เรื่อง :: บอกแล้วใช่ไหม ก่อนจีบให้ดูดีๆ ::
เขียน ::
ผู้ซึ่งหลงรักหญิงสาวในภาพวาด ::
บทที่ 30 : มารยาคนงาม
ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการงัวเงียก่อนจะลุกพรึ่บเมื่อสมองจำได้ว่าเมื่อคืนทำอะไรค้างไว้
เชี้ย
คุณพระคุณเจ้า
ผมนวดขมับ ลูบหน้าลูบตา ก่อนจะรีบดูโทรศัพท์ใจตุ๊มๆต่อมๆและด้วยความตื่นเต้นนี้เองผมถึงเผลอกดตัดสายคุณแก้วไป
ผมไม่กล้าแม้แต่จะเอามาแนบหูด้วยซ้ำว่าคุณแก้วหลับไปหรือยัง ผมคาดเดาเอาเองว่าคงหลับแล้ว และอาจจะยังไม่ตื่นด้วยซ้ำ ฉะนั้นก็…ผมควรจะไปอาบน้ำให้หายมึนสักที
“อ้าว วันนี้ตื่นเช้านะต๊อบ”
ผมหัวเราะ ทำหน้าตาทะเล้น “เป็นลูกขยันๆ ช่วยพ่อไง”
ผมช่วยงานด้านล่างไปสักพัก โดยที่จิตใจก็ไม่ได้จดจ่อกับเวลานี้สักเท่าไร นอกจากคุณแก้ว
วันนี้พี่ติ๊กพาพี่นีไปลองชุด กับมากมายหลายสิ่งที่พวกเขาต้องเตรียม ผมไม่ได้ไปช่วยเลือกอะไรกับเขาด้วยเลยได้แต่โบกมือหยอยๆให้ไอ้พี่ติ๊กไป
สุดท้ายพอทำทุกอย่างเสร็จ ผมก็มานั่งเหม่ออยู่ที่ห้องครัวกับข้าวเกรียบกุ้งที่แกะแล้ว เคี้ยวไปก็ไม่ได้รู้รสชาติอะไร ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
เนื่องจากครึ่งวันที่ผมไม่ได้พกโทรศัพท์ไว้ กลับมาดูอีกทีใกล้ตอนเย็นๆกลับเห็นเบอร์คุณแก้วเข้ามาเป็นสิบๆสาย ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัยทั้งงุนงง เกิดมาก็เพิ่งเคยมีมิสคอลจากคนสวยเยอะขนาดนี้
ไม่สิ เออ ช่างแม่ง ยังไงคุณแก้วของผมก็สวยจริงๆนั่นแหละ
โอ๊ย
สับสนโว้ย
แต่คุณแก้วไม่น่าใช่คนโทรเล่นๆหรือมีนิสัยแบบนั้น พวกข้อความก่อนๆที่เธอส่งมาก็ไม่ได้ไร้สาระหรือก่อกวน ดูเป็นผู้ใหญ่ด้วยซ้ำ ฉะนั้นผมจึงรีบโทรกลับไปเผื่อว่ามีอะไรเกิดขึ้น
ได้ยินแต่เสียงตู๊ดๆ แต่เธอไม่รับสักที ผมเริ่มกระวนกระวายใจอยู่ไม่สุขอย่างแท้จริง
“หรือว่าล้มว่ะ” ผมเดินไปเดินมา เกาหัวอยู่สองครั้งแล้วพึมพำ หน้ายังเปื้อนน้ำมันเครื่องอยู่นิดหน่อย “หรือมุ้งขาด ยุงเข้า”
ผมลองโทรไปอีกครั้ง คุณแก้วก็ยังไม่รับ
หรือจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นจริงๆหรือเปล่า
ผมตัดสินใจหยิบช็อปพ่อมาใส่ลวกๆคลุมทับเสื้อกล้ามย้วยๆของตัวเอง แล้วถือกุญแจรถขับออกไปหาเธอที่บ้าน ในตอนแรกผมจะไปที่ร้านของคุณแก้ว แต่เดาดูแล้วผมว่าเธออาจจะอยู่บ้านมากกว่า ไม่อย่างนั้นคงไม่โทรหาผมขนาดนี้
ทันทีที่ถึงบ้าน ประตูบ้านคุณแก้วล็อกไว้ ผมจอดรถก่อนลงไปกดกริ่งที่บ้านของเธอพร้อมกับโทรไปด้วย
ยืนอยู่สักพัก ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำบ้าอะไรอยู่วะ แต่ผมกลับเป็นห่วงเธอจริงๆจนควบคุมตัวเองไม่ได้ขนาดนี้
ไม่นาน โทรศัพท์ก็ติด ผมได้ยินเสียงคุณแก้วเบาๆ (คุณต๊อบ)
เสียงเธอเบามาก แถมดูเหมือนกำลังเจ็บอยู่ด้วย ผมรีบถามกลับไป “คุณแก้วเป็นอะไรครับ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ผมเห็นคุณแก้วโทรมา ตอนนี้ผมอยู่บ้านคุณแก้วแล้ว”
(แก้วอยู่ในบ้าน…แก้ว อ๊ะ)
“คุณแก้ว?” เมื่อได้ยินเสียงร้องของคุณแก้ว สติสตังผมหลุดทันที ผมตัดสินใจอย่างโง่เง่าที่สุดในชีวิต ปีนเข้าบ้านเธออย่างคล่องแคล่วว่องไว ผมไม่รู้ว่าตัวเองไปเอาเรี่ยวแรงขนาดนี้มาจากไหน แต่ดูชำนาญจนหากยามหมู่บ้านผ่านมาเห็นอาจเกิดเรื่องได้
เป็นครั้งแรกจริงๆที่ต๊อบแต๊บมันทำเพื่อใครสักคนขนาดนี้ พระรองจริงโว้ย!
เรื่องก่อนหน้านี้ที่ทำให้ผมหมางใจกับเธอหายวับไปทันที ผมรู้แค่ว่าตอนนี้ผมเป็นห่วงเธอมาก
ประตูบ้านไม่ได้ล็อก ผมเปิดเข้าก่อนเรียกหาเธออย่างหอบๆ “คุณแก้วอยู่ไหนครับ”
ผมได้ยินเสียงตรงบันไดใกล้กับห้องครัว พอไปถึงผมเห็นคุณแก้วนั่งอยู่ เธอแต่งหน้าอ่อนๆ คิ้วเฉียงขึ้นเล็กน้อย กับริมฝีปากสีชมพูๆคล้ายผิวแก้มของเธอ ผมคุณแก้วเกล้าขึ้นหลวมๆ ส่งผลให้ปอยผมหล่นลงมาอย่างไม่เป็นระเบียบแต่กลับดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก
ผมใจเต้นตึก แม้กระนั้น ผมก็ยังตื่นเต้นอยู่ดีเมื่อได้คุณแก้วอีกครั้ง
เธออยู่ในชุดลำลอง เสื้อโปร่งๆ สีขาวกับแขนสามส่วน บันได้ประมาณขั้นที่สาม ผมเห็นคุณแก้วกุมข้อเท้าไว้ ใบหน้าซีดขาว ริมฝีปากก็เริ่มซีดตามไปด้วย
“คุณต๊อบ”
“คุณแก้วเป็นอะไรครับ”
ผมเดินเข้าไปหา คุกเข้าอยู่ตรงหน้าคุณแก้วแล้วมองเธออย่างเห็นห่วง ที่ข้อเท้าคุณแก้วบมวขึ้นมาจนเห็นเส้นเลือดสีเขียว “แก้วล้มแล้วข้อเท้าพลิก”
คุณแก้วพูดไปคิ้วเรียวขมวดไป “…เจ็บมากเลย…แก้วลุกไม่ไหว แก้วไม่รู้จะทำยังไงก็เลยโทรหาคุณต๊อบ”
ผมเงยหน้าขึ้น แววตาคุณแก้วสั่นน้อยๆ หยดน้ำคลอที่ดวงตาคู่สวยของเธอช้าๆ “…แก้วแค่ไม่มีใครเลย”
คุณแก้วดูผอมลงเล็กน้อย เธอดูไม่สดใสอย่างวันแรกที่เราเจอกัน เพราะอย่างนั้นจึงยิ่งไม่มีแรงหรือเปล่า
ผมทำให้เธอเป็นแบบนี้หรือเปล่า
ผมมองที่ข้อเท้าคุณแก้วอย่างรู้สึกผิด ทั้งๆที่ผมไม่ได้เป็นคนผลักเธอด้วยซ้ำ แต่ผมกลับรู้สึกผิก ฉิบหาย
“ลุกไหวมั้ยครับ”
ตอนนี้คุณแก้วดูเปราะบางมากจนผมหักใจทิ้งเธอไม่ลง
บ้าเอ๊ย
ผมเคยข้อเท้าพลิกสมัยประถม และมันเจ็บโคตรๆ เจ็บแบบไม่ใช่แค่พลิกนิดเดียวแบบในละคร ที่ไม่กี่นาทีก็เดินต่อได้ แต่เสือกเกือบอาทิตย์กว่าผมจะกลับมาเดินได้แบบคล่องปร๋อ ตอนนั้นเท้าผมก็บวมๆเขียวๆแบบคุณแก้วเนี่ยแหละ เพียงแต่เท้าเธอสวยกว่าผมแถมยังนุ่มด้วย
นี่กูคิดไรเนี่ย
คุณแก้วส่ายหน้า ยิ่งเห็นน้ำตาผมยิ่งใจสั่น รีบพูดปลอบเธอ “เดี๋ยวผมไปเอายานวด เอ่อ คุณแก้ว คุณแก้วมียานวดใช่มั้ยครับ พวกคลายกล้ามเนื้อ น้ำแข็ง อะไรแบบนี้”
“อยู่ในครัวคุณต๊อบ ตรงชั้นบน”
ผมเดินเข้าไปในครัว หาน้ำแข็งกับผ้า แล้วก็ถ้าจำไม่ผิด เหมือนจะเคยเห็นตู้ยาคุณแก้วอยู่แถวๆนั้นด้วยแต่แยกไว้อีกฝั่ง พอได้ทุกอย่าง ผมก็รีบเดินกลับมาหาคุณแก้วที่บันได
“ผม เอ่อ ผมโง่มาก”
การสารภาพของผมในด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นส่งผลให้คุณแก้วหัวเราะน้อยๆ ผมหน้าแดง ก่อนจะพูดอ้อมแอ้ม “เรา เราน่าจะ ผมจะประคบน้ำแข็งไว้ก่อนนะครับ”
คุณแก้วพยักหน้า เธออมยิ้มน้อยๆ ผมเหลือบขึ้นไปมองเธอสลับกับข้อเท้าขาวๆอย่างประหม่า กูควรมองเท้าเธอ มองแค่เท้า มองแค่เท้าพอ
ผมสะดุ้งเมื่อคุณแก้วจู่ๆก็ยกมือแตะแก้มผม ผมชะงัก ก่อนจะหัวเราะเก้อๆ “เปื้อนน้ำมันครับ เดี๋ยวเลอะนะ”
คุณแก้วไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ใช้ปลายนิ้วเช็ดแก้มผมต่อไป
ผมแข็ง ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงขยับไม่ได้ แต่ผมแข็งไปแล้วครึ่งตัว
“ขอบคุณที่มาหาแก้วนะ”
เธอยังคงพูดด้วยน้ำเสียงแบบครั้งแรกที่เราพบเจอกัน ไม่ใช่เสียงผู้ชาย ผมพยักหน้า ยิ้มให้คุณแก้วอย่างใจดี “ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ผมเอ่อ เหงื่อเต็มเลย คุณแก้วไม่ถือนะ”
คุณแก้วยิ้มแล้วส่ายหน้า เธอเช็ดคราบเปื้อนที่แก้มผมอีกข้าง
ระหว่างความเย็นของน้ำแข็งที่ประคบอยู่ และความเงียบแปลกๆ กับบทสนธนาที่ค่อยๆต่อกันไป น้ำหอมของคุณแก้วปะทะจมูกผมจางๆ
“คุณต๊อบไว้หนวด”
“พอดีช่วงนี้ขี้เกียจน่ะครับ”
“หล่อมากเลยค่ะ”
“คุณแก้ว” ผมเรียกชื่อคุณแก้วอย่างประหม่า ก่อนจะนั่งลงตรงบันไดเป็นเพื่อนเธอ มือก็คอยถือผ้าห่อน้ำแข็งประคบเท้าคุณแก้วไว้
“เมื่อคืน” จู่ๆหลังจากเงียบไป พวกเราก็พูดขึ้นมาพร้อมกัน
“เอ่อ” ผมพูด “คุณแก้วก่อนเลยครับ”
“เมื่อคืน แก้ว”
เธอเหมือนจะอยากพูดบางอย่างแต่ก็พูดไม่ออก คุณแก้วยังคงสวยเหมือนเดิม แต่ในความสวยนั้นกลับเริ่มชัดเจนถึงเค้าโครงอีกด้านหนึ่งด้วยเช่นกัน
แต่ถึงรู้อย่างนั้นผมก็กลับยังใจเต้นแรงกับเธออยู่ดี
“คุณแก้วหลับใช่มั้ยล่ะครับ” ผมแกล้งพูดล้อ “ผมก็อุตส่าห์รอฟังคุณแก้วพูดทั้งคืน”
คุณแก้วมีสีหน้าแปลกใจปนรู้สึกผิด คิ้วเธอขมวดไปขมวดมา ริมฝีปากเม้มอย่างน่ารัก ผมเห็นแล้วใจสั่นหวิวๆอย่างอดไม่อยู่ อยากจะก้มลงไปจูบสักที “จริงเหรอคะ”
“จริงสิครับ”
คุณแก้วกัดริมฝีปาก ก่อนจะยิ้มเหมือนงอนๆผม “แก้ว…ไม่จริง แก้วว่าคุณต๊อบหลับ”
“คุณแก้วนั่นแหละหลับ”
“แก้วไม่ได้หลับนะ”
ระหว่างที่เถียงกัน ผมก็ยื่นผ้าให้เธอถือก่อนจะค่อยๆประคองคุณแก้วขึ้น “เกาะไหล่ผมไว้นะครับ”
“แล้วคุณแก้วตกลงมาอีท่าไหนครับเนี่ย” คุณแก้วทำตามอย่างว่าง่าย ผมอยากเกิดมาตัวใหญ่กว่านี้อีกนิดนึงเผื่อจะรวบตัวเธอแล้วอุ้มขึ้นบ่าให้มันรู้แล้วรู้รอด
“แก้วใจลอยไปหน่อย”
“คุณแก้วซุ่มซ่าม แบบนี้เป็นอะไรขึ้นมาอีก ถ้าเกิดไม่มีผมจะทำยังไงหื้อ”
ผมเผลอพูดไปก่อนจะนึกได้ว่าไม่ควรพูดเลย สัด ต๊อบ!
ผมพาเธอไปนั่งที่โซฟา ผมยกเท้าคุณแก้วขึ้นมาวางบนตักก่อนจะประคบให้เธอต่อ คุณแก้วร้องเบาๆ ตอนแรกผมนึกว่าเธอเจ็บ แต่กลายเป็นว่าคุณแก้วพูดว่า “คุณต๊อบ ไม่เป็นไรค่ะ”
ใบหน้าของเธอเริ่มเป็นสีชมพูจางๆ ดวงตาเขินอายอย่างชัดเจน
“ไม่เป็นไรครับ”
นิ่ม
นิ่มมาก
คนอะไรเท้านิ่มได้ขนาดนี้
คุณแก้วหายใจสั่นนิดหน่อย ผมจึงพยายามเบามือลง “คุณแก้วยังเจ็บมากมั้ยครับ”
“นิดหน่อยค่ะแต่…จั๊กจี้มากกว่า”
“อ้อ”
จบ
แล้วเราก็เงียบกันทั้งคู่
ผมจดจ่อไปกับการประคบน้ำแข็งให้คุณแก้ว
คุณแก้วนั่งมองผมอยู่ ผมรู้สึกได้ว่าสายตาของเธอจ้องอยู่และการสัมผัสแต่ละครั้งทำให้เธอสั่นเล็กน้อย ในบ้านไม่ได้เปิดแอร์ เปิดเพียงหน้าต่าง ซึ่งอากาศค่อนข้างดีและลมโปร่งสบายจนผมคุณแก้วปลิวช้าๆ ภาพนั้นดูสวยมากจนผมใจสั่นอีกครั้ง
คุณแก้วไม่พูดถึงเรื่องตอนนั้น ผมก็ไม่ได้พูด
ต่างฝ่ายต่างทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
การที่ผู้ชายตัวถึกๆแบบผมมานั่งทำอะไรแบบนี้ พูดไปไอ้ฟักกับไอ้พี่ติ๊กต้องทำหน้าไม่เชื่อแน่ๆ พวกมันไม่รู้หรอกว่าต๊อบคนนี้สุภาพบุรุษขนาดไหน
ระหว่างที่ผมก้มหน้าก้มตา จู่ๆนิ้วก้อยข้างหนึ่งก็ยื่นมาตรงหน้า
ผมค่อยๆเงยขึ้นไปมอง เห็นคุณแก้วกำลังทำหน้าตาน่าสงสารอยู่ ใบหน้าสวยๆมีแววเสียใจและลังเลราวกับกลัวจะถูกลงโทษอะไรแบบนั้น “แก้วไม่ดี”
คนเราบางทียิ่งโต ยิ่งทำเรื่องน่ารักได้แบบโคตรน่ารัก มันเป็นแบบนี้เองสินะ
“สิ่งที่แก้วทำมันแย่มาก แก้วฝืนใจคุณต๊อบ มันเป็นเรื่องที่ให้อภัยแทบไม่ได้ แต่” เสียงคุณแก้วเพี้ยนลง อาจเป็นเพราะเธอกำลังฝืนกลั้นน้ำตาอยู่ กระทั่งเสียงนั้นกลายเป็นทุ้มต่ำอย่างที่ผมได้ยินเมื่อคืน “ดีกันได้มั้ย”
ผมกลืนน้ำลาย สะกดกลั้นอารมณ์บางอย่าง ผมจะไม่น้ำตาไหลง่ายขนาดนั้นแค่กำลังปวดกระบอกตาทั้งสองข้างมากอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ผมถอนหายใจ ก่อนจะเรียกชื่อเธอ “คุณแก้ว”
“คุณต๊อบ แก้วทำได้แค่ขอโทษ ขอโทษกับอารมณ์ชั่ววูบแต่ความรู้สึกทั้งหมดของแก้วมันเป็นเรื่องจริง” คุณแก้วพูดด้วยเสียงจริงของเธอ ทำให้ผมหยุดหายใจเป็นช่วงๆ และพยายามปรับตัวอย่างสุดความสามารถ
“ผมแค่ ผมตกใจ เพราะว่าคุณแก้วสวยมาก” ประโยคนี้เหมือนกลับมาฉายซ้ำ “แต่ต่อมาคุณแก้วก็เปลี่ยนเป็นอีกแบบ มันค่อนข้างเร็วไป ผมยังสับสน”
ผมพูดช้าๆ พยายามลำดับความรู้สึกให้ชัดเจนที่สุด
เธอปาดน้ำที่ซึมออกมา ทำให้ใบหน้าเลอะเครื่องสำอางเล็กน้อย คุณแก้วเอียงหลบผม
ผมกลับไม่โกรธเธอเลย
กลายเป็นว่าผมไม่อยากโกรธเธอเลย
ผมกำลังสงสารเธออยู่
“มันดู...แปลกๆ” คุณแก้วอมยิ้ม “ใช่มั้ย”
“ไม่หรอกครับ” ผมยิ้มตอบ “คุณแก้วก็ยังน่ารักอยู่”
“ก็คุณต๊อบเป็นแบบนี้” คุณแก้วหลุบตาลงก่อนจะสบตาผมอีกครั้ง “แล้วจะให้แก้ว...ตัดใจได้ยังไง”
“คุณแก้ว” ผมยิ้มให้เธอ สายลมตอนเย็นพัดผ่านหน้าไป “เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้นะครับ”
คุณแก้วหลุบตาลงก่อนจะหัวเราะ “ขนาดนี้แล้ว แก้วเป็นเพื่อนคุณต๊อบไม่ไหวหรอก”
เธอส่ายหน้าไปมา ราวกับว่าเรื่องที่ผมบอกเป็นเรื่องล้อเล่นอย่างรุนแรง
“แก้วไม่ได้อยากเป็นเพื่อนคุณต๊อบ”
เธอขยับเข้ามาหาผม ระยะห่างของเราลดลงจนเกือบหายไป ผมนั่งนิ่งเป็นหุ่นเมื่อคุณแก้วโน้มใบหน้าลงมาใกล้จนไอร้อนสัมผัสแก้ม
“...ได้ยินหรือเปล่าครับ”
TBC
[15/02/2560]