ตอนที่ 13
รอแป๊บ อาจารย์ขอเลท 15 นาที อื้อ ผมพิมพ์ข้อความในไลน์ตอบไอ้พี่นิลไป ใจจริงอยากจะบอกว่าอีก 30 นาทีก็ไม่เป็นไร เรียนๆไปเถอะทั้งวันทั้งคืนเลยก็ได้
“อีออย กูมีเวลา 15 นาที กูจะหนีไปไหนดีวะ ?” ผมถามอีออยที่มานั่งรอไอ้พี่นิลเป็นเพื่อนผมที่เก่าที่เดิมโต๊ะหินอ่อนหน้าคณะ วันนี้มีสองคนครับอีกสองหายต๋อม ความจริงอีออยมันมารอพี่ปืนครับถึงมันจะอ้างว่าไม่อยากให้ผมอยู่คนเดียวก็เถอะ ผมรู้ครับ อุว่ะฮ่าๆๆๆๆ
“ประสาทแดกหรอมึง”
“กูไม่พร้อมอ่ะ ไม่พร้อมๆๆๆ”
“แค่ไปกินข้าวที่บ้านผัวจะอะไรนักหนา กูเห็นโวยวายมาตั้งแต่เช้าทำไมไม่บอกพี่มันไปล่ะว่าไม่พร้อม -..-” อีออยตอบเหวี่ยงๆ ใช่สิก็มึงเล่นเข้าออกบ้านพี่ปืนเหมือนเป็นบ้านตัวเองแล้วหนิ มึงก็รอดสิ ส่วนผมนี่ครั้งแรกเลยครับ
นับจากวันที่ไปหาน้องจัสมินแมวน้อยของผม (?) หลังจากวันนั้นมาก็อาทิตย์กว่าๆไอ้แมวเถื่อนของผมก็โดนที่บ้านเรียกตัวให้กลับบ้าน แล้วที่ต้องหนีบผมไปด้วยก็เพราะที่บ้านพี่มันอยากเจอผม แล้วความชั่วของไอ้พี่นิลก็คือ พี่มันเพิ่งบอกผมเมื่อเช้าครับ เมื่อเช้าก่อนจะเข้าเรียนคาบแรกแล้วเวลานัดคือเย็นวันนี้ ! พอผมถามว่าทำไมไม่ไปบอกตอนถึงหน้าบ้านเลยล่ะ พี่มันก็บอกให้ผมลืมไปซะแล้วจะไปบอกใหม่ตอนถึงหน้าบ้าน ดูมันๆๆๆ แล้วอย่างนี้ผมจะไปเตรียมตัวเตรียมใจทันได้ยังไง เลยต้องมางอแงใส่อีออยจนหวิดจะโดนด่าอยู่หลายครั้ง
“ก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงนี่ แล้วพ่อแม่พี่มันดุหรือเปล่าก็ไม่รู้” ผมพูดเสียงอ่อย เริ่มไถลตัวไปกับโต๊ะอย่างคนหมดแรง
“ไม่ดุหรอกมั้งก็พวกเขาอยากเจอมึงหนิ หรือไม่บางทีนี่อาจจะเป็นแผนลวงไปฆ่า ข้อหาทำลูกชายเขาหมดอนาคต”
“อีออย !!”
“ฮ่าๆๆๆ มึงก็คิดมากไป ไม่มีอะไรหรอก ไม่มีหรอกเรื่องแม่ผัวเขม่นลูกสะใภ้ เรื่องรับไม่ได้ลูกชายเป็นเกย์ อะไรแบบนั้นไม่มีหรอกๆ”
“มึงหยุดพูดก็ดีนะ -..-” ยิ่งฟังผมยิ่งจิตตก ถ้าแม่พี่มันไม่ชอบผมขึ้นมาแล้วกางเล็บข่วนผม ผมคงสู้ไม่ได้ TT หรือจะหากระพรวนสวยๆไปฝากดีนะ หรือของเล่นแมวดี ? ฮือออ คิดไม่ออกเลยยย
“แล้วมึงตอนไปบ้านพี่ปืนครั้งแรกเป็นไงบ้าง” ผมถามขอแนวทาง จะได้เตรียมตัวถูกอย่างน้อยก็แผนรับมือแม่ผัว
“ไม่เป็นไง บ้านพวกกูรู้จักกันอยู่แล้ว” มันตอบ ผมแอบเห็นนะว่ามันหน้าแดงนิดๆ
“น้องออยยยยย พี่ปืนเรียนเสร็จแล้วค้าบบบบบ” นั่นไงพูดถึงปุ๊บก็มาปั๊บ อีออยที่เหมือนจะกำลังอายเมื่อครู่หน้าตาตื่นแล้วเปลี่ยนหน้าเป็นเคร่งขรึมทันที อะไรมันจะขนาดนั้น
“หยุดแหกปากได้แล้ว !! อายคน”
“ถ้าน้องออยไม่ให้พี่แหกปาก งั้นกลับบ้านไปให้พี่แหกอย่างอื่นกันเถอะ ไปครับๆ”
“หือ ??” ผมหันไปยักคิ้วหลิ่วตาใส่อีออยที่กำลังแผ่แม่เบี้ย
“ไอ้เชี่ยพี่ปืน”
“ไม่เอา ด่าผัวไม่เจริญนะครับ”
“ผัวววว ???” ผมลากเสียงยาวล้ออีออยที่อ้าพะงาบๆเหมือนคนหายใจไม่ออกรังสีทะมึนเริ่มเข้าครอบงำ รู้สึกเหมือนจะเห็นสายฟ้าฟาดเปรี๊ยะๆด้วย คาดว่าวันนี้พี่ปืนคงเจ็บหนัก ฮ่าๆแต่สนุกผมล่ะครับเพราะมันไม่เคยยอมรับหรือเล่าเรื่องพี่ปืนให้ฟังเลย พวกผมก็ไม่ถามครับเพราะรู้ๆกันอยู่ แล้วตอนนี้ก็รู้แจ้งเลยล่ะครับ คึคึ
“เอาแต่หัวเราะคนอื่นเขา เราก็ไปกันได้ละเดี๋ยวสาย” ผมแทบช็อคเลยครับ ไอ้พี่นิลมันมาตอนไหนไม่รู้เดินเข้ามาหยิบกระเป๋าผมที่วางอยู่บนโต๊ะเปิดออกแล้วยัดชีทเรียนกับปากกาอีกหนึ่งด้ามของตัวเองเข้ากระเป๋าผม ก่อนจะโยนกลับมาให้ผมถือ ผมก็รับไว้นิ่งๆ ปกติคงจะด่าจนกว่าพี่มันจะเอาไปถือแต่คราวนี้ด่าไม่ออกครับ เพราะเอาแต่ขำอีออยจนลืมเรื่องของตัวเองไปเลย
“ไม่ด่า ?” พี่มันเลิกคิ้วถาม
“....” ผมเงียบแล้วออกเดิน ไม่ได้โกรธหรืออะไรหรอก แค่กำลังรวบรวมสมาธิเตรียมรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันอยู่เพราะผมถือคติที่ว่าสติมาปัญญาเกิดครับ แต่ตอนนี้ทั้งสติและปัญญาของผมเหมือนจะจับมือกันไปเที่ยวพักร้อนหมดแล้วฮือ~~~~
พรึ่บ!
“อ๊ะ !” กระเป๋าของผมถูกแย่งไปถือโดยคนที่เดินขึ้นมาเคียงข้าง มือใหญ่วางแปะลงบนหัวผมแล้วลูบเบาๆ เหมือนลูบหัวหมา (?) ปากก็ฮำเพลงงุงงิง
“ไอ้เตี้ยตื่นตูม ~~ ไอ้เตี้ยตื่นตูม ~~~~” นี่แหละครับเพลงพี่มัน ใส่ทำนองอะไรเข้าไปไม่รู้แถมยังโยกหัวผมไปมาให้เข้ากับจังหวะมันอีก
“เพลงแม่งเหมือนหน้าตามึงเลยว่ะ”
“?”
“เหี้ยไง”
โป๊ก !
“โอ๊ย ! เหี้ยมันเจ็บนะ” พี่มันเขกหัวผมครับแรงด้วย TT
“ที่บ้านกูไม่ชอบคนพูดคำหยาบ” เสียงทุ้มพูดจริงจัง
“จะ...จริงหรอ ?”
“เออ เพราะงั้นเก็บหมาในปากมึงให้หมด” พี่มันแยกไปขึ้นรถทางฝั่งคนขับ ผมก็ก้าวขึ้นไปอีกด้าน เรื่องพูดเพราะคงไม่เป็นปัญหาเพราะตั้งแต่คบกันผมก็ไม่ค่อยพูดคำหยาบกับพี่มันเท่าไหร่ ถ้าพี่มันไม่กวนตีนผมแบบเมื่อกี้อ่ะนะ
“แล้วไงอีก แม่มึงชอบคนแบบไหนอีก”
“ก็ชอบ...คนพูดเพราะ น่ารัก ทำกับข้าวเก่ง งานบ้านเนี้ยบ แล้วก็ไม่แรด” รู้สึกเหมือนโดนหลอกด่าเลยแฮะ
“อ่า...อื้อ” ผมเริ่มคิดหนัก น่ารักหรอ ? ผมคิดว่าผมก็ได้อยู่นะ ส่วนเรื่องงานบ้านก็พอถูไถถือว่าเอาตัวรอดได้ ทำอาหารก็กินได้ไม่ตาย ส่วนเรื่องแรด ผมไม่แรดอยู่แล้ว
“แล้ว...แล้วถ้าที่บ้านมึงไม่ชอบกูล่ะ” ผมถามเสียงอ่อย ถึงจะคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรแต่ผมก็อดกังวลไม่ได้
“จิตตกหรอมึง ?” พี่มันเอื้อมมือมายีหัวผม
“ก็แล้วถ้า...”
“กูลืมบอกไปอีกอย่าง” พี่มันขัดขึ้นมา
“อะไร ?”
“ถ้ากูรักใครที่บ้านกูก็รักคนนั้น ^^” น้ำเสียงจริงจังกับมือใหญ่ที่เอื้อมมากุมมือผมไว้หลวมๆ แล้วคลึงนิ้วผมเล่นไปมา มันช่วยทำให้ผมรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจและสงบลงได้อย่างน่าประหลาด
“พี่มินนนน ^_^” เสียงจัสมินดังออกมาจากในบ้านพร้อมกับร่างเล็กๆที่มีหูแมวหางแมวสีขาวที่มีกระพรวนห้อยดังกรุ๊งกริ๊งเหมือนเดิม วิ่งออกมาหาผมที่หน้าบ้าน ยังโมเอะเหมือนเดิมเลยน๊า ~~
ผมเดินคุยเล่นกับจัสมินเข้าไปในบ้านโดนมีพี่นิลเดินตามหลังเข้ามาห่างๆ เห็นว่าความจริงวันนี้พี่แซมจะมาด้วยแต่ติดธุระเลยพลาดไป น้องเองก็ดูหงอยๆไปนิดแต่ไม่นานก็กลับมาร่าเริงได้เหมือนเดิม บ้านของพี่นิลเป็นบ้านหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์นแบบบ้านคนมีอันจะกินทั่วไป แต่ที่ใหญ่ว่าปกติหน่อยก็คงจะเป็นพื้นที่สวนหน้าบ้านกับความกว้างของบ้าน คิดว่าคงเอาไว้รับมือกับความซนของลูกแมวตอนเป็นเด็กๆ
“มาถึงกันแล้วหรอ?” ผมเงยหน้ามองเจ้าของเสียงทุ้มแหบติดโหดๆที่เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะก้มหน้าหงุด อ๊ากกก เมื่อกี้ก็คุยกับจัสมินเพลินจนลืมตัวอีกแล้ว (รู้สึกจะถูกล่อลวงง่าย)
“สวัสดีครับ” ผมยกมือไว้ก้มหัวอย่างนอบน้อมที่สุด ไม่กล้าเงยหน้ามองเลยแฮะ
“เอ้า !! ก้มอยู่อย่างนั้นจะได้เห็นหน้ากันไหมเนี่ย บ้านฉันไม่มีกบให้จับหรอกนะ”
อะจึ๋ย !
ผมสะดุ้ง อย่าเสียงดังสิครับผมขี้ตกใจนะแล้วเสียงคุณพ่อจะโหดไปไหน TT ได้แต่พูดในใจครับ ไม่กล้าพูดหรอก แค่เสียงยังโหดขนาดนี้ หน้าตาก็คงโหดไม่แพ้กัน แล้วถ้ารู้ว่าผมมาทำไมท่านไม่เอามีดมาแทงผมเลยหรอ หรือจะจับขังกรงเป็นหนูน้อยไว้แทะเล่น แค่คิดก็สยอง ~~~
“พ่อก็ไปแกล้งมัน มันยิ่งเพ้อเจ้ออยู่” เสียงพี่นิลครับ ฮือ มึงหายไปไหนมา พ่อมึงจะกินตับกูอยู่แล้ว TT
“ฮ่าๆๆๆ เหมือนหนูอย่างที่มึงว่าเลยว่ะ เอ้าๆเงยหน้าเป็นแมวไม่ใช่ผีโว้ยยย”
“เอ๋ ?” เงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้างงๆ พ่อไอ้พี่นิลไม่ได้แก่มากครับอยู่ในชุดเรียบร้อยปกติไม่มีหางแมวหูแมวโผล่ออกมาเหมือนจัสมิน และยังหนุ่มแน่นแถมยังอารมณ์ดีขนาดที่มีแรงมาแกล้งผม หน้าตาก็ไม่ต่างจากพี่นิลเท่าไหร่เรียกว่าอนาคตตอนไอ้พี่นิลแก่ก็คงเป็นแบบนี้แหละ ผมบู้หน้าด้วยความเคยตัวเวลาโดนแกล้ง จนพ่อมันขำก๊ากอีกรอบ
“เอาน่าๆ เห็นแล้วมันอดไม่ได้จริงๆ” คุณพ่อเอื้อมมือมาเหมือนจะยีหัวผมด้วยความเอ็นดู แต่ไม่ทันโดนตัวผมหรอกฮะ เพราะมีมือใหญ่ของคนข้างๆมาบังไว้ก่อน
“บ๊ะ กับกูยังหวง”
“งั้นผมกอดแม่”
“อยากโดนตอนก็ไป”
“(‘.’ )( ‘.’) (‘.’ )( ‘.’) ?” ผมเงยหน้ามองสองพ่อลูกที่ครางหึ่มๆใส่กันอย่างงงๆ เรื่องมันเปลี่ยนเร็วไปไหม? แล้วไหนจะสรรพนามที่เรียกกันนั่นอีก ไม่แปลกใจเลยว่าไอ้พี่นิลได้เชื้อเถื่อนมาจากใคร
“ไปหาแม่กันเถอะพี่มิน ปล่อยสองคนนี้ไป”
“แล้วจะไม่เป็นไรหรอ ?”
“ธรรมดาๆ ไปกัน”
“อื้อ” ผมเดินตามจัสมินเข้าไปทางห้องครัว มีผู้หญิงวัยกลางคนที่กำลังทำอาหารอย่างขะมักเขม้น คงเป็นคุณแม่สินะ ท่านยังดูสาวและยังดูสดใสแถมยังสวยมากๆด้วย ท่านอยู่ในชุดเรียบร้อยปกติไม่มีหูหางเหมือนกันกับคุณพ่อ ข้อสรุปคือบ้านนี้หน้าตาดีกันทั้งบ้าน
“แม่มินพาพี่มินมาหา”
“เอ๋ ? น้องมิน ~~~”
“สวัสดีครับ” ยกมือไหว้สวยงามอย่างไทย คุณแม่ในชุดผ้ากันเปื้อนวางมือจากงานตรงหน้าทิ้งให้จัสมินเข้าไปจัดการต่อ แล้วเดินปรี่เข้ามาหาผม
“น่ารักจังเลย คุณแม่คิดไว้แล้วว่าน้องมินต้องน่ารักมากแน่ๆ” คุณแม่เดินหมุนรอบตัวผม ผมก็ได้แต่ยืนนิ่งให้สำรวจกันไป ถึงจะงงๆกับสถานการณ์แต่ก็นะ แต่ก็สบายใจได้เรื่องการซดเกาเหลากับแม่สามี๊ ~~~
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ คุณแม่มีอะไรให้มินช่วยไหมครับ”
“น้องมินทำกับข้าวเป็นด้วยหรอลูก ?”
“พอได้นิดหน่อยครับ แต่ถ้าคุณแม่จะกรุณา ช่วยสอนมินด้วยนะครับ ^^” ผมยิ้มอ้อนเลยครับ ก็พี่นิลบอกว่าแม่พี่มันชอบคนทำอาหารเก่งแต่ผมไม่ค่อยสันทัดเท่าไหร่ที่ทำได้ก็พอกินๆไปกันตาย เพราะงั้นนี่เป็นวิธีแก้สถานการณ์ที่ดีที่สุด
“อ๊ายยย น่ารักจริงๆ มาๆ คุณแม่จะสอนนะคะ.....บลาๆๆๆๆ” แล้วผมก็ได้สูตรอาหารใหม่ๆมามากมาย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นของชอบไอ้พี่นิลทั้งนั้น
หลังจากมื้อเย็นที่แสนจะคึกครื้นจบลง โดยมีคุณพ่อแข่งเอาใจคุณแม่กับพี่นิล จัสมมินบอกสองคนนี้ชอบเป็นแบบนี้ประจำ ผมว่าก็น่ารักดีนะครับ ทุกคนมานั่งทานผลไม้กันอยู่ในห้องนั่งเล่นที่มีทีวีจอใหญ่อยู่ด้วย ผมคุณแม่และจัส มินครองโซฟาตัวใหญ่ครับ โดยมีคุณแม่นั่งตรงกลางและมีจัสมินที่ปล่อยหูและหางออกแล้วนอนหนุนตักคุณแม่อยู่ ส่วนผมก็นั่งอยู่อีกด้าน คุณพ่อกับพี่นิลก็นั่งคุยอะไรกันอยู่ไม่รู้ ดูๆไปแล้วก็เป็นครอบครัวอบอุ่นที่น่ารักมากๆ รู้สึกอายจังแฮะที่เผลอกังวลไปตั้งมากมาย แต่ความผิดมันก็ของไอ้พี่นิลบ้านั่นแหละ ! แกล้งหลอกให้กลัวทำไมไม่รู้ ไหนจะเรื่องแม่ผัวลูกสะใภ้จากอีออยอีก ไม่น่าไปฟังเลยจริงๆ
“คิดอะไรอยู่ หน้ายุ่งเชียว” เสียงคุณแม่ทำให้ผมหลุดจากภวังค์
“เปล่าครับ”
“อยู่กับพี่นิล น้องมินอาจจะลำบากสักหน่อยนะคะ”
“ครับ?”
“ก็พี่นิลน่ะสิ เป็นตัวแสบชัดๆ ขี้แกล้งก็ที่หนึ่งไหนจะเรื่องเอาแต่ใจอีกเหมือนคุณพ่อของเขาไม่มีผิดเลย”
“ฮ่าๆ ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” ผมอดขำกับท่าทางเข่นเขี้ยวของคุณแม่ไม่ได้ ดูท่าว่าท่านคงจะโดนสองพ่อลูกนี้แกล้งบ่อยๆ
“ฮึ่ย ถ้าน้องมินโดนพี่นิลแกล้งมากๆบอกคุณแม่นะคะ แล้วหนีมานอนกับคุณแม่เลยนะ”
“ได้ครับ ^_^”
“ไอ้นิลมึงเอาเมียมึงออกไปห่างๆเมียกูหน่อย ถึงเป็นเมียแต่ก็ผู้ชายจะอ้อนเกินไปละ” เสียงคุณพ่อขู่เข้มๆ ก่อนจะฉุดมือคุณแม่ให้ลุกขึ้นจนจัสมินที่นอนหนุนอยู่หล่นปุบลงบนโซฟา ร้องโวยวายจนคุณแม่ต้องเข้าไปดู แล้วส่งสายตาชิ้งๆให้คุณพ่อ
“คุณแม่ฮะ คุณพ่อแกล้งมินอ่า..” จัสมินออเซาะ กับจัสมินดูเหมือนคุณพ่อจะไม่ค่อยกล้าทำอะไรมาก ได้แต่ส่งสายตาหงุดหงิดไปให้เพราะว่าโดนคุณแม่เอ็ด น้องก็ยิ้มแผล่กลับมาไอ้พี่นิลก็หัวเราะ หึหึ เอ่อ...ทำไมผมรู้สึกว่าคนที่น่าสงสารที่สุดในบ้านตอนนี้จะเป็นคุณพ่อกันนะ
“พอๆ ไปนอนได้แล้วที่รัก ดึกแล้วนะ” เหมือนความอดทนของคุณพ่อจะถึงขีดสุดถึงได้เข้าไปรั้งเอวบางๆของคุณแม่ให้ออกมาจากจัสมินที่เหมือนจะเล่นไม่เลิก
“จะรีบนอนไปไหนคะ?”
“ผมหิวอีกแล้วล่ะ รีบไปนอนกันเถอะ”
“เอ๋ ? ก็เพิ่งทานไปเองนี่นา...”
“ผมอยากทานคุณพิมพ์ราดซอสขาวขุ่นหนิ หึหึ” ว่าแล้วก็ตวัดร่างคุณแม่ขึ้นอุ้มแล้วเดินขึ้นชั้นสองของบ้านไป ไม่สนใจเสียงโวยวายของคุณแม่เลยสักนิด อ่า...ผมไม่สงสัยอีกแล้วครับว่าความหื่นของไอ้พี่นิลนี้ได้แต่ใดมา
“ซอสขาวขุ่น ? อะไรอ่ะ ??” จัสมินทำหน้าเหรอหราหันมาถามผมที่นั่งหน้าแดงกับฉากหวานแววของคุณพ่อคุณแม่เมื่อครู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น >////<
“ไปถามไอ้แซมสิ หึหึ” ไอ้พี่นิลตอบน้อง แล้วเหมือนน้องจัสมินจะหน้าแดงขึ้นมาโดยอัตโนมัติ แสดงว่าเข้าใจแล้วสินะ เด็กเอ๋ยเจ้าจงเติบใหญ่
“งั้น...เค้าไปนอนแล้วนะ” แล้วน้องจัสมินที่เปลี่ยนสรรพนามแทนตัวมาเป็น ‘เค้า’ เพราะจะได้ไม่งงเวลามีผมอยู่ด้วย ก็วิ่งหนีขึ้นห้องไปเลยเหมือนกัน ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเหลือแต่ผมกับไอ้พี่นิล สถานการณ์เหมือนไม่ค่อยปลอดภัยแล้วสิ ชิ่งดีกว่า
“งะ...งั้น กูก็ไปนอนแล้วนะ อ๊ะ !” ยังไม่ทันได้ลุกหนีผมก็โดนไอ้พี่นิลจับอุ้มพาดบ่าอีกแล้วครับ
“กูก็อยากกินนะ...”
“อะ...อะไร?”
“มินราดซอสขาวขุ่น หึหึ”
“ม๊ายยยยย ~~~~~~~”
.
.
ผับๆๆๆๆๆๆๆๆ
“อึก ! อ๊ะ...อ๊าส์ เบาหน่อย...ละ...ลึกไปแล้ว...อื้อ ~~~”
“อ่า..ส์ อีกนิด”
“มะ...ไม่ไหวแล้ว อ๊า..ส์”
ผมร้องสุดเสียงก่อนจะปล่อยออกมาหมดแม๊กส์ ร่างสูงใหญ่ที่ซ้อนด้านหลังกระแทกเข้ามาอีกสองสามครั้งก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆผมที่นอนคว่ำหน้าอยู่ ผมปรือตามองหน้าพี่นิล วันนี้ผมไม่ให้พี่มันอยู่ในร่างครึ่งคนครึ่งแมวครับ เพราะไม่งั้นพรุ่งนี้ผมคงลุกไม่ไหวแน่ แต่พอพี่มันอยู่ในร่างคนปกติแล้วไม่มีหูมีหางให้จับเล่น ไม่ชินเลยแฮะ
“อาบน้ำไหวไหม?” เสียงทุ้มถาม ยกมือขึ้นเกลี่ยปอยผมของผมให้ออกไปจากใบหน้า
“มินง่วงแล้ว...” ผมหลับตาใส่ ไม่ไหวจริงๆครับ ถึงจะร่างคนปกติแต่ก็หนักหนาเอาเรื่อง
“เดี๋ยวเช็ดตัวให้ นอนซะ”
“อื้อ...”
ผมปล่อยให้พี่นิลพลิกตัวผมไปมา จนทำอะไรเสร็จสรรพพี่มันก็สอดตัวเข้ามานอนข้างผม แขนแกร่งสอดเข้ามารองให้ผมนอนหนุนเหมือนทุกคืน ผมก็ซุกหน้าเข้าอกพี่มันเหมือนที่ชอบทำประจำ
“ครั้งหน้า ไปบ้านมินนะ...”
“ครับ”
“รัก” ประโยคสุดท้ายพวกเราพูดพร้อมกัน ก่อนที่ผมจะหลับตาลงไปพร้อมกับรอยยิ้ม วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ผมมีความสุข และผมคิดว่าผมจะมีความสุขในทุกๆวันที่มีพี่นิลอยู่ข้างๆ ตอนนี้ผมมั่นใจแล้วครับแล้วก็กล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำด้วยว่าผมรักคนที่กอดผมอยู่ตอนนี้ แต่ถ้าถามว่ารักแค่ไหน ผมเองก็คงไม่สามารถตอบได้เพราะผมรู้แค่ว่าผมรัก ^^
เรื่องราวของเรานับจากนี้อาจจะมีทั้งสุขและเศร้า แต่ผมก็มั่นใจว่าพวกเราจะสามารถผ่านมันไปได้และผมจะกลายเป็นคนที่น่าอิจฉาที่สุดในโลก เพราะผมจะมีความสุขในทุกๆวัน และคนที่จะทำให้ผมมีความสุขคงเป็นใครไปไม่ได้
นอกจาก...คุณแมวของผม ^_^++++++++++++++++++++++++THE END+++++++++++++++++++++++++++
TALK...
จบเเล้วจ้าาาา ในที่สุดก็มาถึงตอนจบเเล้ว อาจจะหลายตอนไปนิดจนเริ่มไม่เเน่ใจว่าใช่เรื่องสั้นหรือเปล่า เเต่ก็จบลงด้วยดี เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องหลายตอนเรื่องเเรกที่เจลเขียนจนจบ ส่วนสำคัญที่ทำให้เรื่องมาถึงตอนนี้ได้ก็เป็นเพราะกำลังใจจากผู้อ่านทุกท่าน อาจจะมีติดขัดไปบ้าง เพราะเจลยังมือใหม่มากๆ เจลขอขอบคุณทุกรีพาย ทุกกำลังใจ เเละทุกการติดตามมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ปล.ตอนพิเศษ เเละ side story ของพี่เเซมเเละจัสมินจะทยอยลงเรื่อยๆนะคะ