Side Story ( แซม X จัสมิน ) 3 ท๊า ทา ดา ด๊า ด่า ~~~~~~~~~~
วันนี้ผมแอบโดดเรียนอีกแล้วครับเลยทำตัวเป็นแม่บ้านที่ดีเก็บของในห้องที่รกๆนี่เสียหน่อย ตั้งแต่เจอกับพี่นิลวันนั้นวันต่อมาผมไปเรียนก็เจอพี่มันมาดักรอที่หน้าคณะเลยครับ ดีที่หลบทันเลยไม่ต้องเผชิญหน้ากัน ไม่ใช่มีเรื่องอะไรหรอกครับแค่ผมยังไม่พร้อมที่จะเจอก็เท่านั้นเอง อย่างที่บอกนั่นแหละว่าพี่นิลทั้งบ้าและโหดเถื่อนแค่ไหน เกิดอยู่ดีๆลากผมกลับบ้านขึ้นมาทำไงอ่ะ ผมก็ไม่อยู่กับพี่แซมอะดิ คึคึ
“เหมียว เหมียว เหมียวหง่าว เหมียว เหมียว เหมียวหง่าวววว ~~~~~~”
ผมอยู่ในร่างคนปล่อยหูและหางที่มีกระพรวนกรุ๊งกรุ๊งร้องเพลงไปปัดกวาดเช็ดถูห้องที่ตัวเองมาอาศัยอยู่จนเกือบลืมบ้านไปแล้ว ไม่ต้องห่วงครับ ตอนนี้เจ้าของห้องยังไม่กลับมาหรอก เพราะอยู่ด้วยกันมานานเรื่องตารางเรียนแค่นี้สบายมากฉะนั้นผมทำอาหารไว้ให้ดีไหมนะ แล้วพี่มันจะสงสัยหรือเปล่าว่ามาจากไหน...?
เอ.....?
งื้ออออออ
ถึงพี่แซมที่คาดว่าตอนนี้คงเลิกกับพี่กัสไปแล้วและท่าทางก็ไม่ได้ดูอาการสาหัสอะไรเหมือนคืนนั้นที่เมาแล้วเผลอจูบผม แต่ปัญหาของผมตอนนี้คือผมจะทำให้พี่แซมชอบผมได้ยังไง ? ในเมื่อผมอยู่กับพี่แซมในร่างแมว เป็นแค่แมวที่ถูกแฟนเก่าเก็บมาฝากเลี้ยง...แค่พูดคุยกันยังไม่ได้เลย ยิ่งผมกลายเป็นคนแบบนี้ได้อีกกลัวว่าพี่มันจะจับผมไปส่งองค์กรนาซ่านะสิ
เฮ้อ ~~~~~~
ผมทิ้งตัวนอนคว่ำหน้าลงบนโซฟาตัวใหญ่ที่ขนาดผมกลายเป็นคนแล้วมันก็ยังดูกว้างมากๆอยู่ดี ผมกวัดแกว่งหางไปมาอย่างใช้ความคิดจนเสียงกระพรวนดังกรุ๊งกริ๊ง ทำไมเรื่องของพี่นิลมันดูง่ายจังนะ ถ้าผมควบคุมตัวเองได้ดีเหมือนพี่นิลก็คงจะดี จะได้ยืมเอาแนวทางของพี่มันมาใช้บ้าง อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะว่าพี่นิลคิดอะไรกับพี่มินตัวเล็กคนนั้น เพราะกลิ่นพี่นิลเล่นลอยอบอวลไปรอบๆตัวพี่มินแสดงอาณาเขตเต็มที่ แต่ผมทำแบบนั้นไม่ได้น่ะสิเพราะพลังของผมมันไม่เสถียรพอ...
ผมนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอย่างหมดหนทาง ก่อนจะลุกขึ้นเตรียมทำงานบ้านต่อ อย่างน้อยตอนนี้ก็ทำได้เท่านี้ล่ะนะ
กึก !
“มะ...มะลิ ?”
ผมตัวชาไปทั้งร่างเมื่อลุกจากโซฟามาแล้วพบกับร่างสูงของเจ้าของห้องที่ยืนนิ่งราวกับถูกสาปอยู่ทางด้านหลังของโซฟา ข้าวของที่ซื้อกลับเข้ามาหล่นตุบอยู่ข้างตัวเหมือนคนหมดแรงจะถือ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? มันยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนหนิ แล้วทำไม...ทำไมผมไม่ได้ยินเสียงประตูห้องล่ะ...
“พะ...พี่แซม...” ผมเรียกอีกคนเสียงแผ่ว ท่าทางเหมือนเจอสัตว์ประหลาดน่าหวาดกลัวของอีกคนทำให้ผมไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้ นอกเสียจากยืนนิ่งอยู่กับที่ให้โซฟาตัวใหญ่กั้นเราเอาไว้ แต่ทำไม ทั้งๆที่ห่างกันแค่นี้ ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่ามันไกลเหลือเกิน
“นายเป็นใคร?” ถามนิ่งๆ สายตาจ้องไปที่หางสีขาวของผมที่ตกลงไม่ต่างกับหูแมวเล็กๆที่ลู่ลงไปด้วย
ผมพยายามรวบรวมสมาธิเพื่อเก็บเอาส่วนหูและหางของตัวเองเข้าไปเพื่อไม่ให้อีกคนตกใจมากเกินไป แต่เหมือนมันจะไม่ง่ายอย่างนั้นเพราะตอนนี้ผมไม่สามารถทำอะไรได้เลย ไม่แม้แต่จะกลับไปเป็นมะลิเหมือนเดิม ทำยังไงดี? ผมควรทำยังไงดี?
“ฉันจะถามอีกครั้ง นายเป็นใคร?” เสียงทุ้มเข้มขึ้นจนผมเผลอสะดุ้ง ในเมื่อเรื่องมันมาขนาดนี้แล้วผมคงต้องบอกความจริงสินะ
“มะลิ...ผมคือมะลิ”
“.....”
“ผมไม่ได้โกหก มันอาจจะฟังดูน่าเหลือเชื่อแต่ทั้งหมดมันก็เป็นเรื่องจริง ผมไม่ใช่คนปกติ...แล้วก็ไม่ใช่แมวปกติด้วย...”
“พูดอะไร ? คิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบหรือไง บอกมาดีๆดีกว่าว่าเข้ามาห้องนี้ได้ยัง? ก่อนที่ฉันจะแจ้งตำรวจจับนายเข้าคุก”
“ผมไม่ได้โกหกนะ ขอโทษที่ไม่ได้บอกตั้งแต่ตอนที่พี่กัสพาเข้ามาอยู่ที่นี่ แต่...พี่กัสก็ไม่รู้เรื่องนี้หรอก..”
“ตั้งใจจะมาขโมยอะไร?” พี่แซมไม่ฟังผมยังคงปักใจเชื่อว่าผมเป็นขโมย ผมเข้าใจว่าเรื่องแบบนี้มันเชื่อยาก แต่ท่าทางที่เหมือนตั้งใจจับผมเข้าคุกเสียเต็มที่ถ้าจับได้ว่าผมโกหกหรือว่าผมตอบไม่ถูกใจมันทำให้ผมเจ็บ เขาจำผมไม่ได้จริงๆหรอ...
“พี่แซมจำผมไม่ได้จริงๆหรอ อันนี้พี่เป็นคนซื้อให้ผมเองนะ...จำไม่ได้หรอ...?” ผมจับปลายหางตัวเองที่มีกระพรวนผูกอยู่ก่อนจะยื่นให้คนตรงหน้าดู ใบหน้าหล่อดูอึกอักไปเล็กน้อยเหมือนไม่อยากยอมรับและผมคิดว่าพี่มันต้องคิดว่าผมขโมยของแมวมาแน่ๆ
“ผมมาที่นี่กับพี่กัส พี่กัสเจอผมที่ท่ารถเลยเก็บผมมาด้วยแต่ที่บ้านพี่กัสเลี้ยงแมวไม่ได้พี่กัสเลยเอาผมมาฝากให้พี่เลี้ยงที่นี่ พี่ยังเคยเอาหนูยางมาแกล้งผมเลย ตอนอาบน้ำให้ผมครั้งแรกพี่ก็ยังจับผมจ่อพัดลมจนเกือบไม่สบายและเรายังทานข้าวด้วยกันตลอด...ผม..ฮึก...”
ผมกัดปากกลั้นสะอื้นมือกำหางตัวเองแน่น รู้สึกเหมือนตัวเองจะร้องไห้ออกมา เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมพูดอะไรเลยนอกจากมองหน้าผมนิ่งๆ ผมไม่รู้ว่าพี่แซมคิดอะไรอยู่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเชื่อเรื่องที่ผมเพิ่งบอกไปไหม...
ถ้าผม...ถ้าผมเก่งกว่านี้ถ้าผมควบคุมตัวเองได้ดีกว่านี้ ผมคงทำอะไรได้บ้าง อย่างน้อยก็กลับเป็นแมวให้อีกฝ่ายดูได้ว่าผมเป็นมะลิจริงๆ
“ชื่อจริงๆนายชื่ออะไร?” เสียงทุ้มดูอ่อนลง แต่ยังติดระแวงและสับสน
“ฮึก...จัส..อึก จัสมิน...”
“โอเค จัสมิน ฉันคงเถียงไม่ได้นะว่าเรื่องที่นายพูดมันไม่จริง”
“ฮึก...”
“แล้วก็คงไม่เชื่อไม่ได้อีกสินะว่าหูกับหางนั่นเป็นของจริง”
“ฮือ...”
“ตะ...แต่นายต้องเข้าใจนะว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะเชื่อได้ง่ายๆ ใครเห็นก็ต้องตกใจถูกไหม ? และแน่นอนว่าฉันช็อคมาก ตอนนี้เราต้องมาทำความเข้าใจกันใหม่ นายอยู่ที่นี่ได้เพราะก่อนหน้านี้นายไม่มีบ้านแต่ตอนนี้เหมือนอะไรๆจะเปลี่ยนไปแล้ว เพราะงะ..” ผมฟังเสียงทุ้มติดสั่นที่เหมือนจะรวบรวมเอาสติที่มีอยู่ทั้งหมดมารวมกันเพื่อคุยกับผมแบบรัวเร็วจนเกือบจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่ผมก็ชิงพูดขัดก่อน
“ไม่นะ ผม...ผมไม่มีบ้านหรอก ฮือๆ” แค่คิดว่าจะต้องโดนไล่ผมก็น้ำตาแตกอีกรอบ ไม่นะ...พี่แซม อย่าไล่ผมแบบนี้
“งะ..งั้นนายอยู่ที่นี่ก็ได้...จนกว่านายจะหาบ้านได้ตกลงไหม..?” ถึงประโยคจะฟังดูเหมือนยังไงผมก็ต้องไปจากที่นี่สักวันก็เถอะ แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจเรื่องนั้นหรอกแค่ตอนนี้พี่แซมยอมให้ผมอยู่ด้วยอีกครั้งก็นับว่าดีมากแล้ว ผมจะค่อยๆทำให้พี่แซมยอมรับตัวผมให้ได้
“แล้วนั่นพี่แซมจะไปไหน?” ผมถามพี่แซมที่ทำท่าเหมือนจะออกไปด้านอกทั้งๆที่เพิ่งกลับเข้ามาเมื่อกี้แท้ๆ
“อ่อ...เอ่อ...เพิ่งนึกได้ว่ามีธุระนิดหน่อยน่ะ ไม่นานหรอก ไปนะ”
“เหรอครับ...” ผมพยายามทำเสียงให้ไม่หงอย มองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินห่างออกไปจนกระทั้งมีบานประตูมากั้นกลาง
ผมจัดการทำอาหารง่ายๆไม่กี่อย่าง เห็นเมื่อกี้พี่แซมบอกว่าออกไปไม่นานน่าจะกลับมาทานข้าวเย็นทันอยู่ ไหนๆตอนนี้พี่แซมก็รู้แล้วว่าผมเป็นคนได้และคงไม่ต้องมานั่งสงสัยด้วยว่าอาหารมาจากไหน เพราะงั้นผมก็เลยถือโอกาสทำมื้อเย็นมื้อแรกรอซะเลย ผมว่าผมมีเสน่ห์ปลายจวักอยู่นะ คึคึ
หาวววววว
ผมอ้าปากหาวหวอดไม่รู้ว่ารอบที่เท่าไหร่แล้วแต่ที่รู้ผมกลายเป็นคนสามหาวไปแล้วแน่ๆหรือบางทีอาจจะมากกว่านั้น ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะห้าทุ่มอยู่แล้วแต่พี่แซมก็ยังไม่กลับมา อาหารเย็นที่ผมทำไว้ก็อุ่นแล้วอุ่นอีกจนผมตัดใจเก็บมันเข้าตู้เย็นไปแล้ว พี่แซมไปอยู่ไหนกันนะ...ไหนบอกว่าไม่นานไง
ผมนั่งรอพี่แซมไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหนรู้สึกตัวอีกทีก็เข้าเช้าวันใหม่พี่แซมก็ยังไม่กลับ ผมมองไปรอบๆห้อง มันทั้งเงียบและเหงามากกว่าปกติจนผมใจหาย...
ผมเดินออกจากห้องเรียนด้วยความเร่งรีบ ตอนนี้ผ่านมาสองวันแล้วครับที่พี่แซมไม่กลับห้อง ผมเลือกที่จะอยู่ห้องไม่ออกไปไหนเพราะกลัวว่าถ้าพี่แซมกลับมาแล้วจะไม่เจอผมแต่วันนี้ผมมีสอบย่อยสำคัญจะขาดไม่ได้ ส่วนเรื่องอาหารผมยังทำครบสามมื้อเหมือนเดิมเผื่อว่าเจ้าของห้องกลับมาจะได้ลองชิม แต่จนแล้วจนรอดผ่านมาสองวัน...ผมก็ยังไม่เห็นเเม้เงาของพี่แซม
“มิน !” ซวยแล้วไง เสียงเรียกโหดแบบนี้ไม่ต้องหันกลับไปมองก็รู้ว่าใคร นี่พี่นิลยังไม่เลิกที่จะมาดักรอผมอีกหรอ ผมเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นโดยไม่หันกลับไปมองด้านหลัง ตอนนี้...ถ้าผมถูกพากลับบ้านตอนนี้ ผมคงไม่ได้เจอพี่แซมอีก
“มาคุยกันก่อน” พี่นิลวิ่งตามมาคว้าแขนผมไว้ได้ทัน
“ไม่ พี่นิลพูดไม่รู้เรื่อง”
“กลับบ้านกับพี่เดี๋ยวนี้” นั่นไง ยังไม่ทันได้เริ่มคุยกันเลยก็บอกให้กลับบ้านแล้ว
“ไม่ ! ปล่อยนะ !” ผมพยายามสะบัดแขนแรงๆจนหลุดก่อนจะวิ่งหนีอีกครั้ง ได้ยินเสียงพี่มันสบถไล่หลังมาอย่างหัวเสีย อยากจะคุยอยู่หรอกแต่ไม่ใช่เวลานี้ อย่างน้อยก็น่าจะตอนที่ผมพร้อมหรือไม่ก็ตอนที่พี่นิลไม่ได้อยู่ในโหมดแมวตกมัน
“กลับไปกับพี่ อย่าทำเรื่องให้วุ่นวายไปมากกว่านี้ได้ไหม ?!” พี่นิลตามมาจับผมได้ทันอีกครั้งแถวๆตึกหลังคณะวิศวะ คราวนี้เสียงพี่มันอ่อนลงนิดหน่อย
“พี่นิล มินขอเวลาอีกนิดได้ไหม ?” ผมเปลี่ยนมาใช้ลูกอ้อน อยากจะอธิบายแต่ผมก็ไม่มีเหตุผลอะไรดีๆมาพูดได้ว่าทำไมถึงออกจากบ้านแล้วหนีไปอยู่กับผู้ชายแปลกหน้าที่ตอนนี้รู้ความลับของผมแล้วด้วย ผมรู้และเข้าใจว่าพี่นิลเป็นห่วงผมแต่ตอนนี้ผมก็มีเรื่องที่อยากจะทำเหมือนกัน
“พี่ให้เวลาเราเที่ยวเล่นมานานพอแล้ว”
“ทำไมล่ะฮะ ? ในเมื่อพี่นิลอยู่ข้างนอกได้ ทำไมมินจะอยู่บ้างไม่ได้”
“เราคุยเรื่องนี้กันไปหลายรอบแล้วนะ ทำไมไม่เข้าใจ?”
“พี่นิลก็ไม่เข้าใจมินเหมือนกัน”
“พอ !! ยังไงวันนี้มินก็ต้องไปกับพี่ !” พี่นิลเริ่มออกแรงกระชากผมอีกครั้ง ตอนนี้ผมยอมรับครับว่ากลัวพี่นิล ถึงพี่นิลจะโหดแต่ก็น้อยครั้งมากที่จะตะคอกหรือตวาดผมเสียงดังเหมือนครั้งนี้
“ไม่นะ ไม่ๆๆ ช่วยด้วยๆๆ ใครก็ได้ช่วยด้วย !!”
“หุบปาก!! หัดดูเวลาซะบ้าง !!” ตะคอกเสียงดังกว่าเดิมจนผมสะดุ้ง ตกใจจนหูกับหางเกือบโผล่ หัวตาร้อนผ่าว พอกลั้นไม่ไหวผมก็ร้องไห้ ปล่อยโฮมันตรงนั้น ไม่สนใจด้วยว่าใครจะมาเห็นเข้า
“มึง...!” ทั้งผมและพี่นิลชะงักค้างหันไปมองผู้มาใหม่ที่เหมือนจะตะโกนเรียกพี่นิล คนตัวเล็กที่ดูโตกว่าผมไม่เท่าไหร่ พี่มินนั่นเอง
“มิน !!”ผมใช้โอกาสที่พี่นิลกำลังค้างจนเผลอผ่อนแรงลงสะบัดมือใหญ่ออกจากแขนเต็มแรงแล้วซอยเท้าวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจเสียงตะโกนไล่หลังที่ดังตามมา
ขอโทษนะครับ พี่นิล...
ผมเสียเวลาไปกับการเดินทางกลับคอนโดพี่แซมนานมากกว่าปกติ เพราะรถที่ติดกันยาวเป็นชั่วโมงๆ กว่าจะมาถึงคอนโดก็เกือบจะหกโมงเย็นเข้าไปแล้ว พอลงจากแท็กซี่ได้ผมก็รีบวิ่งเข้าไปในตัวคอนโดก่อนจะชะงักค้างเมื่อรู้สึกแปลกๆกับร่างกาย ผมหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูอย่างรวดเร็วขออย่าให้เป็นอย่างที่ตัวเองคิด แล้วมันก็ใช่ !
วันนี้คืนพระจันทร์เต็มดวง บ้าชิบ !!
ผมวิ่งออกจากทางเข้าคอนโดไปทางสวนสาธารณะใกล้ๆให้เร็วที่สุด เพราะกะเวลาแล้วผมกลับขึ้นไปบนห้องไม่ทันแน่ๆ นี่มันวันซวยอะไรของผมกัน
อึก !
ผมเลือกที่เดินมาหลบตรงพุ่มไม้แถวๆนั้นเลือกที่ลับตาคนหน่อยเพื่อความปลอดภัย ความรู้สึกอึดอัดปนร้อนโจมตีผมจนเหมือนจะเบลอจะไปชั่วขณะ แล้วไม่นานผมก็กลายร่างเป็นแมวน้อยขนฟูสีขาวแต่ไม่มีกระพรวนเหมือนเคยเพราะถอดไว้บนห้อง
เฮ้อ ~~~
แล้วแบบนี้ผมจะขึ้นห้องไปหาพี่แซมได้ยังไงกัน หลังจากซ่อนข้าวของของตัวเองไว้ในพุ่มไม้แล้วผมก็เดินออกมาหยุดที่หน้าคอนโด หรือบางที่ผมอาจไม่ควรกลับไป นึกไปถึงท่าทางกระอักกระอ่วนใจของพี่แซมเมื่อวันนั้นแล้วมันทำให้ผมเจ็บไปทั้งอก รู้สิ...ผมรู้ว่าพี่มันกลัวผม แล้วบางทีเหตุผลที่แซมไม่ยอมกลับห้องอาจจะเป็นเพราะที่ห้องมีผมอยู่ ถ้าเป็นอย่างนั้นพี่แซมคงจะลำบากไม่น้อยที่จะต้องออกไปนอนที่อื่น บางทีถ้าผมไม่กลับเข้าไปอีกพี่แซมก็จะกลับมานอนที่ห้องได้เหมือนเดิม ที่สำคัญ
ไม่มีตัวน่ากลัวอย่างผมอยู่ด้วย...
ผมเงยหน้ามองตึกสูงที่เป็นที่อยู่ของตัวเองมานานก่อนจะตัดใจหันหลังเดินจากมา โอกาสที่ผมคิดว่าคงพอมีความจริงแล้วมันอาจจะไม่เคยมีอยู่เลยก็ได้
ผมเดินเอือยๆไปตามฟุตบาท แต่ไม่ได้ไปไหนไกลนักคิดว่าคืนนี้คงต้องหาที่หลบฝนที่ตั้งเค้ามาแต่ไกล พรุ่งนี้เช้าพอเป็นคนแล้วค่อยกลับบ้านของตัวเองเสียที ผมคงไม่เหมาะที่จะใช้ชีวิตข้างนอกเหมือนคนอื่นๆเพราะผมมันไม่ปกติ กลับบ้านคราวนี้ผมควรย้ายตัวเองกลับเข้าไปเรียนในบ้านเหมือนเดิมดีไหมนะ เพราะถึงอยู่ข้างนอกไปก็ดีแต่จะทำให้คนเขากลัวกันเปล่าๆ
เดินออกมาไม่ไกลเท่านักผมก็เจอที่นอนสำหรับคืนนี้น่าตลกที่มันเป็นป้ายรถเมล์เหมือนเมื่อตอนนั้นถึงแม้จะคนละที่กันก็เถอะ ผมเลือกที่นั่งรอที่สุดท้ายพอได้ที่ปุ๊บผมก็กระโดดขึ้นไปขดตัวนอนอยู่บนนั้นนิ่งๆ ตอนนี้ผมเริ่มคิดถึงไอ้หนูยางที่พี่แซมซื้อมาซะแล้วสิ คิดถึงเตียงนอนนุ่มๆกับอกอุ่นๆ
คิดถึงพี่แซมจัง...
ทั้งๆที่บอกว่าจะอยู่ด้วยกันแท้ๆ ฮึก...ทำไมล่ะ...?
TBC ++++++++++++++++++++++++TALK.....
อีพี่เเซมทิ้งมะลิเเล้วววววว ใจร้ายยยยย มีใครอยากรับมะลิไปเลี้ยงม๊ายยยย ? ฮือออ เขียนเองก็สงสารน้อง เเต่น้องน่ารักเจลก็อยากรังแก ขยุ้มๆๆๆๆ
ปล.เเวะมาฝากก่อนจะหนีไปเที่ยวสงกรานต์ ตอนนี้เจลอยู่เชียงใหม่ค่ะ เห็นขุดลอกคูเมืองเเต่บอกเลยไม่น่าเล่นซักกะติีดเดียว สำหรับเพื่อนๆที่ไปเล่นน้ำก็ระมัดระวังกันด้วยนะค๊าาา (อย่าลืมซื้อฟ๊อกกี้ไปฉีดน้ำกันนะคะ หุหุ)
ปล2. ตอนนี้กำลังเเอบซุ้มทำตอนพิเศษรับสงกรานต์ เดี๋ยวจะเเวะเอามาเเปะ เเต่อาจจะหลังสงกรานต์นู้นนนนน ฝากติดตามด้วยจ้าาาา