Side Story ( แซม X จัสมิน ) 4[[ : Sam Part : ]] เฮ้อ ~~~~~~~
ผมถอนหายใจยาว เงยหน้ามองตึกสูงนับสิบชั้นที่ผมไม่ได้กลับมาเกือบสามวัน อย่าว่าผมนะ ก็ตอนนั้นผมตกใจจริงๆ ผมไม่ได้กลัวจนสติแตกอะไรแบบนั้น แต่เรื่องที่จู่ๆแมวของตัวเองก็กลายมาเป็นคนแถมยังพูดคุยกับเราได้อีก มันไม่ใช่เรื่องที่จะยอมรับกันได้ง่ายๆเลยจริงๆ
อันที่จริงผมเองก็เคยรู้สึกแปลกๆ มันเป็นความรู้สึกที่ว่าเหมือนเราไม่ได้อยู่ห้องคนเดียวทั้งๆที่ก็ไม่มีใครอยู่ในห้องนอกจากแมวหนึ่งตัว แต่บางครั้งจานชามที่ผมใช้ทานข้าวก็ถูกเก็บล้างจนสะอาด ห้องก็เป็นระเบียบอยู่ตลอด พื้นห้องน้ำที่เปียกตั้งแต่ผมใช้อาบน้ำตอนเช้าก่อนไปเรียนจนกระทั่งกลับมาตอนเย็นก็ยังเปียกอยู่ แต่ไม่เคยคิดใส่ใจเพราะคิดว่าอาจจะเป็นแม่บ้านที่ที่บ้านของผมจ้างไว้ให้มาทำความสะอาด
จนมาถึงช่วงที่ผมเลิกกับกัสเพราะกัสจับได้ว่าผมคุยกับคนอื่นอีก จะว่าผมเจ้าชู้ก็ไม่ผิดนักหรอก แต่ผมก็เลือกนะครับไม่ได้เอาดะไปทั่ว แล้วยิ่งผมที่ได้ทั้งหญิงทั้งชายแล้วด้วยตัวเลือกของผมก็มากกว่าคนปกติธรรมดาอยู่แล้ว หลังจากเลิกกับกัสผมก็เริ่มออกเที่ยวหนักอีกครั้ง เจ็บหนักเหมือนกันครับ กัสดีกับผมมากเราเข้ากันได้ดีในหลายๆเรื่อง แต่กัสก็ยังทำให้ผมรู้สึกอยากหยุดไม่ได้ และครั้งนี้ผมคิดว่าผมควรจะปล่อยกัสไปเสียที
ผมเริ่มกลับห้องดึกมากขึ้นในสภาพไม่ค่อยจะมีสติมากมายนัก แต่ผมก็ยังจำได้ว่า ‘มะลิ’ ไอ้ก้อนสำลียักษ์ที่ชอบมองค้อนผมบ่อยๆ จะออกมารอที่โซฟาหน้าทีวีทุกวัน และก็เหมือนเป็นการเตือนสติของผมเอง ว่าผมนั้นไม่ได้มีตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว ผมยังมีเจ้าแมวตัวเล็กที่ผมจะต้องรับผิดชอบ ก็...ไม่รู้จะหาภาระให้ตัวเองทำไม ทั้งๆที่กัสก็เอ่ยปากจะรับผิดชอบเอง แต่ไม่รู้สิ คงเป็นเพราะผมชอบหน้าเหวอๆตอนมันเจอหนูยางล่ะมั้ง
แกร่ก ~~
ผมเปิดประตูเข้าห้องมาด้วยหัวใจที่เต้นตุ๊มๆต่อมๆ ห้องปิดไฟ ? ผมกวาดตามองรอบๆ ดูเผินๆห้องของผมยังดูปกติดีเหมือนตอนที่ผมยังอยู่ สะอาดเรียบร้อย แต่เพราะความปกติที่ดูผิดปกตินี่แหละมันทำให้ผมรู้สึกโหวงในอก...
มะลิ...ไม่อยู่
ผมวิ่งหามะลิไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่ข่มขู่เจ้าหน้าที่เพื่อขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งๆที่หมดเวลาทำงานไปแล้ว ผมเกือบจะถอดใจเพราะผมไม่รู้เรื่องของมะลิเลย แต่ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นในจอคอมพิวเตอร์ทำให้ผมมีหวัง เด็กหนุ่มร่างเล็กในชุดนักศึกษาที่เดินเข้ามาในบริเวณล็อบบี้ก่อนจะหันหลังวิ่งกลับออกไปอย่างรวดเร็ว ผมจำได้ นั่นมะลิ ถึงจะเคยเห็นแบบเป็นคนแค่ครั้งเดียวแต่ผมก็จำได้...
ผมวิ่งออกจากตึกไปตามถนนแถวๆคอนโดทั้งสองฝั่ง ผมไม่รู้ว่ามะลิจะไปที่ไหนได้บ้าง ไม่รู้ว่าตอนเป็นคนมะลิมีญาติพี่น้อง มีครอบครัวเหมือนคนปกติหรือเปล่า แต่ผมก็ยังหวัง หวังว่าเขาจะไม่มีอะไรเลย หวังให้เขาไม่มีที่ไป เพื่อที่อย่างน้อยมะลิจะได้ยังอยู่ใกล้ๆคอนโดที่เคยเป็นบ้านของเรา
ผมเดินผ่านสวนสาธารณะที่เคยพามะลิมาเดินเล่น นึกขำเจ้าตัวเล็กที่ขู่แมวสีดำที่ตัวใหญ่กว่าฟ่อๆ ดูยังไงก็ไม่เห็นจะน่ากลัวเลยสักนิด...นั่นสิ...มะลิไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด ผมรู้สึกโกรธตัวเองที่วันนั้นหุนหันออกจากห้องมา แถมยังไปสัญญาว่ากลับห้องอีก ป่านนี้ไอ้ตัวขี้งอนนั่นจะหน้างอขนาดไหนกันนะ อยากเห็นชะมัด...
ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตามทางเดิน ตาก็สอดส่องมองหาไปเรื่อย ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเจอกับก้อนขนสีขาวคุ้นตานอนขดตัวอยู่ที่ป้ายรถเมล์ที่ไม่ห่างจากสวนสาธารณะเมื่อกี้เท่าไหร่ ผมรีบสาวเท้าเข้าไปใกล้ยืนจ้องแมวตัวสีขาวที่นอนนิ่งไม่ไหวติง ขนสีขาวเปียกลู่ไปตามลำตัวคงเพราะละอองฝนที่ตกก่อนหน้านี้ หางแมวที่ไม่มีกระพรวนกับริบบิ้นสีแดงทำให้ผมรู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย แต่ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น เพราะทันทีที่เจ้าแมวตัวเล็กเงยหน้าขึ้นสบตากับผม ผมก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือมะลิของผม ไม่ผิดแน่...
“กลับบ้านเรานะ” ผมพูดเสียงทุ้ม ลูบหัวเล็กๆไปมา ความรู้สึกหนักอึ้งก่อนหน้าหายไปหมดทันทีที่เจอกับมะลิ ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะรู้สึกได้มากมายขนาดนี้เพียงเพราะแค่แมวตัวเดียวหายไป แต่มันก็เป็นความรู้สึกที่ผมไม่อยากจะรู้สึกอีกแล้ว ไม่ชอบเลยจริงๆ...
“เมี๊ยววววว ~~~~”
ความรู้สึกหนักๆเหมือนโดนกดทับปลุกผมให้ตื่นจากความฝัน ผมปรือขึ้นมองกระพริบตาปรับโฟกัสเล็กน้อย แล้วก็เจอว่าอะไรที่กำลังทับผมอยู่ ผมขยับตัวเล็กน้อยเพื่อที่จะมองให้ชัดๆ แต่เหมือนจะแรงไปสักหน่อยเลยทำให้ผู้ร่วมเตียงงัวเงียตื่นขึ้นมา
“อือ...” เสียงทุ้มเล็กๆครางยาว ก่อนจะชะงักตัวแข็งค้างไป จนผมเผลอเกร็งไปด้วย
“อ๊ะ !” คนที่นอนทับผมเมื่อครู่เด้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วเหมือนคิดอะไรได้ แต่ผมนี่เบิกตาค้างไปแล้วครับ ผมจ้องร่างเล็กๆขาวโพลนที่เด้งตัวลุกขึ้นไปนั่งทับขาแบบท่าเป็ด ไล่มองตั้งแต่ช่วงขาที่แยกออกจากกัน (แอบขัดใจเล็กน้อยตรงที่มีมือมาบังช่วงของสงวนเอาไว้) เอวเล็กๆที่ดูเหมาะมือ จนมาถึงจุกนมสีชมพูทั้งสองข้าง ถ้าไม่ขาวมากๆคงไม่มีทางได้สีแบบนี้มาแน่ๆ ผมชะงักอีกครั้ง เมื่อสบตาเข้ากับนัยน์ตากลมโตบนใบหน้าเรียวเล็กที่ล้อมไปด้วยกรอบผมสีน้ำตาล หูแมวสีขาวลู่ลงเล็กน้อยพอๆกับหางแมวสีขาวฟูๆที่วางนิ่งๆอยู่บนเตียง จู่ๆคำว่าโมเอะก็ลอยเข้ามาในหัว...แต่ผมว่ามันน่าขยี้มากกว่า
“พะ...พี่แซม” เสียงเรียกดึงสติของผมกลับมาอีกครั้ง ผมเลยตวัดผ้าห่มไปคลุมให้ ก่อนจะลุกขึ้นเตรียมออกจากสถานการณ์สุ่มเสี่ยงนี้ แต่เหมือนอีกคนจะไม่เข้าใจเพราะทันทีที่ผมลุกเจ้าแมวน้อยก็ลุกมาตะครุบตัวผมด้วยท่าทางตื่นๆจนเราทั้งคู่ล้มกลับมานั่งที่เดิม
“พี่แซมอย่าเพิ่งไปนะ อย่าหนีไปนะ คือ...คือถ้าพี่แซมไม่ชอบแบบนี้ เดี๋ยวผมเปลี่ยนก็ได้ อึ๊บ..ๆ” มะลิหลับตาแน่นเหมือนพยายามทำสมาธิเพื่อทำอะไรสักอย่าง ผมได้ยินเสียงเหมือนพยายาม อึ๊บๆ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนไป นอกจากระยะห่างของเราที่หดสั้นลง ผมได้แต่ยิ้มขำ ถึงตอนนี้จะยังไม่ชินแต่ก็ไม่ได้ตกใจเท่าตอนแรกที่เจอแล้วล่ะครับ แถมยังมีความรู้สึกอย่างอื่นมากกว่าอีก
“อึก...ฮึก มันไม่ได้...พี่แซมอย่ากลัวนะ ฮึก” คนที่ร้องอึ๊บๆเมื่อกี้เปลี่ยนมานั่งสะอื้น ตาโตๆเริ่มคลอไปด้วยน้ำตาใสๆ ปลายจมูกเป็นสีแดงระเรื่อพอๆกับแก้มทั้งสองข้าง มือดึงชายเสื้อนอนผมแน่น ปากก็พูดไปเรื่อยจนผมเริ่มจับใจความอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากบอกให้ผมอย่ากลัว มันดูน่าเอ็นดูเหมือนแมวน้อยถูกทิ้ง แต่คงไม่มีทางที่ผมจะทิ้ง
“คือ...”
“ไม่ๆ พี่แซมอย่าเพิ่งพูดนะ อย่าไล่ผมนะ ผมชอบพี่แซมนะครับ ชอบมากๆด้วย ขอโทษนะครับที่ทำให้ตกใจ ขอเวลาหน่อยเดี๋ยวผมจะรีบกลับไปเป็นแมว จะไม่ดื้อด้วยนะ ผม... บลาๆๆๆๆ” ผมมองแมวตัวเล็กพูดเจื้อยแจ้วขัดผมไม่หยุด แบบไม่เว้นจังหวะให้ผมได้พูดอะไรเลย ความจริงเสียงของไอ้ตัวเล็กมันเริ่มหายไปตั้งแต่ที่ผมได้ยินคำที่บอกว่า ‘ผมชอบพี่แซม’ แล้วล่ะครับ แต่มองปากเล็กๆขยับไปมาก็เพลินดี ไม่เหนื่อยบ้างหรือไงนะ
“อะ..” อ่า...เหมือนการกระทำผมจะเร็วกว่าความคิดไปเยอะ เสียงที่เคยดังแจ้วๆเงียบหายสนิททันทีที่ผมตวัดเอวเล็กเข้ามาใกล้ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปแนบปากตัวเองลงไปบนริมฝีปากบางๆเล็กๆ แค่แนบเฉยๆครับ ไม่ได้รุกล้ำหรือบดเบียดอะไรไปมากกว่าแตะเบาๆ
ผมผละหน้าออกมาเล็กน้อย จ้องมองใบหน้าอีกคนที่ตาเริ่มปูดๆดูเหมือนปลาทองอยู่เหมือนกัน แถมตอนนี้ยังหน้าแดงเถือกจ้องผมในแบบที่ตาโตๆนั่นขยายมากกว่าปกติ ถ้าให้พูดถึงเอฟเฟคล่ะก็ คงนึกถึงเสียง ปุ๊งงงงง ที่เหมือนอะไรระเบิดสักอย่าง น่ารักชะมัด
ผลัก !!
อั่ก
“โอ๊ย !! เฮ้ย ! มะลิ !!” เมื่อกี้จู่ๆก็เหมือนโดนแรงผลักอะไรสักอย่างจนผมกระเด็นตกมาอยู่ข้างเตียง พอลุกขึ้นมาได้ ไอ้คนที่นั่งอยู่บนเตียงก็กลายเป็นแมวไปซะแล้ว แถมยังเอาแต่ซุกหน้าเข้ากับอุ้งมือตัวเองไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองผมเลยด้วยซ้ำ
“ชิ่งกันงี้เลย ?”
หลังจากที่เจ้าขนปุยกลับเข้ามาอยู่ในร่างแมวที่ไม่ว่าผมจะพยายามขอให้เจ้าตัวกลับมาเป็นคนแค่ไหนก็ไม่เป็นผล แถมยังทำหน้ามึนๆใส่ผมอีก ผมก็จัดการเรื่องอาหารเช้าที่เพิ่งจะมากินเอาตอนเกือบเที่ยง พอรู้ว่ามะลิเป็นคนผมก็ไม่กล้าที่จะเอาอาหารเม็ดให้กิน เลยจัดการทำปลาดอลลี่ย่างแบบง่ายๆให้ พอเสร็จสรรพก็พากันมานั่งที่โซฟาประจำหน้าทีวี
“นี่...มะลิ จะไม่เป็นคนจริงๆหรอ ?” ผมถามเจ้าแมวที่นอนหมอบอยู่ข้างกัน ตาก็จ้องเจ้าก้อนขนที่นอนนิ่งดูบาร์บี้ที่บังเอิญเปิดเจอ
“.....” ไม่มีสัญญาณตอบรับ ไม่แม้แต่จะมองหน้ากันด้วยซ้ำ ผมเลยย้ายตัวเองลงมานั่งที่พื้นเพื่อจะให้หน้าอยู่ระดับเดียวกันกับมะลิ จริงๆก็แค่อยากให้สนใจกันบ้าง ถึงผมจะไม่ฟรุ้งฟริ้งเหมือนบาร์บี้ที่เจ้าตัวดูอยู่ก็เถอะ
“ O_O ” ได้ผลครับ ถ้าทุกคนพอจะนึกหน้าแมวเหวอออกหรือแมวที่กำลังตกใจ มะลิเป็นอย่างนั้นเลยครับ ผมเลยเอานิ้วไปเขี่ยจมูกเล็กๆนั่นเบาๆ
“มะลิ...เป็นอะไรไปครับ ?” ผมทำเสียงทุ้มเข้าสู้ จำได้ว่าพูดแบบนี้ทีไรเจ้าตัวเล็กนี่ยอมหมด (สมัยเป็นแมวนะ)
“....”
“ถ้าไม่เป็นคน เราก็ไม่ได้คุยนะ...โกรธหรอที่พี่ไม่กลับบ้าน” แอบเปลี่ยนสรรพนามนิดหน่อย แค่เคยง้อแมวไหมครับ ตอนนี้ผมตกอยู่ในสภาพนั้นเลย แล้วตามสเต็ปทาสอย่างผมมักจะถูกเมิน ผมเลยจับหัวเล็กนั่นให้จ้องหน้าผมพลางใช้นิ้วเกาคางให้ไปด้วย
“พี่ขอโทษนะครับ ดีกันนะ” เปลี่ยนจากเกาคางมาใช้นิ้วก้อยสะกิดอุ้งเท้าเล็กๆเบาๆ มะลินิ่งมองหน้าผมสักพักก่อนจะเคลื่อนหน้าเข้ามาเลียมุมปากผมเบาๆ ผมยิ้มกว้างแสดงว่าน้องมันหายโกรธผมแล้วใช่ไหม ? แต่ไม่เห็นจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม พอสถานการณ์เริ่มดีผมกเลยจับมะลิให้ลงมานั่งตักผมด้านล่างด้วยกัน แต่เจ้าตัวก็เอาแต่ตะกุยผมยิกๆ
เมี๊ยววววววว
ผลัก !!
อึก ! เอาอีกแล้วครับ ความรู้สึกเหมือนโดนผลักแรงๆกลับมาอีกแล้ว คราวนี้ผมไม่กระเด็นเพราะด้านหลังติดโซฟาแต่ไอ้ความจุกระดับโดนสิบตีนนี่ไม่ธรรมดาจริงๆครับ
“มะลิ...” ผมเรียกมะลิที่ตอนนี้กลับมาอยู่ในร่างคน แถมยังนั่งคร่อมตักกอดคอผมไว้แน่น ผมดีใจนะครับที่น้องมันยอมฟังผม แล้วตอนนี้ก็อยากเห็นหน้าด้วยแต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่ยอม กอดคอผมแน่นเชียว มือผมสองข้างเลยได้แต่โอบหลังเปลือยเอาไว้...เดี๋ยวนะ...เปลือย ! หึหึ แสดงว่าไอ้ที่ตะกุยๆผมก่อนหน้านี้คงจะพยายามหาที่เหมาะๆให้ตัวเองไม่โป๊สินะแต่แบบนี้ผมเองก็ทรมานเอาเรื่องเหมือนกัน
“ยะ...อย่าเพิ่งมองนะ”
“แล้วจะให้พี่ทำยังไงครับ ?” ผมกระซิบถามเบาๆ แอบจูบหูเล็กๆเบาๆ มือก็ลูบหัวไปด้วย เหมือนร่างคนตอนนี้จะไม่เหมือนเมื่อตอนเช้าเพราะไม่มีหูแมวกับหาง แอบเสียดายเล็กๆแฮะ ...อย่ามองผมแบบนั้น...เออ เสียดายมากๆก็ได้ !
“หลับตาก่อน” ไม่ทันได้พูดอะไรฝามือนิ่มๆก็เข้ามาปิดตาผมไว้ พร้อมกำชับให้ผมหลับตาให้แน่นไม่งั้นเจ้าตัวจะกลับไปเป็นแมวอีก ผมเลยเออออไปงั้น แต่ตานี่แอบมองตามหลังเล็กๆที่วิ่งดุ๊กๆหายไปในห้องนอนผมแล้วครับ
หลังจากมะลิหาเสื้อผ้าใส่ให้ตัวเองได้ (ซึ่งก็คือของผมเองครับ) เราก็ออกมานั่งคุยกันที่โซฟาตัวเดิม จากที่เจ้าตัวเล่าก็ทำให้ผมได้รู้ว่า มะลิเองก็มีครอบครับและการใช้ชีวิตไม่ต่างอะไรกับคนปกติแต่น่าสงสารไปหน่อยตรงที่ไม่ค่อยมีเพื่อนเพราะการเปลี่ยนร่างที่ไม่สมบูรณ์ทำให้แทบไม่เคยออกจากบ้านตลอดชีวิตที่ผ่านมา มีพี่ชายหนึ่งคนซึ่งก็คือนิลที่ผมเคยเห็นอยู่กับน้อมมินนั่นแหละ เหอะๆ ไม่น่าล่ะ ถึงทำท่าขู่กันขนาดนั้น ส่วนสาเหตุที่ออกมาอยู่ข้างนอกนั้นก็เพราะอยากจะพบเจอโลก นึกแล้วมันก็ทำให้ผมหงุดหงิดนิดหน่อยเพราะถ้าวันนั้นกัสไม่ได้เป็นคนไปเจอแล้วมะลิไม่ได้มาอยู่กับผม ตอนนี้จะเป็นยังไง แล้วถ้าถูกจับไปขายหรือถูกทำร้ายเข้าล่ะ -..-
“แล้วทำไมถึงออกไปข้างนอกแบบนั้นมันอันตรายนะ” ผมหมายถึงเรื่องที่หนีออกไปอยู่ป้ายรถเมล์จนผมไปเจอเข้าเมื่อคืน
“เปล่าหนีนะ เมื่อวานเป็นวันพระจันทร์เต็มดวง พวกเราจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วผมก็ดันกลายร่างก่อนจะกลับเข้าคอนโด เลยต้องไปหาที่นอนก่อน แล้วก็ไม่อยากให้พี่แซมกลัวผมด้วย...” ประโยคท้ายพูดเสียงอ่อย ทำเอาผมรู้สึกผิดขึ้นมาอีกครั้ง กระชับกอดเอวคนที่นั่งข้างๆให้เข้ามาพิงไหล่ ตอนนั้นผมไม่น่าออกไปแบบนั้นเลย ไม่น่าเลยจริงๆ
“พี่ไม่กลัวแล้วครับ”
“แล้วตอนนั้นหายไปไหนมาตั้งหลายวัน”
“ขอโทษครับ...ต่อไปนี้ไม่ไปไหนแล้ว...สัญญากันแล้วหนิ จองแล้วด้วย” กดจมูกลงบนผมของอีกฝ่ายเบาๆ
“อื้อ...ผมชอบพี่แซมนะ”
“หึหึ ครับ”
“แล้วหูกับหางไปไหน ?” พอบรรยากาศเริ่มดีก็ขอถามสิ่งที่สงสัยหน่อยเถอะ
“ก็เก็บไว้ ผมกลัวพี่แซมตกใจ” เสียงหงอยจนผมรู้สึกผิด
“ไม่หรอก”
“งั้นผมเอาออกมาได้ใช่ไหม?”
“อ่าห๊ะ...แต่คราวนี้ไม่ดีดใช่ไหม ?” ผมหมายถึงไอ้แรงผลักที่ผมพอจะเข้าใจแล้วว่ามันเป็นเอฟเฟคตอนแปลงร่าง
“ฮื่อ...ไม่ๆ” สิ้นคำหูกับหางแมวสีขาวก็โผล่ออกมา ได้ยินเสียงเจ้าตัวร้อง อ้า... เหมือนเวลาดื่มน้ำอัดลม
“สบายสุดๆ อึดอัดแทบแย่” พูดไปพลางเอามือลูบหูลูบหางตัวเองไป ผมเลยเอื้อมมือไปจับบ้าง เจ้าของสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่ว่าอะไร ผมก็เพลินสิ มันนุ่มนิ่มให้อารมณ์อยากฟัด...? หึหึ เริ่มเป็นเอามากแล้วผม
ซ่า ~~~~~
ผมนั่งฟังเสียงน้ำในห้องน้ำที่ดังคลอมากับเสียงฮัมเพลงเบาๆของไอ้ลูกแมวที่เข้าไปอาบน้ำตั้งนานสองนานก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมาเสียที จะขัดจนหูเปื่อยเลยหรือไงนะ
“มะลิ” ผมไปยืนตะโกนเรียกเจ้าตัวเล็กที่หน้าห้องน้ำ (ถึงจะรู้ชื่อจริงแล้วแต่ผมก็ชินกับชื่อมะลิมากกว่า) เมื่อวันก่อนผมได้รับโทรศัพท์จากน้องมินเจ้าของไอ้แมวดำ เห็นว่าพี่แมวอยากมาเจอกับน้องแมวที่ตัวเองเข้าใจว่าหนีออกจากบ้าน วันนี้เลยมาหาผมที่คอนโดแล้วตอนนี้ก็รออยู่ที่ด้านล่างแล้วด้วย แต่มะลิยังไม่รู้หรอกครับ ผมไม่ได้บอก
แกร๊ก ~~
“ว่าไงฮะ ?” ผมส่ายหัวมองมะลิที่แง้มประตูห้องน้ำออกมานิดหน่อยแล้วโผล่แต่หน้าออกมาหาผม แอบเห็นช่วงไหล่ขาวๆที่มีหยดน้ำแล้วทำเอาใจสั่น ไหนจะหูเล็กๆที่เปียกจนลู่ไปอีก คิดจะทดสอบความอดทนกันหรือไงนะ ฮึ่ม
“จะลงไปด้านลง จะเอาอะไรไหม ?”
“ไปไหน รอผมก่อนได้ไหม...กำลังจะเสร็จแล้ว” งอแงครับ เสียงแบบนี้กำลังงอแง รู้สึกเหมือนมะลิจะฝังใจเรื่องที่ผมหายไปจากห้องหลายวันเมื่อตอนนั้น ผมเลยเอื้อมมือไปลูบผมเปียกๆของเจ้าตัวเบาๆ คราวนี้มองตาละห้อยเลย
“ไปแป๊บเดียวครับ เดี๋ยวเอาไอ้หนุบหนับมาอยู่เป็นเพื่อน” ไอ้หนุบหนับ มันคือหนูยางที่ผมเอาไว้แกล้งไอ้ลูกแมวนี่
“บ้า ! อย่าเอามาใกล้นะ”
“ฮ่าๆ งั้นไปแล้วนะ เดี๋ยวออกจากห้องแล้วเจอแน่นอน”
“อื้อ...อย่านานนะครับ”
ผมผละจากเจ้าตัวเล็กลงมาด้านล่างเห็นผู้ชายตัวใหญ่พอๆกับผมที่มีลูกลิงเกาะมาด้วย มองชัดๆถึงรู้ว่าเป็นน้องมิน ถ้าให้เดาคนที่น้องมินเกาะอยู่คงเป็นนิลพี่ชายของมะลิ ดูเถื่อนอย่างที่เจ้าตัวเล็กบอกไว้เลยแฮะ แล้วถ้าให้ผมเดาต่อเมื่อคืนน้องมินคงจะเจอศึกหนักมาแหงถึงกับเดินไม่ได้ขนาดนี้ ว่าแล้วก็อยากจะจัดหนักให้ไอ้ลูกแมวเหมือนกัน หึหึ เราทักทายกันเล็กน้อยก่อนผมจะเดินนำมาที่ห้อง ป่านนี้มะลิคงจะอาบน้ำเสร็จแล้วมั้ง
“พี่แซม ~~~~~ เอ๋ ? พี่นิล !! มาได้ไงเนี่ย !!” นั่นไงครับเสียงมาก่อนตัวซะอีก มะลิออกมาในชุดเสื้อยืดลายการ์ตูนกับกางเกงขาสั้น ทั้งที่ผมสีน้ำตาลของเจ้าตัวยังไม่ทันแห้งดีเลยด้วยซ้ำ หางสีขาวที่ตอนนี้มีกระพรวนติดเหมือนเดิมแล้วกวัดแกว่งไปมาส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง ตาโตๆเบิกโตขึ้นมากกว่าเดิมเหมือนตกใจที่เจอพี่ชายของตัวเองมาอยู่ที่นี่ น้องมินมองตาค้างเลยครับ ผมเหลือบไปมองนิลเล็กน้อยพอนึกจินตนาการเอาว่านิลเองก็มีหูกับหางเหมือนมะลิของผมเหมือนกัน แต่พอนึกแล้วมันดูไม่โมเอะเหมือนมะลิเลยสักนิด ติดจะหนักไปทางสยองเสียมากกว่า บรึ๋ยยยย
“พี่นิลมาที่นี่ได้ไง ?” มะลิเดินมานั่งลงที่โซฟาข้างผมพร้อมกับเกาะแขนหนึบเลย
“กลับบ้าน” พูดนิ่งๆ แต่สายตานี่ข่มขู่สุดๆ
“ก็มินบอกแล้วว่าเดี๋ยวจะกลับ ไม่ต้องมาตามก็ได้”
“เอาตัวรอดได้แล้วหรือไง ? คิดว่าตอนนี้เก่งมากแล้วงั้นสิ” เสียงเริ่มเข้มขึ้นอีกเล็กน้อย พอๆกับแรงเกาะที่แขนที่เพิ่มมากขึ้น แถมยังเตรียมพร้อมเป่าปี่ได้ทุกเมื่อ ผมเลยเอื้อมมือไปกอดไว้
“มึง..” เสียงน้องมินบอกให้พี่แมวใจเย็นๆ
“อย่าใช้อารมณ์นักสิ น้องมันตกใจ” ผมพูดขึ้นบ้าง
“ไง ตอบมาสิ ปีกกล้าขาแข็งแล้วหนิ”
“ฮึก...” เอาแล้วครับ พอพี่แมวเริ่มขึ้นเสียงบ่นยาว มะลิก็เริ่มเป่าปี่สะอื้นฮักๆเอาหน้ามุดอกผม ผมก็แอบอึ้งเหมือนกันนะไม่คิดว่าพี่ชายมะลิจะปากจัดขนาดนี้
“มึงใจเย็นหน่อยได้ไหม ดุมากๆเดี๋ยวน้องมันเตลิดไปอีกจะทำไง ทำไมไม่คุยกันดีๆวะ” น้องมิน
“ฮึก...มะ...ไม่เป็นไรหรอกครับ มากกว่านี้ก็เคยมาแล้ว” มะลิเงยหน้าขึ้นมาบอก แอบช้อนสายตามองด้วย อึก... ถึงจะน่าสงสารแต่อีกใจผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าน่าตาน้องมันตอนร้องไห้นี่มัน น่าฟัดจริงๆ
“เอาเถอะ แค่นี้แหละ ส่วนมึงออกมาคุยกันหน่อย” งานเข้าผมแล้วครับ ผมก้มหน้ามองมะลิเล็กน้อยก่อนจะเดินตามนิลออกมาที่ระเบียง
“มึงชอบไอ้มิน ?” ผมเลิกคิ้วมองคนที่จุดบุหรี่ขึ้นสูบ ยิงตรงดีไม่ต้องอ้อมอะไรมาก แต่คำถามตรงๆแบบนี้ก็ทำเอาผมนิ่งไปนิดเหมือนกัน เพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาจากเป็นแมวจนกลายมาเป็นคนผมก็ยังไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้แบบจริงจังเลยสักครั้ง รู้แค่ว่าผมปล่อยไอ้ลูกแมวตัวนี้ออกไปจากชีวิตไม่ได้
“ไม่รู้ว่าชอบไหม...แต่ถ้าให้ปล่อยคงปล่อยไปไม่ได้”
“ไอ้มินมันไม่เหมือนคนอื่น” พูดด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ แต่พอจับได้ถึงความเป็นห่วง
“....”
“ถ้าคิดจะเลี้ยงมันก็ต้องดูแลมันดีๆ เทอาหารให้ครบสามมื้อ” ผมแทบปล่อยก๊ากกับคำพูดจากคนหน้าโหดที่เหมือนเล่นมุกหน้านิ่ง แต่ไม่กล้าขำอ่ะ เกรงใจหน้ามัน แต่ถึงจะพูดเหมือนเป็นมุกผมก็พอจับได้ว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องเทอาหารสามมื้อ ซึ่งผมก็แน่ใจว่าจะสามารถดูแลมะลิได้ดี
“มึงจะยอมให้มันอยู่กับกูที่นี่ ?”
“หึ ถ้ามึงเผลอกูก็จะเอามันกลับ”
“เฮ้ย ! อย่ามาตลก”
“พามันกลับบ้านบ้าง พ่อกับแม่กูเป็นห่วง”
“โอเคครับ ว่าที่พี่เขย”
“-..-” โอเคครับ มุกสร้างความสัมพันธ์ของผมไม่ขำ เพราะถ้าขำมันคงไม่แสดงออกทางสายตาขนาดนั้นว่ามุกผมมันปัญญาอ่อน
ไม่มีบทสนทนาอะไรอีกระหว่างเรา ยืนเงียบสักพักก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องไป แต่ก่อนเข้ายังมีอุตส่าห์ฝากประโยคสุดท้ายไว้กับผมด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเรียบนิ่งว่า น้องกูยังเด็ก ประโยคสั้นๆแต่สามารถปิดสวิทซ์ความหื่นของผมเอาไว้ได้สนิท เหมือนถูกล่วงรู้ความคิด ถึงผมจะยังไม่ได้คิดที่จะทำอะไรน้องมันตอนนี้แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะปล่อยไว้นาน แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้คงจะต้องอดไปอีกนาน....โปรแกรมจัดหนักของผม
ผมตามเข้ามาในห้องทันเห็นน้องมินกับมะลิกำลังเล่นกัน โดยมีน้องมินที่ลูบหัวลูบหางมะลิไม่หยุด หยอกกันไปมา มองๆไปเหมือนลูกแมวสองตัวเล่นกันเสียมากกว่า แต่เหมือนไอ้หน้าโหดที่ยืนแผ่รังสีอำมหิตจะไม่คิดอย่างนั้น
“มิน !!” เสียงเข้มๆเรียกเสียงดัง ทำเอาหนึ่งคนหนึ่งแมวสะดุ้งโหยงตกใจกันเป็นแถว ผมส่ายหัวน้อยๆกับอาการขี้หวงจนโอเวอร์ของไอ้นิล ก่อนจะเดินเข้าไปหามะลิแล้วแยกออกมา ปล่อยให้คู่สามีภรรยารบรากันไป แอบก้มหอมหัวมะลิเบาๆให้พอชื่นใจ แต่จู่ๆก็รู้สึกหนาวยะเยือกเหมือนมีไอเย็นแผ่มา เงยหน้าขึ้นมองก็เจอกับสายตาพิฆาตที่จ้องมองมาอย่างดุเดือดทั้งที่ตัวเองก็ยังแง้วๆอยู่กับน้องมิน
เฮ้อ ~~
อนาคตดูท่าจะไม่ง่ายแล้วแฮะ
[[ :The End Sam Part : ]]TALK....
เเวะมาเเล้วจ้า ช่วงนี้ยุ่งเหลือเกิน เป็นปีสี่นี่เหนื่อยจริงๆ ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายของพี่เเซมกับจัสมินเเล้วน๊า ต่อไปก็อาจจะเอาตอนพิเศษมาเเถมๆนิดๆหน่อยๆ ก็จะจบจริงๆเเล้วจ้าาาาา
ปล. หลังสอบเสร็จนู้นนนน จะเเวะมาฝากอีกรอบ อย่าเพิ่งหนีกันไปไหนน๊าาา