เสน่หา...รักเอย {จบแล้วจ้า}{Mpreg}{P.๑๔}{๑๕/๐๕/๖๑}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เสน่หา...รักเอย {จบแล้วจ้า}{Mpreg}{P.๑๔}{๑๕/๐๕/๖๑}  (อ่าน 154172 ครั้ง)

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ YADA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พ่อกับพี่รุตนี่ยังไงนิ พ่อลืมพ่ออิตาบ้าวินแล้วใช่ไม๊

ออฟไลน์ GintoniC

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-0
แปะๆๆๆ รอตอนต่อไปน่ะค่ะ

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
ขนมน่าทานมากๆค่ะ    ความรักของน้องกานต์ช่างพริ้วไหวอ่อนเอนเสียจริงๆเลย  วินท์ร้าย ส่วนณัฐรัก กานต์น้า ไม่น่าโชคร้ายเลือกวินท์เลย ยิ่งอ่านยิ่งทรมานใจค่ะ

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
 :hao5: โธ่ ใกล้ได้เวลาของมาม่าหม้อบักเอ่กแล้วสินะ
น้องกานต์ผู้น่ารัก จะโดนคนใจดำทำร้ายแล้วสินะ  o7

ออฟไลน์ GAZESL

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
น้องกานต์เสร็จอิพี่วินไปแล้ว ฮึ่ยยยย :katai1:
อร๊ากกกก อิพี่วิน เกลียดมัน อยากกระชากหนังหัว :m31:

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆๆ
อิพี่วินเลวมากๆๆ
อยากให้อิพี่วินได้รับบทลงโทษเร็วๆ
เอาให้สาสมกับที่เคยทำไว้

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
ยังไงน้องดูจะตามคนเจ้าเล่ห์ไม่ทัน
แล้วจะยังไงต่อเนี่ย ไม่อยากเห็นกานต์เสียใจเลย

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
เสน่หา...รักเอย ตอนที่๑๑


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“น้องกานต์ ยังไม่ตื่นอีกหรือลูก วันนี้ไม่ใส่บาตรหรือครับ”

เสียงเคาะประตูตามด้วยเสียงร้องเรียกของรพินทร์ดังขึ้นหน้าห้องบุตรชายอย่างนึกแปลกใจ ปกติรพีกานต์ตื่นเช้าเป็นนิสัยอยู่แล้วแต่วันนี้กลับผิดวิสัยไปจากทุกทีจนผู้เป็นพ่อต้องมาปลุกเรียก รพีกานต์ลืมตาแช่มช้าตื่นจากฝันหวานหลังได้ยินเสียงเคาะเรียก ภาพตรงหน้าคือแผงอกล่ำสันมีรอยข่วนเล็ก ๆ กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ แก้มขาวร้อนวาบเมื่อเห็นรอยข่วน ไพล่หวนถึงเหตุการณ์เมื่อคืนแล้วอดที่จะเขินอายไม่ได้

'รพีกานต์ตกเป็นของเขาแล้ว'

“พี่รักกานต์ กานต์เป็นผู้ชายคนแรกของพี่เลยนะ”

อัครวินท์กระซิบถ้อยคำหวานหูหลอกล่อขณะแทรกท่อนกายร้อนผ่าวลงร่องสวาทอุ่นจัด รพีกานต์เจ็บน้ำตาเล็ด แต่ด้วยคำบอกว่า ‘รัก’ ของเขา มันช่างหวานหูประโลมความเจ็บได้ชะงัด

“พี่วินก็เป็นคนแรกของกานต์ คนแรกสำหรับทุกอย่าง”

ใบหน้าซับเพลิงอารมณ์มัวเมาเอ่ยบอก อัครวินท์คือคนแรกสำหรับทุกอย่างในชีวิตรพีกานต์ จุมพิตแรก รักแรก ผู้ชายคนแรกที่ได้ครอบครองเรือนกายพิศุทธิ์ด้วยความเต็มใจ เสียงครางหวานสลับกับเสียงกระเส่าร้อนยามสองร่างสอดประสาน หยดเหงื่อโซมชุ่มกายสองร่าง สมองรพีกานต์ขาวโพลน ดวงตาสะท้อนเพียงภาพของเขา...

อา...รสแห่งเสน่หาเสพสมช่างหอมหวานยวนใจให้ลุ่มหลงเหลือเกิน


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“กานต์ไม่สบายหรือเปล่าลูก”

รพีกานต์สะดุ้งจากภวังค์แสนหวาน ใบหน้าแดงซ่านผละห่างจากร่างหนาคว้าผ้าห่มพันกายหย่อนปลายเท้าก้าวลงจากเตียง ร่างกายปวดระบมครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะแตกร้าวออกเป็นเสี่ยง

อึก

“อูย”

ใบหน้าหวานนิ่วหน้าเหยเกด้วยความเจ็บเสียดที่ทางด้านหลัง ความเจ็บร้าวแล่นปราดทั่วสารพางค์จนแทบทรุดฮวบ ขาเรียวสั่นเหยง คราบน้ำรักไหลลงอาบต้นขา รพีกานต์ฉวยกระดาษทิชชู่ซับคราบน่าอายลวก ๆ  ก่อนจะรีบพยุงกายเดินเขยกขาเข้าไปใกล้ประตูไม่ให้พ่อสงสัย

แกรก แอ๊ด

“ง่วงจังครับ วันนี้กานต์ขอตื่นสายหน่อยนะครับ”

รพีกานต์แง้มประตูเยี่ยมหน้าออกไปออดอ้อนบุพการี

“น้องกานต์ไม่สบายหรือลูก หน้าซีดเชียว”

รพินทร์ถามด้วยน้ำเสียงห่วงเมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวของบุตรชาย

“กานต์เมื่อย ๆ ตัวน่ะฮะ อยากนอนต่ออีกหน่อย”

รพีกานต์ตอบเสียงแหบเนือย อ้าปากหาวหวอด สองขาสั่นเหยงยืนแทบจะไม่ไหว

“ครั่นเนื้อครั่นตัวจะเป็นไข้หรือลูก ไหนขอพ่อเข้าไปหน่อย”

รพินทร์อังมือกับหน้าผากมนทำท่าจะแทรกกายเข้าไปในห้อง รพีกานต์สั่นหน้าก่อนรีบปะเหลาะพ่อเสียงหวาน

“กานต์ไม่เป็นไรมากครับ สงสัยเมื่อวานจะเพลีย พ่อไปใส่บาตรก่อนเถอะครับ เดี๋ยวหลวงตาจะมาแล้วนะ น้า ขอกานต์นอนต่อนะครับ กานต์ง่วงมากเลย”

รพีกานต์พูดพร้อมอ้าปากหาวหวอดเหมือนง่วงเต็มแก่อีกหน รพินทร์เห็นท่าทีจึงไม่อยากจะวุ่นวายกับลูกมากนัก ใบหน้าเรียวพยักหน้ารับรู้ ปล่อยให้ลูกได้นอนต่ออีกหน่อยก่อนผละจากไป ไม่ซักไซ้อะไรต่อ รพีกานต์งับประตู รีบพยุงขากะเผลกลากมาที่เตียงเขย่าปลุกร่างหนา

“พี่วิน ตื่นเถอะครับ ต้องกลับแล้ว เดี๋ยวพ่อเห็น”

น้ำเสียงร้อนรนเขย่าเสียงคนนอนเฉย ไม่ทุกข์ไม่ร้อน

“อือ ห้องกานต์นอนสบายจัง ยังไม่ตื่นได้ไหม”

อัครวินท์ออกท่าทีงอแงรั้งตัวบางลงกอดแนบอกทั้งตายังไม่ลืม

“พี่วิน เดี๋ยวพ่อเห็นนะครับ”

รพีกานต์ผะหงกศีรษะพยายามปลุกคนขี้เซา

“เห็นก็ดีสิ พี่จะได้บอกพ่อพี่มาขอ คราวนี้จะได้ตัวกานต์ไปนอนกอดนอนฟัดให้พี่ได้หอมชื่นใจทุกวันเลย”

อัครวินท์ยื่นใบหน้าใบหน้ากดจูบแก้มใส ก่อนจะถอนออกมาจ้องดวงตากวางของคนที่หน้าหวานเกินชาย

“พี่วินบ้า กลับไปก่อนนะครับ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันนะ”

รพีกานต์เว้าวอนพยายามปะเหลาะเสียงหวาน ทั้งที่ก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายห่างกายเท่าไรนัก

“ไม่อยากกลับเลย กานต์ทำพี่หมดแรง”

อัครวินท์ทำตัวง่อยกินลุกไม่ขึ้นจนรพีกานต์แก้มร้อนวาบ

“คนบ้า ทะลึ่งใหญ่แล้ว”

 รพีกานต์ก้มหน้างุดหลบสายตาคมกริบเจ้าเล่ห์ที่ชวนให้นึกถึงเหตุการณ์หวามไหวยามค่ำคืนที่ล่วงผ่านมา

“ไม่ดีหรือ กานต์จะได้มีความสุขมาก ๆ แล้วก็มีตัวเล็กให้พี่ด้วยไง”

อัครวินเย้ายิ้ม ๆ มือเกลี่ยแก้มใส ดวงตาจดจ้องเครื่องหน้าหวานล้ำได้รูปปานวาด จนอดคิดไม่ได้ว่าหากเป็นหญิงจะสวยหยาดสักแค่ไหน ไอยวริญท์น้องสาวว่าเครื่องหน้าสวยจนผู้ชายเหลียวคอแทบหัก รพีกานต์คงจะสวยล้ำยิ่งกว่าเพราะยิ่งมองก็เพลินตาไม่หยอก

“ไปกันใหญ่แล้ว”

รพีกานต์ปรามความคิดอีกฝ่าย

“ก็ไม่แน่นะ พี่ขยันป่ามป๊ามบ่อย ๆ อาจจะท้องขึ้นมาจริง ๆ ก็ได้”

อัครวินท์กระซิบแหย่ไม่เลิก เมื่อคืนเขาใช้ถุงยางป้องกันแค่ช่วงแรกก่อนจะสอดแทรกฝังกายแบบเพรียว ๆ เพราะช่องทางอุ่นจัดที่บีบรัดอย่างไม่ประสาทำให้เขาคลั่งแทบบ้าจนอยากสัมผัสแบบเนื้อแบบเนื้อ จนปล่อยความปรารถนาข้างในกายอีกฝ่ายจนล้นเอ่อเพราะรพีกานต์เป็นผู้ชาย ไม่ติดปัญหาเรื่องท้องอยู่แล้ว

“พี่วินกลับไปก่อนนะ นะครับถ้าพ่อเห็นต้องช็อกแน่ ๆ ที่กานต์...”

 แก้มขาวแดงซ่านก้มงุดด้วยความอาย “กานต์พาผู้ชายขึ้นบ้านแบบนี้” อัครวินท์มันเขี้ยวคนพูดจนต้องกระชับกอดแน่นหนับก่อนผละออก

“โอเค”

อัครวินท์ดีดตัวลุกจากเตียงง่าย ๆ ร่างสูงใหญ่ก้าวลงจากเตียงทั้งล่อนจ้อน เดือดร้อนให้รพีกานต์ต้องรีบเบือนหน้าหนี สบโอกาสให้คนเจ้าเล่ห์ตาวาวเคลื่อนตัวเข้าหาพร้อมฝังจมูกหอมฟอดจนร่างเล็กกว่าสะดุ้ง รพีกานต์สะดุ้งโหยงหันขวับเจอชีเปลือยหน้าไม่อายต้องลนลานรีบหันหนีเรียกเสียงหัวเราะอย่างขบขัน

“พี่วิน ชอบแกล้งกานต์” รพีกานต์บ่นอุบ

“ต้องให้เห็นบ่อย ๆ จะได้ชินเนอะตัวเล็ก”

 พูดพลางฉกจูบขมับวูบ

“คนทะลึ่ง!”

รพีกานต์รีบฉวยชุดเก่าพยุงตัวไปล้างขาลวก ๆ เพื่อเตรียมไปส่งเขา อาการปวดบั่นทอนร่างแทบทรุดแต่เพราะรักจึงยอมกัดฟันอดทน ร่างเล็กเปิดประตูเยี่ยมหน้ามองซ้ายขวา ก่อนหันมาพยักหน้าส่งสัญญาณเตรียมลากขากะเผลก ๆ ออกจากห้อง อัครวินท์เห็นท่าทางเดินลำบากจึงฉวยแขนบางรั้งไว้ หัวคิ้วเข้มกดเข้าหากันเมื่อสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากกายบาง

“ตัวกานต์รุม ๆ นะ กานต์ไม่ต้องลงไปส่งพี่หรอก พี่ไปเองเร็วกว่า กานต์รอส่งพี่ตรงนี้ก็ได้ จากตรงนี้มองเห็นท่าน้ำ”

ความรู้สึกวูบหวิวห่วงหาผุดขึ้นในหัวใจเล็ก ๆ อัครวินท์รีบสลัดความไขว้เขวทิ้งก่อนผละจากไปรพีกานต์พาร่างกระย่องกระแย่งเกาะราวระเบียงยืดคอมอง ขายาวก้าวฉับ ๆ ไม่นานก็เดินไปลงเรือที่ผูกไว้ยังท่า อัครวินท์หันมายิ้มหล่อโบกมือไหว ๆ ให้ก่อนพายเรือกลับที่พัก รพีกานต์อมยิ้มมีความสุขอย่างคนลุ่มหลงตกลงในบ่วงเสน่หา ทุกลมหายใจเข้าออกล้วนมีเพียงชื่ออัครวินท์สม่ำเสมอ ร่างเล็กครั่นเนื้อครั่นตัวคล้ายจับไข้แต่ยังฝืนทนรอส่งเขาจนแผ่นหลังลับสายตา รพีกานต์กัดฟันก้าวขาพาตัวเองกลับเข้าห้องไปทำความสะอาดร่างกายเปลี่ยนชุดใหม่ ใบหน้าปริ่มสุขแนบลงกับหมอนสูดกลิ่นกายเขาที่เคยนอนคลอเคลียร่วมกัน ดวงตาหลับตาพริ้มรำลึกถึงลมหายใจร้อนผ่าว ถ้อยคำกระซิบหวาน และสัมผัส...หวามไหวเร่าร้อนที่แทบเผาให้ละลาย ทั้งหมดของอัครวินท์ทำให้คนป่วยยิ้มหวานเสียมากมาย รพีกานต์นึกถึงบทละครของวิลเลียม เชกสเปียร์ เรื่องเวนิสวาณิชบทหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์แปลเป็นกลอนบทละคร

Tell me where is fancy bred, Or in the heart, or in the head?

How begot, how nourished?

Reply, reply.

It is engender'd in the eyes, With gazing fed; and fancy dies

In the cradle where it lies. Let us all ring fancy's knell

I'll begin it,--Ding, dong, bell

พระราชนิพนธ์แปลความว่า

    ความเอยความรัก            เริ่มสมัครชั้นต้น ณ หนไหน
เริ่มเพาะเหมาะกลางหว่างหัวใจ     หรือเริ่มในสมองตรองจงดี
แรกจะเกิดเป็นไฉนใครรู้บ้าง        อย่าอำพรางตอบสำนวนให้ควรที่
ใครถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงรตี     ผู้ใดมีคำตอบขอบใจเอย

         ตอบเอยตอบถ้อย             เกิดเมื่อเห็นน้องน้อยอย่าสงสัย
ตาประสบตารักสมัครไซร้            เหมือนหนึ่งให้อาหารสำราญครัน
แต่ถ้าแม้สายใจไม่สมัคร             เหมือนฆ่ารักเสียแต่เกิดย่อมอาสัญ,
ได้แต่ชวนเพื่อนยามาพร้อมกัน      ร้องรำพันสงสารรักหนักหนาเอย


        รพีกานต์เข้าใจความหมายของคำว่ารักแล้ว แม้พิษไข้ก็ไม่มีพลานุภาพกัดกร่อนหัวใจคนกำลังอิ่มเอมได้ รพีกานต์รักอัครวินท์ รัก รัก รัก และจะรักเรื่อยไปอย่างนี้จวบจนแก่เฒ่าไปด้วยกัน จะมั่นคงยาวนานไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ดวงตากวางสีอ่อนพริ้มหลับอย่างเปี่ยมสุข ความรักเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจราวกับล่องลอยในทิพยพิมานไม่ปาน

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“กานต์ลูก พ่อเอาโจ๊กมาให้”

เสียงรพินทร์เคาะประตูหน้าห้อง รพีกานต์ตาปรือห่อตัวซุกในผ้าห่มอย่างรู้สึกหนาวครั่น ร่างเล็กลุกจากเตียงเดินโซซัดโซเซไปเปิดประตูให้พ่อ ศีรษะหนักอึ้งเหมือนเรือนหมุน รพินทร์ตกใจรีบพยุงตัวบางด้วยแขนข้างหนึ่งประคองอย่างทุลักทุเลกลับมาที่เตียง มือวางชามโจ๊กข้นคลั่กส่งกลิ่นหอมฉุยลงบนโต๊ะก่อนหันมาอังมือแตะหน้าผากมนเรื่อยลงต้นคอ

“น้องกานต์ตัวร้อนจังเลยลูก กินโจ๊กเองไหวไหม เดี๋ยวพ่อไปเอายากับกะละมังใส่ผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้”

รพีกานต์หูผึ่งเมื่อได้ยินว่าคำเช็ดตัว ร่องรอยที่อัครวินท์ทิ้งไว้แดงพร้อยไปทั้งตัว ขืนให้พ่อเห็นคงลมจับ ไม่รู้จะโกหกว่าอย่างไร

“กานต์เช็ดไปแล้วครับพ่อ รบกวนแค่พ่อเอายามาให้ก็พอ ขอบคุณครับ”

“โอเค งั้นเดี๋ยวพ่อไปเอายามาให้ กานต์กินโจ๊กรอนะลูก”

“ครับพ่อ”

รพินทร์เลื่อนเก้าอี้ไว้ใกล้ ๆ เพื่อวางชามโจ๊ก ใบหน้าห่วงใยมองลูกชายหยิบช้อนตักโจ๊กกินด้วยตัวเองได้จึงผละไปหาหยูกยามาให้ลูก รพีกานต์รู้สึกผิดที่ทำให้พ่อเป็นห่วง แต่ความรักและความลุ่มหลงที่มีต่ออัครวินท์ก็มากมายเสียเหลือเกิน มือตักกินโจ๊กแต่ปากยิ้มเผล่เมื่อเห็นเขาส่งข้อความมาให้ อยากพาเขาเที่ยวแต่สังขารไม่อำนวยเอาเสียเลย

แอ๊ด

“น้องกานต์กินยาแล้วก็นอนพักนะลูก เดี๋ยวพ่อมาอยู่เป็นเพื่อน”

รพินทร์มองบุตรชายกินโจ๊กจนพร่องชามไปบ้างแล้วจึงลุกขึ้นหยิบชามไปล้าง รพีกานต์กินยาแล้วพยักหน้าหงึกเชื่อฟังเพราะอยากหายเร็ว ๆ เนื่องจากใครบางคนส่งไลน์มาบอกว่าจะเช็กเอาท์กลับกรุงเทพพรุ่งนี้พร้อมกัน รพีกานต์อยากหาย หัวใจถูกชโลมด้วยน้ำทิพย์แม้ร่างกายจะป่วยไข้ เผื่อตอนเย็นเขาจะแอบพายเรือมาหาอีก คิดถึงตรงนี้แล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มือบิดชายผ้าอย่างขวยเขินอยู่คนเดียว

รพินทร์กลับเข้าห้องมาอีกครั้งพร้อมหนังสือเล่มหนาและแล็บท็อป มือเรียววางทุกอย่างไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือของลูกก่อนตรงมาจูบหน้าผากมน

“แปลก คนป่วยดูหน้าชื่นนะ อ้อ เดี๋ยวพี่ณัฐจะมาดูแลนี่เนอะ”

รพินทร์เย้ายิ้ม ๆ ขณะเลื่อนผ้าแพรคลุมชิดอกให้ ตอนใส่บาตรเจอณัฐธีร์เดินมารับบิณฑบาตกับหลวงตา รพินทร์ได้บอกกล่าวแก่อีกฝ่ายแล้วว่ารพีกานต์ไม่สบาย ณัฐธีร์กระวนกระวายไม่น้อย บอกช่วยงานหลวงตาเสร็จแล้วจะรีบรี่มาเยี่ยมหา

“น้องกานต์พักผ่อนมาก ๆ นะลูก จะได้หายไว ๆ”

มืออุ่นทาบข้างแก้มลูกชาย สายตารักใคร่ห่วงใยทอดส่งให้อย่างอ่อนโยน รพีกานต์รับรู้ด้วยความรู้สึกซาบซึ้งเต็มอกระคนรู้สึกผิด



ร่างหนาพายเรือมาจอดที่ท่าหลังโฮมเสตย์  ใบหน้ายกยิ้มกระหยิ่มผิวปากหวืออย่างอารมณ์ดี มือมองโทรศัพท์ที่เจ้าเพื่อนตัวดีส่งไลน์กระหน่ำเข้ามาด่ากราดอย่างอิจฉา ตอนที่เขาเฟซไทม์ให้เห็นว่ากำลังนอนอยู่กับใครแถมยังจงใจให้เห็นร่องรอยแดงพร้อยเป็นจ้ำบนแผ่นอกบาง ตอนนั้นรพีกานต์หมดแรงหลับอุตุไม่รู้เรื่อง มีแต่เขาที่ยักคิ้วประกาศชัยชนะให้เพื่อนพร้อมหอมแก้มขาวโชว์ให้เห็นจะ ๆ คาตาก่อนปิดเครื่องหนีอย่างสุขอุรา


ณัฐธีร์รี่มาหาตอนตะวันสายโด่งไปแล้วหลังช่วยงานที่วัดเสร็จ ใบหน้าพี่ชายร้อนรนอย่างห่วงใยเมื่อรู้ว่าน้องน้อยไม่สบาย แอบรู้สึกผิดเล็ก ๆ ที่เมื่อคืนเขาพาน้องร่อนทั่วงานจนลืมสังเกตท่าทีว่าน้องรู้สึกไม่ค่อยสบายหรือเปล่า ณัฐธีร์รู้สึกว่าตนเองใช้ไม่ได้ที่เผอเรอคิดถึงแต่ความสุขของตัวเองจนลืมห่วงใยน้องน้อย ทั้งที่รู้ดีว่าร่างกายน้องไม่ปกติเหมือนอย่างใครเขา ณัฐธีร์แบกความรู้สึกผิดไปเยี่ยมหาตอนรพีกานต์หลับไปแล้ว บนหน้าผากมนมีผ้าขนหนูผืนเล็กโปะลดไข้อยู่

“หลับไปซักพักใหญ่ ๆ แล้วละ”

คุณรพินทร์คลี่ยิ้มบางให้ก่อนเลี่ยงออกมาให้เขาได้อยู่กับน้อง ณัฐธีร์นั่งลงเก้าอี้ข้างเตียง มือหนากุมมือบางเขี่ยเบา ๆ ทอดมองคนหลับอย่างรักใคร่ระคนรู้สึกผิด

“พี่ขอโทษนะครับ”

ริมฝีปากหยักเรียวได้รูปจรดจูบมือขาวนวลก่อนจะเลื่อนขึ้นแตะริมฝีปากแผ่วเบาที่เปลือกตาอย่างทะนุถนอม ณัฐธีร์จ้องมองอย่างรอคอยให้น้องน้อยตื่นขึ้นมาเจอหน้า จะได้ป้อนข้าวป้อนยาเช็ดตัวให้  รพีกานต์เติบโตมาในครอบครัวที่คุณรพินทร์เลี้ยงดูดีเหลือเกิน หากเขาจะอาจเอื้อมเขาก็ต้องไม่ดึงน้องลงมาลำบาก ณัฐธีร์เริ่มมองหาหนทางมีรายได้ระหว่างเรียน โชคดีเหลือเกินที่โลกออนไลน์สมัยนี้ทำให้เส้นทางการเข้าถึงกันของสินค้าและผู้บริโภคสะดวกขึ้นมาก เขาเริ่มจับธุรกิจเปิดเพจขายของออนไลน์ อาศัยว่ามีเพื่อนและคนติดตามในเฟซบุ๊กมากพอสมควรเพราะณัฐธีร์ทำกิจกรรมพบปะกลุ่มคนหลากหลายคณะ วางแผนว่ากว่าจะเรียนจบกว่าจะหางานได้ อย่างน้อย ๆ เขาจะได้มีรายได้มาจุนเจือตัวเอง หากกิจการไปได้ดี แหวนวงสวยที่เคยเล็งเอาไว้จะได้เปลี่ยนมาติดนิ้วน้องน้อยแทนที่แหวนดอกหญ้าไร้ราคาวงเก่า แค่ได้คิดฝันเพียงเท่านี้ณัฐธีร์ก็มีความสุขล้นเอ่อจนหัวใจพองโต รอยยิ้มเคลือบบนใบหน้าอิ่มสุข รพีกานต์คือแสงสว่างแห่งความหวังที่ทำให้เขามานะพยายามไม่ย่อท้อ ณัฐธีร์จูบมือบางอย่างถนอมอีกหนขณะนั่งมองหน้าคนหลับอย่างไม่รู้เบื่อ


อัครวินท์อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อ ร่างสูงควงกุญแจรถเดินลิ่ว ๆ มาที่รถก่อนจะขับออกมาพลางคิดไปด้วยว่าเขาจะโทรนัดผู้หญิงคนไหนออกมาเที่ยวด้วย ทว่าความคิดแรกก็มีอันหยุดลงเมื่อเขาเห็นรถทะเบียนคุ้นตา อัครวินท์หักพวงมาลัยขับตามไปเรื่อย ๆ จนเห็นจุดหมายที่รถคันคุ้นตาจอด ชายหนุ่มชะลอรถแอบดูอยู่ไม่ไกล ร่างชายหนุ่มคนหนึ่งเปิดประตูก้าวลงจากรถก่อนจะเดินอ้อมมาอี๋อ๋อล่ำลากับคนขับรถ อัครวินท์กัดฟันกรอด มือหนาบีบพวงมาลัยรถแน่นกับภาพตรงหน้า ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดโทรออก

“ฮัลโล ฉันมีงานจะให้แกออกกำลังหน่อย”

อัครวินท์มองภาพตรงหน้าด้วยสายตาอ่านไม่ออก




Tru Tru Tru

“ฮัลโล”

“เจ้าวิน แกทำอะไรลงไป รู้ตัวบ้างหรือเปล่า”

อินทัชโพล่งเข้าประเด็นทันทีที่ลูกชายตัวดีรับสาย

“ทำอะไร”

อัครวินท์เสียงแข็งกลับไป ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มยียวนทั้งที่รู้อยู่เต็มอกถึงสาเหตุที่พ่อของเขาถึงกับเป็นพระอินทร์ร้อนอาสน์

“ทำอะไรไว้ย่อมรู้อยู่แก่ใจ แกส่งคนไปซ้อมเก้าทำไม แกไประรานเขา เขาทำอะไรให้”

“มีหลักฐานอะไรมากล่าวหากัน ไอ้ตัวของพ่อมันอาจจะไปขวางหูขวางตาใครจนเขาคันตีนอยากกระทืบมันก็ได้นี่”

“ ‘เขา’ คนที่ว่าคงมีแต่แกนี่แหละ”

อินทัชอ่อนอกอ่อนใจกับความหัวแข็งของลูกไม่น้อย

“ปกป้องมันดีจังเลยนะ”

อัครวินท์เสียงเยาะจ้องมองตัวเองในกระจก

“วิน พ่อขอละ แค่ปู่ของแกบังคับควบคุมชีวิตพ่อเมื่อก่อนมันก็เกินพอแล้ว อย่าต้องให้ลูกของพ่อมาคอยควบคุมชีวิตพ่ออีกคนเลย”

“ผมเป็นลูกของคุณด้วยหรือ ผมเข้าใจว่าผมเป็นลูกของคนขับรถเหมือนอย่างรินเสียอีก”

อัครวินท์ทำเสียงขึ้นจมูกแค่นยิ้มหยันมองใบหน้าบิดเบี้ยวของตัวเองในกระจก

“วิน...”

อินทัชหน้าเผือดสีครางชื่อลูกชายอย่างไม่เชื่อหู ที่ผ่านมาเขาเอ็นดูไอยวริญท์เหมือนลูกแท้ ๆ ไม่น่าจะมีพิรุธให้ใครล่วงรู้ แล้วอัครวินท์รู้ได้อย่างไร

“ไม่คิดว่าผมจะรู้สินะ”

อัครวินท์แค่นยิ้มหยันอย่างสมเพชตัวเอง พ่อไปทางแม่ไปทาง ปู่ย่าเลี้ยงบำรุงบำเรอด้วยเงินทองก่ายกอง แต่หัวใจกลับมีแต่ความร้อนรุ่มไม่รู้สุข เพราะรู้ทุกอย่างหัวใจจึงเกลียดชังความรัก อินทัชยืนเงียบรอฟังเสียงลูกชายที่สิ้นศรัทธาในตัวเขา ต่อให้ตัวมายืนอยู่ตรงหน้าแต่ก็ไม่อาจคว้ามากอดเหมือนมีอะไรคอยกั้นไว้ตรงกลาง มองเห็นแต่จับต้องไม่ได้ ‘ไม่ต่างจากพระจันทร์บนผืนน้ำ’ อัครวินท์แสดงความเดียดฉันท์ขยะแขยงในสิ่งที่เขาเป็นจนถอยหนีห่าง และระรานทุกคนที่ข้องเกี่ยวกับเขา ความปวดร้าวนี้เหมือนหนามทิ่มแทงอย่างจนหนทางออก

“ต่อให้แกไม่นับถือว่าพ่อเป็นพ่อของแก แต่พ่อก็ขอบอกแกเอาไว้ตรงนี้ว่า แกเป็นลูกของพ่อ”

อินทัชย้ำเสียงหนักแน่นผ่านโทรศัพท์ อัครวินท์จ้องมองใบหน้าประพิมพ์ประพายเดียวกันชนิดดีเอนเอฟ้องอยู่บนใบหน้าโดยไม่ต้องตรวจหาในกระจก เพราะได้ชื่อว่าเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน ทั้งรักทั้งเกลียดชังสุมแน่นอยู่ในอก ทรมานทุรนทุรายเหมือนหัวใจถูกราดรดด้วยน้ำกรด

 :katai5: :katai5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
จะบอกว่าสงสารณัฐที่สุดแล้วในเรื่องนี้ กานนี่ไม่สงสารเท่าไร
เพราะทำตัวเองล้วนๆ ใจง่ายไป

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
ณัฐดีจนน้ำตาจะไหล ทำไมน้า กานถึงต้องรักคนเลวด้วย โธ่ ชีวติ สงสารรพินทร์ด้วย อินทัชน่าจะเลือกหัวใจ มากกว่าความต้องการของครอบครัวทำให้คนมากมายต้องมาเจ็บปวดเพราะเขา

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
สิ่งแววดล้อมการเลี้ยงดูจากครอบครัวของกานต์กับวินแตกต่างกันมากๆ เพราะความรักทำให้น้องกานต์กล้าโกหกได้
 รอ รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Baitaew

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 361
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
สนุกมากๆ ค่า อยากอ่านตอนต่อไปแล้วววว  :ling1: :z3: :hao7:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ไม่อยากอ่านพาร์ทณัฐ สงสารมาก  :ling1:

ออฟไลน์ YADA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จะยังไงต่อละทีนี้

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
สงสารณัฐสุดๆ  คนดีต้องเป็นพระรองเสมอ  :เฮ้อ:

ส่วนวิน ขยะแขยงสุดๆ โง่เง่า เอาแต่ใจ สารเลว เป็นตัวร้ายที่สมกับเป็นตัวร้าย หาอะไรดีไม่ได้เลย

แอบสงสัยเมื่อไหร่พระเอกจะโผล่ ค่าตัวแพงเหลือเกิน

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
อ่านแล้วสงสารณัฐอ่ะ
ถ้ารู้ความจริงว่าคนที่ตัวเองถนอมเป็นของคนอื่นไปแล้วคงใจสลาย

ออฟไลน์ smmikie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
ชอบคนดี รักคนเลวซินะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3
ณัฐ~~!!! น้ำตาจิไหล

ออฟไลน์ iaum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ณัฐน่าสงสารมาก  :hao5: :o12: วินนี่ไม่ไหวนะ :angry2: :fire:

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ดีใจ ลงที่นี่ด้วย ขอหลายๆ ตอนต่อจาก 11 นะ มีพลังในการอ่านต่อเนื่องดี เพราะทำใจไม่ได้จริงๆ กับความโหดร้ายที่กานต์ได้รับ มันเจ็บ มากที่สุด

ออฟไลน์ bebe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 672
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-5
สนุกมากค่าา

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
เสน่หา...รักเอย
ตอนที่๑๒ กระต่ายหลงจันทร์

ยามรัก...น้ำต้มผักแสนขมยังชมหวาน
ยามชัง...แม้นน้ำตาลแสนหวานยังพาลขม
เสน่หา...สดับถ้อยมธุรสพจน์ภิรมย์
ลุ่มหลง...สมปฏิพัทธ์รติดัสกร
(รติดัสกร น. ผู้ยั่วยวนให้รัก, เจ้าชู้, เจ้าเสน่ห์)



“กานต์ตื่นแล้วหรือลูก”

รพินทร์เยี่ยมหน้าเข้ามาในห้องเพื่อดูอาการบุตรชายหัวแก้วหัวแหวน มือขาวแตะหน้าผากไล่ลงลำคอ จับตามเนื้อตัวเช็กอุณหภูมิร่างกาย ดวงตาอ่อนโยนฉายแววห่วงใยเต็มเปี่ยมจนคนเป็นลูกรู้สึกผิดในอก สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันรวดเร็วเหมือนไฟลามโหม อัครวินท์เหมือนเปลวไฟร้อนจัดที่ได้เจอกับน้ำมัน รพีกานต์ไม่อาจทานทนต่อความลุ่มหลงที่มีในตัวเขา จากแค่เป็นห่วง กลัวเขาจะถูกยุงกัดจนป่วยไข้จึงพามาที่ห้อง แต่น้ำตาลใกล้มดมีหรือจะอดไหวจนปล่อยลามเตลิด กระนั้นก็ไม่นึกเสียใจ

“ไข้ลดแล้ว น้องกานต์จะเช็ดตัวไหมลูก หรือว่าจะอาบน้ำก่อนกินข้าวดี แต่อาบนานไม่ได้นะ เดี๋ยวไข้จะกลับ”

รพินทร์กำชับสำทับขณะมองใบหน้าเซียวเพิ่งสร่างไข้

“อาบดีกว่าครับ สบายตัวกว่า พ่อกับพี่ณัฐลงไปรอกานต์ข้างล่างก่อนนะครับ กานต์อาบไม่นาน”

รพีกานต์บอกบุพการีและพี่ชาย ยิ่งเห็นหน้าณัฐธีร์แล้วความรู้สึกผิดยิ่งทบคำรบสอง น้ำท่วมปากจนต้องหลบสายตาพี่ชายอย่างละอาย ผู้เป็นที่รักทั้งสองผละไปแต่โดยง่าย รพีกานต์พยุงกายลุกจากเตียงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ มือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอัตโนมัติอย่างเคยชิน

“คิดถึง ไปหาได้ไหม”


ข้อความสั้น ๆ แค่นี้ รพีกานต์ก็อมยิ้มแก้มตุ่ย นิ้วเรียวพิมพ์ข้อความส่งกลับไปให้อีกฝ่าย

“ตอนเย็น ๆ นะครับ เดี๋ยวกานต์ไปรอที่ท่าน้ำ”

“อยู่กับพี่ณัฐละซี ถึงให้พี่คอยตอนเย็น พี่สำคัญกับกานต์น้อยกว่าหรือครับ”


ข้อความตัดพ้อกระเง้ากระงอดส่งมาให้ รพีกานต์อ่านแล้วอดสะท้อนแปลบในใจในความใจร้ายของตัวเองไม่ได้

“อย่างอนนะครับคนดี ทั้งพี่วินและพี่ณัฐต่างสำคัญกับกานต์ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลยในคนละฐานะ กานต์จะบอกเรื่องของเรากับพี่ณัฐนะครับ”

รพีกานต์ปลอบคนใจน้อยแบบบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น

“ไม่หายโกรธหรอก คืนนี้น้องกานต์ต้องไถ่โทษให้พี่”

อัครวินท์ตอบข้อความกลับมา เมื่อเข้าใจในความหมายถ่องแท้ แก้มขาวถึงกับร้อนฉ่า

“แน้! คนทะลึ่ง!”
รพีกานต์หัวเราะคิก อมยิ้มกับความกะล่อนทะเล้นของอีกฝ่าย รอยยิ้มร้ายเจ้าเล่ห์เหมือนเด็กชายตัวร้ายที่ล่อลวงกันไม่หยุดหย่อน แค่นี้ก็หลงจะแย่

“ทะลึ่งที่ไหน เรื่องธรรมชาติของคนเป็นผัวเมียกันต่างหาก หรือกานต์จะเถียงว่าไม่ใช่ คืนนี้พี่จะได้ทบทวนความจำยาว ๆ”

อัครวินท์ยังคงรุกไล่ไม่หยุดประสาคนเจ้าชู้เจนจัด อดีตเดือนบริหารคนหล่อส่งรูปการ์ตูนสติกเกอร์กวน ๆ มาให้รพีกานต์ได้อมยิ้มขัน ก่อนรพีกานต์เองจะกดตัวการ์ตูนกวน ๆ ส่งท้าทายกลับคืนไปให้บ้าง อดคิดไม่ได้ว่าตอนนี้อัครวินท์จะทำหน้ายังไงอยู่หนอ


“ไม่รู้แหละ คืนนี้พี่จะให้กานต์ง้อพี่จนกว่าพี่จะหายโกรธ”


อัครวินท์ยังทู่ซี้ดื้อแพ่งอย่างเด็กชายตัวร้าย ไม่อยากคิดว่าถ้าอยู่ใกล้มือปลาหมึกจะป่วนซักแค่ไหน ว่าแล้วก็คิดถึงอีกแล้ว

“พี่วิน กานต์ขอไปทานข้าวกับพ่อก่อนนะครับ”


รพีกานต์จำใจตัดบทเมื่อเห็นเลยเวลามามาก ไม่ดีนักหากให้ผู้ใหญ่รอนาน


“โป้งแล้วด้วย ให้พี่กินข้าวคนเดียว มาให้หมาป่าจับกินเสียดี ๆ กระต่ายน้อย แฮ่!”

รพีกานต์ปล่อยก๊ากอย่างระงับอาการขำเอาไว้ไม่อยู่กับการ์ตูนสติกเกอร์หน้าประหลาดที่เขาส่งมาให้ สายตาปรายมองเตียง ใจเริ่มเอนเอียงอยากนอนกลิ้งบนเตียงส่งข้อความคุยกับพี่วินมากกว่ากินข้าว แต่นาน ๆ จะได้กลับบ้านมาหาพ่อ รพีกานต์จำต้องตัดใจส่งข้อความจบการสนทนาจริง ๆ เสียที ก่อนจะหลงพี่วินจนไม่เป็นอันได้กินข้าว

“กานจะไปกินข้าวแล้ว อยากกินกานต์ คืนนี้ก็มาจับให้ได้ซี แบร่!”

ปิดท้ายด้วยการ์ตูนสติกเกอร์แสบ ๆ ให้อีกคนปั่นป่วนเล่น กระต่ายน้อยอาจหาญท้าทายหมาป่าด้วยความคะนอง ความลุ่มหลงในน้ำคำป้อของอีกฝ่ายพาใจเพริดถลำอย่างยากจะควบคุม

...ยามแรกรักสมัครถ้อยร้อยคำหวาน  เหลือประมาณจะเอ่ยถ้อยร้อยคำไข
ไม้คือนกนกนั่นไม้ชี้ตามใจ   ดวงหทัยห่อนห้ามตามแต่จูง...
-มญชุ์สิตางศุ์-

รพีกานต์หย่อนโทรศัพท์ลงกระเป๋า ผลักประตูออกจากห้อง ไม่วายชะเง้อชะแง้สายตามองไปที่ท่าน้ำ นึกภาพเมื่อคืนที่อัครวินท์พายเรือมาหา สายตาแพรวพราวเกี้ยวพาหลอกล่อจนขึ้นมาถึงห้อง รพีกานต์หยุดความคิดไว้แค่นั้นอย่างเขินอาย ก่อนจะลงไปหาบิดาและพี่ชาย

รพีกานต์ทานมื้อกลางวันกับพ่อและพี่อิ่มเอมแล้วจึงย้ายไปพักผ่อนตรงท่าน้ำหลังบ้าน มีพี่ณัฐคนดีคอยเป่าขลุ่ยกล่อมเสียงหวานก้องท้องน้ำ สายตาพี่ชายหวานหยาดเยิ้มยามทอดมองน้องน้อยสุดเสน่หา หากหัวใจรพีกานต์กลับกระหวัดถึงอีกคนแทนเสียอย่างนั้นจนรู้สึกผิดต่อหัวใจซื่อตรงของพี่ชาย สายลมเย็นพัดแผ่วระต้องผิวเนื้ออ่อนเกลี่ยผืนน้ำเป็นระลอก รพีกานต์มองใบไม้ปลิวร่วงลงผืนน้ำก่อนตัดสินใจมองหน้าพี่ชายด้วยความรู้สึกหนักอึ้งสุมอก แต่อย่างไรก็ต้องบอกให้รับรู้

“พี่ณัฐ คือ...กานต์ กานต์มีเรื่องจะบอก”

“เรื่องอะไรหรือครับ”

ณัฐธีร์มองน้องตาเชื่อม รพีกานต์อึกอักพิพักพิพ่วน การเป็นความหวังทั้งหมดของชีวิตใครสักคนแล้วต้องเป็นคนทำลายความหวังนั้นลงด้วยน้ำมือตัวเอง มันช่างหดหู่และปวดร้าวในความรู้สึกเหลือเกิน

“คือ...”

รพีกานต์อ้าปากกำลังจะบอก

Tru Tru Tru

“เดี๋ยวพี่ขอรับโทรศัพท์ก่อนนะครับ เรื่องที่จะบอกด่วนไหม”

ณัฐธีร์ถามน้องน้อย รพีกานต์ส่ายหน้าเบา ๆ ทำนองให้พี่ชายคุยโทรศัพท์ก่อนเลย ดวงตากวางทอดมองท่าน้ำก่อนไล่มองย้อนขึ้นไปยังต้นทางที่อัครวินท์พายเรือมาหาด้วยสายตาละห้อยโหยหา สายตา น้ำเสียง กลิ่นกายเจือน้ำหอมราคาแพงของอัครวินท์ ทุกอย่างที่หลอมรวมเป็นเอกบุรุษคนนั้นล้วนทำให้รพีกานต์ลุ่มหลงไปหมดทั้งใจ ไม่ต่างจากกระต่ายตัวน้อยเฝ้าคอยมองพระจันทร์แจ่มจรัสอยู่ทุกวี่วันอย่างไม่คาดฝันว่าจันทร์นั้นชายตาแล ดวงตากวางเหม่อลอย หัวใจล่องลอยทวนกระแสสินธุ์ขึ้นไปหาผู้กุมหัวใจ

...พี่วิน กานต์คิดถึงพี่วิน...

“กานต์ กานต์ครับ”

ณัฐธีร์แตะแขนเล็กสะกิด คนเหม่อสะดุ้งโหยงหันมาหาหน้าตื่น

“เหม่อเชียวกระต่ายน้อย”

ณัฐธีร์บีบจมูกเล็กอย่างมันเขี้ยว

“พี่เดชเพิ่งกลับมาจากอเมริกา แวะมากราบหลวงตาที่วัด พี่อยากไปคุยกับพี่เดชหน่อย กานต์...ไปกับพี่ไหม”

ณัฐธีร์เลียบเคียงถามน้ำเสียงตื่นเต้น ด้วยไม่อยากให้น้องน้อยน้อยใจว่าเขาละเลย แต่อัศม์เดชเป็นรุ่นพี่ลูกศิษย์ก้นกุฏิหลวงตาเหมือนกัน สมัยนั้นณัฐธีร์เห็นพี่ชกมวยหาทุนเรียน แถมอุตส่าห์พากเพียรจนได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาโทถึงอเมริกาจนสำเร็จการศึกษากลับมา ณัฐธีร์นับถืออีกฝ่ายเปรียบดั่งพี่ชายแท้ ๆ พี่คว้าความสำเร็จกลับมา ณัฐธีร์จึงดีใจจนอยากไปเจอหน้าร่วมแสดงความยินดีด้วย แถมยังพารพีกานต์ไปให้พี่ได้เจอในฐานะคนรัก

“เอ่อ...กานต์”

รพีกานต์อึกอัก ใจอยากไปเยี่ยมหา เพราะไม่ได้เจอหน้ากันมาก็หลายปีนับแต่อัศม์เดชเข้ามหาวิทยาลัย แต่หากไป ที่นัดกับพี่วินไว้คงเป็นหมัน เพราะคงอยู่ล่วงไปยันเย็นจนกินข้าวเย็นด้วยกันต่อ พี่วินที่น้อยใจน้องกานต์อยู่แล้ว คงยิ่งน้อยใจหนัก ท่าทีลำบากใจของน้องน้อย ณัฐธีร์ที่มองอยู่ตีความไปว่าน้องคงยังไม่หาย คงอยากนอนพักอยู่บ้านเสียมากกว่าแต่ติดเกรงใจคนชวน

“กานต์ไปไหวไหม ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายก็อย่าฝืนนะ วันหน้ายังมีโอกาสเจอ แต่กานต์ไม่โกรธนะที่พี่ไม่ได้อยู่ดูแล”

ณัฐธีร์กุมกระชับมือขาว สายตาจ้องดวงหน้านวลอย่างรู้สึกผิด

“กานต์ไม่คิดอย่างนั้นหรอก ฝากสวัสดีพี่เดชด้วยนะครับ แล้วก็บอกพี่เดชว่า กานต์ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ไปเยี่ยมหา”

เป็นรพีกานต์เสียมากกว่าที่รู้สึกผิด กระนั้นแล้วรพีกานต์ก็ไม่อยากผิดคำพูดที่รับปากอัครวินท์เอาไว้ ร่างเล็กยิ้มบางให้ พี่ชายจึงลูบศีรษะทุยอย่างเอ็นดู

“พี่เดชรู้เรื่องของเราด้วยนะ มีแซ็วด้วยว่าหมาวัดโน้มดอกฟ้าคนใกล้ตัวมาเป็นน้องสะใภ้”

ณัฐธีร์ยิ้มละไม รพีกานต์นิ่งไปเมื่อได้ยิน ณัฐธีร์เชยคางมนจ้องเข้าไปในดวงตาคู่สวยอย่างลึกซึ้ง

“ดอกฟ้าที่พี่สุดบูชาดอกนี้ พี่จะดูแลถนอมน้ำใจเอาไว้บนหิ้ง ให้ตัวพี่มีแรงใจปีนป่ายขึ้นไปหา พี่จะดูแลกานต์ให้ดีที่สุดนะครับ น้องน้อย”

ณัฐธีร์จูบหน้าผากมน เรื่อยลงเปลือกตาก่อนจะประทับรอยจารจำสุดท้ายที่ริมฝีปาก หากรพีกานต์เบี่ยงตัวหนีก้มหน้างุด ไม่ยอมสบตา ไม่อยากให้พี่ณัฐทับรอยพี่วิน ณัฐธีร์ไม่ว่ากระไรเพราะคิดว่าน้องคงเขิน ตัวเขาจะรอคอยอดทนรออดเปรี้ยวไว้กินหวาน ยามนั้นน้องน้อยคงหอมหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้าเป็นไหน ๆ

“งั้นพี่ไปหาพี่เดชก่อนนะครับ กานต์พักผ่อนมาก ๆ นะครับคนดี พรุ่งนี้ต้องกลับมหาวิทยาลัยแล้ว”

“ครับผม พี่ณัฐขับรถดี ๆ นะครับ”

รพีกานต์ยิ้มส่ง จวบจนพี่ชายลับตาไปแล้วจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นพี่วินอัพไอจีเป็นรูปภาพท่าน้ำ มีกอบัวหลวงริมตลิ่งที่รพีกานต์รู้ดีว่าเป็นที่ไหน พร้อมแคปชัน

#พี่มารอน้องอยู่ท่าน้ำ

ยอดไลก์กระหน่ำตามด้วยคำถามล้านแปด ว่าเมื่อคืนพี่วินคนหล่อไปลอยกระทงกับใครที่ไหน รพีกานต์อมยิ้มขำกับคำตอบของคนกะล่อนที่มีแต่ตัวการ์ตูนแลบลิ้นให้เดากันเล่น มือเล็กกดทักไลน์คนงอแง

“พี่วินโพสต์ภาพท่าน้ำหลังบ้านกานต์ทำไมครับ”

“คิดถึงเมียหมาด ๆ เมียใจร้ายไม่ให้พี่ไปกอดไปหอม เห็นท่าน้ำก็ยังดี ถ้าพี่คิดถึงจนขาดใจตาย ศพคงลอยไปหาคนใจร้ายที่ท่าน้ำ”

“กานต์ก็นั่งอยู่ศาลาท่าน้ำ ชะเง้อแล้วชะเง้ออีก ไม่เห็นมีใครลอยมา” รพีกานต์แหย่อีกฝ่ายกลับ

“จริงหรือ แล้วพี่ณัฐของกานต์ล่ะครับ ไม่อยากให้พี่ไปเจอนี่นา” อัครวินท์ตัดพ้อเล็ก ๆ

“ไปหาพี่แล้วครับ” รพีกานต์ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

“งั้นเดี๋ยวพี่จะรีบไปฉุด” อัครวินท์ดี๊ด๊า

“งั้นหนีขึ้นบ้านดีกว่า”

“หนีก็จะปีนหน้าต่างไปหา เอาซี เดี๋ยวเตรียมกระสอบกับเชือกไปด้วย” อัครวินท์ไม่ลดราโดยง่าย เถียงกับกระต่ายน้อย เถียงทั้งวันก็ยังไหว

“รอพี่นะ เดี๋ยวไปหา”

ข้อความสุดท้ายรอไม่นานก็ได้เห็นหัวเรือโผล่มาไม่ไกล คนพายหล่อเหลาส่งยิ้มแต้ให้ อัครวินท์ผูกเรือไว้ที่ท่า ก่อนจะรีบเข้ามาฉกหอมแก้มฟอดแล้วทิ้งศีรษะปุหนุนตักคนรอ ก่อนหันหน้าถูไถหน้าท้องราบเล่นไม่ต่างจากลูกหมาตัวน้อยออดอ้อนเจ้าของ รพีกานต์หัวเราะคิก ลูบศีรษะคนช่างอ้อนอย่างเอ็นดูลูกหมาตัวใหญ่

“กานต์เป่าขลุ่ยเป็นด้วยหรือ” อัครวินท์หันไปเห็นขลุ่ยไม้ไผ่วางอยู่ใกล้ ๆ

“พอได้ครับ แต่ไม่เก่งหรอก พี่วินอยากฟังไหม”

รพีกานต์ถามคนช่างจ้อ ยามอยากรู้อยากเห็นช่างน่าเอ็นดู อัครวินท์พยักหน้าแรง ๆ มองจ้องตาแป๋ว รพีกานต์อมยิ้มมือหยิบเลาขลุ่ยขึ้นเป่า บทเพลงหวานคละเคล้าสายลมเย็นโชยเอื่อยระต้องผิวกาย สายน้ำไหลเอื่อยเฉื่อยพาอัครวินท์หลุดออกจากความวุ่นวายของโลกภายนอก ดำดิ่งสู่ความสุขสงบอย่างประหลาด ดวงตาอ่อนโยนทอดมองสบตากับคนบนตักด้วยหัวใจรักพิศุทธิ์เต็มเปี่ยม เป็นเพราะบทเพลงหวานกับบรรยากาศพาไปใช่ไหมหนอ หัวใจกร้าวแข็งอย่างมาดร้ายจึงพลันอ่อนยวบก่อนเปลี่ยนเป็นเต้นแรงยามสบตากัน อัครวินท์กระพริบตาปริบอย่างรู้สึกประหลาดใจกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น มือสวยอย่างคนไม่เคยจับงานหนักยื่นขึ้นแตะแก้มเนียน ก่อนหยัดกายลุกขึ้นจ้องตา รพีกานต์หยุดเป่าขลุ่ย มองตาตอบ หัวใจเต้นแรง ยามอีกฝ่ายเคลื่อนใบหน้าเข้าหา ด้วยรสหวานซาบซ่านเมื่อคืนยังติดปลายลิ้นไม่คลาย

“เอ่อ...”

เสียงหนึ่งขัดขึ้น สองร่างสะดุ้งโหยงผละออกจากกัน รพีกานต์ลนลานปั้นหน้าไม่ถูกเงยหน้ามองบิดา รพินทร์มองบุตรชายก่อนเบนสายตามาที่อีกหนึ่งชาย

เหมือนมีบางอย่างแล่นปราดกระแทกเข้าที่หัวใจอย่างจัง เลือดในกายรพินทร์เย็นเฉียบกะทันหัน ทั้งร่างนิ่งค้างเหมือนถูกสาป สายตาจ้องมองอัครวินท์อย่างตกตะลึง มือไม้อ่อนแรงจนของในมือร่วงหล่นลงพื้นไม่รู้ตัว

“อินทัช...”

ริมฝีปากครางแผ่วหลุดชื่อใครคนหนึ่งออกมา สายตายังจับจ้องอัครวินท์ไม่วางตา ใครคนหนึ่งที่ยังซุกซ่อนอยู่ส่วนลึกสุดของใจสะกิดความทรงจำเก่าก่อน ทั้งที่คิดว่าเผลอลืมไปแล้วด้วยซ้ำ

“พ่อครับ”

รพีกานต์ผุดลุกมาเก็บของที่ร่วงหลุดมือให้ผู้เป็นพ่อ รพินทร์ได้สติกระพริบตาปริบ สูดลมหายใจลึกปรับอาการตื่นตกใจให้เป็นปกติ หันถามบุตรชาย

“แล้วนี่น้องกานต์อยู่กับใครหรือครับ พ่อได้ยินเสียงขลุ่ยเลยว่า...เอ่อ ว่าจะมานั่งด้วย ได้ปูสด ๆ กับปลาทูมาพอดี”

รพินทร์พยายามอย่างยิ่งยวดในการประคองน้ำเสียงที่เปล่งออกมาไม่ให้ผิดสังเกต หลากหลายความรู้สึกประเดประดังเข้ามายามมองใบหน้าของชายหนุ่มรูปงามที่โขลกแบบมาจากอินทัชไม่ผิดเพี้ยน เหมือนจนน่าตกใจราวกับอินทัชข้ามห้วงมิติเวลามานั่งอยู่ตรงหน้าไม่ปาน

“เอ่อ...นี่พี่วินครับ รุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย พอดีพี่วินมาเที่ยวแถวนี้เลยแวะมาหา พี่วินเช่าห้องอยู่โฮมสเตย์เหนือน้ำบ้านเราขึ้นไปน่ะครับ”

รพีกานต์ตอบตะกุกตะกักไม่เต็มเสียงนัก ด้วยสายตาคมคายคอยจ้องมองอย่างล้อเลียนอยู่ตลอด อัครวินท์เบนสายตาจากรพีกานต์หันมายกมือประนมไหว้รพินทร์อย่างนอบน้อม รพินทร์มองใบหน้าหล่อเหลา เพียงแค่เหลือบตาขึ้นมาสบตาก็ยังดูเหมือนอินทัช

“สวัสดีครับ”

อัครวินท์เอ่ยเสียงนุ่ม ยิ้มมุมปากอย่างฝากเนื้อฝากตัว รพินทร์ยกมือขึ้นรับไหว้ เหมือนมีก้อนแข็งแล่นจุกคอ แค่นน้ำเสียงตอบรับยากเย็น...แม้แต่น้ำเสียงก็ยังคล้ายอินทัช

“ไหว้พระเถอะ ตอนเย็นอยู่กินข้าวด้วยกันนะครับ พ่อได้ปูสด ๆ กับปลาทูมาพอดี เย็นนี้น้องกานต์อยากกินอะไรดีครับ”

รพินทร์พูดกับอัครวินท์ก่อนหันเหไปถามบุตรชาย

“กานต์อยากกินต้มกะทิสายบัวปลาทู แกงส้มดอกโสนปู แล้วก็น้ำพริกจะเด็ดเจ็ดดอกฟ้าครับ” รพีกานต์ว่าเสียงแจ๋ว

“แล้ววินล่ะ อยากกินอะไร กินเผ็ดได้ไหม แพ้อาหารอะไรหรือเปล่า พ่อจะได้เลี่ยง”

รพินทร์ใจคอไม่สู้ดีนักยามสบตากับเพื่อนรุ่นพี่ของลูก แต่เพื่อความปลอดภัยจำต้องถามไถ่กันก่อนเพราะการแพ้อาหารอาจถึงแก่ชีวิตได้

“ไม่แพ้อะไรครับ แต่กินเผ็ดมากไม่ค่อยได้ เมนูที่น้องกานต์บอกมาน่ากินแล้วครับ”

อัครวินท์ตอบ รู้สึกดีในความเอาใจใส่ของคนบ้านนี้

“เดี๋ยวกานต์จะพายเรือไปเก็บสายบัวกับดอกโสนนะครับ” รพีกานต์ขันอาสาหน้าชื่น

“กานต์เพิ่งสร่างไข้นะลูก พายเรือไปเก็บสายบัว เกิดหน้ามืดหัวคะมำตกน้ำตกท่าขึ้นมาจะแย่ สายบัวกับดอกโสนหาซื้อที่ตลาดเอาก็ได้”

“คือ...กานต์อยากพาพี่วินไปเที่ยวด้วยน่ะครับ”

รพีกานต์หลบสายตาว่าเสียงอ่อย แค่นี้รพินทร์ก็ดูออกซึ่งความสัมพันธ์แล้ว แล้วณัฐธีร์เล่า รพีกานต์จะมีคำอธิบายเช่นไรกันหนอ คนหนึ่งหล่อคมขำคอยเอาใจเช้าถึงเย็นถึง อีกหนึ่งตรงหน้างามสง่าราศีจับอย่างผู้ลากมากดี ผิวพรรณเนื้อนวลขาวผ่องดุจเคลือบมุก หล่อเสลาต้องตาต้องใจ ทว่าสายตาแพรวพราวเหลือเกิน

“เดี๋ยวผมพายเรือพาน้องกานต์ไปก็ได้ครับ จะได้ชมเรือนไทยริมน้ำแถวนี้ด้วย” อัครวินท์ขันอาสา รพินทร์หมดคำจะแย้งต่อ

 “งั้นเดี๋ยวพ่อจะนึ่งปลาทูแกะเนื้อไว้ให้ แล้วก็จะย่างกะปิกับสับปูไว้รอ วันนี้น้องกานต์จะลงมือทำให้พี่เขาชิมเองไหม”

“ครับพ่อ”

รพีกานต์พยักหน้าหงึกหลบสายตาผู้เป็นพ่อวูบ จากนี้คงได้ซักกันยาว

“งั้นเดี๋ยวพ่อขึ้นบ้านก่อน กานต์จะไปก็อย่าลืมสวมหมวก เพิ่งสร้างไข้ไปตากแดดเดี๋ยวไข้กลับ”

รพินทร์กำชับก่อนหันหลังกลับเดินขึ้นบ้าน แอบระบายลมหายใจอ่อนที่พ้นความอึดอัดมาได้ พี่วินของกานต์ละม้ายอินทัชเหลือเกิน ประพิมพ์ประพายคล้ายว่าโขลกแบบกันมา หรือว่า...

“ไม่หรอก คงไม่ใช่ลูกของอินทัช โลกคงไม่กลมขนาดนั้นหรอก”

รพินทร์ส่ายหน้าระบายลมหายใจพรู เหลียวมองบุตรชายก่อนขึ้นบ้านอีกหน ชะรอยรักสามเส้าตั้งเค้าเกิดขึ้นเสียแล้ว



ร่างสมสัดส่วนของรพินทร์เปิดประตูเข้าห้อง ก่อนตรงเข้าไปเปิดลิ้นชักหยิบกล่องเหล็กถอยออกมานั่งบนเตียงเปิดฝากล่องออก รูปถ่ายในวันวานของตนกับอดีตคนรักฝังตัวอยู่ในวันวานเหนียวแน่น แม้ชีวิตประจำวันจะวุ่นวายจนเผอเรอหลงลืมไป แต่พอวันนี้ที่ได้เจออัครวินท์ ความทรงจำตกผลึกคล้ายจะหวนกลับมาอีกหน

โอ้ว่ารักเอย...
แรกรักมักหอมอวลยวนกลิ่นกุสุมา     สุดถวิลพร่ำร่ำหาค่ำสาย
ภุมรีเชยชิดชมสมปองหน่าย                   ดรุณไห้รำพัน รักนั้นคือลวง
-มญชุ์สิตางศ์-

 :mew1: ลองหัดแต่งกลอน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-05-2016 14:38:23 โดย Moony_Darling »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3
แม่นาง กว่าจะมาไอเราก็ลงแดงตาย
หาคู่ให้พี่ณัฐด้วยนะ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
อย่าทำให้ลืมเลยได้โปรด

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
หายไปนานน่ะเนี่ยแต่กลับมาเราก็ดีใจ :mew2:

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด