39.มีนกลับมาบ้านหลังจากพวกเรามาได้สองวัน แล้วผมก็ได้เห็นว่าน้องบัวติดมีนมากจริง ๆ อย่างที่พี่เลี้ยงว่า เพราะน้องยิ้มทันทีที่เห็นหน้าเขา แถมยังเป็นฝ่ายยื่นมือเข้าไปหาเพื่อเรียกร้องให้อุ้มเองอีกต่างหาก จุ๊ดูตื่นเต้นมากที่เห็นน้องทั้งยิ้มทั้งเล่นกับมีน เลยเดินเข้าไปขอเคล็ดลับเอาใจเด็กกับเขา ขณะที่ผมเลือกจะเดินเลี่ยงออกมายืนดูอยู่ห่าง ๆ เพื่อลดความอึดอัดใจระหว่างผมกับเขา รวมทั้งบิ๊กด้วยอีกคน
ผมไม่อยากให้เกิดปัญหาเหมือนกับคราวก่อน และรู้สึกกลัวมากหากเรื่องมันจะลุกลามไปจนเข้าหูพวกผู้ใหญ่เข้า
“จะกลับแล้วเหรอ” จุ๊หันไปถามคนที่ทำท่าจะวางน้องลงในเปล
“ครับ ขอตัวไปเก็บข้าวของก่อน” เขาบอกแล้วยกมือขึ้นลูบหัวน้องบัว “เดี๋ยวตอนเย็นคงมีเลี้ยงมื้อเย็นที่สวนเหมือนทุกที”
เขาบอกแล้วแยกตัวออกไปทันที ผมเลยต้องทำหน้าที่อธิบายกับจุ๊แทนว่าพ่อแม่ของพวกเรามักทำอย่างนี้ทุกครั้งที่เรากลับมาบ้านช่วงปิดเทอม คล้าย ๆ กับท่านต้องการหาเวลารวมตัวกันให้พร้อมหน้าพร้อมตาอย่างที่เคยทำมาตลอดตั้งแต่ผมเริ่มจำความได้ และดูท่าว่าคงจะทำอย่างนี้ต่อไปตราบเท่าที่พวกท่านยังคงมีชีวิตอยู่
ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าหลังจากไม่มีพวกท่านแล้ว มีนยังจะอยากสละเวลาของเขาเพื่อมาทำอะไรอย่างนี้ต่อไปอยู่ไหม
“หนูจุ๊เป็นเพื่อนที่สนิทกับเบลล์ที่สุดแล้วหรือเปล่า” ผมเงยหน้ามองแม่มลที่เอ่ยปากถามคำถามนี้ออกมา
“คิดว่าคงเป็นอย่างนั้นค่ะ” จุ๊ตอบด้วยท่าทางไม่ค่อยมั่นใจ ก่อนจะเหลือบตามามองผม “แต่เพื่อน ๆ ส่วนใหญ่ก็แอบคุยกันว่าเบลล์ยิ้มแล้วน่ารัก”
บิ๊กมันหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินจุ๊พูดอย่างนั้น และเพราะน้องมันหัวเราะออกมาดังมาก พวกผู้ใหญ่เลยพลอยอมยิ้มตามไปด้วย “พี่เบลล์ยิ้มน่ารักจริง ๆ ครับ แต่เสียดายไม่ค่อยชอบยิ้ม”
“เป็นคนหวงยิ้มมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วล่ะ” แม่พูดขึ้นมาบ้าง “พอกันกับมีน รายนั้นก็เอาแต่ทำหน้านิ่ง ๆ เหมือนกัน”
“ก็ตอนเด็ก ๆ เอาแต่อยู่ด้วยกัน พากันไปขลุกอยู่แต่ในห้องหนังสือที่บ้าน” แม่มลช่วยเสริมขึ้นมาอีกคน “พอไล่ให้ออกไปโดนแดดโดนลมบ้าง ก็ดันพากันขนหนังสือไปกองไว้จนเต็มที่ศาลาริมสระบัวโน้นอีก”
ผมเหลือบมองคนข้างตัวที่ตอนนี้เงียบลงไป ก่อนจะยื่นมือขึ้นไปจับมือน้องมันเอาไว้แล้วบีบเบา ๆ อยู่ใต้โต๊ะ “ไม่เป็นไรครับ”
ผมอมยิ้ม ขณะหันไปมองแม่ที่ยังเล่าเรื่องของผมกับเขาไม่ยอมจบ “นี่แม่ยังห่วงกลัวว่าจะเข้ากับใคร ๆ นอกจากมีนไม่ได้ แต่พอเห็นเบลล์เริ่มชวนบิ๊กชวนจุ๊มาบ้าน แม่ค่อยสบายใจ”
“แต่แม่ล่ะกลัวมีนน้อยใจ ที่เพื่อนซี้ที่สุดของตัวเองเริ่มมีเพื่อนคนอื่นแล้ว” แม่มลพูดไปหัวเราะไป “ก็รายนี้เล่นเอาแต่ห่วงเบลล์ ต้องดูแลเบลล์ อะไรก็เบลล์ ๆ มาตั้งแต่เด็ก”
“...”
“จนแม่เตรียมใจไว้แล้วนะ ว่าชาตินี้คงไม่ได้อุ้มหลาน เพราะลูกชายเอาแต่หายใจเข้าหายใจออกเป็นเพื่อนสนิทตัวเอง”
ผมเผลอไปสบตากับเขาโดยอัตโนมัติ เมื่อแม่มลพูดอย่างนั้น “เคยมีอยู่ช่วงหนึ่งที่แม่เห็นสองคนนี้แอบปีนรั้วไปหากัน พอแม่มาคุยกับแม่บีเลยรู้ว่าลูกชายตัวเองแอบดอดไปนอนอยู่บ้านคนอื่นเขาทุกคืน นี่ถ้าเบลล์เป็นผู้หญิงแม่คงเสียค่าสินสอดจนหมดตัวแล้ว”
ผมนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกถึงแรงบีบที่มือ “บิ๊ก”
“พักคุยเรื่องเก่า ๆ ได้แล้ว” พ่อเขาพูดขัดขึ้นมา เมื่อเห็นว่าหัวข้อสนทนาเริ่มส่วนตัวจนเกินไป “เดี๋ยวพวกเด็ก ๆ ก็หมดสนุกกันพอดี”
แม่ไล่ให้ผมพาคนอื่น ๆ ไปเดินชมสวนเล่นหลังจากกินอิ่ม ผมเลยเดินตามหลังมีนที่ก็เพิ่งโดนแม่มลไล่ให้มาเดินเล่นกับพวกเราเหมือนกัน จุ๊เดินไปชวนมีนคุยไปตลอดทางที่จะไปสระบัว ขณะที่ผมกับบิ๊กได้แต่เดินข้างกันไปเงียบ ๆ เหมือนไม่รู้จะหาบทสนทนาอะไรมาคุยกัน
น่าอิจฉาที่จุ๊เป็นคนพูดเก่ง ยิ้มเก่ง จนน่าเข้าหา ต่างจากผมที่จัดอยู่ในคนประเภทน่าเบื่อ และดูไม่เป็นมิตร ขนาดตอนนี้รู้ทั้งรู้ว่าแฟนตัวเองกำลังรู้สึกไม่ค่อยดี ผมยังไม่รู้จะแก้ไขให้สถานการณ์มันดีขึ้นได้อย่างไร
“ขนาดกับเบลล์ มีนยังดูแลดีขนาดนี้ แล้วกับแฟนล่ะจะดูแลดีขนาดไหน” เขาเหลือบตามามองผม เมื่อจุ๊พูดออกมาอย่างนั้น “ว่าแต่มีนมีแฟนหรือยัง”
พอเขาไม่ตอบคำถาม จุ๊ก็หันมามองผม “ว่าไงเบลล์ เป็นเพื่อนสนิทกัน รู้หรือเปล่าว่ามีนมีแฟนไหม”
“พี่จุ๊ชอบพี่มีนหรือไง ถึงอยากรู้” กลายเป็นคนข้าง ๆ ผมที่ตอบออกไปแทน “ชอบก็จีบเลยดิป้า”
“ก็ดีนะ..” จุ๊พูดแล้วหัวเราะในลำคอ “มีแฟนเป็นหมอ เผื่อจะได้รักษาฟรี”
น้องมันเบือนหน้าหนีไปมองดอกบัวในสระ ขณะที่ผมกับมีนได้แต่นั่งเงียบ ในวงสนทนานี้เลยเหลือแค่จุ๊คนเดียวที่ยังยิ้มยังหัวเราะออกมาได้
นั่นก็เพราะจุ๊เป็นคนเดียวที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรระหว่างพวกเราเลย..“เราขอตัวกลับไปอ่านหนังสือก่อนนะ” เขาบอกแล้วลุกขึ้น “ยังไงก็อย่ากลับกันช้านักล่ะ เพราะตรงนี้พอมืดแล้วยุงมันค่อนข้างเยอะ”
ผมหลบสายตาที่มองมาเหมือนเจาะจงจะบอกของเขา “ไว้คุยกันใหม่นะจุ๊”
“อืม..”
เราสามคนนั่งคุยกันต่อจากนั้นอีกไม่นานก็เดินกลับมาอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน ผมเดินแยกออกมาที่ห้องน้องบัวเพื่อมาช่วยกล่อมให้หลับตอนที่บิ๊กเข้าไปอาบน้ำ จนเวลาผ่านไปนานพอสมควรก็ไม่เห็นว่าน้องมันจะตามมาดูน้องก่อนนอนเหมือนอย่างที่เคยทำตอนปิดเทอมคราวก่อน ผมเลยค่อนข้างมั่นใจว่ามันคงกำลังรู้สึกไม่ดีอยู่ สุดท้ายเลยเอ่ยปากขอพี่เลี้ยงว่าจะนอนเฝ้าน้องบัวเอง แล้วให้พี่เลี้ยงเข้าไปนอนกับจุ๊ที่ห้องตัวเอง
ผมไม่อยากทำให้น้องมันอึดอัดไปมากกว่านี้ อย่างน้อย ๆ ตอนนี้ก็อยากจะเว้นระยะเอาไว้ให้น้องมันได้หายใจบ้าง เผื่อว่าพรุ่งนี้ถ้าตื่นมา น้องมันจะได้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
Ma-NuD_LaW
ใจเย็นน่ออออ 
