นิราศตามหารัก
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: นิราศตามหารัก  (อ่าน 460244 ครั้ง)

BeePed

  • บุคคลทั่วไป
นิราศตามหารัก
« เมื่อ22-07-2008 14:39:07 »

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมและเกิดความขัดแย้ง
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม[/color]

สวัสดีค่ะ ขอฝากตัวฝากใจด้วยนะคะ เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรกในชีวิตที่แต่ง โดยได้แรงบันดาลใจมาจากนิยายของนักเขียนท่านอื่นในบอร์ด

ต้องขอบอกว่าพล็อตเรื่องบางส่วน (ย้ำบางส่วน)ได้มาจากนิยายของคุณเชิญอักษรเรื่อง "นิราศกะป๋อหลอ" คะ เรื่องของคุณเชิญอักษรนี่จะเป็นหญิงชายหวานแหวว แต่เรื่องที่เขียนอันนี้เป็นแบบชายชาย ช่วยติชมด้วยนะคะ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนที่ 1

   ผมพ่อยอดชายรูปหล่อ ตี๋ สูง ล่ำ พ่อรวย เรียนดี กีฬาเด่น (พอแล้วๆ เดี๋ยวคนอ่านจะคายอาหารกลางวันทิ้ง) นามว่าอาร์มครับผม ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นก็เป็นความจริงซะส่วนใหญ่ แต่ที่ไม่จริงคือความสูงกับล่ำครับ ผมเป็นน้องคนสุดท้องครับ พี่สาวคนโตชื่อพี่เอ ตอนนี้แต่งงานใช้ชีวิตอยู่อเมริกาไปเรียบร้อย

         ส่วนพี่ชายคนรองก็พี่โอมสุดหล่ออีกคนของบ้าน (แต่หล่อน้อยกว่าผมครับ) แต่พ่อแม่ผมลำเอียงอุตส่าห์ปั้นให้ผมหล่อขนาดนี้แต่ลืมให้ความสูงผมมาครับ ฮือ...ฮือ  แต่อย่างว่าผมกับพี่โอมอายุห่างกันตั้งสิบปี ผมเลยเป็นลูกหลงมาครับ สงสัยเพราะเหตุนี้เลยทำให้แม่หลงลืมกินแอนมัมพลัสกับแคลเซียมตอนตั้งท้องผม ผมถึงได้อาภัพเรื่องความสูงอย่างนี้

   ผมเพิ่งเรียนจบวิศวะคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยชื่อด้งแห่งหนึ่ง ผมก็เรียนตามพี่โอมของผมนั่นแหละครับ พี่โอมเป็นแรงบันดาลใจให้ผมอยากเรียนวิศวะ พี่เค้าเหมือนเป็นไอดอลของผมในการใช้ชีวิต ตอนนี้พี่เค้ากำลังเรียน PhD อยู่ที่นิวยอร์คครับ เรียนเกี่ยวกับการออกแบบเรือสร้างเรืออะไรซักอย่างนี้แหละ ผมก็ไม่รู้ว่าเรียนแล้วมันจะกลับมาทำอะไรที่เมืองไทยได้ เมืองไทยไม่ใช่ประเทศที่มีอุตสาหกรรมต่อเรือซักหน่อย แต่เอาเถอะพี่โอมเค้าชอบของเค้า เราพี่น้องร่วมสายเลือดจะไปทำอะไรได้ (เอะเหตุผลมันเกี่ยวกันไหมเนี้ย)

****************************************************************

   ที่มหาวิทยาลัยชื่อด้ง เทอมสองของปีสี่ พวกผมนั่งกันที่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นหูกวางหน้าคณะ

   “เฮ้ย เรียนจบแล้วพวกมึงจะไปเรียนต่อโทปะ หรือจะทำงานก่อน” ไอ้เจตเพื่อนในกลุ่มถาม

         ไอ้เจตเนี้ยมันก็สูงล่ำ ผิวคล้ำหน้าคมเค้ม หุ่นนักกีฬา มันเป็นนักกีฬาบาสของคณะครับ แถมพ่วงเป็นประธานชั้นปีอีกตำแหน่ง แฟนมันเป็นสาวอักษรสวยน่ารักมากครับ

   “กูเบื่อเรียนจะตายชัก นี่ก็จะอวกเป็นตำราอยู่แล้วเนี่ย  โอ้ยกูอยากจะบ้า อยากจะเอาตำราไปปั่นกับโยเกิรต์แล้วเอามาพอกหน้ากับตัว ให้มันดูดซึมออสโมซิสเข้ากระแสเลือดไหลไปสมอง จะได้ไม่ต้องอ่านหว่ะ กูไม่มีทางเรียนต่อแน่ๆ” เสียงไอ้อ้นมันตอบครับ

         ไอ้นี่มันขาวตี๋ สูง ใส่แว่น หน้ามันให้ไปเรียนหมอมากเลยครับ คนมักเข้าใจว่ามันเรียบร้อย เรียนเก่ง สุภาพ แต่นั่นมันแค่ภาพมายาที่มันสร้างขึ้นไว้ตบตาสาวน้อยสาวใหญ่ จริงๆแล้วมันนะทั้งเถื่อน ทั้งซกมก ขี้เกียจจนหลังมันยาวมากกว่าขาแล้ว ขนตามตัวก็เริ่มงอกยาวมากกว่าผมบนหัวมันอีก บางครั้งเหมือนผมเห็นเห็บกระโดดออกจากตัวมันด้วย

   “ไม่ต้องมาพูดถึงเรียนจบเลย กูก็จะตายอยู่แล้วเนี้ย ธีสิสก็ไม่รู้จะผ่านหรือเปล่า ถ้ากูไม่จบปีนี้ พ่อกูต้องเอากูตายแน่” ไอ้ดลตอบหน้าเป็นตูด เหมือนไม่ได้อึ๊บสาวมาเป็นอาทิตย์

          พวกผมรู้ครับว่าดลมันลูกคุณหนู บ้านรวย แต่พ่อมันสุดจะเฮียบและหวังให้ม้นจบแล้วมาทำงานที่บริษัทของครอบครัวทันที แต่มันก็ดันเรียนๆเล่นๆ ผลการเรียนมันก็เลยโหลดต่ำเตี้ยติดดิน

   “แล้วมึงอ่ะ ไอ้อาร์ม มึงจะนั่งเพ่งโต๊ะให้มันกลายเป็นทองหรือไงวะ ไอ้นี่ท่าจะบ้า” เจตถามผม เพราะเห็นผมนั่งเพ่งมองโต๊ะมาเป็นชั่วโมงแล้วครับ ที่จริงผมกำลังมองมดดำที่เดินบนโต๊ะครับ กำลังคำนวณว่ามันเดินด้วยความเร็วเท่าไหร่ ขาของมันขยับขึ้นลงกี่ครั้งในหนึ่งวินาที

   “กูอยากเดินทางไปรอบโลกหว่ะ ไปถ่ายรูปสถานที่ คน สัตว์ สิ่งของ อยากไปเปิดหูเปิดตา ไปเปิดโลกทัศน์” ผมคิดอย่างนี้จริงๆครับ ตั้งแต่ผมอยู่มัธยมต้นแล้วแม่ซื้อหนังสือ 80 วันรอบโลก (Around the World in Eighty Days) ให้ผมอ่าน หลังจากนั้นผมก็ใฝ่ฝันอยากเดินทางไปทุกทวีปให้ได้ก่อนผมตายครับ

          แต่ก่อนอื่นมันต้องมีทุนทรัพย์ก่อนครับถึงจะทำได้ แต่เอ....ถ้าเพ่งแล้วโต๊ะกลายเป็นทองก็ดีเหมือนกันแฮะ จะได้เอาไปเปลี่ยนสภาพให้กลายเป็นเงิน แต่จะได้ซักเท่าไรวะ เอ....ทองหนึ่งบาทหนัก 15.2 กรัม โต๊ะหินอ่อนตัวหนึ่งหนักซักสามสิบโล กำลังวาดวิมานในอากาศคิดคำนวณเพลินๆอยู่ก็มีเสียงนรกมาเลยครับ

   “ไอ้อาร์ม มึงฝันเพ้อเจ้ออีกแล้ว กูว่าก่อนมึงเดินทางรอบโลก มึงมาเดินทางรอบเอวกูก่อนมาไอ้น้อง กูจะพามึงไปให้ถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เลย กูรอมึงมานานแล้วนะ กูเก็บตูดกูให้มึงคนเดียว มามะ...ไอ้อาร์ม กูจะยอมเป็นของมึง แล้วมึงก็มาเป็นของกูซะดีๆ เดี๋ยวมึงจะติดใจแล้วสะกิดขอร้องกู ว่าขอแรงๆอีกค่ะพี่ตี๋ขา ขอเทียน โซ่ แซ่ กุญแจมือด้วยคะ”

           นี่ก็เสียงไอ้ตี๋ครับ มันไม่พูดเปล่า มันมาแล้วครับลีลาประกอบคลิปวีดีโอสยิวกิ๊ว มันส่งสายตาหื่นกาม แลบลิ้นเลียมุมปากเหมือนพวกโจรที่มันกำลังลากนางเอกมาขืนใจในละครหลังข่าว โอ้..ไม่...ผมไม่ใช่นางเอกละครนะ และผมก็ไม่ได้เป็นเกย์ตุ๊ดแต๊วกระเทยอะไรด้วย ทำไมมันถึงจองเวรกับผมจัง

            มันกอดผมแล้วเอาคางที่มีเคราแพะของมันมาไซ้คอผม ผมก็ดิ้นสิครับ ใครจะยอมให้มันง่ายๆ ผมก็เอนตัวหนีจนตัวค่อยๆเอียงราบไปบนโต๊ะ มันก็ตามมาไซ้คออยู่นั่นแหละ แถมยังขยับสะโพกมันชิดสะโพกผมแล้วทำท่าขยับเข้าออกอีก โอ้ยยยยผมอยากจะบ้า ไอ้พวกเพื่อนเวรก็ไม่มีมาช่วยผมหรอก นั่งเชียร์กันอยู่ได้ยังกะเชียร์บอลโลก

          “เอาแล้วเว้ย ไอ้ผัวเมียคู่นี้ มา....มา พวกเรามาช่วยให้มันสมหวังซะวันนี้ มาตี๋...เดี๋ยวกูถ่ายคลิปให้ มึงเอาท่าเด็ดๆนะโว้ย” ไอ้อ้นมันหยิบมือถือตั้งท่าถ่ายอย่างเอาเป็นเอาตาย มันคงอยากเก็บภาพช็อตเด็ดตอนผมเสียตูดให้ไอ้ตี๋ โถ่เว้ย...ทำไมผมทนคบเพื่อนสติไม่สมประกอบแบบนี้มาได้ตั้งสามปีกว่าวะ
          
           เหมือนเคยได้ยินนักปราชญ์กล่าวไว้ว่า คนที่ประพฤติดีย่อมดึงดูดคนดีเข้าหาตัว คนชั่วก็จะดึงดูดคนชั่ว  แต่พวกเวรนี่มันสติไม่สมประกอบ หรือว่าตัวผมสติไม่ดีถึงดึงดูดพวกมันวะ

           “ทำอะไรกันอยู่ค้าหนุ่มๆ!!!.....ทำไมไม่ชวนแมนดี้มาเล่นด้วย เดี๋ยวมีงอน” เหมือนมีเสียงสวรรค์มาช่วย โอ้แมนดี้นางฟ้านางสวรรค์ของผมมาช่วยแล้ว ถึงแม้ก่อนหน้านี้ผมจะไม่เคยรู้สึกดีใจที่เห็นแมนดี้ก็ตาม

           แมนดี้นี่เป็นกระเทยถึกควายนายกสมาคมกระเทยของคณะครับ ที่จริงเธอชื่อเล่นว่าแมน แต่สงสัยชื่อจะเป็นกาลากิณี เธอจึงเปลื่ยนให้ตัวเองเสร็จสรรพเป็นแมนดี้ ซึ่งเธอบอกว่าย่อมาจาก Samantha ในเรื่อง Sex and the city ครับ เธอบอกว่า Samantha บุคลิกเหมือนเธอมากเพราะดูร่านดีและถือคติว่าจะมีเซ็กซ์กับผู้ชายแต่ละคนแค่คืนหนึ่งแล้วก็จากกันไปแบบ one night stand

           แต่จริงๆแล้วคุณแมนดี้เธอชอบไอ้ตี๋ครับ ตามหยอดตามตอดมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ความพยายามเธอเป็นเยี่ยม ถ้าเธอทำอาชีพทำดินสอพองขายคงรวยเละไปแล้ว แหมก็ไอ้ตี๋นี่มันเดือนคณะควบว่าที่เดือนมหาลัยตอนปีหนึ่งครับ คิดดูว่าคณะผมมีแต่ผู้ชาย แล้วตี๋มันถูกทั้งผลักทั้งดันแกมบังคับจนได้เป็นเดือนคณะ แต่มันไม่ยอมไปประกวดเดือนมหาลัย ไม่งั้นมันคงได้เป็นเดือนมหาลัยไปแล้ว

           “ตี๋ขาหันมาทางนี้ก่อนค้า ตี๋ต้องโดนแมนดี้ลงโทษด้วยการตบด้วยปาก ในเมื่ออาร์มเค้าไม่เต็มใจ ก็อย่าไปฝืนเค้าเลย หันมามองคนที่เค้าพร้อมจะพลีทั้งใจพลีทั้งกายให้ตี๋อย่างแมนดี้เถอะค่ะ”

           ไม่พูดปล่าว แมนดี้ถือคติปากว่ามือขยับ เธอเอากีบนิ้วชี้กับนิ้วกลางของขาหน้าไปวางบนต้นแขนซ้ายของตี๋ แล้วขยับกีบนิ้วเหมือนท่าปูไต่ ไต่สูงขึ้นไปบนไหล่ของตี๋พร้อมท่องสวดคาถาผัวรักผัวหลง แล้วทำตาปรือกัดริมฝีปากล่างอย่างที่พยายามจะให้ยั่วยวนพร้อมทั้งส่งสายตาหวานฉ่ำปนน่าสะพรึงกลัวไปให้ไอ้ตี๋

           ไอ้ตี๋ปล่อยมือจากตัวผมในทันที ผมเห็นขนแขนตี๋มันลุกไปทั้งแขน เอ..หรือมันจะสยิวจริงๆจากฤทธิ์กีบหน้าสะท้านโลกันต์ของคุณแมนดี้ แต่ช่างมันเถอะ ผมไม่เสียเวลาคิดมากอะไรแล้วตอนนี้ รีบเบี่ยงตัวหนีหลบไอ้ตี๋ออกมาอย่างรวดเร็ว


*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2010 21:17:28 โดย THIP »

tonsai_2520

  • บุคคลทั่วไป
Re: นิราศตามหารัก
«ตอบ #1 เมื่อ22-07-2008 14:44:42 »





ยินดีต้อนรับน้องใหม่  . . .

มาบ่อย ๆ  นะครับ


MoOkRaPoOk

  • บุคคลทั่วไป
Re: นิราศตามหารัก
«ตอบ #2 เมื่อ22-07-2008 14:53:18 »

อร๊ายยยยมาเปิดซิงไม่ทันพี่ต้น
กรี๊ซซซซซซซซซซ
งั้นจิ้มพี่ต้นแทนแล้วกัน
จึกๆๆๆๆๆๆๆๆ
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: นิราศตามหารัก
«ตอบ #3 เมื่อ22-07-2008 14:56:07 »

แค่ตอนแรกก็สนุกซะแล้ว  :oni2: :oni2: :oni2:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: นิราศตามหารัก
«ตอบ #4 เมื่อ22-07-2008 15:15:19 »

แอรยสสสสสสสสสสสสสส

เห็นชื่อนิราศ นึกว่าจะมาเป็นกลอนเสียอีก

อิอิ

เป็นกำลังใจให้น้องใหม่นะครับ

+_+

ออฟไลน์ ben~ya

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0
Re: นิราศตามหารัก
«ตอบ #5 เมื่อ23-07-2008 15:50:51 »

สนุกดี ให้กำลังใจคนแต่ง :L2:

BeePed

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 2  นกน้อยจะไปเผชิญโลกกว้าง   

เฮ้....พวกคุณๆคนอ่านครับกลับมาเวลาปัจจุบันได้แล้วครับ

ผมเรียนจบมาได้สองเดือนแล้วครับตอนนี้ ช่วงสอบเสร็จกว่าจะจัดการกับธีสิสได้ กว่าจะทำเรื่องจบได้ทำเอาจิตตกไปเหมือนกัน แต่ผมก็เก่งนะครับได้เกียรตินิยมอันดับสองด้วย

พอเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยพวกผมก็ตั้งหน้าตั้งตาฉลอง ไปเที่ยวมันตั้งแต่เหนือใต้ออกตก ตามแต่ว่าบ้านเพื่อนคนไหนจะอยู่โซนไหนของประเทศ

เริ่มจากไปฉลองสงกรานต์ที่เชียงใหม่เพราะไอ้ดลมีรีสอร์ทที่นั่น ต่อด้วยฉลองวันฉัตรมงคลที่เกาะช้างเพราะบ้านไอ้อ้นมันอยู่ตราด ตามด้วยฉลองวันพืชมลคลที่อุบลกับศรีสะเกษ (ซึ่งก่อนหน้านี้ผมไม่เคยจำได้ว่าวันพืชมงคลมันเป็นวันหยุดราชการด้วย เนื่องจากมันเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ตลอด)  โชคดีครับได้ขึ้นเขาพระวิหารก่อนเค้าจะมีเรื่องยุ่งๆกัน

พอวันวิสาขะแทนที่จะเข้าวัดเข้าวาชำระบาปทำจิดใจให้สะอาด หรือไปเดินภาวนาจงกรมถือศีลห้าศีลแปด พวกผมก็ดันไปหมู่เกาะสุรินทร์ โดยเป้าประสงค์หลักคือไปกินเหล้าเคล้านารีกับนั่งดูสาวๆอึ๋มๆนอนอาบลมห่มแดดกัน

เห็นผมเที่ยวอย่างนี้อาจจะสงสัยว่า แม่ง...มันไม่หางานหาการทำเลยเหรอวะ หรือว่าบ้านรวยเหลือกินเหลือใช้ มันไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมก็มีเป้าหมายในชีวิตเหมือนกันนะครับ ผมกะว่าจะไปเรียนต่อโท IE (Industrial Engineering) ที่อเมริกาครับ แต่คงต้องไปเรียนฟิตภาษาที่นั่นก่อน

จริงๆที่บ้านวางแผนให้ผมเรียนที่เมืองไทยครับ(ในกรณีที่อยากเรียนนะครับ) เพราะแม่ผมไม่ค่อยวางใจให้ไปอยู่เมืองนอก แถมบอกว่าผมไปแล้วเดี๋ยวใจแตกกลับมา เอ๊ะ...แม่ผมเป็นผู้ชายนะแม่ จะมาใจต่งใจแตกอะไร อย่างอื่น.....แตกซะมากกว่าครับ (อย่าคิดมากผิวแตกครับ)

คิดถึงตรงนี้ไม่ได้การแล้วครับ ผมต้องทำความฝันให้เป็นจริงให้ได้ ถึงยังไม่ได้เที่ยวรอบโลกแต่ไปเหยียบอเมริกาก็ยังดี เอ...จะเริ่มยังไงดีหว่า ไม่เคยเดินทางไกลขนาดนี้ด้วย อย่างมากก็ไปแค่สิงคโปร์กับจีน เราน่าจะลองทำเป็นไปเยี่ยมพี่โอมดีกว่าแฮะ แต่ผลข้างเคียงที่อยากได้มากกว่าคือไปเที่ยวครับ แถมได้หนีอากาศร้อนเมืองไทยด้วย

ถึงตรงนี้เลือดนักผจญภัยมันก็ฉีดพล่านไปทั่วทุกรูขุมขน ต้องวางแผนดีๆครับ จะคุยถามพี่โอมก็ไม่ได้ด้วย ต้องเก็บเป็นความลับไว้ก่อน ว่าแล้วโทรถามแมนดี้นางฟ้าของผมดีกว่า เพราะคุณเธอบินไปอเมริกาบ่อยไปเยี่ยมป้าที่นั่น คงจะช่วยได้บ้าง

[Oh no, not I

I will survive

as long as I know how to love

I know I will stay alive

I've got all my life to live

I've got all my love to give

and I'll survive

I will survive]

เสียงเรียกรอสายของแมนดี้เนี้ยมันได้ใจจริงๆ ประกาศตัวอย่างชัดเจน ไม่มีปิดๆบังๆงุบงิบจุ๊บจิ๊บเหมือนอดีตท่านนายกของประเทศบางประเทศ (พอดีกว่าครับ ได้ยินเสียง คุก คุก คุก มาแต่ไกล)

“ฮัลโหลลล...ดาร์ลิ่ง ว่าไงจ๊ะ คิดถึงเค้าเหรอตัวเอง จะนัดเค้าไปเดทที่ไหนค้า” เสียงคุณเธอมาแล้วครับ

“เฮ้ย ไอ้คุณแมนดี้ กินยาลืมเขย่าขวดรึเปล่า เราไม่ใช่ไอ้ตี๋นะ ไอ้นี่เนี่ย เมื่อวานตี๋มันไม่ให้เอาหรือไง ถึงได้คิดนอกใจมัน” ผมตอบมันไป ไม่อยากใช้สรรพนามกูมึงกับมันครับ ถึงยังไงมันก็เป็นกุลกระเทย แม้จะอยู่ในคราบควายธนูก็ตามเถอะ

“แหมอาร์มก้อ นอกจงนอกใจอะไร อย่าไปพูดให้ตี๋ได้ยินทีเดียวเชียวนะ เดี๋ยวตี๋เค้าเข้าใจผิดยิ่งขี้หึงอยู่ด้วย วันก่อนนะแมนดี้แค่ชม้ายชายตาให้หนุ่มละอ่อน ตี๋เค้าหึงเลือดขึ้นหน้า ทำอย่างกับเป็นคาวีในสวรรค์เบี่ยง ตบจูบ ตบจูบ..หัวไหล่อันบอบบางของแมนดี้ถูกคีมห้านิ้วของตี๋ตรึงอยู่ทั้งสองข้าง แล้วตี๋เค้าก็....เค้าก็...ฮึก ฮึก.. คิดดูนะอย่างแมนดี้จะไปมีมีปัญญาเรียกหาเรี่ยวแรงอื่นๆที่ไหนมาแข็งขืนได้ มีเพียงแรงสะอื้นสะท้อนสะท้านอยู่ข้างใน แล้วเค้าก็... เค้าก็.....เค้าก็....”

นี่แมนดี้มันฝันกลางวันหรือว่าเสียสติไปแล้ว เสียงสะอื้นร่ำไห้ปานจะขาดใจของมัน ทำให้ผมอยากจะบ้าตาย ผมจะหวังพึ่งมันได้ไหมเนี้ย!!  ไอ้คุณแมนดี้ยังพล่ามไม่จบครับ ยังพ่นต่อ

“เอาเถอะถึงยังไง ตี๋เค้าก็เป็นว่าที่สามีอันดับหนึ่ง เป็นของสูงต้องเคารพบูชา แต่เค้าก็อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศกับอาร์มนะ อาร์มเรามาเป็นกิ๊กกันเถอะ”

เสียงเธอหยุกสะอื้นทันที ทำไมคุณแมนดี้เธอเปลี่ยนโหมดได้ฉับพลันเหมือนเปลี่ยนผ้าอนามัยแบบนี้ ไม่ได้การละต้องชิงพูดตัดหน้าก่อนที่มันจะพล่ามต่อ

“เรามีเรื่องอยากปรึกษาแมนดี้หน่อย”

“ก็ได้ แต่มีค่าปรึกษานะ ต้องยอมมาเป็นกิ๊กก่อน ถึงแมนดี้จะชอบผู้ชายตี๋ สูง ล่ำ กล้ามเป็นมัดๆเร้าใจ แต่สำหรับอาร์มแมนดี้ยกเว้นให้ อาร์มหน่ะ ถึงความสูงกับบอดี้จะได้ซีไมนัส แต่หนังหน้าได้เอพลัส”

ผมกุมขมับ อยากจะกัดลิ้นแล้วลงไปดิ้นพลาดๆตรงนี้เลย ทำไมต้องมาตอกย้ำเรื่องความเตี้ยความสูงอะไรกันตอนนี้

“เอ้ามีอะไร ว่ามา” ไอ้แมนดี้เริ่มเข้าโหมดจริงจังละ เฮ...ค่อยยังชั่ว

“เราจะไปเยี่ยมพี่โอมที่อเมริกาหน่ะ พี่แกเรียนที่นิวยอร์ค จะต้องทำยังไงบ้าง” ผมถามทันทีเมื่อมันเปิดโอกาสให้เล่า

“ทำยังไง....ก็ทำอย่างว่านะแหละ หรือว่า.....อย่าบอกนะว่าอาร์มทำไม่เป็น เดี๋ยวแมนดี้สอนให้ รับรองจะสอนจนจบหลักสูตรประกาศนียบัตรขั้นสูงเลย”

โอยยยย มันยังกวนไม่เลิก ขอถอนความคิดที่ว่ามันเริ่มจริงจังเป็นการเป็นงาน

“ทำไมแกไม่ถามพี่โอมของแก มาถามอะไรชั้น”

“ถามไม่ได้ อันนี้เป็นความลับ ขืนบอกว่าจะบินไปเที่ยว เอ็ย...ไม่ใช่ ไปเยี่ยม พี่แกต้องไม่ยอมให้ไปแน่ แถมจะด่ากลับมาซิ”

“เอางี้ แกก็เริ่มจากไปทำวีซ่านักท่องเที่ยว B1 ก่อนที่สถานทูตอเมริกา ตอนนี้เค้ามีส่งใบสมัครกับนัดวันสัมภาษณ์ออนไลน์แล้ว แต่เดี๋ยวก่อน แกต้องกำหนดวันเดินทางไว้ด้วยนะ เค้าจะให้กรอกในใบสมัคร ควรทำล่วงหน้าซักอย่างน้อยหนึ่งเดือนก่อนวันเดินทาง แล้วก็........บลา....บลา......บลา.....”

ไอ้คุณแมนดี้พ่นมาเป็นชุดเลยครับ จดใส่เมมโมรี่แทบไม่ทัน

“นี่ ตอนเค้านัดวันสัมภาษณ์กับคนที่จะสัมภาษณ์หนะ ให้เลือกสัมภาษณ์กับฝรั่งนะ” ไอ้แมนดี้มันสาธยายต่อ

เอ...มันบ้ารึเปล่าวะให้สัมภาษณ์กับฝรั่ง ผมไม่ได้หื่นกามบ้าผู้ชาย บ้าของนอกอย่างมันนะ

“ทำไมต้องเป็นฝรั่ง” ผมถามอย่างสงสัย

“เออหน่ะ เชื่อแมนดี้เหอะรับรองไม่ผิดหวัง สัมภาษณ์กับคนไทยนะให้วีซ่ายาก มันดูถูกคนไทยด้วยกันจะตาย ฝรั่งนี่ให้ง่ายกว่า แล้วส่วนใหญ่ฝรั่งเค้าก็พูดไทยได้ แถมอบอุ่นเป็นกันเองน่ารักน่าใคร่น่าหลงใหล”

ผมว่ามันคงถูกส่วนแรก แต่ประโยคสุดท้ายมันคงเพ้อฝันไปเองครับ

“แล้วซึ้อตั๋วไปนิวยอร์คนี่ ไปลงสนามบินอะไรดี” ผมดูในกูเกิล มันมีต้องสามสนามบินแหนะครับ มีสนามบิน Newark (อ่านว่าน๊วค มันออกเสียงยากอ่ะ ลองทำเสียง ‘นิวอ๊าค’ แบบสั้นๆดูนะครับ) สนามบิน JFK แล้วก็สนามบิน La Guardia

“แมนดี้เคยแต่ไปลงที่ JFK เพราะบ้านป้าอยู่แถวนั้น แมนดี้ว่าลองถามพี่โอมดูซิ  ว่าแต่พี่โอมนี่หล่อหรือเปล่าอ่ะ เผื่อแมนดี้จะลองไปสมัครเป็นพี่สะใภ้อาร์มดู”

ดู...ดูมัน มันยังไม่วายอีกครับ

“บอกแล้วว่าถามไม่ได้ไง” ผมต้องเก็บเป็นความลับจนกว่าจะซื้อตั๋วกับกำหนดวันเดินทางได้ก่อน แล้วรวบหัวรวบหางบอกพี่โอมทีเดียว จะได้ปฏิเสธไม่ได้ แหมแผนผมนี่มันยอดเยี่ยมกระเทียมดองจริงๆเลย

*********************************************************************

เย้....ในที่สุดผมก็ได้วีซ่ามากอดแล้ว ผมรีบไปซื้อตั๋วทันที เอาไงเอากันวะ ไปลง JFK นี่แหละ ชื่อสนามบินมันดูขลังแล้วก็ well known ดี

วีซ่าก็ได้แล้ว ตั๋วก็ได้แล้ว ต่อไปก็...............

ผมก็ทำเนียนเข้าไปหาแม่ที่นั่งอยู่โซฟาหน้าทีวี พร้อมทั้งกอดแม่ไว้ทั้งตัวเอาหน้าซบอกแม่

“ว่าไงอาร์ม จะมาอ้อนเอาอะไรอีก ทำไมไม่ไปสมัครหางานทำ เรียนก็จบมาสองเดือนแล้วนะเรา หรือจะเรียนต่อโทเลย” ผมฟังแล้วแอบซ่อนหน้าเจ้าเล่ห์ไว้

“ม๊าค้าบบบ อาร์มเพิ่งจบเองนะ เรียนมาก็เครี้ยดเครียด เนี้ยก็ได้เกียรตินิยมอันดับสองให้ม๊าด้วยนะ อาร์มขอไปเยี่ยมพี่โอมที่อเมริกาได้เปล่าครับ จะได้ไปดูลู่ทางเรียนต่อโทด้วย ถ้าจบโทแล้วก็อยู่ต่อเอกเลยเหมือนพี่โอมไง”

ผมเริ่มชักแม่น้ำทะเลทั้งห้า พร้อมไม้เด็ด'ฝ่ามือนวดสยบมาร'

“หึม....ว่าไงนะเรา คิดยังไงขึ้นมาถึงอยากไปเยี่ยมพี่โอม นี่จะไปเยี่ยมหรือไปเที่ยว”

ทำไมแม่ช่างรู้ทันลูกชายอย่างนี้ สมแล้วครับที่เป็นแม่ผม ผมยังไม่ตอบคำถามหรอกครับ มันต้องรอให้ได้ที่ก่อน

ว่าแล้วผมก็ทำการบีบนวดแขนและหัวไหล่แม่ พร้อมเพ่งภาวนาบทสวดนะโมพุทธทายะไปด้วย (เป็นบทท่องภาวนาให้คนเมตตาครับ) กะว่าให้แม่เคลิ้มแล้วรวบหัวรวบหาง เอ้ย..ไม่ใช่ ให้แม่เคลิ้มแล้วตอบตกลงโดยไม่รู้ตัว ผมเนี้ยมือวางอันดับหนึ่งการนวดในบ้านนะครับขอบอก ตอนเด็กๆนี่ผมไปฝึกเคล็ดวิชาฝ่ามือนวดสยบมารมาจากอาม่า เพราะทุกปิดเทอมผมต้องไปอยู่บ้านอาม่าเลยได้เคล็ควิชามาตอนนั้น

คุณๆอาจสงสัยทำไมผมต้องวางแผนอะไรกันขนาดนี้ ที่จริงผมก็ไม่ใช่ลูกคุณหนูอะไรหรอกครับ แต่เนื่องจากเป็นลูกคนเล็กเป็นลูกหลง แถมหน้าตาผมก็หล่อน่ารักบ้องแบ๊วขี้อ้อน ทุกคนในบ้านผมจึงหวงและห่วงผมเป็นพิเศษ ทำเหมือนผมเป็นไข่ในหิน ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม

“ม๊าจ๋า เดือนหน้าก็วันเกิดอาร์มแล้วนะ อาร์มขอไปอเมริกาไปฉลองวันเกิดกับพี่โอมนะครับ ไม่ได้เจอพี่โอมต้องสามปีแล้วอ่ะ อาร์มคิดถึงพี่โอมมากๆเลยครับ ได้แต่คุยทางเวปแคมกับโทรศัพท์ มันไม่เหมือนเจอตัวเป็นๆหรอก นะ..ม๊านะ ให้อาร์มไปเถอะ อาร์มจะได้ไปดูที่เรียนต่อด้วยไง อาร์มรับรองว่าไม่ไปทำให้พี่โอมเดือดร้อนหรอก”

ว่าแล้วผมก็ยิ่งเพิ่มแรงบีบนวดต่อ ตอนนี้แม่เอนลงนอนคว่ำ แล้วปล่อยให้ผมนวดหลังกับบั้นเอว หน้าตาเคลิบเคลิ้มมีความสุขเหมือนกำลังจะไปเฝ้าพระอินทร์อยู่รอมร่อแล้ว ไม่ได้การแล้วครับต้องรีบรวบรัดตัดความพร้อมปล่อยประโยคเด็ด

“ม๊า นะ...นะ...นะ  ไปครั้งนี้อาร์มจะใช้เงินเก็บอาร์มเองนะครับ”

แม่ผมหูผึ่ง เอี้ยวตัวหันหน้ามามองผมทันที ทำตาโตตกใจ  ก็ผมนะงกจะตาย เงินไม่มีกระเด็นออกจากกระเป๋าหรอกถ้าไม่จำเป็น ผมเก็บเงินได้เยอะนะครับ แต่จะว่าไปผมก็งกเหมือนแม่นั่นแหละ

“ตามใจ อยากไปก็ไป อย่าลืมโทรไปถามพี่โอมเค้าก่อนหล่ะ ว่าให้เราไปหาเดือนหน้าได้รึเปล่า”

ผมยิ้มดีใจโผเข้ากอดแม่ที่นอนอยู่ทันที คิดในใจว่าโทรมันต้องโทรอยู่แล้ว แต่จะโทรไปบอกว่าไปแน่ๆแล้วซื้อตั๋วแล้วด้วย ไม่ถามความเห็นหรอก ฮ่า....ฮ่า.....ฮ่า

***************************************************************

ขอขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจนะคะ กด +1 ให้ทุกความเห็นแล้วคะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-07-2008 06:24:40 โดย BeePed »

BeePed

  • บุคคลทั่วไป
Re: นิราศตามหารัก
«ตอบ #7 เมื่อ23-07-2008 18:25:53 »


ขอถามหน่อยคะว่า จะเพิ่มชื่อตอนที่หัวเรื่องทุกครั้งที่มาอัพตอนใหม่ ทำยังไงคะ

พยายามเปลี่ยนตอนโพสต์ในรีพลาย แต่มันไม่โชว์เวลาขึ้นลิสต์ในหน้าเวปนิยายนะค่ะ
 o2 o2 o2 o2 o2

maabbdo

  • บุคคลทั่วไป
Re: นิราศตามหารัก
«ตอบ #8 เมื่อ23-07-2008 19:01:00 »

มาต้อนรับเรื่องใหม่จ้า

 :mc4: :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: นิราศตามหารัก
«ตอบ #9 เมื่อ23-07-2008 19:50:33 »

เริ่มออกเดินทางแล้ว   :m4: :m4: :m4: :m4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: นิราศตามหารัก
« ตอบ #9 เมื่อ: 23-07-2008 19:50:33 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






anna1234

  • บุคคลทั่วไป
Re: นิราศตามหารัก
«ตอบ #10 เมื่อ23-07-2008 20:53:31 »

 :a2:ออกตามหาแล้ว อิอิ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: นิราศตามหารัก
«ตอบ #11 เมื่อ24-07-2008 12:49:21 »

เป็นกำลังใจให้ครับ

+_+

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: นิราศตามหารัก
«ตอบ #12 เมื่อ24-07-2008 13:00:36 »

เข้ามาเพราะว่า "นิราศ"

ตอบคำถาม = ถ้าอยากจะเปลี่ยนชื่อ นิยาย ให้ทราบว่ามีการอัพตอนใหม่แล้ว ให้เข้าไปแก้ไขข้อความแรกที่โพสต์เริ่มต้นในกระทู้แรกของนิยายนั้นๆ คะ

จะเข้าใจไหมเนี้ย?

เอางี้  คือ นู๋ต้องไปแก้ไข ที่เม้นต์อันแรก  ที่นู๋ลงชื่อเรื่องเอาไว้น่ะคะ  โอเคมะ?


อิเจ้  กระเทยเหนื่อยใจ

PakBeob

  • บุคคลทั่วไป
Re: นิราศตามหารัก
«ตอบ #13 เมื่อ24-07-2008 13:17:19 »

อาร์มน้อย ผจญภัย ฮ่าๆ  :oni1:

มาต่อไวๆนะค๊าบบบบ

ออฟไลน์ ben~ya

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-0
Re: นิราศตามหารัก
«ตอบ #14 เมื่อ24-07-2008 13:32:41 »

นิราศตามหารัก
- ท่องเที่ยวจนเจอรัก  :oni1:

BeePed

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 3 ไอ้โรคจิตวัยทอง

ขั้นต่อไปต้องโทรบอกพี่โอม ผมจะเดินทางเดือนหน้าซึ่งก็คืออีกสองอาทิตย์ข้างหน้าแล้วครับ ต้องคิดวางแผนดีๆก่อนโทรคุย กะว่าจะคุยทางเวปแคม แต่คอมพิวเตอร์ก็ดันมาเสียซะนี่ แต่คิดไปแล้วก็ดี เวลาเล่นละครจะได้ไม่ต้องห่วงสีหน้า แค่ปรับเสียงก็พอ
 
ว่าแล้วผมก็ถือฤกษ์วันพระ 15 ค่ำแต่งชุดขาว มือขวาก็กำเบอร์โทรศัพท์ของพี่โอมพร้อมพนมมือเหนือหัวบริกรรมคาถานะโมพุทธทายะให้คนเมตตา (คาถาเดิมอีกแล้วครับ) เอาสีผึ้งมหาเสน่ห์แต้มริมฝีปากกะให้พูดแล้วคนรักคนหลง พร้อมแขวนปลัดขิกที่เอว แขวนตะกรุดที่คอ กำลังคิดว่าจะสักยันต์ด้วยดีหรือไม่ แต่คิดได้ว่าผมไม่ได้เป็นนายจันทน์หนวดเขี้ยวไปสู้ศึกบางระจันซะหน่อย แค่นี้น่าจะพอ

ตอนนี้เบอร์พร้อม ใจพร้อม ความมั่นใจเต็มร้อย ผมกดเบอร์โทรทันที
 
ตู๊ด............ตู๊ด............ตู๊ด

“Hello”

เสียงผู้ชายรับโทรศัพท์ครับ แต่นี่มันไม่ใช่เสียงพี่โอมแถมสำเนียงอเมริกันจ๋าอีกต่างหาก ผมชะงักทันที นี่ผมต้องฟุดฟิดฟอไฟภาษาอังกฤษเหรอ พยายามคิดประโยคเก๋ๆไปแต่คิดไม่ทันอ่ะ

“Hello…….Hello……Hello….” คราวนี้เสียงคนรับเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆเหมือนกลัวคนปลายทางไม่ได้ยิน

ผมคิดอะไรไม่ออกแล้วครับ ความมั่นใจจากร้อยเหลือติดลบ ยกมือปาดเหงื่อที่หน้า มือผมอ่อนแรงขึ้นมาเฉยๆ รู้สึกหูโทรศัพท์มันหนัก แถมมือเจ้ากรรมมันดันไวกว่าความคิดครับ มือผมวางโทรศัพท์ไปแล้ว ผมคิด....เอ...หรือว่าเราโทรเบอร์ผิดหว่า พี่โอมไม่มีเพื่อนฝรั่งอยู่ด้วยนี่ ว่าแล้วผมก็หยิบมากดใหม่อีกที

“Hello” เอาอีกแล้วเสียงเดิมเลยครับ ผมวางหูโทรศัพท์ใส่ทันทีแบบลืมนึกถึงมารยาท

ทำไงดีฟะ ผมรีบพุ่งตรงไปที่ชั้นหนังสือ หยิบหนังสือสนทนาภาษาอังกฤษ 77 ชั่วโมงขึ้นมา แล้วรีบหาบทการสนทนาทางโทรศัพท์ที่ควรรู้ เอาวะกดใหม่อีกที

ตู๊ด.... คราวนี้ไม่ต้องรอนานแค่ตู๊ดเดียวก็มีคนรับทันทีเหมือนคนรับนั่งรอสายผมอยู่

“Hello” ฝ่ายนั้นเสียงเข้มมากครับเหมือนโกรธใครมาร้อยปี

“Hello. May I speak to Oam pleaseeee?” ผมพยายามทำเสียงสุภาพและอ้อนที่สุดครับ

“Did you call this number twice five minutes ago?” ฝ่ายนั้นถามผมครับ ถามทำไมฟะ

“Yes, I did”

“Tell me your name!!!!!” พอมันรู้ว่าผมเป็นคนโทรแล้ววางหูใส่หน้ามันสองหน เสียงมันยิ่งโหดขึ้นไปอีกร้อยเท่าครับ  :angry2: :angry2: ถ้ายืนพูดตรงหน้าผมนี่สงสัยคงกัดคอผมขาดไปแล้ว

ผมต้องยอมบอกชื่อผมไปครับ พอบอกชื่อเสร็จ ฝ่ายนั้นตอบกลับมาทันที

“I’m Simon. Don’t hang up on anyone like this again. It’s so annoying and very rude. %$&#@%$&#@......” มันมาเป็นชุดแบบนอนสต็อปไม่ให้ผมได้แก้ตัวหรือเปิดปากเลยครับ ทำไมผมต้องถูกมันด่าด้วยวะ

“Hold on.” พอบทมันจะจบ มันก็หยุดแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย นี่มันหมายความว่าให้ผมถือสายรอใช่ไหมครับ ผมไม่มีปัญญาไปตอบมันว่า thank you แล้วครับ และก็ไม่อยากพูดด้วยครับ มันเป็นบ้าอะไรของมันหรือมันจะเข้าวัยทองฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง

ได้ยินเสียงแว่วๆว่า Oam, your call. แล้วมีเสียงพี่โอมตอบว่า thanks

“Hello” อ่า…นี่แหละเสียงสวรรค์ที่ผมรอคอย

“พี่โอมมมม นี่อาร์มเองนะ”

“อ้าวอาร์ม ทำไมแกไม่ใช้เวปแคมหล่ะ จะได้ไม่ต้องเปลืองค่าโทร”

“พอดีคอมพ์เสียอ่ะ เอาไปซ่อมอยู่ คิดถึงพี่จังเลยค้าบบบบ” จริงๆผมอยากจะร้องไห้อ้อนพี่มากเลยครับ หลังจากจิตตกเพราะไอ้โรคจิตวัยทองนั่น แต่ไม่ได้ครับ ผมต้องแสร้งปั้นเสียงร่าเริงตื่นเต้น ถือคติ the show must go on

“พี่ก็คิดถึงแกเหมือนกัน ป๊ากับม๊าเป็นไงบ้าง แล้วแกเมื่อไหร่จะรับปริญญาพี่จะได้ไปงานแก แล้วหางานทำได้รึยัง” พี่พ่นมาเป็นชุดเลยครับ จะให้ตอบคำถามไหนก่อนดี

“ป๊ากับม๊าสบายดีครับ อีกสองเดือนอาร์มถึงจะรับปริญญา ตอนนี้ยังไม่ได้ทำงาน อยากเรียนต่อโทมากกว่า”
 
“อ้าวแล้วไปสมัครเรียนที่ไหนไว้หล่ะ แล้วจะเรียนอะไร.....MBA ก็ดีนะ ที่มหาลัยแกก็มีคอร์ส MBA หนิ”

“อาร์มก็มองๆอยู่ แต่อยากไปต่อโทที่อเมริกามากกว่า ผมอยากต่อ IE อ่ะพี่” ผมเริ่มเข้าเรื่อง เพื่อไม่ให้เสียเวลา

“อึม....ก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวพี่จะดูๆให้นะ”

“เอางี้พี่โอม อาร์มไปเยี่ยมพี่ดีกว่าแล้วจะได้ไปดูที่เรียนที่โน้นด้วยไง แถม....เผื่อไปเข้าคอร์สเรียนภาษาด้วย”

“มานะมาได้ แต่ขอป๊ากับม๊ารียัง”

“ขอม๊าเรียบร้อยแล้ว ส่วนป๊าหนะ...ไม่ต้องขอหรอก ถ้าม๊าอนุมัติแล้ว ป๊าก็ไม่มีสิทธค้านหรอก” ผมรีบตอบทันที

ก็มันจริงนิครับ บ้านผมนี่แม่เป็นผู้นำครับ เรื่องใหญ่ๆแม่ตัดสินใจ เรื่องเล็กๆพ่อก็ต้องปรึกษาแม่ก่อน ถ้าแม่บอกว่าโอเค พ่อก็ไม่มีสิทธวีโต้ครับ

“เออ..ได้ แล้วจะมาเมื่อไหร่”

“อีกสองอาทิตย์” ผมตอบเสียงค่อยลงเล็กน้อย

“หา!! อีกสองอาทิตย์ จะบ้าหรือเปล่า ไม่ได้เดินทางกรุงเทพ-เชียงใหม่นะ ไม่ต้องคิดมาเลยนะ แล้วตั๋วจะหาได้เหรออีกสองอาทิตย์” พี่ผมเริ่มเสียงดังแล้วครับ ถือว่าเอาเสียงเข้าข่มน้องรึไง

“เค้าซื้อแล้วหล่ะ ไม่ต้องห่วง วีซ่าก็ทำเรียบร้อยแล้ว” ผมรีบตอบเพราะกลัวพี่ไม่ให้ไปหาครับ

“Shit!!” ผมสะดุ้งทันที ทำไมพี่ผมถึงพูดไม่เพราะเอาซะเลย สงสัยจะอยู่อเมริกานานเกินไปแล้ว ถึงผมจะโง่ภาษาอังกฤษ แต่คำนี้ผมก็รู้ความหมายนะครับ ไม่ได้การละต้องรีบเอาน้ำเย็นเข้าลูบ แอบทำแบ๊วตอบพี่ไปว่า

“อะไรนะ พี่โอมอยากกินลูกชิดเหรอ ที่โน้นคงหาซื้อไม่ได้ เดี๋ยวเค้าเอาไปฝากเยอะๆเลยนะ”

“ไอ้อาร์ม!! ไม่ต้องมาทำเนียน พี่ด่าแกนั่นแหละ ทำไมแกไม่โทรมาถามพี่ก่อนวะ ทำยังงี้ไม่ให้โมโหได้ไง ถ้าพี่เจอหน้าแกนะ พี่จะเตะก้นแก”

ปกติพี่เรียกผมว่าอาร์ม ถ้าเมื่อไหร่เติมไอ้เข้าไปนี่ แสดงว่าโกรธมากถึงมากที่สุด

“ก้อมันซื้อตั๋วไปแล้วนี่ ซื้อแบบเลื่อนวันไม่ได้ด้วย”  o7 o7

“แล้วไปลงที่สนามบินไหน อย่าบอกนะว่าไปลง JFK” ทำไมพี่ผมเดาเก่งแบบนี้ สมแล้วที่เป็นพี่ผม แต่เอ...ฟังดูทะแม่งๆเหมือนว่าผมไม่ควรลง JKF งั้นแหละ

“ทำไมเดาเก่งจังพี่โอม อาร์มไปลงที่ JFK นั่นแหละ”

“ไอ้อาร์ม!!!!! ทำไมแกโง่แบบนี้ นี่แกมีสมองไว้กั้นหูอย่างเดียวเลยใช่มะ ได้เกียรตินิยมมาได้ไงวะ หรือแกงกมาก...เห็นว่าตั๋วไป JFK มันถูกกว่า หา!!!!”  :angry2: :angry2: โอ้โห เสียงตะโกนแทบทำหูผมแตก พี่ใจเย็นๆก่อนครับ เดี๋ยวเส้นเลือดในสมองก็ระเบิดหรอก

สรุปว่าผมควรไปลงที่ Newark airport ครับ แต่ตั๋วก็จะแพงขึ้นประมาณสองร้อยเหรียญ
 
พี่ผมเรียนที่ New York University (NYU) ในเกาะแมนฮัตตัน แต่อพาร์เมนท์พี่ผมดันอยู่ในรัฐนิวเจอร์ซี เมือง Jersey city ครับ จริงๆแล้วมันก็ติดกับฝั่งด้านซ้ายของเกาะแมนฮัตตันนะแหละ แค่มีแม่น้ำฮัดสัน (Hudson river) มากั้น เหมือนท่าพระจันทร์กับศิริราชแหละครับ แต่แม่น้ำฮัดสันนี่กว้างกว่ามากๆ
 
เกาะแมนฮัตตันนี่ก็ติดกับทะเล เราๆท่านๆคงเห็นบ่อยๆในฉากหนังฮอลลีวูด และยิ่งคุ้นขึ้นไปอีกตอน 9/11 ที่ตึกเวิล์ดเทรดถล่มอะครับ

ส่วนเรื่องสนามบินนี่ผมต้องขออธิบายนิดนึงว่าทำไมพี่โอมถึงได้พิโรธขนาดนั้น คุณๆลองนึกภาพสามเหลี่ยมด้านเกือบเท่าแต่มุมบนของสามเหลี่ยมโย้ไปทางขวาเล็กน้อย เกาะแมนฮัตตันอยู่ตรงใจกลางสามเหลี่ยมนะครับ สนามบิน Newark อยู่ตรงมุมสามเหลึ่ยมด้านซ้าย สนามบิน JFK อยู่มุมสามเหลี่ยมด้านขวา แล้วสนามบิน La Guardia อยู่ตรงมุมบนของสามเหลี่ยม ทีนี้ไอ้ Jersey city นี่ก็อยู่ด้านซ้ายของเกาะแมนฮัตตัน ค่อนไปทางมุมซ้ายของสามเหลี่ยม มันจึงอยู่ใกล้สนามบิน Newark มากกว่า JFK มากๆหนะครับ

“เอ้า...ตกลงมาถึงวันไหน พี่จะได้ไปรับ แต่บอกไว้ก่อนนะว่า อาทิตย์ที่เรามาช่วงนั้นหนะ พี่จะต้อง defense proposal (เป็นการเสนอแผนงานการทำ research ของ PhD ครับ) พี่ไม่มีเวลามาพาเราเที่ยวหรอก” ตอนนี้เสียงพี่ผมเย็นลงบ้าง หลังจากได้ระบายออกด้วยการตะโกนใส่หูผมไปแล้ว

“ไม่เป็นไรพี่โอม เค้าเที่ยวเองได้” ผมตอบเสียงอ่อยๆ จริงๆแล้วก็ใจหายวูบเหมือนกัน แต่คิดว่ามาถึงขั้นนี้แล้วเป็นไงเป็นกัน

“เออ... แต่จะว่าไปให้รูมเมทพี่ก็พาเที่ยวได้นี่หว่า เห็นว่าช่วงนั้นจะลาพักร้อนด้วย รูมเมทพี่ก็ที่รับสายเราเมื่อกี้ไง”

ฮะ...ว่าไงนะ จะให้ไอ้โรคจิตวัยทองนั่นพาผมเที่ยวเหรอ Oh… No…. ไม่นะ  :serius2: :serius2: ผมเที่ยวของผมได้ พี่อย่าปล่อยผมให้โดนไอ้โรคจิตนั่นกัดคอขาดนะ

*******************************************************

ขอบคุณทุกคนนะคะที่เข้ามาให้กำลังใจ  :oni2: :oni2: :oni2:
ถ้ามีข้อติชม ขอน้อมรับด้วยความยินดี และจะนำไปปรับปรุงงานเขียนให้ดีขึ้นค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-07-2008 08:35:01 โดย BeePed »

BeePed

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาเพราะว่า "นิราศ"

ตอบคำถาม = ถ้าอยากจะเปลี่ยนชื่อ นิยาย ให้ทราบว่ามีการอัพตอนใหม่แล้ว ให้เข้าไปแก้ไขข้อความแรกที่โพสต์เริ่มต้นในกระทู้แรกของนิยายนั้นๆ คะ

จะเข้าใจไหมเนี้ย?

เอางี้  คือ นู๋ต้องไปแก้ไข ที่เม้นต์อันแรก  ที่นู๋ลงชื่อเรื่องเอาไว้น่ะคะ  โอเคมะ?


อิเจ้  กระเทยเหนื่อยใจ

ขอบคุณเจ๊สองนะคะ ที่มาชี้ทางสว่างให้ รับทราบแลัวปฏิบัติแล้วค่ะ

ส่วนท่านอื่นๆที่ท้วงมาว่าเข้ามาดูเพราะเห็นชื่อเรื่องเป็น "นิราศ" และคิดว่าจะเป็นร้อยกรองนั้น ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ที่ทำให้ผิดหวังคะ  o1 o1 o1 แต่จริงๆ นิราศก็สามารถแต่งเป็นร้อยแก้วได้นะคะ  :a3: :a3:

อันนี้ก็อปมาจากวิกีพีเดียค่ะ

นิราศ หมายถึง งานประพันธ์ประเภทหนึ่ง มีเนื้อหาในเชิงพรรณนาถึงการเดินทางเป็นหลัก มักจะเล่าถึงเส้นทาง การเดินทาง และบอกเล่าถึงสิ่งที่พบเห็นระหว่างการเดินทาง ขณะเดียวกัน มักจะสอดแทรกความคิด ความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางนั้น โดยมักจะเชื่อมโยงสิ่งที่พบเห็นกับความรู้สึกภายใน ผู้แต่งนิราศ มักจะใช้คำประพันธ์แบบร้อยกรองเป็นหลัก แต่นิราศที่แต่งด้วยร้อยแก้วก็มีอยู่บ้างเช่นกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-07-2008 23:30:53 โดย BeePed »

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
 :L2:มาให้กำลังใจด้วยคนค่ะ :L2:

marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป
อ่ะ เรื่องใหม่  o13

BeePed

  • บุคคลทั่วไป
Re: นิราศตามหารัก: ตอนที่ 4 27/07/51
«ตอบ #19 เมื่อ27-07-2008 02:23:57 »

ตอนที่ 4 ไม่มีชื่อตอนเพราะนึกไม่ออก

ผลสรุปจากการโทรไปคุยกับพี่โอมและให้ไอ้โรคจิตนั้นด่าก็คือ ผมจะไปลงที่สนามบิน JFK แล้วพี่โอมจะขับรถมารับครับ แต่พี่โอมก็บ่นต่ออีกนิดหน่อยที่ต้องมารับผมตอนกลางคืนวันอาทิตย์ แถมวันจันทร์พี่ผมมีประชุมเรื่องการทำรีเสิร์ชกับอาจารย์ก่อนที่จะพรีเซนท์จริงวันศุกร์

กำหนดการผมคือ ผมจะออกจากเมืองไทยเช้าตรู่วันอาทิตย์ โดยแวะเปลึ่ยนเครื่องที่สนามบินนาริตะ โตเกียว เวลาเดินทางทั้งหมดก็ 24 ชั่วโมงพอดี แต่เนื่องจากเวลาที่นิวยอร์คช้ากว่าเมืองไทย 13 ชั่วโมง ทำให้ผมไปถึงอเมริกาวันอาทิตย์วันเดียวกันตอนสองทุ่ม
 
แต่พี่ผมก็ไม่ยอมปล่อยให้ผมมาเที่ยวอเมริกาอย่างสบายใจแล้วทำให้แกต้องลำบากอยู่ฝ่ายเดียวหรอกครับ  o12 o12 แกมีข้อแลกเปลี่ยน พี่โอมเป็นคนบ้านิยายจีนกำลังภายในมากครับ ประเภทฤทธิ์มีดสั้น จอมดาบหิมะแดง ชอลิ้วเฮียง เทือกนี้อ่ะครับ โดยเฉพาะนิยายของโกวเล้งนี่พี่แกอ่านทุกเรื่อง แต่นิยายของกิมย้งพี่โอมก็อ่านนะครับ อย่างมังกรหยก เดชคัมภีร์เทวดา
 
ข้อตกลงก็คือผมต้องมีหน้าที่แบกนิยายไปให้แกซักสี่ห้าชุด พร้อมทั้งวีซีดีอีกซักสิบเรื่อง  :sad2: :sad2: ผมบอกแกว่าทำไมไม่ดูใน YouTube มันมีคนเอามาลงต้องหลายเรื่องแถมเป็นพากย์ไทยด้วย อย่างมังกรหยกนี่มีตั้งแต่ภาค 1 ภาค 2 ภาคกำเนิดเอี๊ยก้วยก็ยังมี มีตั้งแต่สมัยที่หวงเยอะหัวกับพ่านพ่านเล่นเป็นพระเอกนางเอกนะครับ (ลองเสิร์ชดูนะครับ ใส่ชื่อภาษาไทยนี่แหละ ‘มังกรหยก’ แล้วท่านจะติดจนไม่เป็นทำอะไร นั่งดูมันทั้งวันตั้งแต่เช้ายันค่ำข้าวปลาไม่กิน ผมมีประสบการณ์มาแล้วครับ) แต่แกบอกว่ามันดูแล้วสะดุดเพราะคลิปวิดีโอหนึ่งสั้นมาก ต้องมานั่งคลิกตอนใหม่ทุก 9-10 นาที

ผมเคยอ่านเจอบทวิเคราะห์ที่ว่าทำไมนิยายของโกวเล้งถึงโด่งดังในเมืองไทยมากกว่าของกิมย้งทั้งในรูปแบบหนังสือและหนังชุด ในขณะที่นิยายของกิมย้งคนไทยจะรู้จักเพราะสร้างเป็นหนังชุดทางโทรทัศน์มากกว่า บรรดาหนังชุดที่สร้างจากนิยายของโก้วเล้งจะโด่งดังทุกเรื่อง (ชอลิ้วเฮียง เล็กเซี่ยวหงษ์ ฤทธิ์มีดสั้น เซี่ยวฮื้อยี้ เซี่ยวจับอิดนึ้ง) ในขณะที่ของกิมย้งจะมีเพียงมังกรหยก ลูกมังกรหยก และอุ้ยเซี่ยวป้อ เท่านั้นที่ถือว่าดังมากๆ ขนาดเป็นที่รู้จักกันทั่วไป
 
มีคนวิเคราะห์ไว้ว่า นิยายกำลังภายในนั้น เป็นที่แพร่หลายในหมู่ผู้ชายไทยมาก่อนผู้หญิง ดังนั้นผู้ชายไทยส่วนใหญ่นั้นมีค่านิยมในการดื่มสุรา และมีคนรักหลายคน หรือมีเมียน้อยหลังแต่งงาน ดังนั้นทัศนะคติต่อวีรบุรุษของชายไทยคือเป็นกล้าหาญ ที่มีนิสัยชมชอบดื่มสุราและหลับนอนกับผู้หญิงหลายๆคน ซึ่งตรงนี้นิยายของโก้วเล้งสามารถตอบสนองความต้องการส่วนลึกภายในของชายไทยได้มากกว่าของกิมย้ง เพราะตัวเอก ของโก้วเล้งมักมีนิสัยดื่มสุราเคล้านารี
 
ขณะที่นิยายของกิมย้งนั้นตัวเอกมักไม่ได้เป็นปีศาจสุรา มักมีกลิ่นอายของนักศึกษาอยู่และมีนิสัยรักเดียวใจเดียว ให้เกียรติผู้หญิงมากๆ ดังนั้นจึงไม่อาจตอบสนองความต้องการส่วนลึกของชายไทยส่วนใหญ่ได้ แม้แต่ข้อยกเว้นที่เป็นปีศาจสุราอย่างเคียวฮงกับเหล็งฮู้ชง ก็เป็นคนรักเดียวใจเดียวและไม่มีพฤติกรรมเที่ยวผู้หญิงหรือมีแฟนหลายๆ คนมาก่อน และสำหรับมุมมองของนักอ่านผู้หญิง ส่วนใหญ่คิดว่าตัวละครชายของโก้วเล้งโดดเด่นน่าใฝ่ฝันกว่าของกิมย้ง (แม้จะไม่ควรเลือกมาเป็นคู่เล้ยยยในชีวิตจริง อย่างที่เค้าว่ากันผู้หญิงชอบคนเลวๆ  :laugh: :laugh:)

นิยายของโก้วเล้งส่วนมากสั้นกว่า เดินเรื่องกระชับและเร็วกว่าของกิมย้ง สำหรับเรื่องยาวก็มักแบ่งเป็นตอนๆ เช่น เล็กเซี่ยวหงษ์ ชอลิ้วเฮียง คนไทยเราหลายคนไม่ชอบอ่านนิยายยาวๆ จึงนิยมอ่านของโก้วเล้ง ส่วนคนที่อ่านของกิมย้งด้วยมักจะเป็นนักอ่านจริงๆ
 
ตัวละครเอกของโก้วเล้งมีพฤติกรรมที่ประทับใจคน มีบุคลิกโดดเด่น ลักษณะชวนมอง ชวนติดตาม (ชอลิ้วเฮียง หายใจทางผิวหนัง, เล็กเซี่ยวหงษ์ สี่คิ้ว, เซี่ยวจับอิดนึ้ง ลูกสุนัขป่า) และที่สำคัญ แทบทุกคนจะเน้นเรื่องคุณธรรมน้ำมิตร ชอบการคบหาสมาคม ในขณะที่ตัวละครของกิมย้งมีลักษณะเหมือนคนธรรมดา การดำเนินชีวิตของตัวละครกิมย้งก็จะเป็นแบบชาวบ้านทั่วไป เราจะไม่เห็นว่าก๊วยเจ๋งมีสหายรักแบบอาฮุย ซึ่งมีชาติกำเนิดลึกลับซับซ้อน หรือเอี้ยก้วยมีโอ้วทิฮวย ชวนกันไปผจญภัยพิสดารต่างๆ
 
นิยายของกิมย้งไม่มีการพูดปรัชญาในขณะร่ำสุรา ตัวละครหญิงก็ไม่ชอกช้ำรันทดเหมือนของโก้วเล้ง หรือถ้าจะบรรยายถึงความงามของตัวละครหญิง กิมย้งก็ใช้ถ้อยคำง่ายๆ อย่างอึ้งย้ง เซี่ยวเล้งนึ่ง หรืออาเคอ ซึ่งล้วนเป็นหญิงงาม แต่ก็ไม่ถูกบรรยายด้วยถ้อยคำชนิดเห็นภาพเหมือนลิ้มเซียนยี้ ลิ้มซีอิม โซวเอ็ง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนไทยติดตาติดใจกับตัวละครหญิงชายของโก้วเล้งมากกว่า
 
ข้อสรุปข้างต้นไม่ทราบว่าคุณๆคนอ่านคิดว่าอย่างไรครับ ลองแสดงความคิดเห็นได้นะครับ
 
         รักโกวเล้ง กดเลือก V.1
         รักกิมย้ง กดเลือก V.2

********************************************************

เอาละครับ พอหอมปากหอมคอเรื่องนิยายจีนกำลังภายใน  :o10: :o10:
 
เสร็จจากคุยโทรศัพท์กับพี่โอม ผมก็บอกพ่อกับแม่ถึงกำหนดการเดินทาง แม่จะไปส่งผมที่สนามบินสุวรรณภูมิครับ 

โชคดีตอนผมไปนี่เป็นสปริงต่อซัมเมอร์ของอเมริกา ผมจึงไม่ต้องเจออากาศหนาว ไม่ต้องเตรียมเครื่องกันหนาวให้วุ่นวาย แต่ก็ต้องมาเสียพื้นที่ในกระเป๋าให้กับนิยายที่สุดแสนจะหนักของพี่โอม ส่วนขากลับผมก็ต้องแบกพวกเครื่องสำอางค์เครื่องประทินผิว ที่บรรดาแม่ๆ ป้าๆ น้าอาทั้งหลายอยากได้

[อาจจะเป็นเพียงภาพลวงตา แต่ฉันไม่คิดจะหยุดรัก
อยากจะมีใครสักคนหนึ่ง อยู่ในความฝันทุกคืน
ฝัน..... ในฝัน รอยยิ้มเธอ งดงามดังดาวที่พรั่งพราย
เมื่อเธอ...... สบตาฉัน เราสองคนล่องลอยไป สุดฟ้าไกลแสนไกล]
เสียงมือถือผมดัง กำลังเคลิ้มๆจะไปเฝ้าพระอินทร์ ผมกดรับทันทีโดยไม่ได้ดูชื่อคนโทรเข้า

“ฮัลโหล อาร์มพูดครับ”

“ดาร์ลิ่ง เป็นไงบ้าง” ผมยกมือถือดูชื่อคนโทรทันที ตายและไอ้คุณแมนดี้โทรมาครับ

“ว่าไง ทำไมโทรมาซะดึก”

“ก็คิดถึงกิ๊กไม่ได้รึไง คิดถึงก็ต้องโทรหาซิ เอ้าลองฟังบทกลอนนี้นะจ๊ะดาร์ลิ่ง ‘คิดถึงห่วงหาอาทร อาวรณ์อารมณ์อ่อนไหว ข้ามฟากตรงฝั่งแสนไกล ลอยใจส่งให้ถึงกัน ไร้มือจะเอื้อมสัมผัส ผูกมัดด้วยใจให้ฝัน งดงามดั่งฟ้าลาวัลย์ ผูกพันผูกมิตรจิตใจ’ ”

โอ๊ยยย ผมอยากจะอวก  o2 o2 อย่าบอกนะว่ามันโทรมาหาผมด้วยเรื่องแค่นี้ หรือแค่อยากโทรมากวนประสาทผม

“อึ้งไปเลยละซิ....ไร้คำพูดเลยเหรอ เจอบทกลอนทำให้กิ๊กรักกิ๊กหลงของแมนดี้เข้าไป”

“อย่าบอกนะว่า ไอ้คุณมึงโทรมาด้วยเรื่องนี้ หรือวันนี้จิตหงุดเงี้ยวเพราะสะกิดตี๋แล้วตี๋ไม่ตอบสนอง หา!!!!”  :angry2: :angry2:

“ก็บอกแล้วไงว่าตี๋เป็นของสูง ห้ามเอามาพูดเล่น ก็แค่จะโทรมาบอกว่าแมนดี้จะไปอเมริกาด้วยหล่ะ แต่ไปหลังอาร์มอาทิตย์นึง จะไปเยี่ยมพี่สาวที่ซานฟราน อาร์มบินมาหาเราเถอะ เราจะได้ไปฮันนีมูนกันต่อเลย”

อืม....ดีมากไอ้คุณแมนดี้ นิวยอร์คกับซานฟรานนี่มันอยู่คนละฝั่งทวีปเลย (ห่างกันต้อง 2,905 ไมล์ หรือประมาณ 4,677 กิโลครับ) มันจะบ้าหรือเปล่าฟะ

“เฮ้ย... จะบ้ารึเปล่า ใครจะบ้าไปวะ อยู่คนละฝั่งประเทศเลย”

“โถ่เอ้ยอาร์ม นั่งเครื่องบินก็ไม่นานหรอก นี่เค้ามีงาน Gay and lesbian festival วันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนหน้าด้วยนะ งานนี้จัดยิ่งใหญ่มากนะอาร์ม เป็นงานประจำปีจัดแค่ปีละครั้ง ในฐานะที่เราตกลงคบหาดูใจกันแล้วเนี่ย เราควรไปศึกษาหาความรู้จากงานนี้กันนะอาร์ม” ไอ้บ้า มันจะให้ผมไปดูหาพระแสงอะไรวะ ผมไม่ได้เป็นเกย์นะ
 
จากข้อมูลของแมนดี้แล้ว ซานฟรานซิสโกนี่เป็น "World’s Gay and Lesbian Capital" ในอเมริกาครับหรืออาจจะของโลกก็ว่าได้ หนุ่มสาวเกย์และเลสเบี้ยนที่นี่ก็จะอยู่ในวัยเอ๊าะซะส่วนใหญ่อายุไม่เกิน 31 ปี เค้าจะรวมตัวจัดงานเดินพาเหรดกันทั่วเมืองปีละครั้งในวันอาทิตย์สัปดาห์สุดท้ายของเดือนมิถุนายน
 
ที่ว่าเดินพาเหรดนี่ เค้าแต่งตัวกันสุดฤทธิ์สุดเดช เดินกันเป็นคู่ๆกอดจูบกัน บางคนก็เดินเป็นครอบครัว ที่บอกว่าครอบครัวนี่คือมีลูกชายลูกสาวตัวเล็กด้วยนะครับ ลูกก็ถือป้าย ‘I love my daddy’ (ผมยังสงสัยว่าเด็กมันแยกได้ยังไงว่าคนไหนเป็น daddy คนไหนเป็น mommy ในเมื่อเป็นชายทั้งคู่  เอ....หรือว่าเค้าเป็น daddy กันทั้งสองคน)
 
บางกลุ่มก็จัดเป็นตามสายอาชีพ เช่นกลุ่มอาชีพตำรวจก็แต่งเครื่องแบบตำรวจเดินจูงมือกันเป็นคู่ๆ กลุ่มนักดับเพลิงก็แต่งเครื่องแบบนักดับเพลิง กลุ่มหมอก็แต่งตัวชุดสครับ (เป็นชุดที่หมอใส่ในห้องผ่าตัดอะครับ)

บางคนก็ไม่ใส่เสื้อผ้าเลยครับ เดินกันโทงเทงโตงเตงเป็นชีเปลือยกันอย่างนั้น :haun5: :haun5: ที่ขำกว่าก็คือบางคนไม่ใส่เสื้อผ้าเลยแต่ดันใส่ถุงเท้าครับ มีนักข่าวไปถามว่าไม่หนาวเหรอ (อากาศที่ซานฟรานนี่จะอากาศเย็นสบายตลอดปีครับ หน้าร้อนนี่อุณหภูมิก็ประมาณ 20-25 อาศาเซลเซียส) คนนั้นเค้าตอบว่า ‘โอ้ไอไม่หนาวหรอก โชคดีที่ไอใส่ถุงเท้าอยู่’ ว่าแล้วก็ยกเท้าให้ดูว่าใส่อยู่จริงๆ คนฟังขำพรืดเลยครับ

สรุปผมก็บอกแมนดี้ไปว่าผมคงไม่ไปหาหรอกครับ ยกเว้นคุณเธอจะออกค่าเครื่องบินให้ผม แหมผมก็ต้องงกหน่อยซิครับ ออกทุกอย่างเองไม่ได้ขอตังค์แม่เลย

*************************************************************

รักคนอ่านทุกคนค่ะ  :กอด1: :กอด1: มีรูปพาเหรดมาฝากนิดหน่อยพอเป็นกระสัย แต่เอามาจากอินเตอร์เนทนะ ไม่สามารถเอารูปที่เดินเป็นชีเปลือยหมดจดมาลงได้ อ่านแล้วหวังว่าเพื่อนๆในเล้าคงอยากไปเที่ยวซานฟรานกันบ้างนะคะ

อยากได้คอมเมนท์จากผู้อ่านมากๆ ฮือ...ฮือ ทำไมเรื่องของตูมันช่างเงียบเหงายังงี้ หรือว่ามันเป็นวิชาการเกินไปคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-07-2008 08:37:33 โดย BeePed »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: นิราศตามหารัก: ตอนที่ 4 27/07/51
« ตอบ #19 เมื่อ: 27-07-2008 02:23:57 »





BeePed

  • บุคคลทั่วไป
เอารูปมาฝากคะ แล้วอีกสองสามวันจะมาลบ เพื่อไม่ให้เปลืองทรัพยากรบอร์ด  รูปอาจโป๊ไปเล็กน้อยคงไม่ว่ากันนะคะ   :oni1: :oni1:

**************************

ณ เวลา 13.10 วันที่ 1/8/51 ข้าน้อยได้ทำการลบรูปออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขนาดบางคนบอกว่าน่ากลัว ยังมีคนคลิ๊กดูตั้งร้อยกว่าคน นี่แสดงว่าแม้นายแบบของเราจะแก่ไปสักหน่อย แต่ก็สามารถกระตุ้นต่อมหื่่นของคนในเล้าได้  :laugh: :laugh: :laugh:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2008 13:11:06 โดย BeePed »

BeePed

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 5 แรกพบสบตาและวันซวยของผม

ถึงแม้เรื่องของเรามันจะเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวเอวัง ไร้ซึ่งผู้อ่านให้ความสนใจ แต่เราก็จะทู่ซี้ตะบี้ตะบันเขียนมันต่อไป    :m17: :m17: :m17:

วันนี้มีลูกฮึด อัพมันสองตอนเลย

******************************************************************

ก่อนเดินทางหนึ่งอาทิตย์ ผมได้คุยกับไอ้ตี๋ เลยรู้ว่ามันจะไปเยี่ยมพี่สาวมันที่ซานฟรานเหมือนกัน แต่เป็นประมาณหนึ่งอาทิตย์หลังผมบิน ผมเลยเพิ่งรู้ว่าพี่สาวไอ้ตี๋กับพี่สาวไอ้แมนดี้เป็นเพื่อนกันครับ แถมยังไปเรียนต่อที่มหาลัยเดียวกันด้วย แต่ผมไม่ได้ถามมันว่ามันเดินทางไฟล์ทเดียวกับแมนดี้หรือเปล่า
 
ไอ้ตี๋มันเซ้าซี้ให้ผมไปหามันให้ได้ที่ซานฟราน ถ้าผมไม่ไปหามันมันจะบินมาหาผมที่นิวยอร์ค บอกว่าจะมาเปิดตัวกับพี่เขยครับ มันหาว่าผมหนีไปเที่ยวไม่บอกมัน ยังว่าผมคิดมีชู้ได้มันเป็นผัวแล้วไม่รับผิดชอบ โอ๊ยยยย....ผมอยากจะบ้า คุยกับมันแล้วปวดหัว แถมมันยังบอกว่า ‘มึงเป็นเมียกู ใครก็ห้ามแตะ’ ผมไม่ยักจำได้ว่าผมไปเสียตูดได้เสียมันเป็นผัวตั้งแต่ตอนไหน

ตอนนี้ผมอยู่สนามบินสุวรรณภูมิยืนคุยกับแม่และไอ้ตี๋ ที่จริงผมบอกตี๋ว่าไม่ต้องมาส่งก็ได้ แต่มันไม่ยอม มันบอกว่ามันเป็นผัวก็ต้องมาดูแลเมียซิ

ไอ้ตี๋มันกอดผมแล้วกระซิบพร้อมทั้งเป่าลมเข้าหูผม “มึงรอกูนะเดี๋ยวกูตามไป มึงห้ามคิดนอกใจกูหล่ะ ไม่งั้นคลิปวิดีโอของเราได้ว่อนทั่วเน็ตแน่”

ผมอ้าปากค้าง เอ๋อไปเลย งงมากว่ามันมาไม้ไหน ผมไปถ่ายคลิปกับมันตอนไหน มันคงเห็นเครื่องหมายคำถามบนหน้าผม

“กูพูดเล่น แต่อนาคตก็ไม่แน่ กูมั่นใจว่าไปอเมริกาหนนี้ เราสองคนต้องได้ตกล่องปล่องชิ้น มีคลิปสยิวกิ้วจูฮุกกรูกันแน่ๆ เชื่อลางสังหรณ์กูเหอะ”

“ไอ้ตี๋!! หยุดพูดเลยนะ...ถ้ามึงไม่อยากตายด้วยตีนกูนี่ มึงไปผลิตคลิปสยิวจุ๊กกรูนั่นกับไอ้แมนดี้เลยไป”  :pigangry2: :pigangry2: ผมกัดฟันพูดทำเสียงกระซิบเพราะกลัวแม่จะได้ยินครับ ทั้งที่อยากจะตั๊นหน้ามันมาก มันกับผมคงพูดดีๆกันได้ไม่เกินห้านาที

“โอ๋...โอ๋... อย่าทำอย่างงี้ซิจ้ะ ด่าผัวนี่มันเป็นรางไม่ดีต่อการครองชีวิตคู่นะ ไม่นึกเลยว่าอาร์มชอบความรุนแรงเตะจูบ เดี๋ยวตี๋ไปศึกษาก่อนนะว่าทำยังไง แล้วจะมาสนองให้ตอนเราอยู่อเมริกากัน”

ดูมันครับ....มันแทนตัวมันกับผมว่าตี๋กับอาร์ม ฟังแล้วจักกะจี้พิลึก มันพูดพร้อมเอียงหน้าเล็กน้อยทำหน้าบ้องแบ๊ว ส่งสายตาใสซื่อแฝงความเจ้าเล่ห์มาให้ แต่ต้องยอมรับครับว่าถึงปากมันเสียแต่มันก็เป็นเพื่อนที่ดีพึ่งพาได้เลยคนหนึ่ง หน้าตามันก็หล่อมากทีเดียว โอเค...โอเค....ยอมรับก็ได้ว่ามันหล่อกว่าผม
 
ไม่เอาแล้วครับหันไปกอดแม่ดีกว่า ไปหาสิ่งมงคลให้ชีวิตก่อนเดินทาง แม่กอดผมพร้อมน้ำหูน้ำตาไหล ผมก็เข้าใจนะครับว่าผมเป็นลูกคนเล็กไม่เคยเดินทางไปไหนไกลๆคนเดียวแบบนี้ แม่ผมให้ศีลให้พรยืดยาว บอกให้ผมเช็คตั๋ว พาสปอร์ต เบอร์โทรพี่โอมเป็นรอบที่ร้อย พร้อมย้ำว่าห้ามผมคุยกับคนแปลกหน้า ห้ามรับของกินจากคนไม่รู้จัก ก่อนข้ามถนนต้องมองซ้ายมองขวาให้ดี (ผมไม่ได้เป็นเด็กอนุบาลนะ ผมจบมหาลัยแล้วค้าบบบ) จนผมต้องบอกแม่ว่า

“ม๊า....อาร์มไปอเมริกานะครับ ไม่ได้ไปรบที่อิรัก อาร์มโตแล้วดูแลตัวเองได้ม๊าไม่ต้องห่วง”

“ก็เรานะทั้งเอ๋อทั้งเซ่อซ่า เป็นซะหยั่งงี้จะไม่ให้แม่ห่วงได้ไง เรานะไม่เคยบินไกลๆคนเดียวนี่ ไปถึงปุ๊บต้องโทรหาม๊าเลยนะ”

********************************************************

ผมอยู่ที่สนามบินนาริตะแล้วครับเพื่อเปลี่ยนเครื่อง แต่สงสัยเป็นเพราะผมเจอไอ้ตี๋วันนี้ทำให้ผมดวงซวยอย่างงี้ เอ๊ะ...หรือเป็นเพราะเมื่อเช้าผมก้าวเท้าผิดข้างตอนออกจากบ้านหรือเป็นเพราะมีแมวดำวิ่งตัดหน้า ตอนนี้ผมกำลังกอดเป้เอนตัวลงนอนบนเก้าอี้ในอาคารผู้โดยสารขาออก
 
เหตุที่ผมยังนอนอยู่ตรงนี้ทั้งที่ตอนนี้ผมควรจะขึ้นเครื่องเพื่อไปนิวยอร์ค ก็เพราะมีพายุไต้ฝุ่นเข้าโตเกียวครับ ทำให้เครื่องบินไม่สามารถบินขึ้นและลงได้ นี่ผมรอมา 8 ชั่วโมงแล้วนะครับ  :m15: :m15:
 
ผมโทรหาพี่โอมเพื่อบอกว่าเครื่องผมดีเลย์ คงจะไปถึงนิวยอร์คเช้าวันจันทร์ พี่โอมโวยวายทันทีว่าแกไปรับผมไม่ได้ เพราะมีนัดกับอาจารย์เรื่องทำวิจัย แล้วมันกระทันหันแบบนี้ คงไม่สามารถเลื่อนนัดได้

“เอางี้ เดี๋ยวพี่ให้เพื่อนพี่ไปรับ เพื่อนพี่ชื่อแนท เดี๋ยวแกรอที่เดิมที่เรานัดกันตรงทางออกจากด่านตรวจศุลกากรนะ”

“แล้วเพื่อนพี่ไม่รู้จักผม จะรู้ได้ไงว่าเป็นผมอ่ะ” ผมกังวลมากเลยครับ จิตตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ทำไมมันถึงได้ซวยอย่างงี้กับประสบการ์ณเดินทางไกลครั้งแรกในชีวิต

“พี่จะเอารูปแกให้เพื่อนดู รับรองแนทต้องหาแกเจอ หน้าเอ๋อๆ เป็นกะเหรี่ยงตัวกะเปี๊ยกแบบแกหน่ะ หาไม่ยากหรอก” โห...พี่บรรยายซะผมไม่เหลืออะไรดีเลยอ่ะ 

เออ....ก็ยังดีที่มีคนมารับผม ไม่งั้นต้องเดินทางจากสนามบินคนเดียวผมต้องแย่แน่ๆ  แต่เพื่อนพี่โอมที่ชื่อแนทนี่ ชื่อน่ารักดีหวังว่าคงสวยนะครับ

“นี่ไอ้อาร์ม เห็นมั้ย....พี่บอกแกแล้วว่าไม่ต้องมา เป็นไงหล่ะ บินมาหนแรกก็แจ็คพอตเจอพายุซะแล้ว แกต้องซวยไปตลอดทริปแน่ๆ ฮา..ฮา...ฮา...” พี่โอมพูดตบท้ายก่อนวางหู  ขอบคุณครับพี่ พี่ให้กำลังใจผมดีมากเลยครับ  :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ในที่สุดผมก็ได้ขึ้นเครื่องหลังพายุสงบ ก่อนขึ้นผมก็โทรบอกพี่โอมอีกที แกก็โอเคบอกผมว่าผมไม่ต้องห่วง เดี๋ยวแกจะเช็คไฟล์ทเป็นระยะๆออนไลน์ จะได้รู้ว่าเครื่องจะถึงกี่โมงแน่
 
*****************************************************************

เฮ....ในที่สุดผมก็เหยียบอยู่บนแผ่นดินอเมริกาแล้ว ผ่านด่านตรวจศุลกากรเรียบร้อยหลังจากส่งภาษาใบ้จนเมื่อยมือ ดีที่ผมเป็นผู้ชายนะ ถ้าเป็นผู้หญิงมาจากไทย สงสัยจะโดนซักอีกจมเลย
 
ผมลากกระเป๋ามาตรงทางออก เห็นคนอยู่เยอะแยะเลยครับ เค้าคงมารอรับคนกัน ผมพยายามมองหาหญิงไทยตรงทางออกจนคอยืดคอยาวก็ไม่เห็นสักคน เลยลองเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ ลองมองหาหญิงหน้าตาแบบจีนๆ เพราะบางทีพี่เค้าอาจเป็นอาหมวยแบบผมที่มีเชื้อจีนทำให้ดูเหมือนคนจีนมากกว่าคนไทย

มองแล้วมองอีกก็ไม่เจอครับ ทำไมเพื่อนพี่โอมเป็นแบบนี้ ไม่ตรงต่อเวลาเอาซะเลย ผมเริ่มหงุดหงิดแล้วครับ มันสะสมมาตั้งแต่ตอนติดแงกอยู่ที่นาริตะแล้ว ผมลากกระเป๋าสองใบที่หนักมากเพราะไอ้นิยายกำลังภายในนั่นแหละ พร้อมสะพายเป้เดินไปนั่งรอแถวๆนั้น หน้าตาหมดอาลัยตายอยาก

นั่งรออยู่จะสองชั่วโมงแล้วครับ โทรไปที่อพาร์ทเมนท์พี่โอมก็ไม่มีคนรับสาย พี่โอมคงออกไปมหาลัยแล้ว ส่วนไอ้รูมเมทโรคจิตวัยทองนั่นก็คงไปทำงานด้วยเหมือนกัน

ผมมองคนเดินผ่านไปผ่านมา เหมือนสุนัขมองหาเจ้าของ เหมือนเด็กไปเที่ยวสวนสนุกแล้วเดินหลงกับพ่อแม่ มีฝรั่งหลายคนมองตอบผมมานะครับ แต่ไม่มีใครเข้ามาถามไถ่หรือให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด เค้าคงเห็นผมแล้วสมเพช เป็นกะเหรี่ยงแล้วไม่เจียมตัว เป็นไงหล่ะ...ถูกทิ้งเลย

ขณะกำลังนั่งไว้อาลัยให้กับตัวเองอยู่นั้น ก็มีมือหนึ่งเอื้อมมาคว้าจับต้นแขนผมดึงให้ผมยืนขึ้น อีกมือก็ทำท่าจะคว้ากระเป๋าเดินทางผม ผมเงยหน้าขึ้นไปมองทันที ทำท่าจะตะโกนโวยวายว่าขโมย แต่แล้วพอผมสบตากับคนๆนั้น :m13: :m13: ผมก็ชะงัก.....มันเหมือนมีอะไรไม่รู้....เหมือนกระแสไฟฟ้าวิ่งไปทั่วร่างกาย มือของคนๆนั้นที่จับอยู่ที่ต้นแขนผมมันร้อนวูบวาบไปหมด

โห.....คนอะไรวะแม่งหล่อแบบนี้ นี่ขนาดผมเป็นผู้ชายแท้ยังอดชื่นชมไม่ได้ หน้าคมสันแบบลูกครึ่งอเมริกันเอเชีย คิ้วเข้ม ตาเรียวสีน้ำตาลอ่อน มีประกายของคนสุขภาพดี ขนตายาวงอนเป็นแผง จมูกโด่งเป็นสัน ปากไม่บางไม่หนาสีชมพูเป็นรูปกระจับ กรามได้รูป ผมสีน้ำตาลเข้ม มองลงมาถึงตัว โอ้โห ไหล่กว้าง สวมเสื้อโปโลสีฟ้าเข้มพอดีตัว เห็นรอยแผงกล้ามอกไม่มากไปน้อยไป ใส่กางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้ม ตัวสูงมากครับเมื่อเทียบกับผม น่าจะสูงซัก 186-187 เซ็นต์ อายุก็น่าจะประมาณซักยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปด

ผมพยายามนึกว่าหน้าแบบนี้ดูคุ้นๆจัง อ้อ...ผมคิดออกแล้วว่าคล้ายดาราเกาหลีที่เป็นลูกครึ่งอเมริกันที่แสดงละครเกาหลีที่มาฉายทีวีบ้านเรา ชื่ออะไรน้า.....โอโอ อะไรนี่แหละ พอดีผมไม่ค่อยติดตามซี่รีส์เกาหลี ยกเว้นตอนนวดให้แม่แล้วแม่ดูถึงได้ดูด้วย

“เอ้ายืนอึ้งอะไร นี่อาร์มใช่มั้ย พี่ชื่อแนท โอมให้มารับ” เอ....ทำไมน้ำเสียงคุ้นจัง แต่เราก็ไม่เคยรู้จักหรือคุยกับพี่แนทมาก่อน จะไปคุ้นเสียงได้ยังไง
 
โห...ว่าแต่ว่าพี่ครับ พี่ดูมาดแมนมากเลยแต่ชื่อแนท ผมว่ามันไม่หน่อมแน้มไปหน่อยหรือครับ ไอ้ชื่อแนทนี่ทำให้ผมคิดถึงน้องแนทหน้าอกบะลึ่มฮึ้มที่จากสถิตินี่ ชายไทยแท้กว่าร้อยละเก้าสิบต้องมีวิดีโอไว้ครอบครองเป็นคอลเลคชั่น  แต่ผมต้องรีบสะบัดหัวสลัดความคิดออกไปทันทีก่อนที่จะคิดเลยเถิดมากกว่านี้

“ใช่ครับ ผมชื่ออาร์มครับ” ผมยกมือไหว้ทันที พร้อมทำเสียงสุภาพไว้ก่อนเพื่อให้ผู้ใหญ่เอ็นดู พี่เค้าก็รับไหว้
“พี่ขอโทษด้วยที่มาช้าไปหน่อย พอดีกะเวลาผิดและไม่คิดว่ารถจะติดขนาดนี้”

ผมคิดในใจว่า.....พี่ครับมันไม่ช้าไปหน่อยหรอกครับ แต่มันโคตรช้าเลยครับ ผมเกือบกลายเป็นกะเหรี่ยงตกอับต้องอาศัยสนามบินเป็นที่พักเหมือนทอมแฮงค์ในเรื่อง The Terminal ไปแล้ว
 
แล้วพี่เค้าก็เอากระเป๋าผมลากไปจนถึงรถ ตอนพี่เค้ายกกระเป๋าจะเอาเข้าท้ายรถ ผมเห็นพี่แกเกร็งแขนแทบแย่ สงสัยจะหนักมาก ก็เล่นมีนิยายต้องหลายชุดมันก็หนักอย่างงี้แหละ แกหันมามองหน้าผมแล้วพูดว่า
 
“นี่เราขนอะไรมาบ้างเนี่ย ทำไมมันหนักขนาดนี้ นี่กะย้ายมาอยู่อเมริกาเลยหรือไง” ผมไม่ตอบอะไรได้แต่ยิ้มให้แหยๆ

********************************************************

รักคนอ่านเหมือนเดิมค้า  :m18: :m18: ช่วยเม้นท์เป็นกำลังใจให้หน่อยนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-07-2008 12:36:39 โดย BeePed »

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
ตามมาให้กำลังใจ  :L2: อย่าเพิ่งน้อยใจไปนะจ้ะ

เรื่องนี้เคยอ่านอยู่เหมือนกัน จะตามดู อยากรู้ว่าเบนไปทางไหน ใครจะเป็นพระเอก เพราะที่เคยอ่าน มันมีผู้ท้าชิงความเป็นพระเอกอยู่คนเดียวนี่นา ส่วนนางเอกไม่ต้องบอกก็รู้ แมนดี้แหงม ๆ ใช่ป่ะ   :laugh: :laugh:

ป.ล.

เข้ามาเพราะว่า "นิราศ"

ตอบคำถาม = ถ้าอยากจะเปลี่ยนชื่อ นิยาย ให้ทราบว่ามีการอัพตอนใหม่แล้ว ให้เข้าไปแก้ไขข้อความแรกที่โพสต์เริ่มต้นในกระทู้แรกของนิยายนั้นๆ คะ

จะเข้าใจไหมเนี้ย?

เอางี้  คือ นู๋ต้องไปแก้ไข ที่เม้นต์อันแรก  ที่นู๋ลงชื่อเรื่องเอาไว้น่ะคะ  โอเคมะ?


อิเจ้  กระเทยเหนื่อยใจ

เจ้คะ ไอ้นิราศเนี่ย มันเป็นชื่อเรื่องค่ะ น้องเค้าคงตั้งใจจะตั้งให้มันคล้าย ๆ กับ นิราศกะป๋อหล๋อ ของ เชิญอักษร ที่เค้าเอามาเป็นพล็อตน่ะค่ะ แล้วนิราศแบบร้อยแก้วมันก็มีอยู่เหมือนกันนะคะ

ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8
แนท นี่จะเป็นคนเดียวกะไอ้โรคจิตวัยทองรึเปล่าหนอ 



เป็นกำลังใจให้นะคะ

 :L1:


PakBeob

  • บุคคลทั่วไป
โอ๋ๆๆๆ อย่าเพิ่งใจน้อยยยยย  :oni3:

พาเหรดน่ากัวมากมาย :o

รอตอนต่อไปนะค๊าบบบบบ

BeePed

  • บุคคลทั่วไป
ขอขอบคุณทุกๆคนที่ให้กำลังใจค่ะ มีลูกฮึดในการเขียนขึ้นอีกหลายเลยค่าาา สู้ต่อไปทาเคชิ  :oni2: :oni2:

ตามมาให้กำลังใจ  :L2: อย่าเพิ่งน้อยใจไปนะจ้ะ

เรื่องนี้เคยอ่านอยู่เหมือนกัน จะตามดู อยากรู้ว่าเบนไปทางไหน ใครจะเป็นพระเอก เพราะที่เคยอ่าน มันมีผู้ท้าชิงความเป็นพระเอกอยู่คนเดียวนี่นา ส่วนนางเอกไม่ต้องบอกก็รู้ แมนดี้แหงม ๆ ใช่ป่ะ   :laugh: :laugh:

อ๊ะ....อ๊ะ คุณ mist อย่าชี้โพรงให้กระรอกนะคะ เดี๋ยวเอาแมนดี้เป็นนายเอกจริงๆด้วย :laugh: :laugh:  ส่วนพระเอกฉบับชายชาย มันต้องมีผู้ท้าชิงหลายคนหน่อยค้า ถึงจะสมศักดิ์ศรีของการที่จะได้นายเอกที่น่ารักแบบเอ๋อๆไปครอบครอง จริงไหมคะ

แนท นี่จะเป็นคนเดียวกะไอ้โรคจิตวัยทองรึเปล่าหนอ 



เป็นกำลังใจให้นะคะ

 :L1:


อันนี้ต้องติดตามตอนต่อไปค่ะ


โอ๋ๆๆๆ อย่าเพิ่งใจน้อยยยยย  :oni3:

พาเหรดน่ากัวมากมาย :o

รอตอนต่อไปนะค๊าบบบบบ

จริงๆแล้วในพาเหรดมีหนุ่มๆหล่อๆมากมายเลยค่ะ เจริญหูเจริญตาสาวไทยหัวใจวายอย่างเราเป็นอย่างยิ่ง  :impress2: :impress2:  แถมไม่ต้องจิ้นให้เสียเวลาเพราะเค้าเดินกันมาเป็นคู่ๆ กอดกันจูบกันเป็นปกติ แต่รูปที่เอามาลงนี่แก่มากไปหน่อยต้องขออภัย แต่ข้อเสียในพาเหรดคือคนสูบบุหรี่เยอะมากๆๆๆๆ ก็จากพวกคนเดินพาเหรดนี่แหละ

ถ้าชะนีอย่างเราๆจะไปหาแฟนที่ซานฟรานคงจะได้ยาก เพราะชายที่นั่นเกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์เป็นเกย์ค่ะ  :teach: :teach:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-07-2008 04:34:40 โดย BeePed »

bellary

  • บุคคลทั่วไป

BeePed

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 6 Keep your friends close, Keep your enemies closer

เอากระเป๋าเข้าท้ายรถเสร็จ ผมก็เดินไปกำลังเปิดประตูรถด้านซ้าย แต่แป่ววว.....ผมลืมไปว่ารถอเมริกานี่ ที่นั่งคนขับอยู่ด้านซ้าย ผมซึ่งเป็นผู้โดยสารควรจะต้องไปนั่งด้านขวา หน้าแตกเลยเรา พี่แนทเค้าก็อมยิ้ม หัวเราะหึ....หึ แบบพยายามกลั้นเสียง

ผมเดินหน้าเชิดคอตั้งอ้อมไปด้านขวา คิดในใจ  โถ่....ใครมันจะไปตรัสรู้ว่ะ สี่ตีนยังรู้พลาดนักปราชญ์ยังรู้พลั้ง แล้วผมก็คนธรรมดาถึงจะหล่อดูดีมีชาติตระกูลก็เถอะ มันก็พลาดกันได้
 
พอเปิดประตูรถแค่นั้นแหละ แทบเป็นลม ทำไมมันถึงรกขนาดนี้ บนเบาะข้างคนขับมีกองกระดาษวางระเกะระกะ มีถ้วยโฟมซึ่งคงเคยมีบะหมี่สำเร็จรูปอยู่ในนั้นวางปนอยู่ แถมมีถ้วยกาแฟสตาร์บัคที่เห็นแต่คราบกาแฟแห้งกรังวางซ้อนในถ้วยโฟม ยังมีเศษเปลือกห่อลูกอมอีกหลายชิ้นวางปนอยู่ ส่วนที่เบาะนั่งด้านหลังก็มีแต่กองตำราหนังสือพร้อมเศษกระดาษวางเต็มไปหมด นี่ถ้ามีงูเงี้ยวขี้ยวขอหลบซ่อนอยู่ในรถผมจะไม่แปลกใจเลยจริงๆ

ผมเงยหน้ามองข้ามหลังคาไปหาพี่แนททันที พร้อมส่งสายตาแสดงความฉงนแกมต่อว่าไปให้ คิดในใจ...พี่แกก็ดูมาดเนี้ยบ การแต่งตัวก็สะอาดสะอ้าน ทำไมปล่อยให้รถเป็นกองขยะซกมกอย่างงี้วะ นี่แหละน้าคนเรา...ดูแต่รูปกายภายนอกไม่ได้เลยจริงๆ อย่าให้ภาพมายามาหลอกเราได้

พี่แกรีบบอกทันที “ไม่ต้องมามองอย่างงั้นเลยนะ นี่รถไอ้โอมไม่ใช่รถพี่ มันนั่ง subway ไปมหาลัย เลยให้เอารถมันมารับเราไง”

โห....พี่โอมของผม ทำไมถึงได้ซกมกขนาดนี้ ต้องโทรฟ้องแม่ซะหน่อยแล้ว เอ...อย่างงี้แสดงว่าพี่โอมยังไม่มีแฟนแน่ๆ เพราะถ้ามีคงไม่ปล่อยให้รถมีสภาพเป็นสุสานขยะแบบนี้แน่ๆ แต่ทำไมพี่โอมหรือพี่แนทไม่ทำความสะอาดเสียหน่อยก่อนมารับผมนะ รู้ก็รู้อยู่ว่าผมจะมา

ว่าแล้วผมใช้นิ้วค่อยๆคีบถ้วยโฟมและกระดาษต่างๆอย่างเชื่องช้า ไปวางกองสุมที่เบาะด้านหลัง แล้วเอาตัวเองยัดลงเบาะหน้าข้างคนขับ พี่แนทก็มองผมตาขวางกับท่าทางของผมที่ค่อยๆคีบสิ่งของต่างๆอย่างช้าๆ

“นี่เรา...ถ้ารังเกียจมาก พรุ่งนี้ก็ทำความสะอาดล้างรถให้ไอ้โอมสิ มาทำความเดือดร้อนให้คนอื่นแล้วยังไม่สำนึกอีก”
 
โอ้ยยย.. ผมควันออกหูเลยครับ ได้แต่นั่งแค้นด่าว่าพี่เค้าในใจ o12 o12 แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะตอนนี้เหมือนลูกไก่ในกำมือพี่เค้า  จะบีบก็ตายจะคายก็รอด ถ้าพี่เค้าถีบผมลงจากรถตอนนี้ผมตายแน่ กระเป๋าเดินทางเอย เป้เอยก็อยู่ท้ายรถหมดแล้วด้วย

ถอน...ถอนให้หมด ขอถอนความคิดก่อนหน้านี้ที่ว่าพี่เค้าหล่อดูดี คนอะไรปากสุนัขชะมัด ทำไมพี่โอมถึงมีแต่เพื่อนปากร้ายอย่างไอ้โรคจิตวัยทองรูมเมทนั่นคนนึง แล้วยังมาพี่แนทอีก ผมคงทำหน้าตาบอกบุญไม่รับ แถมทำตาประหลักประเหลือกแถมให้อีก พี่แกเลยว่าต่อ

“เด็กอะไรเอาแต่ใจ....ไม่มีการวางแผนในการเดินทางไกล นึกอยากมาก็มา เหมือนเล่นขายของ เหมือนอยากมาเพื่อให้ได้ชื่อว่ามาต่างประเทศแล้ว ไม่ได้รู้หรอกว่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนขนาดไหน”
 
พี่ครับ...ผมอยากจะกระโดดถีบพี่มากเลยครับ  :เตะ1: :เตะ1: แต่ผมต้องอดใจไว้ก่อน ได้แต่นั่งนับหนึ่งถึงร้อย ท่องพุทธโธ หายใจเข้าพุทธ หายใจออกโธ หายใจเข้าพุทธ หายใจออกโธ แต่ไม่ไหวแล้วครับ หายใจเข้าจนจะระเบิดแล้ว ไม่ธงไม่โธมันแล้ว เส้นความอดทนมันขาดผึง

“มันเหตุสุดวิสัยนะพี่ ผมก็ไม่ได้อยากให้พี่มารับหรอก ถ้าไม่มีพายุเข้าที่โตเกียว ผมก็ถึงตั้งแต่เมื่อวานและคงเป็นพี่โอมที่ต้องมารับผม ไม่ใช่พี่!!!!” ท้ายประโยคผมกระแทกเสียงดังใส่ มันทนไม่ไหวแล้วครับ พี่โอมอยู่ไหนมาช่วยผมที

“นี่....เด็กอะไรไม่มีมารยาท คราวที่แล้วก็ทีนึงละ โทรศัพท์มาไม่พูดไม่จาก็มากระแทกหูโทรศัพท์ใส่คนอื่น นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นน้องไอ้โอมนะ จะปล่อยลงมันข้างทางนี่แหละ”

ผมหันหน้าพรืดไปหาพี่เค้าทันที หา.....อย่าบอกนะว่าไอ้โรคจิตวัยทองนั่นคือพี่แนท มิน่าถึงว่าเสียงมันคุ้นๆตั้งแต่แรก

“อ้าวววลุง...จะมาปล่อยผมลงกลางทางได้ไง นี่พึ่งรู้ว่าลุงคือไอ้โรคจิตวัยทองนั่นที่ด่าผมซะไม่มีดี มิน่าถึงว่าเสียงคุ้นๆ  นี่ลุง....ลุงเข้าวัยทองฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงรึไงถึงได้หงุดหงิดงุ่นง่าน หรือแฟนไม่ให้อึ๊บมาหลายเดือนถึงอารมณ์เสีย แต่อย่างว่าอ่ะนะ ปากแบบนี้คงหาสาวมาเป็นแฟนไม่ได้” สะใจมากเลยครับได้ตอกกลับซะบ้าง ว่ามันเป็นลุงซะเลย อยากมาว่าผมเป็นเด็กดีนัก

“ว่าไงนะ!!!! ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม จะมากไปแล้วนะ หาว่าเป็นลุงเหรอ หาว่าเป็นไอ้โรคจิตวัยทองเหรอ?!!?” หน้าตาพี่เค้าถมึงทึงหน้ากลัวมากเลยครับ เค้าจะบีบคอฆ่าผมหมกข้างทางรึเปล่าเนี้ย  :freeze: :freeze:

“ผมไม่ใช่เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนะ ผมขอบอกลุงไว้ก่อนนะว่า ผมไม่ได้มาแบบไม่วางแผนอะไรเลยและผมก็ไม่ได้มาอเมริกาเพราะแค่อยากชุบตัวอย่างที่ลุงว่า!!” สงสัยชาตินี้ผมกับไอ้พี่แนทไม่มีทางญาติดีกันแน่ๆ

[I used to rule the world

Seas would rise when I gave the word

Now in the morning I sleep alone

Sweep the streets I used to own]

เสียงโทรศัพท์ของพี่แนทดังขึ้น เฮ้อ.....ช่วยต่อชีวิตผมไปอีกสักระยะ เพลง Viva la Vida ของ Coldplay ซะด้วย ทันสมัยเหมือนกันแฮะ
 
“Hello”

“...........”  มีเหลือบตามองผมด้วยครับ

“Hmmm…..He is here. I’m driving.”

“...........”

“I’ll be there in 40 minutes. See you.”

ใช่แล้วครับ ไอ้สำเนียงพูดอังกฤษอเมริกันจ๋านี่ผมจำได้แม่นและแน่ใจล้านเปอร์เซนต์ว่า...มันเป็นเสียงเดียวกับไอ้โรคจิตนั่น พี่เค้าวางโทรศัพท์แล้วไม่คุยกับผมอีกเลยครับ เราสองคนก็นั่งเงียบคุมเชิงกันอยู่ ไม่มีใครส่งเสียงอะไรออกมาก่อน มีแต่เสียงเพลงจากวิทยุเปิดคลออยู่

ผมนึกถึงที่พี่โอมบอกว่าจะให้โรคจิตรูมเมทนั่นพาผมเที่ยว  นี่...หมายความว่าผมต้องไปเที่ยวกับไอ้พี่แนทใช่มั้ย แล้ววันนั้นทำไมตอนพี่เค้ารับโทรศัพท์ถึงบอกว่าชื่อ Simon แต่ทำไมชื่อเล่นถึงชื่อแนท แล้วทำไมเวลาคุยกับพี่โอมต้องคุยภาษาอังกฤษกันด้วย มีแต่คำถามทำไมและทำไม ผมสะบัดหัวไปมา  :serius2: :serius2: โอ้ยย...คิดจนหัวแทบระเบิดแล้ว แต่คิดไม่ออกว่าจะทำยังไงจะได้ไม่ต้องไปเที่ยวกับไอ้โรคจิตนี่

คิดถึงตรงนี้รถก็หยุดหน้าตึกสูงตึกหนึ่งน่าจะเป็นอพาร์ทเมนท์ของพี่โอม โห...ดูหรูดูดีกว่าที่คิดแฮะ มองสำรวจไปรอบๆ หน้าอพาร์ทเมนท์มี สวนหย่อมเล็กๆ ส่วนใต้ตึกชั้นล่างสุดมีร้านไอศกรีมน่ารักๆอยู่หนึ่งร้าน มองไปฝั่งตรงข้ามมีตึกสูงอีกหลายตึกลักษณะคล้ายๆกัน คงเป็นอพาร์ทเมนท์คอมเพล็กซ์ ชั้นล่างของทุกตึกจะมีร้านค้าต่างๆ ทั้งร้านสตาร์บัคส์ ร้าน Block Buster บางตึกก็มีร้านอาหารญี่ปุ่น อืม......ใช้ได้ๆ เยื้องไปอีกด้านเห็นป้ายสถานีรถไฟฟ้าอยู่ ยังงี้ก็หวานหมูสิ สถานีรถไฟอยู่หน้าอพาร์ทเมนท์แบบนี้

“นั่งเหม่ออะไรอยู่ล่ะ เอากระเป๋าลงได้แล้ว!! พี่จะเอารถไปจอด รออยู่ตรงเคาท์เตอร์ชั้นล่างก่อน เดี๋ยวค่อยขึ้นไปพร้อมกัน” เสียงเข้มมาเลยครับ คงยังอารมณ์บ่จอยอยู่ เหมือนผู้หญิงวัยทองเลยแฮะ

ตอนนี้ก็ประมาณห้าโมงเย็นแล้วครับ ผมเอากระเป๋าลงจากรถ รอสักพักพี่เค้าก็มา เราขึ้นไปบนห้องกัน ห้องอยู่ชั้นที่ยี่สิบจากทั้งหมดยี่สิบแปดชั้น ตอนอยู่ในลิฟท์ พี่เค้าจ้องผมเขม็งแล้วพูดว่า

“ไอ้เด็กแสบ ระวังไว้เหอะ....เรายังต้องอยู่ด้วยกันอีกหลายวัน แล้วจะต้องเสียใจที่ว่าพี่เป็นไอ้โรคจิต หึ....หึ.....” นี่มันเป็นการประกาศสงครามอย่างชัดเจนใช่ไหมเนี่ย ผมจะเหลือครบสามสิบสองกลับไปหาม๊ากับป๊ามั้ยครับ

พอเข้าไปในห้องปุ๊บ พี่โอมเดินมากอดผมเลยครับ
 
“อาร์มคิดถึงพี่โอมจังเลย” ผมเอาหน้าซุกอกพี่โอม เพราะพี่เค้าตัวสูงกว่าผมเยอะ น่าจะประมาณ 185 เซ็นต์ได้ พี่โอมลูบหัวผมเบาๆ ตาผมรื้นๆน้ำตาปริ่มขอบตา แต่ต้องพยายามกลั้นไว้ กลัวไอ้โรคจิตนั่นเห็น ผมเงยหน้ามองพี่โอม ไม่ไหวแล้วครับทั้งเหนื่อยทั้งง่วงทั้งเครียดเพราะไอ้ลุงโรคจิตนั่น น้ำตาร่วงแล้วครับ  :sad2: :sad2:

“หืม.....เป็นไงไปล่ะเรา ทำไมขี้แยเหมือนเด็กๆจัง” พี่โอมขยี้หัวผม แล้วเอานิ้วเกลี่ยน้ำตาให้ ผมไม่ตอบอะไรได้แต่ส่ายหัวไปมา ถึงผมกับพี่จะอายุห่างกันสิบปี แต่ผมก็สนิทกับพี่โอมมาก มาช่วงหลังนี่แหละที่พี่มาเรียนที่อเมริกา ทำให้เราห่างกันไปเล็กน้อย แต่ผมก็คุยเว็ปแคมกับพี่ตลอด

กอดกันซักพัก น้ำตาผมก็หยุด ผมเดินไปเปิดกระเป๋า แล้วค้นเอาทั้งหนังสือนิยายจีนและวีซีดีให้พี่โอม รวมถึงพวกอาหารไทยที่แม่ฝากมาหลายกระปุก ถึงตอนนี้ไอ้พี่แนทเห็นผมรื้อหนังสือนิยายหลายเล่ม เค้าคงรู้แล้วว่าทำไมกระเป๋าผมถึงได้หนักนัก

“อ่ะนี่พี่โอม นิยายจีนที่พี่อยากได้ ส่วนนี่ก็อาหารไทยที่ม๊าฝากมา”

“โห.....เยอะจัง อาร์มขอบใจมากนะที่อุตส่าห์ขนมาให้พี่ อาร์มหิวรึยัง ไปหาอะไรกินกันดีกว่า อยากกินอาหารประเภทไหนหล่ะ เฮ้ยแนทไปกินด้วยกัน” พี่ผมตอนนี้อารมณ์ดีสุดๆครับ หลังจากเห็นบรรดาของฝากทั้งหลาย

“ตามสบายไปกินกันประสาพี่น้องเถอะ พอดีมีนัดกินกับเพื่อนหว่ะ”

“แหม....ไอ้นี่กินกับเพื่อนแน่หรือวะ” พี่แนทไม่ตอบอะไรได้แต่ยักคิ้วหัวเราะ หึ...หึ น่าหมั่นไส้จริงๆ  แต่ผมจะไปหมั่นไส้พี่เค้าทำไมเนี้ย

“อาร์มอยากกินอาหารญี่ปุ่นครับ เมื่อกี้เห็นอยู่ใต้ตึกใกล้ๆนี้”

“อืม....ก็ดี ไปกันเหอะ ช้าเดี๋ยวคนเยอะ เออ...เดี๋ยวกินเสร็จอย่าลืมโทรไปหาม๊าหล่ะ จะได้ไม่เป็นห่วง”
 
*************************************************************

หลังจากมื้อเย็นวันนี้ ผมได้เก็บข้อมูลของไอ้โรคจิตพี่แนทมาเพียบ ถือคติของท่านซุนวู ‘รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง’

ไอ้พี่แนทอายุเท่าพี่ผมคือ 31 ปี (ผมอายุ 21 ปี พอดีผมเรียนเร็วกว่าเกณฑ์ตอนเด็กๆ ทำให้ผมอายุน้อยกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันหนึ่งปี) เป็นเพื่อนกับพี่โอมตั้งแต่ม.ต้นยันม.ปลาย มาห่างกันตอนเข้ามหาลัย
 
พี่แนทเป็นลูกครึ่งครับเกิดที่นี่ พ่อเป็นคนอเมริกันเป็นหมอทำงานเกี่ยวกับโรคเอดส์ที่เมืองไทย แม่เป็นคนไทยเป็นครู ครอบครัวแกย้ายไปเมืองไทยตอนแกอายุซักแปดปี ตอนนี้ทั้งพ่อและแม่อยู่เมืองไทย ส่วนพี่แนทพอจบหมอที่เมืองไทย ใช้ทุนไปได้หนึ่งปีก็ทนระบบราชการไทยไม่ไหว เลยลาออกใช้เป็นเงินแทน แล้วบินมาเรียนต่อหมอเด็กและหมอทารกแรกเกิดที่นี่
 
พอดีพี่แกเป็น US citizen แถมภาษาก็ดีเรียนก็เก่งด้วย การเข้ามาเรียนต่อที่นี่จึงไม่ยุ่งยากนัก แต่ก็ต้องสอบผ่านข้อสอบของหมออเมริกาก่อนเข้าเรียนนะครับที่เรียกว่า USMLE (United States Medical Licensing Examination) แต่ให้ตายเถอะโรบิน.....ผมนึกภาพไม่ออกจริงๆครับว่าตอนแกตรวจเด็กแรกเกิดมันจะเป็นยังไง มือออกจะใหญ่ยังกับใบพายขนาดนั้น จับเด็กทีเด็กคงคอหักตายคามือ  :confuse: :confuse:
 
ตอนนี้พี่แนทเป็นสต๊าฟหมอทารกแรกเกิดที่ New York-Presbyterian University, Hospital of Columbia and Cornell โรงพยาบาลนี้อยู่ในเกาะแมนฮัตตัน มีชื่อเสียงติดท็อปไฟว์ของอเมริกาเรื่องสาขาทารกแรกเกิดด้วย

อพาร์ทเมนท์ที่อยู่นี่ก็ของพี่แกครับ ส่วนพี่โอมมาขอเช่าเพราะมันมีสองห้องนอนสองห้องน้ำ พี่แนทก็คิดค่าเช่าแบบถูกมากให้พี่โอมถ้าเทียบกับความหรูของอพาร์ทเมนท์แล้ว ไว้เดี๋ยววันหลังผมจะบรรยายลักษณะและที่ตั้งของอพาร์ทเมนท์ให้ฟัง

ส่วนเรื่องที่ว่าแกชื่อ Simon แล้วทำไมมีชื่อเล่นว่าแนทนี่ก็มีที่มาครับ ชื่อเต็มๆพี่แกคือ ‘Simon Nathan Wright’ ซึ่งจริงๆแล้วชื่อไทยแกคือ ‘สิมันต์’ (โห...เท่ห์ซะไม่มีอ่ะ) พอสะกดเป็นอังกฤษมันก็กลายเป็น Simon แต่พวกเพื่อนฝรั่งนี่ออกเสียงสิมันต์ไม่ได้หรอกครับ พี่แกก็เลยต้องยอมเรียกตัวเองว่า ‘ไซม่อน’ ส่วนชื่อกลางแกคือ Nathan ซึ่งฝรั่งทั่วไปทื่ชื่อ Nathan หรือ Nathaniel จะมีชื่อย่อที่ใช้เรียกกันคือ ‘Nat (แนท)’ เหมือนๆกับชื่อฝรั่งอื่นๆอย่างเช่น ถ้าชื่อ Angelina ก็จะเรียกย่อว่า Angie ถ้าชื่อ Kimberlie ก็จะเรียกย่อว่า Kim ถ้าชื่อ Edward ก็จะเรียกย่อว่า Eddy  ด้วยเหตุนี้ ‘แนท’ จึงกลายเป็นชื่อเล่นของพี่เค้า

แล้วที่ว่าทำไมพี่แนทถึงพูดภาษาอังกฤษกับพี่โอม ก็เพราะพี่โอมขอให้แกพูดครับ พี่โอมอยากฝึกภาษา ถึงแม้พี่แกจะเรียน PhD แล้วก็ตาม แต่ถ้าไม่ฝึกพูดเอาแต่พูดภาษาไทย หรือมัวแต่สมาคมกับคนไทย ภาษาอังกฤษมันก็จะไม่ค่อยได้หรอกครับ

ถึงตอนนี้ข้อมูลของพี่แนทผมมีพร้อมเต็มร้อย ถึงแม้ผมจะต้องพักอยู่อพาร์ทเมนท์เดียวกันกับไอ้พี่แนทก็ไม่เป็นไร เพราะถือคติ ‘Keep your friends close, Keep your enemies closer’   ฮ่า........ฮ่า......ฮ่า

*******************************************

รักคนอ่านทุกคน รอคอมเมนท์อย่างใจจดใจจ่อค้า  :m18: :m18:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-07-2008 08:09:09 โดย BeePed »

PakBeob

  • บุคคลทั่วไป
ดูท่าจะสนุก

ฉะกันไปฉะกันมา  :m4:

ออฟไลน์ Ryze

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
 :m22:

ฮึ้บส์ แอบโผล่หัว ออกมาโชว์ตัวว่า เค้าอ่านอยู่นะตัวเอ๊งง คิคิ

เมามันดีจ้ะ รอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด