ตอนที่ 8
[[ : Nin Part 2 : ]] “เมื่อไหร่ไอ้ฟิวส์จะมาวะ กูจะเมาละสัส!” ไอ้แม็คบ่น
“มันบอกใกล้จะถึงละ”
วันนี้ผมกับเพื่อนอีกสองคนอยู่ในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งแถวๆมหาวิทยาลัย ก็นั่นแหละครับจะให้เลี้ยงแต่ข้าวน้องมันก็ไม่ใช่วิสัย วันนี้เลยพาเด็กๆออกมาเปลี่ยนบรรยากาศ เพราะยังไม่เคยมีสักครั้งที่พวกผมจะเลี้ยงเหล้าพวกมัน แล้วนี่ก็เป็นวันสอบวันสุดท้ายเลยถือโอกาสฉลองให้ซะเลย แต่คราวนี้ผมไม่ได้จ่ายคนเดียวนะครับ
“อีกนานไหมวะ ?” ผมถาม
“ไม่นาน อีกแป๊บเดียวๆ” ไอ้ปืน
“เออมึง กูเห็นมึงเต๊าะไอ้มินมันมาก็นานละ ถามจริงได้ยังวะ?” ไอ้แม็คยื่นหน้ามาถามผม ผมไม่โกรธหรอกนะเพราะมันเป็นเรื่องปกติที่ใครก็สงสัย คงไม่เคยเห็นผมตามใครด้วยล่ะมั้ง
“ยังไม่ถึงเวลา”
“เออกูรู้ ไม่งั้นมึงคงไม่ล่อคนอื่นไปทั่วแบบนี้หรอก” เอ่อ..ครับ ไม่เถียง เพราะผมก็ยังคงมีคนอื่นไปทั่วเหมือนเดิม แต่น้อยลงหน่อยเพราะเวลาว่างผมเอาไปไว้ไปแกล้งไอ้ตัวเล็กของผม
“แล้วมึงจะถามทำไม?”
“เออๆ กูแค่อยากรู้ น้องมันน่ารักขนาดนั้นรอดมึงมาได้ก็ใช่ว่าจะรอดคนอื่น” ผมยกแก้วตัวเองขึ้นจิบ ทำไมผมจะไม่รู้ล่ะครับว่าไอ้ตัวเล็กของผมมันฮอตขนาดไหน แต่ยังดีครับที่เรื่องพวกนี้มันพอทันและเอาตัวรอดได้ ถือว่าสบายใจไปเปราะแต่ก็อดหงุดหงิดไม่ได้อยู่ดี
“พี่หวัดดีครับ” บทสนทนาก่อนหน้าเป็นอันจบลงเมื่อพวกน้องๆเดินเข้ามา ผมไม่สนใจมันแต่มองเลยไปทางเพื่อนมันที่อยู่ทางด้านหลัง วันนี้ไอ้ตัวเล็กใส่เสื้อยืดคอปาดสีขาวหม่นตัวใหญ่ๆกับกางเกงยีนส์รัดรูปสีดำขาดหัวเข่า อืม...กางกางจะรัดก้นไปไหน
“เออๆ มาถึงแล้วก็นั่งๆ แม่งไอ้แม็คมันจะเมาหนีพวกมึงละ”
“โทษทีพี่ รถมันติด” ผมไล่มองน้องๆที่เริ่มหาที่นั่งเป็นของตัวเอง วันนี้น้องผึ้งไม่มาครับเห็นว่าติดเลี้ยงสายเหมือนกัน
“เออๆ บริการตัวเองนะมึง กูจ่ายตังค์อย่างเดียว”
“เอ๋ ? วันนี้พี่ปืนเป็นคนจ่ายหรอครับ?” คำถามจากออยเลยครับ ผมนี่ยิ้มกริ่มเลยส่วนคนที่มีเอี่ยวนิดๆชะงักค้างกลางอากาศก่อนจะปรับตัวแล้วทิ้งลงนั่งฝั่งตรงข้ามกับผม ผมชอบนั่งตรงข้ามกับน้องมันนะ เวลามองแล้วไม่ต้องเอียงคอหรือหันหน้าดี แค่มองตรงๆก็เจอ เงยหน้าก็เจอ
“อยากเลี้ยงเด็กๆบ้าง” พูดอย่างเดียวไม่พอ ส่งสายตาไปอีก
“พี่ๆครับปล่อยเพื่อนผมไปสักคนเถอะครับ อย่าเก็บไว้กินเองหมดเลยครับ” ไอ้ฟิวส์มันคงรู้สึกเหมือนผม
“สัสนี่ เอ้าแดกๆ” ผมยกยิ้มมุมปากให้ไอ้ปืนที่แกล้งเฉไฉไปเรื่อย คงคิดว่าไม่มีใครรู้ทันล่ะสิ
“มองไร?” ผมจ้องหน้าคนตรงข้ามที่เอาแต่นั่งเงียบตั้งแต่มาถึง คงไม่อยากพูดเพราะเดียวจะโดนแซวแต่คงทนแรงกดดันจากสายตาผมไม่ไหวเลยถามออกมา
“มองแรด”
“O_O !”
“หึหึ”
กินกันไปก็เริ่มดึกดื่นจนใกล้เวลาจะกลับ มินมันคอแข็งใช่เล่นเลยครับนั่งชนกับพวกผมตั้งนานยังไม่มีทีท่าว่าจะเมา ในขณะที่ไอ้เฟิวส์เพื่อนมันหัวจะทิ่มโต๊ะอยู่แล้ว น้องออยก็เริ่มหน้าแดง แต่คนตรงหน้าผมนี่ยังนิ่งสนิทแต่รู้สึกว่าตาจะหวานขึ้นนะ ส่วนพวกผมยังปกติดีครับเมาไม่ได้ต้องดูน้องด้วย
“เดี๋ยวกูมา เข้าห้องน้ำก่อน” ผมผละออกจากโต๊ะไปทำธุระในห้องน้ำ
เสร็จแล้วก็ออกมายืนล้างมือ เช็คสภาพตัวเองในกระจกเล็กน้อยก่อนจะเดินออกมา แต่ก็โดนดักด้วยเสียงหวานอ้อแอ้ เอาไงดี ?
“จะกลับกันแล้วหรอคะ ?”
“หืม ?” ผมเลิกคิ้วใส่แม่สาวทรงโตหนองโพคัพดีที่เดินมาขวางทางเดินของผมเอาไว้
“แจนนะคะ”
“ครับ”
“วันนี้พี่นิลมากลับเพื่อนหรอคะ?” ข้อมูลแน่นแฮะรู้จักผมด้วย มือผมถูกจับขึ้นไปวางบนสะโพกอวบๆนั่นแล้วจะให้ทำไงล่ะครับ ลูบสิ
“อืม พาน้องมาเลี้ยงน่ะ”
“ถ้าแจนขอเวลาสักเดี๋ยว จะรบกวนพี่นิลมากไหมคะ ?” ช้อนตามองยิ้มหวานยั่ว มือเล็กๆยกขึ้นมาลูบไล้แผงอกผม สะกิดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ดๆ ถ้าเปลี่ยนจากคนตรงหน้าเป็นไอ้ตัวเล็กหน้ายู่คงจะดีไม่น้อย
“หึ”
“อ๊ะ...อืม” ผมไม่รอให้ต้องพูดมาก มาง่ายก็ไปง่ายผมดึงน้องคัพดีนี่เข้ามาชิดอก น้องก็รู้หน้าที่ดีเหลือเกินคว้าคอผมลงไปจูบหมับ ผมเองก็ปล่อยเลยตามเลย ยอมรับเลยว่ามีอารมณ์ปกติผมเป็นคนกินเยอะกินจุอยู่แล้วยิ่งพอมีแอลกอฮอล์เข้าปากมันเลยจุดติดง่ายกว่าปกติ
หลังจากลากกันไปซอกด้านหลังห้องน้ำจัดการภารกิจแบบเร่งด่วนเสร็จสรรพผมก็เดินออกมา แล้วเหมือนผมจะเจอแจ็คพ๊อต หน้าใสๆเจ้าของตาโตๆกำลังมองด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป ถ้าเดาไม่ผิดคงรู้สินะว่าผมไปทำอะไรมาแล้วไม่แน่ว่าอาจจะเห็นด้วยตาเลยก็ได้ แล้วไม่นานหลักฐานก็เดินตามออกมาในสภาพที่ยับเยินนิดๆ
“แจนกลับก่อนนะคะ” ขยิบตาส่งจูบแล้วเดินนวยนาดจากไป
“พี่ปืนให้มาตาม บอกว่าจะกลับแล้ว” ห้วนสั้นก่อนจะหันหลังเดินหนี แต่ผมไม่ยอมหรอก ลากแขนน้องมันให้ลับเข้าไปที่ซอกเดิม
“จะไม่ติดต่อหลังจากนี้” ผมอธิบายด้วยประโยคสุดโง่ แต่ตอนนั้นคิดออกเท่านี้จริงๆ
“ตามใจ ยังไงพี่ก็ของสาธารณะ”
“ไม่ใช่”
“ถึงจะใช่ก็ไม่เกี่ยวกับผม ปล่อย..”
“คุยกันก่อน” ผมดันร่างเล็กๆนั่นให้ชิดกำแพงก่อนจะคร่อมเอาไว้ มินมองหน้าผมหน้าตาตื่นเหมือนตกใจเพราะผมไม่เคยใกล้ชิดเขาแบบนี้
“ไม่มีอะไรต้องคุย ปะ...อ๊ะ !”
อืมครับ ไม่มีอะไรต้องคุย งั้นก็ไม่ต้องคุย ผมแนบปากลงบนริมฝีปากเล็กๆของอีกคนจะด้วยอารมณ์ไหนก็ตามแต่มันเป็นสัมผัสที่ตราตรึง และทำผมหลงไปในรสสัมผัส ถึงจะไม่ใช่เวลาที่ดีหรือโอกาสที่เหมาะสม แต่นั่นแหละ
จูบแรกของเรา...
หลังจากนั้นไอ้ตัวเล็กก็หลบหน้าผมเหมือนไม่อยากเจอ ผมเลยต้องปรับเปลี่ยนวิธีการเข้าหาอีกครั้ง จากที่เคยเข้าทางเพื่อนๆตอนนี้ก็เข้ามันตรงๆนี่แหละครับ ฉายเดี่ยวไปเลย แล้วก็นั่นแหละจากครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง วิธีการเข้าหาใหม่ของผมก็คือการตอดเล็กตอดน้อยไอ้ตัวเล็กไปเรื่อยๆ แรกๆน้องมันโวยวายจนเกือบจะวางมวยกันหลายรอบ ไม่สิบางทีผมก็โดนมาแล้ว แต่หลังๆมาไอ้ตัวเล็กก็เริ่มจะคุ้นเคยกับสัมผัสของผมซึ่งผมชอบนะ
จนเวลาผ่านไป ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่คำเรียกกันอย่าง ‘พี่นิล’ หรือคำแทนตัวว่า ‘ผม’ มันหายไปเหลือแต่กูมึงภาษาพ่อขุนเท่านั้นที่เข้ามาทักทาย ไม่ค่อยซีเรียสหรอกนะแต่ก็ไม่ได้ชอบ เพราะความจริงผมคิดว่าผมรู้นะว่าน้องมันคิดอะไรอยู่ หึหึ
ถึงผมจะอยู่ในฐานะที่เหมือนจะเป็นเจ้าของแต่มันก็แค่เหมือน เพราะรอบตัวมินยังคงมีคนเข้ามายุ่มย่ามตลอด ยิ่งผมไม่ได้เข้าหาเหมือนเดิมไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยบ่อยๆ ไอ้คนที่เล็งๆไว้ตอนแรกก็เริ่มแสดงตัวพยายามสรรหานู้นนี่นั่นมาให้ไอ้ตัวเล็กของผม ล่าสุดเห็นหอบลูกแมวตัวเล็กมาบอกจะให้เอาไปเลี้ยงเพราะมินมันชอบแมว ดีครับที่ไอ้ฟิวส์มาบอกผมก่อน ผมเลยจัดการให้มันเอาแมวนั่นกลับไปเลี้ยงเอง
เพราะมินมันมีแมวของตัวเองอยู่แล้ว...^^
เย็นวันนั้นเป็นวันที่มินจอดรถหลังคณะซึ่งจะต้องเดินผ่านตึกหลังไปก่อน ผมในร่างแมวดำตัวใหญ่ทำตัวคลุกฝุ่นดูน่าสงสารยืนเตร็ดเตร่อยู่แถวนั้นเพื่อรอจังหวะ อาจจะดูเหมือนบ้าบิ่นไปหน่อยแต่เอาจริงผมก็ไม่รู้อะไรดลจิตดลใจให้ลงทุนทำเรื่องแบบนี้ คงต้องขอบคุณแผนเอาแมวมาล่อของไอ้คนก่อนหน้าที่มันทำให้ผมรู้ตัว...ว่าอยากมีเจ้าของ ^^
ไม่นานร่างเล็กๆก็เดินมาพร้อมชีทเรียนและกระเป๋าสะพายใบเก่ง บางทีผมก็สงสัยนะครับ ว่าตัวเล็กแค่นั้นแต่ทำไมชอบหอบของอะไรเกินตัว หอบมาเหมือนเด็กไม่จัดตารางสอน
เมี๊ยวววว
ร้องเบาๆ แค่นั้น ไอ้ตัวเล็กก็หยุดชะงักหันรีหันขวาเหมือนไม่แน่ใจ ผมเลยร้องอีกครั้งและอีกครั้งจนเจ้าตัวเดินตามเสียงมาเรื่อยๆ และเจอผมที่นอนหมอบอยู่หน้าพุ่มไม้ ตากลมโตนั่นขยายจนมันโตมากกว่าเดิมด้วยความสงสัย ใบหน้าเล็กหันซ้ายหันขวาเหมือนมองหาบุคคลอื่นแถวนี้
“มาทำอะไรแถวนี้ หืม ? เจ้าเหมียว” นั่งยองตรงหน้าผม ทำท่าเหมือนอยากจะจับแต่ก็ยังไม่กล้าจับ เหมือนตอนเป็นเด็กไม่มีผิด
เมี๊ยววววว
“หิวหรอ? กินนี่ไหม?” มือเล็กๆชูถุงลูกชิ้นปิ้งในมือให้ผมดู ก่อนหยิบมันออกมาให้ผม เอ่อ...ไม่ได้อยากกินเท่าไหร่แฮะ แต่ก็ต้องกินเอาใจคนให้
“น่ารักจัง ^________^” รอยยิ้มสว่างจ้า ดาเมจรุนแรงมาอีกแล้ว
ผมกินลูกชิ้นไปนิดหน่อยก่อนจะเดินเข้าไปคลอเคลียไอ้ตัวเล็ก กลิ่นหอมอ่อนของเจ้าตัวทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแมวหื่นกาม หลังจากคลอเคลียไปได้ไม่นานผมก็ได้ขยับขึ้นมานั่งตัก อ่า...เห็นไหม เป็นแมวมันดีกว่าเห็นๆ หึหึ
“ไม่มีปอกคอ ไม่มีเจ้าของ งั้นมาเป็นของมินนะ จะแวะมาเล่นด้วยทุกวันเลย ^^”
เมี๊ยวววว
มาเป็นของมินงั้นเหรอ...ชอบประโยคนี้จังแฮะ
“ขนสีดำแบบนี้ชื่อ แบล็ค ละกันนะ ตกลงไหม?”
เมี๊ยวววว
นั่นเป็นที่มาของชื่อใหม่ของผม มินจะแวะมาหาผมทุกวันเช้าบ้างเย็นบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นตอนเย็น ผมเลยต้องจัดเวลาตัวเองให้ดี เคลียธุระให้เรียบร้อยแล้วมารอเจ้าของในตอนเย็นทุกวัน ไอ้ตัวเล็กจะหาเรื่องอะไรมากมายมาเล่าให้ผมฟังทั้งๆที่เจ้าตัวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมฟังรู้เรื่องหรือเปล่า แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของผมในร่างคนที่ไอ้ตัวเล็กจะเอามาเล่าแล้วก็บ่นๆๆ น่าตลกไหมล่ะครับบ่นผมในร่างคนให้ผมในร่างแมวฟัง แต่ผมก็ชอบฟังนะ จะได้เอาไปปรับกลยุทธ์ในตอนเป็นคน หึหึ
เวลาผ่านไปเกือบสองเดือนผมก็ได้เลื่อนขั้นจากแมวหลังคณะมาเป็นแมวในคอนโด แล้วผมก็เริ่มรับรู้ความลำบากที่แท้จริง ผมลงทุนซื้อห้องใหม่ใกล้ๆกับห้องมินแล้วย้ายของเข้ามาอยู่ทันทีเพื่อความสะดวก ผมต้องเร่งเวลาของตัวเองให้เร็วกว่าเดิม ต้องกลับห้องก่อนเจ้าของจะกลับมาซึ่งมันหนักหนาเอาการ แต่ก็มีความสุขดีครับ
แม้จะมีเรื่องทรมานนิดหน่อย...
การห้ามใจตัวเองไม่ให้ทำอะไรเกินขอบเขตกับคนที่สนใจนี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ แม้ผมจะทำการฝึกความอดทนของตัวเองโดยการเข้าไปอาบน้ำกับเจ้าของก็เถอะ ครั้งที่เห็นเรือนร่างขาวโพลน เนื้อแท้ใต้ร่มผ้านั้นขาวใส เรียบเนียนดูน่าสัมผัสกว่าที่คิดเอาไว้มาก นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องแอบรังแกเจ้าของตอนนอนหลับบ่อยๆ แรกๆเจ้าตัวก็งงๆ คิดว่าตัวเองโดนแมลงกัดบ้างแพ้อาหารบ้าง เห็นไหมครับ ผมบอกแล้วน้องมันใส
จนวันนึงผมค้นพบความลับของเจ้าของห้องที่ผมมาอยู่ด้วย...
วันนั้นผมมาส่งมินได้หอหลังจากที่บังเอิญเจอกันที่ห้างสรรพสินค้า และแลกจูบกันในรถ ผมก็รีบกลับขึ้นห้องทางบันได้หนีไฟ เกือบไปแล้วเหมือนกันครับ ดีที่วันนั้นมินเองไม่ได้สนใจอะไรผมนัก เพราะทันทีที่เข้าห้องเจ้าตัวก็พุ่งเข้าห้องนอนตัวเองทันที ผมเดินตามเข้าไปเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆ และมันเป็นการกระทำที่ผิดมหันต์ !!!
“อ๊ะ...อ๊าส์...”
ร่างเล็กขาวโพลนนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงนอน สองขาคุกเข่ายันพื้นเตียงเอาไว้ทำให้สะโพกเล็กโก่งโค้งขึ้นจนเห็นช่องทางเด่นชัด และที่มากไปกว่านั้นคือสองนิ้วเล็กๆที่สอดรับอยู่ในช่องทางสีสด ขยับเข้าออกอย่าเร่งเร้าจนผมนึกอยากจะแทนที่ด้วยอะไรที่ใหญ่กว่า
สี่เท้าของผมขยับเข้าไปใกล้เรื่อยๆโดยที่มินเองคงไม่ทันรู้ตัว ผมเผลอจ้องการกระทำที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าร่างเล็กจะมีมุมนี้อย่างรุ่มร้อน ความผิดชอบชั่วดีละลายหายไปหมด ผมบรรจงแตะลิ้นลงบนช่องทางสีสดที่มีนิ้วเล็กสอดเข้าออก
“อ๊ะ...” กายเล็กชะงักไปก่อนจะหันกลับมามองที่ผม แต่ผมไม่หยุดไล้เลียอย่างหื่นกระหายทั้งจนทั้งร่องเปียกชื้นลามไปจนถึงนิ้วเล็กที่สอดส่ายเร็วขึ้น ผมคิดว่าเพราะความสากของลิ้นแมวทำให้ความเสียดเสียวเพิ่มมากขึ้น ไม่นานก็ปลดปล่อยออกมา
ก่อนจะหลับเพราะความอ่อนเพลีย...
ผมรอจนกระทั่งมั่นใจว่าไอ้ตัวเล็กหลับไปแล้ว ก่อนจะกลับมาอยู่ในร่างคนอีกครั้ง ปกติผมจะเอาอารมณ์ตัวเองไปลงที่อื่น แต่ตอนนี้ไม่ทันแล้วเพราะคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่นี้ทำให้ผมไม่อยากทนแล้ว
ผมจัดการขึ้นคร่อมร่างเล็กก่อนจะประทับจูบอย่างร้อนแรงรุกเร้าจนอีกคนเผลอตอบกลับมาแม้จะไม่ได้สติก็ตาม สองมือผมลูบไล้ไปทั่วร่างเนียนอย่างย่ามใจ บีบขย้ำ ลูบไล้ไปทั่วทั้งตัวก่อนจะหยุดอยู่ที่จุกนมเม็ดเล็กทั้งสองข้าง บดคลึงจนติ่งเนื้อเล็กแข็งเป็นไตรับสัมผัส
“อื้อ...” เสียงครางเล็กๆอย่างพอใจเล็ดรอดออกมาเมื่อผมผละริมฝีปากออกก่อนจะแตะลิ้นลงบนจุกนมข้างหนึ่ง ตวัดเลียอย่างหื่นกระหาย แต่ผมรู้สึกว่ามันยังไม่พอ มากกว่านี้ ผมอยากได้มากกว่านี้...
“อ๊ะ...” ผมพลิกตัวคนใต้ร่างให้นอนคว่ำจัดการให้อยู่ในท่าเดิมก่อนหน้านี้ ก้นขาวกลมกลึงปรากฏเด่นท้าทายสายตาจนผมอดที่จะขย้ำแรงๆไม่ได้ มันเด้งสู่มือผมดีชะมัด ผมให้มือข้างหนึ่งเตรียมความพร้อมให้ร่างกายตัวเอง ตาจ้องมองช่องทางลับที่กำลังขมิบถี่จนอยากจะกระแทกกายให้จมมิด
“อ่า....ส์” ผมจับขาเรียวชิดกันก่อนจะแทรกแกนกายผ่านเข้าไป ถึงต้องกัดฟันแต่ผมก็อยากให้ครั้งแรกของเราที่มีสติรับรู้ทั้งคู่ ซอกขานุ่มๆทำหน้าที่ได้ดีเกินคาดจนผมเผลอใส่แรงกระแทกกระทั้นจนเจ้าของร่างสั่นคลอนไปหมด ไม่นานไอ้ตัวเล็กของผมก็ชิงปลดปล่อยอีกครั้งก่อนที่ผมจะตามไปติดๆ ผมล้มตัวลงนอนรั้งร่างเล็กนั่นให้เข้ามาซุกอกก่อนจะหลับไป
การรังแกตัวเองที่แสนเร่าร้อนนี้ จะมีแค่ผมที่ได้เห็น...
ชีวิตผมกลับมาปกติสุขอีกครั้งหลังจากผ่านเรื่องหวาดเสียวครั้งนั้นมา และเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ทำให้ผมตระหนักได้ว่าผมต้องการมินมากแค่ไหน และควรจะทำอะไรให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที อย่างแรกคงต้องเลิกกับคู่ควงชั่วคราวทั้งหมดก่อน แล้วเอามาลงที่ไอ้ตัวเล็กคนเดียว ( แบบไม่ให้รู้ตัวอ่ะนะ )ก็คงต้องรับศึกหนักกันหน่อย ส่วนอย่างอื่นก็ค่อยๆปรับการเข้าหาใหม่อีกครั้ง ไม่นานทุกอย่างคงลงตัว
คิดเรื่องราววางแผนไว้ดิบดี แต่ผมก็ทำพลาดอีกครั้ง...
เมื่อตอนต้นเดือนผมได้รับการติดต่อจากที่บ้านแล้วพบว่า ‘จัสมิน’ น้องชายของผมหนีออกจากบ้านไป ตอนแรกผมไม่ได้สนใจมากเพราะคิดว่าคงออกไปเที่ยวเล่น ไม่นานก็กลับเหมือนที่ผมเคยทำ แต่มันไม่ใช่ ! เพราะเมื่อวันที่มินพาผมไปสวนสาธารณะผมเจอจัสมินไปอาศัยอยู่กับมนุษย์ ! นั่นทำให้ผมอดโทษตัวเองไม่ได้ ทั้งๆที่เรียนที่เดียวกันถึงแม้จะคนละคณะแต่ผมก็สามารถหาทางติดต่อน้องได้ง่ายกว่าที่บ้าน แต่ผมกลับปล่อยปละละเลยน้อง
สาเหตุที่ทั้งบ้านเป็นห่วงจัสมิน เพราะน้องชายผมไม่เหมือนแวร์แคทคนอื่นๆ ถึงแม้จะอยู่ครบ 18 ปีบริบูรณ์แล้ว แต่จัสมินยังไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้ดี เวลามีเรื่องตกใจหรือเกิดเหตุการณ์ที่มีผลต่อจิตใจ จัสมินจะกลายเป็นแมวและการเก็บหางและหูของตัวเองในร่างมนุษย์ก็ยังไม่ดีนัก ทำให้ถูกกักตัวไว้แต่ในบ้านเรียนหนังสือจนจบเทียบเท่ามัธยมปลายโดยการที่จ้างครูมาสอนพิเศษ และเพิ่งได้ออกมาเรียนมหาวิทยาลัยโดยใช้เส้นสายนิดหน่อย แต่ก็นับว่ายังต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะมันไม่ใช่เรื่องตลกเลยหากมนุษย์รู้เข้าว่ามีพวกเราปะปนอยู่
ช่วงหลายวันมานี้ผมใช้เวลาในการตามหาจัสมินที่เหมือนจะพยายามหลบหน้าผม ไม่ว่าจะไปหาที่คณะ หรือโทรศัพท์ไปก็ไม่สามารถติดต่อได้ แต่ในที่สุดความพยายามของผมก็ประสบผลสำเร็จ วันนี้จัสมินมาเรียนน้องตกใจมากที่เจอผม เรายื้อยุดกันอยู่นานจนมาถึงบริเวณตึกหลัง
“มึง...!”
เสียงเรียกจากคนที่ผมไม่อยากเจอที่สุดในเวลานี้ดังเรียกผม ทำให้ผมเผลอปล่อยให้จัสมินหนีไปได้ เราเถียงกันเล็กน้อย ก่อนที่ร่างกายผมจะรู้สึกแปลกๆ ผมก้มหน้ามองนาฬิกา นึกทบทวนวันที่ในใจ บ้าชิบ !!
วันนี้พระจันทร์เต็มดวง...!!
ผมพยายามเดินหนีมินและบอกให้เขากลับไปก่อน แต่ไอ้ตัวเล็กของผมดื้อดึงกว่าที่คิดถึงจะดีใจที่ได้รับความเป็นห่วงเป็นใย แต่มันต้องไม่ใช่เวลานี้ เวลาที่ผมจะไม่สามารถควบคุมการกลายร่างของตัวเองได้
ความลับของพวกเราแวร์แคทอีกอย่างคือ...พวกเราทุกคนจะกลับเข้าสู่ร่างแมวในคืนพระจันทร์เต็มดวงทันทีที่พระอาทิตย์ตกดินและจะสามารถกลับมาควบคุมตัวเองได้อีกครั้งในยามที่แสงแรกของวันโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมา...
ผมยังไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับมิน และยังไม่มีความคิดที่จะบอกมินถึงในสิ่งที่ผมเป็น เพราะผมไม่กล้าแม้แต่จะคาดเดาผลตอบรับที่ได้กลับมา มันเป็นเรื่องเดียวที่ผมกลัว และก็ถือเป็นข้ออ้างที่ทำให้ผมใช้ชีวิตเสเพลเมื่อก่อนเพราะผมยังไม่สามารถจริงจังกับใครได้ ยังไม่กล้าบอกเรื่องเหล่านี้กับใคร...
ผมใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมาโดยตลอด แต่วันนี้ผมพลาด...
[[ : The end Nin part : ]]TBC+++++++++++++++TALK...
จบพาทพี่นิลเเล้วจ้า ฮูเล่ ~~ ต่อไปก็จะกลับมาไปเจอกับน้องมัน เเละอาจจะกลับมาเจอกับพี่นิลอีกครั้งในตอนพิเศษ อิ้อิ้