<< อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> [Pre orderพิมพ์ครั้งใหม่ 4 ก.ย.-5ต.ค.61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> [Pre orderพิมพ์ครั้งใหม่ 4 ก.ย.-5ต.ค.61]  (อ่าน 155083 ครั้ง)

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6

ออฟไลน์ airicha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ทำไมเราชอบตัวละครที่ชื่อหมอคีรี  5555+
แต่ไม่ชอบนิสัยนะแอบน่ากลัว
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ
ยิ่งอ่านยิ่งติด

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
งานนี้เรื่องจะดำเนินไปทางไหน งานนี้เฉลยหมดแหละ อยากรู้ว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป  :mew1:

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
อ๊า...รอตอนต่อไปชอบบ สนุกดี

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                           อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                                     บทที่ 16

                                                         Anubis Lord of the Death


               บุรุษอันมีเรือนร่างงามสง่าและใต้ล่างของริมฝีปากมีเครายาวได้รูปอันเป็นแบบอย่างของเหล่าฟาโรห์ทั้งปวงเมื่อสิ้นลมหายใจ

จะต้องบรรจุร่างไว้ในหีบศพที่สลักเสลาเป็นพระพักตร์ที่มีเครายาวดั่งเช่นเทพโอซิริส บัดนี้ได้ก้าวตรงเข้ามาและดึงต้นแขนเทพอนูบิสผู้

เป็นหลานให้ลุกขึ้นยืนเสมอกับตน


               “เป็นเช่นไรบ้างหลานของข้า ลุงเป็นห่วงเจ้าเหลือเกิน”


               ดวงตาคมของอนูบิสฉายแววตื้นตันเมื่อได้พบกับเทพโอซิริสผู้เป็นลุง ในยามสถานการณ์ตึงเครียดเพียงได้พบกับผู้ที่เขามอบ

ความเคารพเช่นนี้ หัวใจของอนูบิสก็ชุ่มชื่นขึ้นมาอีกครั้ง


               “ขอบคุณท่านปู่ที่เปิดทางให้ข้าได้พบกับท่านลุง ข้านั้นด้อยความสามารถนักที่บัดนี้ก็ยังตามจับปีศาจเนรูและนำขนนกกลับ

คืนมิได้”


               “อย่าดูถูกตนเองเช่นนั้น ไม่ใช่ว่าหลานด้อยความสามารถ แต่เป็นเพราะศัตรูมิใช่ธรรมดา มันถูกส่งมาเพื่อก่อกวนให้แดนมรณะ

ต้องวุ่นวาย”


               อนูบิสขมวดคิ้ว คำกล่าวของเทพโอซิริสราวกับว่าล่วงรู้ถึงเบื้องหลังของเนรูแล้ว


               “ท่านลุงได้โปรดแจ้งต่อหลาน ใครกันที่บังอาจทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้”


               “มีอยู่เพียงคนเดียวที่กล้า” เทพโอซิริสถอนหายใจหนักหนา ทำให้อนูบิสเดาได้จากท่าทางนั้น


               “หรือว่าจะเป็น...ท่านพ่อ”


               อนูบิสสลดใจเมื่อการคาดเดาของเขาถูกต้อง เทพโอซิริสผู้เยือกเย็นและเกลียดความรุนแรงไม่ได้ปฏิเสธผู้เป็นหลาน และยัง

นึกย้อนไปเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นใหม่ๆ ที่ต้องไปให้ปากคำแก่ Ennead (ศาลที่ประกอบด้วยเทพเจ้าเก้าองค์เพื่อตัดสินความขัดแย้งต่างๆ)

               เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ทวยเทพทั้งหลายต่างเข้ารับฟังการประชุม  เทพทุกองค์ต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดยกเว้นเชธเทพเจ้าแห่ง

สายฟ้าที่ได้แต่นั่งฟังอย่างเฉยเมย


               “ไหนว่าดินแดนหลังความตายมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาจากท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่โอซิริสและหลานชายที่แสนจะจองหองอนูบิส

แล้วไฉนจึงปล่อยให้ขนนกแห่งเทพีมาอัตที่แสนจะสำคัญถูกช่วงชิงไปเล่าท่านพี่”


               น้ำเสียงของเซธฟังดูเหมือนกับเหยียดหยามจนโอซิริสที่ใจเย็นยังอดไม่ได้ที่จะขุ่นเคืองและกล่าวตอบโต้น้องชายผู้โอหัง


               “ดินแดนหลังความตายมีการคุ้มกันทางเข้าและตรวจสอบอย่างละเอียด ไม่มีทางที่จะปล่อยให้ปีศาจเร้นกายเข้าไปโดยง่าย

ยกเว้นเสียแต่ว่าปีศาจตนนั้นจะมีผู้ช่วยเหลือให้กระทำได้สำเร็จ”


               ดวงตาของเทพเซธผู้มีใบหน้าเป็นลาถึงกับดุดันขึ้นมาเมื่อได้ยินคำกล่าวของพี่ชาย เซธพลันลุกขึ้นยืนและก้าวไปยังเบื้องหน้า

ของโอซิริสพร้อมกับเหยียดยิ้ม


               “ท่านพี่ควรจะกล่าวโทษตัวเองและอนูบิสที่ไร้ซึ่งฝีมือมากกว่าจะกล่าวหาคนอื่นเช่นนี้”


               เทพโอซิริสมองหน้าน้องชายอย่างรู้ทัน


               “ทำไมต้องโมโหโกรธาด้วยเล่าเซธ ข้ายังไม่ได้กล่าวหาผู้ใดทั้งสิ้น หรือว่าเจ้าร้อนใจที่ข้ามิได้เอ่ยชื่อเจ้าออกมา”


               “โอซิริส!”


               ท่าทีคุกคามและโกรธเกรี้ยวของเทพเซธทำให้เทพฮอรัสผู้มีใบหน้าเป็นนกเหยี่ยวบุตรชายของเทพโอซิริสทนไม่ไหว เขาบิน

ถลาจากที่นั่งเข้ามากั้นขวางทางระหว่างบิดาและอาของเขาไว้ด้วยความดุดันไม่แพ้กัน


               “อย่าเข้าใกล้ท่านพ่อ”


               “กำแหงนักเหรอฮอรัส”


               “ข้ากำแหงกับผู้ที่ควรกำแหง ข้ายังไม่เคยลืมที่ท่านทำร้ายท่านพ่อ”


               ดวงตาของฮอรัสโชนแสงด้วยความเคียดแค้น เขาไม่ได้ใจเย็นเหมือนบิดา ความเลวร้ายที่เซธแยกชิ้นส่วนของโอซิริสเป็นสิบ

สี่ส่วนและโยนจนกระจายไปทั่วผืนแผ่นดินไอยคุปต์ยังคงฝังใจไม่มีวันเลือน หากในคราวนั้นเทพีไอซิสผู้เป็นมารดาและอนูบิสญาติผู้พี่

ของเขาไม่เข้มแข็งพอก็คงจะติดตามชิ้นส่วนของโอซิริสมาได้ไม่ครบ


               “ข้าเชื่อสนิทใจว่าปีศาจร้ายตนนั้นมีผู้บงการคือท่าน”


                เซธยิ้มเยาะกับคำกล่าวหาจากหลานชาย เขายักไหล่อย่างไม่แยแสนัก


              “ไม่ดีหรือเช่นไร จะได้รู้กันว่าเทพโอซิริสที่แสนจะยิ่งใหญ่ ไปไหนมีแต่ผู้คนบูชาจะมีปัญญาทำอะไรได้บ้าง”


              “แต่คนที่เดือดร้อนและกำลังเผชิญหน้ากับปีศาจคืออนูบิสบุตรของเจ้านะเซธ”


              เซธหันขวับไปจ้องหน้าโอซิริสด้วยความชัง ไม่มีสิ่งไหนที่จะยอกใจให้แสลงเท่าคำพูดประโยคนี้ของโอซิริส


              “เป็นห่วงมันนักหรือ ห่วงราวกับว่าอนูบิสมันเป็นลูกของท่านกระนั้นเลยนะท่านพี่”


               “เซธ!”


                โอซิริสอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเทพีเนฟธีสที่นั่งหน้าซีดเผือดเพราะถ้อยวาจาเสียดแทงของสามี เซธมองตามพลางยิ้มเยาะ

ก่อนที่เขาจะหนีจากไปอย่างไม่สนใจอีก สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้โอซิริสเครียดหนักขึ้นอีก และเขาดีใจมากที่เทพอามุน-ราเปิดทางให้ได้พบ

กับอนูบิสแม้จะแค่เสี้ยวหนึ่งก็ยังดี


                “เซธถือโอกาสใช้ช่วงเวลาที่ไปช่วยท่านปู่ของเจ้าสู้กับงูอะโพรฟิสบนเรือมันเจต แอบใช้ไม้เท้าของเทพอามุน-ราเปิดประตู

มิติทำให้เจ้ากับปีศาจร้ายเดินทางมายังดินแดนแห่งนี้”


                 “หากเป็นเช่นนั้น ถ้าข้าจะกลับไปก็ต้องให้ท่านปู่ช่วยเปิดทาง”


                 อนูบิสครุ่นคิดถึงอีกปัญหาหนึ่ง


                “เมื่อข้าเดินทางผ่านประตูมิติมานั้น ข้าพลาดพลั้งให้อังค์หลุดไป และอังค์ได้เข้าไปอยู่ในร่างของมนุษย์ผู้หนึ่ง”


               “อะไรนะ”


               เทพโอซิริสชะงักงัน เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าร่างมนุษย์จะรองรับอังค์ของเทพได้ อนูบิสถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม


               “ครั้นข้าอยู่ห่างไกลมนุษย์ผู้มีอังค์ของข้าอยู่ในตัว ข้าจะสิ้นซึ่งพลังแห่งเทพลง และไม่สามารถต่อกรกับไอ้ปีศาจเนรูได้เลย

ท่านลุงมีวิธีแก้ไขหรือไม่”


              โอซิริสนิ่งคิดก่อนจะสบตากับหลานชายที่รอคำตอบใจจดใจจ่อ


            “อังค์คือชีวิต หากต้องการอังค์ก็หมายถึงต้องการชีวิต มนุษย์ผู้นั้นอาจต้องเสียสละลมหายใจของเขาเพื่อปกป้องมนุษย์ทั้งปวง”


            แสงสว่างสีเขียวอ่อนเรืองรองค่อยๆจางลง บ่งบอกให้อนูบิสรู้ว่าเวลาของเขากับเทพโอซิริสหมดลงแล้ว โอซิริสมองหลานชาย

ด้วยความห่วงใย


               “ระวังตัวด้วยหลานรัก”


               ร่างแห่งเทพผู้ยิ่งใหญ่เลือนลางจนกระทั่งหายลับไป อนูบิสลืมตาขึ้นมาเพื่อที่จะเห็นโอซิริสเพียงรูปปั้นเท่านั้น คำพูดสุดท้าย

ของโอซิริสทำให้อนูบิสตกใจ

               หากต้องการอังค์หมายถึงต้องการชีวิต

              ไม่!

              อนูบิสจะไม่ยอมให้อาศิรต้องเสียสละใดๆอีกต่อไปแล้ว ไม่มีทาง!






                เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องพักของเวทิศอนูบิสก็ได้รู้จักกับปาลที่เวทิศแนะนำว่าเป็นตำรวจ


               “ตำรวจคือคนสืบหาความจริงและนำคนทำผิดไปลงโทษ” เวทิศบอกกับเขาเช่นนั้นก่อนจะหันไปหาปาลและแนะนำอนูบิสบ้าง


              “นี่คือท่านเทพอนูบิส”


              ได้ฟังแล้วก็งง ปาลมองอนูบิสกับเวทิศสลับกันและย่นคิ้วทันที


             “เล่นตลกอะไรอีก รู้จักกาลเทศะบ้างไหมเวทิศ”


             “เอ๊า พูดเรื่องจริงก็หาว่าตลก ก็ที่ผมบอกคุณไงว่าเรื่องที่คุณสืบอยู่มันมีเงื่อนงำ”


             เวทิศเล่าเรื่องของอนูบิสให้ฟังคร่าวๆ แต่ดูเหมือนว่าปาลก็ไม่เชื่ออยู่ดี แต่อนูบิสก็เข้าใจ เขาไม่ได้โกรธที่เห็นสายตาปาลมอง

ด้วยความกังขา


              “โธ่ เชื่อเถอะผู้กอง เนี่ยน่ะเทพตัวจริงเสียงจริง”


               “ไม่เป็นไรหรอกเวทิศ” อนูบิสยิ้มอ่อน “ในเวลาของคุณเรื่องเทพคงเป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ตอนนี้ผมเองก็ไม่มีอังค์จึงกลายร่าง

กลับไปเป็นร่างเดิมของผมไม่ได้ คงจะต้องใช้วิธีอื่นทำให้คุณเชื่อ”


               อนูบิสจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของปาลที่เผลอไผลให้อนูบิสมองอย่างไม่อาจละสายตาหนี ใช้เวลาแค่อึดใจอนูบิสก็เริ่มพูด

บางอย่างออกมาโดยที่ยังจ้องมองราวกับสะกดปาลไว้


               “คุณเคยตกบันไดเพราะความซนตอนสามขวบ ยังมีแผลเป็นที่หน้าผากจากการตกบันไดครั้งนั้น ตอนอายุแปดขวบคุณขโมย

ของเล่นจากร้านค้าจนถูกพ่อของคุณลงโทษอย่างหนักเมื่อรู้ความจริง และให้คุณไปสารภาพผิดกับเจ้าของร้านค้าด้วย เมื่อคุณอายุสิบสี่

คุณมีความสัมพันธ์ครั้งแรกกับผู้หญิงแต่คุณไปไม่ถึงดวงดาวจึงถูกผู้หญิงตบหน้า...”


               “พอ พอแล้ว”


               ปาลรีบยกมือห้ามเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของเวทิศ ใบหน้าของปาลแดงก่ำด้วยความอับอายเพราะความลับที่เขาปกปิดไม่เคย

ให้ใครรู้แม้แต่เพื่อนสนิทกลับมาถูกเปิดเผยโดยผู้ชายที่ปาลสาบานว่าเพิ่งเคยพบหน้ากันเป็นครั้งแรก


               “คุณไปรู้เรื่องของผมมาจากไหน”


                อดไม่ได้ที่จะคาดคั้นด้วยความสงสัย อนูบิสทำเพียงคลี่ยิ้มเท่านั้นทำให้ใจของปาลเริ่มไขว้เขว เวทิศที่เพิ่งจะหยุดหัวเราะได้

รีบสำทับทันที


                “เชื่อเหอะน่าผู้กอง คนธรรมดาที่ไหนจะมาล่วงรู้ความลับระดับชาติของผู้กองได้ เป็นผมก็ไม่กล้าเล่าให้ใครฟังนะว่าล่มปาก

อ่าว ฮ่าๆๆๆ อุ๊บ”


                เวทิศยอมหุบปากเมื่อปาลมองตาเขียว ปาลหันไปสนใจกับอนูบิสอีกครั้ง


               “ถ้าคุณเป็นเทพอย่างที่คุณบอกจริง แล้วคุณเสด็จมาโลกมนุษย์ทำไมมิทราบ”


              “ก็อย่างที่ผมบอกผู้กองไงล่ะว่าคดีที่ผู้กองทำอยู่น่ะ มันมีปีศาจอยู่เบื้องหลัง”


               เวทิศกลับมาจริงจังอีกครั้งและเป็นคนเล่าให้ปาลฟังว่าพวกเขาสงสัยว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของนายแพทย์คีรี ปาลยิ่งฟังหัวคิ้วก็

ยิ่งขมวดเข้าหากัน


                  “อันที่จริงผมก็สงสัยว่าคนลงมือต้องมีความรู้ด้านกายวิภาค” ปาลออกความเห็นเมื่อเวทิศพูดจบ “คนร้ายจะต้องเชี่ยวชาญ

ขนาดลงมีดได้อย่างไม่ลังเล ดูได้จากบาดแผลที่คมกริบ ที่พวกคุณสงสัยก็มีเค้า แต่เราจะปรักปรำโดยไม่มีหลักฐานไม่ได้”


               “แล้วจะทำไงดีล่ะผู้กองถึงจะจับมันได้” เวทิศเอ่ยถาม เขาไม่อยากให้มีการสูญเสียชีวิตคนอีกแล้ว


               “หลักฐานไงล่ะ เราต้องหาหลักฐานมัดตัวหากหมอคนนั้นทำผิดจริง อาจจะต้องหาใครสักคนที่จะเข้าไปล้วงลึกหาหลักฐานที่

สามารถมัดตัวจนเขาดิ้นไม่หลุด”







               อนูบิสกลับมาถึงบ้านของอาศิรในยามค่ำ ความคิดของเขามีแต่ความวิตกกังวลจนได้แต่หยุดยืนอยู่หน้าประตูบ้าน เขามอง

แสงไฟที่ลอดจากด้านในบ่งบอกให้รู้ว่าอาศิรมาถึงก่อนเขาแล้ว หัวใจของอนูบิสเจ็บแปลบกับหนทางอันแสนมืดมน

               จะมีหนทางไหนที่เขาสามารถกำจัดเนรูและชิงขนนกกลับคืนโดยไม่ต้องเดือดร้อนผู้อื่น โดยเฉพาะกับอาศิรคนที่อนูบิสมอบใจ

รักให้จนหมด หากรู้หนทางนั้นอนูบิสจะทำโดยไม่ลังเลแม้ว่าจะลำบากเหนื่อยยากเขาก็ไม่หวั่น หากแต่ตอนนี้อนูบิสยังมองไม่เห็นทางนั้น

               ได้แต่ปั้นรอยยิ้มประดับบนใบหน้าก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าไป อนูบิสมองเห็นอาศิรนั่งซึมอยู่ที่โต๊ะอาหาร เมื่ออาศิรได้ยินเสียง

จึงเงยหน้าขึ้นยิ้มรับ แต่อนูบิสก็ยังเห็นแววความอ่อนล้าในดวงตางามของอาศิร


                “เป็นยังไงบ้างอินทร์ภู ไปหาไอ้ทิศได้เรื่องอะไรไหม”


               อาศิรเอ่ยทักพลางตักข้าวใส่จานให้อนูบิส ทั้งโต๊ะมีเพียงอาหารถุงไม่กี่อย่าง เพราะตั้งแต่ยายจันทร์ป่วยป้าแก้วก็ขอลาพัก

กลับบ้านไปเลี้ยงหลาน ทำให้บ้านนี้มีเพียงอาศิรและอนูบิสเท่านั้น

               อนูบิสเล่าเรื่องที่เขาได้รู้จักปาลให้อาศิรฟังพร้อมๆกับกินข้าวไปด้วย ความจริงเขาไม่ได้นึกหิวเพียงแต่อยากกินเป็นเพื่อน

อาศิร เขาไม่อยากให้อาศิรรู้สึกเดียวดายมากไปกว่านี้


                “ผมไม่เข้าใจ ในเมื่อรู้ว่าใครคือคนเลวทำไมถึงไม่กำจัด ทำไมถึงต้องหาหลักฐานด้วยทั้งๆที่รู้ตัวคนทำผิดแล้ว”


               “ใจเย็นนะอินทร์ภู”


               อาศิรปลอบขณะที่ช่วยกันล้างจาน เขาเดินจูงมือให้อนูบิสเดินตามไปยังห้องนอนเมื่อเก็บทุกอย่างเข้าที่แล้ว


               “ในยุคที่มีคนอยู่จำนวนมาก พวกเราปกครองกันด้วยกฎหมายและสิ่งที่ยืนยันว่าคนๆนั้นทำผิดจริงๆก็คือหลักฐานไงล่ะ”


               “การจะได้หลักฐานที่ว่ามา ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้เขาได้ทำผิดอีกครั้งน่ะสิ ผมไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น”


               อนูบิสกัดกรามเป็นสันคางขึ้นเป็นแนว อาศิรเห็นแล้วจึงเข้าไปนั่งเคียงข้างและคล้องแขนอนูบิสไว้


               “อย่าคิดมากสิพ่อหมีพู หน้าตาดุน่ากลัวไม่สมกับเป็นพ่อหมีพูขวัญใจแม่ยกเลยนะ”


               อนูบิสยิ้มออกเมื่อเห็นกิริยาราวกับเด็กน้อย เขาเอื้อมแขนวางพาดไปบนบ่าของอาศิรแล้วกล่าวอย่างอ่อนโยน


               “มัวแต่คุยเรื่องของผมทั้งที่โอมก็มีเรื่องให้คิดไม่ต่างกันเลย ขอโทษนะครับโอม คุณยายเป็นยังไงบ้าง”


               นัยน์ตาดำขลับอ่อนแสงลงและแทนที่ด้วยหยดน้ำเมื่ออาศิรคิดถึงหญิงชราที่ยังนอนอยู่บนเตียงแคบ ระโยงระยางไปด้วย

เครื่องมือช่วยชีวิต


               “ยายยังไม่ตื่นมาหาผมเลยอินทร์ภู ทุกอย่างนิ่งสนิทเหมือนยายมีแค่เลือดเนื้อและหัวใจที่ยังทำงานอยู่ แต่ผมที่เป็นหลานได้

แต่ยืนดูยายโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย”


               อาศิรร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น ความเหน็ดเหนื่อยและกังวลทำให้เขาอ่อนแอแต่ก็ต้องฝืนเข้มแข็งไว้จนกระทั่งได้อยู่ใน

อ้อมกอดอบอุ่นของอนูบิส มันทำให้อาศิรฝืนไม่ได้อีกต่อไป


               “ร้องออกมาเถอะโอม ระบายมันออกมา”


               อนูบิสโอบกอดและลูบผมนุ่มด้วยมือของเขา ความอบอุ่นแล่นผ่านไปในหัวใจอันอ่อนล้าของอาศิรให้มีกำลังใจขึ้นมา เขา

ร้องไห้กับแผ่นอกกว้างจนเหนื่อยจึงได้ถอนสะอื้นและผละออกก่อนฝืนยิ้ม


               “แย่จัง ผมร้องไห้จนเสื้อคุณเปียกไปหมด คุณไปอาบน้ำเถอะนะจะได้สบายตัว”


               เมื่อเห็นว่าอาศิรดีขึ้นอนูบิสจึงยอมไปอาบน้ำ และเมื่อกลับเข้ามาในห้องเขาก็เห็นอาศิรตะแคงกายคุดคู้หลับไปพร้อมคราบ

น้ำตา อนูบิสเดินมาที่เตียงและเอนกายนอนเคียงข้าง เขาใช้มือหนุนศีรษะตนเองเพื่อมองเสี้ยวหน้าของอาศิรพลางใช้ปลายนิ้วเช็ดคราบ

น้ำตาแผ่วเบา


               “เซเฮดเจนเมรูท”


               หนทางอันมืดมนแต่อาศิรก็เป็นแสงสว่างแก่เขา หัวใจอันเย็นชาได้รับน้ำหล่อเลี้ยงจนชุ่มฉ่ำ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อนูบิส

สัญญากับตัวเองว่าเขาจะปกป้องอาศิรให้ได้


               อังค์ของอนูบิสจะต้องอยู่ในกายของอาศิรตลอดไป เขาไม่ต้องการอังค์กลับคืนโดยต้องแลกกับลมหายใจของอาศิร


               ไม่มีทาง!



        TBC
    :katai1: :katai1:

[attachment deleted by admin]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-10-2016 20:47:39 โดย Belove »

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
 :katai1:   อร๊ายยยย  ไม่นะ ถ้าโอมต้องตายแล้วหมีพูเป็นม่ายเนี่ย

สงสารหมีพูจัง  รู้ว่าใครคือพ่อแต่ก็เรียกไม่ได้  ส่วนเซธ น่าจะจบตั้งแต่จับ โอซิริสหั่นเป็นชิ้นๆไปแล้วนะ  แต่ก็ว่าแหละเนอะ ยิ่งมองหมีพูเหมือนยิ่งโดนเหยียดหยาม  ว่าแต่ถามจริงเถอะ โอซิริสเนี่ยไม่รู้ตัวจริงๆหรอว่าคนที่ปั้มๆเนี่ยไม่ใช่เมียตัวเอง ?

ปล. ผู้กองบ่มีไก๋  ว๊ายยยๆๆๆๆ ล่มปากอ่าวว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-09-2016 00:55:23 โดย yymomo »

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
เศร้าจัง ตอนนี้มืดแปดด้าน

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
มันต้องมีวิธีสิน่าาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ คนริมคลอง

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-1

ออฟไลน์ Pisoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ่านแล้วเศร้า สู้ๆนะพ่อหมีพู

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6

ออฟไลน์ KnightDevil

  • Love is neither smile or cry.
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอยไม่น้า มันต้องมีทางอื่นสิแงๆ อยากให้ลงเอยด้วยดี
คนดีๆต้องไม่ตายนะ :hao5:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ทำไมเราหายจากเรื่องนี้ไปนาน งื้ออออ ทันละ

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
นายเอกเรางานเข้าเลยทีนี่

ส่งสารท่านอนูบิส

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
มันไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอ?

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ทำไมยิ่งหาหนทาง ยิ่งดูมืดมน  :sad4:

ออฟไลน์ Apple_matinie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Fragrant

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
รู้สึกมืดแปดด้าน มาม่ามาแรงมาก ใจเย็นๆนะโอม

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
อนูบิสไม่ใช่ลูกของเซธจริง ๆ เหรอ

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
จะทำยังไงล่ะเนี่ย หวังว่าจะมีทางออกที่ดี

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
เรื่องชักลุ้นขึ้นเรื่อยๆเยยอ่ะ อนูบิสนี่น่าสงสารซะจริง โดนกลั่นแกล้งเนี่ย  :sad11:
แต่ขออย่าดราม่าน๊าาา  :hao5:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
มันน่าจะมีวิธีอื่นนะ หรือถ้าต้องแลกชีวิตก็พาไปอยู่ด้วยกันที่โน้นกับอนูบิสเลยดีมะ เป็นคู่ชีวิตกันไปเลยจะได้ไม่ต้องจากกัน :serius2: เริ่มแววดราม่า
รอตอนต่อไปค่ะ :pig4:

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                                     อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                                               บทที่ 17

                                                                  Anubis Lord of the Death


               “หงุดหงิดอะไรหรือครับวินนี่”


               สายตาของคีรีมองผ่านแว่นกรอบใสไปยังหญิงสาวแต่งตัวจัดที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามในร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่ใบหน้าที่มีเครื่อง

สำอางราคาแพงตกแต่งไว้กลับบูดบึ้งจนความสวยจืดจางลง กวินตราฝืนยิ้มตอบกลับขณะเขี่ยอาหารในจานเล่น


               “ผู้ชายนี่บ้างานทุกคนหรือเปล่าคะหมอ ทำไมเวลาทำงานแล้วถึงลืมอย่างอื่นไปหมดแม้กระทั่งแฟน”


               คีรีลอบยิ้มขณะสังเกตพฤติกรรมของกวินตรา ไม่ต้องใช้ความรู้ก็ดูออกว่ากำลังมีปัญหากับคนใกล้ชิด


               “งานเป็นสิ่งที่สร้างความภูมิใจให้กับผู้ชาย แต่ถ้าเป็นผม ต่อให้งานเยอะขนาดไหนคนที่ผมรักต้องมาก่อน”


               กวินตรายอมเงยหน้าขึ้นมอง หล่อนเห็นสายตาที่คีรีมองมาแล้วแต่ก็บอกไม่ถูกว่าเขากำลังสื่อถึงอะไรกันแน่


               “ใครได้หมอเป็นแฟนก็โชคดีมากเลย เฮ้อ ช่างเถอะ มาพูดถึงงานดีกว่าค่ะ ตกลงหมออยากจะเริ่มต้นใหม่กับอะไรใหม่ๆหรือ

เปล่าคะ”


               วูบหนึ่งที่ดวงตาหลังกรอบแว่นใสมีประกายลิงโลด แต่ก็แค่วูบเดียวและจางหายไปอย่างรวดเร็ว คีรีอมยิ้มก่อนตอบคำถามด้วย

คำตอบที่เตรียมไว้นานแล้ว


               “ถ้าวินนี่คิดว่าที่ใหม่เหมาะกับผม ผมก็ไม่น่าปฏิเสธนะครับ”


               “ดีเลยค่ะ ยินดีต้อนรับการมาร่วมงานกันนะคะหมอ หมอทำเรื่องลาออกจากที่เดิมได้เลยนะคะวินนี่จะสั่งให้ลูกน้องเตรียมเรื่อง

ให้หมอมาทำงานโดยเร็วที่สุด พ่อจะต้องดีใจมากแน่ๆ”


               กวินตรากรีดรอยยิ้มที่หล่อนคิดว่าบาดใจที่สุดส่งให้


               “อิ่มแล้วเราไปหาที่ฉลองที่ได้ทำงานด้วยกันดีไหมคะ วินนี่ยังไม่อยากกลับบ้านเลย”


               “ถ้าวินนี่อยากไปผมก็ไม่ขัด วันนี้ผมไม่ได้อยู่เวร งั้นผมจะพาไปร้านที่ผมไปบ่อยๆ”


               คีรีสั่งเช็คบิลและหลังจากนั้นเขาก็พากวินตราไปที่ผับแห่งหนึ่งที่อยู่ชานเมืองหลวง กวินตรากวาดสายตามองอย่างแปลกตา

กับความโอ่อ่าของสถานที่ แสงไฟระยิบระยับวิ่งวนไปมาอยู่ในความมืดสลัวและเพลงจังหวะกลางไม่ได้เร่งเร้ามากเกินไปนัก


               “ไม่เคยรู้ว่ามีผับระดับนี้อยู่แถวนี้ด้วย วินนี่ไม่เคยมาเลย”


               “ผับของเพื่อนน่ะครับ”


               คีรีหันไปสั่งเครื่องดื่มมาให้กวินตราอย่างชำนาญ ไม่นานนักแก้วเครื่องดื่มสีสวยก็ตั้งอยู่หน้าหญิงสาว กวินตรามองคีรีอย่างนึก

ทึ่ง


               “ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เป็นหมอจะเอาใจผู้หญิงเก่งด้วยนะคะ”


               คีรีมองกลับสายตาท้าทายนั้นอย่างไม่ยอมแพ้


               “หมอก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง เรื่องเอาใจสาวนี่ไม่ได้นอกเหนือความสามารถหรอกครับ ลองดูสิครับ แก้วนี้รสชาติดีมาก เดี๋ยวสัก

พักจะมีวงดนตรีมาเล่น รับรองว่าวินนี่จะสนุกจนลืมเรื่องน่าเบื่อไปเลย”


               กวินตราเพลิดเพลินไปกับการเอาอกเอาใจของคีรีและความสนุกสนานของบรรยากาศ ปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายสูงขึ้น

แปรผกผันกับสติสัมปชัญญะที่น้อยลงเช่นกัน และตอนนี้หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังโอนเอนซบอยู่ในวงแขนของนายแพทย์หนุ่มตั้งแต่

เมื่อไหร่


               “วินนี่ครับ อยากจะสนุกขึ้นอีกนิดไหมเอ่ย”


               “อะไรคะหมอ”


                ปรือตามองอย่างไร้สติก่อนที่คีรีจะดันอะไรบางอย่างไว้ที่ริมฝีปากเคลือบสีแดงสดของกวินตาและตามมาด้วยริมฝีปากของคีรี

เองที่จงใจกดแนบลงไปเพื่อให้กวินตรากลืนกินมันลงคอ คีรีล่อหลอกด้วยจูบหนักหน่วงจนกวินตราเผลอไผลเคลิบเคลิ้ม


                “หมออออ”


                เสียงอ้อแอ้พัวพันขณะหญิงสาวยกแขนขึ้นกอดเกี่ยวคล้องคอคีรีไว้อย่างไม่รู้สึกอับอายสายตาใครในผับซึ่งก็ไม่มีใครสนใจ

กันอยู่แล้ว คีรีกดยิ้มลึกที่มุมปากเมื่อรู้ว่าเหยื่อของเขาตกลงไปในหลุมที่ขุดไว้เรียบร้อยแล้ว


               “ผมจะพาวินนี่ไปสนุกให้สุดเหวี่ยงเลยนะครับ”


              ประคองร่างที่เดินโงนเงนขึ้นบันไดไปชั้นบน คีรีจ่ายเงินให้คนดูต้นทางก่อนที่เขาจะพากวินตราเข้าไปด้านในที่แบ่งเป็นห้อง

เล็กๆ ภายในห้องมีเพียงเตียงนอนและติดกระจกไว้รอบห้องไม่เว้นแม้แต่เพดาน คีรีเหวี่ยงกวินตราลงไปกลางเตียงทันที

จัดแจงตั้งโทรศัพท์มือถือไว้ในจุดที่มองเห็นเตียงนอนได้ถนัดถนี่ กวินตราดวงตาลอยคว้างราวกับกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งภวังค์ไร้ความ

เป็นจริง คีรีแสยะยิ้มสาแก่ใจจากนั้นเขาก็เปลื้องอาภรณ์ทั้งของตัวเองและกวินตราออกจนเหลือแต่กายเปล่าเปลือย

กล้องจากโทรศัพท์มือถือบันทึกภาพอย่างต่อเนื่อง ภาพที่ชายหญิงทั้งสองกำลังโรมรันกันอยู่บนเตียงอย่างเมามันและขาดสติโดยสิ้นเชิง

เพราะฤทธิ์ของสารกล่อมประสาทที่คีรีประเคนให้แก่กวินตรา








                เวทิศยืนคิดว่าเขาควรจะทำอย่างไรกับคนที่กำลังนอนแผ่เต็มเตียงของเขาในยามดึกเช่นนี้

                 คิดไปถึงเมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมาที่เขาได้รับโทรศัพท์จากเบอร์ของร.ต.อ.ปาล แต่เมื่อเวทิศรับสายกลับไม่ใช่เสียงของปาล

ที่พูดกลับมา


                “ผมเป็นบ๋อยอยู่ที่ผับ...ครับ คุณพี่เจ้าของมือถือมาดื่มแล้วฟุบหลับปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น เบอร์ของคุณเป็นเบอร์ล่าสุดที่เขา

โทรออกผมก็เลยโทรมา ช่วยมารับเขากลับหน่อยเถอะครับผับจะปิดแล้ว”


                เวทิศไม่เคยออกไปไหนดึกขนาดนี้มาก่อน โดยเฉพาะสถานที่อโคจรเยี่ยงนี้ แต่เขาก็ต้องยอมออกไปเพราะความห่วงใยที่

เกิดขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล


              “ก็แค่ร่วมงานกันแหละน่า”


              ทำความเข้าใจกับตัวเองเมื่อขับรถยนต์ไปถึงผับ เขาจ่ายเงินแทนปาลและวานให้เด็กในร้านหิ้วปีกปาลขึ้นรถ และเพราะไม่รู้ว่า

บ้านของปาลอยู่ที่ไหนเวทิศจำเป็นต้องพาปาลมาที่คอนโดมิเนียมของเขา กว่าจะพาขึ้นมาถึงห้องเวทิศก็ทั้งลากทั้งประคองร่างสูงของ

ปาลอย่างทุลักทุเล ในที่สุดเวทิศก็เทปาลไว้ที่เตียงก่อนจะยืนเท้าเอวหอบแฮกมองจากปลายเตียง


             “แดกเข้าไปเหล้าน่ะ แม่งเหม็นชิบหาย”


             เวทิศทนไม่ได้แน่ๆถ้าทั้งห้องจะอบอวลไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ ห้องพักของเขาเป็นแบบสตูดิโอ ไม่ได้แบ่งเป็นห้องนอนเป็น

สัดเป็นส่วน มีเพียงฉากกั้นที่ใช้ตกแต่งบังส่วนเตียงนอนไว้จากส่วนที่เขาจัดไว้เป็นส่วนอเนกประสงค์ ดังนั้นจึงจำเป็นที่เวทิศต้องกำจัด

กลิ่นไม่พึงประสงค์ออกไป


             “ทำไมกูต้องทำถึงขนาดนี้วะ”


             เวทิศยกกะละมังน้ำและผ้าขนหนูมาจัดการเช็ดหน้าเช็ดตัวคนเมา เขาดึงชายเสื้อยืดโปโลที่ปาลใส่และสอดมือเข้าไปเพื่อเช็ด

ตัวไล่กลิ่นเหล้าให้เหลือน้อยที่สุด


               “ดิ้นทำพ่อง”


               ชักจะหงุดหงิดที่คนตัวใหญ่กระสับกระส่ายไปมา ส่วนปาลนั้นเมื่อเจอความเย็นของน้ำช่วยให้ความสดชื่นเขาจึงค่อยปรือตา

ขึ้นมาอย่างยากเย็น


                “อ้าว เวทิศ มา มาดื่มด้วยกัน”


               “ดื่มเหี้ยไรล่ะไอ้ผู้กอง แหกตาดูก่อนว่าที่นี่ที่ไหน”


                 เวทิศกระแทกผ้าขนหนูใส่หน้าอย่างหมั่นไส้ ปาลจึงพอจะได้สติมองไปรอบๆห้องและวกกลับมามองเวทิศที่นั่งหน้าหงิก


                “ที่ไหน คอนโดคุณเหรอ ผมมาอยู่นี่ได้ไง”


                “ก็แม่ง คุณแดกเหล้าเข้าไปจนหลับคาผับ บ๋อยมันไม่โยนทิ้งที่ข้างถังขยะก็ดีเท่าไหร่แล้ว แล้วนี่ทำไมถึงดื่มหนักขนาดนี้ หือ

ผู้กอง”


              ปาลยิ้มแห้งๆ เขาฝืนดันตัวเองลุกขึ้นมานั่งพลางสะบัดหน้าไล่ความมึนเมา แล้วจึงเล่าให้เวทิศฟัง


              “เพื่อนผมที่เป็นสายตรวจมันส่งข่าวมาบอกว่าเห็นวินนี่ไปกินข้าวกับผู้ชายคนอื่นเมื่อตอนหัวค่ำ”


               แปล๊บบบ


              เวทิศไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมหัวใจเขาถึงเจ็บแปลบเหมือนมีเข็มมาทิ่มแทงเมื่อเห็นปาลนั่งหน้าจ๋อยหลังจากบอกเหตุผลที่

ทำให้ไปนั่งดื่มจนเมาหนัก เวทิศแสร้งยิ้มเยาะราวกับเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับท่าทางของปาล


              “ตอนทะเลาะกับเขาก็ทำเป็นเก่ง แต่พอเขาจะทิ้งไปหาคนใหม่จริงก็เสียดายใช่ไหมล่ะผู้กอง”


              ปาลมองหน้าเวทิศแล้วถอนหายใจออกมา


               “ยังไงก็ได้ชื่อว่าเป็นแฟนกันอยู่นะโว้ยคุณ ถึงแม้จะคบกันบ้างทะเลาะกันบ้าง เฮ้อ...นี่ผมต้องโดนผู้หญิงเทอีกสักกี่คนถึงจะ

เจอรักแท้วะ ใครจะมาเข้าใจอาชีพตำรวจอย่างผมบ้าง”


               “อย่ามัวแต่คร่ำครวญ” เวทิศก้าวไปที่ตู้เสื้อผ้าคว้าเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นมาโยนให้ปาล


               “สร่างเมาก็ดีแล้ว ไป เข้าไปอาบน้ำเอากลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่ออกไปให้หมด”


                ปาลถอนหายใจ เขาลุกขึ้นยืนและก้าวเดินไปที่ห้องน้ำ ปาลหันกลับมาส่งยิ้มจริงใจให้เวทิศเป็นครั้งแรก


               “ยังไงก็ขอบคุณนะที่ไปช่วยผม ไม่งั้นคงได้นอนข้างกองขยะจริงอย่างที่คุณว่า”


              ใจสั่นทำเหี้ยอะไรวะ


              เวทิศเบือนหน้าหนีพลางส่งเสียงอือออไปตามเรื่องเมื่อเห็นรอยยิ้มของปาลก่อนที่เขาจะเดินเข้าห้องน้ำ ความร้อนวูบวาบแล่น

ฉีดเป็นริ้วอยู่บนใบหน้าจนต้องรีบกระโจนขึ้นเตียงแล้วคว้าผ้าห่มมาคลุมโปงไว้


              “แม่ง อย่าหวั่นไหวเชียวนะไอ้ทิศ มึงเป็นผู้ชาย ไอ้ผู้กองก็เป็นผู้ชาย ต่างคนต่างมีช้างน้อย มึงจะเอามาทำยุทธหัตถีกันเรอะ

บรึ๊ออ”


               ได้แต่กรอกตาไปมาอยู่ในโปงผ้าห่ม ข่มตาเท่าไหร่เวทิศก็นอนไม่หลับ เขาได้ยินเสียงทุกอย่างในห้องตั้งแต่เสียงสายน้ำจาก

ฝักบัว เสียงเปิดประตูห้องน้ำ หรือแม้แต่เสียงฝีเท้าที่เก้าเดินมาและแรงยวบที่เตียงนอนอีกฝั่งทำให้เวทิศรู้ว่าปาลอยู่ใกล้เขาแค่ไหน


             “หลับแล้วเหรอ คลุมโปงอย่างนั้นหายใจออกหรือไง”


               ปาลดึงผ้าห่มออกจากใบหน้าของเวทิศ เขาชะโงกหน้าไปดูเห็นเปลือกตาคู่นั้นปิดสนิท รอยยิ้มจึงผุดขึ้นอีกครั้ง ปาลนึกไม่

ถึงว่าคนที่เขาเคยเถียงเคยทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตายที่สระน้ำในบ้านของกวินตราจะกลายมาเป็นคนที่ช่วยเหลือเขาไว้

เกือบสัปดาห์ที่ต้องทำงานร่วมกัน เวทิศไม่เคยบ่นถึงแม้ว่าปาลจะโทรศัพท์มาสอบถามข้อมูลดึกขนาดไหน ไหนจะเรื่องที่เวทิศใส่ใจเขา

ในเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ดูเหมือนเจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัว ปาลดูออกว่ามันเป็นอุปนิสัยของเวทิศที่คิดถึงใจของคนอื่น มันสร้างความประทับใจให้

เขาทีละนิดจนกระทั่งปาลยอมรับใจตัวเองได้ในวันนี้ว่าเขารู้สึกดีและสบายใจที่ได้อยู่ใกล้ๆเวทิศ


                  “นอนคุดคู้เป็นเด็กไปได้”


                 ปาลเอนกายลงนอนเคียงข้าง เขาลืมตาโพลงอยู่ในความมืดสลัว มีเพียงแสงไฟริบหรี่จากภายนอกที่ลอดหน้าต่างเข้ามา

บ้าง ความเงียบและเหงาทำให้ปาลถอนหายใจ เขาหันไปมองเวทิศที่นอนตะแคงหันหลังให้เขา อะไรบางอย่างในหัวใจทำให้ปาลพลิก

กายตะแคงไปหาแผ่นหลังของเวทิศและทอดแขนพาดผ่านลำตัวนั้น

               
                “ทำเหี้ยอะไรวะ”


                คนในวงแขนตัวแข็งก่อนจะดีดผึงขึ้นมาและยกเท้าขึ้นถีบเข้ากลางลำตัวของปาลเต็มแรง ผู้กองหนุ่มที่ไม่ทันระวังตัวอุทาน

ลั่นเมื่อเขากระเด็นไปตามแรงถีบจนร่วงหล่นจากเตียงกระแทกพื้นห้องดังอั้ก


               “สัส จะบ้าเรอะ คุณถีบผมทำไมวะ”


               ปาลตะกายขึ้นมาจากพื้นพร้อมกับแยกเขี้ยวใส่เวทิศที่กำลังหน้าบึ้งกัดริมฝีปากจนแดงเห่อ


                 “ก็คุณเสือกมากอดผมนี่หว่า นอนนิ่งๆไม่ได้หรือไง”


                 “เตียงมันเล็กแค่นี้ นอนนิ่งแค่ไหนมันก็ต้องโดนกันบ้างแหละน่า”


                 ปาลโยนความผิดไปที่เตียง ความจริงก็ไม่ได้โกรธเคืองหรอก แต่ที่โวยวายเพราะตกใจที่เวทิศลุกมาถีบเขาเสียมากกว่า


                “ทำไม แตะต้องไม่ได้เลยหรือไงตัวเนี่ย หือ พ่อหนุ่มเนื้อทอง นอนได้แล้ว หรือจะนั่งอยู่อย่างนั้นก็ตามใจ”


                 ปาลกลั้นยิ้มแล้วทิ้งกายลงนอนหงาย เขาดึงผ้าห่มมาห่มจนถึงคอก่อนจะหลับตาลง


                “เฮ้ย เอาผ้าห่มผมไป แล้วผมจะห่มอะไร”


                เวทิศโวยวายพลางยื้อแย่งผ้าห่ม ปาลลืมตามองพร้อมกับย่นหัวคิ้ว


                “ผ้าห่มผืนตั้งใหญ่ หวงไปได้ ก็ห่มผืนเดียวกันนี่แหละ เอ้า นอนได้แล้วผมง่วง”


                 แล้วปาลก็หลับตาลงโดยไม่ได้สนใจเวทิศอีก เจ้าของห้องพักได้แต่มองตาคว่ำ


                “ฝากไว้ก่อนเหอะ ไอ้ผู้กอง”


                 และแล้วเวทิศก็จำเป็นต้องใช้ผ้าห่มผืนเดียวกับปาล เขามองปาลอย่างไม่ไว้วางใจจนต้องขยับไปนอนหมิ่นเหม่อยู่ที่ริมเตียง

ฝั่งตัวเองและหลับตาลง

                เสียงลมหายใจสม่ำเสมอบอกให้ปาลรู้ว่าคราวนี้เวทิศหลับแล้วจริงๆ ปาลจึงได้ตะแคงตัวไปทางเวทิศอีกครั้งก่อนจะวางแขน

พาดไปบนลำตัวและกระชับวงแขนให้เวทิศเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขาภายในผ้าห่มอันแสนอบอุ่นของราตรีที่เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงนี้




มีต่ออีกนิด...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-09-2016 21:55:19 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


ต่อกันตรงนี้...




              คีรีมองคลิปในโทรศัพท์มือถืออย่างพึงพอใจที่มันเก็บรายละเอียดได้คมชัด โดยเฉพาะใบหน้าเร่าร้อนของกวินตรา เขารีบปิด

มันและวางโทรศัพท์ให้ห่างกายเมื่อเห็นอีกฝ่ายที่นอนอยู่ด้านข้างเริ่มขยับกาย คีรีจะยังให้กวินตราล่วงรู้ไม่ได้ว่าจุดประสงค์ของเขาคือ

อะไร


             “ตื่นแล้วหรือครับวินนี่”


             แสรงปั้นรอยยิ้มใส่หน้าอย่างชำนาญพร้อมประคองให้กวินตราที่ยังเปลือยเปล่าขยับนั่งบนเตียงด้วยความงงงัน หญิงสาวขมวด

คิ้วเหลียวมองรอบห้องก่อนจะมาหยุดที่ใบหน้าเปื้อนยิ้มของคีรี


             “หมอ นี่มันอะไรกัน”


              กวินตราครางออกมาด้วยความปวดศีรษะ เมื่อเห็นสภาพตนเองและสถานที่แล้วก็พอจะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ได้นึกเสียใจ

อะไรเพราะหล่อนก็ไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ หากแต่นึกตะขิดตะขวงใจที่มีเซ็กส์กับผู้ชายที่เพิ่งจะออกเดทกันครั้งแรกเท่านั้น


             “เราสนุกกันมาก คุณเมา ผมก็เมา เพื่อนของผมที่เป็นเจ้าของเห็นว่าเราคงจะกลับไม่ไหวก็เลยเปิดห้องให้เราได้พักผ่อน จาก

นั้นเราก็มีความสุขกัน”


             “งั้นเหรอ ทำไมวินนี่จำอะไรไม่ได้เลย”


             กวินตรานั่งพิงหัวเตียงและยกมือนวดขมับ คีรีมองกวินตราอย่างสมเพช


            “อะไรกันวินนี่ คุณพูดอย่างนี้ผมน้อยใจนะที่ผมไม่ได้เป็นที่จดจำของคุณเลย ทั้งที่ผมตั้งใจสุดฝีมือ”


             “ก็วินนี่เมามากอย่างที่หมอบอกไง แล้วจะจำได้ยังไงล่ะ อย่าเพิ่งต่อว่าเลยค่ะวินนี่ปวดหัว”


              น้ำเสียงเอาแต่ใจของกวินตราทำให้คีรีกัดฟันกรอด แต่เขาก็ต้องอดทนเพื่อให้แผนของเขาสำเร็จ


               “คงเป็นเพราะแฮ้งค์น่ะครับ”


                คีรีเอาใจด้วยการเดินมาที่ตู้เย็นหลังเล็กและหยิบขวดน้ำมารินใส่แก้วส่งให้กวินตรา


              “ดื่มน้ำเสียหน่อยร่างกายคุณจะได้สดชื่น”


                กวินตรารับน้ำมาดื่มอย่างกระหาย คอของหล่อนแห้งผากจนแสบไปหมด


                “กี่โมงแล้วคะ” ก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือ กวินตราจึงรู้ว่าเวลาล่วงเลยจนถึงสี่นาฬิกาของวันใหม่แล้ว คีรีส่งยิ้มและดึงแขนของ

กวินตราเข้าหาตัวและก้มลงคลอเคลียที่เนินอกอิ่ม


                “กลับบ้านตอนนี้ก็อันตรายเกินไป รอให้สว่างค่อยกลับนะครับวินนี่”


                “จะทำอะไรอีกคะหมอ”


                 ถามอย่างนั้นแต่กวินตราก็รู้ดีว่าคีรีต้องการอะไร หล่อนสบตากับดวงตาวาววามคู่นั้นอย่างรู้ทัน


                 “วินนี่ตื่นแล้ว ผมก็ยังไม่อยากหลับ เราสองคนคงไม่นั่งมองหน้ากันจนถึงสว่างหรอก ใช่ไหมครับคนสวย”


                “จริงๆแล้วเราเพิ่งจะรู้จักกันไม่นานนะคะหมอ ไม่คิดว่ามันจะเร็วไปหน่อยหรือ”


                 “จะเร็วหรือจะช้า เราก็มีความสุขไปด้วยกันแล้ว ทำไมเราไม่สานต่อความสุขไปเรื่อยๆล่ะ คุณจะยั้งมันไว้เพื่ออะไร”


                 คีรีเริ่มล่อลวงไปตามเนื้อตัว ปลุกเร้าให้กวินตราตื่นเต็มที่ หญิงสาวปฏิเสธไม่ได้ว่าหล่อนเองก็กระหายไม่แพ้กัน ร่างเปลือย

เปล่าจึงได้ทอดกายไปบนที่นอนยับยู่ยี่นั้นอีกครั้ง

                ส่วนหนึ่งของมโนสำนึกเตือนว่าที่ทำลงไปนั้นไม่ถูกต้อง กวินตรายังไม่ได้ตัดขาดจากปาลที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักอย่างจริงจัง

แต่อีกส่วนที่พร้อมจะเข้าข้างตัวเองก็ชิงบอกว่า ในเมื่อคนรักไม่ได้ทำให้หล่อนมีความสุข กวินตราก็ต้องหาความสุขใส่ตัว

                ช่วยไม่ได้นะปาล ในเมื่อคุณเห็นงานดีกว่าฉัน

                 กวินตราโยนความผิดเหล่านั้นให้คนอื่นก่อนที่หล่อนจะลืมทุกอย่างและปล่อยใจไปกับไฟราคะที่คีรีเริ่มต้นอีกครั้ง



                 TBC


                :z6: :z6:




[attachment deleted by admin]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-10-2016 20:48:51 โดย Belove »

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
โอมอาจจะได้ไปอยู่เคียงข้างอนูบิสก้อได้น่ะ  :mew4:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เขาว่ากันว่าคนดีๆจะดึงดูดคนดี ส่วนคนเลวๆก็ตามนั้น หมอคีรีจะเลวไปไหน
ทำได้ทุกอย่าง ขายวิญญาณให้ซาตานหรือว่าเป็นไปเสียเอง
ขอบคุณค่ะ รอฝั่งพระนาย

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
ชักสงสารยัยวินนี่

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด