[Hermit Books] Just Another Guy #เชนตรี : แจ้งข่าว [31/10/2560] P.14
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Hermit Books] Just Another Guy #เชนตรี : แจ้งข่าว [31/10/2560] P.14  (อ่าน 186952 ครั้ง)

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
33
แทนใจ
 
               
ถึงจะรับปากแล้วว่าจะไปก็เถอะ แต่ก็ใช่ว่าจะไปได้ทันทีซะเมื่อไหร่
               
ไม่รู้ว่าจะโกรธหรือขอบคุณโชดี ที่วิธีของเขามันได้ผล... เกินคาด
               
เมื่อคืนหลังจากที่ผมกลับมาจากคุยโทรศัพท์ อยู่ๆ ก็มีลูกค้าเพิ่มมามากกว่าห้าโต๊ะ และทยอยกันมาตลอดทั้งคืน จนในที่สุดลูกค้าก็เต็มร้าน... เต็มร้านจริงๆ ครับ เต็มทุกโต๊ะ จนผมถึงกับยืนช็อกไปเลย
               
มันเหลือเชื่อเกินไป จนผมแอบคิดว่าเขาต้องจ้างลูกค้าพวกนั้นมาแน่ๆ หรือไม่ก็แอบมีโปรโมชั่นแจกกาแฟฟรีโดยไม่บอกผม... แต่ใครมันจะไปลงทุนขนาดนั้นวะ
               
จนถึงตอนนี้ผมก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าโชทำได้ยังไง แต่ที่แน่ๆ พี่โมยิ้มจนหน้าบานที่เห็นลูกค้าเต็มร้าน และกำลังวางแผนจะจ้างพนักงานพาร์ทไทม์เพิ่ม
               
ข่าวดีคือ ผมจะได้ขอลางานไปหาเชนได้ เพราะถ้าพนักงานมีคนเดียวผมก็ไม่รู้จะขอจังหวะลายังไง
               
แต่ข่าวร้ายคือ ยังไม่รู้เลยว่าอีกนานแค่ไหนพนักงานคนใหม่จะมา...

ผมต้องตาย ต้องอึดอัดใจกับคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบจนตายก่อนแน่ๆ

กึก

“...!” ผมสะดุ้งสุดตัว เพราะกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย แต่อยู่ๆ กลับมีคนมายืนซ้อนหลังในระยะประชิด ก่อนจะเอื้อมมือไปเหนือหัวผม เพื่อหยิบแก้วที่อยู่บนชั้น

“คราวหลังให้เราหยิบให้ก็ได้นะ” ผมหันกลับไปมองโชที่ยืนถือแก้วยิ้มแป้นให้ผมอยู่ ถึงจะตัวเล็กกว่าผมไม่มาก แต่ยังไงซะผมก็สูงกว่า แถมอยู่ใกล้ แค่เขาสะกิดบอกให้ผมหยิบให้ ก็ไม่ต้องลำบากแล้ว

“ก็เห็นเหม่อๆ เลยไม่อยากกวน” เขายิ้ม แล้วยืดตัวขึ้น เอื้อมมือไปหยิบอะไรสักอย่างบนชั้นเหนือหัวผมอีกรอบ
ผมผงะถอยหลังอย่างตกใจ เพราะตอนนี้ผมไม่ได้ยืนหันหลังให้เขาแล้ว ทำให้พอเขายืดตัวขึ้น ใบหน้าของโชก็เลื่อนเข้ามาใกล้หน้าผมจนจมูกแทบจะแตะกัน

“เฮ้ยๆๆ” เสียงตะโกนด้วยความตกใจดังลั่นร้าน

“...??”

ไม่ใช่เสียงผมหรอกครับ แต่เป็นเสียงไอ้ซัน ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้เคาน์เตอร์ที่สุดต่างหาก

มันร้องดังพร้อมกับลุกพรวดมาที่เคาน์เตอร์อย่างรวดเร็วจนคนทั้งร้านตกใจ ผมกับโชเองก็ตกใจ คนตัวเล็กกว่าถอยห่างออกจากผม หันไปมองไอ้ซันด้วยสีหน้าสงสัยปนไม่พอใจนิดๆ

สงสัยใช่มั้ยว่าทำไมไอ้ซันถึงอยู่ที่นี่...

เออ ผมก็สงสัยเหมือนกัน

อยู่ๆ เมื่อหัวค่ำมันก็โทรมาหาผม ถามว่าอยู่ไหน และพอผมบอกว่าทำงานอยู่ที่ร้าน รู้ตัวอีกทีมันก็มานั่งหน้าสลอนอยู่นี่เฉยเลย

มันบอกว่ามาอ่านหนังสือ แต่ใครจะไปเชื่อ โคตรจะผิดวิสัยเลย ถึงจะไม่ได้ติดต่อกันนาน แต่ผมก็รู้ดีครับว่าเพื่อนผมไม่ใช่คนขยันขนาดนั้น มันจะอ่านหนังสือเฉพาะตอนใกล้สอบเท่านั้นแหละ แถมเท่าที่สังเกต ถึงมันจะเอาชีทมากองเต็มโต๊ะ แต่ผมก็ไม่เห็นมันจะแตะสักนิด เอาแต่เล่นโทรศัพท์มาเป็นชั่วโมงๆ แล้ว

“มึงอ่ะ ชื่ออะไรนะ” มันชี้หน้าโช แถมถือวิสาสะเรียกเขาด้วยสรรพนามแสดงความสนิทสนมเกินเหตุ เล่นเอาโชที่ดูจะไม่สบอารมณ์กับมันอยู่แล้ว ถึงกับขมวดคิ้ว (ผมเองก็เพิ่งเห็นนี่แหละ ว่าโชเองก็ชักสีหน้ากับเขาเป็นเหมือนกัน)

“โช” เขาตอบสั้นๆ เดินไปหน้าเคาน์เตอร์เลิกคิ้วเหมือนจะถามว่ามีอะไร

“เอ่อ...กาแฟมันขม! ขอเติมน้ำตาลหน่อย” มันนิ่งคิดสักพัก ก่อนจะตอบอึกอัก

ผมขมวดคิ้ว ก่อนหน้านี้มันก็มาขอให้เติมไปรอบนึงแล้วไม่ใช่หรือไง ป่านนี้กาแฟไม่กลายเป็นน้ำเชื่อมไปแล้วเรอะ
               
“ครับ” โชรับคำสั้นๆ ก่อนที่ทั้งสองคนจะยืนมองหน้ากันนิ่งๆ

นิ่งมากจนผมงงว่ามันมองหน้ากันทำไม ถ้าเป็นปลากัดก็คงจะท้องไปแล้ว โชคดีที่โชเอ่ยถามขึ้นมา

“ไหนล่ะครับกาแฟ” เขาชักสีหน้าอีกรอบส่วนไอ้ซันก็ทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้ แล้วเดินกลับไปหยิบแก้วกาแฟที่โต๊ะมาให้โชเติมน้ำตาลให้ แต่ก่อนที่มันจะเดินกลับไป ไอ้เพื่อนตัวดีก็หันมากระดิกนิ้วเรียกผม

“ไอ้ตรี มึงมานี่ดิ๊”

ผมเลิกคิ้ว แต่ยังไม่ทันได้ถาม มันก็เดินนำกลับไปที่โต๊ะตัวเองเฉยเลย ผมหันไปมองโชเป็นเชิงขอโทษที่ต้องให้เขาเฝ้าเคาน์เตอร์คนเดียวอีกแล้ว ก่อนจะวางผ้าขี้ริ้วในมือลง แล้วเดินออกไปหาไอ้ซัน

“นั่ง” มันสั่ง ถีบเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามให้เลื่อนออก

ผมยอมนั่งลง กอดอกรอให้มันพูดธุระมา ทำตัววุ่นวายขนาดนี้ ถ้าไม่มีเหตุผลล่ะก็ผมจะด่าให้

“มึงมีแฟนแล้วนะ”

“...” อะ... อะไรวะ??

“แฟนมึงชื่อเชน เป็นพี่รหัสกู หล่อมาก... หล่อสัสๆ หล่อกว่าไอ้ตี๋นั่นแน่ๆ กูยืนยัน”

“ฮะ??”

“ถึงตอนนี้พี่เขาจะไม่อยู่ แต่มึงต้องจำไว้ ว่าพี่เชนหล่อมาก”

“เดี๋ยว” ผมยกมือห้าม ก่อนที่มันจะพูดประโยคแปลกๆ ออกมาอีก “พูดเชี่ยไรมึงเนี่ย”

อยู่ๆ ก็มาชมเชนให้ผมฟังซ้ำไปซ้ำมา โคตรจะประหลาดเลย

“กูกำลังสะกดจิตมึง” มันพูดหน้าตาย จนผมต้องขมวดคิ้ว งงหนักกว่าเดิม

“สะกดจิตอะไร”

“ก็...” ไอ้ซันทำท่าจะพูอะไรออกมา แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจเบือนหน้าหนีกลบเกลื่อน “เอาเหอะน่ะ เอาเป็นว่ามึงท่องไว้ในใจละกันว่าพี่กูหล่อกว่าไอ้ตี๋นั่น” คราวนี้มันพูดเสียงดังขึ้น แถมชี้ไปที่โชอย่างเสียมารยาทอีก

เขาเห็นนะว่ามึงนินทาเขา ช่วยรู้ตัวหน่อยเหอะเพื่อน

“ไปได้ละ” พอทำให้ผมงงเสร็จ แม่งก็ไล่ผมเฉยเลย

“...” ผมยังไม่ยอมไป ยังคงนั่งกอดอกมองเพื่อนตัวดีอย่างสงสัยในท่าทางแปลกๆ และคำพูดประหลาดๆ ของมัน
แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไร เสียงแจ้งเตือนไลน์ก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ และเพราะมันวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะฝั่งนี้ ผมจึงทันเห็นว่าคนที่เพิ่งแชทมาเป็นใคร

“เฮ้ย!” ไอ้เพื่อนตัวดีร้องเสียงหลงทันทีที่ผมแย่งโทรศัพท์มันมากดดูข้อความที่เพิ่งส่งมาก่อนที่มันจะเอื้อมมาหยิบเพียงเสี้ยววินาที

ผมเหลือบตามองไอ้เพื่อนตัวดีที่ทำหน้าเลิ่กลั่ก ก่อนจะเปิดอ่านข้อความอย่างถือวิสาสะ ผมคงไม่ทำแบบนี้ ถ้าไม่เห็นตำตา ว่าคนที่ส่งข้อความมาคือเชน
 

‘ถ้ามึงกลับกูจะสาป’
 

นี่คือข้อความที่เขาส่งมา

สาปอะไรวะ?

ด้วยความสงสัย ผมจึงเลื่อนอ่านข้อความก่อนหน้าโดยไม่สนใจท่าทางเลิกลั่กของคนตรงหน้า จนสุดท้ายมันก็ยักไหล่ ยอมให้ผมอ่านเพราะห้ามไม่ได้

ผมเลื่อนขึ้นไป จนเจอข้อความแรกของวัน ซึ่งมันเป็นอะไรที่... บางทีผมอาจจะไม่ควรอ่าน
 

‘ไอ้ซัน’

‘ครับ???’

‘ไปเฝ้าเพื่อนมึงที’

‘เพื่อนไหนพี่’

‘แฟนกู’

‘ฮะ?? เกิดอะไรขึ้น ไอ้ตรีมันเป็นไรพี่’

‘มีหมามากวน’

‘งง หมาอะไรอ่ะ??’

‘หมาหน้าตี๋ที่ร้านกาแฟ’
 

เชนส่งข้อความนั่นมาพร้อมกับแนบรูปของผมกับโชที่เขาถ่ายเมื่อวาน
 

‘อ๋ออออออ ผมเข้าใจละ’

‘…’

‘นี่พี่หวงแม่งขนาดนี้เลยเหรอ เป็นเอามากนะ 55555’

‘…’

‘ขอโทษครับ ._.’

‘ไปเฝ้า’

‘ครับ’
 

ผมอดไม่ได้ที่จะขำออกมาเมื่ออ่านถึงตรงนี้ เดาสีหน้าออกเลยว่าถ้าพูดกันตัวต่อตัว เขาจะทำหน้าตาน่ากลัวแค่ไหน ผมมองหน้าไอ้ซันที่ส่งเสียงกระแอมอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะเลื่อนอ่านข้อความต่อ
 

‘อยู่ร้านกาแฟแล้วพี่ ไอ้หมาตี๋นี่น่ารักกว่าในรูปสัสๆ ผมยังหวั่นไหวเลย ไอ้เอ๋อตรีจะเหลือเหรอ 5555’

‘มึงอยากตาย?’

‘ขอโทษครับ’

‘ถ้ามันทำอะไรแปลกๆ รายงานกูด้วย’

‘คร้าบบบ ว่าแต่ ทำไมพี่ไม่คุยกับไอ้ตรีมันเองอ่ะ’

‘กูมีเหตุผล’

‘เหตุผลอะไร?’
 

เออนั่นสิ... เหตุผลอะไร ถึงทำให้เขาแชทกับไอ้ซันเป็นวรรคเป็นเวร แต่ปล่อยให้กล่องแชทผมเงียบสนิทแบบนี้
 

‘เสือก’
 

แต่ข้อความต่อมาก็ทำเอาผมหน้าชาเหมือนโดนด่าเอง

เอาเถอะ อีกไม่นานผมก็คงได้เจอหน้าเขา และถามความจริงจากเขา ด้วยตัวเอง
 

‘โหยพี่ ถามแค่นี้ไม่เห็นต้องด่าเลย นี่น้องนะครับ’

‘…’

‘ไม่ถามเหตุผลก็ได้ ขอรางวัลดีกว่า’

‘รางวัลอะไร’

‘ยังคิดไม่ออก แต่ผมไม่เฝ้าให้ฟรีๆ แน่ J’

‘เออ อยากได้อะไรก็บอก’

‘อยากได้ไอ้ตรีได้ป่ะ’

‘…’

‘มองไปมองมามันก็น่ารักดี’

‘ได้’

‘...’

‘แต่มึงเตรียมเขียนจดหมายสั่งเสียพ่อแม่ไว้ได้เลย’

‘ขอโทษครับ’
 

หลังจากข้อความนี้ไอ้ซันก็แชทไปหาเขาอีกทีเมื่อไม่กี่นาทีก่อนนี้เอง
 

‘พี่เชนคร้าบบบบบ น้องซันเบื่อแล้วคร้าบบบบบ’
 

แต่เชนก็ไม่ตอบอะไร จนไอ้ซันต้องแชทไปอีกรอบ
 

‘ผมกลับก่อนได้มั้ยพี่ ไอ้ตรีมันไม่เสียตัววันนี้หรอก’
 
               
ก่อนที่บทสนทนาจะทิ้งห่างไปซักพัก ผมเดาว่าคงเป็นตอนที่ไอ้ซันมันโหวกเหวกขึ้นมา แล้ววิ่งพรวดพราดไปที่เคาน์เตอร์เมื่อกี้ จากนั้นก็เป็นข้อความของเชนที่ส่งมาล่าสุด
 
               
‘ถ้ามึงกลับกูจะสาป’
 

โอเค ผมเข้าใจแล้วว่าเขาจะสาปอะไรไอ้ซัน

“หน้าบานเชียวนะมึง” ไอ้ซันทักขึ้นมา เมื่อผมยิ้มกว้างอย่างเก็บอาการไม่อยู่ทันทีที่อ่านข้อความทั้งหมดแล้ว “มึงไปทำอะไรให้วะ พี่เชนถึงคลั่งมึงสัสๆ ขนาดนี้” มันถาม สีหน้าข้องใจสุดๆ

ผมไม่ตอบ เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าจะตอบยังไง

“ปกติคุยกับกูนับคำได้ พอเป็นเรื่องมึงนี่คุยเป็นวรรคเป็นเวร กูควรดีใจมะ” มันว่าพลางยกกาแฟขึ้นดื่มแต่ก็พ่นกาแฟกลับลงแก้วอย่างน่ารังเกียจทันทีที่กระเดือกเข้าไป “เชี่ย หวานสัส”

ก็ใครใช้ให้มึงเดินไปขอเติมน้ำตาลตั้งสองรอบล่ะครับ -_-

“ชาตินี้กูจะได้แดกกาแฟดีๆ กับเขาบ้างมั้ยวะ” มันบ่น เหลือบตามองโชที่ยังมองมาทางเราด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เหมือนเคย

“เอาจริงๆ กูว่าที่พี่เชนกังวลก็น่าจะไม่ผิด” ไอ้ซันหันกลับมายื่นหน้ากระซิบกับผม “ไอ้ตี๋นั่นดูจะสนใจมึงเป็นพิเศษจริงๆ ว่ะ”

“มึงบ้าเหรอ” ผมมองเอือมๆ ไอ้เวรนี่ติดเชื้อพี่รหัสมาหรือไง

โชน่ะสาวเยอะจะตาย ผมไม่เห็นวี่แววเลยว่าเขาจะมาชอบคนอย่างผมได้ยังไง

“กูไม่ได้บ้า กูนั่งมองมาตั้งนาน ทำไมจะไม่รู้ว่ามันเอาแต่แอบมองมึงตลอดเวลาแถมเมื่อกี้แม่งยังตั้งใจแต๊ะอั๋งมึงอีก”

“...” ผมชะงัก พอนึกถึงสิ่งที่โชทำ มันก็แปลกๆ จริงๆ นั่นแหละ และนั่นไม่ใช่ครั้งแรกด้วย

“เนียนสัส กูนี่ขนลุก”

“เวอร์แล้วมึงอ่ะ” ผมอดตำหนิไม่ได้ เมื่อเห็นไอ้ซันทำท่าโอเวอร์แอคติ้งซะจนน่าหมั่นไส้

“หาว่ากูเวอร์ เดี๋ยวคอยดูเหอะ ถ้าเป็นอย่างที่กูพูดจริงๆ จะฟ้องพี่เชนให้เล่นทั้งมึงทั้งชู้เลย”

“ชู้พ่อง” ผมยกชีทขึ้นมาตีหัวมัน จนไอ้เพื่อนตัวดียอมถอยหลังกลับไป มันเหลือบมองโชอีกครั้ง พอเห็นสีหน้าที่ดูเหมือนจะสงสัยว่าพวกเราคุยอะไรกัน มันก็ยกคิ้วยิ้มมุมปากทำหน้าเหนือใส่อย่างกวนตีน

ผมว่าไอ้เวรนี่ชักจะติดพฤติกรรมไม่น่าคบของเชนมานิดๆ แล้วจริงๆ นะ

“กูไปทำงานต่อละ” ผมว่ากำลังจะลุกขึ้น แต่เสียงแจ้งเตือนไลน์จากมือถือไอ้ซันก็ทำเอาต้องหยุดชะงัก

คราวนี้ไอ้เพื่อนตัวดีเร็วกว่า มันหยิบมือถือตัวเองไปอ่านข้อความ ก่อนจะเบะปากทำหน้าแปลกๆ แล้วเงยหน้ามองผม

“ปกติพี่เชนเป็นคนตลกเหรอวะ กูไม่เห็นรู้” ว่าพลางยื่นโทรศัพท์มาให้ผมโดยไม่ต้องขอ

ผมอ่านข้อความที่เขาส่งมา ก่อนจะหลุดหัวเราะอีกรอบ

หมอนั่น... พิมพ์บ้าอะไรมาเนี่ย
 
‘เฝ้าไป’

‘...’

‘เฝ้าอย่างเดียวนะ’

‘...’

‘ห้ามกิน’
 

ผมไม่ใช่ขนมนะครับ ใครมันจะมาแอบกิน

“กูตอบได้มะ” ผมพยายามกลั้นขำ เงยหน้าขึ้นถามไอ้ซัน

“เออ... จริงๆ พวกมึงควรจะคุยกันตั้งนานแล้วป่ะ ลำบากกูทำไม” มันพยักหน้าอย่างขอไปที พลางยกน้ำเปล่าขึ้นมากินแทนกาแฟที่คงจะกลายเป็นน้ำเชื่อมไปแล้ว

พอได้รับอนุญาตผมก็กดเครื่องหมายบวกด้านหน้ากล่องพิมพ์ข้อความ จนมันมีตัวเลือกขึ้นมา ผมกดไปที่กล้องถ่ายรูป เปลี่ยนเป็นกล้องหน้า และเซลฟี่ส่งไป พร้อมกับข้อความ
 

‘ครับ จะไม่ให้ใครกินครับ’
 

“อ่ะ” ส่งเสร็จ ผมก็ยื่นโทรศัพท์กลับไปให้เจ้าของ รู้เลยว่าหน้าตัวเองคงกำลังแดงมากๆ จากการพยายามกลั้นยิ้ม
               
“หวานกว่ากาแฟกูก็มึงกับพี่เชนนี่แหละ” ไอ้ซันเบะปากทำหน้าเอือมปนหมั่นไส้ แล้วรับโทรศัพท์กลับไปโยนลงบนโต๊ะราวกับไม่อยากจะแตะ
               
ผมหัวเราะ ยักคิ้วให้อย่างจงใจกวนประสาท ก่อนจะเดินหน้าบานกลับมายืนหน้าเคาน์เตอร์อีกครั้ง
               
“คุยอะไรกัน” และทันทีที่ผมกลับมา โชก็ยิงคำถามด้วยสีหน้าสงสัยทันที
               
“...” ผมหุบยิ้ม มองหน้าเขานิ่ง แล้วหันไปมองไอ้ซันที่มองมาด้วยความสอดรู้อย่างเก็บอาการไม่อยู่
               
 คำพูดของไอ้ซันเมื่อครู่แล่นเข้ามาในหัว ถึงผมจะไม่ค่อยรู้ตัว แต่ว่าถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง ก็หมายความว่าผมกำลังทำให้เชนไม่สบายใจ... และอาจจะทำร้ายคนตรงหน้าโดยไม่รู้ตัวเพราะความไม่ชัดเจน
               
อาจจะฟังดูหลงตัวเองนะ แต่บอกตามตรงว่าผมไม่อยากให้เป็นเหมือนเรื่องทองกวาวอีก
               
ดังนั้นผมควรจะทำอะไรสักอย่าง

“โช” ผมเรียกเขา มองหน้าอย่างจริงจังพลางหยิบจี้รูปฟันเฟืองที่ห้อยคออยู่ขึ้นมาให้เขาดู “เห็นนี่มั้ย”

เขาไม่ตอบ แต่มองมาที่คอผม ด้วยสีหน้าที่ไม่อาจอธิบายได้

“มันคือเกียร์...” ผมพูดต่อ “เกียร์ของพี่เชน”

“...”

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหมือนจะฉายแววตกใจขึ้นมาแวบหนึ่ง แต่ก็ไม่พูดอะไร

ผมรู้ว่าประโยคต่อไปที่กำลังจะพูดมันคงจะฟังดูประหลาดมากๆ สำหรับเขา และถ้าโชไม่ได้ชอบผมอย่างที่ไอ้ซันว่า ผมก็คงจะหน้าแตก

แต่ใครจะไปสน สิ่งที่ผมทำ มันก็แค่การป้องกันตัว

“แล้วก็...” ผมปล่อยเกียร์ในมือ และเปลี่ยนเป็นจิ้มนิ้วมาที่หน้าอกข้างซ้ายที่มีก้อนเนื้อกำลังเต้นอยู่ พร้อมกับเงยหน้าสบตาเขาด้วยสายตาจริงใจ

“...”

“นี่ก็ของพี่เชน”

สุดท้ายจะได้ไม่เสียใจ และไม่มีใครเสียใจอีก




-----------------------------------
แอบหายไปปั่นโปรเจ็กต์มาคะ ฮือออออ
มีความพีคสูงมาก คิดว่าจะส่งไม่ทันซะแล้ว   :katai1:

ฝาก #เชนตรี ด้วยน้า
หลังจากนี้มาอัพรัวๆ แน่ค่ะ 5555

-- makok_num --

ออฟไลน์ ben10

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
ตามอ่านจนทันนนนนนนน ชอบอ่ะ ชอบมากกกกกกกกกก :katai2-1:
ตรีไปหาพี่เชนเลยยยยยย รอให้เค้าได้กัน อุ้ยย ได้เข้าใจกัน แหะๆ :impress2:
ทั้งโช ทั้งผญ.นั่น ตัวกระตุ้นชั้นดี อิอิ
หวังว่าจะไม่มีมาม่าาาาาาาาาาาาามาขัดขวางความหวานเชนตรีอีกนะ o13

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
มีสมุนตามเฝ้าด้วย อิอิ ซันเอาโชไปกินที
ขอบคุณค่ะ รอเขาได้เจอกันนะ

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3

ออฟไลน์ NUBTANG

  • Nothing is impossible. "[+++++]"
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สงสัย ซันได้กับ โช 555555555555555555555555555555555555555555

ออฟไลน์ ben10

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
เอ๊ะๆ ได้กลิ่นนคู่ใหม่ ซันโชรึปล่าว55555
พี่เชนโครตตลกกก นี่สั่งมาเฝ้าเลยวุ้ยย

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
โช หนูมาทีหลัง อย่าทำตัวไร้คุณค่าแบบโง่ๆ นะหนู

ออฟไลน์ chaichan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชัดเจนมาก กดไลค์

ออฟไลน์ aphanite

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 487
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
น่ารักมากกกกกกกกกกกกก ฟินมากกกกกกกกกกกกกก  :-[ :o8:
มาต่อไวๆเน้อออ เค้ารออยู่ ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ในที่สุดก็ตามอ่านจนทัน
ตรีชัดเจนแล้วเคลียร์ให้แจ่มแจ้งแดงแจ๋
เหลือพี่เชนเคลียร์เรื่องสาวว่าจะเปฺ็นยังไง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ก็น่าหวงอยู่นะ แสนดีขนาดนี้

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ถ้าพี่เชนได้ยินที่ตรีพูดกะโชละก็
ขี้คร้านจะหน้าบานเท่ากระด้งนะคะ
  :o8: :-[

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
34
การต้อนรับ
 
               
ในที่สุด พี่โมก็หาพนักงานพาร์ทไทม์คนใหม่มาเพิ่มจนได้
               
ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน...
               
“มึงจะมองอะไรนักหนา รีบๆ สอนดิ”
               
ครับ ไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้ซัน เพื่อนตัวดีของผมเอง
               
หลังจากสองสามวันก่อนมันมานั่งเฝ้าผมทั้งคืนตามคำสั่งเชน ไล่ก็ไม่ยอมไป บอกไม่เป็นไรก็ไม่ยอมเชื่อ มานั่งทำหน้าเหม็นเบื่อแถมหลับกรนเสียงดังรบกวนลูกค้าอีก สุดท้ายผมเลยประชดมันไปว่า

‘ถ้ามึงจะมาทำตัวไร้ประโยชน์ ก็มาช่วยกูทำงานดีกว่า’
               
แต่ใครจะไปคิด ว่ามันจะบ้าจี้ ทำตามคำประชดของผมจริงๆ -_-
               
เห็นอย่างนี้ ไอ้ซันมันลูกคุณหนูนะครับ งานหนักไม่เอางานเบาไม่สู้ ตอนอยู่โรงเรียนเก่าก็อู้ไม่ยอมช่วยงานห้องตลอด แล้วอยู่ๆ จะมาเป็นพนักงานร้านกาแฟกะดึกเนี่ยนะ?
               
เชนแม่ง ต้องซื้อบ้านซื้อรถเป็นรางวัลให้มันแหงๆ ถึงได้ยอมทำขนาดนี้
               
แต่ถึงยังไง ผมก็ต้องขอบใจมัน เพราะการที่มีไอ้ซันเข้ามา ทำให้ในที่สุดผมเลยขอลางานได้ในวันมะรืนนี้แล้ว
               
“ครับ” อ้อ แล้วที่ไอ้ซันโวยวายใส่เมื่อกี้ไม่ใช่ผมหรอก แต่เป็นโชที่ต้องรับหน้าที่สอนงานให้มันต่างหาก ตอนแรกพี่โมให้ผมเป็นคนทำหน้าที่นั้นนะ แต่พอถึงเวลาเข้ากะไอ้เพื่อนตัวดีกลับไล่ผมออกมาห่างๆ แล้วให้โชเป็นคนสอนงานแทนซะงั้น
               
อันที่จริงผมสังเกตมาตั้งแต่วันแรกแล้วว่า ดูเหมือนไอ้ซันกับโชจะไม่ค่อยชอบหน้ากัน สาเหตุก็คงเป็นเพราะไอ้ซันมันเอาแต่จับตามองโชทุกฝีเก้าตามคำสั่งของเชนนั่นแหละ เล่นจ้องจริงจังขนาดนั้นเป็นผมก็คงจะหงุดหงิดเหมือนกัน แถมทุกครั้งที่โชเข้ามาใกล้ผม มันมักจะทำตัวกระตายตื่นตูมพุ่งมาที่เคาน์เตอร์เพื่อเรียกใช้เขานู่นนี่ตลอด จนพักหลังๆ โชเหมือนจะทิ้งระยะห่างจากผมมากกว่าปกติ อาจเพราะรำคาญไอ้เพื่อนตัวดีของผมก็ได้ แล้วพอเห็นโชหลุดฟอร์มหนุ่มน้อยน่ารักชักสีหน้าใส่มันบ่อยๆ ไอ้ดซันก็ดูเหมือนจะยิ่งได้ใจ กวนตีนเขาหนักขึ้นไปอีก ทั้งเรียกใช้งานเขาบ่อยๆ แถมยังใช้คำสรรพนามเรียกโชอย่างสนิทสนมเกินจำเป็นอีก
               
“มึงพูดกับโชดีๆ หน่อยดิวะ” ผมปราม เพราะตั้งแต่คุยกัน ผมก็เห็นโชพูดสุภาพกับมันตลอด มีแต่เพื่อนผมนี่แหละ ที่พูดหยาบเอาๆ แถมเล่นหัวเหมือนรู้จักกันมาสิบปี
               
สารภาพตามตรงว่าตั้งแต่กลับมาสนิทใจเหมือนเดิมผมก็เพิ่งสังเกตนี่แหละว่าไอ้ซันมันทำตัวหยาบขึ้น ตอนมัธยมถึงจะพูดไม่เพราะกับเพื่อนเป็นปกติ แต่พฤติกรรมก็ไม่ถึงกับดิบขนาดนี้นะ
สงสัยจะติดพี่รหัสมันมา
               
“นี่กูพูดไม่ดีเหรอ?” คนถูกตำหนิยังมีหน้าหันมาเลิกคิ้วถามผมอีก
               
“เออ มึงไม่ได้สนิทกับเขานะ มาขึ้นกูมึงเฉย” ผมตอบพลางไปมองโชก็พบว่าเขากำลังมองมาก่อนจะส่ายหน้ายิ้มๆ

“ไม่เป็นไร...” แต่ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกคนที่ยืนอยู่ตรงกลางเอียงหน้าเข้ามาขัดจังหวะด้วยท่าทางกวนประสาท
               
 นอกจากจะถ่อยติดกันมาแล้ว ยังเอานิสัยกวนตีนหน้าตายมาด้วยสินะ -_-
               
“โอเค กูจะพูดเพราะๆ" มันแกล้งฉีกยิ้มหน้าตายใส่ผม ก่อนจะหันไปพูดสุภาพกับโชอย่างประชดประชัน "ตี๋ครับ สอนชงลาเต้อร่อยๆ หน่อยครับ :)” ว่าพลางถือวิสาสะจับไหล่คนตัวเล็กหมุนเข้าหาเครื่องชงกาแฟ
               
มันจะรู้ตัวมั้ยว่าตัวเองเสียมารยาทมากที่ไปเรียกเขาแบบนั้น ถึงตาจะตี่จนเหมือนหลับตาชงกาแฟ แต่เขาก็ชื่อโชนะโว้ยไม่ได้ชื่อตี๋อย่างที่แม่งเรียก
               
กวนตีนขนาดนี้เดี๋ยวก็โดนเขาเอาน้ำร้อนราดหัวหรอก
               
ผมส่ายหน้าเอือมๆ กับพฤติกรรมเกินรับของเพื่อนสนิท โดนผมว่าแม่งก็ไม่ฟังหรอก รอให้โชทนไม่ไหวแล้วด่ามันเองดีกว่า แต่น่าแปลกที่จนแล้วจนรอดผมก็ไม่ได้ยินเสียงด่าจากโช พอหันกลับไปอีกทีก็พบว่าไอ้ซันไม่ได้ทำตัววุ่นวายอย่างที่คิด มันเพียงแค่ยืนมองโชที่กำลังเทฟองนมลงในกาแฟทำลาเต้อาร์ตอย่างชำนาญด้วยสีหน้าตั้งอกตั้งใจผิดวิสัย

ผมรู้ว่ามันชอบกินลาเต้นะ แต่ไม่คิดว่าจะตื่นเต้นกับการทำลาเต้อาร์ตขนาดนี้... โคตรจะเด็กเลย

“กินได้ยัง” ไอ้ซันชะโงกหน้าข้ามไหล่คนที่ตัวเล็กกว่ามองกาแฟแก้วเล็กที่เขาเพิ่งวางงบนเคาน์เตอร์ตาลุกวาว

“อันนี้ของลูกค้า” โชหันกลับไปตอบหน้าเอือมๆ ไอ้ซันเลยหน้าเหวอ หดคอกลับมาเกาท้ายทอยเก้อๆ

“เออว่ะ ลืม”

ผมอดไม่ได้ที่จะหลุดขำกับความลืมตัวของมัน เคยเป็นแต่ลูกค้านั่งรอกาแฟมาเสิร์ฟ แต่คราวนี้ต้องมายืนหลังเคาน์เตอร์คอยให้บริการซะเองคงจะยังไม่ชิน จะรอดมั้ยวะ

“เดี๋ยวเราเอาไปเสิร์ฟเอง” ผมว่า เดินเข้าไปหาโชที่วางแก้วกาแฟลงถาดเรียบร้อย แล้วหยิบถาดมา
อยากจะให้ไอ้ซันเป็นคนถือไปเสิร์ฟอยู่หรอก มันจะได้ฝึก แต่อย่าเพิ่งดีกว่า เดี๋ยวหกราดหัวลูกค้าขึ้นมา มันไม่ตลกเลยนะครับลาเต้ร้อนน่ะ

ผมเอากาแฟมาเสิร์ฟให้โต๊ะผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นลูกค้าประจำ แล้วเดินกลับมาหลังเคาน์เตอร์อีกครั้ง ก่อนจะชะงักไป เมื่อเห็นโชกำลังก้มหน้า กุมตาข้างหนึ่งของตัวเองไว้พร้อมกับทำท่าเหมือนหาอะไรสักอย่าง

“เฮ้ย เป็นไร” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเดินไปถึงตัว เสียงไอ้ซันที่อยู่ใกล้กว่าก็ดังขึ้นมา พร้อมกับที่มันเดินไปนั่งยองๆ ลงตรงหน้าโช

“คอนแท็กเลนส์หลุด” เขาตอบ ท่าทางกระวนกระวายพร้อมกับควานหาที่พื้นรอบๆ ตัว

“ฮะ? มึงใส่คอนแท็กด้วย?” ไอ้ซันเบิกตากว้างทำหน้าสงสัย

ผมเองก็ตกใจเหมือนกัน เพราะไม่รู้มาก่อนเลยว่าโชใส่คอนแท็กเลนส์ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มนั่นดูเป็นธรรมชาติจะตาย

“มาๆ เดี๋ยวกูช่วยหา” ถึงโชจะไม่ยอมตอบคำถาม แต่ไอ้ซันก็กระวีกระวาดช่วยเขามองหา ผมกำลังจะเข้าไปช่วยบ้าง แต่ก็มีลูกค้าเข้ามาเสียก่อน เลยต้องอยู่รับหน้า ระหว่างรับออร์เดอร์ผมก็หันไปมองสองคนนั้นที่ก้มหน้าก้มตาหาคอนแท็กเลนส์ของโชกันอย่างวุ่นวาย

“หาไม่เจอว่ะ มึงมีสำรองมั้ย” ไอ้ซันเอ่ยขึ้นมาอย่างยอมแพ้ ผมรับออร์เดอร์เสร็จก็เดินเข้าไปหาเพื่อดูว่าเป็นยังไงกันบ้าง

“ไม่มี ไม่เป็นไรหรอก...”

โครม!

“โอ๊ย!” ยังไม่ทันจะพูดจบดี ตอนที่โชลุกขึ้นและกำลังจะหมุนตัวไปที่เคาน์เตอร์ กลับกะระยะพลาดจนเดินชนชั้นที่อยู่ใกล้ๆ เต็มๆ

เขาร้องและถอยหลังออกมาท่าทางมึนๆ ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้ตาข้างซ้ายของตัวเอง

“ไม่เป็นไรเชี่ยไรเนี่ย อย่าขยี้ดิ” ไอ้ซันดุ พลางเอื้อมมือไปดึงมือเขาออกจากตา

“โชสายตาสั้นมากเหรอ” ผมถาม ดูจากท่าทางแล้วเขาคงจะกำลังมองอะไรไม่เห็น

“ก็...นิดหน่อย” เขาขมวดคิ้วตอบด้วยท่าทางลำบากใจแปลกๆ

“งั้นเอาไงดี มองไม่เห็นก็คงทำงานไม่สะดวก ไปพักก่อนมั้ย” ผมบอก ยังไงซะก็มีไอ้ซันมาช่วยแล้ว ถึงมันจะยังทำอะไรได้ไม่มากก็เหอะ แต่ผมก็คิดว่าน่าจะช่วยกันรับมือลูกค้าไหว

โชเงียบไปนาน ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ “ไม่เป็นไร ผมมีแว่นอยู่ในกระเป๋า” เขาบอกหน้านิ่ง คิ้วขมวดเข้าหากันด้วยสีหน้าที่ผมเดาไม่ออก ก่อนทำท่าจะเดินไปยังห้องแต่งตัวหลังร้าน แต่ก็ดันกะระยะพลาดเดินชนเคาน์เตอร์อีกโครมใหญ่

“จะรอดมั้ยวะ” ไอ้ซันบ่นพร้อมกับเอื้อมมือไปดึงคอเสื้อโชให้ถอยออกมาจากเคาน์เตอร์ที่มีแก้ววางอยู่ก่อนที่เขาจะกวาดมือไปชนจนมีอะไรตกหล่น แล้วเปลี่ยนเป็นเลื่อนมือไปจับแขนเขาแทน “มานี่” ว่าจบมันก็ลากแขนคนที่ตัวเล็กกว่าเดินนำไปที่หลังร้านอย่างรวดเร็ว

ผมมองตามอย่างมึนๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร หันกลับมาประจำหน้าเคาน์เตอร์อีกครั้ง ทำเครื่องดื่มที่ลูกค้าเพิ่งสั่งด้วยสูตรของร้านที่ได้ร่ำเรียนกับพี่โมและอาศัยครูพักลักจำโชมาก่อนหน้านี้ไปเสิร์ฟให้ลูกค้า พอกลับมา ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่โชและไอ้ซันเดินกลับมาจากหลังร้านพอดี ผมเลิกคิ้วมองโชที่สวมแว่นสีดำหนาเตอะแปลกตาด้วยความประหลาดใจ

ทำไม... ผมถึงรู้สึกคุ้นตากับลุคนี้ของเขาขึ้นมา

โชสบตาผมแวบหนึ่งก่อนจะยิ้มเจื่อนๆ แล้วเดินผ่านไป ท่าทางดูเหมือนกำลังกังวลอะไรสักอย่าง ผมคิดว่าเขาอาจจะรูสึกไม่มั่นใจที่ต้องใส่แว่นก็ได้ เพราะก่อนหน้านี้เขาเป็นหนุ่มหล่อสดใสสาวตรึมนี่นา แต่พอมีแว่นกรอบหนาเตอะแบบนี้ กลับดูเปลี่ยนไปเหมือนคนละคน
 
“เนิร์ดสัส” ไอ้ซันยืนกอดอกมองโชแล้วยิ้มมุมปากมองคนตัวเล็กกว่าอย่างเย้ยหยัน “ยิ่งสภาพนี้พี่เชนกูยิ่งหล่อกว่า มึงเห็นมั้ย” ว่าพลางกระแทกไหล่ผมเบาๆ

เออ รู้แล้วครับ ไม่ต้องย้ำ พี่รหัสมันหล่อกว่าผู้ชายทุกคนในโลกนี้นั่นแหละ

แต่โชในลุคแว่นหนาแสนเนิร์ดนี่ก็ไม่ได้ดูแย่นักหรอกครับ ที่บอกว่าเปลี่ยนไปเหมือนคนละคนก็แค่บรรยากาศรอบตัวเขาที่ดูไม่สดใสสว่างจ้าเหมือนเก่า แต่ยังไงเขาก็ยังดูดี ดูเป็นผู้ชายน่ารักแบบแว่นๆ อ่ะ (ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงจริงๆ)
 
“แต่มองไปมองมา หน้ามึงนี่คุ้นๆ นะ” อยู่ๆ ไอ้ซันก็พูดขึ้นมาหลังจากมองหน้าโชอยู่สักพัก มันขมวดคิ้วยกมือขึ้นมาเกาคางทำท่าครุ่นคิด

ไม่น่าเชื่อว่าไอ้ซันจะคิดเหมือนผมเลย พอโชใส่แว่นแบบนี้ มันให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน...

“ผมคงหน้าโหลล่ะมั้ง” แต่เจ้าตัวก็พูดขัดความคิดของผม ก่อนจะหมุนตัวเดินหนีไปที่เคาน์เตอร์แสร้งจับนู่นจับนี่ขึ้นมาเช็ดท่าทางเลิ่กลั่ก

ผมกับไอ้ซันมองหน้ากันอย่างข้องใจไม่หาย แต่สุดท้ายผมก็เลือกที่จะยักไหล่ เลิกคิด แล้วแยกย้ายกันไปทำการทำงาน
ช่างเถอะ บางทีผมอาจจะคิดไปเอง หรือโชในมาดใส่แว่นแบบนี้อาจจะดูโหลอย่างที่เขาว่าจริงๆ ก็ได้

“เออไอ้ตรี มึงลางานได้แล้วใช่มะ” ต่างคนต่างหาอะไรทำได้ไม่นาน ไอ้ซันมันก็เดินกลับมายืนพิงเคาน์เตอร์ถามผม

“อืม” ผมตอบ อมยิ้มเมื่อนึกได้ว่าอีกไม่กี่วันก็จะได้เจอแล้ว

“แหม หน้าระรื่นเชียวนะ หมั่นไส้ว่ะ” มันเอื้อมมือมาผลักหัวผมเบาๆ “จริงๆ ทั้งมึงทั้งพี่เชนนี่ เป็นหนี้บุญคุณกูทั้งคู่เลยน่าหว่า” ทำท่าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้
 
ก็จริงของมันเชนติดมันเรื่องที่มันช่วยมาเฝ้าผมและคอยกันท่าให้อยู่ห่างจากโช แล้วมันก็ยังช่วยทำให้ผมลางานไปหาเขาได้เร็วขึ้นอีก นี่มันเป็นพ่อสื่อหรือไงวะ

“ถ้ากลับมาแล้ว เลี้ยงเหล้ากูเป็นการตอบแทนด้วยนะมึง” มันว่าแล้วหัวเราะร่า

“เออๆ” พอผมไม่ปฏิเสธมันเลยยิ่งหัวเราะเสียงดังอย่างได้ใจไปกันใหญ่ จนคนแทบจะหันมามองกันทั้งร้าน
นี่ถ้าไม่บอก คงไม่มีใครคิดใช่มั้ยว่ามันเป็นถึงอดีตผู้นำเชียร์คณะวิศวะที่สาวๆ คลั่งไคล้ ไม่มีการคีพลงคีพลุคใดๆ จนผมเพลียใจแทนสาวๆ ที่มาคลั่งมัน

“เดี๋ยวกูมานะ ไปเข้าห้องน้ำก่อน” มันว่า ตบบ่าผมเบาๆ ไม่วายย้ำสิ่งที่ตัวเองได้รับมอบหมายมาในหน้าที่ไม้กันหมา

“ระหว่างกูไป มึงก็อยู่ห่างๆ ไอ้ตี๋ไว้ล่ะ ไม่งั้นกูฟ้องพี่เชนแน่”

“เออ” ผมตอบอย่างขอไปทีด้วยความเอือมระอา แล้วไล่ให้มันไปพ้นๆ หน้าสักที
น่ารำคาญจริงโว้ย

“ตรี” แต่ยังไม่ทันขาดคำ เจ้าของใบหน้าใสที่ตอนนี้ถูกบดบังด้วยแว่นกรอบดำหนาก็เดินเข้ามาหาผมทันทีที่ไอ้ซันลับสายตา

ผมหันไปเลิกคิ้วสงสัย ไม่ได้ถอยห่างอย่างที่รับปากไว้กับไอ้เพื่อนตัวดี

ถึงก่อนหน้านี้มันจะสันนิษฐานบ้าบอกับเรื่องที่โชทำตัวแปลกๆ เหมือนพยายามใกล้ผมว่าเป็นเพราะเขาชอบผมก็เถอะ แต่จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดีว่าเขาจะมาชอบผมได้ยังไง และทำไม โคตรจะไม่มีเหตุผลรองรับ ผมก็เลยคิดว่าทั้งเชนทั้งไอ้ซันคงจะคิดไปเองจริงๆ นั่นแหละ เพราะเท่าที่ดูมันเป็นธรรมชาติของโชมากกว่าที่จะน่ารักเฟรนด์ลี่กับทุกคน (ยกเว้นไอ้เวรซัน)

“จำที่เราเคยพนันกันได้มั้ย ว่าถ้าลูกค้าเต็มร้านตรีจะต้องทำตามที่ผมบอกทุกอย่าง”

ผมนิ่งคิดอยู่สึกพักก่อนจะร้องอ๋อออกมาเบาๆ “โชอยากได้อะไร?”

โชยิ้มบางๆ เหมือนไม่แน่ใจ แต่สุดท้ายก็ยอมพูด “ผมอยากใช้สิทธิ์นั้นขอให้ตรียกเลิกวันลา”

“...”

“ไม่ต้องไปหาพี่เชน ได้มั้ย?”

“...!”

ดูเหมือนว่า ผมคงจะต้องถอนความคิดของตัวเองซะแล้ว

ไอ้ซันกับเชนไม่ได้เข้าใจผิด...

ตอนนี้ผมรู้ตัวแล้ว ว่ารอยยิ้มสดใสที่คนตรงหน้ามีให้ผมมาตลอด ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติจากการเป็นคนเฟรนด์ลี่ของเขาอย่างที่ผมคิด...
 
 

หลายวันต่อมา

สุดท้ายวันนั้น ผมก็ปฏิเสธโชไป เพราะยังไงผมก็ไม่มีทางยอมแลกวันที่ผมจะได้เจอเชนกับการพนันไร้สาระอยู่แล้ว โชไม่ได้ว่าอะไร แค่ยิ้มแปลกๆ และบอกว่าเขาแค่ล้อเล่น ก่อนจะหันไปทำงานของตัวเองก่อนที่ไอ้ซันจะมาเพียงไม่กี่วินาที

โชคดีไอ้ซันทำงานผ่านไปด้วยดี ไม่เผลอเอากาแฟไปราดหัวใคร หรือทำเครื่องชงกาแฟพังอย่างที่ผมกลัว ผมก็เลยไม่จำเป็นต้องเลื่อนตั๋วเพราะเพื่อนถูกไล่ออกภายในสามวันแรกของการทำงาน

ผมเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ตอนสี่โมงเย็น แต่เพราะวันนี้เป็นวันธรรมดาและเชนยังไม่เลิกงาน เขาเลยบอกให้ผมรอในสนามบินก่อนแล้วเขาจะรีบมารับ แต่แน่นอนว่าผมดื้อ และอยากเจอหน้าเขาเกินกว่าจะนั่งแกร่วรอเฉยๆ อยู่ในสนามบินได้ ก็เลยขอเป็นฝ่ายไปหาเขาดีกว่า อีกอย่าง ผมไม่อยากให้เขาฝ่ารถติดมาหาผมทั้งๆ ที่เพิ่งทำงานมาเหนื่อยๆ ด้วย ด้วยเหตุผมร้อยแปดที่ผมบอกไป สุดท้ายเชนก็เลยยอม และบอกให้ผมรออยู่ที่คอฟฟี่ช็อปชั้นล่างของบริษัทแทน

ดีที่ผมไม่ได้เอาสัมภาระมาเยอะมาก มีแค่กระเป๋าเป้เล็กๆ ใบเดียวเท่านั้น เพราะอยู่แค่ไม่กี่วัน ก็เลยไม่ลำบากในการเดินทางนัก ใช้เวลาไม่นานผมก็ฝ่ามรสุมรถติดมาถึงที่ทำงานของเชนจนได้

ผมดื่มกาแฟและอ่านหนังสือที่พกมาด้วยฆ่าเวลาอยู่นานเกินว่าจะรู้ตัว เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็พบว่าฟ้าเริ่มมืดแล้ว ผมเหลือบมองนาฬิกา มันจะสองทุ่มแล้ว เชนน่าจะเลิกงานตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมยังไม่มา หรือติดต่ออะไรมาเลยล่ะ
หรือเขาลืมไปแล้วว่าผมรออยู่ตรงนี้?

ผมรู้สึกใจแป้วทันทีที่คิดแบบนั้น รีบหยิบมือถือขึ้นมาเช็กข้อความและก็ไม่เห็นอะไรเพิ่มเติมหลังจากที่คุยกันหลังลงเครื่อง ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะตัดสินใจโทรหาเขาเพื่อถาม

พรึ่บ!

แต่ยังไม่ทันได้กดโทรออกก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อมีใครบางคนเดินมายืนอยู่ตรงหน้าผม ถือวิสาสะเลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามออกแล้วทิ้งตัวนั่งกอดอกวางมาดเหมือนตัวร้ายในละครหลังข่าว

ผมเงยหน้ามองร่างเพรียวบางกับใบหน้าสวยเฉี่ยวที่จำได้ขึ้นใจด้วยความตกใจ แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากถามอะไร ริมฝีปากบางเคลือบลิปสติกสีแดงสดเข้ากับใบหน้าก็ฉีกยิ้มกว้างพลางเอ่ยทักทายด้วยประโยคที่คงจะเตรียมมาเพื่อทักผมโดยเฉพาะ

“เธอเหรอ ตรี แฟนเชน?” เธอเลิกคิ้วถามทั้งที่คงจะมั่นใจอยู่แล้วว่าไม่ได้ทักผิดคน

“...”

“หน้าตาน่ารักดีนะ”

“...”

“อยากเห็นจังว่าตอนร้องไห้จะยังน่ารักอยู่หรือเปล่า” อยู่ๆ คนตรงหน้าก็ยื่นหน้าเขามาฉีกยิ้มร้ายกาจที่ดูคุ้นตาอย่างประหลาดให้ผม ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้หัวใจผมหยุดเต้นไปชั่ววินาที

“เลิกกับเชนซะ”

“...!”

“ขอโทษที่เพิ่งมาบอก...”

“...”

“แต่เชนน่ะ...เขาเป็นของฉันมาก่อน”

“...!!”

นี่มัน...อะไรกันวะ?

ใครก็ได้ ช่วยบอกหน่อยเถอะครับ...ว่าตอนนี้ผมกำลังฝันอยู่




-- makok_num --

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :hao7:  อิเจ๊ สัมผัสได้ถึงความขี้แกล้งง่า

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
เห็นด้วยว่าเจ้น่าจะแกล้ง
ค้างเบาๆ
 :hao7:

ออฟไลน์ ben10

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
อร๊ายยยยยย อีเจ๊ เดี่ยวตบคว่ำ :beat:
โชนี่ อย่าเยอะคะลูกกกก ซันจัดหนักทีดิ :oo1:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
เอ๋ๆๆ

พี่สาวเชนหรือเปล่า?

แต่คาใจจริง โชเป็นอดีตที่ไหนหนอ?


ซันโชๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ค้างงงงงงงงงงงงงงงง :katai4: :ling1: :katai1: :z3:
พี่เชนรีบมาเคลียร์เลยนะ  :m16: :m16: :m16:
#เชนตรี #ซันโช

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ NUBTANG

  • Nothing is impossible. "[+++++]"
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เออ เหอะ เอาเถอะ - -

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ฟากกกกกกกกกกกก ค้างมากกกก
อีเจ๊นี้เล่นอะไร

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เชน ชอบทำตัวติดต่อไม่ได้ แปลก? :m16:
พี่สาวคนนี้ รู้ได้อย่างไร ว่าตรีเป็นแฟนเชน ?
แถมมาสั่งให้เลิก ว่าเชนเป็นของตัวเองมาก่อน  :katai1:
พี่สาวเชนป่ะ  :mew2:
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
35
ความจริง
 
               
“...” ผมได้แต่นั่งนิ่ง มองหน้าเธอด้วยความงงสุดขีด
               
“...” และเธอก็มองหน้าผม ด้วยท่าทางที่เหมือนกำลังลุ้นอะไรบางอย่างอย่างสุดขีดเช่นกัน
               
“อ้าว ไม่ยักร้อง หรือมุกนี้ไม่แรงพอ?” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน
               
เป็นภาพที่คุ้นตาไม่ต่างจากรอยยิ้มมุมปากร้ายกาจเมื่อครู่... ประหลาดมาก เหมือนผมเคยเห็นรอยยิ้มและท่าทางการขมวดคิ้วแบบนี้มาก่อน

“งั้นเปลี่ยนเป็นอะไรดี” เธอพึมพำ ทำท่าครุ่นคิด “ฉันกับเชนกำลังจะแต่งงานกันในไม่ช้า จงเป็นฝ่ายถอยไปซะ!” พูดจบ เธอก็จ้องหน้าผมนิ่งอีกรอบ
               
“...”
               
ผมว่าไม่ใช่ละ ประโยคหนังจีนแบบนี้...
               
“สนุกมากมะ” แต่ขณะที่ผมได้แต่นั่งโง่งมโข่งอยู่นั้นเอง เสียงทุ้มที่แสนจะคุ้นเคยก็ดังมาจากด้านหลัง พร้อมกับอะไรบางอย่างที่ลอยมาหาผู้หญิงตรงหน้าผม ซึ่งเธอก็ยกมือขึ้นรับได้อย่างพอดิบพอดี
               
“ถ้าร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ ฉันฆ่าเธอแน่” ไม่กี่วินาทีต่อมาร่างสูงเจ้าของเสียงทุ้มนั้นก็เดินมายืนข้างผมซึ่งเงยหน้าขึ้นไปสบตากับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเรียวคมของเขาพอดี
               
แล้วหัวใจของผมมันก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
               
ให้ตาย ผมไม่ได้เห็นใบหน้านี้มานานแค่ไหนแล้วเนี่ย
               
เราสบตากันอยู่อย่างนั้นนิ่งๆ นานหลายวินาที ขณะที่คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเรื่อยๆ ด้วยสีหน้ายากจะอธิบาย และเชนก็เป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีไปหาผู้หญิงปริศนาคนเดิมซึ่งผมลืมไปแล้วว่าเธอนั่งอยู่ด้วย
               
ลืมไปแล้วว่าควรถามเขาว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร
               
“เอารถมาให้แล้ว ขับกลับด้วย” เขาสั่งนิ่งๆ สิ่งที่เพิ่งโยนมาเมื่อกี้คือกุญแจรถนั่นเอง
               
ฟังจากน้ำเสียงแล้ว สถานะของทั้งสองคนไม่น่าจะใช่อะไรที่ผมกังวลอยู่เลย
               
อยู่ๆ มันก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ความจริงเลยด้วยซ้ำ
               
“แหม พอเจอน้องเหมียวมึนสุดที่รักก็เนรคุณกันเลยนะยะ” ร่างบางเจ้าของริมฝีปากแดงสดเบ้หน้าอย่างหมั่นไส้
               
เหมียวมึน?
               
หมายถึงผมเหรอ?
               
“หรืออยากจะรถคว่ำตาย” เชนเลิกคิ้วนิ่งๆ คราวนี้ดวงตาคมที่กรีดอายไลน์เนอร์หนาจึงหันมามองผม ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง
               
“เออๆ อะไรมันจะคลั่งขนาดนั้นวะ”
               
“...” บอกตามตรง ว่าผมตามไม่ทัน
               
เป็นบทสนทนาที่โคตรจะ Abstract เลยครับ
               
“ไปเหอะ” แต่ยังไม่ทันจะปะติดปะต่ออะไรได้ มือหนาก็เอื้อมมาคว้ากระเป๋าเป้ของผมไปพาดบ่า ก่อนจะหมุนตัวทำท่าจะเดินออกไป แต่เพราะผมยังข้องใจ ก็เลยเอื้อมมือไปคว้ามือข้างที่เหลือของเขาไว้ก่อน
               
“เดี๋ยวดิ” เชนหยุดชะงัก ขมวดคิ้วมองมือผมที่จับอยู่ที่แขนเขาด้วยสีหน้ายากจะอธิบายอีกแล้ว “ขอคำอธิบายก่อน”
               
เขาดึงแขนของตัวเองออกจากมือผมไปล้วงกระเป๋า มันเป็นปฏิกิริยาที่แปลกมาก แต่ผมก็ปล่อยผ่าน เพราะมีเรื่องอื่นที่อยากจะถามมากกว่า
                 
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร” ผมมองผู้หญิงตรงหน้า แล้วหันกลับมาสบตาเขาอีกครั้งอย่างต้องการคำตอบ
               
ถึงแม้ท่าทางที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแอบแฝงของทั้งสองคนจะทำให้ผมเบาใจได้ว่ามันอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิด แต่ยังไงซะ ผมก็ยังอยากได้ยินคำตอบจากปากเขาอยู่ดี
               
เชนมองผมสลับกับร่างบางที่ยกมุมปากยิ้มร้ายๆ อีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ “ยัยนี่ชื่อริบบิ้น”
               
“...” อันนั้นเป็นข้อมูลที่ผมรู้แล้ว
               
“เป็นพี่สาวฉันเอง”
               
“ฮะ?” แต่ข้อมูลใหม่ที่เพิ่งได้ยินก็เล่นเอาผมเหวออย่างคิดไม่ถึง ก่อนจะหันไปเลิกคิ้วมองร่างบางอย่างงงๆ “ตะ... แต่ในประวัติ คุณเป็นลูกสาวคนเดียวไม่ใช่เหรอ” ผมถามออกมาด้วยความสับสน
               
ถึงจะยังอ่านชีวประวัติที่ยาวเป็นหน้าๆ ของเธอไม่ครบ แต่ผมก็ค่อนข้างมั่นใจนะว่าในนั้นมันเขียนว่าเธอเป็นลูกสาวคนเดียว... แล้วอยู่ๆ เชนก็มาบอกว่าเป็นพี่สาวเนี่ย มันหมายความว่ายังไงกัน
               
ผมเข้าใจอะไรผิดไปเหรอ?
               
พอเห็นสีหน้างงเป็นไก่ตาแตกของผม เจ้าของริมฝีปากสีแดงสดก็หัวเราะออกมาอีกรอบ “แฟนแกนี่ตลกว่ะ มาสืบประวัติคนอื่น แต่ดันไม่รู้ประวัติแฟนตัวเองเนี่ยนะ” เธอหันไปเลิกคิ้วใส่เชนอย่างล้อเลียน
               
ร่างสูงเลยถอนหายใจหนักๆ ออกมาพลางปรายตามองผมเหมือนเหนื่อยใจ “บอกแล้วว่าเป็นคนมึนๆ”
               
“เออมึนจริงจัง ขอหยิกแก้มสักทีได้มะ หมั่นไส้”
               
เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งปล่อยเบลอคำถามผมกันสิครับ
               
“เรื่องมันยาว เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังในรถ” พอเห็นว่าผมยังไม่เลิกทำหน้าสงสัย เชนก็หันมาพูดพลางยกมือขึ้นเสยผมท่าทางงุ่นง่าน ก่อนจะสบตาผมด้วยสายตาจริงจัง “เพราะงั้นรีบตามมาสักทีเหอะ”
               
“...?”
               
“ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหว แล้วดึงมาจูบต่อหน้าคนทั้งร้าน” ว่าจบร่างสูงก็เอื้อมมือมาขยี้หัวผมแรงๆ อย่างหมั่นไส้ ก่อนจะหมุนตัวเดินหนีไปหน้าตาเฉย ทิ้งผมที่ได้แต่ช็อกค้างกับคำพูดนั้นไว้กับผู้หญิงที่เขาบอกว่าเป็นพี่สาวซึ่งระเบิดหัวเราะเสียงดังท่าทางเหมือนสะใจ ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นเดินตามเชนไป แต่ก็ไม่วายเอื้อมมือมาขยี้หัวผมแรงๆ เหมือนที่เชนทำ
               
ตอนนั้นเองที่ผมปะติดปะต่ออะไรสักอย่างได้ในหัว... เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงรู้สึกคุ้นๆ กับรอยยิ้มร้ายๆ และท่าทางการขมวดคิ้วของผู้หญิงปริศนาคนนี้
               
เหมือนกันแม้กระทั่งน้ำหนักมือที่ขยี้ลงมาบนหัวผมแบบนี้
               
เชื่อแล้วล่ะครับว่าเป็นพี่น้องกันจริงๆ...
 
               
เวลาผ่านไป
               
เขาชื่อพันธกานต์... พันธกานต์  กานต์สุริยะ
               
ใช่ครับ แฟนผม คือลูกชายอีกคนของผู้บริหารสูงสุดของบริษัทกานต์สุริยะ...
               
ตกใจใช่มั้ย?

เออ... ผมก็ช็อกไปเลยเหมือนกัน

ทั้งที่รู้จักกันมาตั้งนาน แต่ผมกลับไม่รู้เลยว่าเชนนามสกุลอะไร เพราะเฟสบุ๊คของเขา ก็ใช้แค่ชื่อจริง ไม่มีนามสกุลต่อท้ายใดๆ

ทั้งหมดมันเป็นความสะเพร่าของผมเองที่ไม่เคยถาม หรืออยากรู้พื้นเพครอบครัวของเขามาก่อน แล้วก็ไปคิดเอาเองเป็นตุ
เป็นตะว่าเขาอาจจะนอกใจ
             
ใครก็ได้ตีหัวผม ให้สาสมกับความโง่นี้ที

พี่ริบบิ้นเป็นคนอธิบายความจริงทั้งหมดให้ผมฟังขณะที่เรากำลังนั่งรถไปที่บ้านของทั้งคู่ เพราะเชนเอาแต่นั่งเงียบมองออกไปนอกหน้าต่างสีหน้าเหมือนกำลังหงุดหงิดลมฟ้าอากาศจนผมไม่กล้าแม้แต่จะถามว่าเขาเป็นอะไร พี่ริบบิ้นบอกว่าที่ในประวัติของพี่ริบบิ้นเขียนไว้ว่าเธอเป็นลูกคนเดียว นั่นก็เพราะเชนกับพี่ริบบิ้นเป็นพี่น้องคนละแม่กัน ดังนั้นเธอจึงเป็นลูกคนเดียวของพ่อเชนกับแม่เธอ ส่วนเชนเองก็เป็นลูกคนเดียวของพ่อกับแม่เขาเหมือนกัน และตอนนี้ภรรยาคนปัจจุบันที่อยู่กับพ่อของเชน ก็คือแม่ของพี่ริบบิ้น ซึ่งเข้ามาในบ้านหลังจากที่แม่ของเชนเสียชีวิตไปแล้ว

มันออกจะแปลกสักหน่อย ที่ภรรยาคนปัจจุบันมีลูกสาวอายุมากกว่าภรรยาคนก่อน แต่ว่าเรื่องในครอบครัวของเขาเป็นอะไรที่ซับซ้อนเกินกว่าผมจะเข้าไปยุ่งมากกว่าที่ทั้งสองคนอยากจะบอก ผมก็เลยไม่ได้ถามอะไรออกไป 

รู้แต่เพียงว่า สาเหตุที่เขาไม่โทรหาหรือแชทมาหาผมก่อนหน้านี้ ก็เป็นเพราะพี่ริบบิ้นนี่แหละ ที่ยื่นข้อเสนอพิเรนท์ๆ กับเขา แลกกับการที่จะไปคุยกับพ่อ เรื่องที่เขาจะคบกับผม...

มันเป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ตระกูลที่มีชื่อเสียงและกิจการใหญ่โตขนาดนี้จะต้องการคนสืบทอดกิจการในภายภาคหน้า แต่ว่า ถ้าลูกชายเพียงคนเดียวที่น่าจะได้เป็นเสาหลักของบริษัทในอนาคตไม่ได้ชอบผู้หญิง... นั่นหมายความว่าเขาจะไม่สามารถมีทายาทที่จะมาสืบทอดกิจการต่อไปให้กับพ่อของเขาได้ ก็เลยต้องหาทางที่ทำให้เขาสามารถคบกับผู้ชายอย่างผมได้ และขณะเดียวกัน บริษัทก็ยังมีเสาหลักที่มั่นคงพอ

บอกตามตรง ว่าผมไม่เคยคิดไปไกลถึงขนาดนั้นเลย

“แกล้งแค่นี้ยังน้อยไป ฉันต้องแต่งงานเร็วขึ้นก็เพราะพวกแกเลยนะ” พี่ริบบิ้นบอกน้ำเสียงเซ็งๆ หลังจากที่เฉลยว่าเธอเป็นต้นเหตุของการที่เชนไม่ติดต่อผมให้ฟัง


[ ขอโทษ แต่เหตุผลมัน... โคตรจะงี่เง่าเลย ]

             
น้ำเสียงเครียดๆ ของเชนในวันที่เขาโทรมาโวยวายเรื่องโชดังเข้ามาในหัวผมทันที ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าเหตุผลที่เขาบอกมันคืออะไร

               
[ โง่ชะมัดที่ยอมทำอะไรแบบนี้ ]


ผมไม่มีอะไรจะพูดเลยเมื่อได้รู้ความจริง

ความคับข้องใจของผมหายไปพร้อมกับความรู้สึกผิดที่เข้ามาแทนที่ อย่างที่พี่ริบบิ้นบอก การที่พวกเราโดนเธอแกล้งไม่ให้ติดต่อกัน ดูจะเป็นเรื่องงี่เง่าไปเลยเมื่อเธอต้องรับภาระเป็นเสาหลักสืบทอดทายาทของตระกูลแทนน้องชายจอมหัวแข็งที่สิบปีจะติดต่อกลับมาที่บ้านที แต่อยู่ๆ ก็กลับมาขอร้องให้เธอยอมสละชีวิตโสดเพื่อสืบทอดตระกูลแทนตัวเอง (พี่ริบบิ้นมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วครับ แต่ยังไม่มีแผนแต่งงาน เพราะพี่แกหวงแหนชีวิตโสดยิ่งกว่าอะไร)

ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ เชนก็ทำเรื่องเอาแต่ใจตัวเองเสมอเลย ว่ามั้ย?

แต่เป็นการเอาแต่ใจที่ทำให้หัวใจของผมมันพองโตจนอยากจะพุ่งเข้าไปกอดเขาแน่นๆ สักที... ถ้าไม่ติดที่ว่ามีสายตาของพี่ริบบิ้นคอยมองพวกเราอยู่ล่ะก็นะ

“แต่ก็สะใจชะมัด ตอนที่เห็นสีหน้าทรมานเหมือนจะลงแดงเพราะความคิดถึงของไอ้ขี้เก๊กนี่” เสียงหวานว่าพลางมองผ่านกระจกส่องหลังไปหาเชนแล้วหัวเราะ

“ก็นะ ถ้ามีแฟนน่ารักน่าฟัดขนาดนี้ ฉันก็คงคลั่งจนอาละวาดเหมือนกัน ถ้าไม่ได้เจอหน้าตั้งหลายเดือน” คราวนี้เจ้าของดวงตาคมเลื่อนสายตามามองผม ก่อนจะยิ้มมุมปากเหมือนเคย

ถึงจะเป็นพี่น้องคนละแม่ก็เหอะ แต่ไอ้รอยยิ้มร้ายๆ นี่ มันเหมือนกันเกินไปมั้ย อย่างกับเป็นสิ่งที่สืบทอดทางพันธุกรรมงั้นแหละ

ผมปล่อยให้พี่ริบบิ้นพูดอะไรไปตลอดทาง พลางมองไปที่เชนเป็นระยะๆ ด้วยความเป็นห่วงที่เขาเอาแต่เงียบเหมือนกำลังคิดอะไรยากๆ อยู่คนเดียว แต่เหมือนเขาจะรู้ตัว จึงเลิกขมวดคิ้วหันมามองผมแล้วเลื่อนมือมาจับมือผมไว้พลางบีบเบาๆ ส่วนมืออีกข้างก็เอื้อมมาขยี้หัวผมอย่างหมั่นไส้

“แมวโง่เอ๊ย”

ผมอยากจะถามจริงๆ ว่าเขาไปเอาไอ้ฉายาพวกนี้มาจากไหน ตั้งแต่ตอนที่ได้ยินพี่ริบบิ้นเรียกผมด้วยสรรพนามแปลกๆ ที่ร้านแล้ว

เหมียวมึน? แมวโง่?

ผมว่า ตัวเองก็ไม่ได้มีส่วนไหนบนใบหน้าที่คล้ายแมวเลยนะ

แต่เอาเถอะ ผมไม่คิดจะเถียงหรือแก้ตัวอะไรหรอก เพราะมันอาจจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็ได้

ผมเป็นแมวโง่ๆ ตัวหนึ่ง ที่ไม่รู้เลยว่าลับหลังตัวเอง เจ้าของปลอกคอที่ผมสวมอยู่ กำลังทำอะไรเพื่อ ‘เรา’ บ้าง





-- makok_num --

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
พี่เชนๆๆๆๆๆ


ยอดสามี >< ทุ่มเท!

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
โอ้ววว. ต่อไปก็รับขวัญสะใภ้สินะ
พี่ริบบิ้นเอ็นดูน้องเยอะๆนะ
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
พี่เชนนนนนนน o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
เจอพี่ริบบิ้นแล้วเหลือพ่อแม่พี่เชนจะว่าต้อนรับว่าที่ลูกสะใภ้ยังไง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
พี่เชนสุดยอดอ่ะ ทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้คบต่อไป

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ถึงจะเป็นแมวโง่ แต่พี่เชนก็ร้ากก มากนะคะ
 :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด