เสน่หา...รักเอย {จบแล้วจ้า}{Mpreg}{P.๑๔}{๑๕/๐๕/๖๑}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เสน่หา...รักเอย {จบแล้วจ้า}{Mpreg}{P.๑๔}{๑๕/๐๕/๖๑}  (อ่าน 154258 ครั้ง)

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
เสน่หา...รักเอย ตอนที่๑๓

กลิ่นแก้มนวลชวนชื่นพี่รื่นหลง    บุษบงอวลกลิ่นรวินท์หวาน
พี่ฝังจูบสูดกลิ่นแก้มรพีกานต์     ชื่นดวงมานกานต์แก้วแพร้วพิไล
[/color]
-มญชุ์สิตางศุ์-


 “ว่าจะถามหลายรอบแล้วก็เผลอลืม ไม่ยักรู้มาก่อนว่าพี่วินจะพายเรือเป็นด้วย”

รพีกานต์เอ่ยเย้ายิ้ม ๆ ขณะใช้มือวักน้ำเล่น มุมปากฉีกยิ้มกว้างอวดแนวฟันขาวสะอาดเรียงเป็นระเบียบ ยิ้มทั้งดวงหน้าและดวงตาทอประกายสดใส

“พี่เคยพายเรือแคนู เรือคายัคน่ะ เรือพายธรรมดาก็ไม่ยากเท่าไหร่”

อัครวินท์บอกขณะจ้วงไม้พายจ้ำลงน้ำพาเรือลำน้อยเลียบล่องไปตามคลองผ่านเรือนริมน้ำ บรรยากาศอวลไปด้วยกลิ่นอายความสุขสงบ สายตาคมกริบจ้องมองดวงหน้าผ่องผัดเพียงแป้งเด็กไม่วางตา

“กานต์หน้าคล้ายแม่หรือ”

อัครวินท์เอ่ยปากถามอย่างไม่คิดอะไร แต่ใบหน้าคนฟังสลดลงวูบหนึ่ง ก่อนเปิดปากบอกตามตรง

“อันนี้กานต์ก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ ตั้งแต่เกิดมา กานต์ก็ถูกนำมาทิ้งไว้ที่ถังขยะหน้าบ้านคุณพ่อรพินทร์ตั้งแต่สายสะดือยังไม่ทันแห้ง ด้วยความเมตตาของคุณพ่อ กานต์เลยอยู่สุขสบายดีมาจนถึงตอนนี้”

รพีกานต์ไม่เคยคิดอยากปกปิดชาติกำเนิดตน ตรงกันข้าม หนุ่มน้อยกลับเต็มใจบอกให้รับรู้เสียด้วยซ้ำ ว่าคุณพ่อรพินทร์มีน้ำใจต่อคนที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันแค่ไหน

“พี่ขอโทษที่ละลาบละล้วง พอดีเห็นกานต์หน้าไม่ค่อยคล้ายพ่อเท่าไหร่ ส่วนพี่น่ะเบ้าหน้าถอดแบบบล็อกพ่อมาเลยเต็ม ๆ แต่ริมฝีปากกับผิวนี่ได้แม่มา” 

ริมฝีปากอัครวินท์สวยบาง มุมปากโค้งขึ้นเหมือนกำลังยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่ตลอด ยิ่งเจอสายตาแพรวพราวเข้าไป มองไปที่ใคร คนนั้นมักจอดไม่แจวตลอด

“ดีจัง ผิวพี่วินสวยกว่ากานต์เสียอีก ทั้งขาวทั้งเนียนละเอียด จะว่าไปแล้วดูดี ๆ พี่วินนี่ก็สวยอยู่นา”

ยิ้มหวานกระเซ้าเย้าแหย่คนรูปหล่อ ผิวพี่วินขาวราวเคลือบมุก เนียนไม่ต่างจากผิวผู้หญิง สวยกว่าไอยวริญท์คนน้องเสียอีก ด้วยชาติกำเนิดดีจากทั้งฝ่ายบิดาและมารดา

“ขนลุกน่า สวยอะไร ตัวพี่โตอย่างกับช้างเผือก สูงล่ำ ปล้ำกานต์ง่ายออกขนาดนี้”

อัครวินท์ยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อสามารถปล่อยหมัดฮุกให้คนแก้มแดง อ้าปากพะงาบ ๆ ได้

“ไม่พูดด้วยแล้ว”

คนเถียงไม่ขึ้นแกล้งเฉไฉเปิดกล่องทัพเพอร์แวร์ หยิบฝรั่งขี้นกไส้แดงที่สับเป็นชิ้นแล้วออกมาจิ้มพริกเกลือส่งเข้าปาก เหล่มองคนแจวเรือหน่อยหนึ่งก่อนลอยหน้าลอยตากินฝรั่งต่อ อัครวินท์มองเขม้นคนตัวเล็กอย่างมันเขี้ยว

“ใจร้ายนะคนเรา เดี๋ยวก็ปล้ำบนเรือเสียนี่ มันเขี้ยวนัก”

คนฟังหูผึ่งอ้าปากค้าง ฝรั่งแทบหลุดมือ

“พี่วิน!”

“ไม่อยากให้ปล้ำก็หยิบฝรั่งป้อนพี่เสียดี ๆ ป้อนช้าพี่จูบ”

อัครวินท์หรี่ตาคาดโทษอย่างเป็นต่อ ปากหยักบางสีอ่อนอ้ารับชิ้นฝรั่ง สายตาคมคายมองคนหน้างออย่างขบขัน ถ้าเป็นพี่ณัฐคงหงอยอมอ่อนให้น้องน้อย แต่นี่เป็นพี่วิน เอะอะเลยจะหาเรื่องปล้ำน้องกานต์ท่าเดียว รพีกานต์ได้ยินคำขู่ก็รีบหยิบฝรั่งป้อนพร้อมค้อนงาม ๆ แถมให้ อัครวินท์อ้าปากงับ เคี้ยวกร้วม ๆ หัวเราะหึ

“งอนพี่ดุหรือ งั้นพี่ยอมให้หอมแก้มพี่เลยเอ้า”

ทำแก้มพองลมข้างหนึ่งพลางบุ้ยใบ้เอียงแก้มให้หอมท่าทีทะเล้น รพีกานต์ฉวยดอกผักตบชวาที่ลอยมาตามน้ำได้เลยเหน็บทัดให้ที่ใบหู

“ผู้ชายพายเรือ”

ยักคิ้วหลิ่วตายั่วล้ออย่างสนุกสนาน มือเล็กถอดงอบบนศีรษะตัวเองสวมให้ก่อนถอยออกมามองหัวเราะเอิ้กอ้าก

“กานต์ขอเก็บรูปพี่วินรูปนี้หน่อยนะครับ”

รพีกานต์ฉวยโทรศัพท์ที่ใส่ซองกันน้ำแล้วขึ้นมาชักภาพ มือลดโทรศัพท์ลงชมผลงานตัวเองหัวเราะคิกคักก่อนกดส่งไลน์ให้นายแบบดูบ้าง อัครวินท์มองคนแจกยิ้มฟุ่มเฟือยแล้วอดยกยิ้มตามอย่างเอ็นดูไม่ได้ มิน่าเล่า เจ้ามดแดงณัฐธีร์ถึงได้เฝ้ารักเฝ้าหวงขนาดนี้ รอยยิ้มสว่างสดใสเหมือนแสงตะวันสาดส่อง พลอยทำให้คนมองสบายใจไปด้วย...หากจะหลงรัก ก็คงเพราะหลงรอยยิ้มจุดประกายสว่างโลกนี่ละมัง

“ถ้ามีสายบัวบนเรือด้วยนี่เจ๋งเลย ขากลับเดี๋ยวถ่ายอีก เอ้า เร้ว พ่อค้าสายบัวมาแล้วจ้า พี่วินบัวสายขายถูก ๆ แถมฟรีหอมแก้มพ่อค้าด้วยเอ้า”

ป้องปากร้องแซ็วพร้อมฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี ลักยิ้มบุ๋มตรงมุมปากนั่นน่ามันเขี้ยวจนอัครวินท์นึกอยากดึงตัวเข้ามาฟัดแก้มแรง ๆ นัก มนตร์เสน่ห์รอยยิ้มพิมพ์ใจทำให้หัวใจคนกร้าวละสายตาไปไม่ได้ จากแค่ว่าจะมาหลอก เลยชักจะลังเล

“แกล้งพี่หรือ เดี๋ยวมีคนอื่นมาหอมจริง ๆ ชะรอยคนแถวนี้จะหน้างอคอหัก”

อัครวินท์ดึงไม้พายวางข้างลำเรือ กายหนาเคลื่อนเข้ารั้งตัวบางฝังจมูกหอมฟอดเข้าให้

“นี่แน่ะ มันเขี้ยว”

หอมแก้มแล้วเลื่อนไปหอมคอ ซุกไซ้ให้ตัวแสบจักจี๋เล่น

“ฮ่า ๆ ๆ พี่วินอย่างแกล้งกานต์ เดี๋ยวเรือคว่ำ”

“กานต์ก็อยู่นิ่ง ๆ ให้พี่หอมซี เรือคว่ำก็เล่นน้ำคลองกันนี่แหละ”

อัครวินท์รัดตัวเล็กกว่าจมอก ตัวไม่ได้เล็กนุ่มนิ่มเหมือนอย่างผู้หญิง แต่ก็จับเล่นได้เต็มมือ

“มัวโอ้เอ้ เดี๋ยวพ่อจะดุเอาน้า”

“กานต์ก็บอกพ่อไปซี ว่าพี่ขอหอมแล้วไม่ให้ พี่เลยต้องใช้กำลังจนเรือคว่ำ พลอยทำให้กลับบ้านช้า”

“พี่วินอ่า”

“ว่ายังไง จะยอมให้หอมดี ๆ ไหม”

“อายคนเขา”

บอกพร้อมชะเง้อชะแง้สอดส่องสายตาดู

“กานต์จะให้พี่หอม หรือกานต์จะหอมพี่ เลือกเอา”

“แน้ ขี้ตู่ มีแต่ตัวเลือกให้กานต์ขาดทุนอยู่เรื่อย แบร่ ไม่หอมหรอก ไม่ให้หอมด้วย”

บอกพร้อมหันหลังให้ อัครวินทร์แอบเห็บใบหูแดงพ้นปอยผม ร่างใหญ่ฉวยโอกาสอีกฝ่ายไม่ระวังตัว โน้มกายเคลื่อนใบหน้ากดจูบลงที่ท้ายทอยเข้าให้ พร้อมยักคิ้วหล่อล้อเลียนคนทำตาโตที่หันขวับมามอง

“หอมกานต์ตรงไหนก็หอมทั้งตัวเนอะ”




เรือลำน้อยล่องมาจนถึงที่หมาย รพีกานต์ชี้มือให้ชายหนุ่มพายเรือเข้าไปใกล้ ๆ บัวสายที่หมายตา

“พี่วินเก็บสายบัวดอกสีขาวเยอะ ๆ นะครับ น้ำแกงจะได้สีจะไม่เข้มมาก”

บอกพลางเอื้อมตัวดึงก้านบัว อัครวินท์เงอะงะลองดูบ้าง รพีกานต์เหลือบมองอมยิ้มแซ็ว

“ระวังตกน้ำน้า”

“ถ้าพี่ตก พี่จะดึงคนแถวนี้ลงไปว่ายน้ำเล่นด้วยกัน”

“ไม่เอา กว่าจะพายเรือกลับ เดี๋ยวกานต์หนาวไข้กลับ ถ้าพี่วินอยากเล่น ไปเล่นหลังบ้านดีกว่านะ ขากลับเราต้องแวะเก็บดอกโสนกับดอกผักตบไทยด้วยนา วันนี้กานต์จะโขลกน้ำพริกให้คนบางคนเผ็ดจนลิ้นห้อย”

“ถ้าพี่เผ็ด พี่ก็จะใช้น้ำบ่อน้อยของใครบางคนนี่แหละช่วยดับ”

อัครวินท์ขู่สายตาเจ้าเล่ห์ คนเถียงไม่ขึ้นแก้มร้อนวูบวาบ ก้มหน้างุดเอื้อมมือดึงสายบัวใส่กระจาดไม่ยอมสบตา


เก็บสายบัวได้จำนวนที่พอใจแล้วจึงพากันกลับ มือเล็กชี้ไม้ชี้มือให้ชายหนุ่มพาแวะข้างตลิ่ง ดอกโสนสีเหลืองน่ากินถูกเด็ดใส่ถุง มีดอกผักไทยสีม่วงถูกเก็บไปด้วย อัครวินท์มองสีหน้าเปื้อนยิ้มอย่างปริ่มสุข ก่อนกวาดสายตามองทัศนียภาพที่เงียบสงบโดยรอบ สายน้ำไหลเอื่อยเฉื่อยเหมือนเวลาหยุดนิ่ง ไม่เร่งไม่รีบ แตกต่างจากสภาพแวดล้อมที่เขาคุ้นเคยอย่างสิ้นเชิง

“พี่วินชอบที่นี่ไหม เบื่อหรือเปล่าครับ”

“ก็เงียบดี ปกติวันหยุดพี่คงเมาค้างเพิ่งตื่น ตื่นแล้วก็เตรียมไปเที่ยวต่อ” อัครวินท์บอกตามตรง

“นาน ๆ หนีความวุ่นวายมาเปลี่ยนบรรยากาศเป็นหนุ่มบ้านคลองก็สนุกดี”

รพีกานต์คลี่ยิ้มกว้างเมื่อได้ยิน มือเล็กฉวยโทรศัพท์ขึ้นมาชักภาพอีกรอบ หนุ่มหล่อผิวขาวหยวกสวมงอบกำลังถือไม้พายพายเรือ ตรงหน้าเป็นกระจาดบรรจุสายบัว อัครวินท์ส่งโทรศัพท์ให้รพีกานต์ถ่ายให้ ทั้งนั่งซ้อนกันเซลฟี่สนุกสนาน หลังอดีตเดือนบริหารฯ อัพรูปลงไอจีไม่นาน ยอดไลก์ยอดคอมเมนต์ก็กระหน่ำตามมาไม่ขาด ถึงขนาดเพื่อน ๆ ในกลุ่มส่งไลน์มาแซ็ว รพีกานต์จึงเปลี่ยนเป็นฝ่ายพายเอง ปล่อยให้ชายหนุ่มได้คุยไลน์กับเพื่อน

“เชี่ยวินติดใจไปฝากตัวเป็นลูกเขยบ้านสวนแล้วหรือมึง ได้กินเข้าหน่อย กู่ไม่กลับเลยหรือวะ”
“ก็ไม่เลว ไม่ท้องด้วย จะได้ไม่ต้องหาเรื่องจับกู”
“ไอ้ห่า ได้หลังลืมหน้าชัด ๆ”
“กูได้หมดแหละ คั่วเล่น เบื่อก็ค่อยทิ้ง”

อัครวินท์ตอบอย่างไม่ยี่หระ สายตาเหลือบมองร่างเล็กตรงหน้า ปกติเขาเล่นแต่กับพวกนิสัยแรง ๆ เซ็กซ์เฟรนด์ ไม่ผูกมัด ไม่ค่อยชอบแบบพวกบริสุทธิ์ผุดผ่องเพราะยังไม่อยากได้แม่ของลูกตอนนี้ ด้วยนิสัยอย่างเขายังอยากจะไปต่อเรื่อย ๆ แต่รพีกานต์เป็นผู้ชาย คงไม่ยุ่งยากอะไร



รพินทร์เตรียมเครื่องปรุงไว้ให้หมดแล้วตอนรพีกานต์กลับมาพร้อมกับรุ่นพี่ร่างสูงใหญ่ ร่างเล็กกุลีกุจอนำสายบัวมาลอกเปลือกหั่นท่อน ชะเง้อคอเห็นพ่อกำลังเดินไปเก็บดอกฟ้าทั้งเจ็ดมาเป็นเครื่องเคียงน้ำพริกให้ก็อมยิ้ม อัครวินท์หันรีหันขวางไม่รู้จะช่วยอะไร ด้วยเห็นคนอื่นต่างมีงานในมือกันหมด

“พี่วินนั่งดูกานต์ทำก็ได้ ทำไม่เป็นก็ไม่ต้องช่วยหรอก เดี๋ยวกานต์ทำให้กินนะครับ”

รอยยิ้มสดใสถูกส่งให้อย่างจริงใจ อัครวินท์มองร่างเล็กลอกเปลือกบัวอย่างคล่องแคล่วจนเสร็จเรียบร้อยจึงนำไปล้าง พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ ก่อนหันมาคว้าครกหิน หย่อนพริกไทยเม็ด หอมแดง กะปิ โขลกพอหยาบแล้วละลายเครื่องที่โขลกเข้ากับกะทิ ยกขึ้นตั้งไฟรอเดือด ระหว่างตั้งไฟรพีกานต์ยืนคอยคนกะทิอยู่ตลอดเพื่อไม่ให้แตกมัน พอกะทิร้อนจึงหย่อนเนื้อปลาทูนึ่งที่แกะก้างแล้วลงไป รอให้เดือดอีกหนจึงใส่สายบัวต่อ อัครวินท์ชะเง้อคอมองสิ่งที่อยู่ในหม้อ รพีกานต์หันมายิ้มให้ รอสายบัวนิ่มจึงปรุงรสด้วยเกลือ น้ำปลา น้ำมะขามเปียก คนให้ละลายจึงตักชิมรส

“พี่วินชอบรสนี้ไหม”

รพีกานต์ตักน้ำแกงใส่ช้อนกลางส่งให้ลองชิม อัครวินท์นิ่งไปทันทีที่น้ำแกงแตะปลายลิ้นรับรู้รส

“อร่อย”

เอ่ยสั้น ๆ อย่างนึกทึ่งในรสมือ รพีกานต์ยิ้ม ปิดฝาหม้อ ปิดแก๊ส หมุนตัวหันมาหาเมนูใหม่ ‘แกงส้มดอกโสนปู’ พ่อรพินทร์ล้างและสับเนื้อปูไว้ให้แล้ว ร่างเล็กจึงหันมาที่ดอกโสนที่เพิ่งเก็บมาพร้อมสายบัว

“พี่วินเด็ดดอกโสนออกจากก้านได้ไหม”

รพีกานต์ถามพลางทำให้ดู แอบหัวเราะคิกตอนเห็นคนหล่อเงอะงะ มือเรียวหยิบดอกโสนมาช่วยเด็ดก้านออกจะได้เสร็จเร็วขึ้นพลางบอก

“เสร็จแล้วพี่วินเอาดอกโสนไปล้างน้ำ แล้วพักให้สะเด็ดน้ำนะครับ ทำได้ไหมเอ่ย” รพีกานต์ลองถามยิ้ม ๆ

“ได้ พี่ทำได้ เคยเห็นแม่ครัวทำ”

อัครวินท์พยักหน้าแรง ๆ ผุดลุกจากพื้นกระวีกระวาดนำดอกโสนไปล้าง มีน้ำหกกระเซ็นเลอะบ้างนิดหน่อยให้คนมองอดอมยิ้มขำไม่ได้

“เบา ๆ นะครับ เดี๋ยวช้ำ”

รพีกานต์เอ่ยสำทับแล้วหันมาโขลกเครื่องปรุง โดยมีอัครวินท์คอยมองอยู่ตลอด รพีกานต์บรรเลงจนครบถ้วนกระบวนความอร่อย จนได้น้ำแกงร้อนๆ หอมฉุยตักใส่ช้อนให้ลองชิม อัครวินท์ถึงกับท้องร้องประท้วง อยากจะได้ข้าวสวยร้อน ๆ สักจานขึ้นมาทันที

“กานต์ทำกับข้าวอร่อยมาก อร่อยกว่าร้านประจำที่พี่เคยไปกินเสียอีก”

อัครวินท์ชมเปาะจากใจจริง เพราะนอกจากจะเป็นเมนูต้นตำหรับหากินได้ยากแล้ว รสมือคนทำอย่างรพีกานต์ยังหาตัวจับยาก

“กานต์ช่วยพ่อทำบ่อยน่ะครับ ถ้าพี่วินได้กินฝีมือพ่อ ไม่ก็ฝีมือคุณอาธุ ญาติคุณพ่อนะ จะยิ่งติดใจกว่านี้ ฝีมือกานต์ธรรมดาไปเลย”

“ขนาดนี้ยังว่าธรรมดา ชักอยากจะให้กานต์ทำให้พี่กินคนเดียวตลอดชีวิตแล้วซี”

อัครวินท์สัพยอก สายตาเจ้าชู้ไก่แจ้วาววับจนคนถูกมองก้มหน้างุดเปิดโอกาสให้เสือเจ้าเล่ห์กอดเอวหมับ ฝังจมูกหอมฟอด หอมไม่หอมเปล่า จมูกซุกซนยังคลอเคลียซุกไซ้ซอกคอหอมจนคนถูกรุกรานจักจี๋จนต้องหดคอร้องห้าม

“พี่วินอย่า เดี๋ยวพ่อเห็น เหลือน้ำพริกจะเด็ดอีกหนึ่งอย่าง พี่วินไปอาบน้ำก่อนก็ได้นะครับ คุณพ่อไปเก็บดอกฟ้าทั้งเจ็ดคงเกือบมาแล้ว เดี๋ยวกานต์จะตำน้ำพริกจะเด็ดกับเจ็ดดอกฟ้าให้ลองชิม น้ำพริกคนเจ้าชู้”

รพีกานต์หน้ายู่พลางบีบจมูกโด่งอย่างมันเขี้ยว อัครวินท์พยักหน้าหงึกทำตามอย่างว่าง่าย ด้วยรสชาติอาหารฝีมือคนตัวเล็กทำเอาน้ำลายสอ แต่ก่อนไปไม่วายกดจูบปากนุ่มหนัก ๆ แล้วรีบผละออก ก่อนเผ่นแผล็วออกจากห้องหน้าทะเล้น ทิ้งให้อีกคนแก้มร้อนฉ่าอ้าปากค้าง

“พี่วินไปไหนแล้วลูก”

รพินทร์เอ่ยถามขณะถือตะกร้าบรรจุดอกไม้สำหรับเครื่องเคียงน้ำพริกเดินเข้ามาในครัว

“กานต์บอกให้ไปอาบน้ำครับ ท่าจะหิว บอกปุ๊บรีบไปปั๊บ”

รพีกานต์บอกยิ้ม ๆ นึกเอ็นดูนิสัยเด็ก ๆ ในบางมุมของอีกฝ่าย

“ไปทำอีท่าไหน หนุ่มหล่อขนาดนี้ถึงตามมาหาที่บ้านได้”

รพินทร์ถามเปิดประเด็นเมื่อสบโอกาส ขณะมือสาละวนล้างดอกฟ้าทั้งเจ็ดอันประกอบด้วย ดอกผักตบไทย ดอกอัญชัน ดอกกาหลง ดอกแค ดอกดาหลาสีปูน ดอกเข็ม และดอกต้อยติ่ง

“พี่วินเป็นพี่ชายเพื่อนสนิทในกลุ่มของกานต์น่ะครับ เลยรู้จักกัน”

รพีกานต์อ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียงนัก

“คงไม่ใช่แค่รู้จักธรรมดาล่ะมั้ง พี่เขาถึงตามกานต์มาถึงที่นี่ แล้วนี่พี่ณัฐรู้ไหม”

รพินทร์ยังคงซักน้ำเสียงเรียบเรื่อย

“พี่ณัฐไม่รู้ครับ กานต์...กานต์ไม่รู้จะทำยังไงดี กานต์...คือกานต์”

รพีกานต์อึกอัก ร่างเล็กไม่ชินกับการโป้ปดด้วยไม่ใช่นิสัย เมื่อถูกถามจึงไม่รู้จะตอบบุพการีเช่นไร

“กานต์รักพี่วินหรือลูก”

รพินทร์ถามตามตรงด้วยแน่ใจว่ามองไม่ผิด รพีกานต์พยักหน้าหงึกแทนคำตอบ

“แน่ใจนะว่ารัก ไม่ใช่หลงความหล่อ หลงคารมพี่เขา”

รพินทร์ถามอย่างห่วงใยหาใช่อยากคาดคั้นกดดันลูก ด้วยสายตาของอัครวินท์นั้น คนอาบน้ำร้อนมาก่อนเห็นแล้วใจคอไม่สู้ดี กลัวว่าไม่แคล้ว แก้วตาดวงใจของตนจะน้ำตาจะเช็ดหัวเข่า

“กานต์คิดถึงแต่พี่วินตลอดครับ อยู่กับพี่ณัฐก็คิดถึงพี่วิน กานต์ไม่ได้อยากให้พี่ณัฐเสียใจเลยนะครับ กานต์พยายามปฏิเสธพี่วินแล้ว แต่กานต์ทำไม่ได้ กานต์...กานต์รักพี่วินครับพ่อ”

ดวงหน้านวลอ้อยส้อยเหมือนเด็กน้อยกลัวถูกตำหนิ รพินทร์ระบายลมหายใจพรู ทิ้งตัวลงนั่งตรงหน้า มืออ่อนโยนลูบศีรษะบุตรชายถ่ายทอดความห่วงใยเต็มเปี่ยม ก่อนเอ่ยเตือนสติลูกรัก

“กานต์ครับ กานต์ทั้งรักทั้งหลงพี่วินเข้าเต็มเปาแล้วนะลูก แถมหลงมากเสียด้วย กานต์ต้องเผื่อใจไว้บ้างนะครับ ศึกษานิสัยใจคอพี่เขาแล้วก็ต้องเผื่อใจไว้เจ็บ คนสมัยนี้รักง่ายหน่ายเร็วกานต์ก็เห็น ที่พ่อเตือนไม่ใช่ว่าคิดห้ามปรามขัดขวาง แต่เพราะพ่อไม่อยากให้กานต์ของพ่อต้องเจ็บช้ำเพราะน้ำคำคนลวง กานต์เข้าใจที่พ่อบอกไหม”

รพินทร์เตือนลูกรักด้วยความอาทร ด้วยรู้ดีว่าเรื่องของหัวใจ ใช่ว่าใครจะควบคุมได้ ยิ่งวัยอย่างรพีกานต์ด้วยแล้ว ยิ่งถูกห้ามปรามขัดขวางมีแต่จะยิ่งเตลิด

“กานต์เข้าใจครับ แต่พี่วินบอกว่าเลิกกับทุกคนเพื่อกานต์ และกานต์เองก็เห็นกับตา ตอนพี่วินถูกทำร้ายเพื่อปกป้องความรู้สึกที่มีให้กานต์”

รพีกานต์บอกพ่อเสียงอ่อย แต่ในน้ำถ้อยบ่งบอกชัดว่าเชื่อคำพูดพี่วินนักหนา ความรักครอบงำบังตาจนคำเตือนพ่อแทบไม่เข้าหูเสียแล้ว รพีกานต์ไม่เคยรักใคร เมื่อเจอคนเข้าหา ทั้งรูปหล่อ ป้อแต่คำหวาน หัวใจพิศุทธิ์จึงเตลิดได้โดยง่าย แม้แต่ณัฐธีร์ก็ไม่อาจจะสู้ได้ พุทโธ่ ลูกเอ๋ย รพินทร์เก็บงำความเป็นห่วงเอาไว้ในใจไม่ได้ซักไซ้ต่อให้ลูกใจเสียจนเกิดต่อต้าน ทั้งที่อยากบอกลูกเหลือเกินว่า คำพูดนั้นไม่สำคัญเท่าการกระทำหรอก คนพูดจะพูดอย่างไรก็ย่อมได้เพื่อหลอกล่อให้ได้ในสิ่งที่ปรารถนา อีกทั้งการกระทำนั้นใช่ว่าจะแสแสร้งแกล้งทำเพื่อตบตาใครไม่ได้ รพินทร์รู้สึกไม่ไว้ใจอัครวินท์เอาเสียเลย ด้วยใบหน้าหล่อเหลานั้นพาให้นึกถึงอินทัชอยู่ตลอด อินทัชที่ได้หัวใจของรพินทร์ไปแล้วก็เหยียบขยี้ลงดินอย่างไร้ค่า รพินทร์ไม่อยากให้ลูกต้องเจ็บช้ำระกำใจเฉกเช่นเดียวกันกับเขา

“แล้วพี่เขาเป็นลูกเต้าเหล่าใครกันหรือลูก หน้าตาผิวพรรณดีอย่างนั้น กานต์รู้ชื่อจริงพี่เขาไหม”

รพินทร์ถาม ใจไม่ได้อยากละลาบละล้วงเรื่องชาติตระกูลหรือฐานะของอีกฝ่าย เพียงแต่อยากแน่ใจบางอย่าง

“พี่วินชื่อจริงชื่อ อัครวินท์ อิศวัชร์ ครับพ่อ ครอบครัวทำธุรกิจเป็นเจ้าของธนาคารกับโรงแรม แล้วก็มีบริษัทเครื่องเพชรอัญมณีอิศวัชร์”

เคร้ง!

อิศวัชร์!

อินทัช อิศวัชร์! ลูกชายเจ้าของธนาคารใหญ่ที่รพินทร์รู้จักเมื่อหลายปีก่อน แล้วตอนนี้กลับมีอัครวินท์ อิศวัชร์ กลับเข้ามาในวงโคจรนี้อีกครั้ง!

รพินทร์มือไม้อ่อนจนของในมือหล่นกระจาย เข่าแทบทรุดกับนามสกุลที่จำได้ขึ้นใจ

“พ่อ! พ่อเป็นอะไรครับ!”

รพีกานต์ละมือจากงานรีบถลันรุดเข้ามาหาพ่อทันทีที่ได้ยินโครม

“เปล่าหรอก มือพ่อลื่นน่ะ ดูซิ ดอกฟ้าแสนสวยร่วงลงพื้นหมดเลย พ่อเก็บก่อนนะลูก เดี๋ยวจะช้ำมากกว่านี้”

รพินทร์ส่ายหน้าปฏิเสธพลางยอบกายลงเก็บเครื่องเคียงน้ำพริกจะเด็ดกลบเกลื่อนอาการพิรุธทั้งที่หัวใจเต้นกระหน่ำราวรัวกลอง รพีกานต์กุลีกุจอช่วยบุพการีอีกแรง เพราะเดี๋ยวต้องรีบตั้งโต๊ะอาหารและอาบน้ำรอพี่วินมากินข้าวเย็นด้วย

รพินทร์มองใบหน้านวลของบุตรชาย แล้วย้อนถามตนเองในใจว่า เขาเลี้ยงประคบประหงมลูกดีเกินไปไหมหนอ รพินทร์สอนให้ลูกรักใครก็รักจริง ๆ อย่าลวงหลอกใครให้เจ็บช้ำ แต่คนอื่นเล่าจะสอนกันเช่นไร แล้วยังณัฐธีร์ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เฝ้าคอยเทิดทูนบูชาความรักให้แก่น้องน้อยอีกเล่า เจ็บร้าวคราวนี้จะระทมสักกี่เส้ากัน



อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยทั้งหมดจึงมาพร้อมหน้ากันที่โต๊ะกินข้าวในสวน ซึ่งผนังรั้วเป็นม่านน้ำตกมีแผ่นหินทรายรูปกินรีตกแต่งอย่างสวยงาม รพินทร์ชวนลูกเปลี่ยนบรรยากาศกินข้าวกันในสวนท่ามกลางแสงไฟนวลตา มีเสียงน้ำไหลเสริมบรรยากาศสุดดื่มด่ำ อัครวินท์ดูจะถูกปากกับอาหารโบราณไม่น้อย ถึงกับเอ่ยชมไม่ขาดปาก

“อาหารบ้านนี้อร่อยจนอยากมาฝากท้องบ่อย ๆ เลยนะครับ”

หนุ่มหล่อปากหวานชมจนรพีกานต์ต้องหลบสายตาวูบ รพินทร์มองแล้วก็ได้แต่หนักอึ้งในใจเหมือนถ่วงหิน หากอัครวินท์เป็นลูกชายของอินทัชอย่างที่นึกสังหรณ์ใจจริง อินทัชที่รพินทร์รู้จักขนาดไม่เจ้าชู้ขุนแผนเท่านี้ รพินทร์ยังแทบขาดใจตอนถูกสะบั้นรัก แล้วรพีกานต์ลูกน้อยเล่า จะต้องเจ็บช้ำน้ำใจเท่าใดกัน

“วินกินน้ำพริกได้ไหม”

รพินทร์เอ่ยถามอาคันตุกะของบุตรชายที่เคยบอกไว้แล้วว่ากินเผ็ดมากไม่ค่อยได้

“ได้ครับ น้องกานต์ตำไม่เผ็ดแถมอร่อยถูกปากเหมือนรู้ใจ เพิ่งรู้ว่าดอกไม้นำมากินกับน้ำพริกก็ได้”

อัครวินท์ส่งสายตาให้ร่างเล็กแวบหนึ่งก่อนหันมายิ้มกับผู้อาวุโสวัยกว่า

“กินได้สิ กินผักผลไม้หลากหลายสีมีประโยชน์มากนะ ดอกไม้สด ๆ หลายชนิดก็กินได้ อย่างกลีบกุหลาบ ยังนำมายำเป็นอาหารกินเล่นได้เลย ยำกลีบกุหลาบน่ะ”

“สงสัยกลับไปมหาวิทยาลัยคงต้องรบกวนพ่อครัวตัวน้อยทำให้กินแล้วล่ะครับ ขอบคุณสำหรับอาหารอร่อย ๆ นะครับ ไม่ทราบว่าที่บ้านนี้มีไวโอลินหรือเปียโนไหมครับ”

อัครวินท์ถามด้วยรอยยิ้มพราย สายตามองดวงหน้าขาวอย่างสื่อความหมาย

“มีทั้งสองอย่างครับ อยู่ที่ห้องหนังสือ พี่วินจะทำไมหรือครับ”

“พี่อยากสีไวโอลินให้ทุกคนฟังเป็นการตอบแทนสำหรับอาหารมื้อสุดพิเศษมื้อนี้น่ะครับ หรือจะฟังเป็นเปียโนก็ได้นะครับ”

นับเป็นส่วนดีที่พอจะมีติดตัวอยู่บ้าง อัครวินท์ก็เหมือนลูกคนมีอันจะกินทั่ว ๆ ไป ที่วัยเด็กครอบครัวมักส่งให้ไปเรียนดนตรี ร้องเพลง หรือเรียนเต้นรำ อะไรเทือกนั้น จึงนับเป็นโอกาสให้หนุ่มเจ้าเสน่ห์ได้ใช้เป็นอาวุธในการหยอดความหวานให้กระต่ายน้อยเคลิ้มตาม



หลังเสร็จจากมื้อเย็น ทั้งหมดจึงเคลื่อนพลกันไปที่ห้องหนังสือ บทเพลงหวาน ‘เพียงคำเดียว’ ถูกบรรเลงด้วยไวโอลินโดยฝีมือร่างสูงสง่า รพีกานต์หัวใจหวิวราวจะปลิวหายตลอดเวลาที่สบตากับสายตาเจ้าชู้หวานเยิ้ม เพลงหวานเพราะพริ้ง สายตาอัครวินท์ก็จ้องมองกันไม่วางตา สีไวโอลินให้ฟังเสร็จ ร่างใหญ่ก็นั่งปุลงที่หน้าเปียโนพลางเริ่มพรมมือบรรเลงเพลงต่อ เป็นบทเพลงเดิม แต่คราวนี้มีน้ำเสียงทุ้มนุ่มของอัครวินท์ขับร้องร่วมด้วย ร่ายมนตร์สะกดให้หัวใจดวงน้อยสวามิภักดิ์ต่อเขาไม่เสื่อมคลาย

เพียงคำเดียวที่ปรารถนา อยากฟังให้ชื่นอุรา ใจพะว้าภวังค์
นาน...เท่านาน พี่คอยจะฟัง คำนี้ คำเดียวที่หวัง อยากฟังจากปากดวงใจ
คำ คำนี้มีค่าใหญ่หลวง พี่รัก พี่แหน พี่หวง เพียงดั่งดวงฤทัย
พี่ ไม่เคย เฉลยกับใคร แต่แล้วพี่บอกเจ้าไป เพื่อให้เจ้าตอบเช่นกัน
มี...หลายคราที่เคย เหมือนเจ้าจะเอ่ย เปิดเผยเฉลยคำนั้น
โอ...แล้วใยอัดอั้น มิกล้าจำนรรค์ กลับตื้นกลับตันทรวงใน
ฤา เจ้ามีคู่เคียงอุรา เจ้ารักเป็นหนักเป็นหนา ตรึงติดตราหัวใจ
จึงจดจำถ้อยคำพี่ไว้ แอบเอาไปบอกคู่ใจ ทอดทิ้งพี่ให้อกตรม
ฤา เจ้าลืมถ้อยคำคำนี้ จึงทำไม่รู้ไม่ชี้ ดังไม่มี เยื่อใย
แม้น...เจ้าลืมเจ้าเลือนเคลื่อนคลาย
พี่เตือนให้อีกก็ได้ ก็รักอย่างไร เจ้าเอย
#เพียงคำเดียว # สุเทพ วงศ์กำแหง


โอ...ดวงฤทัยของกระต่ายน้อยจะเพริดถลำไปก็ไม่แปลกหรอก ด้วยดวงแขดวงนี้ร่ายมนตร์สะกดกระต่ายน้อยเสียอยู่หมัด รพินทร์ไม่แปลกใจสักนิด ว่าทำไมหัวใจของรพีกานต์ถึงได้ลุ่มหลงอัครวินท์นักหนา หากรักนี้ต้องร้าวราน คงไม่ต่างอะไรกับน้ำผึ้งเจือยาพิษ รพินทร์หวั่นใจเหลือเกิน ภาวนาให้อัครวินท์รักรพีกานต์จริง ๆ ด้วยเถิด อย่าให้ประวัติศาสตร์ต้องซ้ำลงรอยเดิมเลย


 :mew1: :hao3:

วินเป็นหลานรักของปู่ย่า คลุกคลีกับปู่ย่ามากกว่าพ่อแม่ เลยติดเพลงไทยเก่า ๆ มาจากที่ปู่ย่าชอบฟัง ลองสมมุติตัวเองเป็นรพีกานต์ มีผู้ชายหล่อจัด เสียงเพราะ ร้องเพลงให้ฟังตัวจะลอยขนาดไหน อีวินมีส่วนดีในตัวเยอะนะ
เพียงแต่นิสัยครึ่งน้ำครึ่งบก แหะ ๆ

เรากำลังคิดว่า ลูกกานต์เป็นแฝดสามดีไหม กานต์ชังน้ำหน้าวินขนาดหนัก วินเลยฝากความรักไว้ให้ถึงสามหน่อ คือ อัษศดิณย์(น้องเปรม), อัศม์เดช(น้องปรีดิ์), อัศวเดช(น้องโปรด)
ความหมายของชื่อเล่นทั้งสามคือ ถึงกานต์จะเกลียดวิน แต่ก็ยินดีเปรมปรีดาที่ลูกมาเกิดด้วย
เหอ ๆ เวิ่นเว้อไปเรื่อย นิยายด้นสด เอาแน่กับอารมณ์คนแต่งไม่ได้หรอก  ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์นะคะ ^-^
 :katai4:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
บอกได้ทำเดียวว่าสงสารณัฐ.

กานต์ที่โดนฟันแล้วจะโดนทิ้งที่ไใ่สงสารนะ ทำตัวเอง :ruready

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
เรื่องนี้ดีมากกกกก

ออฟไลน์ Apple_matinie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
แฝดสามกลัวเลี้ยงไม่ไหว  :ling2:

ออฟไลน์ ิbenz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
 :hao5: แค่บทนำก็น่าติดตามแล้ว เดี๋ยวกลับมาอ่านคับ
# ตามมาจากอเวจีเสน่หา

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
แฝด 3 ก็ดีน๊า แลวุ่นวายดี  :laugh:
แต่อย่าทำให้เศร้ามากน๊าคนแต่งจ๋า คนอ่านจิขาดใจก่อน  :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
แฝดสามเลยก็ดีนะคะ สงสารกานต์ต้องมาเจอผู้ชายอย่างวิน

ออฟไลน์ พระสนมฝ่ายซ้าย

  • ❤วั ง ว น ว า ย เ วิ่ น เ ว้ อ❤
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +283/-2
เพิ่งเข้ามาอ่านนะคะ
สงสารพี่ณัฐมากเลยค่ะ *โอ๋ๆๆ*
น้องกานต์ก็สงสาร โดนอีพี่วินหลอกจนหลงหัวปักหัวปำ
ไว้มาต่ออีกนะคะ

ออฟไลน์ Kalamall

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-2
แฝดสามน่ารักดีแต่สงสารคุณแม่นะสิ เลี้ยงเด็กทีเดียวสามคนนี้โหดมากน่ะ  :katai1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
น่าติดตามนะ แต่บางคำก็เข้าใจยากอ่ะ

ออฟไลน์ ิbenz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
ความเอ๋ย ความรัก
เริ่มสมัคร ชั้นต้น ณ หนไหน
เริ่มเพาะ เหมาะกลางหว่างหัวใจ
หรือเริ่มใน สมอง ตรองจงดี

แรกจะเกิด เป็นไฉน ใครรู้บ้าง
อย่าอำพราง ตอบสำนวน ให้ควรที่
ใครถนอม กล่อมเกลี้ยง เลี้ยงรตี
ผู้ใดมี คำตอบ ขอบใจเอย

ความเอ๋ย ความรัก
เริ่มสมัคร ชั้นต้น ณ หนไหน
เริ่มเพาะ เหมาะกลางหว่างหัวใจ
หรือเริ่มใน สมอง ตรองจงดี

แรกจะเกิด เป็นไฉน ใครรู้บ้าง
อย่าอำพราง ตอบสำนวน ให้ควรที่
ใครถนอม กล่อมเกลี้ยง เลี้ยงรตี
ผู้ใดมี คำตอบ ขอบใจเอย
#เพลงความรัก ....
ปล. สงสารพี่ณัฐ

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
เสน่หา...รักเอย ตอนที่๑๔


"อันบิดรและมารดา                  เลี้ยงเจ้ามาแต่เพียงกาย
ครั้นเมื่อเจ้าเติบใหญ่                กายและใจเจ้าดูแล
จงเฝ้าคอยถนอม                     เผื่อใจตรอมอย่าเชือนแช
พ่อหวังก็เพียงแต่                    รักมิแปรจากเจ้าไป"
                    -มญชุ์สิตางศุ์-


ภาพตรงหน้าเสมือนหนึ่งรพินทร์กำลังย้อนเวลากลับคืนสู่ห้วงอดีต ร่างระเหิดระหงตรึงนิ่งอยู่กับที่ มองภาพอัครวินท์กำลังพรมนิ้วลงบนเปียโนบรรเลงเพลงให้รพีกานต์ฟัง โดยสายตาคมหยาดเยิ้มไม่ละไปจากวงหน้าผ่องของคนฟังแม้เพียงเสี้ยวนาทีเดียว เป็นภาพซ้อนทับกับภาพอดีตในกาลก่อนของรพินทร์กับคนรักเก่า ภาพอินทัชที่กำลังเล่นเปียโนทั้งส่งสายตาหวานฉ่ำมาให้ผุดวาบในความคิด หัวใจที่เคยสงบดุจน้ำนิ่งถูกสะกิดด้วยภาพที่เหมือนกันจนตะกอนนอนก้นมาเนิ่นนานขุ่นคลั่กขึ้นมาอีกหน ความเจ็บปวดในอดีตเจือจางไปกับวันเวลา แต่ความห่วงหาในตัวบุตรชายกลับทบทวี

จะขัดขวาง?

ลูกไปเรียนไกลหูไกลตา ใครจะคอยตามเฝ้ากันได้ตลอด อย่างไรเสียพวกเขาก็ได้เจอกันอยู่ดี รพินทร์ไม่ใจร้ายพอที่จะข่มเขาโคขืนให้กลืนหญ้า การใช้ไม้แข็งบังคับให้เลิกรากันคงไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก มีแต่จะบีบให้ยิ่งเตลิด
แล้วจะทำอย่างไรดีหนอ

ขณะที่คนเป็นพ่อกำลังครุ่นคิดหนัก น้ำเสียงช่างอ้อนก็ดังขึ้นขัดจังหวะ

“พ่อครับ คืนนี้ให้พี่วินนอนบ้านเราได้ไหม พี่วินมาอยู่แปลกที่ เลยนอนไม่ค่อยหลับน่ะครับ”

แก้มขาวของลูกรักแต้มสีเรื่อจางขณะเอ่ยปากขออนุญาตผู้เป็นบิดา โดยมีหนุ่มรุ่นพี่ส่งรอยยิ้มพราวช่วยกันเกลี้ยกล่อมทางอ้อมสำทับอีกแรงหนึ่ง รพินทร์พิพักพิพ่วนไม่รู้จะหาข้ออ้างทัดทานอย่างไร ครั้นจะตัดรอนปฏิเสธเสีย ก็ดูจะไม่งามนัก ด้วยอีกฝ่ายก็ไม่ได้กระทำกิริยากักขฬะใดให้รู้สึกระคายตา นอกจากนัยน์ตาหวานเชื่อมสื่อความหมายเชิงปรารถนาให้บุตรชายแล้ว อัครวินท์วางกิริยาท่าทีต่อหน้าผู้ใหญ่ได้ดีทุกกระเบียดนิ้วสมเชื้อสายผู้ลากมากดีของอิศวัชร์ คำพูดคำจากับผู้ใหญ่หรือก็ดูรู้ความนัก ยามลุกนั่งดูองอาจผึ่งผาย สง่างามเสียยิ่งกว่าอินทัชเสียอีก คงถอดแบบมาจากคุณปู่อินทร์ฉายนั่นแหละ

“งั้นให้พี่เขานอนห้องพักแขกก็ได้ เพิ่งทำความสะอาดไปวันก่อน คงไม่มีฝุ่นหรอก”

รพินทร์เอ่ยปากอนุญาต หาทางออกโดยให้พักที่ห้องรับรองแขกดูจะไม่น่าเกลียดนัก อย่างไรรพีกานต์ก็เป็นผู้ชาย อันที่จริงให้อัครวินท์พักห้องเดียวกันกับบุตรชายของตนยังได้

“ขอบคุณครับพ่อ”

กลายเป็นเจ้าตัวดีที่ออกอาการลิงโลดฉีกยิ้มร่าแก้มปริอย่างน่าตี อัครวินท์ยกมือประนมไหว้กล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ สายตาที่ตวัดขึ้นมองสะกิดใจรพินทร์เล็ก ๆ ภาพอินทัชจรดริมฝีปากแตะจุมพิตนุ่มนวลบนหลังมือ ก่อนตวัดสายตาขึ้นจ้องมองอย่างเย้าหยอกให้รพินทร์ขวยเขิน เป็นสายตาเดียวกันกับอัครวินท์ในยามนี้

เหมือนกันเกินไป!
 
จนรพินทร์นึกหวั่นใจอยู่ลึก ๆ จากที่คาดเดาเอาว่าน่าจะเป็นบุตรชายของอินทัช ถ้าไม่เจ้าชู้จัดอย่างพ่อ รพีกานต์ก็ดูจะโชคดีไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นรพินทร์ก็ยังอดสงสารณัฐธีร์ไม่ได้อยู่ดี อุตส่าห์เฝ้ารักเฝ้าถนอมมาหลายปีซึ่งรพินทร์เองก็รู้เห็นอยู่ตลอด รพินทร์ไม่ได้รังเกียจณัฐธีร์เพราะเด็กหนุ่มมานะดีเหลือเกิน รพีกานต์รู้จักทำงานพิเศษเก็บเงินซื้อของที่อยากได้เองก็ด้วยได้ตัวอย่างดีจากพี่ณัฐนี่เอง

“งั้นเดี๋ยวกานต์พาพี่วินไปดูห้องนะครับ”

รพีกานต์ดูจะกระตือรือร้นกว่าปกติ เมื่อได้ยินบิดาเอ่ยปากอนุญาตให้อัครวินท์ได้พักร่วมชายคาเดียวกัน รพินทร์พยักหน้าหงึกเป็นเชิงอนุญาต สายตามองจับสองร่างที่เดินตีคู่กันออกไปแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าพึมพำกับตัวเอง

“หวังว่าคงจะไม่แอบย่องมาหาพี่วินตอนดึกหรอกนะน้องกานต์”



แอ๊ด

รพีกานต์ผลักบานประตูห้องเข้าไปข้างใน มือกดเปิดสวิตช์ไฟใกล้ประตูก่อนเดินนำแขกเข้าไปชมห้อง อัครวินท์กวาดตามองภายในห้องสีขาวครีมละมุนตา โคมไฟคลาสสิกหรูหราแขวนอยู่บนเพดานกลางห้องเหมือนหลุดเข้าไปในยุคเก่าสมัยเรือนสไตล์ขนมปังขิงกำลังบูม ช่องลมเหนือบานหน้าต่างฉลุลวดลายวิจิตรงดงาม เตียงนอนหัวเตียงทึบตันแกะสลักลายไทย ตู้หัวเตียง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะ ล้วนเป็นไม้สักแท้แกะสลักลวดลายเสลาประณีตอ่อนช้อย บนผนังติดรูปวาดฝีมือศิลปินแห่งชาติ ทุกอย่างในห้องออกแบบจัดวางอย่างลงตัว บ่งบอกฐานะมีอันจะกินของเจ้าของบ้าน รพีกานต์เดินไปเปิดหน้าต่างให้ลมโกรก กลิ่นหอมแรงของราชาวดีลอยตามลมเข้ามาในห้อง รอยยิ้มพรายผุดบนใบหน้าผ่องใสก่อนกายเล็กจะถูกวงแขนหนาตวัดรวบเข้าแนบแผงอกแน่นพร้อมซุกจมูกลงซอกคอ

“อื้อ! พี่วินอย่า”

รพีกานต์ร้องปรามเจ้าของวงแขนกำยำเอาแต่ใจที่กอดรัดจนแน่น อัครวินท์ฝังจมูกโด่งลงคลอเคลียซอกคอขาว จนรพีกานต์ต้องย่นคอหนีเสือซนพัลวัน

“พี่เกร็งจะแย่ ตอนกานต์ขอพ่อให้พี่นอนที่นี่ ดูเหมือนคุณว่าที่พ่อตาจะออกอาการหวงลูกชายเดียวคนนี้เสียก็ไม่รู้”

อัครวินทร์หอมแก้มขาวฟอดหนักก่อนรั้งตัวบางลงนอนแนบเตียงด้วยกัน ท่อนขายาวพาดก่ายอย่างหยอกล้อ อัครวินท์อ่านสายตาคลางแคลงใจของบิดาร่างเล็กออก แต่กระนั้นก็หาได้เกรงกลัวด้วยความต้องการของตนนั้นมีอำนาจเหนือกว่า  และอำนาจเงินของอิศวัชร์ก็มากพอที่จะเช็ดล้างทุกอย่างให้เป็นแค่เรื่องขี้ปะติ๋ว

“คุณพ่อคงไม่คุ้นน่ะครับ ปกติกานต์ไม่เคยชวนใครมานอนค้างอ้างแรมที่บ้าน เพิ่งจะมีพี่วินเป็นคนแรก”

รพีกานต์บอกด้วยสีหน้าพาซื่อ

“พี่ณัฐก็ไม่เคยเลยหรือ”

อัครวินท์หรี่ตามองคนพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนยกยิ้มมุมปากอย่างตัวร้ายในละครที่ตนเองได้อภิสิทธิ์เหนือกว่าคนอยู่ก่อนอย่างณัฐธีร์
“แล้วคืนนี้ กานต์จะมาหาพี่ หรือจะให้พี่แอบไปหากานต์ครับ หืม”

กระซิบถามด้วยนัยน์ตาแสนกรุ้มกริ่มเหมือนไก่หนุ่มเกี้ยวพาไก่สาว แก้มขาวขึ้นสีเรื่อจัดร้อนวูบวาบยามได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายถาม

“ไม่รู้”

ก้มหน้างุดหลบสายตาท่าเดียว อัครวินท์ก้มลงจูบหน้าผากมน มือลูบแผ่นหลังแผ่วเบา

“เงียบ ๆ เนอะ พี่วินอยากดูโทรทัศน์ไหม หรือว่าอยากเล่นเกม”

รพีกานต์ผงกศีรษะขึ้นถาม ดวงตาใสแจ๋วดูน่าเอ็นดูจนอัครวินท์อดที่จะกดจูบแบบไม่รุกล้ำไม่ได้

“อยากกินกระต่าย”

ปากหยักได้รูปเอ่ยตอบ สายตาคมวาววับหลุบมองกระต่ายในอ้อมแขน

“พี่วินหื่น”

รพีกานต์ปากยื่นบ่นงุบงิบหลุบสายตาลงต่ำไม่กล้าสบตา

“ก็พี่เคยบอกแล้วไง จะฟัดจนกว่าจะท้อง น่ารักแบบนี้ ต้องมีลูกเสือวินน้อยให้พี่น่ารักมากแน่ ๆ เป็นไปได้พี่ขอแฝดสามนะ แฝดสองธรรมดาไป อยากจะรู้นักว่า พี่จะแยกลูกแต่ละคนออกไหม”

อัครวินท์หยอกเย้าอย่างคะนองปากโดยไม่ได้คิดอะไร เพราะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ผู้ชายจะท้อง

“พี่วินบ้านี่ ก็รู้อยู่ว่ากานต์ท้องไม่ได้ ผู้หญิงปกติเขาก็ยังไม่ค่อยท้องลูกแฝดเลยเหอะ”

มือเล็กทุบลงบนหน้าอกแน่นดังอั้ก

“พี่วินอยากมีน้องมากหรือครับ”

รพีกานต์ถามสีหน้าเศร้า เพราะถ้าหากคำตอบเป็นแบบนั้นจริง รพีกานต์คงไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายสมปรารถนาได้

“พี่ล้อเล่นน่า พี่จะอยากมีไปทำไมกันละฮึ”

บอกพร้อมแตะจูบที่ปลายจมูกหยดน้ำ ใจจริงอัครวินท์อยากบอกต่ออีกหน่อยว่า “พี่ยังอยากใช้ชีวิตโสดอย่างอิสระไปอีกนานแสนนาน”


ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูห้องทำให้ทั้งคู่ผละออกจากกัน รพีกานต์เดินไปเปิดประตู รพินทร์ยืนอยู่หน้าห้อง เหลือบมองเข้าไปข้างในแวบหนึ่งก่อนเอ่ยถาม

“ห้องเรียบร้อยไหม มีฝุ่นหรือเปล่า”

“เรียบร้อยครับ”

เป็นอัครวินท์ที่เดินมาซ้อนอยู่ด้านหลังรพีกานต์พร้อมเอ่ยตอบเสร็จสรรพ รพินทร์นิ่งไป ไม่รู้จะเอ่ยอะไรต่อ ภาพฟ้องชัดเจนขนาดนี้ ไม่แคล้วข้าวสารคงกลายเป็นข้าวสุกไปเสียแล้ว สงสารก็แต่ณัฐธีร์ ไม่รู้จะช่วยอย่างไรได้

“เอ่อ ถ้าอย่างนั้นพ่อไม่กวนละนะ อย่านอนดึกนักละ”

รพินทร์ยิ้มบางผละออกมาด้วยหัวใจหนักอึ้ง ก้าวเท้าเดินกลับห้องครุ่นคิดหนัก อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดละหนอ ใครห้ามชะตาลิขิตได้บ้าง เขาเองยังเคยผ่านช่วงเวลาเจ็บเจียนตายมาได้ รพีกานต์หกล้มสักทีจะเป็นไรไป อย่างน้อยจะได้รู้ว่าจะเดินยังไงไม่ให้ล้มอีก แต่ไม่ว่าลูกจะเจ็บสักเพียงใด พ่อคนนี้จะคอยอยู่เคียงข้างกานต์เสมอ รพินทร์ถอนหายใจอย่างคนคิดตก ตาสว่างไม่นึกง่วงจึงเดินลงข้างล่างเข้าห้องครัวไปหยิบกระจาดใบเล็ก ก่อนสาวเท้าเดินออกมาข้างนอกบ้านเลาะไปยังพุ่มมะลิ มือปลิดมะลิลาดอกตูมใส่กระจาด พระจันทร์สาดแสงสว่างราวกลางวัน ใจเผลอไพล่กระหวัดถึงคนจองมะลิแต่กลับเหยียบขยี้ไม่มีชิ้นดี เตชะบุญเสียงร้องของเด็กถูกนำมาทิ้งชี้ทางสว่างให้รพินทร์ตระหนักเห็นคุณค่าเลือดเนื้อเชื้อไขที่บุพการีให้มา เจ็บปวดแค่ไหนก็ไม่คิดทำร้ายตัวเองอีก

“มะลิกรองมาลัยร้อยใจรัก              ผูกสมัครรักมั่นไม่หวั่นไหว
แม้นวันเดือนเลื่อนผ่านสักปานใด     หนึ่งหทัยใจนี้มีรพินทร์”
                                  -มญชุ์สิตางศุ์-


“มะลิดอกนี้หอมเป็นพิเศษก็เพราะอยู่ในมือคุณนะ รพินทร์ของผม”

เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยพลางวางดอกมะลิลงในมือขาว พร้อมถือโอกาสโน้มใบหน้าลงสูดกลิ่นหอมของดอกไม้ลามไปแตะจุมพิตแผ่วเบาบนฝ่ามือ รพินทร์ใจสั่นหวั่นไหวตอนอินทัชเงยหน้าขึ้นสบตา เพราะในมือของรพินทร์ไม่ได้มีแค่ดอกมะลิ หากแต่มันยังมีแหวนดอกมะลิวงงามสอดไว้ข้างใต้อีกด้วย

“อินทัช คุณ...”

“เราจะทิ้งทุกอย่างที่นี่แล้วหนีไปใช้ชีวิตเมืองนอกด้วยกันนะครับรพินทร์ ไวโอลินของผมจะมีความหมายก็ต่อเมื่อมีคุณเป็นผู้ฟัง ผมจะทิ้งความเป็นอิศวัชร์ แล้วคุณล่ะ พร้อมจะทิ้งความเป็นบวรกิตติ์วิวัฒน์กุลเพื่อ ‘เรา’ไหม”

“ได้สิครับอินทัช ได้ เพื่อ ‘เรา’ ผมยอมทุกอย่าง”

รพินทร์ตัวลอยเป็นปุยนุ่น เพื่อให้ได้อยู่ด้วยกัน อะไรก็ยอม


หึ เพียงลมปากลวงหูก็แทบพร่าผลาญชีวิตคนโง่งม!


 “อืม ถ้าพี่วินไม่ชอบดูละคร งั้นอยากดูรูปกานต์ตอนเด็กไหม”

เสียงนุ่มเอ่ยถาม เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกเบื่อหน่าย

“เอาสิ ไปเล่นห้องกานต์กัน”

ร่างเล็กฉีกยิ้มแต้เมื่ออัครวินท์ยอมเออออตามใจ รพีกานต์ยังรู้สึกเกรงพี่วินหน่อย ๆ เพราะอีกฝ่ายต่างจากพี่ณัฐคนละขั้ว ดูเหมือนดุแต่สายตาคมกริบก็ทำเอาเขินอายได้ในคน ๆ เดียว สองร่างย้ายทัพกันไปที่ห้องรพีกานต์ ระหว่างรอร่างเล็กค้นหารูปถ่ายเก่า ๆ อัครวินท์ก็เพิ่งมีโอกาสได้กวาดตาสำรวจห้องจริงจัง สายตาคมสะดุดกับรูปวาดในกรอบหลุยส์ไม้สัก โดยเฉพาะลายเซ็นของศิลปินที่มุมด้านล่าง ดวงตาคมหรี่ลง ด้วยลายเซ็นนั้นช่างคุ้นตา

“กานต์ครับ รูปนี้ใครวาดให้หรือ”

“อ๋อ พ่อรพินทร์บอกว่าเพื่อนเก่าวาดให้น่ะครับ เจ้าของเสียชีวิตไปแล้ว แต่ห้องพ่อมีของเยอะแล้ว เลยยกให้มาอยู่ห้องกานต์น่ะครับ”

รพีกานต์ตอบขณะยกอัลบั้มรูปขึ้นมาวางบนเตียง อัครวินท์จดจ้องลายเซ็นพร้อมระบุวันเวลาที่วาดขึ้น เผลอกัดฟันกรอดไม่รู้ตัว

...เจ้าของตายแล้วอย่างนั้นหรือ หึ  ยังหายใจพร่ำเพ้อพรรณนาถึงกันอยู่ต่างหาก ลับหลังก็คงยังแอบลักลอบกันอยู่...

 
ที่ห้องบิดาของอัครวินท์ยังมีรูปแบบนี้อีกรูปหนึ่ง ต่อให้ชายหนุ่มฉีกทึ้งทำลายกระจุยกระจาย เผามันจนมอดไหม้แหลกลาญแค่ไหน อินทัชก็วาดขึ้นใหม่ได้อย่างคนที่จดจำรายละเอียดคนในรูปได้เป็นอย่างดี มือกำเข้าหากันแน่นเมื่อรู้แล้วว่าตนเองยืนอยู่ที่ใด เขานึกได้แล้วว่าคนรักเก่าของพ่อชื่อรพินทร์ แต่ไม่รู้รายละเอียดไปถึงนามสกุล แต่ตอนนี้รู้แล้ว

‘รพินทร์ บวรกิตติ์วิวัฒน์กุล’


“พี่วินครับ มาดูรูปกันเร็ว นี่รูปนี้กานต์พุงกลมเหมือนลูกแตงโมเลย”

รพีกานต์ฉีกยิ้ม มือตบปุบนเตียงร้องชวน แต่ความชิงชังในตัวบุพการีทำให้อัครวินท์ไม่รู้สึกพิสมัยคนตัวเล็กเช่นเก่า ร่างใหญ่ทิ้งกายลงนอนดูรูปแล้วรูปเล่าผ่านตาไป เพราะในใจมีแต่ความชิงชังคุกรุ่น

ติ๊ง

“อ๊ะ พี่ณัฐไลน์มา”

รพีกานต์ยิ้มแหย หูลู่หางตกพร้อมโชว์โทรศัพท์ให้อีกฝ่ายดู อัครวินท์พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต ใบหน้านิ่งขรึมทำให้รพีกานต์ตีความไปว่าอีกฝ่ายไม่พอใจ ร่างเล็กคลานเข้ามาใกล้แตะจูบที่แก้มประจบก่อนหันไปพิมพ์ข้อความตอบพี่ชาย อัครวินท์จ้องมองรูปวาดบนผนังด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก

“พี่วิน กานต์ขอโทษ”

รพีกานต์หน้าหงอย น้องน้อยใจไม่แข็งพอจะทำร้ายความรู้สึกพี่ชาย แต่พอหันมาเห็นใครอีกคนเงียบกว่าปกติ ความไม่สบายใจก็รุมเร้า

“แล้วรู้ไหม ว่าต้องง้อยังไงให้พี่หายโกรธ”

“พี่วินจะให้กานต์ทำยังไงกานต์ก็ยอม แต่อย่าเพิ่งให้กานต์หักดิบพี่ณัฐตอนนี้เลยนะครับ กานต์ทำไม่ได้”

รพีกานต์อ้อนวอนสีหน้าเศร้าสร้อย การเป็นความหวังทั้งชีวิตของใครสักคน หากจะต้องดับความหวังนั้นลงด้วยน้ำมือตน รพีกานต์คงต้องขอเวลาสักหน่อย

“งั้นคืนนี้กานต์ก็ต้องตามใจพี่ ถ้ากานต์รักพี่จริง กานต์ก็พิสูจน์ให้พี่เห็น”

อัครวินท์บอกอย่างเอาแต่ใจพร้อมขยับเคลื่อนกายเข้าหา สายตาคมซ่อนความมาดร้ายเอาไว้ภายใต้ใบหน้าเทพบุตร ริมฝีปากได้รูปพรมจูบวงหน้าผ่องอ้อยอิ่ง ปลายจมูกโด่งคลอเคลียสูดกลิ่นหอมรวยรินของแป้งร่ำผัดแก้ม อณูเนื้อตึงแน่นไปด้วยมัดกล้ามตระกองร่างเล็กกว่ากดแนบลงเตียง ลมหายใจคุกรุ่นเป่ารดผิวหน้านวล ความรู้สึกระอุลุกพรึ่บในกาย ไฟปรารถนาทำหน้าที่ของตนตามครรลอง รพีกานต์เหมือนคนสำลักความสุข ในขณะที่อัครวินท์ยิ้มร้ายอย่างเหี้ยมเกรียม

“อา พี่วินท์ กานต์ไม่ไหวแล้ว พอก่อน”

เสียงหวานครางห้ามเมื่อกิจกรรมรักล่วงเลยมายันย่ำเช้าเห็นตะวันแยงตา

“อืม กานต์น่ารัก พี่กินเท่าไหร่ก็ไม่รู้อิ่ม รู้ตัวไหม ตัวกานต์น่ะห๊อมหอม น่ารักน่ากินไปทั้งตัว จะทำให้พี่หลงไปถึงไหน ฮึ”

จูบประโลมร่างเล็กที่ตาปรือด้วยความเพลียจัดก่อนฟุบหลับคาอกไปทั้งอย่างนั้น อัครวินท์ดันกายเล็กออกหันหลังให้ ปิดเปลือกตาหลับลงเช่นกัน




พิกุลกรองคล้องหัตถ์ประภัสสร                   กลิ่นขจรภมรผึ้งคะนึงหา
พี่เพียรร้อยเพื่อกลอยแก้วขวัญชีวา              เสน่หาแก้วตาพี่รพีกานต์
                                        -มญชุ์สิตางศุ์-


 
“เป็นเอามากนะเจ้าณัฐ นี่ถึงขั้นเก็บพิกุลมาร้อยให้เขาเชียวหรือ”

อัศม์เดชรามือจากกระสอบทรายซ้อมมวยมองหนุ่มรุ่นน้องที่นั่งร้อยมาลัยดอกพิกุลอย่างตั้งอกตั้งใจ

“ผมไม่มีเงินถุงเงินถังซื้อสร้อยพิกุลทองแพง ๆ ให้กานต์นี่พี่เดช บ้านกานต์ฐานะดีออกขนาดนั้น ต้องอาศัยความจริงใจเข้าหานี่ละ เอาไว้เรียนจบมีงานทำ คงดูแลได้ดีกว่านี้”

“เออ แกคิดดีว่ะ ว่าแต่กานต์ตกลงปลงใจกับแกแน่แล้วหรือวะเจ้าณัฐ”

อนาคตเจ้าของค่ายมวยเอ่ยปากถามก่อนเตะป้าบหนักเข้าที่กระสอบทราย

“ยังไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปาก แต่ของแบบนี้ดูที่การกระทำสำคัญกว่าคำพูด”

ณัฐธีร์พูดพลางก้มมองมาลัยพิกุลในมือ วันนี้นัดกันไปกินข้าวเที่ยงที่บ้านรพีกานต์ก่อนเดินทางกลับ ชายหนุ่มจึงร้อยมาลัยพิกุลไปให้เช่นทุกที เมื่อเช้าไม่เจอตัว คุณรพินทร์บอกแต่เพียงว่าตัวยุ่งนอนดึกจนตื่นสายไม่ทันใส่บาตร

.................................
 :mew1:

นิยายยังเป็นต้นฉบับดิบนะคะ ยังมีรายละเอียดหลายอย่างที่ไม่ได้ใส่เข้าไป จริง ๆ บ้านคุณรพินทร์น่าจะต้องมีแม่บ้าน คนสวนด้วย แล้วก็รีไรต์กำลังคิดว่าควรจะปรับลุคน้องกานต์ให้แมนกว่านี้ดีไหม จบก่อนค่อยว่ากันเนอะ

แหวนดอกมะลิของรพินทร์ชื่อแหวนนวมลลิ์ เป็นแหวนที่อินทัชให้รพินทร์ก่อนจะชวนกันทิ้งทุกอย่างหนีไปอยู่เมืองนอก แล้วสุดท้ายก็ไม่ได้ไป

ส่วนวินเลวก็จริง แต่ฮีไม่นิยมการข่มขืน เพราะฮีหาที่ระบายได้สบาย ๆ แบบสมัครใจ เลยไม่จำเป็นต้องไปปลุกปล้ำคนไม่ยินยอม

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ^-^


 :katai5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-06-2016 10:41:41 โดย Moony_Darling »

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
นึกไม่ออกเลยว่าถ้าณัฐรู้ความจริงแล้วจะเจ็บปวดขนาดไหน :katai1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
อิวินเลวมาก!!

ออฟไลน์ ิbenz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
รอวันที่ณัฐรู้ความจริง

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
+เป็ด ชอบเรื่่องนี้มากเลยค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Baitaew

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 361
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
กานต์ซื่อและรักวินไปแล้วหมดหัวใจ ถ้าวันนั้นมาถึง... :katai1:

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
หูยยย....แรงงงง รอว่าจะแก้แค้นยังไง แล้วสองคู่พ่อลูก จะดราม่าขนาดไหน

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
เสน่หา...รักเอย ตอนที่๑๕

กินมื้อเที่ยงกันเสร็จ นั่งพักจนข้าวเรียงเม็ดแล้วรพีกานต์และณัฐธีร์จึงเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ อัครวินท์เดินทางล่วงหน้าไปก่อนเพราะต้องเช็กเอาต์ก่อนเที่ยง ระหว่างทางรพีกานต์นอนหลับมาตลอดทางเพราะเพลียจากกิจกรรมเมื่อคืน พี่ชายคนดีไม่ว่าอะไรนอกจากจับมือขาวขึ้นจูบเบา ๆ ทุกครั้งที่รถติดไฟแดง

ทางด้านอัครวินท์ที่จอดรถเทียบฟุตบาทก่อนเปิดประตูเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ

“อุ้ย ขอโทษค่ะ/ ขอโทษครับ”

ร่างสูงใหญ่เดินชนเข้ากับร่างเล็กบอบบางของหญิงสาวที่เดินสวนออกมาพอดีจนของในมือร่วงลงพื้น ต่างฝ่ายต่างกล่าวขอโทษซึ่งกันและกัน พลางต่างย่อกายลงเก็บขวดน้ำที่กลิ้งออกนอกถุง

“อุ้ย พี่วิน”

น้ำเสียงหวานอุทานอย่างตื่นเต้นเมื่อเงยหน้ามองบุรุษที่ยื่นขวดน้ำดื่มส่งคืนให้ อัครวินท์เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“รู้จักพี่หรือครับ”

อัครวินท์ถามด้วยแววตากรุ้มกริ่มเมื่อเห็นแววตาที่แสดงออกอย่างเปิดเผยของหญิงสาว

“คนดังของมหาวิทยาลัย อดีตเดือนคณะบริหารฯ ปีที่แล้ว คิ้วท์บอยที่ยอดฟอลโลหลักหลายหมื่น ทำไมเนิร์สจะไม่รู้จักล่ะคะ เคยเจอพี่วินที่สนามเทนนิสด้วย แต่เนิร์สไม่กล้าทัก”

สาวน้อยร่ายยาวก่อนหลุบสายตาลงต่ำก้มหน้างุด แก้มขาวใสแต้มสีระเรื่อเหมือนป้ายอุทัยทิพย์ อัครวินท์มองพิจารณาวงหน้าผ่องใสของสาวน้อยน่ารักไซซ์มินิก่อนยกยิ้ม

“คราวหน้าเข้ามาทักได้เลยนะคะ คนน่ารักพี่ไม่ปฏิเสธหรอก ว่าแต่น้องเนิร์สเรียนอยู่คณะอะไรหรือคะ”

คำลงท้ายว่า ‘คะ’ ที่ชายหนุ่มพูดกับสาวน้อยยิ่งทำให้หัวใจคนฟังพองฟูราวกับจะบินได้ จากที่เคยติดตามผ่านโซเชียล แอบตามกรี๊ดอยู่ห่าง ๆ ในมหาวิทยาลัย พอบังเอิญได้เจอตัวเป็น ๆ ในระยะใกล้แบบไม่ทันตั้งตัว หญิงสาวก็ตื่นเต้นจนแทบควบคุมตัวเองไว้ไม่ได้

“เนิร์สเรียนเภสัชฯ ค่ะ” เนิร์สฉีกยิ้มหวาน

“หือ หมอยาสินะ ถ้าพี่ไม่สบายไม่อยากไปหาหมอ พี่รบกวนให้คุณเภสัชฯ ช่วยดูแลได้หรือเปล่าคะ”

อัครวินท์เอ่ยแซ็ว หยอดสายตาหวานจ้องมองลึกซึ้ง

“ได้ค่ะ เนิร์สจะตั้งใจเรียนนะคะ จะได้ดูแลพี่วินได้” สาวน้อยรับปากมั่นเหมาะ

“แล้วนี่น้องเนิร์สรถจอดที่ไหนคะ เดี๋ยวพี่ช่วยถือของเดินไปส่งที่รถ ตัวเล็กกะเปี๊ยกแค่นี้ถือของหนักพะรุงพะรัง ให้พี่วินดูแลนะคะ”

“เนิร์สมารถเมล์ค่ะ พอดีอยากลองนั่งรถเมล์ดูบ้าง เลยทิ้งรถไว้ที่บ้าน”

“งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งนะ แล้วนี่น้องเนิร์สกินข้าวหรือยังคะ พี่วินหิวข้าวมากเลย กำลังหาเพื่อนกินข้าวด้วยอยู่พอดี”

สาวน้อยพยักหน้าหงึกหงักตอบตกลง สองร่างเดินเคียงคู่กันไปขึ้นรถโดยอัครวินท์เป็นฝ่ายเปิดประตูให้ เมอร์เซเดสคันหรูแล่นออกไป พร้อมหัวใจของชายหนุ่มที่โบยบินตีจากรพีกานต์เช่นกัน



“ทำไมพี่วินอ่านไลน์แล้วไม่ตอบนะ โทรหาก็ไม่รับเลย”

รพีกานต์พึมพำสีหน้าหงอย เดินงุ่นง่านวนไปเวียนมาเป็นเสือติดจั่นอยู่ในห้อง หลังกลับจากบ้านนี่ก็ล่วงผ่านไปหลายวันแล้วที่อีกฝ่ายขาดการติดต่อไปเสียดื้อ ๆ  โดยไม่บอกไม่กล่าว รพีกานต์ส่งไลน์หา ขึ้นว่าเปิดอ่านแต่ไม่ตอบ พอโทรหาก็ไม่รับสาย สร้างความงุนงงแก่รพีกานต์นักหนา ขุ่นเคืองใจอะไรหนอ ทำไมไม่พูดจาอธิบายกันให้แจ้งใจ

รพีกานต์ลดโทรศัพท์ที่กดโทรออกลง มือกดเข้าดูแอปพลิเคชันเพื่อดูความเคลื่อนไหวของอัครวินท์ ดวงตากวางชะงักค้างกับรูปที่เพิ่งอัปเดตสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อครู่ โดยใครคนหนึ่งเป็นผู้ติดแท็กมาให้ เป็นรูปอัครวินท์กับสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่ง ดวงตาสวยสั่นระริก โทรศัพท์แทบร่วงหลุดมือ ขอบตาร้อนผ่าวขณะจ้องมองรูปในโทรศัพท์ สองหนุ่มสาวในอิริยาบถเฉกเช่นคนรัก ไม่ต่างจากที่เขาเคยปฏิบัติกับรพีกานต์มาแล้ว หัวใจดวงน้อยบีบตัวรุนแรงเหมือนถูกกระชากออกจากอกไม่ทันตั้งตัว

 “พี่วิน หมายความว่ายังไง”

มือเรียวกดปุ่มโทรออกยิก ๆ ด้วยความว้าวุ่นใจและต้องการคำอธิบายโดยด่วน มีเพียงสัญญาณรอสายก่อนจะตัดไป แต่รพีกานต์ไม่ยอมแพ้ กดโทรอีกหนจนไม่สามารถติดต่อได้ ไม่รู้ว่าแบตฯ หมด หรือเจ้าของโทรศัพท์จงใจปิดเครื่องหนีกันแน่ รพีกานต์ทิ้งตัวนั่งปุลงบนเตียงก่อนแผ่หลาลงบนที่นอน มือก่ายหน้าผาก ฟันขบริมฝีปากอย่างสับสน จิตใจว้าวุ่นฟุ้งซ่านไม่ต่างจากคนบ้า สมองคิดวนเวียนเหมือนพายเรือในอ่าง ก่อนจะรู้สึกเปียกชื้นที่หางตาจากหยาดน้ำที่กลั่นตัวไหลรินไม่รู้ตัว

“พี่วิน...”

มือยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกหน ดวงตาพร่าพราวด้วยหยาดน้ำเอ่อขังมองรูปที่มียอดไลก์กระหน่ำตามด้วยข้อความโพสต์แซ็วจากคนรู้จักของชายหนุ่มที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามความฮอตของอัครวินท์ อะไรก็ไม่ปวดใจเท่ารูปที่อัครวินท์เป็นคนโพสต์ขึ้นเองสด ๆ ร้อน ๆ ที่โชว์ผางขึ้นหน้าจอพร้อมแคปชัน

 ‘มาสอนสาวเภสัชฯ ตีเทนนิส’

รูปสองหนุ่มกำลังถือไม้เทนนิสฉีกยิ้มเซลฟี่ให้กล้องโดยสาวน้อยเอนกายพิงอกอัครวินท์แสดงความสนิทสนมเต็มที่ รูปนั้นรูปเดียวที่กระชากร่างโปร่งให้ลุกจากที่นอน มือสั่นเทาคว้ากุญแจรถขับตรงลิ่วไปสนามเทนนิสของมหาวิทยาลัย หัวใจร้าวรานสับสนอึดอัดเหมือนคนจมน้ำ รพีกานต์ไม่ทันตั้งรับกับความรู้สึกนี้มาก่อน จู่ ๆ คลื่นความผิดหวังก็สาดโถมซัดกระหน่ำเข้าหา คนไม่ทันตั้งตัวจึงต้องตะเกียกตะกายหายใจไม่ออกอยู่ในกระแสเชี่ยวกราก

เอี๊ยด!

รถเบรกตัวลงกะทันหัน รพีกานต์ว้าวุ่นขาดสติ มือหยิบโทรศัพท์ขึ้นดูก่อนปล่อยโฮ ไหล่เล็กไหวสะท้าน สะอื้นฮักอย่างคนใจจะขาดเมื่อเห็นรูปที่อัพเพิ่ม

“ฮึก! พี่วินจะทิ้งกานต์แล้วหรือครับ ทำไม ฮึก...”

ความทรมานนี้มันช่างบีบรัดหัวใจเหลือเกิน ทั้งสับสนทั้งงุนงง กระนั้นก็อยากจะได้ยินจากปาก รถออกตัวอีกครั้งแล่นไปจนถึงจุดหมาย รพีกานต์เช็ดหน้าตาลวก ๆ ก่อนเดินเข้าไปข้างใน  สอดส่ายกวาดสายตาหาก่อนจะชะงักค้างกับคำตอบ ภาพที่เห็นตีแสกหน้าจัง ๆ เหมือนถูกสาดด้วยน้ำเย็นจัด รพีกานต์ ก้าวขาไม่ออก ยืนเคว้งมองภาพเขากับคนอื่นตำตาตำใจอยู่อย่างนั้น

“พี่วิน...”

เสียงครางชื่อแผ่วหวิวกลืนหายไปในลำคอตีบตัน ภาพตรงหน้าชัดเจน เหมือนเข็มนับหมื่นกระหน่ำทิ่มแทงหัวใจไม่ขาด หยาดน้ำอุ่นไหลลงอาบแก้มไร้เสียงสะอื้น ภาพตรงหน้าพร่าเลือนด้วยม่านน้ำตา หยาดน้ำหลั่งลงรดใจที่ถูกหักหลัง ย่ำยีความรู้สึกกันอย่างเลือดเย็น เหมือนจะรู้ตัวว่าถูกมอง อัครวินท์หันหน้ามาทิศทางที่รพีกานต์ยืนอยู่พอดี สายตาคมสบกับสายตาตัดพ้อที่ส่งให้ด้วยความเสียใจอย่างท่วมท้น ไม่มีน้ำคำต่อว่าต่อขานให้ระคายหู มีเพียงคำพูดนับล้านที่ส่งผ่านมาทางสายตามันแทนความรู้สึกทุกอย่างได้เป็นอย่างดี รพีกานต์ไม่ได้ก้าวเท้าเข้าไปหา ไม่โวยวายตีอกชกลมต่อหน้า ไม่ทำอะไรมากไปกว่ามอง มองอยู่อย่างนั้น มองให้สาแก่ใจที่แหลกสลาย จนคนถูกมองเป็นฝ่ายรู้สึกเสียเอง

“พี่วินคะ”

เสียงเรียกมาพร้อมเยลลีชิ้นเล็กที่จ่อใกล้ปาก อัครวินท์สบตารพีกานต์ก่อนหันไปอ้ารับขนมจากสาวน้อย เหมือนถูกฝ่ามือที่มองไม่เห็นสะบัดตบ น้ำตาไหลหลั่งเป็นสายราวน้ำป่าทะลัก รพีกานต์พาร่างอ่อนแรงแทบล้มทั้งยืนของตัวเองออกมาจากตรงนั้นด้วยไม่สามารถทนมองภาพบาดตาได้อีกต่อไป

“โอ๊ะ!”

ร่างโปร่งซวนเซออกมาจนชนเข้ากับใครคนหนึ่ง

“อ้าวน้องกานต์นี่”

เสียงนั้นร้องทัก รพีกานต์เหลือบตาขึ้นมองนิดหนึ่งเพื่อจะเอ่ยปากขอโทษ แต่ประโยคถัดมาที่ได้ยินทำเอาพูดไม่ออก

“ทำไมหน้าตาเป็นสภาพนี้ อ๋อ วิ่งออกมาจากทางนั้น ถูกไอ้วินมันเขี่ยทิ้งแล้วสินะ อย่างว่าแหละ เงินเดิมพันแค่พันเดียว ขี้เล็บไอ้วินยังแพงกว่าเลย ไอ้เชี่ยวินมันเคลมเสร็จก็เขี่ยทิ้งเป็นเรื่องปกติ สาว ๆ รอคิวมันเยอะ” อีกฝ่ายพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ

 “พี่ว่าอะไรนะครับ เดิมพันอะไร” รพีกานต์แค่นเสียงทวนคำเสียงสั่นระริกอย่างไม่เชื่อหู

“พวกพี่พนันกันว่า ใครจีบน้องได้ เอาไปพันนึง ห่าวินชนะก็จริง แต่ค่าเหล้าที่มันเลี้ยงฉลองกันกับเพื่อน ๆ แพงกว่าเงินพันนึงที่มันได้แล้วก็เอายัดหน้าอกตู้ม ๆ ของสาวเชียร์เบียร์เสียอีก ฮ่า ๆ”

เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ รพีกานต์ชาดิกไปทั้งตัวเมื่อได้กระจ่างใจถึงสาเหตุที่จู่ ๆ อัครวินท์ก็เข้าหากัน ทำทีเอาอกเอาใจเสียเต็มประดา

“ไอ้วินมันเบื่อ น้องจะมาทางนี้ก็ได้นา พี่ยินดีอ้าแขนรับเสมอ”

อีกฝ่ายบอกพร้อมย่างสามขุมเข้าหา รพีกานต์ส่ายหน้าหวือถอยกรูด ก่อนจะสะบัดมือที่น่าสะอิดสะเอียนออกพ้นตัว แล้วรีบวิ่งหนีออกมาทันที

“แฮ่ก ๆ ฮึก...ฮือ”

ไหล่เล็กห่อลู่ไหวสะท้าน ร่างสั่นระริกนั่งสะอึกสะอื้นอยู่หลังพวงมาลัย มือขยุ้มหน้าอกด้านซ้ายสั่นเกร็ง มันเจ็บเหมือนใจจะขาดทั้งที่ยังหายใจ เสียงรุ่นพี่คนนั้นดังก้องในหัวสลับกับเสียงหัวใจกรีดร้องอย่างทุกขเวทนาราวสัตว์บาดเจ็บ กำปั้นเล็กหวดทุบหน้าอกด้านซ้ายปึก ๆ หมายให้ความเจ็บกายภายนอกมีมากกว่าความเจ็บที่หัวใจ เจ็บกายยังมียารักษาหาย แต่เจ็บที่หัวใจ รพีกานต์เพิ่งได้ลิ้มรสเป็นครั้งแรกด้วยน้ำมือของคนที่รักหมดหัวใจ แค่สายตาเฉยเมยของเขาก็มีอานุภาพเหมือนมีดกรีดหัวใจจนเป็นแผลเหวอะ และน้ำตาของรพีกานต์ก็ไหลอาบลงราดรดแผลนั้นสำทับอีกที ไม่ต่างจากคนมีแผลฉกรรจ์สด ๆ แล้วถูกราดด้วยน้ำเกลือ แผลราดด้วยน้ำเกลือยังช่วยสมาน แล้วแผลที่ราดด้วยน้ำตานี้ รพีกานต์จะต้องทำอย่างไร

รถกระชากตัวออกจากที่จอดด้วยสภาพจิตใจแสนย่ำแย่ของคนขับ น้ำตาเอ่อขังบดบังการมองเห็น แต่รพีกานต์ก็ยังฝืนขับต่อไปเรื่อย ๆ ทั้งที่สะอื้นฮักไปตลอดทาง

 “ฮือ...พี่วิน”

เสียงกรีดร้องข้างในใจมันโหยหวน ใบหน้าที่เคยผ่องใสแดงจัดยับยู่ยี่เปรอะไปด้วยคราบน้ำมูกน้ำตา  ทรมาน ทรมานเหลือเกิน... เหมือนปลาช่อนถูกสันมีดทุบหัวดิ้นพราด ๆ  ตะเกียกตะกายหนีอย่างน่าเวทนา ไม่ต่างจากรพีกานต์ในตอนนี้

“พวกพี่พนันกันว่า ใครจีบน้องได้ เอาไปพันนึง ห่าวินชนะก็จริง แต่ค่าเหล้าที่มันเลี้ยงฉลองกันกับเพื่อน ๆ แพงกว่าเงินพันนึงที่มันได้แล้วก็เอายัดหน้าอกตู้ม ๆ ของสาวเชียร์เบียร์เสียอีก ฮ่า ๆ”

น้ำเสียงตามหลอกหลอนแสลงหูประหนึ่งปีศาจร้ายกำลังแผดเสียงหัวเราเยาะเย้ยให้คนโง่งม ภาพแววตาหมางเมินของอัครวินท์ สีหน้าหฤหรรษ์ของคนที่สนุกกับการเล่นกับหัวใจคน และหัวใจพิศุทธิ์ที่ถูกย่ำยีไม่มีชิ้นดี ดวงตาพร่าด้วยม่านน้ำตา สติ
 เอี๊ยด! โครม!



วันวานเคลื่อนผ่านดั่งสายธารไม่ไหลย้อนกลับ...

รพีกานต์ไม่รู้ว่าเวลาล่วงผ่านไปนานเท่าไหร่ เปลือกตาหนักอึ้งลืมไม่ขึ้นเหมือนถูกหินก้อนใหญ่กดทับ ต้องขยับหลุกหลิกไปมาอยู่ครู่หนึ่งจึงปรือขึ้นมองได้บ้าง ภาพแรกปรากฏต่อสายตาคือภาพเพดานห้องไม่คุ้นตา หัวคิ้วขมวดมุ่นมึนงงด้วยยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ลองขยับตัวกระดูกกระเดี้ยวก็พานร้าวระบมไปหมดเหมือนถูกทุบจนป่นละเอียดไปทั้งร่าง ครั้นจะเปล่งเสียง ลำคอก็แห้งผากแทบเป็นผุยผง ศีรษะหนักอึ้งปวดตุบ ๆ สมองประมวลภาพมึนเบลอไปหมด จนต้องหยุดอยู่นิ่ง ๆ สักครู่ ดวงตาเรียวหวานหลุบต่ำมองความอุ่นอวลที่รู้สึกได้จากตรงมือ แวบหนึ่งหัวใจเต้นรัวขึ้นด้วยความยินดีประหนึ่งต้นไม้แห้งเฉาได้ฝนแรกชโลม เมื่อเห็นใครคนหนึ่งที่กุมมือฟุบหลับข้างกาย

...พี่วิน...       

เหมือนร่างกายฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ภาพความทรงจำก่อนเกิดอุบัติเหตุกรอกลับมาอีกหน

...พี่วินมาหากานต์ใช่ไหม พี่วินกลับมาหากานต์แล้ว...

ความปลาบปลื้มผุดวาบขึ้นในดวงตาเสมือนลำแสงสว่างไสวสาดประโคมลงมาหา ความปวดร้าวระบมไปทั้งกายทุเลาลงฉับพลันแทบหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อหัวใจอิ่มเอิบ แค่อัครวินท์กลับมา ความหมางใจก่อนหน้าก็อันตรธานวับ

“อือ”

เสียงครางแผ่วเบาเคลื่อนผ่านลำคอขณะร่างนั้นขยับเปลี่ยนอิริยาบถ ใบหน้าที่พลิกตะแคงหันมาให้เห็นได้ถนัดถนี่ทลายความหวังภิณท์พังลงเป็นเสี่ยง ๆ เมื่อคนที่นอนเฝ้าดูแลกันไม่ใช่อัครวินท์...

...พี่ณัฐ...

ความผิดหวังแล่นจุกลิ้นปี่ หยาดน้ำตารื้นเอ่อขังท่วมดวงตาก่อนจะไหลรินลงเงียบเชียบ ภาพความสุขสมกับอัครวินท์ลำดับผ่านเข้ามาสมองมาเป็นฉาก ๆ ก่อนตัดจบด้วยภาพชายหนุ่มอยู่กับคนอื่นตำตาตำใจโดยไม่ใยดีกัน รพีกานต์เจ็บหนักเขาก็ยังไม่มาเหลียวแล...คนใจดำ

มือบางสั่นระริก ร้าวรานทั้งใจและกายเหลือจะเอ่ย เหมือนเข็มนับหมื่นนับพันพุ่งตรงเข้าทิ่มแทง ถึงตายเขาก็คงจะไม่มาเผาผีกัน!

“กานต์”

ณัฐธีร์ผงกศีรษะขึ้นขยี้ตา ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นน้องน้อยฟื้นสติแล้ว พี่ชายคนดีตกใจหนักหนาที่เห็นน้องน้ำตาไหล

“กานต์เจ็บตรงไหนหรือครับ” มือหนากุมมือบางอย่างร้อนรน

“เดี๋ยวพี่โทรตามหมอให้นะครับ”

ร่างสูงผุดลุกผละไปโทรเรียกแพทย์เจ้าของไข้ จังหวะเดียวกับที่ประตูห้องเปิดออกผลัวะพร้อมร่างสูงระเหิดระหงของรพินทร์ก้าวเข้ามาในห้อง

“กานต์ลูก ฟื้นแล้วหรือครับ”

รพินทร์วางข้าวของที่ซื้อติดมือมาลงไว้บนโต๊ะ ก่อนจะตรงดิ่งมาหาลูกทันที ใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่เห็นลูกฟื้นคืนสติ ก่อนหน้าตอนรู้ข่าวจากณัฐธีร์ รพินทร์ใจหายใจคว่ำ หัวอกคนเป็นพ่อหวาดวิตกไปต่าง ๆ นานา ซึ่งณัฐธีร์เองก็กลัดกลุ้มใจเป็นอย่างมาก คอยเฝ้าดูอาการอยู่ไม่ห่าง

“ขวัญเอย ขวัญมานะลูก พ่อตกใจหมด ตอนพี่ณัฐโทรไปบอกว่ากานต์เกิดอุบัติเหตุ”

รพินทร์กอดปลอบรับขวัญลูก ทว่าดวงตาแดงช้ำทำให้รู้สึกเอะใจบางอย่าง รพินทร์เลี้ยงดูใกล้ชิดกับรพีกานต์มาตลอด สนิทชิดเชื้อเป็นทั้งพ่อ ทั้งพี่ และเพื่อนในคราวเดียวกัน ลูกผิดแปลกไปจากทุกทีทำไมจะไม่รู้สึก ไม่พ้นคงเกี่ยวกับอัครวินท์เป็นแน่ จนตอนนี้ก็ยังไม่เห็นฝ่ายนั้นเยี่ยมหน้ามาให้เห็น

รพีกานต์เผยอปากน้อย ๆ พยายามจะร้องขอน้ำดื่มแก้กระหาย ณัฐธีร์นึกขึ้นได้รีบกุลีกุจอรินน้ำใส่แก้วมาให้ รพินทร์ปรับเตียงขึ้นให้สะดวก สายตาห่วงหาสองคู่ทอดมองลูกนกบาดเจ็บด้วยความห่วงใยสุดหัวใจ

 “คราวหน้ากานต์อยากจะไปไหน กานต์โทรบอกพี่นะครับ ต่อให้ยุ่งยังไง พี่ก็จะพากานต์ไปเอง”

ณัฐธีร์เสียงสั่นจูบมือบางอย่างถนอม หัวใจแทบหยุดเต้นตอนรู้ว่าน้องน้อยประสบอุบัติเหตุ รถแฉลบชนต้นไม้ข้างทาง ร่างสูงรีบผลุนผลันออกมาจากห้องประชุมองค์การฯ นิสิต ทันทีที่ทราบเรื่อง

“จริงสิ ณัฐ พ่อลืมซื้อแชมพูสระผมมาด้วย ณัฐไปซื้อให้หน่อยได้ไหม”

รพินทร์ถามแกมขอร้อง ณัฐธีร์พยักหน้ารับโดยง่าย แพทย์เจ้าของไข้และพยาบาลเข้ามาตรวจดูอาการ รพินทร์รอจนเสร็จเรียบร้อยจึงทิ้งกายนั่งลงข้างลูกรัก มือขาวลูบหลังมืออ่อนโยน ใบหน้าระบายรอยยิ้มอ่อนโยนส่งให้

“กานต์หิวไหมลูก”

รพีกานต์ส่ายหน้า ดวงตาแดงช้ำเหม่อลอย ก่อนหยาดน้ำใสจะไหลพรากทะลักทลายอย่างอดรนทนไม่ไหวเมื่อเห็นสายตาของบิดา

“ฮึก! พ่อครับ พี่วิน ฮือ...”

รพีกานต์สะอื้นฮัก ความทรมานเจียนตายพุ่งเข้าขยี้ดวงใจพิศุทธิ์ ความเสียใจบีบคั้นอึดอัดจนหายใจไม่ออกเหมือนคนตะเกียกตะกายอยู่ในกระแสน้ำวน

“กานต์ยังมีพ่อกับพี่ณัฐนะลูก รู้ไหมว่าพ่อใจหายแค่ไหน ตอนรู้ข่าวว่ากานต์ขับรถชนต้นไม้”

รพินทร์ลูบศีรษะบุตรชายแผ่วเบา น้ำตาของลูกสร้างความปวดร้าวแก่เขาไม่น้อย แต่มันจะเป็นบทเรียนสำคัญให้ลูกแข็งแกร่งขึ้นอีกขั้นหากผ่านไปได้

“กานต์เจ็บ ฮึก พ่อครับ กานต์เจ็บ”

ร่างเล็กคู้ตัว มือกุมหัวใจสะอื้นฮัก กายสั่นสะท้าน รพีกานต์ไม่เคยเจอกับความผิดหวังมาก่อนไม่ว่าเรื่องอะไร หัวใจดวงน้อยเหมือนถูกเหยียบขยี้จมดิน ภาพความรัก สัมผัสจากอัครวินท์ยังตามหลอกหลอนความรู้สึกอยู่ไม่คลาย

“กานต์ตั้งสติหน่อยลูก กานต์ มองพ่อ กานต์อย่าทำแบบนี้”

รพินทร์พยายามดึงสติที่กำลังเตลิด คนไม่เคยรัก ไม่เคยสัมผัสกับความผิดหวังมาก่อนย่อมจะตั้งตัวไม่ทันกับการหักหาญแบบกะทันหัน

“พี่วินไม่รักกานต์แล้วครับพ่อ ฮึก กานต์ผิดอะไร ทำไม...ทำไม”

รพีกานต์คร่ำครวญอย่างทุกข์ทรมาน ใบหน้าซุกหมอนร้องไห้จนเปียกชุ่ม รพินทร์ปล่อยให้ลูกได้ระบายโดยตนเองคอยเฝ้ามองอยู่ไม่ห่าง ไม่ให้ลูกเผลอทำร้ายตัวเอง เส้นทางชีวิตที่ดูเหมือนโรยด้วยกลีบดอกไม้ หากเมื่อลูกย่างเท้าลงย่ำและได้พบว่าภายใต้ความสวยงามนั้นมีหนามแหลมคมซุกซ่อนอยู่ข้างใต้ จากนี้ลูกจะรู้จักรักอย่างระวัง เหมือนอย่างที่รพินทร์เคยเจอมาแล้ว

“ความรักไม่มีผิดถูกหรอกลูก มีแต่รักกับไม่รักเท่านั้นแหละ ต่อให้เราดีแค่ไหน ถ้าคนมันจะหมดรัก มันก็หมดได้ง่าย ๆ อย่าพยายามหาเหตุผลกับความรักเลย และก็อย่าโทษตัวเอง”

รพินทร์กรีดหยาดน้ำตาออกจากพวงแก้มใส สายตาอ่อนโยนทอดมองลูกน้อย

...ลูกเอ๋ย เจ้าเจ็บทั้งกายและใจถึงเพียงนี้ แต่ใจก็ยังผูกปฏิพัทธ์ต่อรักที่จากลา คร่ำครวญหากับรักที่โบยบิน...

“ถ้ากานต์เป็นผู้หญิง พี่วินจะกลับมาหากานต์ไหมครับ ถ้างั้นกานต์จะเป็นผู้หญิง ลุงหมอยังไม่ได้ตัดมดลูกข้างในของกานต์ออก พ่อ...พ่อติดต่อลุงหมอให้กานต์ที กานต์จะเป็นผู้หญิง พี่วินจะได้กลับมาหากานต์ นะครับพ่อ ติดต่อลุงหมอให้กานต์นะครับ ฮึก...กานต์รักพี่วิน พ่อครับ ติดต่อลุงหมอให้กานต์”

รพีกานต์โพล่งขึ้นเหมือนคนขาดสติ ความคิดตีกันยุ่งเหยิง มือเล็กกุมมือบุพการีอย่างวิงวอนจนดูน่าสงสารในคราวเดียว รพินทร์ที่ได้ยินถึงกับสะอึก

“กานต์...กานต์ต้องการแบบนั้นจริง ๆ หรือลูก” รพินทร์ถามย้ำ ย้ำเพื่อเรียกสติลูกรัก

“กานต์...กานต์”

รพีกานต์อึกอักอย่างสับสน ดวงตาบวมช้ำส่ายลอกแลกไปมาอย่างลังเล

“รูปกายภายนอกจะรั้งหัวใจคนได้สักกี่วันกัน กานต์กำลังทรมานกับการยึดติดในสิ่งที่ไม่มีอยู่แล้วนะลูก ถ้าทุเลาลงได้ วันหนึ่งกานต์จะเข้าใจ ทุกอย่างต้องใช้เวลา แต่ตอนนี้กานต์ต้องยอมรับความจริงว่า กานต์ไม่มีพี่วินอีกแล้ว”

รพินทร์ขอบตาร้อนผ่าวเมื่อต้องเอ่ยย้ำความจริงแก่ลูก รพีกานต์ชะงักนิ่ง น้ำตาไหลกับความจริงที่ใจยังตั้งรับไม่ทัน

“กานต์เจ็บ...ฮึก กานต์เจ็บ” รพีกานต์ย้ำประโยคเดิมซ้ำ ๆ

“รักที่ไม่สมหวังมันก็เป็นแบบนี้แหละลูก จะเรียกว่าดาบสองคมก็ไม่ผิดนัก กานต์ยังมีพ่อนะลูก พี่ณัฐก็ยังอยู่ข้าง ๆ กานต์ต้องอยู่ให้ได้ ต้องผ่านมันไปให้ได้นะลูกนะ”

รพินทร์กุมมือสั่นเทา พยายามอย่างยิ่งยวด แม้จะรู้ดีว่าคำพูดปลอบใจมากมายในตอนนี้ไม่อาจช่วยอะไรกับหัวใจที่ยุ่งเหยิง ยังไม่พร้อมเปิดรับ รพินทร์นั่งมองดูลูกรักร้องไห้ด้วยความร้าวระทมในใจไม่ต่าง ดวงตาคนเป็นพ่อแดงก่ำ มือบางพยายามกุมมือลูกรักปลอบประโลม รพีกานต์ร้องไห้จนอ่อนแรง ทั้งแสบจมูกและปวดศีรษะ ดวงตาเอ่อคลอเหม่อลอย ภาพวันวานเก่าก่อนกับอัครวินท์ยังวนเวียนฉายซ้ำ ราวกับจะตอกลิ่มย้ำชัดลงไปในใจให้แทบกระอัก

รักเอย...ยามรักสุดเกษมศานต์ปานน้ำเกสรดอกไม้ผลิแย้ม
ยามจากจร ไฉนเลยแทบพร่าชีวิต
ฮึก...
จะหนีพ้นอย่างไรกับความเจ็บปวดเจียนตายนี้
เมื่อภาพความรักวันวานยังผูกเกลียวรัดแน่นไม่คลาย
...



ความเย็นชื้นที่ผิวหน้าปลุกรพีกานต์จากหลับใหล หลังร้องไห้จนผล็อยหลับไป ดวงตาบวมช้ำลืมมองเจ้าของสัมผัสอ่อนโยนที่กำลังขะมักเขม้นในการเช็ดตัวให้

“พี่ทำให้กานต์ตื่นหรือ”

ณัฐธีร์รามือจากใบหน้าขาวซีด เอ่ยถามอย่างห่วงใย คุณรพินทร์บอกแต่เพียงว่ารพีกานต์ปวดแผลจนร้องไห้แล้วผล็อยหลับไปตอนที่เขากลับมาพอดี ชายหนุ่มกังวลนักหนา ถ้าเลือกได้เขาก็อยากเป็นฝ่ายเจ็บแทนเสียเอง

“พี่ขอโทษนะ ที่พี่ดูแลกานต์ได้ไม่ดี จนกานต์ต้องเป็นแบบนี้ ทั้งที่พี่รับปากคุณรพินทร์เป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วแท้ ๆ”

ณัฐธีร์ไล่เช็ดตัวให้อย่างแผ่วเบา ไม่รังเกียจแม้ฝ่าเท้าของน้องน้อย มืออุ่นกดปลายนิ้วนวดฝ่าเท้าให้เพื่อช่วยผ่อนคลาย

“พี่ณัฐไม่ต้องขอโทษหรอกครับ พี่ณัฐไม่ผิดหรอก กานต์โตแล้ว ต้องดูแลตัวเองบ้าง”

รพีกานต์ยิ้มอ่อนแรงให้พี่ชายคนดี

“กานต์กินอะไรหน่อยไหม จะได้กินยานะครับ”

“กานต์อยากเข้าห้องน้ำหน่อยครับ”

ณัฐธีร์พยักหน้ารับ ร่างสูงรีบกุลีกุจอพยุงร่างเล็กกว่าเข้าห้องน้ำไปทำธุระ รพีกานต์มองสภาพย่ำแย่ของตัวเองในกระจก หยาดน้ำตาไหลรินซ้ำอีกคำรบกับความจริงที่ได้เจอ

"พี่วินจะไม่กลับมาอีกแล้วใช่ไหมครับ ฮึก...พี่วิน กานต์รักพี่วิน"

ภาพใครคนหนึ่งร้องไห้เป็นเผาเต่าด้วยสภาพเจียนขาดใจปรากฏในกระจกต่อหน้า รพีกานต์ตัวสั่นเทามือกุมหัวใจที่จวนเจียนจะขาดรอนโดยที่เขาก็ไม่ได้มารับรู้

รักเอย...ใยปวดร้าวถึงเพียงนี้




อาหารที่ผ่านลงลำคอรสชาติเป็นอย่างไร รพีกานต์ไม่ได้สนใจรับรู้ ร่างเล็กเพียงแค่ตักใส่ปาก เคี้ยวแล้วก็กลืนลงคอให้พอแค่รองท้องก่อนกินยา สายตายังเหลือบมองประตูในบางครั้งด้วยหวังเล็ก ๆ ว่าอัครวินท์จะมาเยี่ยมหา แต่มันก็เป็นเพียงความหวังลม ๆ แล้ง ๆ เมื่อคาดหวังก็ย่อมผิดหวัง

“กานต์กินผลไม้ด้วยเนอะ เดี๋ยวพี่ปอกแอปเปิลให้นะครับ”

ณัฐธีร์ลุกไปจัดแจงให้ รพีกานต์มองแผ่นหลังตรงแน่วแน่ไม่ต่างจากหัวใจซื่อตรงของเจ้าของที่กุลีกุจอดูแลกัน พี่ณัฐดีแสนดี แต่รพีกานต์กลับให้ได้แค่พี่ชาย ใครอีกคนร้ายแสนร้ายกระนั้นก็ยังเฝ้าหวังว่าเขาจะมาเยี่ยมเยียนดูใจกันบ้าง ทั้งที่สมองก็รู้เห็นทุกอย่าง ทำไมถึงสั่งให้ใจรักพี่ณัฐไม่ได้ แค่ใจไพล่กระหวัดถึง น้ำตาก็พานจะไหลลงเป็นสาย

“กานต์หายแล้ว เดี๋ยวพี่พาไปเที่ยวทะเลใกล้ ๆ เดือนหน้าวันเกิดกานต์ด้วยนี่นา ครบสิบแปดเต็ม พี่ไม่พรากผู้เยาว์แล้ว”


 :mew4:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
มีความดราม่า เฮ้อ~

ออฟไลน์ ิbenz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
อ่านแล้วสะเทือนใจพอสมควรคับแต่ยังอยากให้กานต์เจ้บปวดมากกว่านี้คงจะชาเวลาที่คนนั้นสำนึกผิด ปล.ถ้าสมมตติพี่ณัฐรู้ความจริงแต่ทำเป็นไม่รู้คงจะได้ใจคนอ่านอย่างผมไปเต็มๆ สู้ๆๆ หนังดีต้องเชียร์คับ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ปล่อยมันไปกานต์ แค่เจ้ากรรมนายเวร หาผัวใหม่ดีกว่าลูก เรายังหนุ่มยังแน่น

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ได้อ่านซะที พิจารณาพี่ณัฐเลย พลาดแล้วครั้งหนึ่งอย่าให้พลาดซ้ำนะ
รอ รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อีวินเลวมากๆ  :z6: :z6: :z6:

ออฟไลน์ Baitaew

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 361
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
สงสารกานต์กับณัฐ  :m15:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
รอการอัพเรื่องนี้เหมือนใจจะขาด
สงสารพ่อลูกคู่นี้ที่โดนพ่อลูกตระกูลนี้หลอก   
ตัวพ่อวินเองก็เหมือนหลอกพ่อฝั่งนี้แล้วก็ตัวเองก็มีแฟนใหม่หลังจากเลิกกับเมียไป
สงสารณัฐที่เฝ้ารักเฝ้าดูแลแต่ก็โดนโจรใจทรามมาหลอกเอาไปเชยชมแล้วก็ขยี้ด้วยเท้า
อันนี้ไม่ใช้แค่เรื่องเปิดซิงหรือไร  สำหรับเราเรื่องนั้นไม่ใช่แรื่องใหญ่
แต่เป็นว่าของที่เฝ้ารักให้คุณค่ามากลับมามีคนเอาไปทำลายมากกว่า
หวังว่าวินคงจะไม่ใช่พระเอกนะเพราะเรามองไม่เห็นความรักจากฝ่ายนั้นเลย
ที่กลัวที่สุดก็คือใจกานต์เองที่ขนาดเห็นเต็มตา ได้ยินเต็มหูก็ยังไม่มีสติ
ขนาดถึงกับอยากเป็นผู้หญิงเพียงเพื่อรั้งให้อีกฝ่ายเอาไว้
คือมันรุนแรงมากๆค่ะกับความรู้สึกรักของนายเอกเรา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด