เสน่หา...รักเอย {จบแล้วจ้า}{Mpreg}{P.๑๔}{๑๕/๐๕/๖๑}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เสน่หา...รักเอย {จบแล้วจ้า}{Mpreg}{P.๑๔}{๑๕/๐๕/๖๑}  (อ่าน 154491 ครั้ง)

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป...

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
สงสารน้องกานต์ แต่อยากให้น้องรู้จักวิ่งชน ทั้งที่ครอบครัววินท์ก็รู้แล้ว ทำไมต้องหนี  ฉากเห็นน้องกานต์ต่อสู้เพื่อลูกมากกว่าหนีปัญหาแบบนี้

ออฟไลน์ KoTo_Nat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
เข้ามาทุกวันเผื่อคนแต่งเปลี่ยนใจ

ออฟไลน์ pamazier24

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
เริ่มออกทะเลแล้วคนแต่ง :hao3: เปลี่ยนตอนนี้ยังทันนะ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ชอบทั้งคุณพ่อรพินทร์ ทั้งน้องกานต์เลย

คุณพ่อสอนลูกได้ดีมากๆเลยค่ะ

ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
ร้องไหหนักมากกกกกกก

ออฟไลน์ KoTo_Nat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ต้นเดือนละน๊าาาา

จะมาอะยัง

ออฟไลน์ GUNPLAPLASTIC

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
โอ้ยย กานต์เข้มแข็งมากกกก เป็นไงล่ะวิน งงไปสิ
แต่ก็แอบเชียร์เบาๆ อยากให้พ่อแม่อยู่กันครบ

ออฟไลน์ goodgirls

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เมื่อไหร่จะมาอัพหนอ อัพหนอ รอหนอ อัพหนอ

ออฟไลน์ seii

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ไม่โอเคกับพระอกสุดๆ
อีวินเเกมันเเรด ร่าน เเละตอเเหล มากกกกก
หวังว่านายเอกของเราจะเข้มเเข็งให้ตลอดนะคะ
เเนวอ้อนไม่กี่เดือนเเล้วคืนดีนี่อย่าเชียวนะการ์ณ

อยากเห็นอีพระเอกรู้ความจริงเรื่องเข้าใจผิดพ่อตัวเองเร็วๆจัง
นิสัยตอเเหลคงเอามาจากเเม่ล่ะสิ
 :katai4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-03-2017 06:55:38 โดย seii »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
เสน่หา...รักเอย ๒๒

"โอ้พี่จ๋า น้องยา ลาพี่แล้ว
จำจากแก้ว แพรวขวัญ ทั้งหวั่นไหว
มิอาจอยู่ คู่ชิด สนิทใจ
จำจากไกล ทั้งใจรัก ภักดิ์อาวรณ์"


หลังประตูอัลลอยบานเขื่องเลื่อนเปิดออกนั้น รพีกานต์มองเห็นเส้นทางทอดยาวไปยังคฤหาสน์หลังโอฬารอัครฐานตั้งตระหง่านบนพื้นที่กว้างขวางหลายไร่ ส่วนหน้าคฤหาสน์จัดเป็นสวนน้ำพุสวยงาม ตลอดสองฝั่งถนนที่ทอดไปตัวคฤหาสน์ขนาบด้วยต้นปาล์มขวดไปตลอดเส้นทาง

รพีกานต์ลูบท้องกลมขณะกวาดสายตามองอาณาจักรอิศวัชร์ ตระกูลมหาเศรษฐีแถวหน้าของเมืองไทยด้วยความรู้สึกไม่สู้ดีนัก ด้วยไม่ได้นิยมชมชอบความอภิมหาหรูหราแบบนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ใจดวงน้อยกระหวัดถึงบ้านริมแม่น้ำร่มรื่นด้วยแมกไม้ของตนเองมากกว่า
ป่านนี้พ่อคงคอย...

รำพึงรำพันด้วยความอึดอัดใจ แรงดิ้นเล็ก ๆ ในท้องนั้นดูเหมือนเจ้าสามแฝดจะเข้าใจความกังวลนี้ดี

“ไม่ชอบหรือ” อัครวินท์หันมาถามหลังสังเกตสีหน้าเจือกังวล

“บ้านพี่วินหลังใหญ่แล้วก็กว้างเกินไปครับ” รพีกานต์ตอบตามตรง เบือนหน้าหันมาหา “พี่วิน กานต์อยากกลับบ้าน”

“กว้าง ๆ สามแฝดจะได้วิ่งซนได้ไง มีสนามกอล์ฟให้เล่นด้วย” อัครวินท์เลือกปัดคำวอนขอของเจ้าของดวงตาเว้าวอนทิ้ง รพีกานต์เห็นท่าทีดังนี้จึงบ่นอุบ

“พี่วินเอาแต่ใจ”

“เมียพี่น่ารัก น่ารักทั้งหน้าตาแล้วก็นิสัย พี่ไม่ใจเย็นปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ อีกหรอก” อัครวินท์หมายมั่น ลำพังหน้าตาคงไม่เท่าไร เพราะเขาเจอคนหน้าตาดี ๆ มาเยอะแยะ แต่คนนิสัยน่ารักน่าอยู่ด้วยใกล้ ๆ เสน่ห์แบบนี้ของรพีกานต์นี่แหละที่ทำให้เขานึกหวง

“พี่บ้าหรือเปล่า กานต์เป็นผู้ชายนะ ไม่ใช่ผู้หญิงสวย ๆ ที่พี่จะได้มานึกหวง คอยกันท่าคนนั้นคนนี้” คนท้องอดแหวให้ไม่ได้ ระดับอัครวินท์ควงแต่ละคนสวยกว่าดาราเสียด้วยซ้ำ รถหรูหยุดลงกึกหน้าคฤหาสน์ อัครวินท์หันมาหาเจ้าของใบหน้างอ

“กานต์ไม่รู้ตัวหรอก แต่ถ้าลองถามพี่ณัฐ เขาก็คงตอบเหมือนพี่ เข้าไปข้างในกันเถอะ” ชายหนุ่มเปิดประตูออกไปก่อน ร่างใหญ่รีบอ้อมมาเปิดประตูให้ รพีกานต์ก้าวเท้าลงจากรถด้วยรู้สึกประหม่า เงยหน้ามองสถานที่ก็ให้รู้สึกราวตนเองเป็นเพียงมดตัวเล็กจ้อยเท่านั้น

“ค่อย ๆ เดินนะครับ ระวังสะดุดบันได” เขาเอ่ยนุ่มนวล วาดแขนโอบเอวประคองพาคนรักเข้าไปข้างในบ้าน มือใหญ่จับมือเล็กเย็นเฉียบชื้นเหงื่อจึงได้รู้ว่ารพีกานต์ประหม่าแค่ไหน

“ไม่ต้องกลัว ปู่พี่เหมือนดุแต่จริง ๆ ใจดี คนอื่น ๆ ก็ด้วย” เขาปลอบประโลม จูบหน้าผากมนให้อีกคนอ้าปากค้างไปเสียทีหนึ่ง รพีกานต์ตาโตเหลียวมองซ้ายขวากลัวคนเห็น หัวใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ตลอดทางที่เดินผ่านเฟอร์นิเจอร์หรูหราซึ่งล้วนเป็นของอิมพอร์ตราคาแพง

“พี่วิน...” มือเล็กฉุดแขนหนาเมื่อเขากำลังจะพาเข้าไปในห้องรับแขกที่ทุกคนรออยู่พร้อมหน้า

“ไม่เป็นไร” เขารุนหลังคนอึกอักให้เข้ามาในห้อง ที่บอกว่าไม่เป็นไรเขาเพียงปลอบรพีกานต์ให้เบาใจเท่านั้น หากแต่ตัวเองก้าวขาแต่ละก้าวหนักราวถ่วงหิน ใครบอกว่าปู่ไม่ดุ !

‘อินทร์ฉาย อิศวัชร์’ ประมุขของบ้านนั่งสีหน้าเดาอารมณ์ยากรออยู่ที่โซฟาใหญ่ ข้างกายคือคุณหญิงสิริปรียา อิศวัชร์ ศรีภรรยาที่ปกติมักปลีกตัวออกไปปฏิบัติธรรมที่วัดเป็นนิจ ยกเว้นวันนี้ที่ต้องยกเลิกไปเพื่อมารอเจอหลานสะใภ้โดยเฉพาะ ที่นั่งถัดมาข้างกันคือ ผดาชไม อิศวัชร์ สะใภ้ผู้เป็นมารดาของอัครวินท์ ทั้งหมดพร้อมหน้ารอการมาเยือนด้วยใจจดจ่อ มันน่าตกใจน้อยเสียที่ไหน จู่ ๆ เจ้าตัวดีประจำบ้านก็ส่งข้อความเข้ามาผ่าง! ประกาศสมาชิกใหม่ของบ้านอิศวัชร์ทีเดียวแฝดชายสาม ไม่รู้ว่าจะอารมณ์ดีใจหรือโกรธากับอัครวินท์ที่ก่อเรื่องขึ้นจนได้

 และทันทีที่เจ้าหลานตัวดีและเด็กหนุ่มหน้าละอ่อนคนหนึ่งปรากฏกายเข้ามาในห้อง ทุกสายตาก็พุ่งเป้าไปที่รพีกานต์เป็นตาเดียว เจ้าของใบหน้าสะอ้านถึงกับสะอึก ใบหน้าเผือดสีลงพร้อมก้มหลบสายตาทุกคนวูบ

“มาแล้วหรือเจ้าตัวดี อีกเดี๋ยวพ่อแกก็มา” อินทร์ฉายเอ่ยเสียงเย็นท่ามกลางความเงียบให้บรรยากาศยิ่งเหมือนอยู่ขั้วโลกเข้าไปใหญ่ สายตาเรียบนิ่งปรายมองหลานรักซึ่งอัครวินท์ถึงกับหน้าเจื่อนหดเหลือแค่สองนิ้ว สั่นหนักกว่ารพีกานต์เสียอีก

“นี่กานต์ครับ กานต์ นี่คุณปู่กับคุณย่าของพี่ แล้วก็คุณแม่” อัครวินท์แนะนำตัวรพีกานต์กับสมาชิกในครอบครัว มือเรียวยกขึ้นกระพุ่มไหว้เรียบร้อยอย่างที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี

“สวัสดีครับ” รพีกานต์เงยหน้าขึ้นสบตาแต่ละคน แม้จะหวั่นใจไม่น้อยแต่คนตัวเล็กนึกถึงคำพ่อสอน ว่าจงเงยหน้าสู้กับปัญหา เพียงเท่านี้ก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง

“นั่งสิ” ประมุขของบ้านเชื้อเชิญเสียงเรียบ ในใจประเมินรพีกานต์อยู่เงียบ ๆ ร่างเล็กหย่อนกายลงนั่ง สูดหายใจอย่างเตรียมพร้อมเผชิญหน้าแม้สมองจะขาวโพลนคิดอะไรไม่ออกก็ตามที ตอนนี้เองที่อินทร์ฉายปรายมองหน้าท้องที่นูนออกมาให้เห็นหน่อย ๆ เจ้าสามแฝดก็เหมือนจะรับรู้ได้อย่างไรอย่างนั้น พากันดิ้นระรัวจนรพีกานต์ต้องลูบท้องปลอบ

“เป็นอะไรไป” อินทร์ฉายอดสังสัยไม่ได้

“ลูกดิ้นน่ะครับ” รพีกานต์ตอบ มือลูบประโลมให้เจ้าตัวเล็กในท้องสงบลง แต่เหมือนได้ยินเสียงของอินทร์ฉาย สามแฝดก็ยิ่งดิ้นหนักกว่าเก่า อัครวินท์ได้ยินดังนั้นก็รีบปราดเข้าไปลูบบ้าง

“ดิ้นรัวเลยครับ สงสัยดีใจได้เจอปู่แน่ ๆ” ชายหนุ่มยิ้มประจบประแจง อีกสองสตรีที่ได้ยินอดสนใจขึ้นมาบ้างไม่ได้

“เธอ...เด็กผู้ชายใช่ไหม” อินทร์ฉายถามคนที่หลานพามาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ทั้งที่เมื่อกี้ระหว่างรอหลานเดินทางมาเขาก็ได้โทร. คุยกับนายแพทย์อัคริมา อิศวัชร์ ผู้เป็นหลานของพี่ชายฝาแฝดของตนเองแล้ว อีกทั้งยังเสิร์ชดูข้อมูลคร่าว ๆ เกี่ยวกับคนสองเพศ กระนั้นก็ยังคลางแคลงใจอยู่ดี

“ครับ” ดูเหมือนเสียงของอินทร์ฉายจะมีผลต่อสามแฝด ได้ยินเสียงทีก็พากันดิ้นที รพีกานต์รู้อยู่ในใจเงียบ ๆ ฝ่ายคนถามเมื่อได้คำตอบแล้วก็นิ่งไป

“แล้วนี่เป็นลูกเต้าเหล่าใคร ครอบครัวของเธอรู้เรื่องนี้แล้วว่ายังไงบ้าง” คำถามนี้รพีกานต์ไม่อยากให้ถามที่สุด แววกังวลฉายชัดบนใบหน้า พยายามนึกหาคำตอบที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดที่จะตอบ

“คุณพ่อท่านทราบเรื่องนี้แล้วก็ไม่ได้ว่าอะไรครับ เราคุยกันว่าจะช่วยกันเลี้ยงดูพวกแกให้ดีที่สุด อันที่จริงท่านอย่ากังวลเรื่องนี้เลยครับ พวกเราดูแลสามแฝดกันได้ จะไม่ให้เรื่องระคายมาถึงชื่อเสียงของทางนี้เลย” รพีกานต์ตอบน้ำเสียงฉาดฉาน สายตามุ่งมั่นจ้องตรงยังประมุขแห่งอิศวัชร์เพื่อยืนยันในเจตนาของตนเอง

“ได้ยังไงละกานต์” อัครวินท์โพล่งทะลุกลางปล้อง ก่อนถูกสายตาผู้เป็นปู่ปรามให้เงียบ กระนั้นก็ยังอดมองรพีกานต์ด้วยความกระวนกระวายไม่ได้

“หมายความว่าเธอ ไม่ต้องการให้ทางเรารับผิดชอบอะไรอย่างนั้นหรือ” อินทร์ฉายหยั่งเชิง คนของบวรกิตติ์วิวัฒน์รักในศักดิ์ศรีตนยิ่งกว่าอะไร

“ครับ” คำตอบนั้นแน่วแน่ ตอบแล้วก็นิ่วหน้า วันนี้สามแฝดแผลงฤทธิ์หนักเหลือเกิน

“เป็นอะไรไป” อินทร์ฉายมองอาการกุมท้อง ความรู้สึก ‘ห่วง’ ในเลือดเนื้อเชื้อไขของอิศวัชร์แล่นริ้วลึก ๆ ภาพอัลตราซาวด์สี่มิติของสามแฝดสั่นคลอนความรู้สึกไม่น้อย

“คือ...” รพีกานต์อึกอัก ลังเลใจที่จะตอบ “คือพวกแกได้ยินเสียงท่านแล้ว...แกดิ้นไม่หยุดน่ะครับ ทุกวันไม่ดิ้นขนาดนี้ แต่วันนี้ได้ยินเสียงท่านทีไร แกพากันดิ้นหนักทุกที”

“หนูขยับมานั่งตรงนี้สิ” คุณหญิงสิริปรียาเอ่ยขึ้นหลังนิ่งฟังอยู่นาน ร่างผิวผ่องนวลใยขยับชิดริมโซฟาเว้นที่ให้รพีกานต์ได้แทรกกลางระหว่างตนเองและสามี คนได้ยินถึงกับนิ่งไป

“มาสิหนู” เอ่ยซ้ำอีกครั้งด้วยแววตาอ่อนโยน คราวนี้อัครวินท์ออกโรงพารพีกานต์เข้าไปนั่งบนโซฟาเดียวกับปู่ย่าด้วยตัวเอง รพีกานต์อยากร้องไห้ขึ้นมาก็คราวนี้ แต่จะเสียมารยาทลุกหนีก็เป็นกิริยาที่ไม่งามนัก จะถูกตำหนิไปถึงบุพการีเอาได้ จึงได้แต่นั่งตัวลีบอยู่อย่างนั้น สามแฝดก็เหลือเกิน อยู่ใกล้คนของอิศวัชร์แล้วดูจะคึกคักกันเป็นพิเศษ

“ไหน ฉันขอจับดูบ้าง โลกเรามีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นได้ตลอดซิน่า” มือนุ่มเจ้าเนื้อสัมผัสลงบนท้องนูน รพีกานต์รู้สึกถึงความอ่อนโยนที่ถ่ายทอดมาให้ทั้งสายสัมผัสและแววตา

“ตายแล้ว ดิ้นได้จริง ๆ ด้วย เคยอ่านแต่ข่าวบอกว่าอนาคตผู้ชายจะท้องได้ แต่นี่ท้องธรรมชาติด้วย” รอยยิ้มยินดีปรากฏบนดวงหน้ามีสง่าราศี อัครวินท์รีบเปิดคลิปในโทรศัพท์ ก่อนเดินเข่าปราดเข้าไปหาผู้เป็นย่า

“นี่ครับ หน้าตาของคนที่กำลังดิ้นอยู่ในท้องกานต์ แม่มาดูด้วยกันซีครับ” เขาพยักพเยิดชวนมารดา ผดาชไมขยับเข้ามาใกล้ อัครวินท์จับมือมารดาแตะที่ท้องบ้าง มือสัมผัส สายตามองคลิปในห้องอัลตราซาวด์ เพียงเท่านี้ความยินดีก็ผุดขึ้นในหน้าทุกคน
“ปู่ไม่ลองแตะดูบ้างล่ะครับ เมื่อกี้กานต์บอกว่าสามแฝดดิ้นแรงมากเวลาได้ยินเสียงปู่” อัครวินท์หันมาทางปู่ที่มองดูทุกคน ท่าทางอยากจะพิสูจน์ด้วยแต่ยังไว้เชิง

“คุณคะ หลานของเรานะคะ ยังไงพวกแกก็มีสายเลือดของอิศวัชร์” คุณหญิงเอ่ยกับสามี ดูออกว่าสามีไม่ได้รู้สึกเดียดฉันท์เด็กในท้อง เพียงแต่ยังทำอะไรไม่ถูกก็เท่านั้น อินทร์ท่าทางลังเลก่อนลองยื่นมือสัมผัสหน้าท้อง ความรู้สึกบางอย่างแล่นปราดกระทบใจอย่างจัง มันเป็นความรู้สึกอุ่นวาบ ฟู ๆ อย่างประหลาดที่ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบาย

“มะรุมมะตุ้มอะไรกันครับ” เสียงอินทัชทักขึ้น รพีกานต์เงยหน้ามองผู้มาใหม่ ซึ่งผู้เดินเข้ามาพร้อมกับอินทัชก็ทำให้เขาพูดไม่ออก ไอยวริญท์...

“นี่มันอะไรกันน่ะ กานต์...กับพี่วิน แล้วที่บอกพี่วินทำแฟนท้อง คือกานต์หรือ” ไอยวริญท์งงเป็นไก่ตาแตก ด้วยไม่คาดคิดเรื่องพี่ชายกับเพื่อนสนิทมาก่อน

“เรา...ไม่รู้จะบอกกับรินยังไง” รพีกานต์อธิบายสีหน้าไม่สู้ดีนัก อันที่จริงเขาไม่ได้อยากปิดเพื่อนเลย

“แล้วนี่กานต์ท้องลูกของพี่วินอย่างนั้นหรือ” คำตอบคือการพยักหน้า ไอยวริญท์ขยับเข้ามาใกล้พลางยื่นมือแตะหน้าท้อง ซึ่งเจ้าตัวเล็กก็ทักทายผู้เป็นอาเป็นอย่างดี

“ท้องจริง ๆ ด้วย แล้ว...พี่ณัฐ” ปลายเสียงผ่อนลง ใบหน้าณัฐธีร์ฉายชัดในความทรงจำ ด้วยไอยวริญท์เคยเห็นพี่ชายคนดีคอยส่งขนมส่งน้ำให้ไม่เคยขาด แต่ไหงรพีกานต์กลับคบหากับอัครวินท์ได้ แถมยังตั้งครรภ์ คิดถึงตรงนี้ ไอยวริญท์ก็งงเสียยิ่งกว่างง

“รินอย่าเพิ่งซักอะไรเราเลย” รพีกานต์ออกตัวถึงความไม่สะดวกใจ สายตาเว้าวอนอ้อนอยากกลับบ้านถูกส่งไปหาอัครวินท์อีกครั้ง

“ทัชมาก็ดีแล้ว ดูผลงานเจ้าลูกชายตัวดีของแกมันก่อเรื่อง แล้วนี่จะเอายังไงกันต่อ” อินทร์ฉายเปิดประโยคถามบุตรชาย รพีกานต์สบตากับชายท่าทางภูมิฐาน ดวงหน้าละม้ายอัครวินท์มากเพียงแต่ดูมีวุฒิภาวะกว่า ทรงผมเซ็ตเปิดหน้าผากทำให้เขาดูหล่อแบบผู้ใหญ่ อนาคตอัครวินท์ก็คงจะเป็นแบบนี้  รพีกานต์ยกมือกระพุ่มไหว้ โดยไม่ต้องให้ใครบอก

“สวัสดีครับ”

“สวัสดี เอ่อ เธอเป็น...เด็กผู้ชายอย่างนั้นหรือ” อินทัชรับไหว้ กระพริบตาด้วยความไม่แน่ใจ

“ครับ” รพีกานต์พยักหน้ารับคำ แลเห็นหัวคิ้วบิดาของอินทัชมุ่นเข้าหากันน้อย ๆ

“แล้ว...เธอท้องกับวิน  เธอ...ท้องได้” กลั้นใจถามออกไป กระอักกระอ่วนทั้งคนถามและคนถูกถาม อินทัชนั่นยิ่งแปลกใจหนัก ก็อัครวินท์ลูกชายนั้นรังเกียจเขาที่เป็นเกย์ไม่ใช่หรือ แล้วไหงมายุ่งกับเด็กผู้ชายด้วยกันได้ แต่ดู ๆ ไปเด็กคนนี้ก็น่าเอ็นดูน้อยเสียเมื่อไหร่ เหมือนรพินทร์สมัยก่อนนั่นแหละ จากมาไม่เท่าไหร่ ใจเผลอคิดถึงอีกจนได้

“เอ่อ...” รพีกานต์อึกอัก สายตาเหลือบมองคนตัวใหญ่ ดวงหน้าละม้ายถอดพิมพ์จากคนถาม

“กานต์ท้องกับผม ไม่เชื่อพ่อดูคลิปนี้ได้ ก่อนมาที่นี่ผมเพิ่งพากานต์ไปอัลตราซาวด์มา ตอนแรกก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน” อัครวินท์ยื่นคลิปในโทรศัพท์ให้บิดาดู อินทัชละสายตาจากรพีกานต์หันมารับโทรศัพท์จากผู้เป็นลูกไปดู ผ่อนความอึดอัดในใจรพีกานต์จากการเผชิญหน้าตอบคำถามไปได้บ้าง มือเรียวลูบท้องกลม เจ้าสามแฝดดูเหมือนจะมีปฏิกิริยากับคนของอิศวัชร์เสียเหลือเกิน

แฝดน้อย หนูเป็นคนของบวรกิตติ์วิวัฒน์ เข้าใจไหมครับ

รพีกานต์บอกลูกในใจ สายตาเหลือบมองบิดาของอัครวินท์ไปด้วย ดู ๆ ไปแล้วพ่อลูกหน้าตาเหมือนกันมากจริง ๆ  แต่นิสัยนั้นแตกต่าง เพราะคนบิดานั้นดูนุ่มนวลใจเย็นกว่า เหลือบแลไปที่ประมุขใหญ่ของบ้าน พี่วินสง่างามแล้วก็ดุได้ปู่แน่ ๆ แต่นิสัยเอาแต่ใจไม่รู้ได้ใครมา รพีกานต์ขยับกายอึดอัด ใจกระหวัดถึงคนคอยที่บ้าน สายตาละห้อยส่งบอกอัครวินท์กลาย ๆ
พ่อจ๋า กานต์อยากพาแฝดน้อยกลับบ้านเราจัง บ้านพี่วินหลังใหญ่แต่กานต์อึดอัด

อินทัชดูคลิปแล้วก็นิ่งไป ตอนบิดาโทร.ตามให้กลับบ้านด่วน เพราะเจ้าลูกชายตัวดีดันทำเด็กผู้ชายท้อง เขานึกว่าตนเองหูเฝื่อนไปเสียอีก

“เฮ่อ แกนี่นะเจ้าวิน ฉันเตือนแกแล้วว่าคิดจะรักสนุกก็ให้ป้องกัน ไม่ป้องกันท้องก็ป้องกันโรค ยิ่งสวยยิ่งน่ารักเจอในที่อโคจรที่แกชอบไปนั่นก็ยิ่งผ่านมาเยอะ เอ่อ...ฉันไม่ได้หมายความว่าหนูไม่สะอาดนะ” อินทัชตำหนิบุตรชาย ประโยคหลังออกตัวว่าไม่ได้พาดพิงถึงอีกคน

“ผมรัดกุมตลอดเหอะ แต่กับกานต์เผลอแค่ครั้งเดียวเอง” อัครวินท์เป็นคนพูด แต่คนแก้มร้อนผ่าวจนต้องก้มหน้าหลบสายตากลับเป็นรพีกานต์ คนตัวเล็กนั่งตัวลีบในสถานะเหมือนตกเป็นจำเลยอย่างไรอย่างนั้น

“ตกลงว่าแกจะรับผิดชอบเด็กในท้องยังไงเจ้าวิน เวลาฉันบอกอะไรไม่เคยฟัง แต่พอเกิดเรื่องก็ไม่พ้นฉัน” นายธนาคารหนุ่มใหญ่เอ่ยลอย ๆ แต่หลายคนในห้องร้อน ๆ หนาว ๆ มองหน้ากันอิหลักอิเหลื่อด้วยไม่ผิดคำที่พูดมา

“ผมอยากให้กานต์มาอยู่ที่นี่ แค่กานต์กับลูก” อัครวินท์แจ้งความจำนง

“แล้วพ่อแม่เขาล่ะ แกคุยตกลงกับครอบครัวเขาแล้วหรือ ลูกเขาทั้งคน แกจะทำอะไรตามใจข้ามหัวพ่อแม่เขาได้ยังไง แล้วนี่แกถามความสมัครใจของเมียแกแล้วหรือยัง ว่าเขาอยากมาอยู่ด้วยกับแกที่นี่หรือเปล่า เขาท้องลูกแก แกต้องดูแลความรู้สึกเขา” อินทัชถามไถ่ อัครวินท์ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังเดี๋ยวจะเกิดเรื่องราวให้ตามแก้ไขไม่จบสิ้น

“ยังไม่ได้ถาม ก็เพิ่งรู้วันนี้ว่าท้อง แล้วก็พามาที่นี่เลย”

“ฟังนะ ก่อนที่แกจะเรียนรู้งานจากฉัน แกต้องหัดเปิดใจฟังความเห็นคนอื่นก่อน  แล้วถ้าแกคิดจะมีเมีย ก็หัดถามความเห็นเมียแกด้วย สองคนปรึกษาตัดสินใจร่วมกัน ไม่ใช่แกรวบรัดเขาให้ตามใจแกฝ่ายเดียวไปเสียทุกอย่าง” อินทัชร่ายยาว อัครวินท์หน้าเจื่อนลงถนัดตาเพราะปกติบิดาไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวอะไรกับเขามากนัก เรียกว่าแทบไม่คุยกันเลยด้วยซ้ำ บิดาของเขาใจดีแต่บทจะหือขึ้นมา แม้แต่ปู่ยังต้องฟัง รพีกานต์ได้ยินทุกอย่างแล้วให้รู้สึกนิยมในคำพูดของอินทัช ตั้งแต่เข้ามาที่นี่ก็มีแต่บิดาของอัครวินท์ที่ดูจะเข้าใจความรู้สึกของรพีกานต์กว่าใคร ดูตั้งสติได้ดี อดคิดไม่ได้ว่าถ้าอัครวินท์ได้นิสัยจากบิดา คงจะสมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติกว่านี้ ขณะกำลังมองด้วยความชื่นชม อินทัชก็หันมาทางรพีกานต์

“ฉันจะไปคุย ไปขอโทษครอบครัวของหนูด้วยตัวเอง ยังไงลูกชายฉันก็ก่อเรื่อง ขอโทษด้วยที่ทำให้หนูต้องลำบากเพราะลูกของฉัน ส่วนเรื่องเด็กในท้อง เดี๋ยวเราไปคุยตกลงกับครอบครัวหนูอีกที ไม่ต้องกังวลไปว่าเราจะปัดความรับผิดหลานในท้อง จะใครตั้งท้อง ยังไงแกก็สายเลือดอิศวัชร์”

“ขอบคุณครับ แต่ว่า...” รพีกานต์อึกอัก กระอักกระอ่วนใจที่จะเอ่ย หากอัครวินท์ไร้สำนึกปัดสวะให้พ้นตัวเสียแต่แรก เรื่องราวคงไม่ลุมลามมาถึงขั้นนี้ แล้วนี่บิดาของอัครวินท์ดูมีความรับผิดชอบขนาดนี้ จะทำอย่างไรดีหนอ รพีกานต์เอ๋ย

“ทำไมหรือ”

“เปล่าครับ”

“มีอะไรหนูบอกฉันได้ หากเจ้าวินมันทำให้อึดอัดอะไรก็บอก” อินทัชบอกอย่างเข้าใจ ตอนเดินเข้ามาก็เห็นสีหน้าอึดอัดของรพีกานต์ตอนถูกมะรุ้มมะตุ้มแปลกใจเรื่องลูกในท้องกันก็พอเข้าใจ เด็กหนุ่มคงตื่นคน

“กานต์อยากขอตัวกลับบ้านก่อนได้ไหมครับ คุณพ่อรออยู่น่ะครับ”

“ไปสิ วินไปส่งน้องไป ฝากบอกคุณพ่อหนูด้วยว่า อีกสองสามวันฉันจะไปเยี่ยม” อินทัชอนุญาต พยักพเยิดให้บุตรชายพาคนรักออกไปส่ง ส่วนตัวเขาคงต้องอยู่คุยหารือกับคนอื่น ๆ ในครอบครัวต่อ รพีกานต์กระพุ่มมือไหว้ลาทุกคน สบตากับไอยวริญท์ก่อนเบือนหลบ พลางขยับตัวลุกออกมา

“ถ้ากานต์ไม่อยากอยู่ที่นี่ งั้นพี่จะไปอยู่กับกานต์นะ” อัครวินท์เอ่ยบอกเมื่อก้าวพ้นห้องรับแขกมาได้ รพีกานต์เงยมองคนตัวใหญ่ที่ไม่รู้จะมาไม้ไหนอีก

“เดี๋ยวแวะห้องพี่ก่อนกลับ ไปจัดกระเป๋าไปบ้านกานต์กัน” เขาฉุดข้อมือเล็ก บิดาเพิ่งบอกไปแหม่บ ๆ แต่ก็ยังไม่วายเข้าอีหรอบเดิม


ห้องของลูกชายนายธนาคารกว้างเสียยิ่งกว่ากว้าง แล้วก็หรูหราเสียจนรพีกานต์รู้สึกว่าห้องของตนเองกลายเป็นบ้านเหมียวไปเลย ภายในตกแต่งด้วยเครื่องเรือนนำเข้ามองปราดเดียวก็รู้ว่าแพงระยับ แชนเดอเลียร์คริสตัลแขวนเด่นอยู่กลางห้อง มีชุดโซฟา โฮมเธียเตอร์จอยักษ์ แกรนด์เปียโนประดับคริสตัลสวารอฟสกี้ทั้งหลัง ห้องนี้ห้องเดียวก็แพงกว่าบ้านทั้งหลังของคนทั่วไปเสียอีก อัครวินท์จูงมือรพีกานต์เดินผ่านเข้าไปอีกห้องข้างในซึ่งเป็นห้องนอน เขาพาร่างเล็กไปนั่งลงบนเตียงนอนหลังกว้าง

“พี่ไม่เคยพาใครเข้ามาในห้องนี้เลย คนอื่นอย่างมากก็แค่ไปคอนโดฯ กานต์ไม่อยากอยู่ที่นี่กับพี่หรือ พี่จะเล่นเปียโนให้กานต์กับลูกฟังทุกวันเลย หรือไวโอลินด้วยก็ได้ พี่ให้กานต์เลือก”

“ที่บ้านก็มี” ถึงจะเป็นเปียโนธรรมดาหลังเล็กก็เถอะ อัครวินท์ผละไปเปิดลิ้นชักหยิบกล่อง ๆ หนึ่งออกมาก่อนกลับมาทิ้งกายนั่งใกล้ ๆ เปิดกล่องออกเป็นกล่องดนตรีคริสตัลเปียโน มือหนายื่นให้รพีกานต์

“บังเอิญดีจังที่กานต์ตั้งชื่อลูกเราคนหนึ่งว่าใกล้รุ่ง กล่องนี้พี่ให้กานต์เอาไว้ให้ลูกในท้องฟังนะ” เขาหมุนลานวางกล่องดนตรีเพลงพระราชนิพนธ์ลงในมือบางแนบหน้าท้อง พลางหย่อนกายลงบนพื้นแนบใบหูที่ท้องเพื่อฟังเสียงลูกน้อยคลอไปกับเสียงเพลง เห็นอย่างนี้ใจที่เคยแข็งก็ชักจะง่อนแง่นอ่อนลงหน่อยหนึ่ง สิ่งหนึ่งที่รพีกานต์ไม่เคยรู้ คืออัครวินท์เกิดจากกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ น้ำเชื้อเป็นของอินทัช แต่พ่อและแม่ของเขาไม่เคยร่วมรักสัมผัสในกันและกัน เปลือกนอกเขาคือคนที่มีเพียบพร้อมในทุกอย่าง ไม่ว่ารูปลักษณ์ สติปัญญาหรือชาติตระกูล แต่สิ่งเหล่านี้ไม่เคยถมหลุมดำในใจได้เต็มเสียที เขาไม่เข้าใจตัวเองสักเท่าไหร่ที่จู่ ๆ ก็หุนหันพลันแล่นพารพีกานต์มาให้คนที่บ้านได้รับรู้ ทั้งที่ก็ไม่รู้ว่าจะเลี้ยงดูลูกที่กำลังจะเกิดได้ยังไง มันงุนงงสับสน รู้แค่ว่าช่วงเวลาที่อยู่กับคนตัวเล็กเขามีความสุข และไม่ต้องการปล่อยรพีกานต์หลุดมือไปอีก ต้องการครอบครองร้อยรัดหัวใจดวงน้อยเอาไว้กับตัวเอง เขารู้แค่นี้

รพีกานต์มองคนที่ซบหน้าบนตักด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ร่างเล็กกำลังจะหนีหายไปจากเขา แต่อัครวินท์ก็กลับสร้างเยื่อใยบางเบาร้อยรัดเอาไว้แน่นทุกที แค่เห่อแหนเพียงชั่วคราวหรือต้องการอะไรกันหนอ หากวันหนึ่งเกิดเบื่อหน่ายขึ้นมาอีก จะผลักไสกันอย่างเดิมที่เคยทำไหม บาดแผลเก่ายังร้าวลึกในความรู้สึกเหลือเกิน จนพานให้รพีกานต์ระแวงว่าจะกลายเป็นเช่นเก่า สุขราวล่องลอยในปุยนุ่น สุดท้ายร่วงลงกระแทกพื้นความจริงกระอักเจียนตาย พอเถอะกับรสชาติความเจ็บปวดอย่างครานั้น รพีกานต์ไม่อยากจะลิ้มรสขื่นขมนั่นอีกคำรบสอง มันทรมานเหลือเกิน รพีกานต์จดจำฝังใจมาจนวันนี้ ขอบตาร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงกาลเก่า หยาดน้ำใสเอ่อคลอหน่วยตางามอย่างรวดร้าว หยาดน้ำในตาเศร้าแกมงดงามราวหยาดเพชร กลั่นมาจากหัวใจที่เคยภิณท์พัง
ลูกจ๋า ถ้าหนูได้รู้ว่าแม่เป็นคนพรากหนูจากอกพ่อด้วยตัวเอง ขอให้หนูอภัยให้แม่เถอะนะ มันดีกว่ารอให้วันหนึ่งพ่อเขาเบื่อเราแล้วเขี่ยทิ้งอีก หรือถ้าเขาจะเขี่ยทิ้งแต่แม่แล้วพรากเราจากกัน ถ้าจะต้องอยู่อย่างนักโทษประหารเพื่อรอให้วันนั้นมาถึง แม่ขอพาหนูหนีไปอยู่แต่เราดีกว่า เดี๋ยวเขาก็ลืมเราไปเอง

หยาดน้ำใสกลิ้งลงบนแก้มขาวร่วงเผาะลงแตะแก้มคนบนตัก หัวใจแบ่งเป็นสองฝักสองฝ่าย ฝ่ายที่ยังรักยื้อให้อยู่ต่อ ฝ่ายที่ระกำกระซิบบอกความช้ำจะต้องมาเยือนอีกหน จะทานทนได้หรือ อัครวินท์มุ่นคิ้วกับสัมผัสเปียกติดแก้ม ชายหนุ่มยกศีรษะขึ้นมองด้วยความฉงน

“กานต์ร้องไห้ทำไม” มือหนายื่นกรีดน้ำตาให้ ทำไมจู่ ๆ ถึงดูบอบบางเหมือนแก้วร้าวที่พร้อมแตกออกเป็นเสี่ยงขึ้นมาอีก และเขาก็แพ้น้ำตาของรพีกานต์เสียด้วย

“ไม่มีอะไรครับ กานต์แค่รู้สึกดีแล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาเอง พี่วินจัดกระเป๋าเถอะครับ จะได้กลับบ้านกันเสียที” รพีกานต์เบือนหน้าหลบมือหนา ปาดน้ำตาตัวเองลวก ๆ อัครวินท์พยักหน้าเข้าใจ ร่างใหญ่ลุกไปลากกระเป๋าเดินทางออกมาเปิด หยิบเสื้อผ้าของใช้ใส่ลงไปโดยมีรพีกานต์คอยช่วย

รถหรูพุ่งทะยานออกจากคฤหาสน์ ระหว่างรอรถติดไฟแดงอัครวินท์มักเลื่อนมือมากุมมือบาง หรือไม่ก็ยกขึ้นจูบไม่มีเหตุผลบ่อย ๆ บางครั้งก็แตะที่หน้าท้องเพื่อทักทายสามแฝด

“มันกะทันหันนะ จะพูดยังไงดี คือ...จนตอนนี้พี่ก็ยังทำอะไรไม่ถูกเท่าไร พี่ไม่คิดว่าพี่จะมีลูกตอนอายุสิบเก้า แล้วคิดดูซีว่า พอลูกเราอายุสิบเก้าเท่าพี่ตอนนี้ อายุของพี่ก็สามสิบแปด ผู้ชายสามสิบแปดก็ยังดูไม่แก่เท่าไร ดูอย่างพ่อพี่ พ่อกานต์นั่น สิบสี่กว่า ๆ หน้ายังอ่อนอยู่เลย คือ...พี่ยังงง ๆ ทำตัวไม่ค่อยถูก แล้ว...พี่เคยทำแย่ ๆ กับกานต์ไว้ด้วย พี่...” เขากระดากปากที่จะเอ่ย

“เรื่องที่พี่วินเอากานต์เป็นเดิมพันเกมบ้า ๆ เพื่อเงินแค่พันบาท แต่กลับลงทุนแบบขาดทุนเสียมากมายนะครับคุณลูกชายนายธนาคาร ปลาหน้าโง่ตัวเล็ก ๆ ตัวเดียวซื้อคันเบ็ดเสียแพงเชียว แล้วไอ้เงินพันเดียวนั่นก็ยัดอยู่ในหน้าอกสาวเชียร์เบียร์ อย่างว่าแหละนะก็ได้มันมาง่าย ๆ อย่างกับเศษกระดาษนี่นา เพราะกานต์มันง่ายเอง”

“กานต์”

“ถ้าพี่ยังมีหัวจิตหัวใจอยู่บ้าง ก็อย่าทำอย่างนี้กับใครอีกนะครับ คนที่ดูเหมือนลาโง่เป็นตัวตลกในสายตาพี่ ยอมให้พี่ทุกอย่าง ก็
เพราะเขารักพี่ แต่ถ้าวันไหนเขาเจ็บแบบสุด ๆ จนไม่อยากทน พี่ก็จะกลายเป็นมะเร็งร้ายที่ต้องตัดออกเพื่อรักษาชีวิตตัวเอง”

“กานต์...” อัครวินท์ครวญด้วยเถียงไม่ออก รพีกานต์มาโหมดอึมครึมเมฆทะมึนอมน้ำแบบนี้ ขืนพูดไม่เข้าหูเข้าเดี๋ยวฝนน้ำตาได้ลงห่าใหญ่ ซึ่งเขาเองรู้สึกไม่ดีเท่าไรที่เจอแบบนี้ อยากได้รพีกานต์คนเดิมที่ยิ้มได้ง่าย ๆ คนนั้นมากกว่า ทั้งหมดนี่มันเกิดจากเขาแค่เล่นกันสนุกแต่ผลที่ตามมากลับตลกไม่ออก อัครวินท์หน้าเจื่อนสนิท ต่างฝ่ายต่างปล่อยให้ความเงียบลอยวนรอบกาย เสียงเพลงจากกล่องดนตรีดังขึ้นผ่อนคลายความตึงเครียด รพีกานต์ถือไว้ใกล้ ๆ หน้าท้อง รอยยิ้มบางผุดขึ้นมุมปากเหมือนอยู่ในโลกส่วนตัวกับลูกน้อย รพีกานต์ที่เคยเดาความคิดได้ง่าย ตอนนี้กลายเป็นเขาเดาอารมณ์ไม่ถูกขึ้นมาเสียอย่างนั้น อยากได้คนเก่าที่มองเขาด้วยสายตาแห่งรักเต็มเปี่ยมกลับคืนมา แต่เมื่อเขาได้ทำลายคนเดิมแสนดีคนนั้นไปเสียแล้ว เขาต้องทำยังไง ไม่เคยรู้สึกเสียใจในการกระทำของตนเองที่ผ่านมาจนครั้งนี้ ที่คิดอยากย้อนเวลากลับไป

“ถึงบ้านแล้ว พี่จะเล่นไวโอลินให้กานต์ฟังนะ” เขายื่นมือไปลูบหน้าท้อง ทำได้เพียงประคองความรู้สึกที่เคยภิณท์พังด้วยความรู้สึกไม่ดีเท่าไร

“พี่ขอโทษ”

ต่อด้านล่างค่ะ :katai5:

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
๒๒ (ต่อ)

รถแล่นเข้าจอดในอาณาเขตบ้านสไตล์ขนมปังขิงหลังคุ้นเคย รพีกานต์ก้าวลงจากรถเดินไปหาบิดาในสวนพร้อมใครอีกคนหนึ่ง รพินทร์สบตากับบุตรชายอดีตคนรักเก่า สายตาอัดแน่นด้วยความชิงชังยังคงกร้าวโชนในดวงตาคม หากรพินทร์เลือกที่จะรับมือด้วยความเฉยเสีย เห็นกองไฟคุโชนอยู่ตรงหน้า หากไม่แหย่มือเข้าไปหาก็ไม่ต้องถูกไฟลวกมือ รพินทร์เพียงแต่มองไฟนั้นเผาไหม้ตัวเองอยู่ห่าง ๆ และเมื่อรพินทร์ไม่ได้ร้อนไปตามโทสะยั่วยุจากอีกฝ่าย คนที่ร้อนรุ่มจึงกลายเป็นคนที่สาดไฟเสียเอง อัครวินท์ขบฟันด้วยความขุ่นเคืองใจเงียบ ๆ เมื่อรพินทร์หันเหความสนใจไปหาบุตรชาย

“เป็นไงบ้างลูก” มือนุ่มลูบศีรษะของบุตรชายที่ทรุดกายลงกอดเอวซบใบหน้าลงตักทำนองออดอ้อน รพีกานต์ส่ายหน้าแทนคำตอบ จมูกสูดดมมะลิในมือพ่อ

“ที่บ้านผมรู้เรื่องแล้ว อีกสองสามวันคุณพ่อจะมาคุยกับทางนี้ ผมอยากให้กานต์ไปอยู่บ้านโน้นด้วยกัน แต่กานต์ไม่อยากไป ผมเลยจะมาอยู่กับกานต์ที่นี่” อัครวินท์เปิดปากบอกเอง

“ตามสบายเถอะ ขาดเหลืออะไรก็บอกน้องกานต์นะ ชอบหรือไม่ชอบกินอะไรเป็นพิเศษไหม แพ้อาหารอะไรหรือเปล่าจะได้เลี่ยง แพ้อาหารเรื่องใหญ่อยู่นะ” อัครวินท์หน้าม้านไปเมื่ออีกฝ่ายสนทนาปราศัยกับเขาด้วยดี ไม่ได้มีท่าทีอนาทรกับความร้ายกาจของเขา

“ขอบคุณครับ ผมกินได้หมด ไม่ได้แพ้อะไร” บุตรชายตระกูลใหญ่รู้สึกคอแข็งขึ้นมา จะก้าวร้าวด้วยก็ดูกระไรอยู่ด้วยทางนั้นก็พูดคุยเจรจาด้วยดี พลอยทำให้เขาตอบแบบสุภาพกลับไป รพินทร์เพียงพยักหน้ารับ ก้มบอกบุตรชายบนตัก

“ง่วงหรือครับคนท้อง สามแฝดชวนแม่นอนบ่อยนี่เนอะ ขับรถมาเหนื่อย ๆ น้องกานต์พาพี่วินไปพักผ่อนนะลูก แล้วนี่กินอะไรกันมาหรือยัง”

“พี่วินพาแวะกินข้าวแล้วครับ” รพีกานต์ตอบงึมงำ ความอึดอัดที่ได้รับแรงกดดันมาจากบ้านโน้นทำให้อยากซบตักพ่อ

“งั้นพาพี่เขาไปพักผ่อนนะลูกนะ กานต์เองก็ดูง่วง ไปหลับสักงีบ” มือนุ่มประคองสองแก้มยกศีรษะทุยขึ้นจากตักพลางส่งยิ้มอ่อนโยนประโลม อัครวินท์มองการแสดงออกของสองพ่อลูกเงียบ ๆ ตอนนี้เองที่เพิ่งสังเกตเห็นความผิดปกติของรพินทร์

“คุณไม่สบายหรือครับ”

“มะเร็งน่ะ ช่วงให้คีโมก็จะแย่นิดนึง ผมร่วงกับท้องผูกบางวัน” อัครวินท์นิ่งงันไปเมื่อได้ยิน ช่วงที่เขาหายไปสองพ่อลูกเจอมรสุมกันขนาดนี้เชียวหรือ และที่สำคัญ รพินทร์ไม่ต่อว่าเขาสักคำ นั่นทำให้รู้สึกละอายใจกว่าการถูกต่อว่าต่อขานเสียอีก

“ผมมีญาติเป็นหมอ เดี๋ยวจะลองถามดู บางทีอาจแนะนำหมอเก่ง ๆ ให้” กลายเป็นเขาที่อ่อนลง

“ขอบคุณมาก ที่รักษาอยู่ตอนนี้ก็รักษากับโรงพยาบาลศูนย์มะเร็งน่ะแหละ เดี๋ยวก็หาย อยากอยู่เลี้ยงสามแฝดนาน ๆ” รพินทร์ตอบอย่างคนมีกำลังใจดีเต็มเปี่ยม ดวงตาอ่อนโยนทอประกายความหวังยามมองลูกชาย

“ทำไม...คุณไม่ต่อว่าอะไรผมสักคำเรื่องกานต์” ค้างคาใจจนต้องเอ่ยถามออกมาตรง ๆ

“แล้วจะกลับมาทำร้ายกานต์อีกหรือเปล่าล่ะ” เมื่ออยากให้ถาม รพินทร์ก็ถามขึ้นมาจริง ๆ

“ไม่ ไม่แล้วครับ” เขาปฏิเสธหนักแน่น

“ถ้าเธอยังแค้นฉัน ก็มาลงที่ฉันเถอะ อย่าทำอะไรลูกฉันเลย แค้นคนไหนก็ลงกับคนนั้น ฉันอยู่ที่นี่ตลอดเธอมาได้ทุกเมื่อ ตอนเธอลงกับกานต์ เธอทำมันสำเร็จจริง ๆ นั่นแหละ ตอนนั้นฉันใจจะขาดที่รู้ว่ากานต์รถคว่ำ แต่ตอนนี้ลูกของฉันกำลังท้องลูกของเธอ ถ้าเธอจะไม่ใจร้ายจนเกินไปนักก็อยากให้นึกถึงตรงนี้ไว้เสมอ”

“ผมจะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว” เขายืนยันแข็งขัน

“ก็ดี ฉันเสียหัวใจไปแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าเธอจะไม่ใจไม้ไส้ระกำจนเกินไปก็อย่าทำร้ายหัวใจของฉันอีกเลย”

“กานต์เป็นหัวใจของผมเหมือนกัน” เขาสบตายืนยันความในใจ

“พ่อพูดเรื่องอะไร พ่อกับพี่วินรู้จักกันหรือครับ” รพีกานต์อดแทรกขึ้นมาไม่ได้ ใบหน้างุนงงเหลียวมองใบหน้าบิดาที อัครวินท์ที สลับกันด้วยความไม่เข้าใจ

“แล้วใครแค้นอะไรใครหรือครับ ทำไมพี่วินต้องแค้นพ่อด้วย”

“กานต์ฟังพ่อนะลูก ที่กานต์ต้องเสียใจเรื่องพี่วิน พ่อเองก็มีส่วน ถ้ากานต์ไม่ใช่ลูกพ่อ บางทีกานต์อาจไม่เป็นแบบนี้ พ่อเสียใจทุกครั้งที่เห็นกานต์ร้องไห้ทรมานเรียกหาพี่วิน พ่อเสียใจ...ที่กานต์ของพ่อต้องเจ็บปวด แต่ตอนนั้นพ่อก็ไม่ได้ห้ามกานต์คบกับพี่เขา เพราะพ่อไม่รู้ว่าแบบไหนมันจะทรมานกานต์มากกว่ากัน แต่พ่อก็ไม่คิดว่ากานต์จะรถคว่ำ พ่อขอโทษนะลูก”

“กานต์ไม่เข้าใจ ถ้ากานต์ไม่ใช่ลูกของพ่อมันจะเปลี่ยนอะไรได้หรือครับ ก็ในเมื่อพี่วินเห็นกานต์เป็นแค่เกม”

“พี่วินเห็นกานต์เป็นแค่เกม แต่ก็รักกานต์จริง ๆ นะลูก พ่อดูออก เอาเถอะ พาพี่เขาไปพักก่อน แล้วเราค่อยคุยกันนะ”

“แต่...”

“เชื่อพ่อสิลูก สามแฝดต้องพักมาก ๆ นะครับ เรายังมีเวลาคุยกันอีกมากไม่ใช่หรือ” รพินทร์จ้องตาบุตรชายสื่อความหมายโดยนัย รพีกานต์เข้าใจสิ่งที่บิดาสื่ออกมาผ่านสายตาจึงยินยอมโดยดี

“ก็ได้ครับ”

“อ้อ อีกอย่างหนึ่งนะ” รพินทร์หันมาทางอัครวินท์สีหน้าจริงจัง

“วันนี้อินทัชมาที่นี่ เขาแค่แวะมาเยี่ยม ฉันไม่รู้ว่าเขารู้ได้ยังไง แต่เราไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว สภาพของฉันตอนนี้คงไม่ทำให้เธอคิดเป็นอื่นไปได้หรอกนะ ฉันคิดว่าเธอควรจะรู้เรื่องนี้ไว้” รพินทร์บอกกล่าวด้วยความบริสุทธิ์ใจขณะสบตากับอัครวินท์

“ไม่มีอะไรแล้วก็ไปพักเถอะ ขับรถมาเหนื่อย ๆ ช่วงท้องนี่น้องกานต์จะง่วงบ่อย” รพินทร์บอกพลางพยักหน้าให้พากันไปพัก สายตามองสองร่างเดินเข้าไปในบ้าน เสียงข้อความในโทรศัพท์ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น ดวงตาว่างเปล่าปรายตามองดูข้อความพรีวิวโดยที่ไม่ได้แตะโทรศัพท์ แต่ก็รู้ว่าเป็นข้อความจากอินทัช มือบางคลึงดอกมะลิที่เริ่มช้ำในมือเล่น เอ่ยพึมพำเบา ๆ

“ผมแต่ง ‘เสน่หา...รักร้าว’ จบแล้ว ขออนุญาตยืมคุณมาใส่ในนิยายของผมนะครับ อย่างน้อยหากวันหนึ่งเราสองคนได้ตายจากกันไป นิยายเรื่องนี้จะเป็นอนุสรณ์ประจักษ์พยานความรักที่เคยเกิดขึ้นครั้งหนึ่งในอดีต”

มะลิน้อย ลอยลม ระทมรัก
สุดจะหัก ตัดใจ ใฝ่ถวิล
มะลิช้ำ น้ำคำ น้ำตาริน
ขวัญชีวิน สิ้นรัก หักเยื่อใย
-มญชุ์สิตางศุ์-

 
“กานต์ไม่ง่วงแล้วหรือ งั้นพี่สีไวโอลินให้ฟังนะ” อัครวินท์ถามคนที่นั่งพิงหมอนทำตาแป๋วอยู่บนเตียง ชายหนุ่มเฉไฉด้วยการหยิบไวโอลินขึ้นมาบรรเลงให้อีกคนฟัง

“กานต์แค่สงสัยที่พ่อพูดเมื่อกี้น่ะครับ” รพีกานต์เอ่ยสิ่งที่ค้างคาใจออกมา ดวงตากลมจ้องคนตัวโตอย่างอยากได้คำอธิบายเพิ่ม

“เอาไว้ให้พ่อกานต์เล่าให้ฟังก็แล้วกันนะ” เขาวางไวโอลินลงบนโต๊ะพลางโน้มกายลงจูบหน้าผากมน คลอเคลียไล่ลงปลายจมูกและริมฝีปากสีกุหลาบอ่อน ฝ่ามือร้อนลูบไล้แผ่นหลังผ่านเสื้อก่อนสอดมือเข้าข้างใน สัมผัสผิวเนื้อเนียนลื่นมือ

“อื้อ พี่วิน กานต์” รพีกานต์รีบปรามเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระ หากจมูกโด่งที่ซุกไซ้ซอกคอ ลมหายใจผ่าวร้อนของเขาก็พาให้สติเกือบเพริดไปไม่น้อย

“ไม่ได้หรือ” อัครวินท์ถาม ดวงตาคมเจือด้วยเปลวอารมณ์ชัดเจน

“คืนนี้ได้ไหมครับ คุณหมอบอกถ้าเบา ๆ ก็ไม่เป็นไร”

“เมียพี่น่ารักที่สุด” เขาฝังจมูกลงบนแก้มใสฟอดหนัก มือหนาลูบหน้าท้องทักสามแฝดพลางเอนกายลงหนุนตักคนท้อง ชายเสื้อถูกเลิกขึ้น จุมพิตอ่อนโยนแตะลงหน้าท้อง

“แข็งแรงนะสามแฝด” เขาบอกลูกน้อย กังวลเรื่องที่ยังไม่มีใครรู้เรื่องรพีกานต์ลึกซึ้ง แต่หากรู้ เขาก็จะไม่ยอมให้ใครขัดขวางเขาเพียงเพราะรพีกานต์เป็นลูกของรพินทร์หรอก

“กานต์นอนพักนะครับ เดี๋ยวพี่จะกล่อมกานต์กับลูกเอง” เขารั้งตัวบางลงเอนหลังกับหมอน จูบหน้าผากเสียทีหนึ่งก่อนเอี้ยวกายหันไปหยิบไวโอลินขึ้นมาบรรเลงเพลงอีกหน เพลงพระราชนิพนธ์ใกล้รุ่งกรีดเสียงอ่อนหวานคลอเคล้ากับสายลมแผ่วโชย หอบเอากลิ่นหอมอ่อนของดอกไม้ไทยรวยรินกำจายเข้ามาในห้อง บรรยากาศละมุนละไมแสนอ่อนหวาน สายตาคมจ้องมองดวงตากลมด้วยความเสน่หาเต็มเปี่ยมไม่วางตา รพีกานต์สบตาเขาตอบ มือลูบท้องตนเองที่มีปฏิกิริยาจากลูกน้อย

๐๔.๐๐ น.
รพีกานต์ยืนมองใครคนหนึ่งเงียบเชียบในความมืด อาศัยแสงสว่างจากภายนอกที่สาดส่องเข้ามาจากทางหน้าต่าง ร่างโปร่งขยับเข้าไปใกล้ ค่อย ๆ วางดอกแก้วลงบนหมอนที่ตนเองหนุน มองคนหลับตาพริ้มเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนเอี้ยวกายเดินจากออกมา
รถตู้จอดเยื้องหน้าบ้านไปพร้อมท่าเรียบร้อย รพีกานต์เปิดประตูเข้าไปนั่งข้างในข้างบิดาที่ขึ้นไปนั่งรออยู่ก่อนแล้ว รพินทร์หันมามองบุตรชาย

“กานต์แน่ใจแล้วใช่ไหม”

“ความเชื่อใจที่กานต์เคยมีให้พี่วินมันหมดไปแล้วครับพ่อ ถึงกลับไปกานต์ก็คอยแต่จะระแวงกับพฤติกรรมของพี่วินอยู่ดี ระแวงว่าเมื่อไรจะถูกเบื่อแล้วก็เขี่ยทิ้งอีก แบบนั้นมันไม่ต่างอะไรกับกำลังถือระเบิดเวลาเอาไว้เลยนะครับ รอว่าเมื่อไรมันจะระเบิดอย่างนั้นหรือ มันทรมานเกินไปครับพ่อ”

“ถ้ากานต์แน่ใจอย่างนั้นก็ออกรถเถอะ”
สายฝนชะช่อมะม่วงพรมลงมาโปรยปราย รถตู้ออกตัวเคลื่อนฝ่าความมืดออกไปบนถนนเงียบสงัด เสียงเพลงจากกล่องดนตรีคริสตัลดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ หากใครคนหนึ่งมองแน่วไปข้างหน้า ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองข้างหลัง
 
"แก้วดอกน้อย ลอยลับ วับเสียงแจ้ว
ขอลาแล้ว น้ำตาริน สิ้นเสน่หา
ด้วยน้องนี้ มิอาจ ร่วมชายคา
ขอพี่ยา อย่าจาบัลย์ สะบั้นรอน"
-มญชุ์สิตางศุ์-

 :katai5:


Talk :
มันยังเป็นรักที่กอดตัวอยู่ในความระแวงน่ะค่ะ ตราบใดที่วินทำให้น้องเชื่อใจอีกไม่ได้ กานต์ก็ยังจะกลัวอยู่อย่างเก่า เพราะในความคิดกานต์ วินมันหล่อรวยเลือกได้น่ะค่ะ วันนึงอาจเลือกให้กานต์เจ็บอีก ความเชื่อใจมันแตกเป็นเสี่ยงไปแล้ว มันไม่มีทางกลับมาเหมือนเดิม ถ้าจะกลับไปเชื่อใจคนเดิมที่เคยทำเราเสียใจอีกหน มันต้องใช้แรงใจมากกว่าเดิมซึ่งตรงนี้หัวใจของกานต์ยังไม่แกร่งได้ขั้นนั้นน่ะค่ะ กลับไปก็ยังระแวงอยู่ดี ไม่มีความสุขหรอก เราเลยจับตัวละครแยกกัน ถอยคนละก้าวให้เรียนรู้ ต่างคนต่างต้องเจอบทพิสูจน์ ถ้าอดทนผ่านไปได้ก็รอด นี่คือบทพิสูจน์ความอดทนของทั้งคู่ ทั้งวินและกานต์ วินต้องอดทนในการพิสูจน์ตัวเอง กานต์เองก็ต้องขจัดความคลางแคลงใจในตัววินออกไป แต่ในระหว่างนี้ก็จะมีตัวแปรคนที่สามเข้ามา คนที่จะทำให้อัครวินท์ได้รู้จักกับคำว่า “เพชรหลุดมือ” มันเป็นยังไง
รักกันบางทีมันไม่ยากนะ มองตาแล้วก็ปิ๊งกัน แต่ประคับประคองนี่สิ ดีแตกเอาตอนแก่ก็มี ทำคู่ชีวิตที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาเสียใจอย่างเลือดเย็น เห็นล่มมาหลายคู่ละ
เราเป็นหวัดงอมแงมเลย ตรงไหนอ่านงง ๆ ก็คือสมองเรารวนนะคะ อย่าลืมรักษาสุขภาพค่ะ

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
เฮ้อ ทำเขาไว้ก็ต้องรับกรรมละนะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
สมน้ำหน้าอีวิน o13 o13 o13

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
อยากอ่านตอนต่อไป  แบบที่ไม่ได้รอนานอย่างนี้  สนุกครับ อยากรู้ว่าวินมันจะทรมาณขนาดใหน

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ใจแข็งมากเลยกานต์

แต่ก็จริงนะ เพราะพี่วินก็ดูยังไม่เข้ารูปเข้ารอยเลย ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันว่าจะทำตัวดีไปได้ตลอดอ่ะเนอะ

ถ้าอยู่ด้วยความระแวง สู้ไม่อยู่ตรงนี้ดีกว่า...เข้าใจน้องกานต์เลย สู้ๆนะ คุณพ่อรพินทร์ด้วย

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
   อัครวินทร์กับที่บ้านจะทำยังไงน่ะ จะสนุกขึ้นแล้วสิ
  ช่วยไม่ได้นะอัครวินทร์ ไปทำลายใจกานต์ก่อน และกานต์ก็คงต้องใช้เวลาในการทำใจ
 รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ about

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
รอตอนต่อไปค่ะ อยากรู้ว่าอิพี่ิวินจะทำไง

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
น้องกานสุดยอดมากเลยค่ะ แต่กังวลเรื่องมือที่สามจังเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ saseum

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
กายใจแข็งมากเลย ดีๆชอบๆ อย่าไปยอมง่ายๆ


ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รันกรรมไปซะวิน!!

ออฟไลน์ YADA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สมน้ำหน้า

ออฟไลน์ palm-metto

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
ให้กานต์ออกมาอย่างนี้ดีที่สุดแล้ว เพราะเราไม่รู้อนาคตวินจะเป็นยังไง ด้วยจากพฤติกรรมในอดีต มันเศร้านะ ที่แม้จะรักกันอยู่ แต่ก็ต้องแยกจากกัน
สงสารกานต์ผู้ถูกกระทำ
ต่อไปก็ต้องดูครอบครัววินว่าจะเอายังไงต่อ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3

ออฟไลน์ matame

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-1
ละมุนละไมกับภาษามากมายแต่กาญอย่าหนีเลยนะ

ออฟไลน์ Sha-em

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เป็นนิยายที่ดีงามมากก ชอบการใช้ภาษาละมุนแบบนี้จัง

ออฟไลน์ pawara123

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คุณค่าที่คุณรอคอย

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ใช่ครับ แก่แล้วแยกทางมีให้รู้เห็นกันบ่อยๆ

ออฟไลน์ i_Tipz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :mew4:  :mew4: เศร้าอะ รอตอนต่อไปค่ ^^

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด