เรื่อง :: บอกแล้วใช่ไหม ก่อนจีบให้ดูดีๆ ::
เขียน ::
ผู้ซึ่งหลงรักหญิงสาวในภาพวาด ::
บทที่ 31 : แค่คุณ
เมื่อไรไม่รู้ที่ริมฝีปากคุณแก้วเคลื่อนเข้ามากระทั่งค่อยๆประทับที่ข้างแก้มผมเบาๆก่อนเลื่อนลงมาที่ริมฝีปากของผม และเม้มเข้าช้าๆอย่างอ่อนโยน
คุณแก้วโน้มกายเข้ามาใกล้จนแนบชิด ผมถูกกระทำให้ค่อยๆเอนลง ราวกับมนต์สะกดระหว่างเราที่ทำไปอย่างไม่รู้ตัวแต่ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หากมีอะไรมาสะกิดเล็กน้อยก็อาจจะหายวับไปกับตา
คุณแก้วจูบผมอย่างเนิบช้า แพรขนตาของเธอปรือขึ้น ดวงตาของเธอมองผมอย่างลึกซึ้งก่อนจะค่อยๆหลับลง
ใจผมเต้นแรงอีกครั้ง ไม่ได้ผลักไส และไม่ได้ปฏิเสธ ผมเพียงอยู่นิ่งๆรับสัมผัสที่คุณแก้วค่อยๆมอบให้
มือผมโอบเอวเธอไว้อย่างไม่รู้ตัว และเป็นการโอบที่ประคองอย่างอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ
ผมไม่ได้มีความรู้สึก ไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากในหัวที่โล่งสนิท ความคิดนับพันรวมกันเป็นหนึ่งกระทั่งหายไปเฉยๆราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
หัวใจผมเต้นดัง เป็นจังหวะที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ มันชัดจนแทบกระเด็นออกมา
ผ้ากับน้ำแข็งหล่นลงข้างๆ คุณแก้วคร่อมทับผมไว้ และจูบอ้อยอิ่งอยู่อย่างนั้น
รสเบอรรี่หรือผลไม้ หรืออะไรสักอย่างที่หอมๆหวานๆจากริมฝีปากคุณแก้ว รสชาติที่ติดมาผมเผลอเลียริมฝีปากตัวเองอย่างลืมตัว
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าหน้าตาผมซื่อบื้อแถมดูโง่มากแค่ไหน คุณแก้วยิ้มน้อยๆ เธอเลื่อนขึ้นมาจูบแก้มผมอีกครั้ง แต่ละครั้งที่ริมฝีปากคุณแก้วประทับลง จะร้อนและนิ่มในเวลาเดียวกัน
จากแก้วซ้าย ไปแก้มขวา แล้วก็หน้าผาก คุณแก้วประคองใบหน้าผมไว้ด้วยมือทั้งสองข้างก่อนจะประทับริมฝีปากลงมาหาผมอีกครั้งและอีกครั้ง
มันไม่ใช่การจูบอย่างดูดดื่มลึกซึ้งอะไร แค่แตะลงมา สัมผัสกัน แต่ผมกลับรู้สึกคับแน่นไปทั้งใจ
เหมือนลูกโป่งที่ใกล้จะแตก อีกแค่นิดเดียวจะระเบิด
คุณแก้วสบตาผม ระหว่างนั้นเธอราวกับต้องการสื่อให้ผมรู้ถึงบางอย่าง ผมนิ่งค้างไปครู่ใหญ่ๆก่อนจะกระพริบตาปริบๆ กลืนน้ำลายดังอึก ต่อมาใบหน้าทั้งสองข้างก็แดงฉ่าไปหมด
“คุณต๊อบรู้สึกยังไง”
เธอสลัดคราบหญิงสาวทิ้งจนหมด เสียงที่ทุ้มต่ำเอ่ยถามผมเบาๆ
ผมบื้อใบ้อยู่อีกพักใหญ่ ได้แต่มองเธอแล้วมองเธออีกอย่างงุนงง
ไร้คำตอบ ผมไม่มีคำตอบให้เธอ นอกจากรู้สึกว่าข้างในกำลังระเบิดตูมตามกันอยู่
คุณแก้วขยับเข้ามาอีก จนเธอแทบจะนอนอยู่บนตัวผม ใบหน้าสวยหวานมีเสน่ห์ดูอ่อนโยน ก่อนจะจูบผมสามครั้ง เธอทำอย่างนั้นเรื่อยๆ แล้วถามผมอีกครั้ง “คุณต๊อบรู้สึกยังไง”
เมื่อตื่นเต้นหรือสะเทือนใจจนเกินไปผมจะติดอ้างหรือไม่ก็ยืนเป็นหมางงอยู่อย่างนั้นสักสองชั่วโมง ทว่าตอนนี้คุณแก้วกลับรอคอยคำตอบผมอยู่ไม่ย่อท้อ และรุกมากขึ้นทีละน้อย
“ผม ผม” ผมติดอ้าง ดวงตากระพริบอย่างร้อนรน “กำลังจะตาย”
คุณแก้วอมยิ้ม เธอส่ายหน้า ทำปากที่น่ารักจนผมอยากตายเข้าจริงๆ “คุณต๊อบไม่ตายหรอก”
“ผมหายใจไม่ออก”
“เป็นเพราะคุณต๊อบกำลังตื่นเต้นมาก” ผมพอจะรู้สาเหตุ ประการหนึ่งคือเพราะเสียงทุ้มๆของเธอนั่นเอง
“ผมรู้สึก” ผมกลืนน้ำลาย และพยายามหายใจให้ปกติ และผมก็พูดได้แค่คำว่า “ผม”
ผมยกมือก่ายหน้าผากก่อนจะถอนหายใจ คุณแก้วซุกใบหน้าเข้ามาดันแขนผมออก ผมพูดอย่างหมดแรง “ผมยอมแล้ว”
คุณแก้วหยุดชะงัก แววตาเธอสั่นเล็กน้อยแต่กลับมีประกายขึ้นมา ผมพูดอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ตัวยวบนอนลงไปอย่างหมดแรง มือลดลงก่อนสบตาเธอ “ผมยอมแล้วครับคุณแก้ว”
“ผมพยายามแล้ว แต่ไม่ว่าคุณแก้วจะเป็นยังไง ผมก็ยังตัดใจไม่ลงสักที”
ผมพูด แปลกที่ครั้งนี้กลับไม่เขินอายแต่เป็นความรู้สึกแท้ๆที่อยากจะบอกให้รู้ “ผมคิดถึงคุณ”
ผมบอก “คิดถึงตลอดเลย”
น้ำแข็งในผ้าละลายหมดแล้ว ละลายจนพื้นเปียก ผมยังคงประคองคุณแก้วไว้อย่างไม่รู้ตัวและไม่กล้าผลักไสหรือขขยับกายใดๆ เป็นเพราะว่ากลัวว่าเธอจะเจ็บข้อเท้า
ระหว่างที่เรายังคงสบตากัน ผมได้ยินเสียงลมไหวๆกับใบไม้ที่พัดอยู่ด้านนอก มันทั้งสงบและเงียบ
ผมคิดอะไรไม่ออก
เนื้อตัวผมมอมแมม แต่เธอดูไม่สนใจจุดนั้นสักนิด
ผมไม่รู้ว่าเรามองกันและกันอยู่อย่างนั้นนานแค่ไหน แต่สุดท้ายความรู้สึกทั้งหลายที่ผ่านมากลับเปล่าประโยชน์ การที่ผมโกรธเธอกลับหายไปง่ายๆอย่างน่าโมโห ผมรู้ตัวว่าผมเป็นผู้ชายมาตลอด แต่มาครั้งนี้เองที่ทำให้ผมสับสนกระทั่งผมไม่อาจฝืนใจตัวเองได้อีกไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร
“แก้วชอบคุณต๊อบ” คุณแก้วพูดขึ้น เธอสบตาผมอย่างแน่วแน่ น้ำเสียงทั้งคมชัดจริงจังและชัดเจน มีความนุ่มนวลแต่กลับฟังแล้วหนักแน่น
“ไม่ว่ามันจะเป็นฉันชอบคุณ”
“หรือผมชอบคุณ”
“มันก็แค่คนๆหนึ่งกับคนอีกคนหนึ่ง…แค่นั้นเอง”
“คุณแก้ว” ผมพูดหลังจากเราสบตากันอยู่นาน “ยังเจ็บข้อเท้าอยู่มั้ยครับ”
คุณแก้วกระพริบตา วูบหนึ่งในความโรแมนติกเมื่อครู่หายไปทันที เธอหัวเราะก่อนจะหยิกแก้มผม “คุณต๊อบนี่”
ผมยอมรับว่าผมเขินมาก เขินจนทำอะไรไม่ถูก ฉะนั้นไอ้การถามเรื่องงี่เง่าไปเมื่อกี้นั่นก็คือการหลีกเลี่ยงความเขินอายอยู่นั่นเอง
ถูกมองด้วยสายตาแบบนั้น คำพูดแบบนั้น
ไม่ให้ผมเขินจนเผลอทำตัวป้ำเป๋อๆก็ดีแค่ไหนแล้ว
พยายามตีหน้านิ่ง ไม่ยิ้มจนเป็นบ้า คุณแก้วไม่รู้หรอกว่ามันยาก ยากมาก
“บางทีแก้วก็อยากพูดคะขา คุณต๊อบไม่ว่าใช่มั้ยหื้อ” เธอยังไม่ยอมลุกจากตัวผม น้ำเสียงอ้อนๆดัดให้หวานลง เธอกลับมาเป็นสุดสวยของผมอีกครั้ง
“โอ๋ น่ารักจะตายครับ” ผมว่า พยักหน้าอย่างเอาอกเอาใจเธออย่างที่สุด คุณแก้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะบิดแก้มผมอีกครั้งราวกับหมั่นเขี้ยวนักหนา
“แล้วถ้าบางที” เธอกระซิบเบาลงอย่างมีเลศนัย นิ้วเรียวจิ้มลงบนอกผมแล้วไต่ขึ้นช้าๆ ก่อนน้ำเสียงหวานๆจะเปลี่ยนเป็นทุ้มต่ำ “แก้วอยากพูดคะขาแบบนี้กับคุณต๊อบ…จะได้หรือเปล่า”
ผมนิ่งไปอึดใจ ก่อนจะทำหน้าเอ๋อๆ ผมกระพริบตาถี่ๆ ได้แต่อ้ำอึ้งสำลักน้ำลายตัวเอง ขนลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “ดะ ได้สิครับ”
คุณแก้วหัวเราะคิกคัก เธอเหมือนกำลังสนุกอย่างบอกไม่ถูกกับการเปลี่ยนอารมณ์เสียงไปมาให้ผมตั้งตัวไม่ทันเล่น
ผมหวังว่านานๆไป เอ่อ เดี๋ยวก็ชิน
ผมยกมือเกลี่ยหยดน้ำตาที่คลออยู่เล็กน้อยข้างๆปลายตาคุณแก้ว
ผมจะไม่ถามเธอว่าทำไม หรือเป็นเพราะอะไร ผมรอให้เธอพร้อมที่จะเล่าและเปิดใจบอกทุกเรื่องให้ผมเอง
คุณแก้วกลับไปพูดอย่างเดิม ด้วยน้ำที่ดัดเล็กน้อย ผมเดาเอาว่าเธอน่าจะดัดเสียงเฉพาะตอนแต่งตัวสวยๆและอยู่กับผม แต่ถ้าแต่งอีกแบบก็คงพูดอีกแบบ ซึ่งมันคงจะเป็นอย่างนั้น ผมพยายามจะทำความเข้าใจให้ได้มากที่สุดเพื่อเธอ
“คุณต๊อบน่ะ ใจร้ายมาก”
ผมมองอย่างงุนงง “ครับ?”
“ไม่มาง้อแก้วเลย”
ผมร้องอ้อในใจและแอบอุทานคำว่าฉิบหาย
คุณแก้วพูดต่ออย่างแง่งอน “ผู้ชายอะไร ตอบก็ช้า ทักไปก็ไม่ตอบ ไม่อ่าน ขี้งอนกว่าแก้วอีก”
“เอ้อ อ่อ อ่า ผม”
ผมติดอ่างอยู่พักใหญ่ ไอ้เชี้ย ทำไมความรู้สึกเหมือนตอนพ่อถูกแม่จับได้ว่าแอบไปซื้อมอเตอร์ไซค์โดยไม่บอก
“แต่แก้วดีใจมากเลยนะ” เธอเกลี่ยริมฝีปากผมเล่น “พอเวลาแก้วต้องการคุณต๊อบ คุณต๊อบก็จะมาช่วยทันทุกที”
“พระรองก็แบบนี้แหละครับ” ผมพยักหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ
“หื้อ” คุณแก้วเลิกคิ้ว “งั้นแก้วก็เป็นพระเอกน่ะสิ” แล้วทำไมคุณแก้วต้องยิ้มกรุ่มกริ่ม
“นางเอกสิครับ คุณแก้วต้องเป็นนางเอก” ผมรีบแก้ให้เธอ คุณแก้วคนสวยของผมอย่างไรก็นางเอกครับ
“แล้วพระเอกล่ะ?”
“มันตายแล้วครับ คุณแก้วเลยต้องได้กับผมแทน”
คุณแก้วหัวเราะ บทสนทนากลับเข้าสู่ความปกติ ผมรู้ว่าผมเขินเกินไปถึงได้เล่นมุกห้าบาทสิบบาทแบบนี้ออกมากลบเกลื่อน
นั่งไปนั่งมาผมจึงเริ่มรู้สึกได้ว่าร่างกายกว่าครึ่งซีกชาหนึบหนับ “เอ่อคุณแก้วครับ”
สภาพในตอนนี้ คุณแก้วกำลังนอนทับผมอยู่ไปครึ่งตัว และมือผมก็กำลังวางอยู่บนเอวของเธอด้วย
กล้ามเนื้อแน่น เห็นได้ชัดว่าไร้ไขมันส่วนเกิน
ราวกับว่านึกขึ้นได้ นั่นแหละ หลังจากความโรแมนติกเมื่อครู่หายไป ความจริงจึงเริ่มปรากฏให้ได้รู้สึกแทน
คุณแก้วเลิกคิ้ว เธอเอียงใบหน้าเล็กน้อย ยิ้มรับเมื่อผมเรียก
อ๊อย
คุณแก้วน่ารักจังเลย
อย่าเอียงแบบนั้น อย่ามองแบบนั้นบ่อยสิครับ
นั่นยิ่งทำให้คุณแก้วโน้มเข้าหาผมมากขึ้น เธอวางมือบนหน้าอกของผม รอยยิ้มยิ่งหวานขึ้นทุกที “ว่าไงคะ”
ไม่ ต๊อบ อย่าหลงประเด็น
ผมค่อยๆดันตัวเองเพื่อลุกขึ้น แต่คุณแก้วดูไม่ยอม เธอกดผมลงแล้วหัวเราะต่ำๆก่อนจะซุกใบหน้าลงมา
“ผมหนักนะครับคุณแก้ว” ผมแกล้งโอดโอย เมื่อเห็นเธอกำลังอ้อน
แหมะ
เกิดมาก็เพิ่งเคยมีคนสวยอยากซุกอกขนาดนี้
ถ้าจะให้โกหกว่าไม่รู้สึกดี ก็ถือว่าหน้าด้านมาก
แต่คุณแก้วครับ ใจผมมันจะเต้นผิดจังหวะอีกแล้ว
และแขนผมกระทั่งนิ้วตอนนี้ก็ช้าไปหมด ผมมองเธอ คุณแก้วเงยหน้าเล็กน้อยแล้วสบตาผม โดยที่เธอยังซุกผมอยู่ราวกับแมวเมี้ยวตัวใหญ่…อืม…แต่ถ้าเพื่อคุณแก้ว ผมจะยอมโดนเหน็บมันกินสักพักก็ได้
คุณแก้วบางครั้งเธอก็ดูเปราะบาง บางครั้งก็ดูเข้มแข็งจนน่าทึ่ง
ผมบอกไม่ถูก แต่ถึงอย่างนั้นคุณแก้วในสายตาผมดูน่าทะนุถนอมอยู่ดี
“แล้วจากนี้จะยังไงต่อดี”
คุณแก้วกระซิบเบาๆข้างหูผม เธอโคตรอ้อนเลย อ้อนมากๆ อ้อนจนผมแทบจะไม่มีแรง
“จากนี้ก็มีเราไงครับ”
คุณแก้วแกล้งทำเสียงเลี่ยน แต่หน้าเธอกลับแดงไปแล้ว
เธอหน้าแดง หน้าแดงไม่พ้นกระทั่งจมูกขาวๆ
“โทษฐานที่คุณต๊อบปล่อยให้แก้วเหงาอยู่คนเดียวตั้งนาน แก้วจะเอาคืนให้หมด”
ตัวผมร้อนขึ้นเรื่อยๆ คุณแก้วลากนิ้วช้าๆจากปลายคางผมลงมาถึงหน้าอก ราวกับว่าเสื้อผ้าก็ไม่สามารถบดบังความร้อนจากปลายนิ้วของคุณแก้วได้เลยสักนิดเดียว
“แค่นี้ผมก็ไปไหนไม่ได้แล้วนะครับ”
ผมตีหน้าเศร้า อีกอย่างท่าทางของเราสองคนในตอนนี้มันชวนให้คิดไม่ดีเอามากๆ โดยเฉพาะการที่คุณแก้วทับผมอยู่แบบนี้
ไม่ดีนะครับคุณแก้ว ก็รู้ว่าช่วงนี้ผมยิ่งฮอร์โมนดี พลุ่งพล่านอย่างกับเด็กหนุ่มสิบเจ็ดสิบแปด
“คุณแก้วอย่าซนสิครับ”
ผมกุมมือคุณไว้ มือเธอนุ่มมาก แถมยังสวยที่สุด คุณแก้วปล่อยให้ผมกุมมือไว้แต่รอยยิ้มเธอกลับเผยกว้างกว่าเดิม “ก็แก้วคิดถึงคุณต๊อบ คิดถึงมาก อยากกอดก็มาก”
ผมรวบเอวเธอเข้ามาก่อนจะกอดไว้แน่นๆ เรานอนตะแคงอยู่โดยที่คุณแก้วเปลี่ยนมาอยู่ในอ้อมกอดผมแทน ผมโยกตัวเบาๆจากนั้นกดจมูกลงบนผมของเธอ “ผมก็คิดถึง”
คุณแก้ววางมือบนแขนของผม เรานอนกอดกันเงียบๆ พอเป็นอย่างนี้แล้วผมรู้สึกพองในหัวใจไปหมด
ไม่ใช่ความเขินอาย แต่เป็นความสบายใจ อิ่มเอมที่ผมเองก็ไม่เคยมี
ปลอดภัย เงียบ สงบ และยังอยากอยู่นี้ไปตลอด
“ตอนนี้แก้วมีความสุขจัง” คุณแก้วซุกใบหน้าลงมา ผมไม่เห็นแววตาของเธอ “สุขจนกลัว”
ผมกระชับอ้อมแขนก่อนจะพูดเบาๆ “ผมไม่หล่อ มีคุณแก้วหลงเข้ามาคนเดียวเนี่ยแหละครับ”
คุณแก้วหัวเราะคิกคัก พอเห็นเธอยิ้มผมก็จึงพูดต่อ “คุณแก้ว”
“พี่ชายผมกำลังจะแต่งงาน”
ผมรู้ว่าเธอกลัว กลัวหลายๆอย่าง สังคม ครอบครัว รวมไปถึงระหว่างเรา แม้เธอจะไม่พูดออกมา
“เดี๋ยวผมก็จะกลายเป็นคุณอาแล้ว ไม่รู้จะได้อุ้มหลานเมื่อไร”
“ในงานไม่ใหญ่มาก มีแค่ครอบครัว ญาติ เพื่อนสนิท”
“แค่คนที่เรารัก”
ผมรู้สึกว่าคนในอ้อมแขนตัวเกร็งขึ้นมา คล้ายจะได้ยินเสียงสะอื้นที่กลั้นไว้ เราก็แค่กอดกันไว้อย่างนี้ กระซิบคุยกันเบาๆ คุณแก้วจับมือผมแนบไปกับใบหน้าของเธอ
“คุณแก้วช่วยให้เกียรติไปเป็นคู่ในงานให้ผมได้ไหมครับ”
TBC
[2/06/2560]