เสน่หา...รักเอย {จบแล้วจ้า}{Mpreg}{P.๑๔}{๑๕/๐๕/๖๑}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เสน่หา...รักเอย {จบแล้วจ้า}{Mpreg}{P.๑๔}{๑๕/๐๕/๖๑}  (อ่าน 154133 ครั้ง)

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************



สวัสดีจ้า :mew1:  มาเปิดนิยายเรื่องที่สอง(เรื่องแรก สนใจจิ้มโล้ด อเวจีเสน่หา) แนวMpreg  เรื่องนี้ผู้ชายนายเอกของเรื่องท้องได้นะคะ เราได้ไอเดียพล็อตมาจากมนุษย์สองเพศน่ะค่ะ เลยลองแต่งแนวนี้ ดีไม่ดียังไงติชมได้จ้า :mc4:


เสน่หา...รักเอย

สารบัญ

ตอน๑ :: ตอน๒ :: ตอน๓ :: ตอน๔ :: ตอน๕ :: ตอน๖ :: ตอน๗ :: ตอน๘ :: ตอน๙ :: ตอน๑๐ :: ตอน๑๑ :: ตอน๑๒ :: ตอน๑๓ :: ตอน๑๔ :: ตอน๑๕ :: ตอน๑๖ :: ตอน๑๗ ::ตอน๑๘ ::ตอน๑๙ :: ตอน๒๐ ::ตอน๒๑ ::ตอน๒๒ ::ตอน๒๓ ::ตอน๒๔ ::ตอนน๒๕ ::ตอน๒๖::ตอน๒๗::
ตอน๒๘::
ตอน๒๙::
ตอน๓๐::
ตอน๓๑::
ตอนจบ::

เกริ่นนำ

"แก้วดอกน้อย ลอยลม ระทมรัก
สุดจะหัก อาลัย ใจถวิล
ดอกแก้วช้ำ น้ำคำ น้ำตาริน
ขวัญชีวิน สิ้นรัก หักเยื่อใย"

คนหนึ่งให้รักด้วยหัวใจ อีกหนึ่งนั้นไซร้
ลวงลม เสพสมเพียงกายา




กำเนิดรพีกานต์


ซ่า...

“แดดร้อนเปรี้ยง ฝนตกลงมาได้ยังไงนี่”

เสียงทุ้มนุ่มพึมพำขณะเงยหน้ามองท้องฟ้าช่วงสี่โมงเย็น เขาส่ายหน้าให้กับความแปรปรวนของสภาพอากาศขณะเลี้ยวรถเต่าสีครีมเข้าไปในรั้วบ้าน

แง๊ อุแว้ อุแว้ แง๊

เสียง ๆ หนึ่งแว่วมาไม่ไกลนัก รพินทร์เงี่ยหูฟังจับทิศทางเสียง คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างสงสัย

“เสียงลูกแมวหรือเสียงเด็ก?”

ดูเหมือนเสียงจะเงียบไป ชายหนุ่มจึงละความสนใจหันหลังเดินกลับเข้าบ้าน

แง๊ แง๊ แง๊

ชัดเลย คราวนี้ชัดกว่าเก่าราวกับเจ้าของเสียงจะกวักมือร้องเรียกเขาให้คอยก่อน รพินทร์หันกลับมาอีกครั้ง เงี่ยหูฟังพร้อมเดินตามเสียง

ถังขยะหน้าบ้านคือปลายทางกำเนิดเสียง รพินทร์ขมวดคิ้ว รีบเดินออกมาดูอย่างรวดเร็ว

...อย่างที่คิดไว้...

ร่างเล็ก ๆ ของทารกแรกเกิดกำลังร้องไห้จ้ามองเห็นเหงือกแดงแจ๋ ทั้งหน้าทั้งตัวแดงก่ำ กายบอบบางดิ้นปัดป่ายสั่นเทาในห่อผ้าคลุมสีขมุกขมัว เขาถลาเข้าไปตระกองอุ้มอย่างเวทนา น้ำตาเจ้าตัวน้อยไหลพรากเป็นสายราวเขื่อนทำนบแตก ร้องจนเสียงแหบเสียงแห้ง สำลักน้ำลายอัก ๆ เหมือนใจจะขาด เนื้อตัวมีมดแดงรุมกัดอยู่หลายตัว รพินทร์รีบปัดออกให้พร้อมอุ้มขึ้นแนบอกลูบหลังปลอบขวัญ ทารกน้อยผวาเข้าหาอกอุ่นอย่างคนขวัญหาย

“ถูกทิ้งนานแค่ไหนแล้วนี่เจ้าหนู”

เขาพึมพำขณะสำรวจหามดทั่วกายบางเผื่อยังมีรอดสายตาหลงเหลือ เหลียวซ้ายแลขวาไม่เห็นใครก่อนจะพากลับเข้าบ้านเพราะสายฝนยังคงโปรยปราย

“สายสะดือยังไม่ทันจะแห้งก็เอามาทิ้ง เฮ่อ จิตใจคนเราหนอ ตากแดดตากลมโดนมดกัดมานานเท่าไรแล้ว แล้วนี่ยังโดนฝนอีก”

รพินทร์เอ่ยขณะมองสบดวงตาบวมแดงในอ้อมกอด เจ้าตัวแดงหยุดร้องจ้าแต่ยังไม่คลายสะอื้นฮัก ๆ มือเล็กซีดกำนิ้วมือใหญ่แน่นอย่างคนขวัญหนีหาที่พึ่ง

“ขวัญเอ้ย ขวัญมานะเจ้าหนู”

 รพินทร์ปลอบขณะวางทารกลงบนโซฟา มือขาวคลี่ผ้าอ้อมออกสำรวจบาดแผลก่อนจะอุทานอย่างตกใจ

“คุณพระช่วย! อะไรกันนี่ เด็กคนนี้มีสองเพศในร่างเดียว!”

 :L2:

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-05-2018 09:05:01 โดย Moony_Darling »

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
Re: เสน่หา...รักเอย(Mpreg)(๒๔/๐๓/๕๙)
«ตอบ #1 เมื่อ24-03-2016 15:26:39 »

เสน่หา...รักเอย ตอนที่ ๑


...อย่าหวังว่าฉันจะคุกเข่าให้ แม้จะปวดรวดร้าวเพียงใด คราวนี้คงไม่มีวัน
ไม่มีน้ำตา ไม่มีคำลา ไม่ขอตื้นตัน ไม่มีแม้สิ่งผูกพัน ไม่มีวันหวนกลับไปหา...

แว่วเสียงบทเพลงหวานเพราะพริ้งเสนาะหูจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นคลาสสิกสมัยคุณปู่ที่ยังใช้งานได้ดี เสียงหวานกังวานดังไปทั่วอาณาบริเวณ บ้านไม้สไตล์วินเทจทรงขนมปังขิงสีครีมหลังงามที่ยืนตัวอยู่ท่ามกลางแมกไม้ไทยร่มรื่น กลิ่นบุปผชาติหอมฟุ้งกำจายทั่วบริเวณบ้าน สกุณานกน้อยส่งเสียงเจื้อยแจ้วจิ๊บ ๆ ขณะจิกกินลูกไม้ สายลมเย็น ๆ พัดโชยเอื่อยเฉื่อยอย่างสงบเงียบ บ่งบอกถึงกลิ่นอายความสงบร่มรื่นของบ้านร่วมสมัยราวกับมีมนตร์ขลัง

...อย่าหวังว่าฉันยังฝันอาลัย แม้จะเกิดมีแผลดวงใจ คงสูญไปจากอุรา
สิ้นกันแล้วเรา สิ้นความมัวเมา สิ้นคำบัญชา สิ้นความรัก สิ้นเมตตา สิ้นวาสนากันที...

เสียงเพลงหวานหูโดยศิลปินแห่งชาติที่โด่งดังในสมัยเก่าก่อนยังคงดังคลอกับเสียงน้ำไหลจ๊อก ๆ จากตุ่มน้ำผุด ให้ความรู้สึกเย็นสบายใจแก่คนที่นั่งทัดดอกจำปีชิดใบหู ร่างสมส่วนนั่งคลอเพลงเบา ๆ ขณะมือสาละวนกับการพับกลีบดอกบัวเพื่อนำขึ้นหิ้งถวายพระก่อนนอน

“ยาพิษ บนน้ำผึ้งเพียงหยด ช่างรุนแรงเหมือนกรด รดราดบนดวงชีวี กว่าจะรู้ กินใจเสียกร่อนเต็มที เกือบจะสาย เกือบสิ้นดี เกือบไม่มีชีพอยู่เป็นคน”

รพินทร์ชอบเพลงท่อนนี้เป็นพิเศษ เจ้าตัวเผลอร้องออกเสียงเสียดังขณะสายตาจดจ้องที่กลีบดอกบัว ไม่ทันเฉลียวหลังเมื่อร่างโปร่งบางของหนุ่มน้อยวัยสิบเจ็ดฝนย่างเข้าปีที่สิบแปดกำลังย่องเบามาใกล้ ๆ

...แปะ...

มือบางปิดเข้าที่ดวงตาของรพินทร์ ก่อนเจ้าของมือซุกซนจะฉีกยิ้มสดใส ดวงตาเป็นประกายดุจดวงดาวเปล่งแสงจะเอื้อนเอ่ยเสียงร้องใสกังวานต่อเนื้อเพลง

“สาปแล้วความรักไม่ขอปองใจ ล้างกรรมเก่าสิ้นสูญกันไป อย่าหวนมาใกล้อีกหน
อุทิศเคราะห์กรรม จากความทรงจำห่างไกลกมล สาปอุทิศบาปเวรจงดล ให้แก่คนเป็นมารหัวใจ”

 เจ้าตัวร้องเพลงพลางละมือออกแล้วเอี้ยวตัวมานั่งยิ้มหวานจ๋อยอวดเขี้ยวเล็ก ๆ กับลักยิ้มสดใสสว่างโลกให้ผู้เป็นบิดาตรงหน้า รพินทร์ยิ้มหวานตอบ ละมือจากดอกบัวพับกลีบเสร็จพลางลุกขึ้นจับมือลูกชายเข้าคู่เต้นรำเข้าจังหวะ เสียงร้องประสานเสียงดังประสานขึ้นไม่ดังนัก

“ยาพิษ บนน้ำผึ้งเพียงหยด ช่างรุนแรงเหมือนกรด รดราดบนดวงชีวี
กว่าจะรู้ กินใจเสียกร่อนเต็มที เกือบจะสาย เกือบสิ้นดี เกือบไม่มีชีพอยู่เป็นคน”

“สาปแล้วความรักไม่ขอปองใจ ล้างกรรมเก่าสิ้นสูญกันไป อย่าหวนมาใกล้อีกหน
อุทิศเคราะห์กรรม จากความทรงจำห่างไกลกมล สาปอุทิศบาปเวรจงดล ให้แก่คนเป็นมารหัวใจ...”

สองพ่อลูกส่งยิ้มให้กันเมื่อเพลงจบ ทั้งคู่ละมือจากกัน รพีกานต์ทิ้งตัวลงนั่งใกล้ ๆ บิดาผู้ที่เลี้ยงดูอบรมมา รพินทร์ยื่นมือเรียวทาบบนแก้มขาวเนียนของบุตรชายพลางเอ่ย

“โตเป็นหนุ่มจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว รักใครก็ขอให้รักจริง ๆ อย่าลวงหลอกกันให้อีกฝ่ายช้ำใจนะลูก น้องกานต์”

“ครับ พ่อพินทร์” รพีกานต์รับปากหนักแน่น

“กานต์กลับมาแล้ว สวัสดีครับ”

 เสียงนุ่มกังวานออดอ้อนฉอเลาะผู้เป็นพ่อ มือเรียวสวยกระพุ่มไหว้บุพการีอ่อนช้อยนอบน้อม เป็นเสน่ห์ที่รพินทร์มองแล้วเอ็นดูนักหนาสมกับที่อบรมมาเองกับมือ ยิ่งนานวันยิ่งรักยิ่งห่วงขึ้นทุกที

“เห็นดอกบัวแล้วน้ำลายสออยากกินแกงส้มไหลบัวเลยแฮะ”

รพีกานต์เอ่ยยิ้ม ๆ ขณะเอื้อมมือมาหยิบดอกบัวช่วยพับ

“เอาซี พ่อหั่นไหลบัวไว้รอท่าล่ะ งานนี้เดาว่ายังไงก็ไม่รอเก้อแน่ ๆ เพิ่งได้กุ้งสดเขาพายเรือผ่านมาขายตรงท่าน้ำหลังบ้าน เดี๋ยวน้องกานต์เอากระเป๋านักเรียนไปเก็บแล้วโขลกเครื่องแกงเลยนะลูก เอาให้ดังสนั่นไปสามบ้านแปดบ้านเลยเทียว”

รพินทร์บอกกลั้วหัวเราะ ก่อนจะให้เหตุผลสำทับอีกว่า

“โขลกน้ำพริกเครื่องแกงดัง ๆ เขาว่าบ้านนั้นมีเสน่ห์ปลายจวัก”

“โขลกเสียงดังแล้วบ้านข้าง ๆ เขาจะไม่ขว้างจานขว้างกะละมังมาใส่หัวหรือฮะ?”

 รพีกานต์แกล้งเย้าบิดาเล่นทั้งที่รู้ความหมายของการโขลกน้ำพริกดัง ๆ ดี รพินทร์ได้ฟังแล้วจึงตีเพี๊ยะเข้าที่แขนบางเจ้าคนเล่นลิ้นร้อยเล่ห์

“เอ๊ะ ลูกคนนี้ เขาจะถือถ้วยถือชามมาขอแบ่งละสิไม่ว่า ขี้คร้านจะตักแจกแทบหมดหม้อ ถ้ามีลูกสาวคงรีบจองตัวเอาไว้ก่อน”

 คนพูดแจงสีหน้าแช่มชื่น

 “ครับพ่อพินทร์ เดี๋ยวกานต์จะโขลกให้อร่อยเหาะดังไปหน้าปากซอยเลยเชียว”

เด็กหนุ่มตอบหน้าแฉล้มก่อนจะรีบฉวยกระเป๋านักเรียนวิ่งดุ๊ก ๆ เข้าบ้าน ไม่วายเหลือบมองดอกปีบสีขาวร่วงหล่นโรยกระจายไปตามทางเดินปูด้วยอิฐศิลาแลงราวกับมีใครเอามาโปรย รพีกานต์แวะเก็บดอกที่ร่วงบนพุ่มไม้กะนำไปแช่ในแจกันแก้ว วางไว้ห้องรับแขกให้กลิ่นหอมละมุนคอยต้อนรับอาคันตุกะของบ้าน บ้านของพ่อรพินทร์เป็นบ้านไม้ร่วมสมัยแบบที่เรียกว่า บ้านทรงขนมปังขิง ฝีมือการออกแบบของคุณปู่ที่เป็นสถาปนิกมีชื่อ คุณพ่อรพินทร์รักการปลูกต้นไม้ดอกไม้และการจัดสวนมาก บริเวณบ้านปลูกดอกไม้ไทยหลากชนิดส่งกลิ่นขจรหอมฟุ้งจรุงใจแก่ผู้พบผ่าน สร้างมนตร์เสน่ห์ความประทับใจแก่ผู้มาเยือนยิ่งนัก

 รพินทร์มองแผ่นหลังบางของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกที่เขาดูแลมาเกือบสิบแปดปีกำลังก้ม ๆ เงย ๆ เก็บดอกปีบข้างบ้าน แม้จะไม่ได้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขจริง ๆ แต่เมื่อชีวิตถูกกำหนดให้ได้มาพบกัน รพินทร์จึงรักรพีกานต์เหมือนลูกในไส้ ตลอดมารพินทร์เฝ้าอบรมป้อนสิ่งดี ๆ เป็นตัวที่ดีแก่ลูกมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นคำพูดคำจา กิริยาท่าทางไม่เคยหยาบโลนให้ลูกเห็น ด้วยหวังจะให้ความรักของเขาได้ชดเชยในสิ่งที่รพีกานต์ขาดไปได้บ้าง

“แค่พ่อรพินทร์รักและเมตตาเลี้ยงดูกานต์มา ส่งเสียให้กานต์ได้เรียนหนังสือเหมือนคนอื่น ๆ เท่านี้ก็เป็นพระคุณมากมายจนกานต์ไม่รู้จะตอบแทนยังไงหมดแล้วครับ ขอบคุณพ่อรพินทร์นะครับที่ช่วยกานต์ไว้ในวันนั้น”

รพีกานต์พนมมือไหว้บนอกผู้เป็นพ่อด้วยความซาบซึ้งใจนักหนา รพินทร์ให้เขาทุกอย่างทั้งความรัก ความเมตตา การศึกษาเอาไว้หาเลี้ยงตน รพีกานต์ไม่เห็นประโยชน์ที่จะไปเรียกร้องอะไรเพิ่มเติมในเมื่อที่มีอยู่ก็มีความสุขนักหนา

“พ่ออยู่กับกานต์ไม่ได้ตลอดชีวิตนะลูก วันหนึ่งข้างหน้ากานต์ก็ต้องมีครอบครัวเป็นของกานต์เอง ค่านิยมสมัยนี้อาจจะฉาบฉวยไปบ้าง แต่ทั้งหมดทั้งมวลล้วนขึ้นอยู่ที่ตัวเรา กานต์เข้าใจที่พ่อสอนไหมลูก”

“เข้าใจครับ กานต์จะรักใครก็จะรักให้จริง”

รพีกานต์กอดกระชับเอวบิดา ปีกอบอุ่นที่ปลอดภัยสำหรับรพีกานต์เสมอ รพินทร์เลี้ยงลูกสมัยใหม่พอตัวทำให้พ่อลูกเปิดอกคุยกันได้เหมือนเพื่อน เหมือนพี่ชาย นอกเหนือจากความเป็นพ่อลูก รพีกานต์จึงสนิทกับพ่อมากกว่าเพื่อนเสียอีก
   

เสียงโขลกเครื่องแกงโป๊ก ๆ ดังลั่นขึ้นในเวลาไม่นานนัก รพินทร์ถือถาดหวายสานที่วางบัวพับเรียบร้อยแล้วเดินเข้าบ้านยิ้ม ๆ ตรงไปที่ห้องครัว ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนกำลังนั่งขัดสมาธิโขลกเครื่องแกงขะมักเขม้น กลิ่นกระชายโขลกละเอียดหอมยั่วน้ำลาย ข้าวที่หุงไว้เกือบสุกพ่นไอพวยพุ่งออกจากหม้อส่งกลิ่นหอมกรุ่นฉุย ๆ เขาเปิดตู้กับข้าวหยิบกุ้งสดแกะเปลือกแล้วเรียบร้อย น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ ไหลบัวพระเอกของงานหั่นพร้อมในถ้วย วางทั้งหมดลงบนโต๊ะครอบด้วยฝาชีสานหันมาบอกลูก
   
“วันนี้น้องกานต์ลงมือเป็นพ่องานเองเลยนะลูก พ่อจะรอชิมฝีมือ”
   
“ฮะ พ่อ”

รพีกานต์พยักหน้ารับคำหันไปสนใจเครื่องแกงในครกต่อ รพินทร์เชื่อในฝีมือลูกชายว่ารสมือดีไม่ต่างจากเขา สมัยนี้ไม่จำเป็นต้องเฉพาะผู้หญิงเท่านั้นหรอกที่จะต้องทำอาหาร งานบ้านงานเรือน ผู้ชายก็ทำงานเหล่านี้ได้ รพินทร์หัดให้ลูกรู้จักช่วยงานบ้านงานเรือนเผื่ออนาคตแต่งงานมีเหย้ามีเรือนก็จะได้ช่วยภรรยาทำได้ ผู้หญิงจะได้ไม่ต้องลำเค็ญมากนัก รพินทร์ไม่รู้หรอกว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร แต่สำหรับเขาแล้ว คำว่า “แม่” นี้เสียสละเหลือเกิน ทั้งงานบ้านงานเรือนแล้วไหนจะเลี้ยงลูกอีก ซึ่งคนจะเป็นคู่ชีวิตกันก็ควรจะช่วยกันแบ่งเบา

ร่างโปร่งนั่งมองกายบางคดเครื่องแกงใส่หม้อพร้อมหยิบจับเครื่องปรุงเติมลงไปท่าทางคล่องแคล่วก็อดจะภูมิใจไม่ได้
   
กลิ่นหอมฉุยของแกงส้มไหลบัวลอยแตะจมูกบ้านใกล้เรือนเคียง คนที่กำลังตรวจข้อสอบเด็กท้องร้องจ๊อก ๆ ประท้วงขึ้นทันทีที่ได้กลิ่น ชายหนุ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอลุกจากเก้าอี้ออกมายืนชะเง้อชะแง้มองหาต้นกลิ่นหอม ๆ

วิศรุตเป็นครูสอนเด็กประถมโรงเรียนละแวกบ้าน เขาเพิ่งย้ายมาพักบ้านญาติได้ไม่นานจึงยังไม่รู้จักใครดีนัก รพินทร์มองร่างสูงหน้าตาคมเข้มแบบไทยแท้กำลังชะเง้อชะแง้คอแทบเคล็ดก็อดหัวเราะคิกไม่ได้ ร่างโปร่งเดินไปกระซิบกระซาบบอกลูกชาย

“น้องกานต์ทำเสร็จแล้วแบ่งกับข้าวไปให้เพื่อนบ้านข้าง ๆ หน่อยนะลูก”

รพินทร์บอกก่อนจะเดินเข้าบ้านไป รพีกานต์เหลียวมองทางชานเรือนเพื่อนบ้านทันได้สบตากับชายหนุ่ม เด็กหนุ่มยิ้มบางให้ วิศรุตเกาท้ายทอยแก้เก้อ

รพีกานต์ตักแกงใส่ถ้วยวางในถาดสำรับ มีน้ำพริกลงเรือเครื่องเคียงผักสดกับไข่เจียวดอกโสนวางเสริมไปด้วย เพราะพ่อรพินทร์บอกว่าคุณครูวิศรุตเพิ่งย้ายมายังไม่รู้จักใคร รพีกานต์อยากให้เขาได้ลองชิมหลากหลายหน่อยจึงตักแบ่งไปอย่างละนิดละหน่อย เสร็จเรียบร้อยจึงยกสำรับเดินออกไปนอกบ้าน มือบางกดกริ่งหน้าบ้านก่อนจะยืนรอด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม ไม่นานนักร่างสูงใหญ่จึงได้เยี่ยมหน้าออกมา

 “ สวัสดีครับ”

เจ้าของใบหน้าผ่องแฉล้มฉีกยิ้มสว่างสดใสเอ่ยทักทายเมื่อเจ้าของบ้านติดกันเปิดประตูรั้วออกมา

“วันนี้ที่บ้านทำแกงส้มไหลบัวกับน้ำพริกลงเรือไข่เจียวดอกโสน คุณพ่อบอกให้แบ่งมาให้คุณครูลองชิมดูน่ะครับ”

 รพีกานต์บอกพร้อมยื่นสำรับบรรจุกับข้าวตามที่เอ่ยบอกให้เจ้าของร่างสูง วิศรุตเหลือบมองหลังคาเพื่อนบ้านแวบหนึ่ง ภาพใบหน้าขาวผ่องที่ขับโฟร์คเต่าผ่านหน้าบ้านเมื่อเช้าผุดขึ้นในมโนภาพ

“ขอบคุณนะครับ เอ่อ ขอเรียกว่าน้องนะครับ น้อง...”

“กานต์ครับ ส่วนคุณพ่อชื่อ คุณพ่อรพินทร์” รพีกานต์แนะนำตัวยิ้มแย้ม

“พี่ชื่อวิศรุตนะครับ เรียกพี่รุตก็ได้”

“ครับพี่รุต คุณพ่อเห็นพี่รุตเพิ่งย้ายมาเลยให้กานต์ยกกับข้าวมาทักทายเพื่อนบ้านน่ะครับ”

รพีกานต์บอก วิศรุตนิ่งไปนิด คุณรพินทร์สังเกตเห็นเขาด้วยหรือ

“ ฝากขอบคุณคุณพ่อน้องกานต์ด้วยนะครับ แล้วก็ขอบคุณน้องกานต์ด้วยที่อุตสาห์ยกมา”

“ครับพี่รุต ว่าง ๆ แวะไปทานข้าวด้วยกันได้นะครับ ทานหลาย ๆ คนจะได้อร่อย”

รพีกานต์เอ่ยชวนด้วยไมตรี วิศรุตยิ้มรับคำชวนนั้น


 :mew1:  เพลงในเนื้อเรื่องชื่อว่าเพลงไม่มีวัน ของศิลปินแห่งชาติ คุณสุเทพ วงศ์คำแหง นะคะ คุณพ่อเราร้องให้ฟังเลยใส่ลงในนิยายด้วย เพลงเก่า ๆ เพราะมาก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-05-2016 20:17:39 โดย Moony_Darling »

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
Re: เสน่หา...รักเอย(Mpreg)
«ตอบ #2 เมื่อ24-03-2016 15:33:23 »

ชะอุ้ย เนื้อหาน่าติดตามมากเรื่องนี้

นายเอกจะท้องกี่รอบกันแน่เนี่ย :hao3:

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
Re: เสน่หา...รักเอย(Mpreg)
«ตอบ #3 เมื่อ24-03-2016 15:42:30 »

เสน่หา...รักเอย ตอนที่ ๒


รพินทร์กับรพีกานต์ช่วยกันยกโต๊ะออกมาตั้งหน้าบ้านเหมือนทุกๆเช้าเพื่อรอตักบาตร วันนี้สองพ่อลูกตื่นกันตั้งแต่ตีสี่เพื่อมาเก็บดอกจำปาทำจำปาดองบูชาพระ และเก็บมะลิกรองมาลัย เก็บดอกไม้เสร็จเรียบร้อย รพินทร์แยกตัวไปทำอาหารใส่บาตร มอบหน้าที่กรองมาลัยให้รพีกานต์ เด็กหนุ่มตักน้ำฝนใส่หม้อเติมสารส้มสะตุลงไปแล้วยกขึ้นตั้งไฟขณะหันไปจัดเรียงดอกจำปาที่เพิ่งเก็บมาสดๆเรียงใส่ในขวดโหล รอให้น้ำเดือด ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วจึงนำมาเทใส่ขวดโหลที่เรียงดอกจำปาไว้แล้ว จากนั้นปิดฝาเป็นอันเสร็จ ได้จำปาดองสำหรับบูชาพระ พ่อรพินทร์บอกว่าจำปาดองบูชาพระเป็นภูมิปัญญาไทย สามารถเก็บได้เป็นร้อยปีโดยดอกไม่เหี่ยวเมื่อเก็บไว้นาน ๆ น้ำที่แช่จะเปลี่ยนสีไปเป็นสีของจำปี และห้ามเปิดฝาเด็ดขาดเพราะอากาศเข้าแล้วจำปาจะดำ ไม่สวย ดอกจำปาที่บ้านออกดอกมาก พ่อรพินทร์มักทำจำปาดองเป็นของฝากเวลาไปรดน้ำดำหัวญาติผู้ใหญ่ช่วงสงกรานต์ หรือแจกจ่ายเพื่อนอาจารย์ด้วยกันนำไปบูชาพระ

“ใส่บาตรตอนเช้าทุกวันเลยนะครับ”

วิศรุตเอ่ยทักสองพ่อลูกที่กำลังยืนรอใส่บาตร รพินทร์แต่งตัวเรียบร้อยในชุดพร้อมไปทำงานกับรพีกานต์ที่ใส่ชุดนักเรียนมัธยมปลายผมเผ้าหวีเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน

“คุณครูมาใส่ด้วยกันสิครับ”

รพินทร์เอ่ยชวนด้วยไมตรี วิศรุตยกถาดสำรับมาตั้งด้วยกันรอพระ

“น้องกานต์กำลังรอลุ้นผลสอบเข้าสินะคุณรพินทร์”

หลวงตาถามไถ่หลังใส่บาตรกรวดน้ำให้พรแล้วเรียบร้อย

“ครับ หลวงตา ถ้าเข้าคณะที่หวังได้คงดีไม่น้อย อุตส่าห์เตรียมตัวตั้งแต่มอสี่ ตาณัฐก็มาช่วยติวให้บ่อย ๆ ”

 รพินทร์ลูบหัวศีรษะทุยลูกชายโทนอย่างรักใคร่เอ็นดู ขณะส่งยิ้มบางให้ณัฐธีร์ ลูกศิษย์ก้นกุฏิหลวงตาที่พากเพียรจนได้เข้าเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดัง

ณัฐธีร์รู้จักมักจี่กับครอบครัวนี้มาตั้งแต่วัยเยาว์ ที่รู้จักกันได้ก็เริ่มจากที่รพินทร์พารพีกานต์ไปวัดเพื่อคุยเรื่องเจ้าภาพสลากภัต เด็กชายรพีกานต์ตัวจ้อยแอบพ่อออกมาเล่นที่ลานวัดใต้ต้นพิกุล มือเล็กป้อมเก็บดอกพิกุลใส่มือกะจะเอาไปเล่นขายของ แต่กลับถูกเด็กเกเรรังแกจนร้องไห้จ้า ณัฐธีร์กวาดลานวัดแถวนั้นเห็นเหตุการณ์ตลอดจึงเข้ามาช่วย กลายเป็นเรื่องเป็นราวเมื่อเด็กเกเรไปฟ้องพ่อแม่ว่าถูกเด็กวัดรังแก รพินทร์ซึ่งเดินตามหารพีกานต์ทันได้ยินเข้าพอดี รู้สึกไม่ชอบใจที่พ่อแม่เด็กเกเรชี้หน้าด่าทอณัฐธีร์ว่า “ลูกไม่มีพ่อมีแม่สั่งสอน” ชายหนุ่มก้มถามลูกชายได้ความว่า ฝ่ายนั้นมารังแกรพีกานต์ก่อนและณัฐธีร์มาช่วยไว้ กลายเป็นณัฐธีร์ถูกใส่ไคล้ทั้งที่ยังไม่ได้ไต่ถามให้ดี

 รพินทร์ไม่ได้เอ่ยตำหนิโดยตรงแต่ใช้สายตาตำหนิแทนนั่นทำให้ครอบครัวนั้นถึงกับหน้าจ๋อยเอ่ยขอโทษเสียงอ่อยแต่กลับไม่ยอมขอโทษณัฐธีร์ ก่อนจะจากไปโดยที่ยังฝากบาดแผลให้กับเด็กชาย รพินทร์ปลอบโยนพร้อมทั้งบอกให้รพีกานต์ขอบคุณ มือเล็กป้อมที่ยกขึ้นประนมไหว้ขอบคุณโดยไม่อิดออดเพราะณัฐธีร์อายุมากกว่าทำให้ณัฐธีร์ประทับใจตั้งแต่คราวนั้น เด็กชายหาก้านดอกหญ้ามาร้อยดอกพิกุลทำกำไลให้เด็กน้อย ทั้งคู่จึงสนิทกันนับแต่นั้น ความพากเพียรของณัฐธีร์จุดประกายความเพียรพยายามให้รพีกานต์รู้จักเตรียมความพร้อมในการอ่านหนังสือและตั้งใจเรียนเรื่อยมา

“พากเพียรหวังสิ่งใดไว้ก็ขอให้สมหวังนะ” หลวงตาอวยพร

“ขอบคุณครับหลวงตา”

รพีกานต์ประนมมือไว้รับพร หลวงตาอุ้มบาตรเดินนำไปก่อน แต่คนหน้าทะเล้นยังไม่วายหันมายิ้มแป้นแล้นใส่

“เข้าที่เดียวกับพี่ได้ เทหน้าตักเลี้ยงลอดช่องน้ำกะทิยายพิมเลย เอ้า”

ณัฐธีร์ใจป้ำ ลอดช่องน้ำกะทิยายพิมแก้วละสิบบาทใส่ในหม้อดินเผาวางในสาแหรกเดินหาบเร่ขายไปตามทาง มีตั่งตัวเล็กให้สำหรับลูกค้านั่งกิน อิ่มหนำสำราญจ่ายเงินแล้วก็หาบย้ายไปขายต่อที่อื่นเรื่อย ๆ สองหนุ่มติดใจความหอมหวานของกะทิกอปรกับสงสารยายแกด้วย จึงอุดหนุนประจำ

“เขาจะกินให้ตัวกระเป๋าฉีก คอยดู คนหน้าใหญ่” รพีกานต์หน้ายู่ใส่พี่ชาย

“ตัวใหญ่กว่ามดหน่อยเดียว ระวังจะท้องแตกตายเป็นชูชก” ณัฐธีร์ต่อล้อ

“หน่อยแน่ คนขี้แกล้ง”

รพีกานต์หน้างอเป็นปลาทูแม่กลอง  มือเรียวยกขึ้นป้องปากส่งเสียง

“หลวงตาครับ พี่ณัฐแกล้งน้องกานต์อีกแล้วครับ”

รพีกานต์งัดไม้เด็ดออกมาใช้ ซึ่งได้ผลทุกคราวไปเวลาเถียงสู้อีกฝ่ายไม่ได้

“เจ้าณัฐ! มานี่เลย แกล้งน้องอยู่ได้”

 เสียงเอ็ดทำให้ณัฐธีร์หดหัวแต่ไม่วายหันมาคาดโทษคนเจ้าเล่ห์

“ฝากไว้ก่อนนะ เจ้าตัวดี”

“ไม่รับฝากหรอก แบร่” รพีกานต์แลบลิ้นปลิ้นตาล้อเลียนใส่เป็นลิงเป็นค่าง

“น้องกานต์”

 รพินทร์ปรามฝ่ายตัวเองบ้างไม่ให้เลยเถิดเกินงาม รพีกานต์หน้าจ๋อย ณัฐธีร์หันมายักคิ้วหลิ่วตาล้อเลียนคนหน้างอคอหัก รพินทร์ส่ายหน้ายิ้ม ๆ ตั้งแต่เล็กจนโตก็มีณัฐธีร์นี่ล่ะที่เล่นหัวยอมให้น้องน้อยมาตลอด


“พี่ณัฐ กานต์อยากฟังเพลง ร้องให้ฟังหน่อย”

 เสียงใสร้องบอกขณะทิ้งตัวปุหนุนตักพี่ชายอย่างคุ้นเคย

“พี่ร้องเพลงวัยรุ่นไม่เป็นหรอก”

 ณัฐธีร์บอกทั้งที่ตายังอยู่กับหน้าหนังสือ

“เอาเพลงอะไรก็ได้ที่พี่ณัฐชอบ ร้องให้ฟังหน่อยนะ นะ” รพีกานต์ออดอ้อน

“เพลงเดียวนะ พี่จะอ่านหนังสือเตรียมสอบ”

“ก็ได้ครับ”

 รพีกานต์ยิ้มตาปิดที่พี่ชายตามใจ ณัฐธีร์ปิดหนังสือลงพร้อมยื่นมือหยิบใบไม้ที่ร่วงใส่ผมน้องออกให้ สายตาคมทอดลงจดจ้องยังดวงตากวางคู่งามขณะเริ่มร้องเพลง

*เปรียบเธอเพชรงามน้ำหนึ่ง หวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า หยาดเพชรเกล็ดแก้วแววฟ้า ร่วงมาจากฟ้าหรือไร
หยาดมาแล้วอย่าช้ำโศก ปล่อยคนทั้งโลกร้องไห้ หยาดเพชรเกล็ดแก้วผ่องใส นั้นอยู่ไกลเกินผูกพัน
แม้ยามเพชรหยาดจากฟ้า ร่วงลงมาฟ้าคงไหวหวั่น ดวงดาวก็พลอยเศร้าโศกศัลย์ มิอาจกลั้นน้ำตาอาลัย
เอื้อมมือคว้าหยาดเพชรแก้ว เผลอรักแล้วจึงฝันใฝ่ หยาดเพชรหยาดละอองผ่องใส แม้อยู่ในความมืดมน


แปะ แปะ แปะ
   
“พี่ณัฐร้องเพลงเพราะมาก ตานี่หวานเยิ้ม อย่าไปทำตาอย่างนี้ใส่ใครเข้าล่ะ เดี๋ยวสาวหลงตายเลย”

รพีกานต์ปรบมือเปาะแปะชื่นชมไม่วายกำชับ
   
“พี่จะไปทำใส่ใครได้”

“เหอะ อย่าให้พูด สาว ๆ ที่โรงเรียนนะชอบพี่ณัฐกันตั้งหลายคน แต่เขาว่าพี่ณัฐหยิ่ง ยิ้มให้ก็ทำเฉย จริงสิ ทำไมพี่ณัฐไม่ไปประกวดร้องออกทีวีล่ะ เผื่อชนะ ได้เงินได้ออกอัลบั้มด้วยนะ มีแฟนคลับ คนรู้จักครึ่งประเทศเลยนะ”

รพีกานต์คุยจ้อเสียงใส เขาชอบเสียงร้องของณัฐธีร์ เสียงทุ้มนุ่มขับกล่อมให้เพลิดเพลินเหมือนล่องลอยในอากาศ ร่างบางนอนรอคำตอบพี่ชายตาแป๋ว

“ไม่ล่ะ เดี๋ยวดัง กัน เดอะ สตาร์จะหมอง ร้องประกวดเอาเงินรางวัลตามงานวัดมาซื้อปลากริมไข่เต่าให้ตัวยุ่งกินก็พอแล้ว”

ณัฐธีร์ลูบศีรษะทุยก้มมองใบหน้านวล

“นี่พี่ณัฐ ตัวรู้ไหม เพื่อนที่โรงเรียนถามล่ะว่า พี่ณัฐเป็นเกย์หรือเปล่า ไม่เห็นสนใจสาวเลย สาว ๆ สวย ๆ มาชอบก็ตั้งเยอะ”

“โธ่เอ๋ย เด็กวัดอย่างพี่จะมีปัญญาเอาเงินที่ไหนไปเลี้ยงสาวกันล่ะ ลำพังเงินจากทำงานพิเศษก็ต้องใช้กับการเรียน พี่ไม่มีเวลาให้สาวที่ไหนหรอก”

“พี่ณัฐเรียนตั้งวิศวะ เดี๋ยวตัวเรียนจบมีงานทำ ตัวก็รวยแล้ว”

“เอาไว้ให้ถึงเวลานั้นก่อนเถอะ ที่ซุกหัวนอนยังเป็นก้นกุฏิหลวงตาอยู่เลย เอาล่ะ เงียบได้แล้วตัวยุ่ง พี่จะอ่านหนังสือเสียหน่อย เสร็จแล้วเดี๋ยวพาไปกินไอติม”

“ไม่ ๆ วันนี้พ่อรพินทร์ทำปลากริมไข่เต่า พ่อบอกให้กานต์มาชวนพี่ณัฐไปกินด้วยกัน ตัวจะได้ไม่ต้องเปลืองเงิน เอาไว้พี่ณัฐรวยแล้ว กานต์จะให้พี่ณัฐขุนกานต์ให้อ้วนฉุเป็นหมูเลย”

เสียงใสบอกพร้อมปิดเปลือกตาลงฉับเป็นการหยุดรบกวน ตักพี่ชายอุ่นและปลอดภัยสำหรับร่างบางเสมอ

“หมูจิ๋วล่ะสิ ให้เลี้ยงตลอดชีวิตยังได้เลย”

ณัฐธีร์พึมพำมองคนที่นอนหลับหนุนบนตักเขา ใบหน้าเรียวขาวผ่อง คิ้ว ตา จมูก ปาก ทุกอย่างดูลงตัวเสริมให้รพีกานต์น่ามอง หอมกลิ่นอ่อน ๆ ของแป้งเด็กติดกายโปร่งเสมอตั้งแต่เล็กจนโต พี่ชายกับน้องน้อยที่จูงมือเล่นหัวกันมาแต่เด็ก ครอบครัวรพีกานต์ไม่เคยรังเกียจเด็กวัดอย่างเขา เด็กน้อยหน้าแป้นแต่งกายสะอาดสะอ้านมักมีขนมมาเผื่อแผ่เด็กวัดมอมแมมตลอด ณัฐธีร์เข้าเรียนไปโรงเรียนก่อน รพีกานต์น้องน้อยมักจะมาชะเง้อคอยขนมของฝากจากพี่ชายทุกวัน ทั้งที่ขนมที่บ้านนั้นมีมากมาย แต่เด็กชายกลับอร่อยขนมราคาถูกที่พี่ชายเจียดเงินซื้อมาให้ รพินทร์รู้อย่างนั้นจึงทำขนมใส่ห่อให้ณัฐธีย์เอาไปกินที่โรงเรียนเพื่อที่เด็กชายจะได้เก็บเงินไว้ยามจำเป็นโดยไม่ถูกน้องน้อยเบียดเบียนมากนัก

วันเดือนปีเคลื่อนผ่าน จนณัฐธีร์สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ รพีกานต์กระโดดเหยง ๆ ตัวลอยเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายสอบเข้าได้เสียเอง มือบางถึงกับแคะออมสินที่อุตส่าห์เก็บหอมรอมริบจากเงินค่าทำงานพิเศษที่อุตส่าห์ตามไปทำกับณัฐธีร์ซื้อของขวัญฉลองให้พี่ชาย ณัฐธีร์ดีใจหนักหนาจนน้ำตาคลอ เขาสัญญากับตัวเองว่าจะดูแลน้องน้อยให้ดีที่สุด

...น้องน้อยของพี่ชาย...


 :กอด1:

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
Re: เสน่หา...รักเอย(Mpreg)
«ตอบ #4 เมื่อ24-03-2016 16:00:10 »

เสน่หา...รักเอย ตอนที่ ๓


“พ่อครับ!”

 เสียงร้องเรียกดังลั่นตั้งแต่หน้าบ้านตามมาด้วยเสียงวิ่งตึก ๆ ตรงมาหา รพินทร์เงยหน้าจากดอกจำปาที่กำลังจะเสียบลงในเข็มร้อยเป็นอุบะผูกเข้ากับตาข่ายหน้าช้างแขวนริมหน้าต่าง ดอกจำปาที่บ้านออกดอกสะพรั่งต้น รพินทร์จึงเก็บมาประดิดประดอยตกแต่งบ้านยามมีเวลา

สายตาเอ็นดูมองร่างโปร่งบางที่กำลังยิ้มแป้นวิ่งเข้ามาหา รพินทร์วางงานในมือลงเตรียมอ้าแขนรับขวัญลูกชาย และก็ไม่ผิดคาดเมื่อรพีกานต์วิ่งหลุน ๆ เข้ามากอดเอวหมับพร้อมซุกหน้าส่งเสียงอู้อี้

“พ่อครับ กานต์ทำได้แล้ว”

เสียงนุ่มสั่นเครือด้วยความปลื้มปริ่มยินดีอย่างเก็บอาการไว้ไม่มิด รพินทร์กอดกระชับร่างเล็กพลางลูบแผ่นหลังบางเป็นเชิงรับรู้ด้วยความภูมิใจ

“เก่งมาก กานต์เก่งมากลูก จากนี้ต้องตั้งใจเรียนมาก ๆ นะ ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยกานต์จะต้องรับผิดชอบตัวเอง อาจารย์เขาจะไม่มาเคี่ยวเข็ญคอยจ้ำจี้จ้ำไชอะไรแล้ว”

รพินทร์เอ่ยกับลูกชาย

“นี่พ่อทำฟักทองเชื่อมไว้ต้อนรับนิสิตใหม่เลยนะลูก”

 รพินทร์เปิดฝาครอบถ้วยเบญจรงค์ลวดลายอ่อนช้อยออกให้ดู ฟักทองเหลืองอร่ามแกะสลักเป็นรูปดอกกุหลาบสวยงามน่ากินอวดโฉมรอชิมอยู่ข้างใน รพีกานต์มองด้วยความปลาบปลื้มแกมฉงนเพราะแกะสลักต้องใช้เวลาพอควร

“พ่อรู้มาก่อนแล้วหรือครับ”

คิ้วเรียวขมวดอย่างสงสัย

“ณัฐแอบโทรมาบอกน่ะ รายนั้นดีใจกระโดดโลดเต้นเหมือนถูกรางวัลใหญ่”

“พี่ณัฐนี่นะ แอบบอกพ่อก่อนกานต์ได้ไง”

รพีกานต์ทำท่ากระฟัดกระเฟียดแสนแง่แสนงอนพี่ชายตัวดีที่แอบคาบข่าวมาบอกพ่อก่อน แต่ถึงจะทำท่าแบบนั้นไปก็ใช่ว่าจะติดใจเอาความใครได้นานเสียเมื่อไหร่

 “แต่เอาเถอะ กานต์ได้กินของอร่อยฝีมือพ่อจะยกโทษให้ก็แล้วกัน ขอบคุณครับพ่อ โห สวยจนกานต์ไม่กล้ากิน” รพีกานต์ตื้นตันกับทุกสิ่งที่พ่อรพินทร์มีให้เขามาโดยตลอด

“ลูกพ่ออุตส่าห์สอบเข้าได้ทั้งที รับขวัญกันหน่อย”

รพินทร์หยิบตลับทองเหลืองเปิดฝาออก สร้อยคอทองคำแวววาวถูกหยิบออกสวมใส่คอลูกชาย พร้อมสมุดบัญชีเปิดออกเป็นชื่อของรพีกานต์

“เงินในบัญชีนี้พ่อเปิดไว้ให้ตั้งแต่กานต์ยังแบเบาะ มีเงินเข้าบัญชีทุกเดือนไม่มากไม่มายอะไร มันจะเป็นทุนรอนสำหรับกานต์หลังเรียนจบนะลูก”

รพินทร์ไม่ได้เปิดให้ดูว่าในบัญชีมีเงินเท่าไหร่ มือเรียวพับสมุดเก็บใส่ซองดังเก่าพลางหันมายิ้มให้ลูกชาย รพีกานต์น้ำตารินด้วยความเต็มตื้น สองมือประนมไหว้ลงแนบอกผู้เป็นบิดา เขาได้รับสิ่งดี ๆ จากผู้เป็นพ่อมากมายเหลือเกิน

“กานต์ไม่รู้จะหาคำไหนมาขอบคุณพ่อแล้ว บุญคุณที่พ่อมีต่อกานต์ ชดใช้ยังไงก็ไม่มีทางหมด”


“เป็นคนดี ตั้งใจเรียน มีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ พ่อขอกานต์แค่นี้ ทำให้พ่อได้ไหม”

“กานต์สัญญาครับ”

รพีกานต์ยิ้มทั้งน้ำตา มือเรียวหยิบผ้าเช็ดหน้าซับคราบน้ำตาออกก่อนจะเริ่มลงมือกินฟักทองเชื่อมฝีมือบิดา

“เอ ตาณัฐบอกจะไปเก็บฝักบัวในสระหลังบ้าน พ่อว่าพี่เขาไปนานแล้วนะ กานต์กินเสร็จแล้วไปดูหน่อยนะลูก”

“งั้นกานต์ยกไปกินกับพี่ณัฐนะครับ จะไปต่อว่าคนแอบส่งข่าวเสียหน่อย”

รพีกานต์ว่าพลางทำหน้าหมั่นไส้เสียเต็มประดา ร่างบางยกถ้วยฟักทองเชื่อมเดินตรงไปที่ศาลากลางน้ำในสระบัวหลังบ้าน มือวางถ้วยลงพลางชะเง้อ

“พี่ณัฐ พี่ณัฐอยู่ไหน”

เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับ รพีกานต์เดินลงไปที่เรือ ฉวยไม้พายจ้ำลงน้ำสอดส่ายสายตาหา

“ไปแอบหลบที่ไหน หรือว่าไปแล้ว เชอะ เก็บเม็ดบัวกินคนเดียวก็ได้”

ร่างโปร่งพูดขณะเก็บฝักบัวใส่เรือ อารามไม่ระวังไม่ทันรู้ถึงบางอย่างที่เคลื่อนเข้ามาใกล้เรือ

แฮ่!

“เฮ้ย!”

 รพีกานต์ฉวยไม้พายหมายจะฟาดให้ด้วยความตกใจ ณัฐธีร์ไหวหลบพร้อมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากถูกอกถูกใจที่แกล้งหยอกเอินอีกคนให้ใจหายใจคว่ำได้

“พี่ณัฐบ้า  บ้าที่สุด”

รพีกานต์ต่อว่าด้วยความเข่นเขี้ยวพลางฟาดไม้พายตีน้ำกระจายใส่คนช่างแกล้ง ณัฐธีร์ทำหน้าเจ้าเล่ห์ว่ายน้ำเข้าหา

“ไม่ต้องมาล่มเรือกานต์เลยนะ คนบ้า คนเขาอุตส่าห์เอาขนมมาแบ่ง ไม่ให้กินด้วยแล้ว”

รพีกานต์ค้อนควักหน้างอ คนตัวโตเหวี่ยงตัวขึ้นเรือพร้อมกุมมือบางง้องอน

“พี่ขอโทษ อย่างอนน้า เดี๋ยวเก็บเม็ดบัวให้กินเยอะ ๆ เลยเอ้า”

ณัฐธีร์ตะล่อมเอาใจคนหน้างอคอหัก

“พี่ณัฐชอบแกล้งกานต์”

คนหน้างอไม่ยอมง่าย ๆ รพีกานต์ทำหน้ามุ่ยเป็นขนมบูด

“โตแล้วยังแสนงอน รักหรอกถึงหยอกเล่น จะเข้ามหาวิทยาลัยอยู่แล้วยังไม่เลิกขี้งอนพี่อีก”

ณัฐธีร์เย้าพร้อมแกะเม็ดบัวจากฝักป้อนคนแสนงอน

“จริงสิ เรื่องเข้ามหาวิทยาลัย เขาโป้งพี่ณัฐแล้ว แอบมาบอกพ่อก่อนได้ไง”

รพีกานต์นึกขึ้นได้ป้อนความผิดให้ณัฐธีร์อีกกระทง

“ไม่บอกแล้วจะได้เซอร์ไพรส์คนเก่งหรือ พี่อุตส่าห์ขูดมะพร้าวคั้นน้ำกะทิราดฟักทองเชื่อมเลยนะ กะว่ายังไงก็ต้องได้เห็นคนขี้แยเป่าปี่”

ณัฐธีร์พูดพลางแกะเม็ดบัวป้อนอีกเม็ด

“พี่ณัฐบ้า ชอบทำให้กานต์เสียนิสัย เขางอนตัวก็ง้อก็ตามใจเขาอยู่เรื่อย”

 รพีกานต์ต่อว่ากะบึงกะบอน

“แล้วไม่แปลกใจหรือ ทำไมพี่ถึงตามใจ ชอบแกล้งให้งอนแล้วคอยตามง้อ ใครมาชอบพี่ก็ไม่ชอบเขาตอบน่ะหือ”

ณัฐธีร์จ้องใบหน้าขาวไม่มีท่าทีล้อเล่น รพีกานต์ประหม่ากับสายตาที่แปลกไปจากทุกที ใบหน้านวลเสหลบสายตาก้มหน้างุด

“ไม่รู้หรอก ตัวจะบอกว่าเพราะอยู่แต่กับเด็กกะโปโลแบบเขา ก็เลยไม่มีเวลาจีบสาวล่ะสิ”

รพีกานต์เถียงข้าง ๆ คู ๆ ไปเรื่อยจนได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่จึงเงยหน้ามอง

“เฮ่อ คนเรา เคยคิดอะไรเข้าข้างตัวเองบ้างไหม”

ณัฐธีร์ส่ายหน้าคัดไม้พายเข้าฝั่ง

“คิดอะไรหรือ”

รพีกานต์ถามพี่ชายตาใส

“ก็คิดว่าสิ่งที่พี่ทำมันหมายความว่ายังไงน่ะ คิดบ้างไหม”

ณัฐธีร์เอ่ยทั้งไม่มองหน้า คราวนี้ถึงทีพี่ชายงอนบ้าง

“พี่ณัฐ...”

รพีกานต์ครางชื่อพี่ชายเสียงแผ่ว

“พี่อยากดูแลกานต์นะ อยากดูแลกานต์ไปตลอดชีวิตของพี่จนกว่าจะตายจากกัน ที่พี่ทำบุญร่วมกับกานต์บ่อย ๆ ก็เพราะพี่หวังว่าถ้าชาติหน้ามีจริง พี่จะได้เกิดมาเจอกานต์อีก ไม่ใช่แค่ชาตินี้”

ณัฐธีร์ระบายสิ่งที่คั่งค้างอยู่ในใจออกมา มาถึงขั้นนี้แล้วถึงเวลาที่เขาควรสารภาพกับร่างเล็กตรงหน้าเสียที

“พี่ณัฐ คือกานต์...”

รพีกานต์อ้ำอึ้งด้วยคิดไม่ถึงมาก่อน

“กานต์รู้สึกอะไรกับพี่บ้างไหม”

น้ำเสียงณัฐธีร์เว้าวอนทั้งสีหน้าและแววตา

“กานต์ไม่รู้...”

รพีกานต์ตอบเสียงแผ่วอย่างสับสน เขาตั้งใจจะเป็นผู้ชายแท้มาตลอดไม่คิดว่าจะถูกผู้ชายด้วยกันสารภาพรัก ที่ผ่านมารพีกานต์คิดว่าณัฐธีร์เป็นพี่ชายที่แสนดีมาตลอด

“พี่ขอโทษที่ทำให้กานต์ลำบากใจ”

 ณัฐธีร์เสียงอ่อย ใบหน้าสลดอ้อยสร้อยอย่างผิดหวังจนรพีกานต์อดสงสารไม่ได้ มือบางยื่นกุมปลอบประโลมพี่ชาย

“คือ กานต์ไม่รู้จะอธิบายยังไง กานต์มีพี่ณัฐมาตลอดตั้งแต่เด็ก เป็นทั้งพี่ เพื่อน ที่ปรึกษา ทุกอย่างรองจากพ่อรพินทร์ พี่ณัฐคอยปกป้องกานต์ อาหารที่หัดทำครั้งแรกพี่ณัฐก็อาสาเป็นหน่วยกล้าตายชิมให้ แม้แต่ร่างกายกานต์ที่ไม่ปกติเหมือนคนอื่นพี่ณัฐก็ไม่เคยรังเกียจ กานต์ไม่รู้ว่าจะเรียกความรู้สึกนี้ว่ายังไง แต่กานต์อุ่นใจที่มีพี่ณัฐ”

“มันคือความผูกพัน พี่เองก็ผูกพันกับกานต์ มันหยั่งรากลึกจนรักไม่รู้ตัว”

ณัฐธีร์เฉลยพร้อมกุมมือบางตอบส่งสายตาเสน่หาให้

“พี่ณัฐ...”

รพีกานต์ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร แต่เขาไม่อยากให้พี่ชายแสนดีคนนี้ต้องผิดหวังเลย

“กานต์อาจจะยังไม่รักพี่ก็ไม่เป็นไร แต่พี่อยากขอโอกาส กานต์ให้พี่ได้ไหม รังเกียจเด็กวัดแบบพี่หรือเปล่า”

“ถ้าดูถูกตัวเองอีก กานต์จะโกรธจริง ๆ ด้วย กานต์เองก็ไม่ได้ดีเด่นอะไรไปกว่าพี่ณัฐเลยนะ เพียงแต่กานต์โชคดีได้เจอคนดีก็เท่านั้นเอง แล้วอีกอย่าง กานต์กลัว...”

 เสียงนุ่มสั่นเครือบ่งบอกว่าความหวาดกลัวนั้นหนักอึ้ง

“กลัวอะไรหรือ”

“ถ้ากานต์ตอบรับพี่ณัฐไม่ได้ พี่ณัฐจะโกรธกานต์จนหนีหายไปเลยไหม จะปิดกั้นตัวเองจนไม่สนใจใครเลยหรือเปล่า”

รพีกานต์พรั่งพรูความในใจ ใบหน้าฉายแววกังวล

“ไม่หรอก พี่จะไม่หนีไปไหน พี่สัญญา พี่จะรักน้องน้อยของพี่ไปแบบนี้ล่ะ ไม่ว่าจะในฐานะอะไร”

ณัฐธีร์กระชับมือบางยืนยันมั่นเหมาะ

“พี่ณัฐรับปากกานต์แล้วนะ”

ใบหน้าใสจ้องตาเอาคำตอบ

“ครับ พี่รับปาก แต่กานต์จะให้โอกาสพี่จีบกานต์ใช่ไหม ให้โอกาสพี่ณัฐคนนี้ได้พิสูจน์ตัวเองว่าพี่จะดูแลน้องน้อยของพี่ได้หรือเปล่า”

ณัฐธีร์ขยับเข้าใกล้ด้วยสายตาเปี่ยมความหวัง

“อืม กะ ก็ได้”

เสียงนุ่มอึกอักตอบทั้งก้มงุดซ่อนใบหน้าหวานแดงซ่าน ณัฐธีร์ยิ้มพรายได้ทีรุกเข้าหาต่อด้วยเสียงทุ้มกระเซ้าเย้าแหย่ให้คนแก้มแดงเขินหนักกว่าเก่า

“งั้น พี่ขอมัดจำเป็นแก้มหอม ๆ ของกานต์หน่อยได้ไหม”

 ณัฐธีร์ก้มกระซิบเสียงทุ้มต่ำตรงหน้า รพีกานต์ตาโตเมื่อได้ยิน ใบหน้าใสเงยขึ้นพร้อมฉวยก้านฝักบัวฟาดคนช่างแกล้ง

“พี่ณัฐบ้า ได้คืบจะเอาศอก กานต์จะฟ้องหลวงตา”

 ณัฐธีร์หัวเราะปัดป้องพัลวันก่อนจะกุมมือบางแนบอกส่งเสียงหวานออดอ้อนน้องน้อยตาหวานเชื่อม

“กานต์จะใจร้ายฟ้องว่าพี่รักกานต์หรือ”

 รพีกานต์เสหน้าหลบ ใบหน้าแดงก่ำลามไปยังใบหู

“นะครับคนดี น้องน้อยของพี่ รู้ไหมว่าหวง เข้ามหาวิทยาลัยแล้วเดี๋ยวมีคนตัดหน้าเลยต้องรีบจองไว้ก่อน”

ณัฐธีร์กุมมือบางออดอ้อน

“ไม่เอา เดี๋ยวพ่อเห็น”

 รพีกานต์ก้มหน้างุดเอียงอายยามมือบางซุกอยู่ในอุ้งมืออุ่นด้วยความรู้สึกต่างจากทุกที

“คุณรพินทร์ร้อยตาข่ายหน้าช้างแขวนหน้าต่างอยู่ ไม่เห็นหรอก น่านะ นิดเดียว”

ณัฐธีร์พูดหวานเข้าล่อ

“นิดเดียวจริงนะ”

รพีกานต์ต่อรองกล้า ๆ กลัว ๆ

“อื้อ นิดเดียว”

ณัฐธีร์พยักหน้ารัวพร้อมยื่นหน้าเข้าใกล้แก้มขาวที่เปลี่ยนเป็นสีเลือดฝาด รพีกานต์ก้มหน้างุดด้วยความอาย

อะแฮ่ม!

เสียงขัดจังหวะดังขึ้นไม่จริงจังนักขณะปลายจมูกโด่งกำลังจะแตะแก้มนวลพอดี ทั้งสองร่างสะดุ้งผละออกจากกันพร้อมหันไปยังต้นทางเสียง

ชะอุ้ย!

“เห็นหายมานานทั้งคู่ กลัวจะตกน้ำตกท่า”

รพินทร์บอกเสียงเรียบเรื่อยไม่แสดงอาการใด ๆ เพราะก่อนหน้าณัฐธีร์ได้มาสารภาพกับเขาแล้ว รพินทร์ไม่ขัดหากมันเป็นความต้องการของคนสองคนที่ปรารถนาจะครองรักใช้ชีวิตร่วมกัน รพีกานต์เกาแก้มน้อย ๆ แก้เก้อที่ถูกผู้เป็นบิดาเห็นภาพน่าอาย
   
“จริงสิ พี่ณัฐ กานต์อยากไปเยี่ยมเพื่อนหน่อย พี่ณัฐจำเพื่อนกานต์ที่ชื่อฝ้ายได้ นั่นล่ะ ฝ้ายไม่ยอมมาเรียนเลย ขาดเรียนหลายวันจนหมดสิทธิ์สอบ กานต์อยากไปเยี่ยมหน่อย เดี๋ยวกานต์บอกพ่อรพินทร์แล้วพี่ณัฐไปกับกานต์หน่อยนะ”

“ได้สิ กานต์อยากให้พี่ทำอะไร พี่ตามใจกานต์ทุกอย่างอยู่แล้ว”

“พี่ณัฐนี่นะ ป้อเช้าป้อเย็นแบบนี้กานต์จะไปไหนรอด”

รพีกานต์ทำหน้ายู่กลบเกลื่อนอาการขวยอาย

“ไม่ได้หรอก ต้องเร่งทำคะแนนไว้ เดี๋ยวกานต์เข้ามหาวิทยาลัยแล้วเจอคนหล่อ ๆ สวย ๆ ขึ้นมา พี่แย่เลย”

ณัฐธีร์แจงเหตุผล

“บ้าน่า ใครจะรักกันง่ายขนาดนั้น” รพีกานต์แย้งขึ้นมาทันที

“กานต์เชื่อเรื่องรักแรกพบไหมล่ะ ถ้ากานต์ได้เจอใครแล้วคนนั้นทำให้กานต์ใจเต้นรัวเหมือนจะกระดอนออกมาจากอก นั่นล่ะคือความรัก ไม่เอาดีกว่า แนะมากเดี๋ยวกานต์ไปรักคนอื่น พี่ณัฐคนนี้คงได้เป็นหมาวัดแหงนมองดอกฟ้าถูกคนอื่นเชยชม”

ณัฐธีร์บ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่น

“สำนวนจีบสาวลิเก๊ลิเก นี่ถ้าพี่ณัฐไปสมัครเข้าคณะพ่อเพชรแถวตลาดนะ มีหวังแม่ยกติดตรึม”

“ไม่เอาหรอก เอาไว้จีบคนแถวนี้คนเดียวนี่ล่ะ ให้หลงพี่หัวปักหัวปำเลย เพี้ยง! ท่องคาถาจองหัวใจ”

 ณัฐยิ้มหวานเชื่อมให้ ทั้งสองยิ้มให้แก่กันก่อนจะพากันไปขออนุญาตพ่อเพื่อไปเยี่ยมเพื่อน



“ฝ้าย ฝ้ายอยู่ไหม”

รพีกานต์ตะโกนเรียกเข้าไปในบ้านที่ดูเงียบเชียบ บ้านไม้ชั้นเดียวมีใต้ถุนสูงทรงโบราณแบบชาวบ้าน ๆ ปลูกต้นไม้มงคลรอบบ้านร่มรื่น รั้วบ้านเป็นแบบไม้ระแนงผ่านร้อนผ่านฝนมานานหลายปีจนมีบางส่วนจับตัวเป็นคราบตะใคร่สีเขียว มีเถาตำลึงเลื้อยพันรอบๆชูยอดอ่อนสลอนเห็นแล้วน้ำลายสออยากเด็ดไปทำแกงจืดตำลึงหมูสับ หรือไม่อย่างนั้นยอดกระถินอ่อน ๆ ริมรั้วก็น่าเด็ดไปเหมือดกินกับขนมจีนน้ำพริกน้ำยานัก

“บ้านปิดเงียบเชียบขนาดนี้ ไม่น่าจะมีคนอยู่นะกานต์”

ณัฐธีร์ชะเง้อคอมองก่อนหันมาปรึกษากันกับรพีกานต์ ใบหน้าใสชะเง้อมองอีกครั้งก่อนจะพยักหน้าชวนกันหันหลังกลับ

ก๊อกแก๊ก

เสียงก๊อกแก๊กเหมือนคนขยับกลอนหน้าต่างดังขึ้นจากในบ้านทั้งคู่จึงหันไปมอง บานหน้าต่างเปิดออกพร้อมใบหน้าซีดผมเผ้ายุ่งเหยิงของเด็กสาวโผล่เยี่ยมออกมามอง

“กานต์”

เสียงครางเรียกชื่อแผ่วเบาเมื่อเห็นว่าผู้มาเยี่ยมเป็นใคร

“กานต์รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวเราลงไปเปิดประตูรั้วให้”

เด็กสาวผลุบหายเข้าไปข้างในไม่นานจึงเดินออกมาเปิดประตูรั้วบ้าน แวบแรกที่เห็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนในชุดคลุมท้องรพีกานต์ตกใจไม่น้อย ฝ้ายนำเพื่อนหัวหน้าชั้นเข้าไปนั่งโซฟาไม้ใต้ถุนบ้านพร้อมยกขันทองเหลืองใส่น้ำฝนโรยดอกมะลิหอมเย็นมารับแขก ร่างในชุดคลุมท้องสีอ่อนมองเห็นส่วนนูนยังไม่มากทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามก่อนเอ่ยปากเปิดประเด็น

“อย่างที่กานต์เห็นนั่นแหละ เราท้อง ก็เลยไม่ได้ไปเรียนอีก เพราะเราไม่อยากทำบาป แค่ทำให้พ่อแม่เสียใจก็บาปมากพอแล้ว”

ฝ้ายเอ่ยเสียงเครือ

“แล้วเพื่อนในห้องเรา มีใครรู้เรื่องอีกไหม”

“เราไม่กล้าบอกใครหรอกกานต์ เราอาย นี่ก็ขังตัวอยู่ในบ้านตลอดไม่กล้าโผล่หน้าออกไปไหนให้ประจานพ่อแม่ ฮึก”

 ฝ้ายยกมือขึ้นปิดใบหน้าด้วยความเสียใจ

“แล้วพ่อของเด็กล่ะฝ้าย”

“อย่าพูดถึงคนสารเลวพรรค์นั้นเลย เราผิดเองที่ปล่อยตัว รักสนุก กิน ดื่ม เที่ยวกลางคืนไม่เว้นแต่ละวัน ใครห้ามใครเตือนบอกสอนอะไรก็ไม่ฟัง สุดท้ายก็ป่องไม่มีพ่อถึงเพิ่งคิดได้ ฮึก เรามันเลวกานต์ เราทำให้พ่อกับแม่ต้องเสียใจ”

 ฝ้ายพรั่งพรูความในใจด้วยความรู้สึกผิดเต็มเปี่ยม

“อะไรที่ผิดพลาดไปแล้วก็ถือเป็นบทเรียนนะ”

ณัฐธีร์เตือนสติ เพราะก่อนหน้าเขาเองก็เคยเห็นเพื่อนรพีกานต์คนนี้ควงกับเพื่อนในคณะเขาออกเที่ยวกลางคืนบ่อย ๆ ทั้งที่ยังเรียนอยู่แค่มัธยมแท้ ๆ

“ขอบใจกานต์มากที่มาเยี่ยมเรา แล้วนี่กานต์สอบติดคณะอะไรหรือ”

“เราติดคณะอักษรศาสตร์”

“กานต์ทั้งเก่งแล้วก็นิสัยดี เราดีใจด้วยนะ”

ฝ้ายแสดงความยินดีจากใจจริงเพราะตั้งแต่เรียนด้วยกันมา รพีกานต์เป็นคนที่มีน้ำใจกับทุกคนจึงมักเป็นที่รักของอาจารย์และเพื่อน ๆ เสมอ

“งั้นเราไม่รบกวนฝ้ายแล้ว อย่าคิดมากนะ ถ้ามีอะไรให้เราช่วยก็โทรหาเราได้ตลอด แล้วไม่ต้องห่วงว่าเราจะเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร เราไม่พูดหรอก สบายใจได้”

“ขอบใจนะกานต์ ขอบใจจริง ๆ ”

สองหนุ่มโบกมือลาเพื่อนร่วมชั้นก่อนเดินจากมา สิ่งที่พ่อรพินทร์พร่ำสอนรพีกานต์ได้ประจักษ์แก่สายตาแล้ว แต่กระนั้นก็อดเห็นฝ่ายหญิงที่ต้องแบกรับผลของความผิดพลาดไว้ฝ่ายเดียวไม่ได้

“กานต์สงสารฝ้ายจัง”

“ฝ้ายได้รับบทเรียนชีวิตแล้ว ต่อไปจะทำอะไรคงต้องคิดให้มากกว่าเก่า”

ณัฐธีร์ลูบศีรษะทุยประโลม

“แต่กานต์ไม่ต้องห่วงนะ พี่ณัฐคนนี้จะไม่ทำให้กานต์ต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่าท้องก่อนแต่งแน่นอน”

ณัฐธีร์ยิ้มฉีกยิ้มแฉ่งกระลิ้มกระเหลี่ยก่อนจะถูกศอกถองสีข้างเข้าให้พร้อมคนถองหน้าแดงก่ำ

“พี่ณัฐบ้า เขาไม่แต่งกับตัวหรอก รอจนแก่หงำเหงือกไปเถอะ”


 :hao7: :hao7:

 

ออฟไลน์ ศตรัศมี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: เสน่หา...รักเอย(Mpreg)
«ตอบ #5 เมื่อ24-03-2016 16:37:30 »

ดูท่าจะดราม่าหนัก นายเอกจะได้คู่กับใครน๊อออ? อิอิ รอตอนต่อไปครับ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: เสน่หา...รักเอย(Mpreg)
«ตอบ #6 เมื่อ24-03-2016 16:51:18 »

ดราม่าน้ำตานองแน่ ๆ เลย

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: เสน่หา...รักเอย(Mpreg)
«ตอบ #7 เมื่อ24-03-2016 19:47:31 »

ดราม่าหนักแน่ๆ อาจจะทั้งเรื่องเลยมั้งนี่ ใครเป็นพระเอกยังเดาไม่ถูกเลย  :mew2:

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: เสน่หา...รักเอย(Mpreg)
«ตอบ #8 เมื่อ24-03-2016 23:44:29 »

ขอชื่นชมนะคะภาษาสละสลวย อ่านแล้วลื่นไหลดี สัมผัสได้ถึงมาม่าต้มย้ำน้ำข้นทะเลเดือด อ่านแล้วตั้งคำถามว่าใครจะเป็นพระเอก? พ่อของลูกมีกี่คน?  :mew2:

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
Re: เสน่หา...รักเอย(Mpreg)
«ตอบ #9 เมื่อ25-03-2016 00:15:59 »

สนุกมากๆคับ เพิ่งมาอ่าน อ่านเกริ่นนำเรื่องแล้วติดใจมากๆชอบมาๆคับ อ่านแล้วอยากให้ณัฐเป็นพระเอกเลยอ่ะ
   รอ รออ่านตอนใหม่คับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เสน่หา...รักเอย(Mpreg)
« ตอบ #9 เมื่อ: 25-03-2016 00:15:59 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
Re: เสน่หา...รักเอย(Mpreg)
«ตอบ #10 เมื่อ25-03-2016 11:18:40 »

เสน่หา...รักเอย ตอนที่๔


“ตื่นเต้นไหม นิสิตใหม่”

 รพินทร์เอ่ยถามยิ้ม ๆ สายตาทอดมองร่างโปร่งในชุดนิสิตเรียบร้อยสำหรับการเข้าเรียนวันแรก หลังละมือจากการสอนรพีกานต์ผูกเนคไทเสร็จ

“ตื่นเต้นสุด ๆ เลยครับพ่อ วันไปรับน้องทำกิจกรรมนะ สนุกสุด ๆ พวกพี่ ๆ ใจดีมากแล้วกานต์ได้รู้จักเพื่อนต่างคณะหลายคนเลยครับ ได้เจอเพื่อนคณะเดียวกันด้วย”

 เสียงใสบ่งอารมณ์แสนยินดีที่แสดงออกมา

“ไปใส่บาตรก่อนนะลูก พี่ณัฐมารอแล้ว พ่อทำอาหารกล่องเบนโตะไว้ให้กานต์เอาไปกินระหว่างทาง ที่จริงกานต์ไม่ต้องระหกระเหินกลับมานอนบ้านก็ได้ น่าจะนอนที่หอพัก จะได้ไม่ต้องตื่นออกจากบ้านตั้งแต่ไก่โห่”

“กานต์คิดถึงพ่อนี่ครับ เปิดเรียนวันแรกยังไงก็อยากให้พ่ออวยพร พรใด ๆ ก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์เท่าพรของพระประจำบ้านหรอก อีกอย่างช่วงนี้กานต์กิจกรรมเยอะ อาจจะไม่ได้กลับบ้าน กานต์เป็นห่วงกลัวพ่อจะเหงา”

ร่างเล็กกอดเอวบิดาอย่างออดอ้อน

“เหงาก็โทรมาได้ เดี๋ยวนี้มีแอพพลิเคชันคุยกันแบบเห็นหน้าได้แล้ว คงคลายเหงาได้บ้าง กานต์นั่นแหละ จะติดเพื่อนจนลืมพ่อเสียหรือเปล่า”

รพินทร์จูบขมับบางอย่างรักใคร่พากันเดินไปหน้าบ้าน

“ไม่ลืมหรอกฮะ คุยทางโทรศัพท์จะสู้ได้กอดพุงกะทิไปด้วยได้ยังไง”

รพีกานต์ว่าพลางสวมกอดออเซาะ

“แน้ มาว่าพ่ออ้วนเสียอีก คิดถึงหนัก ๆ ว่างแล้วก็ขับรถมาสิ พ่อซื้อรถให้กานต์สะดวกขับไปไหนมาไหนได้แล้วนี่ กานต์โตแล้ว แต่ดูท่าคงจะไม่ได้ขับเองเสียล่ะมั้ง โน่น สารถียิ้มแฉ่งรอบริการอยู่โน่น”

 รพินทร์เย้าขณะสายตาเหลือบมองไปทางหนุ่มวิศวะสถาบันเดียวกับลูกชาย ณัฐธีร์ตั้งโต๊ะรอท่าไว้ก่อนแล้ว หนุ่มหล่อในชุดนิสิตยิ้มแต้ที่เห็นร่างโปร่งในชุดสถาบันเดียวกันวันแรก

“หล่อเหมือนกันนะเนี่ย ดูไม่ค่อยกะโปโลแล้ว แต่หล่อน้อยกว่าพี่นิดนึง”

 ณัฐธีร์เย้า ผลคือกำปั้นเล็กชกเข้าที่แขน ทั้งสองหยุดล้อเล่นเมื่อพระเดินบิณฑบาตมาถึง ทั้งสามตักบาตรและรับพรร่วมกันก่อนรพินทร์จะให้พรทั้งคู่สำทับอีกหน

“ตั้งใจเรียนนะทั้งคู่ รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา อดทนพากเพียรไม่กี่ปี จะได้เอาไว้ใช้เลี้ยงดูตัวเองไปตลอดชีวิต”

“ครับพ่อ/ครับคุณรพินทร์”

ทั้งคู่ประนมมือรับพรก่อนณัฐธีร์จะเดินไปขับรถออกมาจอดรับรพีกานต์ที่หน้าบ้าน รพินทร์มองรถของลูกชายที่ขับเคลื่อนจากไปด้วยความรู้สึกเป็นห่วงแปลก ๆ ทั้งที่รพีกานต์ไม่ใช่คนเกเรแต่ความรู้สึกนี้รพินทร์ก็อธิบายไม่ถูกอีกเช่นกัน



 
“เราตื่นเต้นจังเลยกานต์ ใกล้ถึงคณะเราขึ้นประกวดแล้ว”

 เสียงหวานเพราะพริ้งของสาวน้อยนิสิตใหม่ที่กำลังรอขึ้นเวทีการแสดงในงานประกวดดาวเดือนของแต่ละคณะกระซิบกระซาบแก่รพีกานต์ด้วยความตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่ ซึ่งตัวรพีกานต์เองก็ตื่นเต้นไม่น้อยเพราะทั้งคู่ต่างเป็นตัวแทนดาวและเดือนของคณะที่จะเข้าประกวดแสดงความสามารถในการคว้าตำแหน่งดาวและเดือนของมหาวิทยาลัย รพีกานต์กระชับมือบางของเพื่อนร่วมคณะเรียกกำลังใจ

“ไม่เป็นไรนะ ทำให้เต็มที่”

รพีกานต์สูดลมหายใจลึกเรียกกำลังใจพลางนึกถึงใบหน้าของบิดาไปด้วยก่อนร่างโปร่งจะก้าวขึ้นเวทีไปเมื่อได้ยินเสียงประกาศเรียกชื่อตัวแทนคณะของตน



“เฮ้ยวิน ที่เดินอยู่กลุ่มเดียวกับน้องมึงนั่น ใช่เดือนอักษรหรือเปล่าวะ หน้าหวานอย่างกับผู้หญิง ตุ๊ดแอบหรือเปล่าวะ ผิวขาวใสฉิบ”

เสียงร้องทักขณะสายตาจับจ้องมองยังกลุ่มนิสิตใหม่ที่เพิ่งเลิกเรียนภาคเช้าและกำลังเดินมาหาอะไรกิน

“ไม่แอบหรอกมึง เปิดเผยอย่างโจ่งครึ่ม ประธานชั้นปีของปีสาม คณะวิศวะเทียวรับเทียวส่งทุกวัน”

เสียงคุยแข่งกับเสียงเซ็งแซ่อึงมี่ของเหล่านิสิตในโรงอาหารยามพักเที่ยงเอ่ยถึงเจ้าของใบหน้าขาวเนียนละม้ายไปทางอิสตรีจนชวนเข้าใจผิด

“อัครวินท์” มองร่างโปร่งของชายหนุ่มท่าทีนุ่มนวลที่เดินมากับไอยวริญท์ผู้เป็นน้องสาวของเขา ก่อนที่ไอยวริญท์จะเดินสะดุดข้อเท้าพลิก ร่างโปร่งผู้นั้นจึงพยุงหญิงสาวไปนั่งบนเก้าอี้ม้าหินอ่อนขณะตัวเองยอบตัวลงช่วยถอดรองเท้าพร้อมยื่นมือไปจับดูข้อเท้าให้ ท่าทีเอียงอายน้อย ๆ และสายตาหวั่นไหวยามหลุบมองชายหนุ่มที่กำลังนวดเท้าให้ตนเองของไอยวริญท์ทำให้อัครวินท์ผู้เป็นพี่ชายที่มองอยู่ก่อนแล้วอ่านสายตาได้ไม่ยากว่าน้องสาวคิดเช่นไรอยู่ ทั้งที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้แสดงท่าทีหยาบโลนจ้วงจาบแก่น้องสาวของเขาแต่อัครวินท์กลับรู้สึกไม่ชอบขี้หน้ารพีกานต์เสียอย่างนั้น ดวงหน้าขาวใสสะอาดสะอ้าน ท่วงท่ากิริยาอ่อนโยนละมุนละไมเหมือนดวงแก้วงามที่อัครวินท์อยากจะทำลายให้แตกล้างตามวิสัยอันธพาล

“เฮ้ย พวกมึง กูมีอะไรสนุก ๆ ให้เล่นว่ะ”

อัครวินท์เอ่ยขณะสายตาจ้องมองเจ้าของใบหน้าใสไม่วางตาอย่างเห็นเป็นเรื่องสนุก ใบหน้าหล่อเหลาดีกรีอดีตเดือนคณะบริหารฯ ยกยิ้มร้ายกาจเมื่อคิดแผนชั่วเล่นสนุกได้



“รินเจ็บมากไหม เท้าคงยังไม่ชินกับรองเท้าคัทชูน่ะ รินรอเราตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวเราไปซื้อน้ำแข็งมาประคบให้ก่อนแล้วก็แผ่นกันรองเท้ากัดด้วย อ้อ จริงสิ รินอยากกินอะไร เดี๋ยวเราซื้อมาให้นั่งกินตรงนี้เลย จะได้ไม่ต้องเดินบ่อย”

รพีกานต์เงยหน้าถามเจ้าของดวงหน้าหวานงดงามราวภาพวาดนางในวรรณคดีอย่างอ่อนโยน จิตใจคนฟังไหวหวั่นกับน้ำเสียงทุ้มนุ่มอย่างห่วงใย ไอยวริญท์แก้มขึ้นสีเรื่อด้วยไม่เคยเจอใครอ่อนโยนเท่านี้มาก่อน ทั้งพี่ชายและเพื่อนพี่ชายล้วนกักขฬะทำให้หญิงสาวไม่ชอบใจเท่าไหร่

“เรากินอะไรก็ได้ ขอบคุณกานต์มากนะ”

“ไม่เป็นไรหรอก เพื่อนกันนี่นา รินรอเราตรงนี้นะ เราจะรีบไปรีบมา”

รพีกานต์ยิ้มให้อ่อนโยนก่อนจะรีบเดินดุ่ม ๆ จากไป ไอยวริญท์มองตามด้วยความเสียดาย

“ถ้ากานต์ไม่ใช่คนรักของพี่ณัฐก็คงดี อย่างเราพอจะมีโอกาสบ้างไหมนะ ผู้ชายดี ๆ กลายเป็นแบบนี้กันหมด ทั้งกานต์ทั้งแฟนกานต์ เฮ่อ!” ไอยวริญท์รำพึงรำพันอย่างนึกเสียดายเมื่อนึกถึงพี่ชายแสนเกเรของตัวเอง


“โอ๊ะ! ขอโทษครับ”

รพีกานต์ละล่ำละลักขอโทษขอโพยอย่างตกใจเมื่อมือบางรับแก้วน้ำที่สั่งซื้อจากแม่ค้าก่อนจะหันมาชนอั่กเข้ากับแผงอกแน่นเต็มรักจนน้ำกระฉอกหกรดเสื้อของคนถูกชน รพีกานต์ตาเบิกโตกับคราบน้ำขยายวงกว้างบนเสื้อขาว ดวงตาสวยตวัดขึ้นมองเจ้าของร่างสูงก่อนจะชะงักนิ่งราวต้องมนต์ โครงหน้าหล่อเหลาลอยเด่นหราตรงหน้าพาเอาใจสั่นหวิว คิ้วเข้มหนา จมูกโด่ง นัยน์ตาคมกริบที่ทำเอาคนสบตาด้วยใจสั่นหวั่นไหวหัวใจเต้นผิดจังหวะจนลืมทุกอย่างไปชั่วขณะ

“จะจ้องพี่อีกนานไหม หื้ม”

 เสียงทุ้มเอ่ยกับคนยืนนิ่งจ้องเขาตาค้างขณะสายตาคมกริบทอดเสน่หาไม่ได้ละจากดวงตาคู่สวยของอีกฝ่าย รพีกานต์สะดุ้งได้สติ

“อ๊ะ ขะ ขอโทษครับพี่ ผมไม่ได้ตั้งใจ ถ้ายังไงเดี๋ยวผมเอาเสื้อไปซักให้นะครับ”

รพีกานต์ยกมือไหว้ขอโทษทั้งข้าวของเต็มมือ แก้มขาวร้อนผ่าวกับสายตาที่มองมา

“เอาเบอร์มาสิ”

 อัครวินท์เอ่ยทั้งจ้องใบหน้าขาวไม่วางตา

“ครับ?” รพีกานต์เลิกคิ้วอย่างสงสัย

“เอาเบอร์โทรศัพท์ของน้องมาให้พี่ เดี๋ยวพี่จะโทรบอกให้เราเอาเสื้อพี่ไปซัก”

อัครวินท์แจงจุดประสงค์ขณะมือควักโทรศัพท์ออกมาเตรียมกดเบอร์

“เอ่อ ครับ เบอร์ XX-XXXX-XXXX ครับ”

รพีกานต์บอกอย่างไม่ติดใจอะไรด้วยอีกฝ่ายเป็นผู้ชายเหมือนกัน

“จะให้พี่เมมชื่อว่าอะไรดีครับ”

อัครวินท์ทำน้ำเสียงเจ้าชู้เย้าหยอกด้วยสายตาและก็ได้ผลเมื่อแก้มขาวร้อนผ่าว

“กะ กานต์ครับ”

 รพีกานต์เอ่ยตะกุกตะกักหลบสายตาคม

“พี่ชื่อวิน อยู่คณะบริหารปีสอง ไลน์กานต์ขึ้นโชว์ในไลน์พี่แล้ว เดี๋ยวพี่ไลน์หานัดเจอกันตอนเย็นนะครับ”

 อัครวินท์โชว์โทรศัพท์ที่ขึ้นไลน์ของรพีกานต์ให้ดูยิ้ม ๆ รพีกานต์ใจเต้นไม่เป็นส่ำหลบสายตาคมด้วยหวั่นไหว หัวใจเต้นกระหน่ำแทบทะลุออกมานอกอก ใช่ว่าจะไม่เคยถูกผู้ชายจีบ เพียงแต่นี่เป็นครั้งแรกที่รพีกานต์แพ้สายตาของคนตรงหน้านี้จนไม่เป็นตัวของตัวเอง

“เอ่อ ครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีเพื่อนกำลังรออยู่น่ะครับ”

“ก็ไปสิ”

อัครวินท์ยกยิ้มทอดสายตาหว่านเสน่ห์เต็มที่ รพีกานต์หลบสายตาวูบรีบจ้ำอ้าวจากไปทันที
   
“หึ หมูในอวย ดูท่าจะหลอกฟันได้ไม่ยาก”

อัครวินท์มองร่างที่เร่งเดินจนขาแทบขวิด มือหนากดพิมพ์ข้อความหยอดทำคะแนนอีกหน่อย
   
“ชุดนิสิตว่าน่ารักแล้ว ชุดไปรเวทในไลน์ยิ่งน่ารักกว่า”


 :mew3: :mew1:

ดีใจที่มีคนชอบน้า มีกำลังใจขึ้นเยอะเลย  :L2:

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
เสน่หา...รักเอย ตอนที่ ๕


“วันนี้พี่มีประชุมที่องค์การนิสิต กานต์กินข้าวกับเพื่อนไปก่อนเลยนะครับ”

ข้อความทางไลน์จากณัฐธีร์สั่นเตือนขึ้นหลังจากรพีกานต์เรียนคาบสุดท้ายของวันเสร็จพอดี ตอนนี้เปิดภาคเรียนเข้าเทอมที่สองแล้ว ซึ่งรพีกานต์เองก็ปรับตัวเข้ากับชีวิตในมหาวิทยาลัยได้ดี หลังเรียนเสร็จรพีกานต์จึงไม่ได้ไปไหน ใบหน้าใสยิ้มบางพิมพ์ข้อความตอบกลับไปทันที

“ครับพี่ณัฐ แล้วให้กานต์ซื้ออะไรไว้รอไหม”

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพี่กินกับเพื่อน ๆ ในองค์การนี่แหละ กานต์อย่าคิดถึงพี่จนกินข้าวไม่ลงน้า เดี๋ยวผอมลงแล้วคุณพ่อจะพาลคิดว่าพี่ดูแลกานต์ไม่ดี เกิดไม่ยกกานต์ให้ขึ้นมา พี่แย่แน่ๆ คงต้องไปนั่งร้องไห้กระซิก ๆ ใต้ต้นผักชี”

“รักกานต์นะครับ”

ณัฐธีร์ตอบข้อความกลับมาหวานจ๋อยพร้อมส่งสติกเกอร์ไลน์น่ารัก ๆ มาให้ รพีกานต์อมยิ้มส่ายหน้าน้อย  ๆ อย่างเอ็นดูในความพยายามสุดทะเล้นของพ่อหนุ่มวิศวะ ตั้งแต่รพีกานต์เข้าเรียนที่นี่ ณัฐธีร์ก็เทียวมารับมาส่งอย่างเปิดเผยตลอด แม้จะอายแสนอายเพราะอีกฝ่ายเป็นที่รู้จักพอตัวในมหาวิทยาลัย โผล่มาหาที่คณะที เพื่อน ๆ ก็ล้อที  รพีกานต์เห็นรอยยิ้มเปี่ยมด้วยความหวังเต็มเปี่ยมของณัฐธีร์แล้วก็ไม่กล้าเอ่ยทัดทานอะไร เพราะอย่างไรเสียน้องน้อยกับพี่ชายก็ผูกพันกันมานานนม รพีกานต์ไม่อยากปิดโอกาสความตั้งใจของณัฐธีร์ถึงแม้ว่าจะปิดโอกาสของตัวเองก็ตาม รพีกานต์ไม่เข้าใจความรู้สึกของความรักมากนัก คิดแค่ว่าหากเป็นณัฐธีร์ก็คงจะอยู่ด้วยกันได้เหมือนที่ผ่านมา

...ยามเมื่อพี่ชายพายเรือพาน้องน้อยล่องผ่านกระแสธารา ลำนาวาแหวกฝ่ากระแสสินธุ์ มือน้องเอื้อมเด็ดก้านบัวสาย หมายมั่นจักแกงส้มสายบัวให้พี่ชายได้เอมอิ่ม นี่กระมังเรียกว่า... “รัก”...

ปกติณัฐธีร์จะไปกินข้าวกับกลุ่มรพีกานต์ด้วยเพราะไม่อยากให้น้องน้อยห่างเพื่อนมากนัก หรือไม่ก็พารพีกานต์มากินข้าวด้วยกันกับกลุ่มเพื่อนของเขาคล้ายเปิดตัวกลาย ๆ หรือบางครั้งก็ไปกันสองต่อสอง แต่ละวันผ่านไปเรียบเรื่อยราวสายน้ำไหลเอื่อย ณัฐธีร์ยังคงเฝ้าดูแลรพีกานต์สม่ำเสมอควบคู่ไปกับความรับผิดชอบอื่น ๆ

“เฮ่อ อิจฉาคนแถวนี้จังน้า มีรุ่นพี่สุดหล่อในฝันของสาว ๆ ดีกรีประธานชั้นปีสาม คณะวิศวะมาคอยรับคอยส่งแบบเปิดตัวสุด ๆ เราเป็นผู้หญิงแท้ ๆ ยังหาไม่ได้อย่างนี้เลย”

เสียงหยอกเอินดังขึ้นลอย ๆ เมื่อเพื่อนสาวในกลุ่มเห็นรพีกานต์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วอมยิ้ม

“เรากับพี่ณัฐรู้จักกันตั้งแต่เด็ก พี่ณัฐก็แค่แวะมาหาน่า”

 รพีกานต์บอกปัดทั้งใบหน้ายังเจือรอยยิ้ม

“จริงเหรอ ตอบเป็นเซเลบไปได้นะ กานต์นี่ล่ะก็ พี่ณัฐเขาแสดงออกขนาดนั้น กานต์ยังเล่นตัวไม่ยอมรับอีก ถ้าเป็นเรานะ ควงแขนโชว์ไปแล้ว พี่ณัฐเห็นอย่างนี้ป๊อบเหมือนกันนะ พี่เราเป็นรุ่นน้องเรียนคณะเดียวกันยังปลื้มเลย เคยพูดให้ฟังอยู่บ่อย ๆ ว่าพี่ณัฐนิสัยดีมาก ๆ”

เสียงเพื่อนสาวในกลุ่มเอ่ยถึงณัฐธีร์ให้ฟัง ซึ่งรพีกานต์รู้อยู่แล้วด้วยคบหากันมาแต่เล็กแต่น้อย กลับบ้านทีไร ก็มักจะได้มาลัยดอกพิกุลมาวางไว้ข้างหมอนส่งกลิ่นหอมฟุ้งให้นึกถึงคนอุตส่าห์เพียรร้อย

...พี่ไม่มีสายสร้อยทองมาคล้องเจ้า มีเพียงพิกุลกรองมาลัยเก็บร้อยเอา หวังเพียงเจ้านวลลออจะพอเห็นใจ...

พี่ณัฐของน้องน้อยน่ารักเสมอ

ติ๊ง

“แค่เห็นหน้าไกล ๆ เสื้อของพี่ก็อยากจะลอยไปหาคนน่ารัก”

 เสียงข้อความไลน์ของใครบางคนดังเตือนขึ้น เมื่อเลื่อนเปิดดูรพีกานต์ถึงกับแก้มร้อนกับข้อความที่เขาส่งมา ยังไม่ทันจะมองหา เสียงเพื่อนสาวในกลุ่มก็ดังทักขึ้นมาเสียก่อน

“อ้าว นั่นพี่วิน พี่ชายของรินนี่ มาทำไมที่นี่ หูย คนนี้ก็อีกคน เห็นทีไรใจละลาย อยากถวายตัวเป็นพี่สะใภ้ของรินจะได้ไหม”

เสียงหนึ่งในกลุ่มเพื่อนร้องขึ้นเมื่อสายตาหันไปเห็นเมอร์เซเดสคันหรูจอดหราเด่นสง่าอยู่หน้าคณะ พร้อมโชเฟอร์หนุ่มหล่อดีกรีเดือนมหาวิทยาลัยปีที่แล้วนั่งอยู่ข้างในเหมือนมารอใครสักคน ไอยวริญท์ส่ายหน้าปลง ๆ ก่อนเอ่ย

“อันนี้คงต้องถามพี่วินเองแล้วล่ะ แล่นมาถึงที่นี่ได้ก็คงไม่พ้นมาจีบสาวแถวนี้ล่ะมั้ง พี่วินเจ้าชู้จะตาย ฟันทิ้งเรี่ยราด ใครเผลอรักเผลอชอบเข้าไม่พ้นน้ำตาเช็ดหัวเข่า”

คำพูดจากปากไอยวริญท์ผู้เป็นน้องสาวทำเอารพีกานต์ได้ยินถึงกับจุกแปลก ๆ กระนั้นก็ยังฟังสาว ๆ คุยกันไปเงียบ ๆ

“หูย รินตอบแบบดิสเครดิตพี่ชายสุด ๆ”

“ก็มันจริงนี่นา รินเตือนแล้วนะ รินเบื่อจะตายที่ต้องคอยรับโทรศัพท์เพื่อฟังเสียงคร่ำครวญของบรรดาสาว ๆ ที่ถูกพี่วินเขี่ยทิ้งน่ะ คนอย่างพี่วินมีอะไรดีนะ ถึงจะเป็นพี่ชายของรินก็เถอะ แต่ผู้ชายประเภทนี้รินไม่คิดจะคบเป็นแฟนเด็ดขาด พี่วินมีดีแค่หล่อกับรวยเท่านั้นแหละ รวยก็รวยจากเงินของพ่อแม่ นอกนั้นไม่เห็นมีอะไรดี ใครคิดจะรักจะชอบพี่ชายรินต้องเผื่อใจไว้มาก ๆ หน่อยละกัน เพราะรินไม่เคยเห็นพี่วินจริงจังกับใครเสียที”

 ไอยวริญท์เอ่ยอย่างฉาดฉานตรงไปตรงมาไม่หมกเม็ดสักนิด แต่กระนั้นก็ยังไม่วายเห็นหลายคนกลายเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟอยู่เนือง ๆ

“อย่างพี่ชายไม่ชอบ แล้วคุณหนูไอยวริญท์ชอบผู้ชายแบบไหนล่ะค่ะ”

เสียงกระเซ้าเย้าแหย่ดังขึ้นทำเอาไอยวริญท์ถึงกับเงียบกริบพูดต่อไม่ออก

“แหม ๆ ถึงกับพูดไม่ออก แบบไหนกันน้อที่จะคว้าหัวใจสาวสวยดาวคณะผู้เพียบพร้อมของเราได้”

“แบบไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ ขอแค่เป็นคนดีก็พอ”

ไอยวริญท์ตอบให้พอผ่านคำถามนี้ไป จะให้หญิงสาวบอกได้อย่างไรว่า แบบที่ชอบคือแบบคนที่เป็นเจ้าของพลาสเตอร์ยาที่ปิดตรงรอยรองเท้าคัทชูกัดให้ ซึ่งก็ยืนอยู่ข้าง ๆ กันนี่เอง...รพีกานต์คือเจ้าของพลาสเตอร์อันนั้น

“อุ๊ย นางเอก ตอบเป็นนางเอกอีกแล้ว”

กลุ่มเพื่อน ๆ ยังหยอกเอินไอยวริญท์ไม่เลิกทำให้เรื่องของรพีกานต์ตกไป แต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรมากเพราะสายตาทุกคู่ต่างเพ่งความสนใจไปที่ชายหนุ่มร่างสูงหล่อเหลาที่เปิดประตูรถลงมา

“โหย เทพบุตรออร่าฟุ้งกระจายพาราชรถมาเกย ทำยังไงจะได้เป็นตุ๊กตาหน้ารถกันล่ะเนี่ย ถึงจะหล่อแบบร้าย ๆ แต่ถ้าได้สักครั้งจะเป็นพระคุณอย่างสูง”

“ไปทำหน้าก่อนไหมแม่คุณ เพ้อออกมาแต่ละอย่าง ไม่ได้เช็คสภาพหน้าตัวเองเลย สวยได้อย่างรินก็ว่าไปอย่าง แต่รินเป็นน้องตัดไป ว่าแต่ เอ...พี่วินเหมือนจะมองมาทางนี้ด้วยนะ แกว่าพี่เขาปิ๊งใครในนี้หรือเปล่า”

เสียงเพื่อนสาวบอกก่อนจะเหลียวมองซ้ายขวา รพีกานต์ถึงกับสะดุ้ง ดวงตาคู่หวานเผลอสบตาเข้ากับสายตาคมก่อนจะรีบเสหลบด้วยหัวใจเต้นกระหน่ำแทบหลุดออกมานอกอก ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขามองมาทางนี้

“เอ่อ เราขอตัวก่อนนะ วันนี้พี่ณัฐติดงานที่องค์การนิสิต มารับไม่ได้น่ะ”

รพีกานต์บอกก่อนจะรีบจ้ำอ้าวออกไปจากตรงนั้นทันที

“อ้าว งั้นกานต์...”

ไอยวริญท์ไม่ทันจะเรียกไว้ทัน ร่างโปร่งบางก็เดินลิ่ว ๆ หายไปจากตรงนั้นเสียแล้ว ไอยวริญท์มองตามแผ่นหลังที่หายลับไปอย่างงง ๆ

“ว่าจะชวนไปเดินเล่นหน้ามอเสียหน่อย พี่ณัฐก็ไม่ได้มารับ กานต์จะรีบไปไหน ทำอย่างกับเห็นผี”

 ไอยวริญท์พึมพำอย่างไม่เข้าใจก่อนจะเดินไปหาพี่ชาย

“พี่วินมาทำไมหรือคะ”

“ได้ข่าวว่าคณะนี้มีคนน่ารักเยอะ เลยว่าจะมาส่องดู”

อัครวินท์ตอบทั้งล้วงกระเป๋ากางเกง สายตาคมเหลือบมองทางที่ใครบางคนจงใจหนีหน้าเขาไปเล็กน้อย

“พี่วินนี่น้า รินเบื่อรับโทรศัพท์สายสาว ๆ ที่โทรมาคร่ำครวญเรื่องพี่วินจะแย่แล้วนะคะ”

“ก็ไม่ต้องรับสิ ไม่เห็นยาก บล็อกเบอร์ไปซะก็สิ้นเรื่อง”

อัครวินท์บอกอย่างไม่ยี่หระ

“พี่วินไม่รับผิดชอบความรู้สึกคนอื่นบ้างเลย ระวังไว้เถอะ ถ้าเผลอไปรักใครจริง ๆ เข้า เขาจะไม่เชื่อคำพูดของพี่ก็เพราะพฤติกรรมแบบนี้ของพี่นี่แหละ รินไปดีกว่า”

 ไอยวริญท์บอกก่อนจะเลี่ยงไปอีกทาง  หล่อนไม่ได้สนใจหรอกว่าพี่ชายจะคบใครคนไหน เพราะที่ผ่านมาหญิงสาวก็ไม่เคยก้าวก่ายเรื่องของพี่ชายอยู่แล้ว

ร่างสูงหล่อเหลาชนิดที่ใครเดินผ่านก็เหลียวมองยืนนิ่งมองตรงไปยังทิศทางที่ใครบางคนจงใจหลบหน้าเขาไป มุมปากได้รูปยกยิ้มร้ายอย่างนึกสนุก ก่อนจะเดินกลับไปที่รถพร้อมสตาร์ตเครื่องออกตัวไปจอดยังสถานที่แห่งหนึ่ง มือเรียวอย่างคุณชายควักโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่ง

“หนีพี่ทำไมครับ ไหนบอกจะเอาเสื้อไปซักให้พี่ไม่ใช่หรือไง”

อัครวินท์ส่งข้อความพร้อมนั่งรออย่างใจเย็นก่อนจะเห็นร่างบางเดินโต๋เต๋เข้ามาใกล้หอพักที่ชายหนุ่มไปสืบมาได้ รพีกานต์หยุดเดินเยื้องจากหน้ารถของเขาไปนิดหน่อย ในมือบางมีโทรศัพท์ที่กำลังพิมพ์ข้อความส่งกลับมาให้เขา

“พี่วินฝากมากับรินก็ได้ครับ กานต์กับรินเจอกันทุกวันที่มีเรียนอยู่แล้ว”

รพีกานต์ตอบกลับก่อนจะหย่อนโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง หากแต่ยังไม่ทันจะก้าวเท้าเดินเข้าข้างใน ใครบางคนก็เปิดประตูรถก้าวลงมา พร้อมเดินมาหยุดประจันหน้ากันใกล้ ๆ

“ไม่อยากฝากริน ฝากรินแล้วพี่ไม่ได้เห็นหน้ากานต์”

เสียงทุ้มชวนเสน่หาเอ่ยพร้อมหลุบสายตามองร่างเล็กกว่า รพีกานต์อ้าปากค้างอย่างพูดไม่ออกขณะเงยหน้าสบตากับเขา หัวใจที่เพิ่งปรับเข้าจังหวะเดิมได้รัวกระหน่ำอีกครั้งจนแก้มขาวแดงซ่าน

“พะ พี่วินมาได้ยังไงครับ”

“เด็กเกเรแอบเบี้ยวรีบจ้ำอ้าวหนีพี่มา พี่เลยต้องรีบขับรถตามมาดักรอถึงนี่”

“คือ กานต์ไม่ได้ตั้งใจจะหนีนะครับ แต่กานต์คิดว่าพี่วินคงมีธุระกับริน กานต์เลยขอตัวแยกมาก่อน”

รพีกานต์ตอบตะกุกตะกักทั้งไม่มองหน้า แก้มขาวรู้สึกร้อนผะผ่าวไปหมด

“พี่ไม่ได้มีธุระกับริน พี่มีกับกานต์ต่างหาก วันนี้กานต์ว่างไหม”

 อัครวินท์ล้วงกระเป๋าถามด้วยมาดเท่กินขาด คนตรงหน้าไม่ต่างจากลูกเจี๊ยบน้อยไร้เดียงสาในสายตาของเขา

“ก็ ไม่ได้จะไปไหนครับ”

รพีกานต์พูดปดไม่เป็นจึงได้แต่ตอบไปตามจริงทั้งที่ยังก้มหน้างุด ไม่เคยไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้กับใครคนไหนมาก่อน

“งั้นไปกินข้าวเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ ได้ไหมครับ...น้องกานต์”

อัครวินท์ก้มหน้าลงต่ำเอ่ยกระซิบกับคนตรงหน้าพร้อมส่งสายตาแบบที่เคยใช้กับผู้หญิงคนอื่น ๆ ได้ผล รพีกานต์กระพริบตาด้วยหัวใจสั่นไหว คำพูดของไอยวริญท์ดังก้องเตือนใจอีกครั้ง

“พี่วินเจ้าชู้จะตาย ฟันทิ้งเรี่ยราด ใครเผลอรักเผลอชอบเข้าไม่พ้นน้ำตาเช็ดหัวเข่า”


 :mew4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2016 22:37:30 โดย Moony_Darling »

ออฟไลน์ คนริมคลอง

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-1
ฟังไว้ด้วยนู๋กานต์  :hao4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ภาษาสวยจริง แต่ดูท่าจะดรามาหนัก คงต้องออกตัวไว้ก่อนว่าต้องรอให้เรื่องราวคืบหน้าไปเยอะๆหน่อยถึงจะกล้าอ่าน
ไม่งั้นกลัวจะค้างคาใจ ทำงานทำการไม่ได้
อ่านบทนำแล้วสงสัยอัษศดิณย์ขืนใจกานต์หรือเปล่า ถ้าใช่คงแย่
หวังว่าอัษศดิณย์คงไม่ได้เป็นญาติกับอัครวินท์นะ
แล้วที่กานต์ผ่าตัด (น่าจะเอามดลูกออก) นี่เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ผ่าตัดเสร็จแล้วกลับไปเรียน... แล้วลูกล่ะ
ให้กำลังใจคนเขียนจ๊ะ

ปล.อยากให้กานต์มีความสุข

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
เอาละสิกานต์ โดนหยอดคำหวานๆแล้ว น้ำหยดลงหิน หินมันยังกร่อน เริ่มสนุกแล้วสิ ไม่รู้จะลุ้นยังไงให้กานต์รักณัฐ บทเกริ่นนำก็บอกแล้วว่าจะเป็นไง
รอ รอ รออ่านตอนต่อไป

ออฟไลน์ YADA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กานต์นี่น้า... มีพี่ณัฐคนดีอยู่ใกล้ๆไม่เอา   :z3:

 :serius2:


ไปใจเต้นแรงกับอิตะวินได้

ออฟไลน์ ekuto

  • ถ้าวันไหนไม่เข้ามาในเล้า วันนั้นเหมือนชีวิตขาดบางอย่าง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 605
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-5
ติดตามครับ

ค้างคา T^T

พี่วิน ไอ้เลว

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
รู้สึกว่าได้น้ำตาท่วมจอแน่ๆ แล้วณัฐจะเป็นยังไง ใครจะเป็นพระเอก แงงงงง

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
กานต์ตัดมดลูกก่อนเข้ามหาลัยใช่รึเปล่าคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
เสน่หา...รักเอย ตอนที่๖


“เอ่อ คือ กานต์...”

 รพีกานต์เอ่ยน้ำเสียงตะกุกตะกักด้วยความประหม่า สายตาคมปลาบยังคงจดจ้องมาไม่วางตา รพีกานต์แก้มร้อนผ่าวอย่างทำอะไรไม่ถูก กลีบปากอิ่มสีธรรมชาติเผยอน้อย ๆ อย่างคิดคำพูดไม่ออกดูเย้ายวนชวนให้อัครวินท์ย่างเท้าเข้าหาใกล้กว่าเก่าจนได้กลิ่นน้ำหอมราคาแพงผสมกลิ่นกายของเขาชวนให้หัวใจเต้นตึกตัก รพีกานต์หัวใจสั่นไหวรุนแรง ทั้งที่เคยถูกณัฐธีร์จับมือถือแขนแต่ทุกอย่างเป็นไปอย่างทะนุถนอมแตกต่างจากสายตาของอัครวินท์ในตอนนี้ สายตาอันตรายแต่กระนั้นรพีกานต์ก็ไม่อาจละสายตาไปจากคนตรงหน้า

“น้องกานต์รังเกียจที่จะทานข้าวกับพี่หรือครับ อ้อ ลืมไป น้องกานต์คงลำบากใจถ้าแฟนรู้เข้าว่ากานต์ไปทานข้าวกับพี่”

อัครวินท์ทำเสียงน้อยใจเสียเต็มประดา

“ไม่ใช่นะครับ กานต์กับพี่ณัฐยังไม่ได้เป็นแฟนกัน”

 รพีกานต์ส่ายหน้าปฏิเสธทันควันด้วยท่าทีร้อนรนเมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของเขา ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อยด้วยประโยคต่อมา

“คือ พี่ณัฐชอบกานต์แล้วขอโอกาสให้กานต์พิจารณาดู กานต์สนิทกับพี่ณัฐมานานก็เลย เลย...”

“ไม่กล้าปฏิเสธ กลัวพี่ณัฐเสียใจ”

อัครวินท์ต่อคำพูดให้ สายตาคมวาววับอย่างได้ใจที่ได้รู้อะไร ๆ จากปากรพีกานต์ ใบหน้าขาวพยักหน้าหงึกหงอย ๆ อย่างยอมรับเหมือนเด็กยอมรับว่าทำผิด อัครวินท์ย่ามใจที่คิดจะรุก

...แค่รักหรือไม่รักยังไม่รู้ใจตัวเอง ใสซื่อไม่ทันคนแบบนี้ ไม่นานคงได้ตัวมานอนกอดฟรี ๆ บนเตียง หึ...

“แล้วแบบนี้คนที่ชอบน้องกานต์จะกล้าเข้าหาหรือครับ แล้วถ้าน้องกานต์เจอคนที่ชอบขึ้นมา น้องกานต์จะบอกพี่ณัฐยังไง หรือว่า จริง ๆ แล้วน้องกานต์ก็รักพี่ณัฐเหมือนกัน”

อัครวินท์เอ่ยถามเสียงเรียบขรึม

“กานต์ คือ กานต์”

รพีกานต์อึกอักไม่รู้จะตอบยังไง ดวงตาคู่สวยฉายแววสับสนอย่างปิดไม่มิด เปิดโอกาสให้อัครวินท์ย่ามใจขยับเท้าเข้าหา ใบหน้าคมโน้มลงกระซิบเหนือกลุ่มผมนุ่ม กลิ่นแชมพูหอมอ่อน ๆ ลอยเข้าจมูกให้อัครวินท์สูดดม

“เราไปหาที่คุยที่อื่นกันนะครับ พี่หิวแล้ว ตรงนี้ใกล้ทางเข้าหอพักน้องกานต์ คนผ่านไปผ่านมาตลอด”

 รพีกานต์เพิ่งรู้สึกตัวเหลียวมองซ้ายขวาเห็นจริงดังที่อัครวินท์ว่า ถึงตอนนี้จะไม่มีใครผ่านมา แต่ก็ไม่แน่หรอก ร่างโปร่งสบตากับกับร่างสูงอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจก้าวขึ้นรถไปกับเขา รถของอัครวินท์ติดฟิล์มรอบคันรถจึงไม่ต้องกังวลเรื่องคนเห็น แม้จะรู้สึกไม่สบายใจนัก แต่ความรู้สึกลึก ๆ ก็กระซิบยุยงให้รพีกานต์ก้าวขึ้นรถมากับเขา


รพีกานต์ทำสีหน้าแปลกใจไม่น้อยกับร้านอาหารที่อัครวินท์พามา ร้านเป็นร้านออกแนวคลาสสิกบรรยากาศดีติดริมแม่น้ำ ดนตรีในร้านเป็นแนวเรโทร ออกไปทางแนวลีลาศเพราะมีฟลอร์เล็ก ๆ กลางร้านสำหรับให้ลูกค้าได้ออกมาเต้นรำหลังดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกในขณะที่ลิ้มรสชาติอาหารเสร็จแล้ว ซึ่งดูไม่น่าจะใช่สไตล์ของอัครวินท์เท่าไหร่แต่อีกฝ่ายกลับดูคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างดี รพีกานต์อดคิดถึงคุณพ่อรพินทร์ขึ้นมาไม่ได้ เพราะคุณพ่อชอบฟังเพลงเก่าแนวอมตะคลาสสิกนัก ยิ่งเพลงของศิลปินแห่งชาติอย่างคุณสุเทพ วงศ์กำแหง คุณพ่อรพินทร์ของรพีกานต์ยิ่งชื่นชอบมาก หากมีโอกาสคุณพ่อรพินทร์แวะมาเยี่ยม รพีกานต์จะชวนคุณพ่อมาฟังเพลงไพเราะที่นี่ด้วยกัน

กำลังคิดเพลิน ๆ ผู้จัดการร้านก็เดินสีหน้ายิ้มแย้มออกมาทักทายพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับอัครวินท์ คล้ายกับรู้จักมักคุ้นกันดีก่อนจะเดินนำพาสองหนุ่มไปมุมที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวสำหรับทั้งคู่

“ครอบครัวพี่มักมาทานอาหารกันที่นี่บ่อย ๆ น่ะ”

อัครวินท์ไขความกระจ่างหลังจากหย่อนก้นลงนั่งเรียบร้อย ก่อนหน้าชายหนุ่มไม่วายแสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการเลื่อนเก้าอี้ให้รพีกานต์ได้นั่งก่อน สีหน้ารพีกานต์อ่านง่าย แค่น้องทำคิ้วขมวดอัครวินท์ก็รู้ความคิดแล้ว

“กานต์อยากทานอะไรสั่งได้เลยนะครับ มื้อนี้พี่เลี้ยงเอง อุตส่าห์ล่อลวงชวนมาทานเป็นเพื่อนได้ นี่พี่เสี่ยงกับสหบาทาเด็กวิศวะมาก ๆ เลยนะ อาหารที่นี่อร่อยมาก กุ้งนี่ใช้กุ้งแม่น้ำสด ๆ ปลาก็เหมือนกัน เอาไว้วันหลังพี่จะชวนกานต์มาทานข้าวกับครอบครัวพี่นะครับ”

อัครวินท์ร่ายยาวหว่านล้อมก่อนจะปล่อยหมัดฮุกที่ทำเอาคนฟังถึงกับตาโต

“พี่วิน...”

 รพีกานต์ครางเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงแผ่วด้วยความอึ้ง อัครวินท์หันไปสั่งเมนูอาหาร มีหันมาถามความต้องการของรพีกานต์ในการตัดสินใจด้วย เมื่อบริกรรับเมนูไปแล้วชายหนุ่มจึงหันมาคุยกับคนตรงหน้าระหว่างรออาหารลำเลียงมาเสิร์ฟ

“ว่าแต่เอ กานต์เองก็รู้จักกับยัยรินน้องสาวของพี่นี่นา ยัยรินเผาอะไรพี่ให้กานต์ฟังบ้างนะ ไม่พ้นต้องบอกว่าพี่เจ้าชู้จีบผู้หญิงเรี่ยราดแน่ ๆ กานต์ถึงทำสีหน้าหวาดระแวงพี่ขนาดนี้”

อัครวินท์เอ่ยแทงใจดำราวกับหยั่งรู้ รพีกานต์หลบสายตาคมวูบเพราะเป็นอย่างที่อัครวินท์พูดมาจริง ๆ

“กานต์ก็เห็นนี่ครับว่าพี่เป็นยังไง มันก็ไม่แปลกไม่ใช่หรือที่จะมีคนเข้าหาพี่มากมาย ลำพังแค่หน้าตาพวกเขาเหล่านั้นพี่จะรู้ได้ยังไงล่ะครับว่าใครเป็นยังไง พี่ก็ต้องลองคบดูก่อนจริงไหม พอคบแล้วรู้ว่าไม่ใช่ มันก็ต้องเลิกรากันเป็นธรรมดา แบบนี้สินะที่กานต์มองว่าพี่คบใครเรี่ยราด”

 อัครวินท์เบือนหน้ามองออกไปข้างนอกยังวิวแม่น้ำพลางถอนหายใจเหนื่อยหน่าย

 “สมัยนี้คนมองกันแค่เปลือกนอก หน้าตาดีมีรถขับ ผู้หญิงก็ดาหน้าเข้ามาไม่หวาดไหว เห็นแบบนี้พี่เองก็เสียใจนะ ที่ถูกมองแบบนั้นทั้งที่พี่ไม่มีโอกาสได้แก้ตัวอะไรเลยกับคนที่...พี่ต้องใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ”

อัครวินท์แสร้งเอ่ยความในใจเพื่อชักจูงยืดยาวก่อนจะเว้นระยะนิดหนึ่งแล้วจู่โจมให้คนตรงหน้าหน้าแดง รพีกานต์ได้ยินชัดเจนทุกอย่าง แก้มขาวร้อนผ่าวแดงปลั่งขณะที่ดวงตาคู่หวานหลุบลงหลบสายตาคม รพีกานต์ไม่ได้เอ่ยคำพูดอะไรนอกจากนั่งเขินอายให้อีกฝ่ายมองเป็นอาหารตาเล่น อาหารที่สั่งไปถูกลำเลียงมาเสิร์ฟช่วยให้รพีกานต์ได้เงยหน้าขึ้นมา อัครวินท์ไม่รอช้า เนื้อปลาชิ้นโตถูกตักไปวางในจานอีกฝ่ายเพื่อเอาใจทันที

รพีกานต์เอ่ยขอบคุณเสียงแผ่วก่อนจะตักชิ้นเนื้อปลาเข้าปาก อาหารที่นี่รสชาติดีอย่างที่อัครวินท์ว่า เสียงบทเพลงแว่วหวานขับกล่อมให้บรรยากาศการรับประทานอาหารเต็มไปด้วยความโรแมนติกโดยมีสายตาคมคอยจ้องมองผ่านแสงเทียนบนโต๊ะเป็นระยะ มื้ออาหารผ่านไปท่ามกลางอาการเก้อเขินของรพีกานต์ที่มีอัครวินท์คอยตักอาหารเอาใจให้เป็นระยะ จวบจนนักดนตรีขึ้นอินโทรเพลงที่รพีกานต์แสนคุ้นเคยเพราะคุณพ่อรพินทร์เปิดแผ่นเพลงนี้ให้ฟังบ่อย ๆ ดังขึ้น

...เพียงคำเดียว...

“น้องกานต์ให้เกียรติเต้นกับพี่เพลงนี้ได้ไหมครับ”

อัครวินท์ลุกจากโต๊ะพร้อมโค้งให้ มือหนายื่นออกมาตรงหน้าร่างโปร่งที่กำลังทำอะไรไม่ถูก

“พี่วิน กานต์เป็นผู้ชายนะครับ แล้ว...”

“ไม่เป็นไรหรอก เราไม่ต้องไปเต้นที่ฟลอร์ก็ได้ เต้นกันสองคนตรงนี้ มุมนี้จัดพิเศษเผื่อคู่รักอยากเต้นกันสองคนน่ะ นะครับ เดี๋ยวเพลงจะจบแล้ว”

อัครวินท์เร่งเร้าในที รพีกานต์อึกอักนิดหน่อยก่อนจะตัดสินใจวางมือบนมือหนาด้วยความตื่นเต้น ในเมื่อเขาไม่แคร์ รพีกานต์ก็จะไม่แคร์เหมือนกัน

...เพียงคำเดียวที่ปรารถนา อยากฟังให้ชื่นอุรา ใจพะว้าภวังค์...

หัวใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำยามได้แนบชิดในระยะใกล้ สายตาหลุบต่ำมองแผ่นอกหนาแต่กระนั้นก็ยังรู้สึกถึงสายตาร้อนแรงจากเขาที่มองมา มือบางเย็นเฉียบด้วยความตื่นเต้น ภาวนาขออย่าให้เขาได้ยินเสียงหัวใจกันเลยหนา

“น้องกานตื่นเต้นหรือครับ มือเย็นเชียว งั้นพี่จะร้องเพลงกล่อมนะ จะได้หายกลัวพี่”

มือหนาเกลี่ยหลังมือบางเบา ๆ เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยร้องคลอตามบทเพลง รพีกานต์เงยหน้าสบตาเขาอย่างคาดไม่ถึงว่าคนอย่างอัครวินท์จะร้องเพลงท่วงทำนองนี้ได้ แถมยังขับร้องได้ไพเราะจับใจจนคนฟังอย่างรพีกานต์รู้สึกราวกับตกอยู่ในห้วงมนตร์แห่งความฝันที่มีเพียงรพีกานต์กับเขาแค่สองคน สายตาคมจ้องสบกับดวงตาคู่หวานสื่อความหมายลึกซึ้งขณะที่ริมฝีปากได้รูปเอื้อนเอ่ยบทเพลงราวกับจะสารภาพความในใจออกมาเป็นบทเพลงแสนหวานสะกดหัวใจคนฟัง รพีกานต์รู้สึกราวกับตัวลอย หูไม่ได้ยินเสียงอะไรรอบข้างนอกจากเสียงเพลงจากคนตรงหน้า และสายตาของเขาที่ราวกับจะสะกดหัวใจดวงนี้ให้ยอมสิโรราบ

เพียงคำเดียวที่ปรารถนา อยากฟังให้ชื่นอุรา ใจพะว้าภวังค์
นานเท่านาน พี่คอยจะฟัง คำนี้คำเดียวที่หวัง จะฟังจากปากดวงใจ
คำคำนี้มีค่าใหญ่หลวง พี่รัก พี่แหน พี่หวง เพียงดั่งดวงฤทัย
พี่ไม่เคยเฉลยกับใคร แต่แล้วพี่บอกเจ้าไป เพื่อให้เจ้าตอบเช่นกัน
..มีหลายคราที่เคย เหมือนเจ้าจะเอ่ย เปิดเผยเฉลยคำนั้น
โอ แล้วใยอัดอั้น มิกล้าจำนรรจ์ กลับตื้นกลับตัน ทรวงใน
ฤา เจ้ามีคู่เคียงอุรา เจ้ารักเป็นหนักเป็นหนา ตรึงติดตราหัวใจ
จึงจดจำถ้อยคำพี่ไว้ แอบเอาไปบอกคู่ใจ ทอดทิ้งพี่ให้อกตรม
ฤา เจ้าลืมถ้อยคำคำนี้ จึงทำไม่รู้ไม่ชี้ ดังไม่มีเยื่อใย
แม้น..เจ้าลืมเจ้าเลือนเคลื่อนคลาย พี่เตือนให้อีกก็ได้
ก็รักอย่างไร เจ้าเอย




“แม้น..เจ้าลืมเจ้าเลือนเคลื่อนคลาย พี่เตือนให้อีกก็ได้ ก็ “รัก”อย่างไร เจ้าเอย”

เสียงร้องเพลงคลอเบา ๆ ในรถกับบทเพลงสุดไพเราะและหวานซึ้งติดตรึงตราใจคนฟังที่เพิ่งได้ยินมาจากร้านอาหารแล้วครั้งหนึ่ง คนขับร้องบทเพลงแสนหวานเหลือบมองคนข้างกายที่นั่งรถกลับมาด้วยกันเป็นระยะ รพีกานต์นั่งเม้มปากเงียบไม่เอ่ยคำพูดใดออกมา ดวงตาคู่สวยหวานมีแววสับสนเล็ก ๆ หัวใจยังคงเต้นกระหน่ำไม่เป็นจังหวะ หลังเสร็จจากเต้นรำด้วยกัน เจ้าของใบหน้าหวานก็เอาแต่หลบสายตาคมที่คอยแต่จะจดจ้องราวกับจะยั่วล้อกันให้ปั่นป่วน อัครวินท์จ่ายเงินค่าอาหารซึ่งรพีกานต์ยื่นความจำนงหารจ่ายกันคนละครึ่งแต่ก็ถูกอีกฝ่ายรั้งมือบางเอาไว้พร้อมเกลี่ยเบา ๆ ให้รพีกานต์หน้าแดงสบจังหวะให้อัครวินท์จ่ายค่าอาหารมื้อนั้นเองและพากลับมาส่ง

กึก

จู่ ๆ เมอร์เซเดสคันหรูก็จอดลงกะทันหัน รพีกานต์หันมองคนขับที่เปิดประตูรถออกไปโดยไม่พูดอะไร ร่างโปร่งกำลังจะอ้าปากเรียก หากอัครวินท์ก็ปิดประตูลงพร้อมเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งรพีกานต์ออก

“น้องกานต์มากับพี่หน่อยนะครับ”

 รพีกานต์ขมวดคิ้วอย่างสงสัยแต่กระนั้นร่างโปร่งก็ลงจากรถเดินตามเขามา อัครวินท์จอดรถชิดไว้มุมหนึ่งก่อนจะพารพีกานต์เดินขึ้นไปกลางสะพาน ใบหน้าหล่อเหลาแหงนมองพระจันทร์ใกล้คืนวันเพ็ญพร้อมเอ่ยคำพูดที่คนฟังแก้มแดงเรื่อ

“ใกล้วันลอยกระทงแล้ว ปีนี้คนที่พี่อยากลอยกระทงด้วย เขาจะเมตตายอมมาลอยกับพี่ไหมน้า”

อัครวินท์ยืนเกาะราวสะพานเอ่ยรำพึงรำพัน รพีกานต์เดินมาหยุดยืนข้าง ๆ พร้อมเงยหน้ามองพระจันทร์ส่องสว่างใกล้จะเต็มดวงด้วยความรู้สึกอบอุ่นปนสับสนอย่างบอกไม่ถูกที่ได้ยืนเคียงกันกับเขามองพระจันทร์ด้วยกันแบบนี้

“อย่างพี่วินจะมีใครกล้าปฏิเสธ ขี้คร้านสาว ๆ จะแย่งกันเป็นตุ๊กตาหน้ารถเสียมากกว่า”

รพีกานต์เอ่ยขึ้นเบา ๆ ขนาดในร้านอาหารตอนเดินเข้าไปและเดินกลับออกมายังไม่วายมีหญิงสาวแอบมองชายหนุ่มไม่วางตา

“แล้วไงล่ะครับ พวกนั้นไม่ใช่คนที่พี่อยากลอยกระทงด้วยนี่นา คนที่พี่อยากลอยด้วย มีคนหวงอย่างกับไข่ในหิน”

สายตาคมจับจ้องใบหน้าสวยภายใต้แสงจันทร์ แวบหนึ่งอัครวินท์อดยอมรับไม่ได้ว่าอีกฝ่ายผุดผ่องดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าที่ไม่ได้ปรุงแต่งดูงดงามตามธรรมชาติด้วยเครื่องหน้าที่ลงตัว คิ้วยาว ปาก จมูก สวยแบบไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม แพขนตาที่งอนยาวขับให้ดวงตาดูหวานติดตรึงตา มองได้ไม่รู้เบื่อ สายลมอ่อนพัดพรายกลิ่นกายหอมอ่อนละมุนละไมของรพีกานต์ลอยเข้าจมูกให้ความรู้สึกดีจนเกือบจะลืมไปว่าตนเองนั้นชิงชังพวกลักเพศแค่ไหน

...แม่ของเขาต้องเจ็บช้ำเพราะพ่อรักผู้ชาย อัครวินท์เกลียดและอยากทำลายความรักที่ผิดเพี้ยนนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาจงเกลียดจงชังรพีกานต์กับณัฐธีร์ เกลียดแบบงี่เง่าไร้เหตุผล อยากทำลายความรักผิดธรรมชาติให้ย่อยยับ...

“พี่มีคอนโดแถวบางแสน น้องกานต์อยากไปนั่งรถเลียบชายหาด ทานอาหารทะเลอร่อย ๆ กับพี่ไหมครับ แล้วยังไงเราไปเที่ยวต่อที่เกาะล้านก็ได้”

อัครวินท์หันมาเอ่ยชวนคนข้างกาย เมื่อเห็นรพีกานต์ดูสับสนและกังวลชายหนุ่มจึงเริ่มรุกต่อ

“น้องกานต์คงรังเกียจและไม่ไว้ใจพี่ ใช่สิ พี่มันเจ้าชู้ นิสัยแย่ รินคงบอกกานต์แบบนั้น เพราะพี่เคยทำให้เพื่อนของรินต้องเสียใจ ตั้งแต่นั้นมารินก็ไม่เคยมองพี่ดีอีกเลย”

อัครวินท์เอ่ยอย่างตัดพ้อ รพีกานต์เกาะราวสะพานแน่น สูดลมหายใจเข้าปอดลึกก่อนตัดสินใจเอ่ยถามบางอย่างออกมา

“พี่วินครับ กานต์ขอถามอะไรสักหน่อยได้ไหม กานต์ต้องการความชัดเจน ไม่อยากรู้สึกว่ากานต์คิดเข้าข้างตัวเองไปคนเดียว สิ่งที่พี่วินกำลังแสดงออกกับกานต์มันคืออะไรหรือครับ”

รพีกานต์สบตาด้วยใบหน้าจริงจังกับเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่สะกดหัวใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้า

“พี่ยังไม่บอกตอนนี้หรอก คำ ๆ นั้นมันมีค่ามากไม่ใช่หรือครับ พี่ไม่บอกให้กานต์ได้ยินง่าย ๆ หรอก แต่สิ่งที่กานต์กำลังรู้สึก กานต์คิดไม่ผิดหรอกครับคนดี”

อัครวินท์ยิ้มอ่อนสบตากับเจ้าของดวงตาคู่สวย กลายเป็นรพีกานต์ที่เก้อเขินสายตาของเขาเสียเองจนต้องหันหลบ ปากบางเม้มเข้าหากันอย่างคิดหนัก

“แต่เราเพิ่งจะได้เจอกันนะครับ”

 มือรพีกานต์บีบกับราวสะพานอย่างตื่นเต้น หัวใจเต้นกระหน่ำจนประหม่าไปหมด กระนั้นก็ยังพยายามควบคุมน้ำเสียงให้ปกติที่สุด ไม่ให้เขารู้ได้ง่าย ๆ หรอกว่ารพีกานต์ตื่นเต้นแค่ไหน อัครวินท์นับเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้ร่างโปร่งเสียการควบคุมตัวเองได้แบบนี้

“สำหรับกานต์อาจใช่ แต่สำหรับพี่ พี่เคยเจอกานต์มาก่อนหน้านี้แล้วตั้งแต่เทอมที่แล้ว ช่วงเปิดเทอมใหม่ ถึงขั้นเก็บเอาไปฝันถึงก็หลายครั้ง กานต์เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับน้องสาวพี่ พี่เห็นกานต์เดินไปไหนกับพวกยัยรินบ่อยไป แต่ไม่กล้าเข้าหา  องครักษ์พิทักษ์กานต์ไม่เปิดช่องว่างให้เลย กานต์ดูนี่สิ”

คำตอบของอัครวินท์มาพร้อมกับโทรศัพท์ที่ยื่นมาให้ดู เป็นรูปแอบถ่ายรพีกานต์ตอนไม่รู้ตัวในอิริยาบถต่าง ๆ ทำเอารพีกานต์อ้าปากค้าง แก้มขาวร้อนผ่าว ดวงตาสวยหวานหลุบลงลอกแลกหลบทำอะไรไม่ถูก มือไม้ไปไม่เป็นจนต้องจับราวสะพานแน่นกว่าเก่า

“แต่กานต์...กานต์เป็นผู้ชายนะครับ กานต์มีสรีระร่างกายที่เหมือนกันกับพี่วิน กานต์...อาจให้ความสุขกับพี่วินได้ไม่เท่าผู้หญิง แล้วกานต์อาจทำให้พี่วินถูกมองแปลก ๆ”

“ที่กานต์พูดมานั่น พี่ณัฐเองก็ชอบกานต์ที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมเป็นพี่บ้างจะไม่ได้”

 อัครวินท์ยื่นมือกุมมือบางที่จับราวสะพานแน่น ความอุ่นของฝ่ามือที่ส่งถึงกันทำให้รพีกานต์กัดริมฝีปากแน่นอย่างพยายามจะหักห้ามใจไม่ให้หวั่นไหว

...หยุดนะหัวใจ อย่าเต้นแรงถึงเพียงนี้ กลัวเขาจะไม่รู้หรือว่า หวั่นไหวกับเขาแค่ไหน...

“มันไม่เหมือนกันนะครับ พี่ณัฐเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้เป็นลูกชายไฮโซมีชาติตระกูลที่คนในแวดวงสังคมต่างรู้จักอย่างพี่วิน เวลาเราไปไหนมาไหนด้วยกัน เราอาจถูกนินทาหรือมองอย่างประหลาดสำหรับคนที่ไม่เข้าใจ แต่เดี๋ยวมันก็ผ่านไป นามสกุลของพี่ณัฐก็ไม่ได้ทำให้เป็นที่จับตามองอย่างพี่วิน พี่วินจะทนกับคำนินทาได้หรือครับ แล้วยังจะครอบครัวพี่อีก”

รพีกานต์พูดอย่างหดหู่ด้วยความหวาดกลัวเล็ก ๆ

กลัว...ว่าเขาจะมาลวงหลอก เพราะว่าเขาทั้งหล่อและรวย ตัวเลือกมีมากมาย

กลัว...ว่าครอบครัวเขาจะรับไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องเลิกรา

กลัว...ว่าแวดวงสังคมไฮโซของเขาจะไม่เหมาะกับตัวเอง นกน้อยโผผินขึ้นสูงเกินกำลังตน หลงไปอยู่ในหมู่หงส์ สุดท้ายตกลงมาเจ็บเจียนตาย

...ยอมรับว่ากลัวเหลือเกิน...

แต่เหนือกว่าความกลัวใด คือ กลัวหัวใจตัวเอง ที่พลอยจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แล่นถลาจะไปหาแต่เขาเสียเรื่อย

“กานต์เชื่อเรื่องรักแรกพบไหมล่ะ ถ้ากานต์ได้เจอใครแล้วคนนั้นทำให้กานต์ใจเต้นรัวเหมือนจะกระดอนออกมาจากอก นั่นล่ะคือความรัก" คำพูดณัฐธีร์ที่เคยว่าไว้ผุดขึ้นหัวทำให้จิตใจยิ่งว้าวุ่นสับสน อัครวินท์มองคนคิ้วขมวดแทบผูกปมพลางฉวยโอกาสรุกคืนทำคะแนน

“กานต์กลัวเรื่องนี้เองหรือ ไม่ใช่เรื่องที่พี่เป็นคนไม่ดีใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย พี่จะถือโอกาสนี้พิสูจน์ให้กานต์ได้เห็น ว่าพี่รู้สึกต่อกานต์จริง ๆ ไม่ใช่ความรู้สึกฉาบฉวย ให้โอกาสพี่นะครับ ถึงเราจะเพิ่งรู้จักกันแต่กานต์รู้ไหม พี่รู้สึกอิจฉาพี่ณัฐมากเลยนะที่เขาได้เจอและใช้เวลากับกานต์มาตั้งนาน”

อัครวินท์กุมมือบางพลางหันตัวบางให้หันมาเผชิญหน้ากันด้วยสายตาแน่วแน่

 “ให้เวลานับจากนี้เป็นของพี่ได้ไหม ให้โอกาสพี่แล้วเราจะร่วมฝ่าฟันทุกอย่างไปด้วยกัน ถ้าครอบครัวยอมรับไม่ได้พี่ก็จะออกมา ยกทุกอย่างให้ยัยรินดูแลก็ได้ พี่ไม่ต้องการอะไรนอกจากกานต์”

“พี่วิน คือกานต์...”

รพีกานต์อึกอักอย่างสับสนด้วยณัฐธีร์เองก็เคยขอโอกาสนี้เช่นกัน ตอนนั้นรพีกานต์ไม่รู้จักอะไรคือความรัก คิดแค่ว่าถ้าเป็นพี่ชาย รพีกานต์ก็สามารถอยู่กับพี่ณัฐได้ตลอดไป ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกับอัครวินท์ด้วยความรู้สึกสับสนไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้ สีหน้าลำบากใจ ดวงตาสั่นไหวอย่างประหม่า คิดไม่ตก แต่ไม่ได้ชักมือออกปฏิเสธ ทำให้อัครวินท์ถือโอกาสรุกต่อ

“กานต์ยังไม่ต้องตอบพี่ตอนนี้ เพราะกานต์เองก็ให้โอกาสพี่ณัฐเหมือนกัน ขอแค่พี่ได้เป็นเพียงตัวเลือกของกานต์ก็ยังดี ให้เวลาเป็นคำตอบสำหรับกานต์นะครับ ถึงผลสุดท้ายคำตอบจะออกมาแบบไหนพี่ก็จะยอมรับให้ได้ พี่รอกานต์ได้เสมอ พี่รอคนที่ใช่มาได้ตั้งนาน ทำไมพี่จะรอกานต์ไม่ได้ล่ะ”

 อัครวินท์ยิ้มอบอุ่นปลอบประโลมให้ร่างบางคลายกังวล รพีกานต์เงยหน้าขึ้นยิ้มละไมอย่างขอบคุณที่เขาไม่เร่งรัดกัน รอยยิ้มสว่างไสวตราตรึงใจจนอัครวินท์ชะงักไปครู่หนึ่ง

“ขอบคุณพี่วินที่เข้าใจกานต์นะครับ”

“ไม่เป็นไร กานต์สบายใจได้ นี่พี่พากานต์มาเถลไถลนานแล้ว เรากลับกันนะครับ”

อัครวินท์ยิ้มอ่อนโยนพลางยีผมนุ่มหยอกเย้าก่อนทั้งคู่จะพากันไปขึ้นรถเพื่อไปส่งรพีกานต์ยังที่พัก

“พี่วินจอดตรงนี้นะครับ เดี๋ยวกานต์เดินเข้าไปเอง”

รพีกานต์บอกเพราะเมื่อกี้ณัฐธีร์เพิ่งส่งข้อความมาหาบอกว่าเลิกประชุมแล้วและกำลังจะมาหารพีกานต์ที่หน้าหอพัก เมอร์เซเดสคันหรูจอดเทียบฟุตบาทเพื่อให้ร่างเล็กได้ลงพร้อมยื่นถุงใส่เสื้อนิสิตที่เปื้อนคราบน้ำให้ รพีกานต์ยื่นมือออกมารับ ถือโอกาสให้อัครวินท์ได้จับมือบางนุ่มนิ่มพร้อมส่งสายตาเสน่หาหวานหยาดเยิ้มปานจะกลืนกินให้อีกฝ่ายได้เขินอาย ก่อนร่างโปร่งจะรีบรับถุงเสื้อและเปิดประตูรถลงไปเดินนำหน้าลิ่ว ๆ ขาแทบขวิด อัครวินท์ยกยิ้มพอใจก่อนจะออกรถโดยไม่วายแกล้งชะลอตามร่างบาง รพีกานต์หันมาค้อนควักให้อีกฝ่ายหัวเราะขำก่อนจะแล่นรถจากไป เหลือบมองกระจกหลังเห็นสายตาร่างบางมองตามรถของเขาอยู่ อัครวินท์ก็ย่ามใจนัก

รถของอัครวินท์แล่นมาถึงหน้าหอพักรพีกานต์ สายตาคมเหลียวมองร่างสูงในชุดชอปวิศวะกำลังยืนรอรพีกานต์อย่างกระวนกระวายก่อนจะยกยิ้มเย้ย

...มดแดงเฝ้าพวงมะม่วง เฝ้ารักเฝ้าหวงมานานนม สุดท้ายมะม่วงนั้นก็ถูกคนอื่นเชยชมไม่เหลือหรอ...


“พี่ณัฐมารอกานต์นานไหมครับ”

รพีกานต์เอ่ยถามเมื่อเดินมาถึงหน้าหอพักแล้วเจอณัฐธีร์ยืนรออยู่ก่อนแล้ว

“กานต์ไปไหนมา พี่เพิ่งมาถึงเมื่อครู่ กานต์หิวไหม ทานอะไรหรือยัง”

 ณัฐธีร์ถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย

“กานต์ทานกับเพื่อนมาแล้วครับพี่ณัฐ พอดีกานต์ทำเสื้อเพื่อนเลอะน่ะครับ เลยไปเอาเสื้อมาซักคืนให้”

รพีกานต์บอกพลางชูถุงใส่เสื้อให้ดูด้วยความรู้สึกผิดลึก ๆ ที่โกหกพี่ชาย แต่รพีกานต์ยังไม่ได้เป็นอะไรกับอัครวินท์เสียหน่อย อายุน้อยกว่าหน่อย เรียกเพื่อนคงไม่ผิดมากใช่ไหม ถึงอัครวินท์จะสารภาพว่ารู้สึกอย่างไรกับรพีกานต์ก็เถอะ

“พี่ซักให้นะ รับรองจะรีดให้เรียบกริบเลย กานต์จะได้ไม่ต้องเหนื่อย”

 ณัฐธีร์กุลีกุจอขันอาสาเอาใจพร้อมยื่นมือมาดึงถุงเสื้อไปจากมือรพีกานต์ หากแต่รพีกานต์เบี่ยงมือหนีเสียก่อน

“ไม่เป็นไรครับพี่ณัฐ กานต์ทำเลอะ กานต์ก็ต้องรับผิดชอบ กานต์โตแล้วนะ”

 รพีกานต์บอกพี่ชาย

“ขอโทษครับ พี่ลืมตัวคิดว่ากานต์ยังเป็นน้องน้อยของพี่อยู่เรื่อย อ้อ จริงสิ ใกล้ลอยกระทงแล้ว พี่แวะมาจองตัวกานต์ก่อนเลย ห้ามไปกับใครที่ไหนด้วยล่ะ หรือกานต์จะกลับบ้านไปลอยกับคุณพ่อ พี่จะได้ขับรถให้”

ณัฐธีร์บอกน้องน้อย

“พี่ณัฐ”

รพีกานต์ครางเรียกชื่อพี่ชายอย่างพูดไม่ออก

“สระน้ำของมหาวิทยาลัยเรามีตำนานนี่นา พี่จะพากานต์ไปลอยกับพี่นะครับ น้องน้อยของพี่ชาย”

ณัฐธีร์มองรพีกานต์ด้วยแววตามีประกายเปี่ยมไปด้วยความหวัง รพีกานต์ยิ้มบางแบ่งรับแบ่งสู้ขณะเดินนำณัฐธีร์กลับขึ้นห้องเพื่อไปเที่ยวหาเหมือนเคย ทั้งคู่พักกันคนละที่ ณัฐธีร์แชร์ค่าห้องกับเพื่อนร่วมคณะเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ส่วนรพีกานต์ไม่มีปัญหาด้านการเงินจึงพักอะพาร์ตเมนต์ที่สะดวกสบายกว่า

“ใกล้วันลอยกระทงแล้ว ปีนี้คนที่พี่อยากลอยกระทงด้วย เขาจะเมตตายอมมาลอยกับพี่ไหมน้า”

“อย่างพี่วินจะมีใครใกล้กล้าปฏิเสธ ขี้คร้านสาว ๆ จะแย่งกันเป็นตุ๊กตาหน้ารถเสียมากกว่า”

“แล้วไงล่ะครับ พวกนั้นไม่ใช่คนที่พี่อยากลอยกระทงด้วยนี่นา คนที่พี่อยากลอยด้วย มีคนหวงอย่างกับไข่ในหิน”




อัครวินท์เดินแกว่งกุญแจผิวปากเล่นอย่างอารมณ์ดีเข้ามาในบ้าน ขณะขายาวกำลังจะก้าวขึ้นบันไดชั้นสองก็บังเอิญเจอกับไอยวริญท์น้องสาวที่กำลังเดินลงบันไดมาชั้นล่างพอดี ไอยวริญท์อดแปลกใจไม่ได้ที่ได้เห็นพี่ชายอารมณ์ดีกว่าปกติ แถมกลับเข้าบ้านเร็วกว่าทุกทีจึงเอ่ยถาม

“พี่วินไปอารมณ์ดีอะไรมาคะ ผิวปากหวือเชียว”

 ไอยวริญท์กระเซ้าพี่ชายน้อย ๆ หากอัครวินท์กลับส่งยิ้มขอบคุณมาให้

“พี่ต้องขอบคุณรินนั่นแหละที่ช่วยให้พี่อารมณ์ดีขนาดนี้” ขอบคุณรูปที่เธอแอบถ่ายรพีกานต์เอาไว้ให้พี่ฉกมาเป็นข้ออ้างป้ออีกฝ่าย

“รินน่ะหรือคะ รินว่ารินยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ”

ไอยวริญท์ถามด้วยความสงสัยเต็มประดา

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำเรื่องเพลงไง พี่ไปล่ะ วันนี้พี่อารมณ์ดีสุด ๆ”

อัครวินท์ยีผมน้องสาวเล่นก่อนจะละมือเดินขึ้นบันไดชั้นบนไปเพื่อจะส่งข้อความทำคะแนนกับใครบางคน ไอยวริญท์มองตามพี่ชายด้วยใบหน้าฉงนไม่เข้าใจนักก่อนจะส่ายหน้าก้าวเท้าลงบันไดต่อ อันที่จริงมุกพาไปรับประทานอาหารท่ามกลางแสงเทียนในบรรยากาศโรแมนติกก็มาจากที่อัครวินท์หลอกถามน้องสาวจนได้รู้ความจริงว่า รพีกานต์ชอบเพลงอะไรแนวไหน ก่อนจะโทรไปเตี๊ยมกับร้านอาหารไว้เพื่อขอมุมส่วนตัวในการเต้นรำเพื่อให้เขาได้มีโอกาสใกล้ชิดกับรพีกานต์ ส่วนเรื่องร้องเพลงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเพราะตอนเด็กอัครวินท์เคยเข้าประกวดร้องเพลงชิงรางวัลถ้วยพระราชทานจนได้เข้าถึงรอบสุดท้าย แม้จะไม่ได้รางวัลชนะเลิศ แต่ก็แพ้คะแนนคนชนะไปเพียงนิดเดียว แน่นอนว่าแม้โตขึ้น ชายหนุ่มก็ยังคงมีทักษะการร้องเพลงได้ไพเราะ เสียแต่อัครวินท์ไม่เอาอ่าวนอกจากเสเพลไปวัน ๆ

แกรก แอ๊ด

เสียงประตูลูกบิดจากห้องฝั่งตรงข้ามเปิดออกพร้อมร่างของผู้เป็นประมุขของบ้านก้าวออกมาจากห้อง “อินทัช” มองร่างของบุตรชายที่ถอดแบบความหล่อเหลามาจากเขาเมื่อครั้งยังเป็นหนุ่มอย่างไม่ผิดเพี้ยน

“วันนี้อารมณ์ดีอะไรมาเจ้าวิน ผิวปากหวือเชียว”

“ก็นิดหน่อยครับ อ้อ ขอบคุณคุณพ่อนะครับที่ทำให้ผมคิดหาอะไรสนุก ๆ เล่นก็เบื่อได้”

อัครวินท์บอกก่อนจะหันหน้าหนีเดินไปที่ห้องตนเองพร้อมเปิดประตูเข้าห้องไปโดยไม่สนใจผู้เป็นบิดาอีก อินทัชมองบุตรชายด้วยความหนักใจ อัครวินท์ไม่สนิทใจกับเขาเหมือนเก่าตั้งแต่เด็กชายบังเอิญไปเจอรูปเขากับคนรักเก่า แถมถูกผดาชไม ภรรยาที่เขาจำต้องแต่งงานด้วยใส่ร้ายป้ายสีต่าง ๆ นานาเพื่อให้ลูกเกลียดเขา เกลียดในสิ่งที่เขาเป็นและรัก เพียงเพราะเขาไม่สามารถรักหล่อนได้ หล่อนได้เขามาเพียงร่างกายเท่านั้น

เพราะความรักที่แสนดีงามอย่างรพินทร์ยังคงติดตรึงในใจเขาจวบจนวันนี้

“คุณสบายดีนะ รพินทร์ แสงสว่างของผม”


มีต่อด้านล่างค่ะ  :katai5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2016 22:39:44 โดย Moony_Darling »

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
ฮัดเช้ย! 

จู่ ๆ เจ้าของร่างโปร่งที่กำลังพับดอกบัวบูชาพระก็จามออกมาเสียอย่างนั้น รพินทร์ขนลุกซู่อย่างบอกไม่ถูก วิศรุตที่กำลังหัดพับดอกบัวด้วยกันเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง

“คุณรพินทร์ไม่สบายหรือครับ”

“เปล่าหรอกครับ สงสัยจะคันจมูกเฉย ๆ”

“อยู่ ๆ ก็จามแสดงว่ามีคนกำลังคิดถึง สงสัยต้องเป็นน้องกานต์แน่เลย ลอยกระทงน้องกานต์จะกลับมาลอยกระทงกับคุณพ่อไหมครับ”

“ยังไม่รู้เลยครับ ถ้าอยากกลับก็คงจะกลับมาพร้อมพี่ณัฐนั่นแหละ”

“ดูคุณรพินทร์จะไว้ใจณัฐมากเลยนะครับ ถึงยอมรับเรื่องนั้นได้”

“ผมเห็นณัฐมาตั้งแต่เด็ก เด็กคนนี้ประพฤติตัวดีมาตลอด เรื่องที่ขออนุญาตคบหากับกานต์ ผมอยากให้กานต์เป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเอง กานต์โตขึ้นทุกวัน น้องต้องเรียนรู้อะไรผิดอะไรถูกด้วยตัวเองครับ แค่ลำพังต้องต่อสู้กับสายตาคนที่ไม่เข้าใจก็แย่แล้ว ผมไม่อยากซ้ำเติมจนน้องขาดที่พึ่ง ยังไงกานต์ก็เป็นลูกของผม ผมพร้อมจะรักและเข้าใจกานต์ครับ ถ้าน้องเลือกทางนั้นจริง ๆ”

“แล้วถ้าเป็นคุณรพินทร์เองบ้างล่ะครับ คุณรพินทร์พอจะเปิดใจได้ไหม ถ้าจะมีผู้ชายสักคนรู้สึกดี ๆ กับคุณ”

 วิศรุตถามพลางจ้องใบหน้าขาวนวล รพินทร์สบตากับเขาด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก นับจากผิดหวังจากความรักเก่าจนเกือบคิดฆ่าตัวตาย แต่เผอิญว่าได้เจอกับทารกน้อยถูกนำมาทิ้ง ร่างเล็ก ๆ ที่ดิ้นปัดป่ายส่งเสียงร้องไห้จ้าเหงือกแดงแจ๋เพื่อหาทางรอดเสมือนชี้ทางสว่างให้แก่เขาไม่คิดสั้น เด็กคนหนึ่งที่ถูกนำมาทิ้งยังพยายามดิ้นรนเพื่อให้รอดชีวิต แล้วตัวเขาเองที่มีพร้อมทุกอย่าง ขาดก็แต่ความรักที่มันภิณท์พังจากคนไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน มันจะหนักหนาจนไม่อาจมีแรงหายใจต่อได้เชียวหรือ รพินทร์สูดหายใจลึก ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะไม่หันกลับไปหาเขาอีก มือบางอุ้มร่างเล็ก ๆ เดินเข้าบ้านพร้อมรับเลี้ยงเป็นลูก

“รพีกานต์...แสงสว่างอันเป็นที่รัก”

กานต์ของพ่อ

ขอบคุณลูกที่ทำให้พ่อคิดได้ในวันนั้น



ติ๊ง

“ง่วงยังครับ คนตัวหอม หอมเหมือนกลิ่นเด็กทารก”

เสียงข้อความไลน์ดังขึ้นขณะที่รพีกานต์อาบน้ำเสร็จเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำพอดี รพีกานต์เดินมาดูโทรศัพท์ก่อนจะผุดยิ้มออกมาไม่รู้ตัวเมื่อรู้ว่าเป็นข้อความจากใคร

“บ้า ทำไมต้องเปรียบเทียบว่าหอมเหมือนกลิ่นเด็กทารกด้วยครับ กานต์ใช้แป้งเด็กก็ต้องหอมอ่อน ๆ อยู่แล้ว”

รพีกานต์พิมพ์ตอบกลับไปก่อนจะได้อิโมชันรูปจูบกลับมา พร้อมข้อความ ม๊วฟ ๆ แสดงให้เห็นมุมทะเล้นขี้เล่นของเขา รพีกานต์หัวเราะคิกอย่างเอ็นดูพ่อคนกะล่อนเดือนมหาวิทยาลัยสุดหล่อของปีที่แล้ว กับคนอื่น อัครวินท์ก็ใช้มุกจีบแบบนี้หรือเปล่าหนอ ถึงได้ขยับป้อกันไม่ขาด

ดูเหมือนแค่พิมพ์ข้อความหาจะไม่เพียงพอ เมื่อเพลย์บอยหนุ่มตัดสินใจวิดีโอคอลหาให้เห็นหน้าเห็นตาให้ชื่นใจ รพีกานต์สะดุ้งเล็กน้อย สายตากวาดมองเช็คความเรียบร้อยของห้องและชุดที่กำลังใส่ก่อนจะกดรับด้วยหัวใจเต้นกระหน่ำอย่างห้ามไม่อยู่

“รับช้าแบบนี้ ห้องรกอยู่แน่เลย เอ๊ะ หรือว่ากำลังเซ็กซี่อยู่เลยกลัวพี่เห็น ว้า อดเลย น้องกานต์ใจร้าย”

อัครวินท์ทำหน้ามู่ทู่เป็นปลาบู่ชนเขื่อนอยู่บนเตียงในชุดนอนเรียบร้อย ผู้ชายตัวใหญ่ทำท่างอแงเหมือนเด็กแถมท่าทางของเขายังทำให้หัวใจคนมองอดสั่นไหวแปลก ๆ ไม่ได้

“พี่วินทะลึ่ง”

“พูดอย่างนี้แสดงว่าพี่เดาถูก ไหนบอกมาสิว่า พี่เดาถูกว่าห้องกานต์รก หรือเดาถูกว่ากานต์กำลังโป้”

“พี่วิน! ยัง ยังไม่จบอีกนะ”

“เขินพี่ทำไม ไหนบอกว่าเป็นผู้ชายเหมือนกัน มีอะไรเหมือน ๆ กับพี่ไงครับ”

อัครวินท์ทอดเสียงหวานพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ หัวใจรพีกานต์เต้นกระหน่ำกว่าเก่าแทบไม่สนใจข้อความของณัฐธีร์ที่ส่งมาบอกฝันดีเหมือนทุกคืน ทั้งคู่คุยกันสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อย อัครวินท์กระเซ้าเย้าแหย่น้องเล่นจนล่วงไปค่อนคืนไม่รู้ตัวก่อนจะบอกฝันดีกันด้วยรอยยิ้มหวาน ๆ พร้อมคนเจ้าชู้ทำท่าชี้ตรงแก้มให้น้องหอม รพีกานต์เขินแล้วเขินอีกกว่าจะวางสายได้
คืนนั้นรพีกานต์นอนหลับอย่างมีความสุขอย่างที่สุด

หัวใจของน้องน้อยกำลังหวั่นไหวไปให้คนอื่น ต่อให้พี่ชายพยายามปกป้องแค่ไหน กำแพงสูงชันเพียงใด ก็พังทลายได้ด้วยฤทธิ์แห่งเสน่หา


  :mew3: :mew1:

ดีจ้า เคลียร์ความสงสัยจากหลายคนเนอะ คืออย่างนี้ค่ะ น้องกานต์เกิดมามีอวัยวะเพศสองเพศในร่างเดียวมาตั้งแต่เกิด แล้วน้องก็ถูกนำมาทิ้งข้างถังขยะหน้าบ้านคุณรพินทร์ จากที่เราหาข้อมูลจริง ๆ มันต้องผ่าตัดเลือกเพศตั้งแต่เด็กเพื่อให้เด็กชัดเจนในการใช้ชีวิตประจำวันของตัวเอง แต่ทีนี้เราไปเจอข้อมูลที่ว่า พอผ่าตัดเลือกเพศให้ตอนเด็กไปแล้ว พอเด็กโตขึ้นฮอร์โมนดันแสดงเป็นอีกเพศ (หาอ่านได้จากข่าวในอินเทอร์เน็ตค่ะ พิมพ์ในอากู๋ คนสองเพศ) ประมาณว่าเลือกเพศเป็นชายแต่โตขึ้นฮอร์โมนร่างกายดันแสดงเพศชัดเป็นหญิง หรือผ่าตัดอวัยวะเพศชายออกเลือกให้เป็นหญิง แต่พอโตขึ้น ร่างกายแสดงฮอร์โมนเป็นชาย เราก็เลยเมกข้อมูลว่าคุณรพินทร์ไม่ได้ให้หมอผ่าตัดเลือกเพศให้น้องตอนเด็ก ประมาณว่ารอดูฮอร์โมนตอนโต แต่พอโตขึ้นกานต์ก็เลือกที่จะเป็นชายไม่อยากเป็นผู้หญิง คือเลือกผ่าของผู้หญิงออก แต่ไม่ได้ตัดมดลูกกับรังไข่ทิ้ง ตรงนี้ยอมรับแบบกำปั้นทุบดินว่ามันไม่เมกเซนส์เท่าไหร่ที่น้องไม่ได้ตัดมดลูกออก คือ เราอยากให้น้องท้องได้อ่ะ จะด่าเราก็ได้ เราอยากให้กานต์ท้องได้ เพราะเราอยากลองเขียนแนว Mpreg ด่าตามสบายเลย อันนี้ยอมรับค่ะ ที่มาที่เขียนแนวนี้ เพราะอเวจีเสน่หาที่เขียน มีนักอ่านบางท่านเชียร์อยากให้วาเลนไทน์นายเอกเรื่องนั้นท้อง แต่เราไม่โอเค เลยมาที่เรื่องนี้แทนค่ะ เคลียร์เนอะ ด่าอีวินเยอะ ๆ ด่ากานต์น้อย ๆ น้องอายุเพิ่ง 18 จะว่าโตแล้วก็ไม่เชิง จะว่าเด็กก็ไม่ใช่ บางทีรักกับหลงมันแยกไม่ออก
 :katai2-1: :mew3:

ป.ล. เพลงที่นำมาชื่อเพลง 'เพียงคำเดียว' ของคุณสุเทพ วงศ์กำแหงนะคะ เพราะมาก ความหมายดี
เพลงเสน่หา กับเพลงไม่มีวัน ก็เพราะมาก เราชอบเพราะว่าคุณพ่อท่านร้องให้ฟังน่ะค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2016 10:53:17 โดย Moony_Darling »

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
เข้ามาจิ้มไว้ก่อนค่ะ
ฮือออ ท่าทางจะดราม่ามากๆแน่เลยย

ออฟไลน์ YADA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กานต์น่ารักดีค่ะลุ้นๆๆ


ชอบเพลงมาก กรี๊ดเลย..
ไม่ค่อนเห็นเพลงเก่าๆ >0<

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
อ่านแล้วอึดอัดมากค่ะ

แบบมันร่ำๆ อยากชกตบตีเตะต่อยนังวินจอมตอแหลให้กระเด็นออกจากเรื่องไปเร็วๆ
แต่จากบทนำน้องต้องพลาดท่าให้มัน โอ๋ยยยย เครียด

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
น้ำตาจะมาแล้ว

ออฟไลน์ smmikie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
สงสารพี่ณัฐไว้ก่อนเลย
แล้วเรื่องมันจะยังไงต่ออ่ะ

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
น้องกานต์หนอ น้องกานต์ มีบุญที่ได้เจอคนดีอย่างพี่ณัฐ แต่กรรมก็มาบังตาเห็นเขาเป็นได้แค่พี่ชายเท่านั้น อย่างว่าล่ะนะ ไอ้วิน จีบคน ฟันแล้วทิ้งมาเยอะถึงรู้วิธีจีบ
  รอ รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
อ่านแล้วกดดันมากกกกก :mew5:

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
เสน่หา...รักเอย ตอนที่๗


กริ๊งงงงงงงงง

เสียงนาฬิกาปลุกหัวเตียงดังขึ้นอย่างทุกเช้า ร่างโปร่งลุกจากที่นอนอย่างสดชื่นเพราะได้พักอย่างเต็มที่ มือบางจัดแจงเสียบปลั๊กต้มน้ำเพราะรพีกานต์ติดนิสัยชอบดื่มน้ำอุ่นตอนเช้าหลังตื่นนอนกับกินมะเขือเทศสด ๆ ซึ่งร่างโปร่งจัดแจงหามาปลูกไว้ในระถางต้นไม้หน้าระเบียงเสร็จสรรพ ทำให้มีมะเขือเทศลูกสดจากต้นไว้กินทุกวัน รพีกานต์เปิดโทรทัศน์พร้อมเล่นโยคะบริหารร่างกายเล็กน้อยระหว่างรอน้ำเดือด จนเรียบร้อยแล้วจึงคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปทำธุระในห้องน้ำก่อนจะออกมาเด็ดลูกมะเขือเทศล้างน้ำกินสดเคี้ยวกร้วม ๆ อย่างอร่อยและเดินไปแต่งตัวเตรียมออกไปหาอะไรกินก่อนไปเรียน ซึ่งปกติณัฐธีร์จะแวะมารับทุกวัน

ติ๊ง

เสียงข้อความไลน์ส่งเข้ามาในเครื่อง คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยเพราะปกติณัฐจะไม่ส่งข้อความมาเวลานี้ ร่างโปร่งเดินทั้งมือกำลังติดกระดุมเสื้อมาชะโงกหน้าดูข้อความก่อนจะฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นข้อความของใคร

“พี่วิน”

เสียงนุ่มครางชื่อเขาแผ่วเบา ภาพดอกแก้วสีขาวพราวพร่างสร้างความฉงนปนแปลกใจอย่างเหลือแสนแก่เจ้าของดวงหน้าหวาน จะไม่ให้รพีกานต์แปลกใจได้อย่างไรกับรูปดอกแก้วที่ส่งมาให้ ในเมื่อคน ๆ นั้นคืออัครวินท์ ชายหนุ่มไฮโซผู้หล่อเหลาที่เพียบพร้อมไปเสียทุกกระเบียดนิ้ว เขารู้ได้อย่างไรกันหนอ ว่ารพีกานต์ชื่นชอบและโปรดปรานดอกแก้วนักหนา ดอกไม้อื่นมีตั้งมากมาย ผู้ชายอย่างเขาน่าจะจีบกันด้วยดอกกุหลาบช่อโตราคาแพงเหมือนที่เห็นดาษดื่นเสียมากกว่า แต่อัครวินท์กลับส่งรูปดอกแก้วมาให้กันเสมือนหนึ่งว่ารู้ใจกัน รพีกานต์มองรูปดอกแก้วสีขาวพิศุทธิ์อวลกลิ่นหอมแล้วอดคิดถึงบ้านสวนไม่ได้ คุณพ่อรพินทร์ของรพีกานต์นิยมชมชอบการปลูกไม้ดอกกลิ่นหอมหลายอย่าง ทั้งเพื่อสูดกลิ่นผ่อนคลายและทำยา บางครั้งก็ร้อยอุบะ ทำบุหงาเครื่องหอม อาณาบริเวณบ้านแสนกว้างจึงฟุ้งขจรไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ให้ความชื่นใจแก่ผู้ผ่านไปมาอยู่ไม่ขาด รพีกานต์ชื่นชอบดอกแก้วมากกว่าดอกไม้ชนิดไหนเป็นพิเศษ ด้วยกลีบกลิ่นหอมละมุนสีขาวนวลแล้วยังเกสรสีเหลืองกระจุกตัวอย่างน่ารักในช่อดอก และที่หน้าอะพาร์ตเมนต์ของร่างเล็กก็ยังมีพุ่มดอกแก้วผลิดอกสีขาวสะพรั่งเต็มพุ่มให้เชยชมแก่ผู้พบเห็นยามเดินผ่าน

“รู้ได้ยังไงว่าชอบ”

รพีกานต์เอียงหน้าอย่างน่ารักพลางอมยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะมีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เจ้าของร่างโปร่งบางเดินไปเปิดประตูออกก่อนจะเบิกตาโตอย่างตกใจกว่าเก่ากับช่อดอกแก้วผูกโบเล็ก ๆ น่ารักที่ยื่นมาให้ตรงหน้าโดยผู้ชายที่รพีกานต์คุ้นหน้าว่าเรียนอยู่ชั้นปีหนึ่งเหมือนกัน

“มีคนฝากมาให้ครับ”

ชายหนุ่มบอกขณะมองใบหน้าของรพีกานต์ไปด้วย หากแต่รพีกานต์ยังไม่ยื่นมือไปรับเสียทีเดียว นอกจากส่งเสียงถามออกไปอย่างไว้เชิงทั้งที่ภายในใจเต้นกระหน่ำอย่างตื่นเต้น

...จะใช่เขาไหมหนอที่ส่งมา...

“ไม่ทราบว่าจากใครหรือครับ”

“เขาฝากบอกว่า แค่คุณมองจากระเบียงหน้าต่าง คุณก็จะรู้ครับ”

 ชายหนุ่มบอกพร้อมยื่นช่อดอกแก้วให้ชิดกว่าเก่า รพีกานต์รับมาทั้งเอ่ยขอบคุณก่อนจะปิดประตูห้องและรีบโล่ไปดูที่ระเบียงหลังห้อง

“พี่วิน”

 ดวงใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำจนแทบจะกระเด็นกระดอนออกมาจากอกที่เห็นว่าเป็นเขา รพีกานต์กุมหัวใจตัวเองมองเจ้าของร่างสูงสง่าใกล้พุ่มดอกแก้วที่กำลังส่งสายตามองมาเช่นกัน ใบหน้าใสทำหน้ายู่อย่างมันเขี้ยวให้พ่อตัวร้าย ทั้งส่งรูปมาให้แล้วยังฝากดอกไม้มากำนัลให้ประหลาดใจเล่นอีก เท่านั้นยังไม่พอ เจ้าตัวยังพาตัวเป็น ๆ มายืนให้เห็น ให้ใจสั่นหวั่นไหวจนพาลทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดบ้างหรือว่าจะทำให้หัวใจของรพีกานต์ต้องทำงานหนักแค่ไหนกับการควบคุมตัวเองไม่ให้เหลิง ตั้งแต่เต้นรำเมื่อคืน หัวใจก็แทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปแล้ว

...พี่วินนะพี่วิน ร้ายนักเชียว...

“พี่วินอย่างเพิ่งไปนะครับ รอกานต์ก่อน”

รพีกานต์รีบรัวมือกดส่งข้อความให้ ทั้งจิ้มผิดจิ้มถูกด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ สมาธิแทบลอยเตลิดไปหาเขา ก่อนจะรีบวางโทรศัพท์ลงและนำช่อดอกแก้วแช่น้ำไว้ในแก้ว และปรี่ไปเปิดตู้เย็นหาวัตถุดิบในการทำแซนวิชให้เขา ร่างโปร่งรีบถลันไปเก็บลูกมะเขือเทศตรงระเบียง สายตาเหลือบมองก็ยังเห็นเขายืนรออยู่ แก้มขาวร้อนวูบวาบ รีบเก็บมะเขือเทศล้างสะเด็ดน้ำแล้วกลับมาฝานเป็นแว่นใส่ในแซนวิช ร่างโปร่งทำอย่างระมัดระวังไม่ลนลานมากนัก อัครวินท์กำลังรออยู่ และรพีกานต์อยากตอบแทนที่เขาอุตส่าห์ตื่นเช้ามาก็เท่านั้น

รพีกานต์บรรจุแซนวิชที่ทำเสร็จแล้วหน้าตาน่ากินลงกล่องทัพเพอร์แวร์ โดยไม่ลืมหยิบน้ำแร่ในตู้เย็นไปให้ด้วยเผื่อเขากระหายจะได้ดื่มตอนฝืดคอ ตรวจเช็คความเรียบร้อยพร้อมเหลือบดูนาฬิกา ใกล้เวลาที่ณัฐธีร์จะมารับเช่นกัน รพีกานต์หยิบดอกแก้วดอกหนึ่งจากในช่อสอดทับในหนังสือก่อนออกจากห้องพร้อมหนังสือเรียนและแซนวิชในกล่อง ร่างโปร่งเดินออกมาหาทั้งใจเต้นไม่เป็นส่ำ ยิ่งเดินออกมาเห็นหน้าเขา ดวงหน้าขาวเนียนก็พาลจะเปลี่ยนเป็นสีเรื่อ เดินขาแทบขวิดกันเมื่อรู้ว่าเขามองอยู่ทุกย่างก้าว

“กานต์ทำแซนวิชมาให้พี่วินไว้ทานตอนเช้า ไม่รู้จะชอบไหม”

รพีกานต์ยื่นกล่องบรรจุแซนวิชกับขวดน้ำแร่ให้ แพขนตาสวยหลุบลงต่ำปกคลุมดวงตาหวาน อัครวินท์ยกยิ้มพร้อมยื่นมือออกมารับแถมฉวยโอกาสสัมผัสมือนุ่มไปด้วย รพีกานต์เผยอปากน้อย ๆ สายตามองมือหนาที่จับกันไม่ยอมปล่อยทั้งยังเกลี่ยเล่นเบา ๆ เสียอย่างนั้น

“เป็นแม่บ้านแม่เรือนแบบนี้ ถ้าพี่จะสู่ขอไปทำอาหารให้กินตลอดชีวิต ค่าสินสอดจะแพงมากไหมนะ”

 อัครวินท์กระซิบถามคนที่เอาแต่ก้มหน้าหลบสายตาเขา ยิ่งได้ยินรพีกานต์ก็ยิ่งก้มต่ำกว่าเก่าจนแทบชิดคอระหง

“พี่วินอย่าแกล้งกานต์สิครับ”

 รพีกานต์เอ่ยทั้งไม่ยอมมองหน้า

“พี่ไม่แกล้งแล้วก็ได้ เงยหน้ามองพี่หน่อยนะครับคนดี น้องกานต์เอาแต่ก้มหน้าแบบนี้ จะให้พี่คุยกับเส้นผมหอม ๆ ของกานต์หรือครับ”

อัครวินท์แกล้งเย้า แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเส้นผมสีน้ำตาลของร่างตรงหน้า เมื่อเห็นรพีกานต์ยังคงดื้อดึงเขาจึงขยับเข้าใกล้กว่าเก่าพร้อมงัดไม้เด็ดก้มกระซิบบอก

“ถ้ายังไม่ยอมเงย งั้นพี่จะหอมผมกานต์นะ”

“พี่วิน!”

รพีกานต์ตกใจยอมเงยหน้าในที่สุด ใบหน้าแดงจัดซับสีเลือดอย่างเขินอายคือภาพที่อัครวินท์เห็นแล้วถึงกับนิ่งไป

...น่ารัก...

ความรู้สึกแรกบอกแก่เขาอย่างนั้นยามได้เห็น ทั้งที่เครื่องหน้าขาวเคลือบไว้เพียงแป้งเด็กบาง ๆ สิ่งที่อัครวินท์ได้เห็นจึงเป็นใบหน้าหมดจดอย่างไร้การอำพราง กลีบปากสีธรรมชาติเย้ายวนให้เขาอยากลองสัมผัสดูสักครั้งทั้งที่อีกฝ่ายเองก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน ซึ่งอัครวินท์ก็ตอบความรู้สึกนี้ไม่ได้เช่นกันว่าทำไม

“กานต์ขอบคุณนะครับ สำหรับดอกแก้ว พี่วินท์รู้ได้ยังไงหรือครับว่ากานต์ชอบ”

รพีกานต์ขบริมฝีปากอย่างอายหนัก ยังเช้าอยู่มากแต่อัครวินท์กลับตื่นเช้าขนาดนี้เพื่อมาเก็บดอกแก้วส่งมาให้กันได้ ช่างพยายามดีแท้ เจ้าชู้ปานอิเหนาตามพะเน้าพะนอองค์ระเด่นบุษบาไม่ปาน

“พี่หลอกถามจากยัยรินน่ะ ทำไงได้ ไม่มีใครอยากให้พี่เข้าใกล้กานต์นี่นา พี่ก็ต้องพยายามหาโอกาสเอาสักวิธีนั่นแหละ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ริจะยลหน้าเดือนอักษรก็ต้องหาวิธีกันหน่อย”

เขาทำตาเจ้าชู้หยาดเยิ้มส่งให้ รพีกานต์แก้มร้อนผ่าวอย่างไปไม่เป็นชั่วขณะ ดวงตาสวยไร้เดียงสาสบตากับเขาราวกับถูกดูดเข้าไปในห้วงมนตร์แห่งเสน่หา อัครวินท์ถือโอกาสทัดดอกแก้วเข้าที่ใบหูพร้อมทั้งจ้องลึกเข้าไปในดวงตาอีกฝ่ายราวจะร่ายมนตร์ให้ลุ่มหลง

“พี่อยากลอยกระทงกับกานต์ ถ้าขอพรได้จริง พี่จะขออธิษฐานรักกานต์คนเดียวตลอดไป กานต์จะเป็นพระจันทร์เพียงดวงเดียวของพี่”



“เฮ้ย เชี่ยวิน ผิวปากอารมณ์ดีมาเชียวนะมึง”

เสียงทักของเพื่อนเด็กคณะบริหารธุรกิจดังขึ้นก่อนอัครวินท์จะโยนกล่องใส่แซนวิชลงกลางวง

“ฝีมือกู”

ชายหนุ่มยักคิ้ว ผองเพื่อนนกรู้รีบเปิดกล่องดูทันที ก่อนจะตาโตกับปฏิบัติการล้วงไข่จงอางที่พวกเขาต่างพนันกันเล่น ๆ ว่าอัครวินท์จะสามารถจีบ “เด็ก” ของไอ้หนุ่มวิศวะที่ตามเฝ้าเช้าเฝ้าเย็นให้มาร้องครางซบอกได้ไหม อันที่จริงอัครวินท์ไม่ได้มีรสนิยมชอบผู้ชายหรอก เขาแค่เห็นแล้วรู้สึกหมั่นไส้มันก็เท่านั้น เพราะบุพการีของเขาก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือ ถึงได้ทำให้มารดาของเขาเจ็บช้ำนัก เพราะอย่างนั้นอัครวินท์เกลียด! รังเกียจพวกรักร่วมเพศนัก!

“อุว้าว ทำแซนวิชให้ซะด้วย ไหนลองชิมหน่อยซิ”

หนึ่งในกลุ่มเพื่อนหยิบแซนวิชขึ้นกัดชิมก่อนจะตาโตคำรบสองพร้อมเอ่ยชมเปาะ

“เฮ้ย แม่งอร่อยว่ะ เชี่ยวินได้ของดีนะเนี่ย”

เสียงพูดตามด้วยกัดกินอีกชิ้น อัครวินท์หรี่ตามอง อันที่จริงเขาก็ยังไม่ได้กินอะไรนึกหิวอยู่เหมือนกัน จึงลองหยิบแซนวิชทูน่าขึ้นกัดชิมบ้าง เมื่อลิ้นได้สัมผัสกับรสชาติแสนอร่อยเขาจึงรีบหยิบอีกอันประกาศความเป็นเจ้าของทันที

“นี่ของกู”

“ไอ้ห่า ทำเป็นหวง ไหนบอกจะไปหว่านเสน่ห์หลอกฟันเขา กลายเป็นมึงจะหลงเสน่ห์เขาเองหรือเปล่าวะ น้องกานต์โคตรน่ารัก ถ้าไม่ติดว่าน้องรินเป็นน้องสาวมึง ก็จะบอกว่าเดือนอักษรแม่งน่ารักกว่าดาวอีก เชี้ยวิน”

“เหอะ ระดับกู สาว ๆ สวย ๆ ยังเอากูไม่อยู่ แค่เด็กผู้ชายเฉิ่ม ๆ หน้าอย่างเกย์ มันจะมีน้ำยาอะไรทำให้กูรักได้วะ” อัครวินท์ทำท่ายืดคอโอ้อวด ในหัวมีแผนชั่วร้ายมากมายที่จะใช้หลอกล่อรพีกานต์อย่างสนุก ด้วยตัวเขาไม่ได้รีบร้อนอะไรอยู่แล้ว อาศัยหยอกเย้าเป็นหมาหยอกไก่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็สนุกดี




“เอ ของพวกนี้นานแล้ว เก็บไว้น้องกานต์จะได้ใช้ไหมนะ สมัยนี้แล้วคงรับขวัญด้วยเครื่องเพชร เครื่องทอง บัญชีเงินฝากเสียละมัง”

รพินทร์รำพึงรำพันกับตัวเองขณะเปิดกำปั่นเหล็กโบราณของเก่าตกทอดสมัยรัชกาลที่ห้าออกดู ของภายในอันมีกำไลเงินสำหรับใส่ข้อเท้าเด็ก เหรียญสิบสตางค์ผูกข้อมือน้อย ๆ รับขวัญให้เจ้ามีเงินมีทองอยู่กับตัว เดิมของพวกนี้เป็นของรพินทร์มาก่อน แต่พอรพินทร์ได้เลี้ยงดูอุ้มชูเจ้าตัวน้อยกลอยสวาท เขาจึงนำมาสวมใส่ให้รพีกานต์อีกทอดหนึ่ง ส่วนพวกเครื่องเพชรเครื่องทองที่ได้รับมรดกตกทอดมา รพินทร์ฝากไว้ในตู้เซฟธนาคารเสียหมดเพราะเขาเองก็ไม่ได้มีธุระใช้ บ้านหลังนี้รพินทร์ไม่ต้องการให้มีของมีค่าอะไรเก็บไว้ให้ล่อขโมยขโจร จะมีก็แต่ข้าวของเครื่องใช้จำพวกเงินหรือทองเหลืองตอกลายโบร่ำโบราณที่ตกทอดอยู่คู่กันมากับเรือนทรงขนมปังขิงหลังนี้นี่แหละ

เห็นข้าวของเครื่องใช้เก่า ๆ แล้วหวนรำลึกถึงลูกในวันวาน ภาพชายหนุ่มผู้เคยพลาดหวังกับความรักบรรจงจูบฝ่าเท้าเล็กจ้อยเท่ากาบฝาหอยของเจ้าตัวน้อยอย่างรักใคร่ เขาไกวเปลร้องเพลงกล่อมลูกน้อยด้วยเพลงนกขมิ้นเสียงนุ่มกังวาน ดวงตาหวานสวยใสแจ๋วบริสุทธิ์มองสบตากับเขาอยู่ตลอดไม่ละไปไหนราวกับกลัวเขาจะหนีหาย ดวงตาที่บอกว่าลูกมีเพียงเขา ขนาดอ้าปากหาวหวอดจนเห็นเหงือกแดง ๆ จะหลับไม่หลับแหล่แต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือที่กำนิ้วของเขาเอาไว้ ความรักที่เกิดขึ้นบริสุทธิ์อยู่ภายในใจ แม้จะต่างสายเลือด แม้ดวงหน้าหวานดูเหมือนจะมีเชื้อออกไปทางลูกครึ่ง ไม่ได้ประพิมพ์ประพายละม้ายคล้ายกันกับเขา แต่รพีกานต์ดูงดงามและบริสุทธิ์ดุจดวงแก้วเลอค่าที่ส่องสว่างให้เขาผ่านพ้นจากชีวิตมืดมน มือเรียวเลื่อนสัมผัสกับเนื้อผ้านุ่ม รพินทร์หลุบตามองชุดฉุยฉายพราหมณ์ที่พับเก็บเรียบร้อยข้างในนั้น เมื่อครั้งหนึ่งเขาในชุดเจ้าพราหมณ์น้อยกำลังกรีดกรายร่ายรำอวยพรในงานฉลองสำคัญงานหนึ่ง จุดเริ่มต้นให้ได้พบกับผู้ชายคนนั้น

'อินทัช'

ชายหนุ่มเนื้อหอมผู้หล่อเหลา ลูกชายนายธนาคารใหญ่อนาคตไกล ดอกรักที่ช่วยกันปลูกเบ่งบานสวยงามและแห้งเฉาลงเมื่ออีกฝ่ายทิ้งกันไปแต่งงานเสียอย่างนั้น รพินทร์เหมือนล้มทั้งยืน เจ็บปวดทุรนทุรายจนสิ้นคิดหมายจบชีพตน และรพีกานต์คือแสงสว่างที่สาดส่องให้เขาพ้นจากวันคืนแสนมืดมนนั้น มือบางหยิบกำไลข้อเท้าขึ้นมาดู ภาพในวันวานที่กำไลคู่นี้สวมอยู่ที่ข้อเท้าน้อย ๆ ที่กำลังตั้งไข่เริ่มจะหัดเดิน เสียงกำไลดังกริ๊ง ๆ ยามที่ลูกน้อยเคลื่อนไหวเดินร่อนรอบบ้านเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวน้อยของพ่อเดินไปทางไหนจะได้ตามตัวถูก ด้วยกลัวลูกรักพลัดตกเรือน เพราะเลี้ยงดูรพีกานต์มาเองกับมือ รพินทร์จึงได้รู้ซึ้งว่าบุพการีรักเขาแค่ไหน รพินทร์ไม่คิดที่จะทำร้ายตัวเองอีกเลยนับจากนั้น ด้วยรู้ซึ้งแล้วว่า รักที่จริงแท้ที่สุด คือรักของพ่อแม่นั่นเอง

“ป้อ...ป้อ”

เสียงเล็ก ๆ ใสแจ๋วราวระฆังแก้วดังขึ้นขณะรพินทร์กำลังอาบน้ำให้เจ้าของแก้มยุ้ยเนื้อตัวจ้ำม่ำน่าฟัด มือเล็กตีน้ำในกะละมังแตกกระจายพร้อมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างอารมณ์ดีอวดฟันน้ำนมเล็ก ๆ ที่เพิ่งขึ้นสองซี่อย่างน่ารักน่าชัง

“อารมณ์ดีเชียวน้องกานต์ อาบน้ำทีไรกระดี๊กระด๊าตลอด”

รพินทร์เอ่ยขณะฟอกสบู่เด็กอาบน้ำให้ลูกน้อย

“ป้อ!”

 รพีกานต์ยังคงส่งเสียงได้ยินเป็นคำ ๆ เดียวไม่ขาดปากพร้อมทั้งเล่นน้ำในกะละมังไปด้วยอย่างสดใส

“เอ คุณรพินทร์คะ คุณหนูกานต์เรียกคุณว่าพ่อหรือเปล่าคะ ได้ยินส่งเสียงแบบนี้นานแล้วนะคะ แต่คงจะยังออกเสียงไม่ชัด ลองฟังดี ๆ สิคะ นี่ในปากก็มีดอกไม้ขึ้นแล้วสองซี่ น่าเกลียดน่าชังเชียว”

คุณป้านิ่ม แม่นมของรพินทร์ออกความเห็นหลังจากสังเกตอยู่พักใหญ่ รพินทร์ขมวดคิ้วเงี่ยหูฟังเสียงร้องของลูก

“ป้อ...ป้อ”

ร่างขาวอวบจ้ำม่ำยังคงส่งเสียงพร้อมหัวเราะเอิ๊กอ๊าก รพินทร์ตาโตทันทีที่ได้ยิน ดวงหน้านวลฉีกยิ้มกว้างอย่างปลื้มปริ่มเต็มหัวใจที่ได้ยินเสียงเรียกของลูกน้อยเป็นครั้งแรก แม้จะไม่ชัดนัก ด้วยเพิ่งหัดพูด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ลูกเรียกเขาว่า “พ่อ”

“น้องกานต์ หนูเรียกพ่อใช่ไหมลูก หนูเรียกพ่อได้แล้วใช่ไหม ไหนลองเรียกให้ฟังอีกครั้งสิครับ”

 รพินทร์ละล่ำละลักถามรพีกานต์ที่กำลังเล่นเป็ดน้อยสีเหลืองอ๋อยอย่างดีใจ ความรู้สึกมันท่วมท้นจนแทบเอ่อล้นเป็นหยาดน้ำตาแห่งความยินดี ยินดีที่ลูกเรียกเขา ของขวัญแห่งความสุขที่แสนยิ่งใหญ่สำหรับคนเป็นพ่อ แม้จะไม่ใช่สายเลือดโดยแท้

“ป้อ”

เสียงใสส่งผ่านออกมาให้ได้ยิน รพินทร์น้ำตารื้นทันทีที่ได้ยิน

“ป้านิ่ม น้องกานต์เริ่มพูดได้แล้ว แกเรียกผมว่าพ่อด้วยครับ น้องกานต์เรียกผมว่าพ่อ ป้านิ่มก็ได้ยินใช่ไหม”

 รพินทร์หันไปหาแม่นมเพื่อขอคำยืนยันว่าเขาไม่ได้ฝันไป เขาได้ยินเสียงรพีกานต์เรียกเขา

“ใช่ค่ะ คุณรพินทร์ได้ยินไม่ผิดหรอก คุณหนูกานต์เรียกคุณว่าพ่อได้แล้ว ดีใจด้วยนะคะ”

คุณป้านิ่มยิ้มกว้างอย่างร่วมยินดีด้วยตามประสาคนที่ช่วยกันเลี้ยงมาแต่แรก รพินทร์จับมือเล็กขึ้นจูบอย่างดีใจพร้อมมองหน้าลูกน้อยอย่างดีใจ

“น้องกานต์ ชื่นใจจังลูก คนดีของพ่อ พ่ออวยพรให้ความดีงามคุ้มครองหนูนะลูก”

รพินทร์อวยพรให้ลูกน้อย สำหรับเขาแล้ว ทรัพย์สินเงินทองต่อให้มีมากก็ไม่เทียบเท่าคุณงามความดีที่จะคอยปกป้องคุ้มครองคนประพฤติดีหรอก



“เอ ผ่านมานานจนน้องกานต์โตขนาดนี้แล้ว เอากำไลไปบริจาคดีกว่าไหม หรือจะเก็บไว้ให้ลูกของกานต์ดี อืม ถ้ากานต์คบกับณัฐก็ไม่น่าจะมีลูกได้ แต่เอ ถ้าพวกเขาอยากเอาเด็กมาเลี้ยงล่ะ เก็บไว้ก่อนดีกว่า”

รพินทร์เก็บกำไลข้อเท้าใส่กล่องเอาไว้ก่อน ดวงตาอ่อนโยนเหลียวมองเครื่องแขวนดอกไม้สดที่รพีกานต์เคยทำให้ตอนกลับมาเยี่ยมบ้านครั้งก่อน อยู่ ๆ ก็รู้สึกคิดถึงห่วงหาลูกน้อยอย่างบอกไม่ถูก




 “กานต์เป็นอะไร ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว”

ไอยวริญท์อดทักขึ้นไม่ได้เมื่อเห็นเพื่อนรักเดินยิ้มหน้าบานมาตั้งแต่เข้าห้องเรียนจนตอนนี้หมดชั่วโมงเรียน อาจารย์เดินออกไปแล้วก็ยังไม่ยอมหุบ สายตาอยากรู้ลอบมองดอกแก้วในมือเรียวจึงถึงบางอ้อรู้ความนัยโดยที่เพื่อนรักยังไม่ทันได้เอ่ยบอก

“อ๋อ มิน่าล่ะ พ่อหนุ่มวิศวะคงจะให้ดอกแก้วมาละซี ถึงได้ยิ้มหน้าบานหุบยิ้มไม่ลงเชียว”

กระเซ้าเย้าแหย่ไป ไอยวริญท์ก็รู้สึกปวดแปลบเล็ก ๆ ด้วยหญิงสาวเองก็หลงรักหลงชื่นชมรพีกานต์อยู่ในใจ หากแต่เพื่อนไม่ได้มีใจคิดรักชอบสตรี ไอยวริญท์จึงได้แต่เก็บงำความรู้สึกเอาไว้อย่างมิดชิดที่สุด

“ผู้ชายดี ๆ สองคนมารักกันเองแบบนี้ ผู้หญิงอย่างเราควรจะยืนอยู่ตรงจุดไหนกันล่ะนี่”

เพื่อนในกลุ่มต่างเริ่มเบนความสนใจมาเย้ารพีกานต์เล่น ทุกคนต่างรู้จักกับณัฐธีร์และก็รู้ดีว่าณัฐธีร์นั้นแสนดีแค่ไหน รพีกานต์ก้มหน้างุดซ่อนอาการแดงซ่านของใบหน้าพร้อมทั้งสอดดอกแก้วที่เขาทัดหูให้ใส่ไว้ในหนังสือ

“เลิกล้อเราได้แล้วน่า ล้อกันตั้งแต่เทอมแรกแล้ว ไม่เบื่อหรือไง”

“พี่ณัฐยังไม่เบื่อรักกานต์เลย เช้าถึงเย็นถึงตลอด แล้วพวกเราจะเบื่อแซ็วได้ยังไง บอกตรง ๆ นะ อิจฉากานต์จัง”

“พอแล้ว อาจารย์มาแล้วนั่น หมดคาบนี้จะได้ไปหาอะไรกินกัน”

รพีกานต์บ่ายเบี่ยงความสนใจเพื่อน ๆ ไปยังอาจารย์ที่เข้าสอนในวิชาต่อไป ร่างเล็กกัดริมฝีปากตัวเองระงับอาการเก้อเขิน ขณะที่กลิ่นหอมอ่อนของดอกแก้วก็ยังคงส่งกลิ่นอยู่ไม่ขาด หอมยาวเข้าไปในหัวใจที่หวั่นไหวเสียเหลือเกิน


รพีกานต์และเพื่อนต่างพากันมาหาอะไรกินตอนเที่ยงวันที่โรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัย ยามเที่ยงโรงอาหารคลาคล่ำไปด้วยนิสิตมากหน้าหลายตาจากคณะต่าง ๆ ร่างเล็กกวาดสายตามองหาโต๊ะว่างก่อนจะให้ตัวแทนนั่งจองไว้ เมื่อได้อาหารแล้วทุกคนในกลุ่มต่างก็พากันมานั่งกินข้าว รพีกานต์ตักข้าวเข้าปากก่อนจะได้ยินเสียงดังโหวกเหวกไม่ไกลนัก

เพียะ!

รพีกานต์ตาโตเมื่อเห็นเจ้าของใบหน้าที่รองรับฝ่ามืออารมณ์จากหญิงสาว อดีตเดือนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่สองผู้หล่อเหลาและกิติศัพท์ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าชู้คือคนที่ถูกประทับฝ่ามืออรหันต์จนขึ้นรอยแดง อัครวินท์ไม่ได้ตอบโต้อะไรนอกจากเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

“ผมเจอคนที่ผมรักและอยากจะหยุดที่เขาแล้ว ผมจะเลิกเจ้าชู้ เลิกคบหลายคนเสียที”

อัครวินท์เหลือบเห็นร่างโปร่งที่นั่งมองอยู่พอดี คำพูดดังขึ้นพร้อมสายตาคมที่มองสื่อมาทางรพีกานต์ หัวใจดวงน้อยเต้นรัวอย่างคาดไม่ถึง ไม่คิดว่าจะได้มาเจออะไรแบบนี้ รพีกานต์รีบหลบสายตาเขาวูบด้วยความหวั่นไหวรุนแรงที่เต้นกระหน่ำในอก

“พี่วินไปรักใครเข้านะ ถึงได้มาบอกเลิกบรรดากิ๊กจนถูกยำซะเละ อุ๊ย น้ำเย็นตาโฟแดงแจ๋ราดเต็มตัวเลย”

 เสียงไอยวริญท์ที่กำลังดูเหตุการณ์ของพี่ชายอย่างลุ้นระทึกพูดขึ้น รพีกานต์รีบเงยหน้ามองด้วยความตกใจ ร่างเล็กเห็นเขาไม่พูดจาต่อความยาวอะไรอีก นอกจากพาตัวเองเดินออกไปจากตรงนั้นท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นและเสียงซุบซิบกระซิบกระซาบของใครหลายคนที่มองดูเหตุการณ์อยู่บริเวณนั้น

“เราปวดท้องยังไงไม่รู้ เราขอกลับห้องก่อนนะ ถ้าไม่ไหวยังไงเราอาจไม่เข้าคาบบ่าย ฝากเลคเชอร์ด้วยนะริน”

รพีกานต์หาข้ออ้างออกไปดูเขาเร็วปรื๋อ มือบางรีบกระวีกระวาดคว้ากระเป๋าออกมาทันที ไม่วายเอ่ยตำหนิกับตัวเองด้วยความเป็นห่วงไปด้วย

“พี่วินบ้า ยอมทำขนาดนี้เลยหรือ”

 เสียงนุ่มงึมงำกับตัวเอง รพีกานต์พยายามระงับอาการใจเต้นกระหน่ำไม่หยุดของตัวเอง ยังจำสายตาแน่วแน่ที่มองมายามเขาเอ่ยบอกผู้หญิงคนนั้นได้เป็นอย่างดี

ติ๊ง

เสียงข้อความไลน์ดังขึ้น รพีกานต์รีบหยิบขึ้นมาอ่านอย่างนึกรู้ว่าเป็นเขาส่งมา

“พี่เลิกกับทุกคนแล้วนะครับ...เพื่อกานต์ พี่อยากจะพิสูจน์ให้กานต์ได้เห็นว่าพี่ไม่ได้จีบกานต์แค่เล่น ๆ”

“พี่วิน ตอนนี้อยู่ที่ไหนครับ แล้วน้ำก๋วยเตี๋ยวลวกพี่ไหม”

 รพีกานต์รีบกดพิมพ์ข้อความรัวเร็วด้วยความเป็นห่วงเขา

“อยู่ในรถครับ กานต์ครับ พี่ปวดแสบปวดร้อนจังเลย ว่าจะไปโรงพยาบาลเสียหน่อย แต่ถ้ากานต์จะเมตตาพี่ขอไปล้างเนื้อล้างตัวที่ห้องกานต์ได้ไหม ห้องกานต์อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยพี่จะได้ขับรถไม่ไกล”

ข้อความของเขาตอบกลับมาทันทีเหมือนกัน หัวใจรพีกานต์อ่อนยวบเมื่อเจอข้อความออดอ้อนว่าแสบนักหนา

โธ่...พี่วิน

“ครับ ๆ กานต์จะรีบไปหา”

รพีกานต์รีบพิมพ์ข้อความตอบกลับไปก่อนขณะเท้าเร่งจ้ำอ้าว

 “พี่วินนะพี่วิน โดนน้ำก๋วยเตี๋ยวร้อน ๆ ลวก ทำไมไม่แวะไปล้างที่ห้องน้ำก่อน มัวแต่มารอแบบนี้ ผิวพองขึ้นมาจะยิ่งแสบแย่”

รพีกานต์เร่งฝีเท้าอย่างเต็มที่เพื่อมองหารถของเขา ตัวอยู่ตรงนี้แต่หัวใจห่วงมันล่องลอยไปช่วยทายาให้เขาเสียแล้ว



ใบหน้าหล่อเหลายิ้มร้ายเมื่อได้รับข้อความตอบกลับ มือหนาควักกระเป๋าสตางค์หนังแบรนด์เนมหยิบธนบัตรฉบับสีเทาส่งให้หญิงสาวเจ้าของฝ่ามืออย่างรู้กัน

“ขอบใจว่ะ วันหลังจะใช้บริการอีกก็บอกแล้วกัน ได้ตบเดือนมหาลัยโคตรเจ้าชู้แถมได้เงินใช้แบบนี้ ฉันชอบว่ะ ว่าแต่แกจ้างฉันมาเล่นละครหลอกใครวะวิน”

 เพื่อนสาวแห่งคณะนิเทศศาสตร์ สาขาการแสดงถามขึ้นอย่างสงสัย

“เออน่า แกไม่ต้องรู้หรอก ไปได้แล้ว ผัวแกควบชอปเปอร์รอพาแกแว้นอยู่โน่น”

 อัครวินท์บอกปัดพร้อมผลักศีรษะอีกฝ่ายประสาเพื่อนสนิทที่เคยเล่นหัวกัน

“ไอ้ห่า หล่อแต่เชี้ยชะมัด ระวังเหอะ จะหลงรักเขาไม่รู้ตัวแล้วเขาจะเกลียดมึงเข้ากระดูกดำ เชี้ยวิน”

สาวสวยย่นจมูกใส่อย่างหมั่นไส้ก่อนจะผละลิ่ว ๆ ไปซ้อนรถชอปเปอร์ของคนรักพร้อมจากไป อัครวินท์มองน้ำซอสเย็นตาโฟที่ผสมน้ำทิ้งไว้จนเย็นชืดแล้วและเติมพริกผงลงไปตบตาเพิ่มอีกนิดให้ดูแสบทรวงนักหนา แค่นี้คะแนนความเห็นใจก็เทให้เขาแบบถล่มทลายแล้ว ถ้าไม่ติดว่าหวงชีวิตความเป็นส่วนตัว อัครวินท์ก็คงเข้าวงการบันเทิงตามที่แมวมองมาตามจีบอยู่หรอก แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีคนลงรูปเขาในเพจคิ้วท์บอยหนุ่มในฝันขวัญใจของสาว ๆ ในมหาวิทยาลัยอยู่เนือง ๆ


 :hao3:
เรตติ้งวินดี๊ดี 5555  (ขำกับความแหลของวิน) มีตุนไว้ ๑๑ ตอนเลยลงเร็วนะฮับ จะได้ทันอีกเวบน่ะ จากนั้นก็...เต่าคลานไปพร้อมกัน ก๊ากกกก  เรามีโครงเรื่องแบบหลวม ๆ อ่ะนะ ส่วนรายละเอียดยิบย่อยส่วนใหญ่ด้นสดแล้วก็ลงเลย รายละเอียดบางจุดเป็นจุดเล็ก ๆ แต่ใช้เวลาหาข้อมูลนานก็มี เราขอบคุณทุกคนนะฮ้าบบบบ
ป.ล.๑ คิดมุกแหลอีวินนี่มันสุดละ มีคนตั้งทีมพ่อปลาไหลให้วินด้วย :mew1:
 :katai5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2016 22:42:04 โดย Moony_Darling »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด