เรื่อง :: บอกแล้วใช่ไหม ก่อนจีบให้ดูดีๆ ::
เขียน ::
ผู้ซึ่งหลงรักหญิงสาวในภาพวาด ::
ตอนที่ 27 : แม่อยู่นี่ลูก
หลังจากนั่งเคารพโถส่วมในห้องน้ำเป็นเวลาเกือบชั่วโมง ผมก็หมดสภาพอย่างแท้จริง คุณแก้วมองผมอย่างเป็นห่วง เธอเกือบจะอุ้มผมแล้วพามาที่เตียง ดีที่ผมห้ามไว้ทัน “พะ พยุงก็พอครับคุณแก้ว”
“คุณต๊อบเดินไหวนะ”
คุณแก้วพูดเสียงอ่อน คิ้วสวยขมวดลงอย่างกังวล เธอดูกลัวว่าผมจะเดินไม่ไหวถึงขั้นนั้นจริงๆ มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นผมแค่มือเท้าอ่อนไปกว่าปกติบ้างก็เท่านั้นเอง
เมื่อนั่งลง ผมพยายามพยุงสติไว้และเรียกขวัญกำลังใจให้ตัวเอง ต้องดูหนังโป๊อีกกี่เรื่องถึงจะลบล้างภาพที่ติดตาเมื่อกี้ได้
พอนึกถึง ผมก็ยิ่งหน้ามืดลงกว่าเดิม “ผะ ผมจะกลับ”
คุณแก้วพยุงผมมาที่เตียง ทันทีที่ได้ยินฝ่ามือที่ลูบหลังผมอยู่ก็ชะงัก “แต่ว่าคุณต๊อบ”
“ไม่เป็นไรครับ ผม ผมขอกลับก่อนดีกว่า” ผมนวดขมับ ก่อนพูดต่อ “เสื้อผ้าผมอยู่ไหน”
“แก้วเอาลงตระกร้าไปแล้ว คุณต๊อบ คุณต๊อบนอนพักนะคะ นะ เดี๋ยวแก้วดูแลคุณต๊อบเอง อย่าเพิ่งกลับเลย ถ้าเกิดหน้ามืดกลางคันขึ้นมาจะทำยังไง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมขอเสื้อผ้าผม” ผมลุกขึ้น ไม่สนใจเสียงของเธอ ก่อนจะมองหาไปรอบๆ ตระกร้าผ้าอยู่ใกล้ๆทางเข้าห้องน้ำ ผมเดินไปหยิบมา ก่อนจะรีบสวมอย่างลวกๆ สีหน้าคุณแก้วจางลงจนเกือบซีด ตัวเธอเริ่มสั่นน้อยๆ
“คุณต๊อบ”
ผมรีบเดินลงไปชั้นล่าง คุณแก้วก็ยังคงตามมา “คุณต๊อบ แก้วขอโทษ”
“คุณแก้ว ผมขอเวลาหน่อย” ผมหยุดเดิน ก่อนจะหันไปมองหน้าเธอ และพยายามทำใจแข็งเข้าไว้ ผมผ่อนลมหายใจช้าๆ ก่อนจะค่อยๆปรับน้ำเสียงให้อ่อนโยน “ตอนนี้อากาศยังหนาวๆ คุณแก้วรีบไปแต่งตัวนะครับ เดี๋ยวจะไม่สบาย”
“ให้โอกาสแก้วหน่อย”
ผมยังไม่พร้อมถ้าเกิดว่าจะชอบผู้ชายสักคน
มันสับสนมากกว่าตอนนั้นที่รู้ว่าเธอเป็นอะไร หรือเพราะที่แน่ๆรสนิยมของผมยังคงเป็นผู้หญิงและยึดติดกับภาพลักษณ์ของเธอในก่อนหน้านี้มากกว่า
หรือจริงๆแล้วผมจะเป็นเกย์
แล้วผมควรทำยังไง
ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องมานั่งครุ่นคิดเรื่องพวกนี้
เมื่อกี้ผมยังคิดว่าผมยังไหว ผมน่าจะรับได้ แต่พอเอาเข้าจริงผมกลับมีปฏิกิริยาต่อต้านอยู่
มันเป็นแบบนี้ได้ยังไงวะ
เป็นครั้งแรกที่ผมเงียบ ไม่ใช่เพราะเขินอายเธอ เขินอายความสวยของเธอ มันไม่ใช่เรื่องพวกนั้นอีกแล้ว แต่เป็นเพราะกำลังโกรธและสับสนอย่างจริงจัง กับความสัมพันธ์ที่เดินมาทำนองนี้
ผมเงียบ ในหัวยิ่งสับสน คุณแก้วยืนอยู่ตรงหน้า เธอยังคงเป็นคุณแก้วของผมอยู่ แต่ก็มีบางอย่างที่แตกต่าง ผมหลุบตาลง ก่อนจะค่อยๆเข้าไปลูบแก้มเธอเบาๆ แล้วชักมือกลับอย่างตัดสินใจ
“ผมขอโทษ”
ผมผละออกในขณะที่คุณแก้วกำลังจะยกมือจับมือผมตอบ ผมเดินออกมา โดยที่ครั้งนี้เธอไม่ได้ตามอีกแล้ว แต่แววตาของเธอกำลังร้องไห้อย่างชัดเจน
หลังจากนั้นผมก็ป่วย
นอนเป็นผักอยู่บนเตียง ด้วยสภาพที่ทุเรศลงกว่าเดิมคูณไปสักสอง หนวดขึ้นครึ้มเป็นป่า ราวกับหาทางออกไม่เจอ ผมนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง ด้วยสภาพไม่รับรู้ กูจะตายอย่างเดียว
ผมนอน ยกมือก่ายหน้าผาก ตัวร้อนๆ ผมจำไม่ได้เลยว่าหลังอ้วกเสร็จแล้ว พยายามแต่งตัวแล้วบึ่งขึ้นรถกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แค่ว่าคุณแก้วพยายามรั้งผมไว้เพราะเป็นห่วง กลัวขับรถไม่ไหว แต่สุดท้ายผมก็ขอตัวกลับมาก่อนเพื่อตั้งสติและถ้าอยู่ต่อไปผมกลัวว่าผมอาจจะขาดสติทำรุนแรงกับเธอเข้าจริงๆ
“อุ้ย” ไอ้ฟักยกมือทาบอกอย่างเสแสร้ง มันดูโคตรกระแดะอย่าบอกใคร “อัครินทร์ป่วย”
“มึงไม่เรียกชื่อเตี่ยกูเลยล่ะ”
ไอ้ฟักหัวเราะชอบใจ เสียงนี่แหลมเชียว ดูชั่วมากจริงๆ “อันเนาะ ป่วยได้ยังไง ร้อยวันพันถึกเป็นวัวเป็นควาย อย่าบอกกูนะว่าพรุ่งนี้ก็เผาแล้ว”
หน้าซีดเซียว ในหัวปวดตุบๆ แถมไข้ยังขึ้นสูงจนรู้สึกวิงเวียนอยู่ตลอดเวลา เป็นอุปสรรคในการลุกขึ้นมาทุกงานทำการ ไม่มีแม้แต่แรงใจจะลุกมาหาไรกินด้วยซ้ำ “มึงจะไม่ได้แดกแม้แต่ข้าวต้มงานกู”
ปกติผมไม่ค่อยป่วย สุขภาพแข็งแรงมาตลอด ยิ่งช่วงอายุเท่านี้ ก็ยิ่งไม่ป่วยอีกเลย อาจจะเพราะออกกำลังกายสม่ำเสมอ เหล้ายาอะไรแบบสมัยวัยรุ่นก็ไม่ค่อยไปแตะแล้ว หมายถึงว่าไม่หนักหน่วงมาก หาเรื่องกับใครเขาก็ไม่มี มันพ้นยุคสมัยมานาน กลับกลายเป็นว่าเรื่อง‘ผู้หญิง’เรื่องเดียว ทำเอาทุกอย่างรวนเป็นไม่ชินเป็นอัน
พูดแล้วมันก็น้ำตาเริ่มปริ่มออกมาอย่างคับอกคับใจ
“กูซื้อสตอเบอรี่มาฝากกับหมูยอ อยู่ข้างล่าง แม่มึงน่าจะล้างอยู่ แดกๆเปรี้ยวหน่อยก็ดี”
“มึงหมายถึงหมูยอเหรอ เปรี้ยวๆ”
“สตอเบอรี่มั้งอีห่า”
“เอ้า กูเพิ่งรู้”
“ใครเขาแดกหมูยอแก้ไข้ ต๊อบ มึงเช็กหัวมึงหน่อยนะ”
ผมหัวเราะเสียงแหบๆที่กวนตีนมันได้ ก่อนจะนอนซุกหมอนเหมือนเดิม ไม่ไหว รู้สึกมึนจนไม่อยากจะลุกเลย
ไอ้ฟักดูร่าเริงดี ไม่รู้มันไปคึกมาจากไหน โดยเฉพาะไอ้ตอนที่ผมมันจะดูมีอารมณ์ดีตรงข้ามกับผมตลอดเวลา
“ไปหาหมอยัง” มันเดินไปหยิบกางเกงกับเสื้อที่ผมถอดๆแล้วโยนไว้ไปใส่ตระกร้าอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่วายยังหยิบขยะที่ตกๆอยู่ลงถังให้อย่างเรียบร้อย ถ้าอีกนิดนึงผมคงคิดว่ามันเป็นแม่ไม่ก็เมียผมแน่ๆ
“ยังเลยว่ะ แดกยานอนอยู่บ้านนี่แหละ”
“ไข้ใจเหรอ”
“ไข้ใจเชี้ยไร”
“มึงมันเชี้ยไง ใจก็เลยเชี้ยด้วย”
“เอ้า ไรเนี่ย กูเป็นคนป่วยนะเว้ย”
มาถึงก็ด่าเอาๆ ไอ้ห่านี่
“ไหนดูดิ”
ไอ้ฟักเดินเข้ามา มันผลักให้ผมกระเถิบไป ก่อนจะนั่งข้างเตียง มันมองสารรูปผมด้วยสายตาดูแคลน ตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่มีความเป็นห่วงเป็นใยในแววตาแม้แต่เสี้ยวหนึ่ง ทำไมกูต้องมีเพื่อนเป็นมึง ทำไม๊
“ยี้” ไอ้ฟักเขี่ยๆแก้มผมกับปลายคาง นิ้วถูกับตอหนวดเป็นเสียงดังแกร๊กๆก่อนมันจะรีบสะบัดมือออกอย่างรังเกียจชัดเจน
“โจรมาก” มันพูดพร้อมส่ายหน้า น้ำเสียงตอแหลๆ “โจรสุดๆ”
“เขาเรียกว่าคุณพิศาลโว้ย”
“มึงอย่าเอาพระเอกในดวงใจกูสมัยเด็กๆลงมาเกลือกกลั้วกับมึง” ผมเดาได้เลยว่ามันต้องกำลังมโนว่าตัวเองเป็นนางเอก
“มึงจะดูหนวดล่างกูด้วยเลยมั้ย”
“ไหน”
ไอ้ฟักทำท่าจะยื่นหน้าเข้ามา เลยด่าแล้วยกมือกุมเป้า “สัด ทียังงี้เสือกจริงจัง”
“แล้วมันใช่เรื่องที่ควรล้อเล่นมั้ย?” แปลว่ากูต้องเปิดหำให้มึงดูใช่ไหม
“มึงไปไกลๆเลยไป รำคาญ” ผมพูดอย่างหงุดหงิด ก่อนจะมุดเข้าไปในผ้าห่ม
ไอ้ฟักตามเข้ามา มันขมวดคิ้วนิดๆเหมือนคล้ายๆเริ่มจะโกรธขึ้นมาจริงๆ “อะไร แค่นี้รำคาญกู เป็นอะไร ทำไมต้องเหวี่ยง”
ผมครางในลำคอ ตัดปัญหา ขี้เกียจพูดขี้เกียจเซ้าซี้ หลบอยู่ใต้ผ้าห่มอย่างเดียว “เออน่ะ”
“กูเลิกงานก็มาหามึง ไม่ใช่ให้มึงมาทำงี้ใส่นะ”
สักพักก็เงียบ แปลว่าตอนนี้ไอ้ฟักมันโกรธแล้ว อีกทั้งยังงอนง่ายหายยาก ผมจึงรีบพลิกกลับไปทั้งๆที่ยังมึนๆแล้วเอาเท้าก่ายมันไว้ก่อนที่มันจะลุกหนี ยังไม่ทันได้เป็นเรื่องใหญ่ก็ถูกผมสะกัดไว้ก่อน
“เออ ขอโทษๆ กูปวดหัวเฉยๆ ทีมึงยังบ่นรำคาญกูจัง โดนบ้างมาทำงอน” ผมงึมงำ
ไอ้ฟักแค่นหัวเราะประชดในลำคอดังหึๆไปทีนึง ผมพูดต่องัวเงียๆ “มาๆ มานอนกับป๋ามา อย่างอนป๋า เดี๋ยวพาไปหาเด็กหนุ่มๆ”
“ถุย”
ผมง้อมันเสียงเบาๆ กึ่งจะหลับจะตื่น ไอ้ฟักมันคงรำคาญบ้างแล้วแต่ก็หายโกรธแล้วเหมือนกัน ถึงได้เขยิบขึ้นมานอนข้างๆก่อนจะเอาหมอนมารองไว้ด้านหลัง แล้วมันก็พูดเบาๆ น้ำเสียงเรียบๆไม่มีวี่แววโกรธแบบก่อนหน้านี้ “ไหวมั้ย ดูสภาพ”
“ไม่ไหวว่ะ”
ผมตอบ ก่อนจะพลิกตัวนอนหงายมองเพดาน
“ไหนใครรังแก”
“มึงจะไปต่อยให้กูเหรอ”
ผมนึกภาพไม่ออกเลย แม่ง ไม่อยากจะนึกด้วย
“ไม่” มันตอบ “อาจจะจ้างเอา”
“เออ แก้ปัญหาแบบรวยๆ”
ผมไอค่อกแค่ก มันเลยหยิบน้ำที่ข้างเตียงมาให้ “กูขออย่างเดียว ตอนแก่ ไม่อัลไซเมอร์ ไม่มะเร็ง ไม่ต้องคีโม ไม่เป็นไต ไม่อะไรพวกนี้ก็พอ หัวล้านกูรับได้ เดี๋ยวไปปลูกผมเอา”
“เดี๋ยวนะฟัก ไอ้โรคที่มึงพูดนี่ ตัวท็อปทั้งนั้นเลยนะเว้ย”
ผมหัวเราะ เวลามันพูดเรื่องจริงจังหน้าตายแบบนี้ ไอ้ฟักเหมือนจะไม่กลัวอะไรแต่จริงๆแล้วมันเป็นประเภทกลัวแต่เก๊ก “กูเห็นภาพเลย ลุงแก่ๆสองคนนั่งก๊กเหล้ากันยังงี้ใช่มั้ย”
“มึงแก่ไปคนเดียวเถอะ ด้วยอำนาจของเงินตรา กูเชื่อว่ายังไงกูก็ยังสวยอยู่” ไอ้ฟักกรีดนิ้วชี้ที่ตัวเอง นานแล้วที่ผมกับมันไม่ได้มานอนเล่นอยู่บนเตียงด้วยกัน เพราะว่าช่วงนี้ต่างคนต่างก็มีธุระ
“ครับผมครับ”
“เชี้ย กวนตีน”
“อะไร กูยังไม่ได้ทำไรเลยนะ”
“การที่กูบอกว่ากูสวยแล้วมึงเห็นด้วย เนี่ยแหละ มึงโกหกกูอยู่”
“เอ้า”
“ทั้งๆที่มันก็เป็นความจริงอะมึง”
“สัด ไรของมึงเนี่ย”
ไอ้ฟักหลุดหัวเราะ มันดูหลุดๆกับการพยายามเล่นมุกหน้าตาย
ไอ้ฟักทำหน้าหล่อแบบไม่รู้ตัว ในเมื่อมันไม่รู้ตัว ผมก็ไม่ชมมันด้วย เพราะมันน่าหมั่นไส้ มันนอนอยู่ข้างๆทั้งๆที่ใส่ชุดทำงาน ถุงเท้าแม่งก็ไม่ถอด มีแค่แขนเสื้อที่ชอบพับขึ้นมา สรุปมันยึดเตียงผมไปครึ่งหนึ่งก็ว่าได้
มันนอนไขว้ขาขึ้นข้าวหนึ่ง มือกดโทรศัพท์ พูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแส ในขณะที่สายตาก็ไม่ได้มองผมเลยแม้แต่น้อย “ไม่ไหวก็พอ”
ผมไม่ได้เล่าอะไรให้มันฟัง เพราะยังรู้สึกว่าไม่พร้อม ผมแค่ไม่รู้จะจัดการมันยังไง
แต่ไอ้ฟักพูดแหมือนรู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นแล้ว
“แล้วช่วงนี้มึงโอเคมั้ยวะ” ผมถามมันกลับ ไอ้ฟักวางโทรศัพท์ไว้หัวเตียง ก่อนจะเปลี่ยนมากอดอก แล้วหลับตาลงช้าๆ
“ก็ดี”
“แค่นี้อะ”
“ก็แค่นี้แหละ”
“ถ้าดีก็ดีแล้ว”
“อือ” ไอ้ฟักไม่ค่อยชอบพูดเรื่องตัวเอง นอกจากมันอยากจะเล่าเอง ความจริงมันขี้เก๊กไปหน่อย ผมกลัวว่ามันจะเก็บกดจนความดันขึ้น แล้วก็เครียดจนหัวล้านแบบที่มันชอบแช่งผม
ต่อมาก็เงียบ มันไม่ได้พูดอะไร ผมก็ไม่มีแรง ยิ่งสะลึมสะลืออยู่ก็เลยเผลอหลับไปสักพัก ไอ้ฟักมันถามผม แต่ผมได้ยินอย่างเดียวแต่จำไม่ได้ว่าตัวเองตอบไปไหม นอกจากอืมในลำคอ ชั่วขณะหนึ่งเหมือนผมฝันถึงคุณแก้วด้วย ตอนแรกๆที่เราคุยกัน
“มึงได้อาบน้ำมั้ยเนี่ย”
“อือ”
“ต๊อบ”
“หื้อ”
“ถ้าแก่ไปมึงห้ามหยุดออกกำลังกายนะ”
ผมพยายามลืมตา แต่แสงไฟค่อนข้างจ้า จึงทำได้แค่ปรือขึ้นมานิดนึง ก่อนจะตอบปัดๆ “เออ”
ภาพคุณแก้วหายไปแล้ว ผมหลับต่อแล้วพยายามนึกว่าฝันถึงไหนแล้ว เผื่อจะได้ฝันต่ออีก
ไอ้ฟักมันไม่ได้ห่วงสุขภาพผมหรอก มันแค่ต้องการหาเพื่อนปฟิตเนส กูรู้ทันมึง
ถึงใจหนึ่งผมไม่อยากจะนึกถึงเธอ บอกตัวเองว่าไม่ต้องไปคิด แต่ก็เหมือนตอกย้ำว่าผมกำลังคิดถึงเธออยู่จริงๆ
ผมกลัวว่าถ้าผมเจอเธออีก ผมอาจจะทำอะไรที่ไม่ดีลงไปหรือที่แย่กว่านั้น
ผมไม่ได้คุยกับคุณแก้วสักอาทิตย์กว่าแล้วถึงแม้เธอจะทักมาอยู่ตลอดก็ตาม
ผมไม่เคยซึมหรือรู้สึกถูกดูดพลังไปขนาดนี้มาก่อน มันทั้งว่างเปล่าแต่ก็สับสนดี
ใช่ว่าผมไม่เคยเห็นผู้ชายแก้ผ้า แต่ว่าถ้าจะมีผู้ชายสักคนมาแก้ผ้าและมีจุดประสงค์ในการแสดงความรักแก่กันแบบนั้น ผมยังตั้งตัวไม่ทันจริงๆ มันเป็นเรื่องที่ปรึกษาใครไม่ได้ ไม่ได้เลย ผมรู้สึกว่าเรื่องแบบนี้มันยังเกินความสามารถของผมไปหน่อย
“แม่งเอ๊ย” ผมเผลอสถบออกมาอย่างอดไม่อยู่ ก่อนจะพลิกตัวหนีมือไอ้ฟักแล้วดึงผ้าห่มคลุมหัวไว้
“ตัวมึงร้อนเนี่ย กูเช็ดตัวให้เฉยๆ หันมาก่อน ยังไม่เสร็จ” มันคงนึกว่าผมรำคาญมันอีก แต่แปลกที่มันไม่ได้ด่ากลับ “มึงกินยาแล้วใช่มั้ย”
“ฟัก”
“ว่า”
“กู”
“เออ ว่าไง”
“สรุปมึงมีแฟนมาแล้วกี่คนวะ”
ผมถามออกไปอย่างมึนๆ ทำไมกูต้องป่วยด้วยเนี่ย คอก็ยังมาเจ็บอีก วันแรกที่ผมกลับมาบ้าน ผมแค่หลับเป็นตายเพราะรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัว วันต่อมาผมก็ไม่มีจิตใจจะทำอะไร วันที่สามผมก็เสือกป่วย แม้ก่อนหน้านี้จะเริ่มมีเค้าลางอยู่บ้าง แต่จู่ๆมันก็ดันหนักอย่างคาดไม่ถึง
คุณแก้วถึงจะทักมา แต่เธอก็ยังไม่ได้มาหาผมที่นี้ ผมคิดว่าเธออาจจะอยากให้ผมได้มีเวลาในการจัดการความรู้สึกอย่างที่ผมขอไว้ หรือถ้าเธอคิดอย่างนั้น ไม่ก็ผมอาจจะแค่เดาไปเอง
“เอาที่เป็นตัวเป็นตนจริงๆ หรือเอาแบบที่พากันไปยิ้มไปเยเลยว่ะ”
“เออ กูผิดเอง” ผมพูดขำๆ “แต่กูโมโหมากเลย กูโมโหจริงๆนะ”
“โมโหเรื่อง”
“ถึงกูจะทำเป็นตลก ไม่ก็แสดงออกอย่างโง่ๆ แต่ไม่ใช่ว่ากูจะไม่โกรธไม่โมโหเป็นนะ กูแค่กูรู้ว่าในสายตาใครต่อใครกูก็แค่โง่”
แปลกที่มันไม่ได้ซักไซ้ผม แค่คอยตอบ และรอให้ผมเป็นฝ่ายที่จะเล่า แต่ผมก็ยังไม่ได้เล่าหรือลงรายละเอียดอะไร แค่บอกมันเฉยๆกับความค้างคาใจในเวลานี้เท่านั้น
“กูรู้สึกไม่ไหว กูพยายามแล้วแต่กูรู้สึกว่ากูน่าจะให้ความหวังเธอเองก่อนหรือเปล่า หรือเป็นเพราะอย่างนั้นด้วยกูเลยยิ่งสับสนว่ากูใช่ไหมที่ผิด หรือจริงๆแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้น กูแค่ กูไม่เข้าใจตัวเองตอนนี้ กูแค่รู้สึกว่ากูไม่ไหว กูรับไม่ได้ กลายเป็นกูที่โลเลใช่มั้ย กูกลายเป็นคนแบบนั้นใช่มั้ย กูกลายเป็นคนที่พูดแล้วผิดสัญญา ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้กูมั่นใจมาก กูงง กูไม่เข้าใจตัวเองว่ะ แล้วกูก็รู้สึกผิดแต่กูก็ยังอยากอยู่กับเธอ แต่มันก็มีจุดหนึ่งที่ทำให้กูไม่อยากเจอเธอ ทุกๆอย่างอาจจะไม่เป็นอย่างเดิมหรือเปล่า กูรู้สึกว่าจริงๆแล้วกูมันอ่อนหัดมากเลยวะ ต่อให้กูโตหรือแก่กว่านี้ แต่กลับกลายเป็นว่ากูกลับกากมาก กูรู้สึกว่ากูแม่งห่วยอะ กูไม่รู้ว่ะ กูไม่เข้าใจตัวเองเลย”
ผมพูดไม่หยุด ราวกับกักเก็บไว้มานาน ไอ้ฟักนอนอยู่ข้างๆ ขาของมันข้างหนึ่งก่ายอยู่ที่เท้าผม หลังมือมันเท้าแก้มไว้ ขณะมองไปที่ปลายเท้าของผมกับมัน อุณหภูมิของมันค่อยๆทำให้ผมอุ่นและชินกับสัมผัสตรงส่วนนั้น
“แล้วกูก็คิด มันมีแวบนึงที่เข้ามาว่า…กูอยากเลิกว่ะ”
ผมพูดโดยที่สายตายังคงหลับตาอยู่เพราะแสบตา รอบกายเงียบ คล้าย ไข้จะหนักขึ้นกะทันหัน แต่ตอนที่พูดออกไปสมองผมกลับแจ่มชัดมากอย่างไม่น่าเชื่อ ผมขมวดคิ้ว พยายามควบคุมลมหายใจ ไม่ให้ทุกอย่างพังลงหรือให้อารมณ์เป็นพายุเข้าอย่างสับสนแล้วกลายเป็นทำร้ายตัวเอง
“กูอยากเลิกกับคุณแก้ว…ถ้าเป็นมึง มึงจะทำยังไงวะ”
TBC
[25/12/2559]