SIDELINE. ผมเป็นเด็กเสี่ย (21.03.21) ตอนพิเศษ อาถรรพ์ดินเนอร์ (1) [Updated]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: SIDELINE. ผมเป็นเด็กเสี่ย (21.03.21) ตอนพิเศษ อาถรรพ์ดินเนอร์ (1) [Updated]  (อ่าน 128835 ครั้ง)

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
[10.2]

“ดูหนังด้วยกันไหม”


นั่นคำถามจากปากของคนที่เพิ่งกลับถึงบ้าน ขณะกำลังถอดเสื้อนอกพาดบนพนักเก้าอี้ ตุลย์เงยหน้ามองอีกฝ่ายแว่บหนึ่ง ก่อนจะก้มลงไปขมักขม่นกับการดึงจุกไม้คร็อกบนขวดไวน์ที่เขาโปรดปรานหนักหนา


“เรื่องอะไรครับ”


“หนังสุดสัปดาห์น่ะ ฉันก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร” หนุ่มใหญ่เปิดทีวีไล่ช่องไปเรื่อย และนั่งลงเมื่อยืนนานเกินไปจนชักจะเมื่อยขา “เหมือนจะเป็นหนังรักคอมเมดี้ อยากดูด้วยกันไหม”


“ก็ได้ ถ้าคุณว่างั้น”


ได้ยินแบบนั้น ศานนท์ก็ตบที่นั่งข้างๆ ปุๆ ซึ่งตุลย์ก็นั่งลงตาม โดยไม่ลืมหยิบเครื่องดื่มที่แสนโปรดปรานอย่างไวน์ติดไม้ติดมือมาด้วย


สัปดาห์ที่ผ่านมาถือว่าเป็นไปอย่างราบรื่นกว่าครั้งไหนๆ ราบรื่นเสียจนแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังแปลกใจ ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยแบบที่เฝ้าใฝ่ฝันตลอดมา พยายามไขว่คว้าก็ตั้งเท่าไร แต่สุดท้ายกลับได้มาอยู่ในกำมือง่ายๆ โดยไม่ต้องขวนขวายเกินตัว


บทจะง่ายก็ง่ายดายเสียอย่างกับตกถังข้าวสาร แต่ถึงคราวยาก ทุ่มเทเท่าไหร่ กลับเหมือนหว่านเม็ดพันธุ์บนผืนทรายทั้งที่รู้ว่าเหนื่อยเปล่า


...เพราะรู้ว่าไม่อาจหยุดช่วงเวลาในห้วงอารมณ์สุขนี้ได้ยาวนานนัก สิ่งที่เขาพอทำได้ คือตักตวงมันเอาไว้ในความทรงจำตอนที่ยังมีโอกาส จะได้ไม่เสียใจตอนที่หวนนึกย้อนมา


คิดไปก็กระดกไวน์ไปพลาง ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อรสชาติที่สัมผัสลิ้นนั้น ทั้งแรงและขมปร่ากว่าทุกที แต่กระนั้นก็ปราศจากความคิดที่จะเลิกดื่ม


จะให้ทำไงได้ในเมื่อหนังมันออกจะน่าเบื่อ ถ้าไม่มีอะไรดึงความสนใจไว้หน่อย เขาคงได้หลับตั้งแต่ห้านาทีแรกแล้ว...


ทีจริงการนั่งดูหนังเป็นเพื่อนใครคนหนึ่งสักเรื่องสองเรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา เขาทำแบบนี้ออกบ่อยไปสมัยเรียนมัธยม แต่ด้วยความที่เดิมทีไม่ชอบคลุกคลีกับสื่อประเภทนี้อยู่แล้ว พอมาเป็นหนังโรแมนติกคอมเมดี้แนวตลกเลอะเทอะซึ่งนอกจากจะไร้สมองแล้ว ยังเข้าถึงยากอีก คราวนี้เขาเลยไม่ยักกะขำ


“ฮ่าๆ ๆ ๆ”


...ทว่าดูเหมือนคนข้างๆ จะไม่คิดเช่นนั้น หนุ่มใหญ่นอกจากจะหัวเราะร่วนเป็นพักๆ แล้วยังอินกับเนื้อเรื่อง จดจ่ออยู่กับทีวีชนิดตาไม่กระพริบจนเขาไม่อยากขัด


คงเพราะถูกจ้องนานเกินไปหน่อย ฝ่ายนั้นถึงรู้สึกตัว หันมาเลิกคิ้วแกมสงสัยใส่เขาในขณะที่ใบหน้ายังเปื้อนยิ้มไม่หาย


 “ทำไมหืม ไม่ขำเหรอ?”


 “ไม่รู้สิครับ ผมไม่ค่อยอินล่ะมั้ง”


ได้ยินแบบนั้น ศานนท์ก็หยิบรีโมทส่งให้เขาด้วยท่าทีคล้ายจะถามว่า ‘อยากดูอะไร’ ความรวดเร็วนั้นทำให้ตุลย์ได้แต่ส่ายหน้าพัลวัน


“คุณดูเถอะครับ ที่จริงผมไม่ค่อยชอบดูหนังเท่าไหร่ แต่จะนั่งเป็นเพื่อนคุณจนกว่าหนังจะจบแล้วกัน”


ไม่เห็นว่าศานนท์ค้านอะไร เขาจึงสรุปเอาเองว่าตกลง หากนิ่งอยู่ได้ไม่นานนัก พอความเบื่อหน่ายเริ่มครอบงำ ตุลย์ก็อกไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตอบข้อความ เปิดดูคลิปวีดีโอต่างๆ ไปพลาง กันไม่ให้ตัวเองผล็อยหลับดื้อๆ ขณะที่มือก็ยังวนเวียนอยู่กับแก้วไวน์และขวดเหล้าไม่ห่าง


แต่ที่น่าแปลกใจ คือยิ่งดื่มมาก สิ่งอยู่ในมือกลับน่าสนใจน้อย สติสัมปชัญญะของเขาเริ่มถูกดึงกลับไปยังจอสี่เหลี่ยมของโทรทัศน์มากขึ้น จนกระทั่งตอนไหนไม่รู้ที่ตัวเองเริ่มหัวเราะไปกับมุกตลกหาสาระไม่ได้ ทั้งที่ไม่เข้าใจเนื้อเรื่องสักนิด


ตุลย์ดื่มไปก็หลุดหัวเราะไปเป็นระยะ แต่จังหวะที่เขากำลังกระดกแก้วส่งของเหลวอึกสุดท้ายเข้าปากรวดเดียว จู่ๆ แขนขวาก็ถูกยึดค้างกลางอากาศแบบไม่พูดพล่ามทำเพลง เล่นเอาตกใจจนเกือบทำไวน์หกใส่เสื้อ


ตุลย์ขมวดคิ้ว “มีอะไรครับ?”


“หาอะไรใส่ท้องสักหน่อยสิ ดื่มตอนท้องว่างเดี๋ยวจะเป็นโรคกระเพาะเปล่าๆ”


ฟังผิวเผินคล้ายการกับข้อเสนอแนะ ถ้าไม่ใช่ว่าหนุ่มใหญ่ถือวิสาสะแกะแก้วออกจากมือเขา แล้ววางปุไว้บนโต๊ะเป็นสิ่งถัดมา


สองสามวันมานี้ ศานนท์แสดงออกให้เห็นว่าไม่ค่อยพอใจที่เขาดื่มไวน์แทนน้ำเปล่าเป็นว่าเล่นทุกเย็น ถึงจะเป็นวิธีอ้อมๆ แต่มันก็ชัดเจนพอจะเข้าใจนัยยะที่แฝงว่า ซึ่งที่สำคัญคือ ‘มันน่าอารมณ์เสีย’


“ผมไม่หิว”


 เขาตอบตามตรง พยายามคุมสติ แต่คนฟังก็หาสนใจความจริงข้อนั้นไม่


“ในครัวมีขนมอยู่ในตู้ชั้นบน เลือกเอาสักอย่างทานก่อนก็แล้วกัน”


“..........”


รู้สึกว่าต่อกรไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาก็ทำได้แค่ถอนหายใจหนักๆ ระบายอารมณ์งุ่นง่านในอกทีชักจะเริ่มปิดไม่มิดทุกที แล้วลุกเดินดุ่มๆ หายเข้าไปในครัว


เขาเปิดตู้เก็บข้าวของเหนือหัว หยิบของที่แรกที่ใกล้มือซึ่งภายหลังเห็นว่าเป็นข้าวโพดคั่วกึ่งสำเร็จรูป แล้วจับยัดใส่ไมโครเวฟ รออยู่ราวสองนาทีจนกระทั่งได้ยินเสียงข้าวโพดแตกตัวกับกลิ่นหอมเนยอ่อนๆ จึงเปิดตู้คว้าทั้งถุงกลับไปวางแป๊ะไว้หน้าทีวี แล้วทิ้งก้นลงนั่งตามเดิม


ศานนท์ปรายมองเขาแว่บหนึ่งด้วยสายตาคล้ายถามว่า ‘ทานหรือยัง’ เห็นแบบนั้นตุลย์ก็หยิบข้าวโพดคั่วใส่ปากเคี้ยวกรวมๆ อย่างไม่สบอารมณ์


“ทีนี้เผมขอแก้วคืนได้หรือยัง?”


“ก็เอาสิ ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”


ไม่พูดปากเปล่า แต่ยังเลื่อนแก้วส่งให้เขาด้วยสีหน้าเรียบเฉยประหนึ่งคนบริสุทธิ์ใจ


อ๋อ เหรอ...?


ตุลย์เค้นยิ้มอย่างนึกหมั่นไส้ อยากทำมากกว่านึกด่าในใจ ติดอยู่อย่างเดียวก็ตรงที่เขาไม่มีสิทธิ์พูดมากถ้ายังอยากได้ชีวิตราบรื่นและเรียบง่ายอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้...


คิดได้อย่างนั้นก็รินไวน์เพิ่มใส่แก้วอย่างฉุนเฉียว แต่ครู่เดียวขมวดคิ้วมุ่นเมื่อของเหลวที่เหลือเติมพื้นที่ว่างได้เพียงหนึ่งในสี่ส่วนของแก้วเท่านั้น


จำได้ว่าทีแรกมันเหลือเยอะกว่านี้ไม่ใช่เหรอ!?


สมองตื้อจนชักจะคิดอะไรไม่ออกก็หันขวับไปคาดโทษคนข้างกาย


“คุณไม่ได้แอบดื่มตอนผมออกไปเวฟป็อปคอนเมื่อกี้ใช่ไหม”


“หืม?” หนุ่มใหญ่เลิกคิ้ว สีหน้าไร้พิรุธใดๆ “เปล่านี่ คืนนี้ฉันไม่ได้ดื่ม”


“เหรอ...”


ตุลย์สูดจมูกฟุดฟิด ประสาทรับกลิ่นที่เริ่มรวนทำให้เขาต้องโน้มหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่าย หรี่ตาลงเล็กน้อยหาความจริง โดยที่มือข้างหนึ่งเท้าพนักโซฟายังน้ำหนักตัวเองไว้


“แต่ผมว่าผมได้กลิ่นเหล้า ...จากคุณ”   


“...เธอเริ่มเมาแล้วนะ”


“หือ? ผมไม่ได้เมา”


 เขาผละจากร่างหนุ่มใหญ่ ก่อนจะสาวเท้าเร็วๆ ไปเปิดไวน์อีกขวดหลังบาร์ตรงมุมห้อง แล้ววกกลับมายังโซฟา


“มีอะไรตรงไหนที่บอกว่าผมเมา คุณต่างหาก เมาหรือเปล่า?”


ดูเหมือนหนุ่มใหญ่จะทึ่งกับท่าทางเลิกคิ้วแสนจริงจังของเขาเอามากถึงพูดอะไรไม่ออก เห็นแบบนั้นตุลย์ก็ถือโอกาสรินไวน์ขวดใหม่ใส่แก้วให้เต็ม


“เดี๋ยว” คราวนี้มือของอีกฝ่ายจับทับของเขา ขืนแรงไว้ไม่ให้รินต่อ “พอแล้ว คืนนี้พอแค่นี้”


“หือ? ไม่คิดว่ามันเอาเปรียบผมเหรอที่คุณแอบดื่มครึ่งขวดที่เหลือตอนผมไม่อยู่”


“ฉันไม่ได้ดื่ม...”


“ถ้าไม่ใช่คุณแล้วใครดื่ม?”


“...ก็เธอไง”


“............”


บทสนทนาแปลเปลี่ยนเป็นเกมจ้องตาเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไร แต่ยืนกรานจุดประสงค์ของตัวเองด้วยความเงียบ ดวงตาของศานนท์ที่จ้องเขากลับครั้งนี้นิ่งแข็ง เด็ดขาดไม่อรุ่ยอร่วยเหมือนเคย ขณะเดียวกันก็ไม่แข็งกร้าวถึงขั้นเคืองโกรธ


แต่แทนที่จะกลัว ตุลย์กลัวรู้สึกว่ามันช่างกระตุ้นอารมณ์อยากยั่วโมโหได้ดีเสียเหลือเกิน


พวกเขาจ้องตากันไม่รู้ว่านานแค่ไหน จนกระทั่งเริ่มเกิดแรงดึงดูดบางอย่างที่มากกว่าความอยากเอาชนะ หากแต่ก่อนที่จะถลำลึกไปในห้วงอารมณ์ประหลาดนั้น ตุลย์ก็ใช้จังหวะที่หนุ่มใหญ่เบนความสนใจมายังนัยน์ตาเขา กดคอขวดตะแคงให้ของเหลวด้านในไหลลงมาในแก้วจนเต็ม ขณะที่มองดูคนหลงกลที่ชักหน้าเข้ม ขมวดคิ้วเป็นปม


เห็นแบบนั้นเขาก็หัวเราะชอบใจเมื่ออีกฝ่ายหลงกลเข้าให้เต็มเปา


ช่างเป็นการแก้แค้นที่แสนหวาน...


 “ตุลย์” ศานนท์เรียกชื่อเขาเสียงแข็ง “เธอไม่ได้ติดเหล้าใช่ไหม?”


“อื้ม... ไม่รู้สิ”


 คำถามนั้นออกจะตอบยากอยู่สักหน่อย แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะหาเหตุผลมาต่อล้อต่อเถียงกับหนุ่มใหญ่ พอได้ในสิ่งที่ต้องการ ตุลย์ก็แค่นั่งกระดกไวน์เข้าปากอย่างเพลินๆ


ไม่รู้ว่าท่าทีนั้นไปกระตุ้นอารมณ์โมโหหรืออย่างไร อยู่ๆ ศานนท์ถึงได้คว้าคอขวดแล้วลุกขึ้น


“เดี๋ยวก่อน! คุณจะเอาไปไหน”


“เอาไปเก็บ เธอเมาแล้วนะตุลย์”


“ผมไม่ได้เมา” เขาลุกขึ้น เดินตามไปติดๆ “เอาไปเก็บก็เสียรสชาติเปล่าๆ ให้ผม...”


ไม่ทันพูดจบ ศานนท์ก็เดินเลี่ยงเขาออกไปโดยไม่ฟังอะไรอีก คราวนี้เขาจึงอ้อมไปขวางทางอีกฝ่ายไว้ทั้งตัว ไม่เพื่อไม่เป็นการเปิดช่องหนุ่มใหญ่ได้ปฏิเสธ ตุลย์จึงเขยิบเข้าไปไกล ช้อนตามองดวงตาแข็งกร้าวคู่นั้นอีกครั้ง แล้วสะกดมันไว้ด้วยการจ้องลึกเข้าไปภายในนั้น ทว่าดูเหมือนครั้งนี้ศานนท์จะไม่โอนอ่อนตามโดยง่าย เขาจึงต้องพึ่งอย่างอื่นเข้าช่วย...


มือข้างหนึ่งอ้อมโอบต้นคอ ออกแรงรั้งศีรษะอีกฝ่ายลงมาต่ำอีกหน่อย แล้วคลอเคลียปลายจมูกใต้คางที่ปกคลุมด้วยไร้หนวดจางๆ ใกล้ชิดจนรู้สึกถึงความร้อน ไออุ่น และเสียงลมหายใจ ชั่ววินาทีนั้นแววตาของหนุ่มใหญ่ก็เป็นประกายวูบไหว


...ซึ่งนั่นเป็นโอกาสที่ดี


วินาทีนั้นร่างโปร่งก็ออกแรงกระชากประมาณ เพื่อดึงขวดไวน์ออกจากกำมืออีกข้างของศานนท์ โชคไม่ดีนักที่อีกฝ่ายความรู้สึกไวพอที่จะยื้อมันไว้ในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งสุดจบของการยื้อยุดฉุดกระชากครั้งนี้ก็ลงเอยด้วย ‘ไวน์หก’ เกือบทั้งหมด


ส่วนหนึ่งบนพื้น ...และอีกส่วนบนเสื้อหนุ่มใหญ่


“อ่า... เสียของเป็นบ้า”

เขาบ่นกระปอดกระแปดอย่างเสียอารมณ์ ก่อนจะเอื้อมไปดึงทิชชู่มาเช็ดชายเสื้อสีขาวเลอะคราบไวน์


“ขอโทษที ผมไม่ได้ตั้งใจทำหกใส่เสื้อผ้าคุณ”


เขาช้อนตามองศานนท์อีกทีหนึ่งเพื่อเช็คให้แน่ใจว่าไม่ได้หาเรื่องใส่ตัว น่าเสียงดายที่อ่านแววตาคู่นั้นไม่ออก จึงทำได้แค่ก้มหน้าก้มตาซับคราบของเหลวจากเสื้อและส่วนบนของกางเกง โดยเฉพาะตรงที่ใกล้ๆ เป้าและกระเป๋าข้าง แต่เช็ดไปได้ไม่เท่าไหร่ กลิ่นไวน์คลุ้งบนตัวเขาก็ทำให้ต้องผละออกมา พอก้มมองถึงพบว่าหน้าท้องตัวเองก็โดนลูกหลงไปด้วยเช่นนั้น


เห็นแบบนั้นตุลย์ก็ถอนหายใจ ถลกเสื้อขึ้นแล้วจัดการใช้ทิชชู่กลุ่มเดิมเช็ดออกลวกๆ อย่างขอไปที แต่พอจะหยิบทิชชู่เพิ่มจากกล่อง ก็สะดุดกับสายตาที่มองเขม็งมายังเขาไม่วาง


“เช็ดเสร็จแล้วก็ส่งขวดไวน์มาแล้วขึ้นไปนอนซะ”


“หือ? แล้วที่หกตรงนี้...”


“ไปนอนได้แล้ว”


คราวนี้ไม่ปล่อยให้เขาได้ต่อปากต่อคำ ศานนท์ก็แกะขวดไวน์ออกจากมือ แล้วอ้อมมือเกี่ยวร่างเขา ดันหลังบังคับให้ขึ้นบันไดไปข้างบน


ถูกต้อนเหมือนแกะ ตุลย์ก็ชักฉุน “อะไรของคุณ! ผมไม่ได้เมาสักหน่อย เดินขึ้นบันไดตรงเป๊ะ เห็นหรือเปล่า?”


ไม่พูดปากเปล่าแต่ยังสาธิตเดินขึ้นลงให้ดู จนคราวนี้หนุ่มใหญ่ต้องสั่งเสียงแข็ง


“ขึ้นไปอาบน้ำนอนได้แล้ว”


เขาเบ้หน้า อิดออดเล็กน้อย แต่พออีกฝ่ายใช้ไม้แข็งคว้าแขนจูงขึ้นไปพร้อมกันก็ได้แค่บ่นกระปอดกระแปดตลอดทางจนกระทั่งถูกศานนท์จับยัดเข้าห้องปิดประตูใส่


ลับหลังคนเมา หนุ่มใหญ่ก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ยืนละล้าละลังอย่างไม่รู้จะทำยังไง


...ภาพของเด็กคนนั้นตอนที่มองเขายังติดตา แววตาที่ดูผิวเผินคล้ายจะซื่อ และอ่อนหวาน แต่ลึกๆ กลับแฝงด้วยความไม่ยอมจำนนอันเป็นเสน่ห์ชวนให้ค้นหา เสี้ยวหน้าก็แดงระเรื่อ เหงื่อซึมเล็กน้อยตามไรผมเพราะความร้อนจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ดูเย้ายั่วไม่หยอก ยิ่งตอนที่ร่างโปร่งก้มลงไปเช็ดคราบเลอะตรงเป้ากางเกง ต่อให้ไม่ตั้งใจยั่วจริงๆ เขาก็คิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ถ้าหากว่าตอนนั้นตุลย์ไม่ผละออกไปกะทันหัน มันจะไม่จบลงแค่นั้นอย่างแน่นอน


ขีนปล่อยให้เป็นแบบนี้ทุกครั้ง คงไม่เป็นผลดีต่อพวกเขาทั้งคู่ เห็นทีคงถึงเวลาที่เขาต้องจัดการบางอย่างกับนิสัยชอบดื่มจัดของตุลย์เสียบ้าง



-----------------------------------
ข้อดีของการเขียนตอนง่วงนอน ไร้สติคือมันออกมาเป๋อจริงๆ เพราะคนเขียนก็เอ๋อตอนเขียน 5555
ไม่ได้เช็คคำผิด ฮืออ ง่วงมากค่า ตื่นหกโมงทุกวัน ตัวจะแตกตาย เพราะตอนนี้เมลล่าเปิดเทอมแล้ว เศร้ามากก เรียน 7 วิชาค่ะ หยุดจันทร์กับอาทิตย์เท่านั้น พยายามปรับแผนการเขียนเพื่อให้อัพได้เร็วๆ หน่อย
ตอนหน้าพบกับวิธีรับมือหนูตุลย์ของลุงศาน + วีรกรรมของเจ้าเด็กกาย
กราบทุกคนขอโทษที่มาช้าค่ะ ละอายใจ ฮือออ :mew6:  :z13:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ลุงศาน ตุลย์ติดเหล้า!
ต้องรักษาด้วยการทำให้ติดอย่างอื่นแทนแล้ว เช่น ติดลุงเป็นต้น อิอิ :z1:

ออฟไลน์ คนคิ้วท์คิ้วท์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
แอบคิดถึงลำยองตอนติดเหล้า

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1

ออฟไลน์ J029

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
พึ่งเข้ามาอ่าน ช่วงแรกๆที่ตุลย์ยังขายตัวนี่น้ำตาตกไปหลายรอบมาก มีความหน่วงอ่ะ

ออฟไลน์ kimkidoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตุลย์ตอนเมานี่มันเด็กดื้อชัดๆ
เอาใจช่วยศานนท์กำราบเด็กดื้อให้ได้น้าาา
เริ่มมีความมุ้งมิ้งเบาๆนะเนี่ย :hao6:

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
11th Night :เลยเถิด
[/b]


เสียงขลุกขลักผสมกับบทสนทนาแซดแซ่ฟังไม่ได้ศัพท์แว่วเข้าหู แม้จะไม่ดังมาก แต่ระยะเวลาต่อเนื่องยาวนานของมันก็ปลุกตุลย์ให้ตื่นอย่างทนไม่ไหวในที่สุด ร่างโปร่งพลิกตัวบนเตียง ยกแขนปิดตาจากแดดยามเช้าที่ทอดผ่านรอยต่อม่าน พลางครางในคออย่างงัวเงีย


เมื่อคืนคงดื่มมากไปสักหน่อย พออาบน้ำเสร็จ หัวถึงหมอนก็หลับสนิททั้งที่ฤทธิ์แอลกอฮอลล์ยังไม่สร่างดี เช้านี้เลยตื่นมาพร้อมอาการหนักหัวชวนให้รำคาญตัวอย่างบอกไม่ถูก


แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ไม่น่ารำคาญเท่าเสียงดังปึงปังจากชั้นล่างที่ปลุกเขาตื่นในเช้าวันเสาร์ตอนหกโมงหรอก...

อยากล้มตัวลงนอนหลับต่อด้วยความง่วงงุ่น แต่ก็รำคาญใจจนหลับไม่สนิท


พลิกตัวไปมาได้ครู่เดียว ตุลย์ก็จำใจต้องลุกขึ้นเดินลงไปชั้นล่าง กะชะโงกหน้าผ่านระเบียงบันไดดูให้คลายสงสัยหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นต้นเสียง   แทนที่จะได้คำตอบ เขากลับได้เครื่องหมายคำถามเพิ่มมาแทนเสียนี่


ด้านล่างมีชายแข็งแรงสองสามคนกำลังวุ่นกับการขนย้ายถ่ายสิ่งของจากมุมห้องนั่งเล่นไปข้างนอก ใกล้ๆ กันนั้นคือหญิงวัยกลางคน ยืนชี้นิ้วกำกับอยู่ไม่ห่าง ซึ่งถ้าจำไม่ผิด เธอคือหนึ่งในแม่บ้านที่ศานนท์จ้างไว้ดูแลตอนกลางวัน


พอเธอเหลือมาเห็นเขายืนละล้าละลังอยู่ตรงชานบันไดไม่ลงมาสักที ก็เอ่ยทักด้วยเสียงหวานสุภาพ


“คุณหนูมีอะไรหรือเปล่าคะ ข้างล่างเสียงดังรบกวนไปไหม”


อยู่ๆ ถูกเรียกด้วยสรรพนามยอยก ตุลย์ก็อดประหม่าไม่ได้


“เอ่อ... คุณศานนท์ไม่อยู่เหรอครับ?”


“ออกไปข้างนอกแต่เช้าแล้วค่ะ มีอะไรกับคุณชายหรือเปล่าคะ”


เขาส่ายหน้าเบาๆ


ศานนท์จะไปไหนก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขา


“แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมถึงขนของออก...?”


ถามพลางมองตามชายคนที่ยกลังกระดาษด้านในบรรจุขวดจำนวนหนึ่งออกไปอย่างงุนงง แต่จากนั้นไม่นานเขาก็ค้นพบว่าบางอย่างในห้องได้หายไป...


ตำแหน่งเคยเป็นที่ตั้งของบาร์ บัดนี้กลายเป็นพื้นกระเบื้องวางเปล่าไม่เหลือแม้เหล้าสักขวด กระทั่งตู้แช่ไวน์ที่เคยวางตรงมุมห้องก็กำลังถูกสองคนที่เหลือช่วยกันยกออกไปต่อหน้าต่อตา!


“............”


ตุลย์ได้แค่ยืนนิ่ง มองการเคลื่อนไหวเหล่านั้นด้วยอารมณ์ว่างเปล่า และฟังคำตอบซ้ำเติมความจริงตรงหน้า


“อ๋อ เมื่อเช้าคุณชายสั่งให้รื้อบาร์ออกน่ะค่ะ เห็นว่า ‘เป็นปัญหา’ ‘ดูแลยาก’ เลยไม่อยากให้เอาไว้ต่อ คุณหนูมีอะไรหรือเปล่าคะ ป้าทำให้ตื่นไหม...”


สมองเขาเบลอจนฟังหูซ้ายทะลุออกหูขวา จับใจความคำพูดของแม่บ้านได้อย่างขาดๆ หายๆ แต่พอได้สติความรู้สึกแรกที่แล่นเข้ามาในหัวก็คือ ‘โมโห’


ศานนท์ คุณมันบ้าไปแล้ว!


ถึงจะรู้ตัวว่าอีกฝ่ายไม่ชอบพฤติกรรมการดื่มของเขาเป็นทุนเดิม ประกอบกับผลจากความปากพล่อยเมื่อวานที่ทำให้อะไรๆ ติดจะวุ่นวายไปสักหน่อย แต่มันไม่เกินไปหน่อยหรือ ที่นึกอยากจะแก้เผ็ดเขาก็สั่งให้คนขนบาร์ขนเหล้าออก ทั้งที่รู้ว่าเขาต้องใช้มันเพราะทำแบบนี้มานานจนติดเป็นนิสัย


นี่มันเหล้านะครับ ไม่ใช่ถุงกระดาษรักโลกที่เวลาคิดจะเลิกใช้ก็แค่เอาไปโยนทิ้ง! หักดิบกันดื้อๆ แบบนี้คิดจะฆ่าเขาหรือไง!?


“แล้วของที่เหลือจะถูกขนไปไหนต่อเหรอครับ”


เรื่องนั้นป้าก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ คุณชายโทรไปนัดคนมาขนของด้วยตัวเอง... อ๋อ แต่ก่อนไปท่านกับชับไว้ว่า ถ้าคุณสงสัยอะไรให้โทรไปถามท่านได้ค่ะ”


“.............”


ได้ฟังแบบนั้นตุลย์ก็หน้ากระตุก


คิดว่าทำแบบนี้แล้วเขายอมถอยให้ง่ายๆ เหมือนทุกครั้งเหรอ หึ สำหรับเรื่องนี้ยังเร็วไป!




ด้วยเหตุฉะนั้น ตุลย์จึงอารมณ์กรุ่นๆ ไปตลอดวัน พอตกดึกก็ยิ่งครึ้มหนักจนลงมานั่งซดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูประบายความหงุดหงิดขณะรอเจ้าของบ้านไปพลาง คืนนี้เขาเลือกนั่งขัดสมาธิอยู่บนเก้าอี้ของโต๊ะทานข้าวซึ่งติดกับกระจก เพราะจากมุมนี้ตุลย์สามารถมองเห็นไปถึงประตูรั้วด้านหน้า และเมื่อไหร่ที่หนุ่มใหญ่เปิดรั้วเข้ามา เขาก็จะเห็นทันที


ไม่ทันได้ฟุ้งซ่านไปไกล ประตูอัตโนมัติค่อยๆ เปิดออกพร้อมกับไฟหน้ารถซีดานที่ฝ่าความมืดเข้ามา เห็นแบบนั้นเขาก็เด้งตัวขึ้น ออกมายืนรอ ไม่นานก็มีเสียงกุกกักหน้าประตู ก่อนคนที่เขาเฝ้ารอจะเปิดเข้ามาด้านในดังคาด


หนุ่มใหญ่ดูไม่แปลกใจนักที่เห็นเขายืนกังก้าอยู่ตรงหน้า


“ดึกแล้ว ยังไม่ไปนอนอีกเหรอ หืม?” ว่าพลางถอดสูทพาดบนโซฟาแล้วคลายเน็กไทด์


“ยัง” เขาตอบห้วน “คุณก็น่าจะรู้อยู่ว่าเพราะอะไร... อยู่ๆ คุณย้ายบาร์ออก ทำไมไม่บอกผมก่อนสักคำ”


 “ฉันก็แค่ไม่เห็นว่ามันเกิดประโยชน์อะไรถ้าจะเอาไว้ต่อ”


ตุลย์มุ่นคิ้วมองคนที่ตีหน้านิ่งราวกับไม่สนใจอะไร


“อยู่ๆ คุณทำแบบนี้ไม่คิดว่ามันเกินไปหน่อยเหรอ? ก็ถ้าคุณไม่พอใจเรื่องเมื่อคืน คุณพูดมาตามตรงก็ได้นี่ครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะสร้างความลำบากใจให้แต่แรกอยู่แล้ว”


“............”


“ก็ได้ เอาเป็นว่าทั้งหมดเป็นความผิดผม และผมขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อคืน แต่คุณไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยนี่”


ศานนท์มองหน้าเขาเฉยๆ โดยไม่พูดอะไร ผิดกับตุลย์ที่เริ่มเสียการควบคุมอารมณ์มากขึ้นทุกที จวนจะหมดความอดทนกับการเงียบใส่กัน สุดท้ายหนุ่มใหญ่ก็เอ่ยสั้นๆ


“ฉันก็ไม่ได้ขนไปทิ้งจนไม่เหลืออะไรในตู้ไว้ให้เธอนี่?”


 มานึกขึ้นได้ว่าหงุดหงิดจนไม่ได้เปิดดูตู้เย็นเลยตั้งแต่เช้า คราวนี้เขาจึงเป็นฝ่ายเงียบ เดินเข้าครัวเปิดตู้เย็นดูของข้างใน ขณะที่ในใจก็หวังลึกๆ ว่าจะเจอเครื่องดื่มอะไรให้ชื่นใจสักขวดสองขวด แต่ปรากฏว่าสิ่งที่เขาพบพลิกโฉมจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเสียนี่!


นม... น้ำส้ม... ผลไม้... สลัด...


นี่มันแหล่งรวมเมนูเพื่อสุขภาพหรือไง!?


ตุลย์ฉีกยิ้มค้าง คว้านมติดมือออกมา พลางหักห้ามใจไม่ให้บีบขวดพลาสติกแตกคามือก่อน


 “ดื่มมากๆ คงจะสุขภาพดีนะ คุณว่าไหม”


“มันก็ดีกว่าตัวเธอมากกว่าไวน์พวกนั้นนะ...”


“อ้าวเหรอครับ ผมนึกว่าคุณซื้อมาดื่มเองซะอีก อายุปูนนี้แล้วน่าจะต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษไม่ใช่เหรอ?”


“.............”


ถูกตอกกลับเรื่องอายุแบบไม่ทันตั้งตัว หนุ่มใหญ่ก็ออกอาการอึ้งๆ ไปบ้าง แต่คงเริ่มชินกับวาจาถากถางของเขาแล้วล่ะมั้ง เพราะแค่อึดเดียวก็พูดต่อ


“มันไม่ใช่แค่เพราะเรื่องที่เธอก่อไว้เมื่อคืน ฉันไม่คิดจะปล่อยให้เธอดื่มติดๆ กันแบบนั้นไปเรื่อยๆ อยู่แล้ว เสียสุขภาพ พอนึกขึ้นได้ก็โทรให้คนมาเอาออกตั้งแต่เนิ่นๆ”


“แต่คุณก็รู้ว่าผมต้องการมัน อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะ...”


คราวนี้หนุ่มใหญ่ถอนหายใจแรงทั้งที่ยังฟังไม่จบ เหมือนหมดอารมณ์จะสรรหาข้ออ้างมาต่อล้อต่อเถียงกับเขาเต็มที เลยสรุปให้เสร็จสับเป็นประโยคง่ายๆ


“ถึงเธอจะว่ายังไง ฉันก็ไม่เปลี่ยนใจย้ายมันกลับเข้ามาหรอก”


ซึ่งก็นับว่าได้ผล เมื่อมันหยุดปากเขาได้ชะงัด...


ตุลย์เม้มปากแน่น เคี้ยวฟันกรอดๆ อย่างฉุนเฉียว ก่อนจะถอนใจเฮือกแล้วเดินขึ้นข้างบนไป ยอมถอยให้ก้าวหนึ่งเพราะรู้ว่ายืดเยื้อไปก็พาลจะเสียแรงเปล่า


คืนนั้นเขานอนหลับๆ ตื่นๆ ไม่สนิททั้งคืนจนเกือบฟ้าสาง รุ่งเช้าก็ตื่นมาด้วยสีหน้างัวเงียพร้อมขอบตาคล้ำพอๆ กับหมีแพนด้า ได้ส่องกระจกดูสารรูปตัวเองปุ๊บ ในใจก็ชักกรุ่นโมโหขึ้นมาราวกับถ่านเก่าที่ยังไม่มอดไฟ

อุตส่าห์พูดตรงๆ ให้เข้าใจแล้ว แต่ศานนท์ก็ทำเฉย วิธีนี้ไม่ได้ผล เขาก็ต้องหาจนได้สักวิธีแหละน่า!




และแล้วยุทธการลักลอบก็เริ่มขึ้นหลังจากที่ศานนท์ออกไปทำงานในช่วงสายของวันนั้น ความหงุดหงิดงุ่นง่านทำให้ตุลย์นั่งไม่ติดจนสุดท้ายก็ต้องแว่บออกไปร้านสะดวกซื้อ


ด้วยความที่ตัวบ้านตั้งอยู่ในเขตผู้คนพลุกพล่านใกล้กับคอนโด และมหาวิทยาลัย มันจึงใกล้กับมินิมาร์ทต่างๆ และห้างสรรพสินค้าขนาดเล็กที่มีกลุ่มลูกค้าเป็นนักศึกษาและคนทำงาน ผลพลอยได้จากเรื่องนี้คือ มีคนจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาใช้บริการไม่ขายสาย ทำให้ไม่สามารถคัดกรองลูกค้าได้ละเอียด จึงไม่ยากที่เขาจะฉวยโอกาสนี้ซื้อไวน์ออกมาขวดสองขวด โดยอาศัยเนียนๆ ไปกับความชุลมุนนั้น


และเพื่อไม่ให้เป็นเรื่องเป็นราว ตอนที่กลับมาถึงบ้าน ตุลย์ก็ไม่ลืมจะยื่นถุงขนมทานเล่นที่ซื้อระหว่างทางให้หญิงวัยกลางคนที่กำลังยุ่งกับงานปัดกวาด ถือเป็นสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ แม้ว่ามันจะคล้ายกับการติดสินบนไม่ให้ปากโป้งเรื่องที่เขาแอบซื้อเหล้ามากกว่าก็ตาม


แต่ก็เอาเถอะ ในเมื่อมีแต่ได้กับได้ทั้งสองฝ่าย วิธีไหนเขาก็ไม่เกี่ยงหรอก...


คิดแบบนั้นก็ทำให้ตุลย์สบายใจมากพอจะหยิบไวน์ขึ้นมาเปิดฝาเกลียวด้วยมือเปล่า พลางนึกว่าดีแค่ไหนที่ห้ามใจไม่ให้เลือกแบบฝาโลหะมางัดขอบโต๊ะราคาแพงแก้เผ็ดเจ้าของบ้าน


...ความรู้สึกแรกเมื่อของเหลวแตะลิ้นคือรสเปรี้ยวหวานที่กระจายในโพรงปาก ตามด้วยกลิ่นร้อนๆ ขึ้นจมูกแบบแอลกอฮอล์ที่เขาโปรดปรานหนักหนา มันทำให้สดชื่นราวกับได้พลังชีวิตกลับคืน และสำคัญคือ สมองที่มึนตื้อตลอดสองวัน กลับมาโปร่งโล่งสบายราวกับหินที่ถ่วงอยู่ด้านในค่อยๆ ระเหยเป็นธาตุอากาศ


ตุลย์นั่งกระดิกเท้าจิบไวน์ไปพลางอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะล้มตัวลงนอนเหยียดเต็มโซฟาอย่างง่วงๆ เมื่อดื่มไปประมาณหนึ่ง ถึงอย่างนั้นก็ไม่วายต้องพลิกตัวตะแคงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเป็นเพื่อนด้วยความเคยชิน


ตุลย์กดอ่านแชทกลุ่มที่ค้างอยู่ก่อนจะพบว่าจีจี้ส่งรูปเคลื่อนไหวตลกๆ มา เลื่อนลงมาอีกหน่อยก็เป็นข้อความคุยโต้ตอบกันระหว่างสาวเจ้ากับแม็ก เห็นแล้วน่าหมั่นไส้จนต้องกดส่งสติ๊กเกอร์รัวๆ คั้นข้อความแต่ละอัน แล้วหัวเราะเมื่อจู่ๆ ทั้งแชทกลุ่มกลายเป็นสงครามกดสติ๊กเกอร์ใส่กันซะอย่างนั้น


ฝ่ายแม่บ้านคงกลัวว่าเขาจะเหงาเพราะอยู่คนเดียว ก่อนกลับเธอจึงไม่ลืมเปิดม่านทิ้งไว้เป็นเพื่อนให้แสงแดดลอดเข้ามาบ้าง ซึ่งเขาก็ไม่ลืมขอบคุณตามมารยาท


หลังจากกระดกไวน์ไปอีกอึก หนังตาก็เริ่มหย่อนจนต้องวางโทรศัพท์ หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนเพราะอดนอนจากเมื่อคืน ไม่นานตุลย์ก็จมสู่ห้วงแห่งภวังค์ที่กาลเวลาดำเนินไปอย่างเชื่องช้า


บางครั้งก็มีเรื่องราวแล่นเข้ามาในหัวราวกับม้วนหนังที่ถูกกรอซ้ำ บางครั้งก็รู้สึกเหมือนลืมตาขึ้นมามองเห็นภาพเพดานบ้านหลังเดิมก่อนที่จะหลับ


ในขณะที่ความจริงและความฝันเป็นดังสีน้ำค่อยๆ ไหลมาปะปนกัน ร่างสูงของใครคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมโนภาพ


แม้กระทั่งความฝัน ศานนท์ก็ยังโผล่มาในหัวเขาเหรอเนี่ย?


ไม่เข้าใจนักว่าทำไมหนุ่มใหญ่ถึงต้องขมวดคิ้วและจ้องกลับมาด้วยแววตาแสนสงสัยราวกับใบหน้าเขามีอะไรผิดปกติ  และเหมือนจะคิดเช่นนั้นจริงๆ มือหนาจึงเอื้อมมาแตะขมับ ก่อนจะจูบซ้ำ ฝากสัมผัสร้อนชื้นไว้บนผิวหน้า ก่อนที่ลมหายใจอุ่นๆ จะเปลี่ยนเย็นชืดตอนอีกฝ่ายถอนหน้าออกไป


อดคิดไม่ได้ว่าช่างสมจริงจนน่าใจหาย


ศานนท์ค่อยๆ ยกแขนเขาไปจูบ ดูดเม้มเบาๆ จนรู้สึกจักกะจี้ ทั้งที่ยังไม่ละลายตาจากกัน ดวงตาคู่นั่นจ้องมองเขาเหมือนเคย ทว่าครั้งนี้มันกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกคล้ายเห็นใจ เอือมระอา แต่ก็ขบขันในทีเดียวกัน


บางทีเขาอาจดื่มมากไปและกำลังเมา ถึงได้รู้สึกว่าสีหน้านั้นช่างดูมีเสน่ห์น่าสัมผัสทั้งที่ฝันอยู่...


แต่แล้วจู่ๆ คนตรงหน้ากลับถอนหายใจ


 “เธอนี่จริงๆ เลย ฉันอุตส่าห์ย้ายบาร์ออกไปแล้ว ก็ยังดั้นด้นไปหาซื้อมาจนได้ ทำไมไม่ฟังกันบ้างนะ...”


.....!?


ตุลย์สะดุ้งตื่นเต็มตาเมื่อสิ้นประโยค แม้กระพริบตาติดๆ แล้วมโนภาพของคนเบื้องบนยังไม่ท่าทีว่าจะหายไป


ศานนท์กลับมาแล้ว? ทำไมไวนักล่ะ!?


ยังไม่ทันปรับตัวเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นดี วินาทีต่อมาเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นขวดเปล่าใกล้ๆ เขาก็สรรหาคำพูดมาแก้ตัวต่อไม่ออก


“คือผม....”


แต่เหมือนว่าความลับจะไม่มีในบ้านหลังนี้...


“อื้ม มีคนบอกฉันแล้วว่าเธอแอบไปซื้อมาตอนเที่ยง...”


ไม่ว่าเปล่าแต่สอดมือลูบผิวกายใต้เสื้อยืดลดหลั่นมาตามลำตัวและสะโพก พอถูกเล้าโลมสัมผัสร่างช้าๆ อย่างเอาใจ ตุลย์ก็หมดความคิดจะปฏิเสธ


ทีแรกเขาไม่คิดว่าศานนท์จะกล้าทำอะไรมากกว่าการกอด ลูบไล้และจูบนัวเนียกันบนโซฟา เนื่องจากม่านยังเปิดทิ้งอ้าซ่าชนิดที่ถ้าตั้งใจมองก็เห็นไปถึงข้างนอกได้ แต่ก็ต้องเปลี่ยนความคิดเมื่อหนุ่มใหญ่ถลกกางเกงเขาลง แล้วทิ้งน้ำหนักกายลงมากอดก่าย ปรนเปรอด้วยจูบซ้ำอีกครั้ง


ตุลย์ครางเบาๆ  รู้สึกราวกับถูกราดด้วยน้ำมันตอนที่แก่นกายถูกชิงไปกอบกุมด้วยความร้อนจากอุ้งมือ แล้วรั้งให้เสียดสีกับส่วนนั้นของหนุ่มใหญ่ ทุกครั้งที่อีกฝ่ายขยับฝ่ามืออารมณ์เสียวซ่านก็แล่นพล่านไปทั่วทั้งสรรพางค์ รู้สึกดีจนยอมปล่อยตัวเองไปกับรสชาติแสนวาบวามที่ศานนท์มอบให้ ซึ่งฝ่ายนั้นเองก็พอใจมาก ตอนที่เขาชักมีอารมณ์ เริ่มไล่จูบหยอกเย้า เกี่ยวก่ายแขนตามร่างอีกฝ่าย


เอาเข้าจริงแล้วการเล้าโลมคู่นอนไปพร้อมกันก็นับว่าเป็นทริคที่ไม่เลว เพราะนอกจากต่างฝ่ายจะรู้สึกดี พอเริ่มเข้าขากันได้ อารมณ์ของพวกเขาทั้งคู่ก็พุ่งสูงเร็วอย่างน่าใจหาย


ไม่นานศานนท์รั้งสะโพกตุลย์เข้าหาในท่านอนหงาย แล้วหยัดกายให้แก่นกายทั้งสองเสียดสีกันเป็นจังหวะแนบแน่นหนักหน่วง หาได้อ่อนหวานซาบซ่านเหมือนครั้งก่อน แต่ก็ไม่ลืมปรนเปรอเขาด้วยการคลึงนิ้ววนเวียนตรงปลายส่วนอ่อนไหวไม่ห่าง


พอสติเริ่มขาดสิ่งที่เรียกว่า ‘ตรรกะและเหตุผล’  สมองเขาก็สั่งให้ลืมเรื่องที่เปิดม่านทิ้งไว้ไปโดยปริยาย...


ตุลย์รั้งต้นคออีกฝ่ายลงมาต่ำ เกี่ยวขาคล้องสะโพกหนุ่มใหญ่รั้งตัวเองให้เสียดแนบชิดยิ่งขึ้น แล้วกระซิบด้วยเสียงขาดห้วงเพราะแรงหอบ


“คุณ... ผมอยากได้มากกว่านี้”


ราวกับรอท่าอยู่แล้ว ศานนท์เอื้อมมือไปคว้าบางอย่าง จากนั้นหูก็ได้ยินเสียง ‘คลิ๊ก’ เบาๆ ก่อนที่หนุ่มใหญ่จะโน้มลงจูบปากเขาเป็นรอบที่ไม่รู้เท่าไหร่ ขยับต้นขาให้แยกออกกว้างขึ้น และดันบางอย่างที่จ่อจดอยู่ตรงปากทางเข้ามา...


แล้วตุลย์ก็สะดุ้งกับ ‘เจ้าสิ่งนั้น’ที่สอดใส่เข้ามาในร่าง เพราะมันทั้งแข็งและเย็นเฉียบไปถึงกระดูกจนต้องครางในคอประท้วง พยายามยันตัวเองขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเลเพราะรู้สึกไม่ดีสุดๆ แต่พื้นที่แคบของโซฟาก็บีบให้เขาขยับได้ตัวยาก


ยิ่งพอ ‘เจ้าสิ่งนั้น’ ประจักรแก่สายตา เขาก็ถึงกับหน้าเหยทำอะไรไม่ถูก


ไม่ใช่แก่นกายที่เชื่อมระหว่างเขากับหนุ่มใหญ่ แต่เป็นขวดที่มีไวน์อยู่เต็ม!

----------------------

อย่าด่าเค้าว่าสัปดน 555+ มุกนี้คิดไว้นานแล้ว มุกสำหรับเรื่องนี้โดยเฉพาะเลยค่ะ ถถถถถ
หนูตุลย์มีเหล้าเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขมานานตั้งแต่แต่สมัยธวัตค่ะ พอเป็นเรื่องนี้นางเลยดื้อเอามากๆ ถถถถ
ตอนหน้ามี NC ต่อ พยายามเขียนให้ถึงอารมณ์ ฮือๆๆ แต่มันยากเหลือเกิน
ส่วนเรื่องความล่าช้าของการอัพ ...เราจะหยุดพูดเรื่องนี้กันสักพัก... #ร้องไห้หนักมาก
กราบทุกท่านอีกครั้งค่า ลืมเลาก็ไม่เป็นไร เลาเข้าใจได้เพราะมาช้าจริงๆ #ปีนี้จะจบไหมเนี่ย!
>>READ11.2<<
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-04-2017 15:25:22 โดย Caramella »

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เหวอไปเลย

ลุงร้ายมาก!

สงสัยตุลย์จะเลิกได้ก็ตอนนี้แหละ

รู้สึกระแวงว่า ลุงจะมีมุมร้ายกว่าธวัชไหม โอย...อ่านแล้วจะเป็นลม

ป้าแก่ไปแล้วสินะ T_T

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1909
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
สายโหด  อยากนักก้จัดให้ จัดไวน์ให้เป็นขวดๆ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Snimsoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
แหม่ ไม่คิดว่าจะเจอฉากนี้ ลุงดูนิ่งๆ เห็นวจหนูตุลย์หน่อยเถอะ ตุลย์เป็นลำยองติดเหล้า  :hao6: เอาน่ะก็ลดลงเหลือวันละ 2 แก้วเป็นไง

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1

ออฟไลน์ kimkidoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ด ดะ เดี๋ยววววววววก่อนนนนนนน นี่มันอะไรกัน!!!
คุณศานน นี่ไม่ธรรมดาละนะเนี่ยยย โหววววววว
ค้างงงงอย่างแรงงงงง ตุลย์เอาไงต่อดีอะเรา?

รอได้น้าาาา แต่อย่างให้เค้ารอเก้ออน้าา  :mew1:

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

ออฟไลน์ skyberry

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

ออฟไลน์ lightseeker

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
หัวใจจะวายยย ลุงไปอัพเลเวลมาจากไหนคะตอบ! :-[

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
ทำไมสะใจรู้สึกเป็นการแก้เป็ดที่เหมาะสมกับตุลย์ดีจริงๆ


5555

ตาแก่ ทำได้ดีมาก

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
เราชอบเรื่องนี้นะแต่มาช้าไปหน่อยจนบ้างทีลืมเนื้อ
แต่ก็รอได้คะสู้ๆนะ

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
ช๊อตนี้กรูตายยยยยยยยยยยยย
อ๊ายยยยยยยยมันค้างตรงนี้ไม่ได้น้าาาาาาาาา
เห็นใจด้วยยยยยย
โถถถถถถถถถถถถถถถถ!!!!

ออฟไลน์ lighter

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น้องจะยิ่งเมาหนักมั้ยอ่ะลุง
ใจเย็นๆนะ อิอิ
แต่อยากให้น้องเลิกเหล้า แล้วมาเมาลุงแทน
ลุงสู้ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ 。Atlas

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
กรีดร้องในใจดังมากกกกก คุณศานร้ายกาจ น้องตุลย์ไม่เลิกให้มันรู้ไป 55555

ออฟไลน์ Brand_Zess.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ลุงความคิดสัปดนมาก
แต่ชอบๆ55

ออฟไลน์ aj_nsync

  • พระจันทร์สีน้ำเงิน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
    • พระจันทร์สีน้ำเงิน
ฮือ...เราอ่านทีเดียว 11 ตอนรวด  แล้วก็มาค้างตรงขวดของลุง
จะบ้าตาย ทำไมลุงร้ายเยี่ยงนี้อ่ะคะ  ไม่คิดเลยจะมีฉากอะไรแบบนี้ด้วย ตายๆ  ตายแน่น้องตุลย์
แต่ก็แอบสะใจนะ อยากดื้อด้านดีนัก 5555555555   
เราหมั่นไส้ตุลย์มาตอนสองตอนละ  พอเขาดีด้วยหน่อยก็ดื้อด้าน   ต้องโดนกันบ้าง  ฮ่าๆ จัดไปค่ะลุง

เราขอเม้นท์แบบยาว ๆ เลยนะ  เพราะเพิ่งได้อ่านวันนี้  แล้วก็อ่านแบบหยุดไม่ได้เลยจริง ๆ   
เหมือนเราจะเห็นชื่อเรื่องนี้ผ่านตาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยได้เปิดเข้ามาอ่านสักที
ตอนแรกก็คิดว่าจะเหมือนนิยายพวกนายเอกเป็นเด็กเสี่ยทั่วๆไป แบบมีความจำเป็นโน่นนี่นั่นในชีวิต
แต่พออ่านตอนแรก ๆ แล้วแบบ มันไม่ใช่อ่ะ มันต่างออกไป 
คือแบบ ทำก็ยอมรับว่าทำ  ไม่ใช่จำเป็นอะไร แต่ทำเพราะรักสบาย อยากได้เงิน
เราชอบตัวละครของผู้เขียน ดูมีมิติ ดูมีหลายด้าน และเป็นสีเทาอย่างที่ผู้เขียนบอก
นอกจากน้องตุลย์ที่น่ารักพอๆกับน่าตี แล้วเราชอบ ธวัตร
ธวัตรเป็นเหมือนพวกตัวร้ายในซีรี่เกาหลี  เป็นตัวละครที่ควรเกลียดแต่เกลียดไม่ลง
“ต่อจากนี้ ‘สิทธิ์ในตัวนาย’ ทั้งหมดเป็นของฉัน แต่นายจะไม่ใช่ ‘ของฉันคนเดียว’ อีกต่อไป”
เราชอบประโยคนี้มาก มันบีบหัวใจสุดๆ ตอนที่อ่าน
หลาย ๆอย่างที่ธวัตรทำ เราสัมผัสได้ถึงเยื่อใยบางอย่างที่ธวัตรมีให้ตุลย์ 
แต่ผู้ชายคนนี้เลือกกดความรู้สึกเอาไว้ด้วยโลกแห่งความเป็นจริง คือ "เงิน" และ "อำนาจ"
เราชอบอะไรแบบนี้มาก  ตอนแรก ๆ ที่อ่านฟีลมัน down มาก บีบเราไปหมด
อ่านแล้วเราอินสงสารตุลย์  อินจนคิดว่าถ้าเราเป็นตุลย์เราอาจจะฆ่าตัวตายหนีปัญหาทุกอย่าง
แล้วพอมาอ่านพาร์ทธวัตรก็เข้าใจว่าที่คิดไว้คือเป็นจริง  ธวัตรก็รู้สึกบางอย่างกับตุลย์เหมือนกัน

เดี๋ยวนะ !!!!  แล้วอิลุงไปไหน  ขอโทษนะลุง  ลุงดีเกินไป  55555555
แต่ลุงเริ่มจะร้ายละ  ไม่งั้นจะเอาเด็กดื้อไม่อยู่
จัดหนักจัดเต็มไปเลยนะคะ  อย่าให้น้องตุลย์กล้าหือกับลุงอีก

รอตอนต่อไปนะคะ  สนุกมากค่ะ

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
รอไรท์จร้า สนุก

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
กรี๊ดดด กลับมาต่อเถอะ

ออฟไลน์ kimkidoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เฝ้ารอๆๆๆเหมือนเดิมจ้าาาาาา
พลีสสสสสส :katai4: :ling1: :katai4:

ออฟไลน์ lightseeker

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
คิดถึงแล้วค่ะ  :hao7:

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
11.2
[/b]


“ทะ ทำอะไรของคุณ เอามันออกไป”



มือโอบคล้องท้ายทอยเปลี่ยนมาคว้าหมับที่หลังปกเสื้อหนุ่มใหญ่เล่นเอาเจ้าตัวเกือบหงาย แต่ก็ยังช้ากว่าใบหน้าที่ชิงโน้มลงมาป้อนจูบ กวาดต้อนเขาด้วยการสอดปลายลิ้นเข้ามารุกไล่ในปาก สัมผัสจากศานนท์เร่าร้อนกว่าเคยและออกจะแฝงด้ายการเรียกร้องเล็กๆ ซึ่งความดึงดันนั้นก็เร้าอารมณ์อย่างน่าประหลาดเสียจนเขาเริ่มจูบตอบอย่างอดไม่ไหว


“...อื้อ!!”


ไม่ทันไร มือที่วนเวียนอยู่ด้านล่างก็จับสะโพกเขายกขึ้นพาดหน้าขาทั้งที่ปากขวดยังคาอยู่ ส่งผลให้มวลน้ำปริมาณหนึ่งแทรกเข้ามาในร่าง ตุลย์ถึงกับสะดุ้งเฮือกเมื่อของเหลวที่ค่อยๆ ไหลเติมเข้ามาจนเย็นหนึบไปทั่วท้องน้อย ตามด้วยอาการเกร็งช่วงล่างแทบขยับตัวไม่ได้เหมือนจะตายเสียตรงนั้น  นั่นทำให้จูบที่กำลังนัวเนียริมฝีปากลายเป็นสิ่งน่ารำคาญจนต้องกัดปากอีกฝ่ายให้ถอยไปเสีย


“อ่า...”


แต่แทนที่จะเป็นอิสระ คอขวดดันเข้ามาช้าๆ ทั้งที่ช่องทางยังแน่นเกร็งกลับสร้างความเสียวซ่านแปลกๆ ให้เขาอจนต้องครางต่ำ ก่อนจะร้องออกมาอีกครั้งเมื่อปากขวดแก้วเย็นๆ เบียดเข้ากับจุดกระสันในกายโดยที่ไม่ทันตั้งตัว


เห็นเขาตอบสนองแบบนั้น หนุ่มใหญ่ก็ไม่ลังเลที่กดซ้ำลงมาที่จุดเดิมอีกหลายครั้งจนเขาชักเสียการควบคุม ไม่นาน ตุลย์ก็เป็นฝ่ายเบียดสะโพกเข้าหาเอง สัมผัสแปลกปลอมกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นก่อนลงเอยด้วยการเสพติด


ของเหลวนั้นเย็นเชียบในทีแรก ไม่กี่วินาทีต่อมาอุณหภูมิร่างกายก็ทำให้เริ่มอุ่น แต่พอถูกถอนออกแล้วใส่เข้ามาใหม่ทีไร มันก็เย็นเสียจนเขาต้องเกร็งหน้าท้องด้วยอาการชาหนึบระคนเสียวซ่านไปทุกที ทุกครั้งที่ขวดถูกแทรกเข้ามาในกายก็มักจะมีของเหลวบางส่วนไหลสวนทางลงมาตามหว่างขาจนโซฟาหนังแฉะไปหมด


สมองที่ถูกจู่โจมด้วยความรู้สึกมากมายในครั้งเดียวทำให้ตุลย์ได้แต่หอบกระเส่า ตอบสนองไปตามสัญชาตญาณร่างกายด้วยความปรารถนา เรื่องราวหลังจากนั้นก็เลือนลาง


จำได้ว่าศานนท์ขอให้เขาพลิกคว่ำในกึ่งคลานโดยมีอีกฝ่ายคร่อมอยู่ด้านบน มือหนากอบกุมส่วนไหว ไล่ปลายนิ้วคลึงอย่างเอาใจ แล้วจรดริมฝากอุ่นๆ ลงตรงกลางหลังเขา ลากช้าๆ ขึ้นมาคลอเคลียใกล้ต้นคอและกกหู ไรหนวดที่ขรูดไปกับผิวให้ความรู้สึกซาบซ่านระคนจั๊กจี้พิกล


ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ขวดเจ้ากรรมถูกนำออกไป กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่ถูกบางอย่างซึ่งร้อนเอามากๆ สอดใส่เข้ามาในร่างกายจนเต็มโดยไม่ทันเตรียมตัว ถึงจะไม่สร้างความเจ็บปวดเพราะมวลน้ำยังหลงเหลืออยู่ด้านใน ก็อดขยับสะโพกหน้าไม่ได้ก่อนจะเปลี่ยนมาขยำหมอนเมื่อเจ้าสิ่งนั้นแทรกเข้ามาลึกแทนที่ความเย็นเมื่อครู่จนหมด


“อา... อ้า”


 ไม่ทิ้งให้เขาได้หอบหายใจนาน หนุ่มใหญ่ก็เริ่มขยับ และราวกับรู้ว่าจะทำให้เขาพอใจได้ด้วยการกระตุ้นแบบไหน แค่กระทั้นกายเข้าตรงจุดเดิมไม่กี่ครั้ง ตุลย์ก็แทบคลั่ง ทั้งหอบทั้งครางกระเส่าปนกันมั่วไปหมด ก่อนจะก็ถึงฝั่งฝันด้วยสติกระเจิดกระเจิง


“อื้ม”


ได้ยินเสียงครางต่ำจากร่างด้านบนซึ่งตามมาติดๆ พร้อมกับกระแสบางอย่างที่ทำเอาอุ่นไปทั้งกาย


เสี้ยววินาทีนั้นตุลย์ก็แทบช็อค อ้าปากพะงาบเหมือนคนใบ้อยู่นานกว่าจะเค้นเสียงออกมาได้สักประโยค


“...คุณไม่ได้ใส่ถุงยาง?”


“..........”


สีหน้าอ้ำอึ้งกลืนไม่เข้าของศานนท์ ทำให้เขาก็พลิกตัวสลัดร่างกึ่งเปลือยของอีกฝ่ายทิ้งอย่างไม่ใยดี เล่นเอาหนุ่มใหญ่เกือบหงายหลังล้มจ้ำเบ้าไปอีกทาง


“คุณเสร็จใส่ผม!? ได้ยังไง! เราไม่ได้ตกลงไว้แบบนี้ เกิดบ้าอะไรของคุณขึ้นมาห๊ะ!?”


ทว่ายังไม่ทันก้าวขาเหยียบพื้นเต็มตัว ตุลย์ก็เซหน้าทิ่มด้วยอาการมึนงง ทัศนวิสัยรอบๆ กลายเป็นภาพเบลอ และหมุนคว้างราวกับเลนส์กล้องคุณภาพต่ำที่ถ่ายตอนอาทิตย์อับแสง นับว่าโชคดีที่ศานนท์ไวพอจะคว้าเอวร่างเปลือยนั้นไว้ ก่อนที่จะล้มหน้ากระแทกโต๊ะไปจริงๆ


“ปล่อย! เอามือออกไป!” หากแต่ความหวังนั้นกลับถูกแกะทิ้งอย่างไม่ใยดี “อย่ามายุ่งกับผม”


เขาผลักอกหนุ่มใหญ่ให้ถอยไป ก่อนจะลุกพรวด แล้ววินาทีต่อมากลับเปลี่ยนมายกมือปิดปากแทบไม่ทันเพราะคลื่นไส้กระทันหัน


“เป็นอะไรหรือเปล่า!?”  เห็นท่าไม่สู้ดีของเขา หนุ่มใหญ่ก็ปรี่เข้ามาพยุง


“...อยากอ้วก อ๊อก”


พูดได้แค่นั้นก็กลั้นหายใจ รวบรวมสติลากสังขารตัวเองไปยังห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆ โดยมีศานนท์ประคอง พอมาถึงชักโครกเขาก็อาเจียนเอาอาหารกลางวันเมื่อชั่วโมงที่แล้วออกจากจนหมด คงเห็นเขาอ้วกแบบเอาเป็นเอาตาย หนุ่มใหญ่ถึงทำหน้าสำนึกผิด ก่อนจะเดินอ้อมมาลูบหลังเขาด้วยสภาพเสื้อผ้าหลุดๆ รุ่ยๆ ไม่ต่างกัน


“ขอโทษ...”


“คุณไม่ได้รู้สึกเสียใจหรอก”


ว่าได้เท่านั้น วินาทีต่อมาก็คว้าขอบโถโก่งคออาเจียนอีกรอบ แต่อ้วกออกไปเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น มีแต่เขานี่แหละที่จะขาดน้ำตายก่อน


ได้ข่าวมาบ้างว่าแอลกอฮอล์เมื่อดูดซึมโดยลำไส้โดยตรงจะออกฤทธิ์เร็วและรุนแรงกว่าปกติหลายเท่า แต่เขาก็ยังไม่อยากเชื่อว่าด้วยเวลาแค่ไม่ถึงสิบห้านาทีมันจะชวนให้เวียนหัวคลื่นไส้อาเจียนจนแสบคอได้แบบนี้


ตุลย์อาเจียนหมดไส้หมดพุงจนไม่เหลืออะไรให้ออกมาอีก แต่อาการคลื่นไส้ก็ยังมีเป็นระยะ เขาหมดแรงจนไม่รู้จะหมดแรงยังไง นอกจากนั่งพิงชักโครกอย่างเหนื่อยๆ เห็นแบบนั้นศานนท์ถึงเสนอให้เขาขึ้นไปนอนพักข้างบน โดยที่มีเจ้าตัวคอยพยุงขึ้นบันได หรือถ้าจะเรียกให้ถูกก็คือ ‘หิ้ว’


 ถึงแม้ว่าระหว่างทางจะเกิดอาการอยากอ๊อกหลายครั้ง แต่ท้ายที่สุดแล้วศานนท์ก็พาเขาเข้ามาถึงห้องได้สำเร็จ


แต่จะให้นอนทั้งอย่างนั้นหลังจากที่เพิ่งมีอะไรกันก็คงไม่ใช่ หนีไม่พ้นต้องเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกายอีกรอบ ซึ่งความที่เขาเดินเซไปเซมาเหมือนคนน้ำในหูไม่เท่ากันตลอดเวลา ทุกอย่างจึงดำเนินไปแบบหมุนคว้างไร้สติจนต้องศานนท์ต้องเข้ามาช่วยหยิบจับของต่างๆ และส่งเสื้อผ้าให้เขา แต่พอเห็นหน้าคนที่ทำให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพป้อแป้เดินลอยหน้าลอยตา มันก็นึกโมโหขึ้นมา


“มีอะไรหรือ อยากได้อะไรเพิ่มหรือเปล่า?” เห็นเขาต้องเขม็ง ศานนท์ก็ถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย


“ผมไม่มี แต่คุณต่างหากมีปัญหาอะไร”


“ฉันขอโทษ...”


ตุลย์เลือกจะข่มอารมณ์เงียบขณะสวมเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายหยิบมาให้ สำหรับเขาตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กที่แค่ขอโทษแล้วจะหายง่ายๆ


“พาราไหม?”


พอเดินออกจากห้องน้ำได้ไม่เท่าไหร่ หนุ่มใหญ่ที่รออยู่ด้านนอกก็ยื่นซองยามาให้


เขาที่เหนื่อยมากจนไม่อยากพูดอะไรจึงได้แต่รับมา ก่อนจะโยนมันไว้ตรงหัวเตียงแล้วล้มตัวลงนอนทั้งอย่างนั้น โดยที่ไม่รู้ว่าศานนท์ออกไปจากห้องตั้งแต่เมื่อไหร่




พอรู้สึกตัวอีกทีก็ถึงกับต้องร้องโอดครวญกุมหน้าผากตัวเอง เมื่อเจอกับอาการปวดปานกะโหลกจะแตกทั้งที่เพิ่งตื่น เขากวาดมือควานหายา ใช้ปากกัดฉีกซองอย่างทุลักทุเล ก่อนจะหยิบมันใส่ปากกลืนลงคอทั้งที่ยังนอนราบอยู่บนเตียง


“ให้ตายดิวะ...”


มันปวดชนิดที่แค่ตั้งศีรษะให้ตรงยังไม่ได้ ตั้งแต่งานปัจฉิมสมัยมัธยมที่กอดคอเพื่อนๆ ไปฉลองต่อยันโต้รุ่ง เขาก็ไม่เคยแฮงค์หนักขนาดนี้อีกเลย


แน่ล่ะ ไม่มีใครอยากนอนร้าวเป็นผักอยู่บนเตียงเป็นวันๆ หรอกจริงไหม


โครก...


คงเพราะอาเจียนออกทางปากไปจนหมดพุง ท้องเจ้ากรรมถึงได้หิวโกรกจนต้องจำใจลุกขึ้นไปหาอะไรกินอย่างข้างล่างอย่างอดไม่ได้ แม้ว่ามันจะน่าหงุดหงิดพอคิดว่าต้องเจอหน้าผู้ใหญ่บางคนที่บางครั้งก็ทำตัวโลดโผนโจนทะยานเหมือนเด็ก


ทันทีที่ตุลย์เดินลงมาถึงชั้นล่าง กลิ่นอาการหอมๆ ก็เตะจมูกเขาเข้าอย่างจัง ความที่หิวโซอยู่เป็นทุนเดิม ร่างกายจึงราวกับถูกดึงดูดตามกลิ่นอันยั่วยวนนั้น เดินมาถึงโต๊ะอาหารก็เห็นว่ามีกับข้าวสองสามจานวางทิ้งไว้ริมหน้าต่าง ควันขาวอ่อยอิ่งบ่งบอกมามันเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ เป็นภาพชวนน้ำลายสอที่สุดสำหรับคนเสมือนไม่ได้กินอะไรตั้งแต่บ่ายอย่างเขา


แต่พวกนี้มันของใครกันล่ะ?


แม่บ้านก็กลับไปตั้งแต่กลางวันแล้ว เรื่องนั้นเขาแน่ใจ เสียงก๊อกแก๊กดังมาจากในครัวซึ่งอยู่เยื้องถัดไปไม่กี่ก้าว แว่บหนึ่งจึงเกิดสงสัยขึ้นมา แต่จังหวะที่กำลังชะโงกหน้ามองเข้าไป ศานนท์ก็เดินสวนออกมาพอดิบพอดี พวกเขาเกือบชนกันด้วยซ้ำ โชคดีที่ขืนตัวไว้ทัน มิเช่นนั้นจานอาหารในมือหนุ่มใหญ่อาจจะกลายเป็นสิ่งที่คว่ำอยู่บนพื้นในวินาทีต่อมา


ต่างคนต่างจ้องอยู่กันอยู่พักด้วยความสงสัยก่อนจะตุลย์จะเป็นภายถอยหลบให้ศานนท์เดินผ่านเขาไปยังโต๊ะอาหารเพื่อวางจาน


“ฉันกำลังคิดว่าทำเสร็จแล้วจะไปปลุกเธออยู่พอดี หิวหรือเปล่า?”


ถึงแม้จะขุ่นใจเรื่องที่อีกฝ่ายเป็นต้นเหตุให้ตนต้องตกอยู่ในสภาพเมาค้าง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขากำลังหิวมากจนไม่อาจหักห้ามใจในนั่งลงตรงเก้าอี้ว่างตรงข้ามศานนท์


“เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง”


“แล้วคุณว่าผมควรดีขึ้นยังไงครับ ลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้นเหรอ” สวนอย่างคนปากพล่อยพลางตักข้าวใส่จาน


“ยังโกรธฉันอยู่เหรอ?”


“แล้วคุณว่าผมควรดีใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นหรือไง” เงยหน้าขึ้นมาสบตาหนุ่มใหญ่ทีหนึ่ง แล้วก็เมินเสีย


“ฉันขอโทษ” เห็นเขาไม่สนใจ หนุ่มใหญ่เลยถือโอกาสตักกับข้าวใส่จานให้ “ฉันไม่ได้ตั้งใจ...”


“...แต่ผมว่าคุณตั้งใจนะ คงบังเอิญไปหน่อยถ้าอยู่ๆ คุณจะเอาขวดเหล้ายัดใส่ก้นผม แล้วไม่รู้ว่าหลังจากนั้นผมจะต้องนอนแฮงค์เป็นผักอยู่บนเตียง หรือบางทีอาจจะเป็นเตียงที่โรงพยาบาลก็ได้ถ้าโชคดี ค่ารักษาแค่สามสี่หมื่นสำหรับคุณก็ขนหน้าแข้งไม่ร่วงอยู่แล้ว อ้อ... ส่วนเรื่องที่คุณเสร็จใส่ผมทั้งที่ตกลงกันแล้วว่าผมไม่ทำถ้าไม่ใส่ คุณว่าผมควรดีใจแค่ไหนถึงจะสมเหตุสมผลล่ะ?”


ฟังเขาร่ายยาวมาเป็นชุดเหมือนเก็บกด ศานนท์ก็ถึงกับถอนหายใจ


“ก็ได้ๆ ฉันยอมรับผิด แค่ไม่ได้คิดว่ามันจะเลยเถิดจนทำให้เธอเป็นหนักขนาดนี้ ฉันขอโทษ....”


ไม่ว่าเปล่าแต่ยังเอื้อมมากุมมือ ทำเอาตุลย์อยากจะปล่อยช้อนขึ้นมาเสียดื้อๆ


“ขอโทษจริงๆ... ไม่ตั้งใจให้เธอลำบากทีหลัง”


ตุลย์กรอกตา ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตากินต่อ เขาทนการถูกกดดันมานักต่อนัก นับประสาอะไรกับแค่การหมางเมินอีกฝ่ายอันแสนจะธรรมดา


“เฮ้ ฉันขอโทษ”


“...........”


“ตุลย์...”


“..........”


“อย่าเมินกันแบบนี้สิ”


สบกับแววตารู้สึกผิดนั้นตรงๆ ก็ยอมรับว่าใจอ่อนขึ้นมาแว่บหนึ่ง


เขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบทุกด้านแท้ๆ แต่กลับต้องมาเอาใจผู้ใหญ่ที่ทำตัวขี้เหงาแบบเด็กๆ น่ะหรือ มันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!


ศานนท์ยังคงเฝ้ารอคำตอบจากเขา นั่นทำให้ตุลย์ได้แค่เปลี่ยนหัวข้อสนทนาลดความกระอักกระอ่วนใจที่เกิดขึ้น


“...ผมไม่รู้ว่าคุณทำอาหารเป็น”


“ปกติฉันทำไม่บ่อย เป็นครั้งเป็นคราวไป แต่ถ้าเธอชอบ จะทำให้ทานบ่อยๆ ก็ได้...”


ได้ฟังตุลย์ก็คราง ‘อื้ม’ ในคออย่างไม่รู้จะพูดอะไร


พวกเขาคุยกันเป็นประโยคสั้นๆ ระหว่างทานอาหารเย็น บางครั้งก็มองผ่านกระจกใสออกไปยังสวนหย่อมและน้ำตกเล็กๆ ซึ่งก็นับว่าเป็นมื้อที่ไม่แย่นัก เพราะหลังจากได้พูดจาพล่อยๆ ออกไปบ้าง อารมณ์ขุ่นมัวในใจที่สะสมมาก็คล้ายจะลดลง รวมถึงอคติบางส่วนที่มีต่อตัวศานนท์


“หายโกรธฉันแล้วหรือยัง หืม”


ถามขณะรอให้เขาสวาปามอาหารลงท้องเรื่อยๆ จนกว่าจะอิ่ม ซึ่งตุลย์ก็พอใจที่จะย้อนอีกฝ่ายกลับเป็นคำถาม


“แล้วตอนนี้คุณคิดว่ายังไง?”


“ไม่รู้สิ แต่ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มอีก” ศานนท์พูดไปยิ้มไปจนเห็นรอยย่นเล็กๆ ตรงหางตา “...ฉันจะเข้าครัวไปทำให้จนกว่าเธอจะพอใจ”


“ครับ”


เด็กหนุ่มไม่ได้สบตาเขาจึงไม่รู้ว่าเป็นคำตอบสำหรับประโยคแรกหรือหลัง แต่ไม่ว่าประโยคไหนสำหรับคนฟังมันก็นับว่าน่าพอใจทั้งคู่...

-------------------
ที่รักกก ขอโทษที่หายไปสองเดือนเต็ม ฮือๆๆๆ เดี๋ยวจะเขียน talk นะคะ ขอนุญาติกินข้าวสัก 30 นาที จะกลับมาอัพ 12.1 น้า เมลล่าขอโต๊ดดดด แอ๊กกกกก

ออฟไลน์ Rosary

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มาต่อแล้วววววว   :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด