอันสั้น


“ตุลย์ เดี๋ยว!!”


ตุลย์ถลาตัวผ่านมุมอาคารซึ่งเป็นจุดมืดอย่างเร่งรีบโดยที่เต้รั้งไว้ไม่ทัน


แต่แล้วชั่วพริบตามือใครบางคนก็คว้าหมับเข้าที่เอวจากด้านหลัง ตวัดแขนล็อคคอ ปิดปากเขาแน่น เขาตะโกนเรียกเต้ แต่กลับได้ยินแค่เสียงอู้อี้ของตัวเอง และฝีเท้าของชายฉกรรจ์ที่ใกล้ราวกับอยู่ข้างตัว มันทำให้ตุลย์ตกใจและเริ่มดิ้นอย่างคนเสียสติ


เสียงเอี๊ยดล้อยางบดถนนของรถเอสยูวีดังลั่นบาดหูจนเขาต้องหลับตาแน่นเพราะประสาทการรับรู้ใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มที จากนั้นประตูรถดีดเปิด ก่อนที่ชายฉกรรจ์เจ้าของพันธนาการจะยัดเขาใส่รถ ตามด้วยตนเอง 


แล้วรถก็ขับออกไปแบบเหวี่ยงซ้ายจัด พร้อมกับเสียงล้อบดยาวเสียดหู จนร่างเขาและชายคนนั้นไหลไปกองรวมกันอยู่ที่เบาะอีกข้างเพราะตั้งตัวไม่ทัน


ปัง!


เสียงคล้ายปืนทำให้เขาสะดุ้ง ตุลย์คู้ตัวก้มหัวต่ำ ปิดหูตัวเองด้วยมือสองข้างตามสัญชาตญาณ ก่อนที่มันจะดังไล่หลังมาอีกสามนัดติด ตามด้วยเสียงคล้ายแก้วแตกกระจาย


ปัง! ปัง! ปัง!


“ไปโว้ยๆ ๆ !!”


ตุลย์รู้สึกได้ว่าร่างตัวเองกำลังสั่นอย่างไร้การควบคุม ลมหายใจหอบกระชั้นเพราะตกใจสุดขืด หูทั้งสองอืออึง แต่กลับมีเสียงปืนดังก้อง สะท้อนไปมาในโสตประสาทราวกับมีใครบางคนลั่นไกใส่หูเขา หลังเย็นเต็มไปด้วยเหงือกกาฬ ขณะภาพที่มองผ่านดวงตาเริ่มปรากฏจุดเล็กละเอียดกระจายอยู่เต็มภาพจนเกือบเป็นสีดำ


คล้ายกับได้เสียงสนทนา แต่กลับฟังไม่ได้ศัพท์ จากนั้นรถเหวี่ยงติดๆ กันอีกสองสามครั้ง  แล้วเขาก็ไม่รับรู้อะไรอีก...


จนกระทั่งทุกอย่างจะเริ่มนิ่ง...


นิ่งและเงียบเหมือนโลกกำลังหยุดหมุน


“มึงลองดูซิ ว่าเป็นอะไรมั้ย ช็อกไปแล้วมั้งน่ะ”


เสียงดังมาจากฝั่งคนขับ เป็นเสียงที่เค้าคุ้นเคย ตามด้วยแรงเขย่าจากมือของชายฉกรรจ์ข้างกาย


“คุณหนู” ฝ่ายนั้นเพิ่มแรงเมื่อเขาไม่ตอบสนอง แล้วตบหน้าเขาเบาๆ เรียกสติ “คุณหนูบาดเจ็บตรงหรือเปล่า?”


“อุตส่าห์บอกแล้วว่าจะไม่พามา ก็ยังหนีมาจนได้ ไอ้เด็กนั่นก็อีกคน! เกลือเป็นหนอนเฉ๊ย ให้ตามดู ไม่ใช่ให้ตามไปก่อเรื่องด้วย โอ้ย! ซ้องแซ้ง มันซามถูกผัดนัก


[อุตส่าห์บอกแล้วว่าจะไม่พามา ก็ยังหนีมาจนได้ ไอ้เด็กนั่นก็อีกคน! เกลือเป็นหนอนเฉ๊ย ให้ตามดู ไม่ใช่ให้ตามไปก่อเรื่องด้วย โอ้ย! หงุดหงิด มันน่าโดนดุนัก]


ตุลย์มองหน้าชายฉกรรจ์ ฝ่ายนั้นสวมทั้งเชิ้ตและสูทสีดำ ก่อนจะค่อยๆ ยืดตัวขึ้นนั่งอย่างไม่เข้าใจนัก เขาชะโงกมองผ่านกระจกหลังก็พบว่า เจ้าของฝีมือขับรถเหวี่ยงๆ เมื่อครู่ คืออเนก ส่วนผู้โดยสารเบาะหน้าอีกคนคือ ชายผิวสีน้ำผึ้งในสูทดำ คนเดียวกับที่เขาเจอตอนออกไปซื้อเครื่องเขียน


“ตะ เต้ล่ะครับ” เสียงเขาสั่นน่าตกใจ


“ตามออกมาแล้วครับ เพื่อนร่วมงานผมโทรมาแจ้งว่าปลอดภัยดี ไม่เป็นต้องห่วง” 


ชายผิวสีน้ำผึ้งตอบ


“สถานการณ์คร่าวๆ ตอนนี้ โดยรวมสงบดี อยู่ภายใต้การควบคุม แต่รถที่คุณกำลังนั่งกระจกข้างแตก ส่วนการ์ดถูกยิงคนหนึ่ง แต่ไม่ใช่จุดสำคัญ”


สิ่งที่ได้ฟังทำเอาเขาหาเสียงไม่เจอ “ผะ ผมไม่รู้ว่าเรื่องมันจะใหญ่ขนาดนี้ ...กะ ก็คุณศานนท์เป็นเจ้าของชาไม่ใช่เหรอครับ ผมไม่คิดว่ามันจะต้องถึงขั้น...”



ยิงกัน...


อเนกฟังเขาแล้วก็ยิ้มแห้ง


“ไอ้ปัญหาทางฝั่งพวกผมน่ะไม่เท่าไหร่หร๊อก ยังไงหน้าที่ผมก็คือดูแลคุณ ส่วนเรื่องพวกนี้ เสี่ยคงปิดคุณไปได้อีกไม่นานอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ผมว่า... คุณควรเตรียม ‘คำอธิบาย’ ให้เสี่ยก่อน เพราะผมว่าเขาคง ‘ไม่แฮปปี้’ กับเรื่องนี้เท่าไหร่”



--------------------------


เมลล่าป่วยย ฮืออออ เลยหายไปนานกว่าปกติ (เอ๊ะ ปกติหายนานกว่านี้)
ตอนนี้ไม่ได้ขัดละเอียดเท่าไหร่ มีจุดไหนที่แปลก สามารถติได้เหมือนเดิมเจ้าค่า
ตอนนี้จริงๆ แล้วค่อนข้างยาว เมลล่าเลยตัดสินใจลงก่อน 80% เพราะตอนต่อไปจะเป็น special 
ถ้าตัดแล้วเหลือเศษทิ้งไว้มันก็จะแปลกๆ
ทิ้งท้ายไว้แค่นี้ก่อนเจ้าค่า
ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่ยังติดตามน้า
ปล. เมลล่าพยายามอัพรัวๆ ฮื่อออ มายิบๆ ย่อยๆ นิดนุง เพราะเปิดเทอมกลัวจะมาได้ไม่บ่อยเท่านี้เจ้าค่ะ
อยากปั่นหนูตุลย์ให้เสร็จ กรีสสสส

ติดตามเมลล่าได้ที่เพจ : https://www.facebook.com/Iamcaramella
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-07-2018 23:52:17 โดย Caramella »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ความลับเยอะจริงนะ

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
น่ากลัวมาก ชุลมุนวุ่นวายมากเลยด้วย


หรือว่าเสี่ยคนเก่าเจ้าของผับอยากได้ตุลย์คืน


ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตื่นเต้นๆๆ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
แย่ล่ะ

เสี่ยงอนเลย ให้เด็กง้อ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เสี่ยฆ่าตายแน่งานนี้

ออฟไลน์ kimkidoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เดี๋ยววววววว ไม่คิดว่าจะมาบู๊ แอคชั่นกันขนาดเน้
เริ่มสงสัยแล้วว่าทำไมเสี่ยถึงห่วงตุลย์ขนาดนี้อ่ะ
เป็นที่ตัวเสียเองหรือที่ตัวตุลย์???????
ปล.เต้จะโดนอะไรไหมเนี่ยยยยยยยยวย :katai4:

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
18th Night : ความลับ


ตุลย์นั่งเงียบมาตลอดทางจนอาทิตย์ตกดิน ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำ แม้ว่าทางที่อเนกบังคับรถมุ่งหน้าไปจะไม่ใช่เส้นทางที่คุ้นเคย และเขาไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นกำลังพาตนเองไปไหน แต่ตุลย์ก็เลือกจะเงียบ


...ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขายังช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่อยากพูดถึงมันเท่าไหร่


เขาเหม่อมองทิวทัศน์ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน จนกระทั่งรถเลี้ยวซ้ายเข้าไปในเขตอาคารที่มีแสงไฟสว่างโล่ วนเกาะกลางรอบหนึ่งแล้วจอดเทียบฟุตบาตหน้าตึกสูงใหญ่คล้ายบริษัทอะไรสักอย่าง เขาถึงรู้สึกตัว


“ถึงแล้วครับ คุณตุลย์”


อเนกพูดขึ้นท่ามกลางเสียงแอร์เงียบฉี่ ก่อนที่การ์ดข้างๆ จะลงจากรถ อ้อมไปเปิดประตูฝั่งเขา แล้วถือค้างไว้เป็นเชิงเชิญให้ลงจากรถ


“เขาจะพาคุณไปหาเสี่ย ส่วนผมวนรถแล้วจะตามไปนะ” ถูกกระตุ้นซ้ำ ตุลย์ก็จำใจต้องก้าวขาลงอย่างเสียไม่ได้


ชายฉกรรจ์นำเขาผ่านประตูอัตโนมัติเข้ามาด้านในดึกสวนกับผู้คนที่ไขว่ขวั่กเข้าออก โดยที่มีอีกคนหนึ่งเดินประกบหลัง 


ภายในอาคารจัดได้ว่าคึกคักด้วยผู้คน พื้นที่ตรงล็อบบี้ยังถูกจับจ่ายใช้สอยโดยกลุ่มพนักงาน แม้จะล่วงเลยมาเกือบสองทุ่มแล้ว ระหว่างทางที่ถูกการ์ดนำมุ่งหน้าไปยังลิฟท์ ตุลย์สังเกตุเห็นชายฉกรรจ์อีกหลายคนเดินปะปนอยู่ตามพื้นที่ส่วนต่างๆ


ส่วนใหญ่คนพวกนี้มักจะใส่หูฟัง และสวมสูทโทนสีเข้ม ไม่อย่างนั้นก็จะใส่ชุดทางการคล้ายๆ กัน ทำให้แยกออกจากพนังงานได้ไม่ยาก


"เชิญครับ”


หนึ่งในนั้นเดินเข้าไปภายในลิฟท์ แล้วก็ผายมือเชิญ ตุลย์จึงเบนสายตากลับมา แล้วเดินตามเข้าไปเงียบๆ ก่อนที่ลิฟท์จะมุ่งหน้าขึ้นไปยังชั้นยี่สิบเอ็ด


สักครู่ใหญ่ๆ ประตูก็เปิดออก จากนั้นชายคนเดิมนำเขาไปยังห้องๆ หนึ่งซึ่งอยู่เกือบสุดมุมของโถงด้านเดิน ด้านหน้าห้องมีโต๊ะทำงานค่อนข้างใหญ่ พร้อมคอมพิวเตอร์ และข้าวของเครื่องใช้ในสำนักงาน เขาเดาว่าคงเป็นโต๊ะเลขา ทว่าปราศจากวี่แววของเจ้าตัว


ชายฉกรรจ์คนดังกล่าวหยุดหน้าห้อง เคาะประตูห้องเบาๆ เพื่อขออนุญาต ก่อนจะเปิดมัน เชื้อเชิญเขาโดยที่ตนเองไม่ตามเข้าไป


“ใครบาดเจ็บ?”


นั่นเป็นประโยคแรกที่ตุลย์ได้ยิน ตอนที่ก้าวเท้าเข้ามาในห้อง เจ้าของเสียงคือ ศานนท์ ซึ่งนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานด้านซ้าย ตรงข้ามกันนั้นคือชายฉกรรจ์ค่อนข้างมีอายุยืนอยู่ก่อน


หนุ่มใหญ่เหลือบมองเขาแค่หางตา จากนั้นหันไปหาคู่สนทนาเป็นเชิงขอคำตอบ


“เด็กใหม่ครับ ถูกยิงที่แขน หนึ่งในคนที่ผมสั่งให้คอยตามดูคุณหนู”


หนึ่งในคนที่ตามดูเขา...?


ผู้ชายผิวขาวที่ดึงเขาไว้ตอนก้มเก็บถุงกระดาษเมื่อวานน่ะเหรอ? ว่าไปแล้ว เขาก็ยังไม่เห็นการ์ดคนนั้นเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง...



“แล้วตอนนี้เป็นยังไง”


“ทำแผลอยู่ที่โรงพยาบาลครับ กระสุนไม่ได้โดนจุดสำคัญ”


“......”


เขารู้ไม่รู้จริงๆ ว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตจนมีคนบาดเจ็บ


ตุลย์เดินเลี่ยงเงียบๆ ไปนั่งรอบนโซฟามุมห้อง รอทั้งคู่ถกเถียงเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้นจนจบ ไม่นานจากนั้นชายฉกรรจ์คนดังกล่าวก็ขอตัวเดินไปออกอย่างสุภาพ ในห้องจึงเหลือแค่เขากับศานนท์ และบรรยากาศชวนกระอักกระอ่วน


“ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าไป” ศานนท์พ่นลมหายใจ หลังจากเสียงประตูปิดลง


 “......”


“ฉันจำเป็นต้องทิ้งประชุมเย็นนี้มา เพราะเรื่องเธอ ทำไมเธอถึงไม่ฟังกันบ้าง?”


น้ำเสียงและสีหน้าของหนุ่มใหญ่ปราศจากความโกรธ ราบเรียบ แต่เต็มไปด้วยการคาดคั้นเอาคำตอบเสียจนทำให้คนฟังอย่างเขารู้สึกอึดอัด


“...กะ ก็ผมไม่คิดว่าเรื่องมันจะใหญ่โตขนาดนี้”


“ฉันเตือนเแล้ว ถ้าเธอฟังแต่แรก เรื่องก็จะไม่วุ่นวายอย่างตอนนี้ ไม่มีอะไรเสียหาย ไม่มีใครบาดเจ็บ”


ตุลย์เม้มปากแน่น “แล้วคุณจะให้ผมรู้ได้ยังไงว่า กะอีแค่การไปห้าง มันจะบานปลายเป็นเรื่องที่ต้องชักปืนยิงกัน”


“ฉันบอกเธอแล้วว่า ฉัน-มี-ปัญหา-กับ-ลูกค้า คำพูดของฉันมันเชื่อถือไม่ได้เหรอ? เธอถึงต้องดันทุรังไปพิสูจน์เอง”


ศานนท์ย้ำชัดทุกพยางค์ สบกันดวงตาที่นิ่งเรียบจนอ่านไม่ออก ตุลย์ก็ชักประหวั่น ตอบอึกอัก


“ละ แล้วทำไมคุณไม่ชัดเจนกับผมตั้งแต่ล่ะครับ? ว่าลูกค้าคุณอันตราย คุณไม่บอกเหตุผล แถมยังส่งคนมาตามดูผมโดยที่ผมไม่รู้ เรื่องเต้ก็เหมือนกัน ทีแรกคุณรับปากว่าจะให้ผมจัดการปัญหาของผมเอง ถ้าไม่เกิดเรื่องวันนี้ ผมคงไม่มีวันรู้จากปากคุณ”


“ก็แล้วถ้าฉันไม่ให้คนตามเธอ ตอนนี้เธอจะอยู่ที่มหา’ ลัยอย่างที่ฉันขอหรือเปล่าล่ะ?”


“......”


ถูกสวน ทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แก่ใจ


“รู้มั้ย... ว่าถ้าเต้ไม่ตามเธอไปวันนี้ เธออาจไม่ได้กลับมายืนคุยกับฉัน”


ประโยคนั้นทำเอาเขาได้แต่กลืนคำพูดต่างๆ กลับลงไปพร้อมความอัดอั้นระคนรู้สึกผิด


จู่ๆ การสนทนาของพวกเขาก็ถูกขัดด้วยเสียงเคาะประตูเบาๆ ตามด้วยมาเยือนใหม่อีกสองคนจะเปิดประตูเข้ามา ซึ่งไม่ใช่ใครนอกจากอเนกและเต้ ก่อนที่ทั้งคู่ถูกศานนท์ยิงคำถามใส่แทบในทันที


“มีอะไรจะแก้ตัวมั้ย?”


“ไม่ครับ เป็นความผิดผมเองที่หละหลวม เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าผมจับตาดูคุณหนูให้ดี ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัว” อเนกค้อมศีรษะ “ความเสียหายที่เกิดขึ้น เป็นความรับผิดชอบของผมแต่เพียงผู้เดียว”


“นั่นไม่ใช่ข้อผิดพลาดที่ฉันหวังว่าจะได้ยิน”


“ผมทราบดีครับ ว่ามันไม่ควรเกิดขึ้น...”


“คุณ... พี่เอกไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้”


ตุลย์โพล่งขัดเรียกความสนใจจากทั้งคู่ เขารู้ดีว่ามันไม่มีมารยาท แต่จะปล่อยให้คนที่ช่วยมารับผิดแทนเขา โดยไม่ทำอะไร เขาทำไม่ได้หรอก


“ผมเป็นคนบังคับเต้ หมอนี่ขัดผมไม่ได้ถึงพาผมไปที่ห้างตามนัด ถ้าจะเป็นความผิดใคร มันก็ควรจะเป็นความผิดผม”


“ฉันเป็นคนสั่งให้พวกเขาดูแลไม่ให้เธอเป็นอันตราย ไม่ใช้ให้ไปช่วยเธอก่อเรื่อง” ศานนท์ปราดมองใส่ผู้มาเยือนใหม่ทั้งสอง “...ถ้าทำตามคำสั่งไม่ได้ก็คือ ‘พกพร่องในหน้าที่’ ส่วนเธอ... แน่นอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของเธอมากที่สุด”


“........”


“เรื่องเธอไว้ค่อยคุยกันทีหลัง คนของฉันจะพาเธอกลับบ้านก่อน ส่วนฉันยังมีธุระอื่นต้องจัดการ”


หนุ่มใหญ่ตัดบทสั้นๆ แม้จะเป็นแค่ประโยคบอกเล่าธรรมดา อเนกก็ไถลตัว เปิดประตูเรียกการ์ดที่เฝ้าอยู่ด้านนอกให้อย่างรู้งาน ก่อนที่เขาจะถูกเชิญออกแกมบังคับ โดยอดเหลียวหลังกลับไปมองทั้งสองคนในห้องไม่ได้


...เขาเป็นต้นเหตุเองแท้ๆ แต่กลับทำให้คนอื่นต้องมาซวยไปด้วย บ้าที่สุด!





ตุลย์กลับถึงบ้านทั้งๆ ที่ความรู้สึกผิดยังตกค้างอยู่ในใจ ส่วนการ์ดที่มาส่งเขาก็ยืนกรานจะอยู่เพื่อเช็คความปลอดภัยจนถึงเช้า เดาว่าหนึ่งใน ‘ความปลอดภัย’ ที่ว่าก็คงรวมถึงการตรวจตราให้มั่นใจว่าเขาจะไม่หนีออกจากบ้านในดึกนั่นแหละ


ถึงแม้บ้านของศานนท์จะกว้างใหญ่ไพศาลขนาดจุคนได้เป็นสิบโดยเดินยังไงก็ไม่มีทางไหล่ชนกัน แต่การถูกคนนอกคอยจับตามองในระยะใกล้ชิด มันก็ทำให้เขาประหม่าอย่างบอกไม่ถูก


 ปกติเขามักแก้ปัญหาด้วยการเล่นโทรศัพท์ แต่พอนึกได้ว่าตัวเองลืมโทรศัพท์ไว้ที่คาเฟ่ เลยปลี่ยนใจขึ้นห้องไปอาบน้ำแทน


น้ำเย็นๆ จากฟักบัวที่ไหลชะโลมทั่วร่างกายทำให้ตุลย์รู้สึกสงบลง จากนั้นเขาก็ปล่อยตัวเองให้จมจ่อในภวังค์ ทบทวนภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหัวซ้ำ แม้ว่าจิตใต้สำนึกในใจจะวอนขอให้มันไม่ได้เกิดขึ้นจริง


มาคิดๆ ดูแล้วศานนท์ก็พูดถูก... บางทีเขาก็อาจเรียกร้องมากเกินไป


เรื่องที่หวังให้หนุ่มใหญ่ชัดเจนกับตัวเองทั้งๆ ที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีความรู้สึกผูกพันธ์อื่นใดนอกเหนือจากเพื่อนร่วมชายคา 


ทำไมศานนท์จะต้องพยายามถนุถนอมความสัมพันธ์แค่คนรู้จัก ถึงขนาดปรับเปลี่ยนนิสัยตนเองตามที่เขาเรียกร้องด้วยเล่า?


บางทีถ้าหากเชื่อฟังอีกฝ่าย และอดใจ ‘รอ’ อีกนิด เรื่องวันนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ไม่มีความเสียหาย ไม่มีใครบาดเจ็บ ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติทุกวันอย่างที่เขาพึงพอใจ


...แต่เขากลับเลือกอีกอย่าง ทั้งที่ลึกๆ ก็รู้อยู่แก่ใจว่า ศานนท์ มีความจำเป็น ถึงรั้งไม่ให้ไป ถึงอย่างนั้นเขาก็ยัง ‘ดื้อด้าน’ จะทำตามใจมากกว่าใช้เหตุผล จนสุดท้ายก็เป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องทั้งหมดขึ้น 


เขาควร ‘ขอโทษ’ศานนท์... ถึงแม้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจะบานปลายถึงขนาดที่ตัวเขาเพียงลำพัง ไม่อาจชดใช้ได้ก็ตาม...


ตัดสินใจได้แบบนั้น ตุลย์ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาแต่งตัวด้วยชุดลำลองทั้งที่ผมเปียกหมาด ตั้งใจจะลงไปชั้นล่าง รอจนอีกฝ่ายกลับมาแล้วทำให้ทุกอย่างมันถูกต้องเสีย


ทว่าจังหวะที่กำลังแง้มประตู ตุลย์ก็ต้องชะงักเมื่อเขาเกือบปะทะกับศานนท์ที่ยืนจังก้าอยู่หน้าห้อง ฝ่ายนั้นเองก็อยู่ในท่าที่เหมือนกำลังจะเคาะประตูเรียกเขาเช่นกัน


“ฉันอยากคุยกับเธอหน่อย”


“ผมอยากคุยอะไรกับคุณหน่อย”



“.........”


เพราะต่างคนต่างพูดพร้อมกัน จึงได้ความเงียบเป็นคำตอบทั้งคู่


“เธอว่าก่อนสิ”


แต่พอศานนท์เปิดช่องให้ ก็กลายเป็นเขาอึกอัก เพราะรู้สึกประหม่าเสียเอง


“คือ... ผมลองมาคิดๆ ดูแล้ว ทั้งหมดเป็นความผิดของผม ผมดันทุรังกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเกินไปจริงๆ ทั้งที่คุณก็เตือนแล้วเพราะเป็นห่วงสวัสดิภาพ แต่ผมก็ยังดึงดันไม่เข้าเรื่อง เอ่อ... ผมแค่อยากขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมรู้ว่ามันช่วยแก้ไขอะไรไม่ได้ ...แต่ เอ่อ อย่างน้อย ผมก็คิดว่าผมควรทำอะไรสักอย่าง... ผมขอโทษจริงๆ...”


หนุ่มใหญ่แค่รับฟังเงียบๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย มันทำให้เขาไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นคิดยังไงกับคำขอโทษ จนอดเม้มปากอย่างเคยชิน


“ขอเข้าไปในห้องได้มั้ย”


“......” ตุลย์ไม่ตอบคำถาม แค่พยักหน้า


ศานนท์ก็เดินไปทิ้งตัวบนขอบเตียง ถอนหายใจหนักพลางลูบหน้าผาก


“จริงๆ มันก็เป็นความผิดของฉันครึ่งหนึ่ง อย่างที่เธอว่า ฉันไม่ชัดเจนกับเธอ...ฉันส่งคนไปตาม ปิดเรื่องเงียบกริบ แล้วยังถามหาความเชื่อใจจากเธออีก”


“......”


“ที่ฉันไม่พูดเรื่องลูกค้ากับเธอตรงๆ แต่แรก นั่นเพราะฉันไม่อยากให้เธอเป็นกังวล และก็ไม่อยากให้เธอเขามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ก็อย่างว่า ฉันปิดเธอตลอดไปไม่ได้... ”


“.......”


ศานนท์เงียบไปอึดใจราวกับกำลังไตร่ตรองถึงสิ่งที่กำลังจะพูดในอีกวินาทีข้างหน้า ขณะที่เขาเพียงแค่ยืนรอฟังเงียบๆ จวบจนกระทั่งอีกฝ่ายเปล่งเสียง


“...จริงๆ แล้วคนที่ตามล่าเธอวันนี้ไม่ใช่ลูกค้าปัจจุบันของฉัน แต่ ‘เคยเป็น’ ลูกค้า สมัยที่ยังไม่รามือจากวงการ”


“วงการอะไรครับ?”


ตุลย์ทวนคำ แต่พอสมองเริ่มประเมินเหตุการณ์ได้ เขาก็แค่เหยียดยิ้มอ่อนๆ อย่างเอือมระอากับโชคชะตา


“อ๋อ คุณก็เคยจับธุรกิจใต้ดินเหมือนกันสินะ”


---------------------------------


ยังมีใครแปลกใจกับเรื่องนี้มั้ยคะ หรือว่าคาดการณ์กันเอาไว้แล้ว 55555
ได้เวลาเฉลยภูมิหลังของคาแรกเตอร์นี้สักที!
คุณศานตอนหนุ่มๆ นี่นิสัยเป็นยังไงกันหนออ


ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมเมลล่าไม่เอาไว้ต่อกันตอนที่ 17 ก็เพราะว่าเนื้อหามันเกินมาจะครึ่งตอนแล้ว 555
เมลล่ารู้สึกแปลกๆ ถ้าทำให้ตอนหนึ่งมีความยาว 15-17 หน้า ถถถถ ทั้งที่เขียน 9-11 ตลอด
 
สัญญาเอาไว้ว่าจะมาหลังวันที่ 1 แต่พอยุ่งแล้วก็ลากยาวเลยค่ะ จนนี่ปาไป 18 แล้วว
กราบขออภัยนักอ่านทุกท่านเป็นอย่างสูง ฮื่อๆๆๆๆๆ
แต่มาช้าก็ยังดีกว่าไม่มา!
เมลล่าเปิดเรียนแล้ว ความจริงที่โหดร้ายรออยู่ (ฮา)
สุดท้ายขอบคุณที่ยังติดตามเจ้าค่ะ
ฝากเพจไว้เหมือนเดิมที่ : https://www.facebook.com/Iamcaramella

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2018 23:37:58 โดย Caramella »

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
คุณศานนท์ เป็นมาเฟีย

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ฟังที่คุณเขาพูดก่อนนนน

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อ่านรวด้ดียวมาถึงตอนนี้ แรกๆส่งสารตุลน์มากหลังๆนี่เริ่มหทั่นไส้เหมือนกันนะกับความดื้อเนี่ยะ แรกๆมันหน่วงหน่อยเพราะทางเลือกสีเทาๆของตุล แต่หล้งๆมียิงกันด้วยนี่มันอะไรรร ตื่นเต้นไปอีก ว่าแต่ว่าตุลจะเริ่มรักเริ่มชอบลุงเค้าเมื่อไหร่ ดูไม่มีวี่แววเลยอ่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด