<< อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> [Pre orderพิมพ์ครั้งใหม่ 4 ก.ย.-5ต.ค.61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> [Pre orderพิมพ์ครั้งใหม่ 4 ก.ย.-5ต.ค.61]  (อ่าน 154770 ครั้ง)

ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1

ออฟไลน์ FOUR EYES

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มาแล้วววววว ขอบคุณค่ะ กำลังมันส์เลยทีเดียว เนรูหนีได้ตลอดระวังคราวหน้าจับได้ไม่เหลือซากแน่ๆ  :fire:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ท่านเทพอย่าเป็นอะไรนะ!!

ออฟไลน์ philalai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :z10:
หนูขอแปะโป้ได้ก่อนนะคะ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
รอดไปอีกสินะ เนรู

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
ได้อ่านแล้วคราบ  ยังไม่หายคิดถึงเลยเหอะ

ออฟไลน์ airicha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
กำลังสนุกเลย
รอตอนต่อไปค่ะ  :hao7:

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                          อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                                     บทที่ 13

                                                        Anubis Lord of the Death



               “เป็นอะไรมากหรือเปล่าอินทร์ภู”


               เสียงร้อนรนด้วยความเป็นห่วงดังอยู่ใกล้หูเรียกสติคืนมาสู่อนูบิส และเพียงได้อยู่ใกล้อาศิรเขาก็รู้สึกถึงพลังอบอุ่นพุ่งตรงมา

จากอังค์ที่อยู่ภายในร่างกายนั้น ร่างเทพของเขาจึงค่อยมีเรี่ยวแรงกลับคืนมารวมถึงเลือดสีน้ำเงินจากแผลใหญ่ที่ต้นแขนก็ไหลน้อยลง

และหยุดในที่สุด


             “ผมไม่เป็นไร”


               อนูบิสฝืนยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใย หากอยู่เพียงลำพังอนูบิสนึกอยากจะดึงอาศิรมากอดใจแทบขาด


               “เกิดอะไรขึ้น ที่คุณสู้กับมันคือเนรูใช่ไหม”


               “อย่าเพิ่งถามผมตอนนี้เลย เรากลับบ้านกันก่อนดีกว่า”


               อาศิรเองก็เพิ่งจะตั้งสติได้ ด้วยความเป็นห่วงจึงได้ลืมไปว่าตอนนี้ทั้งคู่ยังอยู่ที่ลานจอดรถและอนูบิสยังบาดเจ็บ  อาศิรเงย

หน้ามองอนูบิสที่ยังคงอิดโรย


               “ไหวไหมอินทร์ภู”


               อนูบิสพยักหน้า เขาเป็นฝ่ายกุมมือของอาศิรให้เดินช้าๆไปที่หน้าประตูโรงพยาบาลและโบกเรียกรถแท็กซี่ไปส่งที่บ้าน ตลอด

ทางอนูบิสได้แต่นั่งเงียบๆหลับตาลงพิงศีรษะไปกับเบาะรถ มีเพียงสายตาเป็นกังวลของอาศิรที่คอยหันมามองเป็นระยะและสองมือที่ยัง

ประสานแนบแน่นไม่ยอมปล่อยจนกระทั่งถึงบ้าน

               แวะทักทายกับป้าแก้วและเล่าอาการยายจันทร์ให้ฟังคร่าวๆก่อนที่ป้าแก้วจะขอตัวกลับไปพักผ่อน ป้าแก้วทำกับข้าวไว้ให้แล้ว

ในครัวอาศิรจึงเดินนำอนูบิสมาที่โต๊ะอาหาร เพิ่งสังเกตว่าแผลที่ต้นแขนสมานตัวจนเหลือเพียงแผลเล็กๆและความอ่อนเพลียอีกเล็กน้อย

บนสีหน้าเท่านั้น


               “ผมตักข้าวให้”


               อนูบิสนั่งมองอาศิรที่กำลังตักข้าวใส่จานมาวางตรงหน้าเขา ใบหน้าอ่อนโยนนั้นทำให้อนูบิสคลี่ยิ้มบางๆออกมา


               “โอม นั่งใกล้ๆผมนะ”


               ขยับเก้าอี้ตัวติดกันให้อาศิรเดินมานั่งด้านข้าง อนูบิสนั่งมองอีกฝ่ายที่ตักอาหารเข้าปากและเคี้ยวตุ้ยๆ อาศิรเหลือบตามองเมื่อ

เห็นอนูบิสยังนั่งนิ่งจึงวางช้อนลงและเอ่ยถามโดยไม่รู้เลยว่าน้ำเสียงของตนนั้นเต็มไปด้วยความห่วงใย


               “กินข้าวเสียสิอินทร์ภู นั่งมองหน้ากันอยู่นั่นแหละ ไม่หิวรึไง”


               “ป้อนหน่อยสิ”


               น้ำเสียงของอนูบิสก็ทุ้มนุ่มเป็นปกติ หากแต่เมื่อรวมกับดวงตาพราวที่มองมา กลับทำให้อาศิรหน้าร้อนขึ้นมาได้ง่ายๆ อาศิร

เฉไฉหลบตาเพราะไม่อาจมองใบหน้าของอนูบิสตรงๆได้


               “มือไม่มีเหรอ”


               “ก็เห็นอยู่ว่าผมบาดเจ็บ” อนูบิสต่อรอง “ไม่เห็นใจบ้างหรือ โอมใจร้าย”


               ปลายเสียงออดอ้อนทำให้อาศิรมองอย่างหมั่นไส้ แต่เขาก็คว้าจานข้าวของอนูบิสมาและตักข้าวป้อนใส่ปากของเทพผู้ยิ่ง

ใหญ่


               “โอม ป้อนช้าๆ ผมเคี้ยวไม่ทัน”


               “เทพเรื่องมาก กินๆเข้าไปเหอะ ง่วงแล้วนะ”


               ชักจะหงุดหงิดเพราะความเขินเกินขนาด อาศิรรู้สึกถึงเลือดที่วิ่งมาเป็นริ้วอยู่บนใบหน้าจนอนูบิสต้องหัวเราะเบาๆขณะจ้อง

มองไม่วางตา


               “ผมอิ่มแล้ว เดี๋ยวผมล้างจานเอง โอมไปอาบน้ำเถอะ”


               “ไหนว่าแขนเจ็บแล้วคุณจะล้างจานได้ยังไง”


               ยังไม่วายเป็นห่วงจนอนูบิสต้องหันข้างให้เห็นว่าบาดแผลที่ต้นแขนนั้นเหลือเพียงรอยจางๆแล้วอาศิรจึงได้เลิกเป็นห่วงและ

ยอมเดินกลับไปยังห้องนอน ส่วนอนูบิสจัดการล้างจานชามคว่ำเรียบร้อยเขาจึงเดินไปยังห้องนอนบ้าง เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เห็นอาศิรใน

ชุดนอนกำลังนั่งมองกรอบรูปแม่และยายจันทร์พร้อมกับถอนหายใจ


               “คุณยายจะต้องดีขึ้น”


               อนูบิสทรุดตัวลงนั่งข้างๆและสวมกอดอาศิรหลวมๆ กำลังใจจากอนูบิสทำให้อาศิรยิ้มได้ เขาหันมาหาและตั้งคำถามกับ

อนูบิสบ้าง


              “ไหนบอกถึงบ้านแล้วจะเล่าเรื่องเนรูให้ฟังไงล่ะ”


               พูดถึงเนรูอนูบิสจึงมีสีหน้าหนักใจ


               “ตอนนั้น ที่ยืนอยู่หน้าโรงพยาบาล ผมเห็นเนรูเกาะอยู่บนหลังคารถของหมอที่ชื่อคีรี”


               “อะไรนะ!” อาศิรอุทานด้วยความเหลือเชื่อ “พี่คีรีเหรอ เป็นไปได้ยังไง”


            “ผมเคยได้กลิ่นสาบจากเขาในวันที่พาคุณยายไปโรงพยาบาลที่โอมทำงานอยู่ ก็ยังนึกแปลกใจ แต่มาวันนี้ ผมเห็นชัดเจนว่าเนรู

อยู่กับเขา”


               ความหนักใจแผ่ไปถึงอาศิรบ้าง เขาไม่นึกว่าเนรูจะอยู่ใกล้ตัวขนาดนี้ ใจหนึ่งก็ยังไม่กล้าปักใจเชื่อว่าคนอย่างคีรีจะเข้าไปข้อง

เกี่ยวกับปีศาจร้ายอย่างเนรู


               “และที่น่าเป็นกังวลก็คือ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าผมอยู่ห่างโอมไม่ได้เพราะอังค์อยู่ในกายของโอม แต่ถ้าหากให้โอมอยู่ใกล้ ผมก็

เป็นห่วงกลัวโอมจะได้รับอันตราย”


               “อย่าเป็นห่วง คุณต้องสู้เต็มที่”


               “ไม่ห่วงไม่ได้เพราะโอมคือคนที่ผมรัก”


               คำบอกรักอย่างสัตย์ซื่อ ตรงไปตรงมาเหมือนน้ำทิพย์ที่ทำให้หัวใจของอาศิรชุ่มชื้น เขาไม่ได้นึกขัดเขินเพราะดวงตาคมที่มอง

มานั้นจริงจังกับคำพูดของตนมากกว่าจะเป็นไปในเชิงเกี้ยวพาราสี อาศิรสบตาอย่างค้นคว้า ความสับสนเกิดขึ้นมาในหัวใจของเขา



               “ผมเป็นผู้ชายเช่นเดียวกับคุณนะอินทร์ภู คุณไม่นึกตะขิดตะขวงใจบ้างเลยหรือที่รักผู้ชายเหมือนกัน”


               “โอม” นัยน์ตาคู่นั้นอ่อนแสงลง อนูบิสวางมือบนหน้าอกข้างซ้ายของอาศิร


                 “ผมรักที่ความดี ผมรักที่ความนึกคิดจากหัวใจอันดีงามดวงนี้ โดยไม่ได้สนใจร่างกายเลยว่าโอมจะอยู่ในสภาพไหน แล้วโอม

ล่ะรักผมบ้างไหม”


                  อาศิรนิ่งงันไปบ้างกับคำถามที่อีกฝ่ายโยนมา ดวงตาอ่อนโยนจับจ้องรอคอยคำตอบที่อาศิรเองก็เฝ้าถามใจตนเองตั้งแต่วัน

ที่อนูบิสเคยบอกรักกับเขาครั้งแรกนั่นแล้ว

                 ความห่วงหาอาทร ความอบอุ่นที่อนูบิสมีให้จนอาศิรอยากจะให้มีเทพองค์นี้อยู่ข้างกายตลอดเวลาคงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดที่

อาศิรใช้ตอบใจตนเองและคำถามของอนูบิส


                “รักสิ ผมรักคุณอินทร์ภู”


                  คำตอบหนักแน่นจากอาศิรเรียกรอยยิ้มจากอนูบิสให้กว้างกว่าเดิม มือแกร่งโอบเอวให้อาศิรเข้ามาชิดใกล้ อีกมือหนึ่งดึง

คางเรียวเข้าหาจนกระทั่งสบตาในระยะใกล้ ได้ยินเสียงลมหายใจพร้อมความอุ่นระอุอยู่บนผิวแก้มของอีกฝ่าย

                 ไม่มีความสับสนใดๆมาขวางทางอีกแล้วในเมื่อต่างตอบใจตนเองได้ว่าความรู้สึกนั้นล้ำลึกแค่ไหน อนูบิสกดริมฝีปากลงไป

แผ่วเบาลงบนเรียวปากอิ่มสีแดงเรื่อที่ไม่ได้ปฏิเสธเมื่อเขาทาบปากลงไปจนแนบสนิท อาศิรพริ้มตารอรับให้ปลายลิ้นหยุ่นชื้นได้สอด

สัมผัสภายในโพรงปาก มันทั้งหวานทั้งปลุกเร้าจนอาศิรรู้สึกว่ามือไม้ตนเองนั้นช่างเกะกะยามที่ต้องจูบตอบกลับอย่างเก้ๆกังๆ อนูบิสดึงมื

อนุ่มทั้งสองข้างให้มาวางไว้บนบ่าของเขา


                 “อืม หวานมากครับโอม”


                  ขบเม้มไล่กลีบปากช้าๆเมื่อผละปลายลิ้นออกมาให้อาศิรได้พักหายใจ ตอนนี้หัวสมองของอาศิรไม่หลงเหลือสิ่งใดอีกแล้ว

นอกจากความหวานที่อนูบิสมอบให้ ยังไม่ทันจะเลิกหอบอนูบิสก็ชิงโอกาสล่วงล้ำเข้าไปอีกครั้ง ไม่มีจุดไหนที่อนูบิสจะไม่ได้ชมเชย

ร่างกายของอาศิรกำลังร้อนผ่าวเหมือนเต้นระบำอยู่รอบกองไฟเมื่อปลายนิ้วอุ่นร้อนแตะลงไปที่หลังเอวพร้อมกับกายแกร่งที่โน้มกายลง

มาทำให้เขาต้องเอนกายลงไปจนแผ่นหลังสัมผัสกับที่นอนนุ่ม


                  “อา อนูบิส ผมยังไม่...”


                  อาศิรรู้ ความรักย่อมทำให้อยากชิดใกล้ และความชิดใกล้พาให้เกิดความปรารถนาที่ไม่อาจหยุดยั้ง ใช่ว่าเขาเองจะไม่รู้สึก

เช่นนั้นเมื่อตอนนี้เขาก็อยากจะให้วงแขนที่กอดรัดได้โอบกระชับมากกว่านี้ หากแต่อาศิรยังนึกกลัว เขากลัวว่าหากถลำลึกเกินกว่าที่เป็น

อยู่จะทำให้เขาผูกพันจนยากที่จะตัดใจยามที่อนูบิสต้องจากไปในสักวันหนึ่ง

                 อนูบิสทอดถอนใจ เขาเข้าใจในความรู้สึกของอาศิร มือที่โอบกอดแน่นหนาจึงคลายลงไว้แค่พอมอบความอบอุ่น ริม

ฝีปากบดเบียดหนักหน่วงผ่อนลงจนเหลือเพียงสัมผัสบางเบาก่อนจะผละออกอย่างเสียดาย


                “ผมเข้าใจโอม”


                 กดจูบไปที่ขมับพลางหักใจให้พ้นจากความต้องการทางกาย แม้ว่าจะต้องใช้ความอดทนแต่อนูบิสก็ไม่อาจดึงดันแต่ความ

สุขส่วนตัวได้ ชีวิตของเขาชินชากับความอดทนอยู่แล้ว เพียงแค่ได้นอนนิ่งๆและกอดร่างอุ่นของอาศิรไว้ตลอดราตรีก็เป็นความสุขจนไม่

อาจประเมินค่า

                 ฝ่ามือลูบแผ่นหลังของอาศิรเบาๆเมื่ออาศิรตะแคงกายโอบกอดซุกหน้าเข้าหาแผ่นอกของเขาราวกับลูกแมวขาดความ

อบอุ่น อนูบิสพึมพำแผ่วเบาราวกับเห่กล่อมให้คนในอ้อมกอดฝันดีตลอดคืน


                  “หนทางมืดมิด มีเพียงแสงสว่างจากเจ้าส่องนำให้หัวใจของข้าสว่างไสว หลับตาเถิดเมอริ ข้านี้จะอยู่กับเจ้าตลอดราตรี

อันเป็นนิรันดร์”








               เวทิศหอบตำรามานั่งที่ร้านกาแฟใกล้กรมสืบสวนคดีพิเศษ เขานัดกับปาลไว้ว่าจะนำข้อมูลปลีกย่อยมาให้ และปาลก็จะนำ

ข้อมูลผู้ตายมาให้เขาด้วย ระหว่างนั่งรอเวทิศจึงได้อ่านหนังสือเล่มหนาไปพลางๆ สมาธิชะงักลงเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขารีบรับเมื่อ

เห็นว่าอาศิรโทรมา


               “ว่าไงวะ ไอ้น้ำชามันบอกว่ายายป่วย เป็นไงมั่ง กูยังไม่มีเวลาไปเยี่ยมเลย”


               ถามด้วยความเป็นห่วง ชีวิตของอาศิรมีคนที่รักก็เพียงยายเท่านั้น เขาเองก็ไปมาหาสู่บ้านเพื่อนจนรักและเคารพยายของ

เพื่อนไปด้วย


               “ย้ายยายมาอยู่โรงพยาบาลของพ่อแล้วว่ะ ค่าเสียหายคราวนี้คือกูต้องไปทำงานกับพ่อ นี่ก็เพิ่งจะมายื่นใบลาออกที่โรง

พยาบาล” น้ำเสียงของอาศิรฟังดูเหนื่อยหน่าย


               “ว่าแต่กูมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง” เพื่อนสนิทเล่าเหตุการณ์เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา รวมทั้งเรื่องที่อนูบิสสงสัยในตัวของนายแพทย์คีรี

เวทิศถึงกับตาโตก่อนจะเป็นฝ่ายเล่าเรื่องที่เขาถูกดึงตัวมาเป็นผู้ช่วยให้ปาล


               “แล้วมึงจะทำงานกับผู้กองเขารอดไหมวะ” อาศิรอดเป็นห่วงไม่ได้


               “เฮ้ย กูมืออาชีพโว้ย กูไม่เอาเรื่องส่วนตัวปนกับเรื่องงาน แต่ว่านะ กูจะบอกไอ้ผู้หมวดปากหมาก็ไม่ได้ว่ากูสงสัยว่าคนร้ายจะ

เป็นหมอเพราะว่าท่านเทพกูเห็นปีศาจบนหลังรถ ผู้หมวดแม่งคงจะเชื่อหรอก คงต้องหาวิธีและหลักฐานโน้มน้าวให้ลองพุ่งเป้าไปที่หมอ

คีรี”


               “อีกเรื่องนึง กูจะเอาไอ้อังค์อะไรเนี่ยออกจากตัวแล้วคืนอินทร์ภูได้ยังไงวะ กูเป็นห่วงเขาเวลาต่อสู้”


               เวทิศสะดุดหูกับกระแสห่วงใยที่หลุดออกมาจากปากเพื่อน เขาสนิทกับอาศิรมากพอที่จะรู้ว่ามันมากเกินธรรมดา


               “ไอ้โอม นี่มึงกำลังมาเป็นแฟนคลับท่านเทพกับกูใช่ไหม แหมๆ อยู่บ้านเดียวกัน ห้องเดียวกัน เตียงเดียวกันมานานเป็น

เดือน กูว่ามันต้องสปาร์คกันมั่งแหละนะ ท่านเทพของกูแม่งเท่สัสขนาดนั้น”


               เวทิศหัวเราะคิกคักเมื่อเพื่อนสนิทเงียบไป ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงอวยพรตามมาเบาๆ


               “เหี้ยทิศ”


               อาศิรวางสายไปแล้วพร้อมกับที่ปาลผลักประตูร้านกาแฟเข้ามาพอดี ผู้หมวดหนุ่มกระหืดกระหอบตรงเข้ามาหาเขาพร้อมกับ

แฟ้มอันใหญ่ ทักทายกันพอสมควรแล้วปาลก็บอกข้อมูลใหม่ให้เวทิศ


               “เพื่อนของผมที่อยู่นิติเวช ได้ข้อมูลใหม่มาจากฝ่ายนิติเวชของโรงพยาบาล มีภาพจากกล้องวงจรปิดด้วยแต่มองไม่เห็น

หน้าเพราะมันไกลและมีการพรางหน้าไว้”


               โป๊ะเชะ!


              “ทำไมคุณผู้หมวดไม่ลองสงสัยคนในโรงพยาบาลบ้างล่ะ ใครกันมันจะเดินลอยชายแบบนี้โดยที่ไม่มีใครสนใจนอกจากเจ้า

หน้าที่ในนั้น”


               ปาลเองก็สงสัยไม่ต่างอะไรกับเวทิศ เขาและใจภักดิ์กำลังหาข้อมูลว่าใครบ้างที่ทำงานในคืนวันเกิดเหตุนั้น และคิดว่าน่าจะ

เข้าใกล้ความจริงมากขึ้น


               ปรึกษากันอยู่อีกพักใหญ่เสียงโทรศัพท์ของปาลก็ดังขึ้นมา ผู้หมวดหนุ่มก้มลงมองดูชื่อคนโทรเข้าแล้วเขาก็ส่ายหน้าและ

ปล่อยให้เสียงนั้นดังจนกระทั่งสายหลุด แต่ยังไม่ทันทิ้งช่วงเสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้งจนปาลต้องยอมหยุดจากงานและรับสายนั้น





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-07-2016 17:00:55 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
ต่อกันตรงนี้...



               “มีอะไรวินนี่”


               ชื่อที่หลุดออกมาจากปากของปาลเรียกความสนใจจากเวทิศ เขาวางปากกาลงบนโต๊ะ และเสหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาแต่หูกลับ

ลอบฟังการสนทนาจากปากของปาล


               “เย็นนี้เหรอ ไม่ได้หรอก ผมต้องไปสืบคดีใหม่”


               ทันทีที่ปาลพูดจบ เวทิศก็ได้ยินเสียงแหลมดังลอดออกมาจนปาลต้องเอียงหูให้ห่างจากโทรศัพท์ คิ้วเข้มของปาลย่นเข้าหา

กันพลางส่ายหน้าอย่างระอา


               “เข้าใจบ้างสิว่าเป็นคดีสำคัญ ผมไม่มีเวลาไปงานการกุศลของคุณหรอกนะ โอ๊ย จะเอายังไงก็เอา คุณก็รู้ว่าผมทำงาน”


               ปาลวางสายลงแล้ว เวทิศเห็นใบหน้าเข้มของปาลเต็มไปด้วยความไม่พอใจ


               “พี่วินนี่เหรอ เอ่อ...คุณกับพี่วินนี่เถียงกันแบบนี้บ่อยๆหรือไง”


               หยอดคำถามใส่เมื่อเห็นปาลยังคงหัวเสีย คนต้นเรื่องถอนหายใจเฮือกใหญ่


               “ทำไมผู้หญิงถึงไม่เข้าใจเวลาที่ผู้ชายบอกว่าจะทำงาน แล้วทำไมถึงชอบตวาดแว้ดๆใส่เวลาไม่ได้ดั่งใจด้วยวะ หือ คุณว่าไง

นะ ช่างวินนี่เหอะ ไหน ข้อมูลไปถึงไหนแล้ว”


               ปาลโยนเรื่องกวินตราทิ้งเพราะงานตรงหน้าสำคัญกว่า ใบหน้ายามเอาจริงเอาจังของปาลทำให้เวทิศอดที่จะมองผู้ชายคนนี้

ด้วยมุมมองใหม่ไม่ได้

               บางทีเวทิศอาจจะต้องคิดใหม่อีกสักรอบว่าทำไมเขาถึงเคยเหม็นหน้าปาลจนกระทั่งก่อนถึงวินาทีที่เขาคิดว่าปาลก็เป็นผู้ชาย

ที่ดีคนหนึ่งเหมือนกัน





               กวินตราชักสีหน้าใส่โทรศัพท์มือถึอของตัวเองอย่างหงุดหงิดเมื่อคนรักปฏิเสธที่จะมาร่วมงานการกุศลกับหล่อน หญิงสาวเริ่ม

รู้สึกเบื่อหน่ายที่ปาลเห็นงานสำคัญกว่า เมื่อแรกที่คบกันกวินตราตื่นเต้นกับผู้หมวดหนุ่มอนาคตไกลที่พื้นเพมาจากครอบครัวนายตำรวจ

ชั้นสูงของกรมตำรวจจึงได้เข้าไปทำตัวสนิทสนมจนกระทั่งตกลงคบกับปาล แต่เมื่อคบกันได้สักพักกวินตราเริ่มจะทนไม่ได้ที่ปาลทำตัว

เหมือนไม่เห็นคุณค่าของหล่อนสักนิด

               ก็ดูอย่างวันนี้ที่กวินตราบอกกับปาลไว้นานแล้วว่า หล่อนจะมางานการกุศลที่โรงพยาบาลต่างๆทั้งรัฐบาลและเอกชนร่วมกัน

จัดซึ่งจะมีแขกเหรื่อมากมายในสังคมระดับสูงมาร่วมงานในฐานะที่กวินตราทำงานประชาสัมพันธ์ให้โรงพยาบาลของกำจรแต่ปาลก็ยังไม่

สนใจ ทั้งที่กวินตราอยากจะควงปาลให้สื่อมวลชนได้ทำข่าวแท้ๆ


               “วินนี่”


               เสียงเรียกของกำจรทำให้กวินตราหันกลับไป หญิงสาวตวัดสายตามองชายหนุ่มท่าทางสะอาด หน้าตาจัดว่าใช้ได้ที่ยืนเยื้อง

หลังบิดาของหล่อนอยู่


               “ว่าไงคะพ่อ”


               ต่อหน้าคนอื่นกวินตราวางตัวดีเสมอ หล่อนคลี่ยิ้มในระดับที่ซ้อมมาแล้วว่าจะทำให้หน้าตาดูดีที่สุด


               “มานี่ พ่อจะแนะนำให้รู้จักคนสำคัญ นี่คือหมอศัลยกรรมที่มือดีที่สุดตอนนี้ทั้งที่ยังอายุน้อยอยู่แท้ๆ พ่อกำลังจีบให้มาทำงาน

ฟูลทามกับเราอยู่ คุณหมอคีรี”


               กำจรเบี่ยงตัวและผายมือไปยังชายหนุ่มคนนั้น ดวงตาที่อยู่หลังกรอบแว่นใสช่างคมกริบยามสบตา ความท้าทายกำลังก่อตัว

ขึ้นมาจนกวินตราใจเต้นขณะที่ยื่นปลายนิ้วไปให้คนที่บิดาเพิ่งจะแนะนำตัวจบลง หญิงสาวสบตากลับอย่างไม่ยอมแพ้


               “สวัสดีค่ะคุณหมอ กวินตราค่ะ หรือคุณหมอจะเรียกว่าวินนี่ก็ได้”



TBC



[attachment deleted by admin]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-10-2016 20:43:19 โดย Belove »

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
งื้อ~เขาบอกรักกันแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Nam-Ing

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
อนูบิสกูหวานเป็นเนอะ หวานมากด้วยบอกรักกันแล้ว :mew1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ตัวน่ากลัวสองตัวเจอกันละ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
แทคทีมกันเลวเลย

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
มาถูกทางแล้วค่ะ  สนุกมาก   
หมอคีรีเองก็ต้องมีปมแน่นอน
เราว่าเผลอๆหมอเป็นลูกพ่อเดียวกันกับโอม-วินนี่หรือเปล่านะ
ดูท่าทางสนใจโอมกับนามสกุลมากๆเลย
เนรู-วินนี่คู่แท้2โลกเลยมั๊ง
แถมพ่อแม่นางไปด้วย เพอร์เฟคแฟมิลี่ค่ะ

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
เผชิญหน้าครั้งต่อไปจะเป็นไงเนี่ย รู้สึกเหมือนเนรูค่อยๆ คืบคลานเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วทำยังไงท่านอนูบิสถึงจะได้อังค์กลับไปละเนี่ย ตอนนี้มีความคืบหน้ท่านอนูบิสกับโอมด้วย กรี๊ดมากค่า

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
เค้าบอกรักกันแล้วอ่าาา  :mew3:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
เหอ เหอ พัง สองคนนี้เจอกัน

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :o8:  บอกรักกันเบาๆ อิอิน่ารรัก
ว่าแต่ทางตำรวจกับพี่แฟนพันธุ์แท้อียิปต์นี่ยังไม่สปาร์คสินะ
ได้กลิ่นความชั่วร้ายจากหมอคีรี วินนี่อาจจะเป็นเหยื่อรายถัดไปก้อได้ใครจะรู้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ YADA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เขิลๆ พีหมีพูวบอกร๊ากกันแย้วววว

ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
ชักจะยุ่งแล้วสิ

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
หมันไส้ยัยวินนี่อะไรนี่มากๆ

แต่แอบปลื้มที่ท่านเทพบอกรักและแหมหวานกันจริงๆ

ออฟไลน์ airicha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อ๊างงงง เค้าบอกรักกันแล้ว
น่ารักอ่ะ :-[

รอตอนต่อไปค่ะ เนื้อเรื่องกำลังเข้มข้น

ออฟไลน์ Pnomsod

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ทุกคนพัวพันกันไปหมด มีความยุ่งเหยิง

  :serius2:

ออฟไลน์ KnightDevil

  • Love is neither smile or cry.
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอย สนุกมากค่ะ ตื่นเต้น อนูบิสหล่อมาก

รอน้องโอมตกลงปลงใจอยู่นะคะ><

ลุ้นว่าจะจัดการเนรูแล้วลงเอยกันยังไงค่ะ ไม่เอาเศร้าๆน้าาาา

ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านกันนะคะ

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ ชอบมากกกก มาต่อเร็วๆนะค๊าาา  :katai2-1:

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                                  อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                                            บทที่ 14

                                                                Anubis Lord of the Death


               คีรีมองภาพในโทรศัพท์มือถืออย่างถูกใจ ในที่สุดเขาก็ก้าวเข้าใกล้จุดประสงค์ของเขาไปอีกขั้นเมื่อในวันนี้คีรีได้ทำความรู้จัก

กับสองพ่อลูกตระกูลก่อเกียรติกุล ทั้งกำจรและกวินตราต่างยิ้มระรื่นขณะถ่ายรูปกรอบเดียวกับเขาเพื่อนำไปลงประชาสัมพันธ์งานเลี้ยง

การกุศล กำจรนั้นแทบจะเดินไม่ยอมห่างเมื่อเฝ้าคะยั้นคะยอให้คีรีไปทำงานที่โรงพยาบาลของกำจร แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่คีรีหมายมั่นปั้น

มืออยู่แล้ว แต่เขาก็เล่นตัวอีกพักใหญ่เพื่อเพิ่มความสำคัญของตนเองก่อนที่จะทิ้งทายอย่างแบ่งรับแบ่งสู้เมื่องานจบลง


               “คุณคีรีตัดสินใจเรื่องงานว่ายังไงคะ”


               กวินตราโปรยยิ้มใส่เมื่องานใกล้เลิก คีรีเองก็ไม่ยอมน้อยหน้า เขาตอบกวินตราไปด้วยมาดที่คิดว่าดูดีที่สุด


               “ผมยังไม่กล้าตัดสินใจเลยครับคุณวินนี่ จะออกจากโรงพยาบาลรัฐก็เป็นห่วงคนไข้”


               “แต่โรงพยาบาลของเรามีทุนให้กับแพทย์ ประจำเต็มที่นะคะ หมอของเราเรียนรู้ความก้าวหน้าของวงการแพทย์ได้ในทุกเรื่อง

พ่อไม่ขัดขวางเรื่องนี้เลยค่ะ ถ้าคุณคีรีเห็นแก่คนไข้จริงก็ต้องเห็นความก้าวหน้าตรงนี้ด้วยนะคะ”


               ฉลาดพูดมากๆ คีรียอมรับกวินตราในข้อนี้


               “ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ คิวผ่าตัดคนไข้ช่วงนี้ก็เยอะมากๆ คงต้องรอให้ผมเคลียร์งานก่อนแล้วค่อยตัดสินใจอีกที”


               “เบอร์โทรของคุณคีรีอยู่ที่คุณพ่อแล้วใช่ไหมคะ” กวินตราปรายตาใส่ก่อนจะเอียงคอโปรยยิ้ม “วินนี่จะโทรไปหานะคะ”


               เพียงเท่านี้คีรีก็ขอตัวกลับอย่างสบายใจ จนกระทั่งเขาได้อยู่ลำพังภายในห้องของเขาที่เช่าอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งไม่ไกลจาก

โรงพยาบาลนัก ทันทีที่ก้าวเข้าไปบรรยากาศของความมืดหม่นก็พุ่งวูบเข้ามา แต่คีรีก็ชินชากับมันเสียแล้วเมื่อเขาต้องอยู่กับมัน  “ปีศาจ

เนรู” ตั้งแต่วันที่มันก้าวเข้ามาในชีวิต

               คีรียังจำได้ดีในคืนแห่งความฉ่ำชื้นหนาวเย็นเมื่อสายฝนกระหน่ำโปรยตั้งแต่ตอนหัวค่ำโดยไม่มีทีท่าจะขาดสาย เขาเพิ่งจะ

กลับจากผ่าตัดคนไข้รายหนึ่งด้วยความหงุดหงิดเพราะมันช่างเป็นการผ่าตัดที่ยากเย็นกว่าที่วางแผนไว้ คีรีได้แต่แหงนหน้ามองแสง

ฟ้าแลบเป็นสายอยู่บนท้องฟ้าดำมืดและเมฆดำปกคลุมขณะขับรถยนต์กลางเก่ากลางใหม่ของเขาผ่านสวนสาธารณะเล็กๆก่อนถึงอพาร์ท

เม้นท์พร้อมกับบ่นพึมพำ


               “มึงจะตกให้ได้อะไรขึ้นมาวะ แค่นี้น้ำในถนนก็ระบายไม่ทันท่วมมาครึ่งล้อแล้ว เดี๋ยวแม่งก็ซัดเข้าเครื่องกูดับอีก อ้าวเฮ้ย!”


               ยังไม่ทำขาดคำรถที่วิ่งสวนเลนก็สาดน้ำกระจายเข้าหา และรถของคีรีก็กระชากก่อนจะหยุดลงทันที คีรีทุบพวงมาลัยรถอย่าง

หงุดหงิดหนักขึ้น เขาอยากจะไปเอนหลังลงบนเตียงเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำและนอนซุกใต้ผ้าห่มมากกว่าที่จะอยู่ในสภาพเช่นนี้


               “ติดสิวะ”


               เปิดกุญแจสตาร์ทเครื่องแต่เครื่องยนต์ก็ยังไม่ทำงาน ดีที่ว่าไม่มีรถตามหลังมาเพราะดึกมากแล้ว คีรีถอนหายใจเฮือกใหญ่

พลางเงยหน้ามองฟ้าผ่านหน้าต่างรถ แต่ทันใดนั้นคีรีก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อเงาดำมืดของอะไรบางอย่างพุ่งเข้ามาชนกระจกรถดังปัง


               “เหวอ เหี้ยไรวะ”


               สะดุ้งสุดตัวเมื่อมันแยกเขี้ยวเงาวับ ดวงตาของมันเบิกโพลงคล้ายไม่มีหนังตาปิด รูปร่างของมันคล้ายค้างคาวขนาดมหึมา

และมันกำลังกรีดร้องอยู่ตรงหน้าต่างรถของเขา เสียงของมันช่างโหยหวนบาดลึกเข้าไปในโสตประสาทจนต้องยกมือปิดหูไว้


               “ไป อย่าเข้ามา กูกลัวแล้ว”


               มันใช้ปีกที่แข็งราวกับมีดกรีดกระจกหน้าต่างรถจนเป็นรอยยาว และใช้หัวของมันกระแทกรอยแตกร้าวจนกระทั่งกระจกรถแตก

ดังเพล้งมันก็พุ่งเข้าหาคีรีทันที


               “อ๊ากกก”


               ความแสบร้อนแผ่ซ่านไปทุกจุดที่ตัวประหลาดนั้นกระทบผิวหนัง คีรีรู้สึกราวกับร่างกายกำลังถูกดูดพลังไปทีละน้อย

สัญชาตญาณการเอาตัวรอดทำให้คีรีเค้นแรงผลักหัวของมันออกจากร่างกาย และเมื่อมือของคีรีผลักไปที่ลำตัวของมัน เจ้าสิ่งประหลาด

นั้นก็ยิ่งกรีดร้องหนักขึ้นราวกับได้รับความเจ็บปวด ดวงตาของคีรีเบิกวาบ


               มันกำลังบาดเจ็บ!

               ใจของคีรีฟื้นขึ้นมา เขายิ่งกระแทกและทุบไปตรงบริเวณที่สงสัยว่าเป็นบาดแผล มันกรีดร้องหนักขึ้นพร้อมกับค่อยๆหลุดออก

จากร่างของคีรี


               “ตายเสียเถอะมึง”


               คีรีกางมือออกและเตรียมจะจัดการ เจ้าตัวประหลาดรีบยกส่วนปีกขึ้นมาทันที พลันเสียงประหลาดก็ดังขึ้นจากปากเขี้ยวโง้ง

ของมัน น่าประหลาดที่คีรีฟังสิ่งที่มันพูดรู้เรื่องราวกับคำพูดของมันเข้าไปแปลภาษาในสมองของเขาได้


               “หยุด อย่าทำร้ายข้า ไว้ชีวิตข้าแล้วเจ้าจะได้ทุกสิ่ง”


               คีรีชะงักงัน เมื่อเป็นต่อความกลัวของเขาจึงน้อยลง สมองของเขาคิดตามอย่างรวดเร็ว


               “มึงหลอกให้กูตายใจและจะฆ่ากูใช่ไหม”


               คีรีเบ้ปาก เขาไม่โง่พอจะให้ไอ้ตัวประหลาดนี่หลอกอย่างแน่นอน คีรีกดมือลงไปบนบาดแผลของมันทันทีและเสียงกรีดร้อง

โหยหวนก็ดังสวนทันควัน


               “ข้าพูดจริง ข้าคือเนรูผู้รับใช้เทพแห่งศาสตรา ข้าไม่บิดเบือนแน่นอน”


               คีรีชะงักอีกครั้ง เขาสบตากับดวงตาเบิกโพลง มือที่กดอยู่บนบาดแผลผ่อนแรงลงจนกระทั่งตัวประหลาดที่บอกว่าชื่อเนรู

สามารถขยับออกจากร่างของคีรีได้


               “กูปล่อยมึงแล้ว แล้วไงต่อ หลอกกูมึงตาย”


               เนรูตวาดเป็นเสียงคำรามครั้งหนึ่งราวกับไม่พอใจที่คีรีดูถูกมัน


               “ข้าบาดเจ็บ ต้องฟื้นพลัง เจ้าต้องช่วยข้า”


               คีรีเลิกคิ้ว เขายกนิ้วชี้หน้าตัวเองเมื่อได้ยินคำพูดของเนรู


               “กูเนี่ยนะต้องช่วยมึง”


               “เจ้าต้องการสิ่งใด”


               เนรูเอ่ยถามทำให้คีรีกรอกตาไปมาอย่างใช้ความคิดแบบเร่งด่วน ริมฝีปากของคีรีกดยิ้มลึกขณะเอ่ยออกมา


               “ทำให้กูกลายเป็นหมอผ่าตัดฝีมือดีที่ใครๆก็ยกย่องต้องการตัว”


               “แค่นั้น?” เนรูถามกลับ มันเองก็ไม่นึกว่าคนประหลาดที่เพิ่งพบเจอเป็นคนแรกหลังจากมันหมดแรงร่วงหล่นจากท้องฟ้านั้นจะ

มีความต้องการเพียงแค่นี้


               “แค่นี้ แล้วทุกสิ่งที่กูต้องการจะตามมาเอง”


               “เจ้าจะได้ดังที่ต้องการ เพียงแต่เจ้าหาบางอย่างมาให้ข้า”


               “อะไร” คีรีเป็นฝ่ายถามกลับบ้าง เขาอยากจะลองเสี่ยงกับสิ่งแปลกประหลาดที่ลอยเข้ามาหาเขาในคืนฝนตกเช่นนี้


               “หัวใจมนุษย์”


               “จะบ้าเรอะ!”


               คีรีตกใจเมื่อได้ยิน เขามองหน้าเจ้าปีศาจร้ายอย่างเหลือเชื่อ


               “กูจะไปหาหัวใจคนมาจากไหน ขืนกูไปฆ่าคนก็โดนจับสิ”


               “ไม่จำเป็นต้องฆ่า หัวใจของมนุษย์ที่ไร้ลมหายใจก็เพียงพอ”


               หัวใจของคนตายแล้วก็ได้งั้นหรือ


               คีรีจึงจำเป็นต้องย้อนกลับไปที่โรงพยาบาล เขาใช้ความไว้เนื้อเชื่อใจที่เจ้าหน้าที่แผนกนิติเวชมีต่อนายแพทย์อย่างเขาให้

เป็นประโยชน์ ในที่สุดคีรีก็ได้หัวใจของอากงแก่ๆที่เป็นโรคหัวใจล้มเหลวเสียชีวิตมาได้โดยที่ไม่มีใครสงสัย เมื่อเขากลับมาถึงรถและ

โยนหัวใจที่เต็มไปด้วยพังผืดให้เนรูมันก็รีบกัดกินอย่างน่าขยะแขยง เมื่อมันกินจนหมดก็ดูเหมือนพลังของเนรูจะเพิ่มมากขึ้น

               คีรีทำเช่นนี้อีกแค่สองครั้งเนรูก็ฟื้นกำลังจนบาดแผลจางหาย มันเกาะติดเขาไปโรงพยาบาลโดยที่ไม่มีใครมองเห็นเงาดำยิ่ง

กว่าควันจางๆที่รายล้อมคีรีอยู่ เนรูช่วยคีรีด้วยการกระซิบบอกตำแหน่งในร่างกายของคนไข้ที่คีรีทำการรักษาจนเขาผ่าตัดได้อย่างแม่นยำ

และได้รับคำชื่นชม ส่วนเนรูเองก็เริ่มเก่งกล้าเมื่อเห็นว่าคนไข้คนไหนของคีรีที่ใกล้ถึงแก่ความตาย เนรูก็จะสูบวิญญาณวาระสุดท้ายเพิ่ม

พลังให้กับตนเอง

               ในวันนี้ดูเหมือนว่าสิ่งที่คีรีปรารถนาจะสำเร็จในขั้นต้นแล้ว ชื่อเสียงเรื่องความสามารถของคีรีดังจนเรียกความสนใจจากนาย

แพทย์กำจร ก่อเกียรติกุลได้จนกระทั่งมาทาบทามให้คีรีไปทำงานด้วย สิ่งเหล่านี้ทำให้คีรียินดีจนเนื้อเต้น เขาคิดจะมาขอบคุณเนรูเมื่อ

กลับเข้าสู่ห้อง แต่เมื่อก้าวเข้ามาคีรีกลับเห็นเนรูนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้นห้องด้วยความเจ็บปวด


               “เนรู เป็นอะไรอีก”


               เมื่อญาติดีกันแล้วคีรีก็พูดดีกับเนรู เขาจ้องมองร่างของเนรูที่ได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง


               “ข้าพบมัน เทพอนูบิส”


               ดวงตาโปนของเนรูยิ่งเบิกโพลงจนน่ากลัวยามเอ่ยชื่อนั้น


               “มันทำร้ายข้าอีกครั้ง เจ็บใจเหลือเกิน ดีที่เหมือนกับว่าอังค์ไม่ได้อยู่ที่มัน”


               มิเช่นนั้นเนรูอาจจะแย่ยิ่งกว่านี้ เนรูไม่รู้ว่าเหตุใดอังค์อันเปรียบได้กับอีกหนึ่งชีวิตจึงหายไปจากเทพอนูบิส แต่มันจะต้องใช้

โอกาสนี้ทำลายเทพอนูบิสตามคำบัญชาของนายเหนือหัวแห่งมัน แต่ตอนนี้เนรูจะต้องรักษาตัวเองให้หายบาดเจ็บโดยเร็ว


               “ออกไปหาหัวใจให้ข้า เดี๋ยวนี้!”


               “ไม่ได้หรอก ผมจะไปหาให้คุณที่ไหน วันนี้ที่แผนกนิติเวชไม่มีศพอยู่เลย และผมก็ไม่ได้อยู่เวรรักษาคนไข้วันนี้ด้วย”


               เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่น แต่มีเพียงคีรีเท่านั้นที่ได้ยิน เนรูบินถลาเข้ามาเกาะอยู่บนใบหน้าของคีรีแล้วพูดเสียงกร้าว


               “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะใช้วิธีใด แต่ข้าจะต้องได้หัวใจมนุษย์โดยเร็วที่สุด มิเช่นนั้นสิ่งที่เจ้าทำมาจะสูญเปล่า”








               เสียงดังแสบแก้วหูของเพลงฮิบฮอปดังขึ้นในผับใต้ดินแห่งหนึ่ง แสงวูบวาบชวนให้รำคาญตาลอดออกมาเมื่อประตูทางออก

ถูกเปิดพร้อมกับร่างที่เดินโซซัดโซเซออกจากผับเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ชายหนุ่มวัยรุ่นไม่ถึงยี่สิบปีเดินเลาะมาให้ซอกตึกเพียง

ลำพัง เสียงและแสงเหล่านั้นค่อยๆจางลงเมื่อเขาเดินไกลออกมาเรื่อยๆ


               “คราย”


               เอ่ยเสียงอ้อแอ้เมื่อเห็นใครคนหนึ่งยืนขวางทางอยู่ เขาเพ่งตามองในความมืดแต่ก็แทบจะมองไม่เห็นใบหน้า


               “น้องอยากได้เงินใช้ไหม”


               “อยากสิวะ ใครจะไม่อยากได้เงิน พี่ชายจะให้ผมเหรอ ดีเลย ผมจะได้กลับไปแดกเหล้าต่อ”


               “พี่จะให้ แต่น้องต้องช่วยให้พี่สบายตัวก่อนนะ”


               เด็กหนุ่มตาเหลือกเมื่อได้ยิน


               “พี่จะเอาตูดผมใช่ป่ะ”


               ร่างนั้นก้าวเข้ามาใกล้ แต่เด็กหนุ่มมองไม่เห็นหน้าเพราะมีผ่าปิดปากบดบังอยู่ ผู้ชายตรงหน้าชูธนบัตรสีเทาปึกหนึ่งขึ้นมา


               “น้ำเดียว แลกกับหมดนี่”


               เด็กหนุ่มมองเงินในมือนั้นตาวาว


               “มาเลยพี่ ผมแถมให้สองน้ำเลยเอ้า”


               กางเกงยีนส์เก่ามอขาดวิ่นถูกเจ้าของกระชากลงจนถึงต้นขา ชายแปลกหน้าเดินตรงเข้ามาแล้วผลักเด็กหนุ่มให้หันหน้าเข้าหา

ผนังตึก เขาจับมือเด็กหนุ่มให้ยันกับผนังปูนเย็นเฉียบก่อนจะลูบไล้มือตามลงมา


               “พี่ชาย นี่ถึงขั้นต้องใส่ถุงมือเลยเหรอ อนามัยไปม้าง”


               “พี่ชอบอย่างนี้ อย่าถามมาก ลองนี่ดีกว่า”


               ยาเม็ดเล็กถูกยัดเข้าไปในปากเด็กหนุ่มที่รีบรับมันเข้าไปอย่างรวดเร็ว แค่ลิ้นแตะก็รู้แล้วว่ามันเป็นยาอีราคาแพงที่คนอย่างเขา

นานๆทีจะได้ลิ้มลอง


               “สวรรค์ของกูละโว้ย ลาภปากชิบหาย”


               กลืนมันลงไปพร้อมกับได้ยินเสียงรูดซิปจากคนด้านหลัง เด็กหนุ่มได้ยินเสียงฉีกฟอล์ยที่เดาว่าน่าจะเป็นถุงยางอนามัย สมอง

ของเด็กหนุ่มเริ่มล่องลอยไปตามฤทธิ์ยา เขาขยับขากว้างเปิดทางให้ผู้ชายด้านหลังดันกายเข้ามาได้ถนัด


               “ตามสบายเลยลูกพี่ เอาให้สะใจ วันนี้ผมบริการเต็มที่”


               ท่อนเนื้อร้อนค่อยๆแทรกเข้าไปช้าๆ จนกระทั่งสุดทาง ผู้ชายที่ยืนด้านหลังจึงได้จัดการจนเด็กหนุ่มหัวสั่นคลอน และเพราะ

ฤทธิ์ยากล่อมประสาททำให้เขาคล้อยตามจนหน้ามืด


               “เจ๋งมากลูกพี่ อีกนิด อีกนิด ผมจะ...”


               ปลดปล่อยอารมณ์ไปกับราคะจนไม่รู้เลยว่ามีดผ่าตัดปลายคมกำลังจ่ออยู่กับคอหอย และเมื่อเด็กหนุ่มพริ้มตาขณะเขากำลัง

โลดแล่นอยู่ในสวรรค์ปลายคมของมีดก็ตัดเข้าที่เส้นเลือดใหญ่ทันที


               ท่อนเนื้อถูกดึงออกจากร่างนั้น พลันเด็กหนุ่มก็ร่วงลงไปกองอยู่กับพื้น โลหิตแดงฉานทะลักออกจากปากแผล เด็กหนุ่ม

ตาเหลือกชักกระตุกอีกไม่กี่ครั้งเขาก็ไม่กลับจากสวรรค์ที่เพิ่งไปเยือนอีกเลย

               


               TBC

               สาบานว่านิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักหวานแหวว
                :laugh: :laugh:



[attachment deleted by admin]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-10-2016 20:44:51 โดย Belove »

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
 :hao4:   อื้มมมม หมดหวังที่จะกลับตัวกับอิตาหมอคีรี 
จงไปชดใช้กรรมซะ 
ปล.เราคิดว่าอิตาหมอคีรีไม่ได้เอาเอ็นอุ่นใส่จริงๆใช่ป่ะ มันต้องเป็นผลมาจากยาแน่ๆเลย  ถ้าจริงอยากจะบอกอิเลววว 

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด