เสน่หา...รักเอย {จบแล้วจ้า}{Mpreg}{P.๑๔}{๑๕/๐๕/๖๑}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เสน่หา...รักเอย {จบแล้วจ้า}{Mpreg}{P.๑๔}{๑๕/๐๕/๖๑}  (อ่าน 154388 ครั้ง)

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
เอาใจไปเลยพี่ณัฐ

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
โง่งม.....

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
สงสารพี่ณัฐ กานต์กับพ่อแล้วก็หนูตะวัน

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ aurusma

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
สงสารพี่ณัฐ :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ mouymai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สงสารการ์ณ :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
เป็นเรื่องที่ High contrast มาก ขาวสุดดำสุดเลย


คือถ้าแนวนี้เราอยากให้มองว่าคนไหนเลวมันก็เลวอ่ะ  ช่วงนึงบังเอิญต้องมาเจอกัน
มีเวรกรรมระหว่างกันก็จบกันไป ไม่ใช่ว่ามีลูกแล้วมันจะดี
รวยแล้วดีก็มี เลวก็มาก

ไหนๆ ก็เลวแล้ว ก็ให้รับผลกรรมของความเลวไป แบบต้องเสียใจไปชั่วชีวิต
ทำบุญยังไงก็ลบล้างความผิดไม่ได้หรอก

ออฟไลน์ YADA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่ณัฐนี่โครตจะพระเอก สงสารพี่ณัฐ ฮืออออออ.. ขอให้พี่ณัฐเป็นพระเอกได้ไม๊ งอแงๆ...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
เรียนรู้จากความผิดพลากนะ ครอบครัวดีช่วยพยุงกัน

พี่ณัดดีมากจริงๆ รักมากก็ต้องพยายามให้มาก สู้ๆ :katai2-1: :hao5:

ออฟไลน์ meanmena

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
รอนะคะ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ดีนะที่กานต์มีครอบครัวที่ดีพร้อมรับฟังแล้วช่วยแก้ปัญหา ทั้งพ่อแล้วก็พี่ณัฐ กานต์ต้องเข้มแข็งนะเพื่อลูกที่จะเกิดมา :กอด1: ปล่อยอิพี่วินไป :z6: ขอซักที

ออฟไลน์ mickeyz.min

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
พี่ณัฐนี่คนดีเกินไป

ออฟไลน์ pawara123

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อนากอ่านต่อแล้วจ้านักเขียน

ออฟไลน์ พระสนมฝ่ายซ้าย

  • ❤วั ง ว น ว า ย เ วิ่ น เ ว้ อ❤
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +283/-2
สงสารน้องกานต์  :sad4:
อีพี่วินแพ้ท้องหนักๆไปเลย

ออฟไลน์ anandawan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
    อ่านมา 17 ตอนรวดเนี่ย มีตอนไหนบ้างที่อิพี่วินมันคิดดีทำดี แบบไม่เสแสร้งแกล้งทำ หนึ่งพันบาทดูแคลนน้ำใจคนที่รักตัวเองนักหนา ไม่รักไม่ชอบก็มาหลอกลวงข่มเหงน้ำใจกัน

    น้องน้อยกานต์ก็อ่อนเดียงสาเหลือเกิน เข้าใจว่าน้องเคยอยู่แต่ในบรรยากาศ และสภาพแวดล้อมที่ดี พอไปเจอโลกภายนอก  และเจอคำหวานหูหลอกใจเลยเผลอไผลเพราะไม่ทันคน สงสารจับใจ พาลคิดไปถึงอนาคตข้างหน้าของน้อง พ่อรพินทร์ก็เป็นมะเร็ง ไหนน้องน้อยเองจะท้อง ไหนจะธุรกิจที่ไม่รู้ว่าจะมีปัญหาแก่งแย่งสมบัติกันหรือไม่ ไหนจะเรื่องหัวใจอีก "ขอโทษนะหัวใจ" เลยสินะน้องน้อย เป็นกำลังใจให้ค่ะ

    พี่ณัฐเจ้าขาาาาา เจ้าพ่อพระคุณรุนช่อง ดีตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเสียนี่ รักเหลือเกินเจ้าค่ะ ถึงแม้ในนิยายจะไม่ได้เป็นพระเอก แต่ว่าคนอ่านคนนี้ เทิดทูลให้เป็นพระเอกในหัวใจเจ้าค่ะ

    แฮ่กๆ ไม่เคยพิมพ์ยาวขนาดนี้มาก่อน ชอบสำนวน ชอบการเดินเรื่อง เราชอบดราม่าลักษณะแบบนี้ค่ะ อ่านไปใจแปลบๆไป เหมือนเข็มพันเล่มทิ่มตำหัวใจปานน้องน้อยไปเจออิพี่วินกับสาวคนอื่นที่สนามเทนนิสปานนั้น จะติดตามนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-09-2016 09:10:01 โดย anandawan »

ออฟไลน์ Frankdar

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เกลียดวิน   :m31: :m31: :m31: 
อย่าให้พ่อเป็นอะไรนะ อยากให้พ่อเจอคนดีๆ  ไม่เอาอินทัชแล้วนะ  :serius2:

ออฟไลน์ bankbadboy609

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มาต่อไวๆๆๆน่าจ่าาาา :mew1:  :mew1:  :mew1:

ออฟไลน์ pawara123

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากอ่านจัง หืออๆๆๆฟ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ pawara123

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หายไปนานเลย อยากอ่านต่อแล้วจ้า มาไวๆๆๆ เถอะน้าาา :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
เสน่หา...รักเอย๑๘
โอ้เจ้าดอกรักซ้อน เมล็ดรักปลิวว่อนแจกรักตามลม

กรุ่นกลิ่นหอม ดอมกลิ่นหวน อวลกลิ่นหวาม
ชื่นกลิ่นปราง เจ้ากานต์แก้ว แถงศรี
เคยสมรัก สมชื่น   รื่นฤดี
แม้นจรลี ยังนึกหวง ห่วงอาดูร
[/font]


แกรก

เสียงหมุนลูกบิดเปิดประตูห้องดังขึ้นตามด้วยแรงงับปิดแผ่วเบา รพินทร์เดินเข้ามาทิ้งกายนั่งลงปลายเตียงระบายลมหายใจอึดอัดหนักหน่วงที่เก็บสุมเอาไว้มิดชิดตอนอยู่ต่อหน้าลูก เมื่อเข้ามาอยู่ในอาณาเขตห้องส่วนตัวตามลำพังจึงสามารถปล่อยกายใจให้อ่อนแอลงได้บ้าง

เหนื่อย...

หัวใจร่ำร้องบอกอย่างนั้น หัวใจคนไม่ใช่เหล็กไหล จะได้ทนได้กับทุกเรื่อง ก้อนเนื้อเท่ากำปั้นเต้นตุบ ๆ บ่งบอกว่าโรยแรงเต็มที แต่ตราบใดที่หัวใจยังเต้น ชีวิตก็จะยังคงมีพรุ่งนี้ต่อ รพินทร์เอนกายลงนอนราบกับเตียงดวงตาเหลือบมองเพดาน สายลมโชยพัดพายกลิ่นดอกไม้ไทยหอมอ่อน ๆ รวยรินเข้ามาทางหน้าต่าง ม่านลูกไม้ไหวพะเยิบพะยาบตามแรงลมเอื่อยเฉื่อย รพินทร์พลิกกายตะแคงมองวาดภาพปลายเตียง เดิมทีภาพนี้แขวนอยู่ห้องรพีกานต์แต่รพินทร์นึกอย่างไรไม่รู้ถึงได้ย้ายภาพนี้กลับมาไว้ที่เก่า
คงเพราะ...ได้เห็นใบหน้าประพิมพ์ประพายเดียวกันกับอินทัชอีกครั้ง ที่สะกิดหัวใจให้กระหวัดไพล่ถึงรสรักฉ่ำหวาน ท้ายสุดเคลือบด้วยรสขมปร่าของหยาดน้ำตาที่ขมขื่นอย่างที่สุดเช่นกัน

ภาพเขียนสีฝีมืออินทัชที่เคยวาดให้ไว้เมื่อครั้งอีกฝ่ายเข้ามาก้อร่อก้อติกนั้นฝีมือดีทีเดียว นัยว่าเจ้าตัวมีพรสวรรค์ด้านนี้อยู่มาก วาดสวยเสียจนรพินทร์ตัดใจทิ้งไม่ลงเลยย้ายไปไว้ในห้องลูกแทน จำได้ว่าเห็นภาพนี้ครั้งแรกถึงกับใจแกว่งให้หนุ่มศิลปินเจ้าสำอางคนนั้น ผู้ชายคิ้วเข้มเป็นปื้นยาว ดวงตาคมกริบแพรวพราวอย่างร้ายกาจ มุมข้างแก้มมีลักยิ้มบุ๋มลึกเหมือนเด็กชายตัวร้าย ท่าทีไม่เหมือนคนชอบให้มือเปื้อนสีสักนิด และที่ร้ายที่สุดก็คือรอยยิ้มเปื้อนเต็มหน้านั่นแหละที่ปราบหัวใจรพินทร์เสียราบคาบ

เออหนอ รักของวัยรุ่นช่างหอมหวานราวดอกไม้แรกแย้ม จนตอนนี้ก็ยังทิ้งร่องรอยวันวานหวานอมขมไว้ให้ระลึกถึงในบางครั้งบางคราว อัครวินท์ประพิมพ์ประพายคล้ายอินทัชมาก มากเสียจนรพินทร์เห็นครั้งแรกถึงกับมือไม้อ่อนแรง แม้ริมฝีปากของอัครวินท์จะดูเรียวบางสวยเหมือนริมฝีปากของสตรี และดวงตาคมรูปลักษณ์เดียวกันนั้นจะดูกล้าแข็งแฝงแววเย่อหยิ่งทะนงตนอยู่ในทีก็ตาม เจ้ากานต์น้อยในตอนนี้ก็เหมือนเขาในตอนนั้น หลงรูปหลงคารม สุดท้ายประวัติศาสตร์ก็ซ้ำลงรอยเดิม...

“ทัช ผมเหนื่อย...” ความในใจกลั่นตัวพรั่งพรูออกมาทางน้ำเสียงอ่อนระโหย สายตาเกลื่อนไปด้วยอารมณ์หลากหลายมองจับที่ภาพวาด ในความเงียบงันนั้นรพินทร์ส่งความรู้สึกสื่อออกมาผ่านดวงตาราวกับอินทัชมายืนรับฟังอยู่ตรงหน้า อยู่มาได้ตั้งนานนม คิดว่าบาดแผลคงถูกเวลาเยียวยาจนสมานตัวดีแล้ว แต่พอได้เจอกับอัครวินท์เพียงแวบแรก ความรู้สึกเก่า ๆ ก็หวนย้อนกลับมาทบทวนความทรงจำอีกครา

“พินทร์ทำอะไรน่ะ หือ ?” เสียงทุ้มนุ่มเจือความเอ็นดูเจ้าของชื่อเต็มเปี่ยม ส่งเสียงร้องถามเจ้าของร่างสูงเพรียวที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่กับพุ่มดอกไม้ป่าสีม่วงอมคราม สร้างความประหลาดใจแก่อินทัชนัก

“ชิมน้ำหวานจากดอกรางจืดน่ะครับ พี่ทัชลองไหม หวานดีนะ” เจ้าตัวหันมาตอบด้วยรอยยิ้มสว่างโลกทั้งดอกไม้สีม่วงยังคาบอยู่ที่ปาก อินทัชรุดไปหา มือขาวยื่นดอกรางจืดให้ แต่เป้าหมายของชายหนุ่มกลับจับอยู่ที่กลีบปากสวย  ริมฝีปากสีอ่อนของรพินทร์เหมือนกลีบกุหลาบเย้ายวนแปะอยู่บนดวงหน้าขาวนวล มองทีไรก็พาใจเคลิ้มให้นึกอยากประทับจูบอ้อยอิ่งไม่รู้เบื่อรู้คลายอยู่นั่นเอง

“ไหน พี่ชิมมั่ง” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพรายขึ้นบนใบหน้าหนุ่มอดีตเดือนบริหารฯ สายตาอินทัชวาววับ รพินทร์ไล่ไม่ทันความคิดเจ้าเล่ห์เจ้ากล ปากนุ่มจึงถูกฉกจูบ บดเบียดละเลียดชิมความหวานแบบไม่ทันตั้งตัว ไม่เพียงเท่านั้น คนเจ้าเล่ห์แสนกลยังอาศัยจังหวะอีกคนกำลังตกตะลึงส่งปลายลิ้นซุกซนเข้าไปกวาดชิมความหวานฉ่ำข้างใน ปลายลิ้นแตะสัมผัสกันและกัน ความอุ่นซ่านลึกล้ำแล่นพล่านทั่วกาย รพินทร์หูอื้อ เนื้อตัวเบาโหวง สติล่องลอยกับจังหวะรุกล้ำที่เกี้ยวหยอกในโพรงปากอุ่นตามแต่เขาจะชักนำ มือเรียวเผลอขยุ้มอกเสื้อของอินทัชแน่น ดอกไม้ร่วงไปเมื่อใดไม่รู้ รู้แต่หัวใจกำลังล่องลอยกับรสจูบลึกล้ำ ทั้งฉ่ำหวานและอ้อยอิ่งดั่งลอยคว้างอยู่ในอากาศ

“อืม หวานจริง ๆ ด้วย” อินทัชถอนริมฝีปากออก ทว่ายังอ้อยอิ่งคลอเคลียไม่ห่างกลีบปากฉ่ำวาวแดงก่ำ สายตาร้อนแรงจ้องมองดวงตาปรือปรอย แก้มขาวแต้มสีฝาด รพินทร์ทรงตัวอยู่ได้ก็ด้วยท่อนแขนแข็งแรงที่รั้งกายบางแนบชิดอกแกร่ง ลมหายใจร้อนผ่าวแฝงไฟปรารถนาล้ำลึกเป่ารดปลายจมูก รพินทร์เคลิบเคลิ้มเหมือนต้องมนตร์ จนคลายสตินั่นแหละถึงได้ตาโตแหวคนตัวใหญ่

“พี่ทัช!”

“อ้าว ก็พินทร์บอกให้พี่ลองชิมไม่ใช่หรือครับ พี่ก็ชิมแล้วไง พินทร์ไม่ได้บอกพี่นี่ว่า ห้ามชิมที่ปาก” อินทัชทำหน้าเหรอหราก่อนเปลี่ยนเป็นสายตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่มจ้องลึกในนัยน์ตางาม รพินทร์อ้าปากพะงาบ ๆ ร้อนวูบวาบทั้งหน้าแพ้ทางคนร้อยเล่ห์

“พี่ไม่อยากชิมแค่ปาก พี่อยากกินพินทร์ทั้งตัว” เขาบอกอย่างนั้น แล้วไฟปรารถนาร้อนแรงล้ำลึกก็ลุกโหมท่วมร่าง รพินทร์หลงระเริงกับไฟที่ฉุดอารมณ์พุ่งทะยานขึ้นสูงยามสะโพกสอบขยับจังหวะเข้าออกในกาย ทั้งดุดันสลับนุ่มนวล กายเปล่าเปลือยสองร่างสัมผัสกอดก่ายกันและกัน ด้วยความรักและเสน่หาในรสใคร่



ดวงตาเหนื่อยล้าพับปิดลงเชื่องช้า ถึงจะพยายามหลอกใจตัวเองให้เกลียดชัง แต่ความเกลียดก็ไม่อาจกลบความรักที่มีอยู่เต็มหัวใจ รพินทร์ยอมรับแล้วว่า อย่างไรเสียก็ยังคงรักอินทัชอย่างหมดหัวใจ นี่คือความสัตย์จริงอย่างที่สุด เลิกหลอกตัวเอง เลิกบังคับหัวใจให้เกลียด เหนื่อยล้าเต็มทีแล้วกับการบังคับหัวใจไม่ให้คิดถึง จะเจ็บก็ช่างมันปะไร วันเวลาเยียวยาความเสียใจให้ระเหยไปได้ แต่ยังเหลือความรักตกผลึกอยู่ในก้นบึ้ง รักที่เป็นรัก รักไม่หวังว่าจะได้รับรักตอบ ย่อมไม่ทรมานทุรนทุรายเหมือนมีเปลวไฟมาอัง เมื่อลดการคาดหวังลง รพินทร์คิดตก หากพรุ่งนี้ต้องตาย ก็จะขอนำไปด้วยแต่หัวใจรัก บาดแผลมันกลายเป็นอดีตถูกเวลาเยียวยาไปแล้ว แผลหายแต่รักไม่ได้ระเหยไปกับเวลาเมื่อหัวใจยังคงซื่อตรง

เสียงนาฬิกาติ๊ก ๆ ท่ามกลางราตรีเงียบงัน รพินทร์พลิกตัวกระสับกระส่ายไปมาครู่หนึ่งจึงผุดลุก เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วคว้ากุญแจรถเปิดประตูออกจากห้องไป ไม่ลืมส่งข้อความเข้าไลน์บอกลูกชายไม่ให้พะวงห่วง เขาแค่อยากไปขับรถเล่นกินลมสักพัก
พาหนะสี่ล้อแล่นไปเรื่อยเปื่อยบนถนนราตรี ผ่านเสาไฟฟ้าเรียงรายริมถนนนับไม่ถ้วน แต่ก็ยังไร้วี่แววว่าคนบังคับพวงมาลัยจะหยุดลงที่ใด ในใจรพินทร์ว่างเปล่าวูบโหวง ที่ผ่านมาใช่ว่าเขาจะตั้งหน้าตั้งตาอมทุกข์แต่ฝ่ายเดียวหรอก ร้างราจากรักแรกก็ยังมีรักใหม่ผ่านเข้ามาเรื่อย ๆ พอชโลมหัวใจให้ชุ่มชื่นขึ้นได้บ้าง แต่พวกเขาก็ล้วนแต่เป็นสายลมที่ผ่านมาแค่ทักทาย เกลี่ยซับน้ำตาที่อินทัชฝากไว้ให้จนเหือดแห้งจากบาดแผลเดิม แล้วลมก็พัดจากไป ก่อนสายลมระลอกใหม่จะหมุนเวียนผ่านเข้ามา เป็นแบบนี้มาเนิ่นนานจนหัวใจชาชินกับความไม่จีรังของรักในหัวใจคน

รถสปอร์ตสัญชาติยุโรปตบไฟเลี้ยวจอดลงข้างทางใกล้ ๆ ร้านก๋วยเตี๋ยวโต้รุ่ง ใจไม่นึกหิวเท่าไหร่ แค่อยากนั่งพักละเลียดบรรยากาศมองดูผู้คนสัญจรผ่านไปมายามค่ำคืนก็เท่านั้น รพินทร์สั่งก๋วยเตี๋ยวเสร็จ สายตาก็กวาดมองไปเรื่อย จนสะดุดกับเด็กหนุ่มใบหน้าอ่อนเยาว์รูปร่างผอมบางคนหนึ่ง ตรงฟุตปาธฝั่งตรงข้าม ร่างโปร่งสวมเสื้อยืดสีขาวคอกลม กางเกงขาสั้นลายพราง รองเท้าแตะคีบ นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กแบบพับได้ ในมือมีกระดาษวาดรูปรองอยู่บนกระดานวาด ใกล้กันเป็นผลงานตั้งโชว์อยู่บนขาตั้งเฟรมขนาดเล็กรูปหนึ่ง รพินทร์ชักสนใจขึ้นมาหน่อย ๆ คิดว่ากินก๋วยเตี๋ยวเสร็จเรียบร้อย แล้วหนุ่มน้อยยังไม่เก็บของกลับ ค่อยเดินไปถามดู

ก๋วยเตี๋ยวควันฉุยส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอวางปุลงตรงหน้า จังหวะเดียวกับที่รพินทร์หันไปเห็นเด็กหนุ่มคนนั้นลงมือเก็บของลงกระเป๋าเป้ เป็นอันว่าชวดไป แต่ดูเหมือนโชคยังเข้าข้างเมื่อร่างผอมโปร่งหอบอุปกรณ์วิ่งเหยาะ ๆ ข้ามฝั่งตรงมาที่ร้านนี้พอดี จังหวะเหมาะที่โต๊ะทุกตัวเต็มหมด ยกเว้นโต๊ะที่รพินทร์นั่งเพียงโต๊ะเดียว เจ้าของร้านจึงพยักพเยิดให้หนุ่มนิรนามคนนั้นมานั่งโต๊ะเดียวกัน ใบหน้าขาวหมดจดยามเห็นใกล้ ๆ ค้อมศีรษะน้อย ๆ เป็นเชิงขออนุญาตร่วมโต๊ะด้วยก่อนหย่อนกายลงนั่งฝั่งตรงข้าม รพินทร์ส่งยิ้มบางให้ ลดจังหวะการกินให้ช้าลงเพื่อหาโอกาสคุย

“พี่เห็นน้องนั่งรับวาดรูปฝั่งโน้น วาดภาพเหมือนหรือวาดล้อเลียนครับ” รพินทร์เปิดฉากคุย ดวงตาคมของเด็กหนุ่มทอประกายวาบดูกระตือรือร้นขึ้นนิด ๆ ก่อนตอบ

“ผมรับวาดทั้งภาพเหมือนและภาพล้อเลียนครับ ถ้าพี่สนใจ ผมสตาร์ตที่ห้าร้อยบาทต่อภาพ ต่อราคาไม่รับ” น้ำเสียงฉาดฉานแจงรายละเอียดชัดเจนเสร็จสรรพ ตบท้ายด้วยรอยยิ้ม ดวงตาคมดำขลับภายใต้คิ้วเข้มจัดมีประกายไฟแห่งความมุ่งมั่น มั่นใจในตัวเองแต่ไม่ใช่อวดดี นับเป็นเสน่ห์สะกิดใจคนมองไม่น้อย รพินทร์ยิ้มตอบ เขาไม่คิดต่อราคางานศิลป์หรอก รู้ว่างานแบบนี้ต้องใช้ฝีมือละเมียดในการรังสรรค์ แล้วราคาที่เด็กหนุ่มตั้งก็ไม่ได้สูงอะไร ถ้าพอใจเสียอย่าง เท่าไหร่เขาก็พร้อมจ่าย ก๋วยเตี๋ยวที่เด็กหนุ่มสั่งเสิร์ฟลงตรงหน้าพอดี เจ้าของใบหน้าขาวหันไปตักพริกน้ำตาลปรุงเครื่องชิมรส ระหว่างนั้นรพินทร์จึงเอ่ยปากถาม

“ขอดูผลงานหน่อยได้ไหม” รพินทร์เลื่อนชามก๋วยเตี๋ยวที่กินหมดแล้วเยื้องไว้ด้านข้าง แล้วเลยไปหยิบทิชชู่ขึ้นซับปาก

“ได้ครับ” เด็กหนุ่มเอี้ยวตัวกุลีกุจอเปิดกระเป๋าเป้หยิบม้วนกระดาษออกมาคลี่ให้ รพินทร์รับมาดูแล้วอดทึ่งไม่ได้

“ฝีมือไม่เลว” เขาพึมพำขณะไล่สายตาดูลายเส้น มันทั้งอ่อนช้อยและมีพลังในตัวเอง แวบหนึ่งนึกถึงอินทัช รายนั้นมีพรสวรรค์เรื่องวาดรูป วัน ๆ เอาแต่ขลุกอยู่กับสีกับกระดาษมากกว่าสนใจตำเรียนที่ตัวเองเรียนเสียอีก ทั้งขาวดำ สีไม้ สีน้ำมัน มืออุ่นคู่นั้น...รังสรรค์ภาพได้งดงามเหมือนมีชีวิตจริง ๆ ตราตรึงในใจมาจนตอนนี้ แม้ว่าภาพแห่งรักระหว่างกันจะถูกระบายด้วยสีดำขมุกขมัว แต่มันก็เป็นสีดำที่อมตะตราตรึงในใจตลอดมา

“อืม พี่สนใจนะ แต่มันดึกแล้ว ปกติน้องมาแถวนี้ทุกวันหรือเปล่า” รพินทร์เลียบเคียงถาม เผื่อบางทีพรุ่งนี้เขาจะมา เด็กหนุ่มเงยหน้าจากชามก๋วยเตี๋ยวขึ้นตอบ

“พรุ่งนี้ผมว่าจะไปแถวสวนสาธารณะน่ะครับ จากตรงนี้ขับรถเลยไปอีกหน่อยจะมีป้ายบอกไว้ อ้อ ผมรับวาดปกนิยายด้วยนะพี่ พวกออกแบบลวดลายสกีนลงเสื้อ เคสมือถือ วาดด้วยเมาส์ปากกา เดี๋ยวเอาให้ดู” เด็กหนุ่มรูดซิปเปิดกระเป๋าเป้อีกรอบล้วงแท็บเล็ตออกมาเปิดแกลอรียื่นให้ดู ก่อนตัวเองจะลงมือกินก๋วยเตี๋ยวต่อ รพินทร์รับแท็บเล็ตมาเลื่อนดูผลงานทีละภาพ มีทั้งภาพขาวดำ การ์ตูนล้อเลียน ภาพคนลงสีไม้ ภาพวิวลงสีน้ำมัน อายุยังน้อยได้ขนาดนี้ อนาคตคงไปได้ไกลกว่านี้

“วาดเองหมดนี่เลยหรือ เก่งนะ อายุเท่านี้ ทำได้ขนาดนี้” รพินทร์ชมเปาะ ยอมรับว่าบางเรื่องก็เป็นพรสวรรค์เฉพาะบุคคลจริง ๆ ยิ่งบวกความเพียรพยายามขวนขวายเข้าไปอีก หนทางสำเร็จก็ยิ่งย่นระยะเข้ามา

“ผมได้ครูดีด้วยแหละพี่ พ่อบุญธรรมของผมท่านวาดรูปสวยมาก คอยสอนเทคนิควาดให้ผมตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ผมอยากหาทุนเข้ามหาวิทยาลัยด้วย เลยลองรับงานฝึกฝนฝีมือไปในตัว” เด็กหนุ่มกล่าวยิ้ม ๆ แววตาทอประกายภูมิใจยามเอ่ยถึงบิดาบุญธรรม รพินทร์นึกนิยมคนที่มีแววตายิ้มได้ตรงหน้าขึ้นมาหน่อย ๆ

“น้องชื่ออะไร” ถามพลางส่งแท็บเล็ตคืนให้ เด็กหนุ่มรับไปหย่อนลงกระเป๋าพลางตอบ

“เก้าครับ”

“โอเค เก้า ถ้าพรุ่งนี้พี่ว่างอาจแวะไปนะ ฝีมือเราถูกใจพี่อยู่ แต่คืนนี้ดึกแล้วไม่สะดวกแล้วละ พี่กลับก่อน เดี๋ยวลูกเป็นห่วง” รพินทร์ยิ้มให้พลางลุกไปจ่ายเงิน เขาเดินกลับไปที่รถด้วยความรู้สึกถูกชะตากับเด็กหนุ่ม ด้วยกลิ่นอายของอินทัชยังลอยอวลอยู่รอบกาย กลิ่นอายอุ่นหม่นปนเศร้า ความเจ็บปวดรวดร้าวทั้งหมดทั้งมวลก็ไม่สามารถลบเลือนความรักในใจ

ถ้าพรุ่งนี้ว่าง...ค่อยแวะมา



รถแล่นกลับเข้ามาในโรงจอด รพินทร์ดับเครื่องเดินขึ้นห้อง เมื่อผลักประตูก้าวเท้าเข้าไปในห้องก็ต้องชะงักกับดวงตาคู่สวยหม่นที่มองตรงมาเหมือนตั้งใจรอเขาอยู่ก่อนแล้ว รพินทร์อดแปลกใจไม่ได้ เพราะปกติแล้วลูกไม่เคยเข้ามาในห้องหากเขาไม่อยู่

 “น้องกานต์ยังไม่นอนอีกหรือลูก เป็นห่วงพ่อหรือไงถึงไม่ยอมนอน” รพินทร์ทิ้งกายลงนั่งข้าง ๆ มืออุ่นลูบศีรษะทุยทอดสายตาอ่อนโยนให้ลูก

“กานต์เพิ่งรู้จากป้าผอบ ทำไมพ่อไม่บอกกานต์เรื่อง...มะเร็งครับ” น้ำเสียงขาดห้วงแผ่วเบา ก่อนรพีกานต์จะแค่นคำพูดต่อจนจบประโยค ดวงตาสั่นระริกอย่างซ่อนความหวาดกลัวไม่มิด รพินทร์ชะงัก หดมือกลับ ดวงตาหลุบลงอย่างใช้ความคิดว่าจะอธิบายกับลูกยังไงให้รพีกานต์คลายความกังวลลง

“พ่อรู้ว่ากานต์กำลังรู้สึกยังไง ชีวิตคนเรามันไม่มีอะไรแน่นอนนะลูก มองในแง่ดี ถือว่าพ่อโชคดีที่บังเอิญตรวจเจอเสียก่อน พ่อยังมีโอกาสหายขาด บางคนกว่าจะรู้ก็ตอนสายไปแล้ว หรือคิดง่าย ๆ นะ พ่อตรวจเจอว่าป่วย ได้รู้ตัวก่อน ได้หาหนทางรักษา ยังมีเวลาอยู่กับคนที่รักได้ ในขณะที่บางคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุกะทันหัน ไม่มีแม้โอกาสจะล่ำลา เพราะอย่างนั้น น้องกานต์ต้องเข้มแข็งนะลูก ใช้เวลาที่มีให้คุ้มค่า อย่าเสียเวลาให้หมดไปกับน้ำตาเปล่า ๆ ทั้งกานต์ทั้งพ่อ เราต้องผ่านมันไปด้วยกัน” รพินทร์จับมือเรียวยิ้มอ่อนโยนปลอบประโลมหัวใจลูก เขาเตรียมใจเพื่อคุยกับรพีกานต์ไว้ตั้งแต่รู้ตัวว่าป่วยแล้ว

“แต่พ่อเป็นมะเร็ง กานต์กลัว” รพีกานต์หย่อนกายลงนั่งเสมอพื้น แขนเรียววาดกอดเอว หนุนศีรษะบนตักบุพการี เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

 “ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ไม่วันใดก็วันหนึ่งพ่อก็ต้องไปจากกานต์อยู่ดี อย่ายึดติดกับสิ่งที่รักจนเกินไป มันรังแต่จะทำให้เกิดทุกข์นะลูกนะ แล้วที่พ่อเป็นก็แค่มะเร็งระยะเริ่ม มีโอกาสหายขาด ตอนนี้พ่อเองก็รักษากับหมออยู่ พ่อไม่อยากให้กานต์เป็นกังวลจนเกินไป มันจะส่งผลต่อเจ้าเล็กในท้อง” รพินทร์ลูบเส้นผมนุ่ม เขาปล่อยสิ่งที่หนักอึ้งในใจออกไปมากแล้ว ที่เหลือก็เพียงความหวังที่จะได้เห็นลูกและหลานเติบโตอย่างมีความสุขเพียงเท่านั้น

“กานต์เป็นลูกที่ไม่ได้เรื่อง พ่อป่วยแล้วกานต์ยังนำปัญหาหนักใจมาให้พ่อ กานต์...กานต์” รพีกานต์เงยหน้า ดวงตาเว้าวอนไม่ต่างจากลูกกวางติดบ่วงแร้วร้องขอชีวิต รพินทร์ทาบมืออุ่นลงข้างแก้ม ทอดสายตาอ่อนมองคนที่กำลังจะสวมบทบาทเดียวกันกับเขาในอนาคต

“ให้ชีวิตมีอุปสรรคเสียบ้าง จะได้รู้จักแก้ไขปัญหาและรู้คุณค่าของชีวิต หยุดเสียใจ หยุดฟูมฟาย อนาคตกานต์จะต้องสวมบทบาทเดียวกันกับพ่อในตอนนี้” ดวงตาของรพินทร์จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของลูก ทอดลงสู่หัวใจที่กำลังอ่อนแอหวาดกลัว ปลุกปลอบให้เข้มแข็ง

“เพราะอย่างนั้น กานต์จะต้องเข้มแข็ง ใจเย็น มีสติมาก ๆ เจ็บไข้เป็นเรื่องธรรมดาของโลก อย่ามัวแต่ฟูมฟายกลัวการสูญเสีย แต่จงใช้เวลาที่ไม่รู้ว่าเหลืออยู่เท่าไหร่นี่ให้คุ้มค่าที่สุด เข้าใจที่พ่อพูดไหม ‘ว่าที่คุณพ่อ’” รพินทร์เตือนสติ เน้นย้ำในข้อความสุดท้ายให้ลูกระลึกในสถานะของตน รพีกานต์สูดลมหายใจลึก เข้าใจในสิ่งที่พ่อบอก มือเรียวกระพุ่มไหว้ลงแนบตักอย่างซาบซึ้ง

“สอบเสร็จแล้ว กานต์จะลาออกมาคอยดูแลพ่อนะครับ เราจะสู้ไปด้วยกัน พ่อหายกับกานต์คลอดน้องแล้ว เรื่องเรียนค่อยว่ากันอีกที”

“แล้วแต่กานต์เถอะลูก แค่เห็นกานต์เข้มแข็ง พ่อก็มีแรงใจสู้แล้วลูก” รพินทร์เชื่อใจลูก เลี้ยงมาเองกับมือ รู้ดีว่าลูกไม่ใช่เด็กเกเร อะไรที่ผิดพลาดผ่านมาแล้วก็ต้องปล่อยให้ผ่านไป

“ครับพ่อ เราจะสู้ไปด้วยกัน พ่อต้องเข้มแข็งนะครับ กานต์เองก็จะไม่อ่อนแอง่าย ๆ อีก” รพีกานต์ยิ้มด้วยดวงตาทอประกายสว่างไสว ยอมรับว่าก่อนหน้ารอบิดาด้วยหัวใจที่หนักอึ้งเต็มไปด้วยความทุกข์ กลุ้ม กังวล แต่ตอนนี้สบายใจขึ้นมาก

“สู้อยู่แล้ว พ่อยังอยากเลี้ยงหลานไปนาน ๆ” รพินทร์เอ่ยพลางวางมือทาบลงตรงหน้าท้อง นึกถึงอนาคตที่จะมีหลานเล็ก ๆ วิ่งเล่นให้สีสันแก่บ้าน เขาก็มีกำลังใจที่จะสู้ต่อแล้ว

“งั้นคืนนี้กานต์นอนกับพ่อนะครับ กานต์อยากอยู่ใกล้ ๆ พ่อ” เสียงใสออดอ้อน รพินทร์ส่ายหน้ายิ้มละไมอย่างเอ็นดู

“จะเป็นพ่อคนอยู่อีกไม่กี่เดือนแล้ว ยังขี้อ้อนเหมือนเดิมนะน้องกานต์ เอาเถอะ เดี๋ยวพ่อไปอาบน้ำก่อน แล้วค่อยกลับมาสวดมนต์ด้วยกัน” รพินทร์บีบแก้มนิ่ม ก่อนผลุบเข้าห้องน้ำไป กายเปล่าเปลือยยืนอยู่ตรงหน้ากระจก ยืนมองตนเองก่อนถอดวิกผมออก ยิ้มบางอย่างให้กำลังใจตนเองอีกหน แล้วรีบอาบน้ำ

รพีกานต์กำลังอ่านหนังสือตอนรพินทร์เปิดประตูออกจากห้องน้ำมา ดวงตาสวยตะลึงงันกับภาพไม่ชินตาของบิดาที่ผมร่วงจนโล้น ร่างเล็กรีบปิดหนังสือวางแล้วปรี่เข้าไปหาผู้เป็นบิดา

“พ่อเจ็บมากไหม มีอาการข้างเคียงยังไงบ้าง” น้ำเสียงสั่น สีหน้าหม่นเจือกังวลด้วยความหวาดกลัวในใจลึก ๆ

“แรก ๆ ที่ให้คีโมก็มีคลื่นไส้ อาเจียน แล้วก็ไม่อยากอาหาร เพลีย ๆ มีผลข้างเคียงตรงผมร่วงนี่แหละ ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว กินได้ปกติ พ่อออกกำลังกายแล้วก็นั่งสมาธิก่อนนอนทุกคืน กานต์อย่าคิดมาก เดี๋ยวก็หายนะครับ” รพินทร์บอกลูกให้คลายกังวล ไม่อยากให้คนกำลังท้องกำลังไส้คิดอะไรมาก

“กานต์รักพ่อนะครับ” รพีกานต์โผกอดซบหน้ากับบ่าอุ่น หวาดกลัวเต็มกำลัง กลัว...กับการเปลี่ยนแปลง

“พ่อรู้ รักพ่อแล้วก็ต้องรักตัวเอง มา ๆ สวดมนต์นั่งสมาธิกันดีกว่า กานต์กำลังท้อง ทำใจให้สบาย ลูกจะได้แข็งแรง”


รพีกานต์ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเบาใจกว่าทุกวันเมื่อยกภูเขาออกจากอกได้แล้ว หลังจากสารภาพเรื่องราวที่เก็บงำเอาไว้ให้บิดาได้รับรู้ และบุพการีผู้มีหัวใจประเสริฐก็ไม่ได้ตำหนิซ้ำเติมอันใดให้เจ็บช้ำน้ำใจกว่าเดิม รพีกานต์ยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความซาบซึ้ง ในความโชคร้ายที่ถูกนำมาทิ้งข้างถังขยะตั้งแต่ลืมตาดูโลก กลับพลิกผันให้ชีวิตได้พบเจอบุคคลผู้มีน้ำใจประเสริฐกว้างใหญ่กว่าห้วงมหรรณพ

ทว่าเมื่อเหลียวมองบุพการีที่ยังคงหลับสนิทข้างกาย เส้นผมดำขลับเงางามที่เคยปกคลุมศีรษะ บัดนี้ได้อันตรธานหายไปด้วยโรคร้ายก็อดรู้สึกใจเสียขึ้นมาไม่ได้ ทั้งชีวิตตั้งแต่เล็กจนโตรพีกานต์มีบิดาเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร เป็นพระโพธิสัตว์ในบ้าน ที่อบรมเลี้ยงดูสั่งสอนเขามาด้วยความรัก ความเมตตากรุณา พระคุณมากมายอย่างไม่มีใครเทียบ หากเจ็บแทนได้ รพีกานต์ก็ยินดีจะเจ็บแทนอย่างไม่บิดพลิ้ว น้ำตาไหลยามร่างเล็กก้มลงกราบรพินทร์ที่แทบเท้า ภาวนาขอคุณงามความดีที่ทำมาตลอดทั้งชีวิตปกปักษ์รักษาให้ผู้มีพระคุณรอดพ้นจากเภทภัย

“พ่อจ๋า ถ้าเจ็บแทนได้ ขอให้กานต์ได้เจ็บแทน” ศีรษะทุยซบอยู่ที่เท้าบิดา มือลูบหน้าท้องแบนราบของตนพลางรำพึง

“กานต์จะเลี้ยงลูกของกานต์ได้ดีเท่าที่พ่อเลี้ยงกานต์ไหม”

“กานต์ ทำอะไรน่ะลูก” รพินทร์สะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกถึงบางอย่างกำลังขยับหยุกหยิกอยู่แถวฝ่าเท้าจนต้องหดเท้าหนี สายตาหลุบต่ำมองบุตรชายกำลังซบอยู่ที่เท้าก็ให้นึกแปลกใจ

“กานต์กำลังคิดว่า กานต์จะเลี้ยงลูกของกานต์ได้ดีเท่าที่พ่อเลี้ยงกานต์มาไหม” รพีกานต์ตอบตามใจคิด รพินทร์ยิ้มอ่อนโยนยันกายลุกขึ้นนั่งเอ่ยบอกแก่ลูก

“จริงอยู่พ่อแม่เลี้ยงได้แต่ตัว แต่เด็กก็เหมือนผ้าสีขาว เหมือนแก้วเปล่า ๆ ใบหนึ่ง กานต์เติมอะไรลงไป ข้างในเนื้อแท้ก็คงจะไม่ผิดจากนั้นนักหรอก” ฝ่ามืออุ่นทาบลงบนใบหน้าขาวสะอ้าน ดวงตาเมตตาทอดมองลูกชายทอประกายอ่อนโยนกรุณา

“พอลูกของกานต์โตขึ้นแล้วออกไปเผชิญโลกภายนอก การแสดงออกก็จะมาจากสภาพแวดล้อมที่โตมานั่นแหละ วิธีสอนที่ดีที่สุด คือทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง ทำดีก็ชื่นชม ผิดก็ต้องตักเตือน” รพินทร์บอกตามที่ตนเองเลี้ยงลูกมา ตอนนั้นเขาเพิ่งเรียนจบปริญญาตรี กลับจากไปมหาวิทยาลัยวันสุดท้าย ยังไม่ทันได้รับปริญญาเสียด้วยซ้ำ จู่ ๆ ก็แจ็กพ็อตได้เจ้าตัวเล็กมาเลี้ยงดูแบบไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจ จำได้ว่าหาซื้อหนังสือคู่มือการเลี้ยงลูกมาหลายเล่ม สุดท้ายทารกเลี้ยงยากกว่าที่คิดมาก จนต้องพากลับบ้านไปให้มารดากับแม่นมช่วยสอนวิธีดูแลทุกอย่าง รวมถึงตัวเขาเองที่ตระหนกซึ้งในพระคุณของบุพการี

“กานต์เข้าใจแล้วครับ”

“เข้าใจแล้วก็ไปล้างหน้าเตรียมตัวใส่บาตรได้แล้ว”




ต่อด้านล่าง :katai5:

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
๑๘ (ต่อ)

เช้าตรู่ตอนรุ่งสางอากาศเย็นสดชื่น สมาชิกบ้านบวรกิตติ์วิวัฒน์ออกมาตั้งโต๊ะเตรียมตักบาตรกันพร้อมหน้า หนูฉายสิริตัวน้อยถูกยายจับหวีผมเรียบแปล้ผัดแป้งแก้มนวลอ่อง ยืนข้างกายคุณรพินทร์เฉกเช่นทุกวัน น่ารักน่าชังจนพี่กานต์อดหอมแก้มนิ่มเข้าให้ไม่ได้ พ่อหนูถูกฝึกให้ตื่นมาอาบน้ำแต่เช้ามืดก่อนตักบาตร เรียบร้อยแล้วจึงมาช่วยยายยกของไปตั้งโต๊ะรอคุณ ๆ ข้างบน ปกติคุณรพินทร์จะลงมาช่วยกันทำ แต่วันนี้ยังไม่เห็นลงมา ยายวางใจให้หลานตัวเล็กถือแค่ถาดวางดอกบัว ดอกดาวเรืองเดินตามไปก่อน อย่างอื่นยังไม่วางใจ กลัวจะหกคว่ำคะมำหงายเสียของก่อนจะได้ตักบาตร

สายลมรุ่งอรุณพัดพายไอเย็นต้องผิวแก้มผะแผ่ว พระสงฆ์เดินเรียงรายเป็นแถวตอนลึกมาตามถนนท่าทีสงบเป็นบรรยากาศยามเช้าที่จับใจนัก ท้ายแถวรั้งท้ายด้วยสองหนุ่มหล่อคนคุ้นเคย หนึ่งในนั้นคือหนุ่มหน้ามนคนคุ้นตากว่าใคร...ณัฐธีร์

พี่ชายคนดีกระตือรือร้นส่งยิ้มกว้างขวางให้น้องน้อยมาแต่ไกลทั้งที่อยู่รั้งท้าย ถ้าไม่ติดว่าเดินตามหลวงตาอยู่คงจะแล่นนำมาก่อน รพีกานต์หลุดหัวเราะคิกก่อนส่งยิ้มคืนให้ เผื่อแผ่ไปที่อัศม์เดชรุ่นพี่หน้าคมด้วยอีกคน ขณะมือจับทัพพีเตรียมตักข้าวในโถ

“นิมนต์ครับหลวงตา” รพินทร์ประนมมือไหว้พร้อมคนอื่น ๆ

“ไม่เจอกันนาน สบายดีหรือโยมกานต์” หลวงตาที่คุ้นเคยกันดีเอ่ยทักทายขณะหยุดยืนตรงหน้ามือเปิดฝาบาตร

“สบายดีครับหลวงตา แล้วหลวงตาล่ะครับ เป็นยังไงบ้าง” รพีกานต์ยิ้มตอบ มือจับทัพพีคดข้าวในโถ ลูกศิษย์ก้นกุฏิตัวดีรีบแล่นมายืนเคียงข้าง มือทาบซ้อนกับมือน้องน้อยจับทัพพีตักข้าวใส่บาตร โดยตนเองยอมจับต่ำกว่านิดหน่อย ไม่ต่างจากคู่บ่าวสาวตอนแต่งงานซึ่งจะทำบุญตักบาตรร่วมกัน รพีกานต์งวยงงเหลือบตาขึ้นมองพี่ชายที่ท่าทีแปลกกว่าทุกทีก็ได้รับคำตอบเป็นรอยยิ้มแต้  ก็แหงละ ได้จับมือนุ่มตักบาตรร่วมกัน ณัฐธีร์มีหรือจะไม่รู้สึกปลื้มปริ่มเป็นที่สุด

“ก็สบายดีตามอัตภาพแหละโยม” หลวงตารู้แกวลูกศิษย์เหลือบสายตาขึ้นมองเจ้าตัวดี เดินตามดี ๆ พอถึงบ้านนี้ เจ้าณัฐก็รีบแล่นมาจับทัพพีอันเดียวกันกับลูกชายเจ้าของบ้านตักข้าวใส่บาตรหน้าตาเฉย ณัฐธีร์ฉีกยิ้มแหยเป็นน้องหมาหูลู่ช่างประจบให้หลวงตาที่รู้ทันความคิด ศิษย์ก้นกุฏิรุ่นพี่ถึงกับส่ายหน้ายิ้ม ๆ อย่างรับไม่ได้

“ไม่ค่อยเท่าไหร่เลยนะไอ้หมาวัด” อัศม์เดชอดสัพยอกให้ไม่ได้ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นเจ้าณัฐธีร์เคยมีทีท่าว่าจะสนใจใคร จู่ ๆ คนที่นับถือกันมาเหมือนพี่น้องแท้ๆ ดันมาสารภาพว่าแอบรักคนใกล้ตัว แอบเสี้ยวไส้กลัวคุณรพินทร์จะเพ่นกบาลอยู่นาน

“นิดหน่อยพี่ แหะ ๆ” ณัฐธีร์บอกทั้งลูบท้ายทอยแก้เก้อ รอยยิ้มบานเต็มหน้า สายตากรุ้มกริ่มเหลือบมองร่างโปร่งที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ มือสาละวนหยิบกับข้าวเครื่องคาวหวานหย่อนใส่บาตร รพีกานต์สงสัยสิ่งที่พี่เดชกับพี่ณัฐคุยกันอยู่เหมือนกัน แต่คงไม่เหมาะที่จะเอ่ยปากถามตอนนี้ จึงหยิบอาหารใส่บาตรเงียบ ๆ ซึ่งพี่ชายคนดีก็ขะมักเขม้นช่วยเป็นอย่างดี น้องจับถุงไหนพี่ชายก็จะจับถุงเดียวกันหย่อนลงบาตร น้องเหลือบมอง พี่ก็ยิ้มให้ เสร็จสรรพก็ร่วมกรวดน้ำรับพรข้างรพีกานต์อีกต่างหาก หลวงตาส่ายหัวกับความพยายามของเจ้าหมาวัด รพีกานต์อาจไม่รู้ความหมายที่ณัฐธีร์กระทำ แต่คุณรพินทร์รู้แน่ ๆ ทุกคนรอบกายดูออก เว้นก็แต่รพีกานต์กับหนูตะวันตัวน้อยนี่แหละนะ หลวงตาให้พรเสร็จก็สำทับต่ออีกว่า

“ทองแท้ย่อมไม่แพ้ไฟพาน ยึดมั่นในความดีไว้เถิดโยม ความดีจะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตของทั้งพ่อและลูก” ฟังถึงตรงนี้ รพีกานต์อดตงิดในใจไม่ได้ว่าหลวงตาหมายถึงเขากับลูกในท้อง หรือเขากับบิดากันแน่ ดวงตาของหลวงตาลึกซึ้งเหมือนหยั่งรู้อย่างบอกไม่ถูก

“ครับ หลวงตา” รพีกานต์ประนมมือไหว้ ก่อนลดมือลงลูบท้องเบา ๆ หันไปถามสิ่งที่ยังคาใจกับพี่ชาย

“เมื่อกี้พี่ณัฐจับทัพพีเดียวกับกานต์ทำไมหรือครับ ปกติพี่จะเดินตามหลวงตามาเฉย ๆ นี่นา”

“พี่อยากทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขันกับกานต์ไง”

“มันแถน่ะสิ ไอ้ที่จับแบบเจ้าณัฐมันจับนั่น เจ้าบ่าวเจ้าสาวเขาทำกันตอนแต่งงาน ยอมจับต่ำกว่าให้กานต์ใช้งานมันได้เต็มที่ ลงทุนขนาด” อัศม์เดชดักคอ ก่อนผินหน้า ออกเดินตามหลวงตา รพีกานต์ยืนอึ้งคิดไม่ถึง ก่อนสีระเรื่อจะลามทั่วแก้มร้อนผ่าว ณัฐธีร์เองก็เขินไม่น้อย มือหนาหยิบบางอย่างในกระเป๋าเสื้อออกมาพลางจับมือบางมารับของในมือ พวงมาลัยดอกพิกุลเจ้าเก่า พี่ชายทาบมือลงสำทับเอ่ยให้คำมั่นเป็นมั่นเหมาะ

“พี่สัญญาว่าอนาคต จะให้กานต์กับลูกมากกว่านี้นะครับ” บอกก่อนผละไป รพีกานต์มองตามแผ่นหลังกว้างด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก มือยกพวงมาลัยขึ้นดู แหวนทองคำเกลี้ยง ๆ วงน้อยร้อยแทรกอยู่กับพวงมาลัยดอกพิกุล สำหรับคนมี ราคาค่างวดอาจจะไม่มาก แต่สำหรับคนที่ต้องขวนขวายทุกทางอย่างณัฐธีร์ มันไม่น้อยเลย...

ความรู้สึกบางอย่างแล่นริ้วจุกตื้อลำคอ มือข้างที่ว่างกำสิ่งที่ห้อยอยู่กับสร้อยพรางอยู่ข้างในเสื้อ แหวนเพชรวงสวยยังร้อยอยู่กับสายสร้อยคล้องบนคอใกล้หัวใจ...

แหวนทองวงน้อยกับแหวนเพชรวงงาม
หนึ่งรักที่ให้เรามา กับอีกรักหนึ่งที่เราให้เขาไป
เลือกวงไหน หัวใจก็เจ็บ

“กานต์” รพินทร์เรียกลูกชายเมื่อเห็นแววตาสับสน ดวงตาสั่นระริกหันมาทางบิดาตามคำเรียก

“พี่ณัฐเป็นคนดีครับพ่อ ใครได้เป็นแฟน ต้องโชคดีมากแน่ ๆ” บอกทั้งสายตามองแหวนวงน้อย ตอนนี้ทองคำบาทละเท่าไหร่แล้วหนอ ที่พี่เจียดมาซื้อให้กัน

“แล้วกานต์ไม่อยากเป็นคนโชคดีคนนั้นบ้างหรือลูก” รพินทร์ถามเพราะเห็นณัฐธีร์มาแต่เล็กแต่น้อย รู้นิสัยใจคอ น้ำใจอีกฝ่ายดี

“กานต์...” คำพูดแผ่วหายขณะสายตาหลุบมองที่ท้องตัว รพีกานต์ทำผิดต่อพี่ณัฐเหลือเกิน กระนั้นแล้วหัวใจที่ขบถต่อพี่ณัฐได้ กลับไม่ยอมทรยศต่อพี่วิน

“เก็บของเข้าบ้านกันดีกว่าเนอะ” รพินทร์เบี่ยงประเด็นไม่อยากให้ลูกต้องคิดมาก รพีกานต์นำน้ำที่เพิ่งกรวดไปเทรดต้นไม้ เห็นพุ่มดอกเข็มแล้วนึกอดีต เสียงเล็ก ๆ ในหัวกระซิบย้อนวัยเด็กในวันวาน

“พี่ณัฐ ๆ มาแข่งกัน ! ใครจะเจอดอกเข็มหกกลีบมากกว่า คนนั้นชนะ!” เสียงใสร้องท้าเย้ว ๆ ขณะเจ้าตัวกระโดดตุบไปยืนจังก้าอยู่หน้าพุ่มเข็มแดง สายตาซุกซนเริ่มสอดส่ายมองหาเป้าหมายทันที เหอะ พี่ณัฐต้วมเตี้ยมไม่ทันน้องกานต์ร้อก พูดแล้วจะหาว่าคุย ว่าแต่ถ้าชนะจะให้ทำอะไรดีน้า สมองคิดเรื่องซุกซน สายตาก็มองหาดอกเข็มหกกลีบอย่างมุ่งมั่น ก่อนจะถูกสะกิดเบา ๆ ให้หันมา

“กานต์ลองชิมน้ำหวานจากดอกเข็มซี” ณัฐธีร์บอกพลางเด็ดดอกเข็มออกมาดอกหนึ่ง มือดึงเกสรตรงกลางออกแล้วดูดน้ำหวานให้น้องดู

“ว้าน หวาน” ตัวแสบแอบกลืนน้ำลาย เห็นพี่ทำก็ทำตาม ปรากฏว่าหวานอย่างที่พี่ณัฐบอกจริง ๆ ด้วย!

“หวานจัง”

“ลองชิมนี่ดู” ณัฐธีร์เด็ดผลแก่สีดำของเข็มขาวส่งให้ รพีกานต์รับมาชิมรสชาติหวาน ๆ ฝาด ๆ

“ไม่อร่อยเท่าไหร่ ชอบน้ำจากเกสรมากกว่า” คนตัวเล็กว่าอย่างนั้น แล้วก็เริ่มดึงดอกเข็มมาดูดน้ำหวานเล่น ลืมที่ร้องท้าเอาไว้ก่อนหน้า พี่ชายคนดีเลยลงมือหาดอกเข็มหกกลีบอย่างใจเย็น

“พี่ได้ดอกเข็มหกกลีบหลายดอกแล้วนะ กานต์ได้กี่ดอกแล้ว”

“ฮือ กานต์ยังไม่ได้หาเลย พี่ณัฐหลอกกานต์ กานต์จะฟ้องหลวงตา!” ตัวแสบทำหน้าบู้บี้อย่างน่ารักน่าชัง

“โอ๋ อย่างอแงนะ เดี๋ยวพี่ทำกำไลให้” บอกแล้วรีบเอาดอกเข็มมาเสียบใส่ลงในช่องเล็ก ๆ ต่อกันหลาย ๆ ดอกจนได้กำไลคล้องมือเล็ก น้องน้อยถึงได้เปลี่ยนเป็นยิ้มแฉ่ง เป็นอันว่าคนชนะก็ต้องยอมลงให้คนแพ้จอมงอแงอยู่ดี



นึกถึงแล้วก็หัวเราะคิก อดที่จะดึงดอกเข็มขึ้นมาดูดน้ำหวานไม่ได้

แหวนทองกับแหวนเพชร
แหวนเพชรเพิ่งถอดออก กับ แหวนทองที่ยังไม่ได้สวมเข้าไป...
เวลาคงจะให้คำตอบได้สักวัน



“สวนสาธารณะข้างหน้านั่นหรือเปล่าครับพ่อ” รพีกานต์เอี้ยวตัวมาถามคนนั่งเบาะหลัง บ่ายคล้อยณัฐธีร์รับหน้าที่สารถีขับรถพาสองพ่อลูกมาพักผ่อนหย่อนใจในสวนสาธารณะ ตามที่รพินทร์บอกเล่าเก้าสิบเรื่องเจอเด็กหนุ่มวาดรูปฝีมือดีมากจนอยากได้ภาพตัวเองสักภาพ ทั้งหมดจึงถือโอกาสเตรียมของกินมาปิกนิกไปในตัว น้องน้อยดูกระดากกระเดื่องตอนสบตากันนิดหน่อย แหวนทองวงน้อยยังไม่ได้สวมติดนิ้ว แต่ไม่เป็นไร แค่ไม่ถูกส่งคืน เขาก็จะไม่ยอมถอดใจ

รถเลี้ยวเข้ามาจอดลานจอดรถใต้ร่มไม้ วันหยุดผู้คนมาพักผ่อนหย่อนใจหนาตา รพินทร์เปิดประตูลงจากรถกวาดสายตามองหา รพีกานต์เองก็ช่วยมองทั้งที่ไม่รู้ว่าคนไหน แต่คิดว่าคงเจอไม่ยาก คนไหนนั่งอยู่กับเฟรมวาดรูปก็คนนั้น แล้วคนตาไวก็ร้องถามพร้อมชี้มือไปยังเป้าสายตา

“คนนั้นใช่ไหมครับพ่อ” รพินทร์หันขวับมองตามก่อนพยักหน้าหงึกหงัก

“ใช่ คนนั้นแหละ”

“ว้าว หน้าใสมาก หล่อมากด้วยแฮะ” รพีกานต์พูดตามที่เห็นยังผลให้คนบางคนหูผึ่ง รีบเลื่อนตัวเองมายืนใกล้ ๆ รพินทร์เดินเข้าไปทัก ส่วนรพีกานต์และณัฐธีร์ช่วยกันถือของเดินตามไป

“ไงน้อง ลูกค้าเยอะไหม”

“พอได้ครับพี่ นี่ผมก็เพิ่งพักมือ พี่สนใจไหม ถ้าสนใจ เดี๋ยวผมเริ่มให้เลย” ‘เก้า’ หรือ ‘อิษวัต’ บอกอย่างกระตือรือร้น

“พักกินอะไรก่อน นี่พี่กับลูกทำแซนวิชมาเผื่อเราด้วย รพินทร์บุ้ยไปทางรพีกานต์กับณัฐธีร์ที่กำลังปูเสื่อใกล้ ๆ คนทั้งคู่ยิ้มเป็นมิตรให้ แซนวิชถูกยื่นมาตรงหน้า แต่อิษวิตซึ่งไม่คุ้นชินกับความใจดีของคนแปลกหน้าสั่นหน้าปฏิเสธ

“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมมีของผมแล้วครับ ขอบคุณมากนะครับ” เด็กหนุ่มปฏิเสธ ภายนอกเขาดูเหมือนคนเข้าถึงง่ายแต่เอาเข้าจริงอิษวัตไม่ใช่คนที่ไว้ใจใครง่าย ๆ และไม่ยอมรับความใจดีของใครพร่ำเพรื่อ เลือกตัดรอนเสียแต่เนิ่น ๆ สร้างกำแพงให้ตัวเองกลาย ๆ เขาเป็นแบบนี้นับแต่สูญเสียทุกอย่าง รพินทร์ไม่คะยั้นคะยอเมื่อถูกปฏิเสธ เขาเคารพในการตัดสินใจของอีกฝ่าย อย่างไรเสียก็มีสารกันบูดมาด้วย น้องกานต์ช่วงนี้ดูจะกินเก่งกว่าเดิมมาก

“พี่เป็นมะเร็งน่ะ เลยอยากให้น้องวาดรูปพี่ช่วงนี้ให้หน่อย” รพินทร์ถอดผมปลอมออก เผยศีรษะไร้เส้นผมตรงหน้าศิลปิรหนุ่ม อิษวัตนิ่งไป เด็กหนุ่มมองเจ้าของรอยยิ้มบางด้วยความรู้สึกตกใจแกมประหลาดใจ รพินทร์ดูสบาย ๆ ไม่ทุกข์ร้อน คนมาด้วยดูจะกังวลมากกว่าเสียอีกเมื่อเอ่ยถึงมะเร็ง

ลายเส้นจากปลายดินสอลากเชื่อมต่อกันเป็นรูปร่างคร่าว ๆ คนป่วยสีหน้าแช่มชื่นอย่างไม่อยากเชื่อว่ากำลังป่วย เหมือนกับว่าไม่ได้รู้สึกกังวลกลัวอะไรเลยด้วยซ้ำ

“พี่ดูสบาย ๆ นะครับ กลัวไหม ถามจริง ๆ”

“ไอ้กลัวน่ะไม่กลัวหรอก ใครบ้างเกิดมาไม่ตาย ช้าเร็วตายกันทุกคน พี่ห่วงลูกชายพี่มากกว่า ยังอยากอยู่กับลูกนาน ๆ อยากเห็นหน้าหลาน เลยพยายามคิดดีเข้าไว้ จิตใจจะได้ไม่หดหู่” รพินทร์บอกขณะเหลือบมองลูก สายตาเปี่ยมด้วยความรักสุดหัวใจ รพีกานต์ขยับมากุมมือบิดา กระชับมือบางเป็นกำลังใจให้กันและกัน ว่าจากนี้จะร่วมผ่านมันไปด้วยกัน

ศิลปินหนุ่มเห็นแล้วอดสะท้อนใจลึก ๆ ไม่ได้ ดวงตาเหลือบมองท้องฟ้าโปร่ง คนบนฟ้าคงกำลังมองลงมาที่เขา ไกลสุดเอื้อมมือ หนาวลมห่มใจด้วยไอเหงา วันคืนเสียดแทงความรู้สึกจนด้านชา



   1 เดือนต่อมา

“สอบเสร็จแล้วกานต์จะลาออกจริง ๆ หรือ” ณัฐธีร์เปิดฉากถามขึ้นหลังทั้งคู่หย่อนกายลงนั่งในร้านอาหารแห่งหนึ่ง สั่งอาหารเสร็จแล้วระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ ชายหนุ่มจึงเปิดปากถาม

“พี่ณัฐ กานต์คิดดีแล้ว กานต์อยากดูแลพ่อ อยากอยู่กับพ่อ คลอดแล้วกานต์อยากให้นมลูกเอง กานต์ก่อเรื่องขึ้น จะให้คลอดแล้วทิ้งลูกให้พ่อเลี้ยงให้ กานต์รู้สึกไม่ดีเลย หยุดเรียนเลี้ยงลูกเองซักสองปีค่อยสมัครสอบใหม่ กานต์คิดว่าอย่างนั้นดีกว่า” รพีกานต์ตัดสินใจแน่วแน่ หัวใจไพล่นึกถึงคนใจร้าย น้อยใจลึก ๆ ที่เขาไม่ได้มาร่วมรับรู้ แต่อีกใจก็คิดว่าดีแล้ว

“เอาเถอะ ทำตามที่กานต์สบายใจนะครับ” ณัฐธีร์ยิ้มให้กำลังใจ รพีกานต์ตัดสินใจเช่นไรเขาก็พร้อมเคียงข้างเสมอ สายตาคมเหลือบไปเห็นเพื่อนต่างคณะเดินเข้าร้านมาคนเดียว จึงไม่รอช้าที่จะร้องทัก

“อ้าวฉาย มาคนเดียวหรือ นั่งด้วยกันไหม” ‘ฉาย’ หรือ ‘ฉายฉาน’ หนุ่มฮอตดีกรีอดีตเดือนคณะรัฐศาสตร์ปีสาม ตอบรับคำชวนเดินตรงมายังโต๊ะของทั้งคู่ ณัฐธีร์ขยับไปนั่งฝั่งเดียวกับรพีกานต์ น้องน้อยคุ้นหน้าคุ้นตาอีกฝ่ายอยู่บ้างจากความฮอตปรอทแตกในเพจคิวท์บอยของมหาวิทยาลัย ที่พาเอาเพื่อน ๆ ของรพีกานต์พากันเคลิ้มไปมากมาย ทั้งหล่อทั้งใจดีจนน่าแปลกที่วันนี้มากินข้าวคนเดียวได้

“ไม่ได้เจอกันเลย เป็นไงบ้าง” ฉายฉานทักอย่างคุ้นเคยประสาคนเล่นกีฬาด้วยกัน

“ก็ดี สอบเสร็จก็โล่งละ ลุ้นอีกทีตอนเกรดออก เออ เดี๋ยวขอเราไปห้องน้ำหน่อย ฉายคุยกับกานต์ไปก่อนนะ” ณัฐธีร์ลุกจากเก้าอี้เพราะรู้สึกปวดท้อง หนุ่มหล่อจึงหันมายิ้มกับรุ่นน้องหน้าใสแทน จากตำแหน่งที่นั่งเมื่อณัฐธีร์ไม่อยู่ จึงกลายเป็นทั้งคู่นั่งตรงข้ามเสมือนว่ามาด้วยกัน ซึ่งนั่นทำให้ใครคนหนึ่งที่กำลังจะเดินออกจากร้านชะงักทันทีที่เห็น

‘ฉายฉาน’ หนุ่มฮอตที่มีทุกอย่างเทียบเท่าเขาได้ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ฐานะ ชาติตระกูล แถมอีกฝ่ายดีโดยเนื้อแท้ ไม่ได้ดีสร้างภาพแบบเขา อัครวินท์กัดฟันกรอด ภาพที่เห็นคือทั้งคู่กำลังปรึกษากันสั่งอาหาร ภาพที่มองด้วยอคติจึงดูเหมือนคู่รัก

“ฮึ หลุดจากกูได้ ก็รีบคว้าคนใหม่ได้เร็วเชียวนะ” น้ำเสียงงึมงำไม่พอใจขึ้นจมูก ความเป็นฉายฉานทำให้อัครวินท์คุกรุ่นลึก ๆ สายตาคมกริบหรี่มองร่างเล็กที่ดูจะสุขสมเสียเหลือเกิน

ทางฝั่งรพีกานต์ ร่างเล็กยื่นเมนูให้พี่ฉายฉานสั่งอาหาร หนุ่มหล่อยิ้มสุภาพฉายแววใจดีให้ พี่ฉายฉานหล่อทั้งหน้าและนิสัย ไม่แปลกที่คนจะนิยมชมชอบเยอะ เรียกว่าไอดอลตัวจริงเสียงจริง รพีกานต์คุยกับคนหล่อใจดีโดยไม่รู้เลยว่า ใครอีกคนมองจนตาลุกก่อนกระฟัดกระเฟียดออกจากร้านไป
 


 :katai5:

ออฟไลน์ ipookza

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
มาต่อแล้ว สนุกมากๆคะ สงสารรพินทร์ อยากให้รพินทร์หายป่วยแล้วเจอคนเยียวยาหัวใจจัง น้องกานต์ก็ขอให้เข้มแข็งหนักแน่น เจอคนดีทำให้อิพี่มันทรมาร โดยการมีคนดีมารักเยอะๆ สนุกมากๆคะ ยังไงก็มาต่ออีกเร็วๆนะคะ

ออฟไลน์ shannara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
อาวอีกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ YADA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กรีีดด... กลับมาแล้ว ดีใจ

 o13

เก้านี่ก็คงลูกเลี้ยงอินทัชสินะ

น่าสนใจ ชอบ พี่ณัฐ กับ น้องเก้านี่แหละ

อิตาวินโผล่มานิดเดียวก็เกลียดมันแล้ว

 :katai4:    ไม่น่าโผล่มา

นี่พระเอกจริงๆหรอ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
คุณพ่อ น้องกานต์สู้ๆค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
เพิ่งมาอ่านครั้งแรก ประทับใจคุณพ่อรพินทร์ กับรพีกานต์มากค่ะ

ดีงานทั้งภายนอกและภายใน ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆ มาให้อ่านนะคะ

ออฟไลน์ Frankdar

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้องการนต์เมื่อไหร่จะทันคน  อีพี่วินก็ไม่เคยมองเค้าในแง่ดี จิตใจทำด้วยอะไร  :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด