แอบรัก 16
(มิน)
ผมนอนไม่ค่อยหลับเพราะความเหนื่อยล้าจากการทำงาน และมีเรื่องให้คิดหลายอย่าง สมองกลับมาคิดวกไปวนมาแต่เรื่องเดิมๆ ทำไมผมถึงกลายเป็นแบบนี้ก็ไม่รู้ อยากจะหนีจากความรู้สึกบ้าๆ นี้สักที ผมนอนพลิกตัวไปมาบนที่นอนจนเข็มนาฬิกาบ่งบอกว่าจวนเจียนจะตีหนึ่งแต่ผมก็ยังไม่หลับ ลุกขึ้นนั่งหยิบเครื่องมือสื่อสารที่วางไว้ข้างเตียงนอนขึ้นมาเช็คดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย ที่จริงผมไม่ใช่คนติดโลกโซเชียล แค่สมัครไว้เพื่อให้ตนเองรู้ว่ามีและเอาไว้ดูความเปลี่ยนไปของโลกหลายๆ อย่างก็เท่านั้น เปิดดูไปแทบจะหมดทุกอย่างแต่ก็ยังไม่ง่วง นั่งดูรูปภาพที่บราวนี่อัพในแต่ละวัน ไม่รู้ว่าจะอัพอะไรนักหนา ไม่ว่าจะไปกิน เที่ยว ที่ไหนก็จะอัพเดทตลอด รูปในเฟสบุ๊คของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าพันรูป ส่วนของผมน่ะเหรอ มีแค่รูปที่ตนเองตั้งเป็นรูปหน้าโปรไฟล์ และรูปที่บราวนี่แท็กมาให้ก็เท่านั้น
วันนี้แม่ผมไม่อยู่บ้านตามเคย เดินสายเที่ยวทำบุญตลอด จนตอนนี้ผมชักจะคิดแล้วว่าตนเองอยู่บ้านหลังนี้แค่คนเดียวกับหมาอีกหนึ่งตัว เพราะแม่อยู่แทบจะไม่ติดบ้าน มาไม่ถึงอาทิตย์ก็ไปอีกแล้ว แทบจะกลายเป็นวัฏจักรชีวิตของแม่ไปแล้ว
เสียงโครมครามดังมาจากด้านล่าง เป็นอีกครั้งที่ผมทำอะไรไม่ถูก เพราะคราวนี้มันดังมากกว่าครั้งที่แล้ว ผมไม่กล้าลงไปดูเพราะกลัวจะเป็นขโมย ได้แต่นั่งนิ่งๆ คอยฟังว่าเสียงว่าตอนนี้ดังไปไกลรึยัง แต่เปล่าเลยผมได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตรงขึ้นมายังชั้นสองของบ้าน อาจจะเพราะความเงียบในตอนกลางคืนจึงได้ยินมันอย่างชัดเจน
เจ้าปลาทองมันไม่เห่าอีกตามเคย คิดได้เท่านั้นสมองผมก็พลันคิดไปถึงอีกคนที่เวลามาบ้านผมทีไร เจ้าปลาทองมันจะไม่เคยเห่า แถมยังทำเหมือนญาติดีกับเขาอีกต่างหาก ผมรีบตรงไปยังประตูห้องของตนเอง ก่อนที่จะสำรวจว่าล็อกมันดีรึยัง เพราะปกติผมแทบจะไม่ล็อกห้องนอน พอแน่ใจแล้วว่าล็อกดีแล้วก็กลับมานั่งที่เดิม คอยฟังเสียงของบุคคลภายนอก ถ้าเป็นเขาจริงๆ อย่างที่ผมคิด เขามีกุญแจเข้าบ้านผม แต่กุญแจห้องน่าจะไม่มี ที่เข้ามาห้องผมได้คราวนั้นเพราะผมไม่ได้ล็อกประตู แต่คราวนี้ไม่มีทาง
และแล้วก็ทำให้ผมรู้ว่าสิ่งที่คิดไว้มันผิด เสียงลูกบิดประตูดังคลิกหนึ่งที ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงคนผลักประตูเข้ามา เป็นเขาจริงๆ เขาที่ไม่เหลือมาดของผู้ชายจอมเนี๊ยบอยู่เลย
“มินจ๋า...มินของเพ่...” เสียงอ้อแอ้ของร่างสูงใหญ่ พร้อมๆ กับขาที่เดินเซจนแทบจะขวิดกันตรงมายังที่ผมนั่งอยู่ กลิ่นเหล้าราคาแพงเหม็นหึ่งจนผมแทบจะอ้วก ทำไมเขาถึงเมาขนาดนี้นะ
“มินนนน...เอิ้กกก...จายยยร้าย เพ่ร้ากมินน” เขาพุ่งตรงมายังผมก่อนที่จะสะดุดขาตนเองล้มลงกับพื้น ปากก็พร่ำเพ้อไปเรื่อย ไม่รู้ว่าผมควรสงสารหรือว่าสมเพชดี ผมยังคงนั่งมองท่าทางของคนที่เมาจนแทบจะไม่รับรู้อะไร แล้วยังสามารถเข้ามาบ้านผมได้อีก
“.........”
“มินนนม่ายรักเพ่แล้ว....ร้ากกกกมันแล้วสินะ เอิ๊กกกก อ้ากก”
“จายร้ายย...จางเลยน้าคนดีของเพ่ ฮ่าๆๆ สมน้ามหน้า...เมิงแล้วอ้ายซองงง เอิ้ก เมิงง...เลวเอง เจงหมาย...น้องมินนน ฮ่าๆ ฮึก...” ผมนั่งมองคนที่เพ้อไม่ได้สติอยู่อย่างนั้น จ้องมองเขาว่าเขาทำแบบนี้เพื่ออะไร พยายามหาคำตอบให้ตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถเข้าใจมันได้ เขานั่งพูดไปเรื่อย ถ้าผมมองไม่ผิด น้ำตาของเขากำลังไหล ต่างจากท่าทางของคนเมาที่ทำทีเหมือนหัวเราะเยาะเรื่องของตนเอง น้ำตาที่ไหลลงจากหางตาเรียวเป็นสายราวกับจะขาดใจ แต่เขายังคงหัวเราะมันอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงรู้สึกผิด ทั้งๆ ที่มันก็สมควรที่จะเป็นแบบนี้แล้วไม่ใช่เหรอ ควรจะสะใจที่เขาเป็นแบบนี้ ให้เขาเจ็บมากๆ เหมือนที่ผมเคยเจ็บ แต่ความ รู้สึกของผมตอนนี้ทำไมมันถึงเจ็บมากกว่าทุกครั้ง
‘ยิ้มสิ หัวเราะสะใจที่ผู้ชายตรงหน้าแทบจะบ้าเพราะผมสิ’
“มินนจ๋า....ร้ากกเพ่ไหม๊....ม่ายช่ายยยยๆ เกลียดเพ่ เอิ้กกกก....มากไหม๊ ฮ่าๆๆ” เขาดื่มไปเยอะเท่าไหร่ทำไมถึงเมามากมายขนาดนี้ มาพูดบ้าแบบนี้ทำไม
“กลับบ้านคุณไปเถอะ” เป็นประโยคแรกที่ผมพูดกับเขา คนเมาหันมามองหน้าผม ยิ้มให้ผมทั้งน้ำตา
“มินนนเจงๆๆ...เหรอ เพ่ฝันนดี ฮ่าๆๆ”
“กลับไปได้แล้วครับ อย่าทำแบบนี้” ผมพยายามเกลี้ยกล่อมคนเมาทั้งๆ ที่ก็รู้ว่ามันคงไม่ได้ผล คนเมาขนาดนี้จะรับรู้อะไร
“ขนาดในฝัน..ยางจายร้าย ฮ่าๆ ” มือหนายกขึ้นมาจับใบหน้าเล็กของผม เขามองผมจ้องอยู่อย่างนั้น ก่อนที่จะโน้มใบหน้าตัวเองเขาหาริมฝีปากบางของผม ผมขยับเพื่อไม่ให้เขาเอาริมฝีปากมาโดนปากของผม มือเล็กผลักอกแกร่งออกแรงๆ จนเขาฟุบลงกับพื้น
“แค่ในฝัน...ยางจูบบม่ายย...เอิ้ก..ด้ายเลย อึก” เขาร้องให้อีกแล้ว มือก็ไขว่คว้าสะเปะสะปะ จนผมต้องพยุงเขาให้ขึ้นมานั่งดีๆ อยากให้เขาเมาแล้วหลับไปเลยยังจะดีซะกว่า แต่นี่เมาแล้วเพ้อไปหมดทุกอย่าง
“ขึ้นไปนอนบนที่นอนดีๆ ครับ” ผมคงไม่มีทางพาเขากลับบ้านได้หรอก แค่จะพยุงคนเมาให้นั่งตัวตรงๆ ยังไม่ได้เลย ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ให้เขานอนที่นี่แหละ ส่วนผมจะลงไปนอนห้องแม่ผมเอง ตัดสินใจได้ดังนั้นผมจึงลากคนเมาที่ตอนนี้ตัวอ่อนปกเปียกขึ้นมาบนเตียงนอน
“เพ่ร้ากกก...น้องมินน ฮ่าๆๆ” กว่าที่ผมจะลากเขาขึ้นมาบนเตียงนอนได้เล่นเอาผมแทบหมดแรง
คำว่ารักที่หลุดออกมาจากปากคนเมาเป็นระยะ ไม่รู้ว่าที่พูดนี่พูดจริงหรือแค่หวังอะไร ถึงแม้มันจะมีผลกับใจของผม แต่ผมก็ไม่มีทางที่จะกลับไปเป็นแบบเดิมอีกแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะเจ็บก็ขอเจ็บแค่ตอนนี้ ไม่อยากให้มันเรื้อรังไปมากกว่านี้ แล้วไม่มีทางหายตลอดชีวิต
เขานอนแผ่หราที่เตียงนอนเล็กของผม ปากก็พูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อย ตัดพ้อผมบ้างในบางที แต่ก็ช่างเถอะ เราไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว ที่ยังช่วยเหลืออยู่ตอนนี้เพราะเห็นว่าเคยเป็นพี่เป็นน้องกันก็เท่านั้น ผมค่อยๆ ถอดรองเท้าและถุงเท้าให้คนเมาได้นอนหลับสบายๆ ไม่รู้ว่าเพราะหมดแรงหรืออะไร เขาถึงเงียบไปแล้ว แต่เขาไม่ได้หลับ ยังคงลืมตามองเพดานแต่ไม่เพ้อแล้ว
ผมลุกขึ้นไปหากะละมังและผ้าขนหนูเพื่อที่จะเช็ดตัวให้เขา ผ้าขนหนูผืนเล็กจุ่มลงไปในน้ำเปล่าก่อนที่จะบิดจนหมาด แล้วเริ่มซับตรงใบหน้าของคนที่นอนลืมตาอยู่บนเตียงนอน สายตาเขาเหลือบมองผมแทบจะตลอดเวลา ผมไม่รู้ว่าเขารู้สึกตัวหรือสร่างเมาแล้วรึเปล่า แต่เมื่อเขาไม่พูดผมก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ เช็ดทั้งหน้าแล้วก็ตัวให้กับเขา แต่ผมไม่ได้ถอดเสื้อเขาออกหรอก แค่เลิกมันขึ้นไว้ตรงหน้าอกแกร่งทั้น
“ฝันสินะ” ประโยคแรกที่เขาพูดหลังจากที่เงียบไปนาน จนผมต้องละมือจากการเช็ดตัวให้กับเขา แล้วเงยหน้ามองคนที่พูดเหมือนตัวเองอยู่คนเดียว
“ขอให้ฝันดีแบบนี้ไปนานๆ” เขาปิดเปลือกตาลงแล้ว ยังคงมีแต่ผมที่นั่งนิ่งกับคำพูดของคนเมา ทั้งๆ ที่เขาพูดราวกับละเมอ แต่ผมกลับเก็บมันมาคิดใส่ใจราวกับว่ามันออกมาจากใจเขา ร่างสูงใหญ่คงหลับสนิทไปแล้ว เพราะเสียงกนที่ดังแผ่วออกมาสม่ำเสมอ ผมนั่งมองเขาอยู่แทบจะตลอดเวลา จากที่คิดว่าถ้าเขาหลับแล้วผมจะออกไปนอนอีกห้องก็ไม่ได้ไป นั่งเฝ้าคนที่บางทีก็หลับสนิทราวกับว่าไม่มีเรื่องในใจ แต่บางครั้งเขากลับละเมอเพ้อตลอด แม้แต่น้ำตาของเขาก็ยังไหลจนผมไม่สามารถทิ้งเขาให้อยู่คนเดียวได้ด้วยความเป็นห่วง
“คืนนี้มินจะดูแลพี่เอง หลับให้สบายนะครับ” ผมพูดกับคนที่หลับสนิท มือบางของผมลูบไล้ใบหน้าคมคร้ามของคนที่ครั้งหนึ่งผมเคยรักเขามาก ตอนนี้ไม่ใช่ว่าไม่รักแต่ไม่อยากเจ็บ จำต้องห้ามหัวใจที่ไม่รักดีให้ไม่คิดเกินเลยไปกับคำพูดหวานๆ ของคนเมา
“ถ้าพี่รักมินทำไมต้องทำร้ายความรู้สึกของมิน ทำไมพี่ถึงทำเหมือนรังเกียจ ถ้าพี่ไม่ทำแบบนั้นทุกอย่างคงเลวร้ายแบบนี้หรอก” ผมนั่งพูดกับคนหลับทั้งคืนเหมือนคนบ้า เผลอร้องให้ออกมาเพราะความอึดอัดก็หลายครั้ง จนเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ยังไม่รู้เลย
(ซอง)
ผมรู้สึกตัวขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัว จำแต่เพียงว่าเมื่อวานตัวเองไปดื่มที่ร้านคนเดียว ดื่มไปเยอะจนไม่รู้ว่าขับรถกลับมาบ้านได้ยังไง ผมนอนหลับตาเพื่อคลายความปวดหัวของตนเองให้ทุเลาลง สงสัยคงต้องไปหาอะไรดื่มแก้แฮงค์ซะแล้ว ดีหน่อยที่วันนี้เป็นวันอาทิตย์จะได้หลับพักผ่อนยาวๆ จำได้ว่าเมื่อคืนผมฝัน ถ้าจะบอกว่าเป็นฝันดีก็ไม่เชิง แต่ในควมฝันน้องไม่ได้มีท่าทีรังเกียจผมมากเหมือนความเป็นจริง อย่างน้อยน้องก็ยังดูแลผมถึงผม้ว่าจะไม่ได้เต็มใจ ผมหลับตานึกถึงฝันดีเมื่อคืนที่ผ่านมา ไม่อยากตื่นมารับรู้เลยว่าความจริงแล้วเราสองคนยังเป็นคนแปลกสำหรับกันและกันอยู่
ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก เพราะความปวดหัวที่แล่นจี๊ดเข้าไปในสมองพร้อมๆ ความปวดที่หน่วยตาของตนเอง รู้สึกเหมือว่าตาจะบวมๆ ด้วยซ้ำไป นี่ผมเมามากจนตาบวมเลยเหรอ ไม่เคยเป็นแบบี้เลย
ผมพยายามปรับสายตาให้เข้ากับแสง ก่อนที่จะสะดุดเข้ากับร่างเล็กของอีกคนที่นอนอยู่บนเตียงข้างๆ ผม น้องยังคงหลับสนิท ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมนอนที่ห้องมิน แต่ไม่รู้หรอกมาอยู่นี่ได้ยังไง ขับรถกลับมาถึงบ้านตัวเองได้ยังไงยังไม่รู้เลย ถ้าอย่างนั้นเรื่องเมื่อคืนอาจจะไม่ใช่ความฝันสินะ
"มินพี่ขอโทษ" ผมพูดกับร่างเล็กที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง ไม่อยากใหเขาตื่นมาเลย กลัวว่าจะต้องทะเลาะกันใหญ่โตอีก หรืออาจจะมีแต่ผมที่บ้าอยู่คนเดียว
ร่างเล็กขยับตัวสองสามทีก่อนที่จะเปิดเปลือกตาที่ปิดสนิทก่อนหน้านี้ขึ้น เขาหันมามองผมด้วยสายตาที่ว่างเปล่าเฉยชา ไร้ความรู้สึกสิ้นดี
"ตื่นแล้วก็กลับบ้านคุณไปสิ มานั่งที่บ้านคนอื่นแบบนี้ทำไม" นี่คงเป็นคำทักทายแรกของวันใหม่สินะ มันช่างเจ็บปวดดีเหลือเกิน
"ตื่นมาก็ไล่พี่เลยเหรอ"
"ผมไม่ได้ไล่แต่นี่มันบ้านผม ห้องนอนผม คุณเมาไม่รู้เรื่องแถมยังบุกเข้าบ้านคนอื่นยามวิกาลอีก ผมไม่แจ้งความข้อหาบุกรุกก็ดีเท่าไหร่แล้ว" คำพูดเรียบๆ ไม่แสดงความโมโหหรือโกรธนี่เจ็บปวดดีจริงๆ เลย เพราะเขาทำเหมือนผมเป็นคนอื่น เขาเลยไม่แสดงความโกรธความเกลียดออกมาสินะ
"คุยกับพี่ก่อนไม่ได้เหรอมิน"
"ผมว่าเราไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกันนะครับ" น้องพูดก่อนกับลุกขึ้นยืน พร้อมที่จะก้าวเดินออกไปจากห้อง ไวกว่าความคิดมือหนาของผมยื่นไปจับแขนเล็กไว้ทันที แต่ไม่ได้กระชากหรือดึงเพราะกลัวว่าน้องจะเจ็บ
"ปล่อยครับ"
"คุยกับพี่ก่อนนะคนดี ขอร้อง จะให้พี่ทำยังไงก็ได้ ขอแค่มินให้โอกาสคนเลวๆ แบบพี่ได้ไหม"
"ผมไม่มีโอกาสที่จะให้คุณอีกแล้ว เรื่องของเรามันจบไปนานแล้ว พร้อมๆ กับความรู้สึกของผมที่เคยมีต่อคุณ" ผมพยายามรั้งร่างเล็กเข้ามากอด แม้ว่าเขาจะดิ้นหนีก็ตาม
"ปล่อยผมครับ"
"พี่ขอโทษมิน พี่ขอโทษนะ" แม่งเอ้ยน้ำตาผมมันพาลจะไหลอีกแล้ว ตั้งแต่เกิดเรื่องนี่ผมร้องให้บ่อยเกินไปแล้ว ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเสียน้ำตาเพราะความรักเลยสักครั้ง น้องรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีผลักผมออกจนสุดแรง จนร่างเล็กเซตามผมที่ล้มลงไปบนเตียงนอนอีกครั้ง ภายในห้องเล็กเงียบสงัด มีเพียงผมที่ยังจ้องมองคนที่ล้มทับตัวเองอยู่ ส่วนอีกคนกลับเบือนหน้าหนีผมอย่างรังเกียจ ผมจับใบหน้าเล็กให้หันมาเผชิญหน้ากับผม ก่อนที่จะค่อยๆ เลื่อนริมฝีปากของตนเองเข้าหา ผมกดหัวเขาไว้ให้นิ่งอยู่กับที่ น้องเบิกตาโพลงเมื่อริมฝีปากของเราสองคนสัมผัสกัน มินขัดขืนผมสุดกำลัง เขาไม่ยอมเปิดปากรับสัมผัสของผมที่มอบให้ แต่ผมไม่ละความพยายามพลิกตัวร่างเล็กให้กลับไปอยู่ใต้ร่างของผม ก่อนจะระดมจูบหนักหน่วงใส่คนที่หอบหายใจถี่อยู่ใต้ร่าง เมื่อความเลวบังตาอะไรก็คงห้ามไม่ได้ แม้ว่ามือเล็กจะทุบหลังผมรัวๆ แต่ผมกลับไม่สะทกสะท้าน บดขยี้ปากหนากับริมฝีปากเล็กจนได้เลือด มินเผลอร้องออกมาเพราะความเจ็บ เป็นจังหวะให้ผมสามารถสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากเล็กได้ เสียงครางประท้วงดังออกมาเป็นระยะ
"อ่า...อึก"
ผมค่อยๆ จูบซับไปตามใบหน้าและลำคอก่อนที่จะมาหยุดอยู่ที่ติ่งหูเล็ก ไล้เลียลิ้นวนจนน้องครางออกมาเพราะความเสียวซ่าน
"ปละ..ปล่อย แฮกๆ" แม้ว่าร่างกายจะตอบสนอง แต่เขากลับส่งเสียงประท้วงราวกับจะขาดใจ
"ไม่ต้องการพี่เหรอคนดี" ผมยกมือลูบหัวทุยเพื่อปลอบประโลม
"ไม่...ไม่เอาแบบนี้"
"ทั้งๆ ที่มินก็ต้องการพี่อย่างนั้นเหรอ ดูสิของมินมันแข็งสู้มือพี่แล้ว" มือหนาไล้วนที่เป้ากางเกงนอนของร่างเล็ก มินหอบหายใจถี่จนผมย่ามใจ ล้วงมือเข้าไปสัมผัสมินนี่ตัวน้อยภายใต้กางเกงบ็อกเซอร์ตัวบาง
"อึก..ปล่อยผมเถอะได้โปรด"
"แต่มินกำลังทรมาน พี่ก็ทรมานเหมือนกัน" ผมจับมือเล็กให้สัมผัสเจ้ามังกรยักษ์ของผมที่ตอนนี้ผงาดขึ้นเต็มลำ มินขืนมือเอาไว้ไม่ยอมทำตาม ขณะที่อีกมือของผมก็ยังรูดความเป็นชายของน้องเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด
"ปละ...ปล่อย" ผมไม่อยากฟังเสียงปฏิเสธของร่างเล็ก คล่อมตัวลงทับเขาไว้ก่อนที่จะประกบจูบร้อนแรงอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ร่างกายกำลังต้องการๆ ปลดปล่อยแล้วทำไม่ต้องต่อต้านผมด้วย
ผมไล้เลียลงมาที่อกเล็ก ตุ่มไตสีชมพูกำลังแข็งสู้มือ ก่อนที่ลิ้นร้อนจะกระหวัดดูดกลืนความหวานของเม็ดบัวสีชมพูสวย
"พะ..พอแล้ว ยะ..อย่าทำผมอีกเลย" มินดิ้นเร่าอยู่ใต้ร่างสูงเพราะความต้องการทางกามารมณ์
"พะ..พี่รักมินอย่าปฏิเสธพี่เลยนะคนดี" ผมเงยหน้าขึ้นจากอกเล็ก หันไปมองคนที่หลับตาดิ้นพล่าน
"ไม่เอา...ฮึกกก" มินร้องให้เพราะผมอีกแล้ว น้ำตาของน้องเรียกสติผมได้อีกครั้ง กี่ครั้งที่ผมทำให้น้องเป็นแบบนี้ ตัณหาราคะที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ยังไม่จางหาย แต่ผมต้องพยายามระงับ เพราะไม่อยากทำให้น้องเสียใจไปมากกว่านี้แล้ว
"พี่ขอโทษมิน พี่ขอโทษ" ผมดึงร่างเล็กที่น้ำตานองหน้า ขึ้นมากอดไว้ ก่อนที่จะขยับนั่งพิงพนักหัวเตียง ลูบหลังปลอบร่างเล็กที่สะอื้นให้แทบจะขาดใจ มืออีกข้างก็ไล้หยดน้ำตาที่กำลังไหลให้เหือดแห้ง แต่ยิ่งเช็ดมันก็กลับไหลเพิ่มขึ้น
"พี่ทำพลาดอีกแล้ว ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งๆ ที่พี่บอกว่ารักมิน แต่พี่กลับทำร้ายมินมาตลอด ทั้งๆ ที่บอกว่าจะพยายาม แต่พี่ก็เลวเกินกว่าที่จะทำอะไรให้มันดีขึ้นมากว่านี้" ผมพร่ำด่าตัวเอง
"ฮึก...ฮือ"
"สมควรแล้วที่มินจะเกลียดพี่ สมน้ำหน้าตัวเองที่ทำให้คนที่รักหลุดมือ ตลกดีว่าไหม"
"อย่า..ฮึกทำแบบนี้กับผมอีก"
"พี่ไม่รับปากหรอกเพราะถ้าพี่ใกล้มินพี่ก็ยังระงับอารมณ์ตัวเองไม่ได้ แต่พี่จะพยายามออกห่างจากมินให้มากที่สุด แต่พี่อยากให้มินรู้ไว้ว่าพี่รักมินนะ รักที่สุด ไอ้ทิมมันดีกับมินมากรึเปล่า ผู้ชายคนนั้นดูแลมินดีใช่ไหม หึๆ ไม่สิ มันต้องดูแลมินดีอยู่แล้ว ไม่เหมือนพี่ที่เอาแต่ทำให้มินเสียใจ มินมีความสุขดีใช่ไหมที่อยู่กับมัน" ผมยิ้มให้น้องทั้งๆ ที่น้ำตาไหล ตลกตัวเองชะมัด เพิ่งรู้ว่าทำไมตัวเองอ่อนแอขนาดนี้
"ขอพี่กอดมินแบบนี้ซักพักได้ไหม" มินไม่ตอบแต่เขาก็ไม่พยายามดิ้นรนออกจากอ้อมกอดของผมเหมือนก่อนหน้านี้ เราต่างคนต่างเจ็บ ต่างคนต่างเสียน้ำตามามากเกินไป ไม่ใช่ว่าผมยอมแพ้ แต่เพราะผมรักน้องจึงไม่อยากให้เขาต้องมาเสียใจเพราะคนเลวๆ อย่างผมอีกแล้ว ตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมตามมินแทบจะทุกวัน ผมเห็นเขายิ้มมีความสุขเวลาที่อยู่กับไอ้หมอนั่น ต่างจากผมที่ทำให้น้องเจ็บและเสียน้ำตา ผมอยากให้คนที่ผมรักมีความสุข คงไม่ผิดใช่ไหมถ้าผมคิดจะปล่อยมือจากน้อง ทั้งๆที่เคยคิดว่าจะพยายามให้ถึงที่สุด แต่วันนี้มันทำให้ผมรู้ว่ามินมีคนที่ดีเหมาะสมอยู่เคียงข้าง ถ้าผมยังจะรั้งเขาให้อยู่กับผม ก็เหมือนพาน้องมาลงนรกของความเจ็บปวดไม่จบไม่สิ้น เพราะใจน้องไม่ได้อยู่กับผมอีกต่อไป อย่างนี้สินะที่เขาเรียกว่ากว่าจะรู้ค่าก็สายเกินไป
"ต่อไปนี้มินจะไม่ต้องรำคาญพี่อีกแล้วนะ พี่ขอโทษที่ตามมินเหมือนโรคจิต ขอโทษที่ทำให้มินลำบากใจ" ผมยกมือลูบหัวเด็กน้อยที่ครั้งหนึ่งเขาเคยบอกรักผม ครั้งหนึ่งเคยอยู่ใกล้ผม ต่อไปนี้จะไม่มีอีกแล้ว น้องจะต้องมีความสุขกับคนที่รักเสียที
"..ฮึก...." มินไม่ได้เอ่ยอะไรกับผม แต่เขายังคงสะอื้นให้กับอกแกร่งของผม
"ไม่ร้องนะคนดี มินของพี่จะมีความสุขจริงๆ สักทีนะ หึๆ" เป็นอีกครั้งที่ผมฝืนยิ้มให้กับน้อง
"คุณ...จะไปไหน"
"ห่วงพี่เหรอครับ" ผมแกล้งทำสายตาล้อๆ ใส่น้องที่เงยหน้ามองผมอยู่
"ปละ..เปล่า แค่สงสัย"
"จริงสินะ มินจะมาห่วงพี่ทำไม พี่นี่ตลกจริงๆ เลย ฮ่าๆๆๆ" ผมหัวเราะออกมาเหมือนคนบ้า
"พี่ไม่ได้ไปไหนหรอก เพียงแต่ต่อไปพี่ก็จะอยู่ในที่ของพี่ ไม่มาทำให้มินวุ่นวายอีก ดีใช่ไหมครับ"
"อือ"
"เห็นไหมมินของพี่ยังเห็นด้วยเลย" มันเป็นเรื่องตลกที่ขำไม่ออกจริงๆว่ะ เมื่อคนที่ใจตรงกันแต่ผิดที่ผิดเวลาก็ทำให้เสียใจได้แบบนี้
"ทำกับข้าวให้พี่ทานหน่อยได้ไหม พี่หิวจังสงสัยจะเป็นเพราะเมื่อวานไม่ได้ทานข้าวเย็น แหะๆ" ผมเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากให้น้องร้องให้ไปมากกว่านี้แล้ว
"ที่บ้านไม่มีของสดเลย" น้องตอบผมเบาๆ แต่ยังคงก้มหน้างุดกับอกของผม
"ถ้าอย่างนั้นเราออกไปซื้อกันไหม"
"แล้วแต่คุณสิ"
"พี่ไปซื้อเองดีกว่า มินจะได้อาบน้ำ เดี๋ยวพี่กลับมานะ" ผมรีบลุกจากเตียงนอนหลังจากตกลงกันได้แล้วว่าตอนเช้าจะทานอะไร ถึงแม้ผมจะทำครัวไม่เป็นแต่ก็รู้ว่าอันนี้ผักอะไร เพราะตอนเด็กๆ ผมไปจ่ายตลาดกับคุณย่าเป็นประจำ
ผมจะเก็บความทรงจำที่ดีที่สุดของผมกับน้องในวันนี้ตลอดไป จะไม่คิดถึงเรื่องที่ทำให้ต้องทุกข์ใจอีกต่อไป แม้ว่ามันจะยังเจ็บและไม่รู้ว่าจะมีทางเยียวยารึเปล่า แต่อย่างน้อยเหตุการณ์ในวันนี้ก็คงทำให้ผมหายเจ็บลงได้บ้างเมื่อนึกถึงมัน
ผมหวังว่าไอ้ทิมจะรักมิน เหมือนที่มินรักมันมาก และมันจะไม่ทำให้น้องผิดหวัง ก่อนที่ผมจะไปดื่มเมื่อวาน ผมนัดเจอกับไอ้ทิมเพราะต้องการที่จะรู้ความรู้สึกของมัน ทุกคำที่มีนพูดกับผม ทำให้ผมมั่นใจว่ามันจะดูแลมินให้มีความสุขได้มากกว่าคนอย่างผม
"ผมรักมินมาก และพร้อมที่จะตายแทนได้ มินคือคนในครอบครัวผม" สายตาที่มันส่งมาบ่งบอกว่าไม่ได้โกหก ผมต้องปล่อยมือแล้วสินะ
"ฝากมินด้วยนะครับ"
"ทำไม? คุณไม่คิดจะเอามินกลับไปเป็นของคุณรึไง ที่คุณตามเราสองคนทุกวันเพื่ออะไร"
"ผมอยากจะแย่งน้องมาจากคุณ ถ้าเขายังรักผมอยู่บ้าง ผมจะทำทุกวิถีทางให้เขากลับมา แต่ผมแน่ใจแล้วว่ามินหมดรักผู้ชายเลวๆ อย่างผมแล้ว ระหว่างสุภาพบุรุษที่แสนดีอย่างคุณ กับผู้ชายธรรมดาที่แสนเลว
อย่างผม มินจะเลือกใครล่ะ ว่าไหมครับ"
"หมายความว่าคุณจะถอย"
"คงอย่างนั้น ผมอยากเห็นน้องยิ้มมีความสุขเหมือนเวลาที่เขาอยู่กับคุณ แต่ผมยังไม่ถอยตอนนี้หรอก ขอเข้าไปคุยกับน้องก่อน" หลังจากวันนั้นผมก็ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปหาน้องอีกเลย เพราะกลัวที่ต้องพูดมันออกมา ผมพยายามเลี่ยงทุกทาง ไปดื่มจนเมาหัวราน้ำ แล้วก็มาอยู่ในบ้านน้องโดยไม่รู้ตัว พระเจ้าคงอยากให้ผมเลิกยุ่งกับมินจริงๆ ท่านเลยจัดการส่งผมมาหาเขาเองเลย
อาหารต่างๆ ถูกจัดจนเต็มโต๊ะ มีทั้งของโปรดมินและของโปรดผม ทำเหมือนกับเราอยู่กันหลายคนอย่างนั้น
"น่าทานจัง" ผมส่งยิ้มให้มินที่คดข้าวใส่จานให้ผม
"......." น้องยิ้มตอบแต่ไม่ได้พูดอะไร
"ทานเยอะๆ นะ ตัวเล็กมากเลยรู้ไหม" ผมตักของชอบมินใส่จานให้เขา ก่อนที่น้องจะหันมาขอบคุณ แล้วตักของชอบผมใส่จานให้เหมือนกัน เราผลัดกันตักให้ไปมาจนผมอิ่มแปร้ น้องก็คงอิ่มไม่ต่างกัน ตลอดมื้ออาหารผมยิ้มให้น้องตลอด รู้ว่าเขาอาจไม่เต็มใจที่จะทานกับผมแต่เพราะผมขอร้อง เขาเลยทำให้มื้อแรกและมือสุดท้ายของเราสมบูรณ์แบบที่สุด
"พี่ขอบคุณมินนะ ที่อุตส่าห์ทำอาหารอร่อยๆ ให้พี่ทาน"
"ไม่เป็นไรครับ"
"พี่คงต้องไปแล้วสินะ มินดูแลตัวเองดีๆ นะ ถ้ามีปัญหาอะไรก็มาหาพี่ได้ พี่ยินดีช่วยเสมอ" ผมยิ้มให้น้องก่อนจะยกมือลูบหัวเขาเบาๆ สองสามที
"ดูแลตัวเองเหมือนกันนะครับ"
ขายาวๆ ของผมค่อยๆ ถอยทีละก้าวอย่างช้าๆ อยากจะรั้งเวลาให้ยาวนานกว่านี้ หรือไม่ก็อยากให้มีปาฏิหาริย์สักครั้ง อยากให้มินเรียกผมและรั้งผมให้อยู่กับเขา จนมาถึงหน้าประตูรั้วระหว่างบ้านสองหลัง ผมถึงรู้ว่าปาฏิหาริย์มันไม่มีจริงๆ น้ำตาลูกผู้ชายของผมไหลลงอาบแก้มอีกครั้ง ผมไม่พยายามกลั้นมันไว้อีกแล้วปล่อยให้มันไหลออกมาอยู่อย่างนั้น ดีที่ไม่มีใครอยู่ในบ้านผมจึงเดินเข้าห้องนอนไปอย่างไม่ลำบาก จบแล้วสินะความรักที่ผมเป็นคนทำลายมันลงด้วยตัวของผมเอง
**********
ตอนนี้ขอบอกว่าดราม่ามาเต็มๆ ทั้งๆ ที่รักแต่ก็ต้องยอมปล่อย เพราะไม่อยากเลวในสายตาของคนที่ตนเองรักไปมากกว่านี้ บางคนอาจจะคิดว่าทำๆไมเฮียซองยอมแพ้ง่ายๆ เฮียไม่ได้ยอมแพ้นะคะ แต่เมื่อเข้าใจแล้วว่ารักน้องมินมากจึงไม่อยากให้คนที่รักต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้ เพราะเฮียเข้าใจว่าน้องรักกับพี่ทิมจริงๆ และคนใจแข็งอย่างมินก็ยังไม่พูดจนนาทีสุดท้าย ถึงแม้ว่าจะยังรักเฮียอยู่ก็ตาม
กว่าจะแต่งจบตอนร้องให้สองรอบ ไม่รู้ว่าจะเป็นเหมือนคนเขียนรึเปล่า
TBC.