เค้าถามแล้วนะว่า ‘แล้วถ้าสิ่งที่เขียน....มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นล่ะ คนเขียนจะเป็นยังไง’ ไม่เห็นมีใครตอบอะไร อ่านตอนนี้เสร็จห้ามทำอะไรเค้านะตัวเอง ตอนที่ 22.2 แค่คิดไปเอง (ยาวขึ้นอีกหน่อย อิ....อิ)“พี่เชื่ออาร์ม.....ถ้าอาร์มยืนยันอย่างนั้น” พี่แนทค่อยๆปลดแขนผมที่กอดพี่เค้าอยู่จากด้านหลัง แล้วหันหน้าเข้าหาผมกุมมือผมไว้ทั้งสองข้าง เราสองคนมองประสานสายตากัน พี่แนทค่อยๆโน้มหน้าลงมาแล้วก็.....แล้วก็...... โอ๊ยย.....ทนไม่ไหวแล้ว เขินจังเลยอ่ะ
.
.
.
.
หึ.....หึ.....หึ ทำไมตูถึงคิดอะไรได้ทุเรศทุรังแบบนี้ ตูไม่ใช่นางเอกละครน้ำเน่าหลังข่าวหรือเจ้าของฟาร์มเพาะพันธุ์ลูกน้ำนะเฟ้ย
ภาพความคิดในหัวย้อนกลับไปตอนที่พี่แนทพูดแล้วเดินจากไป ทั้งที่ก่อนหน้านี้พี่แนทแหย่ผมแกล้งผมแรงกว่านี้แต่ก็ไม่เคยรู้สึกขนาดนี้ นี่แค่แววตาของพี่เขาและคำพูดประโยคเดียวเท่านั้น ไม่น่าเชื่อว่ามันทำให้ผมรู้สึกเจ็บ.....แน่นๆในอกและจี๊ดๆที่หัวใจ ไอ้ร้องไห้ก็อยากร้องเหมือนกันครับเสียแต่ว่าไอ้ตี๋มันยืนอยู่ข้างๆ เดี๋ยวมันล้อแย่เลย
แบบนี้.....ผมคงต้องยอมรับความจริงแล้วว่า...
‘ผมชอบพี่แนท‘ ชอบ...ทั้งที่มันไม่ควร ชอบ....ทั้งที่พี่แนทเป็นแฟนกับพี่โอม ชอบ....ทั้งที่ผมไม่ได้เป็นเกย์เหมือนพี่เขา ชอบ....ทั้งที่ผมมีตี๋อยู่ข้างๆมาตลอด ผมตั้งจิตมุ่งมั่น เงยหน้าขึ้นมองเพดานพยายามหาเส้นขอบฟ้า (แต่มองไม่เจอค้าบบบ)
เอาวะ....ยังไงคืนนี้ตูต้องคุยกับพี่แนทให้ได้ ค้างๆคาๆแบบนี้ไม่ไหว แต่คงไม่ต้องทำถึงขนาดกอดพี่เขาร่ำไห้ปิ่มว่าจะขาดใจแบบนั้นหรอก......มันมากไป
“อาร์ม....มึงเป็นอะไรของมึง ยืนนิ่งเอ๋อเลยนะ แถมทำหน้าเบะปากขมุบขมิบ สักพักก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ อ๋อ.....กูรู้แล้ว มึงอึ้งที่เห็นหุ่นอันเซ็กซี่เย้ายวนชวนปล้ำของกูล่ะสิ” โอ๊ยย.....มันน่านัก ผมน่าจะทำแบบที่คิดไว้ในหัวเมื่อกี้นะเนี่ย เอาให้มันอึ้งตัวสั่นร้องไห้แงแงไปเลย
“นี่แหนะ.....กูรู้หุ่นมึงดี แต่เสือกเล่นไม่ดูตาม้าตาเรือ มันใช่เวลาที่จะมาเล่นมั้ย หา....” ผมตบหัวมันอย่างแรง ขอเบิร์ดกะโหลกมันหน่อยเถอะ
“ไอ้อาร์ม......มึง....” มันยืนชี้หน้าผมเหมือนจะด่าอะไรต่อส่วนอีกมือลูบหัวป้อยๆ
แต่ผมจ้องมันกลับแถมยักคิ้วกับยิ้มกวนตีนให้ ต้องเอามันคืนบ้างเมื่อกี้ทำกูไว้แสบนัก ยังไงกูก็ถือไพ่เหนือกว่าอยู่เห็นๆ
แบบว่า.....กล้าก็ด่ามาสิ เดี๋ยวกูก็ไม่ให้มึงเป็นแฟน (แบบหลอกๆ) หรอก มันจ้องหน้าผมไม่กล้าชี้หน้าหรือด่าอะไรต่อ
“โถ่เว้ยย......เห็นกูรักกูหลงมึงล่ะสิ ถึงได้แกล้งเอาๆ อยากตบหัวก็ตบ อยากถีบก็ถีบ” ไอ้ตี๋เอามือทึ้งผมตัวเองจนหัวหูยุ่งไปหมด โถ่....เพื่อนตูหมดหล่อเลย นี่....อย่าให้สาวไหนมาเห็นมึงสภาพนี้นะเว้ย เดี๋ยวเสียคะแนนหมด
“มึงไม่ต้องมาบ่นเลย กูยังไม่ได้ชำระความเรื่องที่มึงเล่นเลยเถิด ทำมากกว่าจูบตามข้อตกลงนะเฟ้ย เดี๋ยวกูก็ยกเลิกคำขอมึงหรอก” ผมง้างมือทำท่าเหมือนจะตบกบาลมันอีกรอบ
“เออ....กูรู้แล้ว ก็บรรยากาศมันดีนี่หว่า แถมกูเห็นมึงออกจะเคลิบเคลิ้มกับรสจูบกู เป็นไงจูบกูเมื่อกี้ดีไหม” มันถามหน้าตาระรื่นระริกระรี้จนน่าถีบมากกก
“อืม.......” ผมตอบมันคำเดียวสั้นๆได้ใจความพร้อมพยักหน้า ก็....จูบเมื่อกี้มันดีๆจริงๆนี่ครับ จะให้โกหกได้ไง
“โห.....มึงจะพูดอะไรมากกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอ หรือว่าต้องทบทวนความจำกันอีกซักรอบ” พูดจบปุ๊บ มันก็ยื่นหน้ามาเลยครับ
“พอเลยมึง กูบอกแล้วว่าแค่ครั้งเดียว กูพูดคำไหนคำนั้น” ผมเอามือสองข้างยันหน้ามันออก แล้วหันหน้าเตรียมเดินออกจากห้องไปหาพี่แนท
“นี่มึงจะไปไหน” มันถามพร้อมคว้าแขนผมไว้
“กูจะไปคุยกับพี่แนท เมื่อกี้มึงเล่นถอดเสื้อแบบนี้ ถ้าพี่แนทเข้าใจผิดแล้วไปบอกพี่โอม จะทำยังไง”
“ก็กูบอกแล้วไงว่าเดี๋ยวจบทริป กูจะบอกความจริงพี่โอมเอง” ไอ้ตี๋มันรีบค้าน
“มันก็ใช่ แต่ภาพเมื่อกี้มันแรงเกิน กูเองยังรับไม่ได้ กูต้องเคลียร์กับพี่เค้าก่อน ก็มึงนั่นแหละตัวดี....ใครใช้ให้มึงถอดเสื้อแบบนี้” ผมสะบัดแขนหลุดจากมือมัน แล้วรีบเดินออกมา กลัวมันจะห้ามอีก
ผมยืนหน้าห้องพี่แนท ตั้งสติจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่ ยกมือบริกรรมคาถาแล้วเอาสีผึ้งป้ายปาก (เว่อร์ไปล่ะ) แล้วเคาะประตูห้อง ประตูเปิดออกเห็นพี่แนทยืนอยู่ตรงหน้า ผมอึ้ง.... พี่เขาทำหน้ามีเครื่องหมายคำถาม
“เอ่อ.....ผมขอคุยกับพี่ได้ไหมครับ”
“มีอะไรสำคัญเหรอ นี่มันก็ดึกแล้ว คุยกันพรุ่งนี้ตอนเย็นได้ไหม” พี่แนทตอบเสียงเรียบ หน้าเมินเฉย
“มันก็.....สำคัญเหมือนกันครับ ผมคุยไม่นานหรอกครับ” ผมพูดเสียงเบาๆ ชักไม่กล้าพูดอะไรต่อแล้วสิ เห็นหน้าพี่แล้วมันเขินๆยังไงไม่รู้ ตั้งแต่รู้ตัวว่าชอบพี่แนทเนี่ย ไอ้ความกล้ามันหายไปหมด ไม่กล้ามองหน้าพี่เขาตรงๆเลยอ่ะ
“ว่ามาสิ” หน้าตาพี่แกยังเฉยอยู่ ผมชักฝ่อๆแล้วครับ
“ถ้าผมบอกว่า สิ่งที่พี่เห็น....มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็น พี่จะเชื่อไหมครับ” ผมส่งสายตาอ้อนวอนไปให้
“มันก็ขึ้นกับว่า.....ตอนที่พี่เห็นนั้น.....บุคคล สถานที่ สิ่งแวดล้อมและการกระทำมันเป็นยังไง เวลาตำรวจสืบสวนคดี เขาก็สืบจากพยานหลักฐานสิ่งแวดล้อมหลังเกิดเหตุทั้งนั้นแหละ เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าเหตุการณ์จริงๆตอนเกิดเหตุมันควรจะเป็นยังไง” พี่แนทตอบแถมทำหน้ายียวนกวนประสาท หน้าพี่เขาชักจะกวนอารมณ์ผมอีกแล้ว
“แล้วจากที่พี่เห็น พี่ก็พอสรุปได้ว่า ไอ้ก่อนหน้าที่พี่จะไปเห็นน่ะ มันได้เกิดอะไรขึ้นบ้าง” โห....นี่พี่เป็นนักสืบรึไงหรือว่าดู CSI มากไปหน่อย
ถึงได้พูดเป็นฉากๆแบบนี้
“ผมอยากให้พี่รู้ว่า......ผมกับตี๋เป็นเพื่อนกันจริงๆ ผมคิดกับมันแค่เพื่อน แต่มันจะคิดอะไรยังไง ผมขอไม่รับรู้” พูดไปแล้วขนาดนี้ พี่จะเข้าใจรึเปล่า แต่พี่แนทยังไม่ตอบอะไร
“ตี๋กับผมเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน นานจน...มันอาจจะทำหรือแสดงอะไรเลยเถิดไปบ้าง แต่มันก็แค่นั้นเพราะผมไม่ได้คิดอะไร” มันไม่เหมือนกับพี่หรอก เพราะผมคิดอะไรอะไรกับพี่ อิ.....อิ
“แล้วอาร์มมาบอกพี่ทำไม ถึงอาร์มเป็นแฟนกับตี๋จริงๆก็ไม่เห็นแปลก สมัยนี้แล้ว......เขาไม่ถือเรื่องเป็นเกย์อะไรหรอก” พี่เค้าตอบหน้างอๆเหมือนงอนยังไงไม่รู้ นี่พี่.....ถ้าคนหล่ออย่างผมทำน่ะ....มันน่ารัก แต่ผู้ชายตัวใหญ่ยักษ์แบบพี่ทำน่ะ.....มันน่า....(เติมเอาเอง อย่างเช่น ตบด้วยปาก)....รู้มั้ย
แล้วเรื่องเกย์น่ะ จะพูดขึ้นมาทำไมอีกแล้ว ก็บอกไปแล้วว่าผมไม่ได้เป็น......ไม่ได้เป็นเกย์ก็ไม่เชื่อ (แค่เผลอใจชอบพี่นี่ ผมคงไม่ได้เป็นเกย์ใช่มั้ย) พี่เองนั่นแหละมีอะไรๆกับพี่โอมแล้วยังมีหน้ามาบอกว่าตัวเองไม่ใช่เกย์อีก คิดแล้วชักฉุนขึ้นมาอีกแล้ว
“ผมว่าผมเคยบอกพี่แล้วว่า...ผมไม่ได้เป็นเกย์ กับตี๋นี่ก็ไม่มีอะไร ว่าแต่พี่เถอะ ปากบอกไม่ได้เป็นเกย์แต่ทำอะไรๆกับพี่โอม อย่างงั้นไม่เรียกว่าเกย์แล้วเรียกว่าอะไร” ผมยิ่งพูดยิ่งไม่มีหางเสียงแล้วตอนนี้
“อะไร......นี่อาร์มหมายความว่ายังไงนะ ที่บอกว่าพี่มีอะไรๆกับไอ้โอม” พี่แนทเบิ่งตาโตพร้อมเครื่องหมายคำถามตัวเบอเริ่มปะหน้า
********************************************