11.ผมตื่นขึ้นมาอีกทีในเช้าวันรุ่งขึ้น เห็นว่าบิ๊กกำลังนอนหลับสบายอยู่ก็ลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว แล้วออกมาเดินเล่นหลังบ้านเงียบ ๆ หลังอ่านข้อความที่แม่เขียนทิ้งไว้หน้าตู้เย็นว่าจะไปซื้อของกับแม่มล พ่อเองก็คงไปทำงานแล้ว บ้านทั้งบ้านเลยเงียบอย่างที่เห็น
ผมเดินเลาะริมรั้วไปเรื่อย ก่อนจะมาหยุดตรงประตูเชื่อมเล็ก ๆ ที่ใช้เดินข้ามไปมาระหว่างบ้านของผมและเขา ที่ตรงนี้เราเคยใช้ยืนคุยกัน มองกันผ่านประตูเหล็กดัดเกือบสองชั่วโมงทุกวันเพียงเพื่ออยากยืดเวลาที่อยู่ด้วยกันให้มากที่สุด ก่อนจะต้องแยกย้ายกันไปเข้านอน
“ตื่นแต่เช้าเลยนะ”
ผมชะโงกหน้าไปมองเมื่อได้ยินเสียง ก็เห็นเขานั่งเอนหลังพิงกำแพงอ่านหนังสืออยู่ตรงนั้น “มีน”
“อืม” เขาครางรับ ก่อนจะวางหนังสือลงแล้วหันมามองผม “แม่ออกไปซื้อของกัน”
“...”
“คงจะเดินเล่น ทำผมกันด้วยเหมือนเคย” ผมนึกตามคำพูดเขา ก่อนจะรู้ตัวว่าวันนี้เราคงถูกแม่ ๆ ทิ้งให้อยู่กันเองทั้งวันแล้ว “กินอะไรหรือยัง”
“ยังอะ”
“แม่บีไม่ได้ทำอะไรทิ้งไว้ให้เหรอ ให้เราทำอะไรให้กินไหม”
ผมส่ายหน้าให้เขา ก่อนจะตอบ “แม่ทำไว้แล้ว แต่รอบิ๊กตื่นก่อนอะ”
เขาไม่ได้พูดหรือถามอะไรออกมาอีก ทำแค่หยิบหนังสือกลับขึ้นมานั่งอ่านเงียบ ๆ ผมเลยทิ้งตัวลงนั่งอิงประตูรั้วเอาไว้ ก่อนจะดึงต้นหญ้า ฉีกใบไม้เล่นไปข้าง ๆ เขาจากอีกฝั่งรั้วอย่างนั้น
ผมไม่ได้พูด และพยายามส่งเสียงรบกวนเขาให้น้อยที่สุด เหมือนอย่างที่เคยทำ
“พี่เบลล์”
เสียงเรียกดังมาจากในบ้านผมเลยตั้งท่าจะลุกไปหา แต่กลับถูกเขาใช้แขนลอดข้ามมารัดตัวผมเอาไว้จนแนบติดกับไปกับประตูรั้ว ก่อนจะใช้มืออีกข้างปิดปากเอาไว้ไม่ให้ส่งเสียงตอบกลับไป
“พี่เบลล์ครับ”
สภาพต้นไม้โดยรอบเอื้ออำนวยแก่การซ่อนตัว ทั้งบิ๊กเองก็ยังไม่เคยเดินผ่านมาตรงจุดนี้ ทำให้น้องมันไม่รู้ว่าหลังพุ่มไม้หนานี้จะมีประตูเชื่อมระหว่างบ้านสองหลังซ่อนอยู่ ผมออกแรงพยายามดึงตัวเองให้พ้นจากการจับกุม แต่ยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น
“ขอร้อง..” เสียงกระซิบที่เบาบาง กับแรงกอดรัดที่ค่อย ๆ คลายลงทำให้ผมหยุดนิ่ง “เรา..”
“มีน” ผมเรียก ก่อนจะหันกลับไปมองเมื่อเขาปล่อยผมแล้ว “เป็นอะไร..เอ่อ..หมายถึง..”
ผมพยายามรวบรวมสติ นึกหาคำพูดดี ๆ หรือเหตุผลอะไรสักอย่างที่จะมาถามเพื่อขอคำอธิบายจากการกระทำของเขา แต่ก็พูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ สุดท้ายเลยทำแค่ปล่อยให้เขาจับมือผมเอาไว้อย่างนั้น นานจนกว่าเขาจะพอใจ
ผมนั่งมองข้อมือตัวเองที่ถูกเขากำเอาไว้ ในหัวก็นึกหาเหตุผลที่ผมไม่สลัดมันทิ้งไปทั้งที่เขาแทบจะไม่ได้ออกแรงจับมันเอาไว้ด้วยซ้ำ
“เรา..”
เหมือนเขาอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย ผมนั่งมองเขา เช่นเดียวกับที่เขาเองก็มองกลับมาที่ผม เราสบตากันอยู่อย่างนั้น กระทั่งเป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายลุกขิ้นแล้วเดินจากไปก่อน
“ทำไม..”
ผมได้แต่ถามตัวเองซ้ำ ๆ อย่างนั้น ทั้งที่ไม่มีหวังจะได้รับคำตอบกลับมาเลย
“หายไปไหนมาครับ ผมไปตามถึงสระบัวก็ไม่เจอ”
ผมยิ้มให้น้องมัน ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว “เดินเล่น”
“แล้วทำไมไม่เจอเลย”
“คงคลาดกัน”
เห็นผมไม่อยากตอบ น้องมันก็คงไม่อยากเซ้าซี้ พวกเรานั่งกินข้าวกันเงียบ ๆ ก่อนจะพากันมานั่งดูโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นตลอดทั้งบ่าย ผมรู้ตัวดีว่าในหัวของตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่มากมายแค่ไหน และรู้ดีว่าคนที่นั่งอยู่ข้างกันก็รับรู้ได้ว่าตัวผมอยู่ในสภาวะไหน เพียงแค่น้องมันไม่ได้พูดออกมาเท่านั้นเอง
“พรุ่งนี้ผมขอกลับก่อนแล้วกัน ไว้ค่อยเจอกัน..”
ผมดึงมือน้องมันเข้ามาจับเอาไว้ ก่อนจะบีบมันเสียจนแน่น “อย่าทิ้ง..”
“พี่เบลล์”
“อย่าทิ้งกัน..”
บิ๊กรวบตัวผมเข้าไปกอด ก่อนจะพยักหน้าซ้ำ ๆ “ครับ..ไม่ทิ้ง..”
“...”
“พี่เบลล์อย่าร้องไห้ได้ไหม” ผมเองก็เพิ่งรู้ตัวตอนที่น้องมันบอก เพิ่งรู้จริง ๆ ว่าตัวเองกำลังร้องไห้อยู่ “ผมสัญญาจะไม่ทิ้งไปไหน”
“ขอบคุณนะ”
“...”
“ขอบ..คุณ..”
แม่มลบอกกับผมในวันถัดมาว่ามีนไปแล้ว เขาอ้างกับแม่มลว่าต้องไปเรียนเสริมวิชาอะไรสักอย่าง ก่อนจะเก็บเสื้อผ้าแล้วขับรถออกไปตั้งแต่เช้ามืด ผมไม่ได้พูดหรือแสดงความคิดเห็นอะไร ทำแค่นั่งฟังแม่มลบ่นไปเรื่อย ๆ ว่าน้อยใจลูกชายตัวเองนักหนาที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ ไม่ลืมที่จะสั่งให้ผมแวะไปหาที่บ้านบ้าง จะได้มีเพื่อนคุยแก้เหงา ผมเองก็พยักหน้า อือออตอบรับไปอย่างเคย ในหัวก็นึก ๆ ว่าหากพาบิ๊กไปด้วยแม่มลคงสบายใจขึ้น เพราะน้องมันเป็นคนคุยสนุก ขนาดแม่ผมยังชอบ สังเกตได้จากทุกวันนี้แม่เอาแต่เรียกหาน้องมันจนลืมลูกชายแท้ ๆ อย่างผมไปแล้ว
เราอยู่บ้านผมจนกระทั่งเหลือเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์จะเปิดเทอม พวกเราถึงได้ลาพ่อแม่กลับมาเพื่อเตรียมตัวก่อนจะเปิดเรียน ผมไม่เจอมีนที่คอนโดอีกเลย เหมือนเขาจะไม่ได้กลับมาที่คอนโดนี่ตั้งแต่กลับบ้านไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะลุงยามที่สนิทกันเองก็บอกกับผมว่าไม่เจอเขากลับมาที่ห้องเลย
แล้วตลอดปิดเทอมนี่เขาหายไปอยู่ที่ไหนกัน..
Ma-NuD_LaW
มีนทำคะแนนตีตื้นขึ้นมาแล้ว คนอ่านเริ่มคิดว่ามันเป็นพระเอกแล้ว (?)
ขอบคุณทุกความเห็นครับ