พิมพ์หน้านี้ - << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> [Pre orderพิมพ์ครั้งใหม่ 4 ก.ย.-5ต.ค.61]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Belove ที่ 17-03-2016 20:58:11

หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> [Pre orderพิมพ์ครั้งใหม่ 4 ก.ย.-5ต.ค.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 17-03-2016 20:58:11


ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ   ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic= (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=)459.0 
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic= (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=)2160.0 
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่ 
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่ 
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ 
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ 
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ 
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น เรื่องเล่านักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น เรื่องเล่าแต่สามารถแจ้งว่าเป็น นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริงได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว 
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน 
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
       7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
       7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
       7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
             - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ 
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง). 
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ 
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวปhttp://www.thaiboyslove.com (http://www.thaiboyslove.com)  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป 
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับนิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป 
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด 
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ 
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ 
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง ....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
   (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail   
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข  17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า แจ้งข่าวหน้า...และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ admin thaiboyslove.com.......................................                                                             
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7 วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย 
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


                                                              :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:






Hymn to Anpu*
O Thou Lord of the Hallowed Land,
Sky hunter of dawn
Master of the feather of truth
I call upon thee as a son calls to a father.
Hear my call and indwell my Soul-Temple.
Extend thy hand through the veils of time
O Anpu who stands upon the Mountain,
Thou who are upon the pillar of the north,
Hear my call and indwell my Soul-Temple.
O Sah who guards the heavens at night-time,
Shine thy beams of Divine Light upon this supplicate.
Here my call and indwell my Soul-Temple.
I have cleansed my self in thy sacred lake,
I have offered unto thee incense,
Now indwell my Soul-Temple with Holy Fire.


O Divine Magician guide me through the celestial halls,
Part the Veil of the hidden world and clear my vision.
Initiate your humble servant into thy Secret Mysteries,
Cast thou the Holy Circle of Starry Light.
O Royal Child I see thee through the veils of time,
I enfold thee in my Ka and rejoice in thy Divine embrace.
The Ancient Ceremonies are performed,
The chants echo across the temporal halls.
The Temple is rebuilt, the faith renewed.
We are One, twin beams of light entwined,
The Soul-Temple glows as a Golden Dawn,
The Ancient Twilight glows across Space and Time.
I am a Cosmic Jackal, a Power of Heaven.
Anpu indwells my Soul-Temple.
I am complete.


Ankh,Bah,Mert
(Life,Light,Love)


คัมภีร์มรณะอียิปต์ 240 ปีก่อน ค.ศ.
แปลจากภาษาอียิปต์โบราณโดย อี.เอ.วอลลิส บุดจ์


ข้าพเจ้าขอคารวะเทพอามอน-รา เทพโอซิริสและเทพอนูบิส
ได้โปรดอำนวยพรให้ข้าประพันธ์นิยายเรื่องนี้อย่างราบรื่นด้วยเทอญ

ชีวิต แสงสว่าง และความรัก
Belove


นิยายเรื่องนี้หยิบยกเพียงเสี้ยวหนึ่งของตำนานเทพเจ้าอียิปต์มาผนวกกับจินตนาการของคนแต่ง
หากมีเรื่องผิดพลาด ผู้แต่งขออภัยแด่องค์เทพและอาลักษณ์ทั้งปวง


                           :pig2: :pig2: :pig2: :pig2:

สารบัญ


บทที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3335193#msg3335193)
บทที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3337114#msg3337114)

บทที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3340512#msg3340512)

บทที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3342972#msg3342972)
บทที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3347844#msg3347844)
บทที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3355651#msg3355651)
บทที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3358633#msg3358633)
บทที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3362982#msg3362982)
บทที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3367023#msg3367023)
บทที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3373930#msg3373930)
บทที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3398753#msg3398753)
บทที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3421890#msg3421890)
บทที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3434991#msg3434991)
บทที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3455251#msg3455251)
บทที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3458159#msg3458159)
บทที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3464065#msg3464065)
บทที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3466177#msg3466177)
บทที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3470300#msg3470300)
บทที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3471707#msg3471707)
บทที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3477393#msg3477393)
บทที่ 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3480576#msg3480576)
บทที่ 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3485408#msg3485408)
บทที่ 23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3490128#msg3490128)
บทที่ 24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3493862#msg3493862)
บทที่ 25 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3495024#msg3495024)
บทที่ 26 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3496272#msg3496272)
บทที่ 27 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3496789#msg3496789)
บทที่ 28(บทส่งท้าย) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52544.msg3496819#msg3496819)




ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
                                       




 :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>
เริ่มหัวข้อโดย: ลูฟ่า ที่ 17-03-2016 21:16:44
รออ่านค้าาา
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 17-03-2016 21:32:15
เข้ามาปูเสื่อรอค่า
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 17-03-2016 21:32:54

                                                                          อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                                                      บทที่ 1
                                                                           
                                                                            iw Sny n N m nwn
                                                                            iw irty n N m HwtHr
                                                                            iw msdr n N m wp-wAwt
                                                                            iw fnd n N m xnty-xAs
                                                                            iw spty n N m inp
                                                                            iw ibHw n N m srqt
                                                                            iw nHbt n N m ist
                                                                            iw awy n N m ba-nb-ddt
                                                                            iw Sna n N m nt nb(t) saw
                                                                            iw psd n N m stS
                                                                            iw Hnn n N m wsir
                                                                            iw wfw n N m nbw Xr-ahA
                                                                            iw Snbt n N m aA-Sfyt
                                                                             iw Xt iat n N m sxmt
                                                                             iw xpdwy n N m irt-Hr
                                                                             iw mnty ssty N m nwt
                                                                             iw tbty n N m [ptH]
                                                                             iw Dbaw sAHw n N m arwt anxw

                                                   The hair of N is the hair of Nun, the eyes those of Hathor
                                                    The ears of Wepwawet, the nose of Khentkhas
                                                    The lips of Anubis, the teeth of Serqet
                                                    The neck of Isis, the arms of Banebdjedet
                                                    The upper breast of Neit, lady of Sais, the back is that of Seth
                                                    The phallus is that of Osiris, the flesh is that of the lords of Kheraha
                                                    The lower breast is that of the Great of Dignity
                                                    The stomach and spine are those of Sekhmet
                                                    The buttocks are those of the Eye of Horus, the thighs and legs those of Nut,
                                                    The feet are those of Ptah, the fingers and toes of living cobras

                                                                           ยู เซนี เอ็น เอ็น  เอ็ม นูน
                                                                           ยู เยรที เอ็น เอ็น เอ็ม ฮูทเฮร
                                                                           ยู เมสเดร เอ็น เอ็น เอ็ม เว็พวาเว็ท
                                                                           ยู เฟเน็ด เอ็น เอ็น เอ็ม เค็นทีคาส
                                                                           ยู เซ็พที เอ็น เอ็น เอ็ม เย็นปู
                                                                           ยู เย็บฮู เอ็น เอ็น เอ็ม เซรเก็ท
                                                                           ยู เน็คเบ็ท เอ็น เอ็น เอ็ม เยเซ็ท
                                                                           ยู อ๋าวี เอ็น เอ็น เอ็ม บาเน็บเจเด็ท
                                                                            ยู เซนา เอ็น เอ็น เอ็ม เน็ท เน็บเบ็ท สาอู
                                                                            ยู เปเซ็ด เอ็น เอ็น เอ็ม เซเทส
                                                                            ยู เฮเน็น เอ็น เอ็น เอ็ม เวซิร
                                                                            ยู เวฟู เอ็น เอ็น เอ็ม เนบู เครอ๋าฮา
                                                                            ยู เซ็นเบ็ท เอ็น เอ็น เอ็ม อ๋าอาเซ็ฟเย็ท
                                                                            ยู เค็ท ยาท เอ็น เอ็น เอ็ม เซ็คเม็ท
                                                                            ยู เคเปดูวี เอ็น เอ็น เอ็ม เยเร็ทเฮร
                                                                            ยู เม็นที เซ็สที เอ็น เอ็ม นูท
                                                                            ยู เท็บที เอ็น เอ็น เอ็ม พทาห์
                                                                            ยู เจบ๋าว ซาฮู เอ็น เอ็น เอ็ม อ๋ารูท อ๋าเนคู



           หนทางยาวไกลช่างมืดมิดหดหู่ สองข้างทางเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตาหากแต่ร่างอันไร้กายหยาบยังเดินแถวเรียงเดี่ยวก้าวตามกันไม่

ขาดช่วงบนทางเดินแคบเพื่อก้าวเข้าสู่ประตูบานใหญ่สีทองอยู่ในความมืดสลัว ไร้การพูดคุยนอกจากเสียงพร่ำบ่นสวดมนต์บูชาคณะเทพ

พิพากษาชีวาหลังความตาย

               ร่างอันสั่นเทาร่างหนึ่งตัวสั่นงันงกกับสิ่งที่เห็นเบื้องหน้า บัลลังก์ใหญ่สีทองอร่ามสว่างจ้ากลางสถานที่มืดมิดปรากฏกายบุรุษ

เพศส่องแสงสีเขียวเรืองรองพันกายด้วยผ้าป่านสีขาวและศีรษะสวมมงกุฎสีขาวแซมด้วยขนนกกระจอกเทศมือข้างหนึ่งถือธารพระกรยอด

งอกับอีกข้างยึดจับไม้นวดข้าวไว้ ดวงตาฉายแววปรานียามประทับนั่งมองลงมา

               ตึง!


               “วิญญาณ จงอย่างได้ช้า!”


               สะดุ้งพลันกับเสียงอาวุธกระแทกกับพื้นเพื่อเตือนสติ ร่างบางเบานั้นได้แต่เหลือบตามองบุรุษอีกผู้หนึ่งที่ปรากฏกายอยู่ใกล้

เพียงแค่เอื้อมมือคว้า หากแต่บุรุษผู้นี้กลับมีศีรษะเป็นสุนัขในที่พบเห็นได้ในทะเลทรายแห้งแล้ง เวิ้งว้าง ท่อนล่างพันกายด้วยผ้าป่านทอ

หากแต่ด้านบนสวมใส่เกราะสีทองแวววาวรับกับแผงหน้าอกที่อุดมด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรง

               สบตากับดวงตานิ่งคล้ายกับไม่เคยสัมผัสกับอารมณ์ใดๆ ร่างบางเบาจึงตัดใจใช้มือควักไปที่หน้าอกข้างซ้ายพร้อมกับหัวใจ

ของตนยื่นออกมา บุรุษผู้มีศีรษะเป็นหมาในใช้คทาในมือเกี่ยวหัวใจนั้นก่อนจะวางไว้บนตาชั่งด้านหน้า

               ยิ่งเงียบงันขึ้นอีกเมื่อต่างรอรับคำตัดสิน ตาชั่งทั้งสองข้างที่ฝั่งหนึ่งเป็นหัวใจกับอีกฝั่งเป็นเพียงขนนกสีขาววางอยู่กำลังขยับ

ราวกับตัดสินใจ และแค่เพียงอึดใจข้างฝั่งที่เป็นหัวใจจึงลอยสูงและฝั่งที่เป็นขนนกกลับต่ำลงมา


               “เมื่อมีชีวิตวิญญาณทำความดี”


               รอยยิ้มบังเกิดทันที ประธานแห่งคณะพิพากษาเผยรอยยิ้มอ่อนโยนส่งให้


               “วิญญาณ เจ้าจะได้รับรางวัลเป็นชีวิตอันเป็นนิรันดร์”


               “โอ ขอบคุณเทพโอซิริส ขอบคุณ”


               ละล่ำละลักด้วยความยินดี กระทั่งมีร่างบุรุษรับใช้พาออกไปทางด้านหลัง แสงสว่างพลันกระจ่างเมื่อวิญญาณนั้นก้าวเข้าไป


               “วิญญาณต่อไป”


               “ไม่เหน็ดเหนื่อยบ้างรึ อนูบิส”


               เทพโอซิริสเอ่ยสัพยอก


               “ทำแต่งานจนไม่ได้พักผ่อนแล้วหลานรัก”


               บุรุษศีรษะหมาในหันมาค้อมลงอย่างเคารพ


               “งานของหลานมิได้เหน็ดเหนื่อยปานนั้นหรอกขอรับท่านลุง วิญญาณที่รอคำตัดสินยังมีอีกมากมายนัก”


               “งาน งาน และงาน เมื่อใดหลานรักของลุงจึงจะได้มีเวลาหาคู่ครองดังเช่นเทพอื่นบ้างเล่า”


               คลับคล้ายจะมีรอยยิ้มเพราะคำจากเทพโอซิริสผู้เป็นลุง เทพอนูบิสหันกลับไปยังวิญญาณที่รออยู่หน้าประตูและส่งสัญญาณ

ให้ก้าวเข้ามา

               ดวงตาของวิญญาณร่างใหม่กรอกหลุกหลิก เทพอนูบิสเฝ้ามองเมื่อมือนั้นควักหัวใจส่งให้ คทาด้ามยาวรับมาวางบนตาชั่งดั่ง

เช่นเดิม หากแต่คราวนี้เมื่อตาชั่งสั่นไหวฝั่งที่มีขนนกวัดความดีของเทพีมาอัตกลับดีดตัวสูงทันที


               “มันเป็นวิญญาณที่ทำกรรมชั่ว อัมมุท จัดการมัน!”


               ทันทีที่สิ้นเสียงคำสั่งก็มีสิ่งหนึ่งกระโจนมาจากความมืดและเงียบงันใต้ตาชั่ง อสุรกายสีดำมืดยิ่งกว่าความมืดอันมีนามว่า

“อัมมุท” กัดกินวิญญาณนั้นท่ามกลางสายตาของเทพโอซิริสและเหล่าผู้รับใช้ที่มองอย่างเป็นเรื่องปกติ


              “อิ่มอีกแล้วสินะอัมมุท”


               เทพโอซิริสกล่าวกับอสุรกายที่ลดกายลงหมอบต่ำเมื่อกัดกินวิญญาณชั่วหมดสิ้น เทพอนูบิสเอื้อมมือลูบมันเบาๆ


               “ทำดีมากอัมมุท กลับไปนอนต่อได้แล้ว”


               ร่างดำมืดหดหายกลับไปใต้ตาชั่งดังเดิม เทพอนูบิสลอบถอนหายใจบางเบา


               ดินแดนหลังความตายก็มีเพียงเท่านี้ ตัดสินวิญญาณจากความดีที่ได้กระทำมาเมื่อครั้งยังมีลมหายใจ หากใครทำดีก็ได้มีชีวิต

อีกครั้งกับดินแดนนิรันดร หากใครประพฤติชั่วก็จะถูกอัมมุทกัดกินจนเรียกได้ว่าตายเป็นครั้งที่สอง และจะไม่มีโอกาสอีกแล้วสำหรับชีวิต

ใหม่

               สำหรับเขา เทพอนูบิส หน้าที่จึงมีเพียงนำวิญญาณมาสู่โลกแห่งความตายและพิพากษาความดีต่อหน้าเทพโอซิริสผู้เป็นลุงที่

ปกครองดินแดนแห่งนี้หลังจากที่อนูบิสช่วยเหลือชุบชีวิตให้พ้นความตาย แต่อนูบิสไม่เคยคิดน้อยใจที่เทพโอซิริสต้องมาปกครองดิน

แดนที่เคยอยู่ในการดูแลของเขา เพราะอนูบิสนั้นเคารพเทพโอซิริสยิ่งกว่าบิดาเสียอีก

               อันที่จริงก็ต้องบอกว่าเขาเคารพเทพโอซิริสผู้เป็น “บิดาที่แท้จริง” ต่างหาก แม้ว่าจะพูดอะไรไม่ได้มากกว่านี้ก็ตาม


                “วิญญาณต่อไปเข้ามา”


               เทพอนูบิสเช่นเขาก็คงจะมีแต่งานและงานดังเช่นเทพโอซิริสหยอกเย้า แต่เทพอนูบิสก็มิได้เดือดร้อนกับความอ้างว้าง เรียก

ได้ว่าเขาคุ้นชินกับภาวะเช่นนี้เสียมากกว่า เขาถอนหายใจเพียงบางเบาก่อนหันความสนใจไปที่วิญญาณที่ก้าวมาใหม่

               วิญญาณใหม่ในร่างบุรุษช่างมีดวงตาแข็งกร้าวยามเผชิญหน้า ไม่มีวี่แววของความหวาดกลัวสับสนดังเช่นวิญญาณอื่น มือ

เหี่ยวย่นนั้นควักหัวใจของตัวเองออกมาแล้วส่งให้เทพอนูบิสใช้คทาเกี่ยวรับไปอย่างมั่นใจ

               เทพอนูบิสจับตามองไม่ว่างเว้นแม้ยามตาชั่งวัดความดีกำลังสั่นไหว พลันข้างขนนกดีดตัวสูงอย่างรวดเร็ว

เทพอนูบิสจึงสั่งเสียงดังลั่น


                “อัมมุท!”


               อสุรกายดำมืดที่เพิ่งจะกลับเข้าไปก่อนหน้ากระโจนออกมาทันที หากแต่เหตุการณ์ที่ไม่บังควรเกิดขึ้นในแดนหลังความตาย

กลับบังเกิดโดยไม่มีผู้ใดคาดคิด

               วิญญาณนั้นกระโจนตอบโต้ ร่างกายนั้นแปรเปลี่ยนเป็นอสุรกายสีดำไม่แพ้อัมมุท มันแยกเขี้ยวเห็นฟันแหลมคมวาววับเข้า

ต่อสู้กับอัมมุท เทพโอซิริสขยับกายเพ่งมองด้วยความกังวลอยู่บ้าง แต่เทพอนูบิสย่อมไม่ปล่อยให้เรื่องนี้รุนแรง

เทพโอซิริสมั่นใจในฝีมือของผู้เป็นหลาน

                บุรุษผู้มีศีรษะเป็นหมาในตั้งคทาขื้นเมื่อเห็นว่าวิญญาณร้ายนั้นกำลังได้เปรียบอัมมุท เขาปรี่เข้าไปหาและกวาดคทาเข้าใส่เพื่อ

ต่อสู้ เทพอนูบิสต้อนให้มันก้าวถอยหลังเข้าใกล้ตาชั่งขึ้นเรื่อยๆ และสิ่งเลวร้ายที่เลวร้ายยิ่งกว่ากลับเกิดขึ้น

               อสุรกายตนนั้นเอื้อมมือคว้าขนนกสีขาวของเทพีมาอัตจากตาชั่งพลันหัวเราะอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับลอยละลิ่วหนีไปในทันที

ท่ามกลางสายตาตกตะลึง เทพโอซิริสรีบออกคำสั่ง


               “อนูบิส รีบไป ไปเอาขนนกกลับมาให้ได้”


               ไม่ต้องสั่งก็รู้ เทพอนูบิสกระโจนตามไปติดๆพร้อมกับอัมมุท เขามองเห็นร่างสีดำมืดนั่นหนีไปไม่ห่าง เทพอนูบิสยิ่งเร่ง

ความเร็วเข้าไปใช้คทาต่อสู้อยู่บนฟากฟ้ากลางแผ่นดินอียิปต์จนท้องฟ้าสะเทือนเลื่อนลั่น อสุรกายฝีมือไม่ด้อยไปกว่าเขามากนัก มันสู้

อย่างไม่ระย่อจนเทพอนูบิสเริ่มเป็นกังวล


               โอ เทพอามอนราแห่งสุริยเทพ

               เทพแห่งเทพทั้งปวง

               โปรดช่วยอำนวยพรให้หลานผู้ต่ำต้อยชิงขนนกแห่งเทพีมาอัตกลับคืนมาสำเร็จด้วยเทอญ


               แผ่นฟ้าคำรามร้องเมื่อทั้งคู่ต่อสู้กันจนถึงเสาโอเบลิสก์คู่หนึ่งที่สูงผงาดฟ้า เสาโอเบลิสก์ที่เป็นสัญลักษณ์บูชาเทพแห่งสุริยะ

วงแหวนสว่างวาบเป็นวงกลมอยู่เหนือยอดเสาโอเบลิสก์ทั้งสอง พลันดูดร่างของปีศาจร้ายและอนูบิสรวมถึงอัมมุทให้ลอยเข้าไปใน

วงแหวน

               วงแหวนแคบลงจนสิ้นสุด ท้องฟ้าหยุดวิปริตแปรปรวนราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นรวมทั้งการต่อสู้ระหว่างเทพและปีศาจร้ายทั้ง

สอง




มีต่ออีกนิด...
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 17-03-2016 21:44:52
มีต่อตรงนี้จ้า...



กรุงเทพมหานคร 2559



               “หมอ คนไข้หยุดหายใจ”


               ท่ามกลางความวุ่นวายในหอผู้ป่วยของโรงพยาบาลรัฐบาลและเสียงตะโกนลั่นของพยาบาลทำให้มือเรียวที่กำลังจับปากกา

เขียนคำสั่งต้องรีบก้าวยาวๆไปที่เตียงคนไข้แล้วเอ่ยถามอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นพยาบาลประจำหอผู้ป่วยคนหนึ่งกำลังปั๊มหัวใจคนไข้อยู่บน

เตียง


               “กี่นาทีแล้ว”


               “ไม่ถึงนาทีนี่เองค่ะหมออาศิร”


               ร่างสูงโปร่งเจ้าของชื่ออาศิรรีบคว้าหน้ากากมาใส่ใบหน้าและสวมถุงมือทันที เขาก้าวไปที่หัวเตียงพร้อมกับง้างปากคนไข้


               “เบลดล่ะ”


               “มาแล้วๆ เบลด”


               พยาบาลอีกคนก้าวมาประจำตำแหน่ง เธอส่งอุปกรณ์ให้อาศิรรับไป นายแพทย์หนุ่มใช้มันงัดปากคนไข้ให้อ้ากว้าง


               “น้ำชา ทิวบ์มาเร็วเข้า”


               “เจ้าค่ะเพื่อน”


               อาศิรรับท่อช่วยหายใจมาถือไว้ในมือ เขาสอดมันเข้าไปในคอคนไข้อย่างคล่องแคล่วเพียงครั้งเดียวก็สำเร็จ จากนั้นเขาก็

ปล่อยให้ชาลินีพยาบาลประจำวอร์ดที่เป็นเพื่อนสนิทจัดการเรื่องท่อช่วยหายใจต่อ ร่างสูงก้าวมาอยู่ในตำแหน่งสั่งการของทีมที่กำลังช่วย

กู้ชีวิตคืนมาให้ผู้ป่วย


               “อะดรีนาลินหนึ่งต่อสิบ”


               “เอาโซเดียมไบคาร์ปให้ด้วย”


               เขาสั่งอย่างเป็นกังวลเมื่อเห็นกราฟที่แสดงอัตราการเต้นของหัวใจยังไม่ทำงาน


                “ชีพจรยังไม่เต้นนะโอม”


               ชาลินีบอกมา อาศิรพยักหน้ารับทราบ


               “พุชอะดรีนาลินไปอีกน้ำชา แล้วตามด้วยแคลเซียมกลูโคเนต”


               นายแพทย์อาศิรเม้มปากพลางเหลียวไปมองญาติของผู้ป่วยที่กำลังใจเสีย และหันไปมองร่างที่กำลังถูกปั๊มหัวใจอยู่บนเตียง

ด้วยความเมตตา

               สิ่งนี้ที่ทำให้อาศิรตัดสินใจเรียนแพทย์ เพราะเขาอยากจะช่วยเหลือให้ผู้คนหายจากความเจ็บปวดของร่างกาย


                “อะดรีนาลินผ่านไปสี่แล้วนะโอม”


               ชาลินีทวนคำสั่งในขณะที่อาศิรกำลังเพ่งมองอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นบนร่างกายของผู้ป่วยคนนั้น

               มันบางเบาจนไม่มีใครมองเห็นยกเว้นอาศิรแต่เพียงผู้เดียว

               ไอบางเบาลอยออกจากร่างเกาะกุมกันเป็นภาพของผู้ป่วยที่นอนทอดกายอยู่บนเตียง ใบหน้านั้นผินมาหาเขาและสบตา มัน

ทำให้อาศิรทอดถอนใจ


               “ถึงเวลาของคุณแล้ว ขอให้คุณไปสู่ภพภูมิที่ดี”


               อาศิรเอ่ยคำอวยพรอยู่เพียงในใจ ความเจ็บปวดของร่างกายนอกจากจะคือไร้โรคภัยแล้วอีกสิ่งหนึ่งคือร่างกายนั้นหยุดทำงาน

เมื่อถึงเวลาหมดกรรม อย่างเช่นคนไข้คนนี้เป็นต้น


               ชื่อของอาศิรแปลว่าการอวยพร แล้วจะมีคำอวยพรใดที่ดีไปกว่านี้เมื่อวิญญาณกำลังหลุดลอยไปจากร่างกายเล่า

และเรื่องราวเหล่านี้มีแค่อาศิรที่รู้ เขา “รู้” เรื่องนี้มาตั้งแต่จำความได้แต่ไม่สามารถบอกใครว่าเขา “เห็น” วิญญาณยามหลุดลอยออกจาก

ร่าง ถึงบอกไปก็คงจะไม่มีใครเชื่อ


                 “หยุดปั๊มได้แล้ว”


                 เขาเอ่ยง่ายๆก่อนจะเดินไปยังกลุ่มญาติที่รอความหวัง และเมื่อเขากล่าวคำว่าเสียใจทุกคนก็ร้องไห้ออกมา อาศิรได้แต่มอง

อย่างเห็นใจเมื่อทุกอย่างได้ทำเต็มที่แล้วแต่ก็ยังยื้อชีวิตไม่ได้


                “ขึ้นเวรกับแกนี่เยินตลอด”


               ชาลินีส่ายหน้าเมื่อสถานการณ์กลับคืนสภาพเดิม


               “แล้วแกนี่นะโอม ดวงเพชรฆาตแท้ๆแกรู้ได้ไงวะว่าคนไหนจะตาย”


               นั่นสินะ อาศิรเองก็อยากรู้


               ทำไมต้องเป็นเขาเท่านั้นที่รู้เรื่องแบบนี้ด้วย หรือว่านี่เป็นสิ่งที่ลิขิตมาว่าต้องเป็นอาศิรคนเดียวเท่านั้น


                                                 TBC
               

หลังจากทนเสียงหัวใจตัวเองเพรียกหาไม่ไหว ในที่สุดเราก็แต่ง

ความจริงเรื่องนี้เคยแพลนไว้ก่อน บัลลังก์รักใต้เงาแค้น และ พี่ไม่หยิ่งรักจริงหวังฟัน

แต่ต้องหาข้อมูลให้แน่นก่อนถึงจะกล้ามาแต่งค่ะ

และกะไว้ว่าจะรอให้สองเรื่องด้านบนจบก่อนเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

แต่ทว่า ทนเสียงร่ำร้องของหัวใจไม่ได้เจรงๆๆๆ

 :sad4: :sad4: :sad4:                
 

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 1 [17/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Speirmint28 ที่ 17-03-2016 23:39:45
เรื่องใหม่มาแล้วววววววววววววววววววววว :katai2-1: :katai2-1:
มาให้กำลังใจพี่สาว รออ่านนะคะ ตอนแรกก็เอาเรื่องแล้ว  :katai1:
ปล. แต่ละเทพไม่รู้จักซักตัว  :hao7: ถือเป็นเรื่องใหม่น่าสนใจ  :katai5:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 1 [17/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 18-03-2016 00:01:45
อย่าบอกว่าทั้งหนึ่งเทพ หนึ่งอสูรกาย กับอีกหนึ่งสัตว์จะหลุดมาที่กรุงเทพ ยุคปัจจุบัน
ถ้าใช่คงป่วนน่าดู
ให้กำลังใจคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 1 [17/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 18-03-2016 00:11:04
ลงชื่ิติดตาม :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 1 [17/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 18-03-2016 00:48:34
แลเห็นถึงความสับสนงุนงงและวุ่นวาย
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 1 [17/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 18-03-2016 01:16:47
น่าติดตามมากๆเลยยย :mew1:
รอตอนต่อไปน้าาาา
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 1 [17/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 18-03-2016 02:08:10
มาแบบเทพมากเลยค่ะ
กลับกันกับขนบนิยายจีนนะคะที่ส่วนใหญ่ทะลุมิติไปหาอดีตงี้
ในบรรดาเทพๆอียิปต์นี่ยอมรับเลยว่าท่านเทพอนูบิสนี่หุ่นทรงพระเริ่ดที่สุด
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 1 [17/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 18-03-2016 07:17:49
รีบมาต่อไวๆนะค้าาา  แต่ทำไมรู้สึกว่าบรรทัดมันดีดๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 1 [17/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: neverFall ที่ 18-03-2016 07:23:47
ตื่นเต้นๆๆ :mc4: ผมชอบตำนานอียิปต์มากๆเลย

รอติดตามตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 1 [17/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 18-03-2016 11:05:15
สนุกมากกกก เนื้อเรื่องดีมาก เราชอบเทพอียิปต์อยู่แล้วด้วย
อ่านแล้วรักเลย อยากรู้จริงๆว่าจะเป็นไงต่อ มาอีกไวๆเลยน้า
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 1 [17/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: yestermemo ที่ 18-03-2016 12:17:08
แอบมากรีดกร๊าดอิมเมจเทพอนูบิสค่ะ ถึงกับต้องเตรียมเลือดเลยทีเดียว -///- แอร๊

รอตอนต่อไปนะคะ น่าติดตามมากกก

หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 1 [17/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: grimreaper ที่ 18-03-2016 12:33:22
นี่สิที่รอคอย อียิปต์ (ชอบแนวนี้มากทะเลทราย อียิปต์ เทพเจ้า ) ส่วนตัวชอบอนูบิสอยู่แล้ว

(เพราะเราเล่นเกมส์อยู่เกมส์หนึ่งและมีแชมป์เปี้ยนเป็นอนูบิส =[]=:; เลยทำให้ชอบอย่างไม่รู้ตัว)

แต่งดีมากเลย กลิ่นไอแฟนตาซี ไอ๊ย่ะ รอตอนต่อไป  :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 1 [17/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: HunterKill ที่ 18-03-2016 12:45:33
ชอบแนวนี้ มารอคับ o13
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 1 [17/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 18-03-2016 12:48:31
ติดตามจ้า ^^
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 1 [17/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: gamma_focus ที่ 18-03-2016 17:31:35
รอนะคะ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 1 [17/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Mayonhwa ที่ 18-03-2016 17:48:31
รอติดตามเรื่องนี้นะคะ
กดบุ๊คหมากไว้แล้ว
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 1 [17/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: iNcamisang ที่ 19-03-2016 00:37:48
 ดีงามเป็นที่สุดค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 1 [17/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Apisitbuo ที่ 19-03-2016 07:09:28
 :hao6:
ชอบๆๆอยากอ่านแนวนี้มากล่ะแต่หาไม่เจอสักทีพอเห็นว่าอียิปต์นี้อยากลองอ่านดู
เอาเป็นว่าจะรออ่านน่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 1 [17/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 19-03-2016 11:25:29
รอติดตาม
น่าสนใจมากๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 1 [17/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: padloms ที่ 19-03-2016 14:02:04
รอตอนต่อไป  :katai2-1:
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 2 [19/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 19-03-2016 20:32:04


                                                อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                           บทที่ 2


               “โอม เร่งความเร็วขึ้นอีกนิดความหล่อของแกก็คงจะไม่ลดลงหรอกน่า”


               เสียงชาลินีเร่งยิกเมื่อทั้งคู่ก้าวไปด้านในของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งไม่ไกลจากโรงพยาบาลนัก วันนี้อาศิรไม่ต้องขึ้นเวรใน

ช่วงกลางคืนชาลินีจึงชวนเขามาที่นี่เมื่อหมดเวลาทำงานในเวลาราชการ

               อาศิรเป็นนายแพทย์ใช้ทุนปีหนึ่งหรือที่เรียกง่ายๆว่าอินเทิร์นหนึ่ง เขาเพิ่งจบจากคณะแพทยศาสตร์มาเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ชีวิต

การทำงานเพิ่งจะเริ่มต้นหลังจากที่ชาลินีเพื่อนสนิททำงานเป็นพยาบาลในโรงพยาบาลเดียวกันมาก่อนเกือบสามปีแล้วและที่มาห้าง

สรรพสินค้าในตอนนี้เพราะทั้งคู่จะมาหาเพื่อนสนิทอีกคนก็คือเวทิศนั่นเอง

               อาศิร ชาลินี เวทิศ สามคนเพื่อนซี้ที่คบกันมาตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลายจนกระทั่งเรียนจบ อาศิรกับชาลินีเลือกเรียนแพทย์กับ

พยาบาลในมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่เวทิศกลับแยกไปเรียนโบราณคดีอย่างที่ชอบ เวทิศเพิ่งจะจบปริญญาโทมาหมาดๆและกลายเป็นผู้

เชี่ยวชาญด้านอียิปต์วิทยาที่มีไม่มากนักในเมืองไทย ทั้งสามคนยังไม่มีคนรักเพราะอาศิรกับเวทิศมัวแต่คร่ำเคร่งกับการเรียน ส่วนชาลินี

นั้นเรื่องเรียนเรื่องงานไม่เท่าไหร่แต่ที่หนักก็คงจะเป็นบรรดาโอปป้าทั้งหลายตามโปสเตอร์ที่ติดอยู่เต็มผนังห้องส่วนตัวที่บ้านเสียมากกว่า

               วันนี้เวทิศมาเป็นผู้แนะนำความรู้ในนิทรรศการการท่องเที่ยวอียิปต์ที่จัดแสดงในห้างสรรพสินค้า เขาจึงนัดให้อาศิรและชาลินี

มาหาเพื่อจะได้ไปรับประทานอาหารเย็นกันเมื่อเขาเสร็จงานในตอนหัวค่ำ


               “จะรีบไปไหนล่ะน้ำชา แกรีบไปไอ้ทิศมันก็ยังไม่เสร็จงานหรอกน่า”


               ส่ายหน้าเมื่อชาลินีเร่ง แต่เพื่อนสาวกลับหันมาทำหน้าซีดใส่


               “รีบสิไอ้โอม เข้าใจไหมว่าฉันปวดขี้จนขนลุกแล้วเนี่ย โอย ทนไม่ไหวแล้ว ไปห้องน้ำก่อนล่ะ แล้วเดี๋ยวไปเจอกันที่บูทของไอ้

ทิศเลยละกัน”


               แม่เจ้าประคุณวิ่งตรงไปยังห้องน้ำแล้วทิ้งให้อาศิรยืนเพียงลำพังอยู่หน้าทางเข้าที่จัดนิทรรศการ อาศิรจึงเดินทอดน่องดูตาม

บูทต่างๆด้วยความสนใจ


               “คุณ คุณคนนั้น”


               ใคร คนไหน


               อาศิรชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียก


               “ใช่ คุณนั่นแหละ ดูคำพยากรณ์ตามแบบอียิปต์หน่อยไหม”


               อาศิรหันกลับไปทางด้านหลัง เขามองด้วยความแปลกตาเมื่อเห็นหญิงชราคนหนึ่งที่มีผมสีขาวทั่วทั้งศีรษะใส่เสื้อผ้าป่านทอสี

ชาวมัวเบื้องหน้ามีโต๊ะตั้งอยู่ปูด้วยผ้าปูสักหลาดผืนหนึ่ง อาศิรยิ้มอ่อนตอบกลับ


               “ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องดวง”


               “ไม่ต้องเชื่อคำพยากรณ์หรอกคุณ แค่ใช้มันเป็นโคมไฟส่องแสงให้ชีวิตในยามที่คุณมืดมัวก็พอแล้ว”


               ประโยคนั้นเองที่สะกิดใจและเหมือนจะดึงดูดอาศิรได้ ใบหน้าของหญิงชราดูจริงจังมากกว่าหมอดูคนอื่นที่เขาเคยเห็น อาศิร

ตัดสินใจเดินเข้าไปนั่งตรงกันข้ามกับหญิงชราที่เผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้าเคร่ง


               “บอกวันเกิดของคุณมาสิ”


               “ผมเกิดวันที่หนึ่งเดือนกรกฎาคม”


               หมอดูชราหยิบไพ่ใบหนึ่งในสำรับที่กองอยู่ด้านข้างออกมาอย่างมั่นใจและวางมันลงต่อหน้าอาศิร เขามองไพ่ใบนั้นอย่าง

แปลกตา หน้าไพ่เป็นรูปด้านข้างของคนที่มีหัวเป็นสุนัข มือซ้ายถือคทายอดสูงและมือขวาถือห่วงเล็กๆลักษณะคล้ายไม้กางเขนแต่หัว

เป็นวงกลม


               “อนูบิส ผู้นำทางวิญญาณสู่โลกหลังความตาย”


               อนูบิสงั้นหรือ พูดไปอาศิรก็ไม่รู้จักหรอก เขาไม่เคยสนใจเรื่องเทพเจ้าสักนิดแม้ว่าเวทิศเพื่อนสนิทจะพูดให้ฟังบ่อยๆก็ตาม


               “แล้วมัน เป็นไงหรือครับ”


               “คุณเป็นคนซับซ้อนยากที่ใครจะเข้าถึง” หญิงชราพูดเสียงเนิบนาบพลางเหลือบตามองอาศิร


               “ใครหลายๆคนอยากที่จะเข้าให้ถึงจิตใจของคุณแต่ตัวคุณเองกลับชอบหนีสังคมไปอยู่คนเดียว แต่ว่าความจริงแล้วคุณน่ะ

กลับเข้าใจจิตใจของคนอื่น มากกว่าที่คนอื่นจะเข้าใจคุณ”


               อาศิรมองหญิงชราอย่างงงงัน เขามั่นใจว่าเขาเพิ่งเคยพบกับหมอดูคนนี้เป็นครั้งแรก แต่คำพูดที่กล่าวมานั้นช่างตรงกับนิสัย

ของเขาจริงๆ


               “แต่ความจริงแล้วคุณเป็นคนอ่อนไหวง่ายนะ และรักความซื่อสัตย์มากๆ เป็นข้อดีข้อเด่นของคุณเลยล่ะพ่อหนุ่ม นี่ถ้าใครที่

แสดงความจริงใจและซื่อสัตย์กับคุณ คุณจะรักและภูมิใจเป็นพิเศษ  อายุของคุณล่ะปีนี้เท่าไหร่แล้ว”


               “อีกเดือนเดียวก็จะครบยี่สิบห้าปีแล้วครับคุณป้า”


               อาศิรตอบอย่างนอบน้อมตามแบบฉบับของเขา หากแต่หญิงชรากลับเบิกตากว้างก่อนจะผ่อนลมหายใจลง


               “เบญจเพส ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง ความล่มสลายคือการถือกำเนิดใหม่อย่างแท้จริง จงระวังไว้พ่อหนุ่ม แต่ไม่เป็นไรหรอก

เทพอนูบิสจะคุ้มครองคุณ จบการทำนายลงแค่นี้”


               พูดจบเปลือกตาก็ปิดลงราวกับจะไม่รับรู้อะไรอีกยิ่งสร้างความงงงันให้แก่อาศิรเป็นอย่างมาก


               “เดี๋ยวสิครับคุณป้า แล้วค่าดูล่ะครับ ผมต้องจ่ายเท่าไหร่”


               ไม่มีคำตอบจากหญิงชราที่นั่งนิ่งราวกับหุ่นปั้น อาศิรได้แต่ลุกขึ้นยืนด้วยความมึนงงก่อนเดินจาก แต่เพียงแค่อึดใจชาลินีก็คว้า

แขนเขาไว้


               “เดินใจลอยอะไรยะโอม เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ได้ยิน”


               อาศิรขมวดคิ้ว เขาไม่ได้ยินเสียงเรียกของชาลินีสักนิด


               “กำลังคิดตามคำพูดของป้าหมอดูน่ะ มันฟังแล้วเข้าใจยาก”


               คำตอบของเพื่อนสนิททำให้ชาลินีตาโต


               “ไหน หมอดู งานแบบนี้มีหมอดูด้วยเหรอ”


               “มีสิ ก็เพิ่งผ่านมานี่เอง นั่นไง อะ อ้าว!”


               คราวนี้อาศิรยิ่งงงหนักกว่าเดิมเมื่อเขาหันไปแล้วชี้ให้ชาลินีดูซุ้มของหญิงชราที่เขาเพิ่งจะเดินจากมาไม่เท่าไหร่ แต่บัดนี้มัน

กลับอันตรธานไปอย่างไร้ร่องรอย แถมยังเป็นที่ตั้งของถังขยะอีกด้วย ชาลินีมองอาศิรด้วยความแปลกใจ


               “แกเป็นไรมากปะเนี่ยโอม ถังขยะชัดๆกลับบอกว่าไปนั่งดูดวงมา เฮ้อ ไปหาไอ้ทิศเหอะ มันไลน์มาบอกว่าเลิกงานแล้วล่ะ”


               พูดจบชาลินีก็ลากแขนอาศิรที่ยังไม่หายตกตะลึงให้ก้าวเข้าไปด้านในจนถึงส่วนที่เป็นบูทของมหาวิทยาลัยที่เวทิศเป็น

อาจารย์สอนอยู่ เวทิศฉีกยิ้มอย่างยินดีที่เห็นเพื่อนสนิททั้งสองมาหา


               “เลิกงานยังทิศ”


               ชาลินีเอ่ยถามอย่างสนิทสนม เวทิศรีบพยักหน้ารับ


               “เลิกแล้ว กำลังหิวพอดีเลย กินอะไรกันดีล่ะ ว่าไงไอ้เหี้ยโอม”


               เวทิศถามเมื่อเห็นอาศิรกำลังมองรอบบูทของเขาอย่างสนใจ ก่อนที่สายตาของอาศิรจะสะดุดกับรูปปั้นขนาดเท่าคนที่ตั้งอยู่

ตรงกลางบูท


               “มึงสนใจรูปปั้นเทพเจ้าด้วยหรือวะ นี่น่ะ เทพโปรดของกูเลยนะโว้ย ชื่อว่า...”


               “อนูบิส”


               อาศิรเอ่ยตอบอย่างมั่นใจขณะที่เขาจ้องมองร่างกายมนุษย์ที่แผงอกกำยำ หากแต่เหนือขึ้นไปกลับเป็นหัวสุนัข มือหนึ่งถือ

คทามือหนึ่งถือห่วงอะไรสักอย่างในมือ


               “เฮ้ย ถูกด้วยว่ะ นี่มึงรู้จักเทพอนูบิสด้วยเหรอ”


               เวทิศถามอย่างตื่นเต้น อาศิรได้แต่ยิ้มจืดให้เพื่อน


               “ไม่รู้จักหรอก เขาเป็นใครวะ”


               เมื่อเจอคำถามถูกใจเวทิศก็ถึงกับลืมหิว เขายิ้มแป้นอธิบายให้เพื่อนฟังทันที


               “เป็นเทพที่น่าเห็นใจที่สุดในอียิปต์แล้วมั้งกูว่านะ  อนูบิสเป็นลูกของเซธกับเนฟทีส อ้าว ทำหน้างงอีกไอ้โอม คือต้องบอก

ว่าที่อียิปต์เขาถือกันว่าเทพอามอนราที่เป็นสุริยะเทพน่ะใหญ่ที่สุด เทพรามีลูกห้าองค์ก็เลยจับคู่แต่งงานกัน โอซิริสแต่งกับไอซิส       

เซธแต่งกับเนฟทีส มีเทพฮามาคิสองค์เดียวที่ไม่ถูกจับคู่ว่ะ ว่ากันว่าเนฟทีสหลงรักโอซิริสเลยแปลงร่างเป็นเทพีไอซิสพี่สาวตัวเองไป

หลับนอนกับเทพโอซิริสจนป่องออกมากลายเป็นเทพอนูบิสขวัญใจกูนี่แหละ”


              “อ้าว แล้วเทพเซธไม่รู้เรื่องเหรอว่าเมียไปป่องกับเทพโอซิริสน่ะ” ชาลินีถามอย่างนึกสนุกกับตำนานเทพอียิปต์


               “ก็ไม่รู้ว่ารู้หรือเปล่า แต่เทพีไอซิสน่ะคงรู้แน่ๆ ก็ช่วยเนฟทิสเลี้ยงอย่างดีแหละนะ ส่วนเทพเซธนี่ก็ไม่รู้โกรธเคือง

เทพโอซิริสอะไรนักหนา อาจเป็นเพราะอิจฉาพี่ชายที่ได้ครองอียิปต์ล่ะมั้งก็เลยหลอกฆ่าแล้วหั่นร่างเป็นชิ้นๆโยนกระจายทั่วอียิปต์ เดือด

ร้อนเทพอนูบิสต้องช่วยเทพีไอซิสตามเก็บชิ้นส่วนแล้วใช้น้ำยาที่คิดขึ้นมารวมร่างโอซิริสเข้าด้วยกันกลายเป็นต้นแบบมัมมี่ไงล่ะ แต่

เพราะเทพโอซิริสได้ตายไปแล้ว เทพราก็เลยให้ไปดูแลโลกหลังความตายที่เป็นของอนูบิสนั่นแหละ อนูบิสของกูเลยต้องยอมยกอำนาจ

การดูแลให้เทพโอซิริสแล้วตัวเองก็กลายเป็นแค่คนนำทางวิญญาณตั้งแต่นั้น ไง เศร้าและน่าเห็นใจไหมล่ะ”


               เป็นครั้งแรกที่อาศิรตั้งใจฟัง เขานึกเห็นใจชะตากรรมของเทพอนูบิสเมื่อฟังจบ หากเรื่องของเทพเจ้าอียิปต์เป็นเรื่องราวจริงๆ

เทพที่มีศีรษะเป็นรูปสุนัขคงจะเจ็บช้ำในหลายเรื่อง


               “ทำไมร่างกายเป็นคนแล้วหัวเป็นหมาล่ะ” อาศิรเอ่ยถามขึ้นบ้าง และอาจารย์จอมอธิบายอย่างเวทิศก็ไม่พลาด


               “สมัยก่อนความเชื่อของคนมันเกี่ยวข้องกับธรรมชาติ มึงลองสังเกตดูสิว่ารูปร่างหน้าตาของเทพเจ้าทั้งหลายน่ะมันก็คือ

ธรรมชาติรอบตัวมนุษย์ เทพแห่งดวงอาทิตย์ก็จะมีมงกุฎเป็นสีแดงๆเหมือนดวงอาทิตย์ เทพแห่งลม เทพแห่งน้ำ ส่วนอนูบิสเป็น

สัญลักษณ์ของความตายเขาก็เลยใช้หมาในที่เจออยู่ในทะเลทรายที่แห้งแล้งเป็นสัญลักษณ์แทน แต่ในตำนานเทพพวกนี้เขามีร่าง

มนุษย์นะมึง หรือจะแปลงเป็นแมลงสาบ มด หนู อะไรก็ได้”


               มีร่างมนุษย์งั้นหรือ


               อาศิรมองรูปปั้นเทพอนูบิสอย่างพิจารณา เขาแปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากรู้ว่าหากเทพตรงหน้ากลายร่างเป็น

มนุษย์จะหน้าตาเป็นเช่นไร อาจจะหน้ายาวๆแหลมๆเหมือนหมาในก็ได้ใครจะรู้


               “แก คุยกันเรื่องเทพๆจบยัง ลูกเทพอย่างฉันหิวแล้วอะ”


               เสียงท้องร้องอุทธรณ์จากชาลินีพร้อมยิ้มแหยทำให้ทั้งอาศิรและเวทิศถึงกับหัวเราะออกมาพร้อมกันก่อนจะพากันไปหา

อาหารเย็นรับประทานในห้างสรรพสินค้านั่นเอง







               กว่าจะแยกย้ายกลับเพื่อนสนิททั้งสองก็เกือบได้เวลาห้างปิดเพราะมัวแต่คุยสัพเพเหระกันไปเรื่อย อาศิรนึกกังวลเมื่อเห็นเมฆ

ฝนก่อตัวกันครึ้มอยู่บนท้องฟ้า อาศิรอาศัยรถไฟฟ้าแล้วต่อด้วยมอเตอร์ไซค์รับจ้างขี่เข้าไปในซอยอีกไม่เท่าไหร่ก็จะถึงบ้านของเขา แต่

เป็นเพราะวันนี้ที่กลับดึกกว่าเคย รถวินมอเตอร์ไซค์จึงไม่มีเหลือสักคัน

               มองเมฆฝนกับลมแรงที่เริ่มพัดหอบฝุ่นปลิวไปตามลมทำให้อาศิรตัดสินใจกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปตามริมถนน ฝนเม็ดใหญ่เริ่ม

โปรยปรายลงมาจนเจ็บไปตามเนื้อตัว อาศิรใช้กระเป๋าหนังบังฝนไว้เหนือศีรษะพลางวิ่งให้ถึงบ้านเร็วที่สุด

               เปรี้ยง!


               “เฮ้ย!”


               ตกใจกับเสียงฟ้าผ่า ทำให้อาศิรหยุดยืนนิ่งเพราะกลัวจะได้รับอันตราย นายแพทย์หนุ่มแหงนหน้าไปมองท้องฟ้าสีแดงฉาน

ราวกับเลือดมนุษย์


               “อย่าเพิ่งผ่ามาสิฟ้า ขอกลับให้ถึงบ้านก่อนไม่ได้หรือไง”


               พึมพำอย่างหงุดหงิด ผู้คนบนท้องถนนในซอยเล็กบางตา เขามองท้องฟ้าที่สายฝนกระหน่ำหนักอย่างเซ็งๆเมื่อในที่สุดเขาก็

เปียกฝนไปหมดทั้งตัว


               เปรี้ยง!

               ได้ยินเสียงฟ้าผ่าดังอีกครั้งคราวนี้ลากเสียงยาวอย่างน่ากลัว อาศิรเงยหน้าไปมองพลันเขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นแสงวงแหวน

สว่างวาบกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆฝน อาศิรถึงกับอ้าปากค้างเมื่อมีอะไรบางอย่างพุ่งออกมาจากวงแหวนนั่นก่อนที่วงแหวนจะหาย

วับไปเหลือทิ้งไว้แต่การต่อสู้ของเงามืดพร้อมประกายแสงวาบ

               อาศิรพยายามตั้งสติอย่างยากลำบาก เขาเหลียวมองผู้คนรอบๆที่ยังพอมีบ้าง แต่ไม่มีใครเงยหน้าขึ้นไปมองเหตุการณ์

ประหลาดบนท้องฟ้าเลยนอกจากเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น







               อนูบิสกวาดคทาเข้าใส่อย่างไม่ออมมือ แสงสว่างวาบที่ปลายคทาพุ่งตรงเข้าใส่ปีศาจร้ายจนได้ยินเสียงกรีดร้องบาดแก้วหู

หลังจากที่เขาต้อนมันผ่านเสาโอเบลิสก์คู่ใหญ่


               “คืนขนนกมา”


               ตวาดลั่น โกรธอย่างที่ไม่เคยโกรธรุนแรงขนาดนี้มาก่อน ปีศาจร้ายแยกเขี้ยวเห็นคมฟันโง้งเยาะเย้ย


               “เทพอนูบิสมีปัญญาแค่นี้รึ ปล่อยให้ข้าเนรูบุกไปชิงของสำคัญถืงในแดนมรณะ”


               ปีศาจร้ายชื่อเนรู อันหมายถึงความกลัวและความตาย อนูบิสยื่นคทาชี้หน้าของมันแล้วคำรามก้อง เขาพุ่งตัวเข้าใส่ในระยะ

ประชิดเพื่อหวังชิงขนนกสีขาวในอุ้งมือที่มีเล็บแหลมคมยาวโง้ง

               ปลายคทาพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของเนรูครั้งหนึ่ง มันกรีดร้องโหยหวนกับความเจ็บปวดจากคทาของอนูบิส เนรูรวมกำลังสุดท้าย

พุ่งตอบโต้ มันใช้ปลายเล็บแหลมคมข่วนเข้าใส่จนปลายเล็บกรีดเข้ากันสร้อยที่อนูบิสคล้องอยู่ที่คอขาดกระเด็น ก่อนที่เนรูจะชิงพุ่งตัวหนี

ไปในความมืด อนูบิสจ้องมองอย่างเจ็บใจและเตรียมทะยานร่างติดตาม หากแต่อยู่ๆเขาก็รู้สึกว่าร่างกายอันแข็งแกร่งหมดแรงเสียดื้อ


               “อัมมุท อังค์ร่วงลงไปแล้ว”


               เขาตะโกนบอกอสุรกายที่เลี้ยงไว้ อัมมุทส่งเสียงร้องลั่นพุ่งตัวตามไป แต่อนูบิสเห็นสร้อยคอของเขาร่วงดิ่งลงไปเรื่อยๆ เขา

จึงรีบกระโจนตามอย่างรวดเร็ว

               สร้อยคอของเขาที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความมีชีวิตร่วงต่ำลงไปเรื่อยๆ อนูบิสตกใจที่เห็นมันร่วงใส่ร่างของมนุษย์บุรุษเพศที่

แต่งกายแปลกประหลาดในสายตาของเขา แสงสว่างวูบหนึ่งส่องไปทั่วร่างกายเมื่ออังค์ตกลงไปรวมอยู่ในร่างกายของบุรุษผู้นั้น

               

TBC



ขอบคุณนักอ่านทั้งหลายนะคะ

ไม่นึกว่าจะได้รับความสนใจล้นหลามขนาดนี้จนคนแต่งตกใจ


คนแต่งมีผลงานอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นแนวอียิปต์เช่นเดียวกัน

และกำลังจ่อคิวเข้าแท่นพิมพ์กับสำนักพิมพ์เฮอมิทในเร็วๆนี้


ถ้าใครสนใจก็จิ้มที่นี่เลยค่ะ

คำสาปร้ายพ่ายรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45868.0)



[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 2 [19/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: igaga ที่ 19-03-2016 21:01:06
เอาอีกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 2 [19/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Moota ที่ 19-03-2016 21:25:36
 :katai2-1: :katai2-1: รอค่าาา
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 2 [19/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 19-03-2016 21:31:58
จะได้เจอกันแล้วววว ลุ้นอ่ะๆ  :katai1: :katai4:

มาอีกน้าาาา :mew1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 2 [19/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-03-2016 21:44:22
เอาล่ะสิดูท่าจะยุ่ง
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 2 [19/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 19-03-2016 21:48:32
เห็นรูปปั้นท่านเทพหมาในแล้วรู้เลยว่าร่างมนุษย์ต้องหล่อแถมฟิตมากแน่ๆ
กล้ามท้องท่านสวยมากค่ะ //โดนถีบ คุณหมองานเข้าแน่ๆ มาต่ออีกไวน้า
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 2 [19/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 19-03-2016 22:16:27
มาปักหมุดไว้ก่อนๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 2 [19/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: shannara ที่ 19-03-2016 22:55:48
สงสารอาศิรจุง ชีวิตหลังจากนี้ ฮีคงไม่ได้อยู่สุขแน่ๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 2 [19/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 19-03-2016 23:32:03
นึกอยากเห็นเทพอนูบิสในร่างมนุษย์ดูสักครั้งโชคชะตาก็นำพาให้โอมได้สมปรารถนาทันทีทันใดเลยเหมือนกันนะคะเนี่ย
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 2 [19/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Apisitbuo ที่ 20-03-2016 06:23:08
 o13 o13 o13 o13
เจอกันแล้ว!!!
เรื่องสนุกๆกำลังจะเกิดขึ้น
อนูบิสจะทำอย่างต่อน่ะ
ทนไม่ไหวอ่ะอยากต่อ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 2 [19/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 20-03-2016 08:52:01
จะเจอกันแล้ว   

ในบรรดารูปปั้นเทพไอยคุปต์ทั้งหมดนี่เราว่าท่านเทพอานูบิสนี่ปั้นหุ่นได้ชวนหื่นจริงๆ 
กล้ามท้องเป็นกล้ามท้อง  ต้นขางี้ ซิกส์แพ็คงี้ สูสีอีกองค์ก็เทพฮอรัส
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 2 [19/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: คนริมคลอง ที่ 20-03-2016 09:22:39
อังค์เข้าร่างอาศิร เทพอนูบิสจะเอาคืนยังไงน๊อออ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 2 [19/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: TuiLoveKhaKing ที่ 20-03-2016 09:52:33
รอออ ชอบแนวนี้ค่ะ ติดตามๆ  :mc4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 2 [19/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 20-03-2016 11:13:08
ตื่นเต้น จะเป็นยังไง
อาศิรจะเป็นยังไงนะ รออย่างใจจด ใจจ่อ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 2 [19/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: จ๊ะจ๋า ที่ 21-03-2016 20:33:25
ชอบมากค่าาาาาาา
เนื้อเรื่องน่าติดตาม
ภาษาอ่านง่าย ไม่ติดขัด
จะติดตามต่อไปค่า
 :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 2 [19/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: padloms ที่ 21-03-2016 21:38:18
รอตอนต่อไป  :hao7:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 2 [19/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 21-03-2016 23:12:09
น่าสนุกจังค่ะ จะเป็นยังไงต่อนะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 2 [19/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: เหนือฟ้ายังมีจักรวาล ที่ 22-03-2016 01:26:30
ชอบบบมากกกกเปนกำลังใจให้นะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 2 [19/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 22-03-2016 02:05:25
อยากอ่านต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 2 [19/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 22-03-2016 03:22:34
น่าติดตามมากค่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 2 [19/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 22-03-2016 14:13:29
จะเป็นยังไงต่อล่ะเนี่ย ชอบแนวเทพเจ้าของอียิปต์มากเลยค่ะ หายากนะคะแบบเน้นที่เทพเจ้า
ติดตามค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 2 [19/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: yaoisamasang ที่ 22-03-2016 14:21:51
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 3 [23/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-03-2016 01:04:55


                                                      อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                                 บทที่ 3


               จุดแสงเล็กๆลอยละลิ่วอยู่บนฟ้าตรงกับศีรษะของอาศิรนี่เอง มันร่วงลงมาตามแรงโน้มถ่วงอย่างรวดเร็วและอาศิรก็เห็นจุดแสง

นั้นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นห่วงสีทองที่เหมือนจะผ่านตาเมื่อไม่นานมานี้  แต่ยังไม่ทันจะคิดทบทวนอันใดทั้งสิ้นเจ้าห่วงมีก้านสีทอง

นั้นก็ตรงลิ่วลงมาหาเขา อาศิรนึกอยากจะวิ่งหนีแต่ก็เหมือนมีพลังบางอย่างหยุดเท้าทั้งสองข้างไว้ที่เดิม

               มันร่วงลงมากระทบศีรษะหากแต่มันกลับผลุบหายเข้ามาตรงกระหม่อม อาศิรสะดุ้งสุดตัวเมื่อร่างกายของเขาพลันร้อนวูบ

ตั้งแต่หัวจรดเท้า ไอสว่างแผ่ออกจากร่างเป็นรัศมีนวลทั่วตัวก่อนที่มันจะค่อยๆจางลงหมดสิ้นราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเหลือทิ้งไว้แต่

ไออุ่นในร่างกายของอาศิร

               หมดเรื่องตกใจไปหนึ่งเรื่องอีกเรื่องก็ติดตามมาในระยะกระชั้นชิด เมื่อเงาดำมืดเงาหนึ่งพุ่งตัววูบเข้าหาเขา อาศิรเผลอหลุด

ปากร้องลั่นและเสียหลักหงายหลังก้นจ้ำเบ้า เขาได้แต่หันหน้าหลบและหลับตาด้วยความตกใจจนไม่เห็นว่าเงามืดนั้นกระเด็นออกห่าง

จากตัวเขาก่อนจะหมอบต่ำขู่ฟอดอยู่ไม่ไกลนัก เปลือกตาเต้นยิบๆด้วยความตื่นเต้นระคนตกใจเมื่ออาศิรทำใจค่อยๆเปิดเปลือกตาช้าๆ


               “เหวอ!”


               คราวนี้ถึงกับอ้าปากค้างหัวใจแทบจะหยุดเต้นเมื่อเห็นเงาทะมึนของร่างกายสูงใหญ่ยืนค้ำหัวของเขาอยู่ท่ามกลางสายฝนที่

ยังเทลงมาไม่ขาดสาย อาศิรเหลียวหน้าแลหลังมองโดยรอบบนถนนในซอยเล็กที่แทบจะร้างผู้คน มีเพียงเขาที่เห็นสิ่งแปลกประหลาด

ที่สุดในชีวิตถ้าไม่นับตอนที่เขามองเห็นวิญญาณที่หลุดจากร่างคนเป็นครั้งแรก


               เขารู้จัก เดี๋ยวนะ!


               ร่างกายเป็นคนแต่หัวเป็นสุนัขมีอาวุธเป็นคทายาวแบบนี้


               “ทะ เทพอนูบิส”


               เสียงนั้นแทบจะไม่รอดริมฝีปากออกมา เขาได้แต่พึมพำด้วยความมึนงง

               มันเป็นตำนานเทพเจ้าโบราณ หาใช่เรื่องจริงไม่ กับความเชื่อที่มีมาหลายพันปีแล้ว อาศิรจับต้นชนปลายไม่ถูกเมื่อมันกลาย

เป็นสิ่งที่เขาเห็นด้วยตาตัวเองในขณะนี้ และยิ่งร่างสูงที่แผงอกเต็มไปด้วยมัดกล้ามนั้นคำรามออกมาดังๆในภาษาที่เขาไม่คุ้นเคย


               “อังคคค”


               อนูบิสชักหงุดหงิดเมื่อเห็นสีหน้าหวาดกลัวของเจ้ามนุษย์ผู้ชายที่ยังนั่งนิ่งอึ้งอยู่กับพื้น เขาต้องการอังค์คืนโดยเร็วที่สุด อังค์

ไม่ใช่เป็นแค่เพียงเครื่องประดับเท่านั้น มันคือขุมพลังของเขาและนอกเหนือจากนั้น อนูบิสต้องใช้มันเพื่อเปิดบานประตูใหญ่ของดินแดน

หลังความตายอีกด้วย มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นที่มนุษย์หน้าตาประหลาดจากเผ่าพันธุ์ของเขาจะเก็บซ่อนมันไว้


               “ข้าบอกให้คืนอังค์ให้ข้าไงล่ะ มนุษย์”


               แววตานั้นสื่อถึงความตื่นตระหนก หวาดกลัว สับสน อนูบิสเพ่งมองด้วยความสงสัย เขาเก็บความร้อนใจไว้ก่อนจะเงยหน้า

เหลียวมองโดยรอบ และตอนนี้เองที่เทพเช่นเขาจะต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจบ้าง

               ที่นี่คือที่ไหน

               หาใช่ทะเลทรายอันอ้างว้าง อนูบิสเพิ่งจะรู้สึกถึงความฉ่ำเย็นจากสายฝนที่เขาไม่เคยพบมาเนิ่นนานเมื่อชีวิตต้องพบเจอแต่

ความร้อนระอุของทะเลทรายสุดลูกหูลูกตา และสิ่งก่อสร้างต่างๆก็ไม่เหมือนในดินแดนของเขา ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนและถนนหนทาง

               เกิดอะไรขึ้น?

                อนูบิสคิดถึงวงแหวนประหลาดที่เกิดขึ้นระหว่างเสาโอเบลิสก์คู่ใหญ่ตอนที่เขาต่อสู้กับปีศาจเนรูและผ่านเข้ามา แต่เพราะมัว

จดจ่ออยู่กับการต่อสู้ทำให้เขาไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างจนไม่รู้ว่าอีกฝั่งหนึ่งของวงแหวนคืออะไร


               เทพอามอน-รา

               ท่านปู่ ท่านเล่นตลกอันใดกับหลานผู้ต่ำต้อยกันแน่

               เทพแห่งความตายก้มหน้าขวับสบตากับบุรุษตรงหน้า เขาเห็นใบหน้านั้นยังเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ที่มองเห็นเขา อนูบิส

คว้าต้นแขนนั้นให้ลุกขึ้นยืนเผชิญหน้า

               เนื้อตัวนุ่มนิ่มดั่งไม่เคยออกแรงใดๆแทบจะปลิวติดมือขึ้นมา อนูบิสรู้สึกถึงความอุ่นร้อนจากร่างกายนี้เมื่อเขาวางมือทั้งสอง

แนบไปกับกะโหลกแล้วเพ่งสมาธิผ่านฝ่ามือตนเอง

               อาศิรตัวสั่นไปหมดแล้วตอนนี้ ฝ่ามือนั้นสาก แข็งกระด้างขณะวางมือแนบศีรษะของเขา มันแน่นหนาจนไม่อาจขยับ ไม่อาจละ

สายตาไปจากใบหน้าสุนัขทะเลทรายได้ ดวงตาคู่นั้นทั้งคมทั้งดุยามที่เขาถูกบังคับให้สบตาอย่างไม่อาจหลบเลี่ยงจวบจนกระทั่งเทพผู้นี้

พอใจนั่นแหละจึงยอมปล่อยมือ อาศิรแทบจะทรุดฮวบลงไปอีกครั้งถ้ามือสากใหญ่จะไม่คว้าต้นแขนของเขาไว้เสียก่อน


               “อังค์อยู่ไหน”


               ภาษาไทย!

               ก็เมื่อครู่ยังเอ่ยด้วยภาษาที่เขาไม่รู้จักอยู่เลยนี่นา แต่ตอนนี้อาศิรกลับรู้เรื่องในสิ่งที่เทพตรงหน้าพูดออกมา นี่เขาจะต้องเจอ

กับเรื่องประหลาดๆเช่นนี้อีกกี่เรื่องในคืนนี้กันแน่


               “คุณมีวุ้นแปลภาษาด้วยเหรอ”


               หลุดปากถามออกไปจนใบหน้าสุนัขเอียงมองด้วยความสงสัย


               “สิ่งใดคือวุ้นแปลภาษา”


               เออ ช่างมันเถอะ อาศิรจะตอบว่าเป็นของเล่นของหุ่นยนต์แมวจากโลกอนาคตก็ใช่ที่ เขาว่าควรจะเข้าเรื่องในจบๆไปดีกว่า


               “อะไรคืออังค์ ผมไม่รู้จัก”


               “สิ่งที่เพิ่งจะตกลงมาเมื่อครู่”


              เทพแห่งดินแดนหลังความตายยกมือบอกลักษณะวงกลมและก้านทั้งสามให้อาศิรดู นายแพทย์หนุ่มจึงเข้าใจว่ามันคือสิ่งที่เขา

สงสัยว่ามันคืออะไรกันแน่ ที่แท้มันเรียกว่า “อังค์” เสียดายที่เขาไม่ได้ถามเวทิศว่ามันมีไว้เพื่ออะไร


              “มันตกจากฟ้าใส่หัวผม แล้วมันก็หายไป”


             “หายไป!”


            อนูบิสตกใจ เขารีบดึงแขนของอาศิรเข้าใกล้เพื่อจะมองทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ดวงตาคมสื่อความหวาดหวั่นออกมาบ้าง

ใบหน้ายิ่งเคร่งขรึมครุ่นคิด อนูบิสตัดสินใจทดสอบความสงสัยด้วยการกระโจนขึ้นไปบนฟากฟ้าอย่างรวดเร็ว ยิ่งสูงเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าพลัง

ของเขาลดน้อยลงจนต้องรีบกลับลงมายังพื้นด้านล่าง เมื่อเข้าใกล้บุรุษตรงหน้าพลังจึงได้กลับคืนมา

              เรื่องตลกที่ไม่น่าตลก แต่ก็เกิดขึ้นแล้ว อังค์ได้เข้าไปอยู่ในร่างของบุรุษผู้นี้ ในดินแดนที่อนูบิสไม่รู้จัก กับภารกิจตามหาปีศาจ

ร้ายเนรูเพื่อชิงขนนกแห่งเทพมาอัตกลับคืนมาให้ได้และที่สำคัญเขายังไม่รู้ว่าจะกลับไปดินแดนของเขาได้อย่างไรด้วยซ้ำ


                “เจ้า มีนามว่าอะไร”


               ในที่สุดก็ต้องเอ่ยถาม อาศิรชี้นิ้วเข้าหาตัวเองเพื่อความมั่นใจว่าเทพอนูบิสถามเขา


               “อาศิร อา ศิ ระ ยากไปใช่ไหม คุณเรียกผมว่าโอมก็ได้”


                 โอม น่าจะง่ายกว่าสำหรับเขา เทพอนูบิสคิดอยู่ในใจเพราะมันคล้ายคลึงกับการเอ่ยขึ้นต้นคำสวดบูชาต่างๆ


                 “ข้าคืออนูบิส”


               อาศิรเริ่มจะหายตื่นเต้น ดีที่เขามีภูมิคุ้มกันกับเรื่องสัมผัสที่หกอยู่แล้วจึงควบคุมจิตใจได้เร็วกว่าคนอื่นๆ เขาพยักหน้ารับเมื่อ

เทพใบหน้าสุนัขแนะนำตัว


               “ผมรู้จักคุณ เพิ่งจะถูกเพื่อนเลคเชอร์เรื่องของคุณเมื่อเย็นนี้เอง”


               อนูบิสอยากจะถามว่าอะไรคือเลคเชอร์แต่ก็ไม่อยากออกนอกเรื่องให้มากความ เขารีบอธิบายให้อาศิรฟังอย่างรวบรัดที่สุด


               “ฟังนะโอม ข้าสู้กับเนรู มันชิงของสำคัญมาจากดินแดนข้าและมันก็หนีไปได้ พลังของข้าหลอมอยู่ในร่างของเจ้า ข้าทำอะไร

ไม่ได้หากอยู่ห่างเจ้า”


                อาศิระตั้งใจฟังและเมื่อจบประโยคสุดท้ายเขาก็อึ้งอีกแล้ว สมองของเขากำลังประมวลผลอย่างหนัก หากจะให้เข้าใจง่ายๆ


คือ ไอ้ที่ตกใส่หัวแล้วหายเข้ามาในร่างกายของเขามันคือขุมพลังของยอดมนุษย์เหมือนไอออนแมนที่มีหัวใจเทียมเป็นขุมพลังงั้นหรือ

แล้วที่เทพอนูบิสบอกว่าอยู่ห่างจากเขาไม่ได้ล่ะ


                “หมายความว่าระหว่างที่ข้าตามหาตัวเนรูเจ้าจะต้องอยู่ข้างกายไม่ไกลจากข้า”


                คราวนี้นายแพทย์หนุ่มชะงักงัน ทำไมเขาจะต้องถูกดึงไปยุ่งกับเรื่องนี้ด้วย เขาส่ายหน้าใส่เทพอนูบิสทันที


              “ไม่ได้หรอก ผมต้องทำงาน ผมจะมีเวลาที่ไหนไปช่วยคุณล่ะ หาคนอื่นสิ”


               “อังค์ไม่ได้ตกใส่คนอื่น อังค์ตกใส่เจ้า”


                อาศิรทอดถอนใจ เขาอยากจะถามคนที่ลิขิตทางเดินให้เขาเหลือเกินว่า เหตุใดจึงยัดไอ้เรื่องไม่เป็นเรื่องมาให้ชีวิตของเขา

ได้มากมายปานนี้


                 “โอม เจ้าไม่มีทางเลือกอื่น”


                ตอกย้ำเข้าไป แค่นี้อาศิรก็เซ็งจะแย่อยู่แล้วกับทางที่ไม่เคยได้เลือก


               “รู้แล้วน่า ก็ได้ แค่อยู่ใกล้ๆใช่ไหม ไม่ต้องเข้าไปใส่เกราะต่อสู้ด้วยใช่ไหม”


                อนูบิสมองอย่างพึงใจ อาศิรดูจะเป็นคนที่สงบสติอารมณ์และเข้าใจสิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็ว หากเป็นคนอื่นแม้แต่ในดินแดน

ของเขาเองหากเห็นอนูบิสยังหวาดกลัวจนแทบเป็นบ้า แต่อาศิรไม่ได้เป็นเช่นนั้น


                “ดินแดนนี้คือที่ไหน”


                สายฝนขาดเม็ดไปแล้วเมื่อใกล้เที่ยงคืนเต็มที พื้นถนนเจิ่งนองไปด้วยน้ำขัง และความเงียบในซอยเล็ก


               “กรุงเทพมหานคร ปีพุทธศักราชสองพันห้าร้อยห้าสิบเก้า”


               “อะไรคือพุทธศักราช”


               อนูบิสเอียงคอหูแหลมลู่อย่างใช้ความคิด อาศิรนึกคำอธิบายพักหนึ่งกว่าจะตอบออกมา


               “เอาเป็นว่าที่นี่รับรู้เรื่องราวของพวกคุณว่าเกิดขึ้นเมื่อหลายพันปีก่อน และเชื่อกันว่ามันเป็นแค่เรื่องสมมติไม่ใช่เรื่องจริง”


               “แต่เจ้าก็เห็นว่าเรามีตัวตน”


               เฮ้อ ก็ไม่มีใครประหลาดเหมือนผมนี่นะ เห็นทั้งวิญญาณเห็นทั้งเทพ


               อาศิรแอบตอบโต้อยู่ในใจ


               “คุณบอกว่าจะต้องอยู่ใกล้ผม แล้วเราจะสื่อสารกันยังไง ถ้าผมพูดกับคุณผู้คนที่นี่เขาจะหาว่าผมบ้าหรือเปล่า”


               เมื่อจำเป็นต้องยอมรับสภาพ อาศิรก็ต้องเริ่มวางแผนชีวิต เขายังไม่อยากกลายเป็นผู้ป่วยหูแว่วประสาทหลอนในสายตาคนอื่น

ถึงแม้ว่าตัวเขาเองยังคิดว่ามันก็ใกล้เคียงอยู่ไม่น้อย อนูบิสคิดตามก่อนออกความเห็น


               “ข้าจะใช้ร่างมนุษย์ยามอยู่เคียงข้างเจ้า”


               ร่างมนุษย์งั้นหรือ เมื่อตอนเย็นอาศิรเพิ่งจะคิดสงสัยใบหน้าภายใต้หน้ากากสุนัขอยู่เลย ไม่นึกว่าโชคชะตาจะเล่นตลกให้เขา

ได้เห็นในสิ่งที่เขาอยากรู้ได้รวดเร็วปานนี้

               เทพอนูบิสขยับออกห่าง และแค่พริบตาเดียวใบหน้าสุนัขทะเลทรายนั้นก็พลันแปรเปลี่ยนจนกลายเป็นใบหน้าของมนุษย์

ผู้ชายที่ทำให้อาศิรอ้าปากค้างได้อีกครั้ง


               แม่เจ้าโว้ย หล่อไม่บันยะบันยัง ไม่เกรงใจกันบ้างเลย

               ใบหน้านั้นเรียวยาวมองเห็นโครงหน้าชัดเจน ดวงตาคมเปลือกตาสองชั้นรับกับคิ้วเข้มสีดำสนิท จมูกโด่งเป็นสันตั้งเหนือริม

ฝีปากหยักและมีหนวดเคราที่ได้รับการตัดเล็มอย่างดี ทั้งหมดเป็นส่วนประกอบบนใบหน้าที่ทำให้อาศิรที่เป็นผู้ชายเช่นเดียวกันยังถึงกับ

ตะลึง ยิ่งมันตั้งอยู่บนร่างกายสูงเกือบร้อยเก้าสิบที่มีมัดกล้ามเป็นแผงขนาดนี้ อาศิรนึกว่าเทพอนูบิสคนนี้หลุดมาจากแคทวอร์ก


               “ทำไม ใบหน้าของข้ามันอัปลักษณ์มากกระนั้นหรือ”


               ยังมีหน้ามาพูด อาศิรนึกขำเมื่อเห็นเทพจากอียิปต์ยิ้มเก้อเขิน เขารีบส่ายหน้าทันที


               “หล่อเกินหน้าเกินตาต่างหากล่ะท่านอนูบิส”


               “เรียกเราว่าอีนพู”


               ดีที่ยังจำเนื้อความที่เวทิศอธิบายยืดยาวในร้านอาหารญี่ปุ่นได้ อาศิรรีบทบทวนความจำทันที


               “ชื่ออนูบิสนี่เป็นชื่อสมัยใหม่แล้วนะ เป็นภาษากรีก แต่ชื่อภาษาอียิปต์โบราณแท้ๆเรียกเทพอนูบิสว่าอันพู เอ เอ็น พี ยู อ่านว่า

อันพู พอทางกรีกเริ่มเข้าไปมีบทบาทก็เลยเปลี่ยนชื่อเทพบางองค์ให้ออกเสียงแบบกรีกน่ะ


                     แต่พอฟังเจ้าของชื่อออกเสียงตัวเอง อาศิรว่ามันฟังเหมือน อีนพู มากกว่า อันพู นะ


                   “ท่านต้องอยู่อย่างมนุษย์และมีชื่อเรียกให้เหมือนคนแถวนี้ถ้าจะอยู่ที่นี่ล่ะก็ อืม ฟังจากชื่อของท่านแล้วถ้าผมจะเรียกท่าน

ว่าอินทร์ภูเป็นไง ชอบไหม”


                   อินทร์ภู งั้นหรือ อนูบิสไม่รู้ความหมายแต่เมื่อมันออกมาจากปากมนุษย์ต่างแดนตรงหน้าอนูบิสชอบชื่อนี้อย่างไม่มีเหตุผล

เขาพยักหน้ารับอย่างไม่อิดออด


                  “ฟังดูไพเราะแต่ไม่ต่างจากชื่อของข้า ดีแล้ว ข้าขอรับนามนี้ไว้ใช้”
 

                 “ดีมาก งั้นผมว่ากลับบ้านของผมเหอะ ก่อนที่ผมจะเป็นหวัดเพราะเสื้อผ้าเปียกฝนขนาดนี้ ไปเร็ว ท่านอินทร์ภู”


               อาศิรวิ่งนำไปแล้ว ใบหน้ามนุษย์ของเทพอนูบิสมองตามหลังแผ่นหลังนั้น ความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างเข้ามาเกาะกุม

อยู่ในหัวใจที่มีแต่ความเย็นชาว่างเปล่า เขาเผยยิ้มอ่อนโยนที่ไม่มีใครเห็นกับตัวเองก่อนจะก้าวตามอาศิรไป




มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 3 [23/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-03-2016 01:12:43


ต่อกันตรงนี้...




                ไม่นานอาศิรก็หยุดยืนหน้าประตูรั้วที่สูงแค่หน้าอก เขาไขกุญแจเปิดมันและก้าวนำเข้าไป อนูบิสก้าวตามพลางมองบ้านหลัง

เล็กอยู่ท่ามกลางบ้านทรงเดียวกันที่ตั้งเป็นแถว


               “บ้านผมเป็นบ้านจัดสรร มันเลยแคบแบบนี้แหละ”


               อาศิรอธิบาย มันเป็นบ้านที่เขาอยู่มาตั้งแต่เด็ก บ้านจัดสรรชั้นเดียวที่มีแค่สองห้องนอนเมื่อก้าวเข้าไปภายใน ประตูห้องทั้ง

สองอยูตรงกันข้ามโดยมีห้องโถงเล็กๆกั้นกลางอยู่ ด้านหลังเป็นครัวและโซนซักล้าง เมื่ออาศิรและอนูบิสก้าวเข้าไปประตูห้องฝั่งหนึ่งก็

เปิดออกมา


             “กลับมาแล้วหรือคะคุณโอมเปียกมาเชียว อ้าวแล้วนั่นใคร”


               หญิงวัยห้าสิบเศษที่ออกมาจากห้องเอ่ยถามอย่างแปลกใจกับอาคันตุกะยามดึก ใบหน้าหล่อเหลากระชากใจที่ทั้งตัวมีผ้า

เตี่ยวพันท่อนล่างกับท่อนบนที่มีเกราะสีทองสวมอยู่ทำให้คนที่เห็นตะลึงได้ไม่ยาก อาศิรรีบตอบทันที


               “เพื่อนของโอมเองป้าแก้ว เขาเป็นนักแสดงหน้าใหม่ไปแคสงานละครจักรๆวงศ์ๆแล้วกลับบ้านไม่ได้ โอมก็เลยพามาที่บ้าน

เรา”


               “ท่าน เอ๊ย อินทร์ภู นี่ป้าแก้ว เป็นคนดูแลคุณยายของผม”


               เพียงแค่คลี่ยิ้มอ่อนป้าแก้วก็แทบละลาย ป้าแก้วถลาเข้ามาลูบหลังลูบไหล่อย่างเอ็นดู


               “โอย หล่อจริงพ่อคุณเอ๊ย นี่ไปสมัครเรื่องดินน้ำลมไฟหรือเปล่า ป้าชอบมากดูทุกเสาร์อาทิตย์เลยนะ อย่าลืมเซ็นลายเซ็นให้

ป้าไว้ด้วยล่ะเผื่อดังป้าจะได้ไปอวดอีผินซอยห้า”


               อาศิรถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นคนหล่อของป้าแก้วยิ้มแหย เขารีบดึงป้าแก้วออกมาเป็นการช่วยเหลือ


               “ป้าแก้ว ยายนอนหรือยัง”


               “ยังหรอก ก็รอโอมนั่นแหละ เข้าไปหาให้ย่าเห็นหน้าก่อนนอนสิ”


               อาศิรพยักหน้าให้อนูบิสเดินตามเข้าไปในห้องเล็กที่ป้าแก้วเพิ่งออกมา ร่างของหญิงชราวัยเกือบแปดสิบนอนอยู่บนเตียง

เตี้ยๆ ดวงตากระพริบถี่ๆเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า


               “โอมเหรอลูก”


               “ครับยาย”


               ยายของอาศิรชื่อยายจันทร์ที่ชราเต็มที ร่างกายอ่อนแอลงเรื่อยๆและที่สำคัญคือดวงตาทั้งสองข้างบอดสนิท ยายจันทร์เป็น

ญาติที่เหลือหลังจากที่แม่ของเขาเสียชีวิตลงแล้วเมื่อหลายปีก่อน ป้าแก้วเป็นคนรับใช้ที่อยู่กันมานานจนอาศิรแทบจะนับเป็นญาติอีกคน

หนึ่ง จริงๆแล้วป้าแก้วก็มีครอบครัวลูกชายลูกสาวโตๆกันหมดมีงานการทำและชวนป้าแก้วไปอยู่ด้วย แต่ป้าแก้วเป็นห่วงคุณยายจันทร์จึง

ไม่ยอมไปอยู่กับลูกหลาน ป้าแก้วบอกกับอาศิรว่าจะอยู่จนถึงวาระสุดท้ายของคุณยายจันทร์เสียก่อน ทำให้อาศิรซึ้งในน้ำใจเพราะเขาเอง

ก็ไม่ค่อยมีเวลาดูและยายจันทร์มากนัก


               “กลับดึกจัง”


               “โอมแวะกินข้าวกับน้ำชาและไอ้ทิศเลยกลับดึกน่ะยาย”


               แม้ดวงตาจะมองไม่เห็นแต่หญิงชราก็ยังได้ยิน หูแว่วเสียงฝีเท้าไม่คุ้นเคยจนต้องเอ่ยถาม


               “นั่นใคร”


               “เพื่อนโอมเองยาย เขามาขออยู่บ้านเราสักพัก”


               ร่างสูงก้าวเข้ามาใกล้ วางมือสากไปบนหลังมือเหี่ยวย่นแล้วเอ่ยอย่างนุ่มนวล


               “ผมชื่ออินทร์ภูครับคุณยาย”


               คุณยายจันทร์ชะงัก น้ำเสียงนั้นบอกถืงความมีอำนาจน่าเกรงขามแต่ก็อ่อนโยนยามเอ่ยกับคนชรา คุณยายยิ้มรับทั้งที่ดวงตา

มองไม่เห็น


               “ตามสบายนะพ่อ อะไรนะ ชื่อจำยาก หมีพูเหรอ”


               อาศิรหลุดหัวเราะออกมาจนได้เมื่อท่านเทพอนูบิสอันยิ่งใหญ่ได้รับชื่อใหม่จากยายของเขาว่าหมีพู



              TBC

มองหาคนที่จะมาเป็นอิมเมจของเทพอนูบิสในร่างมนุษย์

ไม่รู้ใครมโนแบบไหน

แต่คนแต่งเลือกนี่เลยค่ะ พี่โอมาร์ บอร์กาน

 :-[ :-[ :-[


Hard sale


คนแต่งเปิดขายนิยายเป็นเรื่องสั้นแนวอีโรติก 6 เรื่อง 6 รสชาติ


ใครสนใจเข้าไปอ่านได้เลย


ถึง 1 เมษายน นี้นะคะ


X-Theme The series Season2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45021.0)



               

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 3 [23/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 23-03-2016 02:08:41
ท่านอนูบิสโดนเปลี่ยนชื่อเป็นหมีพูซะแล้วววว :laugh:

หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 3 [23/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Apisitbuo ที่ 23-03-2016 04:06:48
 :impress2: : o13 :impress2: o13
เจอกันแล้ว
แต่เรื่องเดินเร็วไปนิดน่ะ คือมันยังไม่ค่อยละเอียดเท่าไรเพิ่มการบันยายอีกนิดๆ จะเพอร์เฟคเลยล่ะ 'ไม่ว่ากันน่ะที่ติว่ายังไม่ค่อยละเอียดน่ะ'
ว่าไปแล้วนิยายแนวนี่หาอ่านยาก
จะรออ่านตอนต่อไปน่ะสู้ๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 3 [23/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Glitterycandy ที่ 23-03-2016 06:52:22
ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกก โอมจะได้ไปอียิปต์บ้างไหมนะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 3 [23/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: จ๊ะจ๋า ที่ 23-03-2016 09:44:41
กรี๊ดลั่นเลยจ้า
ตื่นเต้นอ่ะ นึกว่าตัวเองเป็นโอม
จะดึงพลังมาใช้ยังไงน้อ.คึคึคึ
โอมน่ารัก. ดูอึนๆ มึนๆ เข้าใจเหตุการณ์ได้ง่ายดี
รอตอนต่อไปค่าาาาาา :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 3 [23/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 23-03-2016 09:58:46
เทพอนูบิสเป็นพระเอกหรือค่ะเนี่ย
แล้วจะเป็นอยางไรต่อไป
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 3 [23/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: คนริมคลอง ที่ 23-03-2016 10:09:45
  :mew1: อาศิร กับ อินทร์ภู  :กอด1:  o13
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 3 [23/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 23-03-2016 10:21:43
ขำกร๊ากกับชื่อหมีพู  :hao6:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 3 [23/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 23-03-2016 10:30:36
อร๊ายยยย เปลี่ยนเปงหมีพูเอาซะน่ารักเยย  :laugh:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 3 [23/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-03-2016 11:12:17
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 3 [23/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 23-03-2016 11:40:47
ปักรอออออออ มาต่ออีกนะค่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 3 [23/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 23-03-2016 12:18:03
คราวนี้อาศิรก็ห่าวจากหมีพู เอ๊ย ท่านอนูบิสไม่ได้เลยสิ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 3 [23/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: punnicha ที่ 23-03-2016 13:30:08
ท่านเทพน่าร้าก :hao7: น่าติดตามมากค่ะ o13
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 3 [23/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Nam-Ing ที่ 23-03-2016 14:49:49
รอค่ะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 3 [23/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Ta_ii ที่ 23-03-2016 17:16:31
ติดตามค่ะ o13
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 3 [23/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 23-03-2016 17:59:28
เมื่อท่านอนูบิสผู้ยิ่งใหญ่เจอคุณยายของหมอโอม
อยู่ดีๆก็เป็นหมีพูที่น่ารักเฉยเลย ฮาแปป นัลล๊าคคค
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 3 [23/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 23-03-2016 18:12:31
อยู่ในร่างมนุษย์ได้ไม่ทันไรก็มีแม่ยกเสียแล้วนะคะอนูบิส :-[
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 3 [23/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 23-03-2016 18:15:42
แหมท่านเทพอนูบิส เลือกแปลงกลายได้หล่อเหลือเกิน อย่างงี้โอมไปไหนไม่รอดหรอก
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 3 [23/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: grimreaper ที่ 23-03-2016 18:54:34
หมีพู น่ารัก -..-
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 3 [23/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 23-03-2016 20:57:02
ชอบบบ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 3 [23/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 23-03-2016 21:54:56
เข้ามาตามเทพหมีพูห์ค่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 3 [23/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 24-03-2016 14:36:11
น่าสนุกดีๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 3 [23/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 24-03-2016 23:04:24
ท่านหมีพูห์
 :-[
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 3 [23/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 25-03-2016 01:32:45
เปลี่ยนชื่อให้ซะน่ารักเลยคุณยาย
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 4 [25/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 25-03-2016 21:40:38


                                                           อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                                      บทที่ 4


               “บ้านของผมเรามีสมาชิกกันแค่นี้แหละ มันน้อยใช่ไหมล่ะแต่ว่าผมกับคุณยายรักกันมากเลยนะ เสียดายที่แม่จากพวกเราเร็ว

ไปหน่อยก็เลยไม่ได้อยู่ดูความสำเร็จของผม”


               อาศิรคว้ากรอบรูปที่หัวเตียงมาถือไว้ เขาจ้องมองภาพผู้หญิงหน้าตาดีที่ยืนคู่กับตัวเขาเองในวัยเด็กพลางเล่าเรื่องของตัวเอง

ให้อนูบิสฟังหลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนแล้ว ตอนนี้เขานั่งอยู่ที่ปลายเตียงขนาดห้าฟุตในห้องส่วนตัว ส่วนอนูบิสนั่งบน

เก้าอี้ที่โต๊ะหนังสือของเขา


               “แม่เจ้าเป็นอะไรตาย”


               “มะเร็งเม็ดเลือด แม่เป็นโรคยอดฮิตของหนังซีรี่ส์เชียวนะ”


               อาศิรยิ้มเศร้าเมื่อนึกถึงวันที่แม่ของเขาเสียชีวิตลงตอนที่เรายังเรียนไม่จบมัธยมปลายด้วยซ้ำ และเพราะแม่ไม่ยอมให้อาศิร

ขาดเรียนแม้แต่ในวันที่แม่ป่วยหนัก เมื่อแม่ของเขาหมดลมหายใจอาศิรไม่มีโอกาสแม้แต่จะมองส่งวิญญาณแม่ด้วยซ้ำทั้งที่เขามีความ

สามารถพิเศษ มันเป็นเรื่องเดียวที่ทำให้อาศิรเสียใจมาจนถึงวันนี้ และเพราะเหตุนี้ด้วยที่ทำให้อาศิรตัดสินใจเลือกเรียนแพทย์


               “สถานที่ที่เจ้าอยู่ ไม่มีดินแดนหลังความตายหรือ”


               อนูบิสถามอย่างฉงน อาศิรนิ่งคิดคำตอบอยู่พักใหญ่


               “เรามีความเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดและเรื่องการชดใช้กรรม คนที่ตายไปจะได้ไปเกิดใหม่เป็นอะไรก็แล้วแต่กรรมของ

ตัวเอง ถ้าไม่อยากเกิดใหม่ก็ต้องทำความดีสะสมบุญเพื่อไปสู่นิพพาน”


               อนูบิสนิ่งฟังอย่างสงบ เขามีเรื่องต้องเรียนรู้อีกมากในสถานที่ใหม่แห่งนี้


               “บ้านนี้มีห้องน้ำสองห้อง ห้องหนึ่งอยู่ในห้องคุณยาย อีกห้องหนึ่งอยู่ข้างๆห้องนอนผม ท่านต้องออกไปเข้าห้องน้ำข้างนอก

นะครับท่านอนูบิส”


               “เรียกข้าว่าอินทร์ภูอย่างที่เจ้าตั้งชื่อให้ข้าสิโอม หรือจะเรียกว่าหมีพูอย่างที่ยายเจ้าเรียกก็ได้”


               เมื่อพูดถึงชื่อที่ยายของอาศิรตั้งให้ใหม่ อาศิรก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ อนูบิสเอียงคอมองบุรุษที่นั่งอมยิ้มจนแก้มป่องด้วยความ

สงสัย คิ้วเข้มดกดำเลิกขึ้นแทนคำถามถึงสิ่งที่อาศิรขำขัน อาศิรจึงคว้าสมาร์ทโฟนของเขาออกมาค้นรูปแล้วส่งให้อนูบิสดู


               “นี่คือหมีพูห์”


               อนูบิสชะโงกหน้าไปมอง คิ้วเข้มที่เลิกอยู่จึงกลายเป็นขมวดลงเพราะกำลังครุ่นคิดว่าภาพที่เห็นในจอเล็กมันคือตัวอะไรกันแน่

แต่เจ้าหมีพูห์ที่ว่าก็น่ารักดีนะ


               “หมีรึ เหตุใดไม่เหมือนหมีที่ข้าเคยเห็น”


               “มันเป็นการ์ตูนของเด็กน่ะ ก็ต้องวาดให้มันน่ารักแบบนี้แหละครับ”


               ก็ยังงงอยู่ดี แต่อนูบิสไม่ได้เอ่ยถามอะไรอีก อาศิรมองเทพที่ติดอันดับหนึ่งให้ห้าเทพอันยิ่งใหญ่แห่งอียิปต์ เขาเดินไปที่ตู้

เสื้อผ้าเพื่อหยิบกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดตัวใหญ่ที่สุดที่เขามีส่งให้อนูบิส


               “ถอดเกราะออกแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่าท่าน เอ่อ อินทร์ภู”


               อนูบิสรับเสื้อผ้ามาจากอาศิรแล้วจึงถอดเกราะทองคำแสนหนักออก แต่ครั้นพอถึงผ้าทอที่พันท่อนล่างอาศิรก็รีบห้ามไว้


               “เฮ้ย เดี๋ยวก่อนท่าน อย่าเพิ่งเปิดเผยหมด”


               เขารีบคว้าผ้าเช็ดตัวมาอีกผืนจากตู้เสื้อผ้าส่งให้อนูบิสอย่างรวดเร็ว


               “เหนียมอายนิดนึงนะท่านเทพ”


               อนูบิสมองอย่างไม่เข้าใจ มนุษย์ที่นี่พิธีรีตองเยอะเหลือเกิน ถ้าเป็นดินแดนของเขาการที่เหล่าบุรุษจะเปลือยกายกันนั้นเป็น

เรื่องปกติ ดีเสียอีกจะได้อวดรูปร่างกล้ามเนื้อที่มาจากการฝึกฝนการต่อสู้ แต่อนูบิสก็ต้องยินยอมทำตามในเมื่อเขาหลงทางมายังดินแดน

ใหม่ที่ไม่เคยรู้จักและอาศิรก็เป็นที่พึ่งเดียวของเขาในยามนี้

               ขนาดหาเพื่อผ้าตัวใหญ่สุดให้แล้วเมื่ออนูบิสใส่เสื้อผ้าของอาศิรก็ยังเล็กไปอยู่ดี รูปร่างกำยำความสูงน่าจะราวร้อยเก้าสิบ

กำลังสวมเสื้อผ้าของคนที่สูงแค่เฉียดร้อยแปดสิบและไม่ค่อยได้ออกกำลังกายอย่างอาศิร ตอนนี้อนูบิสจึงเหมือนผู้ใหญ่กำลังใส่เสื้อผ้า

เด็ก กางเกงที่อาศิรใส่แล้วยาวถึงเข่าก็ร่นมาอยู่ที่ต้นขา ส่วนเสื้อยืดนั้นเอวลอยจนมองเห็นลอนกล้ามเนื้อหน้าท้องให้อิจฉาเล่น


               “นี่ถ้าอยู่นานๆนะผมส่งท่านไปทำงานเป็นเทรนเนอร์ที่ยิมคงจะดี”


               “ข้าลืมแนะนำอัมมุทกับเจ้า”


                อนูบิสนึกขึ้นได้ เขาจึงเอ่ยชื่อของอัมมุทออกมา พลันกลุ่มอากาศตรงหน้าก็เกาะกันเป็นก้อนสีดำลอยอยู่เหนือพื้นตรงหน้า

อนูบิส อาศิรตกใจอุทานลั่นพร้อมกับยกเท้าขึ้นมาวางบนเตียงทันที


              “ไม่ต้องกลัวหรอกโอม นี่คืออัมมุท มันจะกินแค่วิญญาณที่มีจิตใจเลวทรามเท่านั้น”


               อนูบิสลูบมือไปบนกลุ่มก้อนพองฟู มันเงยหน้าแยกเขี้ยวเงาวับให้อาศิร เขาได้แต่ยิ้มจืดๆส่งให้อัมมุทเป็นการผูกมิตร

เมื่ออนูบิสเอ่ยปากให้ไปได้อัมมุทจึงสลายกลายเป็นอากาศเช่นเดิม  อาศิรสูดลมหายใจเข้าให้หายตกใจก่อนจะเงยหน้ามองนาฬิกา


               “ตีสอง โอย นอนเหอะท่านดึกมากแล้ว พรุ่งนี้วันเสาร์และผมไม่ได้อยู่เวรก็จริง แต่ตอนเช้าผมต้องไปราวน์วอร์ดด้วยนะ”


               อาศิรลุกไปปิดไฟกลางห้องจนมืดมิดก่อนกลับมนนอนบนเตียงพลางตบที่นอนข้างตัวดังปุๆ


               “ท่านนอนตรงนี้นะครับ ข้างผมนี่แหละ เบียดกันหน่อยไม่เป็นไรนะ ตอนไอ้ทิศมานอนนี้ก็เบียดกันแบบนี้แหละ”


               อนูบิสก้าวตรงมาล้มตัวนอนเคียงข้าง ดวงตาคมได้แต่มองเพดานพลางครุ่นคิดด้วยความวิตก


               สถานที่ใหม่กว้างใหญ่ แปลกประหลาด แม้แต่ยามราตรีก็มีแสงให้ความสว่างได้ ไหนจะเครื่องใช้รูปร่างหน้าตาแปลกๆในห้อง

นี้อีกเล่า อนูบิสกลุ้มเหลือเกินว่าเขาจะเริ่มต้นเสาะหาเนรูได้จากที่ไหน

               หลานไม่รู้ว่าท่านปู่เทพแห่งสุริยะกำลังทดสอบสิ่งใดในตัวของหลานจึงได้ส่งตัวมาที่นี่ แต่หลานก็จะทำให้สำเร็จ หลานจะ

ต้องกำจัดปีศาจร้ายและนำขนนกของเทพมาอัตกลับคืนสู่ดินแดนหลังความตาย

               แต่ตอนนี้เขาควรจะทำอย่างไรในความเงียบยามราตรีเล่า ในเมื่อตั้งแต่จำความได้เทพนั้นไม่เคยหลับใหล

               อนูบิสตะแคงกายมองมนุษย์คนแรกที่เขารู้จักในดินแดนใหม่พลางพิศใบหน้านั้นฆ่าเวลา ลมหายใจอุ่นสม่ำเสมอบอกให้รู้ว่าอาศิรหลับ

แล้วอย่างง่ายดายขณะที่อนูบิสจ้องมองใบหน้านั้น

               มนุษย์ในดินแดนใหม่ช่างดูเปราะบาง ใบหน้านั้นอ่อนเยาว์แลดูนุ่มนวลกว่าบุรุษในดินแดนของเขา อนูบิสลองแตะมือไปที่

ท่อนแขนเรียวข้างๆก็รู้ว่ามันนุ่มนิ่มและนวลมือกว่าที่เคยสัมผัสผู้คนมาก่อนหน้านี้ และจิตแห่งความมีน้ำใจของอาศิรที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเห

ลือแม้อนูบิสจะรู้ว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะความจำยอมในสภาพ แต่อนูบิสดูออกว่าอาศิรมีจิตใจงดงามมันสร้างความประทับใจตั้งแต่คราแรก

มันทำให้เขาเกิดความรู้สึกอยากปกป้องคนดีเช่นอาศิร

               อนูบิสตกใจเมื่อรู้ว่าตนเองกำลังยิ้มอยู่ เขานึกไม่ออกว่าตัวเองนั้นยิ้มเช่นนี้ครั้งสุดท้ายคือเมื่อใด กับชีวิตแห้งแล้งในทะเล

ทรายและความหดหู่เช่นที่ต้องปฏิบัติภารกิจไม่เว้นวันในดินแดนมรณะทำให้อนูบิสห่างไกลจากความสดใส แต่คนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่

ด้านข้างช่างเหมือนหยาดฝนที่สร้างความชุ่มฉ่ำให้เขาเช่นตอนที่อนูบิสพบกับอาศิรกลางสายฝน ราวกับสิ่งนี้คือโอเอซิสกลางทะเลทราย

เวิ้งว้าง

               ดวงตาคมปรือตาลงช้าๆเมื่อได้อยู่ในร่างมนุษย์เขาจึงมีสัญชาตญาณที่ต่างไปจากร่างเทพ ความง่วงงุนเข้ามาเยือนจนกระทั่ง

เทพผู้ยิ่งใหญ่เคลิ้มหลับไปในที่สุด
               






               เสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ทุกวันดังแว่วจนอาศิรสะดุ้งตื่น เขายกปลายนิ้วขยี้ตาขับไล่ความงัวเงียจนกระทั่งสติกลับคืนมาหมด

ตอนนั้นเองที่อาศิรรู้สึกหนักๆอยู่ตรงหน้าอกจึงได้ผงกหัวมอง ดวงตาเรียวราวกับเนื้อทรายเบิกกว้างทันทีเมื่อเห็นว่ามันคือท่อนแขนล่ำๆ

ของคนที่ยังหลับตานอนอยู่ข้างๆ

               อ้าว ท่านเทพ เห็นเราเป็นหมอนข้างตั้งแต่เมื่อไหร่

               “ท่านเทพ อินทร์ภู เอาแขนออกไป หนักนะเนี่ย”

               ยกแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามออกไปอย่างยากเย็นจนเจ้าของแขนลืมตาตื่น อนูบิสเองก็นึกแปลกใจตัวเองที่กอดร่างนุ่มไว้

ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อาจเป็นความเย็นฉ่ำชื้นของอากาศที่เขาไม่เคยพบเจอทำให้คว้าคนใกล้ตัวเข้ามากอดคลายหนาวก็เป็นได้


               “ขอโทษนะโอมที่ข้าเผลอกอดเจ้า”


               คำพูดยอมรับผิดง่ายๆนั้นเรียกเลือดมาวิ่งอยู่บนใบหน้าได้อย่างรวดเร็ว อาศิรได้แต่ก่นด่าตัวเองอยู่ในใจ


               จะบ้าเหรอโอม เขินทำไมวะ ท่านเทพเขาก็แค่เผลอแหละน่า ไม่มีอะไรหรอก


               “ผมไปอาบน้ำก่อนดีกว่าเดี๋ยวไปทำงานสาย”


               พูดจบก็รีบลงจากเตียงก้าวยาวๆไปคว้าผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่มุมห้องโกยอ้าวเปิดประตูหนีไปเข้าห้องน้ำข้างนอกทิ้งให้อนูบิสที่

เพิ่งขยับลุกนั่งมองตามพร้อมกับความรู้สึกแปลกๆ

               การได้นอนกอดอาศิรก็อุ่นดีนะ

                นั่งอยู่บนเตียงจนกระทั่งอาศิรกลับมาจากห้องน้ำอนูบิสจึงได้สับเปลี่ยนไปเข้าบ้าง พอกลับมาถึงห้องก็เห็นอาศิรแต่งตัวเสร็จ

แล้ว อาศิรยื่นเสื้อผ้าชุดใหม่ส่งให้เขา


               “ชุดนี้ใหญ่สุดแล้ว เสื้อผ้าของไอ้ทิศเพื่อนสนิทของผมมันเคยทิ้งไว้ คนที่ผมเล่าให้ฟังว่ามันคลั่งท่านมากน่ะ วันนี้ผมราวน์

วอร์ดเสร็จแล้วจะพาท่านไปหามัน เผื่อว่ามันจะช่วยท่านตามหาปีศาจได้”


               อนูบิสรับมาใส่อย่างไม่เกี่ยงงอน เวทิศรูปร่างใหญ่กว่าอาศิรแม้ว่าส่วนสูงจะใกล้เคียง อนูบิสจึงใส่ได้สบายขึ้นแม้ว่าขากางเกง

ยังเหินขึ้นไปเล็กน้อยแต่ก็ดูไม่น่าเกลียดนัก


               “ไปกินข้าวกันเหอะ ป่านนี้ป้าแก้วทำกับข้าวเสร็จแล้ว”


               เดินนำออกไปนอกห้อง อาศิรนำอนูบิสไปยังด้านหลังของบ้านที่ต่อเติมให้เป็นครัวและมีโต๊ะอาหารเล็กๆตั้งอยู่ ป้าแก้วกำลัง

ป้อนอาหารให้คุณยายจันทร์เมื่อทั้งคู่ก้าวไปถึง


               “พ่อหมีพูตื่นแล้วเหรอ”


               ป้าแก้วเรียกว่าหมีพูตามคุณยายจันทร์ อาศิรตรงเข้าไปหอมแก้มหญิงชราดังฟอด


               “สวัสดีตอนเช้าครับยาย ยายของใครก็ไม่รู้สวยจัง”


               “ปากหวานแต่เช้าเลยนะตาโอม เอาไปหวานกับสาวๆดีกว่า เรียนจบมีงานทำเป็นถึงคุณหมอ ยายอยากเห็นแฟนของหลาน

ก่อนตายนะ”


               “โหย ยาย โอมทำแต่งานจะมีเวลาไปจีบใครล่ะ เวลาจะนอนยังไม่ค่อยมีเลยยาย”


               อาศิรนั่งลงบนโต๊ะพลางตักข้าวในจาน บนโต๊ะมีกับข้าวที่ป้าแก้วทำไว้แล้ว อนูบิสก้าวเข้ามาย่อตัวและเรียนรู้คำทักทายตามที่

ได้ยินจากอาศิร


               “สวัสดีตอนเช้าครับคุณยาย”


               “จ้าพ่อหมีพู ไปๆ กินข้าว ไปนั่งกับโอม โอยเอ๊ยตักข้าวให้เพื่อนด้วย”


               ชักจะหมั่นไส้ตงิดๆ น้ำเสียงนุ่มยามเอ่ยทักทายได้ใจคนแก่ในบ้านได้ไม่ยาก ยิ่งป้าแก้วนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองอย่าง

เพลิดเพลินทำให้อาศิรชักจะมองตาขวาง


               “แล้วจะมาอยู่กี่วันล่ะพ่อหมีพู”


               อนูบิสชะงัก เขาสบตากับอาศิรที่ช่วยเอ่ยตอบแทน


               “คงจะอยู่สักพักแหละยาย พ่อหมีพูของยายเขาเข้ามาหางานทำในกรุงเทพ ได้งานเมื่อไหร่ก็ค่อยขยับขยาย”


               คุณยายนั่งฟังหลานชายแต่งเรื่องให้ฟังอย่างตั้งใจ หญิงชราพยักหน้าหงึกหงัก


               “อยู่นานเท่าไหร่ก็อยู่ไปเถอะนะพ่อหมีพู บ้านนี้ก็มีกันอยู่เท่านี้ ดีเสียอีกจะได้มาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าโอมมัน”


               ไม่เห็นอยากให้อยู่เป็นเพื่อนเลย ถ้าไม่ถูกบังคับให้จำยอมเพราะสิ่งที่เรียกว่าอังค์อยู่ในตัวของเขา อาศิรมองใบหน้าคมที่

กำลังกลั้นยิ้มเมื่อมองหน้าเขาอย่างเคืองๆก่อนจะวางจานข้าวให้อย่างประชดประชัน


               “กินเร็วๆเลยพ่อหมีพู ชักช้าเดี๋ยวจะทิ้งไว้ที่บ้านนี่แหละ”


               พูดจบก็ก้มหน้าตักข้าวใส่ปาก ไม่อยากสบตาวิบๆที่มองไม่ยอมหลบ

               มองไปทางอื่นบ้างสิวะ จ้องหน้ากันอยู่ได้

               อาศิรกินข้าวอย่างไม่ค่อยรู้รสนัก ผิดกับอีกคนที่กินอาหารแปลกรสชาติอย่างเอร็ดอร่อยจนป้าแก้วยิ้มปลื้มที่กับข้าวบนโต๊ะ

หมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ อาศิรได้แต่มองอย่างหมั่นไส้


                “ยาย โอมไปทำงานก่อนนะ”


               เดินอ้อมโต๊ะไปหอมแก้มหญิงชราอีกครั้งแล้วเดินลิ่วๆไปทางหน้าบ้าน อนูบิสรีบลุกยืนและเอ่ยลาคุณยายก่อนจะเดินตามแผ่น

หลังของอาศิรไป


                 ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ทำไมถึงทำหน้าหงุดหงิดเช่นนั้นนะ แต่มันกลับน่าเอ็นดูมากมายให้สายตาของอนูบิสที่ก้าวตามจนทัน



มีต่ออีกนิด...
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 4 [25/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 25-03-2016 21:47:58


ต่อกันตรงนี้




                “ที่นี่ที่ไหน”


               “โรงพยาบาล เอาไว้รักษาคนเจ็บป่วย”


               อาศิรตอบคำถามเมื่อก้าวเข้ามาในเขตโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่ อนูบิสหันไปมองคนที่เดินเคียงข้างอย่างนึกไม่ถึง


               “โอมเป็นแพทย์?”


               “ทำไม หน้าอย่างนี้เป็นหมอไม่ได้หรือไง”


               “โอมเป็นอะไร ทำไมต้องทำเสียงดุ”


               อนูบิสคว้าข้อมือที่เล็กกว่าเขามากเอาไว้เพื่อหยุดอาศิร


               “ข้า เอ่อ ผมทำอะไรให้โอมไม่พอใจหรือเปล่า”


               นั่นสิ ท่านเทพอนูบิสทำอะไรให้ไม่พอใจหรือก็เปล่า แล้วจะหงุดหงิดอะไรวะ

               อาศิรถอนหายใจออกมาเมื่อรู้สึกผิด


                “เปล่าหรอก ผมไม่ได้ไม่พอใจอะไรสักหน่อย ท่านคิดมากไปแล้วน่า”


               “บอกให้เลิกเรียกท่านไง ผมอยากเป็นเพื่อนกับโอม”


               เป็นเพื่อนกับเทพนี่นะ ก็ได้วะ


               “ผมต้องไปดูคนไข้ แต่คุณจะเข้าไปกับผมคงไม่ได้”


               “แต่ผมต้องอยู่ใกล้ๆโอมนี่”


               อนูบิสแย้งจนอาศิรต้องกรอกตาอย่างใช้ความคิด


               “เออ เทพแปลงร่างได้ไม่ใช่เหรอ คุณแปลงเป็นอะไรก็ได้ที่อยู่ในกระเป๋าของผมได้สิ ผมจะได้หิ้วคุณไปได้”


               แปลงร่างเป็นอะไรที่อยู่ในกระเป๋าหนังที่อาศิรสะพายเฉียงไหล่อยู่นี่งั้นหรือ ถึงคราวที่อนูบิสต้องคิดบ้าง เขาดึงแขนให้อาศิร

เดินตามจนถึงที่ปลอดคนเดินผ่านไปมาหลังจากนั้นอนูบิสก็แปลงร่าง

               อาศิรอ้าปากค้าง เขาจ้องมองร่างใหม่ของเทพอนูบิสอันยิ่งใหญ่อย่างตกตะลึง หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะร่วนเมื่อเห็นร่างใหม่

สูงกว่าข้อเท้าของเขาแค่ไม่กี่นิ้วจนอาศิรต้องย่อตัวลงไปอุ้มขึ้นมา


               “นี่อย่าไปบอกใครนะว่าเทพอนูบิสแห่งดินแดนหลังความตายแปลงร่างเป็นหมาชิวาว่าตัวกระจิ๋วหลิวอย่างนี้”
               





               “ต๊าย โอม หิ้วลูกหมามาจากไหนวะแก น่ารักจัง”


               ชาลินีที่ขึ้นเวรดึกแล้วยังไม่ได้ลงเวรกรี๊ดกร๊าดเมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตตัวเล็กที่โผล่คอจากกระเป๋าของอาศิรเพื่อนสนิท เจ้าตัวเล็ก

หน้าบึ้งตึงนั่งนิ่งอยู่ในกระเป๋าเมื่อถูกหญิงสาวลูบหัวอย่างเอ็นดู


               “ลูกหมาแถวบ้านน่ะ”


               “ตั้งชื่อยังอะแก”


               “ชื่อหมีพู”


               “หมาอะไรของแกชื่อหมีวะโอม ตั้งชื่อไม่สงสารหมาเลยนะ”


               ไม่ได้ตั้งเองสักหน่อย ชื่อนี้ยายตั้งให้ต่างหากเล่า


               “ฝากวางไว้ที่เคาน์เตอร์หน่อยนะ ไปราวน์คนไข้ก่อน”


               “แกอยู่วอร์ดนี้วันสุดท้ายแล้วใช่หรือเปล่า”


               อาศิรเป็นแพทย์ใช้ทุนปีหนึ่ง ซึ่งจะต้องหมุนเวียนไปตามแผนกต่างๆเดือนละแผนก


               “ใช่ พรุ่งนี้ย้ายแล้ว ไปอยู่ศัลยกรรม”


               ชาลินีตาลุกวาบ


               “แก๊ ไอ้โอม ไปศัลย์เหรอ ที่ศัลย์มีอาจารย์หมอคนใหม่เพิ่งมาประจำที่โรงพยาบาลเรานะ ตอนนี้กำลังดังในหมู่สาวๆเลยล่ะ

เพราะว่ายังหนุ่มและหล่อมาก ที่สำคัญยังโสดด้วย”


              “ฝีมือล่ะ ดีหรือเปล่า”


               “โอ๊ย ฉายาหัตถ์เทวดาเลยล่ะ ผ่าอะไรไม่เคยพลาด ชื่อว่าหมอคีรี พรุ่งนี้แกอย่าลืมสืบมาให้ฉันนะโอมว่าหล่อจริงหรือเปล่า”
               

             TBC

 :L2: :L2: :L2:



ช่วงโปรโมทผลงานจ้า
ตอนนี้คนแต่งมีนิยายออนแอร์นอกจากเรื่องนี้อีกหลายเรื่องเลย
เข้าไปอ่านกันได้ตามอัธยาศัย

บัลลังก์รักใต้เงาแค้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47755.0)
พีเรียดย้อนยุค Twincest Incest ขอตั้งเรท 18+++ น้องๆหนูๆเด็กๆไม่ควรเข้า
เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบงานสายกาเมโดยเฉพาะ


พี่ไม่หยิ่ง รักจริงหวังฟัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=48935.0)
ชีวิตรักของเด็กมหาลัย ไร้สาระ เน้นฮาและเกรียน ใกล้จบแล้วเรื่องนี้


รักกลางใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52398.0)
โรแมนติก ดราม่านิดๆน้ำเน่าหน่อยๆ เรื่องนี้รีไรท์มาจากฟิคเกานะ ลองไปอ่านกันได้



:pig4: :pig4: :pig4:

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 4 [25/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 25-03-2016 22:16:37
ึเข้าใจแปลงร่างนะคะอนูบิส น่าเอ็นดูเชียวค่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 4 [25/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-03-2016 22:33:24
คีรีจะใช่เนรูปลอมตัวมาไหมนะ
รอตอนต่อไปค่ะ
ให้กำลังใจคนเขียน  :L2:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 4 [25/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Nam-Ing ที่ 25-03-2016 22:40:56
หมอคีรีน่าสงสัยนะ จะใช่ปีศาจเนรูรึป่าว?  :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 4 [25/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 25-03-2016 22:42:03
หมอคีรีจะมีบทอะไีรไหมเนี่ย อย่าบอกนะว่า...
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 4 [25/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 25-03-2016 23:23:27
มีหมอคีรีมาอีกคน จะใช่คนขโมยขนนกรึป่าวน๊าา
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 4 [25/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 26-03-2016 00:09:07
มีตัวละครเพิ่มมาอีกแล้ววว หมอคีรีจะเป็นไงน้าาา


ว่าแต่ ทำไมถึงเลือกชิวาว่าล่ะ ท่านอนูบิส  อิอิ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 4 [25/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 26-03-2016 02:50:31
แปลงร่างได้น่ารักเชียวนะท่าน
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 4 [25/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-03-2016 07:29:02
หมีพูน่ารัก
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 4 [25/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 26-03-2016 13:11:54
ท่านเทพแปลงได้น่ารักจัง




...ว่าแต่มันจะดีหรอเอาสัตว์เข้ามาในโรงพยาบาล??
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 4 [25/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 26-03-2016 22:24:36
 :ling1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 4 [25/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: rinny ที่ 27-03-2016 12:29:02
ขำตอนท่านเทพแปลงเป็นน้องหมาชิวาว่าชื่อหมีพู ท่านเทพน่าร้ากกกกก  :hao7:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 4 [25/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 27-03-2016 15:18:30
หมอคีรี อย่าบอกนะว่าเป็นปีศาจตนนั้นอะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 4 [25/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: คนริมคลอง ที่ 27-03-2016 15:21:13
แปลงเป็นชิวาว่าเลยเหรอครับ ท่านเทพ  :laugh: น่ารักไปไม๊ครับ ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 4 [25/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 28-03-2016 05:27:30
แปลงเป็นชิวาว่า ท่านหมีพูน่ารัก 5555
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 4 [25/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 28-03-2016 21:29:10
ท่านหมีพูหน้าบึ้ง คงจะน่ารัก ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 4 [25/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 29-03-2016 01:55:08
หมีพูของน้องงงงง
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 4 [25/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 29-03-2016 15:10:30
เลือกแปลงร่างได้น่ารักมากค่ะ ท่านเทพ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 4 [25/03/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 29-03-2016 18:35:24
ดีงาม สยามประเทศมากครับเรื่องแนวนึ้
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 5 [01/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 01-04-2016 00:24:47


                                                     อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                                 บทที่ 5


               “ทำไมต้องแปลงกายเป็นชิวาว่า”


               “โอมถามว่าอะไรนะ”


               อนูบิสถามกลับเมื่อเสียงจอแจของยวดยานพาหนะที่เห็นเบื้องหน้ากำลังทำให้เทพอย่างเขาเวียนหัว

               สถานที่ใหม่แห่งนี้มีแต่ความวุ่นวายเต็มไปหมด มันไม่ได้แห้งแล้งเวิ้งว้างเหมือนทะเลทรายหรือหดหู่น่ากลัวดังเช่นในดินแดน

มรณะ ผู้คนที่นี่มากมายและต่างเร่งรีบจนไม่มีคำทักทายหรือการพูดจาซึ่งกัน แถมยังเจ้าพาหนะเหล็กที่วิ่งกันขวักไขว่ทั้งบนพื้นและลอย

อยู่กลางฟ้าก็ช่างแตกต่างจากรถลากยามที่ผู้คนในดินแดนของเขาออกทัพจับศึก


               “ทำไมคุณถึงเลือกที่จะแปลงกายเป็นหมาชิวาว่าล่ะ”


               อาศิรเอ่ยถามด้วยประกายตาขำขันไม่เลิก เขานึกเอ็นดูยามเจ้าชิวาว่าตัวน้อยแอบอยู่ในกระเป๋าเพราะเขาไม่อยากให้ใครเห็น

ว่าแอบนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในเขตโรงพยาบาล แต่อาศิรจำเป็นต้องฝากให้ชาลินีดูแลแต่แม่เพื่อนตัวดีก็เล่นกับเจ้าชิวาว่าที่เป็นถึงเทพ

ระดับสูงด้วยการลูบหัวลูบหางจนชิวาว่าตัวจิ๋วหน้างอง้ำอยู่นานกว่าที่อาศิรจะร่วมกับทีมแพทย์ให้การรักษาคนไข้ประจำวันเสร็จเรียบร้อย

งานในวันนี้เสร็จสิ้นลงก็เกือบเที่ยงวันในวันหยุดราชการ อาศิรจึงออกจากโรงพยาบาลพร้อมกับอนูบิสที่คืนร่างมนุษย์กลับคืน


               “ที่นี่เรียกว่าชิวาว่าหรือ ผมไม่รู้หรอกว่าเรียกกันเช่นนั้น แต่ที่ผมแปลงกายเป็นหมาตัวนี้เพราะผมเคยเห็นบรรดาฟาโรห์และ

ชายาชอบเลี้ยงมันไว้ดูเล่นอยู่ในราชวัง ผิดกับหมาในอย่างเช่นผมที่ได้แต่อยู่ในทะเลทรายและจะออกหากินในเวลากลางคืน”


               “ชิวาว่านี่มีมานานตั้งแต่โบราณขนาดนั้นเลยหรือเนี่ย”


               อาศิรก็เพิ่งรู้ เขามองเสี้ยวหน้าคมคล้ายแขกขาวแต่ผิวออกสีแทนอย่างคนออกแดดเป็นประจำพลางก็นึกเปรียบเทียบกับชิวา

ว่าจนต้องกลั้นยิ้มไว้


               “โอม ไม่เห็นต้องขำขนาดนั้นเลย ก็คุณบอกให้ผมแปลงกายเป็นอะไรก็ได้ที่ตัวเล็กๆนี่”


               เวลาคนตัวใหญ่หน้าตาดุทำหน้าง้ำเหมือนเด็กกำลังงอนอยู่แบบนี้มันก็น่ารักดีนะ มันทำให้อาศิรแทบจะลืมความแข็งกร้าวยาม

ที่เห็นอนูบิสต่อสู้กับปีศาจร้ายอยู่บนฟากฟ้าท่ามกลางสายฝนโปรยปรายไปแล้ว


               “ขอโทษคร้าบท่านเทพ อย่าเคืองเลยน่า ก็ใครจะนึกว่าเทพอย่างท่านอนูบิสจะน่ารักขนาดนี้”


               ยกมือตบต้นแขนอนูบิสเบาๆอย่างเริ่มคุ้นเคย อนูบิสลอบมองใบหน้าสดใสร่าเริงของอาศิรแล้วก็อดจะยิ้มตามไม่ได้


               ใบหน้าของนายแพทย์หนุ่มนั้นอาจจะไม่ได้ถึงขั้นหล่อเหลาปานเทพบุตรอย่างเช่นเทพฮอรัสลูกพี่ลูกน้องของเขาอันเป็นบุตร

ชายของเทพโอซิริสและเทพีไอซิส แต่เสน่ห์ของอาศิรอยู่ที่ความสดใสและมีชีวิตชีวาที่ทำให้คนรอบข้างอารมณ์ดีตามไปด้วย ยามที่

อาศิรยิ้มแย้มดวงตาเรียวคู่นั้นจะเต็มไปด้วยประกายสดใสและส่งให้ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นสว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์อีกดวง อนูบิสที่ชีวิต

พบเจอแต่ความสิ้นหวังหดหู่และเวิ้งว้างมืดมิดในดินแดนหลังความตายจึงได้แต่จ้องมองใบหน้านั้นจนไม่อาจวางตา


               “แล้วโอมจะพาผมไปที่ไหน”


               เอ่ยด้วยความสงสัยเมื่ออาศิรพาเขาเดินทางออกจากโรงพยาบาลที่ทำงานอยู่ขึ้นรถที่อาศิรเรียกว่ารถไฟฟ้าจนกระทั่งลงมา

เดินอยู่ริมถนนก่อนจะพาเลี้ยวเข้าซอยแยกและเดินมาหยุดที่อาคารสูงเทียมฟ้ายิ่งกว่าเสาโอเบลิสก์หลายเท่า อนูบิสได้แต่มองด้วยความ

ตื่นตาและพยายามเก็บข้อมูลทุกอย่างในดินแดนใหม่ที่เขากำลังใช้ชีวิตอยู่


               “มาหาเพื่อนสนิทของผม เขาเป็นนักอียิปต์วิทยาที่รู้เรื่องในสมัยของคุณเยอะมาก เพื่อนของผมคนนี้ชื่อเวทิศ มันเป็นแฟน

คลับของคุณด้วยนะ ไอ้ทิศมันพักอยู่ที่คอนโดนี้แหละ ตามผมมาสิ”


               อาศิรเดินนำร่างสูงใหญ่ของอนูบิสเข้าไปในตึกสูงสวยงามที่เรียกว่าคอนโดมิเนียมและเข้าไปในสี่เหลี่ยมเล็กๆที่สามารถขึ้นไป

บนอาคารสูงได้โดยไม่ต้องเหาะขึ้นไป อนูบิสนึกทึ่งในความสะดวกสบายของดินแดนใหม่เหลือเกิน

               หยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องก่อนที่อาศิรจะกดกริ่งที่ติดอยู่ข้างประตู  ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงกุกกักจากภายในและประตูจึงเปิด

ออก อนูบิสเห็นบุรุษผู้หนึ่งโผล่หน้าออกมา บุรุษผู้นั้นมีกระจกอยู่ที่ดวงตาและใบหน้านั้นราวกับผู้คงแก่เรียนดังเช่นนักปราชญ์ในดินแดน

ของเขา


               “อ้าว ไอ้โอม วันนี้มาเยือนถึงถิ่น อ้าวแล้วพาใครมาด้วยวะ”


               “เออ อย่าเพิ่งพูดมาก ให้กูเข้าไปก่อน”


               อาศิรเอื้อมมือผลักเพื่อนสนิทให้เดินกลับเข้าไปในห้องและพยักหน้าให้อนูบิสเดินตามเข้าไป เทพจากไอยคุปต์ค่อยๆมอง

สำรวจรอบห้องสี่เหลี่ยมที่จัดไว้อย่างไม่เป็นระเบียบนัก มีห้องเล็กๆกั้นอยู่ฝั่งหนึ่งและที่เหลือก็เป็นโต๊ะที่เต็มไปด้วยกองตำรามากมายรวม

ถึงวัตถุที่อนูบิสคุ้นตาจากดินแดนของเขา


               “ว่าไงวะ มีอะไรหรือเปล่าถึงได้ถ่อมาหากูได้”


               เวทิศเอ่ยถามด้วยความสงสัย เขาขยับแว่นตามองร่างสูงของอนูบิสด้วยความสนใจ


               “แล้วไอ้หล่อเกินหน้ากูนี่คือใคร มึงพามาด้วยทำไม”


               “พามาให้มึงช่วยไงล่ะทิศ คนที่กูพามาด้วยเขาต้องอาศัยความรู้จากมึง”


               อาศิรบอกง่ายๆแต่เวทิศก็ยังไม่เข้าใจ เขามองเพื่อนสนิทหน้าตาเหรอหรา


               “พูดผิดพูดใหม่ได้ คนอย่างกูเนี่ยนะจะไปช่วยใครได้ กูให้โอกาสมึงพูดใหม่”


               “มึงนี่แหละเหมาะที่สุดแล้วไอ้ทิศ”


               คำยืนยันจากอาศิรยังไม่ได้สร้างความกระจ่างให้แก่เวทิศเลยสักนิด อาจารย์หนุ่มที่สอนอยู่ในมหาวิทยาลัยคณะโบราณคดีได้

แต่มองอาคันตุกะหน้าตาหล่อเหลาที่หยุดยืนมองวัตถุโบราณชิ้นเล็กบรรจุอยู่ในกล่องแก้วบนโต๊ะทำงานรกไปด้วยหนังสือของเวทิศ


               “นี่มันกำไลข้อเท้าของฟาโรห์อเมเนมเฮตที่สอง”


               เวทิศลืมตาโพลง เขาถลาเข้ามาและจ้องหน้าอนูบิสด้วยสายตาคาดไม่ถึง


               “คุณรู้ได้ไงว่าเป็นของอเมเนมเฮตที่สอง ผมหาข้อมูลเรื่องนี้มาเกือบเดือนแล้วยังไม่รู้เลยว่าของใคร แล้วทำไมคุณรู้จักฟาโรห์

อเมเนมเฮตด้วย”


               เวทิศใส่คำถามไม่ยั้ง อนูบิสได้แต่ยักไหล่พลางไล่สายตาไปยังที่วางของด้านข้าง เขามองรูปหล่อทองเหลืองขนาดเกือบสอง

คืบที่เวทิศตั้งไว้อย่างสนใจ


               “สวยดีนี่”


               อนูบิสคว้ามันมาอยู่ในมือแล้วมองทีละส่วน มันเป็นรูปหล่อทองเหลืองที่ทำขึ้นมาใหม่เป็นร่างกายมนุษย์แต่กลับมาศีรษะเป็น

สุนัขมือหนึ่งถือคทามือหนึ่งถืออังค์


               “เฮ้ย คุณ ระวัง นี่เป็นของที่ระลึกตอนที่ผมไปเรียนโทที่อียิปต์นะคุณ นี่เทพอนูบิสเทพองค์โปรดของผมเลยนะเนี่ย คุณ เอ่อ

ชื่ออะไรวะ”


               เวทิศหันไปหาอาศิรที่ยืนนั่งอยู่บนโซฟาเล็กๆที่ใช้รับแขก อาศิรยักคิ้วให้เพื่อนแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์


               “ถามเขาสิว่าเขาชื่ออะไร เป็นใคร”


               เพราะเพื่อนไม่ยอมตอบเวทิศจึงต้องหันขวับไปหาจุดสนใจอีกครั้ง คนแปลกหน้ากดยิ้มอยู่ตรงมุมปากส่งให้เจ้าของห้องก่อน

ที่ใบหน้าคมเข้มนั้นจะแปรเปลี่ยนไปต่อหน้าต่อหน้าเวทิศที่ยืนตัวแข็ง ดวงตาหลังกรอบแว่นเบิกกว้างอย่างตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น


               “มะ ไม่จริง กูฝันอยู่ใช่ไหมเหี้ยโอม”


               อาศิรลุกจากเก้าอี้แล้วตรงมาหาเพื่อน เขาลากแขนเพื่อนให้เดินเข้ามาใกล้และจับมือเวทิศให้แตะลงไปบนท่อนแขนเต็มไป

ด้วยกล้ามของอนูบิส


               “อะ มีตัวตนจับต้องได้ แล้วทีนี้มึงลองถามเขาใหม่สิว่าเขาเป็นใคร”


               หัวใจของเวทิศแทบจะหยุดเต้น เหงื่อของเขาไหลเป็นทางอยู่บนใบหน้า มีเพียงริมฝีปากเท่านั้นที่พึมพำออกมา


               “อะ อะ อนูบิส”


               แล้วเวทิศก็หงายหลังล้มตึงลงไปทันที






               “โอม แกล้งเพื่อนใช่ไหม”


               อนูบิสส่ายหัวเมื่อเห็นอาศิรหัวเราะขำ เพราะหลังจากนั้นพักใหญ่กว่าที่เวทิศจะฟื้นคืนสติขึ้นมานั่งตัวแข็งฟังเรื่องทั้งหมดที่

อาศิรเล่าให้ฟังจนจบเพื่อให้เวทิศช่วยหาข้อมูลเรื่องปีศาจเนรู พอฟังจบแล้วเวทิศก็หันใบหน้าที่ยังไม่เชื่อสายตาตัวเองไปหาอาศิร


               “ตกลงว่านี่เรื่องจริง ตอนนี้คือกูเจอไอดอลกูอยู่ใช่ไหม”


               อนูบิสคืนร่างเป็นใบหน้ามนุษย์แล้วตอนที่นั่งสนทนาเรื่องปีศาจร้าย มาถึงตอนนี้เวทิศเพิ่งจะตั้งสติได้ เขามองอนูบิส อย่างตื่น

เต้นและโผเข้ากอดร่างกำยำของอนูบิสไว้แน่นพร้อมทั้งปล่อยโฮออกมา


               “ชาตินี้ไอ้ทิศตายไม่เสียชาติเกิดแล้วโว้ย ใครจะนึกว่ากูจะได้เจอเทพตัวเป็นๆ ฮือ ท่านอนูบิส ผมขอลายเซ็นหน่อยน้า”


               กว่าจะคุยกันเข้าใจจุดประสงค์ก็อีกพักใหญ่ เวทิศตกปากรับคำแข็งขันที่จะช่วยเหลืออนูบิสกับอาศิรเรื่องตามหาและกำจัด

ปีศาจเนรูเพื่อชิงขนนกกลับคืน เมื่อเข้าใจกันดีแล้วอาศิรจึงพาอนูบิสกลับออกมาเพื่อจะกลับบ้าน


               “ไม่ได้แกล้งสักหน่อย เขาเรียกเซอร์ไพร้ส์ต่างหากล่ะครับ”


               ก็เพื่อนของเขาคลั่งไคล้เทพอนูบิสเสียขนาดนั้น อาศิรจึงจัดเต็มให้เพื่อนสนิท


               “ได้เวทิศมาช่วยอีกแรงก็ดี ความรู้ของเขาดีมาก”


               อนูบิสเบาใจไปได้บ้างกับภารกิจสำคัญนี้ เขานึกขอบคุณที่ยังมีอาศิรอยู่ข้างๆคอยช่วยเหลือ


               เสียงรถยนต์บนถนนคันหนึ่งเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและเสียหลัก บรรดาผู้คนที่เดินขวักไขว่กันอยู่ข้างทางต่างพากันตกใจเมื่อ

มันพุ่งเข้าชนเกาะกลางถนนเสียงดันลั่น อาศิรหันไปมองทันทีเขาเห็นความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์คันนั้นพร้อมทั้งเสียงหวีดร้องของ

ผู้พบเห็นเหตุการณ์ รถยนต์คันอื่นที่วิ่งตามมาต่างพากันเบรกและหยุดต่อกันเป็นขบวน ดูเหมือนจะมีอาศิรที่ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว


               “อินทร์ภู รออยู่ตรงนี้นะอย่าไปไหน”


               ยังไม่ทันที่อนูบิสจะเอ่ยถามว่าเรื่องอะไรอาศิรก็วิ่งไปทางรถยนต์คันที่พุ่งชนเกาะกลางถนนเสียแล้ว อนูบิสนิ่งมองร่างโปร่ง

เพรียวนั้นควบคุมสถานการณ์ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากรถยนต์อย่างเอางานเองการ สีหน้าจริงจังยามปั๊มหัวใจคนบาดเจ็บเพื่อยื้อชีวิตให้ได้

นั้นประทับลงไปในความรู้สึกของอนูบิสจนยากจะถอน

               อนูบิสขมวดคิ้ว เขามองเห็นวิญญาณของผู้บาดเจ็บกำลังหลุดลอยออกจากร่างโดยที่ไม่มีใครเห็นนอกจากเขาที่ยืนอยู่ริมถนน

แต่ที่น่าแปลกคืออนูบิสเห็นอาศิรเม้มปากด้วยความขัดใจและหยุดให้การช่วยเหลือพร้อมทั้งเงยหน้ามองตามวิญญาณโปร่งแสงที่กำลัง

ล่องลอยช้าๆอย่างหงุดหงิดเขาไม่สามารถช่วยเหลือจากความตายได้

                นอกจากอนูบิสที่เป็นเทพแห่งความตายแล้ว ยังมีอาศิรอีกคนงั้นหรือที่สามารถมองเห็นวิญญาณที่กำลังจะหลุดออกจากกาย

หยาบได้






               อาศิรใบหน้าบึ้งตึงเมื่อเดินทางต่อ  อนูบิสเองก็ไม่ได้รบกวนความคิดของอาศิรอีกเพราะเขาเข้าใจความรู้สึกของอาศิรดีจน

กระทั่งเดินเคียงข้างกันใกล้จะถึงบ้านของอาศิร อนูบิสจึงรั้งแขนของอาศิรให้หยุดเดิน


               “โอม อย่าเสียใจเลยที่ช่วยมนุษย์คนนั้นไม่ได้”


               อาศิรถอนหายใจยืดยาวก่อนจะหันไปสบตากับอนูบิส


               “ผมเข้าใจอินทร์ภู แต่ถึงยังไงผมก็อดเสียใจไม่ได้จริงๆ”


               “นั่นสินะ การได้เห็นความสูญเสียต่อหน้าต่อตาในขณะที่คนอื่นมองไม่เห็นมันย่อมเจ็บปวดกว่าใครอยู่แล้ว”


               อาศิรชะงัก ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าวจากอนูบิส


               “คุณรู้ ว่าผม “เห็น” งั้นหรือ”


               อนูบิสยิ้มอ่อนโยน เขานึกเห็นใจในสิ่งที่อาศิรมีพรสวรรค์เกินมนุษย์ผู้อื่น


               “ผมเห็นโอมมองตามวิญญาณดวงนั้นที่กำลังหลุดออกจากร่างทั้งที่คนอื่นๆยังสนใจอยู่แต่ร่างกายที่ไร้ลมหายใจแล้ว”


               อาศิรก้มหน้าถอนหายใจอีกครั้งเมื่ออนูบิสรู้ความลับของเขา


               “ใช่ ผมเห็น ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบคนใกล้จะตายเมื่อตอนเป็นวัยรุ่น และหลังจากนั้นเรื่อยมา มันเป็นความลับที่ผมบอกใครไม่ได้

ว่าผมเห็นวิญญาณของคนตาย ใครเขาจะเชื่อ แต่ผมไม่ได้มองเห็นวิญญาณทั้งหมดหรอกนะอินทร์ภู ถ้าเป็นอย่างนั้นคงจะบ้าไปเสียก่อน

ผมเห็นเฉพาะวิญญาณของคนที่หมดวาระของเขาเท่านั้น”


               อาศิรเงยหน้าสบตาอนูบิสอย่างต้องการคำตอบ


               “เทพอย่างคุณรู้บ้างไหม ว่าทำไมคนอย่างผมต้องมองเห็น ทำไมผมถึงต้องเจ็บปวดกับความสูญเสียพวกนี้ด้วย”


               อนูบิสวางมือหนาหนักไปบนบ่าของอาศิรแทนคำปลอบโยน


               “ทุกอย่างอันเกิดบนโลกนี้ย่อมมีสาเหตุ ทุกคนมีลิขิตเส้นทางชีวิตไม่เหมือนกัน สักวันโอมจะหาคำตอบได้เองว่าทำไมถึงต้อง

เป็นโอมที่พิเศษกว่าคนอื่นๆ”


               ดวงตาคมยามมองอย่างอ่อนโยนทำให้ความว้าวุ่นใจของอาศิรสงบลงได้ เขายืนนิ่งซึมซับแรงที่อุ่นวาบอยู่ตรงบ่าให้ไหลวน

เวียนอยู่ในร่างกายของเขาราวกับสิ่งที่อยู่ในร่างกายกำลังสื่ออยู่กับผู้เป็นเจ้าของ ไม่นานนักอาศิรก็คลี่ยิ้มสดใสออกมา


               “เฮ้อ ผมนี่ก็บ่นอะไรไม่เข้าท่า รีบเดินเร็วๆเข้าเถอะอินทร์ภู หิวข้าวแล้ว เย็นป่านนี้ป้าแก้วคงทำอาหารเย็นรอเราอยู่แล้วล่ะนะ”




มีต่ออีกนิด...

หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 5 [01/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 01-04-2016 00:31:23
ต่อกันตรงนี้...



                อาศิรฉุดแขนให้อนูบิสก้าวเดินอีกแค่อึดใจก็ถึงประตูรั้วหน้าบ้าน แต่วันนี้กลับมีรถยนต์หรูคันใหญ่โตจอดขวางอยู่ เมื่ออาศิร

เห็น ใบหน้าสดใสก็กลับมาบึ้งตึงอีกครั้งขณะเดินเข้าไปในบ้าน ป้าแก้วคนรับใช้เก่าแก่หยุดยืนรออยู่แล้วและตรงเข้าดักหน้าอาศิรไว้


               “คุณโอม คุณพ่อมาหา พูดกับท่านดีๆนะคะอย่าใช้อารมณ์”


               อาศิรฝืนยิ้มให้ป้าแก้ว


               “รู้แล้วล่ะน่า โอมโตแล้วนะครับป้าแก้ว”


               อนูบิสมองตามอย่างไม่เข้าใจนัก เขาเดินตามหลังอาศิรเข้าไปในบ้านหลังเล็กที่มีคุณยายจันทร์นั่งอยู่บนเก้าอี้ชุดรับแขกตัว

หนึ่ง และอีกตัวหนึ่งมีชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมใบหน้าคล้ายคลึงกับอาศิร เมื่อเห็นอาศิรก้าวเข้ามาในบ้านชายคนนั้นก็ลุกขึ้นยืนทันที


               “กลับมาแล้วหรือเจ้าโอม”


               นายแพทย์กำจร ก่อเกียรติกุล เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังเอ่ยกับอาศิรที่ยังยืนนิ่งและมีอนูบิสยืนเยื้องอยู่ด้านหลัง ป้า

แก้วตรงเข้ามาประคองคุณยายจันทร์ให้ลุกขึ้นยืนและก้าวผ่านอาศิรกลับเข้าห้อง


               “โอม” คุณยายเรียกเสียงอ่อนแม้จะมองไม่เห็นแต่หญิงชราก็รู้ว่าหลานชายกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน


               “พูดกับพ่อเขาดีๆ ถึงยังไงก็พ่อลูกกันนะโอม พ่อหมีพูเอ๊ย กลับไปพักในห้องก่อนเถอะลูก ให้พ่อกับลูกเขาได้คุยกัน”


               คุณยายจันทร์กับป้าแก้วเดินเข้าไปในห้องแล้ว อนูบิสจำเป็นต้องเดินผ่านเข้าไปยังห้องของอาศิรแล้วปิดประตูลง


อนูบิสหลับตาลงและเปิดโสตประสาทรับฟังบทสนทนระหว่างอาศิรกับบิดาด้วยความอยากรู้”


               “เจ้าโอม” กำจรมองบุตรชายเมื่อได้อยู่เพียงลำพังสองคน


               “ฉันบอกแกแล้วนี่ว่าถ้าเรียนจบเมื่อไหร่ก็ให้ไปทำงานที่โรงพยาบาล แล้วนี่ทำไมยังไม่ไปอีก”


               น้ำเสียงไว้ตัวแม้ยามพูดกับลูกทำให้อาศิรกัดฟันกรอด เขาแทบไม่อยากมองหน้าบิดาแท้ๆของตัวเอง


               “พ่อลืมหรือเปล่าครับว่าผมต้องทำงานใช้ทุน”


               “โอ๊ย ทุนหลวงมันจะสักเท่าไหร่กันเชียว ก็แค่ลาออกมาเท่านั้นแหละ เรื่องเงินใช้ทุนเดี๋ยวฉันจะจัดการให้”


               อาศิรแค่นยิ้ม เขามองบิดาด้วยสายตาที่ไม่ได้บ่งบอกถึงความรักฉันพ่อลูกเลยสักนิด


               “ขอบคุณในความหวังดีครับพ่อ แต่อย่าลำบากเลยดีกว่า ผมมันก็แค่ลูกนอกสมรส แค่รับผมเป็นลูกและให้ใช้นามสกุลอันยิ่ง

ใหญ่ของพ่อก็เป็นพระคุณแล้ว”


               “ไอ้โอม มันจะมากไปแล้วนะ อย่าลืมสิว่าฉันเป็นพ่อของแก”


               ไม่ลืมหรอก อาศิรจะลืมได้อย่างไร


               เขาไม่มีวันลืมว่าแม่ที่แสนจะอ่อนโยนของเขาเป็นเพียงภรรยาน้อยของพ่อ ซึ่งเป็นภรรยาคนที่เท่าไหร่อาศิรก็ไม่อยากจะรู้

นายแพทย์กำจรในวัยหนุ่มนั้นหน้าตาฐานะดีและเจ้าชู้ พ่อของอาศิรมีภรรยาหลวงชื่อว่าวิไลวรรณที่เป็นบุตรีของเศรษฐีที่ดิน ทั้งคู่แต่งงาน

ด้วยความเหมาะสมทางธุรกิจของครอบครัว ส่วนมารดาของอาศิรนั้นก็เป็นพนักงานบัญชีอยู่ในโรงพยาบาลที่พ่อของเขาเป็นเจ้าของ

นั่นเอง และเพราะรูปร่างหน้าตาคารมของกำจรทำให้พนักงานสาวหน้าตาดีอย่างแม่ของอาศิรที่เพิ่งจะเข้าทำงานใหม่ตกหลุมได้ไม่ยาก

ไม่นานหลังจากนั้นแม่ก็ต้องกลายเป็นภรรยาน้อยเจ้าของโรงพยาบาลที่ต้องทนกล้ำกลืนถูกภรรยาหลวงรังควานอยู่ในช่วงแรกจนกระทั่ง

พ่อของเขาหันไปมีหญิงคนอื่นภรรยาหลวงจึงเลิกสนใจแม่ของอาศิร พ่อคงจะทิ้งแม่และฟาดหัวด้วยเงินสักก้อนหากว่าแม่ไม่ได้ท้องเขา

เสียก่อน

               อาศิรไม่มีทางลืมเรื่องทุกอย่างได้ลง



TBC

               เรื่องชิวาว่า คนแต่งมั่วนะจ๊ะ 555


 :laugh: :laugh:

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 5 [01/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 01-04-2016 02:03:37
เวทิศเป็นลมเลย555. แต่ดูชอบมากเลยนะนั่น

รอตอนต่อไปค่าาา :mew1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 5 [01/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 01-04-2016 06:01:07
พี่หมีพูน่ารักทุกร่างแหละค่ะ

อ่อนโยนใจดีมาก. เพื่อนทศสติดีมาก ดีแล้วมาช่วยกัน
เอาแล้วคนหล่อมีปม
 :L2:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 5 [01/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-04-2016 08:52:43
ยินดีด้วยนะทิศที่เจอไอดอลระยะประชิตขนาดนี้  5555
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 5 [01/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 01-04-2016 11:52:52
ให้ตื่นเต้นอย่างไรก็ไม่ลืมขอลายเซ็นอนูบิสเอาไว้นะคะเวทิศ น่ารักจริงๆ เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 5 [01/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 01-04-2016 16:53:20
ชิวาว่ามีต้นกำเนิดอยู่เม็กซิโกนะ  น่าจะเอาพวกแมวไม่ก็หมาบาเซนจิมากกว่า
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 5 [01/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 01-04-2016 19:07:24
ชอบแนวนี้
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 5 [01/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 01-04-2016 20:08:27
ขำเวทิศ 5555
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 5 [01/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 01-04-2016 23:09:30
สนุกอ่ะค่ะ

รอตอนต่อไปค่าาาาาา
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 5 [01/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 02-04-2016 07:38:00
พ่อหมีพู ช่วยปลอบใจน้องโอมหน่อยเร๊ววววววว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 5 [01/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 02-04-2016 10:57:17
ทิศนี่ดีใจมากๆๆๆๆจนเป็นลมเลย 5555 เจอเทพไอดอลไม่เสียทีที่เกิดมาละ 5555
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 5 [01/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: คนริมคลอง ที่ 05-04-2016 10:25:17
คุณพ่อมาทำไมครับ (แอบขำเวทิศ) รอตอนต่อไปครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 5 [01/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 06-04-2016 13:21:20
น่าจะให้แปลงเป็นแมวนะคะ เห็นชอบเอาทำมัมมี่บ่อยๆ แสดงว่าได้รับความนิยมมากในสมัยนั้น
แต่ยังไงก็เถอะ สงสารวาทิศ แกล้งเค้าทำไมมมมมม :m20:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 5 [01/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 06-04-2016 23:19:04
ฮาเวทิศมาก
ดีใจจนเป็นลม
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 5 [01/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: polarbares ที่ 07-04-2016 02:03:12
ชอบช่วงไอดอลพบแฟนคลับมาก 555555
ท่านเทพตอนอยู่นรกกับมากรุงเทพฯนี่คนล่ะมู้ดเลยนะคะ ตอนนั้นดูดุเย็นชา ส่วนตอนเจอคุณหมอดูน่ารักมุ้งมิ้งไปเลย
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 5 [01/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 07-04-2016 08:18:57
สงสารโอม เฮ้ิออชีวิต
เวทิศถึงกับเป็นลมเลยเรอะ55555เจอไอดอลตัวเป็นๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 5 [01/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 07-04-2016 15:49:13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 5 [01/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 08-04-2016 18:40:03
ชอบแนวนี้ค่ะ รอมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 5 [01/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: igaga ที่ 08-04-2016 19:43:36
เอาอีก เอาอีก
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 5 [01/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 09-04-2016 14:49:48
รอตอนต่อไปปปป
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 5 [01/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 09-04-2016 15:40:29
ถึงกับขอลายเซ็นเลยเชียว
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 5 [01/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 09-04-2016 16:20:56
ปัญหาครอบครัว น่าสงสาร
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 6 [11/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 11-04-2016 01:46:03


                                              อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                         บทที่ 6


               อาศิรถอนหายใจยาวเมื่อเห็นว่าบิดากำลังเริ่มโมโหอย่างเช่นทุกครั้งที่พบหน้ากัน และอาศิรก็ต้องเป็นฝ่ายอดทนเก็บอารมณ์

ไว้เพราะเขาไม่อยากให้ยายที่อยู่ในวัยชราแล้วไม่สบายใจ ถึงอย่างไรยายของเขาก็ยังเกรงใจนายแพทย์กำจรอยู่มากเพราะบ้านหลังเล็ก

ที่คุ้มหัวอยู่ทุกวันก็เป็นทรัพย์สมบัติที่กำจรยกให้มารดาของเขา


               “พ่อมาวันนี้มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”


               เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่กดให้เรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ กำจรทำท่าฮึดฮัดอยู่อีกอึดใจเมื่อยังเคืองลูกชายที่เกิดจากภรรยา

น้อยอยู่ นี่ถ้าไม่ติดว่าอาศิรเรียนเก่งจนได้เป็นหมอเขาคงจะไม่ใยดีมากเท่านี้


               “พรุ่งนี้วันเกิดคุณวิ”


               หมายถึงภรรยาหลวงที่กำจรเกรงใจอยู่มากด้วยอำนาจเงินจากกิจการอสังหาริมทรัพย์ที่งอกเงยมากขึ้น ทำให้เขาไม่อาจว่า

กล่าวเมื่อวิไลวรรณจัดการกับบรรดาผู้หญิงของเขาจนแตกกระเจิงไปเสียทุกคน จะมีก็แต่อรดีแม่ของอาศิรที่เขาพลาดจนมีพยานจาก

การกระทำคืออาศิรนี่เอง เพราะอรดีเป็นคนเงียบไม่มีปากเสียงวิไลวรรณจึงยอมให้กำจรเลี้ยงดูจริงจังเพียงแค่คนเดียว


               “คุณวิเขาจะจัดงานเลี้ยงที่บ้านตอนค่ำ วินนี่เขาเป็นออร์แกไนเซอร์เอง แกก็ควรจะไปด้วย”


               “ผมอยู่เวรพรุ่งนี้ครับ”


               ปฏิเสธโดยทันที ไปงานเลี้ยงบ้านใหญ่ที่มองเขาเป็นสิ่งแปลกปลอม อาศิรไม่อยากแม้แต่จะเหยียบย่างเข้าไปในเขตบ้านหลัง

ใหญ่หลังนั้น และยิ่งบิดาเอ่ยถึงวินนี่หรือกวินตราบุตรีเพียงคนเดียวที่เกิดกับวิไลวรรณด้วยแล้วอาศิรแทบไม่ต้องคิด

พี่สาวคนละแม่ของเขาเย่อหยิ่งและไว้ตัวไม่ต่างจากมารดาสักนิด


                “ก็ไปแลกเวรออกสิวะ อย่าทำโง่ไปหน่อยเลย แกน่ะควรจะฝากตัวกับคุณวิเขาให้มากๆ อย่างน้อยแกก็จะได้เข้าไปบริหารงาน

ในโรงพยาบาลในอนาคต”


               นี่สินะจุดประสงค์ของพ่อ


               อาศิรเดาไว้ไม่มีผิด หากเขาโง่เง่าเต่าตุ่นเรียนจบอะไรสักอย่างที่ไม่เข้าตาบิดาของเขาคงจะไม่ชายตาแล แต่นี่เป็นเพราะ

อาศิรเรียนจบแพทย์กำจรจึงให้ความสนใจ แม้จะเป็นลูกนอกสมรสแต่สมบัติของตัวเองก็ควรจะอยู่ในมือทายาท และเป็นเพราะกวินตรา

ลูกที่เกิดจากภรรยาที่จดทะเบียนสมรสนั้นเรียนอะไรก็ไม่จบสักอย่างจนต้องหันมาทำงานเป็นนางแบบอยู่ในสังคมเซเลเบรตี้ กวินตราจึง

ไม่ได้สนใจจะมาสานต่อบริหารโรงพยาบาลที่กำจรเป็นเจ้าของ ทำให้กำจรหนักใจจนต้องหันมาให้ความสนใจอาศิร


               “ขอดูสถานการณ์ก่อนก็แล้วกันครับ ถ้าผมไปได้ก็จะไป”


               ตอบแบ่งรับแบ่งสู้เพราะอยากให้เรื่องจบๆไปเสียที เมื่อกำจรเห็นลูกชายอ่อนข้อลงเขาจึงสะบัดหน้าเดินกลับออกไป และเมื่อ

ได้ยินเสียงรถยนต์ของบิดาดังขึ้นพร้อมกับขับออกไปจากรั้วบ้านอาศิรจึงทอดถอนใจยาวก่อนจะเดินเข้าไปในห้องของยาย เขาทรุดลงกับ

พื้นและกอดเอวของหญิงชราไว้


               “พ่อกลับไปแล้วครับยาย”


               ยายจันทร์ลูบผมนุ่มของหลานอย่างเห็นใจ แม้จะมองไม่เห็นแต่ยายจันทร์ก็รู้ว่าอาศิรนั้นรู้สึกเช่นใด


               “อดทนนะโอม ถึงอย่างไรเขาก็เป็นพ่อ อย่างน้อยเราก็มีที่ซุกหัวนอนมีเงินเรียนหนังสือก็เพราะเขา”


               นี่คือคำที่คนเป็นยายเฝ้าสั่งสอนและพูดกรอกหูอาศิรตั้งแต่ยังเด็กจนอาศิรจำได้ขึ้นใจ อาศิรฝืนยิ้มลูบแขนเหี่ยวย่นของยาย

ส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาอดทนก็เป็นเพราะไม่อยากให้ยายไม่สบายใจ


               “คร้าบยาย โอมรู้แล้ว ยายนอนพักเถอะนะ เดี๋ยวโอมกินข้าวแล้วก็จะนอนเหมือนกัน”


               “หาข้าวหาปลาให้พ่อหมีพูกินด้วยนะลูก ดูแลเพื่อนดีๆ”


               ยังไม่วายเป็นห่วงแม้แต่เพื่อนของหลาน อาศิรกอดรัดหญิงชราอันเป็นที่รักก่อนจะลุกเดินจากห้องยายมายังห้องครัว เขาเห็น

ร่างสูงใหญ่ของอนูบิสนั่งยิ้มฟังป้าแก้วชวนคุยพลางตักข้าวเข้าปาก


               “โอม ฝีมือทำอาหารของป้าแก้วอร่อยมาก”


               คนถูกชมยิ้มแก้มแทบแตกมือที่ถือทัพพีค้างอยู่รีบตักข้าวจากหม้อมาใส่ในจานให้ทันที


               “ปากหวานจริงพ่อคุณเอ๊ย นี่ละครออกอากาศเมื่อไหร่ป้าจะเป็นแฟนคลับให้เองนะ”


               “พอแล้วครับป้าแก้ว ผมกินไปเยอะแล้วตักให้โอมบ้างดีกว่าคงจะหิวแย่แล้ว”


               หน้าคมยิ้มให้อย่างอ่อนโยนจนหัวใจของอาศิรเย็นลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ เขาทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับอนูบิสพลางตักข้าวเข้า

ปากด้วยความหิว


               “แหม ละครยังไม่ได้เริ่มถ่ายก็มีแฟนคลับแล้วนะพ่อหมีพู”


               ค่อนขอดไม่จริงจังนักแต่อีกฝ่ายกลับนึกขำจนแววตาที่ทอดมองพราวเป็นประกาย อาศิรที่เงยหน้าจากจานข้าวขึ้นมาสบตา

พอดีถึงกับแก้มร้อนซู่

               บ้าน่ะโอม อย่าใจสั่นเหมือนคนเป็นเอเทรียล ฟิบริลเลชั่นหน่อยเลย (อาการของโรคหัวใจชนิดหนึ่ง)

                ก็แค่รอยยิ้มเท่านั้นเอง

               ได้แต่ก้มหน้าลงไปมองข้าวในจานจนแทบจะนับเม็ดได้ อนูบิสที่จ้องมองอยู่จึงได้แต่เอ่ยถามอย่างอาทร


               “ไม่กินหรือโอม บ่นว่าหิวกินไปนิดเดียว”


               ก็เพราะสายตาของท่านนั่นแหละทำให้ผมกินข้าวไม่ลง


               ตอบอยู่ในใจพร้อมกับอาการวูบวาบบนใบหน้า อาศิรสะดุ้งเมื่ออยู่ๆป้าแก้วก็อุทานเสียงดัง


               “ว้าย กี่โมงแล้วเนี่ย วันนี้เรื่องตามล่าไอ้หน้าหล่ออวสานด้วย ป้าไปดูก่อนนะคุณโอม ทานเสร็จแล้ววางไว้นี่แหละเดี๋ยวป้ากลับ

มาล้างให้”


               ป้าแก้วรีบเคลื่อนกายเจ้าเนื้อจากไปแล้ว ทิ้งให้อาศิรนั่งนิ่งเพียงลำพังกับเทพสูงศักดิ์ อาศิรได้แต่ตักข้าวเข้าปากอย่างไม่รู้รส

จนกระทั่งหมดจาน เขาลุกขึ้นยืนเก็บจานเดินไปล้างที่อ่างน้ำโดยไม่ได้ทิ้งไว้อย่างที่ป้าแก้วบอก ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตามมาหยุดอยู่ด้าน

ข้างพร้อมกับมือใหญ่ที่ยื่นมา


               “ผมช่วยนะโอม”


               “ล้างจานเป็นหรือครับ”


               ข่มความขัดเขินทำตัวปกติหันไปยิ้มกวนอีกฝ่าย อนูบิสเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ


               “มันยากเหรอ ล้างจานเนี่ย”


               มือใหญ่ยื่นมาคว้าจานจากมือ ปลายนิ้วที่แตะต้องซึ่งกันทำให้อาศิรยิ่งสะดุ้ง จนต้องปล่อยจานให้อนูบิสชิงไปล้างได้ อาศิรได้

แต่ยืนมองเทพตัวใหญ่ล้างจานอย่างเก้ๆกังๆแต่ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ


               “ความจริงท่านไม่ต้องช่วยก็ได้”


               “ให้ผมทำเถอะ จะได้ไม่รู้สึกว่ารบกวนโอมฝ่ายเดียว”


               หันมาคลี่ยิ้มให้อีกต่างหาก คราวนี้อาศิรถึงกับหน้ามืด เขาแก้ปัญหาด้วยการเดินหนีกลับไปยังห้องของเขาโดยมีอนูบิสก้าว

ตามมาไม่ห่าง ตอนนั้นเองอาศิรจึงได้ตระหนักว่าตนเองกำลังเผชิญกับปัญหาเสียแล้ว

               ในขณะที่ความรู้สึกของจิตใจกำลังเล่นตลก อาศิรเพิ่งตระหนักว่าเทพอนูบิสต้องอยู่ใกล้ตัวเขาตลอดเวลา แล้วกับความรู้สึก

แปลกๆที่อาศิรยังไม่รู้ว่าคืออะไรนี่เล่า เขาควรจะจัดการมันเช่นไร

               คิดอย่างสับสนจนทรุดตัวลงนั่งอยู่ที่ปลายเตียง อนูบิสที่ก้าวตามเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้โต๊ะหนังสือ เขาจ้องมองใบหน้าครุ่นคิด

ของอาศิรอย่างใส่ใจ


               “ผู้ชายคนนั้น เป็นพ่อของโอม?”


               อาศิรได้สติ เขาเงยหน้าสบตากับอนูบิสที่ตั้งคำถาม


               “ใช่ เขาเป็นพ่อของผม แต่เราไม่ได้สนิทกันเหมือนพ่อลูกคู่อื่นหรอกนะ”


               อาศิรยิ้มเฝื่อน เขาก้มหน้าซ่อนความอ่อนไหวเพราะไม่อยากให้อนูบิสเห็น


               “ผมไม่ได้เป็นลูกที่เขาต้องการนักหรอก ก็อย่างว่าแหละ พ่อของผมเขาต้องแบ่งปันความรักให้คนอื่นเยอะแยะไปหมด มันเลย

ไม่เหลือมาให้ผมเท่าไหร่”


               อนูบิสนิ่งฟังคำตอบของอาศิร ความจริงก็พอจะจับความได้จากตอนที่นั่งกินข้าวแล้วแอบถามป้าแก้วบ้างแล้วเขาจึงนึกสงสาร

ชีวิตของอาศิรที่ไม่ต่างอะไรจากชีวิตของเขา

               นึกถึงใบหน้าดุดันของเทพเซ็ทยามมองหน้าตนเอง สีหน้าที่มีแต่ความคลางแคลงใจในชาติกำเนิดของบุตรชาย บิดานั้นไม่

เคยรู้หรอกว่ามันทำให้ลูกเช่นเขาเจ็บปวดปานใด ในเมื่อผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อก็ไม่ยอมรับ ครั้นจะเรียกผู้ที่เลี้ยงดูมาอย่างเทพโอซิริสว่าพ่อ

มันก็ไม่สมควร อนูบิสกล้ำกลืนอยู่แต่กับความรู้สึกนี้จนชาชิน

               ใครกันเล่าจะเข้าใจความรู้สึกขมขื่นเช่นนี้เท่ากับผู้ที่อยู่กับมันมาเนิ่นนานและจะต้องอยู่กับมันไม่มีวันสิ้นสุดเช่นเขา อนูบิสได้

แต่วางมือไปบนมือเรียวยาวนั้นแทนคำปลอบโยน

                อาศิรนิ่งงัน ความอบอุ่นส่งผ่านจากมือใหญ่ที่วางแนบอยู่บนหลังมือของเขา ราวกับว่ามือนั้นกำลังโอบกอดหัวใจดวงน้อยให้

คลายความเศร้า อยู่ๆความตื้นตันก็เอ่อท้นกลายเป็นหยดน้ำในดวงตาจนเขาตกใจ


               “ผมไปอาบน้ำก่อนดีกว่า เหนียวตัวแย่แล้ว”


               อาศิรผุดลุกขึ้นยืนเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรกับความรู้สึกของตัวเอง เขาก้มหน้างุดหลบสายตาของอนูบิสก่อนจะก้าวไปคว้า

ผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่บนราวตากมุมห้องแล้วจ้ำอ้าวออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วจนอนูบิสได้แต่นั่งงง

               อนูบิสไม่เข้าใจว่าเขาทำอะไรให้อาศิรไม่พอใจหรือเปล่า บางทีเขาอาจจะไม่เข้าใจการกระทำของมนุษย์ในดินแดนใหม่จนทำ

ในสิ่งผิดพลาด อนูบิสไม่อยากให้อาศิรโกรธเคืองเขา

               ไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดแม้จะผลัดเปลี่ยนไปชำระร่างกายบ้างเมื่ออาศิรกลับเข้ามาในห้องแล้ว และเมื่ออนูบิสกลับมายังห้องเขาก็

เห็นเจ้าของห้องนอนหลับตาอยู่บนเตียง อนูบิสปิดไฟกลางห้องอย่างที่เห็นอาศิรทำแล้วเขาก็ก้าวไปนอนเคียงข้างร่างโปร่งที่ตะแคงหัน

หลังให้เขา

               มองแผ่นหลังนั้นที่กระเพื่อมน้อยๆด้วยการหายใจ อนูบิสค่อยๆวางท่อนแขนลงไปพาดอยู่เหนือทรวงอกนั้นแผ่วเบา


               “ท่าน เอ่อ กอดผมทำไม”


               เสียงเบามาจากคนที่นอนหันหลังให้ อนูบิสยิ่งกระชับวงแขนมากขึ้นกว่าเดิม


               “หนาว”


               เจ้าเครื่องที่แขวนอยู่ตรงผนังเป่าลมหนาวกระจายไปทั่วห้อง อนูบิสโทษมันที่ทำให้เขาอดใจไม่อยู่จนต้องกอดอาศิรไว้


               “ห่มผ้าสิ ผ้าห่มผืนใหญ่ออก”


               “มันไม่อุ่นเหมือนกอดโอมนี่นา”


               โอ๊ย จะบ้าตาย!

               อาศิรควรจะทำอย่างไรกับท่อนแขนล่ำๆนี่ดี เขาควรจะผลักมันออกแล้วหันไปต่อว่าเทพผู้ยิ่งใหญ่ว่าผู้ชายเขาไม่นอนกอดกัน

เช่นนั้นหรือ แล้วความอบอุ่นนี่เล่า น่าเสียดายแค่ไหนหากมันจะหายไปจากร่างกายของเขา


               “กอดแน่นไปแล้ว ผมหายใจไม่ออก”


               อนูบิสลอบยิ้มอยู่กับท้ายทอยของคนที่นอนตัวแข็งอยู่ในอ้อมกอด ความรู้สึกบางอย่างจู่โจมอยู่ในหัวใจของอนูบิสโดยที่เขาก็

ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร เขารู้แต่ว่าตอนนี้ยังไม่อยากปล่อยร่างอุ่นนี้ไปจากอ้อมกอด อนูบิสได้แต่คลายแรงกอดรัดให้น้อยลง


               “เท่านี้พอหรือยัง”


               “อืม”


               ตามใจ อยากกอดก็กอด

               แบบนี้ก็อุ่นดี

               อาศิรได้แต่ปิดเปลือกตาลงและปล่อยให้ตนเองหลับใหลภายใต้อ้อมกอดของเทพจากแดนไกล







               “อยู่แต่ในกระเป๋านะ อย่าออกมาล่ะ เขาไม่ให้พาสัตว์เลี้ยงเข้ามาในโรงพยาบาล ถ้าใครมาเห็นผมจะถูกดุ”


               เอ่ยย้ำกับสิ่งมีชีวิตตัวเล็กที่อาศัยอยู่ในกระเป๋าที่อาศิรต้องเปลี่ยนมาใช้ใบใหญ่ขึ้นเพื่อให้อนูบิสมีพื้นที่มากกว่ากระเป๋าใบเดิม

สุนัขตัวน้อยมองตาปริบๆจนอาศิรนึกขำ

               แก้มร้อนซู่เมื่อนึกถึงยามเช้ามืดที่สะดุ้งตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุก อาศิรสำรวจตัวเองเพื่อจะพบว่าเขาซุกกายอยู่ในอ้อมกอด

อันอบอุ่นของอนูบิสที่ลืมตามองเขาอยู่แล้ว


               “นี่ท่านนอนหลับอย่างมนุษย์บ้างหรือเปล่า”


               เอ่ยถามแก้เก้อพร้อมกับผลักแผ่นอกกว้างออกจากตัว อนูบิสตะแคงตัวใช้มือหนุนศีรษะมองอย่างอารมณ์ดี


               “ร่างเทพไม่นอนหรอก แต่ร่างมนุษย์ก็หลับอยู่ ที่ตื่นก่อนเพราะโอมกอดจนหายใจไม่ออก”


               บ้ากันใหญ่แล้ว เขานี่นะกอดจนหายใจไม่ออก


               อาศิรเขินจัดจนต้องลุกขึ้นมายืนและคว้าหมอนขึ้นมาตีใส่เทพผู้ยิ่งใหญ่ดังป้าบ


               “ไม่พูดด้วยแล้ว อาบน้ำแต่งตัวไปทำงานดีกว่า”


               หนีหน้าด้วยการเผ่นเข้าห้องน้ำนอกห้อง ก่อนจะพาอนูบิสมาที่โรงพยาบาล วันนี้อาศิรกำลังจะทำงานที่แผนกศัลยกรรมเป็น

วันแรก เขาวางกระเป๋าเป้ลงข้างบนเก้าอี้ว่างข้างตัวในห้องประชุมขนาดเล็กของแผนกศัลยกรรม เพื่อนหมอกลุ่มเดียวกันกระจายกันนั่ง

เป็นวงรีรอบโต๊ะประชุม

               อาจารย์นายแพทย์หัวหน้าแผนกกล่าวต้อนรับแพทย์ใช้ทุนกลุ่มใหม่ที่เวียนมาฝึก พร้อมกับกล่าวแนะนำอาจารย์ทีละคนจน

ครบที่นั่งอยู่ในห้อง


               “อ้าว แล้วหมอคีรีล่ะ”


               กวาดตาหาเมื่อไม่เห็นอยู่ในห้องจนกระทั่งประตูห้องประชุมเปิดออกและมีร่างสูงก้าวเข้ามา


               “ขอโทษครับที่มาช้า เพิ่งผ่าเคสฉุกเฉินที่มาเมื่อคืนเสร็จ”


               อาศิรจ้องมาผู้ก้าวมาใหม่อย่างสนใจ ชื่อเสียงที่ชาลินีกรอกหูไว้ทำให้เขาต้องมองชายหนุ่มสามสิบต้นๆที่มีใบหน้าเรียกได้ว่าดี

มากขณะนั่งลงบนที่ว่าง


               “ผมชื่อคีรี เรียกผมว่าพี่ก็ได้จะได้คุ้นเคยกับน้องๆ”


               น้ำเสียงร่าเริงพร้อมกับส่งยิ้มทั่วห้องทำให้บรรยากาศเป็นกันเองมากขึ้น จากนั้นอาจารย์หัวหน้าแผนกจึงให้พวกเขาแนะนำตัว

บ้าง


               “ผมชื่อเล่นว่าโอมครับ ชื่อจริง อาศิร ก่อเกียรติกุล”


               นายแพทย์คีรีสะดุดหูจนต้องจ้องมองนายแพทย์จบใหม่ที่กำลังยืนแนะนำตัว หัวคิ้วเข้มย่นเข้าหากันเล็กน้อยจนแทบไม่มีใคร

ผิดสังเกต

               หมอจบใหม่คนนี้ใช้นามสกุลก่อเกียรติกุลงั้นหรือ
               


TBC


[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 6 [11/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 11-04-2016 02:02:20
มีอะไรอ่ะหมอคีรี สงสัยอะไรรร อยากรู้ด้วยยย :katai1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 6 [11/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-04-2016 02:35:05
ไม่ใช่ว่าจะตีสนิทหรือทำดีด้วยเพราะคิดว่าเป็นลูกเจ้าของโรงพยาบางใหญ่หรอกนะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 6 [11/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: tempo_oil ที่ 11-04-2016 02:41:48
ตามต่อไปค่ะ สงสัยอะไรหรืออออออ พี่หมออ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 6 [11/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 11-04-2016 06:09:39
ท่านเทพน่ารักจังเลย
หมอคีรีมีอะไรยะ. อย่ามาตีสนิทเพราะนามสกุลนะ แต่ไม่แน่อาจจะอยากลองของก็ได้
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 6 [11/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: lalaly ที่ 11-04-2016 06:57:54
 :z3:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 6 [11/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 11-04-2016 07:29:55
น้องโอมกะท่านเทพเริ่มหลงรักกันแย้วชิมิล่า  :-[
คุงหมอคีรีสงสัยอะไรเกี่ยวกะโอมล่ะเนี่ย  :hao4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 6 [11/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: igaga ที่ 11-04-2016 07:47:00
เอาอีกเอาอีกนะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 6 [11/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 11-04-2016 10:00:30
มีนอนกอดกันด้วย น่ารักๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 6 [11/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 11-04-2016 10:11:17
หมอคิรี ค่ะมาดีก้อดีไปนะค่ะ

ถ้าร้าย คนเกลียดเน้อออ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 6 [11/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: peeranatyaikaew ที่ 11-04-2016 11:17:19
ชอบแนวเทพสนุกก อ่านเพลินเลยค้า. คนเขียนสู้ๆนะ รอตอนใหม่ :L2: :heaven :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 6 [11/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 11-04-2016 11:33:07
อะไรยังไงคะโอมมีอาการหวั่นไหว ใจสั่นแบบแปลกๆ 55555
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 6 [11/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 11-04-2016 12:11:43
มีการโมเมว่าแอร์ทำให้หนาวเสียด้วยนะคะอนูบิส :laugh:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 6 [11/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 11-04-2016 16:51:46
เราชอบ ท่านเทพตอนเป้นชิวาว่า มันดูมุ้งมิ้งอ่ะ
เห้นเรื่องนี้นานละ
แต่เราไม่ได้เข้ามาอ่านสักที
วันนี้เลยเข้ามาอ่าน.
ตอนแรกนึกว่าจะโบราณจ้า
เราชอบเทพฮอรัส กะเทะอนูบิสด้วย คือมันเท่ห์อาะ
เราจะรอตอนต่อไป. มาต่อให้จบนะ
เราเป้นกำลังใจให้ๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 6 [11/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 11-04-2016 21:41:44
ท่านเทพมีสกิลเนียนซะด้วย คริๆๆๆ o13 o13
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 6 [11/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 12-04-2016 00:30:02
ขอเป็นแฟนคลับด้วยคนนะครับ  ไอ้หมอนี้ดูท่าจะทำให้นายเอกเรามีปัญหารึเปล่านะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 6 [11/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 12-04-2016 13:58:47
อย่าจีบโอมนะหมอ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 6 [11/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 13-04-2016 11:51:33
หมอคีรีมีอะไร อย่าทำร้ายโอมเพราะนามสกุลนะ
เศร้ามากมายเรื่องครอบครัว
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 6 [11/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 13-04-2016 18:53:08
งานเข้าแล้วโอมมมมม
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 6 [11/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 14-04-2016 00:08:52
นอนกอดกัน
อ๋อยยยย ฟินคร่า
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 7 [15/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 15-04-2016 00:09:53


                                                   อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                              บทที่ 7


               “ท่านเป็นยังไงบ้างครับในร่างมนุษย์”


             เวทิศเอ่ยถามอย่างใคร่รู้ เขาตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมากที่ได้พบกับเทพอนูบิส เวทิศไม่เคยนึกว่าเรื่องที่เขาศึกษาเพราะความ

ชอบส่วนตัวจะเป็นเรื่องจริงขึ้นมาได้ เขาปวารณาตนเองว่าจะช่วยเหลืออนูบิสปราบปีศาจให้สำเร็จ


                “เรียกผมว่าอินทร์ภูอย่างที่โอมเรียกก็ได้ ไม่ต้องเรียกว่าท่านหรอก”


               อนูบิสเอ่ยกับเวทิศอย่างเป็นกันเอง ตอนนี้เขานั่งอยู่ในห้องทำงานของเวทิศที่อยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เวทิศบอกเขาว่า

มันคือสถานที่สอนให้คนเป็นนักปราชญ์

               เมื่อยามตะวันตรงหัววันนี้เวทิศขับเจ้าเครื่องจักรสี่ล้อมาหาอาศิรที่โรงพยาบาลเพื่อจะรับอนูบิสมาที่มหาวิทยาลัย  เวทิศบอก

ว่าที่นี่สะดวกมากกว่าในการสืบค้นเรื่องต่างๆและอนูบิสก็เห็นด้วยที่จะต้องเริ่มต้นการเสาะหาตัวปีศาจเนรูแล้ว เขาจึงกลายร่างเป็นมนุษย์

และมากับเวทิศ


               “อย่าเลยครับ ถ้าอยู่กันลำพังแบบนี้ขอให้ผมเรียกท่านแบบนี้เถอะ แต่ถ้าอยู่ต่อหน้าคนอื่นผมก็จะเรียกท่านด้วยชื่อคน”


               เวทิศเคารพศรัทธาในตัวอนูบิสมากเกินกว่าจะตีเสมอเทพผู้ยิ่งใหญ่ได้ อนูบิสไม่ได้กล่าวอะไรอีกเมื่อกำลังคิดหาคำตอบให้กับ

คำถามของเวทิศ


               “ตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ไม่ได้มีพลังอะไรเลยเมื่ออยู่ห่างโอม เป็นเพราะอังค์ของผมที่อยู่ในร่างของโอม

ทำให้ผมต้องอยู่ใกล้ๆเขา”


               “เอาล่ะครับท่านเทพ ผมว่าเราจะต้องลิสรายการปัญหาที่เราจะต้องเคลียร์มันให้ได้ว่ามีกี่ข้อ”


               เวทิศคว้าสมุดโน้ตและปากกามาถือในมืออย่างเป็นงานเป็นการ เขาจดปัญหาลงไปในสมุดของเขา


               “ข้อแรก เจ้าปีศาจเนรูนี่มันมีที่มาจากไหนถึงบังอาจบุกเข้าไปในดินแดนหลังความตายได้ ทั้งที่มีการคุมเข้มรัดกุมมากสำหรับ

วิญญาณที่จะเข้าไป แสดงว่ามันจะต้องมีคนหรือเทพหรืออะไรบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังเจ้าปีศาจที่ว่านี้ให้เข้าไปโขมยขนนกออกมาและ

มันจะเอาขนนกไปทำอะไร”


               “ข้อสอง ตอนนี้ไอ้ปีศาจที่ว่านี่มันอยู่ที่ไหน มันสามารถทำอะไรได้บ้างที่กรุงเทพ ท่านบอกว่าท่านใช้คทาฟันมันได้ก่อนที่มัน

จะหนีไป ผมว่ามันยังคงบาดเจ็บอยู่ล่ะแต่ว่าปีศาจอย่างมันจะใช้อะไรในการฟื้นกำลังของมันให้คืนสภาพเดิมได้”


               “ข้อสาม การที่ท่านและมันหลุดมาจากดินแดนของท่านจนมาอยู่ที่นี่ หากท่านจับเจ้าเนรูได้แล้ว ท่านจะกลับไปยังอียิปต์สมัย

ท่านได้ยังไง ผมว่าเรื่องนี้สายการบินอียิปต์แอร์ไลน์ก็คงจะพาท่านกลับไม่ได้หรอกครับ”


               “จากนั้นก็มาข้อที่สี่ อังค์ที่เป็นขุมพลังของท่านดันตกลงมาแล้วเข้าไปอยู่ในตัวไอ้โอม ท่านต้องอยู่ใกล้มันเพื่อจะใช้พลังของ

เทพ แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่ท่านกับไอ้โอมจะตัวติดกันตลอดเวลา แล้วถ้าเกิดว่าท่านไปเจอไอ้เนรูตอนที่ไอ้โอมไม่ได้อยู่ด้วยท่านจะ

ทำยังไง เราต้องหาวิธีเอาอังค์ออกมาจากตัวไอ้โอมให้ได้”


               อนูบิสไม่ได้บอกเวทิศอีกข้อหนึ่งว่าอังค์นอกจากจะเป็นขุมพลังของเขาแล้ว มันยังเป็นกุญแจสำหรับเปิดบานประตูสู่ดินแดน

หลังความตายอีกด้วย เพราะแค่เท่าที่เวทิศร่ายออกมาเป็นฉากๆนี้ก็ทำให้เทพอย่างเขาปวดศีรษะมากพอแล้ว

               เวทิศเปิดจอคอมพิวเตอร์ เขาจ้องมันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพักหนึ่งจึงเงยหน้ามาหาอนูบิสอีกครั้ง


               “ชื่อของมัน เนรู มีรากศัพท์มาจากคำว่าความกลัวและความตาย เพราะฉะนั้นเราต้องหาให้ได้ว่าไอ้เนรูจะไปสิงอยู่ตรงไหนที่มี

ทั้งสองอย่างให้มัน”





               สีหน้าตื่นเต้นของคนที่นอนอยู่บนเตียงเล็กท่ามกลางแสงสว่างจัดจ้าของดวงไฟกำลังแรงสูงและเจ้าหน้าที่ในห้องผ่าตัดทำให้

อาศิรเดินเข้าไปและแตะมือลงไปบนหลังมือเหี่ยวย่นของคนไข้


               “กลัวหรือครับคุณลุง ไม่ต้องกลัวนะ คุณลุงจะต้องปลอดภัย”


               เอ่ยปากปลอบโยนเพื่อผ่อนคลายความรู้สึกของชายวัยชราที่อาศิรได้เข้ามาเป็นนายแพทย์มือสามสำหรับผ่าตัดตั้งแต่วันแรก

ที่เข้ามาฝึกที่แผนกศัลยกรรม โดยที่มีรุ่นพี่แพทย์อินเทิร์นเป็นมือสองและศัลยแพทย์มือหนึ่งก็คือนายแพทย์คีรี อาจารย์แพทย์ที่อายุน้อย

ที่สุดของแผนก


               “เริ่มกันเถอะ”


               ร่างสูงของคีรีพร้อมอยู่แล้วในชุดเสื้อคลุมสีเขียวทั้งตัว ใบหน้าครึ่งหนึ่งปิดบังด้วยหน้ากากกันเชื้อโรค เขารับถุงมือปราศจาก

เชื้อมาจากพยาบาลและสวมมันเข้ากับฝ่ามือทั้งสองก่อนจะเข้ายืนประจำตำแหน่งผ่าตัดข้างลำตัวคนไข้

               วิสัญญีแพทย์และพยาบาลวิสัญญีเริ่มต้นฉีดน้ำยาสีขาวซึ่งเป็นยานำสลบเข้าไปในสายน้ำเกลือ คุณลุงที่มีสีหน้าตื่นเต้นหวาด

กลัวเริ่มหลับตาลงและหายใจได้ด้วยท่อช่วยหายใจที่สอดเข้าไปในปาก เมื่อเห็นว่าคนไข้หมดสติสัมปชัญญะลงแล้วคีรีจึงรับมีดผ่าตัดมา

และกรีดลงไปบนผิวหนังชั้นบนสุด

                เนื้อเยื่อถูกกรีดลงไปทีละชั้นโดยมีแพทย์มือสองคอยช่วยเหลือ อาศิรซึ่งเป็นแพทย์มือสามได้แต่คอยช่วยเล็กๆน้อยๆในเบื้อง

ต้น เขามองการลงมีดผ่าตัดของคีรีด้วยความตื่นตากับความนิ่งและมั่นใจในการผ่าตัดจนกระทั่งสามารถเปิดช่องท้องคนไข้ลงไปเห็นส่วน

ลำไส้ที่อุดตันอยู่


               “ตื่นเต้นหรือโอม”


               สะดุ้งกับคำถามจากนายแพทย์มือหนึ่งของการผ่าตัดเมื่ออาศิรกำลังตั้งใจจดจ่อมองแต่คนไข้ เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคีรีที่

มองเขาอยู่ อาศิรจึงพยักหน้าลง


               “ครับพี่คีรี ตอนเป็นนักศึกษาผมไม่เคยขี้นฝึกเคสที่ยากขนาดนี้”


               ดวงตาที่จ้องมองเผยแสงวาววูบหนึ่งก่อนอ่อนแสงลงเป็นปกติ คีรีกลับไปจ้องมองลำไส้ตรงหน้าและใช้มีดคมเฉือนมันออกที

ละนิด


               “ยากแค่ไหนก็ไม่เกินความสามารถของเราหรอก”


               ลำไส้ส่วนอุดตันขาดออกจนเศษอาหารและเลือดพุ่งทะลักออกมา ทีมงานที่ยืนล้อมรอบสาละวนดูดซับสิ่งเหล่านั้นให้หมดไป

จากช่องท้อง คีรีรับเข็มเย็บกับด้ามจับมาและเริ่มต้นเย็บลำไส้ต่อเข้าด้วยกัน และหลังจากนั้นคีรีจึงเย็บปิดชั้นกล้ามเนื้อ อาศิรนึกทึ่งกับ

ฝีมือการเย็บแผลที่เรียบกริบและรวดเร็ว เขาเชื่อแล้วว่าหมอคีรีเก่งสมกับคำร่ำลือจริงๆ

               เสียงเครื่องมอนิเตอร์ดังลั่นห้องจนอาศิรตกใจ เขาหันขวับไปมองความวุ่นวายของทีมวิสัญญีทันที


               “ความดันตกกะทันหัน”


               “ให้ยาเพิ่มความดันสิ”


               อาศิรหันกลับไปมองคีรีที่เริ่มขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อเห็นทีมดมยายังแก้ไขปัญหากันไม่ได้


               “อย่าให้ความดันตกมากกว่านี้นะครับ เดี๋ยวเลือดไม่ไปที่หัวใจ”


               น้ำเสียงของคีรีเริ่มขุ่นเมื่อความดันของคนไข้ยังไม่ขึ้นมาสู่ระดับปกติ เขาเร่งมือเย็บแผลจนปิดปากแผลได้แล้ว แต่ความดัน

เลือดของคนไข้ก็ยังต่ำอยู่


               “เร็วหน่อยสิครับ มัวแต่ทำอะไรกันอยู่”


               คีรีตวาดเสียงดังอย่างหงุดหงิด อันเป็นท่าทางที่ดูแล้วห่างไกลกับความใจเย็นอย่างที่อาศิรเห็น เขานึกไม่ถึงเช่นกันว่าภายใต้

บุคลิกสดใสยามแนะนำตัวในห้องประชุมของคีรีจะกลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ยามไม่ได้ดั่งใจ

               ไม่นานนักความดันของคนไข้ก็เริ่มกระเตื้องขึ้นจนอยู่ในระยะปลอดภัย คนไข้ถูกพาไปยังห้องพักฟื้นพร้อมกับอาศิรที่ถอน

หายใจอย่างโล่งอกที่วันนี้เขายังไม่ต้องเห็นวิญญาณที่กำลังลอยออกจากร่าง


                “หายตื่นเต้นหรือยังโอม”


               นายแพทย์คีรีเดินมาหาและชวนพูดคุยด้วยท่าทางที่กลับมาเป็นคนใจเย็นเช่นเดิมแล้ว หน้ากากถูกถอดไปทิ้งอาศิรจึงเห็น

ใบหน้าของคีรีได้ถนัด


               “ก็ดีขึ้นแล้วครับพี่”


               “อยู่ในห้องผ่าตัดก็ต้องเจอแบบนี้บ่อยๆอีกหน่อยก็ชิน”


               อาศิรได้แต่ยิ้มรับตามประสาของเขา แต่คีรีก็ยังจ้องไม่วางตาจนอาศิรชักจะยิ้มเจื่อนลงทุกที


               “จริงๆแล้วผ่าตัดลำไส้มันก็มีการพัฒนาดีขึ้นเยอะแล้วนะ โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชนหลายๆที่ก็แข่งกันเรื่องนี้ อย่างเช่น

โรงพยาบาล...นี้ก็ถึงกับตั้งเป็นศูนย์เฉพาะทางเป็นเรื่องเป็นราวเลยซื้ออุปกรณ์ใหม่ๆมาใช้เรียกเงินได้เยอะอยู่”


               อาศิรสะดุ้งเมื่อคีรีเอ่ยชื่อโรงพยาบาลที่บิดาของเขาเป็นเจ้าของอยู่


               “หมอกำจรที่เป็นเจ้าของแกลงมาเล่นเรื่องนี้ เห็นว่าจะจัดอบรมเรื่องนี้ด้วยนะ เออ ใช่ ตอนที่แนะนำตัว พี่ได้ยินนามสกุลของ

โอมเหมือนกับนามสกุลของหมอกำจรเลยนะ เกี่ยวข้องอะไรกันหรือเปล่า”


               น้ำเสียงราบเรียบระดับเดิมของคีรีทำให้อาศิรกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก เขาพยายามหลบเลี่ยงการตอบคำถามเหล่านี้

ตั้งแต่เริ่มเข้ามาเรียนแพทย์ หลายครั้งก็หลบได้ หลายครั้งก็หลบไม่ได้อย่างเช่นครั้งนี้ที่อาศิรต้องฝืนยิ้มออกมาขณะตอบคำถาม


               “หมอกำจรเป็นพ่อของผมครับ”






               กว่าจะเลิกงานก็เย็นมากแล้ว วันนี้อาศิรไม่ต้องอยู่เวรในวันแรก เขาจึงเดินมาด้านหน้าของโรงพยาบาลที่เวทิศขับรถยนต์พา

อนูบิสมาส่ง


               “เป็นไงกันบ้าง ได้เรื่องอะไรไหมครับ”


               เอ่ยถามอย่างเอาใจช่วย เพราะนอกจากเรื่องที่อังค์ตกใส่ตัวเขาเรื่องอื่นอาศิรก็ไม่รู้จะช่วยอะไรอนูบิสได้บ้าง


               “กำลังเริ่มหาข้อมูลอยู่ว่าไอ้ปีศาจเนรูมันคือตัวอะไรกันแน่ ว่าแต่ใช้สมองมากหิวแล้วว่ะ ไปหาอะไรกินกันไหม”


               ยังไม่ทันที่อาศิรจะตอบเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดัง อาศิรดึงจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเมื่อเห็นหน้าจอว่าใครโทรมาใบหน้าของ

เขาก็พลันหุบลง


               “ครับพ่อ ไม่ได้ลืมครับ แต่ว่า...ครับ ก็ได้ครับ”


               เวทิศเลิกคิ้วมองเพื่อนสนิท เขารู้ดีว่าปัญหาชีวิตของอาศิรคืออะไร


               “พ่อมึงโทรมาทำไมไอ้โอม”


               “วันนี้วันเกิดเมียของพ่อไงล่ะ เขาเลยบังคับให้กูไปร่วมงานด้วย ทำไมต้องให้ไปวะ ไม่เห็นอยากจะไปบ้านนั้นเลย”


               ดวงตาของเวทิศเป็นประกายอย่างยินดีเมื่อได้ยินในสิ่งที่อาศิรกำลังบ่นพึมพำ


               “แล้วมันเรื่องอะไรที่มึงต้องปฏิเสธวะโอม งานของแม่เลี้ยงมึงน่ะงานใหญ่แน่ๆและที่สำคัญพี่วินนี่ก็ต้องไปด้วย ดังนั้นมึงเองก็

ต้องไปกูจะได้เป็นคนติดสอยห้อยตามมึงไปด้วยไงล่ะ”


               อาศิรส่ายหน้าเมื่อได้ยิน ลืมไปเลยว่าเวทิศนั้นแอบปลื้มพี่สาวคนละแม่ของเขามานานตั้งแต่มัธยม  จนกระทั่งบัดนี้เวทิศก็ยัง

ไม่เลิกละเมอเพ้อพกทั้งที่กวินตรามองเวทิศเป็นแค่ตัวตลกเท่านั้น


               “น่านะ โอม ไปด้วยกันหมดนี่แหละ แค่นี้แม่เลี้ยงของมึงไม่ล่มจมหรอกน่า”


               ได้แต่คิดหนักจนต้องหันไปขอความเห็นจากอนูบิส เทพพลัดถิ่นก็ได้แต่ยิ้มอ่อน


               “เรื่องนี้ไม่มีความเห็น แล้วแต่โอม”


               เพราะแรงคะยั้นคะยอของเวทิศและเพราะคำสั่งของบิดา ในที่สุดเทพหนึ่งและมนุษย์อีกสองก็มาถึงหน้าบ้านที่แสนจะกว้าง

ขวางหลังหนึ่ง เวทิศจอดรถยนต์ท่ามกลางรถมากมายของแขกที่มาในงาน สถานที่กว้างขวางกลายเป็นแคบเมื่อมีแต่ผู้คนเดินกันขวักไขว่

ในสวนที่ถูกเนรมิตให้เป็นงานจัดเลี้ยงหรูหรา สีหน้าของอาศิรเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายในขณะที่เวทิศมองรอบตัวอย่างตื่นตาตื่นใจ ส่วน

อนูบิสมีเพียงใบหน้าเรียบเฉยหากแต่กลายเป็นสะดุดผู้คนเพราะความหล่อเหลาจนพากันเหลียวมองเมื่อเขาเดินผ่าน





มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 7 [15/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 15-04-2016 00:16:09
ต่อกันตรงนี้...


                อาศิรเห็นบิดาของเขาแล้ว นายแพทย์กำจรยืนรับแขกเคียงคู่ภรรยาจดทะเบียนอยู่ไม่ไกลจะทางเข้างาน อาศิรจำใจเดินตรง

เข้าไปยกมือไหว้วิไลวรรณภรรยาหลวงของพ่อ


               “ยังดีนะที่ยังจำกันได้”


               น้ำเสียงปั้นปึงอย่างเช่นทุกครั้งที่พบหน้า อาศิรนึกอยากจะถามว่าการเชิดหน้าคอแข็งอย่างที่วิไลวรรณทำอยู่นั่นจะเมื่อยบ้าง

หรือเปล่า


               “นึกว่าพอเรียนจบได้เป็นหมอแล้วจะลืมกำพึดตัวเอง”


               คำกล่าวทำนองดูแคลนทำให้อาศิรชักเดือดขึ้นมาบ้าง คำตอบโต้ผุดอยู่ที่ริมฝีปากหากกำจรจะไม่ห้ามศึกไว้เสียก่อน


               “โอม พาเพื่อนเข้าไปในงานได้แล้ว”


               เวทิศถือโอกาสลากแขนอาศิรออกมาให้ห่างจากแม่เลี้ยง เขาได้แต่ชะเง้อคอมองไปรอบๆก่อนจะฉีกยิ้มอย่างยินดีเมื่อเห็นเป้า

หมายกำลังเดินออกมาจากตัวบ้าน


               “พี่วินนี่อยู่นั่นไงไอ้โอม ท่าน เอ๊ย คุณอินทร์ภูตามมาเร็ว”


               เวทิศลากเพื่อนสนิทให้ก้าวตามไป เขาหยุดยืนยิ้มเผล่ให้หญิงสาวหน้าตาสวยหุ่นนางแบบที่อยู่ในชุดราตรีราคาแพง


               “สวัสดีครับพี่วินนี่”


               พี่สาวคนละแม่ที่อายุมากกว่าอาศิรแค่สองปีหันมามอง คิ้วที่วาดขมวดลงอย่างเบื่อหน่ายเมื่อเห็นเพื่อนของน้องชาย กวินตรา

หันไปมองน้องชายคนละแม่ด้วยใบหน้าไว้ตัว


               “ว่าไงยะโอม ได้ข่าวว่าเรียนจบแล้วนี่”


               “จบแล้วครับพี่วินนี่”


               ตอบด้วยเสียงราบเรียบอย่างเช่นทุกครั้งที่เจอหน้า กวินตราได้แต่นึกหมั่นไส้น้องชายคนละแม่ที่เรียนเก่ง ส่วนหล่อนนั้นเรียน

ไม่จบอะไรสักอย่างจนต้องบินไปชุบตัวที่เมืองนอกจนได้ประกาศนียบัตรอะไรสักอย่างเพื่อมากู้หน้าตัวเองไว้


               “ก็ดี นี่ถ้าแม่ของนายยังอยู่คงภูมิใจนะ ที่ตัวเองเป็นแค่พนักงานบัญชีแต่ลูกกลับได้ดีเป็นถึงหมอ”


               ค่อนแคะไม่ผิดอะไรกับมารดาสักนิด เล่นเอาอาศิรหน้าตึงเมื่อได้ฟัง หากแต่การสนทนากลับเปลี่ยนเรื่องเมื่อกวินตรามองเห็น

ร่างสูงที่ยืนเยื้องหลังของเขาอยู่ ดวงตาที่ตกแต่งด้วยเครื่องสำอางค์เป็นประกายขึ้นมาทันที


               “แล้วนั่นใคร”


               จำเป็นที่อาศิรจะต้องแนะนำ เขามองไปทางอนูบิสให้ก้าวขึ้นมายืนคู่กับเขา


               “อินทร์ภู นี่พี่สาวผมเองชื่อกวินตรา เขาเป็นเพื่อนใหม่ของผมครับพี่วินนี่ ชื่อว่าอินทร์ภู”


               กวินตรามองบุรุษตรงหน้าที่สะดุดสายตาเสียเหลือเกิน ร่างสูงแกร่งไปด้วยกล้ามเนื้อซ่อนอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีสุภาพ ใบหน้าคมอยู่

บนกรอบหน้าเด่นชัดสมบูรณ์แบบ ไหนจะดวงตาคมอย่างมองตรงมาอย่างมั่นใจนั่นอีกเล่า มันทำให้กวินตราหัวใจสูบฉีดไปหมด


               “วินนี่ค่ะ”


               ยื่นมือเรียวออกไปเพื่อต้องการให้อีกฝ่ายจับมือทักทาย กวินตราทอดสายตาพราวใส่หากแต่สิ่งที่ได้กลับคืนคือความเก้อ

กระดากเมื่อชายที่ชื่ออินทร์ภูตอบกลับแค่เพียงค้อมศีรษะแค่เล็กน้อยเท่านั้น มันทำให้กวินตราไม่พอใจ

               หล่อนเป็นใคร บุตรีเพียงคนเดียวของนายแพทย์กำจรและคุณวิไลวรรณเศรษฐีนีชื่อดัง ตัวกวินตราเองก็มีชื่อเสียงอยู่ในสังคม

เซเลเบรตี้ของเมืองไทย แต่ชายที่ยืนอย่างสง่างามตรงหน้ากลับไม่มีทีท่ายินดีสักนิดที่ได้รู้จักหล่อน ผู้ชายที่ชื่ออินทร์ภูกำลังท้าทาย

กวินตรา


              “วินนี่”


               เสียงเรียกด้านหลังทำให้กวินตราต้องชักสายตากลับ หล่อนหันไปมองชายอีกคนที่อยู่ในเสื้อสูทสมัยใหม่กำลังเดินตรงเข้ามา

และโอบเอวหล่อนไว้อย่างสนิทสนมจนเวทิศได้แต่มองอย่างอิจฉา


               “ปาล มาแล้วหรือคะ กำลังรออยู่เลย”


               กวินตราเก็บความไม่พอใจซ่อนอยู่ข้างใน หล่อนยิ้มหวานต้อนรับและเอ่ยแนะนำ


               “น้องของวินนี่ค่ะ แต่คนละแม่กันนะชื่อโอม”


               กวินตราหันมาหาน้องชายพร้อมทั้งสะบัดสายตาใส่ผู้ชายที่ยืนเคียงข้าง


               “แฟนฉันเอง ร้อยตำรวจเอกปาล”


               แฟนคนล่าสุดของกวินตรางั้นหรือ

               เวทิศรู้เรื่องของกวินตราดีว่าเปลี่ยนคู่ควงบ่อยแค่ไหน

             เขามองนายตำรวจที่ยืนโอบเอวพี่สาวของเพื่อนสนิทอย่างไม่ถูกชะตา      
 
            นึกเกลียดตำรวจขึ้นมาก็งานนี้เอง



               TBC


 
               

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 7 [15/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-04-2016 06:05:17
เอาละ. พุ่งเป้าไปที่ตำรวจจะดีกว่า
ให้พี่หมอเป็นคนดีจะดีกว่าเนอะ
เกลียดแม่ลูกชอบดูถูกค่อนแคะคน
การศึกษาไม่ช่วยเรื่องสันดาน
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 7 [15/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 15-04-2016 09:14:44
ตาหมีพูเสน่ห์เยอะ ขนาดคนมีแฟนยังสนใจ
ดีนะที่ไม่รุ้วัฒนธรรมยื่นมือไปจับ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 7 [15/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 15-04-2016 09:44:08
เกลียดสองแม่ลูกนี่จัง  :z6:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 7 [15/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 15-04-2016 09:46:05
ความกลัวและความตาย อยู่ที่โรงพยาบาล
แต่ทำไม รู้สึกว่านายตำรวจนั่น น่าสงสัยยิ่งกว่าหมอคีรีอีก
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 7 [15/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 15-04-2016 12:48:05
ระแวงคู่และตอนนี้
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 7 [15/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: akajinkame ที่ 15-04-2016 13:18:40
เราชอบนิยายอียิปค่า แค่ชื่อก็เข้ามาดูก่อนแล้ว ยังไม่ได้อ่านเลย นานๆจะเข้าเล้ากะเค้าสักที
ตามอ่านค่า
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 7 [15/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 15-04-2016 14:41:09
นี้จะเป็นอีกคู่รึเปล่านะ  หรือตัวโกรธกันนะคุณตำรวจ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 7 [15/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 15-04-2016 18:53:31
อีกคู่หรือเปล่านิ

หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 7 [15/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-04-2016 20:07:39
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 7 [15/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 15-04-2016 22:55:48
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากเลยชอบแนวนี้ ตอนแรกนี่ยังคิดจะเจอกันยังงัย แต่พ่อหมูพูมีมุมน่ารักเหมือนกันนะเนี้ย รู้จักหยอดด้วยเล่นเอาโอมเขิลได้ ค่อยๆ หวานขึ้นเรื่อยๆ นะ

เวทิศเกลียดอะไรมักได้อย่างนั้นนะจ๊ะ ระวังจะได้สามีตำรวจ เอ๊ะหรือได้เมีย?

ติดตามตอนต่อไปค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 7 [15/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 16-04-2016 14:19:45
ปาลเป็นคู่ของเวทิศป่ะเนี่ย หุๆๆๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 7 [15/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 16-04-2016 15:01:06
เดาไม่ถูกเลยว่าใครจะดีจะร้าย
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 7 [15/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: First ที่ 19-04-2016 08:29:55
เวทิศเป็นเพื่อนที่แย่จัง
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 7 [15/04/59] อียิปต์นะจ๊ะ^^
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 21-04-2016 09:47:52
รู้สึกไม่ค่อยชอบภรรเมียของท่านกำจร+ลูกสาวเซเลปเอาซะเลย โอมห์สู้ต่อไป
เวทิศทำไมทำร้ายจิตใจโอมห์จัง ความหลงห้ามไม่ได้สินคะ
แต่ไม่เป็นไรเพราะเราจะเชียร์ ปาลเวทิศ ขออนุญาติเชียร์ให้คู่กันค่ะ เกลียดอะไรมักได้อย่างนั้นนะจ๊ะ
 :z1: :mc4:

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 8 [21/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 21-04-2016 11:39:35


                                                 อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                            บทที่ 8               


               “หมั่นไส้ว่ะ ทำเป็นอยู่ใกล้พี่วินนี่ไม่ยอมห่าง โธ่ไอ้ผู้กองหน้าปลวก”


               “ปลวกตรงไหนวะ กูเห็นเขาก็ออกจะหน้าตาดี มึงน่ะอคติ”


               อาศิรยืนขำขณะที่เวทิศหน้าบึ้งตึงมองปาลที่อยู่ไม่ห่างกายกวินตรา บุตรีของนายแพทย์กำจรเป็นจุดสนใจของผู้ที่มาร่วมงาน

ยิ่งอยู่ใกล้ร.ต.อ.ปาล แทบทุกคนก็ยิ่งมองเป็นตาเดียวเพราะความเหมาะสมของทั้งคู่ เวทิศเจ็บจี๊ดจนทนไม่ไหว


               “มึงจะไปไหน”


               อาศิรเอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนสนิทขยับกายก้าวเดิน เวทิศยกยิ้มพร้อมยักคิ้วให้อาศิรอย่างเจ้าเล่ห์


               “แค่อยากรู้ว่าคนเป็นตำรวจเขาทำอะไรได้มากแค่ไหนไงล่ะไอ้โอม”


               “ไอ้ทิศ นี่งานใหญ่นะโว้ย ทำอะไรคิดดีๆ”


               “เฮ้ย กูไม่ได้ทำอะไรรุนแรง แค่อยากทำความรู้จักคุณตำรวจเขาก็แค่นั้นเอง”


              ได้ยินเวทิศเถียงอาศิรก็คร้านจะเอ่ยห้ามเพื่อนที่คิดจะลองของ เขาก็เลยได้แต่ชักชวนอนูบิสให้ทดลองชิมอาหารบุฟเฟ่ที่ตั้ง

โต๊ะอยู่ริมสระน้ำ ปล่อยให้เวทิศเดินตรงเข้าไปให้ปาลที่แยกจากกวินตรามาบริเวณซุ้มเครื่องดื่มริมสระน้ำอีกฝั่ง เวทิศคว้าแก้วพันช์สีสวย

มาถืออยู่ในมือและเดินตรงเข้าหาปาลทันที


               “อุ๊ย คุณพระช่วย”


               “เฮ้ย!”


               ปาลอุทานออกมาพร้อมต่อด้วยคำสบถอีกเล็กน้อยเมื่ออยู่ๆก็ถูกชนเข้าที่กลางลำตัวขณะที่เขาหันไปทักทายคนรู้จัก และเมื่อ

หันกลับมาอีกทีเสื้อผ้าของเขาก็เปื้อนเป็นวงด้วยพันช์ในมือของไอ้หน้าจืดที่ชนเขานี่แหละ


               “ตาเป็นต้อหินหรือไงถึงไม่เห็นคนเดินอยู่”


               เวทิศกลั้นยิ้มเกือบจะไม่สำเร็จเมื่อเห็นฝีมือตัวเอง เสื้อเชิ้ตสีขาวเนื้อดีที่ปาลสวมใส่ภายใต้สูทสีดำปรากฏสีแดงของพันช์เป็น

วงกว้างเพราะเขาจงใจที่จะเดินเข้าไปชนชายหนุ่มร่างสูงผิวคล้ำแดดของปาล และตอนนี้ใบหน้าอย่างชายไทยแท้ของนายตำรวจหนุ่ม

กำลังบึ้งตึงด้วยความขัดเคืองสมใจของเวทิศ


               “ตาไม่ได้เป็นต้อหิน ตาเป็นครูใหญ่วัดลิงขบ โถ่ อย่าโวยวายสิครับคุณตำรวจเดี๋ยวประชาชนเต็มขั้นอย่างผมจะตกใจ”


               กวนตีน

               ปาลจำกัดความให้ผู้ชายผิวขาวหน้าจืดใส่แว่นตากลมโตที่ยืนยิ้มเยาะอยู่ตรงหน้า เขาจำได้แล้วว่าคนๆนี้มากับน้องชายของ

กวินตรา แต่ดูจากท่าทางแล้วก็ไม่ได้มีพิษสงมากมายนักเพราะลักษณะคงแก่เรียนเหมือนพวกศาสตราจารย์สติเฟื่องมากกว่า อาจจะ

อยากแค่ลองดีกับเขา


               “อุบัติเหตุกับจงใจมันแยกกันได้ไม่ยากหรอก ถ้าอุบัติเหตุจริงก็แค่ชนโดยประมาท แต่ถ้าอยู่ๆก็พุ่งเข้าชนนี่อาจจะเจอข้อหา

ทำร้ายเจ้าพนักงานให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส”


               สาหัสตรงไหนวะ แค่เสื้อเปื้อน


               “ทำไม คุณตำรวจพูดแบบนี้คิดจะเคลมค่าทำขวัญจากผมงั้นสิ โธ่เอ๊ย แค่เสื้อเปื้อนผมออกค่าซักรีดให้ก็ได้ จะสักเท่าไหร่กัน

เชียว”


               ใบหน้าจริงจังของปาลทำให้เวทิศชักจะหน้าเสีย ความจริงเขาไม่ใช่คนร้ายกาจขี้แกล้งโดยนิสัย แต่นี่เป็นเพราะหมั่นไส้ปาลที่

ได้ใกล้ชิดกวินตรา ส่วนปาลเมื่อเห็นสีหน้าเผือดของเวทิศเขาก็นึกขำเมื่อดูออกว่าไอ้หนุ่มหน้าจืดเริ่มใจฝ่อแล้วปาลจึงรีบสำทับตามทันที


               “นี่กำลังข่มขู่เจ้าพนักงานอีกกระทงหนึ่งนะรู้ตัวหรือเปล่า”


               ไอ้...

               เวทิศนึกไม่ออกว่าควรจะตอบโต้ปาลอย่างไรดีในเมื่อตอนนี้ร่างสูงฟิตเฟิร์มอย่างคนออกกำลังกายก้าวเข้ามาใกล้แถมยังยื่น

หน้าเข้ามาหา คิ้วเข้มของนายตำรวจยกสูงพร้อมกับดวงตาพราวเพราะความขำขันทำให้เวทิศต้องก้าวถอยหลัง


                “ถอยไปคุณตำรวจ ผมไม่ได้ขู่คุณสักหน่อย มีแต่คุณนี่แหละที่กำลังคุกคามประชาชน”


               “ว่าไงนะ หยุด จะหนีไปไหน”


               เมื่อเห็นเวทิศถอยฉากปาลก็คว้าข้อมือไว้ คราวนี้เวทิศชักหวั่นที่ตนเองกำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ


               “ปล่อยผม!”


               “คุณจงใจแกล้งเดินชนผมแล้วคิดจะหนีรึไง ไม่มีทาง”


               มือของปาลที่ยึดข้อมือเหนียวและแข็งแกร่งยิ่งกว่าตุ๊กแกเสียอีก เวทิศพยายามแล้วที่จะสะบัดหนีแต่ก็ไม่เป็นผล แถมปาลยัง

ก้าวเข้ามาใกล้ด้วยใบหน้าดุยิ่งทำให้เวทิศใจเสีย เขาก้าวถอยหลังหนีอีกครั้งโดยไม่เห็นว่าตัวเองกำลังใกล้ขอบสระน้ำเข้าไปเรื่อยๆ


               “ถ้าไม่ปล่อย ผมจะตะโกนให้ทุกคนในงานรู้ว่าตำรวจรังแกประชาชน”


               ปาลไม่ปล่อย ดวงตาของเขามองเวทิศอย่างท้าทาย เวทิศทั้งกลัวทั้งโมโหจนต้องใช้มือข้างที่ไม่ได้ถูกจับยึดผลักไหล่ของ

ปาลให้ออกห่าง แต่เขาไม่นึกว่าปาลจะปล่อยข้อมือที่จับไว้ทันที มันทำให้เวทิศเสียหลักหงายหลังลงไปในสระน้ำสีฟ้าเบื้องหลัง

               ตูมม


               “เฮ้ย!”


               ส่วนปาลเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่า มือของเวทิศที่ผลักไหล่ของเขานั้นจะพาลคว้าปกเสื้อสูทไว้ด้วย และทำให้ปาลหน้าคว่ำ

ลงไปกับผิวน้ำที่กระเพื่อมเพราะเวทิศที่ตกลงไปก่อนหน้า ภาพที่ชายทั้งสองลอยละลิ่วลงไปเล่นน้ำกลางสระกลายเป็นจุดสนใจของผู้คน

โดยรอบจนได้ กวินตรารีบก้าวยาวๆเข้ามาทันที หญิงสาวเต็มไปด้วยความอับอายขายหน้า


               “เกิดอะไรขึ้น ปาล ทำไมคุณถึงไปอยู่ในน้ำกับเจ้าเอ๋อนี่ล่ะ”


               ทั้งปาลและเวทิศต่างก็ทำท่าฮึดฮัดขณะแยกกันไปดันตัวขึ้นบนขอบสระ ชุดสูทเนื้อดีของปาลเปียกลู่ไปกับตัว เขานึกอาย

สายตาของแขกในงานจนได้แต่มองเวทิศที่รีบจ้ำอ้าวหนีไปอีกฝั่งด้วยความเจ็บใจ

               ฝากไว้ก่อนเหอะไอ้หน้าจืด







               “จะหัวเราะอีกนานไหมไอ้เหี้ยโอม”


               เวทิศที่เปียกจนกลายเป็นลูกหมาตกน้ำมองเพื่อนสนิทที่เดินกลับมายังรถยนต์ของเขาด้วยความโมโห ท่านเทพแสนเท่ก็

อุตส่าห์อมยิ้มขำส่งให้อีก วันนี้มันไม่ใช่วันของเวทิศจริงๆ


               “สมน้ำหน้า อยากทำอะไรแผลงๆดีนัก”


               พอขึ้นจากสระน้ำ เวทิศก็รีบดิ่งมาหาอาศิรและฉุดแขนเพื่อนให้เดินกลับออกมาจากงานทันที เวทิศอายจนไม่รู้จะทำหน้า

อย่างไรเมื่อกลายเป็นตัวตลกของคนที่อยู่รอบสระ


               “ใครจะนึกวะว่าจะเจอตำรวจกวนตีน”


               “มึงไปกวนตีนเขาก่อนนี่หว่า”


               “เหี้ยโอม ไม่ช่วยเพื่อนแล้วยังเสือกเข้าข้างคนอื่นอีก เดินเร็วๆกูหนาว”


               เวทิศเดินจ้ำอ้าวไปทางรถยนต์ของเขาที่จอดอยู่ริมรั้วบ้านเหมือนรถคันอื่นๆ ปล่อยให้อาศิรกับอนูบิสเดินทอดน่องตามมาด้าน

หลัง


               “แขกของงานวันนี้มีหลายวงการมาก” อาศิรเอ่ยกับอนูบิส


               “ทั้งวงการธุรกิจของคุณวิไลวรรณ วงการเซเลบของพี่วินนี่ แล้วยังมีวงการแพทย์ของพ่อมาด้วย”


               “ผมเพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้การรักษาโรคภัยก็เป็นการค้าได้”


               อาศิรพยักหน้ารับ


               “ใช่ ทุกอย่างในปัจจุบันนี้กลายเป็นการค้ากันหมดแล้ว น้ำใจเป็นสิ่งหายากเหลือเกิน”


               “แต่โอมมีน้ำใจนะ แสดงว่าโอมเป็นสิ่งหายาก”


               เสียงอ่อนที่มาพร้อมประกายในดวงตาคมที่จ้องมองทำให้อาศิรหน้าร้อนขึ้นมาฉับพลัน เขาไม่กล้าสบตากับตาคมคู่นั้นจนต้อง

เบนสายตาหลบไปทางอื่น


               “อ้าว นั่นพวกอาจารย์ที่สอนผมนี่”


               รถยนต์คันหนึ่งขับเข้ามาจอดไม่ไกลนัก อาศิรมองเห็นศัลยแพทย์ราวสามถึงสี่คนลงมาจากรถยนต์คันนั้น และเดินตรงเข้าไป

ในงาน อาศิรเกือบลืมไปแล้วว่าบิดาของเขารู้จักอยู่กับหัวหน้าภาควิชาด้วยเพราะเรียนรุ่นเดียวกันมา แต่อาศิรไม่นึกว่านายแพทย์คีรีจะมา

งานนี้ด้วย


               “ต้องเข้าไปทักทายหรือเปล่า”


               “ไม่ต้องหรอก เรารีบกลับกันเถอะ ผมเป็นห่วงยาย ช่วงนี้อากาศชื้นเดี๋ยวยายจะไม่สบาย”


               เมฆฝนเริ่มเกาะตัวกันหนาอยู่บนผืนฟ้าสีดำสนิท อาศิรชักชวนให้อนูบิสเดินตามไปที่รถยนต์ของเวทิศที่เข้าไปนั่งประจำที่คน

ขับรออยู่แล้ว เขาก้าวขึ้นไปนั่งข้างเวทิศและให้อนูบิสนั่งเบาะหลัง

               มือใหญ่ที่จับประตูด้านหลังพลันชะงัก อนูบิสยืดกายตรงพลางเปิดประสาททั้งหมด เขาเหลียวไปมองบ้านหลังใหญ่ในพื้นที่

กว้างที่ยังมีผู้คนหนาแน่นเมื่ออนูบิสรู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่ผิดปกติ


                “มีอะไรหรืออินทร์ภู”


               อาศิรเปิดกระจกแล้วโผล่หน้ามาถาม อนูบิสจึงเสียสมาธิไปแวบหนึ่งและเมื่อเขาหันกลับไปมองอีกครั้งความรู้สึกดังกล่าวก็

ไม่มีเหลืออยู่อีก เขาได้แต่ถอนหายใจและก้าวขึ้นรถให้เวทิศขับไปส่งที่บ้านของอาศิร


               “ไม่มีอะไรหรอก ผมคงคิดมากไปเอง”







               กลับมาถึงบ้านยามดึก ยายจันทร์หลับๆตื่นๆอยู่บนเตียงในห้องนอนโดยมีป้าแก้วนอนอยู่บนที่นอนยางพาราเนื้อหนาด้านข้าง

ได้ยินเสียงกรนเบาๆของป้าแก้วขณะที่อาศิรคุกเข่าและจ้องมองหน้าอกของยายจันทร์ที่กระเพื่อมเพราะแรงหายใจ อากาศชื้นฝนมีผลต่อ

หญิงชราอาศิรกลัวว่ายายจะหอบเหนื่อยเพราะอากาศที่เปลี่ยนแปลงนี่เอง

               ยายของเขาอายุมากแล้ว และป่วยกระเสาะกระแสะมานานเพราะความชรา แถมยังมีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูงตาม

ประแสคนสูงวัย อาศิรได้แต่มองยายจันทร์ด้วยความเป็นห่วงก่อนจะออกมาจากห้องโดยมี

อนูบิสยืนรออยู่หน้าประตู


                “ผมไปอาบน้ำก่อนนะ”


               อาศิรเอ่ยพลางคว้าผ้าเช็ดตัวออกไป ผลัดกันไปอาบน้ำที่ห้องน้ำด้านนอกเมื่ออนูบิสก้าวกลับเข้ามาเขาก็เห็นร่างโปร่งของ

อาศิรกำลังอ่านตำราเล่มหนาหนักอยู่ที่โต๊ะหนังสือ อนูบิสชะโงกไปมองเนื้อหาที่มีแต่ตัวอักษรที่เขาไม่รู้จักและยังมีรูปส่วนต่างๆของ

ร่างกายอยู่ในนั้น


               “ร่างกายมนุษย์ เหตุใดถึงชัดเจนเช่นนี้?”


               อนูบิสรู้จักร่างกายมนุษย์ดีเพราะเขาเป็นคนคิดเรื่องมัมมี่เพื่อรักษาร่างของผู้ไร้วิญญาณไว้ให้เป็นนิรันดร์ การชำแหละร่างกาย

นั้นเป็นสิ่งต้องห้ามที่จะกระทำได้ด้วยนักบวชที่ใส่หน้ากากหมาในภายในวิหารแห่งอนูบิสเท่านั้น แต่ในดินแดนใหม่กลับมีรูปชิ้นส่วน

มนุษย์อยู่ในตำราเหล่านี้ด้วย


               “เขาเรียกว่ากายวิภาคศาสตร์”


               อาศิรอธิบายให้ผู้มาจากแดนไกลเข้าใจ ใบหน้ายามเอื้อนเอ่ยกระจ่างจนอนูบิสได้แต่มองอย่างไม่อาจคลาดสายตา


               “เราดองร่างกายของผู้บริจาคร่างกายและเรียกท่านเหล่านั้นว่าอาจารย์ใหญ่ ที่เสียสละตัวเองเป็นความรู้”


               “ดองศพงั้นหรือ เหมือนทำมัมมี่หรือเปล่า”


               อนูบิสทรุดตัวลงนั่งที่ขอบเตียงใกล้กับอาศิรพร้อมกับถามด้วยความสนใจ อาศิรจึงได้ถามบ้าง


               “มัมมี่ทำยังไง นี่ผมก็อยากรู้นะ”


               “นักบวชในวิหารของเราจะผ่าท้องและควักหัวใจ ตับ ปอด ออกมาใส่ในโถ จากนั้นจะใช้ตะขอเกี่ยวเข้าไปในจมูกเพื่อดึงมัน

สมองออกมา เราใส่ผงแห่งความลับลงไปในร่างกายและห่อไว้ด้วยผ้าทอ”


               “โอย พวกคุณนี่เก่งยิ่งกว่าหมอผ่าตัดอีก” อาศิรครางเมื่อฟังขั้นตอนทำมัมมี่จบ


               “ความสามารถของพวกคุณทำให้พวกเรายังอึ้งไม่เลิก ทุกวันนี้ผมยังงงว่าพวกคุณสร้างปิรามิดด้วยก้อนหินเรียงๆกันขึ้นไปได้

ยังไงขนาดนั้น”


               พูดจบอาศิรก็ปิดปากหาวหวอด เขาลุกจากเก้าอี้และทิ้งกายโปร่งลงบนที่นอนนุ่ม


               “นอนเหอะ ง่วงแล้ว”


               คงจะง่วงจริงๆ อนูบิสเห็นแพขนตายุกยิกอีกไม่กี่ครั้งก็ปิดสนิทพร้อมกับลมหายใจสม่ำเสมอของอาศิร อนูบิสเดินไปปิดไฟ

กลางห้องและกลับมาเอนกายนอนเคียงข้าง เขาตะแคงมองเสี้ยวข้างของใบหน้านั้นด้วยสายตาอ่อนโยน

               จิตใจของอาศิรดีงามเหลือเกิน

                มันเป็นสิ่งที่อนูบิสสัมผัสได้

               ภาพยามที่อาศิรดูแลหญิงชราอย่างยายจันทร์ประทับเข้าไปอยู่ในส่วนลึกของอนูบิส จนเขารู้สึกวูบไหวคล้ายดั่งไม่ใช่ตัวเอง

ยามกระด้างชาอยู่ในมตภูมิ

               เพียงไม่นานที่ได้ใกล้ชิด ก็ราวกับอนูบิสจะไม่อาจลบเลือนใบหน้าของอาศิรออกไปได้เสียแล้ว


               “เซเฮดเจนเมรูท”


               ใบหน้าคมก้มต่ำ เขากระซิบอยู่ข้างใบหูคนที่นอนหลับสนิทก่อนจะทิ้งศีรษะลงไปและโอบกอดร่างอบอุ่นนั้นให้เข้ามาอยู่ใน

อ้อมกอดอย่างเช่นทุกคืน







              มีต่ออีกนิด....
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 8 [21/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 21-04-2016 11:47:13
ต่อกันตรงนี้...


                อาศิรคันยุกยิกอยู่ในหัวใจ

               เขาตื่นขึ้นมาในยามเช้าเพื่อพบว่าตนเองอยู่ในอ้อมกอดของอนูบิสเช่นเคย ดวงตาคมใต้คิ้วเข้มทอดมองจนเขาต้องเบน

สายตาหลบ


               “ตื่นก่อนผมอีกแล้ว”


               “ผมชอบมองโอมยามหลับ น่ารักดี”


               เทพบ้า

               น่ารัก น่าเริ้กอะไรกัน เขาเป็นผู้ชายต้องชมว่าหล่อสิ


               “ปล่อยผมได้แล้ว ต้องไปทำงานนะ”


               “ผมอยากกอดโอมไว้อย่างนี้”


               “ท่านจะบ้าเหรอ ไม่มีผู้ชายที่ไหนเขานอนกอดกันกลมขนาดนี้หรอก”


               โวยวายกลบเกลื่อนความขัดเขินกับคำพูดของเทพผู้ยิ่งใหญ่ อาศิรผลักแผงอกล่ำออกห่างตัวจนได้ เขารีบลุกขึ้นนั่งทิ้งปลาย

เท้าอยู่ตรงขอบเตียงโดยมีร่างสูงใหญ่ขยับมานั่งซ้อนหลัง


               “วันนี้ไม่ได้ไปโรงพยาบาลกับโอมนะ”


               เขานัดกับเวทิศไว้แล้ว โชคดีที่ช่วงนี้เป็นช่วงมหาวิทยาลัยปิดเทอมเวทิศจึงมีเวลาเหลือเฟือ อนูบิสเริ่มเรียนรู้การเดินทางด้วย

ตนเองในเมืองใหญ่โตแห่งนี้


               “แล้วทำไมครับ”


               “ก็คงคิดถึง”


               ท่อนแขนแข็งแกร่งสอดมาที่เอวแล้วดึงร่างโปร่งขยับเข้าใกล้จนอาศิรอ่อนใจ


               ก็เพิ่งจะหนีจากอ้อมกอดยามนอน พอลุกนั่งก็ยังไม่วายตามมากอดอีก เทพจากอียิปต์นี่มือไวใจเร็วอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่านะ

               แต่อาศิรก็ไม่อาจขัดขืนได้เมื่อเขาเองก็นึกอบอุ่นอยู่ในอ้อมกอดนี้เช่นกัน


               “คิดถึงอะไรครับ ไม่ได้จากกันไปไหนเสียหน่อย ตอนเย็นก็มาเจอกันที่บ้าน”


               “แค่นั้นก็ยังคิดถึง” เสียงนั้นดังอยู่ใกล้หู


               “เซเฮดเจนเมรูท”


               ประโยคนี้อีกแล้ว อาศิรคุ้นหูราวกับได้ยินคำนี้มาตลอดทั้งคืน เขาผินหน้าไปหาหวังจะเอ่ยถามให้หายข้องใจว่ามันหมายถึง

อะไร แต่เมื่อเอียงหน้าไปใบหน้าของเขากลับไปชนกับจมูกโด่งเข้าพอดี

               พอดีเกินไป

               อาศิรร้อนวูบไปทั้งตัวเมื่อคล้ายกับว่าแก้มของเขากำลังถูกพ่อเทพตัวดีหอมเข้าอย่างจัง


               “ปล่อยเดี๋ยวนี้”


               ตัดใจผลักใบหน้าหล่อเหลาออกห่างก่อนจะเด้งตัวหนีไปคว้าผ้าเช็ดตัวแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ อนูบิสมองตามพลางยกยิ้มตามหลัง

กลิ่นหอมอ่อนๆจากใบหน้าเนียนยังกรุ่นอยู่ในความรู้สึกที่จมูก อาศิรน่ารักจนเขาอดใจไม่ได้จริงๆ


               อาศิรนั้นคือเซเฮดเจนเมรูทสำหรับเขา


TBC

 :z2: :z2:
               

               
               
               



[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 8 [21/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 21-04-2016 12:20:26
 :z1:   โอ๊ยยยย กลิ่นปาลเว  มาแจ่ไกลเชียว เรียกว่าโชยเลยดีกว่า  :o8:

ส่วนพ่อหมีภูเนี่ย แอบเก็บเล็กผสมน้อยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 8 [21/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-04-2016 13:55:20
เวทิศเอ๋ย ไปแกล้งเขาก็โดนเขาแกล้งกลับจนได้
หมอคีรียังคงน่าสงสัย...
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 8 [21/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-04-2016 14:13:29
 :hao6:  Is that means My precious ?
ของรักของข้า ของรักของข้า อย่างนี้รึเปล่าคะพ่อหมีพู
ว่าแล้วก็ยังคงสงสัยหมอต่อไป
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 8 [21/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 21-04-2016 14:23:26
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
่ท่านเทพต้องอยู่ใกล้โอมเพราะอังค์
แต่เดี๋ยวนี้ทั้งหอมทั้งกอดเพราะอังค์หรือเพราะอะไร :o8: :o8:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 8 [21/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 21-04-2016 16:08:19
มีลักหอมแก้มด้วยนะท่าน
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 8 [21/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-04-2016 19:14:46
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 8 [21/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 21-04-2016 20:27:36
ท่านเทพมือไวนะคะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 8 [21/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 21-04-2016 20:56:23
นั่นๆๆๆ ท่านเทพนอกจากมือไวแถมมีสกิลเนียนอันล้ำเลิศอีกนะ

หุๆๆ รออ่านคู่ปาลเวล่ะ ท่าทางแสบดีนะ :haun5:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 8 [21/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 21-04-2016 23:17:33
ท่านเทพ เนียนจุงงง
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 8 [21/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 22-04-2016 00:54:29
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 8 [21/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 22-04-2016 11:23:33
อิเจ้แอบจิ้น ปาลเวทิศไปแล้ว 5555
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 8 [21/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 26-04-2016 08:04:17
อืม ถ้าเดาไม่ผิด ไอ้หมอคีรีแน่ๆที่ทุกคนตามหา 
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 9 [27/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 27-04-2016 00:20:54


                                                         อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                                    บทที่ 9


               ร.ต.อ.ปาลเดินดุ่มเข้ามาในกรมสืบสวนคดีพิเศษอย่างหงุดหงิด ทั้งที่เรื่องชวนให้หงุดหงิดนั้นผ่านไปตั้งแต่ค่ำคืนที่ผ่านมาแล้ว

เขายังเจ็บใจไม่หายกับไอ้แว่นหน้าจืดที่พาให้เขาตกลงไปในสระน้ำจนกลายเป็นตัวตลกในสายตาของแขกในงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้

               หลังจากขึ้นมาจากสระน้ำ ไอ้แว่นหน้าจึดนั่นก็รีบจ้ำอ้าวลากน้องชายของกวินตราออกไปจากงานทันที ปล่อยให้เขายืนอึ้งอยู่

กับความอับอายเพราะกลายเป็นจุดรวมสายตาของทุกคน ปาลหน้าชาดิกเมื่อสายตาเหล่านั้นเต็มไปด้วยความขบขันจนเขาหน้าร้อนเห่อ


               “กลับเข้าไปในบ้านเลยปาล”


               กวินตราที่ยืนอยู่ด้านข้างมองเขาด้วยสายตาขัดเคือง เขารู้อยู่แล้วว่าแฟนสาวเป็นพวกเพอเฟ็คชั่นนิส ทุกอย่างต้องดีเลิศ

สมบูรณ์แบบ และกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้แม้ว่าจะเป็นอุบัติเหตุแต่สำหรับกวินตรามันคือสิ่งเลวร้าย


               “วินนี่ คือผม...”


               “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” กวินตราทำหน้าบึ้งใส่เขา


               “กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในบ้านของวินนี่หรือปาลจะกลับบ้านปาลไปเลยก็ได้ วินนี่อายคนอื่น”


               ประโยคนั้นเองที่ทำให้ปาลตัดสินใจกลับบ้านตนเอง เขานึกน้อยใจและขัดเคืองใจในตัวกวินตราอยู่ไม่น้อย เหตุการณ์นั้นคนที่

อับอายที่สุดก็คือตัวปาลเอง แต่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักกลับเห็นความสำคัญของคนอื่นมากกว่าความรู้สึกของเขา


               “ช่างมันเถอะน่า วินนี่เขาเป็นเจ้าของงานเลี้ยงก็ต้องอายเป็นธรรมดา”


               ได้แต่ปลอบตัวเองแต่ก็ยังไม่วายหงุดหงิด จนกระทั่งมองเห็นเจ้านายกวักมือเรียกเข้าไปในห้องประชุม ปาลจึงตรงดิ่งเข้าไป

ภายในห้องมีเพื่อนที่ทำงานนั่งกันอยู่ก่อนแล้ว


               “มีเรื่องใหญ่”


               พันตำรวจเอกเชิดชัยเจ้านายสายตรงเอ่ยขึ้นเป็นการเปิดเรื่อง  ภาพจากจอแล็ปท็อปถูกเชื่อมต่อให้ฉายอยู่ในจอมอนิเตอร์ด้าน

หน้า


               “พบศพคนตายทั้งสองศพนี้อยู่ในสภาพเดียวกันทั้งที่ทั้งสองศพไม่ได้มีความข้องเกี่ยวอะไรกันแม้แต่อย่างเดียว”


               ปาลจ้องภาพศพทั้งสองและฟังการบรรยายจากเจ้านายอย่างตั้งใจ สภาพศพถูกกรีดตั้งแต่ลิ้นปี่จนถึงหน้าท้องและถูกควัก

อวัยวะภายในออกมากองอยู่ภายนอก และมีอวัยวะชิ้นหนึ่งที่ภายไป มันคือหัวใจ!


               “ซีอุยกลับชาติมาเกิดหรือไงวะ”


               นายตำรวจหนุ่มอุทานออกมาเมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันช่างพิลึกพิลั่น เขาไม่เข้าใจว่าไอ้ฆาตกรจะนำหัวใจมนุษย์ไปทำอะไร


               “นั่นคือสิ่งที่ตำรวจในท้องที่เกิดเหตุก็ยังเคลียร์เรื่องนี้ไม่ได้ถึงได้ขอความช่วยเหลือจากเรา ผู้กองปาลเพิ่งจะเคลียร์คดีเก่าจบ

ไม่ใช่หรือ งั้นรับคดีนี้ไปทำก็แล้วกันนะ”


               คำสั่งนั้นเองที่ทำให้ปาลต้องไปที่ฝ่ายนิติเวช เขาตรงไปหาร.ต.ท.แพทย์หญิงใจภักดิ์ที่เป็นเพื่อนสนิทของเขาเพื่อเริ่มต้น

สืบหาข้อมูลทันที


               “มันก็แปลกว่ะปาล”


               แพทย์หญิงหน้าตาดีแต่งตัวทะมัดทะแมงยกแฟ้มข้อมูลมากองอยู่ตรงหน้าเป็นตั้งก่อนจะอธิบายให้ปาลฟัง


               “คนร้ายเชือดลำตัวและควักเอาปอดตับม้ามมากองไว้ภายนอกและตัดหัวใจลงไปตั้งแต่ขั้วของมันเหมือนต้องการหัวใจใน

ลักษณะที่สมบูรณ์ที่สุด และแผลโคตรสวย”


               “เป็นไงวะแผลโคตรสวย แกหมายถึงคนร้ายเป็นมืออาชีพงั้นเหรอ”


               ปาลเอ่ยถามอย่างข้องใจ


               “ก็ไม่ใช่มือสมัครเล่นแน่นอนล่ะ แผลที่กรีดเป็นเส้นตรงและนิ่งมาก เหมือนคนทำไม่มีความลังเลเลยที่จะชำแหละเนื้อหนังคน

ลงไป”


               “ใครบ้างที่จะทำอย่างนั้นได้”


               “อีกอย่างนะโว้ยปาล” ใจภักดิ์ยังเสริมขึ้นอีก


               “แต่เรื่องนี้ยังไม่มั่นใจนะ ขอดูผลแลปคอนเฟิร์มอีกที จริงๆแล้วทั้งสองศพนี่ถ้าไม่ถูกฆ่าเสียก่อนพวกเขาก็ใกล้จะตายเต็มที

แล้ว คนนึงเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายกับอีกคนนึงก็เป็นโรคหัวใจขั้นรุนแรง แค่ลมพัดแรงๆก็พากันตายได้ทั้งคู่ แล้วคนร้ายมันจะฆ่าคนใกล้

ตายอยู่แล้วไปเพื่ออะไรวะ”


               ปาลหอบข้อมูลที่ได้จากใจภักดิ์ไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เขาศึกษามันอย่างเคร่งเครียด โดยปกติการฆ่าอำพรางศพที่เคย

เห็นก็จะมีแต่หั่นเป็นชิ้นและนำไปอำพราง แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่เช่นนั้น ดูเหมือนคนร้ายจะต้องการแค่อะไรบางอย่างในร่างผู้ตาย

                เดี๋ยวก่อน!

               เขาเคยเห็นลักษณะการผ่าศพเช่นนี้มาจากไหนกันนะ

               ปาลทิ้งร่างลงไปกับพนักพิงและยกปลายนิ้วขึ้นมานวดขมับ พยายามคิดถึงที่มาของความทรงจำ ภาพสารคดีจากรายการทาง

เคเบิลผุดขึ้นมากลางสมองจนปาลต้องเด้งตัวขึ้นมาวางเม้าส์เปิดจอคอมพิวเตอร์แล้วกดหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต

               บิงโก!

               ปาลจ้องดูสารคดีนั้นจากหน้าจออย่างตั้งใจ ในภาพเป็นสารคดีที่อธิบายถึงการกระทำในอดีตกาลก่อนหน้าปัจจุบันไปหลาย

พันปี มันคือสารคดีเรื่องพิธีกรรมเพื่อเดินทางไปสู่ชีวิตหลังความตายของดินแดนไอยคุปต์ เนื้อหาในสารคดีกำลังบรรยายถึงการรักษา

สภาพศพให้เป็นนิรันดร์เพื่อรอคอยวิญญาณเจ้าของร่างนั้น พูดง่ายๆว่ามันคือการผลิตมัมมี่จากร่างคนตายนั่นเอง

               หรือไอ้คนร้ายมันจะเป็นแฟนคลับคำสาปฟาโรห์

               ปาลวิเคราะห์ข้อมูลจนปวดศีรษะ บางทีอาจจำเป็นที่เขาต้องหาตัวช่วย

               ใครกันนะที่จะช่วยเขาได้

               ปาลถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อรู้สึกว่าคดีใหม่ที่เขากำลังสืบอยู่นี้มันช่วงลึกลับซับซ้อนเหลือเกิน
               






               “เมื่อวานผมไปงานเลี้ยงที่บ้านของหมอกำจรด้วยนะ”


               อาศิรเกือบจะหุบยิ้มอยู่แล้วกับสิ่งที่คีรีชวนเขาคุยขณะกำลังเตรียมผ่าตัด อาศิรอยู่เวรในวันนี้ตลอดจนถึงทั้งคืน เขาบอกกับ

อนูบิสไว้แล้วว่าจะไม่กลับบ้านและยังฝากให้อนูบิสดูแลยายจันทร์แทนเขาด้วย


              “งั้นหรือครับ”


               “ทำไมไม่เห็นโอมเลยล่ะ”


               “ตอนที่พี่คีรีไปผมคงกลับแล้ว”


               “อ้าว แล้วโอมไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนั้นเหรอ”


               “เปล่าครับ ผมไม่ได้อยู่กับเขา เอ่อ พ่อ”


               ดูเหมือนคีรีจะสังเกตเห็นแล้วว่าอาศิรเก็บปากเก็บคำเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ คีรียักไหล่เบาๆก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย ทำให้อาศิรได้

สบายใจขึ้นบ้าง อาศิรอึดอัดเสมอที่ต้องคุยเรื่องของบิดาตนเองกับคนอื่น


               “เคสนี้ยากหน่อยนะ”


               คีรีเอ่ยกับเขาที่ต้องแพทย์ผู้ช่วยผ่าตัด ในขณะที่แพทย์อินเทิร์นรุ่นพี่แยกไปผ่าตัดผู้ป่วยที่อาการไม่หนักอีกห้องหนึ่ง


               “คนไข้เกิดอุบัติเหตุรถชนจนหน้าท้องถูกกระแทกและเกิดเลือดออกในช่องท้อง ถ้าเราไม่รีบสต็อปบลีดคนไข้จะช็อกเพราะ

เสียเลือดอย่างรวดเร็ว”


               คีรีอธิบายให้อาศิรฟังถึงอาการของผู้ป่วยที่นอนสลบอยู่บนเตียงผ่าตัด อาศิรจ้องมองแผ่นท้องที่เป็นเขียวจ้ำเพราะแรง

กระแทก คีรีที่ใส่ถุงมือพร้อมแล้วรับมีดจากพยาบาลมาถือในมือ ดวงตาของคีรีโชนแสงวูบหนึ่งก่อนลงมีดลงไปโดยมีอาศิรช่วยใช้มีเลาะ

เนื้อเยื่อจนถึงช่องว่างของลำตัว


               “อ๊ะ เลือด!”


               อาศิรตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นแอ่งเลือดเสียงจำนวนมหึมากองอยู่ในช่องทอง คีรีที่มากประสบการณ์กว่ารีบสั่งพยาบาลที่ยืนช่วย

ทันที


               “ซับเลือด ดูดเลือดออกให้หมด”


               เครื่องมือดูดเลือดถูกส่งเข้าไปในช่องท้องอย่างรวดเร็วจนเลือดเหล่านั้นหมดไป คีรีมองหาจุดที่บาดเจ็บจากอุบัติเหตุแล้วเร่ง

มือเย็บทันที อาศิรเองก็ลงมือช่วยอย่างคล่องแคล่วจนกระทั่งมั่นใจว่าไม่มีจุดไหนที่ยังมีเลือดออกเพิ่มอีกแล้วคีรีจึงสั่งให้เย็บชั้นกล้าม

เนื้อปิดปากแผล


               “ความดันคนไข้ตกอีกแล้วค่ะ”


               พยาบาลรีบแจ้งเมื่อผู้ป่วยยังไม่ดีขึ้น คีรีขมวดคิ้วมองอย่างเคร่งเครียด เขารีบสั่งการช่วยเหลือทันที


               “โหลดน้ำเกลือพันซีซี ตอนนี้เลย”


               สิ้นเสียงคำสั่งพยาบาลก็รีบทำอย่างรวดเร็ว แต่เหตุการณ์ก็ยิ่งย่ำแย่ลงอีกเมื่อผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้น ทุกคนในห้องผ่าตัด

สาละวนช่วยเหลือเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยอย่างเร่งรีบรวมถึงอาศิรด้วย

               อยู่ๆอาศิรก็ร้อนบริเวณหน้าอกจนต้องใช้ฝ่ามือมากดไว้ ความร้อนภายในทำให้เขารู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว ดวงตาเรียวเบิกโพลง

ขณะจ้องไปยังร่างกายที่เป็นจุดรวมความสนใจของทุกคน อาศิรเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น

               มวลบางเบารูปร่างหน้าตาพิมพ์เดียวกับผู้ป่วยค่อยๆขยับลอยออกจากร่างโดยไม่มีใครเห็นนอกจากอาศิร มวลนั้นหลุดออก

จากกายหยาบช้าๆจนถึงปลายเท้าและในที่สุดมันก็หลุดออกจากกัน มวลละเอียดลอยละล่องกลางอากาศอย่างไม่สนใจกายหยาบอีก

แล้ว อาศิรทอดสายตามองก่อนจะแผ่เมตตาให้ในใจ


               “ไปในภพภูมิของคุณเถอะนะ มันถึงเวลาหมดกรรมของคุณแล้ว”


               พึมพำอยู่ในใจอย่างเช่นทุกครั้งที่พบเจอเหตุการณ์เช่นนี้หากแต่คราวนี้กลับมีบางสิ่งที่แปลกไป เมื่ออาศิรจ้องมองที่เพดาน

ห้องเขาเห็นกลุ่มควันจางๆสีดำปกคลุมอยู่ และควันสีดำนั้นกลับขัดขวางและกลืนกินวิญญาณที่เพิ่งจะลอยไปถึง อาศิรมองอย่างตกใจ

ก่อนจะตะโกนห้าม


               “หยุดนะ อย่าทำเขา!”


               ควันสีดำชะงักงัน มันส่งเสียงกรีดร้องแหลมลึกจนอาศิรต้องยกมือปิดหูไว้ เขาจ้องมองด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือวิญญาณ

โชคร้ายนั้น อาศิรเพ่งสมาธิใช้สายตามองจนไม่รู้ตัวเลยว่ารังสีสว่างขาวนวลกำลังแผ่กระจายออกไปจนควันดำนั้นส่งเสียงแหลมอีกครั้ง

ก่อนจะปล่อยวิญญาณให้เป็นอิสระอย่างเสียดายและจางหายไปอย่างรวดเร็ว


               “โอม ว่าไงนะ”


               อาศิระสะดุ้งเฮือกเมื่อหลุดจากภวัง เขาเห็นคีรีที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดหันมามองเขาอย่างสงสัย อาศิรรีบตั้งสติและเอ่ยออกไปทันที


               “ปั๊มหัวใจเกิดครึ่งชั่วโมงแล้วนะครับ เกินลิมิตแล้ว”


               เพราะสมองชาดเลือดไปเลี้ยงได้ไม่เกินสี่นาทีเท่านั้น และการปั๊มหัวใจหากนานเกินกว่าครึ่งชั่วโมงถึอว่าไม่ได้ผล อาศิรใช้

ความรู้เป็นข้ออ้างจนคีรีถอนหายใจและสั่งให้การช่วยฟื้นคืนชีพหยุดลง


               “นั่นสินะ หยุดกันได้แล้วครับ”


               นายแพทย์คีรีตัดสินใจหยุดการช่วยเหลือทั้งหมดลงแล้วจึงเดินออกไปภายนอกห้องผ่าตัด อาศิรเดินตามมาห่างๆ เขาเห็นคีรี

บอกข่าวร้ายกับญาติผู้ป่วยที่รออยู่หน้าห้องผ่าตัด เสียงร้องไห้ดังระงมทันที อาศิรได้แต่มองพวกเขาเหล่านั้นด้วยความเห็นใจ


               “เหนื่อยหรือเปล่าโอม”


               คีรีเอ่ยถามเมื่อทุกอย่างจบลงแล้ว ใบหน้าของเขาดูเครียดขรึมอย่างเห็นได้ชัด อาศิรเองก็ฝืนยิ้มอย่างยากเย็น


               “นิดหน่อยครับพี่คีรี”


               ฝามือใหญ่เอื้อมมาตบบ่าอาศิรเบาๆ


             “ไปล้างหน้าล้างตาแล้วพักผ่อนเอาแรงไว้ก่อนนะโอมจะได้ดีขึ้น เผื่อมีเคสฉุกเฉินมาอีกจะได้มีแรง”


               อาศิรรับคำพร้อมกับแยกตัวไปล้างมือและเดินกลับห้องพักแพทย์ เขายังคงครุ่นคิดถึงสิ่งแปลกประหลาดที่เกิดขึ้น

ควันสีดำนั้นคืออะไรกันแน่ อาศิรอยากจะรู้ความจริงเหลือเกิน






             
                คีรีก้าวดุ่มเข้าไปในห้องพักตนเองอย่างรวดเร็ว และทันทีที่ได้อยู่ตามลำพังใบหน้าเปื้อนยิ้มของเขาก็หุบลงอย่างรวดเร็ว


               “ออกมาเดี๋ยวนี้”


               เขาส่งเสียงลั่นห้องก่อนที่ห่างกายไปไม่กี่เมตรกลับมีควันสีดำจางๆเกิดขั้น มันก่อตัวเป็นรูปร่างประหลาดแปลกตา คีรีจ้องมอง

มันอย่างไม่นึกหวาดกลัว


               “คุณจัดการมันสำเร็จหรือเปล่า”


               ตัวประหลาดนั้นกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บใจ มันตวัดสายตามองคีรีด้วยความโมโห


               “ไม่ ข้าทำไม่สำเร็จ”


               คีรีขมวดคิ้วอย่างแคลงใจ


               “มันจะไม่สำเร็จได้ยังไงในเมื่อคนไข้ก็ตายแล้ว ทำไมคุณไม่กินวิญญาณเขาเพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเองล่ะ”


               “ก็เพราะว่ามีอะไรบางอย่างขัดขวางข้าน่ะสิเจ้ามนุษย์หน้าโง่”


               ปีศาจตนนั้นแผดเสียงอย่างแค้นเคือง


               “อะไรบางอย่างที่คล้ายกับพลังจากศัตรูของข้ามันขัดขวางมิให้ข้าได้กินวิญญาณตนนั้น”


               “จะเป็นไปได้ไง อะไรที่ขัดขวางคุณได้”


               “ก็มันไง ไอ้ความร้อนและแสงสว่างนั่น มันช่างเหมือนพลังของศัตรูข้า อนูบิส!”


               คีรีจ้องตัวประหลาดนั้น แม้ว่ามันจะน่าเกลียดน่ากลัวแต่คีรีก็ไม่หวั่น


               “ต้องการให้ผมทำอะไรอีก”


               น้ำเสียงไม่ได้มีความเคารพอีกฝ่ายสักนิด แต่คีรีก็ต้องทนฟังเจ้าตัวประหลาดเอื้อนเอ่ย


               “ก็ไปจัดการนำหัวใจของมันมาให้ข้า ไม่ได้วิญญาณก็ได้ขุมพลงของมนุษย์มากินก็ยังดี ตอนนี้พลังของข้าเริ่มฟื้นมากขึ้นแล้ว

มันเป็นหน้าที่ที่เจ้าจะต้องควานหาขุมพลังมาให้ข้า เมื่อพลังของข้ากลับมาเท่าปกติแล้วเราจะให้ทุกอย่างที่เจ้าต้องการตามข้อแลก

เปลี่ยน”


               แม้ว่าจะไม่ชอบใจนักที่มันทำท่ากำแหงเหนือกว่าเขา แต่คีรีก็จำเป็นต้องโอนอ่อน  ถ้าไม่เป็นเพราะสัญญาที่เจ้าตัวประหลาดนี้

ยื่นข้อเสนอให้ล่ะก็ ไม่มีทางที่คนอย่างคีรีจะยอมทำตาม


               “ได้ เนรู ผมจะหาทางไปตัดหัวใจของคนตายมาให้คุณ”


               
                TBC

               เป็นเพราะตั้งใจจะให้นิยายเรื่องนี้เป็นแนวหวานแหววกุ๊กกิ๊กไม่ใช่แนวสืบสวน  (หรา...)

               ก็เลยเปิดเผยได้ว่า เข้าใจกันถูกแล้วจ้า

               พ่อหมอคีรีคือคนที่ทุกคนตามหานั่นเอง
               
                 o18 o18 o18





[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 9 [27/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: เถิก19day ที่ 27-04-2016 06:47:31
สนุก รอตอนต่อปายๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 9 [27/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 27-04-2016 07:31:03
กรี๊สสสสสสส    ตอนแรกก็คิดว่าเนรูจะลงมือเอง

แล้วแอบจิ้นปาลว่าจะต้องมาปรึกษาหมอศัลแล้วแอบปิ้งนายเอกเรา

ที่ไหนได้  พลิกคว่ำหมดเลย   อิตาหมอคีรี ถีบเรือฝันคว่ำจมน้ำตายเลย  :z3:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 9 [27/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-04-2016 08:07:06
 :katai1:    แง้. โอมไม่ปลอดภัยแล้ววว
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 9 [27/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-04-2016 08:35:16
คนใกล้ตัวแล้วยังต้องทำงานด้วยกันอันตรายแท้ๆเลย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 9 [27/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 27-04-2016 09:14:04
คนใกล้ตัวนี่เอง กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 9 [27/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 27-04-2016 11:14:15
โอ้ยยย สนุกมากอ่ะ กรี๊ดด o13 :hao7:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 9 [27/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 27-04-2016 11:17:02
ว่าแล้ว หมอคีรี :katai1:

ผู้กองคะ อยากได้ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยทำคดีไหมคะ เจ้มีแนะนำคนนึง นายเวทิศค่ะ สนใจไหม 55555
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 9 [27/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 27-04-2016 15:20:28
คีรีแกอยากได้อะไรจนถึงขนาดฆ่าคนวะห้ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 9 [27/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: nuper ที่ 27-04-2016 16:27:46
มีความรูู้สึึกว่าหมอคีรีนี่ละ ที่ถููกปีศาจสิง ความกลัวและความตายที่ๆเหมาสุดก็  รพ. นี่ล่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 9 [27/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 27-04-2016 16:40:49
 o13
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 9 [27/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 27-04-2016 18:02:17
ใกล้ตัวสุด ๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 9 [27/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: igaga ที่ 27-04-2016 20:00:18
คีรีอยากได้สูตรทำมัมมี่?
เพื่อนของโอม เสร็จคุณตำหนวดแน่ๆ
โอมจะได้ไปอยู่กับหมีพูแน่ๆเบย
ถึงได้เห็นของแปลกๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 9 [27/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 27-04-2016 21:58:59
โอมรีบ ๆ สงสัยหมอคีรีเลยนะ ไม่งั้นอันตรายแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 9 [27/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-04-2016 22:23:24
เดี๋ยวๆๆๆ แนวหวานกุ้กกิ้ก เอ้ะมันใช่หรอ ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 9 [27/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 27-04-2016 23:41:14
หวานแว่ว  แบบโหด เลือดกระจาย  ไม่ได้ว่าอะไรนะครับ  เรารักนิยายเรื่องนี้  เรากลัวนายเอกเป็รอะงันตรายจัง  พระเอกด้วยยิ่งไม่มีพลังอยู่ด้วย  ไม่ชอบไอ้คุนตำรวจเลย  นิสัยไม่ดีเหมือนแฟนมัน  หาว่าเขาเป็นไอ้น่าจืด  อย่ามาหลงรักเขานะเว้ยไอ้คุณตำรวจขี้เก็ก
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 9 [27/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 29-04-2016 00:09:20
โอเค หมอคีรีตัวร้าย รับทราบค่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 9 [27/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 29-04-2016 02:55:49
ตัวร้ายโผล่มาแหละ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 9 [27/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: คนริมคลอง ที่ 29-04-2016 09:54:02
ตัวร้ายออกมาแล้ว  โอมระวังตัวด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 9 [27/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 29-04-2016 23:25:35
ต้องลองตามดู
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 9 [27/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-04-2016 10:42:08
สนุกมากๆค่ะ รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 9 [27/04/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 30-04-2016 12:32:43
ว่าแล้วต้องเป็นคีรี แต่คีรีไม่เห็นวิญญาณสินะ งั้นก็น่าจะยังไม่รู้ว่าอาศิรเห็น
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 10 [07/05/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 07-05-2016 00:06:23


                                                                       อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                                                  บทที่ 10


               “คุณโอมกลับมาแล้ว”


               เสียงป้าแก้วดังขึ้นเรียกความสนใจจากการผัดอาหารในกระทะตรงหน้าของอนูบิสได้เป็นอย่างดี เขาหันไปมองและยิ้มให้

อาศิรที่กลับบ้านหลังจากหายไปทำงานที่โรงพยาบาลถึงหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืน ใบหน้าของอาศิรบอกถึงความเหน็ดเหนื่อยและอิดโรย

อย่างเห็นได้ชัด


               “เหนื่อยมากหรือโอม”


               คำถามอย่างอาทรจากร่างสูงที่กำลังทำอาหารอยู่ทำให้อาศิรหายจากความเหน็ดเหนื่อยได้อย่างไม่น่าเชื่อ เขามองอนูบิสที่มี

ผ้ากันเปื้อนสวมคาดไว้และในมือมีตะหลิวถืออยู่อย่างแปลกตา


               “ทำอะไรกันอยู่ครับเนี่ย”


               “ป้าแก้วสอนให้ผมทำกับข้าว สนุกดีเหมือนกันนะโอม”


               “เห็นพ่อหมีพูเขาอยู่ว่างๆก็กลัวเหงา ป้าก็เลยจับมาสอนทำกับข้าวไงคะคุณโอม”


               อาศิรยิ้มขำ ขนาดอยู่ในสภาพหน้ามันเพราะความร้อนจากเตาแก็สอนูบิสก็ยังดูดีเหลือเกิน ยิ่งใบหน้าขรึมโปรยยิ้มอ่อนให้ป้า

แก้วก่อนจะเผื่อแผ่มายังเขา อนูบิสก็ยิ่งดูมีเสน่ห์มากขึ้นจนอาศิรใจสั่น

               บ้าแล้วโอม ใจสั่นเพราะผู้ชายนี่นะ

                พยายามสะกดใจให้สงบอย่างยากลำบาก เขาได้แต่มองอนูบิสที่หันกลับไปให้ความสนใจกับป้าแก้วเพื่อจะทำอาหารใน

กระทะให้เสร็จจึงได้หันมายิ้มให้เขาอีกครั้ง


               “เสร็จแล้วโอม อาหารฝีมือผม”


               เจ้าตัวยิ้มอย่างภาคภูมิใจขณะที่ป้าแก้วเป็นผู้ตักอาหารใส่จานให้


               “คุณโอมไปพาคุณยายออกมาจากห้องทีเถอะค่ะ ช่วงนี้คุณยายเป็นอะไรก็ไม่รู้บ่นว่าเหนื่อย ไม่มีแรงแล้วก็ไม่ยอมทานอะไร

เลย”


               คิ้วโก่งแทบจะชนกันทันที อาศิรรีบหันหลังกลับไปยังห้องของยายจันทร์โดยมีอนูบิสเดินตามหลัง เมื่อเข้าไปในห้องอาศิรก็รีบ

ถลาเข้าไปหาหญิงชราที่นอนพักอยู่บนเตียง


               “ยายจ๋า โอมกลับมาแล้ว”


               บอกให้ยายจันทร์รับรู้พลางประคองให้หญิงชราให้ลุกนั่งขึ้นมา


               “กลับมาแล้วหรือโอม งานหนักมากไหม”


               อาศิรถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างสะท้อนใจเมื่อได้ยินคำถามด้วยความเป็นห่วงจากยายของเขา

               เพราะอาศิรเลือกที่จะทำงานในโรงพยาบาลของรัฐบาลที่มีผู้ป่วยจำนวนมาก งานที่ทำจึงล้นมือจนแทบไม่มีเวลาเป็นการส่วน

ตัวแม้แต่จะดูแลยายของเขาเสียด้วยซ้ำ


                “ก็หนักเอาการอยู่จ้ะยาย เมื่อคืนนี้โอมเข้าห้องผ่าตัดทั้งคืนเลย”


               “งานหนักมากโอมก็ต้องระวังรักษาตัวนะลูก”


               ยังไม่วายที่หญิงชราจะเป็นห่วงหลานเพียงคนเดียว มือเหี่ยวย่นลูบผมอาศิรด้วยความรักแม้ว่าดวงตาจะมองไม่เห็นแต่อาศิรก็รู้

ว่าหัวใจของยายจันทร์กำลังมองเขาอยู่ อาศิรวางมือดึงมือของยายมากุมไว้ด้วยความรักไม่แพ้กัน


               “ไม่ต้องห่วงนะยาย โอมดูแลตัวเองได้”


               ยายจันทร์ยิ้มรับ หญิงชราเงยหน้าไปทางอนูบิสที่ยืนเงียบอยู่เบื้องหลัง


               “ยายฝากโอมไว้กับพ่อหมีพูด้วยนะ ในเมื่อมีวาสนาได้มาเป็นเพื่อนกันแล้วก็ช่วยดูแลโอมด้วย”


               อนูบิสก้าวเข้ามาแล้วคุกเข่านั่งเคียงข้างอาศิร เขาดึงมืออีกข้างของยายจันทร์มากุมไว้เช่นกันแล้วตอบรับหนักแน่น


               “ผมสัญญาครับคุณยายว่าจะดูแลโอมให้ดีที่สุด”


               คำเอ่ยสัญญาจริงจังจนเรียกเลือดไปเลี้ยงบนใบหน้าของอาศิรได้ไม่ยาก มันทำให้เขาไม่กล้าหันไปมองด้วยซ้ำว่าตอนนี้อนูบิ

สมีสีหน้าเช่นไรบ้างยามเอ่ยตอบคำขอของยายจันทร์


               “อย่ามัวแต่คุยกันเลย โอมหิวแล้ว ไปกินข้าวกันดีกว่า”


               ข่มความขัดเขินเพื่อจะพยุงยายจันทร์ให้ลุกจากเตียงและก้าวเดินไปยังโต๊ะอาหารที่ป้าแก้วเตรียมรอไว้แล้ว อาศิรค่อยๆป้อน

อาหารให้ยายของเขาด้วยตนเอง โต๊ะอาหารอบอวลด้วยความอบอุ่นจนกระทั่งเขาพายายจันทร์กลับไปที่ห้องเมื่อมื้ออาหารสิ้นสุดลง
               





               “ปล่อยให้อยู่บ้านแค่แป๊บเดียว รู้สึกว่าจะกลายเป็นขวัญใจคนแก่ไปแล้วนะพ่อหมีพู”


               อนูบิสยิ้มขำเมื่อได้ยินเสียงค่อนขอดลอยมาตามลม เขามองอาศิรนัยน์ตาพราวขณะอยู่เพียงลำพังในห้องของอาศิร


               “ทำไม โอมหวงคุณยายเหรอ หรือว่ากลัวคุณยายจะรักผมมากกว่าโอม”


               “ไม่ใช่สักหน่อย”


               อาศิรเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ในคารมของเทพจากอียิปต์ อนูบิสนั่งลงที่ขอบเตียงพลางส่งสายตาล้ำลึกจ้องมองอาศิรที่นั่งอยู่ตรง

โต๊ะหนังสือจนอาศิรต้องเบนสายตาหนี


               “โอมอย่าห่วงไปเลยนะว่าคุณยายจะรักผมมากกว่าโอม ไม่มีใครหรอกที่ได้รักโอมแล้วจะเลิกรักโอมได้”


               เสียงนุ่มกว่าเคยยามเอ่ยออกมาพร้อมดวงตาที่ทอดมองนั้นสร้างความอบอุ่นในหัวใจของอาศิรได้อย่างประหลาด และยิ่งเมื่อ

เขานึกถึงคำสัญญาที่อนูบิสพูดกับยายจันทร์ว่าจะดูแลเขามันทำให้หัวใจของอาศิรเต้นแรงเหลือเกิน


               “แล้วที่พูดกับยายในห้องน่ะ ท่านก็ไม่เห็นต้องไปตกปากรับคำอะไรกับยายขนาดนั้น ยายแก่แล้วช่วงนี้ก็มีอาการหลงๆลืมๆอยู่

บ่อยๆ บางทียายก็พูดอะไรออกไปโดยไม่รู้ตัวหรอก”


               ใบหน้าคมเข้มอมยิ้มและเอียงคอมองเขา ทำให้อาศิรยิ่งเขินจัดเข้าไปอีก


               “กลัวผมจะทำไม่ได้เหมือนที่พูดงั้นสิ จำไว้อย่างหนึ่งนะโอม เมื่อเทพองค์ใดเอ่ยวาจาสัตย์ออกมา คำนั้นจะไม่มีวัน

เปลี่ยนแปลง”


               มือใหญ่เอื้อมดึงมือของอาศิรมากุมไว้ อาศิรเพิ่งรู้ว่าเมื่อเทียบกันแล้วมือของเขาเล็กกว่ามือของอนูบิสจนอีกฝ่ายกอบกุมไว้ได้

หมด


               “ยกเว้นว่าโอมไม่อยากให้ผมกระทำตามวาจาที่พูดออกไป”


               ใครบอกว่าไม่อยาก

               อาศิรไม่สามารถปฏิเสธใจของตนเองได้เลยว่าวาจาที่อนูบิสเอ่ยออกมาทำให้เขายินดีแค่ไหน ยินดีจนไม่อยากนึกถึงว่าวันใด

ที่อนูบิสได้จัดการตามล่าปีศาจร้ายสำเร็จดังประสงค์แล้วเดินทางกลับเขาจะรู้สึกเช่นไร


               “เทพพูดมากแบบนี้ทุกองค์หรือเปล่า ไม่เอาละ ขี้เกียจพูดด้วย ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันทั้งคืนแล้วนอนดีกว่า”


               ผลักไหล่หนาออกห่างพลางกระโดดขึ้นเตียงแล้วห่มผ้าคุมโปงหนีจนอนูบิสได้แต่หัวเราะ เขาเดินไปปิดไฟที่กลายเป็นหน้าที่

ของเขาตั้งแต่มาอาศัยอยู่ในห้องนี้ก่อนจะก้าวตามไปนอนเคียงข้าง


               “นี่ มืออย่าไวสิ”


               ตีเผียะไปที่มือใหญ่เมื่อสอดเข้ามาโอบกอดไว้อย่างเช่นเคย อนูบิสไม่ยอมแพ้และยิ่งกระชับวงแขนให้แน่นหนามากขึ้นอีก


               “โธ่ โอม ถ้าไม่ได้กอดโอมผมก็คงนอนไม่หลับ น่านะ อย่าผลักไสนักเลย”


               ถอนหายใจราวกับรำคาญแต่ความเป็นจริงหัวใจของอาศิรยิ่งกว่าตีกลองกระหน่ำเสียอีก เขาแสร้งส่งเสียงแข็งกลบเกลื่อน

ความขัดเขินของตัวเอง


               “ก็ได้ นี่เห็นใจกลัวว่าจะทำให้เทพอย่างท่านนอนไม่หลับแล้วกลายเป็นเทพแพนด้าหรอกนะ อื้อ อย่ากอดแน่นนักสิผมหายใจ

ไม่ออก”


               ต่อว่าแต่ก็ยอมอยู่ในอ้อมกอดแสนอบอุ่นจนกระทั่งอาศิรเคลิ้มหลับไปในวงแขนของอนูบิสนั่นเอง






               “คุณโอม คุณโอม ตื่นเถอะ คุณยายแย่แล้วค่ะ”


               เสียงเคาะประตูดังโครมครามแข่งกับเสียงลมฟ้าลมฝนที่พัดกรูแทรกรอยแยกของหน้าต่างเข้ามาทำให้อาศิรสะดุ้งตื่น แต่ก็

ไม่ทันร่างสูงของอนูบิสที่ก้าวลงจากเตียงไปที่ประตูก่อนหน้าเขาแล้ว


               “เกิดอะไรขึ้นครับป้าแก้ว”


               อนูบิสเป็นฝ่ายเอ่ยถามเมื่อเห็นป้าแก้วที่ยืนหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ


               “คุณยายค่ะ ไข้ขึ้นสูงและก็หายใจหอบใหญ่แล้ว”


               “ยาย!”


               อาศิรวิ่งผ่านอนูบิสไปยังห้องของยายจันทร์ที่อยู่ตรงข้ามด้วยความตกใจ และเมื่อเห็นสภาพของหญิงชราที่กำลังหอบตัวโยน

อาศิรก็แทบจะทำอะไรไม่ถูก เขาต้องรีบสงบสติอารมณ์ลงและตรวจร่างกายยายของเขาเท่าที่จะทำได้


               “ยายมีอาการของปอดติดเชื้อ ต้องรีบพายายไปโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด”


               เอ่ยเสียงสั่นจนอนูบิสต้องรีบกุมมือปลอบโยนเมื่อเห็นอาศิรกำลังสติแตก


               “อย่าเพิ่งตกใจโอม ตั้งสติก่อน”


               เมื่อได้ยินคำเตือนอาศิรจึงพอจะคิดออก เขารีบวิ่งกลับไปที่ห้องและคว้าโทรศัพท์มือถือกลับมาเพื่อโทรให้โรงพยาบาลส่งรถ

ฉุกเฉินมารับ ทุกคนรอด้วยความกระวนกระวายใจ เวลาที่ผ่านไปทุกวินาทีเกือบจะทำให้อาศิรขาดใจจนกระทั่งรถฉุกเฉินของโรงพยาบาล

มาจอดหน้าบ้านอนูบิสจึงอุ้มยายจันทร์ไปขึ้นรถทันที


               “ใจเย็นนะโอม”


               อนูบิสได้แต่ปลอบโยนตลอดทางไปยังโรงพยาบาลที่อาศิรทำงานอยู่ และเมื่อรถจอดหน้าห้องฉุกเฉินก็เป็นเขาเองที่ลงไปสั่ง

การรักษาที่ห้องฉุกเฉิน ส่วนอนูบิสได้แต่ส่งกำลังใจไปช่วยอยู่ด้านนอก


               “คลื่นไฟฟ้าหัวใจเต้นผิดปกติด้วยว่ะโอม”


               เพื่อนหมอคนหนึ่งที่อยู่เวรในห้องฉุกเฉินบอกเขาเมื่อผลการตรวจร่างกายเบื้องต้นออกมาแล้ว สีหน้าของอาศิรยิ่งเครียดหนัก

เข้าไปอีก


               “แอดมิทเลยดีกว่าว่ะ เอาไปให้ยาแอนตี้ไบโอติคก่อนแล้วเรื่องหัวใจก็รีบขอคิวตรวจพิเศษ”
               




               กว่าจะกลับถึงบ้านก็เกือบรุ่งสางเมื่ออาศิรวุ่นวายอยู่กับการจัดการให้ยายจันทร์เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤติจนเรียบร้อย

สีหน้าของเขาอิดโรยและซีดเผือดเมื่อทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง อาศิรยกมือปาดน้ำตาแห่งความห่วงใยที่เอ่อท้นออกมา

               อนูบิสเดินตามเข้ามาในห้อง เขามองสภาพของอาศิรด้วยความเป็นห่วงก่อนจะทรุดตัวลงนั่งเคียงข้างพลางกุมมือของอาศิร

เป็นกำลังใจ ความอบอุ่นแล่นผ่านมือเข้าหาจนความอดทนของอาศิรหมดลง เขาปล่อยโฮออกมาอย่างไม่นึกอาย


               “โอม”


               อนูบิสโอบบ่าของอาศิรเข้าหาตัวให้คนที่กำลังอ่อนแอได้ซบอยู่กับไหล่ของเขาและร้องไห้ออกมาจนพอใจโดยไม่ได้ขัด อนูบิ

สรอจนกระทั่งอาศิรเย็นลงและเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา


               “ผมนี่มันใช้ไม่ได้เลย เป็นหมอเสียเปล่าแต่กลับดูแลยายของตัวเองไม่ได้ มัวแต่ทำงานดูแลคนอื่นแต่ปล่อยให้ยายป่วยจน

อาการหนัก”


               “อย่าโทษตัวเอง”


               อนูบิสปรามเสียงหนัก เขาเชยคางและเอื้อมมือเช็ดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนบนใบหน้าของอาศิรออกจนหมด


               “โอมคือความภาคภูมิใจของยาย ถ้าโอมต่อว่าตัวเองคนที่เสียใจก็คือยายนะ แค่ที่โอมทำทั้งหมดในคืนนี้ก็ทำให้ยายดีขึ้นมาก

แล้ว โอมเก่งมาก”


               คำปลอบโยนนั้นราวกับน้ำทิพย์ที่ชโลมลงมาบนหัวใจอันอ่อนล้า อาศิรรู้สึกตื้นตันกับความอบอุ่นที่มี

อนูบิสเคียงข้าง


                “ขอบคุณนะครับอินทร์ภู”


               ดวงตาเรียวฉ่ำชื้นทอดมองใบหน้าคมของเทพอนูบิสก่อนเอ่ยออกมาจากความรู้สึกจากหัวใจของอาศิร


               “ขอบคุณที่อยู่กับผม ขอบคุณที่คอยให้กำลังใจในยามที่ผมอ่อนแอ ผมดีใจนะที่วันนี้ผมมีคุณอยู่ด้วย”


               คำกล่าวอย่างจริงใจและสัตย์ซื่อของอาศิรทำให้อนูบิสอดใจไม่อยู่ เขาวางฝ่ามือแนบไปกับกรอบหน้าของอาศิรและประสาน

สายตาล้ำลึก อนูบิสเลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ราวกับมีแรงดึงดูดและบรรจงกดริมฝีปากลงไปบนเปลือกตาฉ่ำน้ำที่พริ้มตารอรับอย่างเผลอไผล


               “โอม”


               พึมพำแผ่วเบาขณะเลื่อนริมฝีปากลงต่ำจนปลายจมูกโด่งชนกันเบาๆ อนูบิสเอียงใบหน้าจนได้องศาให้จมูกหลบกันพ้นเพื่อที่

จะประทับริมฝีปากลงไปบนกลีบปากนุ่มแผ่วเบา

               อาศิรสะดุ้งวาบราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน เขาลืมตาขึ้นมองอนูบิสที่อยู่ใกล้จนลมหายใจเป่ารดอยู่ข้างแก้มเมื่อคราวนี้เขา

ใกล้ชิดกับอนูบิสมากกว่าครั้งไหนๆ อาศิรนึกตกใจตัวเองที่ไม่ได้นึกรังเกียจอนูบิสเลยแม้แต่น้อยแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นชายเฉกเช่นกับเขา

อนูบิสเองก็ชะงักไปเมื่อเห็นท่าทีของอาศิร


               “โอม ถ้าไม่...”


               อาศิรเป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้าหาจนริมฝีปากชนกันอีกครั้ง ต่างก็นิ่งงันและเฝ้าถามจิตใจของตนเอง อาศิรถอนใบหน้าออกมาและ

ช้อนตามองดวงตาคมที่มองกลับด้วยสายตาพร่างพราว

               เข้าใจซึ่งกันโดยไม่ต้องเอ่ยอะไรออกมาอีกแล้ว อนูบิสลูบไล้กลีบปากนุ่มด้วยปลายนิ้วก่อนจะตามติดด้วยริมฝีปากของเขา

โดยที่อาศิรเองกับเปิดรับอย่างเต็มใจ เรียวปากของอาศิรถูกประทับจูบแผ่วเบาอ่อนหวานและเพิ่มน้ำหนักขึ้นเรื่อยๆ อนูบิสค่อยๆแตะ

ปลายลิ้นเข้ากับกลีบปากแทนคำวอนขอให้อาศิรยอมรับเมื่อเขาส่งผ่านลิ้นชื้นเข้าไปสัมผัสอยู่ภายใน


               “อื้อ อนูบิส”


               หวานจนหัวใจเต้นไหวระรัวเมื่ออนูบิสตวัดเกี่ยวลิ้นของอาศิรเข้าหา เนื้อปากสลับห่างและบดเบียดขณะ

อนูบิสคลอเคลียไม่เลิกรา มืออุ่นจนร้อนขยับวางบนแผ่นหลังและกระชับร่างที่เล็กกว่าเข้าแนบชิดในอ้อมกอด


                “เซเฮดเจนเมรูท”


               คำนั้นอีกแล้ว

               คำที่อาศิรยังข้องใจไม่หายว่ามันหมายถึงอะไร

               อนูบิสค่อยๆผละริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้า แต่แค่นั้นก็ทำให้อาศิรหอบหนักไปกับจูบแรกที่แสนอ่อนหวาน ดวงตาสองคู่ยังคง

สบประสานถักทอเยื่อใยที่มองไม่เห็นซึ่งกัน


                “เจ้าคือแสงสว่างแห่งรักของข้า”


               เสียงนั้นเพียงแค่กระซิบอยู่ข้างใบหูแต่มันกลับสะท้อนไปมาอยู่ในหัวใจของอาศิร เขายิ้มอย่างตื้นตันพลางเอียงซบลงไปบน

บ่ากว้างที่พาให้เขาเอนกายลงไปบนที่นอนนุ่มและโอบกอดราวกับเขาเป็นเด็กน้อย


               “นอนเสียเถิด เมอริ ราตรีนี้เหนื่อยมากพอแล้ว ข้าจะอยู่ข้างเจ้าเช่นนี้ไม่ไปไหน”


               เสียงนั้นคือเสียงเห่กล่อมให้อาศิรหลับตาลงและปล่อยวางเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งปวงให้เขาได้หลับลงในอ้อมกอดแห่งรักของ

เทพอนูบิส



TBC


               หมายเหตุจากผู้แต่ง

                Sehedjenmerut =  Shining of Love 

                Meri = beloved

                :hao3: :hao3:






[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 10 [07/05/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 07-05-2016 00:49:10
 :hao7:  อร๊ายยยย  ในเหตุการณ์ที่ย่ำแย่ ก็กลับมีเหตุการที่ดีอยู่ นะจ๊ะพ่อหมีพู !!!
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 10 [07/05/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 07-05-2016 01:02:18
เลิศ ><
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 10 [07/05/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: k_keenny ที่ 07-05-2016 08:09:02
อร๊างงง  :mew3:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 10 [07/05/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-05-2016 08:17:02
อื้อหือ  ท่านหมีพูช่างมีความปากหวานขั้นเทพ
ใช่ไหมจ๊ะโอม อย่าชิมแล้วอุบไว้คนเดียวสิ.  :mew1: 
เดาว่าตอนหน้าจะดุเดือดนะ รอดูการกระชากหน้ากากคนเลวค่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 10 [07/05/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 07-05-2016 08:19:34
โธ่พ่อหมีพูห์.....ตั้ลล๊าคคคคคคคคคค :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 10 [07/05/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 07-05-2016 08:46:11
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

จูบกันแล้วววววววว :m1: :m1: :m3: :m3: :m3:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 10 [07/05/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 07-05-2016 08:47:24
โอ๊ยเขินนนน
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 10 [07/05/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: iNcamisang ที่ 07-05-2016 08:51:18
โอ๊ย เคลิ้มมมมมมมมม

หวานมากกกกกกค่ะ >\\\\\\<
 :impress3:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 10 [07/05/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 07-05-2016 10:41:26
เขาต้องเป็นเนื้อคู่กันแน่ๆ หวานอ่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 10 [07/05/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-05-2016 22:20:11
อื้อ!แอบหวานเบาๆ >///<
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 10 [07/05/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: igaga ที่ 07-05-2016 23:30:17
อยากได้พ่อหมีพู
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 10 [07/05/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 07-05-2016 23:39:42
 “เจ้าคือแสงสว่างแห่งรักของข้า” สำหรับเทพที่อยู่ในดินแดนแห่งความตาย ดูยิ่งใหญ่มีค่าสุดๆๆๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 10 [07/05/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 08-05-2016 00:48:07
โอ๊ย ตายๆๆๆ เก๊าเขิน  :hao7:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 10 [07/05/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 08-05-2016 02:36:13
เทพโรแมนติกมากกก
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 10 [07/05/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 08-05-2016 08:51:20
อนูบิส หวานเวอร์  :-[

ห่วงคุณยายจัง
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 10 [07/05/59] เทพอียิปต์หลงยุค
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 08-05-2016 13:04:40
เขินนน  :-[
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 10 เทพอียิปต์หลงยุค [ประกาศลาพัก]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 18-05-2016 13:23:01
ประกาศลาพักประมาณ 1 เดือนค่ะ


เป็นเพราะว่าตั้งแต่เริ่มแต่งนิยายเอง
รวมถึงต้องทำงานประจำด้วยแล้ว ทำให้คนแต่ง
ไม่มีเวลาได้เสพงานนิยายของนักเขียนท่านอื่นๆเลย


รู้สึกเหมือนลูกศิษย์ที่ออกมาท่องวิทยายุทธลองผิดลองถูกในบู๊ลิ้ม
แล้วไม่มีอาจารย์ชี้แนะ


จึงขอลาพักไปอ่านนิยายนักเขียนในดวงใจและหาข้อมูลมาพัฒนาฝีมือ
แล้วจะกลับมาแต่งนิยายตัวเองต่อ


รอเค้ากันด้วยน้าตะเอง


Belove


 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 10 เทพอียิปต์หลงยุค [ประกาศลาพัก]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 18-05-2016 14:53:21
รออ่านนะ นิยายสนุกๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 10 เทพอียิปต์หลงยุค [ประกาศลาพัก]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-05-2016 15:18:22
 :L2: 
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 10 เทพอียิปต์หลงยุค [ประกาศลาพัก]
เริ่มหัวข้อโดย: iNcamisang ที่ 19-05-2016 11:14:20
รอค่ะรอ ^_____^   :mew1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 10 เทพอียิปต์หลงยุค [ประกาศลาพัก]
เริ่มหัวข้อโดย: THANZ ที่ 06-06-2016 01:54:10
รอนะครับ :ling1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 10 เทพอียิปต์หลงยุค [ประกาศลาพัก]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 07-06-2016 19:48:41
รอจ้าาาาา
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>บทที่ 11 เทพอียิปต์หลงยุค 11/6/59 กลับมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 11-06-2016 01:16:54


                                                       อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                                    บทที่ 11


               อาศิรลางานหนึ่งวันเพื่อดูแลยายจันทร์โดยมีอนูบิสอยู่ใกล้ๆ แต่เพราะหอผู้ป่วยวิกฤติให้เข้าเยี่ยมได้เป็นเวลา อนูบิสจึงได้แต่

นั่งรออยู่ภายนอก ส่วนอาศิรอาศัยความเป็นแพทย์ของโรงพยาบาลจึงเข้าไปดูอาการยายของเขาได้ นายแพทย์หนุ่มมองหญิงชราที่นอน

อยู่บนเตียงพร้อมสายระโยงระยางด้วยความสงสาร


               “เส้นเลือดในหัวใจอุดตัน แต่คิวฉีดสียาวมาก อาจารย์กลัวว่าคุณยายจะรอไม่ไหว”


               แพทย์ประจำหอผู้ป่วยวิกฤติที่เป็นอาจารย์ของอาศิรบอกกับเขาถึงเรื่องการรักษา


               “ทำไมไม่พายายไปโรงพยาบาลของหมอกำจรล่ะอาศิร”


               คำแนะนำนั้นทำให้อาศิรต้องออกมาภายนอก เขาทรุดตัวลงนั่งเคียงข้างกับอนูบิสพร้อมกับถอนลมหายใจหนักอึ้งออกมา


               “คุณยายเป็นไงบ้าง”


               อนูบิสเอ่ยถามอย่างห่วงใย เขาเคยพบเห็นความตายมามากมาย หากแต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่อนูบิสอยากจะยั้งไว้ให้เนิ่นนาน

ที่สุด อาศิรก้มหน้ามองมือตนเองที่บีบแน่นอยู่บนตัก


                “การรักษาที่นี่อาจจะไม่ทันการ อาจารย์ของผมแนะนำให้ผมพายายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลของพ่อเพื่อความรวดเร็ว แต่ผม

ไม่...”


               “โอม” อนูบิสเอ่ยเสียงนุ่มเพื่อหยุดความวิตกร้อนรุ่มในหัวใจของอาศิร


               “ถือทิฐิไม่ช่วยให้ยายดีขึ้นนะโอม”


               คำเตือนของอนูบิสเตือนสติอาศิรได้เป็นอย่างดี เมื่อคิดถึงสภาพของยายแล้ว อาศิรจำเป็นต้องละทิ้งอคติในใจและตัดสินใจ

โทรศัพท์หากำจร


               “ว่าไงไอ้โอม ร้อยวันพันปีไม่เคยโทรมา”


               พ่อของเขารับสายในเวลาไม่นานนัก อาศิรเม้มปากชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยออกไป


               “พ่อครับ ยายไม่สบายอาการหนักมาก เป็นนิวมอเนียและที่สำคัญคือเส้นเลือดหัวใจตีบ ตอนนี้แอดมิทอยู่ไอซียู”


               “แล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน แกถึงต้องโทรหา”


               ดูเหมือนกำจรจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยที่ยายของบุตรชายนอกสมรสเจ็บป่วย จนอาศิรต้องกลืนก้อนสะอื้นลงไป


               “คิวแคทแลปที่นี่ยาวมาก ผมเกรงว่ายายจะรอไม่ไหว ก็เลยอยากจะขอพายายไปรักษาที่โรงพยาบาลของพ่อจะได้ไหมครับ”


               กำจรเงียบไปครู่หนึ่ง เป็นช่วงเวลาที่อาศิรแทบจะกลั้นหายใจตามจนกระทั่งกำจรส่งเสียงอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเป็นต่อ


               “เห็นคุณค่าของฉันขึ้นมาแล้วล่ะสิทีนี้  ถึงได้ยอมก้มหัวมาขอร้อง ก็ได้ แกจะพายายมารักษาที่นี่ก็ได้ เพียงแต่ว่ามันก็ต้องมีข้อ

แลกเปลี่ยน”


               “พ่อ!”


               อาศิรอุทานอย่างเหลืออด


               “แม้แต่ชีวิตยายของผม พ่อก็ยังต้องการสิ่งแลกเปลี่ยนหรือครับ”


               “ไม่มีอะไรบนโลกนี้ที่ได้มาโดยไม่มีสิ่งแลกเปลี่ยน นี่คือสิ่งที่แกต้องเรียนรู้ ไอ้โอม” กำจรพูดเสียงหนักเพื่อให้รู้ว่าเขาไม่ได้

พูดเล่น


               “และของแลกเปลี่ยนที่ฉันต้องการไม่ใช่เรื่องยากเย็นเลยเมื่อเทียบกับชีวิตยายของแก”


               “พ่อต้องการอะไร”


               อาศิรเอ่ยเสียงแหบโหยเอ่ยถามบิดาตนเอง ก่อนที่เขาจะต้องเป็นฝ่ายนิ่งเงียบไปบ้าง


               “ก็แค่ให้แกลาออกจากโรงพยาบาลที่แกทำงานอยู่ แล้วมาทำงานกับฉันที่นี่ไงล่ะ”


               อาศิรถึงกับกัดฟันเมื่อได้ยินข้อเสนอ กำจรรู้ดีอยู่แล้วว่าอาศิรไม่อยากไปทำงานที่โรงพยาบาลของเขา แต่ก็ยังใช้ความ

ต้องการของตนเองมาใช้เป็นข้อแลกเปลี่ยนในเวลาที่เหมาะเจาะเหลือเกิน กำจรมั่นใจว่าในสถานการณ์เช่นนี้อาศิรไม่อาจเอ่ยปฏิเสธได้

และก็จริงอย่างที่คาดไว้


               “ตกลงครับ ผมจะลาออกจากที่นี่ถ้ายายจะได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุดเมื่อไปถึงโรงพยาบาลของพ่อ”


               อาศิรตัดสายโทรศัพท์ เขาทิ้งศีรษะไปกับผนังปูนด้านหลังอย่างหมดแรง มือของเขาถูกอนูบิสกอบกุมด้วยความเห็นใจ


               “เหนื่อยมากใช่ไหมโอม เมื่อคืนก็แทบไม่ได้นอน อาหารก็ยังไม่ตกถึงท้อง รออยู่ที่นี่นะผมจะไปหาซื้ออาหารมาให้”


               อนูบิสเริ่มเรียนรู้การใช้ “เงินตรา” แลกเปลี่ยนสิ่งของที่ต้องการ อาศิรให้เงินตราที่เขาไม่รู้จักไว้ติดตัวจำนวนหนึ่งเพื่อให้เขา

ดำรงชีวิตได้ในสังคมใหม่แห่งนี้ อาศิรได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างใหญ่ที่เดินห่างออกไปด้วยความตื้นตัน

               อย่างน้อยก็ยังมีอนูบิสเคียงข้างในวันที่อ่อนล้าเต็มที เขานึกถึงยามเช้าที่ผ่านมา เมื่อสะดุ้งตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุก อาศิร

เห็นตนเองอยู่ในอ้อมกอดของอนูบิส แรงโอบรัดนั้นอบอุ่นจนไม่อยากขยับตัว แต่เขาจำเป็นต้องฝืนความรู้สึกนั้นอย่างเสียดายด้วยความ

เป็นห่วงยาย

               จะดีแค่ไหนหากได้อยู่ในอ้อมกอดของอนูบิสเช่นนี้ทุกครั้งที่ลืมตาตื่น

               อาศิรปล่อยใจไปกับภวังค์นั้นจนต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของเขา และเมื่อเงยหน้าขึ้นมองจึงเห็นเจ้าของเสียง

เรียก


               “ได้ข่าวว่าคุณยายป่วยเหรอโอม”


               คีรีนั่นเอง คงจะได้ข่าวเพราะเขาลากะทันหัน อาศิรรีบลุกขึ้นยืนและยกมือไหว้ทักทาย


               “นิวมอเนียน่ะครับพี่คีรี เมื่อคืนนี้ฝนตกหนัก อากาศชื้นมาก”


               “นั่นสินะ ขอพี่เข้าไปเยี่ยมคุณยายหน่อยแล้วกัน”


               อาศิรพยักหน้ารับ เขาเดินนำเข้าไปในหอผู้ป่วยวิกฤตจนถึงเตียงของยายจันทร์ และพูดคุยกับคีรีถึงอาการของยายอีกเล็กน้อย

จึงได้เดินกลับออกมาด้านนอก


               “คงจะต้องพายายไปโรงพยาบาลของพ่อ”


               อาศิรเอ่ยเสียงแผ่ว ดวงตาของเขาหรุบลงด้วยความกังวลจึงไม่ทันได้เห็นนัยน์ตาของคีรีที่สว่างวาบอยู่แวบหนึ่งก่อนจะจาง

หายไปอย่างรวดเร็ว


               “ก็ดีนะโอม ที่นั่นเครื่องมือทันสมัยมากและไม่ต้องรอคิวนานเหมือนที่นี่ แล้วผมจะไปเยี่ยมยายที่โน่นนะโอม ผมต้องไปแล้ว

ต้องไปตรวจคนไข้โอพีดี”


               อาศิรยกมือไหว้ขอบคุณที่คีรีมาเยี่ยมยายของเขา คีรีรับไหว้ก่อนจะหันหลังเดินกลับไป อาศิรมองตามจนเห็นคีรีเดินสวนกับ

อนูบิสที่หอบหิ้วถุงใส่อาหารมาพะรุงพะรัง อาศิรมองเห็นอนูบิสชะงักไปชั่วขณะเมื่อคีรีเดินผ่านเขาไปจนถึงกับเหลียวหลังไปมองพักใหญ่

จึงเดินมาหาอาศิร


               “คนนั้นใคร”


               อาศิรแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าของอนูบิส หัวคิ้วสีเข้มของเขาย่นเข้าหากันด้วยความสงสัยอะไรบางอย่าง


               “หมอคีรี เขาเป็นหมอผ่าตัด มีอะไรหรือเปล่าอินทร์ภู”


               “กลิ่นของเขาแปลกๆ”


               จะว่ากลิ่นสาบสางก็ว่าได้ กลิ่นมันชวนสะอิดสะเอียนจนจมูกหมาในอย่างอนูบิสแทบจะทนไม่ไหว มันผิดกับกลิ่นของมนุษย์

คนอื่น อาศิรได้แต่เอียงคอมองสีหน้าเครียดขรึมของอนูบิส


               “ไม่ใช่หรอกมั้งอินทร์ภู จมูกเพี้ยนหรือเปล่า หรือว่าเป็นหวัด ส่งน้ำกับขนมปังมาให้ผมเถอะท้องเริ่มประท้วงแล้ว”


               อาศิรสะกิดแขนให้อนูบิสนั่งลงพร้อมกับเขาและคว้าของกินในมือไปจากอนูบิส ส่วนคนซื้อมากลับได้แต่นึกถึงกลิ่นสาบสาง

นั้น

               อนูบิสสังหรณ์ใจว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติ เพราะเขาไม่ได้เป็นหวัดอย่างที่อาศิรบอกแน่ๆ เขามั่นใจ







               ปาลวิ่งกระหืดกระหอบไปยังฝ่ายนิติเวชเพราะใจภักดิ์โทรศัพท์ปลุกเขาตั้งแต่ตอนเช้า ปาลหาข้อมูลต่างๆจนเพิ่งจะได้นอนไป

เมื่อตอนดึกนี่เอง แถมยังต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ของใจภักดิ์


               “รีบมาด่วนไอ้ปาล งานเข้าแล้ว”


               นั่นแหละทำให้เขาต้องฝ่าการจราจรอันติดขัดจากบ้านมาด้วยบิ๊กไบค์คันเก่งของเขาเพื่อให้มาถึงที่ทำงานโดยเร็วที่สุด และ

เมื่อวิ่งมาถึงฝ่ายนิติเวชที่ใจภักดิ์ทำงานอยู่ หญิงสาวก็ชี้นิ้วไปยังร่างกายที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงกลางห้อง


               “งานเข้าแต่เช้า เคสนี้ญาตินำศพมาส่งให้ช่วยตรวจสอบสภาพศพ”


               “แล้วมันเกี่ยวกับกูยังไงวะ ถึงต้องขุดมาจากที่นอน” ปาลเลิกคิ้วถาม ใจภักด์เดินนำเขาเข้าไปใกล้และชี้ให้ดูรอยเย็บที่สีข้าง

ฝั่งซ้าย


               “ผู้ชายคนนี้ถูกรถชนเมื่อวาน ญาติบอกว่าที่โรงพยาบาลผ่าตัดที่ช่องท้องเพื่อหยุดเลือดในช่องท้องแต่ช่วยไม่ทัน คนไข้ช็อก

และเสียชีวิตในห้องผ่าตัด ญาติรับศพไปที่วัด พอเปิดศพมาจะแต่งตัวก็เห็นรอยเย็บที่อยู่สูงขึ้นไปจากช่องท้องตรงนี้”


               ใจภักดิ์ใช้ปลายนิ้วชี้ลากให้ปาลมองตาม มันเป็นรอยเย็บหยาบๆที่อยู่เหนือรอยเย็บของช่องท้องที่ละเอียดกว่าอย่างเห็นได้

ชัด


               “กระดูกชี่โครงมีรอยหวำลึก เหมือนมีบางอย่างที่ควรจะอยู่ในนั้นแต่ไม่อยู่ ญาติก็เลยนำศพมาให้นิติเวชตรวจสอบ แล้วก็โป๊ะ

เชะ”


               ใจภักดิ์ดีดนิ้ว


               “ เปิดออกดูแล้วเจอว่ากระดูกซี่โครงที่สามและสี่หักออกพร้อมกับ แถ่น แทน แท้น หัวใจก้อนเท่ากำปั้นหายไปสิคะคุณ”


               “หมายความว่าเคสนี้ตายก่อนหน้านี้แล้วมีคนผ่าเอาหัวใจออกไปจากศพใช่ไหม”


               “ใช่ ซึ่งมันก็น่าสงสัยที่ว่า พอตายแล้วก็ฝากศพไว้ที่ห้องดับจิตของโรงพยาบาลก่อนที่ญาติจะไปรับศพมาเมื่อตอนเช้ามืด

แล้วใครกันนะที่กล้าลักลอบเข้าไปในแผนกนิติเวชของโรงพยาบาลเผื่อขโมยหัวใจคนตายออกไป”


               สมองของปาลทำงานเร็วจี๋ เขายกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปผู้ตายจนพอใจ จากนั้นเขาก็พยักหน้าให้ใจภักดิ์เดินตามออกมาด้าน

นอกห้องผ่าศพ  ปาลวางกระดาษที่เขาปรินท์ออกจากอินเตอร์เนทปึกหนึ่งมาส่งให้ใจภักดิ์อ่าน


               “นี่คือที่หาเจอในอินเตอร์เนท สภาพศพที่เจอมันเหมือนกันการแต่งศพเพื่อทำมัมมี่ชะมัด”


               ใจภักดิ์มองเอกสารเหล่านั้นทีละใบ หลังจากนั้นหญิงสาวก็ย่นคิ้วเป็นปมพอกับปาล


               “เหมือนจริงๆด้วยว่ะ”


               “หรือว่าคนทำมันเป็นพวกบ้ามัมมี่ เราอาจจะต้องหาคนที่ชำนาญเรื่องนี้มาช่วยดู เพราะยังหาข้อมูลอะไรใหม่ๆไม่ได้ก็ดันมามี

ศพนี้เป็นศพที่สามอีก”


               “งั้นแกไปหาไอ้คนชำนาญมัมมี่อะไรของแกนะปาล ส่วนฉันจะแวะไปที่โรงพยาบาลที่คนตายรักษาตัวหน่อย เผื่อจะได้ข้อมูล

อื่น”


               แบ่งงานกันแล้วใจภักดิ์จึงได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลของรัฐที่ญาติให้ข้อมูลมา แต่เพราะไม่คุ้นเคยสถานที่หญิงสาวจึงยืน

คว้างก่อนจะตัดสินใจก้าวไปตึกที่อยู่ใกล้ที่สุด


               “ขอโทษค่ะคุณพยาบาล”


               เอ่ยทักพยาบาลคนหนึ่ง ตัวเล็กๆหน้าใสๆที่กำลังวุ่นวายอยู่ใกล้เคาน์เตอร์ท่ามกลางคนไข้ล้นห้องและเจ้าหน้าที่ที่กำลัง

ทำงานกัน


               “ฉันจะมาขอประวัติของ...”


               “ใครให้ญาติขึ้นมาบนตึกตอนนี้เนี่ย”


               ใจภักดิ์สะดุ้งโหยงเมื่อเจอเสียงดุแว้ดใส่จากหญิงสาวตัวเล็กในชุดพยาบาลตรงหน้า


               “ไม่ใช่ญาติ คือว่า...”


               “ไม่รู้หรือไงว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาให้ญาติขึ้นมาเยี่ยม ทำไมรปภ.ถึงปล่อยให้ขึ้นมาได้นะ ไม่รู้หรือว่า...”


               “คุ๊ณณณ ฟังกันหน่อย”


               ใจภักดิ์ยกมือห้าม ใจชักจะเดือดปุดๆเมื่อเจอการต้อนรับพร้อมขับไล่แบบนี้”


               “ฉันไม่ใช่ญาติ ฉันเป็นตำรวจจะมาขอประวัติคนไข้”


               “แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะ ปล่อยให้ยืนพูดเสียตั้งนาน”


               อ้าว แล้วจะแทรกตอนไหน แม่คุณใส่เป็นพรืดติดกันขนาดนี้


               ใจภักดิ์มองหน้าพยาบาลตรงหน้า ก็หน้าขาวใสน่ารักดีล่ะนะ ถ้าไม่ติดว่าปากจัดชะมัด


               “ตำรวจจริงหรือเปล่า มิจฉาชีพสวมรอยมาหรือเปล่าก็ไม่รู้”


               ใจภักดิ์อยากจะยกมือกุมหน้าผาก แต่หญิงสาวก็ต้องใช้มือหยิบบัตรประจำตัวออกมาส่งให้คุณพยาบาลหน้าเด็กตรงหน้าหยิบ

ไปอ่าน


               “ร้อยตำรวจโทแพทย์หญิงใจภักดิ์”


               เจ้าหล่อนอ่านออกเสียงก่อนจะหรี่ตามอง แถมยังยักไหล่ใส่ใจภักดิ์ตอนที่ส่งบัตรคืนให้อีกต่างหาก


               “ก็ไม่รู้นี่ว่าเป็นตำรวจ ถือว่าไม่ผิด แล้วจะหาคนไข้ชื่ออะไรล่ะ”


               ใจภักดิ์ส่ายหน้ากับท่าทางของหญิงสาว  แต่ก็ต้องบอกชื่อกับแผนกออกไป


               “มาผิดตึกแล้ว ตึกนี้อายุรกรรม ตึกศัลยกรรมต้องออกจากตึกนี้ไปเดินเลี้ยวซ้าย”


               พูดจบก็สะบัดหน้าเดินกลับไปทำงานปล่อยให้ใจภักดิ์อ้าปากค้างกระพริบตาปริบๆ


               เออ ให้มันได้อย่างนี้สิ ยายพยาบาลโหด


               ใจภักดิ์ปลงในใจพร้อมกับภาวนาเพื่อไม่ต้องเจอกับพยาบาลแสนดุผิดกับหน้าตาและชื่อที่ใจภักดิ์แอบอ่านจากป้ายชื่อที่เจ้า

หล่อนคล้องคออยู่


               อย่าได้เจอกันอีกเลยนะ แม่พยาบาลสาวชาลินี




มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>บทที่ 11 เทพอียิปต์หลงยุค 11/6/59 กลับมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 11-06-2016 01:22:36
ต่อกันตรงนี้


 
               เวทิศเดินมาที่ห้องของคณบดีอย่างเร่งรีบเพราะเขาถูกตามตัวด้วยเรื่องที่คณบดีบอกว่าด่วนมาก ทำให้เวทิศต้องวางมือจากการหาข้อมูล


เรื่องปีศาจร้ายเนรูลงและวิ่งแจ้นมาอย่างรวดเร็ว




                “เรื่องอะไรครับอาจารย์”




                เวทิศเอ่ยถามคณบดีที่เป็นอาจารย์ของเขาพร้อมกับหอบไปด้วย ทันทีที่เขานั่งลงคณบดีก็เล่าเรื่องให้ฟังทันที




                “กรมสืบสวนคดีพิเศษทำเรื่องขอความร่วมมือมาที่คณะ”




                “กรมสืบสวนคดีพิเศษนี่มันก็ตำรวจใช่ไหมครับ เขาจะขอความร่วมมือเรื่องอะไร”




                “มีคนตายถูกผ่าศพแล้วควักหัวใจออกมา ที่เป็นข่าวเมื่อเกือบเดือนที่ผ่านมาไงล่ะ ทีนี้สภาพศพมันเหมือนการทำมัมมี่


เขาเลยอยากได้ผู้เชี่ยวชาญไปช่วยเรื่องนี้ ผมเลยคิดว่าอาจารย์เวทิศนี่แหละที่เหมาะที่สุด เพราะคุณเชี่ยวชาญด้านอียิปต์วิทยา”




                ช่วยเหลือตำรวจ งานงอกอีกแล้วไอ้ทิศ




                ท่านเทพไอดอลในดวงใจก็รอการช่วยเหลืออยู่ แล้วนี่ยังต้องไปช่วยตำรวจอีก ฮีโร่ไหมล่ะ




                “เดี๋ยวตำรวจที่เขารับผิดชอบคดีนี้ก็คงจะมา”




                เสียงเคาะประตูห้องคณบดีดังขึ้น และเมื่อเจ้าของห้องเอ่ยปากอนุญาตมันก็ถูกผลักออก ทันทีที่ร่างสูงก้าวเข้ามาในห้อง


ด้วยชุดนอกเครื่องแบบตำรวจ แต่ใบหน้านั้นทำให้เวทิศอ้าปากหวอพอๆกับอีกฝ่ายที่ก็ยืนอึ้งไม่แพ้กัน




                อย่าบอกนะว่าเวทิศต้องช่วยงานตำรวจคนนี้ คนที่เป็นโจทย์เก่าของเขา




                ร.ต.อ.ปาล แฟนกวินตราพี่สาวเพื่อนสนิท




                เวทิศจำได้ขึ้นใจ


 


                TBC
                               


                              กลับมาแล้วจ้า คิดถึงกันบ้างไหม
               
               

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>บทที่ 11 เทพอียิปต์หลงยุค 11/6/59 กลับมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 11-06-2016 02:16:01
 :mc4:  ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า ยินดีต้อนรับกลับมาจร้าาา  :man1:


อ่านตอนนี้แล้วอยากจะให้อิตาหมอกำจรเนี่ย โดนควักหัวใจออกไปจริงๆ  ความเป็นพ่อยังมีอยู่บ้างมั้ย  เคยรักน้องโอมบ้างรึเปล่า

แต่คิดว่าไม่แน่ๆ   ดูทรงแล้วเป็นพวกที่คิดว่า ชั้นคือพ่อ แกต้องฟังชั้น  สั่งซ้ายต้องสั่งขวาต้องขวา  สรุป แม่งบ้าอำนาจ 

ส่วนหมอคีรี    :เฮ้อ:   ได้แต่ถอนหายใจ   เอาความวิบวับๆกลับมาในตอนแรกที่เราเสียให้นายคืนมาเลย   นายมันดาร์กมาก

ส่วนพ่อปาลยอดขมองอิ่ม  ดูท่างานนี้จะคุ้มสุด  ได้ทั้งงานได้เมีย   :hao7:

ปล.แอบเอายูริมาให้กลุ้มกลิ่มหัวใจสินะ   น้องชาลินี กับ พี่ใจภักดิ์   :hao7:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>บทที่ 11 เทพอียิปต์หลงยุค 11/6/59 กลับมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-06-2016 06:42:03
ไอ้หยา ถูกคนเขียนเหวี่ยงให้มาเจอกันอีกแล้วนะ คุณตำรวจกับคู่ปรับ ฮา
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>บทที่ 11 เทพอียิปต์หลงยุค 11/6/59 กลับมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 11-06-2016 07:26:16
 :mew1:   ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>บทที่ 11 เทพอียิปต์หลงยุค 11/6/59 กลับมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-06-2016 08:54:22
คู่ปรับต้องทำงานร่วมกัน อย่ากดกัน เอ๊ย กัดกันเยอะนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>บทที่ 11 เทพอียิปต์หลงยุค 11/6/59 กลับมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-06-2016 09:00:41
มีแต่เรื่องยุ่งๆเนาะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>บทที่ 11 เทพอียิปต์หลงยุค 11/6/59 กลับมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: anawas ที่ 11-06-2016 10:06:49
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>บทที่ 11 เทพอียิปต์หลงยุค 11/6/59 กลับมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: LovEYouOnLy ที่ 11-06-2016 10:51:50
 :mc4: :mc4:เย้ๆ กลับมาแล้ว
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>บทที่ 11 เทพอียิปต์หลงยุค 11/6/59 กลับมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 11-06-2016 11:24:32
มาต่อแล้ววว คุณยายสู้ๆนะ อย่าเป็นอะไรเลย
หมดคีรีคิดจะทำอะไรแน่ๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>บทที่ 11 เทพอียิปต์หลงยุค 11/6/59 กลับมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 11-06-2016 13:01:10
ขอบคุณที่มาต่อค่ะ  :pig4: :L2:  ยังรอและติดตามอยู่นะคะ  :katai4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>บทที่ 11 เทพอียิปต์หลงยุค 11/6/59 กลับมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 11-06-2016 21:33:07
 :mew6: สงสารอ่ะ ทำไมอาภัพอย่างนี้
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>บทที่ 11 เทพอียิปต์หลงยุค 11/6/59 กลับมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 11-06-2016 22:22:45
นั้นงะ งานเข้า 55555
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>บทที่ 11 เทพอียิปต์หลงยุค 11/6/59 กลับมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 11-06-2016 23:26:41
กลับมาแล้วๆๆๆๆ :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>บทที่ 11 เทพอียิปต์หลงยุค 11/6/59 กลับมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 12-06-2016 16:13:42
คิดมานานแล้วว่าคุณพ่อ หมอนี่ใช่ไม่ได้

แต่นี่ไม่คิดว่าจะเอาความเป็นความตายคนมาเป็นข้อแม้

แย่ :z6:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>บทที่ 11 เทพอียิปต์หลงยุค 11/6/59 กลับมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 12-06-2016 20:56:48
โอย ลุ้น อยากให้รู้เรื่องหมอคีรีกันเร็วๆ จะได้หาทางป้องกันได้ แล้วก็สู้ได้ด้วย
ทำไมโอมไม่เล่าเรื่องในห้องผ่าตัดว่ามีอะไรแปลกๆ ให้อนูบิสรู้ล่ะ
รออ่านต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>บทที่ 11 เทพอียิปต์หลงยุค 11/6/59 กลับมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 12-06-2016 21:17:38
มาแล้ววว คิดถึงจัง
พ่อก็เนอะเห็นแก่ตัวจัง ไม่ชอบเลย และหวังว่าอิหมอจะไม่ทำอะไรคุณยายนะ :katai1:
 :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>บทที่ 11 เทพอียิปต์หลงยุค 11/6/59 กลับมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 17-06-2016 09:33:57
เพิ่มความน่าปวดหัวเข้ามาอีก  งานมันจะสำเร็จไหมเนี้ย  เตรียมปวดหัวไว้หรอเลย  รออยู่คราบ 
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>บทที่ 11 เทพอียิปต์หลงยุค 11/6/59 กลับมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 17-06-2016 10:51:34
ยินดีต้อนรับกลับมาจ้าา
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>บทที่ 11 เทพอียิปต์หลงยุค 11/6/59 กลับมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: FOUR EYES ที่ 18-06-2016 02:53:06
ติดตามจ้าาา เป็นกำลังใจให้นะเอออ.

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>บทที่ 11 เทพอียิปต์หลงยุค 11/6/59 กลับมาแล้วจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 30-06-2016 21:03:37
รอๆๆๆ
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 12 [12/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 12-07-2016 00:13:10


                                                               อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                                         บทที่ 12


               “มีอะไรก็ว่ามา”


               เวทิศนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กในห้องทำงานแสนรกของเขาโดยมีนายตำรวจหนุ่มยืนกอดอกมองอย่างหมั่นไส้ หลังจาก

ที่คณบดีแนะนำตัวแล้วว่าเวทิศคือผู้เชี่ยวชาญด้านอียิปต์วิทยาเพียงคนเดียวในตอนนี้ เวทิศก็เดินนำลิ่วๆให้ปาลตามมาที่ห้องพักอาจารย์

เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่ปาลขอความช่วยเหลือมายังมหาวิทยาลัย


               “เต็มใจที่จะช่วยหรือเปล่า”


               ปาลส่งเสียงถามอย่างไม่สบอารมณ์นัก หงุดหงิดตั้งแต่เห็นหน้าผู้เชี่ยวชาญด้านความกวนอวัยวะเบื้องล่างเมื่อคณบดีแนะนำ

ตัวแล้ว ตอนนั้นเจ้าตัวก็ยังไม่กล้าออกฤทธิ์มากนัก แต่พอได้อยู่ด้วยกันภายในห้องนี้โดยไม่มีผู้ใหญ่ ความกวนก็บังเกิดจนอยากจะฝาก

รอยเท้าเอาไว้เป็นของขวัญ


               “แล้วไงล่ะ ถ้าผมไม่เต็มใจคุณพี่ตำรวจจะไม่ใช้บริการใช่แมะ”


               เวทิศโต้ตอบด้วยสีหน้าเป็นต่อ เพราะอีกฝ่ายมาที่นี่ก็เนื่องด้วยต้องการความช่วยเหลือ และก็เป็นเขาที่ได้รับการคัดเลือก รอย

ยิ้มกระหยิ่มนั้นยิ่งทำให้ปาลนึกโมโห


               กวนตีนชิบหาย


               นั่นคือคำจำกัดความที่ปาลมอบให้เวทิศ


               “นี่เป็นเรื่องงานที่ประชาชนทุกคนต้องให้การช่วยเหลือแก่ทางการ ถ้านาย เอ๊ย คุณไม่ช่วยก็ถือว่าปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ

กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ”


               คราวนี้เป็นปาลที่ยิ้มเยาะเย้ยบ้าง


               “ผมมีสิทธิ์จับคุณได้ก็แล้วกัน”


               “โอ๊ย กลัวแล้วจ้าพ่อ” เวทิศแทบจะแยกเขี้ยวใส่ “มีอะไรก็ว่ามา เวลาของผมเป็นเงินเป็นทอง”


               “แค่เวลาเหรอที่เป็นเงินเป็นทอง นึกว่าคุณเป็นตัวเงินตัวทองเสียอีก”


               สาสสสสส


               “นี่คุณด่าผมว่าเหี้ยเหรอผู้กอง”


               ไม่ต้องรักษาท่าทีแล้ว เวทิศเดือดจนต้องผุดลุกขึ้นยืนแล้วถกแขนเสื้ออย่างเอาเรื่อง คนถูกกล่าวหายิ้มแป้นพลางยักไหล่ใส่


               “มีคำนั้นหลุดจากปากผมไหม ถ้าไม่มีแปลว่าคุณคิดไปเอง และมีเจตนากล่าวหา ใส่ร้ายผมนะอาจารย์เวทิศ”


               เวทิศได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่เพราะเป็นเรื่องงานเขาจึงยอมกระแทกตัวลงนั่งอีกครั้งพร้อมกระชากเสียงพูด


               “มีอะไรก็ว่ามา อย่ามัวโอ้เอ้”


               “ผมต้องการรู้เกี่ยวกับวิธีการทำมัมมี่ของอียิปต์ รวมถึงพิธีของพวกเขา”


               เวทิศไม่รู้ว่าทำไมตำรวจจากกรมสืบสวนคดีพิเศษถึงได้มาสนใจเรื่องมัมมี่ด้วย แต่เขาก็วางความรู้สึกส่วนตัวลงไปชั่วคราวแล้ว

จึงอธิบาย ให้อีกฝ่ายฟังราวกับตนเองอยู่ในพิธีด้วย มือก็สาละวนหาหนังสือจากกองรกมาส่งให้ปาล


               “ถ้ามีคนตาย ญาติจะนำศพไปที่วิหารของเทพอนูบิสที่นักบวชในวิหารจะใส่หน้ากากรูปหมาในเพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์แทนท่าน

เทพ ทีมนักบวชก็จะนำศพไปที่ห้องผลิตมัมมี่ซึ่งจะเป็นห้องลับ สมองของศพจะถูกดึงออกทางจมูกด้วยตะขอเกี่ยว เพราะคนอียิปต์สมัย

ก่อนไม่รู้ว่าสมองคือแหล่งสั่งการของร่างกาย”

               “หลังจากดึงสมองออกมาแล้ว นักบวชก็จะผ่าด้านข้างลำตัวดึงตับไตลำไส้กระเพาะออกมาให้หมดแต่จะเหลือหัวใจไว้เพราะ

เชื่อว่าศูนย์รวมของร่างกายคือหัวใจ พวกอวัยวะต่างๆเขาก็จะล้างและนำไปเก็บแยกไว้ในโถ ส่วนร่างกายก็จะถูกยัดเข้าไปด้วยเศษโคลน

เศษผ้าและเครื่องหอมก่อนที่จะนำร่างไปดองด้วยกรดเกลือไว้เป็นสัปดาห์จนแห้งแล้วค่อยมาห่อศพด้วยผ้าลินิน”


               จบคำอธิบายหัวคิ้วของปาลก็ย่นเข้าหากัน เวทิศมองด้วยความสงสัย


               “ผมเข้าใจผิดเหรอเนี่ย”


               “ผู้กองเข้าใจอะไรผิด สรุปแล้วการทำมัมมี่มันมีประโยชน์กับผู้กองบ้างไหม”


               เวทิศเริ่มจะงงเมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของปาล ผู้กองหนุ่มจึงหยิบโทรศัพท์ของเขาแล้วเปิดรูปในเครื่องส่งให้เวทิศ


               “ก็อย่างที่ผมบอกกับคณบดีของคุณ ตอนนี้มีคดีที่ศพถูกกรีดเอาหัวใจออกไปหลายศพโดยที่ยังหาข้อมูลได้น้อยมาก ผมก็

เลยคิดถึงพวกมัมมีขึ้นมา แต่พอฟังข้อมูลแล้วการทำมัมมี่คือไม่ได้ตัดหัวใจ ซึ่งแสดงว่าผมคิดผิด”


               “ในอียิปต์โบราณน่ะ ถ้าศพไหนไม่มีหัวใจก็เท่ากับไม่มีโอกาสได้ฟื้นไปโลกใหม่และไม่มีโอกาสได้ชั่งน้ำหนักต่อหน้าเทพโอซิ

ริส”


               เดี๋ยวนะ!


               เวทิศฉุกคิด แล้วใครกันที่ต้องการหัวใจขนาดที่ต้องผ่าศพเพื่อชิงมันไป ใครที่หัวใจของผู้อื่นเป็นสิ่งจำเป็นในตอนนี้ หาก

ไม่ใช่...


               ปีศาจร้ายเนรู


               “เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ”


               เสียงพึมพำแผ่วเบาและใบหน้าที่กำลังคิดอะไรบางอย่างทำให้ปาลต้องเป็นฝ่ายมองเวทิศด้วยความสงสัยบ้าง


               “แน่ล่ะ เงื่อนงำมันมีอยู่แล้ว ไม่งั้นผมจะต้องขวนขวายหาข้อมูลพวกนี้ทำไม”


               เวทิศเงยหน้าขวับ และด้วยนิสัยที่เมื่อตั้งใจอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จ ทำให้เขาโผเข้ามาวางมือไว้บนไหล่ทั้งคู่ของปาลแล้ว

เขย่าไปมา


               “ฟังนะผู้กอง อันที่จริงผมไม่ชอบหน้าคุณหรอก แต่เรื่องนี้ยังไงคุณก็ต้องให้ผมช่วยคุณ คุณเข้าใจผิดเรื่องมัมมี่ แต่คุณมาถูก

ทางแล้ว ผมนี่แหละที่จะช่วยคุณตามหาคนร้ายที่ขโมยหัวใจคนอื่นไปให้ได้”






               ใจภักดิ์เดินไปที่ฝ่ายนิติเวชของโรงพยาบาลหลังจากข้อมูลที่ได้มาจากหอผู้ป่วยแผนกศัลยกรรมเพียงพอแล้ว หญิงสาวได้

พบกันนายแพทย์สมยศหัวหน้าแผนกนิติเวชซึ่งเป็นรุ่นพี่ของใจภักดิ์จึงได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง สมยศถึงกับงุนงง


               “อะไรนะ เขาร้องเรียนว่าถูกผ่าศพและขโมยหัวใจที่โรงพยาบาลงั้นเหรอ”


               “ใช่ พี่ยศ ภักดิ์ตรวจแล้วหัวใจหายไปจริงๆ และมีรอยเย็บปิดหยาบๆเหมือนรีบร้อนอยู่ต้องด้านสีข้าง”


               หญิงสาวยืนยันพร้อมกับแสดงรูปถ่ายให้สมยศดู


               “แต่ศพคนตายหลังจากอยู่ที่ห้องผ่าตักสองชั่วโมงก็ต้องมาที่นี่ ระหว่างนั้นอาจจะมีใครแอบเข้ามาก็ได้ ช่วงที่เกิดขึ้นมันก็ดึก

มากแล้ว ห้องเก็บศพก็ไม่ค่อยมีใครผ่านไปมา เรื่องที่ใครจะเข้ามาก็ไม่ใช่เรื่องยาก”


               “มีกล้องวงจรปิดอยู่ตรงทางเข้านะ” สมยศเอ่ยขึ้นทำให้ใจภักดิ์ดีใจ


               “ขอดูได้ไหมพี่ยศ เผื่อจะเห็นว่าใคร”


               สมยศเดินนำไปยังห้องควบคุม เขาสั่งให้เจ้าหน้าที่เปิดหน้าจอเพื่อดูเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ ภาพสลัวลางเลือนในความมืด

จับภาพชายคนหนึ่งไว้ได้ ทั้งสมยศและใจภักดิ์ต่างก็จ้องจนตาแทบถลน หากแต่โชคก็ไม่เข้าข้างเพราะผู้ชายคนนั้นใส่ผ้าปิดปากพราง

ใบหน้าไว้ สมยศเจ้าของสถานที่มองหน้าเครียด


               “มีคนแอบเข้ามาจริงด้วย เสียดายที่มองไม่เห็นหน้า แต่มันต้องเป็นคนในโรงพยาบาลนี่แหละเพราะดูท่าเดินแล้วสบายใจ

เหลือเกิน”


               ใจภักดิ์พยายามจดจำรูปร่างของคนลึกลับคนนั้น หญิงสาวดำเนินเรื่องขอนำเทปบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อนำไปใช้

ประกอบคดี กว่าจะจัดการเรื่องต่างๆให้เสร็จลงได้ก็หมดเวลาราชการไปพักใหญ่ ใจภักดิ์จึงได้ขับรถออกจากโรงพยาบาล


               “วะ ไอ้ฝนราชการ ตกตอนไหนก็ไม่ตก มาตกตอนเย็นที่คนเขาจะกลับบ้านกัน เดี๋ยวรถก็ติดหนักเพราะน้ำขังรอการระบาย

หรอก”


               บ่นพึมพำเมื่อสายฝนสาดซัดลงมาจากท้องฟ้าจนผู้คนพากันหลบฝนจ้าละหวั่น ใจภักดิ์เองก็รีบขับรถออกจากประตูโรง

พยาบาลจนไม่ได้มองข้างทาง


               ซ่า...

               รถญี่ปุ่นกลางเก่ากลางใหม่ของใจภักดิ์แล่นผ่านน้ำขังจนมันสาดกระจายไปเป็นวงกว้าง ใจภักดิ์หน้าเสียเมื่อเห็นว่าน้ำเหล่านั้น

สาดกระจายเข้าใส่คนที่ยืนอยู่ข้างถนนจนน้ำโคลนเปรอะเปื้อนชุดขาวไปทั้งชุด ใจภักดิ์ชะลอรถแล้วรีบเปิดกระจกตะโกนออกไปทันที


               “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”


               ไม่รู้ว่าจะยกโทษให้หรือเปล่า แต่คนที่ยืนนิ่งก้มหน้ามองชุดตัวเองที่เปื้อนสีโคลนถึงกับเม้มปากแน่นเมื่อเงยหน้าขึ้นมาสบตา

กับใจภักดิ์ที่โผล่หน้าออกมาจากกระจกรถ ใจภักดิ์กลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นว่าเจ้าของหน้าบึ้งตึงนั้นเป็นใคร


               วันนี้ดวงสมพงษ์กับพยาบาลสาวชาลินีคนนี้เหลือเกิน
               
                รีบขับรถหลบเข้าข้างทางเพื่อไม่ให้เกะกะขวางทางรถที่ตามหลังมา หลังจากนั้นใจภักดิ์ก็วิ่งมาที่ชาลินีด้วยสีหน้าเสียใจ


              “คือว่า...อย่าเพิ่งต่อว่าเลย ฉันเสียใจจริงๆ”


               แม้จะโมโหที่ชุดขาวของเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน แต่เมื่อชาลินีเงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงที่ตัวสูงกว่าเธออยู่พอสมควร

แล้วชาลินีก็ได้แต่ถอนหายใจเพื่อปัดเป่าความโมโหออกไป

               อันที่จริงเหตุการณ์เมื่อตอนสายๆของวันที่เผลอตัวตวาดคนตรงหน้าที่เป็นทั้งหมอและตำรวจออกไปชาลินีเองก็รู้สึกผิดอยู่ไม่

น้อยเพราะงานบนหอผู้ป่วยกำลังยุ่งทำให้เธอหลุดความหงุดหงิดออกไปจนนึกตำหนิตัวเอง แต่ก็ไม่นึกว่าตอนเย็นจะต้องมาพบเจอใจ

ภักดิ์เป็นครั้งที่สองด้วยสภาพเช่นนี้ ยังดีที่เป็นตอนเลิกงาน ถ้าชุดพยาบาลของเธอเลอะก่อนทำงานก็คงหงุดหงิดกว่านี้


               “ช่างเหอะ ถือว่าวันนี้ฉันดวงซวยเองก็แล้วกัน”


               แม้ว่าชาลินีจะไม่ถือโทษแต่ใจภักดิ์ก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี หญิงสาวอยากจะทำอะไรที่ไถ่ความผิดนี้ได้บ้าง


               “คุณกำลังจะกลับบ้านเหรอ ให้ฉันไปส่งนะ ตอนนี้ฝนยังตกไม่แรงมากถ้ามันแรงกว่านี้คุณจะกลับบ้านลำบาก ไปเถอะ”


               ใจภักดิ์ไม่รอคำตอบ หญิงสาวดึงแขนของชาลินีให้วิ่งตามมาที่รถและดันให้ชาลินีเข้าไปก่อนจะวิ่งไปที่นั่งของตัวเองแล้วรีบ

สตาร์ทรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว ชาลินีนั่งเงียบในรถอยู่พักใหญ่เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับใจภักดิ์ดี


               “บ้านคุณอยู่ไหน”


               ใจภักดิ์ถามทำลายความเงียบ ชาลินีจึงได้ตอบกลับไป


               “เรื่องเมื่อเช้าที่ตวาดใส่คุณฉันขอโทษนะ งานมันยุ่งฉันเลยหงุดหงิด”


               “ไม่เป็นไหรหรอก เรื่องแค่นี้เอง”


               ใจภักดิ์เหลียวไปมองชาลินีแวบหนึ่งแล้วเผลอยิ้มออกมา แม้จะเป็นผู้หญิงเหมือนกันแต่ก็ต้องยอมรับว่าชาลินีเป็นสาวหน้าตา

บ้องแบ๊วน่ารักไม่น้อย

               ไม่ได้คุยอะไรกันอีกจนกระทั่งขับรถถึงหน้าบ้านของชาลินีที่เป็นห้องแถวสองคูหาขายอาหารตามสั่ง ใจภักดิ์จึงเดินตามลงมา


                “น้ำชา ทำไมชุดเปื้อนแบบนี้ล่ะลูก”


               หญิงวัยกลางคนที่หน้าตาละม้ายชาลินีตะโกนทักมาจากหน้ากระทะทำกับข้าว ใจภักดิ์เดาว่านั่นคือมารดาของชาลินี


               “บ้านคุณขายอาหารตามสั่งเหรอ ดีเลย กำลังหิวไส้กิ่ว”


               “อ้าวเดี๋ยวสิหมอ”


               “เรียกฉันว่าภักดิ์ก็ได้คุณน้ำชา”


               “ใครอนุญาตให้เรียกชื่อเล่นฉันได้เนี่ย เดี๋ยวเหอะ”


               ใจภักดิ์ไม่ตอบ หญิงสาวเดินไปนั่งและสั่งอาหารกับแม่ของชาลินีและพูดคุยด้วยอย่างอัธยาศัยดีจนชาลินีนึกค่อนอยู่ในใจ


               รู้จักกันแค่ไม่กี่นาทีแต่คุยกับแม่เหมือนสนิทกันมาเป็นปี คารมจะดีเกินไปแล้วคุณหมอตำรวจ








               รถโรงพยาบาลของกำจรมารับยายจันทร์เพื่อแอดมิทตั้งแต่สายๆ และไม่นานนักหญิงชราก็ได้รับการรักษาในทันที ตอนนี้ยาย

จันทร์นอนรักษาตัวอยู่ในหอผู้ป่วยวิกฤติโดยมีอาศิรเฝ้า เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลส่วนใหญ่รู้จักอาศิรว่าเป็นบุตรขายของกำจรจึงไม่มี

ปัญหาในการเฝ้า จนกระทั่งความมืดมาเยือนอนูบิสที่อยู่เป็นเพื่อนอาศิรจึงได้เอ่ยปากชักชวน


               “คุณยายปลอดภัยแล้ว โอมกลับบ้านไปพักก่อนเถอะนะ ดูสิยืนแทบไม่ไหว”


               อาศิรหันไปฝืนยิ้มให้กับอนูบิส จริงอย่างที่เขาพูด ตอนนี้หากไม่มีอนูบิสช่วยพยุงไว้ เขาอาจจะล้มลงไปง่ายๆ อาศิรจึงเอ่ยปาก

อำลาคุณยายที่ยังอยู่ในสภาพอ่อนเพลียและก้าวตามอนูบิสออกจากโรงพยาบาล และด้วยความอ่อนเพลียทำให้อาศิรไม่ได้สนใจสิ่งรอบ

ข้าง หากแต่อนูบิสที่มาด้วยกันกลับมองเห็น

               ดวงตาคมแลเห็นบุรุษที่อาศิรเรียกนามว่าคีรีกำลังก้าวขึ้นรถยนต์ที่ลานจอดรถ อนูบิสคงจะไม่สนใจหากว่าจมูกของเขาจะไม่

ได้กลิ่นสาบสางเสียก่อน คิ้วดกหนาย่นเข้าหากันและความระแวดระวังก็บังเกิด เขามองตามหลังรถยนต์ที่คีรีขับออกไปและทันใดนั้น

ดวงตาแห่งเทพก็มองเห็นเงาดำวูบไหวอยู่บนหลังคารถ


               “เนรู!”


               “อะไรนะอินทร์ภู”


               อาศิรสะดุ้ง เขาเงยหน้ามองเทพอนูบิสที่บัดนี้กัดกรามกรอดดวงตาจ้องมองตามหลังรถยนต์ที่กำลังแล่นออกไปจากประตูโรง

พยาบาล อนูบิสเอ่ยคำสั่งเสียงเข้ม


               “อัมมุท ออกมา!”


               มวลอากาศก่อตัวทันที อสุรกายสีดำกระโจนออกตัวตามหลังรถยนต์ของคีรีไปอย่างรวดเร็ว เสียงคำรามกึกก้องดังไปทั่วหาก

แต่ไม่มีมนุษย์คนใดได้ยินนอกจากอาศิรที่มองอย่างตกตะลึง

               เงาดำหลังรถยนต์ได้ยินเสียงแล้ว มันหันกลับมาแยกเขี้ยวสีเงินวาววับพลางกรีดร้องเสียงแหลมบาดแก้วหูก่อนที่มันจะทะยาน

เข้าหาอัมมุทและต่อสู้กันอยู่กลางอากาศ อนูบิสกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า พลันร่างมนุษย์กลับผันเปลี่ยนเป็นร่างแห่งเทพที่มีศีรษะเป็น

หมาในสวมใส่เกราะสีทองอยู่บนลำตัวท่อนบนเปลือยอวดมัดกล้าม อนูบิสกระชับด้ามคทาในมือแล้วจึงโผเข้าใส่เนรูทันที


               คทาส่องแสงวาบ อนูบิสสะบัดคมพุ่งพลังเข้าใส่จนสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า มีเพียงอาศิรที่ตะลึงมองในขณะที่ผู้คนต่างวิ่งหลบ

หลีกเสียงและแสงจากฟ้าผ่ากันจ้าละหวั่น อาศิรเพ่งมองการต่อสู้ด้วยความเป็นห่วง เมื่อเนรูเคลื่อนที่หนีห่างไปเรื่อยๆ อนูบิสกระโจนตาม

ด้วยความเจ็บใจ


               “เนรู คืนขนนกและจงกลับไปรับโทษทัณฑ์”


               ตวาดก้องหากแต่เนรูกลับกรีดร้องเสียงบาดลึก อนูบิสถลำกายตาม เขาวาดคทาเข้าหาจนฟันเข้าร่างของเนรูได้ครั้งหนึ่ง หาก

แต่อนูบิสกลับเริ่มรู้สึกถึงพลังที่น้อยลงไปเรื่อยๆแต่เขาก็พยายามฟาดคทาใส่ เนรูส่งเสียงร้องก่อนจะกรีดกรงเล็บเข้าใส่ต้นแขนของอนูบิ

สจนกล้ามเนื้อแหวกเป็นทางและมีโลหิตสีน้ำเงินพุ่งออกมา


               “อย่าหนีนะ”


               เป็นเพราะไม่มีอังค์อยู่กับตัว พลังจึงมีไม่มากพอ อนูบิสเจ็บใจเหลือเกินที่เนรูพุ่งตัวหายวับไปในความมืด เขาประคองร่าง

ตนเองลงสู่พื้นและกลายร่างเป็นมนุษย์ กว่าจะมาถึงจุดที่อาศิรยืนอยู่อนูบิสก็แทบจะหมดแรง


               “อินทร์ภู!”


               อาศิรผวาเข้าไปรับร่างสูงใหญ่ของอนูบิสที่ยืนโงนเงนหากจากเขาไปไม่กี่ก้าว แผลขนาดใหญ่ที่ต้นแขนทำให้อาศิรเป็นห่วง

อนูบิสจนอยากจะร้องไห้
               


               TBC


 :katai4: :katai4:
               
               


                                                   


         

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 12 60% [12/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 12-07-2016 00:34:12
เวทิศมาถูกทางแล้ว แต่ก็คงจัดการเรื่องไม่ได้ง่ายแน่ๆ อนูบิสจะเป็นไรมั้ย ทีนี้เวลาต่อสู้จะทำไงล่ะเนี่ย
อังค์ไม่อยู่กับตัว แต่จะให้โอมไปใกล้มากๆ ก็ไม่น่าได้อีก
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 12 60% [12/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 12-07-2016 09:00:32
ลุ้นๆๆ~
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 12 60% [12/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 12-07-2016 10:52:11
 o13   เริ่มแล้วๆ เข้มข้นๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 12 60% [12/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 12-07-2016 14:35:59
กัดกันซะขนาดนี้จะไปกันรอดมั้ยยยยยยยยยย :hao4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 12 100% [12/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 12-07-2016 20:27:48





บทที่ 12 อัพแล้ว 100%
อยู่โพสเดิมนะจ๊ะ





 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 12 100% [12/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 12-07-2016 21:37:53
กลับมาแบ้ววว คิดถึงใจจะขาดดด  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 12 100% [12/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 12-07-2016 21:48:59
รอๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 12 100% [12/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 12-07-2016 22:17:24
แล้วต้องทำไงนี่ พลังที่น้อยลง
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 12 100% [12/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 13-07-2016 00:10:08
มันกำลังเริ่มหนักขึ้น
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 12 100% [12/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 13-07-2016 10:19:35
+1ให้จ้า
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 12 100% [12/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: FOUR EYES ที่ 15-07-2016 09:57:33
มาแล้วววววว ขอบคุณค่ะ กำลังมันส์เลยทีเดียว เนรูหนีได้ตลอดระวังคราวหน้าจับได้ไม่เหลือซากแน่ๆ  :fire:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 12 100% [12/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-07-2016 14:26:42
ท่านเทพอย่าเป็นอะไรนะ!!
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 12 100% [12/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: philalai ที่ 16-07-2016 00:14:42
 :z10:
หนูขอแปะโป้ได้ก่อนนะคะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 12 100% [12/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 16-07-2016 00:15:09
รอดไปอีกสินะ เนรู
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 12 100% [12/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 27-07-2016 14:47:55
ได้อ่านแล้วคราบ  ยังไม่หายคิดถึงเลยเหอะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 12 100% [12/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 27-07-2016 20:16:03
กำลังสนุกเลย
รอตอนต่อไปค่ะ  :hao7:
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 13 [28/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 28-07-2016 16:47:01


                                                          อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                                     บทที่ 13

                                                        Anubis Lord of the Death



               “เป็นอะไรมากหรือเปล่าอินทร์ภู”


               เสียงร้อนรนด้วยความเป็นห่วงดังอยู่ใกล้หูเรียกสติคืนมาสู่อนูบิส และเพียงได้อยู่ใกล้อาศิรเขาก็รู้สึกถึงพลังอบอุ่นพุ่งตรงมา

จากอังค์ที่อยู่ภายในร่างกายนั้น ร่างเทพของเขาจึงค่อยมีเรี่ยวแรงกลับคืนมารวมถึงเลือดสีน้ำเงินจากแผลใหญ่ที่ต้นแขนก็ไหลน้อยลง

และหยุดในที่สุด


             “ผมไม่เป็นไร”


               อนูบิสฝืนยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใย หากอยู่เพียงลำพังอนูบิสนึกอยากจะดึงอาศิรมากอดใจแทบขาด


               “เกิดอะไรขึ้น ที่คุณสู้กับมันคือเนรูใช่ไหม”


               “อย่าเพิ่งถามผมตอนนี้เลย เรากลับบ้านกันก่อนดีกว่า”


               อาศิรเองก็เพิ่งจะตั้งสติได้ ด้วยความเป็นห่วงจึงได้ลืมไปว่าตอนนี้ทั้งคู่ยังอยู่ที่ลานจอดรถและอนูบิสยังบาดเจ็บ  อาศิรเงย

หน้ามองอนูบิสที่ยังคงอิดโรย


               “ไหวไหมอินทร์ภู”


               อนูบิสพยักหน้า เขาเป็นฝ่ายกุมมือของอาศิรให้เดินช้าๆไปที่หน้าประตูโรงพยาบาลและโบกเรียกรถแท็กซี่ไปส่งที่บ้าน ตลอด

ทางอนูบิสได้แต่นั่งเงียบๆหลับตาลงพิงศีรษะไปกับเบาะรถ มีเพียงสายตาเป็นกังวลของอาศิรที่คอยหันมามองเป็นระยะและสองมือที่ยัง

ประสานแนบแน่นไม่ยอมปล่อยจนกระทั่งถึงบ้าน

               แวะทักทายกับป้าแก้วและเล่าอาการยายจันทร์ให้ฟังคร่าวๆก่อนที่ป้าแก้วจะขอตัวกลับไปพักผ่อน ป้าแก้วทำกับข้าวไว้ให้แล้ว

ในครัวอาศิรจึงเดินนำอนูบิสมาที่โต๊ะอาหาร เพิ่งสังเกตว่าแผลที่ต้นแขนสมานตัวจนเหลือเพียงแผลเล็กๆและความอ่อนเพลียอีกเล็กน้อย

บนสีหน้าเท่านั้น


               “ผมตักข้าวให้”


               อนูบิสนั่งมองอาศิรที่กำลังตักข้าวใส่จานมาวางตรงหน้าเขา ใบหน้าอ่อนโยนนั้นทำให้อนูบิสคลี่ยิ้มบางๆออกมา


               “โอม นั่งใกล้ๆผมนะ”


               ขยับเก้าอี้ตัวติดกันให้อาศิรเดินมานั่งด้านข้าง อนูบิสนั่งมองอีกฝ่ายที่ตักอาหารเข้าปากและเคี้ยวตุ้ยๆ อาศิรเหลือบตามองเมื่อ

เห็นอนูบิสยังนั่งนิ่งจึงวางช้อนลงและเอ่ยถามโดยไม่รู้เลยว่าน้ำเสียงของตนนั้นเต็มไปด้วยความห่วงใย


               “กินข้าวเสียสิอินทร์ภู นั่งมองหน้ากันอยู่นั่นแหละ ไม่หิวรึไง”


               “ป้อนหน่อยสิ”


               น้ำเสียงของอนูบิสก็ทุ้มนุ่มเป็นปกติ หากแต่เมื่อรวมกับดวงตาพราวที่มองมา กลับทำให้อาศิรหน้าร้อนขึ้นมาได้ง่ายๆ อาศิร

เฉไฉหลบตาเพราะไม่อาจมองใบหน้าของอนูบิสตรงๆได้


               “มือไม่มีเหรอ”


               “ก็เห็นอยู่ว่าผมบาดเจ็บ” อนูบิสต่อรอง “ไม่เห็นใจบ้างหรือ โอมใจร้าย”


               ปลายเสียงออดอ้อนทำให้อาศิรมองอย่างหมั่นไส้ แต่เขาก็คว้าจานข้าวของอนูบิสมาและตักข้าวป้อนใส่ปากของเทพผู้ยิ่ง

ใหญ่


               “โอม ป้อนช้าๆ ผมเคี้ยวไม่ทัน”


               “เทพเรื่องมาก กินๆเข้าไปเหอะ ง่วงแล้วนะ”


               ชักจะหงุดหงิดเพราะความเขินเกินขนาด อาศิรรู้สึกถึงเลือดที่วิ่งมาเป็นริ้วอยู่บนใบหน้าจนอนูบิสต้องหัวเราะเบาๆขณะจ้อง

มองไม่วางตา


               “ผมอิ่มแล้ว เดี๋ยวผมล้างจานเอง โอมไปอาบน้ำเถอะ”


               “ไหนว่าแขนเจ็บแล้วคุณจะล้างจานได้ยังไง”


               ยังไม่วายเป็นห่วงจนอนูบิสต้องหันข้างให้เห็นว่าบาดแผลที่ต้นแขนนั้นเหลือเพียงรอยจางๆแล้วอาศิรจึงได้เลิกเป็นห่วงและ

ยอมเดินกลับไปยังห้องนอน ส่วนอนูบิสจัดการล้างจานชามคว่ำเรียบร้อยเขาจึงเดินไปยังห้องนอนบ้าง เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เห็นอาศิรใน

ชุดนอนกำลังนั่งมองกรอบรูปแม่และยายจันทร์พร้อมกับถอนหายใจ


               “คุณยายจะต้องดีขึ้น”


               อนูบิสทรุดตัวลงนั่งข้างๆและสวมกอดอาศิรหลวมๆ กำลังใจจากอนูบิสทำให้อาศิรยิ้มได้ เขาหันมาหาและตั้งคำถามกับ

อนูบิสบ้าง


              “ไหนบอกถึงบ้านแล้วจะเล่าเรื่องเนรูให้ฟังไงล่ะ”


               พูดถึงเนรูอนูบิสจึงมีสีหน้าหนักใจ


               “ตอนนั้น ที่ยืนอยู่หน้าโรงพยาบาล ผมเห็นเนรูเกาะอยู่บนหลังคารถของหมอที่ชื่อคีรี”


               “อะไรนะ!” อาศิรอุทานด้วยความเหลือเชื่อ “พี่คีรีเหรอ เป็นไปได้ยังไง”


            “ผมเคยได้กลิ่นสาบจากเขาในวันที่พาคุณยายไปโรงพยาบาลที่โอมทำงานอยู่ ก็ยังนึกแปลกใจ แต่มาวันนี้ ผมเห็นชัดเจนว่าเนรู

อยู่กับเขา”


               ความหนักใจแผ่ไปถึงอาศิรบ้าง เขาไม่นึกว่าเนรูจะอยู่ใกล้ตัวขนาดนี้ ใจหนึ่งก็ยังไม่กล้าปักใจเชื่อว่าคนอย่างคีรีจะเข้าไปข้อง

เกี่ยวกับปีศาจร้ายอย่างเนรู


               “และที่น่าเป็นกังวลก็คือ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าผมอยู่ห่างโอมไม่ได้เพราะอังค์อยู่ในกายของโอม แต่ถ้าหากให้โอมอยู่ใกล้ ผมก็

เป็นห่วงกลัวโอมจะได้รับอันตราย”


               “อย่าเป็นห่วง คุณต้องสู้เต็มที่”


               “ไม่ห่วงไม่ได้เพราะโอมคือคนที่ผมรัก”


               คำบอกรักอย่างสัตย์ซื่อ ตรงไปตรงมาเหมือนน้ำทิพย์ที่ทำให้หัวใจของอาศิรชุ่มชื้น เขาไม่ได้นึกขัดเขินเพราะดวงตาคมที่มอง

มานั้นจริงจังกับคำพูดของตนมากกว่าจะเป็นไปในเชิงเกี้ยวพาราสี อาศิรสบตาอย่างค้นคว้า ความสับสนเกิดขึ้นมาในหัวใจของเขา



               “ผมเป็นผู้ชายเช่นเดียวกับคุณนะอินทร์ภู คุณไม่นึกตะขิดตะขวงใจบ้างเลยหรือที่รักผู้ชายเหมือนกัน”


               “โอม” นัยน์ตาคู่นั้นอ่อนแสงลง อนูบิสวางมือบนหน้าอกข้างซ้ายของอาศิร


                 “ผมรักที่ความดี ผมรักที่ความนึกคิดจากหัวใจอันดีงามดวงนี้ โดยไม่ได้สนใจร่างกายเลยว่าโอมจะอยู่ในสภาพไหน แล้วโอม

ล่ะรักผมบ้างไหม”


                  อาศิรนิ่งงันไปบ้างกับคำถามที่อีกฝ่ายโยนมา ดวงตาอ่อนโยนจับจ้องรอคอยคำตอบที่อาศิรเองก็เฝ้าถามใจตนเองตั้งแต่วัน

ที่อนูบิสเคยบอกรักกับเขาครั้งแรกนั่นแล้ว

                 ความห่วงหาอาทร ความอบอุ่นที่อนูบิสมีให้จนอาศิรอยากจะให้มีเทพองค์นี้อยู่ข้างกายตลอดเวลาคงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดที่

อาศิรใช้ตอบใจตนเองและคำถามของอนูบิส


                “รักสิ ผมรักคุณอินทร์ภู”


                  คำตอบหนักแน่นจากอาศิรเรียกรอยยิ้มจากอนูบิสให้กว้างกว่าเดิม มือแกร่งโอบเอวให้อาศิรเข้ามาชิดใกล้ อีกมือหนึ่งดึง

คางเรียวเข้าหาจนกระทั่งสบตาในระยะใกล้ ได้ยินเสียงลมหายใจพร้อมความอุ่นระอุอยู่บนผิวแก้มของอีกฝ่าย

                 ไม่มีความสับสนใดๆมาขวางทางอีกแล้วในเมื่อต่างตอบใจตนเองได้ว่าความรู้สึกนั้นล้ำลึกแค่ไหน อนูบิสกดริมฝีปากลงไป

แผ่วเบาลงบนเรียวปากอิ่มสีแดงเรื่อที่ไม่ได้ปฏิเสธเมื่อเขาทาบปากลงไปจนแนบสนิท อาศิรพริ้มตารอรับให้ปลายลิ้นหยุ่นชื้นได้สอด

สัมผัสภายในโพรงปาก มันทั้งหวานทั้งปลุกเร้าจนอาศิรรู้สึกว่ามือไม้ตนเองนั้นช่างเกะกะยามที่ต้องจูบตอบกลับอย่างเก้ๆกังๆ อนูบิสดึงมื

อนุ่มทั้งสองข้างให้มาวางไว้บนบ่าของเขา


                 “อืม หวานมากครับโอม”


                  ขบเม้มไล่กลีบปากช้าๆเมื่อผละปลายลิ้นออกมาให้อาศิรได้พักหายใจ ตอนนี้หัวสมองของอาศิรไม่หลงเหลือสิ่งใดอีกแล้ว

นอกจากความหวานที่อนูบิสมอบให้ ยังไม่ทันจะเลิกหอบอนูบิสก็ชิงโอกาสล่วงล้ำเข้าไปอีกครั้ง ไม่มีจุดไหนที่อนูบิสจะไม่ได้ชมเชย

ร่างกายของอาศิรกำลังร้อนผ่าวเหมือนเต้นระบำอยู่รอบกองไฟเมื่อปลายนิ้วอุ่นร้อนแตะลงไปที่หลังเอวพร้อมกับกายแกร่งที่โน้มกายลง

มาทำให้เขาต้องเอนกายลงไปจนแผ่นหลังสัมผัสกับที่นอนนุ่ม


                  “อา อนูบิส ผมยังไม่...”


                  อาศิรรู้ ความรักย่อมทำให้อยากชิดใกล้ และความชิดใกล้พาให้เกิดความปรารถนาที่ไม่อาจหยุดยั้ง ใช่ว่าเขาเองจะไม่รู้สึก

เช่นนั้นเมื่อตอนนี้เขาก็อยากจะให้วงแขนที่กอดรัดได้โอบกระชับมากกว่านี้ หากแต่อาศิรยังนึกกลัว เขากลัวว่าหากถลำลึกเกินกว่าที่เป็น

อยู่จะทำให้เขาผูกพันจนยากที่จะตัดใจยามที่อนูบิสต้องจากไปในสักวันหนึ่ง

                 อนูบิสทอดถอนใจ เขาเข้าใจในความรู้สึกของอาศิร มือที่โอบกอดแน่นหนาจึงคลายลงไว้แค่พอมอบความอบอุ่น ริม

ฝีปากบดเบียดหนักหน่วงผ่อนลงจนเหลือเพียงสัมผัสบางเบาก่อนจะผละออกอย่างเสียดาย


                “ผมเข้าใจโอม”


                 กดจูบไปที่ขมับพลางหักใจให้พ้นจากความต้องการทางกาย แม้ว่าจะต้องใช้ความอดทนแต่อนูบิสก็ไม่อาจดึงดันแต่ความ

สุขส่วนตัวได้ ชีวิตของเขาชินชากับความอดทนอยู่แล้ว เพียงแค่ได้นอนนิ่งๆและกอดร่างอุ่นของอาศิรไว้ตลอดราตรีก็เป็นความสุขจนไม่

อาจประเมินค่า

                 ฝ่ามือลูบแผ่นหลังของอาศิรเบาๆเมื่ออาศิรตะแคงกายโอบกอดซุกหน้าเข้าหาแผ่นอกของเขาราวกับลูกแมวขาดความ

อบอุ่น อนูบิสพึมพำแผ่วเบาราวกับเห่กล่อมให้คนในอ้อมกอดฝันดีตลอดคืน


                  “หนทางมืดมิด มีเพียงแสงสว่างจากเจ้าส่องนำให้หัวใจของข้าสว่างไสว หลับตาเถิดเมอริ ข้านี้จะอยู่กับเจ้าตลอดราตรี

อันเป็นนิรันดร์”








               เวทิศหอบตำรามานั่งที่ร้านกาแฟใกล้กรมสืบสวนคดีพิเศษ เขานัดกับปาลไว้ว่าจะนำข้อมูลปลีกย่อยมาให้ และปาลก็จะนำ

ข้อมูลผู้ตายมาให้เขาด้วย ระหว่างนั่งรอเวทิศจึงได้อ่านหนังสือเล่มหนาไปพลางๆ สมาธิชะงักลงเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขารีบรับเมื่อ

เห็นว่าอาศิรโทรมา


               “ว่าไงวะ ไอ้น้ำชามันบอกว่ายายป่วย เป็นไงมั่ง กูยังไม่มีเวลาไปเยี่ยมเลย”


               ถามด้วยความเป็นห่วง ชีวิตของอาศิรมีคนที่รักก็เพียงยายเท่านั้น เขาเองก็ไปมาหาสู่บ้านเพื่อนจนรักและเคารพยายของ

เพื่อนไปด้วย


               “ย้ายยายมาอยู่โรงพยาบาลของพ่อแล้วว่ะ ค่าเสียหายคราวนี้คือกูต้องไปทำงานกับพ่อ นี่ก็เพิ่งจะมายื่นใบลาออกที่โรง

พยาบาล” น้ำเสียงของอาศิรฟังดูเหนื่อยหน่าย


               “ว่าแต่กูมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง” เพื่อนสนิทเล่าเหตุการณ์เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา รวมทั้งเรื่องที่อนูบิสสงสัยในตัวของนายแพทย์คีรี

เวทิศถึงกับตาโตก่อนจะเป็นฝ่ายเล่าเรื่องที่เขาถูกดึงตัวมาเป็นผู้ช่วยให้ปาล


               “แล้วมึงจะทำงานกับผู้กองเขารอดไหมวะ” อาศิรอดเป็นห่วงไม่ได้


               “เฮ้ย กูมืออาชีพโว้ย กูไม่เอาเรื่องส่วนตัวปนกับเรื่องงาน แต่ว่านะ กูจะบอกไอ้ผู้หมวดปากหมาก็ไม่ได้ว่ากูสงสัยว่าคนร้ายจะ

เป็นหมอเพราะว่าท่านเทพกูเห็นปีศาจบนหลังรถ ผู้หมวดแม่งคงจะเชื่อหรอก คงต้องหาวิธีและหลักฐานโน้มน้าวให้ลองพุ่งเป้าไปที่หมอ

คีรี”


               “อีกเรื่องนึง กูจะเอาไอ้อังค์อะไรเนี่ยออกจากตัวแล้วคืนอินทร์ภูได้ยังไงวะ กูเป็นห่วงเขาเวลาต่อสู้”


               เวทิศสะดุดหูกับกระแสห่วงใยที่หลุดออกมาจากปากเพื่อน เขาสนิทกับอาศิรมากพอที่จะรู้ว่ามันมากเกินธรรมดา


               “ไอ้โอม นี่มึงกำลังมาเป็นแฟนคลับท่านเทพกับกูใช่ไหม แหมๆ อยู่บ้านเดียวกัน ห้องเดียวกัน เตียงเดียวกันมานานเป็น

เดือน กูว่ามันต้องสปาร์คกันมั่งแหละนะ ท่านเทพของกูแม่งเท่สัสขนาดนั้น”


               เวทิศหัวเราะคิกคักเมื่อเพื่อนสนิทเงียบไป ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงอวยพรตามมาเบาๆ


               “เหี้ยทิศ”


               อาศิรวางสายไปแล้วพร้อมกับที่ปาลผลักประตูร้านกาแฟเข้ามาพอดี ผู้หมวดหนุ่มกระหืดกระหอบตรงเข้ามาหาเขาพร้อมกับ

แฟ้มอันใหญ่ ทักทายกันพอสมควรแล้วปาลก็บอกข้อมูลใหม่ให้เวทิศ


               “เพื่อนของผมที่อยู่นิติเวช ได้ข้อมูลใหม่มาจากฝ่ายนิติเวชของโรงพยาบาล มีภาพจากกล้องวงจรปิดด้วยแต่มองไม่เห็น

หน้าเพราะมันไกลและมีการพรางหน้าไว้”


               โป๊ะเชะ!


              “ทำไมคุณผู้หมวดไม่ลองสงสัยคนในโรงพยาบาลบ้างล่ะ ใครกันมันจะเดินลอยชายแบบนี้โดยที่ไม่มีใครสนใจนอกจากเจ้า

หน้าที่ในนั้น”


               ปาลเองก็สงสัยไม่ต่างอะไรกับเวทิศ เขาและใจภักดิ์กำลังหาข้อมูลว่าใครบ้างที่ทำงานในคืนวันเกิดเหตุนั้น และคิดว่าน่าจะ

เข้าใกล้ความจริงมากขึ้น


               ปรึกษากันอยู่อีกพักใหญ่เสียงโทรศัพท์ของปาลก็ดังขึ้นมา ผู้หมวดหนุ่มก้มลงมองดูชื่อคนโทรเข้าแล้วเขาก็ส่ายหน้าและ

ปล่อยให้เสียงนั้นดังจนกระทั่งสายหลุด แต่ยังไม่ทันทิ้งช่วงเสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้งจนปาลต้องยอมหยุดจากงานและรับสายนั้น





หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 13 [28/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 28-07-2016 17:02:06
ต่อกันตรงนี้...



               “มีอะไรวินนี่”


               ชื่อที่หลุดออกมาจากปากของปาลเรียกความสนใจจากเวทิศ เขาวางปากกาลงบนโต๊ะ และเสหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาแต่หูกลับ

ลอบฟังการสนทนาจากปากของปาล


               “เย็นนี้เหรอ ไม่ได้หรอก ผมต้องไปสืบคดีใหม่”


               ทันทีที่ปาลพูดจบ เวทิศก็ได้ยินเสียงแหลมดังลอดออกมาจนปาลต้องเอียงหูให้ห่างจากโทรศัพท์ คิ้วเข้มของปาลย่นเข้าหา

กันพลางส่ายหน้าอย่างระอา


               “เข้าใจบ้างสิว่าเป็นคดีสำคัญ ผมไม่มีเวลาไปงานการกุศลของคุณหรอกนะ โอ๊ย จะเอายังไงก็เอา คุณก็รู้ว่าผมทำงาน”


               ปาลวางสายลงแล้ว เวทิศเห็นใบหน้าเข้มของปาลเต็มไปด้วยความไม่พอใจ


               “พี่วินนี่เหรอ เอ่อ...คุณกับพี่วินนี่เถียงกันแบบนี้บ่อยๆหรือไง”


               หยอดคำถามใส่เมื่อเห็นปาลยังคงหัวเสีย คนต้นเรื่องถอนหายใจเฮือกใหญ่


               “ทำไมผู้หญิงถึงไม่เข้าใจเวลาที่ผู้ชายบอกว่าจะทำงาน แล้วทำไมถึงชอบตวาดแว้ดๆใส่เวลาไม่ได้ดั่งใจด้วยวะ หือ คุณว่าไง

นะ ช่างวินนี่เหอะ ไหน ข้อมูลไปถึงไหนแล้ว”


               ปาลโยนเรื่องกวินตราทิ้งเพราะงานตรงหน้าสำคัญกว่า ใบหน้ายามเอาจริงเอาจังของปาลทำให้เวทิศอดที่จะมองผู้ชายคนนี้

ด้วยมุมมองใหม่ไม่ได้

               บางทีเวทิศอาจจะต้องคิดใหม่อีกสักรอบว่าทำไมเขาถึงเคยเหม็นหน้าปาลจนกระทั่งก่อนถึงวินาทีที่เขาคิดว่าปาลก็เป็นผู้ชาย

ที่ดีคนหนึ่งเหมือนกัน





               กวินตราชักสีหน้าใส่โทรศัพท์มือถึอของตัวเองอย่างหงุดหงิดเมื่อคนรักปฏิเสธที่จะมาร่วมงานการกุศลกับหล่อน หญิงสาวเริ่ม

รู้สึกเบื่อหน่ายที่ปาลเห็นงานสำคัญกว่า เมื่อแรกที่คบกันกวินตราตื่นเต้นกับผู้หมวดหนุ่มอนาคตไกลที่พื้นเพมาจากครอบครัวนายตำรวจ

ชั้นสูงของกรมตำรวจจึงได้เข้าไปทำตัวสนิทสนมจนกระทั่งตกลงคบกับปาล แต่เมื่อคบกันได้สักพักกวินตราเริ่มจะทนไม่ได้ที่ปาลทำตัว

เหมือนไม่เห็นคุณค่าของหล่อนสักนิด

               ก็ดูอย่างวันนี้ที่กวินตราบอกกับปาลไว้นานแล้วว่า หล่อนจะมางานการกุศลที่โรงพยาบาลต่างๆทั้งรัฐบาลและเอกชนร่วมกัน

จัดซึ่งจะมีแขกเหรื่อมากมายในสังคมระดับสูงมาร่วมงานในฐานะที่กวินตราทำงานประชาสัมพันธ์ให้โรงพยาบาลของกำจรแต่ปาลก็ยังไม่

สนใจ ทั้งที่กวินตราอยากจะควงปาลให้สื่อมวลชนได้ทำข่าวแท้ๆ


               “วินนี่”


               เสียงเรียกของกำจรทำให้กวินตราหันกลับไป หญิงสาวตวัดสายตามองชายหนุ่มท่าทางสะอาด หน้าตาจัดว่าใช้ได้ที่ยืนเยื้อง

หลังบิดาของหล่อนอยู่


               “ว่าไงคะพ่อ”


               ต่อหน้าคนอื่นกวินตราวางตัวดีเสมอ หล่อนคลี่ยิ้มในระดับที่ซ้อมมาแล้วว่าจะทำให้หน้าตาดูดีที่สุด


               “มานี่ พ่อจะแนะนำให้รู้จักคนสำคัญ นี่คือหมอศัลยกรรมที่มือดีที่สุดตอนนี้ทั้งที่ยังอายุน้อยอยู่แท้ๆ พ่อกำลังจีบให้มาทำงาน

ฟูลทามกับเราอยู่ คุณหมอคีรี”


               กำจรเบี่ยงตัวและผายมือไปยังชายหนุ่มคนนั้น ดวงตาที่อยู่หลังกรอบแว่นใสช่างคมกริบยามสบตา ความท้าทายกำลังก่อตัว

ขึ้นมาจนกวินตราใจเต้นขณะที่ยื่นปลายนิ้วไปให้คนที่บิดาเพิ่งจะแนะนำตัวจบลง หญิงสาวสบตากลับอย่างไม่ยอมแพ้


               “สวัสดีค่ะคุณหมอ กวินตราค่ะ หรือคุณหมอจะเรียกว่าวินนี่ก็ได้”



TBC



[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 13 [28/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-07-2016 18:16:20
งื้อ~เขาบอกรักกันแล้ว
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 13 [28/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Nam-Ing ที่ 28-07-2016 18:38:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 13 [28/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-07-2016 20:53:27
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 13 [28/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 28-07-2016 23:38:54
อนูบิสกูหวานเป็นเนอะ หวานมากด้วยบอกรักกันแล้ว :mew1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 13 [28/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 29-07-2016 00:32:52
ตัวน่ากลัวสองตัวเจอกันละ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 13 [28/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 29-07-2016 01:18:20
แทคทีมกันเลวเลย
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 13 [28/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 29-07-2016 02:07:43
มาถูกทางแล้วค่ะ  สนุกมาก   
หมอคีรีเองก็ต้องมีปมแน่นอน
เราว่าเผลอๆหมอเป็นลูกพ่อเดียวกันกับโอม-วินนี่หรือเปล่านะ
ดูท่าทางสนใจโอมกับนามสกุลมากๆเลย
เนรู-วินนี่คู่แท้2โลกเลยมั๊ง
แถมพ่อแม่นางไปด้วย เพอร์เฟคแฟมิลี่ค่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 13 [28/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 29-07-2016 02:28:57
เผชิญหน้าครั้งต่อไปจะเป็นไงเนี่ย รู้สึกเหมือนเนรูค่อยๆ คืบคลานเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วทำยังไงท่านอนูบิสถึงจะได้อังค์กลับไปละเนี่ย ตอนนี้มีความคืบหน้ท่านอนูบิสกับโอมด้วย กรี๊ดมากค่า
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 13 [28/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 29-07-2016 10:37:42
เค้าบอกรักกันแล้วอ่าาา  :mew3:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 13 [28/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 29-07-2016 10:47:08
เหอ เหอ พัง สองคนนี้เจอกัน
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 13 [28/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-07-2016 11:09:55
 :o8:  บอกรักกันเบาๆ อิอิน่ารรัก
ว่าแต่ทางตำรวจกับพี่แฟนพันธุ์แท้อียิปต์นี่ยังไม่สปาร์คสินะ
ได้กลิ่นความชั่วร้ายจากหมอคีรี วินนี่อาจจะเป็นเหยื่อรายถัดไปก้อได้ใครจะรู้
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 13 [28/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 29-07-2016 21:14:10
เขิลๆ พีหมีพูวบอกร๊ากกันแย้วววว
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 13 [28/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 29-07-2016 21:46:42
ชักจะยุ่งแล้วสิ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 13 [28/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 30-07-2016 17:38:09
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 13 [28/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 30-07-2016 17:53:59
หมันไส้ยัยวินนี่อะไรนี่มากๆ

แต่แอบปลื้มที่ท่านเทพบอกรักและแหมหวานกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 13 [28/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 12-08-2016 16:28:47
อ๊างงงง เค้าบอกรักกันแล้ว
น่ารักอ่ะ :-[

รอตอนต่อไปค่ะ เนื้อเรื่องกำลังเข้มข้น
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 13 [28/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pnomsod ที่ 13-08-2016 15:33:26
ทุกคนพัวพันกันไปหมด มีความยุ่งเหยิง

  :serius2:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 13 [28/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: KnightDevil ที่ 18-08-2016 14:57:27
โอย สนุกมากค่ะ ตื่นเต้น อนูบิสหล่อมาก

รอน้องโอมตกลงปลงใจอยู่นะคะ><

ลุ้นว่าจะจัดการเนรูแล้วลงเอยกันยังไงค่ะ ไม่เอาเศร้าๆน้าาาา

ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านกันนะคะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์หลงยุค บทที่ 13 [28/7/59]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 18-08-2016 20:12:11
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ ชอบมากกกก มาต่อเร็วๆนะค๊าาา  :katai2-1:
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 14 [25/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 25-08-2016 00:13:52


                                                                  อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                                            บทที่ 14

                                                                Anubis Lord of the Death


               คีรีมองภาพในโทรศัพท์มือถืออย่างถูกใจ ในที่สุดเขาก็ก้าวเข้าใกล้จุดประสงค์ของเขาไปอีกขั้นเมื่อในวันนี้คีรีได้ทำความรู้จัก

กับสองพ่อลูกตระกูลก่อเกียรติกุล ทั้งกำจรและกวินตราต่างยิ้มระรื่นขณะถ่ายรูปกรอบเดียวกับเขาเพื่อนำไปลงประชาสัมพันธ์งานเลี้ยง

การกุศล กำจรนั้นแทบจะเดินไม่ยอมห่างเมื่อเฝ้าคะยั้นคะยอให้คีรีไปทำงานที่โรงพยาบาลของกำจร แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่คีรีหมายมั่นปั้น

มืออยู่แล้ว แต่เขาก็เล่นตัวอีกพักใหญ่เพื่อเพิ่มความสำคัญของตนเองก่อนที่จะทิ้งทายอย่างแบ่งรับแบ่งสู้เมื่องานจบลง


               “คุณคีรีตัดสินใจเรื่องงานว่ายังไงคะ”


               กวินตราโปรยยิ้มใส่เมื่องานใกล้เลิก คีรีเองก็ไม่ยอมน้อยหน้า เขาตอบกวินตราไปด้วยมาดที่คิดว่าดูดีที่สุด


               “ผมยังไม่กล้าตัดสินใจเลยครับคุณวินนี่ จะออกจากโรงพยาบาลรัฐก็เป็นห่วงคนไข้”


               “แต่โรงพยาบาลของเรามีทุนให้กับแพทย์ ประจำเต็มที่นะคะ หมอของเราเรียนรู้ความก้าวหน้าของวงการแพทย์ได้ในทุกเรื่อง

พ่อไม่ขัดขวางเรื่องนี้เลยค่ะ ถ้าคุณคีรีเห็นแก่คนไข้จริงก็ต้องเห็นความก้าวหน้าตรงนี้ด้วยนะคะ”


               ฉลาดพูดมากๆ คีรียอมรับกวินตราในข้อนี้


               “ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ คิวผ่าตัดคนไข้ช่วงนี้ก็เยอะมากๆ คงต้องรอให้ผมเคลียร์งานก่อนแล้วค่อยตัดสินใจอีกที”


               “เบอร์โทรของคุณคีรีอยู่ที่คุณพ่อแล้วใช่ไหมคะ” กวินตราปรายตาใส่ก่อนจะเอียงคอโปรยยิ้ม “วินนี่จะโทรไปหานะคะ”


               เพียงเท่านี้คีรีก็ขอตัวกลับอย่างสบายใจ จนกระทั่งเขาได้อยู่ลำพังภายในห้องของเขาที่เช่าอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งไม่ไกลจาก

โรงพยาบาลนัก ทันทีที่ก้าวเข้าไปบรรยากาศของความมืดหม่นก็พุ่งวูบเข้ามา แต่คีรีก็ชินชากับมันเสียแล้วเมื่อเขาต้องอยู่กับมัน  “ปีศาจ

เนรู” ตั้งแต่วันที่มันก้าวเข้ามาในชีวิต

               คีรียังจำได้ดีในคืนแห่งความฉ่ำชื้นหนาวเย็นเมื่อสายฝนกระหน่ำโปรยตั้งแต่ตอนหัวค่ำโดยไม่มีทีท่าจะขาดสาย เขาเพิ่งจะ

กลับจากผ่าตัดคนไข้รายหนึ่งด้วยความหงุดหงิดเพราะมันช่างเป็นการผ่าตัดที่ยากเย็นกว่าที่วางแผนไว้ คีรีได้แต่แหงนหน้ามองแสง

ฟ้าแลบเป็นสายอยู่บนท้องฟ้าดำมืดและเมฆดำปกคลุมขณะขับรถยนต์กลางเก่ากลางใหม่ของเขาผ่านสวนสาธารณะเล็กๆก่อนถึงอพาร์ท

เม้นท์พร้อมกับบ่นพึมพำ


               “มึงจะตกให้ได้อะไรขึ้นมาวะ แค่นี้น้ำในถนนก็ระบายไม่ทันท่วมมาครึ่งล้อแล้ว เดี๋ยวแม่งก็ซัดเข้าเครื่องกูดับอีก อ้าวเฮ้ย!”


               ยังไม่ทำขาดคำรถที่วิ่งสวนเลนก็สาดน้ำกระจายเข้าหา และรถของคีรีก็กระชากก่อนจะหยุดลงทันที คีรีทุบพวงมาลัยรถอย่าง

หงุดหงิดหนักขึ้น เขาอยากจะไปเอนหลังลงบนเตียงเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำและนอนซุกใต้ผ้าห่มมากกว่าที่จะอยู่ในสภาพเช่นนี้


               “ติดสิวะ”


               เปิดกุญแจสตาร์ทเครื่องแต่เครื่องยนต์ก็ยังไม่ทำงาน ดีที่ว่าไม่มีรถตามหลังมาเพราะดึกมากแล้ว คีรีถอนหายใจเฮือกใหญ่

พลางเงยหน้ามองฟ้าผ่านหน้าต่างรถ แต่ทันใดนั้นคีรีก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อเงาดำมืดของอะไรบางอย่างพุ่งเข้ามาชนกระจกรถดังปัง


               “เหวอ เหี้ยไรวะ”


               สะดุ้งสุดตัวเมื่อมันแยกเขี้ยวเงาวับ ดวงตาของมันเบิกโพลงคล้ายไม่มีหนังตาปิด รูปร่างของมันคล้ายค้างคาวขนาดมหึมา

และมันกำลังกรีดร้องอยู่ตรงหน้าต่างรถของเขา เสียงของมันช่างโหยหวนบาดลึกเข้าไปในโสตประสาทจนต้องยกมือปิดหูไว้


               “ไป อย่าเข้ามา กูกลัวแล้ว”


               มันใช้ปีกที่แข็งราวกับมีดกรีดกระจกหน้าต่างรถจนเป็นรอยยาว และใช้หัวของมันกระแทกรอยแตกร้าวจนกระทั่งกระจกรถแตก

ดังเพล้งมันก็พุ่งเข้าหาคีรีทันที


               “อ๊ากกก”


               ความแสบร้อนแผ่ซ่านไปทุกจุดที่ตัวประหลาดนั้นกระทบผิวหนัง คีรีรู้สึกราวกับร่างกายกำลังถูกดูดพลังไปทีละน้อย

สัญชาตญาณการเอาตัวรอดทำให้คีรีเค้นแรงผลักหัวของมันออกจากร่างกาย และเมื่อมือของคีรีผลักไปที่ลำตัวของมัน เจ้าสิ่งประหลาด

นั้นก็ยิ่งกรีดร้องหนักขึ้นราวกับได้รับความเจ็บปวด ดวงตาของคีรีเบิกวาบ


               มันกำลังบาดเจ็บ!

               ใจของคีรีฟื้นขึ้นมา เขายิ่งกระแทกและทุบไปตรงบริเวณที่สงสัยว่าเป็นบาดแผล มันกรีดร้องหนักขึ้นพร้อมกับค่อยๆหลุดออก

จากร่างของคีรี


               “ตายเสียเถอะมึง”


               คีรีกางมือออกและเตรียมจะจัดการ เจ้าตัวประหลาดรีบยกส่วนปีกขึ้นมาทันที พลันเสียงประหลาดก็ดังขึ้นจากปากเขี้ยวโง้ง

ของมัน น่าประหลาดที่คีรีฟังสิ่งที่มันพูดรู้เรื่องราวกับคำพูดของมันเข้าไปแปลภาษาในสมองของเขาได้


               “หยุด อย่าทำร้ายข้า ไว้ชีวิตข้าแล้วเจ้าจะได้ทุกสิ่ง”


               คีรีชะงักงัน เมื่อเป็นต่อความกลัวของเขาจึงน้อยลง สมองของเขาคิดตามอย่างรวดเร็ว


               “มึงหลอกให้กูตายใจและจะฆ่ากูใช่ไหม”


               คีรีเบ้ปาก เขาไม่โง่พอจะให้ไอ้ตัวประหลาดนี่หลอกอย่างแน่นอน คีรีกดมือลงไปบนบาดแผลของมันทันทีและเสียงกรีดร้อง

โหยหวนก็ดังสวนทันควัน


               “ข้าพูดจริง ข้าคือเนรูผู้รับใช้เทพแห่งศาสตรา ข้าไม่บิดเบือนแน่นอน”


               คีรีชะงักอีกครั้ง เขาสบตากับดวงตาเบิกโพลง มือที่กดอยู่บนบาดแผลผ่อนแรงลงจนกระทั่งตัวประหลาดที่บอกว่าชื่อเนรู

สามารถขยับออกจากร่างของคีรีได้


               “กูปล่อยมึงแล้ว แล้วไงต่อ หลอกกูมึงตาย”


               เนรูตวาดเป็นเสียงคำรามครั้งหนึ่งราวกับไม่พอใจที่คีรีดูถูกมัน


               “ข้าบาดเจ็บ ต้องฟื้นพลัง เจ้าต้องช่วยข้า”


               คีรีเลิกคิ้ว เขายกนิ้วชี้หน้าตัวเองเมื่อได้ยินคำพูดของเนรู


               “กูเนี่ยนะต้องช่วยมึง”


               “เจ้าต้องการสิ่งใด”


               เนรูเอ่ยถามทำให้คีรีกรอกตาไปมาอย่างใช้ความคิดแบบเร่งด่วน ริมฝีปากของคีรีกดยิ้มลึกขณะเอ่ยออกมา


               “ทำให้กูกลายเป็นหมอผ่าตัดฝีมือดีที่ใครๆก็ยกย่องต้องการตัว”


               “แค่นั้น?” เนรูถามกลับ มันเองก็ไม่นึกว่าคนประหลาดที่เพิ่งพบเจอเป็นคนแรกหลังจากมันหมดแรงร่วงหล่นจากท้องฟ้านั้นจะ

มีความต้องการเพียงแค่นี้


               “แค่นี้ แล้วทุกสิ่งที่กูต้องการจะตามมาเอง”


               “เจ้าจะได้ดังที่ต้องการ เพียงแต่เจ้าหาบางอย่างมาให้ข้า”


               “อะไร” คีรีเป็นฝ่ายถามกลับบ้าง เขาอยากจะลองเสี่ยงกับสิ่งแปลกประหลาดที่ลอยเข้ามาหาเขาในคืนฝนตกเช่นนี้


               “หัวใจมนุษย์”


               “จะบ้าเรอะ!”


               คีรีตกใจเมื่อได้ยิน เขามองหน้าเจ้าปีศาจร้ายอย่างเหลือเชื่อ


               “กูจะไปหาหัวใจคนมาจากไหน ขืนกูไปฆ่าคนก็โดนจับสิ”


               “ไม่จำเป็นต้องฆ่า หัวใจของมนุษย์ที่ไร้ลมหายใจก็เพียงพอ”


               หัวใจของคนตายแล้วก็ได้งั้นหรือ


               คีรีจึงจำเป็นต้องย้อนกลับไปที่โรงพยาบาล เขาใช้ความไว้เนื้อเชื่อใจที่เจ้าหน้าที่แผนกนิติเวชมีต่อนายแพทย์อย่างเขาให้

เป็นประโยชน์ ในที่สุดคีรีก็ได้หัวใจของอากงแก่ๆที่เป็นโรคหัวใจล้มเหลวเสียชีวิตมาได้โดยที่ไม่มีใครสงสัย เมื่อเขากลับมาถึงรถและ

โยนหัวใจที่เต็มไปด้วยพังผืดให้เนรูมันก็รีบกัดกินอย่างน่าขยะแขยง เมื่อมันกินจนหมดก็ดูเหมือนพลังของเนรูจะเพิ่มมากขึ้น

               คีรีทำเช่นนี้อีกแค่สองครั้งเนรูก็ฟื้นกำลังจนบาดแผลจางหาย มันเกาะติดเขาไปโรงพยาบาลโดยที่ไม่มีใครมองเห็นเงาดำยิ่ง

กว่าควันจางๆที่รายล้อมคีรีอยู่ เนรูช่วยคีรีด้วยการกระซิบบอกตำแหน่งในร่างกายของคนไข้ที่คีรีทำการรักษาจนเขาผ่าตัดได้อย่างแม่นยำ

และได้รับคำชื่นชม ส่วนเนรูเองก็เริ่มเก่งกล้าเมื่อเห็นว่าคนไข้คนไหนของคีรีที่ใกล้ถึงแก่ความตาย เนรูก็จะสูบวิญญาณวาระสุดท้ายเพิ่ม

พลังให้กับตนเอง

               ในวันนี้ดูเหมือนว่าสิ่งที่คีรีปรารถนาจะสำเร็จในขั้นต้นแล้ว ชื่อเสียงเรื่องความสามารถของคีรีดังจนเรียกความสนใจจากนาย

แพทย์กำจร ก่อเกียรติกุลได้จนกระทั่งมาทาบทามให้คีรีไปทำงานด้วย สิ่งเหล่านี้ทำให้คีรียินดีจนเนื้อเต้น เขาคิดจะมาขอบคุณเนรูเมื่อ

กลับเข้าสู่ห้อง แต่เมื่อก้าวเข้ามาคีรีกลับเห็นเนรูนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้นห้องด้วยความเจ็บปวด


               “เนรู เป็นอะไรอีก”


               เมื่อญาติดีกันแล้วคีรีก็พูดดีกับเนรู เขาจ้องมองร่างของเนรูที่ได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง


               “ข้าพบมัน เทพอนูบิส”


               ดวงตาโปนของเนรูยิ่งเบิกโพลงจนน่ากลัวยามเอ่ยชื่อนั้น


               “มันทำร้ายข้าอีกครั้ง เจ็บใจเหลือเกิน ดีที่เหมือนกับว่าอังค์ไม่ได้อยู่ที่มัน”


               มิเช่นนั้นเนรูอาจจะแย่ยิ่งกว่านี้ เนรูไม่รู้ว่าเหตุใดอังค์อันเปรียบได้กับอีกหนึ่งชีวิตจึงหายไปจากเทพอนูบิส แต่มันจะต้องใช้

โอกาสนี้ทำลายเทพอนูบิสตามคำบัญชาของนายเหนือหัวแห่งมัน แต่ตอนนี้เนรูจะต้องรักษาตัวเองให้หายบาดเจ็บโดยเร็ว


               “ออกไปหาหัวใจให้ข้า เดี๋ยวนี้!”


               “ไม่ได้หรอก ผมจะไปหาให้คุณที่ไหน วันนี้ที่แผนกนิติเวชไม่มีศพอยู่เลย และผมก็ไม่ได้อยู่เวรรักษาคนไข้วันนี้ด้วย”


               เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่น แต่มีเพียงคีรีเท่านั้นที่ได้ยิน เนรูบินถลาเข้ามาเกาะอยู่บนใบหน้าของคีรีแล้วพูดเสียงกร้าว


               “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะใช้วิธีใด แต่ข้าจะต้องได้หัวใจมนุษย์โดยเร็วที่สุด มิเช่นนั้นสิ่งที่เจ้าทำมาจะสูญเปล่า”








               เสียงดังแสบแก้วหูของเพลงฮิบฮอปดังขึ้นในผับใต้ดินแห่งหนึ่ง แสงวูบวาบชวนให้รำคาญตาลอดออกมาเมื่อประตูทางออก

ถูกเปิดพร้อมกับร่างที่เดินโซซัดโซเซออกจากผับเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ชายหนุ่มวัยรุ่นไม่ถึงยี่สิบปีเดินเลาะมาให้ซอกตึกเพียง

ลำพัง เสียงและแสงเหล่านั้นค่อยๆจางลงเมื่อเขาเดินไกลออกมาเรื่อยๆ


               “คราย”


               เอ่ยเสียงอ้อแอ้เมื่อเห็นใครคนหนึ่งยืนขวางทางอยู่ เขาเพ่งตามองในความมืดแต่ก็แทบจะมองไม่เห็นใบหน้า


               “น้องอยากได้เงินใช้ไหม”


               “อยากสิวะ ใครจะไม่อยากได้เงิน พี่ชายจะให้ผมเหรอ ดีเลย ผมจะได้กลับไปแดกเหล้าต่อ”


               “พี่จะให้ แต่น้องต้องช่วยให้พี่สบายตัวก่อนนะ”


               เด็กหนุ่มตาเหลือกเมื่อได้ยิน


               “พี่จะเอาตูดผมใช่ป่ะ”


               ร่างนั้นก้าวเข้ามาใกล้ แต่เด็กหนุ่มมองไม่เห็นหน้าเพราะมีผ่าปิดปากบดบังอยู่ ผู้ชายตรงหน้าชูธนบัตรสีเทาปึกหนึ่งขึ้นมา


               “น้ำเดียว แลกกับหมดนี่”


               เด็กหนุ่มมองเงินในมือนั้นตาวาว


               “มาเลยพี่ ผมแถมให้สองน้ำเลยเอ้า”


               กางเกงยีนส์เก่ามอขาดวิ่นถูกเจ้าของกระชากลงจนถึงต้นขา ชายแปลกหน้าเดินตรงเข้ามาแล้วผลักเด็กหนุ่มให้หันหน้าเข้าหา

ผนังตึก เขาจับมือเด็กหนุ่มให้ยันกับผนังปูนเย็นเฉียบก่อนจะลูบไล้มือตามลงมา


               “พี่ชาย นี่ถึงขั้นต้องใส่ถุงมือเลยเหรอ อนามัยไปม้าง”


               “พี่ชอบอย่างนี้ อย่าถามมาก ลองนี่ดีกว่า”


               ยาเม็ดเล็กถูกยัดเข้าไปในปากเด็กหนุ่มที่รีบรับมันเข้าไปอย่างรวดเร็ว แค่ลิ้นแตะก็รู้แล้วว่ามันเป็นยาอีราคาแพงที่คนอย่างเขา

นานๆทีจะได้ลิ้มลอง


               “สวรรค์ของกูละโว้ย ลาภปากชิบหาย”


               กลืนมันลงไปพร้อมกับได้ยินเสียงรูดซิปจากคนด้านหลัง เด็กหนุ่มได้ยินเสียงฉีกฟอล์ยที่เดาว่าน่าจะเป็นถุงยางอนามัย สมอง

ของเด็กหนุ่มเริ่มล่องลอยไปตามฤทธิ์ยา เขาขยับขากว้างเปิดทางให้ผู้ชายด้านหลังดันกายเข้ามาได้ถนัด


               “ตามสบายเลยลูกพี่ เอาให้สะใจ วันนี้ผมบริการเต็มที่”


               ท่อนเนื้อร้อนค่อยๆแทรกเข้าไปช้าๆ จนกระทั่งสุดทาง ผู้ชายที่ยืนด้านหลังจึงได้จัดการจนเด็กหนุ่มหัวสั่นคลอน และเพราะ

ฤทธิ์ยากล่อมประสาททำให้เขาคล้อยตามจนหน้ามืด


               “เจ๋งมากลูกพี่ อีกนิด อีกนิด ผมจะ...”


               ปลดปล่อยอารมณ์ไปกับราคะจนไม่รู้เลยว่ามีดผ่าตัดปลายคมกำลังจ่ออยู่กับคอหอย และเมื่อเด็กหนุ่มพริ้มตาขณะเขากำลัง

โลดแล่นอยู่ในสวรรค์ปลายคมของมีดก็ตัดเข้าที่เส้นเลือดใหญ่ทันที


               ท่อนเนื้อถูกดึงออกจากร่างนั้น พลันเด็กหนุ่มก็ร่วงลงไปกองอยู่กับพื้น โลหิตแดงฉานทะลักออกจากปากแผล เด็กหนุ่ม

ตาเหลือกชักกระตุกอีกไม่กี่ครั้งเขาก็ไม่กลับจากสวรรค์ที่เพิ่งไปเยือนอีกเลย

               


               TBC

               สาบานว่านิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักหวานแหวว
                :laugh: :laugh:



[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 14 [25/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 25-08-2016 00:43:09
 :hao4:   อื้มมมม หมดหวังที่จะกลับตัวกับอิตาหมอคีรี 
จงไปชดใช้กรรมซะ 
ปล.เราคิดว่าอิตาหมอคีรีไม่ได้เอาเอ็นอุ่นใส่จริงๆใช่ป่ะ มันต้องเป็นผลมาจากยาแน่ๆเลย  ถ้าจริงอยากจะบอกอิเลววว 
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 14 [25/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-08-2016 00:58:23
อย่างโหด
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 14 [25/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: KnightDevil ที่ 25-08-2016 07:09:05
โอยน่ากลัวแง ขอให้อนูบิสรีบจัดการกับเนรูได้เร็วๆทีเถอะ :hao5:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 14 [25/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 25-08-2016 09:08:16
กว่าจะจัดการเนรูได้ไม่รู้จะมีคนตายอีกกี่ศพ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 14 [25/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 25-08-2016 09:39:06
จบหมอมาได้ไงวะ

 :ling1:  ค่ะ นิยายรักหวานแหวว
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 14 [25/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 25-08-2016 11:30:02
มาสั้นๆแต่อย่างโหด
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 14 [25/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-08-2016 15:56:34
หูย~ น่ากลัว
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 14 [25/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 25-08-2016 19:13:14
อ๋า เมกเซ๊นส์นะ  คีรีต้องอาศัยเนรุนี่เองถึงทำให้ได้ทุกอย่าง

อย่าบอกนะว่าคีรียัดจริงๆก่อนฆ่า   จิตมากงั้น
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 14 [25/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 25-08-2016 19:40:24
เนรูจับทางอนูบิสได้อย่างนี้ เดี๋ยวต้องรู้แน่เลยว่าอังค์อยู่กับโอม โอมน่าจะมีอันตรายแน่ๆ เค้ารักกันน้า ต้องช่วยกันปกป้องกันและกันน้า
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 14 [25/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 25-08-2016 20:09:36
 :mew4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 14 [25/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 25-08-2016 22:25:28
เหอ ๆ อิตาหมอนี่น่ากลัวแหะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 14 [25/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 26-08-2016 00:10:26
บางทีก็จิตไปนะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 14 [25/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 26-08-2016 15:23:01
สนุก ขอปักหมุดติดตามด้วยคนคะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 14 [25/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ชัดเจนกาบ ที่ 26-08-2016 16:25:41
มันก็ต้องของจริงอยู่แล้ว  สุดท้ายก็เป็นตัวแทนของปีศาจ  เทพศาสตราหรอ  อืมคลายแล้วหนึ่งปม
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 14 [25/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 26-08-2016 19:07:58
หนักขึ้นเรื่อยๆสินะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 14 [25/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 27-08-2016 11:52:45
เราตามมาอ่านค่ะ จากที่มีคนแนะนำมา  :hao7: แรกๆเราก็คิดนะว่ามันไม่มีอะไร รักกันง่ายๆสไตล์ชิวๆ แต่ช่วงหลังๆมานี่เนื้อเรื่องช่างเข้มข้น ต่อสู้กันเปรี้ยงปร้าง
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 14 [25/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 28-08-2016 01:12:35
อ่านเริ่มต้นแล้วน่าสนใจทีเดียว  :mew1: ตามต่อน่ะจ้ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 14 [25/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: darkside8 ที่ 28-08-2016 16:05:41
อีตาหมดคีรีนี่เรียกว่าโหดได้มะ

อียยยยย....

หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 15 [29/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 29-08-2016 00:19:36


                                                       อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                                  บทที่ 15

                                                    Anubis Lord of the Death



               “นี่ผู้กอง กินอะไรหน่อยไหม”


               เวทิศยื่นถุงขนมปังกับขวดนมส่งให้ผู้ชายที่กำลังหน้าเครียดจนต้องใช้ปลายนิ้วนวดขมับ วันนี้เขานัดกับปาลว่าจะไปหาข้อมูล

เรื่องรอยผ่าตัดของศพที่ผ่านมา แต่ยังไม่ทันที่จะได้ไปปาลก็ได้รับรายงานว่าเกิดเหตุร้ายขึ้นจนต้องรีบไปดู เวทิศที่ติดรถปาลมาจึงต้อง

ติดสอยห้อยตามไปด้วย เขานั่งรออยู่ในรถขณะที่ปาลลงไปในที่เกิดเหตุและทำงานด้วยความจริงจัง เวทิศที่รออยู่จึงได้แต่มองผู้ชายคน

นั้นและยอมรับว่าอคติในใจของเขานั้นแทบจะไม่เหลือแล้วด้วยซ้ำ


               “เพิ่งรู้สึกว่าหิวนะนี่”


               ปาลเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขารับมาแล้วเปิดถุงกินท่าทางเอร็ดอร่อย หลายวันที่ได้คลุกคลีกับเวทิศ ปาลก็รู้แล้วว่าเวทิศก็ไม่ใช่

คนกวนประสาทอย่างที่เขาคิดอย่างเมื่อแรกรู้จักกัน ตอนนี้เขาพูดคุยกับเวทิศอย่างสนิทใจมากขึ้น


               “รู้ไหมคนตายเป็นใคร”


               ปาลเอ่ยขึ้นเมื่อท้องเริ่มอิ่ม เขาชี้นิ้วไปทางจุดเกิดเหตุที่ยังมีเจ้าหน้าที่ยืนทำงานกันกลุ่มใหญ่


               “เด็กแว้นแถวนี้แหละ มาเที่ยวผับแล้วกำลังจะกลับแต่ดันมาถูกเชือดคอตายตรงซอกตึก แต่ที่สำคัญกว่านั้น ลองทายสิเวทิศ

หัวใจถูกตัดออกไปด้วยรอยกรีดอันงดงามพอๆกับรอยเชือดที่คอ”


               เวทิศใจหาย ความรุนแรงเริ่มมากขึ้นกว่าที่เขาคิดไว้ ตอนแรกก็เริ่มจากศพคนที่ตายไปแล้วและลามมาถึงคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ถ้า

หากปล่อยไปเกรงว่าทุกอย่างจะยิ่งเลวร้ายไปกว่านี้ เวทิศจะทำเช่นไรที่จะหยุดยั้งมันให้ได้


               “ผู้กอง คุณเชื่อเรื่องอะไรที่มันเหนือความคาดหมายบ้างไหม อย่างเช่นเรื่องเทพเจ้าหรืออะไรทำนองนี้”


               ปาลที่กำลังสตาร์ทรถหันมามองเวทิศอย่างงงๆ เขานึกไม่ออกในเรื่องที่เวทิศพูดออกมาเลย


               “อะไรกัน นี่อย่าบอกนะว่าคุณเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วย อ้อ ลืมไป คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทพเจ้านี่หว่า ก็ไม่น่าแปลกที่คุณจะเชื่อ

ว่าพวกเทพนั่นจะมาเดินเล่นสวนทางกับเรา”


               เวทิศถอนหายใจ ก็คิดอยู่แล้วว่าปาลคงไม่เชื่อในเรื่องพวกนี้ คงต้องหาวิธีกล่อมให้ปาลฟังบ้างว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่อง

เหนือมนุษย์คอยควบคุมอยู่


               “คุณก็ลองคิดเพิ่มอีกสักหน่อยสิ อันที่จริงตัวคุณเองก็สงสัยอยู่บ้างไม่ใช่หรือ ไม่อย่างนั้นทำไมถึงพุ่งเป้ามาที่เรื่องของมัมมี่ล่ะ

ไอ้ของอย่างนี้คิดเผื่อไว้ก็ไม่เสียหายนะคุณ”


               “กำลังจะบอกอะไรผมกันแน่” ปาลชักสงสัย “พูดมาเลยดีกว่า”


               “ก็ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นมันมีสิ่งเลวร้ายที่เรียกว่าปีศาจชักใยอยู่เบื้องหลังล่ะ ถ้าเป็นของฝรั่งก็เรียกว่าซาตานก็น่าจะได้ ไอ้ตัวที่ทำ

ทุกอย่างเพื่อต่อต้านพระเจ้าไงล่ะ ของอียิปต์มันก็มีนะคุณ เผื่อว่าคุณจะ...”


               ยังไม่ทันจะพูดให้จบเวทิศก็ต้องตกใจส่งเสียงอุทานดังลั่นเมื่อปาลเบรกรถกะทันหันจนหัวทิ่มขณะกำลังจะเลี้ยวเข้าไปที่กอง

ปราบที่เขาทำงานอยู่ เมื่อเวทิศมองตามสายตาของปาลที่พุ่งตรงไปยังด้านหน้าถึงได้รู้ว่าสาเหตุนั้นคืออะไร


               “วินนี่”


               กวินตรานั่งรออยู่ในรถยนต์คันหรูหน้าที่ทำงานของปาล เวทิศมองเห็นคิ้วเข้มของปาลย่นเข้าหากันขณะเปิดประตูรถลงไปและ

พูดจากับกวินตราด้วยท่าทางเคร่งเครียด เขาอดไม่ได้ที่จะลงจากรถและเดินเข้าไปในการสนทนานั้น


               “ทำไมปาลไม่รับโทรศัพท์วินนี่ เดี๋ยวนี้ทำไมถึงเป็นแบบนี้ วินนี่บอกให้ไปหาก็ไม่ไป ให้ทำอะไรปาลก็ไม่ทำ”


               “ผมเป็นแบบนี้มานานแล้ว นานก่อนที่จะคบกับคุณด้วยซ้ำ”


               ปาลขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจที่เห็นกิริยาคุกคามของหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าคนรัก


               “นี่คืองานของผม เมื่อไหร่ที่คุณจะเข้าใจเสียทีวินนี่”


               “แต่วินนี่เป็นแฟนคุณ คุณจะรักงานมากกว่าวินนี่ไม่ได้”


                “พี่วินนี่ครับ”


                เวทิศเตือนตัวเองแล้วว่าอย่าเสือกเรื่องคนอื่น แต่เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมคราวนี้เขากลับเข้าข้างผู้ชายอย่าง

ปาล อันที่จริงเขาควรจะเข้าข้างกวินตราผู้หญิงที่เขาปลื้มมาตลอดไม่ใช่หรือ


               “คุณปาลเขาทำงานจริงๆครับ นี่ก็เพิ่งจะไปดูศพคนถูกฆ่าตายมา เขาไม่ได้เหลวไหลหรือไม่ได้รักพี่วินนี่อย่างที่พี่คิดหรอก

ครับ”


                กวินตราปรายสายตารำคาญใส่เพื่อนของน้องชายคนละแม่ นึกแปลกใจอยู่บ้างที่เห็นเวทิศมารถคันเดียวกับปาล แต่เพราะ

ความหงุดหงิดที่คนรักไม่ได้ดั่งใจเธอจึงไม่คิดถามและไม่คิดจะสนใจด้วย กวินตรามัวแต่คิดที่จะจัดการกับปาลให้ยอมลงให้เธอแต่โดยดี


                “ทำงานยุ่งแค่ไหนก็ควรจะมีเวลาให้วินนี่บ้าง วินนี่เป็นแฟนคุณนะหรือว่าลืมไปแล้ว ถ้าคุณไม่มีเวลาแบบนี้วินนี่จะไปกับคนอื่น

ที่เขาพร้อมจะไปกับวินนี่”


                “เออ อยากจะทำอะไรก็เชิญ จะไปไหนไปกับใครก็เรื่องของคุณ”


                 ปาลเบรกแตก เขามองใบหน้าของกวินตราที่งดงามด้วยเครื่องสำอางชั้นดีหากแต่ภายในกลับไม่ได้งดงามอย่างที่คิด หญิง

สาวเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจจนยากที่ปาลจะรับได้


                “ปาล อย่าท้านะ”


                กวินตราก็ร้อนพอกัน เวทิศได้แต่ยืนงงเพราะเขาไม่รู้ว่าจะห้ามใครก่อนดี ทั้งคู่ทำเหมือนไม่มีเวทิศอยู่ตรงกลางขณะเถียงกัน

ไปมา


                “ไม่ได้ท้า ผมเองก็ไม่ชอบที่คุณมาจุ้นจ้านถึงที่ทำงาน คุณอยากจะทำอะไรก็เชิญตามสบาย”


                “ปาล!”


                กวินตราอยากจะกรี๊ดออกมาที่ถูกปาลหักหน้า หล่อนได้แต่มองปาลราวกับจะบีบคอให้ตายคามือก่อนที่จะหันหลังก้าวฉับๆไป

ขึ้นรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งปาลให้ยืนเท้าเอวมองตามหลังแล้วบ่นพึมพำอย่างหงุดหงิด


                “นี่ไงล่ะปีศาจตัวจริง”


                 เวทิศถอนหายใจ เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าฤทธิ์เดชของกวินตราจะมากมายขนาดนี้ เวทิศสงสัยว่าหากเขารู้จักนิสัยของหญิงสาว

มาก่อนเขาจะยังแอบปลื้มกวินตราอยู่หรือเปล่า เขาได้แต่มองปาลอย่างเห็นใจ


                 “เข้าใจแล้วว่าทำไมไอ้โอมมันถึงไม่ค่อยอยากจะสุงสิงกับคนบ้านนี้ เฮ้อ”


                 เมื่อใจเย็นลงแล้วปาลก็ส่ายหน้าก่อนจะสบตาเวทิศด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก อย่างน้อยเวทิศก็กล้าเอ่ยปากช่วยเขา

ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องนำตัวเองมายุ่งก็ได้


                “ขอบใจนะที่อยู่ข้างผม”


                นัยน์ตาคมที่มองมาทำให้เวทิศผิวแก้มร้อนจนเจ้าตัวงง เขาเบนสายตาหนีอย่างไม่รู้ตัว


               “บ้าน่า ใครจะอยู่ข้างคุณวะ ไอ้ผู้กองปากร้าย”


                ปาลแอบยิ้มขำ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ไม่นานเขาอาจจะเถียงกลับที่ถูกต่อว่า แต่ว่าตอนนี้กลายเป็นเขานึกถูกใจจนอยากจะแหย่

ให้เวทิศหัวหมุนบ่อยๆด้วยซ้ำ


                “ไม่เถียงด้วยแล้วเวลาไม่มี กลับไปขึ้นรถ เคลียร์งานอีกนิดแล้วผมจะไปส่งคุณกลับบ้าน”







                “อ้าวโอม”


               เสียงทักทายตามหลังทำให้อาศิรชะงัก เขาหันไปฝืนยิ้มเมื่อรู้ว่าใครเป็นเจ้าของเสียงนั้น


               “สวัสดีครับพี่คีรี”


                 เป็นเพราะอนูบิสเล่าให้ฟังว่าเห็นเนรูอยู่ใกล้ชิดกับคีรี แม้จะยังพิสูจน์ให้ชัดเจนไม่ได้แต่ก็ทำให้อาศิรเพิ่มความระวังมากขึ้น

เมื่อยังต้องมาทำงานที่โรงพยาบาลขณะรอเรื่องลาออกอนุมัติ


                 “ได้ข่าวว่าโอมลาออกงั้นหรือ แล้วจะไปทำงานที่ไหนล่ะ”


                 คีรีก็ยังพูดจากับเขาเหมือนเดิม พร้อมทั้งรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้า อาศิรยิ่งต้องพยายามให้ตัวเองแสดงออกให้เหมือนเดิม

เช่นกัน


                 “พ่อให้ไปช่วยงานที่โรงพยาบาลของพ่อน่ะครับ”


                 นัยน์ตาเปลี่ยนแสงไปวูบหนึ่ง ก่อนที่คีรีจะคลี่ยิ้มเช่นเดิม


                  “นั่นสินะ มีพ่อเป็นถึงเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนระดับใหญ่โต ผมก็ไม่ควรสงสัยว่าโอมจะไปทำงานที่ไหน ผมควรจะ

ฝากตัวกับว่าที่ผู้บริหารคนใหม่หรือเปล่านี่”


                    ไม่รู้เพราะอะไรแต่อาศิรจับได้ถึงกระแสเสียงที่แฝงการประชดประชันมากับประโยคนั้น แต่อาศิรก็รักษาท่าทีให้เป็นปรกติ

มากที่สุด


                    “อย่าคิดแบบนั้นเลยครับพี่คีรี ผมเองก็ไปเพราะความจำเป็นที่ต้องดูแลยาย”


                    กำลังคิดหาวิธีปลีกตัวจากคีรีก็มีตัวช่วยมาพอดี ชาลินีเพื่อนสนิทนั่นเองที่มาช่วยไว้ได้ อาศิรมองเห็นหญิงสาวเดินลงจาก

ตัวตึกจึงรีบเรียกไว้


                   “ขอตัวก่อนนะครับพี่คีรี”


                   คีรีจึงได้แต่มองตามหลังอาศิรที่รีบเดินไปหาเพื่อนสนิท เขากดยิ้มที่มุมปากดวงตาโชนแสง


                   “คิดว่าจะหนีไปได้นานแค่ไหน อาศิร”


                    ความคิดของคีรีชะงักเมื่อโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เขารับสายพร้อมกับซ่อนความลิงโลดไว้ในใจ


                    “สวัสดีครับ คุณวินนี่นั่นเอง โทรมาทวงคำตอบหรือครับ อืม ถ้าอย่างนั้นให้ผมเลี้ยงมื้อเย็นคุณวินนี่ก่อนที่ผมจะให้คำตอบ

ดีไหม งั้นผมจะไปรับนะครับ”


                ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง คีรีจะได้ก้าวไปสู่ตระกูลก่อเกียรติกุล และชัยชนะจะต้องตกเป็นของเขาเพื่อให้คุ้มกับทุกสิ่งที่ลงทุนไป

คีรีคนนี้จะไม่มีวันพลาดเด็ดขาด








               “ได้ข่าวว่าแกยื่นเรื่องลาออกไปแล้วเหรอ”


                ชาลินีเอ่ยถามขณะเดินคู่กันไปตามทางเดินของโรงพยาบาล อาศิรพยักหน้ายอมรับอย่างเซ็งๆ


                “ในที่สุดพ่อก็ทำได้ว่ะน้ำชา ผู้ชายคนนั้นใช้ยายเป็นเครื่องมือ เขาเก่งนะ อะไรที่ต้องการก็จะต้องทำให้สำเร็จจนได้”


                  น้ำเสียงไม่ได้ชื่นชมไปในทิศทางเดียวกับคำพูดสักนิด ชาลินีรู้ดีว่าอาศิรกล่าวเหน็บผู้เป็นบิดาที่สามารถบังคับให้เขาลาออก

จนได้ ชาลินีเห็นชีวิตของเพื่อนมาตั้งแต่เด็ก นึกเห็นใจอาศิรที่มีบิดาเช่นนี้ นายกำจรนั้นไม่เคยแสดงออกว่ารักลูกชายเพียงคนเดียวที่เกิด

จากภรรยานอกสมรสเลยสักครั้ง แต่เมื่อเห็นว่าอาศิรมีความสามารถก็กลับจะฉกฉวยให้อาศิรมาทำประโยชน์ให้กับกิจการของตน แต่

ชาลินีก็ทำได้เพียงเห็นใจและปลอบโยนอาศิรไปตามเรื่อง


                “คิดเสียว่าเพื่อความสะดวกสบาลของยายก็แล้วกันว่ะโอม”


               เสียงโทรศัพท์ของชาลินีดังขัดจังหวะการสนทนา หญิงสาวรับสายด้วยเสียงสุภาพเพราะเห็นว่าเป็นเบอร์ใหม่ที่ไม่เคยบันทึก

ไว้มาก่อน


               “สวัสดีค่ะ ชาลินีค่ะ ไม่ทราบว่าใครโทรมาคะ”


               “สวัสดีน้ำชา ฉันเองไงล่ะ”


               ชาลินีหยุดกึกจนอาศิรต้องหยุดเดินตามไปด้วย เขามองเพื่อนสาวอย่างนึกขำเมื่อเห็นชาลินีย่นหน้าอย่างไม่สบอารมณ์


               “นึกว่าใคร คุณหมอดับจิต”


               “เดี๋ยวนะ อย่าเรียกฉันแบบนั้นสิ” ใจภักดิ์โอดครวญ “ใครเขาสอนให้เรียกแบบนั้นกันเล่า”


               “ไม่มีใครสอน เผอิญว่าฉลาดเองตั้งแต่เกิด แล้วนี่ได้เบอร์ของฉันมาได้ไง”


               “ขอแม่ของคุณมาไง แม่ใจดีก็เลยให้เบอร์น้ำชามา”


               เสียงตอบอย่างร่าเริงของใจภักดิ์ทำให้ชาลินีนึกหมั่นไส้ทั้งคนโทรมาและแม่ของตน ตั้งแต่พาชาลินีไปส่งที่บ้านในวันที่พบกัน

ครั้งแรก ใจภักดิ์ก็แวะไปใช้บริการร้านอาหารตามสั่งที่บ้านของชาลินีบ่อยครั้งแถมยังพาลูกน้องที่ทำงานไปกินด้วยบ่อยๆทำให้แม่ของ

ชาลินีติดอกติดใจพูดคุยจนสนิทสนมกับคุณหมอตำรวจคนนี้เป็นพิเศษและยังชื่นชมให้ชาลีนีฟังอีกต่างหาก


                “แล้วโทรมามีอะไร”


                “ผู้ชายที่ยืนข้างๆใครน่ะ แฟนเหรอ”


               “เอ๊ะ รู้ได้ไงว่าฉัน...”


                ชาลินีเอะใจจนต้องเหลียวหน้าเหลียวหลังไปมาจนกระทั่งเห็นใจภักดิ์ที่ยืนยิ้มอยู่ไม่ไกลนัก และเมื่อสบตากันแล้วใจภักดิ์ก็

ก้าวตรงมาหา ชาลินีเผลอตวัดสายตาค้อนโดยไม่รู้ตัวขณะที่อาศิรมองใจภักดิ์อย่างนึกทึ่งที่อีกฝ่ายเป็นหญิงสาวที่ดูเท่และทะมัดทะแมง

กว่าผู้หญิงทั่วไป ชาลินีจำเป็นต้องแนะนำอาศิรให้รู้จักกับใจภักดิ์อย่างไม่เต็มใจนัก


                “แล้วมาทำไมอีก”


                “มาหาไม่ได้เหรอ” ใจภักดิ์โต้กลับอย่างนึกขำ หน้าตาเวลาไม่ได้ดั่งใจของชาลินีทำให้เธออารมณ์ดี


                “มีคดีด่วนมาน่ะสิ เห็นข่าวคนถูกเชือดคอตายและกรีดเอาหัวใจไปหรือเปล่า ศพนั้นถูกนำมาฝากศพที่นิติเวชที่นี่ฉันเลยต้อง

มาขอข้อมูลเสียหน่อย”


                คำตอบของใจภักดิ์เรียกความสนใจจากอาศิรได้เป็นอย่างมาก ยิ่งเมื่อรู้จากการแนะนำของชาลินีว่าใจภักดิ์เป็นหมอนิติเวช

ของกรมสืบสวนคดีพิเศษอาศิรก็ยิ่งสนใจ เขาเพิ่งจะพูดคุยเรื่องคดีนี้กับอนูบิสก่อนมาทำงานนี่เอง


                 “ข้อมูลเป็นความลับไหมครับ”


                 อาศิรเอ่ยถามอย่างกระตือรือล้น ใจภักดิ์หันมายิ้มให้ นึกสบายใจที่ชายหนุ่มไม่ใช่คนรักของชาลินีอย่างที่ตัวเองก็ไม่เข้าใจว่า

ทำไมจึงรู้สึกเช่นนั้น


               “ก็ไม่เชิงลับหรอกค่ะ พี่เองก็ยังไม่มีข้อมูลอะไรมากเหมือนกัน นี่ก็จะมาขอสืบข้อมูลจากพี่สมยศ”


                ใจภักดิ์หมายถึงนายแพทย์นิติเวชของโรงพยาบาลที่เป็นรุ่นพี่ของเธอ อาศิรจึงรีบเสนอตัวทันที


                 “ผมขอไปด้วยได้ไหมครับ ถ้าไม่รบกวนพี่ใจภักดิ์ ผมเองก็อยากจะทราบเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน”


                 “ไม่รบกวนเลยค่ะ งั้นเราไปกันเลยไหม” ใจภักดิ์เอ่ยชวนอาศิรจนชาลินีหน้าเหวอ


                   “อ้าว แล้วฉันล่ะ แกจะทิ้งกันง่ายๆเลยเหรอไอ้โอม”


                   “แกก็กลับไปทำงานสิน้ำชา แกยังไม่ลงเวรไม่ใช่หรือ” อาศิรตอบอย่างงงๆที่ชาลินีทำหน้าง้ำใส่ใจภักดิ์


                   “น้ำชากลับไปทำงานเถอะ แล้วเลิกงานตอนเย็นฉันจะพาไปส่งบ้านนะจะได้ไม่ต้องกลับรถเมล์”


                   “ฮึ มาถึงก็มาแย่งเพื่อนเขาไป จะทำอะไรก็เชิญเลย ไม่ยุ่งด้วยแล้ว”


                    อาศิรส่ายหน้าเมื่อเห็นชาลินีสะบัดหน้าหนีใจภักดิ์ก่อนจะเดินกลับไปยังตึกที่ทำงานอยู่ ใจภักดิ์มองตามหลังจนชาลินีลับ

สายตาไปจึงได้เอ่ยชวนให้อาศิรไปที่แผนกนิติเวช




มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 15 [29/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 29-08-2016 00:31:40
ต่อกันตรงนี้...


              อนูบิสมาหาเวทิศที่มหาวิทยาลัยหลังจากที่ไม่ได้มาเสียหลายวัน ข่าวดังที่ดูจากกล่องสี่เหลี่ยมที่เรียกว่าโทรทัศน์เมื่อเช้านี้นั้น

ทำให้อนูบิสอยู่เฉยไม่ได้เมื่อเหตุการณ์เริ่มจะบานปลาย เขาจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อกำจัดเนรูโดยเร็วที่สุด

               ก่อนจะถึงห้องพักอาจารย์ของเวทิศ จะต้องเดินผ่านห้องพิพิธภัณฑ์เล็กๆของคณะ อนูบิสแลเห็นรูปปั้นเทพเจ้าขนาดย่อมกว่า

มนุษย์เรียงรายกันอยู่เขาจึงเลี้ยวเข้าไปสายตาจับจ้ององค์เทพจำลองต่างๆโดยเฉพาะสุริยเทพอามุน-ราและเทพโอซิริสผู้เป็นลุง ความ

หนักใจเอ่อท้นเมื่อความรับผิดชอบในภารกิจครั้งนี้รุนแรงกว่าทุกครั้งโดยไม่มีใครช่วยเหลือได้เลย หากเพียงจะมีคำแนะนำให้กับหนทาง

สู่ชัยชนะบ้างคงดีไม่น้อย


                    “มหาเทพอามุน-รา ผู้ยิ่งใหญ่แห่งธีบิสและปกปักสิ่งมีชีวิตทั้งปวง”


                     อนูบิสหลับตาลงและท่องบทสวดบูชาสุริยเทพ


                     “ไม่ว่าพิภพนี้จะกว้างใหญ่และมากด้วยมิติเร้นลับเพียงไหน แต่ผืนพิภพนี้ก็มีสุริยะเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ข้าแต่องค์สุริย

เทพผู้ให้กำเนิดสรรพสิ่งทั้งปวงโปรดช่วยปกป้องสิ่งที่ท่านดูแลรักษา ได้โปรดช่วยให้ข้ารู้แจ้งถึงวิถีทางนั้น ช่วยหลานด้วยเถิดท่านปู่”


                        สิ้นเสียงคำสวดอ้อนวอน ภายใต้ความมืดมิดหลังเปลือกตาที่ปิดสนิท พลันอนูบิสกลับมองเห็นจุดเริ่มต้นของแสงสว่าง

เล็กๆก่อนที่มันจะเรืองรองขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นสีเขียวอ่อนสดใส หัวใจของอนูบิสอึงอลด้วยความยินดีเมื่อเห็นบุรุษผู้งามสง่าสวมใส่

มงกุฎสีขาวแซมด้านข้างด้วยขนนกกระจอกเทศ อนูบิสในร่างเทพเจ้าที่มีศีรษะรูปหมาในรีบยอบกายคำนับทันที


                       “ท่านลุงโอซิริส”




           TBC

   
          :hao4: :hao4:

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 15 [29/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 29-08-2016 01:05:50
 :laugh:   โอ๊ยยยย อิตัว(ผู้)กอง  มันโสดแล้วจร้าาา

ส่วนพี่หมอใจภักดิ์ ก็บุกหนักมาก  โอ๊ยยย มีความฟินทั้งทุ่งดอกกระเจียว และลิลลี่

ปล.เฉลยด้วย ว่าตอนที่แล้วตั๊มมั้ย ???

ปล. 2   เกลียดอิตาคีรีละ  คือ มันมีแววว่าจะทำทุกอย่างให้ตัวเองขึ้นสู่จุดสูงสุด   สมมุติถ้าต้องจีบโอมแล้วได้ทุกอย่างคนอย่างอิตาคีรีคงยอม  แววชั่วร้ายมาเต็มมาก  งานนี้ซื้อพวกหรีดรอได้เลย  ม่องแน่ๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 15 [29/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 29-08-2016 01:07:46
ใกล้แล้ว ใกล้เจอทางออกแล้วววว

กลัวสิ่งที่หมอคีรีทำมากบอกเลย   :sad4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 15 [29/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 29-08-2016 01:10:11
อ่อยยย!! จะเอาอีก
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 15 [29/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 29-08-2016 01:52:56
มีคนช่วยแย้ววว
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 15 [29/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 29-08-2016 09:23:56
ฟินกันไปเบาๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 15 [29/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-08-2016 09:42:46
 :เฮ้อ:  ลุ้นต่อเนื่องค่ะ  :pig4: 
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 15 [29/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 29-08-2016 13:24:47
ลุ้นไปอีกกก
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 15 [29/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 29-08-2016 15:40:42
อย่างน้อยยังมีท่านลุงมาหาถึงจะไม่ได้ช่วยเต็มที่แต่ขอแค่ชี้แนะแนวทางก็ยังดี

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 15 [29/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 29-08-2016 22:30:04
ท่านลุงเป็นความหวังของเขาละนะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 15 [29/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 30-08-2016 05:21:00
ท่านลุงโผล่มาแล้วจะช่วยอะไรบ้างได้ไหมนะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 15 [29/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 31-08-2016 00:50:46
สนุกมากจ้ะ รู้สึกเรื่องจะพลิกแพลงไปมาจนเดาไม่ถูกว่าจะไปทางไหน เรื่องดำเนินเร็วกว่าที่คาดน่ะ เราสงสัยหมอคีรีตั้งแต่แรกแหละว่าต้องมีอะไรแปลก ๆ แน่ สงสารเด็กหนุ่มจังต้องมาเสียชีวิต เขาถึงว่าเวลาคนทำผิดแล้วโดนจับไม่ได้ก้อจะทำหนักขึ้น ตอนนี้กลายเป็นฆาตกรแบบเป็นเรื่องเป็นราวไปซะแหละ  :mew5:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 15 [29/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 01-09-2016 14:29:14
 :pig4:

ทันละ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 15 [29/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 01-09-2016 19:31:02
ทำไมเราชอบตัวละครที่ชื่อหมอคีรี  5555+
แต่ไม่ชอบนิสัยนะแอบน่ากลัว
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ
ยิ่งอ่านยิ่งติด
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 15 [29/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 02-09-2016 00:10:14
งานนี้เรื่องจะดำเนินไปทางไหน งานนี้เฉลยหมดแหละ อยากรู้ว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป  :mew1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 15 [29/8/59]
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 02-09-2016 11:11:39
อ๊า...รอตอนต่อไปชอบบ สนุกดี
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 16 [6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 06-09-2016 00:24:05


                                                           อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                                     บทที่ 16

                                                         Anubis Lord of the Death


               บุรุษอันมีเรือนร่างงามสง่าและใต้ล่างของริมฝีปากมีเครายาวได้รูปอันเป็นแบบอย่างของเหล่าฟาโรห์ทั้งปวงเมื่อสิ้นลมหายใจ

จะต้องบรรจุร่างไว้ในหีบศพที่สลักเสลาเป็นพระพักตร์ที่มีเครายาวดั่งเช่นเทพโอซิริส บัดนี้ได้ก้าวตรงเข้ามาและดึงต้นแขนเทพอนูบิสผู้

เป็นหลานให้ลุกขึ้นยืนเสมอกับตน


               “เป็นเช่นไรบ้างหลานของข้า ลุงเป็นห่วงเจ้าเหลือเกิน”


               ดวงตาคมของอนูบิสฉายแววตื้นตันเมื่อได้พบกับเทพโอซิริสผู้เป็นลุง ในยามสถานการณ์ตึงเครียดเพียงได้พบกับผู้ที่เขามอบ

ความเคารพเช่นนี้ หัวใจของอนูบิสก็ชุ่มชื่นขึ้นมาอีกครั้ง


               “ขอบคุณท่านปู่ที่เปิดทางให้ข้าได้พบกับท่านลุง ข้านั้นด้อยความสามารถนักที่บัดนี้ก็ยังตามจับปีศาจเนรูและนำขนนกกลับ

คืนมิได้”


               “อย่าดูถูกตนเองเช่นนั้น ไม่ใช่ว่าหลานด้อยความสามารถ แต่เป็นเพราะศัตรูมิใช่ธรรมดา มันถูกส่งมาเพื่อก่อกวนให้แดนมรณะ

ต้องวุ่นวาย”


               อนูบิสขมวดคิ้ว คำกล่าวของเทพโอซิริสราวกับว่าล่วงรู้ถึงเบื้องหลังของเนรูแล้ว


               “ท่านลุงได้โปรดแจ้งต่อหลาน ใครกันที่บังอาจทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้”


               “มีอยู่เพียงคนเดียวที่กล้า” เทพโอซิริสถอนหายใจหนักหนา ทำให้อนูบิสเดาได้จากท่าทางนั้น


               “หรือว่าจะเป็น...ท่านพ่อ”


               อนูบิสสลดใจเมื่อการคาดเดาของเขาถูกต้อง เทพโอซิริสผู้เยือกเย็นและเกลียดความรุนแรงไม่ได้ปฏิเสธผู้เป็นหลาน และยัง

นึกย้อนไปเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นใหม่ๆ ที่ต้องไปให้ปากคำแก่ Ennead (ศาลที่ประกอบด้วยเทพเจ้าเก้าองค์เพื่อตัดสินความขัดแย้งต่างๆ)

               เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ทวยเทพทั้งหลายต่างเข้ารับฟังการประชุม  เทพทุกองค์ต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดยกเว้นเชธเทพเจ้าแห่ง

สายฟ้าที่ได้แต่นั่งฟังอย่างเฉยเมย


               “ไหนว่าดินแดนหลังความตายมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาจากท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่โอซิริสและหลานชายที่แสนจะจองหองอนูบิส

แล้วไฉนจึงปล่อยให้ขนนกแห่งเทพีมาอัตที่แสนจะสำคัญถูกช่วงชิงไปเล่าท่านพี่”


               น้ำเสียงของเซธฟังดูเหมือนกับเหยียดหยามจนโอซิริสที่ใจเย็นยังอดไม่ได้ที่จะขุ่นเคืองและกล่าวตอบโต้น้องชายผู้โอหัง


               “ดินแดนหลังความตายมีการคุ้มกันทางเข้าและตรวจสอบอย่างละเอียด ไม่มีทางที่จะปล่อยให้ปีศาจเร้นกายเข้าไปโดยง่าย

ยกเว้นเสียแต่ว่าปีศาจตนนั้นจะมีผู้ช่วยเหลือให้กระทำได้สำเร็จ”


               ดวงตาของเทพเซธผู้มีใบหน้าเป็นลาถึงกับดุดันขึ้นมาเมื่อได้ยินคำกล่าวของพี่ชาย เซธพลันลุกขึ้นยืนและก้าวไปยังเบื้องหน้า

ของโอซิริสพร้อมกับเหยียดยิ้ม


               “ท่านพี่ควรจะกล่าวโทษตัวเองและอนูบิสที่ไร้ซึ่งฝีมือมากกว่าจะกล่าวหาคนอื่นเช่นนี้”


               เทพโอซิริสมองหน้าน้องชายอย่างรู้ทัน


               “ทำไมต้องโมโหโกรธาด้วยเล่าเซธ ข้ายังไม่ได้กล่าวหาผู้ใดทั้งสิ้น หรือว่าเจ้าร้อนใจที่ข้ามิได้เอ่ยชื่อเจ้าออกมา”


               “โอซิริส!”


               ท่าทีคุกคามและโกรธเกรี้ยวของเทพเซธทำให้เทพฮอรัสผู้มีใบหน้าเป็นนกเหยี่ยวบุตรชายของเทพโอซิริสทนไม่ไหว เขาบิน

ถลาจากที่นั่งเข้ามากั้นขวางทางระหว่างบิดาและอาของเขาไว้ด้วยความดุดันไม่แพ้กัน


               “อย่าเข้าใกล้ท่านพ่อ”


               “กำแหงนักเหรอฮอรัส”


               “ข้ากำแหงกับผู้ที่ควรกำแหง ข้ายังไม่เคยลืมที่ท่านทำร้ายท่านพ่อ”


               ดวงตาของฮอรัสโชนแสงด้วยความเคียดแค้น เขาไม่ได้ใจเย็นเหมือนบิดา ความเลวร้ายที่เซธแยกชิ้นส่วนของโอซิริสเป็นสิบ

สี่ส่วนและโยนจนกระจายไปทั่วผืนแผ่นดินไอยคุปต์ยังคงฝังใจไม่มีวันเลือน หากในคราวนั้นเทพีไอซิสผู้เป็นมารดาและอนูบิสญาติผู้พี่

ของเขาไม่เข้มแข็งพอก็คงจะติดตามชิ้นส่วนของโอซิริสมาได้ไม่ครบ


               “ข้าเชื่อสนิทใจว่าปีศาจร้ายตนนั้นมีผู้บงการคือท่าน”


                เซธยิ้มเยาะกับคำกล่าวหาจากหลานชาย เขายักไหล่อย่างไม่แยแสนัก


              “ไม่ดีหรือเช่นไร จะได้รู้กันว่าเทพโอซิริสที่แสนจะยิ่งใหญ่ ไปไหนมีแต่ผู้คนบูชาจะมีปัญญาทำอะไรได้บ้าง”


              “แต่คนที่เดือดร้อนและกำลังเผชิญหน้ากับปีศาจคืออนูบิสบุตรของเจ้านะเซธ”


              เซธหันขวับไปจ้องหน้าโอซิริสด้วยความชัง ไม่มีสิ่งไหนที่จะยอกใจให้แสลงเท่าคำพูดประโยคนี้ของโอซิริส


              “เป็นห่วงมันนักหรือ ห่วงราวกับว่าอนูบิสมันเป็นลูกของท่านกระนั้นเลยนะท่านพี่”


               “เซธ!”


                โอซิริสอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเทพีเนฟธีสที่นั่งหน้าซีดเผือดเพราะถ้อยวาจาเสียดแทงของสามี เซธมองตามพลางยิ้มเยาะ

ก่อนที่เขาจะหนีจากไปอย่างไม่สนใจอีก สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้โอซิริสเครียดหนักขึ้นอีก และเขาดีใจมากที่เทพอามุน-ราเปิดทางให้ได้พบ

กับอนูบิสแม้จะแค่เสี้ยวหนึ่งก็ยังดี


                “เซธถือโอกาสใช้ช่วงเวลาที่ไปช่วยท่านปู่ของเจ้าสู้กับงูอะโพรฟิสบนเรือมันเจต แอบใช้ไม้เท้าของเทพอามุน-ราเปิดประตู

มิติทำให้เจ้ากับปีศาจร้ายเดินทางมายังดินแดนแห่งนี้”


                 “หากเป็นเช่นนั้น ถ้าข้าจะกลับไปก็ต้องให้ท่านปู่ช่วยเปิดทาง”


                 อนูบิสครุ่นคิดถึงอีกปัญหาหนึ่ง


                “เมื่อข้าเดินทางผ่านประตูมิติมานั้น ข้าพลาดพลั้งให้อังค์หลุดไป และอังค์ได้เข้าไปอยู่ในร่างของมนุษย์ผู้หนึ่ง”


               “อะไรนะ”


               เทพโอซิริสชะงักงัน เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าร่างมนุษย์จะรองรับอังค์ของเทพได้ อนูบิสถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม


               “ครั้นข้าอยู่ห่างไกลมนุษย์ผู้มีอังค์ของข้าอยู่ในตัว ข้าจะสิ้นซึ่งพลังแห่งเทพลง และไม่สามารถต่อกรกับไอ้ปีศาจเนรูได้เลย

ท่านลุงมีวิธีแก้ไขหรือไม่”


              โอซิริสนิ่งคิดก่อนจะสบตากับหลานชายที่รอคำตอบใจจดใจจ่อ


            “อังค์คือชีวิต หากต้องการอังค์ก็หมายถึงต้องการชีวิต มนุษย์ผู้นั้นอาจต้องเสียสละลมหายใจของเขาเพื่อปกป้องมนุษย์ทั้งปวง”


            แสงสว่างสีเขียวอ่อนเรืองรองค่อยๆจางลง บ่งบอกให้อนูบิสรู้ว่าเวลาของเขากับเทพโอซิริสหมดลงแล้ว โอซิริสมองหลานชาย

ด้วยความห่วงใย


               “ระวังตัวด้วยหลานรัก”


               ร่างแห่งเทพผู้ยิ่งใหญ่เลือนลางจนกระทั่งหายลับไป อนูบิสลืมตาขึ้นมาเพื่อที่จะเห็นโอซิริสเพียงรูปปั้นเท่านั้น คำพูดสุดท้าย

ของโอซิริสทำให้อนูบิสตกใจ

               หากต้องการอังค์หมายถึงต้องการชีวิต

              ไม่!

              อนูบิสจะไม่ยอมให้อาศิรต้องเสียสละใดๆอีกต่อไปแล้ว ไม่มีทาง!






                เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องพักของเวทิศอนูบิสก็ได้รู้จักกับปาลที่เวทิศแนะนำว่าเป็นตำรวจ


               “ตำรวจคือคนสืบหาความจริงและนำคนทำผิดไปลงโทษ” เวทิศบอกกับเขาเช่นนั้นก่อนจะหันไปหาปาลและแนะนำอนูบิสบ้าง


              “นี่คือท่านเทพอนูบิส”


              ได้ฟังแล้วก็งง ปาลมองอนูบิสกับเวทิศสลับกันและย่นคิ้วทันที


             “เล่นตลกอะไรอีก รู้จักกาลเทศะบ้างไหมเวทิศ”


             “เอ๊า พูดเรื่องจริงก็หาว่าตลก ก็ที่ผมบอกคุณไงว่าเรื่องที่คุณสืบอยู่มันมีเงื่อนงำ”


             เวทิศเล่าเรื่องของอนูบิสให้ฟังคร่าวๆ แต่ดูเหมือนว่าปาลก็ไม่เชื่ออยู่ดี แต่อนูบิสก็เข้าใจ เขาไม่ได้โกรธที่เห็นสายตาปาลมอง

ด้วยความกังขา


              “โธ่ เชื่อเถอะผู้กอง เนี่ยน่ะเทพตัวจริงเสียงจริง”


               “ไม่เป็นไรหรอกเวทิศ” อนูบิสยิ้มอ่อน “ในเวลาของคุณเรื่องเทพคงเป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ตอนนี้ผมเองก็ไม่มีอังค์จึงกลายร่าง

กลับไปเป็นร่างเดิมของผมไม่ได้ คงจะต้องใช้วิธีอื่นทำให้คุณเชื่อ”


               อนูบิสจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของปาลที่เผลอไผลให้อนูบิสมองอย่างไม่อาจละสายตาหนี ใช้เวลาแค่อึดใจอนูบิสก็เริ่มพูด

บางอย่างออกมาโดยที่ยังจ้องมองราวกับสะกดปาลไว้


               “คุณเคยตกบันไดเพราะความซนตอนสามขวบ ยังมีแผลเป็นที่หน้าผากจากการตกบันไดครั้งนั้น ตอนอายุแปดขวบคุณขโมย

ของเล่นจากร้านค้าจนถูกพ่อของคุณลงโทษอย่างหนักเมื่อรู้ความจริง และให้คุณไปสารภาพผิดกับเจ้าของร้านค้าด้วย เมื่อคุณอายุสิบสี่

คุณมีความสัมพันธ์ครั้งแรกกับผู้หญิงแต่คุณไปไม่ถึงดวงดาวจึงถูกผู้หญิงตบหน้า...”


               “พอ พอแล้ว”


               ปาลรีบยกมือห้ามเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของเวทิศ ใบหน้าของปาลแดงก่ำด้วยความอับอายเพราะความลับที่เขาปกปิดไม่เคย

ให้ใครรู้แม้แต่เพื่อนสนิทกลับมาถูกเปิดเผยโดยผู้ชายที่ปาลสาบานว่าเพิ่งเคยพบหน้ากันเป็นครั้งแรก


               “คุณไปรู้เรื่องของผมมาจากไหน”


                อดไม่ได้ที่จะคาดคั้นด้วยความสงสัย อนูบิสทำเพียงคลี่ยิ้มเท่านั้นทำให้ใจของปาลเริ่มไขว้เขว เวทิศที่เพิ่งจะหยุดหัวเราะได้

รีบสำทับทันที


                “เชื่อเหอะน่าผู้กอง คนธรรมดาที่ไหนจะมาล่วงรู้ความลับระดับชาติของผู้กองได้ เป็นผมก็ไม่กล้าเล่าให้ใครฟังนะว่าล่มปาก

อ่าว ฮ่าๆๆๆ อุ๊บ”


                เวทิศยอมหุบปากเมื่อปาลมองตาเขียว ปาลหันไปสนใจกับอนูบิสอีกครั้ง


               “ถ้าคุณเป็นเทพอย่างที่คุณบอกจริง แล้วคุณเสด็จมาโลกมนุษย์ทำไมมิทราบ”


              “ก็อย่างที่ผมบอกผู้กองไงล่ะว่าคดีที่ผู้กองทำอยู่น่ะ มันมีปีศาจอยู่เบื้องหลัง”


               เวทิศกลับมาจริงจังอีกครั้งและเป็นคนเล่าให้ปาลฟังว่าพวกเขาสงสัยว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของนายแพทย์คีรี ปาลยิ่งฟังหัวคิ้วก็

ยิ่งขมวดเข้าหากัน


                  “อันที่จริงผมก็สงสัยว่าคนลงมือต้องมีความรู้ด้านกายวิภาค” ปาลออกความเห็นเมื่อเวทิศพูดจบ “คนร้ายจะต้องเชี่ยวชาญ

ขนาดลงมีดได้อย่างไม่ลังเล ดูได้จากบาดแผลที่คมกริบ ที่พวกคุณสงสัยก็มีเค้า แต่เราจะปรักปรำโดยไม่มีหลักฐานไม่ได้”


               “แล้วจะทำไงดีล่ะผู้กองถึงจะจับมันได้” เวทิศเอ่ยถาม เขาไม่อยากให้มีการสูญเสียชีวิตคนอีกแล้ว


               “หลักฐานไงล่ะ เราต้องหาหลักฐานมัดตัวหากหมอคนนั้นทำผิดจริง อาจจะต้องหาใครสักคนที่จะเข้าไปล้วงลึกหาหลักฐานที่

สามารถมัดตัวจนเขาดิ้นไม่หลุด”







               อนูบิสกลับมาถึงบ้านของอาศิรในยามค่ำ ความคิดของเขามีแต่ความวิตกกังวลจนได้แต่หยุดยืนอยู่หน้าประตูบ้าน เขามอง

แสงไฟที่ลอดจากด้านในบ่งบอกให้รู้ว่าอาศิรมาถึงก่อนเขาแล้ว หัวใจของอนูบิสเจ็บแปลบกับหนทางอันแสนมืดมน

               จะมีหนทางไหนที่เขาสามารถกำจัดเนรูและชิงขนนกกลับคืนโดยไม่ต้องเดือดร้อนผู้อื่น โดยเฉพาะกับอาศิรคนที่อนูบิสมอบใจ

รักให้จนหมด หากรู้หนทางนั้นอนูบิสจะทำโดยไม่ลังเลแม้ว่าจะลำบากเหนื่อยยากเขาก็ไม่หวั่น หากแต่ตอนนี้อนูบิสยังมองไม่เห็นทางนั้น

               ได้แต่ปั้นรอยยิ้มประดับบนใบหน้าก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าไป อนูบิสมองเห็นอาศิรนั่งซึมอยู่ที่โต๊ะอาหาร เมื่ออาศิรได้ยินเสียง

จึงเงยหน้าขึ้นยิ้มรับ แต่อนูบิสก็ยังเห็นแววความอ่อนล้าในดวงตางามของอาศิร


                “เป็นยังไงบ้างอินทร์ภู ไปหาไอ้ทิศได้เรื่องอะไรไหม”


               อาศิรเอ่ยทักพลางตักข้าวใส่จานให้อนูบิส ทั้งโต๊ะมีเพียงอาหารถุงไม่กี่อย่าง เพราะตั้งแต่ยายจันทร์ป่วยป้าแก้วก็ขอลาพัก

กลับบ้านไปเลี้ยงหลาน ทำให้บ้านนี้มีเพียงอาศิรและอนูบิสเท่านั้น

               อนูบิสเล่าเรื่องที่เขาได้รู้จักปาลให้อาศิรฟังพร้อมๆกับกินข้าวไปด้วย ความจริงเขาไม่ได้นึกหิวเพียงแต่อยากกินเป็นเพื่อน

อาศิร เขาไม่อยากให้อาศิรรู้สึกเดียวดายมากไปกว่านี้


                “ผมไม่เข้าใจ ในเมื่อรู้ว่าใครคือคนเลวทำไมถึงไม่กำจัด ทำไมถึงต้องหาหลักฐานด้วยทั้งๆที่รู้ตัวคนทำผิดแล้ว”


               “ใจเย็นนะอินทร์ภู”


               อาศิรปลอบขณะที่ช่วยกันล้างจาน เขาเดินจูงมือให้อนูบิสเดินตามไปยังห้องนอนเมื่อเก็บทุกอย่างเข้าที่แล้ว


               “ในยุคที่มีคนอยู่จำนวนมาก พวกเราปกครองกันด้วยกฎหมายและสิ่งที่ยืนยันว่าคนๆนั้นทำผิดจริงๆก็คือหลักฐานไงล่ะ”


               “การจะได้หลักฐานที่ว่ามา ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้เขาได้ทำผิดอีกครั้งน่ะสิ ผมไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น”


               อนูบิสกัดกรามเป็นสันคางขึ้นเป็นแนว อาศิรเห็นแล้วจึงเข้าไปนั่งเคียงข้างและคล้องแขนอนูบิสไว้


               “อย่าคิดมากสิพ่อหมีพู หน้าตาดุน่ากลัวไม่สมกับเป็นพ่อหมีพูขวัญใจแม่ยกเลยนะ”


               อนูบิสยิ้มออกเมื่อเห็นกิริยาราวกับเด็กน้อย เขาเอื้อมแขนวางพาดไปบนบ่าของอาศิรแล้วกล่าวอย่างอ่อนโยน


               “มัวแต่คุยเรื่องของผมทั้งที่โอมก็มีเรื่องให้คิดไม่ต่างกันเลย ขอโทษนะครับโอม คุณยายเป็นยังไงบ้าง”


               นัยน์ตาดำขลับอ่อนแสงลงและแทนที่ด้วยหยดน้ำเมื่ออาศิรคิดถึงหญิงชราที่ยังนอนอยู่บนเตียงแคบ ระโยงระยางไปด้วย

เครื่องมือช่วยชีวิต


               “ยายยังไม่ตื่นมาหาผมเลยอินทร์ภู ทุกอย่างนิ่งสนิทเหมือนยายมีแค่เลือดเนื้อและหัวใจที่ยังทำงานอยู่ แต่ผมที่เป็นหลานได้

แต่ยืนดูยายโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย”


               อาศิรร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น ความเหน็ดเหนื่อยและกังวลทำให้เขาอ่อนแอแต่ก็ต้องฝืนเข้มแข็งไว้จนกระทั่งได้อยู่ใน

อ้อมกอดอบอุ่นของอนูบิส มันทำให้อาศิรฝืนไม่ได้อีกต่อไป


               “ร้องออกมาเถอะโอม ระบายมันออกมา”


               อนูบิสโอบกอดและลูบผมนุ่มด้วยมือของเขา ความอบอุ่นแล่นผ่านไปในหัวใจอันอ่อนล้าของอาศิรให้มีกำลังใจขึ้นมา เขา

ร้องไห้กับแผ่นอกกว้างจนเหนื่อยจึงได้ถอนสะอื้นและผละออกก่อนฝืนยิ้ม


               “แย่จัง ผมร้องไห้จนเสื้อคุณเปียกไปหมด คุณไปอาบน้ำเถอะนะจะได้สบายตัว”


               เมื่อเห็นว่าอาศิรดีขึ้นอนูบิสจึงยอมไปอาบน้ำ และเมื่อกลับเข้ามาในห้องเขาก็เห็นอาศิรตะแคงกายคุดคู้หลับไปพร้อมคราบ

น้ำตา อนูบิสเดินมาที่เตียงและเอนกายนอนเคียงข้าง เขาใช้มือหนุนศีรษะตนเองเพื่อมองเสี้ยวหน้าของอาศิรพลางใช้ปลายนิ้วเช็ดคราบ

น้ำตาแผ่วเบา


               “เซเฮดเจนเมรูท”


               หนทางอันมืดมนแต่อาศิรก็เป็นแสงสว่างแก่เขา หัวใจอันเย็นชาได้รับน้ำหล่อเลี้ยงจนชุ่มฉ่ำ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อนูบิส

สัญญากับตัวเองว่าเขาจะปกป้องอาศิรให้ได้


               อังค์ของอนูบิสจะต้องอยู่ในกายของอาศิรตลอดไป เขาไม่ต้องการอังค์กลับคืนโดยต้องแลกกับลมหายใจของอาศิร


               ไม่มีทาง!



        TBC
    :katai1: :katai1:

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 16 [6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 06-09-2016 00:45:04
 :katai1:   อร๊ายยยย  ไม่นะ ถ้าโอมต้องตายแล้วหมีพูเป็นม่ายเนี่ย

สงสารหมีพูจัง  รู้ว่าใครคือพ่อแต่ก็เรียกไม่ได้  ส่วนเซธ น่าจะจบตั้งแต่จับ โอซิริสหั่นเป็นชิ้นๆไปแล้วนะ  แต่ก็ว่าแหละเนอะ ยิ่งมองหมีพูเหมือนยิ่งโดนเหยียดหยาม  ว่าแต่ถามจริงเถอะ โอซิริสเนี่ยไม่รู้ตัวจริงๆหรอว่าคนที่ปั้มๆเนี่ยไม่ใช่เมียตัวเอง ?

ปล. ผู้กองบ่มีไก๋  ว๊ายยยๆๆๆๆ ล่มปากอ่าวว
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 16 [6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 06-09-2016 01:15:27
เศร้าจัง ตอนนี้มืดแปดด้าน
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 16 [6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-09-2016 01:22:27
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 16 [6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-09-2016 09:29:42
 :เฮ้อ:   :pig4: 
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 16 [6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 06-09-2016 10:15:00
มันต้องมีวิธีสิน่าาา
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 16 [6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: คนริมคลอง ที่ 06-09-2016 11:49:23
 :เฮ้อ:  :เฮ้อ:  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 16 [6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 06-09-2016 12:32:32
อ่านแล้วเศร้า สู้ๆนะพ่อหมีพู
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 16 [6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 06-09-2016 14:11:09
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 16 [6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: KnightDevil ที่ 06-09-2016 14:48:52
โอยไม่น้า มันต้องมีทางอื่นสิแงๆ อยากให้ลงเอยด้วยดี
คนดีๆต้องไม่ตายนะ :hao5:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 16 [6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-09-2016 15:11:53
ทำไมเราหายจากเรื่องนี้ไปนาน งื้ออออ ทันละ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 16 [6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 06-09-2016 15:40:40
นายเอกเรางานเข้าเลยทีนี่

ส่งสารท่านอนูบิส
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 16 [6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-09-2016 19:53:11
สู้ๆ น้า
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 16 [6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-09-2016 23:04:07
มันไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอ?
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 16 [6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 06-09-2016 23:49:18
ทำไมยิ่งหาหนทาง ยิ่งดูมืดมน  :sad4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 16 [6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 06-09-2016 23:53:14
 :impress2:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 16 [6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 07-09-2016 00:17:00
รู้สึกมืดแปดด้าน มาม่ามาแรงมาก ใจเย็นๆนะโอม
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 16 [6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-09-2016 00:20:58
อนูบิสไม่ใช่ลูกของเซธจริง ๆ เหรอ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 16 [6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 07-09-2016 00:38:46
จะทำยังไงล่ะเนี่ย หวังว่าจะมีทางออกที่ดี
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 16 [6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 07-09-2016 10:27:01
เรื่องชักลุ้นขึ้นเรื่อยๆเยยอ่ะ อนูบิสนี่น่าสงสารซะจริง โดนกลั่นแกล้งเนี่ย  :sad11:
แต่ขออย่าดราม่าน๊าาา  :hao5:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 16 [6/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 07-09-2016 19:13:06
มันน่าจะมีวิธีอื่นนะ หรือถ้าต้องแลกชีวิตก็พาไปอยู่ด้วยกันที่โน้นกับอนูบิสเลยดีมะ เป็นคู่ชีวิตกันไปเลยจะได้ไม่ต้องจากกัน :serius2: เริ่มแววดราม่า
รอตอนต่อไปค่ะ :pig4:
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 17 [8/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 08-09-2016 21:48:11


                                                                     อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                                               บทที่ 17

                                                                  Anubis Lord of the Death


               “หงุดหงิดอะไรหรือครับวินนี่”


               สายตาของคีรีมองผ่านแว่นกรอบใสไปยังหญิงสาวแต่งตัวจัดที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามในร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่ใบหน้าที่มีเครื่อง

สำอางราคาแพงตกแต่งไว้กลับบูดบึ้งจนความสวยจืดจางลง กวินตราฝืนยิ้มตอบกลับขณะเขี่ยอาหารในจานเล่น


               “ผู้ชายนี่บ้างานทุกคนหรือเปล่าคะหมอ ทำไมเวลาทำงานแล้วถึงลืมอย่างอื่นไปหมดแม้กระทั่งแฟน”


               คีรีลอบยิ้มขณะสังเกตพฤติกรรมของกวินตรา ไม่ต้องใช้ความรู้ก็ดูออกว่ากำลังมีปัญหากับคนใกล้ชิด


               “งานเป็นสิ่งที่สร้างความภูมิใจให้กับผู้ชาย แต่ถ้าเป็นผม ต่อให้งานเยอะขนาดไหนคนที่ผมรักต้องมาก่อน”


               กวินตรายอมเงยหน้าขึ้นมอง หล่อนเห็นสายตาที่คีรีมองมาแล้วแต่ก็บอกไม่ถูกว่าเขากำลังสื่อถึงอะไรกันแน่


               “ใครได้หมอเป็นแฟนก็โชคดีมากเลย เฮ้อ ช่างเถอะ มาพูดถึงงานดีกว่าค่ะ ตกลงหมออยากจะเริ่มต้นใหม่กับอะไรใหม่ๆหรือ

เปล่าคะ”


               วูบหนึ่งที่ดวงตาหลังกรอบแว่นใสมีประกายลิงโลด แต่ก็แค่วูบเดียวและจางหายไปอย่างรวดเร็ว คีรีอมยิ้มก่อนตอบคำถามด้วย

คำตอบที่เตรียมไว้นานแล้ว


               “ถ้าวินนี่คิดว่าที่ใหม่เหมาะกับผม ผมก็ไม่น่าปฏิเสธนะครับ”


               “ดีเลยค่ะ ยินดีต้อนรับการมาร่วมงานกันนะคะหมอ หมอทำเรื่องลาออกจากที่เดิมได้เลยนะคะวินนี่จะสั่งให้ลูกน้องเตรียมเรื่อง

ให้หมอมาทำงานโดยเร็วที่สุด พ่อจะต้องดีใจมากแน่ๆ”


               กวินตรากรีดรอยยิ้มที่หล่อนคิดว่าบาดใจที่สุดส่งให้


               “อิ่มแล้วเราไปหาที่ฉลองที่ได้ทำงานด้วยกันดีไหมคะ วินนี่ยังไม่อยากกลับบ้านเลย”


               “ถ้าวินนี่อยากไปผมก็ไม่ขัด วันนี้ผมไม่ได้อยู่เวร งั้นผมจะพาไปร้านที่ผมไปบ่อยๆ”


               คีรีสั่งเช็คบิลและหลังจากนั้นเขาก็พากวินตราไปที่ผับแห่งหนึ่งที่อยู่ชานเมืองหลวง กวินตรากวาดสายตามองอย่างแปลกตา

กับความโอ่อ่าของสถานที่ แสงไฟระยิบระยับวิ่งวนไปมาอยู่ในความมืดสลัวและเพลงจังหวะกลางไม่ได้เร่งเร้ามากเกินไปนัก


               “ไม่เคยรู้ว่ามีผับระดับนี้อยู่แถวนี้ด้วย วินนี่ไม่เคยมาเลย”


               “ผับของเพื่อนน่ะครับ”


               คีรีหันไปสั่งเครื่องดื่มมาให้กวินตราอย่างชำนาญ ไม่นานนักแก้วเครื่องดื่มสีสวยก็ตั้งอยู่หน้าหญิงสาว กวินตรามองคีรีอย่างนึก

ทึ่ง


               “ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เป็นหมอจะเอาใจผู้หญิงเก่งด้วยนะคะ”


               คีรีมองกลับสายตาท้าทายนั้นอย่างไม่ยอมแพ้


               “หมอก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง เรื่องเอาใจสาวนี่ไม่ได้นอกเหนือความสามารถหรอกครับ ลองดูสิครับ แก้วนี้รสชาติดีมาก เดี๋ยวสัก

พักจะมีวงดนตรีมาเล่น รับรองว่าวินนี่จะสนุกจนลืมเรื่องน่าเบื่อไปเลย”


               กวินตราเพลิดเพลินไปกับการเอาอกเอาใจของคีรีและความสนุกสนานของบรรยากาศ ปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายสูงขึ้น

แปรผกผันกับสติสัมปชัญญะที่น้อยลงเช่นกัน และตอนนี้หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังโอนเอนซบอยู่ในวงแขนของนายแพทย์หนุ่มตั้งแต่

เมื่อไหร่


               “วินนี่ครับ อยากจะสนุกขึ้นอีกนิดไหมเอ่ย”


               “อะไรคะหมอ”


                ปรือตามองอย่างไร้สติก่อนที่คีรีจะดันอะไรบางอย่างไว้ที่ริมฝีปากเคลือบสีแดงสดของกวินตาและตามมาด้วยริมฝีปากของคีรี

เองที่จงใจกดแนบลงไปเพื่อให้กวินตรากลืนกินมันลงคอ คีรีล่อหลอกด้วยจูบหนักหน่วงจนกวินตราเผลอไผลเคลิบเคลิ้ม


                “หมออออ”


                เสียงอ้อแอ้พัวพันขณะหญิงสาวยกแขนขึ้นกอดเกี่ยวคล้องคอคีรีไว้อย่างไม่รู้สึกอับอายสายตาใครในผับซึ่งก็ไม่มีใครสนใจ

กันอยู่แล้ว คีรีกดยิ้มลึกที่มุมปากเมื่อรู้ว่าเหยื่อของเขาตกลงไปในหลุมที่ขุดไว้เรียบร้อยแล้ว


               “ผมจะพาวินนี่ไปสนุกให้สุดเหวี่ยงเลยนะครับ”


              ประคองร่างที่เดินโงนเงนขึ้นบันไดไปชั้นบน คีรีจ่ายเงินให้คนดูต้นทางก่อนที่เขาจะพากวินตราเข้าไปด้านในที่แบ่งเป็นห้อง

เล็กๆ ภายในห้องมีเพียงเตียงนอนและติดกระจกไว้รอบห้องไม่เว้นแม้แต่เพดาน คีรีเหวี่ยงกวินตราลงไปกลางเตียงทันที

จัดแจงตั้งโทรศัพท์มือถือไว้ในจุดที่มองเห็นเตียงนอนได้ถนัดถนี่ กวินตราดวงตาลอยคว้างราวกับกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งภวังค์ไร้ความ

เป็นจริง คีรีแสยะยิ้มสาแก่ใจจากนั้นเขาก็เปลื้องอาภรณ์ทั้งของตัวเองและกวินตราออกจนเหลือแต่กายเปล่าเปลือย

กล้องจากโทรศัพท์มือถือบันทึกภาพอย่างต่อเนื่อง ภาพที่ชายหญิงทั้งสองกำลังโรมรันกันอยู่บนเตียงอย่างเมามันและขาดสติโดยสิ้นเชิง

เพราะฤทธิ์ของสารกล่อมประสาทที่คีรีประเคนให้แก่กวินตรา








                เวทิศยืนคิดว่าเขาควรจะทำอย่างไรกับคนที่กำลังนอนแผ่เต็มเตียงของเขาในยามดึกเช่นนี้

                 คิดไปถึงเมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมาที่เขาได้รับโทรศัพท์จากเบอร์ของร.ต.อ.ปาล แต่เมื่อเวทิศรับสายกลับไม่ใช่เสียงของปาล

ที่พูดกลับมา


                “ผมเป็นบ๋อยอยู่ที่ผับ...ครับ คุณพี่เจ้าของมือถือมาดื่มแล้วฟุบหลับปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น เบอร์ของคุณเป็นเบอร์ล่าสุดที่เขา

โทรออกผมก็เลยโทรมา ช่วยมารับเขากลับหน่อยเถอะครับผับจะปิดแล้ว”


                เวทิศไม่เคยออกไปไหนดึกขนาดนี้มาก่อน โดยเฉพาะสถานที่อโคจรเยี่ยงนี้ แต่เขาก็ต้องยอมออกไปเพราะความห่วงใยที่

เกิดขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล


              “ก็แค่ร่วมงานกันแหละน่า”


              ทำความเข้าใจกับตัวเองเมื่อขับรถยนต์ไปถึงผับ เขาจ่ายเงินแทนปาลและวานให้เด็กในร้านหิ้วปีกปาลขึ้นรถ และเพราะไม่รู้ว่า

บ้านของปาลอยู่ที่ไหนเวทิศจำเป็นต้องพาปาลมาที่คอนโดมิเนียมของเขา กว่าจะพาขึ้นมาถึงห้องเวทิศก็ทั้งลากทั้งประคองร่างสูงของ

ปาลอย่างทุลักทุเล ในที่สุดเวทิศก็เทปาลไว้ที่เตียงก่อนจะยืนเท้าเอวหอบแฮกมองจากปลายเตียง


             “แดกเข้าไปเหล้าน่ะ แม่งเหม็นชิบหาย”


             เวทิศทนไม่ได้แน่ๆถ้าทั้งห้องจะอบอวลไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ ห้องพักของเขาเป็นแบบสตูดิโอ ไม่ได้แบ่งเป็นห้องนอนเป็น

สัดเป็นส่วน มีเพียงฉากกั้นที่ใช้ตกแต่งบังส่วนเตียงนอนไว้จากส่วนที่เขาจัดไว้เป็นส่วนอเนกประสงค์ ดังนั้นจึงจำเป็นที่เวทิศต้องกำจัด

กลิ่นไม่พึงประสงค์ออกไป


             “ทำไมกูต้องทำถึงขนาดนี้วะ”


             เวทิศยกกะละมังน้ำและผ้าขนหนูมาจัดการเช็ดหน้าเช็ดตัวคนเมา เขาดึงชายเสื้อยืดโปโลที่ปาลใส่และสอดมือเข้าไปเพื่อเช็ด

ตัวไล่กลิ่นเหล้าให้เหลือน้อยที่สุด


               “ดิ้นทำพ่อง”


               ชักจะหงุดหงิดที่คนตัวใหญ่กระสับกระส่ายไปมา ส่วนปาลนั้นเมื่อเจอความเย็นของน้ำช่วยให้ความสดชื่นเขาจึงค่อยปรือตา

ขึ้นมาอย่างยากเย็น


                “อ้าว เวทิศ มา มาดื่มด้วยกัน”


               “ดื่มเหี้ยไรล่ะไอ้ผู้กอง แหกตาดูก่อนว่าที่นี่ที่ไหน”


                 เวทิศกระแทกผ้าขนหนูใส่หน้าอย่างหมั่นไส้ ปาลจึงพอจะได้สติมองไปรอบๆห้องและวกกลับมามองเวทิศที่นั่งหน้าหงิก


                “ที่ไหน คอนโดคุณเหรอ ผมมาอยู่นี่ได้ไง”


                “ก็แม่ง คุณแดกเหล้าเข้าไปจนหลับคาผับ บ๋อยมันไม่โยนทิ้งที่ข้างถังขยะก็ดีเท่าไหร่แล้ว แล้วนี่ทำไมถึงดื่มหนักขนาดนี้ หือ

ผู้กอง”


              ปาลยิ้มแห้งๆ เขาฝืนดันตัวเองลุกขึ้นมานั่งพลางสะบัดหน้าไล่ความมึนเมา แล้วจึงเล่าให้เวทิศฟัง


              “เพื่อนผมที่เป็นสายตรวจมันส่งข่าวมาบอกว่าเห็นวินนี่ไปกินข้าวกับผู้ชายคนอื่นเมื่อตอนหัวค่ำ”


               แปล๊บบบ


              เวทิศไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมหัวใจเขาถึงเจ็บแปลบเหมือนมีเข็มมาทิ่มแทงเมื่อเห็นปาลนั่งหน้าจ๋อยหลังจากบอกเหตุผลที่

ทำให้ไปนั่งดื่มจนเมาหนัก เวทิศแสร้งยิ้มเยาะราวกับเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับท่าทางของปาล


              “ตอนทะเลาะกับเขาก็ทำเป็นเก่ง แต่พอเขาจะทิ้งไปหาคนใหม่จริงก็เสียดายใช่ไหมล่ะผู้กอง”


              ปาลมองหน้าเวทิศแล้วถอนหายใจออกมา


               “ยังไงก็ได้ชื่อว่าเป็นแฟนกันอยู่นะโว้ยคุณ ถึงแม้จะคบกันบ้างทะเลาะกันบ้าง เฮ้อ...นี่ผมต้องโดนผู้หญิงเทอีกสักกี่คนถึงจะ

เจอรักแท้วะ ใครจะมาเข้าใจอาชีพตำรวจอย่างผมบ้าง”


               “อย่ามัวแต่คร่ำครวญ” เวทิศก้าวไปที่ตู้เสื้อผ้าคว้าเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นมาโยนให้ปาล


               “สร่างเมาก็ดีแล้ว ไป เข้าไปอาบน้ำเอากลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่ออกไปให้หมด”


                ปาลถอนหายใจ เขาลุกขึ้นยืนและก้าวเดินไปที่ห้องน้ำ ปาลหันกลับมาส่งยิ้มจริงใจให้เวทิศเป็นครั้งแรก


               “ยังไงก็ขอบคุณนะที่ไปช่วยผม ไม่งั้นคงได้นอนข้างกองขยะจริงอย่างที่คุณว่า”


              ใจสั่นทำเหี้ยอะไรวะ


              เวทิศเบือนหน้าหนีพลางส่งเสียงอือออไปตามเรื่องเมื่อเห็นรอยยิ้มของปาลก่อนที่เขาจะเดินเข้าห้องน้ำ ความร้อนวูบวาบแล่น

ฉีดเป็นริ้วอยู่บนใบหน้าจนต้องรีบกระโจนขึ้นเตียงแล้วคว้าผ้าห่มมาคลุมโปงไว้


              “แม่ง อย่าหวั่นไหวเชียวนะไอ้ทิศ มึงเป็นผู้ชาย ไอ้ผู้กองก็เป็นผู้ชาย ต่างคนต่างมีช้างน้อย มึงจะเอามาทำยุทธหัตถีกันเรอะ

บรึ๊ออ”


               ได้แต่กรอกตาไปมาอยู่ในโปงผ้าห่ม ข่มตาเท่าไหร่เวทิศก็นอนไม่หลับ เขาได้ยินเสียงทุกอย่างในห้องตั้งแต่เสียงสายน้ำจาก

ฝักบัว เสียงเปิดประตูห้องน้ำ หรือแม้แต่เสียงฝีเท้าที่เก้าเดินมาและแรงยวบที่เตียงนอนอีกฝั่งทำให้เวทิศรู้ว่าปาลอยู่ใกล้เขาแค่ไหน


             “หลับแล้วเหรอ คลุมโปงอย่างนั้นหายใจออกหรือไง”


               ปาลดึงผ้าห่มออกจากใบหน้าของเวทิศ เขาชะโงกหน้าไปดูเห็นเปลือกตาคู่นั้นปิดสนิท รอยยิ้มจึงผุดขึ้นอีกครั้ง ปาลนึกไม่

ถึงว่าคนที่เขาเคยเถียงเคยทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตายที่สระน้ำในบ้านของกวินตราจะกลายมาเป็นคนที่ช่วยเหลือเขาไว้

เกือบสัปดาห์ที่ต้องทำงานร่วมกัน เวทิศไม่เคยบ่นถึงแม้ว่าปาลจะโทรศัพท์มาสอบถามข้อมูลดึกขนาดไหน ไหนจะเรื่องที่เวทิศใส่ใจเขา

ในเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ดูเหมือนเจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัว ปาลดูออกว่ามันเป็นอุปนิสัยของเวทิศที่คิดถึงใจของคนอื่น มันสร้างความประทับใจให้

เขาทีละนิดจนกระทั่งปาลยอมรับใจตัวเองได้ในวันนี้ว่าเขารู้สึกดีและสบายใจที่ได้อยู่ใกล้ๆเวทิศ


                  “นอนคุดคู้เป็นเด็กไปได้”


                 ปาลเอนกายลงนอนเคียงข้าง เขาลืมตาโพลงอยู่ในความมืดสลัว มีเพียงแสงไฟริบหรี่จากภายนอกที่ลอดหน้าต่างเข้ามา

บ้าง ความเงียบและเหงาทำให้ปาลถอนหายใจ เขาหันไปมองเวทิศที่นอนตะแคงหันหลังให้เขา อะไรบางอย่างในหัวใจทำให้ปาลพลิก

กายตะแคงไปหาแผ่นหลังของเวทิศและทอดแขนพาดผ่านลำตัวนั้น

               
                “ทำเหี้ยอะไรวะ”


                คนในวงแขนตัวแข็งก่อนจะดีดผึงขึ้นมาและยกเท้าขึ้นถีบเข้ากลางลำตัวของปาลเต็มแรง ผู้กองหนุ่มที่ไม่ทันระวังตัวอุทาน

ลั่นเมื่อเขากระเด็นไปตามแรงถีบจนร่วงหล่นจากเตียงกระแทกพื้นห้องดังอั้ก


               “สัส จะบ้าเรอะ คุณถีบผมทำไมวะ”


               ปาลตะกายขึ้นมาจากพื้นพร้อมกับแยกเขี้ยวใส่เวทิศที่กำลังหน้าบึ้งกัดริมฝีปากจนแดงเห่อ


                 “ก็คุณเสือกมากอดผมนี่หว่า นอนนิ่งๆไม่ได้หรือไง”


                 “เตียงมันเล็กแค่นี้ นอนนิ่งแค่ไหนมันก็ต้องโดนกันบ้างแหละน่า”


                 ปาลโยนความผิดไปที่เตียง ความจริงก็ไม่ได้โกรธเคืองหรอก แต่ที่โวยวายเพราะตกใจที่เวทิศลุกมาถีบเขาเสียมากกว่า


                “ทำไม แตะต้องไม่ได้เลยหรือไงตัวเนี่ย หือ พ่อหนุ่มเนื้อทอง นอนได้แล้ว หรือจะนั่งอยู่อย่างนั้นก็ตามใจ”


                 ปาลกลั้นยิ้มแล้วทิ้งกายลงนอนหงาย เขาดึงผ้าห่มมาห่มจนถึงคอก่อนจะหลับตาลง


                “เฮ้ย เอาผ้าห่มผมไป แล้วผมจะห่มอะไร”


                เวทิศโวยวายพลางยื้อแย่งผ้าห่ม ปาลลืมตามองพร้อมกับย่นหัวคิ้ว


                “ผ้าห่มผืนตั้งใหญ่ หวงไปได้ ก็ห่มผืนเดียวกันนี่แหละ เอ้า นอนได้แล้วผมง่วง”


                 แล้วปาลก็หลับตาลงโดยไม่ได้สนใจเวทิศอีก เจ้าของห้องพักได้แต่มองตาคว่ำ


                “ฝากไว้ก่อนเหอะ ไอ้ผู้กอง”


                 และแล้วเวทิศก็จำเป็นต้องใช้ผ้าห่มผืนเดียวกับปาล เขามองปาลอย่างไม่ไว้วางใจจนต้องขยับไปนอนหมิ่นเหม่อยู่ที่ริมเตียง

ฝั่งตัวเองและหลับตาลง

                เสียงลมหายใจสม่ำเสมอบอกให้ปาลรู้ว่าคราวนี้เวทิศหลับแล้วจริงๆ ปาลจึงได้ตะแคงตัวไปทางเวทิศอีกครั้งก่อนจะวางแขน

พาดไปบนลำตัวและกระชับวงแขนให้เวทิศเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขาภายในผ้าห่มอันแสนอบอุ่นของราตรีที่เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงนี้




มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 17 [8/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 08-09-2016 21:56:58


ต่อกันตรงนี้...




              คีรีมองคลิปในโทรศัพท์มือถืออย่างพึงพอใจที่มันเก็บรายละเอียดได้คมชัด โดยเฉพาะใบหน้าเร่าร้อนของกวินตรา เขารีบปิด

มันและวางโทรศัพท์ให้ห่างกายเมื่อเห็นอีกฝ่ายที่นอนอยู่ด้านข้างเริ่มขยับกาย คีรีจะยังให้กวินตราล่วงรู้ไม่ได้ว่าจุดประสงค์ของเขาคือ

อะไร


             “ตื่นแล้วหรือครับวินนี่”


             แสรงปั้นรอยยิ้มใส่หน้าอย่างชำนาญพร้อมประคองให้กวินตราที่ยังเปลือยเปล่าขยับนั่งบนเตียงด้วยความงงงัน หญิงสาวขมวด

คิ้วเหลียวมองรอบห้องก่อนจะมาหยุดที่ใบหน้าเปื้อนยิ้มของคีรี


             “หมอ นี่มันอะไรกัน”


              กวินตราครางออกมาด้วยความปวดศีรษะ เมื่อเห็นสภาพตนเองและสถานที่แล้วก็พอจะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ได้นึกเสียใจ

อะไรเพราะหล่อนก็ไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ หากแต่นึกตะขิดตะขวงใจที่มีเซ็กส์กับผู้ชายที่เพิ่งจะออกเดทกันครั้งแรกเท่านั้น


             “เราสนุกกันมาก คุณเมา ผมก็เมา เพื่อนของผมที่เป็นเจ้าของเห็นว่าเราคงจะกลับไม่ไหวก็เลยเปิดห้องให้เราได้พักผ่อน จาก

นั้นเราก็มีความสุขกัน”


             “งั้นเหรอ ทำไมวินนี่จำอะไรไม่ได้เลย”


             กวินตรานั่งพิงหัวเตียงและยกมือนวดขมับ คีรีมองกวินตราอย่างสมเพช


            “อะไรกันวินนี่ คุณพูดอย่างนี้ผมน้อยใจนะที่ผมไม่ได้เป็นที่จดจำของคุณเลย ทั้งที่ผมตั้งใจสุดฝีมือ”


             “ก็วินนี่เมามากอย่างที่หมอบอกไง แล้วจะจำได้ยังไงล่ะ อย่าเพิ่งต่อว่าเลยค่ะวินนี่ปวดหัว”


              น้ำเสียงเอาแต่ใจของกวินตราทำให้คีรีกัดฟันกรอด แต่เขาก็ต้องอดทนเพื่อให้แผนของเขาสำเร็จ


               “คงเป็นเพราะแฮ้งค์น่ะครับ”


                คีรีเอาใจด้วยการเดินมาที่ตู้เย็นหลังเล็กและหยิบขวดน้ำมารินใส่แก้วส่งให้กวินตรา


              “ดื่มน้ำเสียหน่อยร่างกายคุณจะได้สดชื่น”


                กวินตรารับน้ำมาดื่มอย่างกระหาย คอของหล่อนแห้งผากจนแสบไปหมด


                “กี่โมงแล้วคะ” ก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือ กวินตราจึงรู้ว่าเวลาล่วงเลยจนถึงสี่นาฬิกาของวันใหม่แล้ว คีรีส่งยิ้มและดึงแขนของ

กวินตราเข้าหาตัวและก้มลงคลอเคลียที่เนินอกอิ่ม


                “กลับบ้านตอนนี้ก็อันตรายเกินไป รอให้สว่างค่อยกลับนะครับวินนี่”


                “จะทำอะไรอีกคะหมอ”


                 ถามอย่างนั้นแต่กวินตราก็รู้ดีว่าคีรีต้องการอะไร หล่อนสบตากับดวงตาวาววามคู่นั้นอย่างรู้ทัน


                 “วินนี่ตื่นแล้ว ผมก็ยังไม่อยากหลับ เราสองคนคงไม่นั่งมองหน้ากันจนถึงสว่างหรอก ใช่ไหมครับคนสวย”


                “จริงๆแล้วเราเพิ่งจะรู้จักกันไม่นานนะคะหมอ ไม่คิดว่ามันจะเร็วไปหน่อยหรือ”


                 “จะเร็วหรือจะช้า เราก็มีความสุขไปด้วยกันแล้ว ทำไมเราไม่สานต่อความสุขไปเรื่อยๆล่ะ คุณจะยั้งมันไว้เพื่ออะไร”


                 คีรีเริ่มล่อลวงไปตามเนื้อตัว ปลุกเร้าให้กวินตราตื่นเต็มที่ หญิงสาวปฏิเสธไม่ได้ว่าหล่อนเองก็กระหายไม่แพ้กัน ร่างเปลือย

เปล่าจึงได้ทอดกายไปบนที่นอนยับยู่ยี่นั้นอีกครั้ง

                ส่วนหนึ่งของมโนสำนึกเตือนว่าที่ทำลงไปนั้นไม่ถูกต้อง กวินตรายังไม่ได้ตัดขาดจากปาลที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักอย่างจริงจัง

แต่อีกส่วนที่พร้อมจะเข้าข้างตัวเองก็ชิงบอกว่า ในเมื่อคนรักไม่ได้ทำให้หล่อนมีความสุข กวินตราก็ต้องหาความสุขใส่ตัว

                ช่วยไม่ได้นะปาล ในเมื่อคุณเห็นงานดีกว่าฉัน

                 กวินตราโยนความผิดเหล่านั้นให้คนอื่นก่อนที่หล่อนจะลืมทุกอย่างและปล่อยใจไปกับไฟราคะที่คีรีเริ่มต้นอีกครั้ง



                 TBC


                :z6: :z6:




[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 17 [8/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 08-09-2016 22:01:04
โอมอาจจะได้ไปอยู่เคียงข้างอนูบิสก้อได้น่ะ  :mew4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 17 [8/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-09-2016 22:05:49
เขาว่ากันว่าคนดีๆจะดึงดูดคนดี ส่วนคนเลวๆก็ตามนั้น หมอคีรีจะเลวไปไหน
ทำได้ทุกอย่าง ขายวิญญาณให้ซาตานหรือว่าเป็นไปเสียเอง
ขอบคุณค่ะ รอฝั่งพระนาย
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 17 [8/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 08-09-2016 23:37:38
ชักสงสารยัยวินนี่
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 17 [8/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 09-09-2016 01:13:15
หมอคีรีจะทำอะไรต่อ ถ้าไม่เกี่ยวกับเนรู แต่เกี่ยวกับความทะเยอทะยานก็ยังดี ไม่ได้อยากให้หมอคีรีควักหัวใจวินนี่ออกมาหรอกนะ คู่เวทิศกับปาลก็มีลุ้น555
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 17 [8/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-09-2016 03:28:57
ยังไงก็บอกเลิกกันให้เป็นกิจลักษณะเถอะ ปาลจะได้เป็นอิสระจริง ๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 17 [8/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 09-09-2016 09:17:36
ยังไงโอมก็ต้องอยู่ข้างพ่อหมีพูตลอดไปชะม้าาา
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 17 [8/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 09-09-2016 09:37:20
ตามนั้น
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 17 [8/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: คนริมคลอง ที่ 09-09-2016 09:44:54
หมอคีรีวางแผนอะไรไว้หนอ รอตอนต่อไปครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 17 [8/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 09-09-2016 10:45:07
เหอ ๆ ตามเวรตามกรรมล่ะกันนะ 2 คนนี้
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 17 [8/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 09-09-2016 12:56:52
เหมาะกันดี ผีกะโลง
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 17 [8/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 09-09-2016 16:13:16
คีรีเลว มาก
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 17 [8/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 09-09-2016 21:11:16
คีรีจะทำอะไร
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 17 [8/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 10-09-2016 00:35:16
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 17 [8/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 10-09-2016 03:43:10
เอาเทิดวินนี่ เอาที่สบายใจเทิด ส่วนปาลก็เลิกกันวินนี่ได้แล้ว คู่แท้รออยู่ ยู้ฮู้  :z2:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 17 [8/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 12-09-2016 19:50:19
หมอคีรีนี่ทำทุกทางจริงๆ จิตใจไม่ปกติแล้ว  :hao4:
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 18 [13/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 13-09-2016 22:13:47


                                                     อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                               บทที่ 18

                                                   Anubis Lord of the Death



               ใจภักดิ์บังคับพวงมาลัยรถยนต์ให้เลี้ยวเข้ามาจอดในลานจอดรถของโรงพยาบาลในยามบ่าย ทันทีที่รถจอดสนิทเธอก็หันไป

หาผู้โดยสารที่นั่งอยู่ด้านข้าง และเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังทำหน้าบึ้งใจภักดิ์ก็หัวเราะเบาๆ


               “น้ำชาไม่เมื่อยหน้าบ้างเหรอ ทำหน้าบึ้งตั้งแต่บ้านจนถึงโรงพยาบาล”


               ชาลินีในชุดพยาบาลสีขาวเผลอค้อนขวับ นึกหมั่นไส้คนยิ้มขำจนอยากจะยกมือตีเสียหลายหน


               “หน้าของฉัน จะเมื่อยก็เมื่อยเองได้ หมออย่ามายุ่งนักเลย”


               “ก็อยากยุ่งนี่นา ทำหน้าบึ้งแก่เร็วนะ พอมีรอยตีนกาหน้าย่นแล้วจะหาแฟนที่ไหนล่ะ แม่น้ำชายิ่งเป็นห่วงอยู่”


               “นี่หมอ” ชาลินีเหวี่ยงใส่ ประโยคที่ใจภักดิ์พูดออกมาเหมือนยิ่งตอกย้ำปมในใจของหญิงสาวที่ยังไม่มีคนรักทั้งที่อายุใกล้จะ

เบญจเพสแล้ว


               “ไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่าเป็นใบ้หรอก ฉันไม่มีแฟนแล้วไง ทุกวันนี้ก็สุขสบายดี ไม่เห็นเดือดร้อน”


               “ฉันแค่แปลกใจ” ใจภักดิ์มองชาลินี ดวงตาของเธอทำให้ชาลินีร้อนวูบไปทั้งหน้า “น้ำชาน่ะหน้าตาน่ารักขนาดนี้ทำไมถึงไม่มี

แฟน”


               คราวนี้เลือดสาวสูบฉีดลามไปถึงใบหู ชาลินีเม้มปากแก้มแดงก่ำจนต้องกลบเกลื่อนความเขินอายด้วยการหลบสายตาของใจ

ภักดิ์จ้องมองแต่สมาร์ทโฟนในมือตนเอง


               “ช่างฉันเถอะน่า หมอพูดอีกคำเดียวฉันจะโกรธจริงๆด้วย แล้วต่อไปไม่ต้องรับฉันมาโรงพยาบาลนะ ฉันมาของฉันเองได้”


               ใจภักดิ์อมยิ้มอย่างนึกเอ็นดู ผิวของชาลินีขาวอย่างคนเชื้อสายจีน เวลาขัดเขินแก้มของหล่อนจะเปลี่ยนเป็นสีสุกปลั่งจนใจ

ภักดิ์นึกอยากจะดึงแก้มเล่นอย่างหมั่นเขี้ยว


               “ทำไมล่ะ ฉันไปกินข้าวที่ร้านของน้ำชาอยู่แล้ว พาน้ำชามาส่งที่โรงพยาบาลก็เป็นทางผ่าน น้ำชาจะได้ไม่ต้องขึ้นรถเมล์เบียด

คนเยอะๆไง ไม่ดีหรือ”


               “ก็หมอขับรถเร็ว” ชาลินีเถียง “ดูสิ จับโปเกม่อนไม่ทันสักตัว จะหมุนโปเกสต็อปเก็บของก็ไม่ทัน”


               ใจภักดิ์หลุดหัวเราะออกมาจนได้ หญิงสาวส่ายหน้าเมื่อได้ฟังเหตุผลของชาลินี


               “โอเคๆ งั้นฉันจะขับรถให้ช้าลง น้ำชาจะได้เล่นเกมได้ ตกลงไหม แล้วนี่ลงเวรบ่ายเที่ยงคืนใช่ไหม ฉันมารับน้ำชาไปส่งบ้าน

นะ กลับดึกมันอันตราย”


               ชาลินีเหลือบมองเสี้ยวหน้าของใจภักดิ์ด้วยความสงสัย หญิงสาวเริ่มแคลงใจว่าทำไมใจภักดิ์ถึงต้องมาทำดีกับตนเองแบบนี้

ด้วย


               “ฉันกลับดึกของฉันมานานตั้งแต่เริ่มทำงานไม่เห็นว่าจะมีอันตรายตรงไหน”


               จะอันตรายก็ตั้งแต่หมอเข้ามาวอแวในชีวิตนี่แหละ ชาลินีเอ่ยประโยคนั้นในใจ


               “มาทำดีกับฉันแบบนี้ หวังผลอะไรหรือเปล่า”


               “ก็นิดหน่อย” ใจภักดิ์ยอมรับ “อยากให้น้ำชาไปช่วยสืบให้หน่อยว่าช่วงเวลาที่เกิดเหตุขโมยหัวใจคนตายน่ะ หมอศัลยกรรม

คนไหนขึ้นเวรวันนั้น ฉันอยากจะให้ผู้ต้องสงสัยมันแคบเข้ามา”


               ชาลินีขุ่นใจขึ้นมาตะหงิดๆที่ใจภักดิ์ยอมรับตรงๆว่าต้องการความช่วยเหลือ หญิงสาวไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าจริงๆแล้ว

ต้องการฟังคำตอบจากปากของใจภักดิ์ว่าอะไรกันแน่ แต่ที่ชาลินีทำได้ในตอนนี้คือหันไปหาใจภักดิ์พร้อมกับเลิกคิ้วด้วยใบหน้ายียวน


               “แล้วทำไมฉันต้องช่วยหมอล่ะ เราเป็นอะไรกันรึก็เปล่า”


               “น้ำชาอยากให้เราเป็นอะไรกันล่ะ” ใจภักดิ์เอียงคอมองชาลินีด้วยนัยน์ตาพราว ไม่นึกว่าชาลินีจะเปิดทางโดยไม่รู้ตัว “ฉัน

ตามใจน้ำชานะ อยากให้ฉันเป็นอะไร ฉันก็จะเป็นอย่างที่น้ำชาอยากให้เป็น”


               ถ้ามุดไปตามดินได้ ชาลินีนึกอยากจะทำเช่นนั้น


               ตอนนี้ชาลินีแทบจะอ้าปากค้างเมื่อเจอคำตอบของใจภักดิ์ ประกอบกับสายตาของหญิงสาวที่หยุดชาลินีไว้จนไม่กล้าแม้แต่จะ

หายใจ จะหลบตาก็ทำไม่ได้และยิ่งประสานสายตากับดวงตาล้ำลึกของใจภักดิ์ หัวใจของชาลินีก็ยิ่งเต้นรัวจนกลัวว่าจะหลุดออกมานอก

ทรวงอก ความขัดเขินวิ่งวนอยู่ในร่างกายจนคล้ายจะเป็นลม


               “เอ่อ...” ติดอ่างขึ้นมาทันทีเมื่อพอจะหาสติกลับคืนมาได้ ชาลินีเบนสายตาหลบพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอ


               “ช่างเถอะ ถือเสียว่าฉันช่วยงานราชการเพราะอยากให้หาคนร้ายได้เร็วๆก็แล้วกัน อ๊ะ ใกล้ถึงเวลาขึ้นเวรบ่ายแล้ว ฉันไป

ทำงานล่ะ”


               ลนลานเพราะอยากจะไปให้พ้นสภาพที่ตกเป็นเป้าสายตาของใจภักดิ์ จนกระทั่งโทรศัพท์มือถือในมือหลุดร่วงลงไปในช่อง

ว่างระหว่างเบาะนั่งโดยไม่ได้ตั้งใจ ชาลินีอุทานออกมาก่อนจะเอี้ยวกายลงไปเก็บ เป็นจังหวะเดียวกับที่ใจภักดิ์เองก็ก้มลงไปหวังจะช่วย

เหลือ จมูกโด่งของใจภักดิ์จึงชนเข้ากับแก้มนุ่มของชาลินีอย่างพอดิบพอดี


               กลิ่นหอมอ่อนๆของแป้งเด็กรวยรินเข้าจมูกจนใจภักดิ์ต้องชิงโอกาสสูดกลิ่นนั้นเข้าไปเต็มปอด ในขณะที่เจ้าของกลิ่นหอมถึง

กับเม้มปากแน่นตัวแข็งทื่อ


               “ทำอะไรเนี่ย ยัยหมอบ้า”


               ชาลินีผลักไหล่ของใจภักดิ์ออกห่าง หญิงสาวอายจนอยากจะร้องไห้ มือบางยกขึ้นเช็ดแก้มตัวเองแรงๆจนใจภักดิ์หน้าเสีย


               “น้ำชา ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ...”


               คว้ามือบางและนุ่มที่ยกเช็ดใบหน้าตนเองมากุมไว้ ใจภักดิ์เองก็นึกไม่ถึงว่าจะกล้าทำเช่นนี้ ความน่ารักของชาลินีกำลังทำให้ผู้

หญิงแกร่งเช่นเธอปั่นป่วนไปหมด


               “จะไปไหนก็ไป แล้วอย่ามายุ่งกับฉันอีกนะ”


               ชาลินีสะบัดมือเรียวที่กุมมือของเธอออกอย่างแรงก่อนจะเปิดประตูรถและรีบก้าวออกไปโดยไม่สนใจจะหยิบโทรศัพท์มือถือ

อีกแล้ว หญิงสาวโกยอ้าวไม่ยอมหันกลับมามองดวงตาที่บอกถึงความสับสนของใจภักดิ์ที่มองตามหลังชาลินีจนลับสายตา


               กลิ่นหอมของชาลินียังอวลอยู่ในความรู้สึก ใจภักด์ได้แต่ถามหัวใจตนเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่  เธอกำลังคิดอะไรกับหญิง

สาวที่ชื่อชาลินี คำถามนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ใจภักดิ์ต้องหาคำตอบโดยเร็วที่สุด




มีต่ออีก...


หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 18 [13/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 13-09-2016 22:17:34


ต่อกันตรงนี้...




                อาศิรก้าวเข้ามาในบริเวณของโรงพยาบาลเอกชนของนายแพทย์กำจรด้วยความหนักใจ คำสั่งอนุมัติให้ลาออกจากโรง

พยาบาลของเขาออกมาแล้วในช่วงสายของวันนี้ เขาใช้เวลาอำลาเพื่อนๆแพทย์ใช้ทุนและอาจารย์แพทย์ในช่วงกลางวัน และเดินทาง

มายังสถานที่ทำงานแห่งใหม่ในยามบ่าย

               ก้าวไปยังห้องทำงานของกำจรผู้เป็นบิดาอย่างไม่มั่นคงนัก อาศิรไม่รู้ว่าการตัดสินใจในครั้งนี้จะถูกต้องหรือเปล่าแต่เขาก็ทำ

ลงไปแล้วด้วยความจำเป็น เลขานุการหน้าห้องเงยหน้าขึ้นมองเมื่ออาศิรไปหยุดยืนเบื้องหน้า เมื่อเห็นว่าเป็นอาศิรที่เป็นบุตรอีกคนหนึ่ง

ของเจ้านายก็รีบแจ้งต่อเจ้าของห้องก่อนจะลุกขึ้นและเปิดประตูให้อาศิรได้เข้าไปเผชิญหน้ากับผู้เป็นพ่อที่ไม่เคยลงรอยกัน


               “ในที่สุดแกก็มาทำงานที่นี่จนได้นะไอ้โอม”


               อาศิรมองชายผู้ก้าวล่วงเข้าสู่วัยชราที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานด้วยความเฉยเมย แม้จะล่วงเข้าสู่อายุห้าสิบปลายแต่นายแพทย์

กำจรบิดาของเขาก็ยังมีเค้าความหน้าตาดีอย่างเช่นเมื่อวัยหนุ่ม บวกกับความมั่นใจในความสามารถยิ่งทำให้กำจรมีบุคลิกเป็นที่ชวนมอง

อาศิรไม่แปลกใจที่ในอดีตจะมีผู้หญิงหลายคนหลงเสน่ห์บิดาของเขาจนยอมทอดกายให้เชยชมแม้แต่มารดาของอาศิรเองก็อยู่ในผู้หญิง

เหล่านั้น แต่กำจรก็พลาดพลั้งมีเขาเพียงคนเดียวที่กลายเป็นหลักฐานของความเจ้าชู้ถ้าไม่นับกวินตราที่เป็นลูกจากภรรยาถูกต้องตาม

กฎหมาย


               “ผมมาตามคำบัญชาของพ่อไงครับ”


               กล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย หากแต่กำจรแปลความหมายไปในทางประชดประชันจนอดไม่ได้ที่จะโมโห อันที่จริงกำจร

ก็พอใจอยู่ไม่น้อยที่อาศิรเป็นคนฉลาดและเก่งผิดกับกวินตรา กำจรคงจะเอ็นดูอาศิรมากกว่านี้หากไม่ติดว่าบุตรชายนอกสมรสจะเป็นเด็ก

หัวแข็งในสายตาของเขา


               “อย่ายะโสให้มากไอ้โอม อย่าลืมว่าแกเป็นลูกของฉัน แกควรจะเคารพคนที่ให้กำเนิดแกมา และก็อย่าลืมว่าตอนนี้แกกำลัง

พึ่งพาฉันอยู่”


               อาศิรขบกรามกรอด เขาจ้องตาบิดาอย่างไม่คิดจะหลบ หากไม่เป็นเพราะสิ่งยึดเหนี่ยวที่เหลือเพียงหนึ่งเดียว อาศิรไม่เคยคิด

จะมาเหยียบสถานที่ของกำจรให้เสียเวลา


               “ผมไม่เคยลืมอยู่แล้วว่าพ่อเป็นพ่อของผม พ่อที่ไม่เคยคิดจะรักลูกด้วยใจจริง”


               “ไอ้โอม!”


               กำจรตบโต๊ะดังปังเมื่อเจอคำพูดยอกย้อนของอาศิร แต่เขายังไม่ทันจะด่าทอบุตรชายมากไปกว่านี้ เลขาของเขาก็เปิดประตู

เข้ามาเสียก่อน


               “คุณหมอโอมคะ”


               อาศิรหันไปยังเลขาสาวใหญ่ของบิดาที่มีสีหน้าไม่ดีนัก


               “รีบไปที่แผนกไอซียูเถอะค่ะ คุณยายของคุณหมออาการทรุดหนักลงแล้ว”









               อนูบิสเร่งเท้าเมื่อมายังโรงพยาบาลของกำจร เขานัดคุยกับร.ต.อ.ปาลและเวทิศเพื่อวางแผนหาหลักฐานเชื่อมโยงไปสู่คดี

ฆาตกรรม หากแต่ลางสังหรณ์ของความเป็นเทพทำให้อนูบิสรีบเดินทางมาที่นี่โดยด่วน นึกเจ็บใจที่เมื่ออยู่ห่างไกลจากอาศิรแล้วไม่มี

พลังเทพ มิเช่นนั้นเขาคงจะมาได้เร็วกว่านี้ และเมื่อมาถึงแผนกผู้ป่วยวิกฤติที่อาศิรเคยพามา เขาก็เห็นความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้น

               อาศิรกำลังขึ้นปั๊มหัวใจของยายจันทร์ด้วยตนเอง สีหน้าของอาศิรเต็มไปด้วยความตกใจและเคร่งเครียด รอบเตียงของยาย

จันทร์เต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่พยาบาลที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในนาทีฉุกเฉิน และมีนายแพทย์ประจำแผนกวิกฤติเป็นหัวหน้าทีมสั่งการรักษา

เพื่อยื้อชีวิตหญิงชราที่นอนนิ่งร่างกายระโยงระยางไปด้วยเครื่องมือแพทย์

                อนูบิสรู้จักความตายมาทุกรูปแบบ เขามองความตายเป็นเรื่องธรรมดาอย่างที่สุด หากแต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่อนูบิสใจหาย เขา

หลับตาลงจนเห็นแต่ความมืด หากแต่ในความมืดหลังเปลือกตาอนูบิสกลับมองเห็นยายจันทร์ก้าวเดินมาหาเขา


               “พ่อหมีพู”


               หญิงชราที่ปกติเดินไม่ไหวและดวงตามืดบอด แต่บัดนี้กลับยืนตัวตรงพร้อมกับสบตากับอนูบิสด้วยแววตาแห่งความรู้ชัด


               “พ่อหมีพูไม่ใช่คนธรรมดา”


               “ครับ ยายจันทร์”


               หญิงชราที่มีเค้าหน้าคล้ายคลึงอาศิรทอดสายตายิ้มอ่อนโยน


               “ถึงเวลาของยายแล้วใช่ไหม ยายจะต้องไปพบกับอะไรบ้าง”


               อนูบิสเป็นฝ่ายส่งยิ้มแห่งความเมตตาให้ยายจันทร์กลับคืน เขาตอบหญิงชราด้วยความเคารพ


               “ยายจันทร์จะพบกับความสงบ และไม่ต้องเจ็บปวดกับสิ่งที่ผ่านมาอีกแล้ว”


               ยายจันทร์พยักหน้ารับรู้ก่อนหันหลังไปมองร่างของตนที่ทุกคนพยายามยื้อไว้ สายตาจับจ้องอยู่กับอาศิรพักใหญ่แล้วจึงหัน

กลับมาหาอนูบิสอีกครั้ง


               “ยายฝากโอมด้วย ยายรู้ว่าพ่อหมีพูกับโอมรักกัน ยายขอให้พ่อหมีพูกับโอมมีความสุขด้วยกันตลอดไป”


               อนูบิสค้อมศีรษะรับการอวยพรนั้น เขาลืมตาขึ้นเมื่อภาพของยายจันทร์เลือนหายไปในที่สุด







               “อะดรีนาลินมาอีกโดส แล้วเตรียมโซเดียมไบคาร์ปรอไว้เลย”


               ได้ยินเสียงนายแพทย์ประจำแผนกหอผู้ป่วยวิกฤติดังแว่วเข้าหู แต่ตอนนี้อาศิรไม่คิดอะไรอีกแล้วนอกจากกดน้ำหนักลงไปที่

ท่อนแขนซึ่งกำลังนวดไปที่หน้าอกของหญิงชราที่ยังนอนแน่นิ่ง

               ยายของเขายังไม่ไหวติง เส้นกราฟชีวิตจากจอมอนิเตอร์ยังคงมีแต่ความสั่นสะเทือนเพราะแรงจากเขาหาใช่จากการเต้นของ

หัวใจ มีเกิดย่อมมีดับอาศิรรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี หากแต่เขายังไม่พร้อมที่จะยอมรับมัน


               “ยาย กลับมา กลับมาอยู่กับโอม”


               เขาคร่ำครวญและปล่อยให้น้ำตาไหลเปื้อนหน้า ดวงตาเรียวแดงก่ำเอ่อท้นด้วยหยาดน้ำจนมองอะไรไม่ชัด หากแต่สิ่งที่

ชัดเจนกลับกลายเป็นมวลอากาศบางเบาที่ค่อยๆลอยขึ้นมาจากปลายเท้าซีดของยายจันทร์


               “ยาย!”


               ตั้งแต่จำความได้ ทุกครั้งอาศิร “เห็น” สิ่งเหล่านี้จนชาชิน หากแต่ครั้งนี้เป็นการ “เห็น” ที่อาศิรเจ็บปวดและเสียใจที่สุด เขา

สะกดกลั้นความรู้สึกเหล่านั้นเมื่อมวลอากาศที่เห็นค่อยๆลอยหายไปในที่สุด มือที่นวดหัวใจบนร่างกายไม่ไหวติงจึงได้หยุดลง


               “พอเถอะครับ ยายไปดีแล้ว”


               เมื่อญาติเพียงคนเดียวของผู้ป่วยกล่าวเช่นนั้น ทีมช่วยเหลือจึงได้หยุดลงเช่นกัน ทุกคนกล่าวแสดงความเสียใจกับอาศิรแต่ก็

ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกนั้นจางลงจนกระทั่งมือใหญ่เข้ามาโอบประคองอาศิรไว้


               “อินทร์ภู”


               สัมผัสนั้นอ่อนโยนเหลือเกิน อ่อนโยนจนอาศิรหมดแรงที่จะอดทน เขาซุกหน้ากับไหล่กว้างและร้องไห้ออกมา อนูบิสไม่ได้

กล่าวอะไรนอกจากโอบบ่าของอาศิรไว้แทนคำปลอบโยนที่ดีที่สุด







               งานศพเล็กๆของยายจันทร์สวดอยู่สามวันก็ฌาปนกิจ มีแขกมาร่วมงานเพียงไม่กี่คนเพราะอาศิรไม่เหลือญาติทางแม่อีกแล้ว

คนที่มาร่วมงานก็ล้วนแต่เป็นเพื่อนของอาศิรรวมถึงเวทิศและชาลินีที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงคอยช่วยเหลือ อาศิรเองก็วุ่นวายกับการจัดงาน

จนไม่มีเวลาเสียใจอีกจนถึงวันเผาศพ น้ำตาของเขาจึงไหลออกมาอีกครั้งเมื่อมองควันไฟที่ลอยอยู่เหนือเมรุ

               สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของอาศิรหมดลงแล้ว

               จะเหลือก็เพียงบุรุษร่างสูงที่เคียงข้างมาตลอดจวบจนกระทั่งพาอาศิรกลับมายังบ้านหลังเล็กที่เงียบเหงา

อนูบิสประคองร่างผ่ายผอมลงของอาศิรให้นั่งลงบนเตียงนอน ปลายนิ้วสากเชยคางอาศิรขึ้นและจ้องมองสีหน้าอมทุกข์ของอาศิรด้วย

ความเห็นใจ


                “ผมปลอบใจคนไม่เก่ง แต่ผมไม่อยากเห็นโอมทำหน้าเศร้าแบบนี้เลย”


               น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วรื้นขึ้นมาอีกครั้ง อาศิรสบตากับนัยน์ตาอ่อนโยนคู่นั้นด้วยความซาบซึ้ง ท่ามกลางความสูญเสียอีก

ครั้งที่ร้ายแรง แต่อาศิรก็ยังมีโชคดีที่อนูบิสเป็นกำลังใจให้เขา


               “ขอบคุณนะอินทร์ภู ถ้าไม่มีคุณผมก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไร”


               หัวใจที่เคยเย็นชาของเทพผู้ดูแลดินแดนหลังความตายบัดนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย อนูบิสเรียนรู้ถึงความเจ็บปวด

จากความสูญเสียและความอิ่มเอมจากความรัก เขานึกขอบคุณเหตุการเลวร้ายที่ชักนำให้เขาได้รู้จักอาศิร มนุษย์ผู้มีความเมตตาและ

เอาชนะความเย็นชาของเขาได้

               ปลายนิ้วที่เชยคางเลื่อนขึ้นไปสัมผัสกลีบปากซีดของอาศิรก่อนจะตามด้วยริมฝีปากของเขาที่แนบชิดเพียงแผ่วเบา อนูบิส

ปลุกปลอบอาศิรด้วยจุมพิตอันอ่อนโยน เขาเปิดทางก่อนล่วงล้ำปลายลิ้นเข้าไปพร้อมกับโอบกอดร่างอันสั่นเทานั้นไว้ อาศิรตอบรับจุมพิต

นั้นอย่างยินดี ท่อนแขนเรียวยกสูงคล้องไปรอบลำคอของอนูบิสราวกับเด็กน้อยขาดที่พึ่ง


               “โอม ผมรู้ว่าตอนนี้โอมยังเสียใจ ถ้าโอมยังไม่พร้อม...”


               เสียงกระซิบทุ้มนุ่มผะแผ่วอยู่ชิดใบหู บอกให้อาศิรรู้ว่าอนูบิสกำลังรอให้อาศิรยินยอม

               ความอบอุ่นนี้ ความรักเต็มหัวใจนี้ มีอะไรที่ทำให้อาศิรต้องปฏิเสธอีกเล่า

                อาศิรเอนกายลงไปบนที่นอนนุ่ม แขนที่ยังโอบรัดอยู่รอบลำคอเหนี่ยวรั้งให้ร่างแข็งแกร่งนั้นเอนกายติดตามมาด้วย อนูบิส

ยุดสบตากับดวงตาเรียวที่ถักทอไปด้วยความรักก่อนที่เขาจะประกบริมฝีปากลงไปบนกลีบปากนุ่มอีกครั้ง


               TBC
               
            อั้ยยะ หน้ากระดาษหมด!!


               :m16: :m16:



[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 18 [13/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 13-09-2016 22:28:58
 :heaven      :hao5:    เรื่องทุกเรื่องเป็นเรื่องธรรมดา ขอแค่ผ่านมันไปให้ได้เนาะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 18 [13/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 13-09-2016 22:35:43
ทำไมหน้ากระดาษหมดตอนนี้อ่ะ

เคืองนะนี่55555

ลุ้นมากอยากให้เขาได้กัน
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 18 [13/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 13-09-2016 22:37:37
 :ling1: :ling1: :ling1: ค้างงงงง

ยายไปสบายแล้วนะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 18 [13/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iNcamisang ที่ 13-09-2016 22:37:45
อ้าว ตัดฉับบบบบบบบ :katai1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 18 [13/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-09-2016 22:59:12
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 18 [13/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-09-2016 23:03:55
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
ทำไมกระดาษต้องมาหมดตอนนี้ด้วยยยยยย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 18 [13/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 13-09-2016 23:07:35
อุ้ป
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 18 [13/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 14-09-2016 00:06:41
สงสารโอม ยายจากไป ไหนจะต้องทนอยู่กับพ่ออีกล่ะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 18 [13/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 14-09-2016 00:37:46
ตัดฉับมาก สงสารโอมอ่า หวังว่าจิตใจจะได้รับการเยียวยาเร็วๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 18 [13/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 14-09-2016 02:16:14
แกล้งคนเป็นบาปนะ  :ling2:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 18 [13/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 14-09-2016 02:22:45
โอมไม่เหลือใครเราเข้าใจ  แต่หน้ากระดาษไม่เหลือ อันนี้ไม่เข้าใจค่ะ 55555555555555
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 18 [13/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: k_keenny ที่ 14-09-2016 07:22:51
ม่ายยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 18 [13/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 14-09-2016 07:51:04
อยากจะตีคนเขียนสักทีสองที....
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 18 [13/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 14-09-2016 08:57:46
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 18 [13/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 14-09-2016 09:18:11
 :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 18 [13/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: KnightDevil ที่ 14-09-2016 09:46:01
สงสารโอม อนูบิสปลอบใจโอมที หน้ากระดาษตัดได้ร้ายกาจมาก :mew2:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 18 [13/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 14-09-2016 21:39:45
 :serius2:หน้ากระดาษหมดได้ไง เราไม่ยอมน่ะ กลับมาต่อด่วน ๆ  :mew4: ยายไปสบายแล้วน่ะโอม อย่าให้ท่านได้ทุกข์อยู่ในสังขารที่ร่วงโรยเลย โอมยังมีพ่อหมีพูเป็นกำลังใจน่ะ  :กอด1: เรื่องนี้มีคู่หญิงหญิงด้วย หลากหลายดีจัง  :mew1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 18 [13/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 14-09-2016 22:32:22
ตัดฉับบบ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >>Anubis Lord of the death บทที่ 18 [13/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Minzero ที่ 14-09-2016 22:50:12
กี่เรื่องก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ยิ่งเรื่องแนวนี้มันดีต่อใจจจ ยิ่งคู่คุณหมอดับจิต(?)กับน้ำชายิ่งน่ารักกกแอร๊ย~(?) :hao7:  ผิดแล้ว..มันต้องคู่หลักสิ แต่ดูรวมๆแล้วสนุกทุกคู่ สนุกทุกตอน ติดตามจร้า :mew1:
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 15-09-2016 21:28:43


                                                                  อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                                            บทที่ 19

                                                                  Anubis Lord of the Death


               ฝ่ามือหยาบเพราะจับแต่อาวุธ หากแต่มันช่างอ่อนโยนยามสัมผัสไปกับเนื้ออุ่น กระดุมเสื้อเชิ้ตของอาศิรถูกปลดทีละเม็ดอย่าง

ใจเย็น และทุกครั้งเมื่อสาบเสื้อเผยอกว้างออกด้วยปลายนิ้วของอนูบิส ริมฝีปากร้อนก็จะประทับรอยตามติดไล่ต่ำลงมาเรื่อยๆ

               หัวใจของอาศิรเต้นถี่ ความมีเลือดเนื้อของมนุษย์ถูกปลุกด้วยไฟร้อนจากเทพผู้ยิ่งใหญ่ เนิบนาบทว่าร้อนระอุแต่ก็แฝงไว้ด้วย

ความอ่อนหวานจนอาศิรสั่นสะท้าน เพียงไม่นานกว่าอึดใจในความรู้สึก เสื้อเชิ้ตแขนยาวของเขาก็หลุดออกจากกาย อาศิรผวาเมื่อฝ่ามือ

หนาเลื่อนลงไปแตะที่ขอบกางเกง เขาสบตากับอนูบิสที่เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับนัยน์ตาล้ำลึกเป็นทำนองร้องขอ ดวงตาคู่นั้นทำให้อาศิร

ยินยอมให้อนูบิสถอดกางเกงของเขาจนมันผ่านปลายเท้าออกไปในที่สุด

               ความงดงามของเรือนร่างปรากฏอยู่เบื้องหน้า อนูบิสเลื่อนสายตาชื่นชมตลอดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า นัยน์ตาจริงจังเป็นนิจ

บัดนี้กลับวาววามเป็นประกายพร่างพราวจนใบหน้าของอาศิรเต็มไปด้วยความขัดเขิน


               “มองแบบนั้น ผมก็อายเป็นนะท่านเทพ”


               เจ้าของร่างสูงโปร่งผิวสีน้ำตาลอ่อนอย่างไทยแท้แต่เนียนนุ่มหลบสายตาลงจ้องมองได้แค่ไหล่กว้าง อนูบิสหัวเราะแผ่วเบา

พลางดึงมือเรียวของอาศิรมาวางที่แผ่นอกของเขา


               “ถอดเสื้อให้ผมบ้างนะครับโอม”


               อาศิรทำตามที่อนูบิสร้องขอ เขารู้สึกถึงความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อเมื่อผิวสีเข้มของอนูบิสอวดสู่สายตา อาศิรเผลอไผลจ้อง

มองกล้ามเนื้ออันสมบูรณ์แบบนั้นจนไม่รู้เลยว่าดวงตาเรียวนัยน์ตาดำขลับของตนเองกำลังเปล่งประกายแห่งความปรารถนาออกมา และ

นั่นเองที่ทำให้อนูบิสหมดความอดทน

               เพียงแค่เกร็งกล้ามเนื้อท่อนล่างกางเกงที่อนูบิสสวมใส่ก็ขาดสะบั้น เหลือเพียงร่างกายอุ่นร้อนแนบชิดอย่างโหยหาซึ่งกันและ

กัน อนูบิสก้มลงกดจูบไปที่เปลือกตาทั้งสองและไล่ลงไปตามแก้มนุ่มเพื่อเช็ดคราบน้ำตาให้หมดจากใบหน้าของอาศิร มือข้างหนึ่งสอด

ไปใต้บ่าเพื่อประคองกายนุ่มให้อยู่ในอ้อมกอด ส่วนมืออีกข้างกลับซุกซนสัมผัสบีบเค้นปลุกเร้าให้อาศิรผวาไปตามมือร้อน

               กลีบปากนุ่มถูกครอบครองดังเช่นภมรหนุ่มซุกไซ้เกสรดอกไม้เพื่อหาน้ำหวาน อนูบิสขบเม้มริมฝีปากสีชมพูก่อนจะใช้ปลาย

ลิ้นเปิดทางเข้าสู่ความฉ่ำหวานยิ่งกว่า ลิ้นตวัดคลอเคลียซึ่งกันโดยไม่ต้องสอนอาศิรก็กระทำตามได้เป็นอย่างดี สองแขนยกขึ้นโอบรั้ง

ท้ายทอยของอนูบิสให้จุมพิตยิ่งกระชับจนแทบลืมหายใจกว่าจะยอมผละออกจากกัน

               อนูบิสเลื่อนกายลงช้าๆเขาฝังจมูกลงกับซอกคอระหงที่เอียงรับอย่างเต็มใจ เทพแห่งแดนมรณะลิ้มรสเนื้อนุ่มอย่างกระหาย

ก่อนจะหยุด ณ ปลายยอดสีเนื้ออ่อนบนแผ่นอกเรียบ เขาใช้ปลายจมูกสะกิดล้อเล่นแล้วตามด้วยลิ้นชื้น อาศิรแอ่นกายรับเมื่อมันถูกขบ

เม้มเข้าไปจนถึงลานกว้าง สัญชาตญาณของมนุษย์กำลังเตลิดไปด้วยความต้องการยามที่มือร้อนผ่าวของอนูบิสกำลังยึดความเป็นชาย

ของอาศิรไว้ในอุ้งมือ


               “อา...อินทร์ภู”


               อาศิรปรือตามองต่ำ เขาเห็นเพียงเส้นผมดกดำของอนูบิสกำลังกลืนกินเขาเข้าไป หัวใจของอาศิรเต้นไหวระรัวจนถึงกับหอบ

หนักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อาศิรเพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่ายามตกอยู่ในห้วงแห่งดำฤษณานั้นมันทรมานเช่นใด


               “ได้โปรด อินทร์ภู ได้โปรด...”


               มือเรียวขยุ้มเข้าไปที่กลุ่มผมหนา อาศิรกลั้นเสียงอย่างนึกอับอายกับอาการของตนที่เต็มไปด้วยความต้องการให้อนูบิสกระทำ

ยิ่งกว่านั้นจนกระทั่งอนูบิสต้องเลื่อนกายขึ้นมาปลุกปลอบด้วยวาจาหวานอยู่ใกล้ใบหู


               “โอม อย่าได้อาย ปล่อยใจของโอมไปกับความรักของเรา”


               กายแกร่งกดน้ำหนักบดเบียด อนูบิสแทรกร่างลงไปกับท่อนขาเรียวให้เปิดทางรับ เขาโอบกอดร่างเพรียวไว้ก่อนจะขบเม้มติ่ง

หูเบาๆ


               “เซเฮดเจนเมรูท” อนูบิสพึมพำแผ่วเบา เขาเองก็ต้องการไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอาศิร


               “แสงสว่างแห่งข้า จงปรากฏอยู่ในหัวใจของข้าเสียเถิด”


              อนูบิสดันกายเข้าหาอาศิรอย่างนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถึงกระนั้นอาศิรก็ยังเจ็บปวดในครั้งแรกจนต้องเกร็งกายรับ ความ

เจ็บปวดทำให้อาศิรผวาเข้ากอดรัดจิกเล็บลงไปบนแผ่นหลังกว้างพลางกัดฟันกลั้นเสียงสะอื้น อนูบิส จึงหยุดยั้งเสียครึ่งทางก่อนจะปรน

จูบไปที่ริมฝีปากสั่นระริก


                 “เมอริของข้า โปรดจงลืมตาขึ้นมองข้าเถิด ความรักของข้านี้จะมอบแด่เจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น”


                 อนูบิสลูบผมนุ่มของอาศิรที่ยอมลืมตาขึ้นมอง ดวงตาสองคู่ประสานกันราวกับจะสะกดอีกฝ่ายไว้ด้วยความรัก อาศิรดำดิ่งลง

ไปในความล้ำลึกจนลืมแม้ความเจ็บปวดยามที่อนูบิสค่อยๆมอบกายเข้าไปในช่องทางของเขาจนกระทั่งร่างทั้งสองผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง


                เสียงสายฝนโปรยปรายกระทบหลังคาบ้านก่อนจะเทลงมาจากฟากฟ้า ความชุ่มฉ่ำเย็นชื้นของบรรยากาศยิ่งเป็นใจให้

อนูบิสบรรเลงบทรักชักนำอาศิรให้รู้จักประสบการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน อนูบิสพาอาศิรให้ไปถึงฝั่งฝันอย่างทะนุถนอมจนอาศิรลืมสิ้นทุกสิ่ง

อย่าง


               “อา...อินทร์ภู อนูบิส...”


               คร่ำครวญเสียงแหบพร่าสั่นไหวยามร่างกายปลดเปลื้องหลั่งริน อาศิรหอบหายใจหนักหน่วงอยู่ในอ้อมกอดหนักแน่นที่ยัง

ประสานกายอยู่ในร่างของเขา อนูบิสเช็ดเหงื่อที่ซึมอยู่บนหน้าผากมนอย่างอ่อนโยน แก้มของอาศิรแดงปลั่งไปด้วยเลือดที่สูบฉีดทั้งจาก

ร่างกายที่สุขสมและความขัดเขินเมื่อรู้ว่าตนเองได้ตกเป็นของอนูบิสอย่างเต็มตัว


              “โอม มีความสุขไหม”


              “บ้า จะถามทำไม”


               อาศิรไม่กล้าสบตาวาววามคู่นั้น อนูบิสมองเขาราวกับจะกลืนกินไปทั้งตัว แต่อาศิรก็ยอมรับว่ามันเป็นความสุขท่ามกลางสิ่ง

ร้ายๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต


             “แล้วคุณล่ะ อินทร์ภู”


             ช้อนตามองเมื่อหักห้ามความอายได้แล้ว ความเข้มแข็งที่ยังสอดลึกอยู่ในร่างกายบอกให้รู้ว่าอนูบิสยังไม่ได้ก้าวตามขึ้นไปอยู่

สรวงสวรรค์ อนูบิสคลี่ยิ้มในแบบที่อาศิรไม่เคยเห็น ยิ้มนั้นเหมือนเด็กซุนซนยามเจอสิ่งของต้องใจ


             “โอม ผมยัง...”


             “ยังอะไรครับท่านเทพ”


              อาศิรยิ้มตอบล้อเลียน เขาพอจะเดาออกว่าอนูบิสต้องการสิ่งใด อนูบิสมองรอยยิ้มนั้นอย่างหลงใหล เขาโน้มกายลงไปรำพัน

สิ่งที่อยากได้ให้อาศิรฟังใกล้ๆหู


              “ยังต้องการโอมอีกสักครั้ง” อนูบิสหอมแก้มอาศิรฟอดใหญ่พร้อมกับน้ำเสียงออดอ้อนผิดกับร่างกายใหญ่โตของเขา “และถ้า

โอมหายเจ็บแล้ว ผมจะขอออกแรงเพิ่มอีกสักนิดจะได้ไหม”


                อาศิรเบิกตากว้าง ความขัดเขินที่เพิ่งจางลงกลับทวีขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเข้าใจความนัยนั้น กลีบปากแดงฉ่ำเพราะถูกจุมพิตไม่

เว้นว่างเม้มแน่นก่อนจะคลายออกแล้วให้คำตอบเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน


              “ก็...ถ้ามันจะทำให้คุณมีความสุขก็ตามใจสิ”


              ดวงตาคมกระจ่างสว่างไสวเมื่อได้ยินคำตอบที่ถูกใจ อนูบิสปรนจูบไปทั่วใบหน้า เขารวบร่างเพรียวของอาศิรให้ขยับขึ้นนั่งพิง

กับหัวเตียง ท่อนขาเรียวถูกจับแยกออกให้เส้นทางสู่สวรรค์เปิดกว้างมากกว่าเดิม เรือนร่างเทพแห่งอียิปต์ที่แสนสมบูรณ์แบบชันกายขึ้น

               อนูบิสสอนให้อาศิรได้รู้จักอีกรสชาติหนึ่งเมื่อเขาดำเนินบทรักอีกครั้ง


              “อื้อ...อินทร์ภู”


               อาศิรลืมความอายหมดสิ้น เขาเงยหน้าพริ้มตาห่อปากปล่อยเสียงครางแข่งกับเสียงสายฝนที่กระหน่ำลงมาสู่ผืนดิน มือเรียว

ต้องคว้าหัวเตียงไว้เป็นหลักยึดยามที่อนูบิสเร่งเร้าจังหวะจนเตียงสั่นไหว อนูบิสช้อนท่อนแขนเข้าใต้เอวของอาศิรเพื่อให้เขาได้แสดง

ความรักอย่างหนักหน่วง เขาเองก็เผลอไผลส่งเสียงคำรามก้องอย่างถูกใจเมื่อร่างกายของอาศิรตอบรับได้อย่างดีเยี่ยม


                 “อา เมอริ ที่รักของข้า ไปสู่สวรรค์ด้วยกันเถิด”


                 วินาทีนี้อนูบิสลืมหมดแล้วทุกสิ่ง เขาวางความวิตกกังวลทั้งหลายไว้ หัวใจของเขามีเพียงอาศิรและร่างกายของเขาก็มีเพียง

อาศิรเช่นกัน  อนูบิสโอบรัดร่างนุ่มเข้ามาแนบแน่น ซุกหน้าลงไปกับซอกคอและลาดไหล่ขณะที่ออกแรงเฮือกสุดท้าย อาศิรขยับเอวตอบ

รับโดยอัตโนมัติ สองแขนและสองขาเกาะเกี่ยวร่างแกร่งจนไม่เหลือช่องว่าง ลมหายใจร้อนผ่าวต่างเป่ารดซึ่งกันยามที่ร่างกายกำลัง

ตึงเครียดและบีบคั้น เสียงครางด้วยไฟพิศวาสดังไม่ขาดระยะเมื่อพากันก้าวสู่สุดสายปลายรุ้ง


                  “อินทร์ภู...”


                  “อา โอม”


                   พร่ำเสียงรำพันถึงอีกฝ่ายไม่ยอมหยุด แม้อากาศจะเย็นฉ่ำด้วยสายฝนภายนอกแต่เนื้อตัวทั้งคู่เหนียวหนับด้วยเหงื่อชื้น

ร่างกายสอดประสานผูกพันด้วยความรักจนไม่อาจถอดถอนได้โดยง่าย อนูบิสต้องรอให้ต่างก็ผ่อนคลายหายเหนื่อยจึงค่อยๆคืนอิสระให้

แก่อาศิร


               “โอมครับ”


               เสียงนั้นหวานกว่าที่เคยขณะมองใบหน้าอิ่มเอมของอาศิร ปลายนิ้วเชยคางให้อาศิรเงยหน้ารับจูบอ่อนหวานเป็นรางวัลอีกครา

ชีวิตอันโดดเดี่ยวและอ้างว้างของอนูบิสถูกเติมเต็มให้รู้จักชีวิตชีวาราวกับต้นกระบองเพชรที่ได้รับหยาดน้ำเป็นครั้งแรก


               “ผมรักโอม หัวใจของผมมีแค่โอมเพียงหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมจะปกป้องดูแลโอม ผมสัญญา”


               อาศิรทอดสายตาไปกับใบหน้าคม เขายกมือขึ้นลูบไล้ไปกับกรอบหน้านั้น ไรหนวดเขียวกระทบมือหากแต่ไม่รู้สึกระคายสักนิด

อาศิรรับรู้ถึงความรู้สึกที่อนูบิสมอบให้


                คำสัญญาของเทพเป็นความสัตย์

                อาศิรดีใจที่เขาได้รักกับอนูบิสในวันนี้ ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นเช่นไรเขาก็ไม่หวาดหวั่น


                 “ผมก็รักคุณ อินทร์ภู”


                หัวใจของอาศิรเต้นรัวไปด้วยความรัก ยินดีเหลือเกินที่ได้มอบความรักให้อนูบิสทั้งกายและหัวใจ


                 อาศิรซุกกายเข้าหาความอบอุ่นจากแผงอกแน่น หูแนบกับหน้าอกข้างซ้ายเพื่อฟังเสียงหัวใจของอนูบิสก่อนหลับตาลงและ

เข้าสู่นิทราด้วยความเปี่ยมสุข ส่วนอนูบิสนั้นก็ตระกองกอดอาศิรไว้ตลอดทั้งคืน



             TBC



           บทนี้อุทิศให้แก่ความรักของพ่อหมีพูกับหมอโอม
         
          เป็นเลิฟซีนที่ยากที่สุดตั้งแต่เคยแต่งนิยายมาเลย

          ไม่รู้ว่าคนอ่านจะชอบกันหรือเปล่า

           อ่านแล้วคอมเม้นท์ให้หน่อยนะคะ


          ใครที่เป็นขาซุ่มอ่านวันนี้ช่วยบอกความคิดเห็นนิดนึง


           ถ้าชอบแนวนี้ ต่อไปจะได้แต่งเลิฟซีนประมาณนี้อีก

          ขอบคุณล่วงหน้านะจ๊ะ ^_^



                   :hao5: :hao5:

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 15-09-2016 21:33:25
เขินนนนนน
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 15-09-2016 21:35:11
โอ้ยยย เขินมากค่ะ>< มันอบอุ่นแต่ร้อนแรงเต็มไปด้วยความรัก ตายๆ เขินหนักมาก555  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Minzero ที่ 15-09-2016 21:43:53
มันมีความละมุน งื้ออออออ เขาบอกรักกันค่ะแม่ขาาา :katai1: :katai4: :katai4: :katai4:  แทบอยากจะโดดไปเฝ้าใต้เตียง(?) แฮะๆ กลับมาเข้าเรื่องดีกว่า สำหรับฉากฟินๆแบบนี้เราว่าแต่งดีแล้วเน้ออออ พยายามต่อไปจร้า ติดตามเสมอ o13
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 15-09-2016 21:47:05
คือดีอ่ะ ชอบมากกกกก
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 15-09-2016 22:28:34
ดีงามมมมม  เสียเลือดก่อนนอนกันเลยที่เดียว
มีทั้งละมุนและเผ็ดร้อน ชอบบบบ :hao7:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-09-2016 22:33:04
 :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 15-09-2016 22:44:33
ในที่สุด  :z1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-09-2016 23:33:25
ละมุนมากกกกกกกกกกกก :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
ท่านเทพช่างอ่อนโยนจริงๆ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 15-09-2016 23:42:41
งุ้ย เขินนน  :impress2:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: KnightDevil ที่ 16-09-2016 07:08:43
โอยหวานนนน ดีต่อใจจริงๆ เขารักกันแล้วฮือ :-[

ชอบมากค่ะ ละมุนจริงๆ รอดูค่ะว่าสุดท้ายจะได้อยู่ด้วยกันไหม
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 16-09-2016 08:47:32
อ่อนโยนมาก
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-09-2016 10:21:05
ร้อนแรงแต่ให้ความรู้สึกอบอุ่น ไม่ใช่แค่เซ็กซ์แต่เป็นความรัก :-[ :m25: หวังว่าหลังจากนี้จะไม่มีดราม่ามากนักนะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 16-09-2016 11:46:04
ฮร้าๆ ฮิ้วๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 16-09-2016 11:59:35
 :o8:.มัดกล้าม ลอยมาๆๆๆๆ
เป็นความหวามไหวที่สุดๆค่ะ
แบบนี้แหละ อยากอ่านอีกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: junpa ที่ 16-09-2016 12:26:21
ละมุนมากกก ฟินสุดๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 16-09-2016 19:15:01
อุ้ยยยยย!!
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 16-09-2016 23:40:43
มันจะแปลกไหมที่นี่อยากให้คีรีกับเจ้าปีศาจนั่นคู่กัน(นึกชื่อนางไม่ออก)
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 17-09-2016 00:16:12
บอกได้เลยว่า...เขินนนน~
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 17-09-2016 00:16:29
 :hao7:   อร๊ายยยยย   ยุ่งๆจนไม่ได้เข้ามาอ่านเลย  มาอีกที  พี่หมีพู ฟาดนุ้งโอมซะ 2 -3 ยกเลยหรอเนี่ย

ท่านเทพจ๊ะ  อดอยากปากแห้งมานานมากสินะ    :z1:   ตอนนี้มีน้องโอมแล้ว  ไม่ต้องอดทนอดกลั้นอะไรแล้วเนอะ

#หิวเมื่อเมื่อไหร่ก็จับกด  #เมียโอมไงจะใครล่ะ    :hao7:   

ปล.เป็นฉากเลิฟซีนที่แปลกตาไปนิดแต่ให้อารมณ์แบบละมุนละม่อมดี  ไม่หวือหวาหัวเตียงสั่นแบบเก่าๆ  เรารู้ถึงแม้คู่นี้จะไม่ถึงใจเท่าไหร่  แต่คู่ปาลกับน้องเว เนี่ยหัวเตียงสั่นยันเช้าแน่นอนชิป๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ    :haun4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 17-09-2016 00:39:01
โฮ๊ยยยยยยย เสียใจเรื่องยายด้วยนะโอม แต่โอมสามารถรับกับสถานการณ์สูญเสียได้ดีมากจริงๆ ดีที่ไม่ร้องไห้ฟูมฟายมากนัก ยังดีที่มีสติ //กอด ไม่เป็นไรนะ ว่าแต่.....ท่านเทพขาาาาาาา อะไรคือถ้าโอมยังพร้อมก็จะไม่ทำ ถถถ จัดเลยค่ะ หลายๆดอกๆ  :haun4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 17-09-2016 08:53:44
เป็นฉากที่โคดเขิน อ่านแล้วบิดอ่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 17-09-2016 09:25:21
บิดตัวม้วนต้วน
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-09-2016 14:32:59
 :-[.  ขั้นเทพแท้ๆมันละมุนแบบนี้เอง.  :impress2:   โหย จูงมือกันขึ้นไปวิ่งเล่นบนก้อนเมฆรัวๆ
ว่าแต่งานนี้ได้เป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว การที่อังค์ยังอยู่ในตัวโอมก็สามารถมอบพลังให้อนูบิสได้มากขึ้นสินะ
ปิดจ๊อบเลยค่ะท่าน. เราแค่กังวลว่าตอนจบอาจจะต้องอยู่กันคนละโลก งื้อ ไม่เอาน้า
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 17-09-2016 21:29:36
ในที่สุด :-[
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: FOUR EYES ที่ 18-09-2016 07:20:54
น่อวววว เขินน มีความละมุนนน  :-[
 ขอบคุณนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 18-09-2016 19:18:30
สนุกมาก
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 18-09-2016 22:44:25
อ่าาาาาา...ตอนนี้อ่านแล้วเขิน  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 19-09-2016 23:09:07
 :jul1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: WhiteFrost™ ที่ 20-09-2016 01:50:20
 :hao7: :hao7: ฟินเฟอร์~ มาต่อเร็วๆนะ :mew1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 20-09-2016 12:15:27
เป็นคนชอบเรื่องอียิปต์นะ ปกติเวลาเห็นคนใส่หัวหมาไนก็จะเฉยๆ แต่ทำไมพอมาอ่านเรื่องนี้แล้วคนใส่หัวหมาไนดูหล่อไปเลย55555555
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 20-09-2016 13:48:59
ท่านเทพละมุนมากกกกกก  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 20-09-2016 15:21:25
 :mew3:  :-[ เขินนนน....หวานกันดีมากคะ
           :z13:             :z13:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 21-09-2016 12:53:05
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 21-09-2016 19:20:01
โอยยน่ารัก แต่งอีกเยอะๆเลยค่า :o8:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: mana_ai ที่ 21-09-2016 20:15:00
รูปสวยหลายรูปจนเรียกเพื่อนมาดู มันพูดสี่พยางค์ "พิษ สุ นัข บ้า" แต่พอดีเราฉีดวัคซีนแล้ว สบายยยย 555+
ตอนแรกเข้าใจว่าเซ...อะไรซักอย่างนั่น แปลว่า my precious (อ่านในคอมเม้นที่เดาๆความหมายกัน) นึกถึงกอลลั่มขึ้นมาทันที 555+
รออ่านตอนต่อไปนะคะ > <
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 19 [15/9/59] บทเลิฟซีนของท่านเทพ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: meyj4ever ที่ 23-09-2016 09:46:57
ชอบค่ะบทเลิฟซีนที่ละมุนละไมอบอวนไปด้วยความรัก
มันคือเมคเลิฟ อ่านแล้วรู้สึกได้ถึงความรักของคนสองคนเต็มไปหมด
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 20 Anubis Lord of the Death [23/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-09-2016 14:44:53


                                                                     อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                                               บทที่ 20

                                                                   Anubis Lord of the Death



               แสงแดดในยามสายสะท้อนเป็นประกายอยู่บนผิวน้ำจนอาศิรต้องยกมือกันแสงจ้าเหนือเปลือกตาไว้ขณะที่เขามองระลอก

คลื่นจากหางเสือของเรือหางยาวที่เพิ่งจากไป บัดนี้เถ้ากระดูกของยายจันทร์ได้กลับไปสู่สายน้ำสายใหญ่ที่ไหลผ่านจังหวัดหนึ่งในเขต

ปริมณฑลหลังจากที่เขาไปเก็บกระดูกของยายที่เมรุตั้งแต่เช้าตรู่โดยมีเวทิศเป็นสารถีขับรถพาเขาและอนูบิสมา

               คำว่าครอบครัวที่อาศิรนับได้ว่ามีเพียงมารดาและยายของเขาได้จากไปหมดแล้วเหลือเพียงอาศิรที่ต้องใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้

แม้ว่าจะมีบุคคลที่เรียกได้ว่า “พ่อ” แต่อาศิรก็ไม่ได้นึกผูกพันมากไปกว่าหน้าที่ของความเป็นลูก


               “โอม ไม่เป็นไรใช่ไหม”


               ร่างสูงใหญ่ก้าวมายืนเคียงข้าง มือหนาเอื้อมมาเกาะกุมมือของอาศิรไว้เพื่อปลอบประโลมให้หายเศร้า เมื่อรู้ใจว่ารักและยิ่ง

ผูกพันด้วยร่างกายแล้ว อนูบิสก็ไม่ปิดบังความรู้สึกของตน เขาแสดงออกซึ่งความรักอย่างซื่อสัตย์กับหัวใจของตนจนแม้แต่เวทิศที่ยืนอยู่

ไม่ห่างนักก็ดูออกได้โดยง่าย


               “กลับกันได้แล้วมั้ง กว่าจะถึงกรุงเทพก็ใกล้เที่ยงแล้ว”


               เวทิศเอ่ยขึ้นอาศิรจึงพยักหน้ารับ แต่ขณะที่เดินกลับไปที่รถยนต์เวทิศกลับรั้งอาศิรไว้


               “ไอ้โอมคุยกันแป๊บนึง ท่านเทพหมีพูช่วยไปรอที่รถก่อนนะครับ ผมขอคุยธุระกับไอ้โอมก่อน”


               อนูบิสพยักหน้ารับรู้ก่อนเดินจากไป ปล่อยให้อาศิรอยู่กับเวทิศที่ขมวดคิ้วมองเพื่อนสนิทอย่างเอาจริง


               “มึงมีอะไรจะบอกกูไหมวะโอม”


               “อะไรของมึง”


               อาศิรมองเวทิศกับอย่างงงงันจนเวทิศต้องแยกเขี้ยวใส่


               “อย่าแถไอ้เหี้ยโอม นี่กูเป็นเพื่อนมึงมากี่ปีไอ้หน้าตาแบบนี้คิดว่าปิดกูได้เหรอ ก็เรื่องมึงกับท่านเทพของกูไง ไอ้ที่มองตากัน

ปิ๊งๆนี่คืออะไร มันต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่นอน เด็กอนุบาลมันยังดูออกเลย”


               อาศิรอึ้ง เลือดแห่งความขัดเขินแล่นเป็นริ้วอยู่บนใบหน้า เขาหลบตาเวทิศแล้วสารภาพความจริง


               “ก็...นั่นแหละ อย่างที่มึงคิด”


               “สัสเอ๊ย กูว่าแล้ว” เวทิศอุทาน “ท่านเทพหมีพูก็มองมึงจนแทบจะกลืนไปทั้งตัวขนาดนั้น ไอ้โอมบอกกูมาให้หมดอย่า

อมพะนำ มึงกับท่านเทพน่ะ ถึงไหนกันแล้ววะ”


               คราวนี้อาศิรทำหน้าเหมือนกลืนยาขม แต่เพราะเขาและเวทิศสนิทกันจนไม่เคยมีความลับ อาศิรจึงนึกไม่ออกว่าควรจะปิดบัง

เพื่อนอย่างไร


               “คือ...กูกับอินทร์ภู เอ่อ เราได้กันแล้วว่ะ”


               “เหี้ยยยย” เวทิศยกมือกุมขมับ “ได้กันเมื่อไหร่บอกกูมาเลยไอ้โอม”


               “เมื่อคืนนี้เอง ไอ้เหี้ยทิศ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิวะ”


                “โอ๊ย สดๆร้อนๆเลยไอ้โอมเอ๊ย แล้วมึงทำไง ยาคุมฉุกเฉินล่ะแดกหรือยัง แล้วถ้ามึงท้องขึ้นมาล่ะ”


               “ไอ้เพื่อนเหี้ย กูเป็นผู้ชายกูไม่มีมดลูก และสเปิร์มก็ไม่ได้ปฏิสนธิทาง เอ่อ...ทางนั้นโว้ย ไอ้ทิศ มึงเลิกมองกูแบบนี้เหอะ กูชัก

อายมึงจริงๆแล้วนะ”


                เมื่อเห็นเพื่อนทำหน้าจ๋อยเวทิศจึงถอนหายใจออกมา เขาวางมือลงไปบนบ่าของอาศิร


               “ที่กูคาดคั้นเนี่ย ไม่ใช่อะไรนะโอม กูเป็นห่วงมึงต่างหาก คนธรรมดาเสือกไม่รัก ดันไปรักกับเทพที่อิมพอร์ตเข้ามา มึงคิดบ้าง

หรือเปล่าว่าถ้าท่านเทพเขาทำภารกิจลุล่วงแล้วต้องกลับบ้านเมืองไปมึงจะทำยังไง”


               อาศิรสะอึกกับคำเตือนของเพื่อนสนิท มันเป็นเรื่องที่เขาเคยคิดไว้ก่อนหน้าที่จะผูกพันกับอนูบิสลึกซึ้งเช่นนี้ อาศิรปวด

กระบอกตาขึ้นมาทันทีเมื่อเอ่ยตอบเวทิศ


               “ก็คงจะไม่ทำอะไร ถ้าเขาจะต้องกลับไปก็ปล่อยให้เขาไป”


             “โดยที่มึงก็ต้องเสียใจอยู่คนเดียวงั้นเหรอเพื่อน โธ่ ไอ้โอม”


              “จะให้ทำไงได้ล่ะ ก็กูรักเขานี่” อาศิรยอมรับ “มึงไม่รู้หรอกว่าเวลาที่เรารักใครสักคน เราก็พร้อมจะทำให้คนที่เรารักมีความสุข

ถ้ามึงอยากรู้อยากเข้าใจมึงก็ลองมีความรักดูสิ”


                กลายเป็นเวทิศที่เป็นฝ่ายสะอึกบ้าง จู่ๆเขาก็นึกถึงอาการเจ็บจี๊ดปวดหน่วงๆที่หัวใจโดยหาสาเหตุไม่ได้ยามที่อยู่ใกล้ปาล

เวทิศรีบสลัดความคิดนั้นทิ้งทันที


              “ทำไมกูต้องมีความรัก ไม่เห็นจำเป็น เห็นความรักของมึงแล้วกูล่ะกลัว”


              อาศิรยิ้มออกเมื่อเห็นใบหน้าของเวทิศ เขายกแขนคล้องคอเพื่อนพลางพาเดินไปยังรถยนต์ที่มีอนูบิสยืนรออยู่


             “ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวสักนิดไอ้ทิศ มีคนรักก็ดีนะ มันมีกำลังใจขึ้นอีกเยอะเลย”


              เมื่อเดินมาถึงเวทิศก็ยกกำปั้นขึ้นชกเข้าใส่ต้นแขนของอนูบิสที่นอกจากจะไม่สะเทือนแล้วยังเอียงคอมองเวทิศด้วยความไม่

เข้าใจ ส่วนเวทิศนั้นสะบัดมือเร่าๆราวกับต่อยผนังปูน


               “คุณชกผมทำไม” อนูบิสเอ่ยถามเวทิศ คนถูกถามได้แต่แยกเขี้ยวใส่


              “ก็คุณเจาะไข่แดงเพื่อนผมนี่หว่า นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นไอดอลนะ ผมไม่ยอมยกเพื่อนให้หรอก”


              “ไอ้ทิศ ไอ้ผีเจาะปากมาเกิด”


             อาศิรทั้งเขินทั้งเคืองเพื่อนสนิทจนต้องส่ายหน้า อนูบิสหันมาหาและเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ


              “เจาะไข่แดงคืออะไร ตรงไหนคือไข่แดงหรือโอม”


               อาศิรทำหน้าปั้นยาก เขาเขย่งเท้าขึ้นไปแล้วกระซิบคำตอบที่หูของอนูบิส เมื่อข้อข้องใจถูกไขกระจ่างอนูบิสก็ยิ้มพราวทันที


             “ผมรักโอม ที่ทำไปก็เพราะรัก”


             “อย่ามาหวานอวดกันนะท่านเทพ” เวทิศค้อนขวับ “คนไม่มีแฟนมันอิจฉาโว้ย รักเพื่อนผมแล้วดูแลดีๆล่ะ ถ้าท่านเทพทำให้

เพื่อนผมเสียใจ ผมจะเลิกนับถือท่านเทพเป็นไอดอลเลย”


             “ไม่มีวันที่ผมจะทำให้โอมเสียใจ”


            อนูบิสจริงจัง เขากล่าวอย่างหนักแน่นจนเวทิศวางใจและอีกใจหนึ่งเวทิศก็อดอิจฉาอาศิรไม่ได้ที่อาศิรสามารถเปิดเผยความรู้สึก

ของตนออกมาโดยไม่ต้องปิดบัง หากว่าเวทิศทำเช่นอาศิรได้ก็คงจะดีไม่น้อย


             “รีบกลับกันเถอะ กว่าจะถึงอีก”


              อาศิรเอ่ยชวนก่อนจะหันไปมองสายน้ำตรงหน้าอีกครั้งเพื่ออำลายายของเขาเป็นครั้งสุดท้าย


              กลับถึงเมืองหลวงยามบ่ายเวทิศก็รีบขับรถทั้งหมดไปหาปาลที่หน่วยสืบสวนคดีพิเศษตามที่ได้นัดกันไว้ ปาลพาทุกคนไปนั่งที่

ห้องประชุมเล็กและตามใจภักดิ์มาด้วย ใจภักดิ์แนะนำตัวเองง่ายๆยกเว้นกับอาศิรที่เคยรู้จักกันมาก่อนแล้วที่โรงพยาบาล


              “ตามที่ไปสืบมาหมอคีรีเป็นหมอศัลยกรรมในคืนที่หัวใจศพถูกขโมยจริงๆ ข้อสันนิษฐานที่ตั้งไว้ก็ดูเหมือนจะเป็นไปในทาง

เดียวกัน”


              ใจภักดิ์วางแฟ้มข้อมูลลงตรงหน้าพลางเอ่ยด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจังกับงาน


              “และจากการชันสูตรศพวัยรุ่นที่ถูกฆ่าตายแล้ว มันน่าเจ็บใจที่ฆาตกรไม่ทิ้งลายนิ้วมือไว้เลย มันอาจจะใส่ถุงมืออยู่ ช่องทาง

ทวารหนักก็ไม่มีคราบอสุจิหลงเหลือคงเพราะมันใส่ถุงยางอนามัยที่เจอซองของมันตรงที่เกิดเหตุ แต่รอยกรีดบริเวณชายโครงด้านซ้าย

ทำให้เราสงสัยได้ว่าฆาตกรอาจจะเป็นคนเดียวกับคนที่ขโมยหัวใจศพ เพราะรอยกรีดนั้นมันมีน้ำหนักและขนาดพอดีกันเป๊ะๆ...”

              “...และถ้าหมอคีรีเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดจริง ฉันก็คงจะรู้สึกเสียใจมากที่แพทย์คนหนึ่งใช้วิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาในทางที่ผิด

และอยากรู้เหลือเกินว่าสาเหตุที่เขาทำเช่นนี้คืออะไร ฝ่ายนิติเวชก็คงช่วยได้เท่านี้ ที่เหลือก็ต้องยกให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายสืบสวนแล้ว”


            “ขอบใจนะภักดิ์”


            ใจภักดิ์ยิ้มรับคำขอบคุณจากปาล หญิงสาวเก็บรวบรวบเอกสารเข้าแฟ้ม และระหว่างที่ปาลพูดคุยรายละเอียดกับอนูบิสนั้น เธอ

กันหันมากระซิบกับอาศิรที่นั่งอยู่ติดกัน


           “โอม ทำยังไงถึงจะง้อน้ำชาให้หายโกรธได้”


             “อะไรนะครับ ยายน้ำชาเหรอ มันไม่เคยโกรธใครนานนะครับพี่ภักดิ์ ถ้ามันงอนนี่สิบนาทีก็หายแล้ว”


              อาศิรหันไปตอบกลับด้วยความแปลกใจ มองเห็นสีหน้ายุ่งยากของใจภักดิ์ก็ยิ่งสงสัย


              “น้ำชามันโกรธอะไรพี่ภักดิ์เหรอครับ”


              “ก็มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย แต่ท่าทางน้ำชาจะโกรธมากเลย”


              ก็ขนาดที่ว่าไม่ยอมมองหน้าแม้ว่าใจภักดิ์จะนำโทรศัพท์ไปคืนที่บ้าน และไปอุดหนุนอาหารที่บ้านของชาลินีทุกวันแต่ดูเหมือน

อีกฝ่ายจะไม่สนใจหน้าจ๋อยๆของเธอเลย ใจภักดิ์นึกแปลกใจว่าทำไมเธอจะต้องแคร์ความรู้สึกของชาลินีมากขนาดนี้ พอมองเห็นใบหน้า

เชิดๆเม้มปากแดงแน่นๆแล้วใจภักดิ์อยากจะกระชากแขนชาลินีแล้วมาเขย่าแรงๆนัก อยากจะถามชาลินีว่าสนใจความรู้สึกของเธอบ้าง

หรือเปล่า


                 “นี่ทำยังไงน้ำชาก็ไม่ยอมคุยด้วย”


                อาศิรกะพริบตาปริบๆมองหน้าหมองของใจภักดิ์ที่ผิดกับตอนบรรยายเรื่องงานลิบลับ เขาได้แต่ยิ้มปลอบใจภักดิ์ไปตามเรื่อง

ไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนสนิทของเขาถึงไปมีอิทธิพลกับใจภักดิ์ขนาดนี้


             “ใจเย็นครับพี่ภักดิ์ เดี๋ยวผมจะช่วยคุยให้น้ำชามันหายโกรธนะ”


             “ดีเลยโอม ฝากด้วยนะ”


              ใจภักดิ์เพิ่งจะยิ้มออก หญิงสาวคว้าแฟ้มเอกสารก่อนจะยืนขึ้นกล่าวลากับทุกคนแล้วเดินออกไปจากห้องประชุมปล่อยให้

หนุ่มๆคุยกันต่อไป


             “เราต้องหาสายสืบเข้าไปตีสนิทกับหมอคีรี”


                 ปาลเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขากำลังนึกหาหนทางเจาะลึกเข้าหาผู้ต้องสงสัยในคดีนี้โดยไม่ทำให้คีรีตื่นรู้เสียก่อน

เวทิศคิดตามก่อนจะโพล่งความคิดออกมา


               “ไอ้โอมไง มันเป็นหมอเหมือนกันแถมยังรู้จักกับหมอคีรีด้วยนะ”


               “ไม่ได้!”   


               สะดุ้งเฮือกกันถ้วนหน้าเมื่อได้ยินเสียงดุของอนูบิส และยิ่งหันไปมองดวงตาคมดุดันทำให้ใบหน้ายิ่งน่าเกรงขามเวทิศก็ถึงกับ

หัวหด


               “ใจเย็นอินทร์ภู ไอ้ทิศก็แค่คิดเอง”


               “แค่คิดก็ไม่ได้” อนูบิสเอ่ยเสียงหนัก


               “งานนี้จะต้องไม่มีใครได้รับอันตรายอีกโดยเฉพาะโอม ผมไม่อยากให้ใครต้องมาเดือดร้อนเพราะปีศาจเลวนั่นอีกแล้ว”


               การประชุมจบลงโดยยังไม่ได้ข้อสรุป อนูบิสกับอาศิรแยกขึ้นแท็กซี่กลับบ้านและระหว่างนั้นอนูบิสก็ยังอารมณ์ไม่ดีนักจน

กระทั่งถึงบ้าน เมื่อได้อยู่กันตามลำพังอาศิรจึงเข้าไปคลอเคลีย


               “อย่าหน้าบึ้งสิพ่อหมีพู เดี๋ยวไม่หล่อนะครับ”


               มองคนที่เข้ามาใกล้และยิ้มหวานให้อนูบิสจึงถอนหายใจยาวก่อนจะดึงอาศิรให้มานั่งบนตักแล้วโอบกอดไว้


               “ขอโทษนะโอม ผมแค่อยากจะให้เรื่องทั้งหมดมันจบโดยเร็ว แค่นี้ไอ้เนรูก็ทำให้วุ่นวายมากพอแล้ว”


               “ผมเข้าใจอินทร์ภู” อาศิรซุกหน้าเข้าหาแผ่นอกกว้าง


              “ผมรู้ว่าคุณต้องแบกรับความรับผิดชอบยิ่งใหญ่แค่ไหน ผมเองก็เสียใจที่ช่วยอะไรคุยไม่ได้เลย”


               “ช่วยได้สิ” อนูบิสจูบเบาๆที่หน้าผากของอาศิร


               “โอมช่วยอยู่ใกล้ๆเท่านี้ก็ทำให้ผมหายเหนื่อยแล้ว”


               “โอ๊ย พ่อเทพปากหวาน ชิมหน่อยสิว่าหวานจริงหรือเปล่า”


               อาศิรเงยหน้าขึ้นและเป็นฝ่ายประทับริมฝีปากเข้าหาอย่างเอาใจให้อนูบิสจูบตอบ ท่อนแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามช้อนเข้าใต้

บ่าและเข่าของอาศิรก่อนจะอุ้มขึ้นมาและก้าวตรงไปยังห้องนอน


               อาศิรอยากจะทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่อนูบิสมากกว่านี้ เขาอยากที่จะทำให้อนูบิสหมดจากความกลัดกลุ้มในความรับผิดชอบ

ของตน บางทีถ้าเขาจะกล้าเข้าไปใกล้กับคีรีเพื่อสืบหาข้อมูลอาจจะเป็นการช่วยอนูบิสได้อีกทาง




                 แต่ตอนนี้เขาทำได้เพียงทำให้อนูบิสมีความสุขที่สุด นี่คือสิ่งที่อาศิรจะทำได้ในค่ำคืนนี้




มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 20 Anubis Lord of the Death [23/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 23-09-2016 14:53:48

ต่อกันตรงนี้...



              “แฟนมึงมาเที่ยวกับผู้ชายอื่นอีกแล้วว่ะ”


               ปาลขบกรามกรอดเมื่อเห็นรูปที่ส่งมาทางแอพพลิเคชั่นไลน์ เพื่อนของเขาที่เป็นสายตรวจส่งรูปมารัวๆจนปาลเปิดดูแทบ

ไม่ทัน แต่มีอยู่รูปหนึ่งที่สามารถถ่ายให้เห็นใบหน้าของผู้ชายที่มากับกวินตราได้ชัดเจน มันทำให้ปาลต้องเบิกตากว้าง


               นายแพทย์คีรี!

               ไม่เคยรู้มาก่อนว่ากวินตราจะรู้จักคีรีด้วย ซ้ำยังสนิทสนมกันถึงขั้นที่คีรีกำลังโอบเอวกวินตราไว้ขณะเดินเข้าร้านอาหารหรูแห่ง

หนึ่ง มันทำให้ปาลนึกเป็นห่วงกวินตราขึ้นมา

               เช่นไรก็ได้ชื่อว่ายังเป็นคนรักของเขา ปาลรีบก้าวออกจากบ้านและคว้าบิ๊กไบค์ของเขาบึ่งตรงไปยังร้านอาหารนั้น เขาสูบบุหรี่

รออยู่หน้าร้านอย่างอดทนจนกระทั่งมองเห็นชายหญิงคู่นั้นเดินออกมาจากร้าน


               “อ้าว ปาล”


               กวินตราหน้าเสียไปวูบหนึ่งก่อนจะยกเชิดสูง ส่วนคีรียังคงยืนนิ่งอยู่เยื้องกับหญิงสาวขณะที่ปาลก้าวเข้าไปหา


               “ผมยังจำได้ว่าคุณเป็นแฟนผมอยู่นะวินนี่”


               “ก็ดีแล้วที่จำได้ค่ะปาล นี่คีรีเพื่อนของวินนี่เอง”


               “ไม่ยักรู้ว่าเพื่อนกันเขาต้องถึงเนื้อถึงตัวกันขนาดนี้นะครับ คุณคีรี”


               ปาลหาเรื่อง เขาจ้องมองคีรีก่อนจะดึงแขนกวินตราให้ออกห่างมาคุยกับเขา


               “วินนี่ คุณควรจะเลิกคบกับไอ้หมอนี่ เขาอันตรายกว่าที่คุณคิด”


               เอ่ยเตือนด้วยความหวังดีเพราะเช่นไรปาลก็ยังไม่อยากเห็นกวินตราได้รับอันตราย เพียงแต่เขาไม่สามารถเอ่ยได้ว่าคีรีนั้นทำ

อะไรมาบ้าง หากแต่กวินตรากลับแปลความหมายไปอีกทาง หล่อนยิ้มเยาะพลางสะบัดแขนหนี


               “เกิดจะหวงก้างขึ้นมาหรือไงคะปาล”


               “วินนี่!”


               “วินนี่ไม่ใช่คนที่จะต้องมาคอยรอเวลาว่างที่คุณจะมาให้ทาน”


               “คุณหมายความว่ายังไง” กัดฟันกรอดขณะเค้นเสียงถาม กวินตรายักไหล่อย่างไม่แยแส


               “ก็ถ้าคุณต้องการความชัดเจน วินนี่ก็จะพูดว่า เราจบกันได้แล้วค่ะปาล วินนี่ไม่มีคำว่าโอกาสจะแบ่งปันคุณอีกแล้ว”


               “แต่วินนี่” ปาลขึ้นเสียง “ที่ผมห้ามเพราะเป็นห่วงคุณนะ”


               “เก็บความห่วงใยของคุณไว้เถอะค่ะ วินนี่โตพอจะดูแลตัวเองได้ ลาก่อนค่ะปาล บาย”


               กวินตราหันหลังกลับและก้าวเดินโดยไม่สนใจปาลอีก คีรีที่ยังยืนนิ่งมองมายังเขาด้วยความเฉยชา มันเฉยชาเสียจนปาลนึก

หวั่น เขาได้แต่มองรถยนต์ที่คีรีพากวินตราแล่นจากไป ความรู้สึกตอนนี้มีปะปนทั้งความเจ็บปวดและความเสียหน้าที่ถูกกวินตราเอ่ยปาก

เลิกรา มันทำให้ปาลตัดสินใจพาตัวเองไปยังผับประจำที่เขามาบ่อยๆ เพราะรู้ดีว่าเขาคงไม่อาจข่มตาให้หลับได้อย่างแน่นอน






               เสียงกริ่งประตูหน้าห้องพักทำให้เวทิศเงยหน้าจากกองหนังสือ อีกไม่นานมหาวิทยาลัยก็จะเปิดการศึกษาแล้ว เขาต้องเริ่มทำ

แผนการสอนและข้อมูลต่างๆ


               “ใครมาวะดึกขนาดนี้”


               เดินไปที่ประตูเพื่อเปิดมันออก และทันทีที่ประตูเปิดกว้างร่างสูงที่มีแต่กลิ่นแอลกอฮอล์ก็โถมเข้ามาจนเวทิศแทบจะรับไว้

ไม่ทัน


               “เกิดอะไรขึ้น ผู้กอง!”


              TBC
              :really2: :really2:                
               
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 20 Anubis Lord of the Death [23/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-09-2016 16:31:38
หวังว่าคีรีจะยังไม่ไหวตัวทันหรอกนะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 20 Anubis Lord of the Death [23/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: KnightDevil ที่ 23-09-2016 17:32:16
คนอื่นโฟกัสหมอคีรี ทำไมเราโฟกัสให้เวทิศกับปาลได้กัน :-[

รอลุ้นตอนต่อไปค่ะขอให้จัดการเนรูตัวร้ายได้เร็วๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 20 Anubis Lord of the Death [23/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 23-09-2016 18:05:30
ปาลโชคดีแล้วรู้ตัวไว้ซะ
ได้เวลาลุ้นเวทิศให้เสียตัว
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 20 Anubis Lord of the Death [23/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-09-2016 18:33:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 20 Anubis Lord of the Death [23/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 23-09-2016 18:46:01
สนุกกก ลุ้นทุกตอนว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เรื่องอังของท่านเทพก็ยังไม่กระจ่าง มีแค่วิธีนั้นวิธีเดียวจริงๆรึเปล่า ไหนจะผู้กองกับทิศ ตามติดมากบอกเลย  o13
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 20 Anubis Lord of the Death [23/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 23-09-2016 18:58:26
หวานกันจริ๊งง  :-[
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 20 Anubis Lord of the Death [23/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 23-09-2016 20:01:32
ผู้หญิงแบบนี้มันมีอะไรให้น่าห่วงวะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 20 Anubis Lord of the Death [23/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 23-09-2016 22:27:56
หมอคีรีคะ   หัวใจหญิงสาวแร่ดๆ ร่านๆก็ไม่เลวนะคะ  อุ๊บส์ ขออภัยค่า
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 20 Anubis Lord of the Death [23/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-09-2016 22:36:25
เวทิศกับปาลจะยังไงต่อออออจะ :oo1: :oo1: :oo1: กันหรือเปล่า :hao6: :hao6:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 20 Anubis Lord of the Death [23/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 23-09-2016 22:47:51
ผู้กองไม่ต้องร้องมาให้เวทิศปลอบใจมา โอ๋ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 20 Anubis Lord of the Death [23/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 23-09-2016 23:10:56
ได้มั้ยละ 5555
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 20 Anubis Lord of the Death [23/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sanri ที่ 24-09-2016 00:02:36
ยกแขนชูป้ายปาลกับเวทิศรัวๆเลย ขอให้ 2 คนนี้ได้กันๆ  :hao6:
อีนางวินนี่ไม่รู้ว่าจะสงสารนางดีหรือสมเพศดีเนี่ย  :hao4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 20 Anubis Lord of the Death [23/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-09-2016 00:08:01
คู่หลักก็หวานละมุน ส่วนคู่รองยังไม่เคลียร์
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 20 Anubis Lord of the Death [23/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 24-09-2016 08:28:57
คีรีนี่เลวเหมาะสมกับเนรูจริงๆ 555

เอ๊ะ คู่รองจะมีการปลุกปล้ำกันรึเปล่านะ >.<
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 20 Anubis Lord of the Death [23/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 24-09-2016 09:28:51
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 20 Anubis Lord of the Death [23/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 24-09-2016 10:57:07
 :hao7:   งานนี้ผู้กองได้เมียใหม่แล้วววววว   :mc4:    นอนรอฉากหัวเตียงสั่นเลยจร้าาาา


ปล. วินนี่เอ๊ยยย เป็นผีเสื้อดีๆไม่ชอบ  ชอบเป็นแมงเม่าหรอลูก  ตายห่ามาอย่าโทษใครนะโทษตัวเองเลยจร้า
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 20 Anubis Lord of the Death [23/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 24-09-2016 11:03:43
 :katai1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 20 Anubis Lord of the Death [23/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 24-09-2016 12:49:44
เริ่มจับทางถูก แชร์ข้อมูลกันก็ดี แต่จะทำยังไงล่ะเนี่ย เฮ้อ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 20 Anubis Lord of the Death [23/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 24-09-2016 16:05:10
ผู้กองจะทำอารายยยย คึคึ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 20 Anubis Lord of the Death [23/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ryu7801 ที่ 24-09-2016 16:27:13
รอตอนต่อไปค่ะ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 20 Anubis Lord of the Death [23/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 24-09-2016 22:04:07
 :impress2: งานนี้ผู้กองกับเวทิศมีเฮแหละ  :mew4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 20 Anubis Lord of the Death [23/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: darkside8 ที่ 25-09-2016 09:23:13
 :hao6: :hao6: :hao6:

แทบจะรอตอนต่อไปไม่ไหวแล้ว
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 20 Anubis Lord of the Death [23/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: meyj4ever ที่ 25-09-2016 22:37:23
น้องเวทิศปลอบใจผู้กองหน่อยเร็ว
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 20 Anubis Lord of the Death [23/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 26-09-2016 11:28:57
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 21 Anubis Lord of the Death [28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 28-09-2016 00:03:13

                                           อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                       บทที่ 21

                                      Anubis Lord of the Death


                 กลิ่นกายจากร่างสูงที่โถมเข้าใส่อบอวลไปด้วยความฉุนของเหล้าและบุหรี่เต็มคราบ ใบหน้าที่ซบลงมาบนบ่าก็ดูเลื่อนลอย

ไม่เป็นผู้คนเมื่อเวทิศพยายามผลักให้ปาลออกห่างแต่ก็ไม่สำเร็จ


               “ไอ้ผู้กอง ไอ้ขวดเหล้าเดินได้ ปล่อยกูเลยเหม็นชิบหาย แดกเข้าไปได้ไงขนาดนี้”


               “อย่าดุนักสิ กลัวแล้วคร้าบ”


               เสียงอ้อแอ้ดังออกมาจากปากฟังแทบไม่รู้เรื่อง ดวงตาของเวทิศแดงก่ำไปด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์ที่เขานั่งดื่มเพียงคน

เดียวจนกระทั่งผับปิด เจ็บใจที่ถูกกวินตราเอ่ยปากของเลิกประกอบกับความเหงาทำให้ปาลไม่อาจกลับไปนอนคนเดียวที่บ้านของเขาได้

แต่ก็แปลกที่แม้แต่ในช่วงเมามายกลับมีเพียงเวทิศเท่านั้นที่เขานึกถึงและพาตัวเองมาถึงที่พักของเวทิศได้อย่างปลอดภัยโดยไม่เกิด

อุบัติเหตุขึ้นเสียก่อน


                 “อุตส่าห์มาหาด้วยความคิดถึง ยิ้มรับหน่อยก็ไม่ได้”


                 “ยิ้มเหี้ยอะไร ใครจะยิ้มออกวะมาสภาพแบบนี้”


                 เวทิศส่งเสียงโล้งเล้ง เขาพยายามเบือนหน้าหนีเพราะไม่ชอบกลิ่นเหล้าและบุหรี่ แต่ฝ่ามือที่ยึดลำตัวของเขาไว้ก็ไม่ปล่อย

ให้เวทิศทำได้อย่างใจคิด นึกโมโหจนต้องกลั้นลมหายใจแล้วหันไปมองหน้าปาล ร่องรอยความรู้สึกที่ยังฉายชัดอยู่บนใบหน้านายตำรวจ

หนุ่มทำให้เวทิศพอจะเดาออกว่าทำไมปาลถึงได้กระหน่ำดื่มเหล้าเสียขนาดนี้ และสิ่งที่เขาคิดนั้นสร้างความเจ็บแปลบจนนึกอยากจะก่น

ด่าตัวเองที่รู้สึกเช่นนั้น


                “เฮอะ ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าถูกผู้หญิงเทมาล่ะสิ ก็ดูทำตัวเข้า สมควรแล้วที่เขาทิ้ง”


                “เวทิศ!”


                คำพูดของเวทิศยิ่งตอกย้ำให้ปาลเดือดเพราะความเสียหน้า ความเป็นผู้ชายแท้ๆที่เกลียดการถูกหยามศักดิ์ศรีทำให้เขา

กระชากต้นแขนของเวทิศเข้าหาตัวพร้อมกับบีบแน่นจนเวทิศหน้าเสีย


                 “ปล่อยนะผู้กอง ผมเจ็บนะโว้ย”


               “ด่าอีกสิ แน่จริงก็ด่ามาอีกไอ้คนปากเสีย”


                เสียงตะคอกของปาลทำให้เวทิศยิ่งน้อยใจเพิ่มขึ้นมาอีกความรู้สึกหนึ่ง ที่ปาลโมโหเช่นนี้ก็คงเพราะรักกวินตรามาก มากจน

แตะต้องไม่ได้


              “เออ ไอ้คนนิสัยไม่ดี ใจร้อน ขี้โมโหขี้วีนขี้เหวี่ยง ขี้เมาเอาแต่ใจ ใครจะไปทนอยู่ด้วยได้วะ สมน้ำหน้าที่ถูกทิ้ง อุ๊บ!”


                โดยไม่ทันตั้งตัวสักนิดเวทิศก็ต้องตกใจเมื่อร่างของเขาถูกผลักจนหงายหลังลงไปกับพื้นห้อง ศีรษะกระแทกพื้นแม้จะไม่แรง

นักแต่เขาก็มึนไปหมด และเขาก็ต้องตกใจมากขึ้นไปอีกเพราะปาลทิ้งกายหนักลงมาทับอยู่บนร่างของเขา แขนทั้งสองถูกตรึงไว้เหนือหัว

บนพื้นเย็นๆ เวทิศมองเห็นเพียงใบหน้าของปาลที่ก้มลงมาจนกระทั่งมันปิดปากช่างต่อว่าของเขาไว้จนไม่อาจเอื้อนเอ่ยอะไรได้อีก


                “อึก อื้อ...”


                 กลิ่นแอลกอฮอลล์และนิโคตินระเหยออกมาจากปลายลิ้นที่ฉวยโอกาสฉกเข้ามาในโพรงปากของเวทิศราวกับงูร้าย มันทำ

ให้เวทิศมึนงงไปพร้อมรสจูบหนักหน่วงที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน ลิ้นลื่นนั้นตวัดอย่างช่ำชองจนเวทิศตกใจ รสจูบของปาลดึงสติ

สัมปชัญญะทั้งหมดของเวทิศจนหมดแรงต้านทาน มือทั้งสองที่พยายามดิ้นรนจึงค่อยๆหยุดนิ่งตกแนบไปกับพื้นจนกระทั่งปาลไม่จำเป็น

ต้องยึดมันไว้อีกต่อไป

                 เวทิศได้ยินเสียงเสื้อยืดตัวเก่าแสนย้วยและกางเกงขาสั้นที่เขาใช้ใส่นอนถูกฉีกขาดอย่างง่ายดาย นึกเจ็บใจที่เขาขาดความ

ระมัดระวังป้องกัน ก็ใครจะนึกว่าจะถูกรุกรานแบบนี้ในห้องพักของตัวเองกันเล่า และยิ่งเจ็บใจมากขึ้นที่ตนเองนั้นไร้เรี่ยวแรงจะต่อสู้ คน

อย่างเวทิศสนใจการออกกำลังกายเสียเมื่อไหร่ จะมีแรงที่ไหนไปสู้กับนายตำรวจที่ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างปาล แถมยังได้ฤทธิ์

เหล้าเข้าไปช่วยเสริมทำให้ตอนนี้ปาลก็เหมือนกระทิงเปลี่ยวที่กำลังกลัดมัน

                     เสียงที่ได้ยินตามมาคือเสียงรูดซิปกางเกงยีนส์ของปาล มันสร้างความหวาดหวั่นให้กับเวทิศเมื่อเดาได้ว่าจุดประสงค์ของ

ปาลคืออะไร เวทิศเบิกตาโตเมื่อปาลไม่สนใจจะถอดยีนส์ตัวนั้นออกให้หมดด้วยซ้ำ เขาทำเพียงงัดความเป็นชายอันแข็งแกร่งออกมา

ภายนอกและจับท่อนขาของเวทิศให้ยกสูง เวทิศเค้นแรงผลักไหล่ของปาลออกได้เพียงให้ริมฝีปากผละออกจากกัน ปากของเขาสั่นระริก

ยามเอ่ยห้ามปาล


                  “อย่านะผู้กอง ผมไม่...”


                  อึก!


                  เสียงห้ามเงียบดับไปทันทีเมื่อปาลชำแรกความเป็นชายเข้ามาในร่างกายของเวทิศ ความเจ็บปวดเมื่อกล้ามเนื้อปริแยกจาก

กันทำให้เขาร้องไม่ออก มันเป็นความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตจนเขาไม่อาจประมาณได้เวทิศเกร็งกายอ้าปากค้าง เหงื่อไหลซึมไปทั่วทุกอณู

ขุมขนแม้ว่าเขาจะเปิดเครื่องปรับอากาศไว้เย็นฉ่ำ

                  ความคับแน่นรัดรึงจากช่องทางที่ไม่ได้ผ่านการเตรียมตัวและปฏิกิริยาตอบโต้ของเวทิศดึงสติกลับคืนมาสู่ปาลได้จนเกือบ

จะหายเมา เขาชะงักงันและสบถออกมาขณะประสานสายตากับดวงตาที่ยังเบิกกว้างอย่างตกตะลึงเมื่อเขาดันกายเข้าไปทีเดียวเสียเกิน

ครึ่ง ช่องทางของเวทิศร้อนระอุและบีบคั้นจนเขาอึดอัด แม้จะพอมีสติขึ้นมาบ้างแต่ความต้องการของปาลกลับไม่ได้ลดลงเลย หากแต่

เขาก็นึกสงสารเวทิศกับความเจ็บปวดที่ปาลรู้ว่ามันเป็นครั้งแรกของเวทิศแน่ๆ


                 “เวทิศ ใจเย็นนะ”


                    ปาลเอ่ยปลอบขณะหยุดพักและใช้ท่อนแขนเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของเวทิศ ความเจ็บปวดที่พอจะคลายลงบ้างทำให้เวทิศก

ลับคืนมาสู่ความจริง เวทิศผงกหัวขึ้นมามองปาลอย่างเจ็บใจ


                  “ไอ้เหี้ยผู้กอง เอาของมึงออกไป”


                  ยกมือผลักไสแต่หากถูกรวบไว้ด้วยมือสากของปาลที่บัดนี้มองเขาอย่างอ่อนโยนกว่าที่เคยมอง


                  “ผมขอโทษ ผมเสียใจ แต่มันล่วงเลยมาขนาดนี้แล้ว อย่าให้เรื่องทั้งหมดมันสูญเสียไปเปล่าๆเลยนะ”


                   “จะทำอะไรอีกไอ้ผู้กอง อ๊ะ!”


                  อีกครั้งที่เวทิศเสียท่า ปาลก้มหน้ามาช่วงชิงกลีบปากของเขาได้อีก แต่คราวนี้มันไม่ได้หนักหน่วงรุนแรงเหมือนจูบแรก ทว่า

มันกลับเรียกร้องและทำให้เวทิศสติหลุดเสียยิ่งกว่า มือสากร้อนผ่าวแตะต้องไปตามเนื้อตัวบางเบาสลับบีบเค้นจนสมองของเวทิศหลงลืม

ไปสิ้นทุกสิ่งอย่าง และไม่เหลือเรี่ยวแรงจะห้ามปรามยามร่างกายทั้งสองขยับประสานลึกล้ำจนสุดทาง

                      เวทิศปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้เขากำลังเตลิดไปกับการกระทำของปาลอย่างแท้จริง มันเป็นความแปลกใหม่ที่คนคงแก่เรียน

อย่างเขาไม่เคยรู้จัก ปาลกำลังสอนให้เขาได้รับรู้อีกประสบการณ์หนึ่งของชีวิตเมื่อตอนนี้ร่างกายของเขาตกเป็นของปาลโดยสิ้นเชิง เวทิ

ศผวาทุกครั้งยามปลายลิ้นอุ่นแตะต้องไปตามเนื้อตัวและยามที่ปาลขยับกายขับเคลื่อนอยู่ในช่องทางของเขาที่เปิดทางตอบรับในที่สุด


                    “อา...เวทิศ อีกนิดนะ”


                    “ผู้กอง อื้อ เบาๆ ผม โอย”


                   เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางปาลก็กลายเป็นผู้นำ เขาทั้งปลุกปลอบและรุกเร้าพาให้เวทิศตามติดไปกับความสัมพันธ์ที่แสน

ลึกซึ้ง เวทิศมีสติรับรู้ทุกอย่างแต่ก็ไม่อาจห้ามใจไม่ให้ตกหลุมของปาลได้ ร่างกายของเวทิศตื่นไปกับสิ่งที่ปาลกำลังกระทำอยู่


                 “ผู้กอง ผมไม่ไหวแล้ว”


                  สองแขนที่สอดไปรอบบ่ากว้างกระชับเบียดแนบแน่นเมื่อเวทิศสั่นไปทั้งตัว ปาลกัดฟันรับความตอดถี่ของผนังโดยรอบที่กด

รัดจนเขาเองก็แทบจะทนไม่ไหว ปาลโอบกอดเวทิศไว้และช้อนกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ออกแรงช่วงสุดท้ายได้อย่างเต็มที่ เสียงหอบ

หายใจกระเส่าร้อนรุมเป่ารดกันอยู่ข้างแก้มเมื่อร่างกายเบียดอัดกันจนไม่เหลือช่องว่าง


                 “พร้อมกันนะเวทิศ”


                  ไม่รู้ตัวเลยว่าเสียงของตัวเองนั้นหวานกว่าที่เคย ปาลออกแรงโยกรั้งอยู่ในร่างกายของเวทิศบนพื้นห้องแข็งกระด้าง หาก

แต่มันไม่เป็นอุปสรรคสักนิด เขาปรนเปรอเวทิศด้วยจูบอีกครั้งก่อนที่เขาจะชักนำเวทิศให้รู้จักกับความสุขที่ไม่เคยพบพานจนกระทั่งทิ้ง

กายซบลงไปด้วยกันอย่างหมดแรง

                      ความเหน็ดเหนื่อยและปวดร้าวมาเยือนร่างกายของเวทิศ เขาหอบหนักจนตัวโยนแม้แต่ตอนที่ปาลถอนกายออกอย่าง

นุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ถึงกระนั้นเวทิศก็ยังต้องนิ่วหน้า เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นเวทิศจึงกลับมาเป็นตัวตนของเขาอีกครั้ง ชายหนุ่มที่

เพิ่งจะหายเหนื่อยกำหมัดแน่นและต่อยเข้าที่โหนกแก้มของปาลดังเปรี้ยง

                      ปาลหน้าหันไปตามแรงหมัด มันไม่ได้รุนแรงนักหากแต่ก็เรียกความรับรู้ผิดชอบชั่วดีกลับคืนมาได้ เขาหันกลับมาเผชิญ

หน้ากับเวทิศที่มองเขาด้วยความเจ็บใจ ปาลหายเมาเป็นปลิดทิ้งใบหน้าของเขาสลดลงอย่างเห็นได้ชัด


                   “เวทิศ ผมขอโทษ”


                    เวทิศผลักบ่ากว้างออกให้พ้นตัวก่อนกระเสือกกระสนลุกขึ้นนั่ง ดวงตาของเขาแดงก่ำไปด้วยความโกรธและเจ็บใจ ความ

สูญเสียทางกายยังไม่เท่าที่สูญเสียทางใจเมื่อเขารู้ดีว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะปาลเมาไม่ใช่เพราะความต้องการด้วยใจอย่าง

แท้จริง นี่ต่างหากที่ทำให้เขาเสียใจ


                   “ไปให้พ้นหน้าผมไอ้ผู้กอง”


                   “แต่เราเพิ่งจะ...”


                    “ช่างแม่ง”


                    เวทิศสบถออกมาพร้อมเบือนหน้าหนี มันทำให้ปาลสำนึกผิดและสงสารเวทิศที่ต้องตกเป็นเครื่องมือระบายอารมณ์ของ

เขา  แต่ปาลก็อดยอมรับกับตัวเองไม่ได้ว่าสิ่งที่เพิ่งจะจบลงไปมันทำให้เขารู้สึกดีกับเวทิศอย่างน่าแปลกใจ


                  “ผมควรจะรับผิดชอบ”


                “โว้ย ผมไม่ใช่เด็กอายุสิบห้า”


                  เวทิศโวย เขายกเท้าถีบเข้าที่สีข้างของปาลก่อนจะร้องโอดโอยเพราะเจ็บบั้นท้าย ปาลรีบฉวยโอกาสนั้นพุ่งเข้ารวบตัวของ

เวทิศแล้วดึงเข้ามากอด เวทิศพยายามขัดขืนแต่เมื่ออ้อมกอดนั้นอ่อนโยนกว่าที่คิดทำให้เวทิศยอมสงบลงแต่ก็ยังฮึดฮัดอยู่ในอ้อมกอด

นั่น


                  “ยกโทษให้ผมนะ”


                  “ง่ายไปผู้กอง ผมไม่ใช่เครื่องมือบำบัดความใคร่ ระบายความเศร้าของใคร”


                   เวทิศค่อนขอด เขาผลักหน้าของปาลที่ก้มต่ำมาหาเขา ความคิดที่ว่าปาลอกหักแล้วมาลงกับเขายังวนเวียนอยู่ในสมองจน

ไม่อาจมองเป็นอย่างอื่น


                  “ตอนแรกก็คิดอย่างนั้นนะ” ปาลสารภาพ “แต่เมื่อมันจบลงผมโคตรรู้สึกดีกับคุณเลย คุณไม่คิดแบบผมเลยสักนิดเหรอ”


                 เวทิศเม้มปากแน่น จะให้บอกได้อย่างไรว่าเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน หากปาลมีความสัมพันธ์กับเขาโดยไม่มีเรื่องกวินตราเข้า

มาเกี่ยวข้อง เวทิศอาจจะมีความสุขทั้งกายและใจมากกว่านี้

                เวทิศตกใจตัวเอง

               คำตอบที่ก้องอยู่ในหัวมันจะเป็นประการใดไม่ได้นอกจากว่าเขาจะตกหลุมรักปาลเข้าเสียแล้ว


              “ถ้ามึงอยากรู้อยากเข้าใจ ก็ลองมีความรักดูสิ”


               คำท้าทายของอาศิรก้องขึ้นมาฉับพลัน หัวใจของเวทิศเต้นรัวขึ้นมาทันควันเมื่อจำเป็นต้องยอมรับ

                เขารักปาล



มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 21 Anubis Lord of the Death [28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 28-09-2016 00:14:02


ต่อกันตรงนี้...



                     ชายหนุ่มที่กำลังกอดเขาไว้อยู่บนพื้นห้องและสบตากับเขาด้วยนัยน์ตาที่เวทิศไม่กล้าคาดเดา


                     “ผมเลิกกับวินนี่แล้ว”


                     เวทิศกรอกตาไปมา หัวใจเต้นตึกตัก


                     “แล้วบอกผมทำไม เลิกกับแฟนก็เรื่องของคุณสิ”


                      “อันที่จริงก็ไม่เจ็บอย่างที่คิดนะ” ดูเหมือนปาลจะไม่รับฟังความเห็นของเวทิศเลย “ก็แค่เสียหน้ามากกว่าที่ถูกเขาชิ่ง

แล้วก็แค่เป็นห่วงความปลอดภัยเพราะเห็นเขาไปกับหมอคีรีแค่นั้น”


                  ปาลรั้งให้เวทิศซบหน้าไปกับแผงอกแน่นกล้ามของเขา หูของเวทิศแนบไปกับหน้าอกจนได้ยินเสียงหัวใจของปาล ทำให้

เวทิศไม่กล้าขยับหนี


                   “แปลกนะ เวลาที่ไม่มีใครอยู่ข้างๆ คนแรกที่ผมคิดถึงคือคุณ”


                   ปาลก้มลงจูบกลางกระหม่อมของเวทิศ เขาสูดกลิ่นหอมของยาสระผมผู้ชายยี่ห้อหนึ่งเข้าไปเต็มปอด


                   “ไหนๆเรื่องมันก็เกินเลยมาขนาดนี้ ทำไมเราไม่ถือโอกาสลองคบกันดูล่ะ”


                     “อะไรนะ!”


                     เวทิศอุทานอย่างตกใจ เขายกศีรษะขึ้นมากะทันหันจนไปชนกับคางของปาล เวทิศไม่สนใจที่ปาลสูดปากดังลั่น เขาใช้

มือทั้งสองวางประกบไปบนกรอบหน้าของปาลแล้วเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อหู


                “คุณบอกว่าเราคบกัน แบบไหน แบบแฟนอะเหรอ”


                   “ใช่” ปาลตอบรับ “ผมไม่อยากเสียความรู้สึกดีๆที่ได้อยู่ใกล้คุณ ถึงแม้ตอนแรกที่รู้จักจะหมั่นไส้คุณมากก็เหอะ ว่าไงครับ

เวทิศ จะลองเป็นแฟนกันไหม กล้าหรือเปล่า”


                     “ท้าเหรอ”


                   เวทิศสบตากับนัยน์ตาท้าทายคู่นั้น หากแต่มันทำให้เขาเบิกบานขึ้นมาจนแทบจะระงับอาการไว้ไม่อยู่ เขาก้มหน้ากลั้นรอย

ยิ้มไว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเมื่อเก็บอาการได้แล้ว


                  “ถ้าไม่กลัวโดนผมเทจะลองดูก็ได้”


                  ปาลหัวเราะ ความรู้สึกหมองหม่นหายไปเป็นปลิดทิ้ง อย่างน้อยก็ยังมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นในชีวิตของเขาบ้าง


                  “ตกลง ต่อจากนี้เราจะคบกันเป็นแฟนนะ” ปาลย้ำให้เวทิศหน้าแดงเล่น “ถ้างั้น คุณแฟนครับ ยังเจ็บอยู่ไหม ขอผมดูหน่อย

นะ”


                  “ไอ้ผู้กองบ้า จะหลอกแหกตูดผมอีกล่ะสิ”


                    เวทิศหน้าง้ำแต่ปาลก็ยังตื๊อไม่เลิก


                   “ไม่ปล้ำแล้วน่า หมดแรงแล้ว แค่จะดูสภาพให้ นอนคว่ำลงเดี๋ยวนี้”


                   ใช้ความเชี่ยวชาญในการจับคนร้ายมาจับเวทิศให้นอนคว่ำหน้าไปกับพื้นและแหวกทางมองสภาพที่ตนเองเป็นคนก่อเรื่อง

ปาลเห็นรอยแผลซิบๆอยู่รอบทางเข้าก็นึกสงสารเวทิศ


                   “ขอโทษอีกทีที่ทำให้คุณเจ็บ มียาอะไรมาทาไหม”


                  “จะบ้าเรอะ จะเอายาอะไรมาทารอบรูตูดวะ มันไม่ยิ่งแสบมากขึ้นหรือไง”


                    “นั่นสินะ” ปาลกรอกตาใช้ความคิดเพื่อหาทางปฐมพยาบาลคนรักหมาดๆของเขา


                    “หาอะไรเย็นๆมาประคบก็น่าจะดีขึ้น เอางี้ เดี๋ยวผมพาคุณไปอาบน้ำแล้วหาน้ำแข็งมาประคบให้ดีกว่า”


                  ปาลไม่รอคำอนุญาต เขาลุกขึ้นยืนและโอบเอวเวทิศขึ้นพาดบ่าเหมือนแบกกระสอบข้าวสารจนเวทิศตกใจ


                   “เฮ้ย ทำอะไรผู้กอง เดี๋ยวผมก็ร่วงพื้นหรอก”


                  “ก็อยู่นิ่งๆสิ อย่าดิ้น บอกให้ทำอะไรก็เชื่อกันบ้างเหอะ”


                   ปาลยกมือฟาดเผียะไปที่ก้นของเวทิศอย่างมันเขี้ยวก่อนจะก้าวไปยังห้องน้ำ เวทิศที่ถูกอุ้มพาดบ่าจึงทำได้เพียงหยุดดิ้นรน

และอยู่นิ่งเพราะกลัวตก เขาแอบอมยิ้มโดยไม่ให้ปาลเห็น

                   บางทีเรื่องร้ายๆอาจนำมาซึ่งเรื่องดีเกินกว่าจะคาดคิด

                    อย่างเช่นตอนนี้ที่เวทิศปล่อยให้ปาลดูแลเขาเพื่อลบความรู้สึกผิดออกไปจากใจ ทั้งที่ความจริงแล้วเวทิศเลิกโกรธตั้งแต่

ตอนที่ปาลขอคบกับเขาเป็นคนรักนั่นแหละ



           TBC

                  :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 21 Anubis Lord of the Death [28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 28-09-2016 00:42:32
 :hao7:   กรี๊สสส  เขาได้กันแล้ว  เขาคบกันแล้ว  มันดีแก่ใจจริงๆ 

ผู้กองงงง มาแรงมาตอนเดียวปิดจ๊อบ  :hao6:  ทำเอาพ่อหมีพูของเราเป็นเทพกิ๊กก๊อกไปเลย 
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 21 Anubis Lord of the Death [28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 28-09-2016 01:05:35
ชอบความง่ายแบบนี้ ฮ่าๆๆๆ
เวทิศน่ารักกกกก  :hao6:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 21 Anubis Lord of the Death [28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 28-09-2016 01:38:30
มาเร็ว เคลมเร็ว 555
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 21 Anubis Lord of the Death [28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-09-2016 08:35:15
เป็นแฟนกันแล้ววววว :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 21 Anubis Lord of the Death [28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Nam-Ing ที่ 28-09-2016 08:53:01
ชอบคู่เน้ๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 21 Anubis Lord of the Death [28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 28-09-2016 09:04:26
ได้เสียกันจนได้อิอิ :laugh:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 21 Anubis Lord of the Death [28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-09-2016 09:10:51
 :katai2-1:   อู้ย สารวัตรเคลมเร็ว เก็บหลักฐานเรียบร้อยค่ะ......มัดตัวเรียบร้อยเอาเข้ากรงขังในหัวใจได้เลย
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 21 Anubis Lord of the Death [28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 28-09-2016 14:20:53
คุณตำรวจปิดจ๊อบได้ไวมาก

ทีนี้เวทิศก็ได้มีฝามีสะที อิอิ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 21 Anubis Lord of the Death [28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-09-2016 14:45:13
มันดีต่อใจจริงๆ >.<
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 21 Anubis Lord of the Death [28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: rainees0011 ที่ 28-09-2016 17:59:04
รอๆต่อไปนร้าาาาาาา :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 21 Anubis Lord of the Death [28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 28-09-2016 18:14:56
ไวเว่อร์  :hao7:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 21 Anubis Lord of the Death [28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 28-09-2016 20:19:49
 :-[ ผู้คบกันเราก็ดีใจ แมนๆ นอนคุยกัน
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 21 Anubis Lord of the Death [28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 28-09-2016 20:36:59
จ้าาาาา
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 21 Anubis Lord of the Death [28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 28-09-2016 23:10:27
 :mc4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 21 Anubis Lord of the Death [28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: KnightDevil ที่ 29-09-2016 07:35:44
แอร๊ยยย เขาได้กันๆ ฮือ สมหวังสักทีนะเวทิศ :mew1:

รอคอยตอนต่อไปค่ะจะกำจัดเนรูกับคีรีได้ม้ายยย
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 21 Anubis Lord of the Death [28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 29-09-2016 19:16:33
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 21 Anubis Lord of the Death [28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: meyj4ever ที่ 29-09-2016 19:43:16
น้องเวทิศเรียบร้อยโรงเรียนผู้กองไปซะแล้ว~
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 21 Anubis Lord of the Death [28/9/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-09-2016 19:50:33
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 22 Anubis Lord of the Death [05/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 05-10-2016 00:18:10


                                                         อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                                    บทที่ 22

                                                      Anubis Lord of the Death


               รถยนต์คันคุ้นตาค่อยๆจอดสนิทอยู่ริมถนนหน้าห้องแถวสองคูหาที่ชาลินีกำลังช่วยมารดาจัดร้านอยู่ในช่วงเช้าที่เป็นวันหยุด

ของเธอ ทันทีที่เห็นเจ้าของรถก้าวลงและเดินตรงเข้ามาทางหน้าร้านชาลินีก็ทำหน้าบึ้งทันทีตรงกันข้ามกับแม่ของหญิงสาวที่ยิ้มจนหน้า

บานเป็นกระด้ง


               “อ้าว คุณหมอ วันนี้มาแต่เช้า น้ายังจัดโต๊ะไม่เสร็จเลยค่ะ”


               “ไม่เป็นไรค่ะคุณน้า หนูรอได้”


               กับผู้อาวุโสกว่าใจภักดิ์อ่อนน้อมเสมอ หญิงสาวยกมือไหว้แม่ของชาลินีโดยไม่ถือว่าตนเองเป็นถือแพทย์ของกรมตำรวจและ

กล่าวทักทายอย่างสนิทสนม สายตาเอ็นดูที่มารดามีให้ลูกค้าคนแรกจึงทำให้ชาลินีหมั่นไส้จนแอบเบ้ปากตามหลังเมื่อใจภักดิ์เดินผ่านไป

นั่งที่โต๊ะตัวหนึ่ง


               “อ้าว น้ำชา แล้วจะยืนทำหน้างอเป็นจวักอยู่ทำไม หาน้ำให้คุณหมอเข้าสิ คุณหมอจะรับเมนูเดิมใช่ไหมคะ น้าจัดของเสร็จจะ

ได้ทำให้”


               ใจภักดิ์กล่าวตอบรับแต่สายตาของเธอกลับจับจ้องแต่หญิงสาวร่างเล็กที่อยู่ในชุดลำลองผิดตาจากชุดพยาบาลที่เห็นเป็น

ประจำ ชาลินีเดินไปตักน้ำแข็งใส่แก้วแล้วจึงเดินหน้างอตรงเข้ามาที่โต๊ะของใจภักดิ์และกระแทกแก้วน้ำวางบนโต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์

แต่ชาลินีกลับต้องชะงักไม่สามารถจะหันหลังเดินหนีได้อย่างใจคิดเพราะใจภักดิ์ยื่นมือมากุมมือของเธอตั้งแต่ยังไม่ทันจะปล่อยจากแก้ว

น้ำด้วยซ้ำ ชาลินีขมวดคิ้วพลางมองใจภักดิ์อย่างไม่พอใจ


               “ปล่อย”


               “ไม่ปล่อย”


               “ฉันบอกให้ปล่อย”


               “อยากถูกแม่ดุเหรอน้ำชา”


               พูดขึ้นอย่างเป็นต่อ ชาลินีเม้มปากแน่นขณะหันไปมองมารดาที่กำลังเตรียมวัตถุดิบอยู่หน้าร้าน หญิงสาวจึงหันกลับมาตวัด

สายตาใส่ใจภักดิ์


               “มีอะไรก็พูดมา เร็วๆด้วยล่ะ”


               ใจภักดิ์นึกลิงโลดอยู่ในใจ หญิงสาวดึงมือของชาลินีออกจากแก้วน้ำที่เย็นเฉียบเพราะน้ำแข็ง ก่อนจะถือโอกาสกุมมือของ

ชาลินีไว้


               “ฉันอยากรู้ว่าฉันทำอะไรให้น้ำชาโกรธจนไม่ยอมมองหน้า ไม่ยอมพูดกับฉัน”


               นั่นสินะ

               ชาลินีถามใจตนเอง

               ในเมื่อตั้งแต่รู้จักกันใจภักดิ์ก็ดีกับเธอและครอบครัวของเธอมาตลอด อันที่จริงชาลินีควรจะขอบคุณใจภักดิ์ด้วยซ้ำที่เป็นแขก

ประจำแถมยังแนะนำคนอื่นๆให้มาที่ร้านอาหารตามสั่งของครอบครัว หากจะมีอะไรที่ทำให้ชาลินีไม่อยากพบหน้าใจภักดิ์ก็คงจะมีอยู่เรื่อง

เดียวก็คือ ใจภักดิ์มาทำให้หัวใจของชาลินีสั่นไหวเมื่อทั้งคู่อยู่ใกล้กัน

               แต่จะให้ตอบความจริงออกไปนั้นก็ช่างยากเย็นเกินกว่าจะทำได้ ความขัดเขินแล่นปราดเข้ามาจนใบหน้าของชาลินีแดงก่ำ

และต้องกลบเกลื่อนความอาจไว้ด้วยสีหน้าไม่พอใจ


               “จะเพราะอะไรมันก็เรื่องของฉันหมอไม่ต้องยุ่ง กินข้าวให้อิ่มแล้วก็รีบไปทำงานได้แล้ว”


               “วันนี้ฉันหยุด” ใจภักดิ์รีบเอยดักคอ “ฉันว่างพอที่จะรอคำตอบจากน้ำชา”


               “หมอ” ชาลินีกัดฟันพูด “จะทำแบบนี้เพื่ออะไร หมอมายุ่งมาตอแยกับฉันทำไม”


               “เพราะว่าฉันชอบน้ำชาไงล่ะ”


               ใจภักดิ์สวนกลับทันควัน แต่ตัวเองกลับสะดุ้งกับสิ่งที่หลุดออกมาจากปากโดยไม่ทันยั้งคิด แต่มันเป็นความรู้สึกแท้จริงที่ใจ

ภักดิ์ไม่อาจปฏิเสธได้ เธอได้แต่จ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มของชาลินีที่ตอนนี้แดงจนลามไปถึงใบหู


               “น้ำชา มายกข้าวไปเสิร์ฟให้คุณหมอได้แล้ว”


               เสียงมารดาดังลั่นเรียกสติให้กับคนที่ยืนจ้องตากันด้วยความสับสน ชาลินีเม้มปากแน่นพร้อมกับสะบัดมือของใจภักดิ์ให้หลุด

ออกจากมือของเธอ


               “เลิกมายุ่งกับชีวิตฉันสักทีเถอะ”


               “น้ำชา!”


               ชาลินีตัดสินใจก้าวหนีขึ้นบันไดไปชั้นบนโดยไม่สนใจเสียงของมารดาที่ร้องเรียกไว้อย่างนึกอายมารยาทของลูกสาว แต่ใจ

ภักดิ์กลับรีบลุกขึ้นยืนและกล่าวโดยเร็ว


               “คุณน้าคะ หนูขอขึ้นไปหาน้ำชาข้างบนนะคะ”


               “อ้าว เดี๋ยวสิหมอ แล้วข้าวล่ะ ไม่กินเหรอ หมอ”


               ใจภักดิ์รีบก้าวขึ้นบันไตตึกแถวตามหลังชาลินีไปอย่างไม่รอช้าจนกระทั่งถึงชั้นสามและใจภักดิ์มาทันที่จะยื้อยุดประตูไว้ไม่ให้

ชาลินีปิดใส่หน้าเธอ


               “น้ำชาอย่าทำอย่างนี้  มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน”


               “ฉันบอกหมอแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับฉัน”


               ใจภักดิ์สบตากับชาลินีผ่านช่องว่างของประตูอย่างไม่ยอมแพ้


               “น้ำชาหนีมาเพราะไม่ยอมรับความจริงใช่ไหมว่าจริงๆแล้วน้ำชาก็รู้สึกอย่างเดียวกับฉัน”


               “หมอ!”


               ชั่วเวลาที่ชาลินีถูกหมัดฮุคกระแทกเข้ากลางใจประตูก็ถูกผลักให้กว้างก่อนที่ใจภักดิ์จะแทรกกายเข้ามาได้ในที่สุด ใจภักดิ์กด

ล็อกที่ลูกบิดประตูและหันกลับมาเผชิญหน้ากับชาลินีที่ยังไม่เลิกอึ้ง


               “น้ำชา”


               เสียงของใจภักดิ์หวานกว่าเคยขณะยกมือไปกระชับต้นแขนของชาลินีไม่ให้หนีไปไหนได้อีก ดวงตาอ่อนโยนจ้องมองชาลินีที่

ยังสับสนไม่คลาย


               “ถ้าน้ำชาไม่ชอบฉันแล้วจะเดินหนีหลบหน้าแดงๆแบบนี้ทำไม”


               เลือดสาวในกายอุ่นจนพล่านไปหมด หัวใจของชาลินีก็ยิ่งเต้นเร็วจนกลัวจะหัวใจวาย นัยน์ตาคู่สวยที่จ้องมองทำให้ชาลินี

กระอักกระอ่วน จะสู้ตาก็ไม่กล้าจะหลบก็ไม่วายถูกมอง


               “จะบ้าหรือหมอ เราเป็นผู้หญิงเหมือนกัน”


               “แล้วชอบกันไม่ได้เหรอ” ใจภักดิ์สวนกลับทันทีเหมือนกัน “ผู้หญิงรักกันเยอะแยะไป หรือว่าน้ำชาอายที่จะชอบฉัน”


               ชาลินีสับสนเหลือเกิน อันที่จริงเธอก็มีเพื่อนที่คบกับเพศเดียวกันอยู่บ้างตั้งแต่เรียนพยาบาลที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง แต่ชาลินี

ไม่นึกว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง


               “ฉัน...”


               “หมอชอบฉันจริงเหรอ”


               อดไม่ได้ที่จะถามก่อนจะช้อนสายตามองอีกฝ่ายด้วยความไม่มั่นใจ ใจภักดิ์คลี่ยิ้มอ่อนหวานพลางเชยคางให้ชาลินีเงยหน้าขึ้น

มาประสานสายตา


               “คิดว่าที่เทียวมากินข้าวที่ร้าน เทียวรับเทียวส่งทั้งที่ที่ทำงานไปกันคนละทางนี่คืออะไรล่ะ ถ้าไม่เป็นเพราะอยากเจอน้ำชา

อยากเห็นหน้าอยากได้ยินเสียง”


               “...แต่ฉัน”


               คราวนี้ชาลินีเขินจัด แขนขาดูเกะกะไปหมดเมื่อเริ่มจะโกหกหัวใจตนเองไม่ได้อีกต่อไป


               “ฉันไม่เห็นจะมีอะไรดีเลย หน้าตาก็ไม่สวย ปากก็จัด นิสัยก็ไม่ดี หมอชอบเข้าไปได้ยังไง”


              “ก็ชอบไปแล้ว” ใจภักดิ์ถือโอกาสตวัดร่างนุ่มเข้ามากอดเต็มวงแขน “ให้โอกาสฉันนะน้ำชา ให้โอกาสเราได้เรียนรู้กัน อย่า

ผลักไสฉันไปไหนอีกเลย ฉันไม่อยากไปไหนไกลน้ำชา”


                จมูกโด่งเอียงจนได้องศา ใจภักดิ์ก้มหน้าลงไปฝังจมูกลงที่แก้มนุ่มอย่างจงใจผิดกับครั้งแรกในรถยนต์ที่เป็นอุบัติเหตุ หญิง

สาวบรรจงสูดกลิ่นหอมของแป้งเด็กเข้าไปเต็มปอดก่อนจะยอมผละออกอย่างเสียดายในขณะที่ชาลินีได้แต่ยืนตัวแข็งเป็นก้อนหิน


               “น้ำชา เป็นอะไร”


              คนถูกจูบได้สติกลับคืนมา ชาลินีอายจนอยากจะกระโดดตึกหนี หญิงสาวรีบผลักใจภักดิ์ให้ห่างออกไปทันที


              “หมอ มาจูบเขาทำไม”


             “ก็อยากจูบ น้ำชาอยากน่ารักทำไมล่ะ”


              ดวงตากลมโตของใจภักดิ์ดูแพรวพราวเป็นพิเศษ เธอยอมห่างออกมาเพราะไม่อยากรุกชาลินีมากไปกว่านี้ แค่เริ่มต้นชาลินีก็

เกือบจะเป็นลมเสียแล้ว


                 “พอแล้ว ไม่ต้องทำปากหวาน ลงไปข้างล่างเลย ข้าวที่แม่ทำให้เย็นหมดแล้วมั้ง”


                 “น้ำชา” เสียงนั้นทอดหวานจนใจยิ่งสั่น


                 “เรียกทำไมอีกล่ะหมอ”


                 “สรุปว่าน้ำชาให้ฉันจีบน้ำชาแล้วใช่ไหม”


                “โอ๊ย ยัยหมอบ้า” ชาลินีทั้งเขินทั้งเคือง “พูดจากวนไปวนมาอยู่นั่นแหละรีบลงไปข้างล่างเร็วๆเข้า”


                  ว่าแล้วก็รุนหลังให้อีกฝ่ายเดินออกไปจากห้อง ใจภักดิ์ได้แต่หัวเราะด้วยความสดชื่นที่ในที่สุดก็ปรับความเข้าใจกับชาลินีได้

สำเร็จและก็ยอมเดินตามเมื่อชาลินีลากแขนให้เดินลงบันไดไปยังชั้นล่างของตึกแถว




มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 22 Anubis Lord of the Death [05/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 05-10-2016 00:23:16


ต่อกันตรงนี้...



                หลังจากงานศพยายเสร็จสิ้นแม้จะไม่เต็มใจแต่อาศิรก็ต้องมาทำงานที่โรงพยาบาลของบิดาตามที่เซ็นสัญญาเข้าทำงานไป

แล้ว กำจรให้เขาเริ่มต้นงานเป็นแพทย์ประจำฝ่ายผู้ป่วยนอกที่ยังไม่ต้องรับผิดชอบมาก นัก ส่วนอนูบิสก็ติดตามเขามาที่โรงพยาบาลและ

นั่งรอที่ล็อบบี้ จนกระทั่งบ่ายจัดก็หมดเวลาทำงานของอาศิรเขาจึงรีบเดินมาหาอนูบิส


                “เบื่อไหมครับอินทร์ภู”


                อาศิรเอ่ยถามอย่างนึกเห็นใจที่อนูบิสต้องมานั่งเงียบๆอยู่เพียงคนเดียวท่ามกลางผู้คนที่ไม่รู้จัก หากเป็นเขาอาศิรคงจะ

ขาดใจตาย อนูบิสคลี่ยิ้มอ่อนและลุกขึ้นยืนอวดกายสง่าผ่าเผย


              “ก็นิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่อยากรบกวนเวลางานของโอม”


               อาศิรยิ้มรับพลางคล้องแขนอนูบิสอย่างเอาอกเอาใจ


              “กลับบ้านกันเถอะ หาซื้ออะไรไปกินที่บ้านกันดีกว่า”


                อนูบิสทำตามอย่างไม่อิดออด ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันไปจนกระทั่งใกล้ถึงประตูทางออกของอาคารอนูบิสจึงหยุดเดินเมื่อเห็น

ร้านเครื่องดื่ม


              “โอมรอตรงนี้นะ ผมเข้าไปซื้อน้ำมาให้”


                อาศิรพยักหน้า อนูบิสคงเห็นสีหน้าอิดโรยของเขาจึงอาสาไปซื้อน้ำมาให้ เขายืนรออยู่ที่เดิมจนกระทั่งคิ้วของเขาขมวด

เข้าหากันเมื่อเห็นชายหญิงคู่หนึ่งเดินตรงเข้ามาจากด้านนอก


              “พี่วินนี่ทำไมมากับพี่คีรีได้”


              นึกแปลกใจอยู่ครามครันที่เห็นทั้งคู่เดินมาคู่กัน เมื่อผ่านประตูทางเข้าคีรีก็เห็นอาศิรเข้าจนได้


               “อ้าว โอม”


                อาศิรฝืนยิ้ม เขายกมือไหว้ทักทายคีรีและกวินตรา คีรีนั้นยิ้มแย้มแจ่มใสเช่นที่เคยรู้จักส่วนกวินตราก็ทำหน้าบึ้งตึงใส่เขาเป็น

ปกติอยู่แล้ว


               “ไม่นึกว่าจะพบพี่คีรี” อาศิรเอ่ยทัก เขาพยายามระมัดระวังตัวเพราะความสงสัยในพฤติกรรมของคีรี


               “พี่มาสมัครทำงานที่นี่ ต่อไปคงได้เจอโอมบ่อยๆ”


                อาศิรกลืนน้ำลายลงคอ เขาไม่นึกว่าคีรีจะเข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ตัวอีกครั้ง จากนั้นอาศิรจึงฝืนยิ้ม


              “ยินดีครับพี่คีรี”


               “จะคุยกันอีกนานไหม” กวินตราส่งเสียงแทรกอย่างนึกรำคาญ “วินนี่เมื่อยขาแล้วนะ”


               คีรีย่นหัวคิ้วอย่างไม่ชอบใจที่กวินตราเสียมารยาท เขากำลังจะเอ่ยปากล่ำลาอาศิรถ้าไม่หากว่าจะมีบุรุษร่างสูงก้าวเข้ามายืน

เคียงข้างอาศิรเสียก่อน คีรีสบตากับดวงตาสีนิลแล้วมันทำให้เขาสันหลังร้อนขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ผิดกับกวินตราที่มองผู้ชายเบื้องหลัง

น้องชายคนละแม่อย่างสนใจ

               ใบหน้าคมแกร่งอย่างชายแท้รวมทั้งรูปร่างอันแข็งแกร่งนั้นทำให้กวินตราหัวใจเต้นเร็วได้ไม่ยาก หล่อนจำได้ว่าเคยเห็นผู้ชาย

คนนี้ที่งานเลี้ยงวันเกิดมารดา แถมในวันนั้นเขายังเมินหล่อนอีกต่างหาก ขนาดในตอนนั้นเป็นยามราตรีทำให้เห็นใบหน้าไม่ชัดนักกวิน

ตรายังต้องมองอย่างสนใจ แต่ในเวลานี้กวินตราเห็นเขาเต็มตา เสน่ห์ของบุรุษเพศยิ่งชักชวนให้หล่อนร้อนวูบวาบจนครั่นเนื้อครั่นตัว


                “เพื่อนแกเหรอโอม จำได้ว่าเจอตอนงานวันเกิดแม่ ชื่ออะไรนะฉันจำไม่ได้”


                    พยายามกดเสียงให้ราบเรียบที่สุดเพื่อไม่ให้อาศิรจับได้ถึงความอยากรู้อยากเห็น น้องชายตัวดีฝืนยิ้มก่อนจะแนะนำให้

กวินตรารู้จัก


                “เพื่อนผมครับพี่วินนี่เขาชื่ออินทร์ภู”


               เพียงค้อมศีรษะให้ตามมารยาท หากแต่ท่วงท่าสง่างามรามกับเป็นเจ้าชายนั้นแทบจะทำให้กวินตรากรีดร้อง หล่อนแตะปลาย

ลิ้นไปที่ริมฝีปากแผ่วเบาเมื่อสบตากับดวงตาคมที่แสนจะดึงดูดใจของผู้ชายที่ชื่อว่าอินทร์ภู


               “จะคุยกันอีกนานไหมครับวินนี่”


               คราวนี้เป็นเสียงแปร่งๆของคีรี เขาไม่ถูกชะตากับผู้ชายตรงหน้าเอาเสียเลย


               “ผมไม่ได้มีเวลาว่างมากพอจะยืนรอไหวนะครับ ไหนว่าจะรีบให้เซ็นสัญญาทำงานไงล่ะ”


               กวินตราจิกตาใส่คีรีที่บังอาจมาขัดคอหล่อน กวินตราหันไปประดิษฐ์รอยยิ้มโปรยใส่อนูบิส


               “คราวหน้าค่อยคุยกันใหม่นะคะอินทร์ภู”


               ตัดใจเบือนหน้าหนี กวินตราหันไปหาคีรีด้วยสีหน้าขัดเคือง


               “จะไปก็ไปสิคะคีรี”


               ลงเท้ากระแทกส้นสูงจากไปพร้อมกับคีรีที่ก้าวเดินตาม อนูบิสจ้องมองตามแผ่นหลังนั้นอย่างไม่ไว้วางใจจนกระทั่งเขาเห็นเงา

ซ้อนทับอยู่บนบ่าของคีรี เมื่อนั้นอนูบิสจึงตะโกนทันควัน


               “อัมมุท”


               เพียงแค่เอ่ยชื่อ มวลอากาศก็เกาะกลุ่มกันทันที อัมมุทกระโจนเข้าใส่เบื้องหลังของคีรีที่อยู่ๆก็มีเงาดำลอยขึ้นมาจากร่างกาย

ของเขาโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้สึก


               “ก๊าสสสส”


               อัมมุทกระโจนเข้าหาเนรูอย่างรวดเร็ว อนูบินพลันแปลงร่างกลับคืนสู่ร่างเทพแห่งดินแดนไอยคุปต์โดยที่ไม่มีใครมองเห็น

ยกเว้นอาศิรที่จ้องมองอย่างตกใจ อนูบิสใช้คทาประจำกายเข้าฟาดฟันกับเนรูที่ดูจะแข็งแกร่งและไม่บาดเจ็บอีกแล้ว


               “เนรู มอบขนนกมา”


               “ไม่มีทาง ไอ้เทพโง่เขลา” เสียงแหลมเล็กดังบาดหู “อย่าหวังว่าจะได้มันกลับคืนโดยง่าย”


               คำตอบนั้นสร้างความขัดเคืองให้อนูบิสอย่างที่สุด ร่างเทพพุ่งเข้าหาและต่อสู้กับปีศาจร้ายเสียงดังสนั่นหวั่นไหวหากแต่ไม่มี

มนุษย์มองเห็นหรือใต้ดิน คทาของอนูบิสฟาดเข้าที่สีข้างของเนรูจนต้องกรีดร้องและบินหนีไป    อนูบิสรีบเหาะตามทันที


               “โธ่โว้ย”


               เนรูเอะใจ มันหันกลับมามองอนูบิสที่หยุดอยู่กับที่และมองตามมันโดยที่ไม่ได้ติดตามมา พลันสายตาของมันกลับมองเห็น

แสงสว่างเรืองรองออกมาจากร่างมนุษย์ที่อยู่บนผืนแผ่นดิน เนรูจำได้ว่ามันเคยพบและยื้อแย่งวิญญาณกลับมนุษย์ผู้นั้นมาแล้วครั้งหนึ่ง

เนรูครุ่นคิดถึงเหตุผลที่อนูบิสไม่สามารถกำจัดเขาได้ อาจเป็นเพราะอนูบิสไม่มีอังค์

               บางทีเนรูอาจจะมีหนทางจัดการกับหอกข้างแคร่ของเจ้านายมัน เผื่อว่ามันจะได้รางวัลที่มากไปกว่านี้
               




               คีรีกลับมาที่ห้องพักอย่างหงุดหงิดที่เขามีปากเสียงกับกวินตรา และเมื่อกลับมาถึงเขาก็เห็นเงาปีศาจอยู่ในห้องของเขา


               “มาทำไมอีกเนรู คุณเองก็หายดีแล้วนี่ จะไปไหนก็ไปได้แล้ว”


                ขับไล่เพราะจุดประสงค์ของเขาที่ได้เข้าใกล้ตระกูลก่อเกียรติกุลนั้นสำเร็จไปแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเนรูอีกต่อไป แต่แค่

คิดร่างอันน่ารังเกียจก็พุ่งเข้ามาปะทะกับใบหน้าและบีบคอจนคีรีหายใจไม่ออก


               “ปล่อย”


               “เจ้าจะไล่ข้าไม่ได้ไอ้มนุษย์น่าโง่ เพราะเจ้ามีพันธะสัญญากับข้า”


               กำลังของเนรูดีขึ้นมาก มันตวาดเสียงแหลมเล็กใส่คีรีที่ดิ้นไปมาอย่างทรมาน


               “แต่เพราะข้าปรานี ข้าจะมอบงานชิ้นสุดท้ายให้เจ้า จงไปนำหัวใจมนุษย์ที่มีอังค์อยู่ในร่างมาให้ข้า”


               “ปล่อยกู กูยอมแล้ว แค่ก แค่ก ใคร”


               เนรูกรีดร้องอย่างสาสมใจ


               “มันผู้นั้น บุรุษที่เจ้ายืนเจรจากับมัน มันยืนอยู่เคียงข้างไอ้เทพกระจอกอนูบิส”


               คีรีเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าเหยื่อคนสุดท้ายของเขาเป็นใคร




                  TBC

 :katai4: :katai4:



หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 22 Anubis Lord of the Death [05/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 05-10-2016 03:46:28
โอ้ว ไม่นะโอม หวังว่าโอมจะไม่เป็นไรนะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 22 Anubis Lord of the Death [05/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 05-10-2016 09:22:25
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 22 Anubis Lord of the Death [05/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-10-2016 09:40:13
ระวังตัวนะโอม!
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 22 Anubis Lord of the Death [05/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-10-2016 10:56:04
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 22 Anubis Lord of the Death [05/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 05-10-2016 12:35:34
 :z6: โอมของพี่~~
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 22 Anubis Lord of the Death [05/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-10-2016 13:13:46
เป้าหมายคือโอมระวังตัวให้ดีๆนะโอม :ling3: :ling3: :ling3:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 22 Anubis Lord of the Death [05/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 05-10-2016 14:30:09
งานงอกแน่คราวนี้ โอม ระวังตัวไว้นะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 22 Anubis Lord of the Death [05/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lek2512 ที่ 05-10-2016 14:52:01
 :serius2: :serius2:  ม่ายยยยยย  อย่าทำอะไรโอมน้า
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 22 Anubis Lord of the Death [05/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 05-10-2016 22:30:18
ดราม่ามาอีกล้าววววววว :ling2:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 22 Anubis Lord of the Death [05/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 06-10-2016 00:36:45
โอม งานเข้าแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 22 Anubis Lord of the Death [05/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-10-2016 02:20:22
งานใหญ่มาละสินะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 22 Anubis Lord of the Death [05/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 07-10-2016 09:35:54
โอมอันตรายแล้ววว
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 23 Anubis Lord of the Death [11/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 11-10-2016 14:52:08


                                                            อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                                       บทที่ 23

                                                          Anubis Lord of the Death


               คีรีไม่รู้ว่าคำว่าเทพที่เนรูพูดถึงนั้นหมายความถึงอะไร มันอาจจะเป็นอะไรบางอย่างคลับคล้ายกับตัวประหลาดอย่างเนรู ผู้ชาย

คนนั้น ชายที่มีนัยน์ตากล้าแกร่ง คมดุยามสบตา มันทำให้เขาเสียวสันหลังวาบ คีรีจำเป็นต้องระวังตัวเมื่อมันผู้นั้นป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้อาศิร

ราวกับไม่ยอมให้คลาดสายตา

               อาศิร ก่อเกียรติกุล แม้จะไม่ใช่เป้าหมายหลักของคีรีแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าชายหนุ่มหน้าตาดีฉลาดหลักแหลมเป็นอีกเส้น

ทางหนึ่งของเขา เส้นทางที่คีรียอมฝ่าขวากหนามทุกอย่างเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย เส้นทางที่แม้แต่จะต้องทำในสิ่งที่น่าหวาดหวั่นที่สุดเช่น

ฆ่าผู้อื่นให้ตาย คีรีก็จำเป็นต้องทำ

               ยังจำได้ถึงวินาทีที่ใช้มีดปลายแหลมจ่อคมเข้ากับคอของเหยื่อที่เขากำลังทำให้มันสุขสมก่อนที่จะกรีดคมมีดลงไปจนไม่มี

โอกาสแม้แต่จะร้องขอชีวิต คีรีปล่อยร่างนั้นให้ลมลงไปกับพื้นดินสกปรก โลหิตแดงฉานไหลทะลักออกมาราวกับน้ำพุ เด็กหนุ่มที่ขาย

บริการให้กับเขาชักกระตุกอยู่ไม่กี่ครั้งลมหายใจจึงปลิดปลิวในขณะที่คีรียืนตัวสั่นพลางกำด้ามมีดผ่าตัดที่อยู่ในมือไว้แน่น ทุกครั้งเขาใช้

มันเพื่อช่วยชีวิตผู้คนแต่ครั้งนี้มันกลับตรงกันข้าม ความรู้สึกผิดแล่นมาจุกคอจนเขาต้องรีบซมซานหนีจากที่นั่นกลับไปยังรถยนต์ที่จอด

อยู่ไกลออกไปแล้วอาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุง

               มันเป็นครั้งแรกที่คีรีฆ่าคน!

               ตั้งแต่รู้จักกับเนรูแค่หลบซ่อนเข้าไปในห้องดับจิตของโรงพยาบาลและลักลอบกรีดร่างศพเพื่อขโมยหัวใจออกมาคีรีก็คิดว่า

มันเลวร้ายที่สุดแล้ว เขาไม่นึกว่าจะมีสิ่งเลวร้ายกว่าคือการที่ต้องกลายเป็นฆาตกรอย่างแท้จริง ยังโล่งใจที่เขารอบคอบพอจะไม่ทิ้งหลัก

ฐานไว้ทั้งรอยนิ้วมือหรือคราบอสุจิ คีรีจัดการทำลายถุงมือและถุงยางอนามัยโดยไม่เหลือมาให้สาวถึงตัวเขา ที่เหลือคือจัดการกับความ

หวาดกลัวออกไปจากสามัญสำนึกให้ได้

               คีรีโยนความผิดทั้งหมดไปให้ต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องเข้ามาข้องแวะกับตระกูลก่อเกียรติกุล นั่นก็คือนายกำจร ชายสูงวัยที่ยัง

คงเค้าความหน้าตาดีในอดีต ทุกครั้งที่ได้พบหน้าความเกลียดชังจะพรูขึ้นมาในสมองจนคีรีอยากจะระเบิด


               “เพราะมัน”


               เสียงกรีดร้องที่ได้ยินทุกวันบาดลึกจิตใจของเด็กชายคีรีตั้งแต่จำความได้ และเมื่อได้ยินเสียงนั้นคีรีก็ต้องกัดฟันรับความเจ็บ

ปวดเมื่อเขาถูกทุบตีจนลายไปทั้งตัวเพื่อให้เจ้าของเสียงกรีดร้องนั้นได้ระบายความเจ็บปวด


               “เพราะมัน ถ้าไม่มีมันชีวิตกูคงไม่เป็นแบบนี้”


               ยิ่งเขาโตขึ้น เสียงกรีดร้องโหยหวนนั้นก็ยิ่งดังถี่ขึ้นกว่าแต่ก่อน และในที่สุดวันหนึ่งเมื่อคีรีอายุเพียงสิบสามปีเสียงนั้นก็จบสิ้น

ลงเพราะต้นเสียงผูกคอตนเองเสียชีวิตอยู่ในบ้านที่คีรีเติบโตขึ้นมา ไม่มีน้ำตาสักหยดกับความสูญเสียนั้นเพราะความดำมืดด้านชามันเข้า

มาเกาะกุมหัวใจดวงน้อยของเขาเสียแล้ว


               “เพราะมึงคนเดียว”


               คีรีจ้องมองเงาของตัวเองในกระจก ดวงตาของคีรีคุโชนไปด้วยความเกลียดชัง


               “ถ้าไม่มีมึง ชีวิตกูคงไม่เป็นแบบนี้”


               คำพูดที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกสร้างตัวตนใหม่ให้กับคีรี เขาจะทำให้ต้นเหตุแห่งความชิงชังได้รับรู้ความเจ็บปวดเหล่านั้น และ

เมื่อนั้นคีรีจะหัวร่ออย่างสาสมกับความแค้นตลอดชีวิตของเขา

               คีรีสัญญากับตัวเองก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูห้องเมื่อได้ยินเสียงเคาะ กวินตรานั่นเองที่มาถึงตรงตามเวลานัด เจ้าหล่อนยืน

หน้าบึ้งหงิกงอจนน่ารังเกียจอยู่ในความรู้สึกของคีรีเมื่อกวินตราก้าวฉับๆเข้ามาภายในห้องที่เขามา

รออยู่ก่อนแล้ว


                “หมอเห็นฉันเป็นอะไรถึงได้นัดมาที่โรงแรมม่านรูดอย่างนี้ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัวนะ”


               กวินตราแผดเสียงใส่ในขณะที่คีรีกลับนั่งสบายๆจิบเบียร์อยู่บนเตียงรอดูฤทธิ์ของหล่อน


               “ผมว่างวันนี้และคุณเองก็ว่างไม่ใช่เหรอวินนี่ อย่าบอกนะว่าคุณไม่อยากเมื่อเราไม่ได้ทำกันมาหลายวันแล้ว”


               “หยาบคายที่สุด พูดบ้าอะไรอย่างนั้นนะ”


               กวินตราตรงเข้ามาทุบตีเขาอย่างน่ารำคาญ คีรีกระชากแขนของกวินตราให้ล้มลงมาบนเตียง


               “อย่าทำสะดีดสะดิ้งหน่อยเลย ทำตัวเป็นผู้ดีตีนแดงทั้งที่ใจอยากจะเอาผู้ชายเป็นผัวจนตัวสั่น เห็นมองไอ้อินทร์ภูอะไรนั่นตา

ไม่กะพริบ ระวังน้ำลายจะหกเพราะความอยาก”


               “ไอ้คีรี ไอ้บ้า”


               ฝ่ามือข้างหนึ่งของกวินตราลอยละลิ่วมากระทบกับซีกหน้าของคีรีดังเผียะ แต่คีรีกลับนิ่งเฉยราวกับชินชากับความเจ็บปวด

แถมยังหัวเราะเยาะจนกวินตราเจ็บใจที่เขาพูดจี้ใจดำ


               “ดูไม่ออกจริงๆหรือว่าโง่กันแน่วินนี่ ถึงไม่รู้ว่าไอ้หมอนั่นมันไม่มองคุณหรอก เพราะสายตามันมีแต่อาศิรน้องชายของคุณ”


               “อะไรนะ หมายความว่าไง” กวินตราตกใจ “จะบอกว่าอินทร์ภูเป็นเกย์งั้นเหรอ ไม่จริง เป็นไปไม่ได้”


               กวินตรานึกถึงร่างกายสูงใหญ่ใบหน้าคมเข้มอันมีเสน่ห์ของบุรุษเพศเย้ายวนจนหัวใจสั่นไหว หากแต่ยามที่อยู่ใกล้ชิดและเห็น

ท่าทางสนิทสนมที่มีต่อน้องชายคนละแม่แล้วกวินตราก็อดจะฉุกคิดตามที่คีรีพูดไม่ได้ ถ้าอินทร์ภูจะเป็นอย่างที่คีรีกล่าวมามันก็น่า

เสียดาย หล่อนยังอยากจะทดลองความเป็นชายของอินทร์ภูว่าจะเร้าใจแค่ไหน


               “อยากได้จริงไหมล่ะ ผมจะได้ช่วย”


               “หมายความว่าไง”


               กวินตราหรี่ตามองคีรีอย่างไม่ไว้ใจ คีรีได้แต่ยักไหล่เมื่อเห็นท่าทีของกวินตรา


               “ก็เห็นทำตัวติดกันขนาดนั้น คุณจะแยกน้องชายคุณออกจากไอ้หมอนั่นได้ยังไงกันล่ะ ถ้าคุณอยากได้มันจริงผมก็จะช่วยกัน

โอมให้ห่างจากมัน ส่วนคุณก็หาวิธีเข้าหามันเองก็แล้วกัน หรือว่าไม่มั่นใจฝีมือตัวเองเสียแล้วล่ะวินนี่”


               “แล้วคุณจะช่วยเพื่ออะไร ไม่เห็นว่าคุณจะได้ประโยชน์เลยนะคีรี”


               “ก็ถือว่าเพื่อนช่วยเพื่อน ถึงยังไงเราก็มีความสุขร่วมกันมาหลายครั้งแล้ว จะช่วยให้เพื่อนดีๆอย่างคุณได้สมใจอยากมันก็ไม่

เลวร้ายนี่”


               หญิงสาวกรอกตาคิด ความอยากได้อยากลองทำให้ตัดสินใจได้ไม่ยาก


               “ตกลง ตามที่คุณเสนอมา”


               คีรีหัวเราะสมเพชอยู่ในใจ แต่ภายนอกเขาเพียงยิ้มแย้มและเอื้อมมือไปหยิบเม็ดยาที่วางไว้บนโต๊ะหัวเตียงมาจ่อที่ปากของก

วินตรา


               “ก่อนที่คุณจะทิ้งผมไปเชยชมมัน ตอนนี้เรามาสนุกกันก่อนดีกว่านะ”


               “คีรี คุณจะให้ฉันกินมันอีกแล้วเหรอ ไม่หรอก ถ้ากินบ่อยๆแล้วติดมันล่ะ”


               “แค่เม็ดเดียวมันจะไปติดอะไร” คีรีส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย “หรือว่าคุณไม่ชอบ จำไม่ได้เหรอว่าตอนที่มันออกฤทธิ์คุณสุด

เหวี่ยงแค่ไหน”


               “แต่ว่า...”


               “ผมเป็นหมอนะวินนี่ ผมรู้ว่าอะไรอันตรายแค่ไหน เถอะน่า มันไม่ได้หากันง่ายๆแต่ผมก็หามาให้คุณนะ”


               กวินตราคล้อยตามคำเกลี้ยกล่อมนั้น หล่อนเปิดปากรับเม็ดยาเข้าไปและดื่มเบียร์ที่คีรีป้อนให้ ระหว่ารอสารเสพติดเม็ดเล็ก

ออกฤทธิ์หล่อนก็ปล่อยให้คีรีเปลื้องผ้าออกทีละชิ้นจนร่างกายเปลือยเปล่า

               คีรียิ้มหมิ่น เขาถอดเสื้อผ้าตนเองออกจนไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียวเช่นกัน จากนั้นเขาก็หยิบหน้ากากสีดำขึ้นมาสวมใส่พราง

ใบหน้าและคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดแอพลิเคชั่นไลน์เปิดกลุ่มลับของเขา

                วีไอพีด่วน ถ่ายทอดสดไฮโซสาวเมาไอซ์ร่อนเอวโชว์

               แล้วคีรีก็ถ่ายให้เห็นใบหน้าเคลิบเคลิ้มของกวินตราที่นอนบิดกายรออยู่ จากนั้นคีรีก็โถมกายเข้าใส่และจัดการกับกวินตรา

โดยที่หญิงสาวไม่รู้เลยว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาให้อีกหลายคนได้ดูบทราคะของหล่อนกับคีรี







               “โอม”


               เสียงเรียกอย่างสนิทสนมดังขึ้นเรียกอาศิรให้หันกลับไป คีรีนั่นเองที่เรียกเขาไว้และก้าวเดินมาหาพร้อมกับรอยยิ้ม อาศิรได้แต่

ฝืนยิ้มให้อย่างระมัดระวัง


               “สวัสดีครับพี่คีรี”


               “วันพรุ่งนี้ผมจะมาเริ่มงานที่นี่แล้วนะ”


               ประโยคคำพูดของคีรีสร้างความแปลกใจให้อาศิรไม่น้อยเพราะการลาออกจากโรงพยาบาลของรัฐบาลนั้นต้องรอให้อนุมัติ

เป็นเดือน


               “ใบลาออกอนุมัติแล้วหรือครับ เร็วจัง”


               “ความจริงคือผมทำเรื่องลาออกไว้นานแล้ว มีโรงพยาบาลเอกชนหลายที่มาติดต่อให้ผมไปทำงานด้วยแต่ผมก็รอพิจารณาว่า

จะไปทำที่ไหน แต่ในที่สุดก็เลือกที่นี่เพราะมีโอมอยู่ด้วย”


               คำพูดนั้นไม่ได้ทำให้อาศิรดีใจขึ้นมาสักนิด เขายังคงหวั่นเกรงในตัวคีรีเช่นเดิม


               “ขอบคุณครับพี่คีรี”


               “ว่าแต่ในฐานะที่โอมเป็นเจ้าของสถานที่ ช่วยพาพี่ไปรู้จักโรงพยาบาลหน่อยได้ไหม”


               “แต่ว่า...” อาศิรไม่อยากรับปากเพราะเขากำลังจะไปหาอินทร์ภูเพื่อชวนไปกินอาหารมื้อกลางวัน หากแต่สิ่งที่เคยสนทนากับ

เวทิศและปาลดังขึ้นมาในหัว


               มันควรจะมีใครที่เข้าถึงและล้วงความลับจากคีรี


               นั่นเองที่ทำให้อาศิรเปลี่ยนใจ


               “...ก็ได้ครับพี่คีรี ผมจะแนะนำสถานที่ให้พี่รู้จักเอง”
               







               อนูบิสเงยหน้าขึ้นมาเมื่อเห็นว่ามีใครคนหนึ่งมาหยุดยืนต่อหน้า เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเมื่อเห็นว่าคนๆนั้นคือสตรีที่เป็นพี่

สาวของอาศิร


               “สวัสดีครับคุณกวินตรา”


               ใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยเครื่องประทินผิวคลี่ยิ้มส่งให้เขา อนูบิสนิ่งมองด้วยสีหน้าเรียบเฉยจนกวินตราขุ่นใจที่เขามองไม่เห็น

ความงดงามของหล่อน


               “โอมนี่มันแย่จริงๆปล่อยให้เพื่อนต้องมารอ มานั่งรอโอมอยู่คนเดียวอย่างนี้ทุกวัน ไม่เบื่อแย่หรือคะอินทร์ภู”


               ส่งเสียงหวานกว่าทุกครั้งที่มีอาศิรอยู่ด้วย ทำให้อนูบิสต้องคิดตามถึงจุดประสงค์ของกวินตรา


               “ผมเต็มใจที่จะรอโอมครับ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร”


               กวินตราอยากจะชักสีหน้าใส่เมื่อเริ่มเชื่อว่าผู้ชายตรงหน้ากับน้องชายของหล่อนมีความสนิทสนมกันเกินคำว่าเพื่อนอย่างที่คีรี

บอก


               “แต่วินนี่เดือดร้อนค่ะ วินนี่รู้สึกไม่ดีที่โอมปล่อยให้เพื่อนต้องนั่งรออย่างนี้ทุกวัน งั้นวันนี้วินนี่ขอพาอินทร์ภูไปเดินเล่นนะคะ”


               กวินตราถือวิสาสะคล้องแขนของอนูบิสและบังคับให้เขาเดินตามโดยไม่อาจปฏิเสธไปจนเกือบจะทั่วโรงพยาบาลเอกชน

หรูหราจนกระทั่งมาถึงชั้นที่มีประตูเปิดไปเป็นสวนต้นไม้เล็กๆสำหรับให้ผู้ป่วยพักผ่อนหย่อนใจ หญิงสาวดึงแขนอนูบิสหลบไปในที่ลับตา

ผู้คน อนูบิสย่นหัวคิ้วแล้วมองกวินตราด้วยความสนเท่


                “คุณพาผมมาที่นี่ทำไม”


               กวินตราส่งสายตาเชิญชวนอย่างมั่นใจ หล่อนยกมือขึ้นแตะที่บ่ากว้างและขยับเข้าใกล้อนูบิสจนได้กลิ่นกายอย่างชายแท้ชวน

ให้หลงใหล


               “วินนี่เจอคุณมาหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่คุยได้พูดคุยกับคุณมากเท่าวันนี้ จะดีไหมคะถ้าเราจะสนิทสนมกันมากกว่าที่เป็นอยู่”


               อนูบิสสบตากับกวินตรา มุมปากยกยิ้มอย่างรู้เท่าทันจุดประสงค์ของผู้หญิงคนนี้


               “ผมคิดว่าที่เราสนิทสนมกันเพียงแค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว”


               คราวนี้กวินตายั้งอารมณ์ตนเองไม่อยู่ หล่อนชักสีหน้าใส่เมื่อได้ยินคำพูดตัดรอนจากอนูบิส แต่หล่อนก็ยังฝืนยิ้มและยิ่งยั่วชาย

หนุ่มด้วยการยกสองแขนโอบไปรอบต้นคอแข็งแกร่ง


               “ไม่คิดจะสนิทกับพี่สาวของเพื่อนเสียหน่อยหรือคะอินทร์ภู หรือว่าที่ไม่อยากสนิทด้วยเพราะกลัวคนอื่นจะรู้ว่าจริงๆแล้วคุณกับ

ไอ้โอมคบกันเกินเพื่อน และคุณก็รังเกียจผู้หญิงเพราะชอบผู้ชาย”


               อนูบิสมองใบหน้างดงามหากแต่จิตใจน่าเดียดฉันท์ ความงามจากการปรุงแต่งไม่อาจปิดหัวใจที่ดำมืดไปด้วยกิเลสได้เลย

เขายิ่งนึกดีใจที่หัวใจของเขามอบให้จิตใจงดงามของอาศิรไปเสียหมดสิ้น อนูบิสดึงข้อมือทั้งสองที่โอบอยู่รอบคอของเขาออกอย่าง

สุภาพ


               “ผมไม่ได้รังเกียจผู้หญิงและไม่ปิดบังใครว่าผมรักโอม และความรักที่ผมมีให้โอมมันมากเสียจนไม่อาจทำให้โอมเสียใจ

ขอโทษนะครับคุณกวินตราที่ผมคงจะทำให้คุณพอใจไม่ได้”


               แม้เสียงนั้นจะราบเรียบไม่ต่างอะไรกับประโยคปกติ แต่มันกลับทำให้กวินตราแสบร้อนไปหมดเมื่อถูกปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย

หล่อนกัดฟันเชิดหน้าหากแต่ดวงตาเต็มไปด้วยโทสะ


               “โง่ คนโง่ก็ต้องคบกับคนโง่ด้วยกันสินะ”


               หญิงสาวกระแทกรองเท้าเดินนำอนูบิสกลับออกมาด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว หาแต่เมื่อมาถึงทางเดินหล่อนก็ยิ้มเยาะเมื่อหันกลับ

ไปหาอนูบิส


               “ในขณะที่คุณยึดมั่นอยู่กับไอ้โอม แต่ดูเหมือนมันจะไม่รู้นะ ดูสิ คนที่คุณรักนักหนากำลังลอยหน้าลอยตาอยู่กับผู้ชายคนอื่น

สงสารตัวเองไหมล่ะอินทร์ภู”

               กวินตราเชิดหน้าอย่างเป็นต่อและหลีกทางให้อนูบิสได้มองเห็นเบื้องหลังของอาศิรที่เดินเคียงคู่ไปกับคีรี




           TBC

           วันนี้มาสั้นๆ เวลามีน้อยจ้า


                :katai4: :katai4:

หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 23 Anubis Lord of the Death [11/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-10-2016 15:24:57
ท่านเทพมั่นใจในตัวโอมอยู่แล้วชะนีไม่ต้องเสี้ยม
แต่ท่านเทพน่าจะกลัวโอมเป็นอันตรายจากคีรีมากกว่า

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 23 Anubis Lord of the Death [11/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-10-2016 15:38:42
แค่เดินไปด้วยกันนี่เอาไปเยาะเย้ยได้?
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 23 Anubis Lord of the Death [11/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ryu7801 ที่ 11-10-2016 17:15:01
อย่าให้ท่านเทพเข้าใจโอมผิดนะ :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 23 Anubis Lord of the Death [11/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 11-10-2016 18:44:28
 :katai1:   ว่าแล้วว่าอิตาพ่อเนี่ยไข่ไว้ทั่วจริงๆ   และหนึ่งในนั้นก็คือคีรี  สินะ   

อิตาบ้าเอ๊ยยยย แกโกรธเกลียดทุกคนที่เกี่ยวข้องกับพ่อแก  แต่แกถามเขาเหล่านั้นบ้างมั้ย  อย่างโอมเนี่ยเกลียดพ่อไม่ตากจากแกเลยนะคีรี

สุดท้ายแล้วก็ทำตัวเองจริงๆคีรี  ขอให้ไปที่ชอบๆแล้วกัน 
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 23 Anubis Lord of the Death [11/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 11-10-2016 19:20:43
ห่วงโอมมม  :katai1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 23 Anubis Lord of the Death [11/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 11-10-2016 19:30:21
จริงๆคีรีน่าจะร่วมมือกับโอมจัดการกับพ่อตัวเองเลยนะ เพราะยังไงก็เป็นผู้ถูกกระทำเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 23 Anubis Lord of the Death [11/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 11-10-2016 19:43:11
ท่านเทพฉลาดอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 23 Anubis Lord of the Death [11/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-10-2016 21:50:24
โอ๊ยยยย ชะนี!!
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 23 Anubis Lord of the Death [11/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 11-10-2016 23:18:09
ไว้อาลัยชะนี !
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 23 Anubis Lord of the Death [11/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 12-10-2016 09:55:35
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 23 Anubis Lord of the Death [11/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 12-10-2016 12:25:51
เสี้ยมเหรอชะนี เดี๋ยวเธอไม่ตายดีนะ

ดูในโซเชียลบ้างยัง คลิปเธอหน่ะ 55555
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 23 Anubis Lord of the Death [11/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 12-10-2016 14:32:01
ดราม่าจังเลย

ทั้งคีรีทั้งนังตัวร้าย
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 23 Anubis Lord of the Death [11/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 12-10-2016 19:23:54
ต่อมห้ชะนีอย่างวินนี่แก้ผ้าต่อหน้า อนูบิสก้ไม่สนหรอก
เสี้ยมไปก้แค่นั้นอนูบิสเชื่อใจโอมอยู่แล้ว
แต่คงจะเป็นห่วงมากกว่า ที่โอมเอาตัวเองไปเสี่ยง
รอต่ารอออ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 23 Anubis Lord of the Death [11/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 13-10-2016 00:36:47
เทอนะโง่นางชะนี
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 23 Anubis Lord of the Death [11/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 13-10-2016 08:47:14
เลวมาก!!
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 23 Anubis Lord of the Death [11/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 13-10-2016 12:13:31
หญิงร้ายชายเลว ผีเน่ากับโลงผุ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 23 Anubis Lord of the Death [11/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 14-10-2016 00:11:58
หวังว่าท่านเทพจะมีเหตุผลมากพอนะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 23 Anubis Lord of the Death [11/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: taoz ที่ 14-10-2016 07:03:11
อ่านรวดเดียวเลย ในที่สุดก็ตามทัน รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 23 Anubis Lord of the Death [11/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: meyj4ever ที่ 15-10-2016 07:59:53
เค้าแค่เดินด้วยกัน ปัญฯาอ่อนป้ะชะนี
ท่านเทพฯเชื่อมั่นในตัวน้องโอมอยู่อย่ามาเสี้ยม เชอะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 23 Anubis Lord of the Death [11/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Minzero ที่ 16-10-2016 23:24:04
ชะนีเธอควรกินพาราแล้วไปนอนนะค่ะ!!! ส่วนคู่หมอกับพยาบาลคนสวยก็น่ารักไปอีกกก :hao7: คู่หลักก็ลุ้น คู่รองก็ลิ้นกับฟัน :katai3: เอาเป็นว่าติดตามมมม
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 24 Anubis Lord of the Death [18/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 18-10-2016 00:33:43


                                               อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                            บทที่ 24

                                             Anubis Lord of the Death



               อาศิรเตือนตัวเองให้ระวังตัวทุกย่างก้าวขณะเดินคู่ไปกับคีรีและแนะนำแผนกต่างๆในโรงพยาบาลให้เขาได้รู้จัก แม้ว่าคีรีจะ

วางตัวสบายๆไม่ต่างจากทุกครั้งที่ได้พูดคุยกันก็ตาม


               “โอมรู้จักโรงพยาบาลนี้ดีทุกซอกทุกมุมเลยนะ สมกับที่เป็นลูกเจ้าของโรงพยาบาล”


               น้ำเสียงนั้นก็เหมือนทุกครั้งที่คีรีพูด หากแต่ครั้งนี้อาศิรสะดุดกับใจความแปร่งๆที่หลุดออกมา


               “อย่าคิดอย่างนั้นเลยครับ” อาศิรรีบกล่าวแก้ “ผมรู้จักสถานที่เพราะตอนเด็กๆเคยตามแม่มาทำงานเท่านั้นเอง”


               “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ก็ยังนับว่าดีที่หมอกำจรเขายังยอมรับในตัวโอมว่าเป็นลูกอีกคนหนึ่ง”


               อาศิรอดสงสัยไม่ได้ว่าเพราะเหตุใดเขาถึงจับกระแสของความน้อยใจและชิงชังจากท่าทีของคีรีได้แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้มอง

หน้าเขาด้วยซ้ำ อาศิรไล่สายตาไปตามคีรีที่จ้องมองภาพข่าวจากจอโทรทัศน์ที่เปิดให้ลูกค้าในโรงพยาบาลชม หัวใจของอาศิรเต้นตึกตัก

เมื่อข่าวนั้นคือข่าวการสืบหาผู้ร้ายจากคดีฆาตกรรมแล้วขโมยหัวใจจากร่าง


               “ฆาตกรนี่มันโหดเหลือเกินนะครับ” อาศิรบังคับให้เสียงของเขาเป็นปกติที่สุดขณะเอ่ยออกมา


              “ไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ตอนที่ปาดคอเหยื่อจนขาดใจตาย เลวจริงๆ”


               “ฆาตกรอาจจะมีความจำเป็นต้องทำแบบนั้นก็ได้ใครจะไปรู้”


               เสียงเยียบเย็นที่หลุดจากปากของคีรีทำให้อาศิรขนลุก แม้ว่าอีกฝ่ายจะยังจ้องมองแต่จอโทรทัศน์ขณะที่ตอบโต้อยู่กับเขา


               “ผมไม่คิดว่าจะมีความจำเป็นอะไรที่รุนแรงถึงขนาดต้องทำให้คนอื่นตาย ชีวิตของทุกคนมีค่า”


                มุมปากของคีรีกระตุกยิ้มและเมื่อเขาหันมาสบตากับอาศิร นัยน์ตาคู่นั้นฉายแววขมขื่นระคนเหยียดหยันจนเหมือนไม่ใช่คีรีที่

อาศิรรู้จัก


                “นั่นสินะ เพราะชีวิตมีค่า คนบางคนถึงต้องเสียสละชีวิตเพื่อเป็นหนทางให้ผู้ที่จำเป็นกว่าใช้มันให้เกิดประโยชน์”


                 “พี่คีรี พี่พูดอะไรของพี่กันครับ” อาศิรพูดเสียงเข้มอย่างเหลืออด “พี่พูดเหมือนกับว่าการใช้ชีวิตคนอื่นเป็นใบเบิกทางไปสู่

อะไรสักอย่างมันไม่ใช่เรื่องผิด ทั้งๆที่พี่เป็นหมอที่ต้องเห็นคุณค่าของชีวิตคนมากที่สุด”


                  “ก็เพราะมันไม่มีทางเลือก!”


                   คีรีตวาดอย่างลืมตัว


                  “ถ้ามันมีทางอื่นที่ดีกว่าใครมันจะอยากทำอย่างนั้นกันเล่า”


                  “ทางเลือกมีเสมอ อยู่ที่คุณจะเลือกอะไร”


                  ไม่ใช่เสียงอาศิรหากแต่เป็นเสียงเข้มของบุรุษร่างสูงที่ก้าวเข้ามาขวางการสนทนาของคีรีกับอาศิร ชายที่ชื่ออินทร์ภูนั่นเอง

บุรุษที่เนรูบอกกับคีรีว่าเป็นเทพอะไรสักอย่างดึงแขนของอาศิรให้หลบไปอยู่เบื้องหลังและกลายเป็นผู้เผชิญหน้ากับเขา คีรีเห็นกวินตรา

ก้าวตามหลังมาพร้อมสีหน้างุนงง


               “มนุษย์มีทางเลือกเสมอ ทุกคนรู้ว่าอะไรคือดีอะไรคือชั่ว คุณก็แค่เลือกว่าจะทำชั่วหรือไม่ทำ”


               “อย่ามาสั่งสอนผมทั้งที่เราไม่ได้สนิทสนมอะไรกันสักนิด” คีรีเอ่ยเสียงกร้าว “แล้วก็ไม่ต้องมาตัดสินการกระทำของคนอื่นว่า

อะไรดีอะไรชั่ว มันไม่ใช่เรื่องของคุณอย่าแส่จะดีกว่า”


               “นี่มันอะไรกัน ทำไมต้องมาเถียงกันกับไอ้เรื่องดีๆชั่วๆ บ้ากันไปแล้วเหรอ”


               กวินตราขัดขึ้นอย่างไม่เข้าใจ หากแต่ผู้ชายทั้งสองกลับไม่ได้สนใจหล่อนแม้แต่นิดเดียว แถมน้องชายคนละแม่ก็ยังยืนหน้า

ซีดหลบอยู่เบื้องหลังคนที่หล่อนหมายปองอย่างน่าหมั่นไส้อีกด้วย


               “ถ้าเป็นเรื่องที่มีคนต้องเดือดร้อนเพราะการกระทำของคนเพียงคนเดียวผมจำเป็นต้องยุ่ง ใครที่ทำเลวทรามอะไรไว้ถ้าหากผม

รู้ ผมจะไม่ปล่อยให้มันผู้นั้นได้มีโอกาสลงมืออีกแน่ กลับบ้านได้แล้วโอม”


               คีรีกัดฟันมองบุรุษผู้นั้นฉุดแขนอาศิรให้ก้าวจากไปจนลับตา จากคำพูดที่ตอบโต้กันมีแนวโน้มว่าความลับของเขาอาจจะไม่

เป็นความลับอีกต่อไป บางทีคีรีคงจะต้องรีบทำอะไรบางอย่างเพื่อให้ความลับยังคงเป็นความลับ


               “คีรี ตกลงว่าคุณเถียงกับอินทร์ภูเรื่องอะไร บอกฉันมานะ”


               “โว้ย ไม่รู้สักเรื่องจะตายไหมวะ” คีรีสบถใส่หน้ากวินตราจนหล่อนตาลุก


               “อย่ามาตวาดใส่ฉันนะ”


               กวินตราเตรียมจะต่อว่าให้รุนแรงกว่านี้ แต่เมื่อสบตากับคีรีหญิงสาวต้องรีบหุบปากตนเองเมื่อใบหน้าของคีรีเต็มไปด้วยโทสะ

เขาสะบัดหน้าหนีกวินตราและกระแทกเท้าเดินจากไปอย่างไม่สนใจอีกพร้อมทั้งครุ่นคิดแผนการบางอย่าง

               ทางเลือกของคีรีอาจจำเป็นต้องลงมือโดยเร็วที่สุดก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป








               อนูบิสสีหน้าเครียดตลอดทางขณะนั่งรถแท็กซี่จนกระทั่งถึงบ้านหลังเล็กของอาศิร เมื่ออยู่เพียงลำพังเขาก็ถามอาศิรเสียงเข้ม


               “โอมไปยุ่งกับมันทำไม”


               “เอ่อ คือว่า...” อาศิรยิ้มจืดเมื่อเจอตาดุมองคาดคั้น “เขาขอให้ผมแนะนำโรงพยาบาล ผมก็เลยจำเป็นต้องทำ โธ่ อินทร์ภู ผม

ไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลยนะ อย่าโกรธผมเลย”


               อนูบิสมองใบหน้าจืดเจื่อนของอาศิรแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา เขายึดต้นแขนของอาศิรไว้พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงหนัก

แน่น


               “ผมรู้ว่าโอมไม่ได้คิดอะไรกับมัน ผมเชื่อใจโอมเสมอ แต่ที่ผมโกรธเพราะโอมไม่เชื่อฟังผม อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะว่าโอมคิดจะ

ทำอะไร บอกแล้วว่าอย่านำตัวเข้าไปเสี่ยงกับเรื่องนี้เราไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นจะทำเรื่องเลวร้ายอะไรอีก ผมกลัวว่าโอมจะเป็นอันตราย”


               อาศิรยิ้มกว้างได้อย่างเต็มที่เมื่อฟังจบ เขายกแขนโอบกอดไปรอบลำตัวแข็งแกร่งของอนูบิสเพื่อเอาใจ


               “ผมขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง ต่อไปนี้ผมจะอยู่ห่างๆพี่คีรี คุณจะได้ไม่ต้องกังวลดีไหม”


               เห็นใบหน้าของคนรักยิ้มประจบอนูบิสก็ใจอ่อน เขาก้มลงไปประทับริมฝีปากกับกลีบปากนุ่มของอาศิร เรียวปากอิ่มเผยอรับให้

เขาได้ตักตวงความหวานเพื่อลดความตึงเครียดจนอนูบิสต้องรั้งเอวอาศิรให้เบียดแนบอยู่กับเขา หากแต่ความสเน่หากลับถูกขัดขวาง

ด้วยเสียงโทรศัพท์มือถือ


               “ปล่อยก่อนนะครับอินทร์ภู”


               อาศิรเองดันไหล่ของอนูบิสออกห่างอย่างที่เจ้าตัวก็ไม่เต็มใจนัก เขารีบล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงและรับโดย

เร็วเมื่อรู้ว่าใครโทรหา


               “โทรมาทำเหี้ยอะไรตอนนี้ไอ้ทิศ”


               “อ้าว เดี๋ยวนี้กูโทรหาคือผิดซะงั้น” เวทิศส่งเสียงดังลอดออกมา “หงุดหงิดงี้แสดงว่ากูโทรมาขัดจังหวะมึงกับท่านเทพใช่ปะ”


               “ใช่”


               “สมน้ำหน้า”


               “ถ้ายังไม่พูดธุระของมึงมากูจะล้อชื่อพ่อมึงเดี๋ยวนี้เลย”


                 อาศิรยื่นคำขาดเมื่อเวทิศยังไม่เลิกถ่วงเวลา ตอนนี้สายตาของอนูบิสที่มองมายังเขาทำให้อาศิรอยากจะโยนโทรศัพท์ทิ้ง

แล้วโผเข้าหาอ้อมกอดแสนอบอุ่นเหลือเกิน


               “ก็ได้ อย่าเพิ่งโมโหสิวะกูมีเรื่องกลุ้มปรึกษามึงจริงๆนะโว้ย คืองี้ ในฐานะที่มึงเป็นหมอ กูขอถามมึงหน่อย การมีเพศสัมพันธ์

โดยไม่ใส่ถุงยางมันเสี่ยงติดเอดส์มากไหมวะ”


               อาศิรกะพริบตาปริบๆเมื่อเจอคำถามจากเพื่อนสนิท


               “กูว่าคำถามนี้เด็กประถมมันก็ตอบได้มั้ง คงไม่ต้องให้กูตอบว่าเสี่ยงหรอก ทำไมมึงถามเหมือนมึงไปมีอะไรกับใครโดยไม่ได้

ใส่ถุงยางเลยวะ”


               เวทิศไม่ตอบ หากแต่เสียงอึกอักที่ได้ยินทำให้อาศิรมั่นใจว่าตนเองเดาถูก


               “ว่าไงไอ้ทิศ จะตอบหรือไม่ตอบ”


               “เหี้ย อย่ากดดันกู กูยิ่งเครียดๆที่ถูกปล้ำอยู่”


               “อะไรนะ” อาศิรอุทานเสียงหลงจนอนูบิสถึงกับเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย “มึงพูดว่ามึงถูกปล้ำ หูกูไม่เพี้ยนใช่ไหมไอ้ทิศ

ตอบกูมาเดี๋ยวนี้ว่าใครปล้ำมึง ผู้หญิงที่ไหนจะปล้ำมึงได้”


               “ผู้หญิงปล้ำก็ดีสิวะ แต่นี่ไม่ใช่ คือมัน...เหี้ยเอ๊ย กูถูกผู้ชายปล้ำโว้ย”


               เวทิศตะโกนอย่างหงุดหงิดจนอาศิรต้องเอียงหูให้ห่างโทรศัพท์ เขาเองก็ตกใจไม่น้อยเมื่อได้ฟัง


               “ใครปล้ำมึงไอ้ทิศ เล่าให้กูฟังเร็ว”


               เวทิศส่งเสียงอึกอักครู่หนึ่งก่อนจะเล่าเรื่องที่ปาลเมาแล้วมีความสัมพันธ์กับเขาให้อาศิรฟัง เขาปิดท้ายด้วยความเป็นกังวล


               “แล้วแม่งก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้ไงว่าไปมั่วกับใครมาหรือเปล่า วันนั้นก็เมาอย่างหมา แรงเยอะอย่างควาย กูก็เลยสู้ไม่ไหว เหี้ยโอม

กูจะเป็นเอดส์ไหม”


               “ใจเย็นก่อนเพื่อน” อาศิรรีบปลอบเมื่อรู้ว่าเวทิศเครียดจริงๆ


               “มึงต้องถามผู้กองว่าก่อนที่จะมีอะไรกับมึง ที่ผ่านมาเขาป้องกันแค่ไหน ยังไงมึงก็ลากตัวไปเจาะเลือดด้วยกันให้มันหายคา

ใจเสียพรุ่งนี้ แล้วอีกสามเดือนก็ไปเจาะซ้ำอีกที”


               “แล้วระหว่างนี้ล่ะ ถ้ากูเอ่อ...จะมีอะไรกับเขาอีกก็ต้องใส่ถุงไปก่อนใช่ไหมวะ”


               “ใช่... เฮ้ย เดี๋ยวนะ ถามงี้หมายความว่าไง ไหนว่าเขาปล้ำไงล่ะ แล้วมึงจะยอมโดนซ้ำอีกเหรอ”


               อาศิรถามอย่างคลางแคลงใจจนเวทิศหัวเราะแก้เก้อ


               “ก็มึงบอกให้กูลองมีความรักไม่ใช่เหรอ กูก็กำลังจะลองนี่ไง ผู้กองเขาขอให้กูลองคบกับเขาว่ะโอม”


               “อ้าว ก็ผู้กองเป็นแฟนพี่วินนี่”


               “พี่สาวมึงเทเขาแล้ว ถึงได้เมามาปล้ำกูไง แต่อันที่จริงไอ้ผู้กองมันก็เป็นคนดีนะ กูก็เลยสงสารตอบตกลงไป”


               อาศิรหลุดหัวเราะออกมาเมื่อในที่สุดเวทิศก็ยอมเฉลยความจริง


               “ที่แท้มึงก็แอบชอบเขา โธ่ แล้วหาว่าเขาปล้ำ มึงสมยอมก็พูดมาเหอะ แต่ถึงยังไงก็ยินดีกับมึงที่จะมีแฟนนะไอ้ทิศ พรุ่งนี้จูง

แขนกันไปโรงพยาบาลก็แล้วกันจะได้เข้าห้องหอกันสะดวกใจ แค่นี้แหละมึงวางหูได้แล้ว ท่านเทพของมึงมองกูจนมดขึ้นตาแล้วว่ะ”


               อาศิรกดปิดการเจรจาแล้วยิ้มให้อนูบิสที่เลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย อาศิรยกแขนคล้องไปรอบคอของอนูบิสแล้วเบียดกาย

เข้าหา


               “ไอ้ทิศกับผู้กองปาลกลายเป็นคนรักกันแล้วครับ ไม่น่าเชื่อเลย เจอหน้ากันทีไรเถียงกันตลอดแต่สุดท้ายกลายเป็นมารักกัน

ได้”


               “ความรักแสนสวยงาม ใครๆก็อยากมีทั้งนั้นแหละโอม”


               อนูบิสสอดแขนอุ้มร่างของอาศิรขึ้นมาอย่างง่ายดาย ดวงตาคมประกายวาววับมองใบหน้าของคนในอ้อมกอดขณะที่ก้าวเดิน

ไปยังห้องนอน


               “เหมือนอย่างตอนนี้ที่ผมอยากจะบอกรักโอมใจจะขาดแล้ว”


               กระซิบข้างหูแผ่วเบาเมื่อวางร่างโปร่งของอาศิรลงไปบนเตียงนุ่มและโถมกายทับลงไปเพื่อเริ่มต้นบอกรักในค่ำคืนนี้




             มีต่ออีกนิด...


หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 24 Anubis Lord of the Death [18/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 18-10-2016 00:39:02


ต่อกันตรงนี้...



                เวทิศมองโทรศัพท์ในมือที่อาศิรเพิ่งวางสายไป เขานึกอายตัวเองเมื่อเพื่อนสนิทพูดกระแทกใจดังโครม


               “กูไม่ได้สมยอมโว้ย กูสู้แรงควายไม่ได้ต่างหาก”


               หาเรื่องแก้ตัวให้ตนเองก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดประตูเมื่อได้ยินเสียงเคาะ ปาลนั่นเองที่ยืนยิ้มแฉ่งและตรงเข้ามาในห้องพร้อมกับ

โอบบ่าเขาไว้


               “แฟนมาหาก็ยิ้มรับหน่อยเหอะคุณ ทำหน้างอแบบนี้ได้ไง”


               “นี่มันหน้าผม ไม่ต้องมายุ่งเลย”


               เวทิศผลักหน้าของปาลที่ยื่นเข้ามาทำท่าจะจูบเขาออกห่าง


               “ผมถามไอ้โอมแล้ว พรุ่งนี้ไปโรงพยาบาลกับผม ไปเจาะเลือดตรวจเอดส์”


               ปาลทำหน้าเอ๋อเมื่อได้ยิน เขาเอียงคอมองเวทิศแล้วถามย้ำ


               “ตรวจเอดส์ คุณไม่ไว้ใจผมเหรอ”


               “ใช่ ไม่ไว้ใจ แล้วเมื่อคืนก่อนนั้นคุณก็เสือกด้นสด ถ้าคุณเป็นเอดส์แล้วพาให้ผมติดไปด้วยผมจะฆ่าคุณ”


               ปาลส่ายหน้ากับความคิดของเวทิศ เขาลากแขนเวทิศให้นั่งบนเตียงแล้วปาลก็ล้มตัวไปนอนตักของเวทิศ


               “ผมมั่นใจว่าที่ผ่านมาผมระวังมากพอ แต่ว่าถ้าคุณกังวลผมไปตรวจก็ได้ ความจริงแล้วผมเพิ่งจะเคยยสตน.ก็กับคุณเป็นคน

แรกนะ”


               “ผมควรดีใจไหมวะ” เวทิศแยกเขี้ยวใส่  “แล้วนี่มาทำไม”


               “อ้าว ผมก็มาหาแฟนผมสิคร้าบ ลืมไปแล้วเหรอว่าเราคบกันเป็นแฟนแล้ว”


               ปาลหัวเราะร่วน เขาแกล้งผลักเวทิศให้ล้มลงไปแล้วโถมกายทับจนเวทิศดิ้นไม่หลุด


               “คิดถึงทั้งวัน ทำงานเกือบไม่รู้เรื่องเลย” ปาลหยอดคำหวานก่อนจะปล้ำจูบจนเวทิศใจอ่อน “ขอสักรอบนึงได้ไหมครับคุณ

แฟน”


               เวทิศหน้าแดงจัด สายตาของปาลและความช่ำชองของนายตำรวจที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากทำให้คนคงแก่เรียนเช่นเขาถึง

กับทำอะไรไม่ถูก


               “ถุงยางล่ะ ไม่มีก็อด”


               ปาลยักไหล่ เขาล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกางเกงสีกากี และควานหาซองถุงยางอนามัยที่เขามีติดไว้ตลอด หากแต่คราว

นี้มันกลับว่างเปล่า ปาลสบถอย่างไม่สบอารมณ์


               “เหี้ย หายไปไหนวะ ทิศครับ คือมันไม่มี”


               เวทิศยักไหล่บ้าง เขายิ้มอย่างเป็นต่อ


               “บอกแล้ว ไม่มีก็อด อยากได้ก็ไปซื้อดิ ข้างล่างคอนโดก็มีเซเว่น”


               “ก็ได้ ผมจะรีบไปซื้อ เดี๋ยวนะ!”


               ปาลฉุกใจคิด เขาดีดตัวลุกขึ้นนั่งเมื่อสมองทำงานอย่างรวดเร็ว


               ถึงแม้ฆาตกรจะไม่ทิ้งถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วไว้เป็นหลักฐาน แต่เศษฟอล์ยห่อที่ตกอยู่บริเวณที่เกิดเหตุอาจจะกลายเป็นหลัก

ฐานได้หากรู้ว่ามันมีที่มาจากไหน

               นายตำรวจหนุ่มโผเข้ากอดเวทิศด้วยความดีใจ


                “ขอบใจนะเวทิศ คุณชี้ทางสว่างให้ผมจริงๆ มีทางจับตัวไอ้หมอคีรีแล้ว”


               พูดจบปาลก็รีบออกจากห้องทิ้งให้เวทิศนั่งมองอย่างงงงัน


               “เออ มีแฟนเป็นตำรวจมันเป็นแบบนี้เองเหรอวะ”


               เวทิศถอนหายใจเมื่อสวรรค์ล่มไม่เป็นท่า เขาได้แต่ทำความเข้าใจในอุปนิสัยของปาลว่าเรื่องงานต้องมาก่อน และเพราะความ

ตั้งใจทำงานนี่เองที่ทำให้เวทิศชอบปาล


               “ทำใจโว้ย มีแฟนเป็นตำรวจต้องอดทน เสือกไปรักตำรวจเองนี่หว่า สมน้ำหน้าตัวเองชิบหาย”


               ปลอบใจตัวเองก่อนจะหันไปสนใจกับงานที่ทำค้างไว้ต่อ พร้อมกับทำใจว่าเขาจะต้องพบกับเหตุการณ์เช่นนี้ไปอีกนาน






               ปาลใช้เวลาเกือบทั้งคืนเพื่อสำรวจร้านค้าสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้เคียงโดยรอบสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมและขอตรวจสอบกล้อง

วงจรปิดในช่วงเวลาใกล้เคียงกับเวลาที่หนุ่มวัยรุ่นเสียชีวิตว่ามีใครมาซื้อถุงยางอนามัยบ้าง เขาทำเช่นนี้อยู่หลายร้านจนเริ่มท้อแต่ในที่สุด

ความพยายามของปาลก็เป็นผล


               รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเมื่อเห็นผู้ต้องหาเดินเข้ามาในร้านจากจอมอนิเตอร์ ปาลนึกขอบคุณที่ฟ้ายังมีความยุติธรรม


               ปาลจะกระชากหน้ากากของฆาตกรให้ได้


                TBC


                :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 24 Anubis Lord of the Death [18/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 18-10-2016 03:41:43
 :z1:  เจอคำว่า  ยสตน.   เข้าไปฟินมว๊ากกกก  555   

ตอนหน้าแอบกลัวอิตาคีรีจัง  คนที่มันจนตรอกมีนทำอะไรได้ไม่เลือกกลัวว่า โอมจะเป็นอะไรไป

แต่ถ้าโอมไม่เป็นอะไรไป ก็คงไปอยู่กับท่านเทพไม่ได้   :hao7: 

ปล.  น้องทิสซี่ของเราช่างยอมง่ายจริมๆ   แน่ก็นะ  ชั้นชอบบบบ  :hao6:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 24 Anubis Lord of the Death [18/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: PongPongpang ที่ 18-10-2016 03:57:59
ขำเวทิศ5555. สู้ๆนะผู้กอง. ทำไมนึกถึงเวทิศทีไรหน้าโอ๊ค ในพี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่งลอยมา เอาไปเป็นอิจเมจของเวทิศน่าจะตรงกันเป๊ะๆเลยนะ555 :hao6:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 24 Anubis Lord of the Death [18/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 18-10-2016 08:38:14
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 24 Anubis Lord of the Death [18/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-10-2016 09:11:24
 :mew1:  เอาใจช่วยผู้กองและคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 24 Anubis Lord of the Death [18/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: KIIIIIM ที่ 18-10-2016 12:55:41
ตอนต่อไปมันส์แน่นอน  คอนเฟิร์ม o13
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 24 Anubis Lord of the Death [18/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-10-2016 13:05:40
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 24 Anubis Lord of the Death [18/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-10-2016 15:32:30
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 24 Anubis Lord of the Death [18/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 18-10-2016 19:15:26
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 24 Anubis Lord of the Death [18/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Minzero ที่ 18-10-2016 20:01:54
ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว! :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 24 Anubis Lord of the Death [18/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 18-10-2016 20:58:04
สู้วุ้ยยย
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 24 Anubis Lord of the Death [18/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: polkadot ที่ 18-10-2016 22:11:49
เท แปลว่าอะไร ไม่ใช่ถามเพราะไม่รู้ แต่ถามเพราะคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นภาษาเขียนที่คนทั่วไปจะเข้าใจ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 24 Anubis Lord of the Death [18/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 18-10-2016 23:09:39
คู่เวทิสก็ฟินไป

กังวลแต่โอมนี่แหละ :mew6:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 24 Anubis Lord of the Death [18/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 19-10-2016 09:42:06
 o13 o13
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 24 Anubis Lord of the Death [18/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 19-10-2016 11:12:39
เก่งมากปาลสู้ๆ จัดคีรีให้เข้าคุกไปเลยค่ะ รีบหน่อยนะนางวางแผนฆ่าโอมแล้ว  :katai1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 24 Anubis Lord of the Death [18/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 19-10-2016 16:51:59
กลัวความเป็นหมาจนมุมของคีรี
เพราะโอมจะเป็นอันตรายกว่าเดิมมากแน่ๆๆๆ
ท่านเทพต้องคอยเฝ้าและจับตามองหนักๆเลยย
 ต่ตอนนี้ขำเวทิศกับผู้กองมากก
ยิ่งเจอ ยสตน. นี่ลั่นนเลย55555
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 24 Anubis Lord of the Death [18/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 19-10-2016 18:59:56
ยสตน. ว้ากกกก คุณตำรวจนี่หล่ะก็ >.<//
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 25 Anubis Lord of the Death [20/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 20-10-2016 00:03:06


                                                      อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                                 บทที่ 25

                                                    Anubis Lord of the Death               


               กวินตรากำลังใจสั่น มือสั่นจนอยู่นิ่งไม่ได้ เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆจนต้องยกมือสั่นเทาไปบีบนวดแต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น

เหงื่อเหนียวหนับผุดตามรูขุมขนไปทุกอณู หล่อนแลบลิ้นเลียไปรอบริมฝีปากแห้งผากที่เพียรทาลิปมันเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ

               ใจของหล่อนอยู่ไม่เป็นสุข ความกระวนกระวายแผ่เข้าควบคุมจิตใจจนไม่อาจออกจากห้องไปทำงานที่โรงพยาบาลได้แม้ว่า

เวลาจะผ่านไปจนถึงยามสายและในตอนนี้สมองของกวินตราไม่ได้นึกถึงเรื่องอื่นใดนอกจากเกร็ดสีเงินที่คีรีปรนเปรอให้หล่อนบ่อยครั้งใน

ช่วงหลัง กวินตราต้องการมันเกินกว่าจะทำสิ่งอื่นได้

               โผไปที่โต๊ะกระจก หล่อนมองเห็นใบหน้าซีดคล้ำที่ยังไม่ผ่านการปรุงแต่ง ผิวพรรณที่เคยสดใสกลับแห้งผากไร้น้ำนวลจนตัว

เองยังตกใจ หากแต่กวินตราจะข้ามเรื่องนี้ไปก่อนเพราะเรื่องที่สำคัญกว่าคือโทรศัพท์ไปหาคีรี กวินตราหงุดหงิดแม้แต่การรอคอยให้คีรี

รับสาย และเมื่อปลายสายกดรับหล่อนก็รีบกรอกเสียงแข็งไปทันที


               “คีรี คุณอยู่ที่ไหนตอนนี้”


               ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอดังแว่วจากอีกฝั่งแม้จะจางจนแทบไม่ได้ยิน มันยิ่งกระตุ้นจนกวินตรายิ่งหงุดหงิด


               “บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าคุณอยู่ที่ไหน”


               “ใจเย็นสิวินนี่ ไปเดือดอะไรมาถึงได้โวยวายเสียงดังขนาดนั้น”


               “อย่ามากวนประสาทกันนะ” กวินตราตะโกนใส่โทรศัพท์มือถือราคาแพงของหล่อน


               “ฉันต้องการยาไอซ์ คุณมีหรือเปล่าตอนนี้”


               “เป็นอย่างเดียวที่คุณต้องการจากผมงั้นสินะ ถ้าผมไม่ให้คุณล่ะ”


               “คุณต้องให้ อยากได้อะไรล่ะ มันขายยังไงฉันจะจ่ายเงินให้”


               กัดฟันพูดออกไปเพราะตอนนี้อาการปวดศีรษะพุ่งขึ้นมาอีกระลอก กวินตราทรมานจนไม่อาจอธิบายให้ใครฟังเข้าใจ จะมีก็แต่

คีรีเท่านั้นที่ช่วยหล่อนได้เพราะตลอดชีวิตกวินตราก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับมัน หล่อนไม่รู้ว่าเวลาคับขันเช่นนี้จะไปหาสิ่งเหล่านี้ที่ไหน นึกแล้ว

ก็เจ็บใจที่ใจอ่อนยอมกินมันหลายต่อหลายครั้งตามที่คีรีป้อนใส่ปากเพราะติดใจในฤทธิ์ของมันที่ทำให้หล่อนสนุกสุดเหวี่ยงยามที่มีความ

สัมพันธ์กับคีรี


               “ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก” คีรีพูดกลั้วหัวเราะ


               “ผมพอมีมันอยู่นิดหน่อย ถ้าอยากได้ก็มาที่...สิ เดี๋ยวผมจะแชร์แผนที่ไปให้คุณ”


               กวินตรารีบกดปิดโทรศัพท์ ไม่นานคีรีก็ส่งแผนที่เข้ามาในเครื่อง หล่อนเซซังแต่งตัวลวกๆแล้วรีบไปที่รถยนต์ก่อนจะขับไป

ตามแผนที่ที่คีรีแชร์มาอย่างรวดเร็ว





               รถยนต์ของกวินตราพุ่งเข้ามาจอดใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่หน้าประตูรั้วของบ้านไม้ชั้นเดียวเก่าคร่ำในจังหวัดปริมณฑล มันเป็นบ้าน

ไม้สีมอมีรั้วเป็นสังกะสีที่เก่าสนิมเกรอะตั้งอยู่ท้ายซอยลึกที่ตลอดทั้งซอยมีแต่บ้านโกโรโกโสกระจายอยู่ริมถนนเส้นเล็ก ในยามปกติกวิน

ตราคงไม่คิดแม้แต่จะเลี้ยวรถเข้ามาหากแต่ตอนนี้แม้จะเป็นนรกกวินตราก็ยอมลงไป

               หญิงสาวรีบก้าวออกจากรถแล้วพุ่งไปเปิดประตูสังกะสีที่สูงท่วมหัว บริเวณด้านหน้าตัวบ้านมีต้นไม้ขึ้นรกครึ้มจนแม้แต่ในเวลา

ก่อนเที่ยงวันเช่นนี้ก็ยังดูน่ากลัว กวินตราตัดสินใจก้าวลิ่วไปที่ตัวบ้านและเปิดประตูทางเข้าให้กว้างก่อนจะสอดส่ายสายตามองหาเป้า

หมายที่หล่อนต้องการตัวที่สุด


               “คีรี!”


               เรียกเสียงดังเมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งสูบบุหรี่พ่นควันอย่างอารมณ์ดีอยู่ที่เก้าอี้หวายตัวหนึ่งท่ามกลางเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้นที่ตั้งอยู่ใน

ห้องโถงไม่กว้างนัก กวินตราโผเข้าไปกระชากแขนเขาด้วยแรงทั้งหมดที่หล่อนมีตอนนี้


               “ไหนล่ะยา เอามาเดี๋ยวนี้!”


               คีรีเหยียดยิ้มอย่างสมเพชขณะใช้หางตาเหลือบแลสภาพของกวินตราที่มองไม่เห็นความเป็นคุณหนูไฮโซอย่างที่เจ้าตัวภูมิใจ

นักหนา เขาปัดมือของหล่อนทิ้งอย่างนึกรังเกียจ


               “เสี้ยนมันมากนักหรือไงวินนี่ ดูสภาพสิ ทุเรศสิ้นดี”


               “เอามันมาให้ฉันเดี๋ยวนี้” กวินตรากรีดร้องพลางทุบตีเท่าที่แรงจะมีจนคีรีหมดความอดทน เขาผุดลุกขึ้นยืนยกฝ่ามือฟาดเผียะ

ที่ใบหน้าของกวินตราจนหล่อนทรุดลงนั่งกองอยู่กับพื้นที่มีแต่คราบฝุ่นจับหนา ใบหน้าซีดขึ้นรอยแดงของฝ่ามือเป็นปื้น แต่บัดนี้หญิงสาว

หมดแรงที่จะต่อกรกับคีรีเสียแล้ว


               “ฤทธิ์มากนักระวังจะอด”


               คีรีล้วงไปที่กระเป๋าเสื้อหยิบซองใสที่มีเกล็ดสีเงินอยู่ก้นถุงพร้อมกับหลอดกาแฟตัดสั้นบรรจุอยู่ในนั้น เมื่อกวินตรามองเห็น

หล่อนก็เลียริมฝีปากและพยายามลุกมาไขว่คว้ามันแต่คีรีกลับยกแขนหนี


               “คีรี เอามันมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ฉันจะขาดใจแล้วนะ”


               กวินตราคร่ำครวญ ยิ่งเห็นความกระหายในฤทธิ์ของมันก็ยิ่งทำให้หล่อนทรมานทั้งกายและใจ คีรีเลิกคิ้วมองหล่อนพลาง

เหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์


               “มันแพงนะวินนี่ ที่ผมมีอยู่ในซองนี้มันบริสุทธิ์มากและแพงมากด้วย”


               “เท่าไหร่” กวินตราเค้นเสียงถาม  “เท่าไหร่ฉันก็จะจ่าย”


               “ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนกันผมจะคิดเงินคุณได้ไง ผมขอแค่ดูอะไรสนุกๆจากคุณหน่อยก็เท่านั้น”


               “อะไร ต้องการอะไรก็บอกมาไอ้คนเลว”


               “ผมอยากเห็นคุณแก้ผ้า”


               “ไอ้คีรี ไอ้...”


               “เอาไหมยาน่ะ”


               กวินตราฝืนลุกขึ้นยืน น้ำตาไหลออกมาเป็นสายด้วยความเจ็บใจขณะที่มืออันสั่นเท่าค่อยๆถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น หล่อนเบิก

ตากว้างเมื่อเห็นคีรีหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วถ่ายคลิปไว้


               “แกจะทำอะไร หยุดถ่ายนะ”


               “อย่าลีลาวินนี่ มีหน้าที่แก้ผ้าก็แก้ไป ถ้ายังอยากได้มัน”


               อีกมือหนึ่งของคีรีชูถุงพลาสติกไว้เป็นตัวประกัน กวินตรามองเขาอย่างชิงชังแต่ก็ต้องยอมเปลื้องผ้าจนไม่เหลืออะไรติดกาย

แม้แต่ชิ้นเดียวพลางใช้มือพยายามปิดของสงวนไว้แต่ก็แทบจะช่วยอะไรไม่ได้เลย


               “ไอ้เลว ฉันเกลียดแก”


               กวินตราสะอื้นเมื่อคีรีก้าวเข้ามาชิด กล้องจากโทรศัพท์จับภาพร่างกายและใบหน้าของหล่อนไว้จนกระทั่งคีรีพอใจแล้วเขาจึง

เดินอ้อมไปเบื้องหลัง ท่อนแขนล็อกไปรอบลำคอของกวินตราให้เงยหน้า เขาใช้หลอดน้ำตัดสั้นที่บรรจุผงยาอยู่ในซองพลาสติกจ่อเข้า

กับจมูกของกวินตรา


               “เอ้า ดมเข้าไปสิ สูดเข้าไป ถือว่าผมให้คุณเป็นทานก็แล้วกันนะ”


               กวินตรารีบสูดมันเข้าไปจนสำลัก แต่หล่อนก็ไม่เลิกสูดมันเข้าไปในโพรงจมูกอีกสองสามครั้ง ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นอาการ

เสี้ยนยาก็เริ่มดีขึ้น อาการปวดศีรษะและครั่นเนื้อครั่นตัวหายไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวปล่อยโฮออกมาเมื่อคีรีปล่อยร่างของหล่อนให้ทรุด

ฮวบลงไปคลุกฝุ่นอีกครั้ง


               “ฉันจะฆ่าแก ไอ้คีรี!”


               “ทำได้ก็ลองดู อย่าลืมว่าคลิปคุณแก้ผ้าอยู่ในโทรศัพท์ของผม แค่ผมกดแชร์มันไปที่ไหนสักแห่ง เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ แค่นี้คุณ

ก็จะโด่งดังทันที”


               “แก!”


               กวินตราไม่อายอีกแล้ว หล่อนฝืนกายขึ้นหวังจะทำร้ายคีรีระบายความโกรธ หากแต่กลับถูกคีรีตบหน้าซ้ำแถมเขายังกระชาก

เส้นผมติดมือจนกวินตราร้องกรี๊ด


               “อย่าทำเป็นเก่งหน่อยเลยกวินตรา นี่ผมยังไม่ได้คิดค่าดอกเตอร์ฟีที่ช่วยรักษาคุณด้วยซ้ำ”


              คีรีตะคอก ใบหน้าของเขาถมึงทึงราวกับไม่ใช่นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมแต่หากเหมือนปีศาจร้ายที่กำลังหลอก

หลอนผู้คนให้หวาดกลัว


              “ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วก็เตรียมตัวชดใช้ให้ผมได้แล้ว”


            คีรีผลักหญิงสาวออกห่างปล่อยให้กวินตราสวมเสื้อผ้าคืนด้วยความเจ็บใจ และเมื่อเห็นกวินตราแต่งตัวเสร็จคีรีก็โยนห่อกระดาษ

บางๆให้หล่อนห่อหนึ่ง


                “ถ้าไม่อยากเห็นภาพโชว์หวิวของตัวเองก็ทำงานให้ผม เอายานอนหลับในห่อนี่ไปให้อาศิรน้องชายของคุณกินแล้วพาเขามา

ที่นี่”


                “แกจะบ้าเหรอไอ้คีรี คิดจะทำอะไรกับไอ้โอมอีก”


                  “ไม่ต้องเสือก” คีรีตวาดเสียงกร้าว


                   “อย่าทำตอแหลว่ารักน้องชายตัวเองหน่อยเลย คุณมีหน้าที่ทำตามที่ผมสั่ง ตอนนี้เวลาเที่ยงตรง ผมให้เวลาคุณปฏิบัติงาน

และขับรถไปกลับสามชั่วโมงพอไหม”


                  คีรียิ้มเหี้ยม


                 “ภายในสามโมงเย็นถ้าผมไม่เห็นคุณพร้อมอาศิรที่หลับสนิทที่นี่ล่ะก็ ผมจะแชร์คลิปแก้ผ้าของคุณทันที คุณก็รู้ว่าผมทำได้”


                 “ฉันไม่ทำ!”


                 “ผ่านไปสองนาทีแล้วนะวินนี่”


                  กวินตรามองคีรีอย่างชิงชังแล้วจึงเดินกระเซอะกระเซิงออกไปนอกตัวบ้าน หญิงสาวก้าวขึ้นรถแล้วฟุบหน้ากับพวงมาลัยรถ

ก่อนจะปล่อยโฮออกมาเมื่อรู้ว่าตนเองกลายเป็นเบี้ยล่างของคีรีเสียแล้ว




               มีต่ออีกนิด...





หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 25 Anubis Lord of the Death [20/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 20-10-2016 00:08:09
ต่อกันตรงนี้...



               “อิ่มจัง”


               อาศิรพูดขึ้นขณะเดินกลับเข้ามาภายในโรงพยาบาลพร้อมกับอนูบิสหลังกลับจากรับประทานอาหารกลางวันกันที่ร้านอาหาร

นอกโรงพยาบาล


               “ช่วงบ่ายผมต้องง่วงมากแน่ๆเลย”


               “ก็เมื่อคืนโอมนอนน้อยด้วยนี่นา”


               อาศิรมองเทพแห่งอียิปต์อย่างหมั่นไส้


               “ก็ใครใช้ท่านเทพหื่นนักล่ะครับ ผมบอกว่ารอบเดียวก็ไม่ฟังกันบ้างเลย”


               อนูบิสมองใบหน้าง้ำงอของอาศิรอย่างเอ็นดู


               “อยู่ใกล้โอมแล้วผมอดใจไม่ไหวจริงๆนะ อยากจะบอกรักทั้งคืนก็เกรงใจ”


               “พูดมากอะ นี่ถ้าผมมีฤทธิ์นะผมจะเสกคุณให้พูดไม่ได้”


               การถกเถียงระหว่างอาศิรกับอนูบิสหยุดลงเมื่อโทรศัพท์ของอาศิรดังขึ้น เขารับและเอ่ยทักทายอย่างอารมณ์ดี


               “ว่าไงยัยน้ำชา”


               “ไม่ว่าไง ฉันก็เหมือนเดิมแหละไอ้โอม”


               “คิดถึงแกว่ะน้ำชา ไม่ได้เจอกันเลย แล้วนี่แกดีกับพี่ภักดิ์เขาหรือยัง เห็นบ่นๆว่าแกงอนจนไม่ยอมดีด้วย”


               “ดีกันแล้ว” น้ำเสียงของชาลินีอู้อี้จนอาศิรแปลกหู


                 “อย่าเพิ่งพูดเรื่องของฉันกับยัยหมอดับจิตเลย พูดเรื่องแกดีกว่า”


               “เรื่องฉัน เรื่องอะไรวะ” อาศิรสงสัย


               “อ้าวไอ้โอม นี่แกยุ่งจนลืมวันลืมคืนเลยหรือไง แหกตาดูวันเวลาบ้างวันนี้วันอะไร”


               อาศิรก้มมองดูนาฬิกาข้อมือแล้วพึมพำออกมา


               “หนึ่งกรกฎา”


               “ใช่แล้ว สุขสันต์วันเกิดนะเพื่อน” ชาลินีส่งเสียงดังมาทางโทรศัพท์ “ตอนเย็นฉันว่าง เราไปหาอะไรกินกันนะ เดี๋ยวฉันจะโทร

บอกไอ้ทิศเอง”


               ชาลินีวางสายไปแล้วปล่อยให้อาศิรยืนอึ้งที่เขาลืมวันเกิดตัวเองไปเสียสนิท


               “เบญจเพส ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง ความล่มสลายคือการถือกำเนิดใหม่อย่างแท้จริง จงระวังไว้พ่อหนุ่ม แต่ไม่เป็นไรหรอก เทพอนูบิสจะคุ้มครองคุณ”


               คำทำนายจากหญิงชราลึกลับดังขึ้นอยู่ในโสตประสาทจนอาศิรสะดุ้ง เขาลืมมันไปหมดแล้วเช่นกันแต่มันกลับมาย้ำเตือนจน

อาศิรใจเต้น


               “เป็นอะไรหรือเปล่าโอม”


               อนูบิสถามอย่างอาทรเมื่อเห็นสีหน้าของอาศิร คนถูกถามรีบส่ายหน้าและฝืนยิ้มทันที


               “ไม่ได้เป็นอะไรครับอินทร์ภู น้ำชามันโทรมาเตือนว่าวันนี้เป็นวันเกิดผม มีแต่เรื่องยุ่งๆจนลืมไปเลย”


               “วันเกิดโอมงั้นหรือ” อนูบิสทวนคำเพราะเทพเช่นเขาไม่รู้ว่าวันที่ให้กำเนิดคือวันใด


               “ใช่ครับ น้ำชามันนัดไปกินข้าวเย็นด้วยกัน งั้นผมไปทำงานก่อน คุณไปรอที่เดิมนะครับเลิกงานแล้วเจอกัน”


               อาศิรฝืนยิ้มให้อนูบิสอีกครั้งก่อนจะเดินไปที่ห้องตรวจทิ้งให้อนูบิสไปรอที่ล็อบบี้เช่นเคย อาศิรได้แต่ครุ่นคิดถึงคำทำนายที่ไม่

อาจเข้าใจได้

                ความล่มสลายคือการถือกำเนิดใหม่

               อะไรคือความล่มสลาย อะไรคือกำเนิดใหม่


               อาศิรถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเดินเข้าไปในห้องตรวจที่เขาประจำอยู่


               “อ้าว พี่วินนี่”


                อุทานอย่างแปลกใจที่เห็นกวินตราในสภาพโทรมจัดนั่งอยู่ที่โต๊ะตรวจของเขา ทั้งที่ร้อยวันพันปีกวินตราไม่เคยมาเลยสักครั้ง


               “มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”


               “ทำไม มาหาน้องชายนี่ต้องมีธุระด้วยหรือ” กวินตราถามด้วยเสียงแหบเครือ


               “ยังไงแกก็เป็นน้องชายของฉันถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้รักกัน แต่ฉันก็ยังไม่ลืมหรอกว่าวันนี้วันเกิดแกน่ะโอม”


               “ขอบคุณครับ”


                 อาศิรเอ่ยอย่างประหยัดถ้อยคำ เขาเห็นกวินตราเลื่อนแก้วกาแฟสดหนึ่งในสองแก้วที่ตั้งอยู่บนโต๊ะมาทางเขา
 

              “ฉันไม่ค่อยสบายวันนี้ เลยซื้ออะไรมาเป็นของขวัญให้แกไม่ได้ มีแค่กาแฟแก้วนี้เท่านั้นแหละที่ซื้อมาเผื่อแก”


               “ความจริงพี่วินนี่ไม่ต้องลำบากก็ได้”


               “ฉันจะลำบากหรือไม่มันก็เรื่องของฉัน”


                 กวินตราเอ่ยเสียงห้วนก่อนจะรีบเปลี่ยนท่าทีและพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้นุ่มลง


               “อย่าให้เสียน้ำใจที่ฉันซื้อมาเลย กินเสียสิโอม”


               อาศิรไม่อยากมีปัญหากับกวินตรา เขาเอื้อมมือคว้าแก้วกาแฟสดขึ้นมาดื่มไปอึกใหญ่แล้วจึงวางกลับคืน ดูเหมือนสีหน้าของ

กวินตราจะดีขึ้นอยู่บ้าง


               “ฉันปวดหัว อยากกลับไปนอนพัก แกเดินไปส่งฉันที่รถหน่อยสิโอม”


               “ผมเรียกพนักงานเปลให้ดีไหมครับ”


               “ไปส่งฉันที่รถแค่นี้แกจะไปไม่ได้เลยหรือไง ทำไมชอบขัดใจฉันนักนะ”


                กวินตราตวาดจนอาศิรต้องลอบถอนหายใจอีกครั้ง


               “โอเคครับพี่วินนี่ ผมจะไปส่งพี่ที่รถ”


               กวินตราลุกจากเก้าอี้และเดินนำอาศิรออกจากห้องตรวจไปทางด้านหลัง อาศิรเดินตามหลังพี่สาวคนละแม่ไม่ห่างนัก แต่ยิ่ง

เดินใกล้อาคารจอดรถอาศิรกลับรู้สึกแปลกๆกับร่างกายตนเองเมื่ออยู่ๆความง่วงงุนก็เข้ามาเยือนฉับพลัน


               “เป็นอะไรโอม เดินโงนเงนขนาดนั้น ใกล้จะถึงรถฉันแล้วอีกไม่กี่เมตรเอง”


               อาศิรกัดฟันฝืนก้าวต่อไป เปลือกตาของเขาปิดเข้าหากันอย่างห้ามไม่ไหวเมื่อเดินมาถึงรถยนต์ของกวินตราพอดี หญิงสาว

เปิดประตูรถด้านหลังและผลักร่างของอาศิรให้ซุกศีรษะล้มลงไปกับเบาะรถด้านหลัง ความดำมืดเข้ามาเยือนเมื่อดวงตาคู่สวยปิดสนิท สติ

ของอาศิรเลื่อนลอยก่อนจะหยุดลงพร้อมกับได้ยินเสียงกวินตราสตาร์ทรถเป็นสิ่งสุดท้าย



           TBC

            :katai1: :katai1:



หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 25 Anubis Lord of the Death [20/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 20-10-2016 00:33:52
 :katai1:   อื๊ยยยยยย   ไม่อยากให้โอมเป็นอะไรเลย  แต่ดูๆแล้ว ถ้ายังอยู่แบบปกติก็อยู่กับพ่อเทพไม่ได้  :z3:  รับไม่ได้แต่ก็ต้องทำใจ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 25 Anubis Lord of the Death [20/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 20-10-2016 09:56:32
 o22 o22 o22 o22 :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 25 Anubis Lord of the Death [20/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-10-2016 10:27:16
ท่านเทพช่วยโอมด้วย!!
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 25 Anubis Lord of the Death [20/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 20-10-2016 12:25:59
ท่านเทพต้องรู้
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 25 Anubis Lord of the Death [20/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 20-10-2016 16:06:45
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

ช่วยโอมด้วยท่านเทพ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 25 Anubis Lord of the Death [20/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 20-10-2016 18:16:44
ม่ายนะ โอมมมม  :sad4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 25 Anubis Lord of the Death [20/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-10-2016 19:10:10
ไม่นะ.  ทำไมต้องวันเกิดด้วย
ห้ามเป็นอะไรนะ ท่านเทพคะด่วนเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 25 Anubis Lord of the Death [20/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 20-10-2016 21:12:52
ท่านเทพต้องมาช่วยโอมนะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 25 Anubis Lord of the Death [20/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 20-10-2016 23:21:12
ต้องเห็น และไปช่วยทัน
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 25 Anubis Lord of the Death [20/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 21-10-2016 00:14:50
“เบญจเพส ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง -------อายุครบ25ปี เปลี่ยนไปทางไหนต้องรอดู
ความล่มสลาย -----------อาจถูกคีรีทำร้ายจนสาหัสหรือตาย
คือการถือกำเนิดใหม่อย่างแท้จริง ---------วิญญิาณอาจจะปลอดภัยและทำให้เกิดใหม่ ในรูปแบบไหนละ?
จงระวังไว้พ่อหนุ่ม แต่ไม่เป็นไรหรอก เทพอนูบิสจะคุ้มครองคุณ” ------อาจจะเห็นและช่วยทันแต่ก้อาจจะไม่สมบูรณ์

นี่เดาว่าพอคีรีทำร้ายปุ้บ อนูบิสรู้ตัวตามมาช่วย
แต่อาจจะมาไม่ทันกับที่โอมจะทนไหว
อาจจะตาย ปีศาจจะเอาวิญญาณและพลัง
อนูบิสอาจจะมาทันช่วยวิญญาณ
ได้พลังคืน กำจัดปีศาจ ได้ขนนกคืน
เอาโอมไปเกิดใหม่อยู่กับตัวเอง
เดาล้วนๆๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 25 Anubis Lord of the Death [20/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 21-10-2016 14:02:38
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 26 Anubis Lord of the Death [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 22-10-2016 00:09:29


                                                อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                          บทที่ 26

                                                Anubis Lord of the Death



               อนูบิสกระสับกระส่ายจนเกือบจะกลายเป็นหงุดหงิดเมื่อเกินเวลาที่อาศิรเลิกงานแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววที่ชายหนุ่มจะเดินมา

หาเขาอย่างเช่นทุกวัน

               อันที่จริงอนูบิสอยากจะไปนั่งเฝ้าอาศิรที่หน้าห้องตรวจเสียด้วยซ้ำเพื่อความปลอดภัย แต่อาศิรเกรงว่ามันจะเป็นการเอิกเกริก

เกินไปจึงได้ห้ามไว้และให้เขารอที่ล็อบบี้ เมื่อเลิกงานอาศิรจะเดินมาหาเขาหากแต่บ่ายวันนี้อนูบิสยังไม่เห็นแม้แต่เงา

               ในที่สุดอนูบิสจึงหมดความอดทน เขาเดินดุ่มไปที่แผนกผู้ป่วยนอกและถามหานายแพทย์อาศิรกับเจ้าหน้าที่หน้าห้องตรวจ

และคำคอบที่ได้กลับมาทำให้อนูบิสถึงกับอึ้ง


               “หมอโอมเข้ามาตอนบ่ายหลังรับประทานอาหารและออกไปพร้อมคุณกวินตราค่ะ”


               อนูบิสกัดฟันกรอดเมื่อรู้ว่าอาศิรหายไปจากโรงพยาบาลเนิ่นนานตั้งแต่ที่แยกกับเขานั่นแหละ ความหวาดหวั่นจู่โจมเข้าสู่หัวใจ

ของเขา อนูบิสไม่ได้กลัวอันตรายจะเกิดขึ้นกับตัวเองแต่เขากลัวว่ามันจะเกิดขึ้นกับอาศิรต่างหากมันทำให้อนูบิสอดที่จะโทษตนเองไม่ได้

อนูบิสพลุ่งพล่านเมื่อไม่รู้ว่าจะต้องไปตามหาอาศิรที่ไหนเพราะตอนนี้เขาไม่มีฤทธิ์อำนาจของความเป็นเทพเมื่อไม่มีอังค์ ทำได้แค่เพียง

วิ่งกลับไปทางด้านหน้าของโรงพยาบาลแล้วหาตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญโทรไปหาเวทิศตามที่อาศิรเคยสอนไว้


                 “เกิดอะไรขึ้นครับท่านเทพ” เวทิศรีบถามเพราะรู้ว่าหากไม่มีเรื่องด่วนอนูบิสคงไม่โทรหาเขา


                 “เวทิศ โอมหายไป มีคนเห็นว่าโอมเดินออกไปพร้อมกวินตรา” เสียงที่ตอบเวทิศเต็มไปด้วยความวิตกกังวลยากที่อนูบิสจะ

ควบคุมได้


                “อ้าวเฮ้ย” เวทิศเองก็ตกใจไม่แพ้อนูบิส “ใจเย็นนะท่าน ผมจะรีบติดต่อผู้กองปาลโดยเร็วที่สุด”


                เวทิศวางหูอย่างรวดเร็วแต่อนูบิสรีรออยู่ไม่กี่นาทีก็เห็นรถยนต์สีน้ำตาลแล่นมาจอดหน้าโรงพยาบาลคันหนึ่งก่อนที่จะมีตำรวจ

หลายนายก้าวลงมาจากรถรวมทั้งปาลที่วันนี้แต่งกายด้วยชุดตำรวจในเครื่องแบบ


               “คุณอินทร์ภู”


               ยังไม่ทันที่ปาลจะพูดจบอนูบิสก็กระชากแขนเขามาเพื่อแจ้งข่าวที่ทำให้ปาลวิตกตามไปด้วย


               “ผมเพิ่งทราบก่อนหน้ารถจะเลี้ยวเข้ามาในโรงพยาบาลนี่เอง เวทิศเขาโทรบอกผม แต่ที่ผมมาที่นี่วันนี้ก็เพื่อมาจับกุมหมอคีรี”


               นายตำรวจคนหนึ่งที่มาพร้อมปาลเดินไปยังแผนกประชาสัมพันธ์เพื่อแจ้งความประสงค์และไม่นานนักนายแพทย์กำจรผู้

บริหารของโรงพยาบาลก็มาถึงพร้อมกับสีหน้าตื่นตกใจที่เห็นปาลและเพื่อนตำรวจ


               “มีอะไรกันปาล”


             ปาลยื่นเอกสารแผ่นหนึ่งส่งให้กำจรอดีตบิดาของคนรักเก่า


               “หมายจับนายแพทย์คีรีครับ เขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมเมื่อหลายวันก่อน ผมทราบมาว่าเขาย้ายมาทำงานกับคุณ

อาที่นี่”


                 “แต่อายังไม่เห็นหน้าเขาเลยนะวันนี้”


                กำจรหน้าซีด เขาไม่นึกว่าคีรีจะไปเกี่ยวข้องกับคดีดัง เพราะหากเป็นเรื่องจริงโรงพยาบาลของเขาก็ต้องเสียชื่อเสียงไปด้วย


               “อีกเรื่องครับคุณอา” ปาลกล่าวเสียงเครียด “ผมเกรงว่าหมอคีรีอาจจะล่อลวงให้วินนี่กลายเป็นเครื่องมือของเขาไปด้วย”


               “อะไรนะ เอาอะไรมาพูดน่ะปาล”


                สีหน้าของกำจรราวกับจะช็อกเมื่อได้ยิน ปาลไม่รอช้า เขารีบนำเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นตรงไปที่แผนกรักษาความปลอดภัย

โดยไม่รอช้าแล้วหาภาพจากกล้องวงจรปิดอย่างรวดเร็ว อนูบิสถือโอกาสติดตามปาลไปด้วย สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความ

เจ็บใจเมื่อเวลายิ่งผ่านไป


                 “ที่อาคารจอดรถ”


                  ทุกคนรีบวิ่งไปยังอาคารจอดรถที่กล้องวงจรปิดจับภาพกวินตราและอาศิรได้เป็นครั้งสุดท้าย ทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติงาน

ค้นหาหลักฐานทันทีโดยรอบพื้นที่ทันที ไม่นานนักตำรวจคนหนึ่งจึงตะโกนออกมา


                  “เจอโทรศัพท์ตกอยู่ครับผู้กอง”


                 เป็นโทรศัพท์มือถือของกวินตราจริงๆที่ปาลจำได้ เขาเปิดหน้าจอล็อกและใส่รหัสลงไปอย่างคุ้นเคย ในที่สุดปาลก็พบข้อมูล

สำคัญคือเบอร์โทรล่าสุดและแผนที่จากกูเกิลแมพที่ถูกแชร์ส่งมา


                “เดี๋ยวก่อนปาล ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”


                กำจรที่ตามมาด้วยมองปาลด้วยสีหน้าที่ยังงุนงงไม่หาย


                “มีความเป็นไปได้ว่าหมอคีรีประสงค์ร้ายต่อชีวิตของโอมครับแต่ด้วยสาเหตุใดผมยังไม่สามารถบอกคุณอาได้ตอนนี้ และเขา

อาจจะใช้วินนี่พาโอมไปหาเขา จากภาพในกล้องวงจรปิดถึงได้เห็นโอมเดินโซเซตามวินนี่มาที่รถ”


              “เป็นไปไม่ได้” กำจรอุทานด้วยความตกใจ


                “ผมเองก็ภาวนาเช่นนั้นครับคุณลุง แต่ตอนนี้เราทำได้แค่เพียงติดตามร่องรอยของกวินตราไปให้เร็วที่สุด


                “อย่ามัวแต่คุยกันอยู่เลย ผมเป็นห่วงโอม”


                น้ำเสียงห้วนจัดดังขึ้นจากอนูบิส เขาไม่อยากให้เวลาเคลื่อนที่ผ่านไปโดยไม่เกิดประโยชน์ ปาลพยักหน้ารับก่อนจะสั่งให้เจ้า

หน้าที่ตำรวจวิ่งกลับไปที่รถ


               “อาจะตามไป”


                กำจรตะโกนไล่หลัง เขาเป็นห่วงกวินตรารวมถึงอาศิรด้วยแม้ว่าจะไม่เคยแสดงออกถึงความรักให้บุตรชายที่เกิดจากภรรยา

น้อยได้รับรู้มาก่อน

                นายแพทย์กำจรรู้ดีว่าตัวเขานั้นเป็นคนมีทิฐิสูงและปากแข็ง อีกสาเหตุหนึ่งเพราะหากกำจรแสดงความรักกับอาศิรมากไป

ความระหองระแหงกับวิไลวรรณภรรยาตามกฎหมายก็ต้องตามมา กำจรจึงจำเป็นจะต้องเก็บความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ จนนานเข้าอาศิรก็

เข้าใจว่าเขาไม่รักทั้งที่ความจริงกำจรภูมิใจที่บุตรชายเรียนเก่งจนจบแพทย์ แถมยังวางแผนจะให้อาศิรสืบทอดกิจการโรงพยาบาล

เอกชนจนต้องบังคับให้ลาออกจากโรงพยาบาลของรัฐ

                  ความตระหนกในความปลอดภัยของลูกทั้งสองคนทำให้กำจรสำนึกได้ เขาภาวนาให้กวินตราและอาศิรปลอดภัย หลังจาก

นั้นกำจรจะเลิกทำตัวแข็งกระด้างและบอกอาศิรว่าเขารักอาศิรไม่น้อยไปกว่ากวินตรา หากแต่ตอนนี้กำจรทำได้เพียงรีบเรียกคนขับรถเพื่อ

ไล่ตามหลังรถตำรวจไปให้เร็วที่สุด





                  ปาลชี้มือไปทางกระบะด้านหลังของรถตำรวจให้อนูบิสกระโดดขึ้นก่อนที่เขาจะตามขึ้นมา ไซเรนสีแดงด้านบนส่องแสงวาบ

พร้อมเสียงบาดแก้วหูขณะที่รถเคลื่อนตัวออกจากโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ปาลติดต่อสั่งการวุ่นวายจนกระทั่งเวทิศโทรหาเขา


               “โทรมาทำไมตอนนี้” ปาลดุเสียงเข้มแต่เวทิศก็รีบแทรกเสียงเข้ามา


               “ตกลงว่าไอ้หมอคีรีมันจบโอมไปไหน บอกผมเร็วผมจะรีบตามไป”


                “จะมาทำไม อันตราย คุณจะทำให้ผมห่วงหน้าพะวงหลัง”


               “ไอ้โอมเป็นเพื่อนสนิทของผมนะปาล และคุณก็รู้ว่านี่มันไม่ใช่แค่เรื่องของคนอย่างเราๆ มันมีเรื่องเหนือธรรมชาติอยู่ด้วย อย่า

ช้า บอกผมมาเดี๋ยวนี้”


                 เวทิศยื่นคำขาดและปาลก็รู้ว่าเวทิศพูดถูก งานนี้ไม่ใช่เพียงคีรีเท่านั้นหากแต่เขายังมีคู่ต่อสู้ที่เป็นปีศาจอีกด้วยทำให้ปาล

จำเป็นต้องบอกคีรีว่าจุดหมายคือที่ใด


                “คุณต้องระวังตัวนะเวทิศ ผมอาจจะดูแลคุณได้ไม่เต็มที่” ปาลเตือน “และถ้าหากคดีนี้จบลงผมจะบอกรักคุณเสียที”


                  “ไอ้บ้า” คำตอบสุดท้ายของเวทิศก่อนที่เขาจะวางหู ปาลอดจะยิ้มกับตัวเองไม่ได้ที่อย่างน้อยงานนี้ก็ทำให้เขาได้พบกับ

เวทิศ เขาหันไปสบตากับอนูบิสและเอื้อมมือไปตบบ่าให้กำลังใจ


                “ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย”


                 รถตำรวจแล่นผ่านการจราจรไปได้อย่างรวดเร็ว สถานที่จากแผนที่ในโทรศัพท์ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และเมื่อถึงหน้าปากซอย

เสียงไซเรนจึงหยุดลงเพื่อไม่ให้เป้าหมายรู้ตัวว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงแล้ว



มีต่ออีกนิด...

หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 26 Anubis Lord of the Death [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 22-10-2016 00:16:02


ต่อกันตรงนี้...




                อาศิรสะลึมสะลือตอนที่ถูกลากลงมาจากด้านหลังของรถยนต์และไม่มีแรงขัดขืนเมื่อร่างของเขาถูกผลักให้นั่งลงบนเก้าอี้ตัว

หนึ่ง แขนทั้งสองข้างถูกดึงไปด้านหลังแล้วมัดข้อมือติดกัน ลำตัวถูกมัดด้วยเชือกอีกเส้นไว้กับพนักเก้าอี้จนดิ้นไม่หลุด สติสัมปชัญญะ

ค่อยๆกลับคืนมาอย่างช้าๆและเมื่อเปิดเปลือกตาขึ้นมาได้เขาก็ไร้ซึ่งอิสรภาพเสียแล้ว


                “ทำเวลาใช้ได้นะวินนี่ ช้าไปห้านาที ดีนะที่ผมยังไม่ได้กดแชร์คลิปโป๊ของคุณออกไป”


                “พี่วินนี่!”


                 อาศิรตกใจเมื่อรู้ว่าพี่สาวคนละแม่คือเครื่องมือที่คีรีใช้จับตัวเขามา อาศิรก่นด่าตัวเองที่เขาพลาดเพราะไม่ทันระวังกวินตรา พี่

สาวของเขายืนกำหมัดแน่นพลางจ้องคีรีตาถลน


                “ฉันพาไอ้โอมมาให้แกแล้วก็เอามือถือแกมาแลกเปลี่ยนสิไอ้สารเลว”


               “ไม่ให้”


                คีรียิ้มเยาะ เขายกแขนหนีกวินตราที่กรีดร้องและพุ่งเข้ามาแย่งชิงโทรศัพท์ราวกับเสียสติ อาศิรสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียง

ฝ่ามือของคีรีตบดังฉาดลงใบบนซีกหน้าฝั่งหนึ่งของกวินตราและตามด้วยกำปั้นชกเข้าที่ลิ้นปี่ ในที่สุดกวินตราก็หมดฤทธิ์ หล่อนลงไป

นอนนิ่งตัวงออยู่บนพื้นบ้านไม้หลังเก่าที่อาศิรไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนกันแน่


                 “พี่คีรี อย่าทำอะไรพี่วินนี่เลยครับ ผมขอร้อง”


                อาศิรพยายามใช้ไม้อ่อนเข้าอ้อนวอน แต่ดูแล้วจะไม่ได้ผล ดวงตาที่หันขวับมามองเขาลุกโชนราวกับไม่ใช่ดวงตาของมนุษย์


               “มึงคิดว่ามึงเป็นใครถึงจะห้ามกูได้”


                คีรีตวาด เขาคุกเข่าลงคร่อมร่างของกวินตราที่นอนหมดเรี่ยวแรงอยู่บนพื้นแล้วกระชากเส้นผมของกวินตราจนหน้าหงาย เมื่อ

เห็นใบหน้าของกวินตราที่มีเลือดที่แดงฉานกบปากจากฝีมือของเขาคีรีก็หัวเราะลั่น


               “สะใจกูจริงโว้ย ดูสิ อีผู้หญิงไฮโซที่อวดตัวเองว่าสูงส่ง ตอนนี้มันต่างอะไรกับกะหรี่วะ”


               “พี่คีรีพอเถอะ อย่าทำร้ายพี่วินนี่อีกเลย”


                 อาศิรขอร้องด้วยความสงสารเมื่อเห็นสภาพของกวินตราที่แม้แต่แรงจะยกมือยังไม่มี หากแต่คีรีกลับไม่สนใจเขาสักนิด

เหมือนกับว่าคีรีตกอยู่ในโลกส่วนตัวของเขาเองไปแล้ว


                “แม่งโง่ชิบหาย กูหลอกให้แดกยาก็เชื่อ มึงไม่รู้ตัวเลยสินะว่าตอนที่เอาอยู่กับกูน่ะมึงเล่นหนังสดโชว์คนอื่นเขาไปกี่รอบแล้ว”


                ร่างกายของกวินตราเกร็งกระตุก น้ำตาของหญิงสาวไหลลงมาโดยไม่มีเสียงร้องเพราะลำคอโดยรอบถูกคีรีบีบไว้ด้วยมือแข็ง

กระด้างข้างหนึ่ง คีรีใช้มืออีกข้างฉีกเสื้อผ้าของกวินตราจนขาดวิ่น


              “ไหนๆก็โชว์ตอนเล่นยาไปแล้ว วันนี้ก็โชว์เป็นขวัญตาแบบสดๆอีกสักรอบก็แล้วกัน”


               “พี่คีรี!”


                อาศิรไม่อาจทนดูอีกต่อไป เขาเบือนหน้าที่เจิ่งนองด้วยน้ำตาแห่งความสงสารหนีภาพที่ไม่สามารถยื่นมือช่วยเหลือได้ คีรี

เปิดโทรศัพท์มือถือแล้วตะโกนดังไปทั่วบ้าน


              “มีใครออนอยู่ตอนนี้ไหมวะ ของดีมาแล้ว ล้อมวงเข้ามาเลยเดี๋ยวกูจะโชว์ลีลาให้ดูเป็นขวัญตา”


                อาศิรได้ยินเสียงผิวปากโห่ฮาดังออกมาจากโทรศัพท์ของคีรี และแค่อึดใจเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนของกวิน

ตราที่ถูกคีรีข่มขืน คีรีหัวเราะอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับใช้โทรศัพท์ถ่ายคลิปของเขากับกวินตราไปด้วย อาศิรพยายามขยับตัวหวังว่าจะลุก

จากเก้าอี้ที่ถูกพันธนาการไว้ไปช่วยกวินตราแต่ก็ไม่สำเร็จ และทุกครั้งที่กวินตราดิ้นรนหนีคีรีก็จะทำร้ายร่างกายจนในที่สุดกวินตราก็ได้

แต่นอนแน่นิ่งให้คีรีย่ำยีหล่อนและเผยแพร่ภาพนั้นออกไปในโซเชียลมีเดีย

                    สภาพของกวินตราน่าสังเวชจนอาศิรแทบจะจำไม่ได้ว่านั่นคือพี่สาวที่แสนเย่อหยิ่ง กวินตรานอนหายใจรวยรินเปลือยกาย

อยู่กลางพื้นเนื้อตัวเต็มไปด้วยร่องรอยถูกทำร้ายร่างกายในขณะที่คีรีผุดลุกขึ้นยืนและถ่มน้ำลายลงไปบนร่างนั้น อาศิรมองเขาอย่าง

เกลียดชัง


                “เลวที่สุด”


               “งั้นเหรอไอ้คนดี”


                ความสนใจของคีรีพุ่งตรงมาหาอาศิร เขาทิ้งร่างของกวินตราไว้กับพื้นและก้าวพรวดเข้ามาบีบกรามจนอาศิรหน้าเบี้ยว ปีศาจ

ร้ายในคราบมนุษย์จ้องมองด้วยความชิงชังจนอาศิรกลัวจับใจ


              “กูละเกลียดความเป็นคนดีของมึงนัก ไอ้คนโลกสวย มึงไม่รู้หรอกว่าโลกที่แท้จริงน่ะโหดร้ายแค่ไหน”


             “ปล่อยผม!”


                “คิดเหรอว่ามึงจะหนีพ้นไอ้โอม เห็นพี่สาวมึงหรือเปล่าว่าสนุกแค่ไหน ผู้ชายหน้าตาอย่างมึงกูยิ่งชอบยิ่งกว่าอีกะหรี่วินนี่เสีย

อีก เฮ้ยพวกมึง” คีรีหันไปมองโทรศัพท์ด้วยกิริยกักขฬะ “อีกรอบนะโว้ย คราวนี้กูจะจัดการไอ้หมอของประชาชนให้พรุนเลยว่ะ”


                อาศิรกลัวจนตัวสั่นเมื่อเห็นคีรีคลุ้มคลั่งไปแล้ว เขาก้มหน้าหลับตาด้วยความหวาดหวั่นเมื่อมือของคีรีพุ่งมาที่เขา หัวใจของ

อาศิรกระตุกวาบชาดิกไปทั้งตัว


               “อินทร์ภูช่วยด้วย”


               พลักกก


               ราวกับสวรรค์จะรับรู้เมื่ออยู่ๆคีรีกลับร่วงไปนอนกองอยู่ที่ปลายเท้าของอาศิรโดยไม่ทันตั้งตัว อาศิรรีบเงยหน้าขึ้นและเมื่อเห็น

ว่าใครมาช่วยไว้อาศิรก็แทบจะร้องไห้

               อนูบิสนั่นเองที่มาช่วย รวมถึงปาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นที่ต่างก็ยกปืนในท่าเตรียมพร้อมเล็งไปที่คีรี

ร่างสูงแกร่งเต็มไปด้วยพลกำลังกระทืบลงไปกลางลำตัวของคีรีจนสะดุ้งเฮือก ดวงตาคมของอนูบิสโหมไหม้ราวกับเปลวเพลิง เท้าของ

เขายกขึ้นอีกครั้งเพื่อเตรียมจะลงน้ำหนักอีกครั้งหากแต่ครั้งนี้คีรีกลับตั้งตัวได้ คีรีพลิกตัวหนีและกระโจนอย่างรวดเร็วไปอยู่เบื้องหลังของ

อาศิรพร้อมกับใช้ท่อนแขนล็อกลำคอของอาศิรไว้


                 “ถ้ามึงเข้ามา กูจะฆ่ามัน”


                 อนูบิสชะงักงัน เขาตั้งสติมองคีรีด้วยดวงตาแห่งเทพอย่างแท้จริงเมื่อได้อยู่ใกล้อังค์ในกายของอาศิร เงาปีศาจของเนรูแผ่

คลุมรังสีรวมอยู่กับร่างมนุษย์ของคีรีจนแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียวกัน


                  “ปล่อยหมอโอมเดี๋ยวนี้หมอคีรี ตอนนี้คุณกลายเป็นผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมฆ่าปาดคอรวมถึงขโมยหัวใจจากศพอีกห้าศพ

แล้ว”


                 ปาลตะโกนเสียงเข้มแต่คีรีกลับหัวเราะลั่นในเวลาเดียวกับที่กำจรมาถึง เมื่อเห็นสภาพของกวินตรากำจรก็แทบจะหมด

เรี่ยวแรง เขารีบตรงไปนั่งคุกเข่าข้างลูกสาวคนโตและโอบกอดกวินตราไว้ด้วยความสงสาร


                 “วินนี่ลูกพ่อ” กำจรหันขวับไปหาคีรี ลูกอีกคนหนึ่งยังอยู่ในเงื้อมมือ กำจรเค้นถามด้วยความเจ็บปวด


                “ทำอย่างนี้ทำไม ทำร้ายลูกของกูทำไม”


                 เมื่อเห็นสายตาของกำจรที่มองมายังเขาคีรีก็หัวเราะลั่นอย่างสะใจ หากแต่ดวงตาของคีรีกลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวดชิงชัง

และแดงก่ำราวกับสีเลือด


                 “เจ็บใช่ไหม ปวดใช่ไหมที่ลูกของมึงถูกทำร้าย ลูกที่มึงรักเหมือนแก้วตาดวงใจ มึงจะได้รับรู้บ้างยังไงล่ะว่าคนอื่นที่ถูกมึง

ทำร้ายจิตใจน่ะมันเจ็บปวดแค่ไหน”


               “กูทำอะไรให้มึงคีรี ทำไมถึงต้องทำกันขนาดนี้”


                “มึงทำร้ายกูมาตลอดชีวิตไอ้กำจร” คีรีเค้นเสียงตอบโต “แค่มึงทำให้กูเกิดมา แค่มึงทำให้กูมีชีวิตบนโลกเหี้ยๆใบนี้ นั่นแหละ

ที่มึงทำร้ายกู”



                  TBC

                 ตอนหน้าจบแล้วนะคะ


            :ling1: :ling1:

หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 25 Anubis Lord of the Death [20/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 22-10-2016 00:19:54
ไม่นะะะ อินทร์ภูตามไปช่วยโอมให้ทันนะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 26 Anubis Lord of the Death [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 22-10-2016 00:46:19
โอยยยยลุ้นไปอีกกก
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 26 Anubis Lord of the Death [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iNcamisang ที่ 22-10-2016 00:48:36
พีคไปอีกกกก
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 26 Anubis Lord of the Death [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 22-10-2016 01:15:27
ค้างงง~~
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 26 Anubis Lord of the Death [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 22-10-2016 01:58:20
สะเทือนใจจัง
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 26 Anubis Lord of the Death [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 22-10-2016 05:30:55
โอ๊ยยยย  ดราม่าเจ้มจ้นมว๊ากกกกกก   

ภาวนาว่าไม่ให้โอมเป็นอะไร    :mew2:   

ปล.คุณกำจร  มันสายไปแล้วนะที่เพิ่งมาคิดได้ตอนนี้ว่าควรให้ความรักต่อลูก 
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 26 Anubis Lord of the Death [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 22-10-2016 07:44:33
เลวเองยังโทษคนอื่นอีกนะไอ้คีรี
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 26 Anubis Lord of the Death [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 22-10-2016 08:21:24
อื้อหือ ตอนนี้พีคได้อีก สรุปคีรีเป็นพี่น้องคนล่ะแม่กับวินนี่และโอมสินะ ทำไมพ่อต้องมีเมียเยอะขนาดนี้ ถถถ แล้วนี่ดีนะที่อินทร์ภูมาทัน ไม่งั้นโอมพรุนแน่เลย //ตบสั่งสอน  :beat:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 26 Anubis Lord of the Death [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-10-2016 08:35:30
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 26 Anubis Lord of the Death [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 22-10-2016 12:49:14
โอ้ยยยย. ขอให้ช่วยทันน. ขอบให้ช่วยได้
คีรีนี่บ้าไปแล้วอะ
รอค่าา
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 26 Anubis Lord of the Death [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-10-2016 13:04:25
แหม ปีศาจมันเลือกทาสรับใช้ได้ถูกคนจริงๆ คนเลวระยำแบบนี้แหละ โดนหลอกใช้จนตายยังไม่รู้อีก
ท่านเทพอยู่ใกล้อังค์แล้วสำแดงแสนยานุภาพเลยเจ้าคะ
แอบสงสารวินนี่นะ หมดกัน อยู่ไปก้อเหมือนตาย
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 26 Anubis Lord of the Death [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 22-10-2016 13:15:18
ลุ้นมากกกก แงง
โอมอย่าเป็นอะไรนะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 26 Anubis Lord of the Death [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-10-2016 13:41:42
ตอนหน้าจบแล้ว~
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 27 Anubis Lord of the Death [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 22-10-2016 20:12:18

                                                        อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                                   บทที่ 27

                                                       Anubis Lord of the Death


               กำจรชะงัก ด้วยความเอะใจเขาจึงมองหน้าคีรีอีกครั้งและความทรงจำของกำจรก็แล่นกลับไปในอดีตสมัยที่เขายังเป็น

นักศึกษาแพทย์ชื่อเสียงโด่งดังเพราะหน้าตาหล่อเหลาและฐานะทางบ้านเรียกได้ว่าเป็นเศรษฐี  กำจรคบกับผู้หญิงแทบจะเรียกได้ว่าไม่

ซ้ำหน้า บางคนก็มีความสัมพันธ์เพียงครั้งคราวแล้วเลิกรากันด้วยดี หากแต่ก็มีบางคนที่ตกหลุมเสน่ห์ของเขาจริงจังและคิดจะผูกพันกำจร

ไว้ ซึ่งเป็นประเภทที่กำจรเบื่อมาก


               “พี่บอกแล้วไงว่าพี่น่ะชอบเธอ แต่พี่ก็แต่งงานกับเธอไม่ได้”


               เหนื่อยหน่ายเหลือเกินที่ต้องพูดเช่นนี้เป็นสิบรอบกับนักศึกษาสาวคณะพยาบาลที่ไม่ยอมไปจากเขาทั้งที่กำจรพยายามบอก

เลิกหลายครั้ง


               “แต่หนูเสียตัวให้พี่แล้วนะคะ หนูเป็นเมียของพี่ ตอนนี้แถวบ้านเขาก็รู้กันหมดแล้ว หนูอายเขานะพี่”


              หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มคร่ำครวญจนน่ารำคาญในสายตาของกำจรที่ชื่นชมดอกไม้งามจนเบื่อหน่ายเสียแล้ว กำจรชักสีหน้าใส่

และสะบัดแขนที่สาวเจ้าเหนี่ยวรั้งไว้อย่างไม่มีเยื่อใย


               “พี่บอกเธอแต่แรกแล้วว่าแค่ลองคบกันดูก่อน และเป็นเธอที่มาเสนอตัวให้พี่เองนะจะเรียกว่าเสียตัวก็ไม่ถูก เราสนุกด้วยกันทั้ง

คู่ไม่ใช่เหรอ อีกอย่างนะถ้าการนอนกันไม่กี่ครั้งแล้วเธอจะเรียกว่าเมีย เมียพี่คงเต็มกรุงเทพไปแล้วมั้ง”


                กำจรทอดทิ้งผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่อาลัยอาวรณ์ จำไม่ได้แม้กระทั่งชื่อเสียด้วยซ้ำ หลังจากวันนั้นเขาก็ต้องไปฝึกงานที่โรง

พยาบาลต่างจังหวัดจึงเป็นเหตุให้ห่างกันโดยปริยาย และกำจรก็ไม่เคยนึกถึงเธออีกเลยจนกระทั่งวันนี้ที่กำจรเห็นเงาของผู้หญิงคนนั้น

ผ่านใบหน้าของคีรี


                  “มึงไม่รู้หรอกว่าแม่ของกูต้องเสียอนาคตเพราะมึงทิ้งขว้าง”


                  น้ำตาของคีรีไหลลงมาอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อเขานึกถึงมารดาที่ต้องทนทุกข์อยู่กับความเสียใจตั้งแต่เขาจำความได้


                  “เรียนก็ไม่ทันจบเพราะท้องกับมึงและต้องกลับมาทนความอับอายที่ถูกคนเหยียดหยามว่าท้องไม่มีพ่ออยู่ที่บ้านหลังนี้ กู

เกิดมาเป็นมารหัวขนที่แม้แต่แม่ก็รังเกียจ กูถูกแม่ทุบตี ถูกตากับยายด่าทั้งที่กูไม่เคยทำผิดอะไรสักครั้ง แล้วมึงรู้ไหมในที่สุดแม่ก็ทิ้งกูไป

อีกคน แม่ผูกคอตายอยู่ตรงขื่อเหนือหัวของมึงตอนนี้ไงล่ะ ตากับยายกูก็ตายเพราะตรอมใจ แล้วไงล่ะชีวิตเหี้ยๆของกู”

                 “มึงรู้ไหมว่ากูอยากทำอะไร กูอยากให้มึงรับรู้ถึงความเจ็บปวดเหมือนที่กูเจอ กูทำได้แค่ตั้งใจเรียนตอนที่ไปอยู่สถาน

สงเคราะห์จนสอบติดหมอ กูได้ทุนแต่มันก็ไม่พอใช้จนกูต้องหาเงินด้วยการทำงานแม้แต่ขายตัวให้อีพวกคุณหญิงคุณนายหรือแม้แต่ไอ้

พวกวิตถารเฒ่าหัวงูที่กินผู้ชาย กูถีบตัวเองขึ้นมาเพียงเพื่อได้เข้าใกล้มึง เพื่อให้ไอ้อีที่มึงเรียกว่าลูกได้ลิ้มรสความเจ็บปวดอย่างที่กูได้รับ

คราวนี้มึงพอจะเข้าใจบ้างหรือยังว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องในวันนี้คืออะไร ไอ้พ่อชาติชั่ว”


                  คีรีด่าทอด้วยความคับแค้นใจที่เก็บงำมาเนิ่นนาน แม้แต่อาศิรเองก็ยังตกตะลึงเมื่อรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วคีรีเป็นบุตรอีกคนหนึ่ง

ของนายแพทย์กำจรซึ่งนับว่าเป็นพี่ชายของเขา แต่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอนูบิสที่รอโอกาสอยู่นานก็รีบฉวยมันไว้ เขากระโจน

เข้าหาและใช้ท่อนแขนกระแทกใส่ลำคอของคีรีที่ยังไม่ทันตั้งตัวจนล้มกลิ้งไปกับพื้นห่างจากอาศิรก่อนจะเข้าไปต่อสู้กับคีรี         


                  “ไอ้โอม”


                 เวทิศที่มาถึงพักใหญ่และเฝ้ามองเหตุการณ์ด้วยความตื่นเต้นรีบวิ่งเข้าไปหาอาศิร เขาแก้มัดเชือกที่พันธนาการให้เพื่อน

สนิทจนกระทั่งได้รับอิสรภาพ ทุกคนจ้องมองไปที่การต่อสู้ระหว่างอนูบิสกับคีรีเป็นตาเดียว ปาลสั่งให้ลูกน้องเล็งปลายกระบอกปืนและ

คุมเชิงไว้ป้องกันเผื่ออนูบิสพลาดพลั้ง หัวใจของอาศิรเต้นเร็วด้วยความเป็นห่วง


                  “คีรี หากเจ้ายังมีหัวใจของความเป็นมนุษย์ จงอย่าปล่อยให้ปีศาจร้ายครอบงำ”


                 อนูบิสชกใบหน้าของคีรีจนผงะหงาย ด้วยแรงแห่งเทพหากเป็นคนธรรมดาคงไม่มีแม้แต่ลมหายใจ แต่คีรีแม้จะโงนเงนแต่

กลับยังไม่ล้มลงไป เมื่อเขาหันกลับมาอีกครั้งดวงตาของคีรีกลับกลายเป็นสีเงินวาววับก่อนจะพุ่งเข้าใส่ อนูบิสอย่างขาดสติโดยสิ้นเชิง

อนูบิสตัดสินใจคืนร่างเทพในเกราะสีทองพร้อมคทาคู่ใจ


                “อัมมุท”


                 สิ้นเสียงคำสั่งมวลอากาศพลันเกาะตัวกลายเป็นอสุรกายสีดำทมิฬทะยานเข้าใส่คีรีจนเขาต้องยกมือปัดป้อง อัมมุทแยกเขี้ยว

สีเงินงับไปที่หัวไหล่ของคีรีท่ามกลางความตกใจของทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ประหลาดในระยะใกล้ชิดเพราะอนูบิสไม่ทันได้พรางสายตา

มนุษย์ได้ทันท่วงทีแต่ในเวลาเช่นนี้อนูบิสไม่สนใจอีกแล้ว         

                 คีรีส่งเสียงกรีดร้องดังลั่นโหยหวนบาดลึก เสียงนั้นทำให้ตำรวจคนหนึ่งตกใจจนปืนลั่น กระสุนเผาไหม้แหวกอากาศตรงไป

ยังร่างของคีรี มันตรงไปที่แผ่นหลังฝั่งซ้ายก่อนจุดระเบิดทำลายหัวใจจนโลหิตสีแดงกระจายออกจากร่างกายของเขาท่ามกลางความ

ตกใจของทุกคน ก่อนที่เขาจะล้มลงไปกระแทกกับพื้นโดยไม่มีลมหายใจอีกต่อไป

                     เงาดำแผ่ทะมึนออกจากร่างกายที่ไร้ลมหายใจของคีรี อนูบิสกระโจนเข้าใส่และต่อสู้กับเนรูที่หลุดออกจากคีรี เขาฟาด

ฟันคทาเข้าใส่ร่วมกับอัมมุทที่กระโดดเข้ากัดจนเนรูได้รับบาดเจ็บ ดวงตาอันไร้เปลือกกลอกกลับไปมาและมันก็ตัดสินใจโผทะยานผ่าน

หลังคาบ้านไม้ทะลุออกไปบนฟากฟ้า


                  “เนรู!”


                 อนูบิสกัดฟันกรอดเมื่อเนรูทำเช่นนี้ มันรู้ดีว่าหากอนูบิสจะติดตามมันไปเขาก็ต้องห่างไปจากอาศิรและพลังแห่งเทพก็จะ

คลายลงทันที อาศิรตัดสินใจวิ่งไปหาอนูบิส


                “พาผมไป”


                 “โอม!”


               “มีแค่ครั้งนี้ที่คุณจะกำจัดเนรูได้ เร็วเข้าอินทร์ภู”


               อาศิรอ้อมไปด้านหลังของอนูบิส เขายกแขนคล้องไปรอบลำตัวของอนูบิสและกอดเกี่ยวไว้แน่น เวทิศเห็นเพื่อนทำเช่นนั้นเขา

ก็อุทานด้วยความตกใจ


               “ไอ้โอม มึงทำเหี้ยอะไร มันอันตรายนะ”


                ดวงตาของอาศิรปราศจากความลังเล เขามั่นใจในอนูบิสมากมายนัก


               “ไปเลยอินทร์ภู”


                 มือข้างที่ว่างของอนูบิสยกขึ้นมาวางอยู่บนหลังมือของอาศิรแล้วกระชับแน่น อาศิรแนบใบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างที่แสน

อบอุ่น อนูบิสทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าสีขมุกขมัวเมื่อดวงอาทิตย์ใกล้จะหมดหน้าที่ เนรูหนีไปได้ไม่ไกลนักเพราะยังมีอัมมุทช่วยสกัดกั้น

เอาไว้ อนูบิสรีบเหาะตรงไปและต่อสู้กับเนรูทันที


                 “ท่านปู่ช่วยหลานด้วย เปิดทางไปสู่ดินแดนไอยคุปต์ด้วยเถิด”


                 ท้องฟ้าพลันปรากฏแสงสว่างเป็นวงเล็กก่อนจะขยายตัวเป็นวงกว้างไม่ไกลจากที่อนูบิสต่อสู้อยู่กับเนรู อาศิรที่กอดอยู่กับลำ

ตัวของอนูบิสถึงกับต้องหลับตาลง เนรูถูกต้อนเข้าใกล้วงแห่งแสงนั้นจนกระทั่งเหลืออีกเพียงแค่ส่วนเสี้ยวของกาย และเมื่อรู้ว่าหมด

หนทางต่อสู้เนรูก็ตัดสินใจเค้นแรงทั้งหมดกระแทกใส่อนูบิสจนเขาเสียหลัก


                 “อินทร์ภู ระวัง!”


                เมื่อลืมตาขึ้นมาอาศิรจึงเห็นเนรูที่เปิดปากจนเขี้ยวแหลมคมวาววับ มันกำลังจะงับใส่อนูบิสที่ยังไม่ทันตั้งตัว และเสี้ยววินาที

นั้นที่อาศิรกระทำในสิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำ อาศิรออกแรงพลิกให้ตนเองกลายเป็นฝ่ายรับคมเขี้ยวแทนที่จะเป็นอนูบิส คมเขี้ยวฝังลึกอยู่

ในร่างของอาศิรจนไม่อาจถอนคืนได้ทัน และการกระทำของอาศิรทำให้อนูบิสตกใจแทบสิ้นสติ


               “โอมมม”


                สำนึกสุดท้ายของอาศิรบอกให้เขาทิ้งกายที่มีเนรูติดพันอยู่ผ่านพ้นวงแห่งแสงอันเป็นประตูแห่งเทพอามอน-ราเข้าไปสู่ดิน

แดนที่อาศิรไม่เคยรู้จัก ดวงตาของอาศิรเบิกกว้างพลางจ้องมองใบหน้าของอนูบิสที่กระโจนตามเข้ามาเป็นสิ่งสุดท้าย แสงสว่างนั้นค่อยๆ

เล็กลงเรื่อยๆจนกระทั่งมันจางหายไปพร้อมกับชีวิตของอาศิรที่เขาเสียสละเพื่อช่วยอนูบิสที่อาศิรรักจนหมดหัวใจ


              “ไม่!”


                  หัวใจของอนูบิสแทบสลายเมื่อเห็นร่างกายที่ไร้วิญญาณของอาศิรร่วงผ่านช่องว่างแห่งเสาโอเบลิสก์สองต้นไปสู่พื้นพสุธา 

เขาส่งเสียงคำรามลั่นกึกก้องดวงตาคมโชนแสงไปด้วยโทสะและความโทมนัสขณะที่อนูบิสพุ่งตรงเข้าไปและใช้คทาฟาดใส่ไม่ยั้งแรงจน

ในที่สุดร่างของปีศาจร้ายกลับสลายเป็นไอสีดำและมีขนนกสีขาวบริสุทธิ์ล่องลอยอยู่กลางอากาศ  อนูบิสคว้าขนนกไว้ในมือก่อนจะพุ่ง

เข้าไปรับร่างของอาศิรมากอดไว้อยู่ในอ้อมอกเมื่อเท้าของเขาเหยียบพื้นทรายร้อนระอุที่เขาคุ้นเคยมาตลอด ลำแสงแห่งอังค์ลอยออก

จากร่างของอาศิรตรงเข้ามาหาอนูบิสผู้เป็นเจ้าของแท้จริง  อนูบิสคุกเข่าลงและซบหน้าอยู่กับอาศิรอย่างหมดแรง



มีต่ออีกนิด...

หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 27 Anubis Lord of the Death [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 22-10-2016 20:19:29


ต่อกันตรงนี้...



                เสียงคำสวดบูชาเทพโอซิริสดังไม่ขาดสายจากเหล่าบรรดานักบวชผู้สวมใส่หน้ากากสุนัขในอยู่ในวิหารแห่ง

เทพอนูบิส ผู้เป็นจ้าวแห่งวิหารนั่งสงบนิ่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่เหนือพื้นวิหาร ดวงตาแห้งผากทอดมองพิธีกรรมที่นักบวชของตนกำลัง

ดำเนินไป ไม่มีน้ำตาเพราะมันหลั่งไหลอยู่ในหัวใจของเขา อนูบิสทอดถอนลมหายใจเมื่อรู้สึกถึงฝ่ามือที่วางมาบนบ่า


               “ท่านแม่”


               เทพีเนฟทีสผู้แสนอ่อนหวานประทับยืนอยู่เคียงข้างบุตรชาย สายตาทอดมองอนูบิสด้วยความเห็นใจ


               “ร่างที่อยู่ในพิธีนั้นสำคัญกับลูกนักหรือ”


               “เขาคือหัวใจของลูก” อนูบิสตอบมารดาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เขาสอนให้ลูกรู้จักความรัก”


               “แม่เพิ่งได้ยินลูกพูดถึงความรักเป็นครั้งแรกนะอนูบิส”


               มืออันอ่อนนุ่มบนบ่ากระชับน้ำหนักแทนคำปลอบโยน อนูบิสก้มหน้าลงเมื่อเห็นร่างกายที่เขาเคยฝากรักกำลังถูกพันด้วยผ้า

ฝ้ายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ความเงียบเข้าครอบงำเมื่อบทสวดหยุดลง มีเพียงเสียงเคลื่อนไหวของนักบวชที่ทำงานโดยไร้คำสนทนา

ดวงตาของอนูบิสร้อนผ่าว


               “เหตุใดความรักช่างทำให้ลูกเจ็บปวดนักท่านแม่”


               “อนูบิสลูกแม่”


               เทพีเนฟทีสเห็นใจบุตรชายเป็นยิ่งนัก ทำไมจะไม่เข้าใจเล่าว่าความรักที่ไม่ได้เคียงคู่นั้นเจ็บปวดปานใด แต่สตรีอ่อนไหวเช่น

นางก็มิรู้ว่าจะช่วยเหลือบุตรชายเช่นไรนอกจากจะปลอบโยนด้วยการโอบกอดอนูบิสไว้จนกระทั่งความอดทนของอนูบิสหมดสิ้นลง

               น้ำตาแห่งเทพไหลรินเป็นครั้งแรก อนูบิสซบหน้าโอบกอดมารดาไว้ ตลอดชีวิตมิเคยเข้าใจเทพีเนฟทีสเลยสักครั้ง หากแต่บัด

นี้อนูบิสกระจ้างแจ้งแก่ใจแล้วว่าอานุภาพแห่งรักนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด






               อนูบิสกลับคืนสู่อาณาจักรที่เขาคุ้นเคย

               ร่างสูงในชุดเกราะสีทองอันมีศีรษะเป็นสุนัขใน รอบลำคอคล้องอังค์ก้าวตรงเข้าไปหาเทพโอซิริสที่นั่งเป็นประธานล้อมไปด้วย

เทพลำดับต้นรวมสิบสามองค์ รวมถึงเทพีไอซิสผู้เคียงข้างเทพโอซิริสและเทพีเนฟทีสมารดาด้วยในที่ประชุมแห่งเหล่าทวยเทพ

                อนูบิสส่งขนนกกลับคืนสู่เทพีมูอาทเพื่อนำไปชำระล้างความสกปรก ร่างสูงสง่าของอนูบิสยืนอยู่ท่ามกลางสายตาชื่นชมของ

เหล่าเทพและเทพีทั้งหลาย


               “เป็นอีกครั้งที่หลานประกาศถึงความเก่งกล้าสามารถ”


                 เทพโอซิริสกล่าวชมต่อหน้าเทพผู้ยิ่งใหญ่ทั้งปวงยกเว้นเทพเซธที่ไม่ได้ปรากฏกายในที่ประชุมแห่งเทพ เป็นเพราะเหตุผล

ใดอนูบิสพอจะเดาได้ที่เขาไม่ได้พบหน้าบิดา

               ในคำเยินยอจากเทพโอซิริสนั้นมิได้สร้างความภาคภูมิใจให้แก่อนูบิสแม้แต่น้อย ใบหน้าคมกลับเครียดขรึมเสียยิ่งกว่าก่อนจะ

ไปกำจัดปีศาจร้ายเนรูเสียอีก


               “ท่านลุงอย่าได้กล่าวชม ชัยชนะครานี้มิใช่เป็นเพราะหลานสักนิด หากเกิดขึ้นได้เพราะความเสียสละจากมนุษย์ที่มิได้มีพลัง

ใดๆเลยต่างหาก”


               “ใช่ร่างมนุษย์ที่หลานทำพิธีศพก่อนกลับมาใช่หรือไม่ เนฟทีสบอกกล่าวแก่ลุงแล้ว”


               ดวงตาอ่อนโยนจากเทพโอซิริสทอดมองมายังอนูบิส รอยยิ้มจางๆบังเกิดขึ้นขณะหันไปปรึกษาบางอย่างกับเหล่าทวยเทพ

โดยที่อนูบิสไม่สนใจใคร่รู้ข้อความนัก พักใหญ่เสียงอื้ออึงจึงหยุดลง


               “เราจะมีการตัดสินวิญญาณกันที่นี่”


               เสียงของเทพโอซิริสดึงความสนใจจากอนูบิสได้ เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับเทพโอซิริสด้วยความสงสัย


               “แต่ที่นี่มิใช่ดินแดนหลังความตาย”


               “จะเป็นไรไปเล่าในเมื่อลุงนั่งอยู่ที่นี่ รวมถึงเทพีมูอาทเจ้าของขนนกแห่งความดีที่หลานนำกลับคืนมา”


               เทพโอซิริสไม่สนใจคำท้วง มือใหญ่โบกสะบัดวูบหนึ่งตาชั่งอันเที่ยงตรงก็ตั้งอยู่ตรงหน้า เทพีมูอาทดีดนิ้วแผ่วเบาขนนกสีขาว

บริสุทธิ์ก็ลอยลงมาวางอยู่บนตาชั่งฝั่งหนึ่ง


               “ไอซิส จงไปพาวิญญาณมา”


               สั่งเทพีคู่ใจ เทพีไอซิสลุกขึ้นก้าวย่างสง่างามผ่านอนูบิสไปเพียงชั่วอึดใจก็กลับเข้ามาพร้อมวิญญาณสว่างสดใสให้มาหยุดยืน

ข้างกายอนูบิส เขาหันไปมองด้วยความสนเท่ หากแต่เมื่อเห็น ดวงตาของอนูบิสพลันเบิกกว้าง


               “วิญญาณ จงอย่าได้ช้า” เทพโอซิริสออกคำสั่งด้วยองค์เอง “จงวางหัวใจของเจ้าลงไปบนตาชั่ง”


               อนูบิสได้แต่ยืนนิ่งด้วยความตื่นตะลึงเมื่อวิญญาณนั้นวางหัวใจลงไปตามคำสั่ง พลันตาชั่งฝั่งขนนกก็ลดตัวต่ำลงในระดับเตี้ย

ที่สุด เทพโอซิริสเงยหน้าหัวเราะร่า


               “ให้มันได้เช่นนี้สิ ช่างคู่ควรกับหลานข้ายิ่งนัก”


               “ท่านลุง” อนูบิสครางแผ่ว หัวใจของเข้ากลับมีชีวิตชีวาอีกครั้ง


               “หลานช่วยชีวิตลุงมาแล้วครั้งหนึ่ง และครั้งนี้ดินแดนหลังความตายก็ได้หลานมาช่วยไว้ นี่คือรางวัลที่พวกเราจะมอบให้หลาน

ข้า อนูบิส”


               เหล่าทวยเทพต่างพร้อมใจตั้งฝ่ามือขึ้นและหลับตาลง  รังสีเทพส่องตรงจากฝ่ามือของเทพทั้งสิบสามองค์พุ่งตรงมาสู่

วิญญาณข้างกายเขา อนูบิสเฝ้ามองอย่างตื่นเต้นเมื่อร่างโปร่งแสงนั้นกลับชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดเขาก็เห็นกายเนื้อแต่งกายด้วย

อาภรณ์สีขาวสะอาดตา ใบหน้าสุกสกาวสดใสบนศีรษะประดับไว้ด้วยตะเกียงแสงไฟงดงาม

               “ข้าขอตั้งชื่อเทพองค์ใหม่ให้มีนามว่า เซเชป (sSp=Seshep) อันหมายถึงแสงสว่างดุจดั่งจิตใจที่สว่างไปด้วยความดี และ

ขอมอบเทพเซเชปให้ครองคู่กับเทพอนูบิสหลานของข้า เอ้า มีใครจะค้านไหม”


               ไม่บังเกิดคำค้าน มีเพียงเสียงแสดงความยินดีไปทั่ว เทพโอซิริสก้าวลงมาจากบัลลังก์ตรงมายังอนูบิส


               “มีความสุขเถิดหลานรัก ของขวัญที่ลุงให้ได้มีเพียงเท่านี้”


               อนูบิสสบตาเทพโอซิริสอย่างตื้นตันก่อนจะคว้ามือเทพองค์ใหม่มากุมไว้และดึงให้คุกเข่าต่อหน้าเทพโอซิริส


               “เค็นที อาเมนทีอู” (Khenti-Amentiu หมายถึงที่สุดแห่งตะวันตก ซึ่งก็คือผู้ปกครองนรกภูมิ)


               เทพอนูบิสกล่าวสรรเสริญสมญาของเทพโอซิริส อันหมายถึงผู้ยิ่งใหญ่แห่งดินแดนหลังความตายหลังจากนั้นจึงรอการอำนวย

พรจากเทพทั้งปวงจนครบทุกองค์





               อนูบิสจูงมือให้เทพเซเชปเดินตามมาช้าๆบนทางเดินบนสรวงสวรรค์ เขาหยุดลงและหันไปหาผู้เคียงข้างและเชยคางให้เงย

ขึ้นสบตา


               “โอม” เสียงนั้นทั้งนุ่มและทุ้มเฉกเช่นที่อนูบิสใช้มาตลอด เจ้าของนามเซเชปคลี่ยิ้มรับ


               “ว่าไงครับท่านเทพ”


               ได้ยินคำเรียกขานที่คุ้นเคย หัวใจของอนูบิสช่างสว่างไสวนัก


               “โปรดอยู่กับข้าไปตลอดกาลเถิดแสงแห่งรักของข้า”


               อนูบิสก้มหน้าลงไปช้าๆประทับริมฝีปากลงไปบนกลีบปากแสนนุ่มพลางโอบกอดความรักของเขาไว้ในอ้อมแขนแสนอบอุ่น


               “เซเฮดเจนเมรูท เจ้าคือแสงสว่างในหัวใจของข้าตลอดไป”


                          :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 27 Anubis Lord of the Death [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-10-2016 20:31:57
 :katai2-1:      ดีงาม
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 27 Anubis Lord of the Death [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 22-10-2016 20:35:08
 :hao7:   โอ๊ยยยยย นั่งบิดบนรถบัสเลย  จนคนข้างๆมองอ่ะ  คงคิดว่าอินี่สงสัยปวดขี้ 5555

ช่างฟินอะไรอย่างนี้
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 22-10-2016 20:36:05


                                                         อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                               บทที่ 28 ส่งท้าย

                                                     Anubis Lord of the Death



               1 ปีผ่านไป



               “ทิศ เมื่อไหร่จะเลิกอ่านหนังสือ”


               น้ำเสียงแง่งอนทำให้เวทิศยอมวางตำราเล่มใหญ่และหันไปหน้าคนทำหน้าบึ้งที่พลิกกายหันหลังให้เขาอยู่บนเตียงกว้าง


               “เวลายิ่งไม่ค่อยจะมีตรงกันอยู่ด้วย ว่างตรงกันก็ใช้ให้มันคุ้มค่าหน่อยสิ”


               “รู้แล้วน่า ขี้บ่นจังว่ะ”


               เวทิศส่ายหน้าอย่างระอา เขาทิ้งกายลงไปนอนตะแคงเข้าหาแผ่นหลังของปาลและโอบกอดไว้อย่างเอาใจ


               “หันมาสิคร้าบคุณตำรวจ จะหันตูดให้อีกนานไหม ปะเดี๋ยวก็จิ้มเสียหรอก”


               ได้ผล ปาลหันมาแยกเขี้ยวใส่ก่อนจะโอบกอดตอบ และชวนเวทิศคุยเรื่องที่เขาทำงานผ่านมาในวันนี้


               กลายเป็นกิจวัตรไปแล้วสำหรับชีวิตคู่ ปาลให้เวทิศย้ายมาอยู่ที่บ้านของเขาเมื่อไม่นานมานี้หลังจากที่เวทิศเพิ่งเอาชนะใจ

ของพ่อและแม่ของปาลที่ไม่คิดว่าบุตรชายจะหันไปรักกับผู้ชายด้วยกัน ส่วนปาลเองกว่าจะทำความเข้าใจกับครอบครัวของเวทิศที่เป็น

เศรษฐีที่ดินต่างจังหวัดก็ใช้เวลาไม่น้อยไปกว่ากัน จนกระทั่งทุกฝ่ายยินยอมให้ทั้งคู่ลงเอยกันได้


               บางครั้งยามว่างเวทิศก็อดคิดถึงเรื่องร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับเพื่อนของเขาไม่ได้

               เหตุการณ์ในวันนั้นสร้างความตกตะลึงให้กับคนที่ยืนอยู่ เมื่ออาศิรหายไปบนฟ้าพร้อมกับอนูบิสและไม่กลับมาอีกเลย นาย

แพทย์กำจรถึงกับช็อกจนเส้นเลือดในสมองแตกแต่ยังดีที่ฟื้นฟูร่างกายกลับคืนมาได้จนเหลือรอยโรคอยู่เพียงเล็กน้อย เวทิศเห็นใจพ่อ

ของเพื่อนอยู่มากเมื่อคีรีถูกวิสามัญฆาตกรรมและอาศิรก็หายสาบสูญไปอีก ส่วนกวินตรานั้นก็ถูกพาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลของกำจร

นั่นเอง

               พี่สาวของอาศิรต้องรักษาอาการทางจิตอยู่นานกว่าจะกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ และที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือกวินตราตั้ง

ครรภ์กับคีรีที่เป็นพี่ชายคนละแม่ ผลจึงไปเกิดกับเด็กที่กลายเป็นดาวน์ซินโดรมเพราะความใกล้ชิดของพันธุกรรม วิไลวรรณมารดาของ

กวินตราต้องช่วยเหลือเลี้ยงดูหลานคนนี้ด้วยความจำใจ  วิไลวรรณเคยขอให้ปาลรับเป็นพ่อให้เด็กในท้องเมื่อตอนนี้รู้ว่ากวินตราตั้งครรภ์

เวทิศเองก็ใจเสียเพราะไม่รู้ว่าปาลยังมีเยื่อใยกับกวินตราหรือไม่


               “คุณน้าครับ ผมกับวินนี่เลิกกันก่อนหน้าที่วินนี่จะไปคบกับหมอคีรี และผมเองก็มีคนที่ผมรักอยู่แล้วในตอนนี้”


               คำตอบของปาลทำให้เวทิศดีใจแม้ว่าเขาจะสงสารกวินตราอยู่มาก เพราะมันพิสูจน์ว่าปาลไม่ใช่คนโลเล


               ชาลินีโกรธเวทิศพักใหญ่เมื่อรู้เรื่องทั้งหมด หญิงสาวเสียใจมากและต่อว่าเวทิศทั้งน้ำตาทันทีที่รู้ว่าอาศิรอาจจะไม่กลับมาอีก

แล้ว


               “เรื่องใหญ่แบบนี้ทำไมแกเพิ่งจะบอกฉัน แกเห็นฉันเป็นเพื่อนหรือเปล่าไอ้ทิศ”


               แต่เพราะความเป็นเพื่อนในที่สุดชาลินีก็หายโกรธและกลับมาคบกับเวทิศเช่นเดิม ส่วนเรื่องความรักหญิงสาวเพิ่งจะเปิดตัวว่า

คบหาดูใจกับใจภักดิ์เมื่อไม่นานมานี้เอง


               เวทิศคิดถึงอาศิร ที่เขาไม่เคยรู้ว่าหลังจากวันนั้นเพื่อนของเขามีชะตากรรมเช่นไร


               “คิดอะไรอีกล่ะ” เวทิศทักเมื่อเห็นปาลเงียบไป


               “คิดถึงไอ้โอม วันนี้ครบรอบวันเกิดมันนะ”


               ปาลเข้าใจ เรื่องที่เกิดขึ้นเขาและเพื่อนตำรวจต่างตกใจ มันแปลกประหลาดจนไม่อาจเล่าให้ใครฟังได้ เขาปิดคดีของคีรีด้วย

เหตุวิสามัญฆาตกรรม


               “ถ้าไอ้โอมอยู่ วันนี้ผมคงชวนมันไปกินหมูกระทะ”


               “อย่าทำหน้าเศร้าแบบนี้สิ ไม่เหมาะกับคุณเลย” ปาลใช้นิ้วถ่างขยายหัวคิ้วที่ชนกันของเวทิศออก


               “หมอโอมเขาเสียสละตัวเองเพื่อช่วยให้คุณอินทร์ภูกำจัดไอ้ปีศาจนั่น คุณควรจะภูมิใจในตัวเพื่อน”


               ปาลปลอบโยนอีกพักใหญ่จนกระทั่งเวทิศหลับไปในวงแขนของปาล






               เวทิศขยี้ตา ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนด้วยซ้ำ รู้แต่ว่ารอบกายเต็มไปด้วยแสงสว่างนวลเย็นตา และเวทิศก็ต้องเบิกตา

ว้างเมื่อเห็นร่างที่เดินทะลุแสงนั้นตรงมายังเขา


               “ไอ้โอม ท่านเทพ”


               เวทิศตะโกนลั่นพลางกระโดดโลดเต้นเข้าไปหา อาศิรเพื่อนของเขาอยู่ในเสื้อผ้าแปลกตาจากเดิม แต่เวทิศดูออกว่ามันเป็น

ผ้าฝ้ายทอมือในยุคไอยคุปต์ อาศิรยิ้มสดใสอย่างที่เขาเห็นจนชินตา


               “คิดถึงว่ะ คิดถึงทั้งสองคนเลย สบายดีไหม”


               ท่านเทพอนูบิสไอดอลของเวทิศก็ยังพูดน้อยเช่นเดิม แต่ใบหน้าของเทพอนูบิสเปี่ยมไปด้วยความสุขเมื่อเปิดโอกาสให้

เวทิศกับอาศิรได้พูดคุยกันจนหนำใจ


               “โอม กลับได้แล้ว”


               อนูบิสกล่าวเตือน อาศิรหันไปยิ้มรับก่อนจะหันมาร่ำลาเวทิศ


               “กูสบายดีมีความสุข บอกยัยน้ำชาด้วยว่าไม่ต้องห่วง แล้วจะไปเยี่ยมมันนะ”


               เวทิศยกมือขึ้นโบกอำลาเมื่ออนูบิสกับอาศิรเดินกลับเข้าไปในแสงสว่างจนหายลับตา และเขาก็ต้องสะดุ้งสุดตัวกลางดึกเมื่อ

ตื่นขึ้นมา เวทิศจึงรู้ว่านั่นเป็นความฝัน


               ข่มตาให้นอนหลับต่อไม่สำเร็จ เวทิศพลิกตัวให้ห่างจากปาลที่ยังคงหลับสนิท เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดูไปเรื่อย

เปื่อย แต่แล้วเวทิศก็พบเรื่องตื่นเต้นจนต้องผุดลุกขึ้นนั่งเมื่อเว็บไซส์ด้านโบราณคดีทางอียิป์เปิดเผยข้อมูลว่าค้นพบร่องรอยวิหารโบราณ

ที่คาดว่าน่าจะเป็นวิหารของเทพอนูบิส และภายในวิหารมีโลงศพของมัมมี่อยู่ร่างหนึ่งในสภาพสมบูรณ์ ข้างกายมัมมี่มีคัมภีร์ที่สลักนาม

ด้วยภาษาเฮโรกริฟฟิค นามนั้นออกเสียงว่าโอม




               “ผมจะไปอียิปต์”


               เมื่อถึงเวลาเช้าเวทิศจึงบอกปาลทันที ปาลมองหน้าเขาด้วยความสงสัย


               “เดือนที่แล้วก็เพิ่งไปเก็บข้อมูลทำวิจัยมา จะไปอีกแล้วเหรอ”


               “ใช่ ผมจะไป แต่คราวนี้คุณไปกับผมนะ”


               เวทิศอ้อนจนสำเร็จ ในที่สุดปาลและเวทิศก็เดินทางไปอียิปต์ ท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุเวทิศพาปาลไปยังซากปรักหักพัง

ของวิหารที่คราคร่ำไปด้วยนักโบราณคดีสาขาอียิปต์วิทยาจากทั่วทุกมุมโลกกับการค้นพบครั้งใหม่ เวทิศก้าวไปยังเขตหวงห้ามของซาก

มัมมี่ เมื่อเห็นแล้วอยู่ๆน้ำตาของเวทิศก็ไหลออกมา


               “กูมาเยี่ยมมึงแล้วโอม”


               ยืนอยู่จนใกล้ถึงเวลาที่ต้องกลับปาลจึงมาเตือน เวทิศเอ่ยคำลาในใจ แต่ก่อนที่เขาจะขยับเท้าเดินจากเวทิศ มองเห็นอะไร

บางอย่างร่วงจากผ้าห่อมัมมี่และกลิ้งมาหยุดอยู่ตรงเท้า เวทิศก้มไปหยิบมันขึ้นมา


               “ไอ้เหี้ยโอมเอ๊ย”


               เวทิศยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อสิ่งที่อยู่ในมือคือแหวนทองเกลี้ยงวงหนึ่ง ที่เวทิศจำได้ว่าอาศิรใส่ติดนิ้วมาตั้งแต่ยังเด็ก เขาเงยหน้ามอง

มัมมี่นั้นอีกครั้ง


               “ลาก่อนเพื่อน ว่างๆก็พาท่านเทพมาเยี่ยมกูบ้างนะ”


               เวทิศเดินกลับมานอกวิหาร เขาและปาลขึ้นรถที่มารับกลับไปในเมืองท่ามกลางอาทิตย์อัสดง




                                             The end

Belove ‘s talk


ในที่สุดก็จบลงแล้ว

เป็นอีกเรื่องที่Belove ชอบมาก

ขอบคุณเทพทุกองค์ที่อำนวยพรให้Belove แต่งจนจบนะคะ

ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่เป็นกำลังใจใครชอบหรือไม่ชอบ

รบกวนช่วยลงความเห็นไว้ให้ปรับปรุงก็จะเป็นพระคุณอย่างสูง

ขอบคุณค่ะBelove

 :L1: :L1: :L1: :L1:


หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28 #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Chk~a ที่ 22-10-2016 20:56:36
จบแล้วววว
สนุกมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28 #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 22-10-2016 21:08:53
ถ้าต้องจากกับใครซักคนแบบเวทิศกับโอมคงใจหายมากกกกกกกกกกก
แต่อย่างน้อยทุกคนก็มีความสุขเนอะ
แอบสงสารหมอคีรีอ่ะ ไม่น่าเลย
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-10-2016 21:10:36
จบได้ดี
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: iNcamisang ที่ 22-10-2016 21:20:16
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ ^_^
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 22-10-2016 21:34:22
งืออออ ขอตอนพิเศษของท่านเทพ :mew2:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 22-10-2016 21:35:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-10-2016 21:37:25
ชอบมากๆเลยค่ะ เราเสียดายอนาคตวินนี่นะและเด็กที่ไม่รู้อิโหน่อีเหน่ด้วย
น้ำตาซึมกับตอนขบค่ะ เป็นบทสรุปที่สุดยอด ขอบคุณมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-10-2016 22:06:23
ทำความดี จิตใจดี สุดท้ายก็ต้องได้รับผลดีตอนแทน o18
ขอบคุณค่ะ สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 22-10-2016 22:52:01
ความดีงาม. มันชนะได้จะช้าหรือเร็ว มันก้อส่งผลกับตัวเราเนาะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 23-10-2016 00:09:09
จบแล้ว เป็นอีกเรื่องทีสนุกมากเลยค่ะ แอบอยากให้มีตอนพิเศษนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: k_keenny ที่ 23-10-2016 00:48:15
 o13  o13  o13
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 23-10-2016 02:06:51
ได้อยู่ด้วยกันแล้วว
ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Silvan ที่ 23-10-2016 07:48:53
ในทึ่สุดก็ได้อยู่ด้วยกันรู้สึกฟิน
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: KnightDevil ที่ 23-10-2016 07:58:24
จบแล้วววววว ฮือที่ดีต่อใจจริงๆ
สุดท้ายเขาก็ได้รักกัน :mew1:

เสียดายที่กำจรไม่เคยบอกรักโอมเลย
แอบสงสารแต่ก็เป็นกรรมของเขาน่ะนะ
ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆแบบนี้มาให้อ่านกันค่า
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-10-2016 09:19:13
จบแบบแฮปปี้มีความสุข ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 23-10-2016 17:06:40
โอมเป็นตัวอย่างของความดีค่ะ จบอย่างลงตัว ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-10-2016 20:27:36
 o13 o13 o13 o13 o13

 :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 23-10-2016 21:45:12
สนุกมากกก ชอบมาก
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 23-10-2016 23:14:50
โอ๊ย ขอแบบอินทร์ภูซักคน
น่ารักมาก ทั้ง2คู่เลย
อยากอ่านตอนพิเศษจริงๆ
แต่คงจบเท่านี้ใช่ไหมอ่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 23-10-2016 23:31:36
สนุกมากกกก พล็อทดีมากค่ะ ไม่ซ้ำซากจำเจ
คือตอนแรกที่อ่าน เราเดาเอาไว้ว่าท่านเทพคงกลับไปที่เดิม แล้วโอมก็ไปเจอคนใหม่ที่หน้าเหมือนกันมาก แล้วมีความทรงจำของท่านเทพอยู่ประมาณนี้ ซึ่งเราไม่ชอบเลยอ่า คือความรุ้สึกของเรา ยังไงก็เป็นคนละคนกัน แต่พอตอนจบเรื่องนี้คือชอบมากกกกก ตายแล้วก็เกิดเป็นเทพ อิอิ
ขอตอนพิเศษท่านเทพกับโอมหน่อยน้าค้าาา
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 24-10-2016 00:00:17
เป็นการจากลาที่ใจหาย แต่จบแบบมีความสุขทั้งคู่ก็โอเค
อยากให้มีตอนพิเศษจัง ^^
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 24-10-2016 00:36:22
จบแล้ว ชอบมาก สนุก
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Shumi ที่ 24-10-2016 00:59:44
สนุกดีครับ อ่านได้ไม่ค่อยสะดุด ค่อนข้างลื่นไหล

ขอบคุณนะครับ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 24-10-2016 01:17:59
สมเหตุสมผลดีทุกประการ สนุก แม้ว่าใจเรายังคิดถึงเรื่องนี้ก็ตาม พอจบปุ๊บคิดว่าสั้นทุกที
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: ราตรีสีน้ำเงิน ที่ 24-10-2016 01:34:08
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
สนุกดี แต่สั้นไปหน่อย
อยากให้มีต่อยาวๆกว่านี้ ขอตอนพิเศษได้ไหมค่ะ

 ̄ω ̄
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: TuiLoveKhaKing ที่ 24-10-2016 07:20:21
สนุกมากก ติดงอมแงมมม รักท่านเทพ และ ความน่ารักของโอม ทำดีได้ดีทำชั่วก็ได้ชั่วเนอะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 24-10-2016 11:10:57

แอบปาดน้ำตา......

ยังไม่อยากให้จบ

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: lilyne ที่ 24-10-2016 11:38:24
อยากให้มีตอนพิเศษของคู่หลักต่ออีกสักนิ๊ดดด
จบแบบนี้ก็ลงตัวดี แต่เราอยากอ่านให้มีตอนแบบที่มันกร๊าวใจอีกสักหน่อย ฮา
ยังไงก็ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆอย่างนี้มาให้ได้อ่านนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 24-10-2016 21:40:07
จบแล้วว ไม่อยากให้จบเลย
ชอบเรื่องแนวๆอียิปต์อ้างอิงเทพอะไรแบบนี้มากกค่ะ
แต่ส่วนใหญ่จะเจอแต่แนวแบบ ข้ามเวลาไปในอดีต
ก้จะเจอแต่ฟาโรห์ เทพรา อะไรแบบนี้
ส่วนเทพโอซิริส เทพฮอรัส เทพอนูบิส และอื่นๆจะไม่ค่อยออกมาเยอะ
มีมาเป็นช่วงๆออกแนวตัวประกอบ555
พอมาเจอแบบเป็นตัวหลัก เดินเรื่องก้กรี้ดดดมากเลยค่ะ
นอกจากถูกใจท่านเทพแล้ว เนื้อเรื่องก้สนุกกมากกอีก
ชอบมากกกกค่ะ รู้สึกว่าเทพอนูบิสอ่อนโยนดีจัง
ไม่เคยคิดว่าเทพแห่งความตายจะอ่อนโยนเลย นึกว่าจะซึนๆเย็นชาๆไรงี้555
พอมาเจองี้ ตายยยต่ะตายยย ฟินน
และก้รู้สึกว่านิสัยแบบโอมนี่แหละเข้ากะท่านเทพเวอร์นี้สุดๆ
สรุปว่าอะไรก่ดีไปหมดเลยค่ะ 555 สนุกและชอบมากกก
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 24-10-2016 22:01:42
ส่วนตัวแล้วเราชอบอะไรที่เกี่ยวกับทางอียิปต์มาก

ยิ่งมาเจอเรื่องนี้ยิ่งชอบ. ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆค่ะ

แอบหวังว่าคนเขียนจะมีตอนพิเศษให้.
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: pajaree1202 ที่ 25-10-2016 02:16:07
สนุกมากๆเลย เราไม่ค่อยได้อ่านแนวอียิปเท่าไหร แต่ก็ชอบแนวแฟนตาซีมาก แต่งสนุกมากๆเลยค่ะ
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: popular ที่ 25-10-2016 04:20:27
 :katai2-1: ขอบคุณครับ เนื้อเรื่องสนุกมาก ๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 25-10-2016 09:48:32
สงสารก็แต่เด็กที่เกิดมา  ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะ ^^
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 25-10-2016 10:36:28
ขอบคุณมากค่ะ สนุกมาก ๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 25-10-2016 15:25:51
ขอบคุณมากฮะ เรื่องสนุกดี
กวินตราเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดในเรื่องนี้เลย
รอติดตามผลงานเรื่องต่อไปนะฮะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 25-10-2016 15:27:55
Love like เรื่องนี้มากค่าาาา  :ling1: :mew1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 25-10-2016 15:41:20
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Usabytbl^^fc ที่ 25-10-2016 16:30:46
ค่อยหายใจคล่องหน่อย ชอบทุกเรื่องที่นักเขียนแต่งเลยค่ะ   แต่ก็รู้สึกเหมือนรวบรัดตัดความไปบ้าง
 (หรือคิดไปเอง เพราะอยากให้มีภาคขยายกันน้อ)  เป็นเงามานาน ฝากตัวด้วยนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 25-10-2016 20:56:27
สนุกมากๆๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 26-10-2016 01:12:52
ซาบซึ้งมาก
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 26-10-2016 08:59:16
จบดีมากกกกกก

นึกว่าต้องจากกัน ฟินสุดๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> บทที่ 28(บทส่งท้าย) #จบแล้วจ้า# [22/10/59]
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 26-10-2016 12:53:52
ตายแล้ว  เราไปทำอะไรอยู่เนี่ย ถึงไม่รู้ว่าจบไปแล้ว ถึงว่าหาไม่เจอ อยู่ในนิยายจบแล้วนี่เอง

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Anubis Lord of the Death##
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 26-10-2016 20:13:59
สนุกมากกกก
ชอบบบบ
ดีที่ได้อยู่ด้วยกัน แล้วก็ชอบคู่ปาลทิศมาก
งื้อออออ ละมุนนน
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Anubis Lord of the Death##
เริ่มหัวข้อโดย: Minzero ที่ 27-10-2016 11:45:04
ไม่น๊าาา จบแล้วหรอ :a5: ยังอยากอ่านต่ออยู่เลย แต่ไม่เป็นไรเราจะรอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Anubis Lord of the Death##
เริ่มหัวข้อโดย: ปลายฝัน ที่ 27-10-2016 12:29:18
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีดีออกมาด้วยนะคะ
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Anubis Lord of the Death##
เริ่มหัวข้อโดย: Arrun ที่ 27-10-2016 14:25:06
จบดี ตอนแรกนึกว่าจะไม่ได้คู่กันซะแล้ว ค่อยโล่งหน่อยย :-[
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Anubis Lord of the Death##
เริ่มหัวข้อโดย: [€]ŝĊörŦ ที่ 28-10-2016 10:02:57
สนุกมากครับ กลายเป็นคู่ตำนานเลยทีเดียวเชียว

แต่แอบสงสารคีรีอยู่เหมือนกัน เพราะในสังคมทุกวันนี้ก็มีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นมาเยอะแยะ

เป็นกำลังใจให้นักเขียนอีกหนึ่งคนนะครับ หวังว่าจะมีผลงานสนุก ๆ ออกมาให้ได้เสพกันอีก ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Anubis Lord of the Death##
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 28-10-2016 16:37:52
 :mew1:  สนุกค่ะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Anubis Lord of the Death##
เริ่มหัวข้อโดย: wiwo ที่ 29-10-2016 16:59:38
สนุกดีค่ะ ชอบโครงเรื่องมาก ผูกเรื่องได้ดีมากเลย

ขอตินิดนะคะ (อันนี้ความเห็นส่วนตัวเรานะ)
1. ดูจะดำเนินเรื่องเร็วไปนิดค่ะ จริงๆ สามารถขยายตอนได้เลยนะ แบบปูพื้นตัวละครเยอะๆ หน่อย ขายความกุ๊กกิ๊กอีก เพิ่มดราม่าอีก มันจะทำให้คนอ่านอินได้เยอะเลยค่ะ คือเราคิดว่าในหลายจุดที่สามารถขยี้อารมณ์ได้ แต่ยังเขียนได้ไม่สุดเท่าไหร่
2. เฉลยคนร้ายเร็วไปอ่ะ อยากเอาไว้ลุ้นอ่า มันน่าจะตื่นเต้นกว่านี้
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Anubis Lord of the Death##
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 30-10-2016 01:42:26
ชอบมากค่ะ
ถึงขนาดไปเปิดอ่านเรื่องเทพเลยทีเดียว :hao7:
เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Anubis Lord of the Death##
เริ่มหัวข้อโดย: akeins ที่ 30-10-2016 07:18:03
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Anubis Lord of the Death##
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 30-10-2016 12:45:55
สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Anubis Lord of the Death##
เริ่มหัวข้อโดย: ASAMENG ที่ 30-10-2016 19:13:03
 o22 สำหรับเรื่องนี้ชอบนะ ไม่บรรยายเยอะเกินไปถึงจะสามารถต่อความของแต่ล่ะตอนได้ก็เถอะ แบบนี้ล่ะดีแล้ว คนเขียนเรื่องจะได้ไม่เหนื่อยเกินไปอ่ะนะ  :o8: เป็นกำลังใจให้จ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Anubis Lord of the Death##
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 31-10-2016 09:19:16
ชอบเรื่องนี้มาก ไม่อยากให้จบเลย
อยากให้เนื้อเรื่องมีต่อยาวๆ ยาวไปเรื่อยๆ 5555+ ชอบอ่านสนุกมากๆ
ชอบโอม น่ารักดี และรักท่านเทพ เท่ อิอิ
มีตอนพิเศษมั้ยนะ อยากอ่านตอนพิเศษจัง
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Anubis Lord of the Death##
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 01-11-2016 01:01:31
สนุกมากกกกกกกก แง ตอนจบแอบเศร้าที่เพื่อนต้องจากกัน แต่เขาก็มีความสุขกันแล้วเน้อออ คนชั่วก็รับกรรมไป หึ!
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Anubis Lord of the Death##
เริ่มหัวข้อโดย: Thanthic ที่ 04-11-2016 23:57:02
ขอบคุณคนเขียนนะคะ  ชอบนิยายแนวนี้น้าาาา
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Anubis Lord of the Death##
เริ่มหัวข้อโดย: อาซ้อ ที่ 05-11-2016 21:47:28
ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าค่อนข้างสนใจและชื่นชอบเรื่องราวของอียิปต์เป็นทุนเดิม
เพียงแต่ไม่ได้ศึกษาลึกซึ้ง แม้ว่าจะมีความอยากไปดูพีระมิดมากกกกกก็ตาม
เพราะงั้นเลยรู้สึกขอบคุณนักเขียนมากค่ะที่นำเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานอียิปต์มาแต่งให้ได้อ่านกัน
ปกติเราเป็นคนที่เลือกอ่านนิยายจากชื่อเรื่อง ซึ่งพอเห็นชื่อเรื่องว่าเกี่ยวกับอนูบิสแล้ว
รีบกดเข้ามาอย่างรวดเร็วเลยค่ะคิดอยู่ทำไมเพิ่งเห็น อ่านรวดเดียวจบในมือถือ อ่านตอนก่อนนอนด้วย
เกือบเก็บเอาไปฝันแล้วชอบมาก๕๕๕๕ ตั้งใจว่าจะมาเม้นท์ให้วันรุ่งขึ้นเพราะในมือถือเม้นท์ลำบาก
แต่ก็ยุ่งๆเลยเพิ่งได้ฤกษ์มาคอมเม้นท์วันนี้ค่ะ ถือโอกาสอ่านอีกรอบไปด้วยเลย

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

: เนื่องจากอ่านในมือถือ ด้วยการจัดหน้าตอนแรกเราเลยรู้สึกค่อนข้างอ่านยากค่ะแต่อ่านสักพักก็ชิน๕๕๕
เปิดมาก็เจอพระเอกของเราเลย ขอสารภาพว่าตอนแรกนี่คิดว่านายเอกต้องเป็นคนอียิปต์ด้วยแน่ๆ
เผลอๆนี่อาจเป็นวิญญาณหรือเป็นเทพสักองค์อะไรแบบนี้เลยด้วยซ้ำ ยิ่งเทพโอซิริสแซวเรื่องไม่มีเวลาหาคู่ยิ่งคิดว่าใช่แน่
แอบตกใจเล็กน้อย มีเรื่องตื่นเต้นตั้งแต่ต้นเรื่องกันเลยทีเดียวตอนที่อัมมุทจัดการวิญญาณชั่วนั่นไม่ได้
ตอนอนูบิสตามไปจัดการจะเอาขนนกคืน ก็ยังไม่คิดเลยค่ะว่าจะมาโผล่ที่กรุงเทพได้พอตัดมากรุงเทพนี่อึ้งเลย
ก็รู้เลยว่านายเอกนี่อยู่กรุงเทพแน่ๆ แต่ยังมองไม่เห็นว่าจะลงเอยกันได้ยังไงหรือจะคุยกันอีท่าไหน
(แอบสารภาพด้วยว่าทีแรกอ่านชื่อนายเอกว่า อา-สิน ไม่ได้อ่านว่า อา-สิ-ระ  :z6:)
ส่วนฉากตอนหมอรักษานี่แอบคิดเลยค่ะว่านักเขียนเรียนแพทย์แน่ๆ เพราะศัพท์สูงมากไม่เคยได้ยินเลย
เรียกได้ว่าได้ความรู้อะไรใหม่ๆหลายอย่างเลยค่ะ ๕๕๕ ละไม่รู้เราคิดไปเองมั้ยแต่ชื่อนายเอกออกไปทางพราหมณ์ฮินดูเลย
ส่วนความสามารถพิเศษของนายเอกก็น่าทึ่งมาก และทำให้เราพอมองออกว่าทั้งนายเอกกับพระเอกเหมาะกันยังไง
คนนึงเทพแห่งความตายส่วนอีกคนก็มองเห็นวิญญาณตอนหลุดออกจากร่าง ยังกับกิ่งทองใบหยกเลยค่ะ
ต่อมาพอเจอเวทิศ เรานี่อยากเรียนแบบเวทิศมากเลยค่ะ อยากศึกษาบ้าง
ตอนแรกในจินตนาการเรานี่คิดว่าเขาต้องบึกบึนพอสมควรเลยนะไม่คิดว่าต่อมาจะ... ๕๕๕
ยิ่งเห็นว่าชอบพี่สาวของโอมด้วยแล้วนี่ยิ่งห่างไกลจากความคิดแต่พอเห็นฉากฉะกันของเวทิศกับปาล..
เราก็เปลี่ยนความคิด...ได้กลิ่นความหวานมาแต่ไกลเลยค่ะ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕น่ารักดี
ฉากที่อนูบิสเจอกับโอมนี่เป็นฉากที่เราลุ้นมาก เพราะถ้าเป็นนิยายเรื่องอื่นนี่นายเอกคงตกใจสติแตกไปแล้ว
แต่โอมควบคุมตัวเองได้ดีมากเลย อีกอย่างเราสงสัยว่างานนี้นี่หวยล็อกหรือเปล่าที่ทำให้อนูบิสได้เจอรักแท้
อ้อ อีกชื่อก็น่ารักมากเลยค่ะนายหมีพูห์ ๕๕๕ ก็เหมาะอยู่นะเพียงแต่คงเป็นหมีที่รูปร่างดีที่สุดในโลก
แล้วยิ่งตอนที่โอมตัดสินใจพาท่านเทพไปปรึกษาเวทิศเนี่ยเรายิ่งประหลาดใจมาก เพราะถ้าเป็นเราเราคงไม่กล้า
ถึงแม้ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทกันก็ตาม ดีนะที่เวทิศเชื่อถึงจะเป็นลม ๕๕๕๕ แถมยังช่วยเหลืออย่างดีอีกด้วยชอบตรงนี้
ชื่นชมอีกอย่างก็คือการปรับตัวของอนูบิส เทพที่อยู่มาตั้งกี่พันปีมาแล้วมาเจอสถานที่แปลกใหม่แต่ปรับตัวได้เร็วมากเลย
แถมยังแอบหยอดโอมซะเนียน อิจฉาโอมตลอดเลยให้ตายเถอะ  :เฮ้อ: ท่านเทพน่ารักกับโอมมากจนอยากเป็นโอมแทน
ทีนี้พอมาเจอคีรี เราก็คิดละว่าต้องมีบทสำคัญแน่ๆแต่เรื่องที่เป็นลูกอีกคนของพ่อโอมนี่เหนือความคาดหมายมากค่ะ
นี่ก็คิดว่านางต้องการแค่ครอบครองโรงพยาบาลพ่อโอมเฉยๆ ที่ไหนได้ล่ะ...จุดประสงค์แท้จริงของนางยิ่งใหญ่นัก...
แถมยังให้การช่วยเหลือปิศาจที่ตัวเองก็ไม่ได้รู้จักอีก เห้อ คนเรา แค่เพราะจะแก้แค้นทำได้ขนาดนี้เลยหรอ
แต่โชคดีมาก เหมือนคำทำนายที่ว่าโอมจะได้อนูบิสคอยปกป้องไม่งั้นคงซี้แหงแก๋แน่นอน ท่านเทพก็ห่วงแฟนเหลือเกิ๊น
ถ้าเอาเข้าเอวเก็บไว้กับตัวได้คงทำไปแล้วเนาะ ๕๕๕ อิจฉาอีกรอบ  :katai1:
แต่จะว่าไปเอาจริงๆ เราชอบเชียร์คู่รองมากกว่าคู่หลัก (ที่รู้ว่าลงเอยกันแน่ๆอยู่แล้ว) คู่ปาลกับเวทิศนี่จับใจเรามากเลย
ปกติก็ไม่ค่อยถูกกับตำรวจหรอกค่ะ แต่ยกให้ปาลคนนึง ฮ่อลลล หล่อ ขยัน ซื่อสัตย์ พึ่งพาได้ ฮืออออขอสักคน
ถึงแม้นางจะปล้ำเวทิศโดยที่เวทิศน่าสงสารมากเพราะนึกอยากเข้าก็เข้าเลย น่าฟาดจริงๆ เวทิศบอบบางนะ
แต่ยังดีที่กลับตัวขอคบทัน แม้มันจะเร็วไปหน่อยแต่สำหรับเวทิศที่มีใจอยู่แล้วก็ดีไปเลยยยยยย
ยิ่งวันนั้นที่แวะมาหาแล้วขอทำ แต่เวทิศบอกว่าถ้าไม่มีถุงยางก็อดนะ...  :heaven //โฟกัสผิดจุด
แอบสงสารเล็กน้อย เรือล่มเจ้าค่ะ คุณท่านเขาสมองแล่นพอดี ซงซานเวทิศอีกที ๕๕๕๕๕๕๕๕
คู่อีกคู่ หมอกับน้ำชานี่เราเซอไพรส์มากถึงมากที่สุด ไม่ค่อยเจอคนที่แต่งญญในนี้เป็นคู่รอง
แอบมีโมเม้นท์น่ารักให้กรี๊ดกร๊าดพอเป็นกระษัย น่ารักมากค่ะ ไม่มากไปไม่น้อยไป ทำไมมีแต่คนน่าอิจฉา
//โปรดส่งใครมารักฉันที  :ling1: พูดถึงตอนจบ...
ที่จริงเราเดาตอนจบไม่ได้เลยค่ะ กลัวจะดราม่าแบบโอมกับอนูบิสไม่ได้อยู่ด้วยกันอะไรงี้
ถึงแม้เนื้อเรื่องที่ปูมาทั้งหมดจะไม่มีเค้าแววดราม่าแต่ก็อดกลัวไม่ได้ตามประสาคนเคยโดนหลอก ๕๕
โชคดีที่ถึงโอมจะตายแต่ท่านเทพโอซิริสก็ใจดี๊ใจดี ให้โอมเป็นเทพเลยนิ ทีนี้หมดปัญหาเรื่องอายุด้วยเลย
แต่เราอยากให้นักเขียนบรรยายฉากช่วงหลังๆก่อนจบให้เยอะกว่านี้อ่ะค่ะ
เราว่าดูกระชับไปนิดหน่อย แต่ว่าไม่ได้แย่นะคะมันดีแล้ว แค่เราอยากดื่มด่ำความรู้สึกเอง ๕๕๕๕

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

สุดท้ายก็ยังคงเป็นคำขอบคุณค่ะที่สร้างเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับเทพอียิปต์ให้เราได้อ่านและได้ประทับใจ
ขอให้นักเขียนได้สร้างสรรค์ผลงานดีๆออกมาอีกเรื่อยๆนะคะ เราจะติดตามแน่นอนค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Anubis Lord of the Death##
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 06-11-2016 19:24:45
สนุกมากกกกกกกกค่ะ o13 o13
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆแบบนี้นะค่ะ
ตอนจบนี่ร้องไห้ตามเลยค่ะ ทั้งสงสารและก็ซึ้งใจ :mew4:
แอบสงสารคีรีนะค่ะ เจอแต่เรื่องแย่ๆมาทั้งชีวิต :sad11:
****อยากได้ตอนพิเศษค่าาาาาาขอทุกคู่เลยนะคะ :call: :hao3:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Anubis Lord of the Death##
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 09-11-2016 00:13:09
 :jul1: :jul1: สวยงามคะ แต่เราว่าตอนจบรวบรัดไปนิด
ส่วนเรื่องปูพื้นฐานของตัวละคร เราไม่ติดใจนะ คือเข้าใจเลยอะเพราะอิยิปต์ที่คือแบบ มีมานานมาก เรื่องเทพจากเน็ตไรงี้ ก็มีหลากหลายอะแตกต่างกันบ้างนิดหน่อย ตอนเราเรียนแต่ละยุคนี้ก็ปวดหัวเหมือนกัน

มีภาคพิเศษก็ดีนะคะ
ขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Anubis Lord of the Death##
เริ่มหัวข้อโดย: suonlyyou ที่ 09-11-2016 14:01:32
เป็นนิยายที่สนุกมากเลยค่ะ  อ่านจบนี้ไปศึกษาประวัติอียิปต์เพิ่มเติมเลย

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆที่สนุกมากมายค่ะ

แบบว่าอยากให้มีตอนพิเศษจัง  ขอหน่อยนะๆๆๆๆ   :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Pre order 27/11/59-31/01/60##
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 27-11-2016 12:09:58
Pre order


อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ
วาดปกโดย LeiLa



ในความดำมืดแห่งรัตติกาล ปีศาจร้ายช่วงชิงขนนกแห่งความดีไปต่อหน้า
มันเป็นหน้าที่ของ “อนูบิส” เทพแห่งความตายที่ต้องติดตามกลับคืน
แต่เพราะเหตุใดการต่อสู้กับปีศาจร้ายเนรูจึงนำพาอนูบิสมาสู่ดินแดนที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน
รวมทั้งมนุษย์คนแรกที่อังค์ขุมพลังของอนูบิสหลุดร่วงเข้าใส่ร่างนั้นด้วย

“ดินแดนนี้คือที่ไหน” อนูบิสพลันถามบุรุษผู้นั้นอันมีนามว่า “อาศิร”

“กรุงเทพมหานคร ปีพุทธศักราชสองพันห้าร้อยห้าสิบเก้า”


อนูบิสเผชิญกับภารกิจใหญ่ยิ่ง เขาจำเป็นต้องอาศัยอาศิรเพื่อไล่ล่าปีศาจให้สำเร็จ
และนี่อาจเป็นชะตากรรมให้เขาได้ผูกพันกับมนุษย์ตัวเล็กๆจนไม่อาจตัดใจได้ตลอดกาล


อ่านรายละเอียดได้ที่ 

เพจสำนักพิมพ์รสิตา (https://www.facebook.com/Rasita-Books-1552940261694720/)

หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Pre order 27/11/59-31/01/60##
เริ่มหัวข้อโดย: The darkness ที่ 20-12-2016 15:19:21
 o13 ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Pre order 27/11/59-31/01/60##
เริ่มหัวข้อโดย: The darkness ที่ 21-12-2016 18:05:32
 o13 อ่านตอนแรกก็นึกว่าหมอคีรีจะเข้ามาแทรกแบบรัก 3 เศร้า เรา 3 คน อ่านไปอ่านมา อ้าว อิเลว เอาความฝันตรูคืนมา  :angry2: แต่ตอนจบก็โอเคนะคะ ถึงโอมจะตายแต่ก็กลายเป็นเทพไม่ใช่ต่างคนต่างอยู่ไม่งั้นน่าสงสารแย่ 
ปล.ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Pre order 27/11/59-31/01/60##
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 23-12-2016 18:17:57
รู้สึกว่าเรื่องนี้หวาน อ่านตั้งนานแล้ว แต่รอให้จบก่อนแล้วมาอ่านรู้ตัวอีกทีจบแล้วอ่ะ :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Pre order 27/11/59-31/01/60##
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 23-12-2016 18:32:48
สนุก o13
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Pre order 27/11/59-31/01/60##
เริ่มหัวข้อโดย: beer9999 ที่ 25-12-2016 17:06:50
น้ำตาจะไหล นึกว่าโอมจะไม่ได้อยู่กับหมีภูสะแล้ว
ชอบๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Pre order 27/11/59-31/01/60##
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 25-12-2016 19:19:25
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Pre order 27/11/59-31/01/60##
เริ่มหัวข้อโดย: Kitsune1st ที่ 26-12-2016 23:13:38
ตอนจบก็ไม่เชิงว่าผิดคาด แต่ก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน5555
น่ารักกรุบกริบ
หมอโอมมม คนดียังไงก็เป็นคนดี
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Pre order 27/11/59-31/01/60##
เริ่มหัวข้อโดย: ployspy ที่ 03-01-2017 21:34:13
งืออออออออ
สนุกมากเลย
เราชอบมาก
อ่านจนจบเลย
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Pre order 27/11/59-31/01/60##
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 15-01-2017 01:06:34
"อา ร่างเทพของโอมที่ดีชะมัด”


อนูบิสรำพันอย่างถูกใจ


“มันรับแรงของผมได้โดยที่ผมไม่ต้องยั้งเลย”



อาศิรหันมาทำตาโตใส่เขา เม็ดเหงื่อยังคงพราวอยู่บนขมับ


“หมายความว่าที่ผ่านมาตอนผมเป็นคน คุณยังใส่ผมไม่เต็มที่เหรอ”




อิอิ เทพบ้า หื่นกาม หุหุ



 :-[ :-[ :-[ :-[



หมดเขตพรีออเดอร์ 30 มกราคมนะคะ

หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Pre order 27/11/59-31/01/60##
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 17-01-2017 23:10:31
ใจหายแทนเวทิศมากบอกเลยยย  :hao5:

แล้วอีกอย่างคือดีใจที่โอมยังได้อยู่กับอนูบิส ตอนแรกนี้เรานึกว่าต้องจากกันสะแล้วววว  :katai1:

ปล. ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆ ขอบคุณน้าาาาที่แต่งเรื่องดีๆแบบนี้มาอ่านนน :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Pre order 27/11/59-31/01/60##
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 21-01-2017 04:01:15
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ชอบเรื่องนี้มาก  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Pre order 27/11/59-31/01/60##
เริ่มหัวข้อโดย: abc_b ที่ 04-05-2017 23:15:02
ที่พีคคือทั้งกลุ่มของโอมเป็นเคะหมดเลยนี่แหละ555  :-[

จบสวยกว่าที่คิดไว้ แต่ก็ยังคาใจเรื่องพ่อของท่านเทพอยู่ดี สรุปเฮียแกจะเอายังไงงง

ขอบคุณคนเขียนสำหรับนิยายนะคะ  :pig4:

หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Pre order 27/11/59-31/01/60##
เริ่มหัวข้อโดย: lovejinjunno ที่ 06-05-2017 17:58:38
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกก
ขอกรีดร้องโหยหวนได้ไหม~~~~
พลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไง~~~~~~~
ชอบอ่าาาาาาาา

จริงๆแล้วชอบอิยิปต์โบราณมาตั้งแต่สมัยอ่านคำสาปฟาโห์แล้วนะ 5555
จากนั้นมาก็ซื้อหนังสืออิยิปต์โบราณมาอ่านตลอดเลย รวมถึงเรื่องเทพเจ้าด้วย อ่านจนจำได้ขึ้นใจ แต่นี่ไม่ได้อ่านมาหลายปี สุดท้ายลืมจ้า ลืมเกือบหมดแล้ว บางทีอ่านเรื่องนี้ไปแล้วแอบงงก็มีนะ เกี่ยวกับความสัมพันธ์แล้วก็ลำดับเครือญาติของเทพเจ้าอ่ะแหละนะ บางทีก็แอบเอาเรื่อง ก็อด ออฟ อิยิปต์มารวมด้วยนิดหน่อย อย่างน้อยก็เป็นแนวว่าฮอรัสหน้าตาเป็นยังไง 55555

เออใช่ แล้วเรื่องที่อิมเมทของอีนพูคือโอมาร์อ่ะ
(http://1.bp.blogspot.com/-S2TOC4eOXJs/UXwJrjU5KnI/AAAAAAAAJHo/-hwpRKTM7BA/s1600/Omar+Borkan+Al+Gala+Girlfriend.jpg)
อยากบอกว่า อยากบอกว่า.... มันใช่อ่ะ ดูจากซิกแพคของอีนพูกับซิกแพคของโอมาร์อ่ะนะ ใช่เลย 55555 แล้วก็อ่านๆไป แล้วนึกภาพตามแบบ..หน้าโอมาร์อะไรงี้แล้วแบบ.. โอ๊ยยย เขินค่ะ หน้าตาโอมาร์ยามปกติก็เอิ่ม หล่อวัวตายควายตายแล้วนะ ขนาดมีประเทศนึงไม่ยอมให้โอมาร์เข้าประเทศเพราะเจ้าตัวหล่อเกินไปด้วยอ่ะ ฮากลิ้งเลย แล้วยิ่งเวลาที่โอมาร์ยิ้มหวานๆให้กล้องด้วยยิ่งแล้วใหญ่ ละลายเลยค่ะ ดวงตาแพรวพราวระยิบระยับมากกกกก ฉะนั้นพอนึกภาพหน้าตาอีนพูในร่างมนุษย์ว่ามีหน้าตาเหมือนโอมาร์ พออีนพูพูดหวานๆ มองตาโอมด้วยนะ โอยยย ตายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แทบจะละลายคามือถือเลยทีเดียว
แต่เอาจริงๆนะ ไม่รู้หรอกว่าอีนพูในมุมที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนจะเป็นยังไงอ่ะนะ แต่ถ้ามันจะหวานและก็อบอุ่นได้ขนาดนี้ล่ะก็นะ 55555


เออใช่ อ่านมาจนถึงตอนจบ ก็ว่าแปลกๆ มีเทพีตนนึงที่ไม่ได้ถูกพูดถึงนะ ดังพอสมควรเลยแหละ เทพีฮาร์ธอไง เทพีแห่งความรักและทิศตะวันตก ไม่ใช่อะไร แอบคิดถึง เพราะตอนอ่านหนังสือแล้วนึกชอบๆอยู่นะ

ตอนสุดท้ายของเรื่อง เดาออกตั้งแต่ที่หมอดูทักต้นเรื่องแล้ว แต่เนื้อเรื่องมันหักมุมนิดหน่อย ตอนแรกคิดว่าเวทิศจะทำเสียแผนเพราะหลงรักกวินตราซะอีก อ้าว ไม่ใช่ เพราะทิศก็มีคู่กับปาลไปแล้ว 555
สรุปว่า แก๊งค์ของโอมนี่คือเคะหมดเลยสินะ
สงสารกวินตราเหมือนกันนะ แต่ไม่สงสารพ่อกวินตราเลยอ่ะ เหอเหอ

ชอบบทส่งท้ายจัง ตอนจบของบทส่งท้ายก็ชอบ จบแบบนี้ดีที่สุดอ่ะ ชอบๆ ว่าแต่ ชาลินีไม่รู้เรื่องอีนพูสินะ แอบเสียดายอยู่นะ อยากให้ชาลินีไปเยี่ยมโอมที่อียิปต์ด้วยจัง แต่ก็อย่างว่า ถ้าชาลินีรู้ อาจทำใจไม่ได้ก็ได้ ของแบบนี้มันพูดยาก เหอเหอ แต่แอบอิจฉาโอมอยู่นะ ได้อยู่กับคน เอ้ย เทพที่ตัวเองรักที่อียิปต์สมัยโบราณ และได้ตายบนผืนแผ่นดินที่เป็นที่รักของเทพที่รัก อิจฉาอ่าาา คำสาปฟาโรห์กำเริบอีกรอบแล้วสิ ไปและ 5555

เอ้อๆ เพิ่งนึกได้ มัมมี่นี่คือกายเนื้อของโอมที่ถูกเนรูกัดสินะ อ่านตอนแรกก็ไม่ได้นึกเอะใจอะไรไง ลืมไปว่าเทพทั้งหลายให้โอมเป็นเทพแล้ว ฉะนั้นโอมก็ต้องมีร่างกายเป็นเทพไปด้วย 5555
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> ##Pre order 27/11/59-31/01/60##
เริ่มหัวข้อโดย: lovejinjunno ที่ 06-05-2017 19:08:58
มัมมี่กายเนื้อหรือร่างมนุษย์ของโอมมีสภาพสมบูรณ์
เพราะถูกพิทักษ์และปกปักษ์รักษาโดยเทพีเนฟทีส
เพิ่มเติมคือเทพอนูบิสที่คอยพิทักษ์ทั้งมัมมี่กายเนื้อและร่างเทพของเซเชป 55555555
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 07-05-2017 12:57:38
 o13 สนุกมาก
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 07-05-2017 20:07:26
ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ ชอบโครงเรื่องแบบนี้
แต่รู้สึกตัดจบเร็วไปหน่อยค่ะ 
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์
เริ่มหัวข้อโดย: PJansam ที่ 09-05-2017 17:48:18
สนุกดีค่ะ. 
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 10-06-2017 14:37:06
สนุกมากเลยค่ะ
ขอบคุณนักเขียนสำหรับนิยายดีๆ เรื่องนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 11-06-2017 10:13:22
ข้ามเวลามาพบรักกันเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-10-2017 09:50:11
ลุ้นมาก ลุ้นจริงลุ้นจัง ไม่คิดว่าจะมาเจอกันได้
ท่านเทพคือประทับใจแรกพบมาก แล้วหมอโอมก็แอบเขม่นแต่ปลื้มหนักกว่า

โอมน่ารัก จิตใจดี ถึงแม้จะต้องเจอเรื่องแย่มาบ้าง แต่โชคดีที่แม่กับยายดูแลดี
ในทางเดียวกัน คีรี มีแผลแต่เด็ก ทำความคิดผิดเพี้ยนไป สภาพจิตใจแย่ จนสุดท้ายก็ไม่เหลืออะไร

ท่านเทพคือรักแท้ คำทำนายไม่พลาดเลย โอมจากโลกนี้ ไปอยู่อีกโลก แต่ยังรักกันมั่นคง

ปาลทิศคือความลงตัวนะ ค่อยๆ เรียนรู้กันไป สุดท้ายก็ได้กัน 5555

เรื่องน่าติดตามดีค่ะ ชอบ ขอบคุณคนแต่งมากนะคะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 07-05-2018 11:29:37
 :z13:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> เทพอียิปต์
เริ่มหัวข้อโดย: BooJiRa_ ที่ 10-05-2018 18:28:51
ขอบคุณมากๆนะคะ ชอบมากเลย เขินมาก  :hao7:
หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> [Pre orderพิมพ์ครั้งใหม่ 4 ก.ย.-5ต.ค.61]
เริ่มหัวข้อโดย: Belove ที่ 06-09-2018 23:08:33



เปิด พรีออเดอร์ อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ
กรุณาอ่านรายละเอียดก่อนนะคะ
นิยายเรื่องนี้เคยตีพิมพ์มาแล้ว

ผู้แต่ง :Belove
ปก : Froth
จำนวนหน้า : 350+ หน้า
ราคาปก : 350 บาท
มีที่คั่นหนังสือ 1 ใบ โปสการ์ด 1 ใบ

ราคาพรีออเดอร์ ลดเหลือ 330 บาท

ค่าจัดส่ง 1 เล่ม 40 บาท(ลทบ)
2-3 เล่ม จัดส่ง Kerry ( 70 -80 บาท)
อ่านรายละเอียดเพิ่มในเพจนักเขียน
ท่านใดต้องการสั่งซื้อหลายเล่มรบกวน Inbox หรือ เมล มาก่อนนะคะ

ระยะเวลา วันนี้- 5 ตุลาคม 2561



o15 o15 o15 o15 o15 o15 o15


หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> [Pre orderพิมพ์ครั้งใหม่ 4 ก.ย.-5ต.ค.61]
เริ่มหัวข้อโดย: KittybabymApi ที่ 16-09-2018 09:28:27
ขอบคุณค่ะสำหรับนิยายดีๆอีกเรื่อง จากที่ไม่ค่อยรู้เรื่องเทพของอียิปต์พอได้อ่านนิยายของไรท์beloveไป2เรื่อง คือคำสาปร้ายพ่ายรัก และเรื่องนี้ทำให้เข้าใจเทพนิยายอียิปต์ขึ้นเยอะเลย
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> [Pre orderพิมพ์ครั้งใหม่ 4 ก.ย.-5ต.ค.61]
เริ่มหัวข้อโดย: KittybabymApi ที่ 16-09-2018 09:41:54
ทราบข้อมูลมาว่าตอนไรท์แต่งเรื่องนี้แล้วเหนื่อยมากเพราะการแต่งนิยายประวัติศาสตร์และเกี่ยวกับความเชื่อแบบนี้มันทั้งเหนื่อยและยากมาก แต่คนอ่านนี่สนุกและเพลินมากเลยรู้สึกว่าอยากอ่านอีกมันไม่พอ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> [Pre orderพิมพ์ครั้งใหม่ 4 ก.ย.-5ต.ค.61]
เริ่มหัวข้อโดย: KittybabymApi ที่ 16-09-2018 09:51:14
เรื่่องนี้สนุก พลอตดี ดำเนินเรื่องกระชับแต่รวบรัดตัดจบไปนิด
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> [Pre orderพิมพ์ครั้งใหม่ 4 ก.ย.-5ต.ค.61]
เริ่มหัวข้อโดย: KittybabymApi ที่ 16-09-2018 09:54:07
ถ้าอยากอ่านเพิ่มไปหาอ่านต่อในเล่มเนาะ
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> [Pre orderพิมพ์ครั้งใหม่ 4 ก.ย.-5ต.ค.61]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 17-11-2018 10:36:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> [Pre orderพิมพ์ครั้งใหม่ 4 ก.ย.-5ต.ค.61]
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 17-11-2018 15:23:06
ความแค้นครอบงำจนใจบิดเบี้ยวจริงๆคีรีมีทางเลือกเยอะนะแต่คีรีเลือกทำให้ชีวิตตัวเองย่ำแย่เองจุดจบเลยเป็นแบบนี้ กวินตราเหมือนระบกรรมหนักมากสมกับที่ทำกับคนอื่นสงสารแต่เด็กที่เกิดมาต้องผิดปกติเนี่ยแหละ ส่วนคู่รองน่ารักมากจบได้สวยงามพ่อหมีพูห์ได้ครองรักกับเซจนหาไม่ ปริ่มมากกกกก  :pig4:
หัวข้อ: Re: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> [Pre orderพิมพ์ครั้งใหม่ 4 ก.ย.-5ต.ค.61]
เริ่มหัวข้อโดย: nonocong ที่ 26-05-2021 22:28:23
เป็นนิยายที่ซาบซึ้งมากตั้งแต่อ่านนวนิยายมา เรื่องนี้อยู่ในดวงใจเลย จนเค้าแอบไปศึกษาเทพประจำกาย สรุป เทพราห์ดูแลอ๋อย~ แต่ยังไงก็หลงรักพ่ออนูบิสน้าาา  :3123: