พิมพ์หน้านี้ - หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน22.P.9(07/06/59) The End.

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: MooKratai ที่ 21-02-2016 18:25:33

หัวข้อ: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน22.P.9(07/06/59) The End.
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 21-02-2016 18:25:33
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
     




นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สองนะคะ ต่อจาก หลานคุณย่า(คีริน+พาย) มีความเกี่ยวเนื่องกันทั้งเนื้อหา และตัวละคร




      กฤษติณ (ครัวซอง) ธีรธำรงค์กุล  ผู้ชายที่ดูภายนอกนิ่งยิ่งกว่าน้ำแข็ง  แต่แฝงด้วยความร้าย ดูเป็นสุภาพบุรษสำหรับสาวๆ แต่แท้จริงแล้วคือซาตานร้ายดีๆ นี่เอง

 
  คิรากร (มิน) ภักดีการณ์  เด็กผู้ชายตัวเล็ก ตาตี่ ตัวอ้วนไร้ซึ่งความน่ารักตั้งแต่เด็ก ตัวขาวยิ่งกว่ากระดาษ ซีดราวกับผีดิบ  นิสัยร่าเริง  แต่เก็บซ่อนความรู้สึกบางอย่างเอาไว้

 

                                                ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

 

 

'ผมอยากไปส่งพี่นะ แต่ไม่อยากให้พี่รู้สึกไม่ดีก่อนที่จะจากที่นี่ไป เพราะผมเองนี่แหละที่คงเป็นความทรงจำแย่ๆเพียงอย่างเดียวในชีวิตของพี่'

 

“ใครจะนับญาติกับไอ้เด็กอ้วนก็เชิญแต่พี่ไม่”

 

 

‘ผมเตรียมของขวัญไว้ให้พี่ด้วยนะ แต่คงไม่มีโอกาสได้ให้ เพราะพี่คงไม่อยากได้มันหรอก’

 

            'ต่อจากนี้ไปผมต้องเข้มแข็งมากกว่านี้  ชีวิตที่ไม่มีพี่อยู่ใกล้ๆ มันจะเป็นยังไงบ้างนะ ผมจะพยายาทำมันให้ดีทำทุกวันๆวันให้ดีกว่าเดิม แม้พี่จะไม่ได้อยากรับรู้อะไรเกี่ยวกับตัวผมแต่ผมก็จะพยายามเผื่อวันที่พี่กลับมาจะรู้สึกดีขึ้นกับตัวผมบ้างในวันที่ผมดีกว่านี้  ในวันที่ผมไม่ใช่เด็กน้อยกะโปโล'

           

             'มึงผิดเองที่กล้ามารักคนอย่างกู'
[/color]
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ฝากอีกเรื่องด้วยนะคะ

หลานคุณย่า(คีริน+พาย) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51695.0)

ดื้อรัก ♥♥ คุณพ่อลูกติด(ชาร์ล♥บราวนี่) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52905.0)



สารบัญ
ตอน1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52068.msg3313705#msg3313705)     ตอน2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52068.msg3314323#msg3314323)     ตอน3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52068.msg3319197#msg3319197)     ตอน4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52068.msg3321445#msg3321445)
ตอน5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52068.msg3323116#msg3323116)     ตอน6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52068.msg3324534#msg3324534)     ตอน7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52068.msg3327254#msg3327254)     ตอน8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52068.msg3329042#msg3329042)
ตอน9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52068.msg3330411#msg3330411)     ตอน10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52068.msg3333077#msg3333077)   ตอน11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52068.msg3335220#msg3335220)   ตอน12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52068.msg3339275#msg3339275)
ตอน13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52068.msg3349708#msg3349708)    ตอน14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52068.msg3352762#msg3352762)
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่1 อดีต P.1 (21/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 21-02-2016 18:30:48
หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน)  ตอนที่1 อดีต


                                             

  (มินนี่ )

ผมชื่อมิน(มินนี่)ครับ อายุก็เท่าๆกันกับบราวนี่แหละครับ บ้านเราอยู่ติดกันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ผมชอบมุดรั้วบ้านเข้าไปเล่นที่บ้านบราวนี่เป็นประจำ  ถึงแม้ว่าบ้านเราจะอยู่ติดกัน แต่ฐานะทางบ้านก็ต่างกันเหลือเกิน บ้านของบราวหลังใหญ่ราวกับคฤหาสน์ส่วนบ้านผมน่ะเหรอก็แค่บ้านคนฐานะธรรมดาคนหนึ่ง เป็นบ้านปูนสองชั้นมีพื้นที่ไม่ถึงร้อยตารางวา บ้านหลังเล็กที่ผมอาศัยอยู่กับแม่แค่สองคน เพราะพ่อผมเสียไปตั้งแต่เรียนอยู่มอปลาย

 

 

บ้านของบราวนี่มีพี่น้องสามคน ซึ่งทุกคนก็น่าจะทราบกันดี ผมเข้าออกบ้านของบราวตั้งแต่เด็กจนเป็นเรื่องปกติที่คนบ้านนั้นจะคุ้นเคยกับผม และเอ็นดูเหมือนผมเป็นญาติคนหนึ่ง ยกเว้นเพียงคนเดียวที่ไม่เคยญาติดีกันเลยตั้งแต่เด็ก คนนั้นก็คือพี่ชายคนโตของบ้าน ผมยังจำเรื่องราวตั้งแต่ตอนเด็กได้ดี เหมือนกับเรื่องราวทุกอย่างพึ่งเกิดขึ้นไม่นาน ทั้งๆที่มันผ่านมานานหลายปี แต่ในความทรงจำจองผมภาพนั้นยังคงชัดเจนที่สุด

 

“หมูน้อยมาเล่นซ่อนหากัน” บราวนี่ในวัยเด็กเอ่ยชวนผม เพราะเราชอบเล่นกันบ่อยๆ

 

“งั้นมาเป่ายิ่งฉุบว่าใครจะได้ซ่อน”

 

“ทำอะไรกันเหรอ พี่เล่นด้วยสิ” เสียงพี่พายดังมาแต่ไกล

 

“อ่า ดีเลยจะได้เล่นกันหลายๆคน ตัวมาทีหลังต้องเป็นคนหานะ” บราวนี่จอมเจ้าเล่ห์เอ่ยกับพี่ชายเสียงใส

 

 

“ก็ได้ งั้นหมูน้อยกับบราวรีบไปซ่อน พี่จะนับหนึ่งถึงร้อย” ผมกับบราวนี่รีบวิ่งไปซ่อนคนละทาง เพราะพื้นที่บ้านค่อนข้างใหญ่จึงมีที่ซ่อนเยอะมาก ผมค่อยๆ วิ่งดุ๊กดิ๊กหาที่ซ่อน ด้วยความที่ตอนเด็กๆ ผมอ้วนเลยทำให้วิ่งช้าๆ หาที่ซ่อนอย่างร้อนรน ขณะที่กำลังหาที่ซ่อนก็กลับวิ่งไปชนกับอีกคนอย่างไม่ได้ตั้งใจ ถึงแม้ผมจะค่อนข้างอ้วน แต่ผมก็ยังเด็กมาก เมื่อปะทะกับร่างใหญ่ที่เดินมาจึงทำให้ผมล้มก้นจ้ำเบ้าในทันที

 

“ทำไมไม่รู้จักระวัง มาเล่นบ้านคนอื่นเค้าแล้วยังไม่มีมารยาท” พี่ชายตัวโตว่าผมออกมาเสียงดัง ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาดู แต่ก็รู้ว่าคนๆ นี้คือใคร ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตากับพี่ซองเพียงแว๊บเดียว แล้วก็ก้มหน้าซ่อนดวงตาที่กำลังสั่นไหวเพราะความกลัว เท้าผมก็เจ็บสงสัยจะแพลงแต่ก็ทำได้เพียงก้มหน้าอยู่อย่างนั้น

 

“ทำไมไอ้เด็กอ้วนตาตี่ว่าแค่นี้ทำเป็นจะร้อง ขี้แง” พี่เขายังต่อว่าผมเหมือนทุกครั้งที่เข้ามาที่บ้าน ด้วยความที่เป็นเด็กยังไม่รู้อะไรมาก เวลาโดนด่า โดนว่าก็โกรธเขาแค่แป๊บเดียว พอหายก็กลับมาเล่นอีกเหมือนเดิม เป็นแบบนี้ซ้ำๆ ตลอดตั้งแต่เด็กจนโต

 

****************************

 

“คุณย่าทำคุกกี้เยอะแยะเลย หมูน้อยทานกับเค้านะ” บราวนี่เอ่ยชวนในตอนเย็นวันเสาร์ที่เรามักจะเล่นด้วยกัน ก็เป็นผมอีกนั่นแหละที่เข้ามาเล่นกับบราวนี่

 

“น่าอร่อยจัง เค้าทานได้เหรอ”

 

 

“ได้สิ ก็คุณย่าทำให้พวกเราทานด้วยกันไง” บราวนี่ดึงแขนผมมานั่งโซฟาห้องรับแขก ก่อนที่เราจะนั่งทานขนมและดูการ์ตูนด้วยกัน

 

 

“อร่อยๆ จังเลย ทานหมดเลยได้ไหม” ผมทานไปยิ้มไปจนตาหยี

 

 

“ฮ่าๆๆ หมูน้อยหน้าตลกจัง” บราวชอบหัวเราะผมเวลาผมทานอะไรที่อร่อยๆ มักจะยิ้มจนตาเป็นสะระอิ ซึ่งนั่นก็ทำให้บราวขำแทบจะทุกครั้ง

 

“ว่าเค้าอีกแล้ว” พูดจบปุ๊บผมก็หัวเราะประสานเสียงกันเสียงดัง

 

“ที่บ้านไม่มีขนมทานเหรอถึงต้องมาอาศัยบ้านคนอื่นตลอด”เสียงของผู้เข้ามาใหม่เอ่ยแทรกเสียงหัวเราะของเราสองคน

 

“พี่ซองว่าหมูน้อยอีกแล้วนะ” บราวนี่เอ่ยเสียงห้วนกับพี่ชาย

 

“มันก็จริงนิ ไอ้เด็กอ้วนตาตี่นี่มันมาอยู่บ้านเราทุกวัน  สงสัยที่บ้านมันจะไม่มีอะไรกิน หรือไม่มันก็คงกินไม่อิ่ม ก็มันอ้วนซะขนาดนี้” พี่เขาว่าผมอีกแล้ว ตอนนี้ผมไม้ใช่เด็กห้าขวบเหมือนเมื่อก่อนที่จะไม่รู้อะไร ผมอายุสิบสองแล้ว เริ่มเข้าใจแล้วว่าคำพูดแบบไหนคือรัก คำพูดแบบไหนคือเกลียด ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมพี่ชายตัวโตถึงมีท่าทีรังเกียจผมนักตั้งแต่เด็ก

 

 จนตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะยิ่งเกลียดผมมาก ผมคิดเอาเองว่าที่เขาเกลียดอาจจะเป็นเพราะผมเป็นเด็กอ้วนตาตี่ ไม่ได้น่ารักเหมือนน้องชายทั้งสองคนของเขา คนบ้านนี้เกิดมาหน้าตาดีทั้งบ้าน ซึ่งตรงข้ามกับผมทุกอย่าง หรือไม่อีกสาเหตุหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะบ้านผมไม่ได้รวยเหมือนเขา จึงทำให้คนตัวโตไม่อยากคบค้าสมาคมด้วย เพื่อนๆ ของพี่ซองแต่ละคนมีแต่ระดับลูกมหาเศรษฐีทั้งนั้น สังคมเขาจึงไม่เหมือนกับผม

 

“บราวนี่ เค้ากลับก่อนนะ เย็นแล้วเดี๋ยวแม่เป็นห่วง” ผมเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับคนที่เขาไม่อยากจะเห็นหน้าผม

 

 

“ฮึ”เสียงหัวเราะในลำคอของคนที่ยืนอยู่ ทำให้ผมต้องรีบก้าวเดินออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด

 

“ทำไมพี่ซองพูดแบบนี้ หมูน้อยเป็นเพื่อนบราวนะ”ผมได้ยินเสียงบราวนี่แว่วมาตามหลัง

 

“ทำไม? เพื่อนน้องบราวแต่ไม่ใช่เพื่อนพี่”

 

“แต่คุณย่าบอกว่าเราเป็นเหมือนพี่น้องกัน อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ต้องรักกัน” บราวนี่ยังเอ่ยเถียงพี่ชายอย่างไม่ลดละ

 

“ใครจะนับญาติกับไอ้เด็กอ้วนก็เชิญแต่พี่ไม่” เสียงยังคงดังแว่วเข้าหัวผมจนกระทั่งผมเดินไปถึงหน้าบ้านเสียงทะเลาะกันของสองพี่น้องจึงเบาลง

 

 

ตอนนี้ไม่ต้องมีใครบอกหรืออธิบายอะไรกับผม ผมก็รู้แล้วว่าพี่ซองเกลียดผมขนาดไหน แม้ทั้งคุณย่าและ แม่ผมจะพยายามพูดให้ผมเข้าใจว่าพี่เขาเป็นวัยรุ่น ย่อมมีโลกส่วนตัวและไม่ชอบให้ใครวุ่นวายก็เลยแสดงท่าทางแบบนั้นใส่ผม แต่ผมรู้ว้ามันไม่ใช่เลย เพราะผมไม่เคยคิดจะเข้าไปวุ่นวายกับเขาเลยแม้แต่น้อย    ทั้งๆที่รู้ว่าพี่เขาเกลียดผมมาก แต่ใจของผมก็ยังแอบรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าคนๆ นี้ เคยแอบหวังว่าสักวันพี่เขาจะคุยกับผมดีๆ ซักครั้ง มันเป็นความคิดที่งี่เง่ามากเลยใช่ไหมครับ ความเป็นไปได้ในเรื่องนี้แทบจะเป็นศูนย์ หรืออาจจะติดลบเลยด้วยซ้ำ คิดแล้วก็ขำตัวเอง เพ้อเจ้ออะไรไปเรื่อยเปื่อย

 

ตอนนี้ผมจะอายุสิบสามแล้ว กำลังจะเข้าเรียนมัธยมต้น แม่บอกว่าน่าจะให้เรียนโรงเรียนรัฐบาลใกล้ๆ บ้าน เพราะพ่อกำลังตกงาน ต้องประหยัดค่าใช้จ่ายในครอบครัวให้มากที่สุด ผมก็เห็นด้วยกับแม่นะ ไม่ว่าจะเรียนโรงเรียนไหนก็ไม่เป็นไร แต่ผมแค่เสียดายที่จะไม่ได้เรียนที่เดียวกันกับบราวนี่ก็แค่นั้น วันนี้คุณย่าเรียกแม่เข้าไปคุย แล้วก็ให้ผมไปด้วย แต่ผมไม่รู้หรอกว่าผู้ใหญ่คุยอะไรกัน แต่พอแม่ออกมาจากห้อง ท่านกลับบอกผมว่าจะให้ผมเรียนที่เดียวกันกับบราวนี่ซะอย่างนั้น

 

ผมเรียนที่โรงเรียนเอกชนชื่อดังเช่นเดียวกับบราวนี่ ไม่รู้เหตุผลด้วยซ้ำว่าทำไมคุณย่าถึงทำแบบนี้  จนแอบได้ยินพ่อกับแม่คุยกัน ทำให้ผมเข้าใจว่าเป็นความต้องการของคุณย่า ทีแรกแม่ก็ปฏิเสธเพราะเกรงใจท่าน คุณย่าท่านช่วยครอบครัวผมมาตลอดเท่าที่ผมรู้ พ่อก็ไม่อยากให้แม่รบกวนท่านเหมือนกันจึงเกือบทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้

 

 

แม่บอกว่าคุณย่าไม่ยอมให้ผมเรียนโรงเรียนแถวบ้าน เพราะอยากให้ผมมีอนาคตที่ดี และอย่างน้อยก็ได้เรียนที่เดียวกันกับบราวนี่จะได้ช่วยเหลือกัน ถ้าแม่ไม่รับข้อเสนอของคุณย่าจะโดนคุณย่าตัดขาดอย่างแน่นอน เพราะท่านบอกว่าผมเป็นหลานคนหนึ่งเหมือนกัน ที่ทำทุกอย่างก็เพื่อหลานใช่เพื่อแม่หรือพ่อผม ถ้าอยากตอบแทนท่านก็ให้พ่อผมไปทำงานที่บริษัทท่าน ช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับท่านเพราะท่านแก่มากแล้วดูแลแทบจะไม่ไหว หลานๆ ก็ยังเรียนไม่จบสักคน แม่ของผมจึงได้แต่เออออตามท่านไป

 

ผมเกิดมาโชคดีที่ได้เจอคนดีๆ อย่างคุณย่าและครอบครัวของท่านทุกคน คุณย่าเป็นคนจ่ายค่าเล่าเรียนให้ผมแทบจะทั้งหมด มีเพียงค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยในแต่ละวันเท่านั้นที่แม่ผมเป็นคนให้ทุกวัน เวลามีค่ากิจกรรมต่างๆ บางครั้งผมก็ไม่อยากบอกท่านเพราะเกรงใจ แต่มีหรือที่คุณย่าจะไม่รู้เพราะผมเรียนห้องเดียวกันกับบราวนี่ ท่านเรียกผมมาดุเสียยกใหญ่ที่ไม่ยอมบอกเรื่องค่ากิจกรรมต่างๆ ให้ท่านทราบ หลังจากนั้นผมเลยไม่กล้าโกหกท่านอีกเลยกลัวคุณย่าโกรธ

 

การใช้ชีวิตในแต่ละปีของผมผ่านไปอย่างรวดเร็ว มีหลายสิ่งที่เปลี่ยนไป และต้องเจอกับผู้คนใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นความคิดผมก็โตขึ้นตามอายุ แต่มีอยู่อย่างเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนไปจากชีวิตผม คือความเกลียดชังที่พี่ชายข้างบ้านมีให้ จนทุกวันนี้ก็ยังเหมือนเดิมหรือไม่ก็อาจจะเพิ่มมากขึ้นก็ได้

 

ผมอายุย่างเข้าปีที่สิบสี่แล้ว เรียนอยู่ชั้นม.สอง เห็นอย่างนี้ผมก็เรียนเก่งนะเออ เกรดเฉลี่ยผมค่อนข้างจะดีติดอันดับท็อปของระดับชั้นเลยก็ว่าได้ ทุกๆวันผมกับบราวนี่จะทำการบ้านด้วยกันตลอด เราสองคนจะไปทำในห้องนอนของบราวนี่ เพราะผมต้องเลี่ยงการที่จะเจอกับใครคนนั้น ไม่อยากให้เขามาว่า ไม่อยากใหเขารำคาญเพราะเห็นหน้าผม

 

 

ปีนี้แล้วสินะเขาจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ และเราคงไม่ได้เจอกันอีกหลายปี แต่มันก็น่าจะดีแล้วสำหรับผม บางทีอาจจะทำให้ผมลืมความรู้สึกบ้าๆ ที่มีต่อเขาได้  ไม่ต้องมานั่งเสียใจเวลาที่โดนอีกคนว่าแรงๆใส่ ไม่ต้องมาคอยอิจฉาพวกเพื่อนๆของเขาที่ได้รับรอยยิ้มที่แสนจริงใจทั้งๆที่ผมไม่เคยได้รับ ผมเหมือนคนโรคจิตที่คอยเฝ้ามองเขาอยู่ห่างๆ มองเวลาเขายิ้ม หัวเราะให้กับทุกคนยกเว้นผมวันนี้แล้วสินะที่พี่จะไปอยู่ในที่แสนไกล และที่ตรงนั้นไม่มีผม

 

 

'ผมอยากไปส่งพี่นะ แต่ไม่อยากให้พี่รู้สึกไม่ดีก่อนที่จะจากที่นี่ไป เพราะผมเองนี่แหละที่คงเป็นความทรงจำแย่ๆเพียงอย่างเดียวในชีวิตของพี่'

 

‘ผมเตรียมของขวัญไว้ให้พี่ด้วยนะ แต่คงไม่มีโอกาสได้ให้ เพราะพี่คงไม่อยากได้มันหรอก’ ผมแค่นยิ้มให้กับคำพูดในสมุดบันทึกที่ผมมักจะเขียนมันประจำ แม้จะไม่ได้เขียนมันทุกวันแต่เวลาที่มีเหตุการณ์สำคัญผมมักจะไม่ลืมเขียนมันลงไปในนี้เสมอ

 

‘ขอให้พี่เดินทางโดยสวัสดิภาพ และมีความสุขในทุกๆวันนะครับ’

 

                ผมปิดสมุดบันทึกลงพร้อมกับล็อคกุญแจอันเล็กไว้กันคนอื่นมาอ่าน เพราะสมุดบันทึกเล่มนี้มันจะเป็นความลับของผมคนเดียว ที่ผมจะเก็บไว้ไม่ให้ใครล่วงรู้  ก่อนที่จะเก็บลงกล่องแล้วล็อคมันอีกที

 

 

                อยู่ดีๆ น้ำตาผมก็ไหลออกมา ทำไมผมอ่อนแอทั้งๆ ที่พยายามจะเข้มแข็ง ต่อจากนี้ไปผมต้องเข้มแข็งมากกว่านี้  ชีวิตที่ไม่มีพี่อยู่ใกล้ๆ มันจะเป็นยังไงบ้างนะ ผมจะพยายาทำมันให้ดีทำทุกวันๆวันให้ดีกว่าเดิม แม้พี่จะไม่ได้อยากรับรู้อะไรเกี่ยวกับตัวผมแต่ผมก็จะพยายามเผื่อวันที่พี่กลับมาจะรู้สึกดีขึ้นกับตัวผมบ้างในวันที่ผมดีกว่านี้  ในวันที่ผมไม่ใช่เด็กน้อยกะโปโล

**********************************


บังอาจมากแต่งเรื่องที่สองทั้งๆ ที่เรื่องแรกยังไม่ถึงไหน ลองอ่านดูนะคะ   :hao5: :katai4: :m15:


                      TBC.
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่1 อดีต P.1(21/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: kajeaw ที่ 21-02-2016 18:48:14
เปิดเรื่องมา เศร้าเลย
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่1 อดีต P.1(21/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-02-2016 19:15:42
ร้องไห้ไปกับน้องมินเลยเนี่ย
ทำไมครัวซองค์ใจร้ายกับน้องมินจัง
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่1 อดีต P.1(21/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: zeroj ที่ 21-02-2016 19:49:06
ตามอ่านทั้งสองเรื่องเลย    :hao7:

เรื่องของ  ครัวซองกับมิน  ท่าจะเร้าร้อนน่าดูชม   :z1:   

ไม่ใช่ว่าครัวซองเกลียดน้องมินหรอก  ที่ทำท่าว่าเกลียดอ่ะ  ส่วนใหญ่ทั้งชอบทั้งรักทั้งหลงเลยแหละ   o13

โบราณเค้าว่า  เกลียดอะไร  มักได้อย่างนั้น  นะน้องมิน   :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่1 อดีต P.1(21/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 21-02-2016 20:17:22
น่าจะมีอะไรมากกว่าเกลียดขี้หน้านะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่1 อดีต P.1(21/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-02-2016 21:06:30
อีพี่ครัวซองใจร้าย
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่1 อดีต P.1(21/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 21-02-2016 22:46:03
ตามอ่านทั้งสองเรื่องเลย    :hao7:

เรื่องของ  ครัวซองกับมิน  ท่าจะเร้าร้อนน่าดูชม   :z1:   

ไม่ใช่ว่าครัวซองเกลียดน้องมินหรอก  ที่ทำท่าว่าเกลียดอ่ะ  ส่วนใหญ่ทั้งชอบทั้งรักทั้งหลงเลยแหละ   o13

โบราณเค้าว่า  เกลียดอะไร  มักได้อย่างนั้น  นะน้องมิน   :laugh: :laugh: :laugh:



ลึกซึ้งมากค่ะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่2 ความเจ็บที่หวนคืน P.1(22/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 22-02-2016 12:38:51
หลานคุณย่า แอบรัก2 ความเจ็บที่หวนคืน


(มินนี่)


 ผมเดินไปซื้อขนมหน้าปากซอยบ้าน ได้ขนมมาเยอะเลย วันนี้เป็นวันหยุดช่วงปิดเทอมของผม ดีใจใช่ไหมล่ะ ผมจบม.หกแล้ว สอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังได้ด้วยนะครับ แม้ว่ามันจะเป็นแค่คณะคหกรรม แต่ผมก็ดีใจสุดๆ เลย ทั้งแม่และคุณย่าชมผมใหญ่ว่าเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งๆ ที่คะแนนผมสูงจนสามารถยื่นกับคณะที่เข้ายากกว่านี้ได้ แต่ผมก็เลือกที่จะเรียนคณะนี้  ผมมีความฝันของผม ความฝันของเด็กตัวน้อยๆ  อ้อ! ลืมบอกเลย ว่าผมไม่อ้วนเหมือนสมัยเด็กๆ แล้วนะ แต่ตาตี่ๆ ผิวซีดๆ ก็ยิ่งซีดหนักกว่าเดิม ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งๆ ที่มันควรจะคล้ำลงบ้างจากการการถูกแดดเผา

 
ผมเดินมาตามทางเดินที่คุ้นชิน เพราะใช้ชีวิตอยู่แบบนี้มาตั้งแต่เกิด ไอติมที่ผมเดินกินมาตามทางเริ่มละลายอย่างไม่น่าให้อภัย เพราะแดดเมืองไทยนี่ช่างร้ายกาจเหลือเกิน ผมเลียตรงที่มันเริ่มจะหยดอย่างเสียดาย แม็กนั่มเชียวนะ อุตส่าห์ตัดใจซื้อเพราะอยากกิน เสียดายเงินก็เสียดาย ต้องกินให้คุ้ม ผมเดินมาถึงร่มไม้ใหญ่ ก่อนถึงบ้านประมาณร้อยเมตร ตัดสินใจยืนกินไอติมแท่งโปรดด้วยเกรงว่ามันจะละลายหมดเสียก่อน ผมอยากจะค่อยๆ ละเลียดทีละนิด เพื่อซึมซับรสชาติของมัน แต่ทำไม่ได้เพราะเจ้าไอติมแท่งดำๆ มันแทบจะละลายไปหมดแล้ว  แอบมองมันอย่างหัวเสียอยู่คนเดียว แต่ความซวยของผมยังไม่จบแค่นั้น  เพราะเจ้าไอติมที่เกาะไม้อยู่ดีๆ มันก็ร่วงหล่นลงพื้นผมมองตามมันด้วยสายตาละห้อย เหลือแต่ไม้ที่ถือติดมือ ยิ่งกว่าหนังดราม่าอีก เสียใจอ่ะบอกเลย

 
ขณะที่ผมยังอาลัยอาวรณ์กับไอติมแท่งโปรด เจ้าหมาตัวเล็กสีน้ำตาล ตัวผอมโซเดินมาจากไหนไม่อาจทราบได้ เดินมาก้มเลียไอติมที่หล่นลงพื้นอย่างเอร็ดอร่อย ผมเคืองเจ้าหมาน้อยอ่ะ มาแย่งไอติมผมได้ไง ถึงแม้ว่ามันจะร่วงหล่นลงพื้นแล้วก็ตามที

 
“ไอ้หมาบ้ามาแย่งไอติมมินได้ไง” ผมนั่งลงข้างๆ ก้มลงมองหมาตัวเล็ก มันเหล่ตามองผมแค่แว้บเดียวแล้วก็ก้มลงกินต่อ

 
“แย่งกินแล้วยังมาเชิดใส่อีกนะ” ผมด่าเจ้าหมาตัวเล็กทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่ามันจะเข้าใจรึเปล่า พอไอติมหมดมันก็เงยหน้ามองทำตาละห้อยเชียว ผมจำใจต้องหยิบขนมปังใส้สังขยาที่ชื่นชอบออกมาให้กับมัน ค่อยๆ บิเป็นชิ้นเล็กๆ วางลงพื้นให้มันกิน

 
“สงสัยจะหิวมากล่ะสิ หึหึ”  นั่งมองหมาตัวน้อยกินขนมเพลินๆ จนหมดห่อเลย ไม่รู้ว่ามันจะอิ่มรึยัง

 
“เอาอีกไหมเจ้าปลาทอง”  ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าทำไมจึงเรียกมันว่าปลาทอง ผมอยากตั้งชื่อให้มันว่าแบบนี้ ไม่มีเหตุผล  แต่คราวนี้กับเชิดหันหน้าหนีซะอย่างนั้น

 
“เลือกกินอีก” ผมจึงจำใจหยิบขนมปังสังขยาออกมาอีกถุง ให้เจ้าตะกละกินจนหมด มันอิ่มจนร่างผอมโซของมัน เริ่มมีพุงน้อยๆ ป่องออกมา

 
“มินจะกลับแล้วนะเจ้าปลาทอง” ผมยกมือลูบัวมันเบาๆ อย่างอาวรณ์ สงสารอยากจะเอามันไปเลี้ยง แต่ตัวเองยังต้องให้แม่กับคุณย่าเลี้ยงอยู่เลย ผมจำใจลุกเดินไปจากตรงนั้น ค่อยๆ ก้าวทีละก้าวอย่างช้าๆ เจ้าปลาทองก็ทำตาม ผมเดินมันก็เดิน เมื่อผมหยุดมันก็หยุดเหมือนกัน

 
“บอกว่าเลี้ยงไม่ได้ไง ไม่ต้องตามมาเลย” มันนั่งแหงนหน้ามองผม ไม่เข้าใจใช่ไหมล่ะ  ผมเดินเร็วๆ ไม่หันกลับไปมองมันอีก หวังว่ามันจะไม่ตามมานะ ผมเหนื่อยหอบเมื่อถึงหน้าบ้าน ก่อนจะค่อยๆ เปิดประตูรั้ว อยู่ๆ เจ้าปลาทองมันก็กระโดดมาใกล้ๆ วิ่งวนรอบตัวผม

 
“มาได้ยังไง เมื่อกี้ไม่เห็นตามมาเลย ไอ้หมาเจ้าเล่ห์” อยากจะหัวเราะเสียงดังๆ กับความฉลาดแถมเจ้าเล่ห์ของหมาตัวน้อย

 
“คุยอะไรกับใครอยู่มิน” แม่ผมตะโกนออกมาจากข้างในบ้าน

 
“เปล่าฮะแม่” ตอนนี้ที่บ้านมีแค่ผมกับแม่สองคน เพราะพ่อผมเสียไปเกือบปีแล้ว ท่านป่วยหนักช่วงที่ผมขึ้นม.หก แม่น่าสงสาร ท่านรักพ่อมากผมก็รักไม่ต่างกัน แต่วันที่พ่อเสียแม่กลับมีน้ำตาแม้สักหยด ท่านคงเข้มแข็งเพื่อผมที่ยังอยู่กับท่าน

 
“กลับไปเลย แม่มาแล้วเห็นไหม เดี๋ยวโดนตีนะ” ผมยกมือขึ้นเป็นเชิงไล่ เจ้าตัวเล็กที่ไม่มีท่าทีจะกลัว กลับวิ่งวนไปวนมาอย่างกับดีใจอย่างนั้นหละ

 
“จะไปด้วยกันจริงๆ ใช่ไหม ถ้าแม่ไม่ให้เลี้ยงก็เลี้ยงไม่ได้นะ เข้าใจไหม” มันคงเข้าใจหรอกเนอะ ว่าผมบอกมันว่ายังไง

 
ผมเดินตรงเข้าไปในบ้านโดยมีเจ้าปลาทองเดินตามอย่างกระดี๊กระด๊า แม่ผมนั่งอยู่ตรงม้าหินอ่อนหน้าบ้าน ท่านเอาเหล่าบรรดาจานชามที่ไม่ค่อยได้ใช้มาขัดๆ ถูๆ  ทำความสะอาด เพราะเก็บไว้นานฝุ่นเริ่มจะเกาะ

 
“ไปเอาหมาจากที่ไหนมาเนี่ยลูก” แม่ผมตกใจเล็กน้อย ที่อยู่ดีๆ ก็มีหมาน้อยผอมโซเดินตามมา

 
“เจ้าปลาทองมันตามมินมาเอง มินเห็นมันที่ข้างนอกมันหิวก็เลยเอาขนมให้กิน มันเลยเดินตามไม่ห่างแบบนี้”  ผมตอบก่อนจะยิ้มแหยๆ ให้กับผูหญิงวัยกลางคนตรงหน้า ที่ดูยังไงก็ยังสวยไม่สร่าง เหมือนสมัยสาวๆไม่มีผิด  แต่ทำไมแม่จึงมารักกับพ่อก็ไม่รู้ พ่อผมตัวดำ ตาตี่ แต่ตัวสูงใหญ่ ผมได้พ่อกับแม่มาอย่างล่ะครึ่ง ผิวขาวกับตัวเล็กเหมือนแม่ ตาตี่เหมือนพ่อ จนกลายมาเป็นมินนี่ตัวน้อยที่น่าเกลียดในสายตาใครๆ

 
ผมเคยขอแม่เลี้ยงน้องหมาตอนเด็กๆ ร้องห่มร้องให้จะเป็นจะตาย แทนที่จะปลอบกับเจอไม้เรียวของท่านแม่ไปซะเต็มๆ พ่อห้ามไว้แม่ก็ไม่ฟัง พอตีเสร็จ แม่ก็เข้ามาปลอบ บอกเหตุผลให้ผมรู้ เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างตามประสาเด็ก แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยขอท่านเลี้ยงอะไรอีกเลย

 
“จะเลี้ยง?” แม่หันมามองก่อนที่จะก้มลงเช็ดจานต่อ

 
“ปละ...เปล่าฮะ ถ้าแม่ไม่อนุญาตก็ไม่เลี้ยงหรอก” ผมตอบไม่เต็มเสียง เพราะที่จริงก็อยากเลี้ยงมันแทบตาย สงสารเจ้าปลาทองตัวน้อย

 
“ถ้าแม่อนุญาต....”

 
“เย้ๆๆๆๆ ดีใจที่สุดเลย” ผมกระโดดหยองแหยงอย่างดีใจ เจ้าปลาทองก็วิ่งไปรอบๆ

 
“แม่พูดยังไม่จบ” ตาผมอ่อนแสงลง เพราะแม่คงไม่อนุญาตแล้ว

 
“ตาละห้อยเลย  ถ้าจะเลี้ยงต้องดูแลมันเองทุกอย่าง แม่จะไม่ยุ่ง ส่วนเงินที่แม่ให้ใช้ทุกวันก็จัดสรรปันส่วนเอาเอง ว่าจะทำยังไงก็พอกับสองชีวิต เข้าใจไหม” แม่อนุญาตแล้ว ดีใจๆ สุดๆ ไปเลย

 
“เจ้าปลาทองแม่อนุญาตแล้ว ดีใจไหมๆ” ผมก้มลงไปอุ้มเจ้าหมาน้อย มาแนบอก

 
“อะไรนะมิน มันชื่ออะไรนะ” แม่ผมถาม

 
“ปลาทองฮะ มันชอบชื่อนี้”

 
“รู้ได้ไงว่ามันชอบ คิดเองเออเองนะเรา”

 
“แฮ่ๆๆ” มันไม่ได้ชอบหรอก ผมนี่แหละชอบเอง ก็ชื่อมันน่ารักดี หมาน้อยชื่อว่าปลาทอง

 
“บ็อก บ็อก”

 
“ไปๆ พามันไปอาบน้ำ แล้วจะเอามันนอนไหน”

 
“นอนกับมิน”

 
“ไม่ได้ ให้มันนอนข้างล่าง”

 
“ก็ได้ ไปๆ อาบน้ำกันดีกว่า” นี่แหละครับคือสาเหตุที่ผมได้เลี้ยงเจ้าปลาทอง

 
ผมกับเจ้าปลาทองอยู่ด้วยกันมาอาทิตย์กว่าๆ แล้ว มันซนจนผมอยากจับมาทำหมาแดดเดียว ตอนนี้ก็เหมือนกัน ผมตามจับมันเพื่อที่จะพาไปอาบน้ำ ไม่รู้ไม่มุดอะไรมา คราบน้ำมันเต็มตัวเลย จับได้ต้องตีสักทีสองที  ไม่รู้ว่าวิ่งหนีไปไหนแล้วตอนนี้ หาไม่เจอเลย  ผมรีบวิ่งไปหาที่หน้าบ้านก็ไม่เจอ หายไปไหนนะ

 
“ปลาทองอยู่ไหน ปลาทอง”  ผมร้องเรียกหาเจ้าหมาน้อยจอมซนไม่รู้ว่ามันไปซ่อนอยู่ไหน

 
“บ็อก บ็อก.....” เสียงเจ้าจอมซนแว่วออกมาให้ได้ยิน ทางฝั่งรั้วบ้านของคุณย่า  ผมรีบวิ่งไปเปิดประตูรั้วที่เชื่อมกันระหว่างสองบ้าน ตอนแรกมันก็ไม่มีหรอก แต่คุณย่าท่านเห็นว่าผมชอบแอบมุดไปหาบราวนี่ประจำ ท่านเลยทำประตูให้เลย

 
“ปลาทอง ปลาทอง” เจ้าหมาน้อยตัวสีน้ำตาลที่ตอนนี้เริ่มจะอ้วนขึ้นมาบ้างแล้ว รีบวิ่งหูตั้ง หางกระดิกมาหาผมทันที

 
“ซนจริงๆ เลย” ผมก้มลงไปอุ้มเจ้าตัวเล็กที่กระดิกหางดิ๊กๆ อย่างรอคอย ขาก็ตะกายเข้ากับหน้าแข้งของผม

 
“บ็อก บ็อก”

 
“ยังมีหน้ามาเถียงอีกนะ  เดี๋ยวเอาไปปล่อยไว้ที่เดิมเลย” ผมด่าเจ้าตัวเล็กเสียงดัง มันก็ยังเห่าไม่ยอมลดละ จนผมเริ่มจะเอือมแล้วตอนนี้

 
“ตั้งแต่เด็กจนโต วุ่นวายบ้านคนอื่นไม่เคยเปลี่ยน” เสียงที่คุ้นหูทำเอาผมตัวชา ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม จะมีก็แต่เจ้าปลาทองที่ยังเห่าอย่างไม่เลิก

 
ผมลืมไปเลยว่าบราวนี่บอกว่าพี่จะกลับมาช่วงปิดเทอม ลืมไปเลยว่าเขากลับมาแล้ว ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า  แค่ได้ยินเสียงก็ทำอะไรไม่ถูก ความรู้สึกเดิมๆ ถูกดึงกลับเข้ามาในหัวสมอง ทั้งๆ ที่คิดว่าลืมไปได้แล้ว แต่พอต้องมาเผชิญหน้าคนตรงหน้าจริงๆ กลับรู้สึกราวกับมันเพิ่งผ่านมาไม่นาน ทำให้ผมรู้ว่ามันไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่มันอาจจะหลบอยู่ในซอกหลืบที่ลึก จนทำให้ผมไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดอีก

 
“ฮึ ไร้มารยาทสิ้นดี ไม่เจอกันตั้งนาน กลับไม่มีแม้แต่คำทักทาย”  พี่ต้องการอะไรจากผม ในเมื่อเราต่างคนต่างอยู่มาแต่ไหนแต่ไร ทำไมถึงต้องมาต้องการแค่คำทักทายจากผม คนที่พี่ไม่เคยอยากรู้จักเลยแม้แต่น้อย แค่ความบังเอิญที่บ้านของเราอยู่ข้างกันก็แค่นั้น

 
“สวัสดีฮะ ไม่เจอกันนานเลย” ผมเอ่ยออกมาในที่สุด พยายามยิ้มทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าสีหน้าตอนนี้ของตนเป็นอย่างไร

 
“นานแล้วนะที่ไม่เจอกัน มึงก็ยังเป็นเด็กที่ไม่รู้จักคำว่าเกรงใจไม่เปลี่ยน” คำพูดที่แทงใจผม มันกลับมาทำร้ายผมอีกแล้ว คำพูดเดิมๆ จากคนเดิมๆ

 
“ผมขอโทษที่เข้ามา ไม่รู้ว่าคุณกลับมา” พยายามกลั้นเสียงสั่นๆ ของตนเอง ไม่ให้เขาจับได้ว่าคนอย่างผมกำลังจะร้องให้เพราะเขา

 
“ถ้ากูไม่กลับ มึงก็คงวุ่นวายไม่เลิก ย่ากูใจดีกับมึงเกินไปรึเปล่า” คำพูดนิ่งๆ แต่แฝงด้วยความเกลียดชังของคนตรงหน้า ทำให้ผมต้องรีบหันหลังเดินกลับไปทางเดิม ไม่มีคำล่ำลาออกจากปากของคนอย่างผม  อยู่ต่อไปอีกไม่ได้แล้วแม้เพียงเสี้ยววินาที  หัวใจดวงเดิมกลับมาเจ็บซ้ำๆอีกรอบ เหมือนเขากระชากหัวใจของผมไว้ใต้ฝ่าเท้า แล้วเหยียบมันซ้ำๆ อย่างไร้ความปราณี

 
ไม่ใช่ความผิดของพี่ที่เกลียดผม แต่เป็นเพราะตัวผมเองที่ไม่รู้จักระวัง ปล่อยให้หัวใจมันนำทาง นำความรู้สึกที่เจ็บปวดกลับคืนมา

 
ตลอดเวลาสี่ปีที่พี่ไม่ได้อยู่ที่เมืองไทย ผมยังแอบดูเขาตลอดผ่านระบบอินเตอร์เน็ตที่สมัยนี้ใครๆ ก็เล่น เขาไม่ได้ตั้งความเป็นส่วนตัว ผมจึงเข้าไปแอบส่องอยู่บ่อยๆ ตลอดเวลาที่พี่โพสต์รูปลง มักจะมีสาวๆ อยู่ข้างกายเสมอ ผมไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงพวกนั้นเป็นใคร เป็นเพื่อนจริงๆ เพื่อนนอน หรือแฟนพี่กันแน่

 
พี่เขายิ้มกว้างทุกครั้งเวลาที่ล้อมรอบด้วยเพื่อนๆ ของเขา ผมได้เพียงแอบมองมาตลอด แม้กระทั่งตอนนี้ที่ผมกำลังเสียใจเพราะเขาอีกครั้ง

 
เคยคิดว่าเข้มแข็งแล้ว ไม่มีใครสามารถมาทำร้ายหัวใจได้อีกแล้ว แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าผมกำลังหลอกตัวเองอยู่  ผมยังคิดถึงเขาตลอดเวลา

 
ผมอุ้มเจ้าปลาทองจอมป่วนไปอาบน้ำที่ข้างบ้าน มันดิ้นทันทีเมื่อเห็นน้ำที่ผมเปิดน้ำใส่กะละมังไว้ เจ้าตัวเล็กมันไม่ชอบอาบน้ำ ใครบอกว่าหมาทุกตัวชอบน้ำนี่ผมเถียงขาดใจเลย เพราะผมเห็นมากับตา  ผมพยายามอาบน้ำให้เจ้าปลาทองอย่างระวัง แต่ผมกลับเหม่อจนเผลอเทน้ำราดหัวเจ้าตัวเล็ก จนมันเห่าประท้วง

 
“ขอโทษๆ มินไม่ได้ตั้งใจ” ผมเอ่ยกับเจ้าหมาน้อยอย่างสงสาร ลูบหัวมันเบาๆ ก่อนที่มันจะครางหงิงๆ อย่างอ้อนๆ

 
“เดี๋ยวก็เสร็จแล้วปลาทอง เดี๋ยวพี่เช็ดตัวให้นะ” ผมผ่อนคลายลงเยอะหลังจากที่ได้เล่นกับเจ้าตัวเล็ก มันช่วยให้ผมคลายเหงาได้จริงๆ เลย

 
***********************************

 

ตอนแรกว่าจะยังไม่อัพ พึ่งแต่งเสร็จเมื่อกี้ เลยเอามาลง เอาเป็นว่าเราจะไม่กำหนดแล้วนะคะว่าจะอัพเรื่องนี้ตอนไหน ถ้าว่างก็จะแต่งอัพให้อาทิตย์ละครั้ง  ตอนนี้ยังอยู่ในพาร์ทอดีตอยู่นะคะ อีกสองสามตอนถึงจะเป็นพาร์ทปัจจุบันแต่ถ้าไม่ว่างก็อ่านเรื่องคุณคิณกับน้องพายรอไปก่อน  ไม่ว่ากันนะคะ สนุกไม่สนุกเม้นให้ด้วยนร้า  :sad4: :L3: :katai4:

 

1เม้น

 

1กำลังใจ

 

ให้คนแต่ง



                   TBC.
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่2ความเจ็บหวนคืน P.1 (22/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-02-2016 13:01:16
 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่2ความเจ็บหวนคืน P.1 (22/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 22-02-2016 13:11:31
ทำไมซองต้องเกลียดถึงขนาดนั้น แย่จริงๆ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่2ความเจ็บหวนคืน P.1 (22/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-02-2016 13:31:04
เจ้าหมาน้อยปลาทองแสนรู้ดีนะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่2ความเจ็บหวนคืน P.1 (22/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 22-02-2016 13:36:20
การศึกษาไม่จรรโลงใจเลยหรือ? ดูเกลียดชังแบบอยากให้ตายๆไปเลยนะนั่น
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่2ความเจ็บหวนคืน P.1 (22/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 22-02-2016 14:06:48
พระเอกร้ายไปเปล่า? มีเหตุผลอะไรที่ทำกับมินนี่แบบนี้  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่2ความเจ็บหวนคืน P.1 (22/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: gatenutcha ที่ 22-02-2016 15:28:03
 :z6:
ไม ซอง ยังนิสัยไม่ดีไม่เปลี่ยนเลย ชอบทำร้ายจิตใจน้องมิน ของเจ้
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่2ความเจ็บหวนคืน P.1 (22/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: zeroj ที่ 22-02-2016 15:38:51
กะจะร้ายให้เค้ามาสนใจรึเปล่าเนี่ย  พ่อพระเอก    :hao3:


หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่2ความเจ็บหวนคืน P.1 (22/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 22-02-2016 17:08:48
เกลียดเพราะรัก ..
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่2ความเจ็บหวนคืน P.1 (22/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 27-02-2016 18:15:03
ชอบชอบ แบบแนวแอบรัก กะหน่วงนิดๆ จี๊ดใจอ่ะ

 :z6:   :z6:  :z6:  :z6:

  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่2ความเจ็บหวนคืน P.1 (22/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Kalamall ที่ 27-02-2016 21:12:30
 :hao4: พี่ครัวซองนี้นิสัย! สงสัยเป็นโรคจิตไม่นิดละนั้น อคติมากมาย

หมูน้อยสู้ๆ รออ่านทุกวันเลย
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่2ความเจ็บหวนคืน P.1 (22/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 27-02-2016 21:53:06
โหดไปใหนกันนะ พี่ซอง
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่3................. P.1 (28/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 28-02-2016 16:08:56
หลานคุณย่า แอบรัก3...............



                (มินนี่)

             

ผมเริ่มบอกตัวเองอีกครั้ง ว่าควรที่จะเรียนรู้ที่จะรักให้เป็น ไม่ให้มันมาทำร้ายตัวผมเอง สมุดบันทึกที่ก่อนหน้านี้ผมชอบบันทึกอะไรลงไป ตอนนี้มันถูกผมลืมเลือนไปแล้ว เพราะผมไม่อยากยึดติดกับอดีต ในเมื่อคนที่เราห่วงหาอาทร กลับไม่ได้มีความรู้สึกแบบเดียวกับเรา ผมก็ไม่ควรที่จะไขว่คว้าหาสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง

               

ตอนนี้ผมมีความสุขดีครับ เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย  ทำงานที่ร้านอาหารวันละสามชั่วโมง ทำแค่พาร์ทไทม์ เจ้าของร้านก็ใจดีกับผม คุณย่าท่านโมโหมากที่ผมแอบมาทำงานแบบนี้ ท่านบอกไม่อยากให้ผมลำบาก แต่ผมบอกท่านไปแล้ว ว่ามันมีประโยชน์กับตัวผมเอง ทั้งในเรื่องการเรียน แล้วก็แบ่งเบาภาระแม่ได้ด้วย

 

ผมเรียนอยู่ปีหนึ่งใกล้จะสอบปลายภาคแล้ว ยุ่งดีชะมัดเลย วันนี้วิ่งวุ่นทั้งวัน ทั้งเรื่องงานที่จะทำส่งอาจารย์ ทั้งเรื่องสอบย่อยอีก

 

“เฮ้ย! มินเย็นนี้ไปทานข้าวกัน”  เพื่อนสนิทผมเองครับ ผมมีเพื่อนไม่เยอะหรอก เพราะเอาเวลาส่วนใหญ่ทำงานพิเศษเสียมากกว่า

 

“เราต้องไปร้านอ่ะ วันนี้พี่คนอยู่ประจำเขาลาด้วย”  กรีนเพื่อนสนิทผมเริ่มหน้ามุ่ยแล้ว เพราะชวนทีไรผมก็ไม่เคยไปซะที

 

“อีกแล้วนะแก พวกฉันชวนทีไรไม่เคยไป ทำงานตลอด”  หลิวเพื่อนอีกคนเอ่ยเสริม

 

“ก็มินไม่ว่างจะอะไรกันพวกแกนี่” เมฆที่นั่งอยู่อีกฝั่งเอ่ยแย้งขึ้น

 

“เข้าข้างกันตลอดนะยะ ทีฉันอ่ะเรียกแกย่างนั้นอย่างนี้ ทีกับไอ้มินนี่พูดซะเพราะ พวกฉันเป็นผู้หญิงนะเว้ยไม่ใช่ไอ้มิน” กรีนแหวใส่เมฆที่นั่งทำหน้ามึนๆ อยู่ข้างๆ ผม เขาพูดเพราะกับผมเสมอ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ทั้ง ๆที่ผมก็เป็นผู้ชาย

 

“อยากให้พูดเพราะๆ ด้วยเหรอครับคุณกรีน คุณหลิว” เมฆพูดเสียงอ่อนเสียงหวานยังคงต่อปากต่อคำกับเพื่อนอีกสองคน ผมก็ได้แต่นั่งหัวเราะที่สองสาวทำท่าเหมือนจะอ้วกออกมา

 

“ใครทำแกสองคนท้องเนี่ย แถมท้องพร้อมกันสองคนเลยด้วย” สองสาวสงสัยจะหมั่นใส้คนข้างๆ มาก ฝ่ามือเล็กๆ สองข้างประเคนใส่หลังเมฆจนเต็มแรง สงสัยคงจะเจ็บน่าดู หน้าตาเหยเกจนผมยังเจ็บแทน

 

พวกเรานั่งเล่นที่ใต้ตึกคณะรอเวลาเรียนคาบบ่าย  พูดคุยเล่นกันไปเรื่อย เมฆอาสาไปซื้อน้ำให้ผมกับสาวๆ อีกสองคน  ตอนนี้เป็นคาบว่าง  อ่านหนังสือบ้าง คุยไร้สาระบ้างในบางครั้ง ไม่มีอะไรที่ต้องเครียดมาก

 

“หมูน้อยยยย” เสียงเรียกผมดังมาแต่ไกล ก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งยิ้มร่ามาหาผม ไม่เคยคิดจะอายใครหรอกครับคนอย่างบราวนี่ แต่เพราะเขาเป็นคนน่ารัก จึงมีแต่คนจ้องมองด้วยสายตาแพรวพราว โดยเฉพาะพวกหนุ่มๆ ที่เห็นหน้าตาน่ารักของบราวนี่ทีไรก็พากันเคลิ้ม จนผมเริ่มที่จะรำคาญไอ้พวกผูชายเจ้าชู้พวกนี้แล้ว ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ชอบเข้ามาถามว่าบราวนี่คนน่ารักมีแฟนยัง มีเบอร์ไหม จีบได้ไหม จนผมอยากตะโกนดังๆ ออกไปว่าให้ไปถามเอาเอง แต่ก็ได้แค่คิด ไม่กล้าพูดหรอก กลัวรุ่นพี่จะโกรธ  ถึงคณะที่ผมเรียนจะเป็นคหกรรม แต่ก็มีทั้งบรรดา หนุ่มแท้หนุ่มเทียมเรียนเยอะพอสมควร การที่ผู้ชายรักกับผู้ชายจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่

 

“เสียงดังทำไมบราว เค้าอยู่แค่นี้” ผมว่าไอ้คนที่ไม่ได้รู้สึกสำนึกเลยแม้แต่น้อย

 

“ฮี่ๆ ก็เค้าดีใจที่เจอหมูน้อยนี่นา ไม่ได้เจอกันเกือบสองอาทิตย์” เสียงเล็กๆ เริ่มตัดพ้อผม เพราะเราสองคนเรียนกันคนละคณะ แล้วผมก็ยังทำงานพิเศษอีกจึงไม่มีเวลาที่จะได้เจอกัน แต่ก่อนเราเรียนด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันแทบจะตลอด ตัวติดกนยังกับปลาท่องโก๋

 

“แล้วมีอะไรเนี่ย มาหาถึงที่นี่” อีกคนเข้ามานั่งข้างๆ เอาหัวมาถูไถผมแบบที่เจ้าตัวชอบทำตั้งแต่เด็กจนโต เวลาที่ต้องการจะอ้อนคนในครอบครัว หรือแม้กระทั่งเพื่อนสนิทอย่างผม

 

“คิดถึง คุณย่าก็คิดถึง บอกว่าตัวไม่เข้าไปทานข้าวที่บ้านเลย รู้ไหมว่าย่าน้อยใจใหญ่แล้ว” นี่ล่ะสินะคือสาเหตุที่บราวนี่มาหาผม

 

“ก็บอกคุณย่าแล้วนี่นาว่าทำงานพิเศษ” ผมสองคนคุยกันไปเรื่อยโดยที่สองสาวเอา แต่นั่งจ้องกับท่าทางของเราสองคน

 

“เราขอขัดจังหวะได้ไหม นายสองคนใครรุกใครรับ” กรีนเอ่ยถามขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของเราสองคน

 

“อะไรนะกรีน อะไรรุกๆ รับๆ” ผมงงกับคำถามของเพื่อน จึงถามย้ำอีกครั้ง

 

“ก็นายสงคนไง ใครรุกใครรับ” กรีนคิดว่าผมสองคนเป็นแฟนกัน

 

“ฮ่าๆๆๆๆๆ เรา ฮึ...ฮ่าๆๆๆ ขอหัวเราะก่อนนะ”  บราวนี่หัวเราะเสียงดังกับคำถามบ้าบอของเพื่อนผม แต่ผมนี่ยิ้มไม่ออกนะครับ

 

“บ้ารึไงกรีน เราสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก บ้านอยู่ติดกัน คุณย่าของบราวนี่ก็เหมือนย่าของเรา” ผมพยายามอธิบายให้เพื่อนเข้าใจ แต่อีกคนเอาแต่ขำ ท้องคับท้องแข็ง

 

“ใช่ๆ เรา ฮ่าๆ เป็นเพื่อนกัน”  หมั่นใส้บราวนี่จริงๆ เลยเอาแต่หัวเราะ ไม่ทุกข์ร้อนอะไรกับเขาสักอย่าง

 

“ฉันก็ว่างั้นแหละยายกรีน แกจะเอาเคะมาชนเคะหรือไง ฟ้าผ่าตาย” ดูเพื่อนผมแต่ละคนสิครับ สนับสนุนให้ผู้ชายกินกันเองไม่พอ ยังจะมาจับคู่ให้ผมกับบราวนี่อีก

 

“พอๆ เลยพวกเธอเลิกไร้สาระได้แล้ว ส่วนบราวเมื่อไหร่จะเลิกขำ”

 

“อือๆ ฮึ เขาเลิกก็ได้” แม้จะพยายามกลั้น แต่ก็ยังแอบหัวเราะออกมาอีก จนผมหันไปมองค้อนเพื่อรักที่หนึ่ง

 

“บราวนี่น่ารักอ่ะ เราชอบ” กรีนส่งยิ้มที่คิดว่าน่ารักที่สุดในชีวิตให้กับบราว

 

“จีบเราเหรอ”

 

“คิๆๆๆ ใครเขาจะจีบล่ะ เราแค่อยากหาแฟนให้บราว”

 

“เอาสวยๆ เลยนะคร้าบบบบ” บราวนี่ยังไม่รู้ตัวล่ะสิว่าความซวยกำลังจะมาเยือนถ้าให้ยายสองสาวนี่หาแฟนให้สงสัยจะได้สามีมากกว่า

 

“อย่างบราวนี่ต้องหาแฟนหล่อๆ ล่ำๆต่างหาก” หลิวแท็กมือกับกรีนอย่างเห็นด้วย สองสาวนี่ท่าจะบ้าไปใหญ่แล้ว  ผมก็เคยโดนตอนที่รู้จักกันใหม่ๆ

 

“บ้าแล้ว เราผู้ชายนะ”บราวนี่แหวเสียงดังอย่างขัดใจ

 

“แต่ผู้ชายแบบบราวนี่กับมิน ต้องเหมาะกับเมะล่ำๆ หล่อๆ ชายได้ชายเป็นยอดชายนะจ๊ะ” ใครก็ได้ช่วยพายายสองคนนี่ไปล้างสมองทีครับ สางสารพ่อแม่ของพวกเธอจริงๆ เลย

 

เมฆที่ไปซื้อน้ำนานจนผมลืมไปเลย เดินกลับมาพร้อมน้ำหลากสีตามที่พวกผมสั่งไป แต่ไม่มีของบราวเพราะไม่รู้ว่าจะมาเลยไม่ได้สั่งเผื่อ

 

“สวัสดีเมฆ” บราวนี่เอ่ยทักผู้เดินเข้ามาใหม่ ก่อนที่จะส่งยิ้มน่ารักตามแบบของตนเอง

 

“สวัสดีครับบราวนี่”  เมฆเอ่ยทักบ้างพร้อมกับนั่งลงเก้าอี้ว่างข้างๆ บราวนี่

 

ผมหยิบแก้วชานมเย็นปั่นมาดื่ม ก่อนที่จะยื่นให้บราวนี่ แต่รายนี้เขาไม่ชอบหรอก ชอบดื่มชาเขียวใส่นมเยอะๆ  แต่ก็ยอมดื่ม สงสัยจะหิวล่ะสิ

 

“บราวทานข้าวมารึยัง”

 

“ทานแล้ว แล้วตกลงเย็นนี้ว่าไง บอกบราวมา” เจ้าตัวคะยั้นคะยอผมไม่ยอมหยุด รายนี้ไม่ชอบให้คนขัดใจ

 

“โธ่ บราวอ่ะ วันอาทิตย์ได้เปล่า เราลางานก่อน” หาทางเลี่ยงเพราะไม่อยากให้คนที่ร้านรอ เพราะไม่พนักงานไม่พอ อีกอย่างก้ตกลงกับพี่ๆ ที่ร้านไว้แล้ว

 

“หมูน้อยอ่ะ” พูดอย่างนี้คืองอนเต็มขั้นแล้วครับ หน้างอๆ ตาเชิดๆ ที่ตอนนี้ส่งมาให้ผม ชอบให้คนอื่นง้อเป็นที่หนึ่งเลย

 

เสียงฝีเท้าคนที่เดินมาตรงนี้ ทำให้ผมต้องหันไปสนใจผู้มาใหม่ ก่อนที่จะเห็นว่าเป็นพี่พาย ปกติเขาจะไม่มาหาผมที่คณะหรอกครับ  พี่พายสวยในแบบที่ผู้หญิงหลายๆ คนยังต้องอาย ตาคม ปากเล็กๆ จมูกเล็กๆ โด่งไม่มากรับกับใบหน้า  ริมฝีปากบางๆ ของพี่พายยกยิ้มสวยส่งมาให้ผมส่วนพวกหนุ่มๆ สาวๆ ที่อยู่โต๊ะข้างๆ อยู่ดีๆ ก็เอ่ยเสียงดังเซงแซ่ จนผมหันไปมองจึงรู้ว่าพวกนั้นกำลังจ้องผู้มาใหม่อย่างเอาเป็นเอาตาย

 

“พี่พายมาได้ไง” ผมยิ้มให้พี่พายบ้าง ส่วนเมฆนี่เอาแต่นั่งอ้าปากค้าง อยู่อย่างนั้น ตาก็มองพี่ชายผมไม่กระพริบเลย ไม่ต่างกับสองสาวที่มองตาค้างสะกิดแขนกันเบาๆ แล้วกระซิบกระซาบอะไรไม่รู้

 

“มาตามเจ้าตัวแสบ”

 

“นั่งนี่เลยครับ” เมฆตั้งสติได้รีบลุกขึ้นให้พี่พายนั่งลงที่ๆ ตัวเองนั่งอยู่ก่อนแล้ว

 

“ไม่ป็นไรหรอก พี่มาแป๊บเดียว”

 

“นั่งเถอะค่ะ ให้ไอ้เมฆมันยืนน่ะดีแล้ว” หลิวนี่เห็นผู้ชายหน้าตาดีไม่ได้ครับ ตาเยิ้มเชียว

 

“จริงๆ ค่ะ พี่นั่งเลย ไอ้เมฆมันถึก มันอึด ไม่เป็นไรหรอก” กรีนเป็นฝ่ายสนับสนุนเข้าขากันดี  ถ้าคนหนึ่งเป็นนักร้องอีกคนก็คงจะเป็นมือกลองคอยตบให้เข้าจังหวะ

 

“ขอบคุณนะ” พี่พายยิ้มเผื่อแผ่ให้ทุกคน รวมทั้งเมฆที่มองตามตาละห้อยเลยงานนี้

 

“เดี๋ยวมินแนะนำเพื่อนให้รู้จักนะฮะ” ผมแนะนำให้ทุกคนรู้จักกันอย่างเป็นทางการ พวกเพื่อนๆ ผมก็ยกมือไหว้พี่พายกันใหญ่

 

“หน้าตาดีกันทั้งบ้านเลยอ่ะ อิจฉาจัง ทำไมผู้ชายสมัยนี้ ทั้งสวย ทั้งน่ารักแบบนี้ แล้วผู้หญิงอย่างกรีนกับหลิวจะมีที่ยืนเหรอคะ”  มันก็จริงครับ อย่างที่ผมบอกว่าบ้านนี้เขาหน้าตาดีทั้งบ้าน แต่ละคนหน้าไม่เหมือนกันหรอก พี่ซองคนโตออกแนวหล่อแบดบอย พี่พายดูสวยคม ส่วนบราวนี่ดูน่ารักแบบแก่นๆ เซี้ยวๆ

 

“ฮ่าๆ แกก็ยืนอยู่ที่เดิมของแก เพียงแต่ไม่มีใครสนใจก็เท่านั้น” เมฆปากร้ายว่าเพื่อนผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง

 

“แกไม่ต้องมาว่าฉันหรอก ไอ้ยักษ์ปักหลั่น ตัวดำทะมึน” เป็นหลิวที่ร้องด่าเมฆออกมาเสียงดัง

 

“พี่พาย กับบราวนี่ไม่ต้องตกใจนะคะ เราแค่คุยกัน ไม่ได้ทะเลาะกันหรอก” กรีนพูดก่อนที่จะยิ้มบางๆ ส่งให้พี่พายสงสัยจะเขิน

 

“ไม่เป็นไรหรอก พี่ว่าตลกดี”

 

“แล้วตัวตามเค้ามาทำไม” บราวนี่หันไปถามพี่พายหลังจากที่นั่งเงียบมาสักพัก

 

“ก็บอกว่ามาตามเจ้าเด็กแสบเอาแต่ใจไง คุณย่าบอกแล้วไงว่าบราวทำงานพิเศษ วันอาทิตย์ค่อยเข้าไปที่บ้านก็ได้” เริ่มจะมีอะไรตะหงิดๆ น่าสงสัยซะแล้ว

 

“บราวบอกว่าคุณย่าคิดถึง น้อยใจที่มินไม่ได้เข้าไปหาไม่ใช่เหรอ” ผมหันไปถามพี่พาย น่าจะได้คำตอบมากกว่า

 

“เจ้าตัวแสบต่างหาก บังคับให้คุณย่าโทรหาหมูน้อยด้วย แต่คุณย่าไม่โทรเลยมาเอง” ผมเริ่มจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว

 

“บราวหลอกมินเหรอ” ผมหันไปมองบราวนี่อย่างเคืองๆ ที่จริงก็ไม่ได้โกรธหรอก แค่แกล้งไอ้คนที่ชอบเอาแต่ใจเล่นเท่านั้นเอง

 

“ฮี่ๆ แกล้งเล่นเฉยๆ  ก็บราวคิดถึงมินอ่ะ ตั้งแต่เด็กเราอยู่ด้วยกันตลอดนี่นา” หน้าตาน่าสงสารส่งมาให้ผม สายตาอ้อนๆ คู่เดิมตั้งแต่เด็กจนโต ผมก็ใจอ่อนตามเคยครับ

 

“มินทำงาน วันอาทิตย์จะเข้าไปหาแต่เช้าเลย”

 

“จริงๆ นะ”  อีกคนพุ่งเข้ากอดผม จนตั้งตัวไม่ทัน เกือบตกเก้าอี้ทั้งสองคนแล้วไหมล่ะ จนผู้คนที่นั่งมองกลุ่มเราอยู่หันมาจ้องเป็นตาเดียวกัน จะไม่ให้มองได้ไงล่ะ ก็ผู้ชายสองคนมานั่งกอดกันแบบนี้ ใครๆ ก็มองทั้งนั้นแหละ อีกทั้งยังมีพี่พายคนสวยนั่งอยู่ด้วยจึงเป็นจุดสนใจได้ไม่ยาก

 

“พอแล้วน้องบราว คนมองกันใหญ่แล้ว” เป็นพี่พายที่ห้ามไว้ เพราะคนแถวนี้คงม่ไมีใครคิดว่าเพื่อนผู้ชายจะกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันขนาดนี้

 

“ไม่นะคะพี่พาย กำลังฟินเลย”

 

“จริงๆ ค่ะ เคะชนเคะก็ไม่เป็นไรแต่ตอนนี้กรีนว่ากอดกันต่อเลยค่ะ ทำเยอะกว่านี้ก็ไม่ว่า ผลัดกันรุกผลัดกับรับ หนูชอบ”  ประสาทจะเสียเพราะเพื่อนผมสองคนนี่แหละ

 

“ไร้สาระจริงๆ พวกแกสองคนเนี่ย” เมฆเอ่ยขัดความสุขของสองสาวที่ที่นั่งเคลิ้มๆ อยู่

 

“แกไม่เข้าใจสาววายอย่างฉันหรอก เงียบๆ ปากไปเลยไป” หลังจากนั้นก็เป็นการปะทะคารมของสองสาวกับหนึ่งหนุ่ม อย่างเช่นทุกครั้ง มีความสุขในทุกๆ ครั้งที่ผมได้อยู่กับเพื่อน มันเป็นความทรงจำที่ผมไม่มีวันลืม ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือไม่ดี ทุกข์บ้างสุขบ้าง ทะเลาะกันบ้างตามประสาแต่ผมก็จำทุกช่วงเวลา

 

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ในทุกๆ ปี  แม้ผมจะยังไม่สามารถลืมคนที่อยู่ในใจได้ แต่ผมก็แค่เก็บเขาไว้ในซอกหลืบของหัวใจให้ลึกที่สุด ไม่ให้ความรู้สึกนี้มาทำร้ายผมอีก ตอนนี้ผมใกล้จเรียนจบแล้ว บราวนี่ก็เหมือนกัน ส่วนพี่พายเรียนจบไปสองปีกว่าแล้ว ตอนนี้เปิดร้านเค้กเล็กๆ อยู่ มีผมเข้าไปช่วยบ้างหลังเลิกเรียน ผมไม่ได้ทำงานพิเศษที่ร้านอาหารแล้ว มาช่วยพี่พายแทน เป็นลูกมือคอยช่วยทำเค้กเมนูต่างๆ พี่พายก็สอนผมอย่างตั้งใจ จนตอนนี้ผมทำได้หลายเมนูแล้ว

 

ผมเคยบอกตัวเองไว้ ถ้าวันที่ผู้ชายที่เป็นเจ้าของหัวใจของผมกลับมา แล้วผมยังไม่สามารถลืมเขาได้ ผมจะทำอะไรบางอย่าง เพื่อเป็นตัวตัดสินชีวิตของผมในอนาคต ผมคิดดีแล้ว จะไม่เสียใจในสิ่งที่ตนเองตัดสินใจไปแล้ว ผมแค่รอเวลาก็เท่านั้นเอง

 

ถ้าไม่มีอะไรดีขึ้น  ผมแค่ยังอยู่ในที่ของผม ที่ๆ ไม่มีผู้ชายอีกคนที่ผมเฝ้ามองมาตลอด ผมจะใช้ชีวิตให้ดี เพราะยังมีแม่กับเจ้าปลาทองจอมซนอยู่ข้างๆ ผม อีกทั้งพี่พาย บราวนี่ คุณย่า ทุกๆคนรักผม แค่นี้ก็พอแล้ว

 

ผมนั่งมองอีกคนที่ผมเคยแอบเอาโทรศัพท์ถ่ายรูปเขาไว้เมื่อนานมาแล้ว ถ่ายจากกรอบรูปที่บ้านของเขาครับ  มันเป็นเพียงรูปเดียวที่ผมมีอยู่ ผมเอามาเปิดดูทุกวันเพื่อตอกย้ำความรู้สึกตนเอง เพียงแค่อยากรู้ว่าผมลืมเขาได้รึยังก็แค่นั้น มันไม่ได้มีความหมายอะไรมากมายหรอกครับ ความรู้สึกตอนนี้ไม่ได้เจ็บปวดเหมือนเมื่อก่อน เพียงแต่ยังรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าเขาคือคนสำคัญของผม

 

อีกไม่กี่เดือนเขก็จะกลับมา พร้อมกับรับตำแหน่งประธานบริษัท หน้าที่การงานที่ผมไม่มีทางจะเทียบได้ แค่นี้เราก็ห่างกันจนไม่มีทางที่จะเดินมาบรรจบกันแล้ว วันข้างหน้าที่เขาประสบความสำเร็จ ก็ยิ่งจะทำให้เราต่างกันเกินกว่าที่คนอย่างผมจะสามารถเดินบนเส้นทางเดียวกันกับเขา

 

ผมคนนี้พร้อมที่จะสู้กับอนาคตในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า วันที่เขากลับมาผมจะยิ้มให้เขาอย่างเข้มแข็ง จะไม่มีมินคนเดิมที่เอาแต่ร้องให้สียน้ำตาอีกต่อไป หัวใจผมเข้มแข็งมากพอแล้วในตอนนี้ ไม่มีใครสามารถทำลายมันได้อีก

 

 

***********************************


มาแล้วๆ ขอโทษที่มาช้า :impress3: :impress3: ตอนนี้เนื้อหาก็เรื่อยๆ นะคะ เป็นตอนที่มินนี่น้อยเรียนมหาวิทยาลัย ว่ามีใครเป็นเพื่อนสนิท เพื่อจะได้เชื่อมโยงกับตอนปัจจุบัน 

ตอนหน้าอีพี่ซองจะกลับมาแล้วเป็ยังไงก็คอยติดตามเนอะ จะมาดีมาร้ายก็คอยดูเอา จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างรึเปล่า คอยติดตามนะ :m31:

ขอบคุณหลายๆ คนที่อ่านแล้วเม้นให้ตลอด เป็นกำลังใจที่ดีเสมอค่ะ สนุกไม่สนุกบอกกันได้นะคะ ยินดีรับทุกคำติชม




                               TBC.




                 
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่3................. P.1 (28/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 28-02-2016 16:28:52
มันหน่วงเนอะๆ แอบชอบแอบรักมานานแต่เค้าเกลียดเราแบบออกนอกหน้าเนี่ย  :hao5:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่3................. P.1 (28/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 28-02-2016 17:03:17
สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่3................. P.1 (28/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 28-02-2016 17:08:00
อยากให้ มินตัดใจจัง อยากมห้ซองเสียใจด้วย เอาแบบที่มินไม่มองหน้าเลยนะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่3................. P.1 (28/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 28-02-2016 17:29:33
ชอบจังที่มินคิดได้แบบนี้ ชีวิตเรายังมีอะไรอีกเยอะ ไม่จำเป็นต้องเอาทั้งหมดไปผูกไว้กับคนๆเดียว
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่3................. P.1 (28/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Kalamall ที่ 28-02-2016 20:15:40
 :hao4: ดูจากที่พี่ซองพูดจากะพี่คิณแล้วงานนี้อคติต่อคนนอกบ้านล้วนๆเลย ยากแน่ๆ

แล้วถ้าน้องเมฆมาหาหมูน้อยให้พี่แกเห็นอาจโดนด่าว่าให้เสียใจเข้าไปใหญ่ อยู่ที่คนแต่งละหล่ะ ให้น้องหมูเอาชนะใจพี่แกง่ายๆที่เถอะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่3................. P.1 (28/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-02-2016 22:19:41
 :katai1: :katai1: :katai1:  หมูน้อยสู้ๆ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่3................. P.1 (28/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: zeroj ที่ 28-02-2016 23:04:41
ตั้งตารอตอนที่พี่ซองหึงมิน   o22  (คงอีกนาน    :laugh:  )

หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่3................. P.1 (28/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 28-02-2016 23:32:33
น้องมินคงต้องมีน้ำตาอีกหลายตอนเลย พี่ชองดูร้ายๆ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่3................. P.1 (28/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 28-02-2016 23:55:25
 :mew1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่3................. P.1 (28/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 29-02-2016 00:33:12
สู้ๆนะมิน.

พี่ซองจะต้องคลานเข่ามาหามินนะ. เชื่อหัวไอ้เรืองเถอะ.

 o13  o13  o13  o13

หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่3................. P.1 (28/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 29-02-2016 00:52:12
 :katai1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่3................. P.1 (28/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 29-02-2016 12:02:21
เป็นกำลังใจ กันต่อไป ..
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่3................. P.1 (28/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 29-02-2016 19:21:11
:hao4: ดูจากที่พี่ซองพูดจากะพี่คิณแล้วงานนี้อคติต่อคนนอกบ้านล้วนๆเลย ยากแน่ๆ

แล้วถ้าน้องเมฆมาหาหมูน้อยให้พี่แกเห็นอาจโดนด่าว่าให้เสียใจเข้าไปใหญ่ อยู่ที่คนแต่งละหล่ะ ให้น้องหมูเอาชนะใจพี่แกง่ายๆที่เถอะ


มันมีจุดเปลี่ยนหลายอย่างนะคะ ต้องอ่านไปเรื่อยๆ เนอะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่3................. P.1 (28/02/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 29-02-2016 20:47:37
คืนนี้จะมาไหม  รออยู่อ่ะ

 :katai5:  :katai5:  :katai5:

หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่4 P.2 (02/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 02-03-2016 19:17:24
หลานคุณย่า แอบรัก4



(มินนี่)

 

ผมแต่งตัวด้วยเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ตัวโปรดที่ไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรมากมาย ถือกล่องของขวัญชิ้นสำคัญอยู่ในมือ ของขวํญที่ผมบรรจงทำมันขึ้นมาเพื่อใครอีกคน

 

 ยืนอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ที่ผมคุ้นเคย แต่วันนี้กำลังจะมีหลายสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะในทางที่ดีหรอไม่ดีก็ตาม ผมตั้งใจแล้วว่าจะทำมัน เอาให้ถึงที่สุดแล้วค่อยถอยถ้ามันไม่สามารถที่จะเดินต่อไปได้

 

ประตูหน้าบ้านหลังนี้ที่ผมไม่ค่อยจะได้ใช้มัน ต่อไปนี้ผมคงต้องทำให้เป็นนิสัย จะเข้าออกเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ผมกดออดหน้าบ้านเพี่ยงไม่นานพี่แม่บ้านก็รีบมาเปิดให้ภายในเวลาไม่นาน

 

“อ้าว! ทำไมน้องมินเข้าประตูใหญ่ล่ะคะ”

 

“แค่อยากลองทำให้มันชินน่ะฮะ” ผมพูดออกมาพี่น้อยคงจะงงๆ ทำไมผมต้องทำอะไรที่แปลกประหลาดขนาดนี้  ผมเดินตรงไปตามเสียงเพลงสากลที่เปิดคลอเบาๆ  ใจผมเต้นระรัว ทั้งๆ ที่มั่นใจว่าจะไม่เป็นแบบนี้ แต่ผมตั้งใจแล้วต้องทำให้ได้

 

ปารตี้เล็กๆ ที่จัดต้อนรับคนสำคัญของบ้านกลับมา มีเฉพาะเพื่อนฝูงและคนสนิทเท่านั้น ผมเดินผ่านเหล่าบรรดาแขกแขกในงานที่ส่วนใหญ่น่าจะเป็นเพื่อนของเขา บางคนก็นั่งดื่มตรงขอบสระ บางคนก็ยืนเต้นตามเสียงเพลงบ้าง เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ถูกเสริฟให้กับแขกคนสำคัญ

 

แต่สายตาแต่ละคนที่มองมายังผม เหมือนผมเป็นตัวประหลาดอย่างนั้นแหละ บางคนผมก็เคยเห็นเมื่อสมัยเด็กๆ แต่บางคนผมก็ไม่เคยรู้จัก เสียงกระซิบกระซาบหลายๆคนดังเข้าหูผม  แต่ผมกลับไม่สนใจสายตาดูถูกแบบนี้อีกแล้ว ผมเคยเจอมาตั้งแต่เด็กจนชิน

 

ผมมองหาคนที่ผมตั้งใจจะมาหาแต่ก็ยังไม่เจอ ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาไปไหน สอดส่ายสายตาอยู่สักพัก ก่อนที่จะเห็นคนที่ผมตามหา ตั้งสติให้มั่น เดินช้าๆ อย่างมั่นคงทีละก้าวๆ โดยไม่สนใจผู้คนรอบข้าง เขาเดินออกมาจากด้านในกับสาวสวยเซ็กซี่ ใส่ชุดแสกรัดรูป เข้ากับร่างระหงเป็นอย่างดี หน้าตาที่เติมแต่งด้วยเครื่องสำอางค์ชั้นดี เสริมให้หญิงสาวตรงหน้าดูดียิ่งนัก

 

เพื่อนๆ ของเขาชี้มาทางผม ทำให้เจ้าตัวาจำต้องมองมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผมเดินไปตรงหน้าด้วยท่าทางที่คิดว่ามั่นใจที่สุด แม้ในใจจะสั่นไหวแค่ไหนก็ตาม ผมหยุดยืนตรงหน้าผู้ชายที่ผมมอบหัวใจให้แต่เด็ก ที่ผมต้องมาวันนี้เพราะผมยังไม่สามารถลืมเขาได้ แม้ว่ามันจะผ่านเวลามานานหลายปี  ผมยื่นกล่องของขวัญชิ้นสำคัญให้กับคนที่ยืนมองผมนิ่ง ด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึก ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาคิดอะไรอยู่

 

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะครับ” ผมส่งยิ้มจากใจให้กับคนตรงหน้า ที่ไม่มีท่าทีว่าจะรับของขวัญจากผมเลยแม้แต่น้อย

 

“ใครเหรอคะซอง” สาวสวยคนนั้นเอ่ยถามขึ้นด้วยท่าทางเชิดๆ

 

“เด็กข้างบ้านน่ะ แล้วมาทำไม ใครเชิญ” คำพูดที่ออกมานี่เจ็บปวดดีเหลือเกินครับแต่นี่มันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะรู้สึกเสียใจกับมัน

 

“ไม่มีหรอกฮะ แค่เอาของวัญมาให้” ผมยื่นกลองของขวัญใบเล็กให้คนตรงหน้าอีกครั้ง พร้อมกับส่งยิ้มให้เขาไปในแบบที่ผมไม่เคยทำ

 

“เอามาทำไม ไม่ได้อยากได้”

 

“รับมันไปเถอะฮะ แล้วพี่จะทิ้งหรือเอามันไปทำอะไรก็แล้วแต่พี่” ผมไม่ได้เรียกเขาแบบนี้มานานมากแล้ว มีเพียงความห่างเหินที่เราสองคนมีให้กัน  แต่วันนี้ผมกลับมาเรียกเขาแบบนี้อีกครั้ง เรียกเหมือนตอนเด็กๆ

 

“รับไปเถอะค่ะซอง จะได้จบๆ ไม่อยากได้ก็แค่เอาทิ้งไป”  ริมฝีปากสีแดงสดขยับขึ้นลงไปพร้อมกับคำพูดที่เชือดเฉือนหัวใจคนฟังสิ้นดี  แต่ผมยังคงยิ้มเหมือนไม่สนใจใยดีกับคำพูดของคนข้างๆ เขายื่นมือมารับมันไปถือไว้อย่างไม่แยแส

 

“แค่นี้ใช่ไหม ถ้าหมดธุระแล้วก็กลับไปได้แล้ว” ผมยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกมาก็มีเสียงชายคนที่ผมคุ้นหน้าที่สุดตั้งแต่เด็กเอ่ยแทรกขึ้นมา

 

“นี่มันไอ้เด็กข้างบ้านที่ตอนเด็กๆตัวอ้วนๆ นี่หว่า แมร่งโตขึ้นมาทำไมน่าฟัดน่ากินขนาดนี้วะ ถ้าได้ชิมสักครั้งคงมีความสุขไปทั้งชาติเลยว่ะพวกมึง ขาวโคตร” เสียงโห่แซวของบรรดาเพื่อนๆ ของเขาดังขึ้นพร้อมๆ กับสายตาโลมเลียที่ตั้งใจจนมันน่าเกลียด

 

“หยุดเลยพวกมึง ส่วนมึงมานี่กับกู” พี่ซองหันไปด่าเพื่อนๆ ของเขา  มืออีกข้างก็กระชากแขนผมออกมาจนแขนแทบจะหลุด ผมวิ่งตามแรงลากของคนตัวโตอย่างไม่สามารถที่จะต้านทานมันได้

 

“จะไปไหนคะซอง” ผู้หญิงคนนั้นตะโกนตามหลังเราสองคน

 

“ไปคุยกับเด็กนี่หน่อยครับ รออยู่นั่นแหละครับ” คำพูดจาหวานหูที่เขาส่งให้กับเธอนี่มันช่างเสียดแทงใจผมเหลือเกิน

 

พี่ซองลากผมมาจนถึงสวนข้างบ้าน ที่ตอนนี้มีเพียงแค่แสงไฟสลัวๆ ส่องเข้ามาพอที่จะเห็นหน้าคนตรงหน้าก็เท่านั้น ผมหอบเหนื่อยเพราะแรงกระชากของคนตัวโต เขามองผมด้วยสายตาที่ไม่ค่อยจะสบอารมณ์ คงจะเบื่อผมมากสินะ

 

“ใครให้มา แล้วมาทำไม” เสียงห้วนๆ กับหน้าตาโหดๆ นี่เข้ากันดีนะครับ  ใบหน้าที่เคยหล่อเหลา แต่เวลาที่อยู่กับผมจะเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายทันที

 

“มินมีเรื่องจะคุยกับพี่ซอง” เขาดูจะตกใจกับคำแทนตัวของผมไม่น้อย ผมเริ่มไม่แทนชื่อตัวเองกับเขาตั้งแต่อายุสิบสอง เพราะมันเป็นเหมือนเกาะป้องกันตัวเองของผม ให้ห่างออกจากเขา จะได้เหมือนว่าเราไม่เคยที่จะรู้จักกันนั่นเอง แต่วันนี้ผมกลับมาพูดมันอีกครั้ง และอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย

 

“ว่ามาสิ” เป็นประโยคสั้นๆ ประโยคแรกที่เขาไม่ตะคอกใส่ผม ผมมองหน้าเขาอยู่อยางนั้น ก่อนที่จะพยายามพูดสิ่งที่แสนยากเย็นออกมา ผมไม่เคยคิดว่าจะพูดมันให้เขารู้เลยสักครั้ง จนผมเริ่มที่จะเรียมหาวิทยาลัย ผมโตขึ้นพอที่จะมั่นใจที่จะทำมันลงไป แม้ว่ามันจะเป็นยังไงก็ตาม

 

“มินแค่อยากจะบอกพี่ซองว่า.....มิน...” เสียงผมขาดหายไปเป็นช่วงๆ แม้ว่าจะเตรียมใจเพื่อที่จะรับมัน แต่มันกลับยากเกินกว่าที่จะเอ่ยออกไปโดยไม่รู้สึกอะไร

 

“ว่ามา” เขาเริ่มจะเสียงดังขึ้นมาหน่อย จนผมต้องเงยหน้าขึ้น ทำใจกล้าสบตากับพี่ซองอย่างที่ไม่เคยทำ ไล่มองดวงตาเรียวยาวที่ปลายหางตาเชิดขึ้น จมูกโด่งๆ รับกับรูปหน้า ริมฝีปากไม่หนาแต่เรียวได้รูป จนผมอดที่จะยิ้มให้กับความคิดของตนเองไม่ได้

 

ผมส่งยิ้มบางๆ ให้กับความรู้สึกครั้งนี้ จะจดจำใบหน้าของคนๆ นี้ แม้ว่ามันจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ผมได้มองมันอย่างเต็มตา ผมยิ้มทั้งๆ ที่เริ่มมีหยดน้ำใสๆ เกาะที่หางตา แต่ไม่ยอมให้มันไหลออกมาตอนนี้หรอก

 

“มินแค่อยากบอกว่ามิน มันรักพี่ซองนะ รักมากว่าพี่ชาย” ผมหยุดพูดเพียงเท่านี้ ทั้งเขาและผมต่างก็เงียบๆ จนน่ากลัว ผมยกยิ้มให้เขาอีกครั้ง

 

“ไม่ได้ต้องการอะไรจากพี่หรอก แค่อยากบอกเรื่องที่มันคาใจมาตลอดก็เท่านั้น” ผมยังคงมองใบหน้าเคร่งเครียดของคนตรงหน้า ที่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผลจากการที่ผมกล้าดีมาพูดเรื่องนี้กับเขามันคืออะไร สายตาที่เปลี่ยนไปในแบบที่ผมไม่เคยเห็น แววตาที่ผมเคยกลัวบัดนี้ผมไม่ได้รู้สึกแบบนั้นแล้ว

 

“มึงบ้ารึเปล่า กูเป็นผู้ชายมึงก็ผู้ชาย มึงเป็นเกย์รึไง แค่ทุกวันนี้กูเห็นหน้ามึงเดินผ่านไปผ่านมายังรู้สึกรำคาญสายตาเลย แล้วมึงยังกล้ามาบอกรักกูอีกเหรอ” มันเจ็บกว่าที่คิดไว้ซะอีก คำพูดแรงๆ ที่ถูกเอ่ยออกมา กับสายตาที่มองเหมือนสมเพชในตัวผม

 

“ผมแค่อยากบอกก็เท่านั้น ไม่ได้ต้องการให้พี่ตอบรับหรืออะไรทั้งนั้น” พยายามคุมเสียงไม่ให้สั่น ส่งยิ้มให้เขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะหันหลังเดินออกไป น้ำตาที่พยายามเก็บกักมาตลอดผมปล่อยให้มันไหลอยู่อย่างนั้นในความมืด

 

“กูเป็นผู้ชาย รักผู้หญิง ไม่ได้วิปริตแบบมึง” เสียงแว่วๆ ดังมาจากข้างหลังให้ผมพอได้ยินว่าเขาต้องการจะบอกอะไร ผมยืนอยู่มุมมืด สักพักก่อนที่จะเช็ดคราบน้ำตาแล้วเดินออกมา

 

ผมจำต้องเดินผ่านกลุ่มเพื่อนของเขาอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมไม่คิดที่จะหันไปมองใคร ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเดียว ทุกก้าวต้องมั่นคงไม่หวั่นไหวอีกต่อไป ทำมันลงไปแล้วต้องยอมรับผลที่จะตามมาให้ได้

 

จากนี้ไปชีวิตผมจะเดินไปข้างหน้าจริงๆ สักที หลังจากที่หลอกตัวเองมานานว่าสามารถลืมคนๆ นั้นไปแล้ว แม้ว่าผมจะเสียน้ำตาให้กับความพ่ายแพ้ในวันนี้ แต่ผลลัพธ์มันก็คุ้มค่าพอที่จะให้ผมได้เริ่มต้นนับหนึ่งจริงๆ สักที

 

ของขวัญชิ้นเล็กที่ผมเคยเตรียมให้ทุกวันเกิดของพี่ชายข้างบ้าน แต่ไม่มีโอกาสได้ให้ ถูกผมเก็บลงกล่องอย่างไม่ใยดีอีกต่อไป  ผมบ้าทำของขวัญก่อนถึงวันเกิดของเขาในทุกๆ ปี แต่ก็ไม่เคยคิดจะเอาไปให้จริงๆ หรอก แค่ทำเพราะอยากทำก็เท่านั้น  มันมีค่าสำหรับผมทุกชิ้น เพราะเป็นความทรงจำดีๆ ที่ผมสร้างขึ้นคนเดียวระหว่างผมกับเขา ผมหยิบเทปกาวออกมาซีนจนเรียบร้อย ก่อนที่จะยัดความทรงจำทั้งหมดเข้าใต้เตียงนอน และจะไม่เปิดมันีกต่อไป

 

รูปถ่ายของพี่ที่ผมมีเพียงรูปเดียวในมือถือ ผมก็จัดการลบออกไปแล้ว  ต่อไปนี้ผมจะสร้างความทรงจำใหม่ให้กับตัวเอง ความทรงจำที่ไม่มีคนใจร้าย แม้แต่ความเป็นพี่ต่อไปนี้เขาก็จะไม่มีวันได้รับมันจากผม

 

‘มีเพียงคุณและผม ถ้าบังเอิญเจอกัน ก็เป็นแค่คนแปลกหน้าของคนและกันตลอดไป’

 

ผมยิ้มให้กับความเชื่อมั่นในตัวเอง ที่จะทำให้ผมก้าวผ่านมันไปได้อย่างไม่ยากเย็น แม้ไม่ได้มั่นใจว่ามันจะทำได้ง่ายๆ แต่มันต้องสำเร็จ

 

ผมมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนลืมไปเลยว่ายังไม่ได้ให้อาหารเจ้าปลาทองตัวอ้วนกลม เสียงมันเห่าประท้วงอยู่ชั้นหนึ่งของบ้าน จนผมต้องรีบลุกจากเตียงนอน รีบวิ่งลงบันไดไปให้อาหารมัน

 

เจ้าหมาตัวอ้วนแหงนหน้ามองขึ้นมาบนชั้นสอง ส่งเสียงเห่าไม่หยุดจนผมต้องดุไปที เจ้าหมาตัวอ้วนถึงยอมสงบปากสงบคำ

 

“ตามมินมาเร็ว”  ผมหันไปเรียกเจ้าหมาอ้วนให้เดินตามมา

 

“โฮ่งๆ” ยังเห่าไม่หยุดสงสัยจะโมโหที่วันนี้ทั้งวันผมลืมมันไปจากสารระบบ

 

“ต่อไปนี้จะไม่ลืมแล้ว”  ผมพูดไปด้วยเทอาหารใส่ถาดให้เจ้าจอมตะกละจนเต็ม

 

วันนี้แม่ผมไม่อยู่ ไปต่างจังหวัดกับเพื่อนสนิทของเขาตั้งแต่สมัยเรียน ผมดีใจที่แม่ยอมไปพักผ่อนบ้าง  เพราะตั้งแต่เราต้องใช้ชีวิตกันสองคน แม่แทบจะไม่ได้ไปไหน จนกระทั่งผมเรียนจบพมีงาน หาเงินมาเลี้ยงตนเอง และจุนเจือชีวิตทั้งคนและสัตว์ได้แล้ว แม่จึงยอมที่จะไปพักบ้าง

 

เจ้าหมาตัวกลม ตั้งหน้าตั้งตากินอาหารจนผมแอบได้ยินเสียงมันสำลัก จนเม็ดหัวอาหารพุ่งออกมาจากปากมัน

 

“จะตะกละไปไหน ใครเขาจะแย่งกิน” มันหันมามองหน้าผม ก่อนที่จะหันกลับไปสนใจอาหารอันโอชะตรงหน้า เสียงเคี้ยวดังกรอบแกรบท่าทางน่าอร่อย

 

“นี่น้ำเย็นนะ เทให้ใหม่แล้ว”  เจ้าหมาจอมตะกละมันติดน้ำเย็นเป็นที่สุด ถ้าเวลามันหิวน้ำแล้วไม่เทให้ใหม่อย่าหวังว่ามันจะกินเสียให้ยาก เพียงแค่เอาลิ้นแตะๆ สองสามทีแล้วก็เมินเฉย

 

ผมจัดการมืออาหารให้เจ้าตัวอ้วนเสร็จ ก็กลับขึ้นไปจดการชีวิตตัวเองบ้าง พรุ่งนี้ต้องเป็นวันที่มินเข้มแข็งขึ้น ผมบอกกับตัวเองซ้ำๆ เหมือนกับย้ำเพื่อให้จำ และไม่มีวันลืมความเจ็บปวดที่ผ่านมา แต่มันเป็นแค่บทเรียนของชีวิตบทหนึ่ง ที่ผมจะไม่มีวันก้าวพลาดอีกต่อไป

 

ชีวิตของผมต่อไปนี้จะเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสุขจริงๆ สักที เมื่อมั่นใจที่จะเดินไปข้างหน้าแล้ว ก็จะไม่หันกลับไปมองความขมขื่นที่ผ่านมาเด็ดขาด

 

 

*********************************

 

เอามินนี่น้อยมาเสริฟแล้วค่ะ อ่านให้สนุกนะคะ บรรยากาศตอนนี้ดูหม่นๆ ยังไงไม่รู้(รู้สึกจะหม่นทุกตอน)  :z3: เขียนดราม่าไม่เก่ง(รู้สึกว่าจะไม่เก่งหมดทุกฉาก)  :mew2:ไม่รู้อ่านแล้วรู้สึกยังไงกันบ้าง  ต่อไปน้องมินจะเดินไปข้างหน้าจริงๆ แล้วนะคะ ความเข้มแข็งจงบังเกิด อวยพรให้มินนี่น้อยด้วนะคะ :z6:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่4 P.2 (02/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: gatenutcha ที่ 02-03-2016 19:51:51
 :hao5:
อ่านแล้วสงสารน้องมิน  ชั้นจะคอย สมนำ้หน้านายซอง ตอนที่น้องไปรักคนอื่น  :beat: :z6:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่4 P.2 (02/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 02-03-2016 19:55:24
มินเก่งมาก กล้าที่จะพูดออกไป
ต่อจากไปนี้ได้เวลาเข้มแข็งแล้ว
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่4 P.2 (02/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Panehove ที่ 02-03-2016 20:09:38
สงสัยจังทำไมพี่ซองต้องไม่ชอบมิน หรือว่าแอบชอบเค้าแต่ไม่อยากยอมรับตัวเองกันแน่ ชิส์ เดี๋ยวน้ำตาจะเช็ดหัวเข่าตัวเองระวังเหอะพี่ซอง
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่4 P.2 (02/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-03-2016 20:47:04
ไม่ชอบจริงๆ หรือว่าแกล้งทำเป็นไม่ชอบ
แต่ตอนน้องมินโดนเพื่อนกะลิ้มกะเหลี่ยก็พาแยกออกมาอยู่นะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่4 P.2 (02/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 02-03-2016 21:01:36
น้องมินเชียร์ให้หาคนใหม่เลยจ้า
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่4 P.2 (02/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 02-03-2016 21:13:40
อ่ะ เจ็บจี๊ดๆนะน้องมิน เข้มแข็งไว้
ต้องมีสักวัน ต้องมีสักวัน

 :ped149: :ped149: :ped149:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่4 P.2 (02/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 02-03-2016 22:01:39
เข้มแข็งนะมินเราต้องผ่านมันไปได้
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่4 P.2 (02/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 02-03-2016 22:33:08
"แค่ทุกวันนี้กูเห็นหน้ามึงเดินผ่านไปผ่านมายังรู้สึกรำคาญสายตาเลย แล้วมึงยังจะกล้ามาบอกรักกูอีกหรอ"
อ่านประโยคนี้หน้าชาแทนมินเลยอ่ะ น้องมินสู้ๆ :o12:
ขนาดคนเขียนไม่ถนัดนะคะนี่แต่ละประโยค เจ็บมาก5555  :sad4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่4 P.2 (02/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 02-03-2016 22:40:48
ขอให้มิน ใจแข็ง ไม่หันกลับไปมองจิงๆนะ จะรอสมน้ำหน้า ซอง ขอให้มีคนมาจีบ มินเยอะๆๆนะ เกลียดซอง ขอให้มันเสียใจ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่4 P.2 (02/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-03-2016 00:04:42
สบัดบ๊อบใส่อีพี่ครัวซองเลยน้องมีนนี่  :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่4 P.2 (02/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 03-03-2016 00:31:16
ชอบหมาาาาาาาา :ling1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่4 P.2 (02/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 03-03-2016 00:45:07
"แค่ทุกวันนี้กูเห็นหน้ามึงเดินผ่านไปผ่านมายังรู้สึกรำคาญสายตาเลย แล้วมึงยังจะกล้ามาบอกรักกูอีกหรอ"
อ่านประโยคนี้หน้าชาแทนมินเลยอ่ะ น้องมินสู้ๆ :o12:
ขนาดคนเขียนไม่ถนัดนะคะนี่แต่ละประโยค เจ็บมาก5555  :sad4:  :pig4:

เหอๆ สรุปตัวเองคือไม่ถนัดทุกแนว นักเขียนสมัครเล่นค่ะ .
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่4 P.2 (02/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 03-03-2016 06:27:09
 :mew1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่4 P.2 (02/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 03-03-2016 17:41:04
สู้ ๆ ..
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่4 P.2 (02/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 03-03-2016 21:38:11
 :mew1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่4 P.2 (02/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Kalamall ที่ 04-03-2016 10:32:32
 :กอด1: กอดคนเขียนและหมูน้อย

โอ้ยยยยยยยยยย ....คือชอบ55555 สะใจดี บอกๆความรู้สึกไปจะได้ไม่คาใจแล้วเริ่มใหม่ซะ ส่วนอีพี่ซองคนซึนและมึนจงมึนต่อไป รอดูอาการคนพาล น้องหมูสู้ๆ

อยากอ่านต่อแล้ว  :hao7:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่4 P.2 (02/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 04-03-2016 15:06:14
ดีแล้วค่ะที่เดินออกมา
เรารอสมน้ำหน้าอิพี่ซองอยู่นะเนี่ย 55555
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่5 P.2 (04/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 04-03-2016 20:14:23
หลานคุณย่า แอบรัก5


(มินนี่)

 

วันนี้ผมออกมาเดินหาซื้ออาหารเม็ดให้เจ้าจอมตะกละที่บ้านครับ ห้างไม่ไกลจากบ้านมากนัก แต่จะให้เดินมาก็คงไม่ไหว จึงนั่งรถเมล์สายที่เคยนั่งประจำตั้งแต่เด็กจนโต เพราะวันเสาร์อาทิตย์ชอบแอบหนีแม่มาเที่ยวบ่อยๆ มองผู้คนไปเรื่อยเปื่อย วิถีชีวิตแตกต่างกันไปตามฐานะและหน้าที่การงาน บางคนเร่งรีบ บางคนเดินเอื่อยๆ ข้างถนน ยิ้มบ้าง หัวเราะบ้าง หน้าบึ้งตึงบ้าง ตามอารมณ์ของแต่ละคน

 

 สถานที่แรกที่ผมต้องไปคือร้านอาหรสัตว์ ที่อยู่ชั้นใต้ดินของห้างชื่อดัง ซื้อของแต่ละครั้งนี่แทบจะหิ้วกลับไม่ไหว ทั้งอาหารทั้งครีมอาบน้ำ เจ้าปลาทองมันเป็นหมาตลก หวงบ้าน หวงเจ้าของ  แค่มีเสียงรถยนต์แล่นผ่านหน้าบ้านมันก็เห่าแล้ว เห่าเอาเป็นเอาตาย พอแม่ดุทีหนึ่ง ก็เริ่มจะครางหงิงๆ ไม่กล้าเห่าดังแล้ว กลัวโดนดุ แถมยังมีเหล่ตามองแม่ผมอีก ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าฉลาดดีรึเปล่า เห็นอะไรก็อยากจะซื้อให้เจ้าปลาทองไปหมด ผมเคยบอกไปรึยังนะว่าเจ้าปลาทองมันเป็นตัวเมีย  ซื้อของให้เจ้าหมาจอมป่วนเสร็จ พึ่งจะนึกขึ้นได้ว่าต้องซื้อของใช้ด้วยครับ เลยเดินกลับเอาของที่ซื้อทั้งหมดไปฝากไว้ที่จุดรับฝากของ ก่อนที่จะเดินกลับมาซื้อของใช้ที่คุณนายแม่ฝากมาให้ซื้อ

 

เดินไปถึงหน้าซุปเปอร์ ผมก็เหลือบไปเห็นไอศครีมแบรนด์ดัง ทำให้นึกถึงสมัยเด็กๆ ได้ดี ขาสั้นๆ ของผมเดินตรงเข้าไปยังร้านไอศครีมโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่จะตัดสินใจสั่งนั่งทานคนเดียว ผมชอบออกมาเดินคนเดียวบ่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ ไม่สนใจใคร นึกอยากทานอะไรก็แค่เดินไปสั่ง ไม่จำเป็นต้องถามความคิดเห็นของใคร อาจจะเพราะผมเป็นลูกคนเดียวเลยคุ้นชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้

 

แต่มีบางครั้งที่จะมากับบราวนี่ รายนั้นผมต้องคอยตามใจเสมอ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกรำคาญเลยแม้แต่น้อย เขาเป็นทั้งเพื่อนทั้งน้อง  แม้ว่าเขาจะเอาแต่ใจบ้าง แต่ก็เป็นคนน่ารักเสมอ คอยเป็นห่วงว่าผมได้ทานอาหารอร่อยๆ บ้างรึเปล่า หอบหิ้วขนมจากที่บ้านมาให้ซะเต็มไม้เต็มมือแทบจะทุกครั้ง

 

ไม่นานไอศครีมรสโปรดถูกนำมาเสริฟ ราดด้วยช็อกโกแลตเยิ้มๆ ปิดท้ายด้วยวิปครีมสีขาวน่าทาน ยังไม่หมดแค่นั้น ผมยังแอบสั่งวิปครีมเปล่ามาทานต่างหากอีก ก็มันอร่อยนี่นา นั่งทานไปคิดอะไรไปเพลินๆ ไม่นานเจ้าไอศครีมแสนอร่อยก็หมด จนผมอยากจะยกถ้วยขึ้นมาเลียให้รู้แล้วรู้รอด ตลกกับความตะกละของตัวเองจริงๆ  เหมือนเจ้าปลาทองไม่มีผิด นั่งย่อยสักพักก่อนจะเดินตรงไปยังซุปเปอร์ เพื่อซื้อของใช้ตามคำบัญชาของคุณหญิงแม่

 

หางตาผมเหลือบไปเห็นใครอีกคน ที่ผมไม่เคยคิดว่าจะเจอ เขามากับผู้หญิงคนเดียวกันกับที่ผมเจอวันนั้น เพียงแค่แว๊บเดียวที่ผมหันไปมองเขาทั้งคู่ สายตาเจ้ากรรมก็ดันปะทะกับสายตาคมของเขาพอดี

 

ผมไม่ได้คิดจะสนใจเขาทั้งคู่ ก่อนที่จะเดินไปยังจุดหมายที่ผมตั้งใจไว้แต่แรก จำเป็นต้องเดินไปทางที่สองคนยืนอยู่ เพราะมันเป็นทางไปยังซุปเปอร์ แต่อีกคนกลับรีบเดินตรงดิ่งมาทางผม แต่ยังไม่ลืมที่จะลากผู้หญิงคนนั้นมาด้วย

 

"ไม่คิดจะทักกันเลยเหรอ" นี่คือสิ่งที่เขาต้องการ เพื่ออะไร ผมเงยหน้าสบตากับเขาด้วยแววตาที่ผมคิดว่าว่างเปล่าที่สุด

 

"จำเป็นด้วยเหรอครับ"  ไม่ได้ตั้งใจจะประชดเขา แค่คิดว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะต้องทำแบบนั้น

 

"ปากดีเกินไปรึเปล่า" จะมาเล่นตลกอะไรกับผม รังเกียจผมออกขนาดนั้นแล้วยังจะมายุ่งกับผมทำไม ต้องการแค่คำทักทายจากคนที่ตนเองไม่เคยคิดที่จะรู้จักเนี่ยนะ บ้าไปรึเปล่า

 

"เปล่านี่ครับ แค่คิดว่ามันไม่จำเป็นก็เท่านั้น" ผมตอบออกไปนิ่งๆ มองสบตาเขา ไม่คิดว่าจะต้องหลบสายตาคู่นี้อีกต่อไปแล้ว แต่แววตาที่ผมมองเขาในวันนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว มันว่างเปล่าไร้ความรู้สึก

 

"คิดจะเรียกร้องความสนใจจากกูเหรอ" เขาเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า แม้ผมจะเคยบอกว่ารักเขา แต่ก็ไม่จำเป็นที่ต้องทำแบบนั้น

 

"ฮ่าๆ ตลกเกินไปรึเปล่าครับ ทำไมผมต้องทำแบบนั้น"

 

"เพราะมึงรักกูไง"

 

“ซองจะไปสนใจเด็กนี่ทำไมคะ ไปเถอะค่ะเฟียหิวแล้ว” มือบางยังคงเกาะเกี่ยวแขนคนข้างกายไม่ยอมปล่อย มองผมด้วยสายตาเหยียดหยามตามเคย เธอคงไม่พอใจผมมากแทนที่จะรู้สึกไม่พอใจคนข้างกายของเธอมากว่า

 

“แป๊บนึงนะครับเฟีย” เขาหันไปยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้น ผมกลับรู้สึกว่ามันเป็นรอยยิ้มที่น่ารังเกียจ เสแสร้งสิ้นดี

 

“ไม่ตอบกูล่ะ”

 

"มันก็แค่เรื่องอดีต ลืมๆ มันไปเถอะครับ "  ผมไม่คิดจะสนใจผู้หญิงคนนี้ ก่อนจะหันไปตอบคำถามอีกคน ตอนที่ผมต้องการเขาๆกลับดูถูกความรู้สึกของคนอย่างผม ไม่มีวันที่ผมจะเรียกร้องอะไรบ้าๆ แบบนั้นอีกแล้ว

 

"...." ถึงกับอึ้งเลยเหรอครับ มินคนนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว ไม่ว่าอะไรก็ไม่สามารถทำร้ายผมได้อีกหรอก

 

"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะครับ" ผมหันหลังเดินออกไปจากจุดนั้นทันที แปลกแหะ ผมกลับไม่ได้รู้สึกเจ็บเหมือนที่ผ่านมาแล้ว แม้ยังไม่สามารถที่จะบอกตนเองว่าลืมเขาไปจากใจจนหมดสิ้นแล้วก็ตาม มินคนนี้สตรองนะเออ

 

ผมเดินออกมาอย่างอารมณ์ดีอย่างที่ไม่เคยเป็น วิ่งตามใครมากๆ แล้วมันเหนื่อย พอเลิกตามแล้วมันมีความสุขแบบนี้นี่เอง

 

ผมเดินเลือกของใช้ตามคำสั่งของคุณนายแม่ หยิบขึ้นมาพิจจารณาอ่านอย่างละเอียดก่อนที่จะหยิบลงตะกร้า เดินไปเรื่อยๆ อะไรที่น่าสนใจก็ซื้อกลับไปบ้างคุณนายคงไม่รู้หรอก เหอๆ แต่ถ้านางรู้เหรอโดนบ่นหูชาไปสามวันแปดวัน ว่าซื้ออะไรไม่มีประโยชน์บ้างล่ะ แพงบ้างล่ะ ไม่จำเป็นบ้างล่ะ บทสุดท้ายมักจะจบด้วยคำว่าเปลืองเงิน สรุปคือนางงกนั่นเอง แอบนินทาแม่ตัวเองนี่บาปไหมนะ

 

"น้องมิน" เสียงเรียกดังมาจากข้างหลัง จนผมต้องหันกลับไปมอง

 

"อ้าว!สวัสดีฮะพี่ทิม" พี่ทิมคือเจ้าของโรงเรียนทำอาหารนานาๆ ชาติ ที่เคยตามจีบพี่พายอยู่พักหนึ่งก่อนที่คุณคิณจะเป็นแฟนกับพี่พาย

 

"มาทำอะไรครับ" พี่ทิมเป็นคนคุยเก่งอารมร์ดี ถ้าให้มีพี่ชายสักคนก็คงอยากได้แบบนี้แหละ

 

"มาซื้อของใช้เข้าบ้านฮะ คุณนาย เอ้ย! แม่ให้มาซื้อ แล้วพี่ทิมล่ะฮะ" ผมพูดยิ้มๆ ส่งให้กับพี่ทิม

 

"มาซื้อของใช้เหมือนกันครับ แล้วนี่มาคนเดียว?"

 

"ฮะ ไม่ได้มากับพี่พายหรอก" ผมแกล้งพี่ทิม รู้หรอกครับว่าที่เขาทำเหมือนจีบพี่พายน่ะ จริงๆ แล้วแค่แกล้งเล่นไปอย่างนั้น

 

"เลิกแซวได้แล้วครับ พี่อกหักไปตามระเบียบแล้ว” ใบหน้าหล่อยิ้มเขินให้กับคำพูดของตนเอง คนอกหักอะไรไม่รู้ยิ้มหน้าบานตลอดเวลา

 

"มินไม่ได้แซวซะหน่อย"

 

"ครับๆ ซื้อเสร็จยัง แล้วนี่มายังไง"

 

"นั่งรถเมล์มาฮะ แต่ขากลับคงต้องนั่งแท็กซี่ของเยอะถือขึ้นรถเมล์ไม่ไหว แหะๆ"  ของเยอะขนาดนี้ถ้าต้องหิ้วพะรุงพะรังขึ้นรถเมล์คงลำบากน่าดู แค่เดินออกจากห้างก็คงเมื่อยแขนแทบแย่

 

"ให้พี่ไปส่งไหมครับ" บอกแล้วใช่ไหมครับว่าพี่ทิมเป็นคนดี ติดแต่ขี้เล่นมากไปหน่อย เลยทำให้คนที่ควรดูสมาร์ตกลายเป็นตลกไปเลย

 

"ไมเป็นไรฮะ เกรงใจ" จะให้พี่เขาไปส่งผมได้ยังไง เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น

 

"พี่ไปส่งได้ ไม่เป็นหรอกครับ"

 

"ไม่เป็นไรจริงๆ ฮะ"

 

"โอเคครับ พี่ต้องไปซื้อของต่อแล้ว ถ้าไม่ติดว่ารีบจะชวนทานข้าวสักมื้อ เอาไว้เจอกันที่ร้านนะครับ" พี่ทิมไม่คะยั้นคะยอผมแล้วครับ คงรู้ว่าถ้ามากว่านี้ผมคงอึดอัด เขาเลยไม่บังคับใจผม

 

“เจอกันที่ร้านครับ” ผมยกมือบ๊ายบายให้คนที่หันหลังเดินไปแล้ว พี่ทิมหันมายิ้มให้ผมอีกทีก่อนที่จะเดินลับตาไป

 

หลังจากที่ผมแยกกับพี่ทิมแล้ว ก็กลับมาเลือกซื้อของต่อ พี่ทิมเป็นคนน่ารักดีนะครับ ตลก ตอนผมแซวเขาๆ ยังมีท่าทีเขินๆ แปลกดี ผู้ชายตัวโตๆ กับท่าทางแบบนั้น ผมยืนยิ้มอยูกับความคิดตนเอง แต่ใครอีกคนกลับเดินมาอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

 

"อ่อยไปทั่วเลยนะ"  ร่างของผมสะดุ้งแทบจะทันที เพราะเสียงพูดที่ใกล้ผมจนเกินไป น้ำเสียงแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร ก่อนจะหันไปตามต้นเสียงที่ส่งมาให้กับผม

 

"หมายความว่ายังไง" ผมถามเขาทั้งๆ ที่สายตาก็ยังสอดส่ายหาผู้หญิงคนนั้น ทำไมเขามาคนเดียว แล้วแฟนเขาไปไหนล่ะ

 

"ก็มึงไง กับผู้ชายหน้าโง่คนเมื่อกี้"  ผู้ชายคนนี้ปากร้ายครับ ไม่รู้ผมหน้ามืดตามัวหลงรักคนแบบนี้ได้ยังไงตั้งหลายปี พอเราเลิกตาบอดแล้วก็จะเห็นความจริงที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้

 

"คุณไม่มีสิทธิ์ไปว่าพี่ทิมแบบนั้น"

 

"เหรอ? อาทิตย์ที่แล้วบอกรักกู แต่คราวนี้กลับอ่อยอีกคน" ผมจะอ่อยจะยั่วอีกสิบคนร้อยคนก็ไม่แปลก ในเมื่อคนที่ผมเคยบอกรักไม่ได้รับมันตอบกลับมาสักหน่อย

 

"เรื่องของคุณกับผมมันจบไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว ผมจะอ่อยจะยั่วใครมันก็ไม่เห็นเกี่ยวกับคุณ" เขาจะมาวุ่นวายอะไรกับผมอีก ในเมื่อผมก็ไม่คิดจะไปยุ่งวุ่นวายกับเขาแล้วเหมือนกัน ต่างคนต่างอยู่น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

 

"คำว่ารักของมึงนี่มันไม่มีความหมายเลยรึไงว่ะ พูดอยู่ปาวๆ ว่ารัก แต่มึงกลับทำตัวร่านกับอีกคน” ผมสะอึกกับคำพูดหยาบๆ ของคนตรงหน้า แต่มันกลับทำให้ผมรู้จักเขาดีขึ้นมาอีกยี่สิบเปอร์เซนต์

 

"รักของผมมันมีความหมายมากกว่าที่คนอย่างคุณจะเข้าใจมัน แต่ที่ผมลืมมันไปง่ายๆ แบบนี้เพราะผมทนเจ็บกับมันมานานเกินไปแล้วต่างหาก"

 

เขาเงียบไปสักพัก ผมไม่รู้หรอกว่าคนตรงหน้าต้องการอะไรจากผมกันแน่  แต่ผมไม่คิดจะสนหรอก เพราะตอนนี้สำหรับผม เขาเป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ร่วมโลกเดียวกันก็เท่านั้น

 

“หึหึ...รักแบบวิปริตน่ะเหรอ”

 

“ครับ วิปริต ถ้าอย่างนั้นคุณก็กรุณาอย่ามายุ่งกับคนวิปริตอย่างผมเลย”  ผมหันหลังเดินออกจากตรงนั้นโดยเร็ว ทำไมเขาทำให้ผมรู้สึกรังเกียจความรู้สึกตนเองที่เคยมีให้เขามากมายขนาดนี้นะ

 

“จะไปไหนห๊ะ” ตะคอกผมเสียงดังไม่คิดว่าจะอายสายตาคนอื่นเลย มืออีกข้างก็ดึงผมไว้บีบด้วยแรงทั้งหมดของเขา จนผมรู้สึกเจ็บ

 

“ทำไมครับ ผมว่าคุณต่างหากที่กำลังเรียกร้องความสนใจจากผม เกลียดผมไม่ใช่เหรอแล้วมาเดินตามทำไม” คำพูดแทงใจของผม ทำให้เขารีบปล่อยมือที่จับแขนผมอยู่ออก รอยช้ำที่เกิดจากการบีบเห็นได้ชัด เพราะผมเป็นคนขาว ก่อนที่เขาจะส่งสายตาเคียดแค้นหรืออะไรสักอย่างมาให้ผม มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกหวั่นไหวเลยสักนิด ผมเข้มแข็งมากพอที่จะไม่กลัวกลับการเผชิญกับคนแปลกหน้าอย่างเขาอีกต่อไป

 

ผมเดินจากจุดนั้นมาแล้ว ไม่รู้หรอกว่าคนนั้นยังยืนอยู่ที่เดิมรึเปล่า ก่อนที่ผมจะรีบเลือกของใช้ที่จำเป็นอีกสองสามอย่าง นำไปคิดเงินแล้วตรงกลับบ้านเลย

 

คำพูดของคนเลวเราก็ไม่ควรที่จะมาใส่ใจจริงไหมครับ รังแต่จะทำให้เราเจ็บปวดก็เท่านั้น มองดูแขนเรียวเล็กที่ตอนนี้มีรอยนิ้วมือของไอ้หมาบ้ามันทำไว้ มันเจ็บนะครับ เพราะช้ำค่อนข้างเยอะ ตอนนี้เริ่มจะออกเขียวๆ แล้วด้วยซ้ำ ผมหายามาทาก่อนที่มันจะช้ำไปมากกวานี้ ดีนะที่แม่ไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นคงโดนซักแน่เลย

 

ผมกลับมาถึงบ้านเจ้าปลาทองก็วิ่งหูตั้งหางกระดิกมารับถึงหน้าบ้าน พร้อมกับเห่าสองสามที ผมจึงยกมือลูบหัวมันเบาๆ

 

“เข้าบ้านป่ะ” เจ้าหมาตัวสีน้ำตาลขนสั้นวิ่งนำหน้าไปก่อน แล้วยังมีหยุดรอแล้วหันมอมองอีกต่างหาก ผมซื้อขนมแบบแท่งๆ คล้ายๆ ป๊อกกี้มาให้เจ้าตัวป่วนด้วย

 

“ทำไมหิวเหรอ” เอาหารให้เจ้าปลาทอง และยังไม่ลืมที่จะเทน้ำเย็นๆ ให้มันด้วย ก่อนที่จะเก็บของใช้ทุกอย่างให้เรียบร้อย

 

ล้มตัวลงนอนมองเพดานสีฟ้าสะอาดตา เครื่องมือสื่อสารเครื่องเล็กที่นอนสงบอยู่บนเตียงกลับแผดเสียงดังขึ้นมา ทำให้ผมต้องหยิบขึ้นมาดู เป็นเบอร์ที่ผมไม่ได้บันทึกไว้ ก่อนที่จะกดรับแล้วแนบมันใส่หู กรอกเสียงลงไปตามสายโทรศัพท์

 

“สวัสดีครับ”  ไม่มีเสียงใดๆ เกิดขึ้นจากอีกฝัง ผมจึงเอ่ยออกไปอีกสองสามที แต่เขาก็ยังไม่โต้ตอบกลับมา คนบ้าโทรมาป่วนรึเปล่านะ

 

“ถ้าไม่พูดอีกจะวางแล้วนะครับ” ก่อนที่นิ้วเรียวเล้กของผมจะยกขึ้นไปกดปุ่มสีแดงเพื่อตัดสาย

 

“เอ่อ.......” ไม่ทันแล้วครับ ผมได้ยินเสียงปลายสายเหมือนเขาต้องการจะพูดอะไรสักอย่าง  แต่มือผมกลับไวกว่ากดวางสายไปเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ช่างเถอะ ถ้าเขาต้องการจะคุยจริงๆ คงจะติดต่อกลับมาใหม่

 

ผมเผลอหลับไปทั้งอย่างนั้น ตั้งแต่บ่ายๆ จนเย็นมากแล้ว ได้ยินเหมือนมีเสียงใครเปิดประตูเข้าบ้าน แม่คงกลับมาแล้ว ผมรีบลุกขึ้นล้างหน้าล้างตา รีบวิ่งลงบันไดไปชั้ล่าง

 

“แม่.... คุณนาย” เรียกครั้งแรกไม่มีเสียงตอบรับ ครั้งที่สองก็ยังเงียบ  หรือว่าเราจะหูฝาดไปนะ

 

ผมเดินดูรอบๆ บ้านกลับไม่เจอแม่  แล้วเสียงที่ผมได้ยินล่ะ หรือว่าหูจะแว่วไป เจ้าปลาทองตัวดีก็ดันไม่เห่าซะนี่ ปกติจะเห่าเสียงดังยิ่งกว่าอะไร หรือว่าผมสลึมสลือกึ่งหลับกึ่งตื่น แล้วหูอาจจะแว่ว เพราะเจ้าปลาทองมันไม่มีทางที่จะไม่ห่าคนแปลกหน้าหรอก  แต่ถ้าเป็นโจรล่ะ แล้วมันไปแอบซ่อนอยู่ในบ้านจะทำยังไง คิดได้ดังนั้นก็รีบหาอุปกรณืที่พอจะใช้ป้องกันตัวได้

 

‘สากดีไหมเอาไว้ทุบหัวมันให้แบะ ไม่เอาๆสงสาร ’

 

‘มีด เออมีด ดีๆ แทงทีเดียวใส้ทะลัก ไม่เอาๆ น่ากลัว’

 

‘ตะหลิว ไม้กวาด เออๆ ไม้กวาดยาวดี มันเดินมาก็ตีๆๆๆ เอาแค่สลบก็พอ’

 

ตกลงกับตัวเองได้แล้ว ผมจึงหยิบไม้กวาด แปลงร่างเป็นนักสืบหัวเห็ดทันที พร้อมกับเดินหาไอ้โจรชั่วทุกซอกทุกมุม เจ้าปลาทองตัวอ้วนเดินต้วมเตี้ยมตาม แต่ก็ไม่เจออะไร สงสัยผมจะหูฝาดจริงๆ แหละคราวนี้ เลิกระแวง แล้วรีบกลับไปทำอาหารเย็นรอคุณนายก่อนที่จะกลับมา เดี๋ยวจะโมโหหิวกันพอดี จะเอาอะไรกับผู้หญิงวัยทอง อย่าบอกแม่นะครับว่าผมนินนา อิอิอิ

 

****************************

 

น้องมินคนงามมาแล้วค่ะ อยากบอกว่าน้องสตรองมากนะคะ ทีนี้ใครจะมาเชียร์ให้น้องสงสารไอ้พี่ซอง นี่ไม่ใช่งายๆ อีกต่อไปนะคะขอ :angry2:

บอก  อย่ามาด่าน้องมินลูกรักของแม่ทีหลังไม่ได้นะ เพราะนางใจแข็งมาก
   :hao3:    :hao3:

 อีพี่ซองเตรียมรับมือน้องมินคนใหม่ให้ดีๆนะคะ จะได้รู้ว่าความเจ็บมันเป็นยังไง :z3: :z10:



          TBC.
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่5 P.2 (04/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: pimthacha ที่ 04-03-2016 20:39:35
สตรองมากเลย มินนี่  o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่5 P.2 (04/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 04-03-2016 20:53:22
ชอยมาก ขอให้มินใจแข็งสุดๆๆ เด็ดขาด อย่าสนใจมัน ให้พี่ทิม มายุ่งกับมินเยอะๆๆ อิอิรอสมน้ำหร้าไอ้ซอง ให้มันง้อจนจบเรื่องเลยนะ เกลียดมัน
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่5 P.2 (04/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 04-03-2016 20:53:48
มิน สู้ๆๆๆๆๆ อย่าไปยอมมมม  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่5 P.2 (04/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 04-03-2016 21:08:04
 :mew1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่5 P.2 (04/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 04-03-2016 21:09:05
มินนี่ เชิดใส่พี่ซองเลย ปากก็ร้าย หลงตัวเองสุดๆ

หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่5 P.2 (04/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-03-2016 21:35:21
เริ่ดๆๆๆ. แบบนี้นี้แระมินนี่ สุดยอดดด  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่5 P.2 (04/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 04-03-2016 21:40:48
เอาให้หนักเลยค่ะ ยังจุกกะตอนที่แล้วไม่หาย ไอ้บ้าพี่ซองปากร้าย สมน้ำหน้า  :angry2: :angry2:
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่5 P.2 (04/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 04-03-2016 21:43:21
#ทีมมินนี่


น้องสตรอง น่ารัก ไม่ต้องแคร์ค่ะ แค่ตัวผู้ห่วยๆ ทิ้งมันไปเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่5 P.2 (04/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 04-03-2016 21:50:23
ชอบนายเอกฉลาดๆมีสมองความคิดเป็นของตัวเอง ที่สำคัญคือการที่เจ็บแล้วต้องจำ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่5 P.2 (04/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 04-03-2016 22:18:39
เอาเลยหมูน้อย นี่คือช่วงเวลาเอาคืนแล้ว
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่5 P.2 (04/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 04-03-2016 22:24:28
เพิ่งจะเริ่มคิดได้นะ พี่ซอง
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่5 P.2 (04/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 05-03-2016 02:46:28
เกลียดที่ปากร้ายมากๆ หมดเสน่ห์ไปเลยผู้ชายพรรค์นี้
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก (ครัวซองต์+มิน) ตอนที่5 P.2 (04/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 05-03-2016 16:57:17
เอาคืน เอาคืน อย่างสาสม ..
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า วันว่างๆ ของหนุ่มๆ(ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักนะคะ) P.3 (05/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 05-03-2016 20:44:11
     
:mew1: วันว่างๆ ของหนุ่มๆ :mew1:


พาย: คุณคิณเดินตามพายอะไรนักหนาครับ ไปนั่งเล่นกับพี่ซองนู่นไป

คิณ: ใครเขาจะไปนั่งกับไอ้ซองปากหมาเล่า ไม่เอาหรอก

พาย: พี่ชายพายนะนั่น พูดแบบนี้ได้ไง(ตากลมโตถลึงใส่สามีจอมกวนประสาท)

คิณ: มันก็จริงนี่ครับ นั่งใกล้มันทีไร มันชอบปล่อยหมาออกมาจากปากตลอด

พาย: คุณคิณก็อย่าไปกวนพี่ซองเขามากสิครับ

คิณ: ถ้ามันเลิกปากหมาเมื่อไหร่ ผมก็เลิกกวนเมื่อนั้น

(ผมปวดหัวมากเลยครับเวลาที่สองคนนี้มาเจอกัน แทบจะฆ่ากันให้ตายด้วยคำพูด คุณคิณนี่ก็จอมกวนประสาท ส่วนพี่ซองก็ชอบแขวะคุณคิณตลอด พูดง่ายๆ ก็ปาก...เหมือนที่คุณคิณว่านั่นแหละ)

ซอง: มึงว่าอะไรกูไอ้คิณ

(เสียงแห่งความวุ่นวายเริ่มมาแล้วครับ ผมรีบหลบฉากไป ปล่อยให้สองเสือปะทะกันให้ตาย เหนื่อยแล้วก็หยุดตัวใครตัวมัน แก่ๆ กันแล้วนี่)

คิณ:ใครจะกล้าว่าคนปากหมาๆ อย่างมึง มึงรู้ไหมคนอ่านเขาเกลียดมึงหมดแล้ว(อันนี้คือไม่กล้าว่า)

ซอง:ใช่สิ ก็ mookratai เขาแต่งซะมึงเป็นสุภาพบุรุษ แต่กูนี่ซาตานชัดๆ

คิณ: แค่นี้ก็รู้แล้วว่าใครลูกรักลูกชัง

ซอง:เออ! ก็กูไงลูกชัง ตั้งแต่ต้นเรื่องมากูยังไม่มีดีสักอย่างแมร่ง ว่าแล้วก็อยากจับนางไปฆ่าทิ้ง

คิณ: ก็มึงอยากทำร้ายมินนี่น้อยทำไมวะ มึงรู้ไหมคนอ่านเขาเชียร์ให้เมียมึงนะหาผัวใหม่

ซอง: ก็ลองดูดิ กูจะบุกไปหาทีละคนแล้วจับปล้ำแม่งเลย(นางมาสายโหดและหื่น)

คิณ: ไอ้ห่า เขาไม่แจ้งจับมึงก็บุญหัวแล้ว ถ้ามึงทำอย่างนั้นน่ะ

ซอง: ใครจะกล้าแจ้งตำรวจว่ะ กูกลัวแต่จะนอนฟินทั้งคืนสิไม่ว่า

มินนี่: ได้ยินแว่วๆ ว่าพี่ซองจะไปทำอะไร ฟินๆ นะฮะ (เสียงหวานๆ ส่งมาให้แต่สายตานี่ไม่ใช่นะขอบอก น่ากลัวมากเลยเมียกู

คิณ: ก็ไอ้ซองนะสิครับ มันบอกว่าจะบุกไปปลำ้ลีดเดอร์ โทษฐานที่เข้าข้างน้องมิน ไม่สงสารมันบ้าง

มินนี่: จริงรึเปล่าฮะ (เสียงนี่เย็นยะเยือกสู่ขั้วหัวใจ แสยะยิ้มมุมปากด้วยเมียกู)

ซอง: พี่พูดเล่นเฉยๆ นะครับมินนี่ สุดที่รักของพี่น่ารักขนาดนี้จะไปทำแบบนั้นกับคนอื่นได้ไงครับ(อ้อนไว้ก่อนครับกลัวตาย เมียผมโหด)

มินนี่:  ก็ดี แต่อย่าให้รู้นะว่าทำจริงๆ  เพราะลีดเดอร์น่ะเป็น fc. มิน ถ้ามินจับได้พี่ตาย

คิณ: ฮ่าๆๆๆ ที่แท้ก็เกลียมัว ไม่เหมือนกู

พาย:อะไรนะครับ

คิณ: ปละเปล่าครับเมีย

ซอง: มึงก็ไม่ต่างจากกูหรอกไอ้คิณ กูเกลียวมัว แต่มึงนะกลัวเมีย 5555 จริงไหมครับน้องมิน(พูดจบปุ๊บก็กอดมินนี่อ้อน อย่างเอาใจ เพราะรู้ว่าตัวเองมีความผิด)

คิณ:ที่ร้ากกกครับ ปะเราไปที่อื่นดีกว่าเนอะ อยู่ใกล้ไอ้ซองปากหมามากๆ ไม่ดี( มือบางตีแขนแกร่งดังเพี๊ยะ ก่อนที่จะเดินตามแรงดึงของคนรักไป)

 

(*^_^*)ヽ(´▽`)/∩˙▿˙∩(´ヮ`)( ^∇^)(^v^)囧rz(´△`)

 

★★★★★★★★★★★★

อีซองมันจะฆ่าเค้าง่ะ ไม่แต่งเรื่องมันต่อดีไหม  :m31: หรือเปลี่ยนพระเอกดี #ไอ้ซาตานปากหมา ด่ามัน :angry2:

 

วันนี้สารภาพตามตรงเลยว่ามีได้ลงทั้งสองเรื่องเลยนะคะ :-[ :impress2: แต่กลัวคนอ่านคิดถึง คิดเองเออเองนะเรา #คิดถึงมั้ย

เม้นให้ด้วย บังคับนะขอบอก แต่งเล่นๆ สั้นๆ มาฝากทั้งสองเรื่อง #ทีมอีซองเกลียมัว #ทีมคุณคิณกลัวเมีย :heaven
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า วันว่างๆ ของหนุ่มๆ(ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักนะคะ) P.3 (05/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: มะลิลา ที่ 05-03-2016 22:36:13
น้องมินจ้ะ เกรงว่าที่เข้าบ้านน้องมาจะเป็น
โจร :serius2:
ปล้นสวาท :z1:
ที่ชื่อ ซอง
 :haun4:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า วันว่างๆ ของหนุ่มๆ(ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักนะคะ) P.3 (05/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 06-03-2016 15:39:50
โปรดเข้าใจให้ตรงกัน ..
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน6 P.3 (06/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 06-03-2016 17:55:32
หลานคุณย่า แอบรัก ตอน6


 

(มินนี่)

 

วันนี้เป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ ผมไม่มีโปรแกรมที่จะไปไหน ว่าจะอยู่บ้านเป็นเพื่อนคุณนายเขาหน่อย ตื่นอาบน้ำตั้งแต่เช้า เพราะตั้งใจจะไปใสบาตรกับแม่ ท่านใส่บาตรแทบจะทุกเช้า เหมือนเป็นกิจวัตรประจำวันอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ คงใส่ใหพ่อผมนั่นแหละ เพราะท่านเสียนานแล้ว แม่ยังแอบนั่งมองรู)พ่ออยู่เลย

 

“ตื่นสายเชียวนะเจ้าตัวดี” คำแรกที่ทักทายกันก็ป็นแบบนี้แหละ คำหวานๆ นี่ไม่คิดจะพูดกับลูกบ้างหรอก ดีนะที่ยังไม่ถึงขั้นพูดกูมึง

 

“สายไรเล่าคุณนาย ตื่นทันใส่บาตรด้วยเห็นไหม” พึ่งจะหกโมงหน่อยๆ เอง พระท่านมาตั้งเกือนหกโมงครึ่ง จะให้แหกขี้ตาตื่นกี่โมงไม่ทราบครับคุณนาย

 

“เออๆ เตรียมยกโต๊ะไปตั้งหน้าบ้านเร็ว เดี๋ยวพระท่านมาจะไม่ทันเอา” ผมตะเบ๊ะให้แม่หนึ่งที ก่อนที่จะโดนมะเหงกลูกใหญ่ส่งตามมา

 

“เจ็บนะแม่ เล่นไรไม่รู้”

 

“ใครเล่นกับแกห๊ะ เร็วๆ เข้าอย่ามาทะลึ่ง”  บ่นผมตลอดแหละตั้งแต่เด็กจนโตไม่รู้อะไรของนาง แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ถ้าความสุขของคุณนายคือการได้บ่นผม ด่าผม ก็ปล่อยๆ ไปครับ จะได้อายุยืนๆ อยู่กับผมไปนานๆ แต่ช่วงนี้บ่นเยอะเป็นพิเศษสงสัยจะย่างเข้าวัยทอง เพราะไม่เห็นซื้อผ้าอนามัยมาหลยเดือนแล้ว ผมชอบแกล้งคุณนาย เพราะมันเป็นเหมือนยาชูกำลังอย่างหนึ่งในชีวิตของเราสองคน การที่อยู่บ้านแค่สองคนถ้าไม่ได้หยอกกันบ้างทะเลาะกันกับนางบ้างบ้านก็คงจะเหงา ผมรู้ว่าแม่ผมเหงามาตลอดหลังจากที่เสียพ่อไป แต่ท่านก็ยังยิ้มให้ผมเสมอ ผมจึงตอบแทนด้วยการคอยกวนบ้าง ยั่วโมโหบ้างเพื่อให้แม่ลืมความเหงาที่ขาดพ่อไปได้บ้าง แต่มักจะโดนทำร้ายกลับตลอด แม่ผมน่ะชอบทำร้ายลูก ต้องแจ้งมูลนิธิปวีณาไหม เขาจะได้เข้ามาคุ้มครองผมจากการโดนมารดาทารุณกรรม ฮี่ๆ

 

วันนี้แม่ต้มซุปไก่หม้อใหญ่มีมะเขือเทศลูกโตๆ มันฝรั่งหั่นท่อน อีกทั้งหอมหัวใหญ่กลิ่นหอมฉุย กับไข่เจียวกุ้งสับ ใส่หอมหัวใหญ่หั่นเป็นลูกเต๋าลงไปด้วย นี่แหละของโปรดผม ทั้งๆ ที่บ่นตลอด แต่ก็มักจะทำของที่ผมชอบให้ทานเสมอ ผมรักแม่ว่ะ แต่ไม่บอกหรอก เดี๋ยวจะโดนมะเหงกของคุณนาย เพราะไม่ชอบฟังอะไรหวานๆ เคยบอกว่ารักคุณนายครั้งสุดท้ายนี่ตอนจบมอหกน่ะถ้าจำไม่ผิด โดนด่ามาซะยับเลย หลังจากนั้นผมก็ไม่เคยบอกรักนางอีกเลย นอกจากว่าอยากจะแกล้ง หรือไม่โดนมะเหงกนานแล้วมันคิดถึง

 

“ไร้สาระจริงแก ไปๆ”

 

“ก็รักแม่นี่นา” อยากอ้อนเหมือนแม่ลูกคู่อื่นเขาบ้าง

 

“ไม่ต้องมาพูดไร้สาระ ไปซักผ้าเลยไป” ไม่ซึ้งแถมยังไล่ไปทำงานพร้อมกับโดนมะเหงกไปเต็มๆหนึ่งที ถ้าผมฉี่รดใสที่นอนนี่โทษคุณนายคนเดียวเลยนะขอบอก  มินเสียใจ

 

“ไม่ซึ้งเลยรึไง เซ็ง” พูดไปอย่างนั้นแหละรู้ว่าคุณนายเขาเขิน จึงกลบเกลื่อนด้วยการทารุณกรรมลูกตัวเอง

 

ใส่บาตรตอนเช้าด้วยกันเสร็จก็เข้ามาทานอาหาร โดยไม่ลืมเทอาหารให้เจ้าปลาทองจอมตะกละ ที่เดินวนไปวนมารอบๆ ชั้นที่วางหัวอาหารมันไว้ แม่ทำอาหารอร่อยส่วนผมก็ทำเป็นแทบจะทุกอย่าง แต่สู้ฝีมือแม่ไม่ได้หรอก จึงชอบให้คุณนายทำให้กินมากกว่า

 

นั่งเล่นนอนเล่นกับคุณนายตั้งแต่เช้า จนสายๆ หน่อยจึงเอาเสื่อไปปูใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ข้างๆ บ้าน ไม่รู้ว่ามันคือต้นอะไร แต่มันเป็นพุ่มใหญ่จนสามารถบังแดดได้ดี แถมยังเย็นอีก  คุณนายเอาไหมพรมมาถัก เพราะว่างไม่มีอะไรทำ แม่นั่งพิงต้นไม้ต้นใหญ่ ส่วนผมพอได้ที่ก็ล้มตัวลงนอนที่ตักแม่เลย แฮ่ๆ คุณนายหันมามองแว๊บหนึ่ง ก่อนที่จะยกมือลูบหัวผมสองสามที มันรู้สึกอุ่นในใจขึ้นมาอย่างประหลาด แม้จะไม่มีคำบอกรักหวานๆ เหมือนแม่ลูกคู่อื่น แต่ก็มีความสุข อย่างนี้สินะที่เขาเรียกว่าความรักโดยไม่มีข้อแม้

 

แม่ถักนิตติ้งเป็นผ้าพันคอ บอกว่าถักให้ผม แต่ผมจะมีโอกาสได้ใส่ไหมหนอ ประเทศไทยมันหนาวซะที่ไหนล่ะ โดยเฉพาะเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานครเนี่ย มีแต่ฤดูร้อน กับฤดูฝนแค่นั้นแหละ

 

ถักผ้าพันคอสีฟ้าน้ำทะเลสลับกับสีเทาหม่น สวยดีครับ ผมหันหน้าเข้าหาหน้าท้องของคุณนายกลิ่นตัวคุณนายหอมจังเลย ได้กลิ่นทีไรมักจะเคลิ้มหลับทุกที มือเล็กของผมเอื้มไปกอดเอวเล็กไว้ แล้วหลับตาลง เพียงไม่นานผมก็เข้าสู่ห้วงนิทรา  หลับจนไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปนานแค่ไหน จนได้ยินเสียงแว่วๆ  ของคนที่มาเรียกแม่ แต่ผมก็ไม่คิดจะลืมตาขึ้นมาดูหรอก สงสัยคงจะฝันไป เสียงคนในฝันนี่คุ้นๆ ดีจัง ฟังดูอบอุ่น อยากได้ยินเสียงนี้บ่อยๆ จัง แต่ก็แค่คนในความฝัน ผมกลับมาหลับสนิทอีกครั้งเมื่อเสียงคนนั้นหายไปแล้ว 

 

หลับต่อจนได้ยินเสียงคุณนายบ่นว่าเมื่อยแล้ว จึงเริ่มขยับยุกยิกสองสามทีก่อนที่จะลืมตาขึ้นมา ส่งยิ้มให้คุณนายทั้งๆ ที่คราบขี้ตาเกรอะกรัง

 

“ไม่ต้องมายิ้ม เมื่อยไปหมดแล้วเนี่ย” ผมยกมือลูบหน้าาลูบตาสองสามทีก่อนที่จะเอามือเล็กๆ ของตนบีบๆ นวดๆ ให้คนขี้บ่น

 

“โอ้ย! หึหึ พอแล้วๆ นี่แกจะฆาตรกรรมแม่ตัวเองรึไง” สงสัยจะจั๊กจี้

 

“โธ่! คุณนาย นวดให้หายเมื่อยนะเนี่ย”

 

“ก่อนที่จะหายเมื่อยฉันขาดใจตายก่อนพอดี” คุณนายเป็นคนบ้าจี้  มีอยู่หลายจุดที่จับไม่ได้ จับทีไรหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง แต่ผมก็ชอบแกล้งสนุกดี

 

“ตอนเย็นกินข้าวกับอะไรอ่ะคุณนาย มินอยากกินต้มแซบกระดูกอ่อน กับผัดผัก”  ผมถามทั้งๆ ที่มือยังสาละวนอยู่กับต้นขาอวบๆ ของแม่

 

“คุณย่าให้ไปทานข้าวที่บ้านนู้น” แค่บอกว่าไปทานข้าวที่บ้านนู้นผมก็ไม่อยากไปแล้ว ไม่ใช่ไม่อยากทานข้าวกับคุณย่าและคนอื่นๆ แต่ไอยากอึดอัดที่ต้องเจอเขามากกว่า

 

“ไม่ไปได้ไหมคุณนาย”

 

“เสียมารยาทแย่เลย พี่เขาอุตส่าห์มาชวนถึงที่บ้าน”

 

“ใคร? พี่พายเหรอ ทำไมแม่ไม่เรียกมิน”

 

“เปล่า ตาซองน่ะ เขามาตอนที่เราหลับอยู่” ผู้ชายคนนั้นเข้ามาบ้าน เฮอะ ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดจะเหยียบบ้านหลังนี้ แล้วนี่คิดยังไง ผมยิ้มเยาะให้กับคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว

 

“ยิ่งไม่อยากไปใหญ่เลย” คุณนายยกมือตีแขนดังเพี๊ยะ แต่ไม่ได้เจ็บอะไรมาก

 

“โตๆ กันแล้ว ยังจะเอาเรื่องตอนเด็กมาคิด ทิฐิเราน่ะวางมันลงซะบ้าง”  ผมนี่นะมีทิฐิ เขาต่างหากที่ไม่อยากคุยดีๆ กับผม จนทุกวันนี้กลายเป็นมองหน้ากันไม่ติดแล้ว เพราะผมเลือกที่จะเดินบนเส้นขนานกับเขาแล้ว ไม่มีทางที่มันจะมาบรรจบกันหรอก

 

“ก็ได้ แต่ทานเสร็จมินกลับเลยนะ”

 

“ไม่อยู่คุยกับคุณย่าก่อนล่ะ ท่านบ่นคิดถึง เราน่ะไม่เข้าไปหาท่านเป็นเดือนแล้วนะ”

 

“แม่ก็รู้ว่าเพราะอะไร ไม่ต้องมาบ่นมินหรอก” ทำไมผมจะไม่คิดถึงคุณย่า แต่มันไม่เหมือนเดิมแล้ว เจ้าของบ้านเขากลับมาแล้ว แล้วเขาก็หวงที่ของเขามากเสียด้วย จะให้ผมไปวิ่งเข้าวิ่งออกเหมือนเดิมได้ยังไง

 

“เออๆ แกไม่ต้องพูดแล้ว ไปล้างหน้าล้างตาจะไปได้ไปบ้านนู้นกัน” ผมลุกขึ้นยืนเก็บเสื่อเรียบร้อยแล้วจึงเดินนำเข้าบ้าน เจ้าปลาทองก็วิ่งตามหลังจากที่เกลือกกลิ้งอยู่สนามหญ้ามาครึ่งค่อนวัน

 

*******************************

 

 

“มากันแล้วเหรอ ย่าว่าจะให้คนไปตามอยู่พอดี”

 

“สวัสดีฮะ ย่า” ยกมือไหว้ผู้อาวุโสของบ้าน รู้สึกผิดนิดๆ ที่ผมไม่ได้มาหาท่านเลย

 

“มาหาย่าเจ้าตัวเล็ก ไม่คิดจะมาหาคนแก่เลยรึไง” คุณย่าน้อยใจผมเหรอเนี่ย รีบตรงเข้าไปอ้อนคนแก่ก่อนครับ ไม่อยากให้งอนนาน ผมกอดร่างหญิงสูงวัยอย่างแสนรัก ย่ายกมือหยาบตามวัยมาลูบหัวผม

 

“ไม่ใช่ซะหน่อยฮะ มินคิดถึงย่าที่สุด”

 

“หมูน้อยยยย”  เสียงบราวนี่ดังมาแต่ไกลอีกแล้วครับ ทำเหมือนไม่ได้เจอกันนานทั้งๆ ที่เราสองคนทำอยู่ร้านเค้กด้วยกัน

 

“นี่ก็อีกคนพูดไม่เคยฟัง ร้องเสียงดังได้ยินไปสามบ้านแปดบ้าน”

 

“โหดังขนาดนั้นเลย” คำพูดของบราวนี่เรียกเสียงหัวเราะได้ดี ยกเว้นคุณย่าที่ยืนมาตาเขียวที่หลานรัก ทั้งดื้อทั้งซนเหมือนเด็กตลอด

         

              “แล้วนี่พี่เราไปไหน”

 

“พี่คนไหนฮะ? พี่พายไปกับผู้ชาย ส่วนพี่ซองไปเรียกแล้ว”

 

“ดูเจ้าตัวสบพูดสิแม่ดาว พูดอะไรก็ไม่รู้คนแก่รับไม่ค่อยจะทัน” ดาวคือชื่อแม่ของผมครับ แต่ผมก็ไม่ค่อยชินหรอกเพราะเรียกตาคุณนายจนติดปาก

 

“ขนาดไม่ทันนะเนี่ย ยังยอมให้พี่พายคบกับพี่คิณเลย”

 

ยังไม่ทันที่คุณย่าจะว่าอะไรต่อ เสียงฝีเท้าหนักๆ ของอีกคนก็เดินตรงเข้ามาที่ห้องรับประทานอาหาร ผมแสร้งทำเป็นไม่เห็น ไม่อยากทัก ก่อนที่คุณย่าจะนั่งลง เราทุกคนจึงนั่งตามลงไป

 

คุณย่านั่งอยู่หัวโต๊ะ ส่วนบราวนี่นั่งถัดจากคุณย่าตามด้วยผู้ชายคนนั้น  แม่นั่งถัดจากคุณย่าอีกฝั่ง ผมจึงต้องนั่งตรงข้ามกับคนที่ผมไม่ค่อยอยากจะเห็นหน้าไปโดยปริยาย

 

อาหารถูกนำมาเสริฟ เราทุกคนเริ่มลงมือทานอาหร ผมตักทานไปเรื่อยไม่คิดจะสนใจอีกคน แต่มันแปลกๆ ที่เหมือนเขาพยายามลอบมองผม เพราะหางตาผมสะดุดเข้ากับสายคมแทบจะตลอดเวลาที่ผมเงยหน้าขึ้น แต่ผมก็เลิกที่จะคิดเอามาใส่ใจ เพราะเขาไม่ได้มีความสำคัญกับผม หรือบางทีผมอาจจะคิดไปเอง

 

“ทานเยอะๆ นะน้องมิน ดูสิย่าไม่เจอแป๊บเดียงผมเหลือแต่กระดูกแล้ว” ย่าก็พูดเกินไปครับ น้ำหนักผมลดลงก็จริง แต่แค่โลสองโลคงไม่ทำให้ผมเหลือแต่ก้างขนาดนั้น

 

“ย่าก็ทานเยอะๆ นะจะได้แข็งแรง” ผมส่งยิ้มให้คุณย่าก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาทานข้าวของตัวเองต่อ วันนี้คุณย่าคงลงมือทำอาหารเอง เพราะรสมือแบบนี้ไม่มีใครนอกจากคุณย่ากับพี่พาย แต่พี่พายไม่อยู่ ผมยกมือขึ้นเอื้อมไปหยิบช้อนกลางที่วางอยู่ในชามที่มีต้มจืดกระดูกหมูใส่หน่อไม้สด จังหวะเดียวกันกับที่อีกคนก็เอื้อมมาหยิบเหมือนกัน ผมรีบชักมือกลับโดยเร็ว เพราะเพียงแค่ปลายนิ้วที่สัมผัสกันก็ทำให้ผมรีบดึงมันออกมาทันที  ผมตักอย่างอื่นขึ้นมาทาน ไม่สนใจต้มจืดชามนั้นอีกต่อไป ผมเมินมันเหมือนกับที่เมินอีกคน

 

มันเป็นมื้ออาหารที่อึดอัดดีเหลือเกิน แม้ว่าผมไม่ได้เจ็บปวดเหมือนที่ผ่านมาแล้ว แต่มันยังเหลือความรู้สึกอึดอัดเวลาที่ต้องอยู่ใกล้อีกคน

 

“ทำไมหมูน้อยไม่ทานต้มจืดอ่ะ ของโปรดไม่ใช่เหรอ” อีกคนพูดพร้อมกับตักมันแบ่งใส่ถ้วยเล็กมาให้ผม ทั้งๆ ที่ผมคิดว่าจะไม่กินมันแล้วเชียว

 

“ขอบใจ บราวก็ทานเยอะๆ” ผมตักอาหารคืนให้บราวบ้าง แม้ว่าเราจะนั่งค่อนข้างไกล แต่ผมก็อยากตอบแทนบราวนี่ที่ห่วงใยผมตลอดเวลา

“อิ่มแล้วมีของหวานนะ น้องมิน ย่าทำบัวลอยเผือกของโปรดเราด้วย”  ผมยิ้มรับในทันที ไม่ได้กินมานานแล้ว ผมชอบทานฝีมือคุณย่า ท่านมักจะทำแล้วเรียกผมมาทานเสมอ เพราะบราวนี่ไม่ชอบ ส่วนพี่พายก็ทานแค่นิดหน่อย แต่ผมนี่ทานได้ไม่หยุด ก็เพราะมันอร่อย เคยคิดอยากให้คุณย่าสอนทำแต่ก็ยังไม่ได้ลองสักที

 

“หึ..ทำให้แต่หลานรัก ที่น้องบราวนะไม่ทำให้หรอ๊ก” เสียงกระเง้ากระงอดของบราวนี่ดังขึ้น พร้อมๆ กับท่าทางที่บ่งบอกว่างอนเต็มที่

 

“เราน่ะทานของโปรดแทบจะทุกวัน วันนี้ย่าเลยทำให้มิน”

 

“ลำเอียง” ตาโตๆ ที่ส่งค้อนให้ย่ากับผมเสียเต็มที่ บวกกับหน้ามุ่ยๆ ที่ส่งมาให้นี่ตลกดีชะมัด จนผมอดที่จะขำออกมาไม่ได้

 

“ทานๆ ไร้สาระใหญ่แล้วเรา แล้วนี่ตาซองเป็นอะไร ไม่พูดไม่จาตั้งแต่ลงมาแล้ว” จะเป็นอะไรได้ นอกจากรำคาญสายตาที่ต้องมานั่งเห็นหน้าคนอย่างผมน่ะสิ

 

“เปล่าครับย่า” หันไปตอบย่า แต่ก็ยังไม่วายส่งหางตามามองผมอีก ก็ช่างสิ ไม่ได้ทำอะไรผิดสัหน่อย ที่มานี่ก็แค่มาหาคุณย่า ถ้าไม่ติดว่าอยู่บ้านเดียวกัน ผมก็ไม่คิดจะเจอเขาหรอก

 

“ทำไมไม่คุยกับน้องบ้าง”  คุณย่าไม่ต้องคิดที่จะหาทางให้เราสองคนญาติดีกันหรอก เพราะมันคงไม่มีทางเป็นไปได้

 

“ไม่มีอะไรจะคุยครับ” พูดยังไม่ทันขาดคำอีกคนก็เอ่ยตัดบทสนทนาเสียดื้อๆ

 

“ตามนั้นฮะย่า ไม่ต้องคุยน่ะดีแล้ว” ผมยกยิ้มมุมปากแบบที่ไม่เคยทำ ใครจะไปสน นึกว่าตัวเองเกลียดคนอื่นเป็นคนเดียวรึไง  เหอะ!

 

“สองคนนี้นี่ยังไง โตๆ กันหมดแล้ว ทำไมยังไม่เลิกนิสัยเกลียดชังกันอีก” ถามหลานชายคุณย่าสิครับ ผมไม่ได้เริ่มก่อน ถ้าเขาไม่ทำให้ผมเจ็บก่อนเรื่องมันก็จะไม่เป็นแบบนี้หรอก อยู่ใครอยู่มันดีที่สุด

 

“แบบนี้ก็ดีแล้วฮะย่า ต่างคนต่างอยู่ แค่ไม่เข้ามาวุ่นวายชีวิตของอีกคนก็พอแล้ว”

 

“มึงสิวุ่นวาย กูอยู่บ้านดีๆ แล้วมึงมาทำไม” ทั้งคุณย่าทั้งแม่ผมดูท่าท่านทั้งสองจะตกใจมากเหมือนกัน คงไม่คิดล่ะสิว่าหลานชายจะเป็นคนปากสุนัขมรับประทานขนาดนี้

 

“ผมแค่มาหาย่า แล้วก็ได้ข่าวว่ามีบางคนป็นคนไปเรียนเชิญถึงที่”

 

“ใครเขาอยากจะไปวะ แค่ย่าสั่งก็ทำตามแค่นั้น”  ไม่เห็นจำเป็นต้องไปเลย ให้คนอื่นไปเรียกก็ได้ โทรศัพท์ก็มีให้คนโทรตามสิ

 

“พอๆ ไม่คุยก็ไม่ต้องคุย แล้วก็ไม่ต้องไปแขวะน้อง” สมน้ำหน้าไอ้คุณซองปากปีจอ  ด่ามันเยอะๆ เลยย่า อย่าให้มันนั่งลอยหน้าลอยตาอยู่อย่างนี้ หมั่นใส้ว่ะ

 

“ถ้าอย่างนั้นมินกลับก่อนดีกว่าฮะย่า ไม่อยากอยู่ใกล้หมาบ้าหรอกเดี๋ยวจะติดเชื้อ ยังไม่อยากที่จะไปฉีดยาป้องกันพิษสุนัขบ้า”

 

“มินทำไมว่าพี่เขาแบบนี้” แม่ยกมือบางตีแขนผม แต่ใครจะสนล่ะ มันว่ามินก่อนทำไม ไม่มีทางยอมเหมือนตอนเด็กๆ อีกแล้ว โตแล้วด้วย แม้ว่าจะตัวไม่สูงใหญ่เท่าไอ้หมาบ้า แต่ก็เป็นผู้ใหญ่แล้วไม่กลัวหรอก

 

“ไปๆ ไปตักเอาของหวานก่อน แล้วค่อยกลับ ย่าล่ะปวดหัว”

 

“ขอโทษฮะย่า”  ยกมือไหว้ขอโทษผู้อาวุโสก่อนที่จะเดินไปในครัว ตักเอาของหวานแล้วตรงกลับบ้านเลย ไม่เดินออกไปทางเดิมหรอก ไม่อยากเห็นหน้าไอ้คนเลว เดี๋ยวันจะกัดเอาอีก ไม่รู้ว่าวันๆ หนึ่งกินอะไรเข้าไปถึงได้ปากเสียขนาดนี้ พี่น้องคนอื่นในบ้านเขาก็ไม่เป็นมีอยู่คนเดียวนี่แหละ ที่ผ่าเหล่าผ่ากอ

 

ผมเดินออกประตูหลังบ้าน แล้วตรงไปที่ประตูข้างกำแพงที่ใช้ประจำ ว่าจะไม่ใช้แล้วนะ แต่ก็ไม่อยากเดินผ่านหน้าไอ้คนเลว เดินไปยังไม่ถึงประตูก็เห็นเงาตะคุ่มๆ ของคนตัวใหญ่ๆ ยืนอยู่ก่อนแล้ว

 

ไอ้หมาบ้ามาอยู่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย แล้วจะไปยังไงล่ะทีนี้ เดินกลับไปหน้าบ้านดีกว่า คิดได้อย่างนั้นผมจึงเลือกที่จะเดินกลับไปทางเดิม เพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้า

 

“ทำไมกลัวรึไง ถึงกับต้องเดินหนี”

 

“ใครกลัว บ้าไปแล้ว”

 

“ดี ไม่กลัวก็ดี”  ผมไม่ต่อปากต่อคำกับเขาอีก ตั้งใจจะเดินผ่านหน้าอีกคนไปเลย แต่มือหนาๆ กลับรั้งผมไว้

 

“จับทำไม ปล่อย”

 

“เหอะ ใครอยากจับ” อ้าวไอ้นี่ ก็เห็นๆ อยู่ไหมล่ะ หลักฐานก็มียังจะมีหน้ามาพูดแบบนี้

 

“ไม่อยากจับก็กรุณาปล่อย จะกลับบ้าน”

 

“ก็กลับไปสิ ใครเขาจะรั้งไว้ล่ะ”  พูดจบปุ๊บก็รีบปล่อยมือผมทันที อยากจะเอาอะไรมาขูดหน้าไอ้บ้านี่สักทีสองทีดีไหม ทำไมเป็นคนพูดไม่รู้เรื่อง

 

ผมสะบัดหน้าน้อยๆ เดินออกไปทางประตูข้างบ้าน ไม่สนใจหรอกคนพรรค์นั้น  ไม่อยากเจอแล้วจะมาวุ่นวายด้วยทำไม ไปไกลๆ เลยไป

 

 
********************************

วันนี้มาสองเรื่องเลย ว่างจัดนั่งเขียนตั้งแต่เช้า :katai4: ตอนที่แล้วอินเนอร์แต่ละคนนี่มาเต็มเลย  จะเปลี่ยนพระเอกดีไหม :mew2:

(เค้าล้อเล่น)  สงสารนางเถอะ  :hao5: ไม่รู้ผิดที่คนเขียนหรืออีตาซอง ที่ทำให้พี่ซองเป็นพระเอกในคราบตัวร้ายได้ขนาดนี้ ส่วน

ใครที่อยากอ่านมุมของอีตาซองปากหมาบ้างต้องรอก่อน   :katai5: รอให้เกลียดมันเยอะๆ ก่อน แล้วพี่ซองมันจะ

ออกมาเรียกคะแนนสงสารให้ตัวเอง



       TBC.
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน6 P.3 (06/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 06-03-2016 18:28:12
ถ้าคนแต่ง ให้มินนี่ ใจอ่อนง่ายๆ เขาตะโกรธคนแต่ง มาก จะแช่งให้หาแฟนไม่ได้ด้วย คอยดูนะ ใหัไอ้ซองปากหมา มันตามง้อ มินนี่ จนขาดใจเลยนะ รออยู่
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน6 P.3 (06/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 06-03-2016 18:32:20
จะมาชอบซองคงยากเพราะไม่ชอบซองมาแต่ต้น
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน6 P.3 (06/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Kalamall ที่ 06-03-2016 18:51:34
 :hao3: หมูน้อยสู้ๆ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน6 P.3 (06/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 06-03-2016 20:29:25
ถ้าคนแต่ง ให้มินนี่ ใจอ่อนง่ายๆ เขาตะโกรธคนแต่ง มาก จะแช่งให้หาแฟนไม่ได้ด้วย คอยดูนะ ใหัไอ้ซองปากหมา มันตามง้อ มินนี่ จนขาดใจเลยนะ รออยู่

555น้องมินไม่ใจอ่อนง่ายๆ หรอกค่ะ ไม่ต้องกลัว อีซองมันต้องได้รับบทเรียนนะ ยังไม่ได้จัดหนักให้เลย
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน6 P.3 (06/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: มะลิลา ที่ 06-03-2016 22:03:33
พี่ซองนี่เป็นประเภทปากหมาที่ไม่ตรงกับใจป่ะ :katai1:
คำพูดกับการกระทำนี่สวนทางตลอด :katai5:
ปวดหัวแทนน้องมิน
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน6 P.3 (06/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 06-03-2016 23:02:36
มาชูจักกะแร้ยกมือให้บทเรียนอีตาซองหนักๆเลย
ชิส์. ปากร้ายกับมิน. ทำมินเสียใจได้งัย
มินเข้มแข็งไว้
ยึดคติรักเดียวใจเดียวนะ
555 เอ๊ะ ยังงัยหว่า
#ทีมน้องมิน.
 :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:


หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน6 P.3 (06/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 06-03-2016 23:37:53
ไอ้พี่ซองนี่มันเป็นคนประเภทปากอย่างใจอย่างป่าวว่ะ การกระทำกับคำพูดแม่งขัดแย้งกันว่ะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน6 P.3 (06/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 07-03-2016 02:16:36
 :mew1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน6 P.3 (06/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 07-03-2016 11:03:45
ถ้าจะปากเสียขนาดนี้ ใส่ตระกร้อเถอะค่ะ

นี่เมนท์แบบอินมาก เพราะเข้าข้างมินเต็มที่
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน6 P.3 (06/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 07-03-2016 12:23:58
โอ๊ยยโตยังเนี่ย มาพูดกลางวงผู้ใหญ่ได้ไงวะ  :beat:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน6 P.3 (06/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 07-03-2016 17:13:19
ปากแข็ง แต่ ใจอ่อน ..
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน7 P.3 (09/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 09-03-2016 19:48:27
หลานคุณย่า แอบรัก ตอน7

                                             
 (มินนี่)

วันนี้ผมมาร้านตั้งแต่เช้า ไม่ไดมากับบราวเหมือนเช่นทุกที เพราะเขาโทรมาบอกแต่เช้าว่าพี่ชายจะมาส่ง ส่วนพี่พายคุณคิณก็มารับประจำอยู่แล้ว

 

คุณนายเคยบอกให้ผมซื้อรถเล็กๆ สักคน แต่ผมไม่ซื้อหรอกเสียดายเงิน นั่งรถเมล์มาแบบนี้ก็สะดวกดี ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ใช่ว่าที่บ้านผมจะไม่มีรถ แต่ผมไม่ขับมันหรอก มันเป็นรถญี่ปุ่นกลางเก่ากลางใหม่ที่พ่อซื้อไว้ตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ เอาไว้ให้คุณนายเขาใช้เผื่ออยากไปที่ไหนมาไหนคนเดียว

 

มาถึงร้านแปดโมงกว่าๆ ยังไม่มีใครมาผมจึงจัดการเปิดร้านด้วยตนเองคนเดียว กว่าน้องๆ จะมาถึงก็น่าจะเก้าโมง ผมลงมือทำความสะอาดร้านอย่างที่เคยช่วยน้องๆ ทำประจำ จนเกือบเก้าโมงน้องๆ อีกสามคนก็ทยอยมา แถมยังมีหน้าแซวผมอีก ว่ามาแต่เช้า

 

"พี่ซองไม่ไปทำงานรึไงมานั่งทำไมที่ร้าน" เอ๊ะ! เสียงบราวนี่คุยกับใคร

 

"พี่ไม่มีงาน จะนั่งเล่นที่ร้านน้องตัวเองไม่ไดเลยเหรอ"

 

"ตามใจ แต่ห้ามนั่งทำหน้าดุนะ ยิ้มเยอะๆ ลูกค้าจะได้เข้าร้าน" เสียงทะเลาะกันแว่วๆ ของสองพี่น้อง ดังเข้ามาในครัว บราวนี่น่าจะมาถึงแล้ว แต่พี่พายไม่รู้ว่าใกล้จะถึงรึยัง ผมเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ออกมาก่อนที่จะลงมือทำเค้ก ผมไม่ได้มีพรสวรรค์เหมือนพี่พายที่สามารถคิดสูตรดัดแปลงนั่นนี่ได้ ทำได้แค่ตามที่พี่พายสอนเท่านั้น แต่ถ้าเป็นขนมปังต่างๆ ผมทำเก่งกว่าพี่พาย แต่ร้านของเราเน้นเค้กมากกว่าเลยไม่ค่อยได้โชว์ฝีมือเท่าไหร่ ลงมือทำได้ไม่นานพี่พายก็มาถึง ได้ยินแต่เสียงทะเลาะกันจองคุณคิณแล้วก็เขาคนนั้น วันนี้เขาคิดยังไงไม่รู้ถึงมาส่งบราวนี่ ทั้งๆ ที่ตั้งแต่เขากลับมาจากต่างประเทศยังไม่เคยเห็นเขามาเหยียบที่นี่เลยสักครั้ง

 

"ทะเลาะกันอีกแล้ว" พี่พายบ่นขณะที่เดินเข้ามาในครัว สงสัยจะเอือมระอา คนหนึ่งก็พี่ชายส่วนอีกคนก็คนรัก

 

"หึหึ" ผมได้แต่หัวเราะเบาๆ แทนคำตอบ เพราะไม่รู้ว่าจะพูดว่ายังไง

 

"ทำอะไรไปแล้วบ้างหมูน้อย"

 

"พึ่งเตรียมของเองฮะพี่พาย มินว่าจะทำช็อกหน้านิ่มก่อนเดี๋่ยวไม่ทัน"

 

"ตามนั้น เดี๋ยวพี่ทำอย่างอื่นแล้วกัน" พี่พายสวมผ้ากันเปื้อนก่อนที่จะลงมือเตรียมทุกอย่างๆ ทะมัดทะแมง เราสองคนหันไปคุยกันบ้าง เงียบไปบ้างเพราะตั้งหน้าตั้งตาทำส่วนของตนเอง

 

"พายครับ" เสียงคุณคิณดังมาจากข้างหลัง ผมหันไปดูแว๊บนึง หน้างอมาเชียว สงสัยจะเข้ามาอ้อนพี่พาย

 

"อะไรครับ" อีกคนตอบรับแต่ไม่ยอมหันหน้าไปหา ก้มหน้าก้มตาทำเค้กอย่างไม่สนใจ

 

"จะไปทำงานแล้ว"

 

"ก็ไปสิครับเดี๋ยวสาย"

 

"สนใจคิณหน่อยสิครับ" เห็นไหมครับคุณคิณชอบอ้อนพี่พาย ทั้งๆ ที่ดูภายนอก พี่พายควรจะเป็นฝ่ายอ้อนมากกว่า พี่พายเหมือนผู้ชายตัวเล็กๆ นิสัยอ้อนๆ แต่จริงๆ เขากลับเป็นคนนิ่งๆ มากกว่า แต่คุณคิณนี่ตรงกันข้ามทุกอย่าง

 

"ว่ามาสิครับ พายทำงานอยู่"

 

"เดี๋ยวตอนเย็นมารับนะครับ" พอพูดจบปุ๊บก็ยื่นหน้าเข้าหอมพี่พายปั๊บ จะไม่เห็นได้ยังไงก็ผมแอบดู คู่นี้เขาอ้อนกันน่ารักตลอด

 

"ไปได้แล้วครับสายแล้ว" พี่พายละมือจากงานที่ทำเงยหน้าขึ้นคุยกับคุณคิณ แอบหล่มองผมนิดหน่อยก่อนที่จะหอมแก้มคุณคิณบ้าง ไม่รู้ล่ะสิว่าผมแอบดู อิอิ

 

"ครับๆ ไปแล้วนะครับน้องมิน"

 

"ฮะ" ผมยกมือขึ้นไหว้คุณคิณก่อนที่จะหันกลับมาทำงานต่อ เราสองคนทำงานในครัวจนเกือบเที่ยง ในครัวไม่มีอะไรที่ต้องเตรียมแล้ว

 

ผมเดินออกมาดูลูกค้าหน้าร้าน  เหลือแต่พี่พายที่แต่งหน้าเค้กยังไม่เสร็จ ผมลืมไปเลยว่ามีอีกคนที่ผมไม่อยากเจอนั่งอยู่ ช่วงนี้เขาค่อนข้างแปลกมากๆ ทำไมต้องมาที่ร้านทั้งๆ ที่ไม่เคยคิดจะมา

 

ผมออกมาช่วยชงกาแฟ ปล่อยให้น้องๆ ไปเสริฟ ส่วนบราวนี่นั่งเล่นโทรศัพท์ที่ประจำของเขา ผมหยิบกระดาษจดรายการขึ้นมาอ่านทีละใบ ก่อนที่จะเริ่มทำเมนูที่ลูกค้าสั่งตามลำดับ

 

"เอสเพรสโซ่แก้วนึง" เสียงดังมาจากคนที่นั่งอยู่ข้างหลังแต่ผมไม่สนใจที่จะหันไปโต้ตอบกับเขา ก้มหน้าก้มตาทำเมนูที่ลูกค้าสั่งต่อไป

 

"บอกว่าเอสเพรสโซ่แก้วนึงไง ไม่ได้ยินเหรอวะ" เหอะ คิดจะบอกคนอื่นให้ทำให้ เขาพูดกันอย่างนี้เหรอ ถ้าอยากดื่มมากนักก็มาทำเองสิ นั่งอยู่ทำไมตั้งนาน

 

"เปรี้ยวมาชงเอสเพรสโซ่ให้คนข้างหลังแก้วนึง" เปรี้ยวทำหน้างงๆ ก่อนที่ผมจะชี้ไปหาคนที่นั่งมองผมอย่างไม่สบอารมณ์ ผมจึงเป็นคนยกเครื่องดื่มให้ลูกค้าแทน ไม่หันไปสนใจเขาอีก อยากจะโกรธจะโมโหก็เรื่องของเขา

 

 ลูกค้าประจำหลายคนที่นั่งอยู่ในร้าน ผมพูดคุยเล่นกับเขาบ้าง เพื่อให้บรรยากาศในร้านไม่น่าเบื่อ บางคนมาจนสนิทกัน แถมยังมีขนมมาฝากผมด้วย จนรู้สึกเกรงใจ ทั้งๆ ที่เขามาเป็นลูกค้าเราแล้วยังต้องมาเสียเงินซื้อของมาฝากอีก คุยกับลูกค้าเพลินๆ ก็เกือบเที่ยงแล้ว ลูกค้าเริ่มทะยอยเข้ามาเยอะขึ้น

 

"มินนี่" เสียงใครเรียกผม

 

"มาได้ยังไง ไม่ได้ทำงานกันเหรอ" ผมเอ่ยถามเพื่อนทั้งสามคนที่ไม่ได้เจอกันมาสักพักหนึ่งแล้ว เมฆเรียนจบก็ไปช่วยกิจการร้านอาหารของครอบครัว ส่วนสองสาวกรีนและหลิวรวมหุ้นกันเปิดร้านเบเกอรี่เล็กๆ ตอนแรกพวกเธอสองคนก็ชวนผมทำด้วย แต่ผมอยากอยู่ช่วยพี่พายมากกว่า เลยมาเป็นลูกน้องพี่พายแทน แต่ก็ไม่เชิงว่าเป็นลูกจ้างหรอกครับ เพราะผมก็มีหุ้นอยู่ด้วย แม้ว่าจะไม่ได้ลงทุนอะไร

 

"ปิดร้านย่ะ เลยบังคับไอ้เมฆมาด้วย" ตลอดเลยสองสาว จะไปไหนต้องบังคับเมฆตลอด รายนั้นก็บ่นๆ นะแต่ก็ยอมตามใจ

 

"มานั่งก่อนสิ ทานอะไรกันดี" ผมดีใจที่เพื่อนๆ ยังคิดถึงผม ตั้งแต่เรียนจบไม่ค่อยได้คุยกัน แต่ก็ยังโทรหากันเสมอ

 

“มีอะไรแนะนำล่ะคะคุณเจ้าของร้าน” หลิวพูดประชดผม

 

"แล้วอยากทานอะไรล่ะ" ผมหันไปถามทั้งสามคนอีกครั้ง

 

"โหยแก เป็นเจ้าของประสาอะไร มีเมนูไหนอร่อยๆ ก็แนะนำสิคะ "

 

"มินไม่ได้ป็นเจ้าของซะหน่อย แค่มาทำช่วยพี่พายเฉยๆ" ผมไม่กล้าเรียกตัวเองว่าเจ้าของร้านหรอก เงินก็ไม่ได้ช่วยออกสักบาท แค่พี่พายให้มีหุ้นด้วยก็ดีแค่ไหนแล้ว

 

"แล้วพี่พายคนสวยไปไหนอ่ะ คิดถึงไม่ได้เจอตั้งนาน" หลิวมองหาทั่วร้านแต่ก็ไม่เจอคนที่พูดถึง

 

"อยู่ในครัว น่าจะใกล้จะออกมาแล้วนะ"

 

“จะได้เจอไหมเนี่ย” กรีนทำหน้าหงอยๆ รายนี้เขาปลื้มพี่พายตั้งแต่เจอกันครั้งแรก เก็บเอามาเพ้อตลอดเวลา

 

"แกๆ ผู้ชายคนนั้นหล่ออ่ะ แต่โคตรแบดบอยเลย" หลิวชี้ไปทางเขาที่นั่งทำหน้าไม่รับแขกอยู่ตรงโซฟด้านหลังโต๊ะแคชเชียร์

 

"พี่ชายคนโตของพี่พาย กับบราวน่ะ แต่อย่าไปยุ่งกับเขาเลย"  เขาจ้องมองมาทางนี้เขม็งเลย  ไม่รู้ว่าไม่พอใจเรื่องอะไร

 

"ฉันว่าเขามองแกนะมิน"

 

"จะมองมินทำไม มินไม่ได้อะไรกับเขาสักหน่อย"  ผมรู้แหละว่าเขามองผมแทบจะตลอดเวลาแต่ไม่อยากจะยอมรับ เกลียดสายตาคู่นั้นที่เหมือนจะจับผิด ไม่ว่าผมจะเยื้องกายไปตรงไหน

 

"เออ! ฉันก็ว่าอย่างนั้น หรือว่าหึงแก กับไอ้เมฆ" ดูหลิวพูดสิครับ หึงเหิงอะไรจะฆ่ากันตายอยู่แล้วทุกวันนี้

 

"ดูสิๆ จ้องไอ้เมฆสลับกับแกใหญ่เลย"

 

"บ้าไปแล้วพวกเธอสองคน มินกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วจะจ้องทำไม" เออด่าหน่อยเมฆ พูดไปเรื่อยเปื่อยแล้วเพื่อนผม จนลืมสั่งเครื่องดื่มแล้ว อยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่นไปทั่ว

 

"แล้วตกลงจะไม่ทานแล้วใช่ไหมครับสาวๆ ทั้งสองคน"

 

"ทานสิๆ แกเอาอะไรมาก็ได้ อร่อยๆ เครื่องดื่มด้วย ขอพวกฉันส่องผู้ชายก่อน" อยากจะบ้ากับความคิดของหญิงสองคนนี้จริงๆ เลย

 

 "แล้วเมฆล่ะ"

 

"เราเอาอะไรก็ได้ " ผมลุกเดินไป ไปจัดเค้กกับเครื่องดื่มให้เพื่อนๆ แต่สายตาอีกคนนี่กลับมองตามผมแทบจะตลอดเวลา ผมไม่ได้มองเขาหรอก แต่มันเป็นความรู้สึกไงครับ เวลาที่มีคนจ้องมองเรามันจะสามารถสัมผัสได้ด้วยความรู้สึก

 

"มินไม่ให้เพื่อนๆ มานั่งข้างในล่ะ จะได้คุยกัน" เสียงพี่พายดังมาจากข้างหลัง สงสัยจะทำเค้กเสร็จหมดแล้ว

 

"นั่งตรงนั้นแหละดีแล้วฮะ ไม่อยากให้เพื่อนเข้ามาวุ่นวายข้างใน" ที่จริงผมเกรงใจพี่พายครับ แค่นี้ก็รบกวนเวลาทำงานจะแย่แล้ว

 

"หน้าบานเชียวนะผู้ชายมาหา" เสียงที่ผมไม่อยากได้ยิน ดังเข้ามาในโสตประสาท อยากจะพูดอะไรก็พูดไปเลย เอาที่พอใจเลย ผมจะยิ้มจนปากฉีกถึงรูหูมันก็ปากผมไหมล่ะ ไม่ได้ยืมปากหมาๆ ของใครมายิ้มซะหน่อย ผมหันไปตักเค้กสามชิ้น แล้วก็เตรียมเครื่องดื่มให้กับเพื่อนๆ ก่อนที่ผมจะเดินไป ไอ้หมาบ้ามันยังมองผมตาเขียวอยู่เลย สมน้ำหน้ามัน ใครเขาจะไปสนใจคนปากไม่ดี

 

“อ้อ! พี่พายฮะกรีนบอกว่าคิดถึง” ผมหันกลับไปหาพี่พายเมื่อนึกได้ว่าเพื่อนตัวดีอยากเจอคนที่เขาปลื้ม

 

“จ๊ะ เดี๋ยวพี่เดินไปหา” ผมเดินกลับมาถึงโต๊ะ สองสาวก็สอดรู้สอดเห็นทันที

 

"แก เมื่อกี้แกคุยอะไรกับพ่อแบ๊ดบอยของฉันอ่ะ เขาหึงแกเหรอ" ยังไม่ทันที่ผมจะวางเค้กกับเครื่องดื่มลงบนโต๊ะเลย เสียงแหลมๆ ของกรีนก็รีบเอ่ยถามผมทันที

 

"จะบ้ารึไง บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน ที่เขาทำแบบนั้นเขาเกลียดมินต่างหาก ไม่ถูกกันตั้งแต่เด็กแล้ว"

 

"ไม่ใช่อ่ะสายตาคนที่เกลียดกันไม่ใช่แบบนี้ แบบนี้เขาเรียกว่ารักแต่ไม่แสดงออก" เป็นหมอดูเหรอห๊ะ หรือว่าไปศึกษาการอ่านความรู้สึกจากสายตาคนมา ปวดหัวกับพวกนี้จริงๆ

 

"ไปกันใหญ่แล้วพอๆเลิก คุยเรื่องอื่นเลย" ผมรีบตัดบทก่อนที่สองสาวจะมโนเพ้อพกไปกันใหญ่

 

ผมนั่งคุยกับเพื่อนๆ เพราะขออนุญาตพี่พายแล้ว สรวลเสเฮฮาตามประสาของเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน

 

"แกๆ ผู้ชายคนนั้นหล่ออ่ะ ยิ้มโปรยเสน่ห์มาแต่ไกลเลย"เสียงของยัยเพื่อนตัวแสบผมดังขึ้นมาอีกรอบ ผมหันไปตาทิศทางที่สองสาวมอง พี่ทิมนี่เองครับ ทำไมวันนี้มาได้ก็ไม่รู้

 

"มินๆ เขาตรงมาทางนี้แล้วยิ้มให้ฉันด้วย หล่ออ่ะ พ่อเทพบุตร" คราวนี้หลิวเอ่ยขึ้น

 

"พี่ทิมสวัสดีฮะ"

 

"ครับ" พี่ทิมยกมือรับไหว้ผม ก่อนที่ผมจะแนะนำเพื่อนๆ ให้รู้จัก สองสาวนี่จ้องจนพี่ทิมจะละลายแล้วครับ รายนี้ก็ยิ้มจนปากจะฉีก คุยเล่นกับเพื่อนผมเหมือนกับรู้จักกันมานาน พี่ทิมเป็นคนไม่ถือตัวคุยได้กับทุกคน แถมยังยิ้มแทบจะตลอดเวลา

 

"พี่ทิมจะทานอะไรครับ"

 

"เอาเหมือนเดิมเลยครับ น้องมินทำอเมริกาโน่ให้พี่ด้วยนะครับ"

 

"ได้ครับ รอแป๊บนึง" ผมต้องเดินไปตรงไอ้หมาบ้าอีกแล้วครับ ไม่รู้ว่าคราวนี้จะแขวะอะไรผมบ้าง

 

เขานั่งมองผมจริงๆ นะครับ มองแบบไม่วางตา จนผมเดินมาถึงนั่นแหละปากหมาๆ ของเขาก็เริ่มจะเอื้อนเอ่ย

 

"หึ คราวนี้ควบสองเลย จะเอาใครดีล่ะ เพื่อนหรือว่าไอ้หน้าโง่นั่น" ใครก็ได้ช่วยพาไอ้หมาบ้านี้ไปผ่าหมาออกจากปากทีดูท่าจะเยอะ คิดคำมาว่าผมนี่ไม่เคยซ้ำ

 

"ผมจะเอากับใครมันก็เรื่องของผม จะเอาทีละกี่คนก็ไม่เกี่ยวกับคนอื่น" แรงมาผมก็แรงกลับครับงานนี้ ร้ายมาผมก็ร้ายกลับ

 

"มึงกล้าเหรอมิน ห๊ะ" เขากัดฟันกรอด ด่าผมออกมา

 

"ทำไม่จะไม่กล้า ผมมันวิปริตอยูแล้วนี่"

 

"อย่ามาปากดีใส่กูนะมิน มึงลองไปเอากับพวกมันดูสิ จะได้รู้ว่าาจะเกิดอะไรขึ้น"

 

"ทำไมเล่า คุณมาเกี่ยวอะไรด้วย อย่าบอกน่ะว่าเสียดายผมขึ้นมาน่ะ หรือว่าอยากสนุกกับพวกเรา ถ้าอยากบอกได้นะ" ผมก็กวนประสาทคนเป็นนะครับ ไม่น้อยกว่าใคร คำพูดเลวๆ ผมก็พูดได้ เพียงแต่ผมไม่เคยคิดที่จะพูดมันกับคนอื่น แต่กับคนปากร้ายแบบนี้มันอดไม่ไหว

 

"มึง...." พี่พายถึงกับต้องออกมาห้ามทัพ ไม่อย่างนั้นคงยาว ถึงกับพูดไม่ออกเลยล่ะสิคราวนี้ ทำไมล่ะเกิดมาหึงมาหวงอะไรผมตอนนี้ เราไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันสักนิด  ผมหันมาทำอเมริกาโน่ให้พี่ทิม ก่อนที่จะตักช็อกโกแล็ตเค้กใส่จานไปเสริฟให้พี่ทิม

 

"อ้าว! พี่ทิมไปไหน" เดินกลับมาอีกทีพี่ทิมก็ไม่อยู่ที่โต๊ะแล้ว

 

"ไปเข้าห้องน้ำย่ะ แล้วนี่แกตกลงจะเลือกใคร" กรีนเริ่มอีกแล้วครับ คะยั้นคะยอผมเรื่องไร้สาระตลอดเวลา

 

"อะไร"

 

"อย่าไปฟังสองคนนี้เลยมินไร้สาระ" เพื่อนทั้งสามคนของผมก็มีเมฆนี่แหละ ที่ดูจะปกติที่สุดแล้ว ส่วนสองสาวปล่อยให้เขาอยู่ในโลกของสาววายต่อไป

 

"ตรงไหนที่ไร้สาระห๊ะเมฆ ฉันจริงจังนะ" หลิวหันไปแหวใส่เมฆ รายนั้นก็เงียบทันที  ผมรู้ว่าเมฆแอบชอบหลิวแต่ไม่ยอมบอกซักที แต่ผมไม่ช่วยหรอกให้เขาหาทางจีบกันเอาเอง

 

"เออแกเงียบปากไปเลย" ลูกคู่ตอบรับในทันที

 

"พวกเธอพูดอะไรกัน มินไม่เข้าใจ"

 

"ก็ผูชายสองคนอ่ะ พ่อเทพบุตรทิม กับพ่อแบดบอยอ่ะจะเลือกใคร" ดูเธอพูดเข้าสิ ผมอยากจะถามจริงๆ เลย ว่าสองสาวนี่เป็นผู้ชายแปลงเพศมาใช่ไหมทำไมถึงห้าวหาญขนาดนี้

 

"จะบ้าเหรอมินจะเลือกทำไม"

 

"แต่ฉันเชียร์พ่อแบดบอยนะ น่าจะเร้าใจดีอ่ะ ดูสิหุ่นนี้อื้อ น่าขย่ำ เอากันน่าจะมันดีนะแก" กรีนเริ่มสาธยายอะไรไปเรื่อย ดูคำพูดที่ออกจากปากหญิงสาวสมัยนี้สิครับ น่ากลัวมาก

 

"ฉันว่าพี่ทิมดีกว่าเยอะ หุ่นก็ไมต่างกันหรอกย่ะ ยิ้มแต่ละทีนี่ใจฉันแทบละลาย แถมยังเฟรนลี่ด้วย หรือว่าแกอยากได้สามีโหดๆ แล้วรู้ได้ยังไงว่าเทพบุตรแสนดีเอาไม่มัน" พูดจบปุ๊บก็ยกยิ้มชั่วร้ายจนน่าตกใจ ผมล่ะกลัวแทนเมฆจริงๆ รักใครไม่รักดันมารักยายหลิวปากร้าย

 

"พอแล้วน่าทั้งสองคน พี่ทิมเขากลับมาแล้ว" ดีที่เมฆพูดขัดขึ้นมาก่อนไม่อย่างนั้นผมคงไม่รู้จะตอบแม่สองสาวนี้ยังไง

 

“เอาเป็นว่าจะเอใครก็มันทั้งคู่แหละ หรือว่าจะสามพี” ยังไม่หยุดอีกครับ

 

“คุยอะไรกันครับ น่าสนุกเชียว”  ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ ให้พี่ทิมน่าสนุกตรงไหนครับพี่ทิม สองสาวนี่น่ากลัวจะตาย

 

“เรื่อยเปื่อยค่ะ ว่าแต่ว่าพี่ทิมมีแฟนรึยังคะ”

 

“ยังไม่มีครับ แต่...น่าจะอีกไม่นานถ้าเขาตกลงนะ” พี่ทิมส่งยิ้มชวนละลายมาให้ผม มองผมแปลกๆ อีกคราวนี้ ดูมีเลศนัยยังไงชอบกล

 

“ว้ายยยยย จริงเหรอคะ คนนี้รึเปล่า” กรีนพูดกับพี่ทิมก่อนที่จะส่งสายตามาทางผม

 

“ถ้าเขาตกลงนะครับ” อะไรกัน พี่ทิมจะจีบใครเหรอ ทำไมผมไม่เข้าใจว่าเขาพูดถึงใคร

 

 

“หลิวเชียร์ขาดใจเลยค่ะ คนนี้น่ารักที่ซู๊ด”

 

ตามสบายครับพูดถึงใครก็แล้วแต่ สงสัยเขาจะคุยกันตอนที่ผมไม่อยู่ ผมเลยไม่สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้ แต่ก็ช่างมันเถอะ คนที่พี่ทิมจีบคงจะน่ารักจริงๆ นั่นแหละ เพราะพี่ทิมทั้งหล่อ แล้วก็แสนดี

 

 
***************************
มาแล้วนะคะ สนุกไม่สนุกก้เม้นให้หน่อยนะคะ :t3: :t3:

                           TBC.
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน7 P.3 (09/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-03-2016 20:12:01
เอาให้อีพี่ซองคลั่งตายไปเลยหมูน้อย. สมน้ำหน้าอีพี่ซอง หมูน้อยเป็นแฟนพี่ทิมไปเลย สะใจๆๆ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน7 P.3 (09/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 09-03-2016 21:00:17
สนุกมากกกกกกกกก ชอยที่มิน ไม่สนใจไอ้ซอง เอาให้มันหึงจน ตายไปเลยนะ ห้ามใจอ่อนด้วยนะมิน ไม่งั้นคนแต่ง จะขึ้นคานนะ อิอิ แต่ถ้าจะให้ดีมาลงทุกวันสิ ชอบแนวนี้มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน7 P.3 (09/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Kalamall ที่ 09-03-2016 21:19:52
 :hao3: สะบัดบ๊อบ คนน่ารักมักใจแข็ง เอาให้คลั่งไปเลย คนประสาท
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน7 P.3 (09/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: มะลิลา ที่ 09-03-2016 21:47:45
ระอากับปากพี่ซองจริงจริง :ling2:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน7 P.3 (09/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 09-03-2016 21:48:40
มินนี่หนูสวยเลือกได้ถูกแล้วจ้ะ เชิดใส่มันไปเลย!  :laugh:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน7 P.3 (09/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 09-03-2016 23:38:05
สวยๆเลือกใครก็ได้ เราชอบอ่านนิยายเรื่องนี้มากเลยสนุกดี
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน7 P.3 (09/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 09-03-2016 23:41:17
เชิ่ดใส่ค่ะ!! อิพี่ซองผีบ้าหมาหวงก้าง เชอะ!!  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน7 P.3 (09/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: LoveYoukissme ที่ 09-03-2016 23:48:20
แม้ ปากร้ายจังเลยนะคะพี่ซอง
ระวังอกแตกตายเพราะความหึงนะคะ
หมั่นไส้พี่แกมาก
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน7 P.3 (09/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 10-03-2016 00:49:29
ว้ายย ถึงขนาดมานั่งเฝ้า
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน7 P.3 (09/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 10-03-2016 06:48:08
 :mew1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน7 P.3 (09/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 10-03-2016 08:17:12
สนุกคร้าาาาา
เริ่ดๆเชิดไว้คร้าน้องมินนี่.

 :hao3:  :hao3:  :hao3:  :hao3:

...
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน7 P.3 (09/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 10-03-2016 13:00:29
หึง ออก นอก หน้า ..
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน8 P.4 (11/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 11-03-2016 21:16:15
หลานคุณย่า แอบรัก8

(มินนี่)

 

ผมนั่งคุยกับเพื่อจนเวลาล่วงเลยไปเกือบบ่ายสามโมง ลูกค้าเริ่มซาลงบ้างแล้ว ตอนนี้ในร้านจึงเหลือแค่โต๊ะของเพื่อนๆ ผม ลูกค้าจะเยอะอีกทีก็น่าจะเย็นๆ เพราะเหล่าบรรดานักเรียน นักศึกษา รวมทั้งคนวัยทำงานเลิกพอดี

 

 

“อุ้ย! พี่พายสวัสดีค่ะ” เสียงกรีนเอ่ยทักทาย ผู้ชายในดวงใจของเขา หน้าบานเชียวครับเพื่อนผม แค่พี่พายยิ้มให้ทีนี่ถึงกับอายม้วนเลยครับงานนี้

 

“สวัสดีครับ ไม่เจอกันนานเลย” พี่พายเอ่ยหลังจากที่ทุกคนยกมือไหว้อย่างพร้อมเพียง

 

“พี่พายนั่งกับพวกเราก่อนสิคะ ไม่มีลูกค้าแล้วนี่” หลิวเริ่มเอ่ยขึ้นบ้าง  เห็นผู้ชายหล่อ น่ารักหรือผู้ชายสวยอะไรทำนองนั้น พวกเธอสองคนจะคลั่งเป็นพิเศษ

 

“ได้ครับ แต่พี่นั่งได้ไม่นานนะ ต้องเข้าไปดูเค้กที่อบไว้อีก อ้าว!พี่ทิมสวัสดีครับ” พี่พายหันไปทักพี่ทิม ทั้งๆ ที่ก็คงจะตกใจอยู่เหมือนกัน

 

“นึกว่าจะไม่ทักทายกันซะแล้ว” พี่ทิมยิ้มล้อพี่พาย

 

“พายไม่ได้มองนี่ครับ”

 

“ใช่สิ พี่มันคนไม่สำคัญนี่นา ไม่เหมือนคุณคิณของน้องพาย” แน่ะมีตัดพ้อพี่พายอีกนะครับ แสดงละครอยู่รึเปล่าไม่รู้

 

“พี่ทิมไม่ต้องมาแซวพายครับ อีกสักพักคุณคิณก็จะมาแล้ว ระวังตัวดีๆ เถอะ”

 

“ครับๆ น่ากลัวที่สุด” พี่ทิมทำหน้าล้อเลียนอีก ผมแทบขำกับท่าทางของคนที่บอกว่าตัวเองเพิ่งอกหัก มันไม่มีความจริงเลยสักนิด

 

“ใครเหรอคะคุณคิณเนี่ย” เสียงสาววายดังมาอีกแล้ว หลังจากที่นั่งมองพฤติกรรมผู้ชายแต่ละคน ว่าใครมีซัมติงกับใครรึเปล่า

 

“อยากรู้เรื่องอะไรนักหนาหลิว เรื่องของพี่ๆ เขา” เมฆคนดีศรีสยามเอ่ยขึ้น ขัดความยากรู้ของสาววายทั้งสองคน

 

“ทำไมเมฆต้องขัดหลิวตลอดเลยอ่ะ”  กรีนเสียงดังใส่เมฆ จนเมฆเงียบเลยครับ สงสัยคงน้อยใจที่สองคนนี้ไม่เห็นความสำคัญของตนบ้าง เวลาอยากไปไหนก็บังคับขู่เข็ญให้ไปเป็นเพื่อน พอมาด้วยแล้วก็ไม่เคยที่จะสนใจ ทำเหมือนเมฆไม่มีตัวตนอย่างนั้นแหละ บางทีเมฆก็น่าสงสารที่หลิวไม่รับรู้ความรู้สึกที่เมฆมีให้เลย เมฆลุกไปไม่บอกใครสักคน สองสาวก็ไม่สังเกตุสักนิด เมฆเดินออกไปนอกร้านแล้ว คงไปรอข้างนอก

 

“คุณคิณเป็นแฟนพี่เองครับ อีกสักพักน่าจะมาถึง” พี่พายตอบข้อข้องใจของสาวๆ ทั้งสองน

 

“อยากเห็นจังเลย” กรีนดีใจจนออกนอกหน้า

 

“นั่นไงมาแล้ว พูดถึงก็มาพอดีเลย” ทั้งหลิวและกรีนรีบหันขวับไปในทันที ที่ผมเอ่ยบอกสองสาว ท่าทางนี่บ่งบอกว่าปลื้มเอามากๆ

 

"หล่ออ่ะ" กรีนเริ่มตาเยิ้มอีกแล้วครับ พี่พายเดินไปหา คุยอะไรกันนิดหน่อย ก่อนที่ทั้งสองจะเดินกลับมานั่งกับพวกเรา

 

"หล่อจริงๆ ด้วยค่ะ หลิวขอถ่ายรูปพี่สองคนได้ไหมคะ" พี่พายกับคุณคิณก็เลยนั่งให้ทั้งสองถ่ายรูปตามใจ จัดท่าทางให้พี่ๆ เขาด้วย ทั้งสองคนก็ใจดีเหลือเกินไม่มีขัดแม้แต่น้อย

 

บราวนี่อยากมีส่วนร่วม จึงเดินมานั่งด้วย  ทุกคนในร้านมารวมกันที่โต๊ะที่ผมกับเพื่อนๆ นั่งอยู่ ยกเว้นไอ้คนขวางโลกคนเดียว ที่ดูเหมือนจะเข้ากับคนอื่น ไม่ได แต่ก็สมแล้วแหละ สังคมของเขาไม่เหมือนพวกเรานี่นา กลุ่มเพื่อนเขาก็ไม่มีทางที่จะมานั่งกับคนแบบพวกผมหรอก ผิดกับคุณคิณ แล้วก็พี่ทิม สองคนนี้เข้ากับใครได้หมด จากที่ตอนแรกแทบจะฆ่ากันเรื่องพี่พาย แต่ตอนนี้กลับคุยกันถูกคอยิ่งกว่าใคร

 

"เมฆไปไหน" หลิวถามขึ้นหลังจากที่เมฆออกไปนานพอสมควร

 

"เห็นเดินออกไปข้างนอกนะ" ผมบอกหลิว เธอทำหน้างงก่อนที่จะลุกเดินออกไป สงสัยจะไปหาเมฆแหละครับ บางทีหลิวก้อาจจะมีใจให้เมฆเหมือนกันนะผมว่า ไม่อย่างนั้นคงไปรีบร้อนเดินออกไปแบบนี้หรอก

 

“ทำไมบราวไม่ชวนพี่ซองมานั่งด้วยล่ะ” พี่พายถามน้องชายที่นั่งอยู่ข้างๆ

 

“เขาไม่มา บอกว่าไม่รู้จักใคร” เห็นไหมครับ คนโลกแคบไม่ยอมเปิดใจให้คนใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต

 

“ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะ จะนั่งอยู่คนเดียวรึไง” พี่พายหันไปมองอย่างเป็นห่วง  แต่ก็ไม่ได้ลุกเดินไปหาเพราะคงรู้สัยกันดีอยู่แล้ว

 

“ก็มันนิสัยไม่ดี เข้ากับใครเขาไม่ได้หรอก” เป็นคุณคิณที่เอ่ยขึ้นมาก่อน ไม่ได้คิดว่าน้องชายทั้งสองของเขาจะโกรธหรอก

 

“พอเลยครับ ว่าพี่ชายพายอีกแล้วนะ”

 

“แต่น้องบราวก็ว่าจริงนะ พี่ซองเป็นอะไรไม่รู้ใครก็เข้าหน้าไม่ติดแล้ว”  บราวนี่เอ่ยเสริมคุณคิณ

 

“ไม่คุยด้วยแล้ว พี่ไปหาพี่ซองก่อนนะ”

 

“ผมไปด้วย”

 

“ไม่ต้องไปครับ เดี๋ยวทะเลาะกันอีก”  พี่พายส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนที่จะเดินไปหาพี่ชายคนโตที่นั่งอยู่คนเดียว หลังจากนั้นพี่พายก็หายไปเลย สงสัยคงจะไปนั่งเป็นเพื่อนพี่ชายนั่นแหละ

 

วันนี้พี่พายใจดีอนุญาตให้ปิดร้านเร็ว เราทุกคนจึงนั่งคุยเล่นกันจนค่ำ น้องๆ จึงทยอยกลับ พี่พายกลับพร้อมคุณคิณเห็นบอกว่าวันนี้จะไปทานข้าวที่บ้านคุณคิณ เพื่อนๆ ผมทั้งสามคนก็กลับไปแล้วเหมือน กัน เหลือผมอยู่คอยปิดร้านเป็นคนสุดท้าย บราวนี่ก็อยู่ช่วย เพราะต้องดึงประตูเหล็กซึ่งหนักพอสมควร ผมดึงคนเดียวไม่ไหวหรอก

 

“รอบราวแป๊บนะ เก็บโทรศัพท์ก่อน” ตอนนี้หน้าร้านมีเราสามคน ผม บราวนี่ แล้วก็พี่ชายของเขา แต่ผมและเขาต่างทำเหมือนอีกคนไม่มีตัวตน  ก็ดีแล้วครับ ไม่ต้องมาวุ่นวายกันอีก  ยืนรอบราวนี่สักพักรายนี้ก็ยังทำอะไรยุกยิกไม่เสร็จสักที

 

“ดึงสิ เดี๋ยวกูช่วย” เสียงของอีกคนที่เอาแต่เงียบมานานเอ่ยขึ้น นี่เขาพูดจริงๆ ใช่ไหม ผมไม่ได้หูแว่วไปเอง ไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างนี้จะยอมช่วยคนอื่น

 

“ไม่รบกวนดีกว่าครับ”

 

“เร็วๆ จะได้รีบกลับ”   ผมพึ่งรู้ว่าสิ่งที่ผมคิดเมื่อตอนสิบวินาทีก่อนนี่ผิดอย่างแรง ไม่ได้มีน้ำใจอะไร แค่ต้องการไปให้พ้นๆ จากที่นี่ จะหวังน้ำใจจากคนแบบนี้คงจะยาก

 

ผมจัดการดึงประตูลงอย่างไม่อิดออด ส่วนเขาก็ช่วยดึงอีกด้าน ก่อนที่ผมจะเอาแม่กุญแจมาล็อกอย่างเช่นทุกวัน

 

“มินกลับก่อนนะบราว”

 

“เดี๋ยวสิ กลับพร้อมบราวดิ” บราวนี่เอ่ยรั้งผมไว้ให้กลับด้วย แต่ไม่เอาหรอก เพราะคงอึดอัดน่าดูถ้าผมต้องนั่งรถไปพร้อมกับเขา แม้มันจะเป็นเวลาแค่ไม่กี่สิบนาทีก็ตาม

 

“ไม่เอาๆ มินจะกลับรถเมล์ รับลมตอนเย็นๆ สบายดี” แค่คิดว่ารับลมบนรถเมล์ก็ผิดแล้วครับ ในกรุงเทพฯ มีลมที่ไหน นอกจากมลพิษที่ลอยคุ้งไปทั่ว ผมแค่พูดไปอย่างนั้นแหละ เพราะไม่อยากรบกวนบราวนี่

 

“บอกให้กลับก็กลับสิ มึงจะลีลาอะไร” ถ้าจะเงียบต่อไปผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ เพราะถ้าพูดแล้วไม่สร้างสรรค์แบบนี้ก็อย่าเลยดีกว่า มันทำให้คนฟังรู้สึกไม่ดี

 

“พี่ซอง พอเลย”  บราวนี่ห้ามพี่ชายเสียงดัง แต่ผมว่าอย่าเลย ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็ก แล้วตอนนี้โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว ถ้าให้พูดบอกเหมือนตอนเด็กแล้วจะฟังนี่คงไม่ใช่

 

“มินกลับเองนั่นแหละ ไปแล้วนะ” ผมยกมือบ้ายบายเพื่อนตัวน้อยที่มองตามอย่างน่าสงสาร เดินตามทางเดินที่มีแสงไฟสลัว ส่องพอให้เห็นทาง เดินไปเรื่อยๆ เพื่อให้ถึงป้ายรถเมล์ในอีกไม่ไกล

 

‘ปี๊น ปิ๊น’ เสียงแตรรถดังมาจากข้างหลัง ครั้งแรกผมก็ไม่คิดจะหันไปมองหรอกครับ แต่เหมือนรถคันดังกล่าวชะลอแล้วขับตามผม ก่อนที่จะได้ยินเสียงเรียกของคนขับรถที่ตอนนี้ลดกระจะรถลงแล้ว

 

“น้องมินครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

 

“พี่ทิมเดี๋ยวมินนั่งรถเมล์กลับเอง จะถึงป้ายแล้วด้วย” ผมหยุดคุยกับคนบนรถ  ดีหน่อยที่ถนนเส้นนี้รถไม่เยอะเลยไม่มีใครมาบีบแตรไล่

 

“มาเร็วครับดึกแล้ว กลับคนเดียวอันตราย”

 

“แต่....” ผมยังไม่ได้พูดปฏิเสธพี่ทิม รถข้างหลังก็ดันบีบแตรไล่ซะงั้น ผมรีบหันไปเพื่อที่จะขอโทษรถคันนั้น แต่ก็ต้องชะงักเพราะมันเป็นรถของคนที่พึ่งทำผมไม่สบอารมณ์เมื่อครู่ที่ผ่านมานี่เอง จากที่จะขอโทษ ผมกลับเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างๆ พี่ทิมแทน

 

“อ้าว!” พี่ทิมถึงกับตกใจ ผมก็เหมือนกันแหละครับ ไม่รู้คิดยังไงอยู่ดีๆ ก็ทะล่งเข้ามานั่งกับเขาเฉยเลย งงตัวเองเหมือนกัน

 

“ไปส่งมินหน่อยนะครับ” เลิกอึ้งแป๊บ ก่อนที่จะหันไปขอร้องให้พี่ทิมไปส่ง ไหนๆ ก็หน้าด้านขึ้นรถเขามาเฉยเลยนี่นา ด้านอีกหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก

 

“ได้ครับ น้องมินบอกทางพี่ละกัน”

 

“ครับ”  พี่ทิมเลื่อนมือไปเปิดเพลงสากลเบาๆ ดูเหมาะกับพี่เขาดี เพราะเป็นคนดูใจเย็น ไม่ค่อยไม่ค่อยจะโมโหอะไรง่ายๆ

 

“น้องมินฟังได้รึเปล่าครับ ถ้าไม่ชอบเปลี่ยนแผ่นได้นะ”

 

“มินฟังได้หมดแหละครับ” ที่จริงผมก็ไม่ค่อยชอบฟังเพลงเท่าไหร่หรอก ไม่ว่าเพลงไทยหรือเพลงสากลก็ตาม แต่ก็ฟังได้หมดไม่ถึงขั้นว่าไม่ฟังเลย

 

“เพลงนี้เพราะดีนะครับ ความหมายดี”

 

“เพลงอะไรเหรอครับ ที่จริงมินไม่ค่อยได้ฟังเพลงเท่าไหร่หรอก”

 

“เพลง athousand years  ครับ

 

“โห! หนึ่งพันปีเลยเหรอครับ ทำไมล่ะ” พี่ทิมเริ่มอธิบายความหมายเพลงไปเรื่อยๆ ทำไมมันเหมือนความรู้สึกของผมที่เคยมีให้คนนั้นเลยล่ะครับ แม้ว่าตอนนี้ผมจะไม่ได้รอคอยที่จะบอกรักเขาแบบนั้นอีกแล้ว

 

หัวใจของฉันเต้นเร็วขึ้น  ข้ออ้าง และคำสัญญา      ทำเช่นไรถึงทำให้ฉันกล้ามากขึ้นกว่านี้

ฉันจะรักได้อย่างไรกัน ในเมื่อฉันกลัวที่จะล้ม         แต่แค่ฉันดูเธอยืนอยู่คนเดียว

คำถามเหล่านั้นกลับหายไปในชั่วพริบตา                ขยับเข้ามาอีก 1 ก้าว

ฉันรอเธอทุกวัน แม้จะเบื่อ                                  ไม่มีความรู้สึกเหมือนคนตาย ฉันก็จะรอ
               
ที่รักอย่าเพิ่งกลัวไปนะ ฉันยังคงรักเธอ                   มาตลอด 1 พันปี

 

“จบแล้วครับ”  พี่ทิมหันมายิ้มให้ผม ผมเผลอสบตากับพี่ทิมเพี่ยงครู่ก่อนที่จะหันหนีไปอีกทาง ผมไม่สามารถมองตาคนตรงหน้าได้นานเลยครับ ตาของพี่ทิมชวนฝันมองแล้วเคลิ้ม  แต่ผมไม่ได้รู้สึกอะไรลึกวึ้งนะครับ แค่เขินๆ กับตาหวานๆคู่นั้น

 

“กำลังฟังเพลินๆ เลย”

 

“พี่มีความรู้สึกแบบนี้กับคนๆ หนึ่ง  แม้ว่าเขาจะไม่ยอมรับที่จะฟังมัน แต่พี่ก็รอที่จะบอกเขาซ้ำๆ ว่ารู้สึกยังไง ตลกดีนะครับ คนที่เรารู้สึกดีด้วย แต่เขามองไม่เห็นมัน” อยู่ดีๆ พี่ทิมก็พูดขึ้น เรื่องความรักของเขาสินะ ทำไมพี่ทิมเหมือนผมจัง ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้มีผมคนเดียวใช่ไหม

 

“แต่เพลงนี้เขาน่าจะสมหวังนะ แต่พี่ไม่... หึหึ” พี่ทิมดูเศร้าแห๊ะ ไม่มีท่าทีจะล้อเล่นเหมือนอย่างเดิม สงสัยคงจะรักคนนั้นมากล่ะสิ

 

“ทำไมพี่ทิมไมบอกเขาล่ะ ผลจะเป็นยังไงก็ช่างมัน แค่ได้ทำไง” ผมเอาความรู้สึกตัวเองมาตัดสิน เพราะมันดีกว่าที่เราจะเก็บไว้แล้วเจ็บปวดคนเดียว

 

“เพราะเขาไม่เคยฟังมันไงครับ แค่พี่กำลังจะอ้าปากพูดเขาก็เปลี่ยนเรื่องแล้ว”

 

“ใจร้ายจัง”

 

“หึๆ งั้นคนใจดีอย่างน้องมินรับอาสาดามใจให้พี่ไหมล่ะครับ” ปรับอารมณ์ไม่ทันจริงๆ เลย ไม่รู้ว่าเสียใจจริงๆ รึเปล่า

 

“ล้อมินเล่นใช่ไหมครับ” ผมส่งยิ้มแหยๆ ให้กับพี่ทิม

 

“เปล่านะครับ พี่พูดจริงๆ อยากจะลองเปิดใจให้ใครสักคน เผื่อว่ามันจะดีขึ้นกว่านี้” พี่ทิมพูดถูกทุกอย่าง ถ้าเราเปิดใจใหคนใหม่แล้วลองก้าวเดินไปข้างหน้า โดยที่ไม่หันกลับไปทางเดิมน่าจะดีไม่ใช่เหรอ

 

“แล้วทำไมต้องเป็นมินล่ะ” ผมรู้ว่าพี่ทิมไม่ได้รู้สึกรักผมหรอก อาจจะแค่เห็นผมเป็นเหมือนน้องชาย เลยกล้าที่จะพูดอะไรหลายๆ อย่างกับผม

 

“พี่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ก็เท่านั้นแหละครับ”  เห็นไหมครับตรงได้อีก เราสองคนไม่ได้มีใจให้กัน แค่ผมกับพี่ทิมอยู่ด้วยกันแล้วเราเข้ากันได้ดี แล้วถ้าผมยอมตกลงคบกับพี่ทิมจะเป็นยังไงนะ  มันจะดีสำหรับเราสองคนแล้วใช่ไหม

 

“ไม่ต้องให้คำตอบพี่ตอนนี้หรอกครับ ลองเก็บเอาไปคิดดู แค่ลองคบกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน เหมือนอย่างที่คนรักเขาทำกัน”

 

“จะดีเหรอครับ เราไม่ได้รักกันสักหน่อย”

 

“พูดแบบนี้พี่เสียใจนะครับ” หน้าหล่อๆ ของพี่ทิมเริ่มแสดงอาการน้อยอกน้อยใจ มันตลกจนผมหัวเราะออกมาเสียงดัง

 

“ฮ่าๆ พี่ทิมตลกจังครับ” ผมหัวเราะจนตัวงอ แต่คนตัวโตก็ยังทำหน้ามุ่ยไม่เลิก ใครนะที่กล้าปฏสธผู้ชายน่ารักแบบพี่ทิม ถ้าพี่เขารักผมสักหน่อยผมคงลองเปิดใจให้อย่างไม่ลังเลเลยล่ะครับ

 

“พี่ไม่ใช่ตลกนะครับ อย่ามาหัวเราะ”

 

“มินเปล่าซะหน่อย”

 

“กล้าเนอะ ไม่ได้หัวเราะเลยนะเรา” มือหนาๆ ของอีกคนยกมายีหัวผมเบาๆ ก่อนที่จะเลื่อนกลับไปบังคับพวงมาลัยต่อ มันอบอุ่นดีนะครับมือนุ่มของผู้ชายที่อ่อนโยน

 

“ตกลงยังไงดีครับเนี่ย”

 

“แล้วแต่น้องมินเลยครับ ตกลงยงไงก็บอกพี่” เราสองคนคุยกันเหมือนมันใช่เรื่องใหญ่เลย เหมือนเรากำลังคุยเรื่องลมฟ้าอากาศอย่างนั้นแหละ แต่ก็ดีครับ ทำให้บบรรยากาศผ่อนคลายลงเยอะ

 

รถของเขายังขับตามเราสองคนอยู่เลยครับ ทำไมไม่แซงไปก็ไม่รู้ แต่พี่ทิมคงไม่รู้หรอกมั้งว่าถูกใครอีกคนขับตามอยู่  เลิกสนใจก่อนที่จะหันไปคุยกับพี่ทิมต่อ เพียงไม่นานก็ถึงบ้านแล้วครับ ผมชวนพี่ทิมเข้ามาทานข้าวด้วย แต่เขาบอกว่ามีนัดแล้วเลยขอตัวกลับไปก่อน

 

อะไรๆ ในชีวิตคนเรานี่เปลี่ยนแปลงได้เร็วดีนะครับ  แม้กระทั่งผมตอนนี้ที่กำลังคิดทบทวนเรื่องที่คุยกับพี่ทิมบนรถ ผมจะลองคบกับคนที่ตัวเองไม่ได้รักนี่จะผิดไหมนะ

 
***********************************

มินนี่น้อยมารายงานตัว ดึกเลยวันนี้พึ่งแต่งเสร็จเลย มีใครรอกันอยู่รึเปล่าเอ่ย ไม่รู้สนุกไหม ลองอ่านดูเนอะ  เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะ    :L1: :L1:



กอดแน่นๆ สามที ใครไม่กอดจะส่ง....ใครไปหาดีนะ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:



                     TBC.
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน8 P.4 (11/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Kalamall ที่ 11-03-2016 21:22:55
 :กอด1: ดูๆกันไปก่อนอย่าเพิ่งคบจริงจังเลย~ เอ๊ะเหมือนเข้าข้างอีพี่ซอง แต่นะ คนสวยต้องเล่นตัวนิดนึ่ง
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน8 P.4 (11/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 11-03-2016 21:26:42
หึหึ เค้าไปถึงไหนกันละ ดูซิว่าคนปากแข็งมันจะทำยังไงถ้ารู้
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน8 P.4 (11/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 11-03-2016 21:28:44
สั้นอะ อยากให้เนื้อเรื่องเกี่ยวกับตัวหลักออกเยอะๆๆหน่อยอะ อยากอ่านของ ไอ้ซองบ้าง คนไม่เกี่ยวข้ามได้มั้ย 5555555 เขาใจร้อน อะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน8 P.4 (11/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 11-03-2016 21:30:05
คบเลยค่ะแต่คุยกันไปแบบเพื่อนเนอะ
การจะรักใครมันต้องเริ่มจากเปิดใจก่อน
ไม่ได้เชียร์ให้รักใครเพราะของแบบนี้บังคับไม่ได้ แต่อยากให้น้องมินไม่ปิดกั้นตัวเอง
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน8 P.4 (11/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 11-03-2016 21:42:06
มามะมากอดให้กำลังใจน้องมินกัน

 :ped149:  :กอด1:  :กอด1:  :กอด1:  :ped149:

..
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน8 P.4 (11/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 11-03-2016 21:42:56
สั้นอะ อยากให้เนื้อเรื่องเกี่ยวกับตัวหลักออกเยอะๆๆหน่อยอะ อยากอ่านของ ไอ้ซองบ้าง คนไม่เกี่ยวข้ามได้มั้ย 5555555 เขาใจร้อน อะ

ลืมบอกว่าตอนหน้าจะเอาอีพี่ซองมาออกโรงแล้วนะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน8 P.4 (11/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: มะลิลา ที่ 11-03-2016 22:17:40
ตอนนี้พี่ซองพูดกี่ประโยคเนี่ย เค้าเป็นพระเอกใช่ไหม? 55
งานนี้ถ้าน้องมินคบกับพี่ทิม
ก็หนุกสิ พี่ซองคงลงแดง
รออ่านพาร์ทพี่ซองมั่ง อยากรู้ว่าตั้งแง่กับน้องมินทำไม
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน8 P.4 (11/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-03-2016 22:24:02
คบกับพี่ทิมเลยมินนี่ เอาให้อีพี่ซองนึกเสียดายให้เข็ด สมน้ำหน้าอีซอง :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน8 P.4 (11/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 11-03-2016 22:40:43
สั้นอะ อยากให้เนื้อเรื่องเกี่ยวกับตัวหลักออกเยอะๆๆหน่อยอะ อยากอ่านของ ไอ้ซองบ้าง คนไม่เกี่ยวข้ามได้มั้ย 5555555 เขาใจร้อน อะ
ใช่เราคิดเหมือนกันเลยตัวหลักออกน้อยไปมันดูแบบจะมีตัวหลักอยู่คือใกล้จบ
แต่ภาพรวมกูดีนะเรารออยู่
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน8 P.4 (11/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 12-03-2016 07:40:48
สั้นอะ อยากให้เนื้อเรื่องเกี่ยวกับตัวหลักออกเยอะๆๆหน่อยอะ อยากอ่านของ ไอ้ซองบ้าง คนไม่เกี่ยวข้ามได้มั้ย 5555555 เขาใจร้อน อะ
ใช่เราคิดเหมือนกันเลยตัวหลักออกน้อยไปมันดูแบบจะมีตัวหลักอยู่คือใกล้จบ
แต่ภาพรวมกูดีนะเรารออยู่

ขอบคุณสำหรัยคำติชม และวิจารณ์อย่างจริงใจนะคะ ทำให้คนเขียนได้ทราบถึงข้อยกพร่องของตนเอง ที่บางทีอาจจะมองข้ามอะไรหลายๆอย่างไป .จะเอาไปปรับปุงและแก้ไขให้ดีขึ้นนะคั
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน8 P.4 (11/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 12-03-2016 08:23:41
อิพี่ซองนี่สงสัยเกิดปีจอแน่เลย  เพราะปากเธอพูดแต่ละครั้งนี่แถบอยาก :beat:

อยากฟังความคิดใน part ของพี่ซองว่า  ทำไมถึงได้เกลียดชัง มินมากนะ  แต่ตอนนี้เหมือนจะไม่ได้เกลียด  ตั้งแต่ที่มินเอ่ยปากบอกรัก  พี่ซองดูเหมือนจะเป็นผู้ร้ายปากแข็ง

แต่ก็อยากให้มินลองครบกับพี่ทิมดู  ถ้าไม่ใช่ก็ยังเป็นพี่เป็นน้องกันเหมือนเดิม  อยากหาคู่ให้พี่ทิมอ่ะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน8 P.4 (11/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 12-03-2016 13:06:45
ใครช่างใจร้ายกับพี่ทิมนะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน8 P.4 (11/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-03-2016 13:09:46
พี่ซองนี่ปากจัดเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน8 P.4 (11/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 12-03-2016 18:11:19
คบ ให้คนอิจฉา เล่น ..
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน8 P.4 (11/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 12-03-2016 22:59:52
 :mew1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน9 P.4 (13/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 13-03-2016 09:39:58
หลานคุณย่า แอบรัก9



(ครัวซองต์)

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมแอบย่องเข้าบ้านหลังนี้ มันง่ายยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เพราะประตูรั้วบ้านสองหลังที่เชื่อมติดกัน  ผมมักจะแอบเข้ามาเวลาที่น้องอยู่คนเดียว วันนี้ก็เช่นกัน

 

ครั้งที่แล้วเกือบโดนจับได้เพราะผมเผลอทำเสียงดังจนน้องวิ่งลงมาดู ดีที่ผมหลบออกไปทางหลังบ้านซะก่อน ไม่อย่างนั้นเขาคงรู้แน่ว่าไอ้โจรกระจอกคนนั้นเป็นใคร วันนี้น้าดาวแม่ของมินไปต่างจังหวัดกับคุณย่าของผม  น่าจะไปทั้งอาทิตย์ บอกว่าจะพากันเที่ยวแล้วก็ทำบุญด้วย

 

ไม่ต้อสงสัยว่าผมมีกุญแจเข้าบ้านหลังเล็กนี้ได้ยังไง เพราะเวลาที่น้าดาวไม่อยู่เธอจะเอากุญแจสำรองไปฝากไว้ที่บ้านของผมเสมอ แต่ไม่ได้ฝากไว้กับผมหรอก มันถูกเก็บรวมกันไว้กับกุญแจสำรองของบ้านผม ก่อนที่ผมจะไปขโมยแล้วแอบเอาไปปั้มเก็บไว้กับตัวเอง

 

วันนี้ผมยอมรับเลยว่าทั้งโกรธแล้วก็โมโหที่น้องนั่งคุยแล้วก็หัวเราะกับพวกเพื่อนๆ รวมทั้งไอ้ทิมอะไรนั่นด้วย ผมมองตลอด ไม่ว่าน้องจะทำอะไร แต่ก็พยายามควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ให้เดินเข้าไป กลัวจะทำวงเขาแตก ผมเพียงแค่อดทนรอเวลา  ผมไม่สามารถละสายตาจากร่างบางได้ ยิ่งท่าทีสนิทสนมกับไอ้ทิมยิ่งทำให้ใจผมร้อนรุ่มเหมือนมีใครเอาไฟร้อนมาสุมไว้อย่างนั้นแหละ

 

น้องทำเหมือนผมเป็นธาตุอากาศ ไม่มีตัวตน ไม่ว่าผมจะยั่วโมโหยังไง หรือด่าว่าเหมือนที่ผ่านมาเขากลับไม่สนใจคำพูดของผมเลย ผมพยายามเรียกร้องความสนใจจากอีกคน แต่มันไม่เป็นผล

 

ขนาดผมลดทิฐิยอมชวนขึ้นรถแต่เขากลับปฏิเสธ แต่พอไอ้ทิมเรียกขึ้นรถเท่านั้นแหละ แจ้นขึ้นไปนั่งกับเขาทันที ยิ่งทำให้ผมควบคุมอารมณ์แทบไม่ได้เลย ถ้าไม่ติดว่าน้องบราวนั่งมาด้วยผมขับรถไปชนมันให้รู้แล้วรู้รอด ผมขับรถตามไปเรื่อยๆ จนถึงบ้านก่อนที่ผมจะชลอรถจนน้องบราวสงสัย ผมไม่ตอบอะไรปล่อยให้น้องชายนั่งมองอย่างนั้น ดีที่ไอ้นั่นไม่ได้เข้าไปในบ้านด้วย ไม่อย่างนั้นผมคงต้องทำอะไรบ้าๆ มากกว่านี้

 

ยังไงวันนี้ผมก็ต้องเข้ามาเคลียร์กับเขาให้รู้เรื่อง  ผมค่อยเปิดประตูบ้านหลังเล็กที่มินนี่ล็อคไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะเดินตรงเข้าไปในบ้านอย่างเคยชิน  แต่ก็แปลกที่ไอ้ปลาทองไม่เคยที่จะเห่าผม ผมเดินตรงไปลูบหัวมันสองสามที ก่อนที่จะตรงขึ้นไปชั้นบน ถือวิสาสะเดินตรงไปยังห้องนอนเล็ก ของคนที่ทำให้ผมแทบจะบ้า  อย่าถามหาเหตุผลกับผลตอนนี้เพราะมันไม่มี และก็คงหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ต่อไป ว่าทำไมต้องโมโหเป็นบ้าเป็นหลังแบบนี้   เดินไปเคาะประตูห้องคนตัวเล็ก เพียงไม่นานเสียงประตูก็ถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ด้านใน สีหน้าของเขาดูจะตกใจยิ่งกว่าเห็นผีซะอีก ตาตี่ๆ ถลึงขึ้นด้วยความแปลกใจ  ก่อนที่จะผงะถอยหลัง เป็นจังหวะเดียวกับที่ผมดันตัวเองเข้าไปด้านใน ร่างเล็กไม่ทันตั้งตัวล้มก้นจ้ำเบ้าไปในทันที สีหน้าแสดงออกถึงความเจ็บปวดได้อย่างชัดเจน

 

"มะ..มาได้ยังไง" ร่างเล็กพยายามที่จะพยุงตัวเองลุกขึ้น แต่กลับล้มลงเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าข้อเท้าแพลงไปแล้วรึเปล่า

 

"เดินมา แล้วก็ใขกุญแจไขเข้ามา" เขามองผมด้วยความสงสัย ทั้งๆ ที่ยั่งนั่งอยู่ที่เดิม ก่อนที่ผมจะเดินไปจับแขนเขาเพื่อพยุงให้ลุกขึ้น

 

"ไม่ต้อง ลุกเองได้" ผมปล่อยเขาไว้อย่างเดิม ยืนดูคนปากเก่งที่พยายามจะลุกทั้งๆ ที่ข้อเท้าข้างซ้ายเริ่มจะแดงๆ บวมๆ แล้ว

 

"ลุกซิ ทำไมยังนั่งอยู่อีก"

 

"ไม่ต้องมายุ่งผมจะลุกหรือไม่ลุกมันก็เรื่องของผม แล้วก็กรุณากลับบ้านคุณไปเลย"

 

"ไม่กลับ กูอยากจะเห็นคนปากเก่ง ดูสิว่าจะเก่งเหมือนปากไหม"

 

"ผมไม่อยากลุก อยากนั่งอยู่ตรงนี้มันสบายดี" ดูเขาแถสิครับ  ไม่อยากลุกหรือลุกไม่ได้ก็ไม่รู้ ผมเลิกสนใจเดินสำรวจห้องนอนของเขา เดินไปทั่วว่ามีอะไรน่าสนใจ ก่อนที่จะมาหยุดอยู่ที่เตียงนอน ผ้าปูลายการ์ตูนตัวอะไรไม่รู้สีฟ้าๆ โตจนป่านนี้แล้วยังใช้ผ้าปูที่นอนแบบนี้อีก ก่อนจะนั่งจ้องเขาอยู่อย่างนั้น

 

"ใครอนุญาตให้นั่งเตียงผม ออกไปเลยนะ มาทางไหนกลับไปทางนั้น" มือเล็กๆ เริ่มที่จะจับจับข้อเท้าที่บวมเป่งของตนเอง พร้อมกับพยายามนวดเพื่อคลายความเจ็บ

 

"กูไม่กลับ จะทำไม" น้องมองผมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ สงสัยคงจะโมโห แต่ก็ดีกว่าที่เย็นชาใส่กันล่ะว่ะ

 

"ไปเอากุญแจมาจากไหน"

 

"ไม่เห็นจะยาก" เออผมกวนประสาทไง นี่แหละสันดานผม จะให้ไปพูดดีๆ เพราะๆ เหมือนไอ้ทิมกับไอ้คิณนี่ทำไม่ได้หรอก ถ้าไม่ใช่พูดกับน้องทั้งสองคนของผม

 

"แล้วเอามาจากไหนเล่า"

 

"มึงขึ้นเสียงใส่กูเหรอมิน" ผมสาวเท้าเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่ บีบแขนเล็กๆ แต่ไม่ได้ลงแรงเท่าไหร่ แต่มันก็แรงพอที่จะทำให้ผิวขาวๆ นั้นช้ำได้

 

"ปล่อยนะ เป็นบ้าไปแล้วหรือไง" ตาตี่ๆเริ่มจะสั่นไหวระริกด้วยความหวาดกลัว

 

"เออ!กูบ้า บ้าตั้งแต่มึงกับไอ้นั่นนั่งรถมาด้วยกันแล้ว"

 

"ผมจะไปไหนกับใครก็ไม่เกียวกับคุณนี่ จะอะไรนักหนา" แม้ว่าท่าทางจะแสดงออกถึงความกลัว แต่ปากเล็กๆ ก็ยังคงขยับตอบโต้ผมอย่างไม่ลดละ

 

"ไหนมึงบอกรักกูไง ห๊ะ" ผมเริ่มจับแขนร่างเล็กทั้งสองข้างก่อนที่จะเขย่าตัวเขาจนสุดแรง

 

"ปล่อยผมนะ ผมเจ็บ" น้ำตาหยดใสๆ เริ่มจะไหลรินจากหน่วยตาเล็กคู่นั้น มือผมยกขึ้นไปหวังจะเช็ดคราบน้ำตาให้กับเขาโดยอัตโนมัติ แต่อีกคนกลับผลักมือผมออกจนเต็มแรง

 

"ทำไม มึงรังเกียจกูมากเหรอมิน กูไม่ใช่ไอ้ทิมสินะ มึงถึงทำท่ารังเกียจขนาดนี้ห๊ะ" ผมตะคอกเสียงดัง จนร่างเล็กสะดุ้งเฮือก

 

"ใช่ไง คนเลวๆอย่างคุณยังจะกล้าเอาตัวเองไปเปรียบกับคนดีๆ แบบพี่ทิมอีกเหรอ"  เขาก็ตะคอกผมกลับเหมือนกันคราวนี้

 

"กูเลวใช่ไหม คนเลวๆ อย่างกูนี่แหละจะยัดเยียดความเป็นผัวให้มึงเอง" ผมนั่งคุกเข่าก่อนที่จะจับคนตัวเล็กให้หันมารับจูบที่ไร้ความปรานีย์จากคนอย่างผม มือยางทุบไหล่ผมอยู่อย่างนั้น แต่แรงแค่นี้จะสู้อะไรผมได้ เขาไม่ยอมเปิดปากรับการรุกรานจากผม จนผมเริ่มดูดริมฝีปากร่างเล็กแรงขึ้น พร้อมกับขบกัดไปทีโดยไม่คิดว่าเขาจะเจ็บหรือไม่ ร่างเล็กเผลอร้องออกมา จึงเป็นเหมือนโอกาสที่จะทำให้ผมได้ใช้ลิ้นร้อนๆ ชอนไชเข้าไปอย่างหิวกระหาย ลิ้นร้อนของผมกวาดต้อนลิ้นเล็กจนอีกคนเริ่มหอบหายใจถี่ขึ้น

 

 ความหน้ามืดตามัวของผม ทำให้ผมไม่คิดจะสงสารเขาเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าร่างเล็กจะร้องให้แทบขาดใจแต่ผมก็ไม่คิดจะสน

 

"อือ ฮึก เจ็บๆ" มือน้อยๆ ทุบหลังผมไม่หยุดจนผมชักรำคาญ รวบมือทั้งสองข้างไว้ด้วยมือข้างเดียวของผม  ผมตะโบมจูบร่างเล็กอย่างตะกละตะกราม ไม่สนใจการดีดดิ้นของเขาเลยสักนิด น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลอาบแก้มเนียนใส พร้อมกับเสียงสะอื้นของร่างเล็ก

 

"กูจะทำให้มึงเป็นของกูคนเดียว ไม่ว่าไอ้ผู้ชายหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์" ผมเริ่มจูบหนักหน่วงขึ้น ไล่เรียงไปตามซอกคอขาวที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของครีมอาบน้ำ บ่งบอกได้ดีว่าร่างเล็กพึ่งผ่านการชำระล้างร่างกายมาใหม่ๆ ความหอมของร่างเล็กยิ่งกระตุ้นอารมณ์ป่าเถื่อนของผม จนเผลอกัดยอดอกล็กสีชมพูจนเต็มแรง เลือดไหลซึมตามรอยฟันที่ผมทำไว้ ก่อนทีผมจะใช้ลิ้นร้อนเลียตรงรอยแผลที่ผมเป็นคนทำ

 

“เจ็บๆ อ่า...ปล่อยได้ไหม..ได้โปรด ฮือ......”

 

“กูจะปล่อยก็ต่อเมื่อมึงเป็นเมียของกูแล้ว ในเมื่อมึงรักกู ก็ต้องเป็นของกูคนเดียว”

 

“ไม่....คุณไม่ได้รักผม จะทำแบบน้ำไม ฮึก..”

 

“กูจะรักรือไม่รักก็ไม่ใช่เรื่องของมึง ในเมือมึงบอกรักกูก็ต้องเป็นของกู”

 

“มะ....” ผมกดจูบตรงเรียวปากเล็กอีกครั้งพยายามบังคับให้อีกคนอ้าปาก มือสองข้างจับท้ายทอยไว้กันว่าเขาจะดิ้นหนี ร่างเล็กไม่ต่อต้านผมเหมือนในช่วงแรกๆ เหมือนจะโอนอ่อนไปกับสัมผัสของผมด้วยซ้ำ ผมเสพความสุขจากริมฝีปากบางจนพอใจ ก่อนที่จะเลื่อนลงมาขบเม้มซอกคอขาวอีกครั้ง ทั้งดูดและกัดจนเป็นรอยฟัน ก่อนที่ผมจะชะงักเพราะไม่มีการต่อต้านหรือรับสัมผัสผมเลย เงยหน้าดูร่างเล็กที่ผมคล่อมอยู่ สลบไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้เลย ผมหยุดการกระทำแทบจะทันที ทั้งตกใจและเสียใจที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงทำแบบนี้ 

             

             ก่อนที่จะรีบอุ้มเขาไปไว้บนเตียง เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น ผมรีบหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ร่างเล็กแต่เขาก็ไม่มีท่าทีที่จะตื่นขึ้นมาเลย ผมนั่งเฝ้าเขาอยู่อย่างนั้น ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าเขาข้อเท้าน่าจะแพลง เลยขยับลงไปดู ตอนนี้มันบวมหนักกว่าเดิม จนผมต้องรีบหากล่องปฐมพยาบาลอยู่นานกว่าที่จะเจอ ผมนำยามาทาแล้วพันด้วยผ้าก็อตเพื่อไม่ให้เขาขยับข้อเท้ามากไปกว่านี้ เพราะมันจะยิ่งเป็นหนักมากกว่าเดิม

             

            ผมทำพลาดอีกแล้ว พลาดตั้งแต่เริ่มต้น ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมอารม์ณตัวเองถึงได้ร้อนขนาดนี้  มันเป็นแบบนี้แต่ไหนแต่ไร ไม่มีเหตุผลขึ้นมาทันทีเมื่อเจอเขา ผมยังไม่เข้าใจตัวเองเลยจนทุกวันนี้ โดยเฉพาะกับคนตัวเล็กทีตอนนี้หลับไม่รู้เรื่อง ตื่นขึ้นมาคราวนี้คงจะมองหน้ากันไม่ติดยิ่งกว่าเดิม เพราะความเลว ความบ้าของตัวผมเอง

 

  ในเมื่อผมเลวตั้งแต่แรก มันก็ยากที่จะเปลี่ยนเป็นดีในสายตาเขาและใครๆ คนเลวก็เลวอยู่วันยังค่ำ แม้ว่าในใจมันจะรู้สึกผิดแค่ไหน แต่ผมก็ไม่สามารถที่จะทำตัวเป็นคนดีกว่านี้ ผมบอกไม่ได้หรอกว่าผมจะสามารถระงับอารมณ์ต่างๆถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก

 

*****************

 

ผมนั่งย้อนนึกถึงวัยเด็กของเราสองคน ผมชอบแกล้งน้องจนมันกลายเป็นนิสัยตั้งแต่เด็ก เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ อ้วน ๆ ตาตี่จนแทบจะปิด ชอบมาวิ่งเล่นซนที่บ้านผมแทบจะทุกวัน ผมมองดูแล้วโคตรตลก ผมชอบแกล้งให้น้องร้องให้ เหมือนเป็นโรคจิตอย่างหนึ่ง เพราะถึงเขาจะร้องยังไง บทสุดท้ายเขาก็กลับมาอ้อนผม ขอเล่นกับผมเหมือนเดิม  มันเป็นอย่างนี้ประจำจนกลายเป็นความเคยชิน รู้สึกเหมือนตัวเองมีความสำ คัญกับน้องทุกครั้ง เวลาที่เขาทำแบบนี้ เพราะผมสำคัญกว่าใครๆ เขาจึงไม่เคยโกรธผมได้นาน หรืออาจจะความที่เขาเป็นเด็ก เลยลืมอะไรง่ายๆ   ทำหน้าตาน่าสงสารเพื่อให้ผมยอมเล่นกับเขา แต่แทบจะทุกครั้ง ผมก็แกล้งจนเขาร้องให้  มันเป็นแบบเดิมซ้ำๆ  วนไปมาเป็นเหมือนวัฏจักร

 

แต่ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเจ้าตัวอ้วนเริ่มจะโตขึ้น  เขาเริ่มเลี่ยงที่จะเจอผม ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร น้องไม่เข้ามาอ้อนผมเหมือนที่เคย พอเห็นผมทีไรก็พยายามที่จะหลบเลี่ยง  เดินไปให้ห่าง มีแต่ผมที่ยืนโมโห ยืนบ้าอยู่คนเดียว  เวลาผ่านไปความสัมพันธ์ของผมกับเจ้าตัวอ้วนยิ่งแย่ลงไปทุกที  จากที่ผมเคยแกล้งเพราะความสนุก ตอนนี้มันเริ่มกลายเป็นโมโห โมโหทุกครั้งที่เขาเห็นผมแล้วทำเมิน หรือว่าเจ้าตัวอ้วนอาจจะเกลียดผมแล้ว แบบนี้ผมจะทำยังไงดี เพื่อให้ได้คุยได้พูดกับเขา  หลังๆ เวลาที่ผมเจอเขาทีไรปากหมาๆ ของผมก็มักตะยื่นออกไปก่อนทุกที อยากจะให้ใครเอาอะไรก็ได้มาตบผมรัวๆ ให้มันหายจากอาการปากไว ปากหมาสักที  มันก็ยิ่งทำให้น้องเกลียดผมมากขึ้น

 

แม้กระทั่งวันที่ผม จะเดินทางไปต่างประเทศยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะไปส่งเลย ผมมองหาจนคอแทบเคล็ด แต่ก็ไม่มีแม้แต่เงา ความสัมพันธ์ระหว่างเรา มันเลยจบที่ความเย็นชาและหมางเมิน ไม่ใช่เพราะผมเกลียดเขา แต่ผมแค่ไม่อยากจะยอมรับความรู้สึกของตนเอง เกิดความขัดแย้งระหว่างการกระทำกับความ รู้สึก ไม่กล้าที่ตะยอมรับความรู้สึกของตัวเอง เลยทำเหมือนเกลียด ทั้งที่จริงแล้วแม่งตรงกันข้ามกันทุกอย่าง

 

            “พี่ซองรีบๆกลับมานะฮะ น้องบราวคิดถึง” น้องชายตัวน้อยของผมเอ่ยขึ้น ในตอนนี้พวกเราอยู่ที่สนามบิน เพราะทุกคนที่บ้านกำลังเดินทางมาส่งผมเพื่อที่จะไปเรียนต่อที่อังกฤษ

               

               “ได้คร้าบบ.. ตัวเล็กของพี่  พี่จะพยายามกลับบ้านนะถ้ามีโอกาส”

               

              “ไม่เอา ต้องกลับมาบ่อยๆสิ ไม่งั้นเค้าโกรธจริงๆ นะ” น้องชายตัวน้อยยังคงเอ่ยเจื้อยแจ้วยังกับนกแก้วนกขุนทองอย่างนั้นแหละ เกาะแขนผมไม่ยอมปล่อยเลยล่ะตอนนี้ คงรู้ว่าเหลือเวลาอีกไม่มากที่เราจะได้ยู่ด้วยกัน

             

                “พอแล้วน้องบราว พี่เค้าต้องเข้าไปแล้ว เดี๋ยวตกเครื่องพอดี” คุณย่าเอ่ยขึ้นเมื่อเจ้าตัวแสบไม่มีท่าทีจะปล่อยผมออกจากอ้อมแขนของตนเอง

               

                “คิดถึงน้องพายบ้างนะฮะ” น้องชายคนรองที่ยืนเงียบอยู่นานเดินเข้ามากอดผม พร้อมกับพูดเสียงเจือสะอื้นน้อยๆ พายเป็นเด็กเรียบร้อย ตรงข้ามกับบราวนี่ แต่ผมก็รักน้องทั้งสองคนเท่าๆ กัน ผมจะไม่ได้เจอน้องๆ อีกเป็นปี ผมต้องคิดถึงพวกเค้ามากแน่ๆ เลย รวมทั้งคุณย่าและทุกๆ คนที่บ้านด้วย แต่ยังมีอีกคนที่ผมคงคิดถึงเขาไม่แพ้ใคร

               

                 “เข้าไปข้างในได้แล้วตาซอง” คุณย่าเรียกผมอีกครั้ง ทำให้ผมตื่นจากภวังค์ ผมเดินเข้าไปกอดลาทุกคนอีกครั้ง รวมทั้งน้อยชายตัวน้อยของผมทั้งสองคน ที่ตอนนี้ร้องให้น้ำตานองหน้าทั้งสองคน  จนผมแทบจะไม่อยากจะก้าวขาออกจากตรงนี้เลยด้วยซ้ำ

               

                 ทุกครั้งที่ผมกลับมาเมืองไทย ผมแทบจะไม่มีโอกาสได้เจอเจ้าตัวอ้วนข้างบ้าเลยสักครั้ง ผมจึงชอบไปนั่งตรงมุมนั่งเล่นที่ติดกับรั้วบ้านของอีกคน หวังเพียงว่าจะได้ยินเสียงของเขาบ้างก็เท่านั้น

 

“ปลาทองอยู่ไหน ปลาทอง” เสียงใสของเด็กข้างบ้านดังมาจากอีกฝั่งรั้ว ขณะที่ผมนั่งเล่นอยู่ตรงนั้น ผมได้ยินชัดเจนทุกคำ จนต้องแอบหัวเราะคนเดียว ปลาทองวิ่งได้ด้วยเหรอ แต่แล้วผมก็รู้ว่าคิดผิด เมื่อเจ้าหมาตัวเล็กสีน้ำตาลวิ่งมาเห่าอยู่ใกล้ๆ ผม

             

                “บ็อก บ็อก.....”

               

               “ปลาทอง ปลาทอง”มันกระดิกหางใหญ่ สงสัยจะรอใครอีกคนให้มารับมันไป ก่อนที่ประตูรั้วบ้านฝั่งที่ติดกันจะถูกเปิดออก ร่างเล็กที่เคยอ้วนตอนนี้กลัแตกต่างออกไป ตัวเล็กซะจนทำให้ผมคิดว่าเขาทานข้าวบ้างรึเปล่า ความสูงที่เพิ่มที่คงจะเพิ่มขึ้นเพียงไม่กี่เซ็น ตาเลตาเล็กๆ ตี่ๆ ส่งยิ้มให้เจ้าปลาทองจนผมเผลอยิ้มตาม

             

               “ซนจริงๆ เลย”

 

 “บ็อก บ็อก”

 

“ยังมีหน้ามาเถียงอีกนะ เดี๋ยวเอาไปปล่อยไว้ที่เดิมเลย” การโต้ตอบกันระหว่าคนกับหมายังคงดำเนินไปเรื่อยๆ โดยที่เขาไม่ได้สนใจที่จะมองผมเลย สงสัยคงจะยังไม่เห็น ผมเดินยิ้มกริ่มเข้าไปหา ก่อนที่ร่างเล็กจะเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ

 

“ตั้งแต่เด็กจนโต วุ่นวายบ้านคนอื่นไม่เคยเปลี่ยน”  ทั้งๆ ที่คิดว่าจะเข้าไปทักดีๆ สักครั้ง เพื่อเป็นการเริ่มต้นใหม่ของเราสองคน แต่ปากผมมันกลับไวยิ่งกว่าความคิด สมองยังไม่สั่งการแต่ปากร้ายๆ นี่ขยับแล้ว

 

“...........”

             

             “ฮึ ไร้มารยาทสิ้นดี ไม่เจอกันตั้งนาน กลับไม่มีแม้แต่คำทักทาย” โอ้ย!  ปากหนอปาก เอาหมาออกจากปากผมไปหน่อยครับ มันวิ่งพล่านเต็มเลยตอนนี้

 

  “สวัสดีฮะ ไม่เจอกันนานเลย”

 

“นานแล้วนะที่ไม่เจอกัน มึงก็ยังเป็นเด็กที่ไม่รู้จักคำว่าเกรงใจไม่เปลี่ยน”

 

“ผมขอโทษที่เข้ามา ไม่รู้ว่าคุณกลับมา”

 

“ถ้ากูไม่กลับ มึงก็คงวุ่นวายไม่เลิก ย่ากูใจดีกับมึงเกินไปรึเปล่า” น้องหันหลังเดินกลับไปทางเดิมแล้วครับ อยากจะรั้งเอาไว้ แต่เวลานี้กลับปากหนัก พูดอะไรไม่ออก เรียกสิวะมึงจะอะไรนักหนา ขัดใจตัวเองปากดีๆ ก่อนหน้านี้กลับไม่เอ่ยอะไรออกมา จนน้องลับตาไปแล้ว ผมยังไม่ได้ทำอะไรให้มันดีขึ้นเลย

 

ผมนั่งเฝ้าร่างเล็กทั้งคืน ก่อนที่จะลุกกลับบ้านเพื่อที่จะออกไปทำงาน วันนี้ผมมีประชุมตั้งแต่เช้า ทั้งๆ ที่อยากจะอยู่เฝ้าว่าเขาจนกว่าอีกคนจะตื่น แต่ผมก็จำใจต้องไปเพราะงานผมก็สำคัญมากเหมือนกัน ก้มลงจูบหน้าผากคนหลับไปหนึ่งทีก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง

 

 

*********************

ลงมินนี่น้อยให้แต่เช้า ลัดคิวน้องพาย พึ่งแต่งเสร็จ ยังไม่ได้ตรวจคำผิด มีคำผิดตรงไหนบอกด้วยนะคะ วันนี้ต้องออกไป

ทำธุระส่วนตัว เรื่องคุณคิณกับน้องพายไม่รู้ว่าจะทันรึเปล่า ถ้าไม่ทันยกยอดไปพรุ่งนี้นะคะ

อ่านมุมของอีซองแล้วรู้สึกยังไงบอกด้วยนะคะ  ดี่หรือไม่ดี เม้นให้หน่อยนะ ข้างนอกแล้วนะคะ


              TBC.
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน9 P.4 (13/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 13-03-2016 09:57:05
พี่ซองเอ้ยยยย ทำแบบนี้สมควรที่น้องจะโกรธหรอก
เห้อออ อยากเล่นกะเค้าแต่พูดจาแบบนั้น สมควรที่น้องจะไม่อยากอยู่ใกล้ละ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน9 P.4 (13/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 13-03-2016 10:28:13
เกลียดกว่าตอนยังไม่รู้เหตุผลอีก นิสัยสันดารเสียมาก อยากให้มันเสียใจมากๆๆ กับการกระทำของมันเอง เกลียดอะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน9 P.4 (13/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 13-03-2016 12:27:24
พอมาอ่านใน part พี่ซอง แล้ว  สมควรแล้วที่มินจะตัดใจ  ไอ้อาการปากไม่ตรงกับใจ แล้วยังมาทำตัวน่าเกลียดแบบนี้ด้วย

 สนับสนุนให้มินคบกับพี่ทิมนั่นแหละดีที่สุดแล้ว
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน9 P.4 (13/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-03-2016 12:32:47
อีพี่ซองเลวอีกละ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน9 P.4 (13/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 13-03-2016 13:11:47
นิสัยมันชั่วมากเลยไม่ชอบเลย
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน9 P.4 (13/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 13-03-2016 14:31:35
ปากหมา แต่ ใจรัก ..
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน9 P.4 (13/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Kalamall ที่ 13-03-2016 14:56:22
 :angry2: โรคจิตน่ะพี่ซอง
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน9 P.4 (13/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 13-03-2016 14:57:32
ถ้ามีพรวิเศษสักข้อ. จะขอเสกให้พระเอกเป็นใบ้.   :z10: 
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน9 P.4 (13/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 13-03-2016 17:12:39
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน9 P.4 (13/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 13-03-2016 19:37:19
 :mew1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน9 P.4 (13/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: มะลิลา ที่ 13-03-2016 21:32:32
พี่ซองเองก็ชอบน้องมินเหมือนกัน
ทั้งๆที่ใจตรงกันแท้แท้
ไปหาหมอผ่าหมาออกจากปากก่อนไหม
ก่อนที่น้องจะไปคบคนอื่น
พูดยาก ท่ามาก ก็แห้วนะคะคุณ :laugh:

หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน9 P.4 (13/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 15-03-2016 19:47:05
สมน้ำหน้า ไม่ยอมรับความรู้สึกที่มีต่อมินแล้วยังผลักไสเค้าอีก
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน10 P.5 (15/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 15-03-2016 20:46:58
หลานคุณย่า แอบรัก ตอน10



              (มินนี่)

 

ผมตื่นขึ้นมาช่วงสายของอีกวันดูนาฬิกาถึงกับตกใจเลยทีเดียว เกือบจะเก้าโมงแล้ว แต่ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย ขยับตัวจะลุกจากเตียงนอนด้วยความเคยชิน ก่อนที่จะวางเท้าลงบนพื้น ทิ้งน้ำหนักตัวลงบนเท้าที่แพลงจนเต็มแรงอย่างลืมตัว

 

"โอ้ย!" ผมร้องเสียงหลง ก่อนที่จะขยับตัวลงนั่งบนเตียงนอนเหมือนเดิม มองข้อเท้าที่มีผ้าก๊อซพันอยู่ ก่อนที่จะคลายออกดู ตอนนี้มันบวมหนักกว่าเดิม หนักกว่าตอนที่แพลงแรกๆ อีก เขาคงเป็นคนทำแผลให้ผมสินะ แล้วตอนนี้เขาไปไหนแล้ว ไม่อยู่ก้ดีแล้วนี่นา ผมเผลอคิดถึงคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด กล่องปฐมพยาบาลยังคงวางอยู่ตรงหัวเตียง ผมตัดสินใจพยุงตัวลุกขึ้น ทิ้งน้ำหนักตัวลงบนเท้าข้าางที่ไม่เจ็บอย่างระวัง ก่อนที่จะเดินกะเผลกเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว  เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นมาสองรอบแล้วครับ แต่ผมก็ปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้นจะให้วิ่งไปรับคงทำไม่ได้ สงสัยวันนี้คงต้องโทรไปลางานพี่พายแล้ว เพราะถ้ายืนทั้งวันมีหวังบวมกว่านี้แน่นอน

 

อาบน้ำเสร็จเสียงโทรศัพท์เครื่องเล็กก็ยังคงแผดเสียงไม่ยอมหยุด  ค่อยๆ เดินกะเผลกไปหยิบโทรศัพท์ตรงหัวเตียงขึ้นมารับ เบอร์นี้ผมไม่ได้เมมไว้ ไม่รู้ว่าใครโทรมาแต่เช้า สงสัยจะธุระสำคัญเพราะเสียงโทรศัพท์ดังแทบตลอดช่วงที่ผมเข้าห้องน้ำอยู่

 

"สวัสดีครับ" 

 

"มัวทำอะไรอยู่ทำไมไม่รับโทรศัพท์ กูโทรจนสายจะไหม้แล้วมั้ง" เสียงปลายสายที่แสนจะห้วนและเสียงดัง แสดงถึงความไม่สบอารมณ์ของเจ้าตัวเป็นอย่างมาก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาเป็นใครไอ้น้ำเสียงแบบนี้มีอยู่แค่คนเดียว แล้วไปเอาเบอร์ผมมาจากไหน

 

"ใครครับ" ผมแสร้งถามให้เขาหงุดหงิดเล่น ผู้ชายห่ามๆ ปากไม่ดีคงไม่ใช่คนอื่นหรอก

 

"กูเอง"

 

"กูเนี่ยใครครับผมไม่รู้จัก"

 

"อย่ากวนประสาทกูแต่เช้านะมิน มึงรู้ว่ากูเป็นใคร" รู้แล้วทำไม เหอะ ทำคนอื่นเจ็บแล้วยังมีหน้ามาปากดี ตัวเองนั่นแหละปากหมากวนประสาทคนอื่นแต่เช้า

 

"แล้วมีอะไร โทรมาทำไม"

 

"มึงโทรไปลางานกับพายเลยนะ วันนี้ไม่ต้องไปทำงาน ขามึงเจ็บอยู่" เพราะใครล่ะที่ทำให้เป็นแบบนี้ ไอ้หมาบ้า ดีแต่ออกคำสั่งกับคนอื่น

 

"ถ้าผมจะไปคุณจะทำไมไม่ทราบ"

             

"มึงจะไปได้ไงเท้าแพลงอยู่ จะไปยืนเดินทั้งวันได้ไงห๊ะ" แล้วจะตะคอกทำไมหูไม่ได้หนวกนะโว้ย ไอ้บ้านิ

 

"ขาของผม จะเดินจะวิ่งก็เรื่องของผม"

 

"อย่าให้โมโหนะมิน ถ้ากูประชุมเสร็จ กลับไปแล้วไม่เห็นมึงอยู่บ้านเจอดีแน่" ไม่ต้องมาขู่เลย ที่ไม่ไปไม่ได้กลัวเว้ย แค่เดินไม่ไหวเท่านั้น แล้วก็คิดไว้แล้วไม่ได้ทำตามคำสั่งหมาที่ไหน

 

"จะมาทำไม ไม่ได้อยากให้มาสักหน่อย"

 

 

"เรื่องของกู" ไอ้ปากหมา พูดไม่เพราะ นิสัยแย่ ชอบบังคับ ไอ้เลวเอ้ย แอบด่ามันในใจกลัวได้ยินแล้วจะงานเข้าผมอีก

 

"แค่นี้ใช่ไหมที่จะพูด"

 

"เออ แต่ถ้ากูกลับไปไม่เจอมึงอยู่บ้านนะเจอดีแน่" จะขู่อะไรนักหนาเป็นหมารึไง วางสายไปแล้วครับ ผมว่าเขาต้องบ้าแน่เลยทำเหมือนเป็นห่วงกัน แต่การกระทำกับคำพูดนี่มันไม่ใช่เลย ก้อนเนื้อในอกผมแอบสั่นไหว ไม่ใช่หรอกเขาไม่ได้ห่วงผม แค่รู้สึกผิดที่ทำผมเป็นแบบนี้ อย่าเผลอไปรู้สึกบ้าบอแค่คำพูดไม่กี่คำ ผมสลัดความคิดบ้าๆ ออกไปจากหัว ก่อนที่จะจัดการโทรหาพี่พาย รายนี้เป็นห่วงผมใหญ่เลยบอกว่าตอนเย็นจะเข้ามาหา คงกลัวไม่มีคนดูแลเพราะแม่ผมไม่อยู่นี่นา

 

หลังจากวางสายจากพี่พายผมก็ลงมาหาอะไรทานข้างล่าง กว่าจะเดินลงมาถึงก็ใช้เวลามากโขจนผมต้องหยุดนั่งพักที่โซฟาด้านล่างตรงห้องรับแขกก่อน พึ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมพันผ้าก๊อซที่ข้อเท้ามิ น่าล่ะมันถึงปวดกว่าเดิม แต่จะให้ผมเดินกลับขึ้นไปคงไม่ไหว ปล่อยไว้อย่างนี้แหละ เดี๋ยวก็คงดีขึ้น ลุกเดินไปทำอะไรง่ายๆ ทานในครัว ง่ายสุดคงจะเป็นบะหมี่นี่แหละ ผมจัดการต้มน้ำร้อนใส่เนื้อใส่ผักลงไปนิดหน่อยแค่นี้ก็ทานได้แล้ว นั่งทานบะหมี่ไปข้อเท้าที่แพลงก็เริ่มจะแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์

 

มันเริ่มจะปวดมากขึ้นกว่าเดิม ยาก็ไม่มีทาน ดูข้อเท้าผมตอนนี้เริ่มจะบวมเป่งจนตึงไปหมดแล้ว  ผมแข็งใจเดินเอาเสื่อมาปูหน้าโซฟา พร้อมกับหมอนใบเล็ก ก่อนจะล้มตัวลงนอนเพราะไม่รู้จะทำอะไร โทรศัพท์ก็ลืมไว้บนห้อง  พยายามข่มตาให้หลับแต่อาการปวดตุบๆ ที่ข้อเท้าก็ทำลายความง่วงของผมลงไป นอนทรมานหลับๆ ตื่นเพราะปวดข้อเท้า

 

เสียงเปิดประตูบ้านผมดังขึ้น แต่ไม่คิดจะใส่ใจลืมตาขึ้นมาดูว่าใครมา หรือว่าจะเป็นพี่แม่บ้านของบ้านพี่พายเอาอาหารมาให้ เพราะพี่พายสั่งไว้  ผมหลับตาลงอีกครั้ง เพราะอยากจะคลายจากความเจ็บที่ข้อเท้าสักนิดก็ยังดี ขยับขาแต่ละทีน้ำตาแทบเล็ด เสียงฝีเท้าหนักๆ เดินมาทางผม แต่ผมก็ยังหลับตาหันหลังให้กับผู้มาใหม่

 

"พี่น้อยเหรอฮะ” ทำไมพี่น้อยไม่ตอบหรือว่าไม่ได้ยิน

 

"พี่น้อยฮะ" ยังไม่ตอบเหมือนเดิม แต่มืออุ่นๆ ของใครบางคนสัมผัสที่ข้อเท้าของผมเบาๆจนผมเผลอชักข้อเท้ากลับ

 

"อือ...เจ็บ" ผมลืมตาขึ้นมาดูข้อเท้าที่ตอนนี้มันเต้นตุบๆ มากกว่าเดิม

 

"ขยับทำไม" เสียงห้วนๆ ของคนที่นั่งอยู่ตรงปลายเท้าผมดังขึ้น สายตาที่มองมานี่ช่างดูเย็นชาดีเหลือเกิน

 

"มาตั้งแต่เมื่อไหร่"

 

"ทำไมไม่พันผ้าที่ข้อเท้า ทานข้าว ทานยารึยัง" เขาไม่ตอบคำถามผม แต่กลับถามผมคืนซะอย่างนั้น

 

"ถามทำไม"

 

"กูถามก็ตอบมิน" ที่คนอื่นถามยังไม่ตอบเลยไอ้หมาบ้า จะให้ตอบแต่คำถามตัวเองรึไง เอาแต่ใจที่สุดเลย ไม่เห็นจะเหมือนที่พี่พายกับบราวนี่บอกสักนิด ว่าพี่ชายเขาแสนใจดี เอาใจเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ แต่นี่อะไร ใจร้ายล่ะสิไม่ว่า

 

"กินข้าวแล้ว" ผมเลี่ยงที่จะตอบเรื่องยา เพราะมันไม่มีให้ทานนี่นา ส่วนผ้าก๊อซก็ลืมที่จะพันตรงข้อเท้าก้เท่านั้น

 

"แล้วยา" ยังวกกลับมาเรื่องเดิมอุตส่าห์ตอบเบี่ยงประเด็นไปแล้ว

 

"ไม่ได้กิน"

 

"ทำไมไม่กินยาห๊ะ" คนบ้าก็ยังบ้าอยู่วันยังค่ำ ไม่มีทางที่จะพูดดีๆ เหมือนคนอื่นเขาได้หรอก

 

‘ก็มันไม่มียาจะให้กูแดรกอะไร’  อันนี้แค่คิดในใจ

 

"จะเสียงดังทำไม พูดดีๆไม่เป็นรึไง ไม่ได้ขอร้องให้มาดูแล" ถ้ามาดูแลแล้วมันลำบากมากนักก็ไม่ต้อง กลับไปทางเดิมเลยไป

 

"เออ! ไม่ได้ขอร้องไงกูเสือกเองจะทำไม"

 

"ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องมายุ่ง จะมาทำไม ปล่อยให้เจ็บอยู่แบบนี้แหละ" ผมไม่ได้ประชดเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขานะครับ แค่หงุดหงิดที่เขาชอบทำเหมือนผมเป็นคนผิดทำให้เขาเดือดร้อนอย่างนั้นแหละ

 

"ก็คนเป็นห่วงไม่เข้าใจรึไงห๊ะ" หูผมไม่ได้ฝาดใช่ไหม เขาเป็นห่วงผม แต่ไอ้คนที่พูดมันเดินขึ้นบันไดไปแล้ว วันนี้ไอ้หมาบ้ามันกินยาลืมเขย่าขวดรึไง ถึงแสดงอาการแปลกๆ แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สักพักเขาก็เดินลงมาพร้อมกล่องปฐมพยาบาล

 

เขาซื้ออะไรมาไม่รู้เยอะแยะวางอยู่ข้างๆ ตรงที่ผมนั่งอยู่ ผมหันไปมองคนที่เดินลงบันไดอย่างไม่เข้าใจการกระทำของเขาเลยแม้แต่น้อย เหมือนจะดีแต่ก็ไม่ เหมือนจะเป็นห่วงแต่ก็พูดแต่คำร้ายๆ ใส่กัน

 

“ลุกขึ้นนั่งดีๆ” เขาถอดเสื้อสูทสีเข้มออก เหลือแต่เสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีสีฟ้าอมเทา ก่อนที่จะพับแขนทั้งสองข้างขึ้นอย่างลวกๆ นั่งแหมะลงข้างๆ ผม

 

“ทำไม”

 

“บอกให้ลุกก็ลุกมิน” ทำไมไม่มีเหตุผลอะไรสักอย่าง อยากให้ทำนู่นทำนี่ แต่ไม่บอกว่าทำๆไม ผมพยุงตัวลุกขึ้นนั่งอย่างไม่อิดออด ก่อนที่เขาจะจับข้อเท้าข้างที่แพลงของผมไปวางไว้ตรงหน้า บรรจงทายาอย่างเบามือ เจลเย็นๆ ทำให้ผมคลายความปวดลงไปได้เล็กน้อย เขาควานหาของในถุงที่เขาพึ่งซื้อมาก่อนที่จะนำผ้าก๊อซออกมาพันข้อเท้าให้กับผม ผมเอาแต่จ้องคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา เป็นเขาจริงๆ ใช่ไหมที่ทำแบบนี้ให้ผม เผลอมองจนคนที่พันผ้าก็อซเสร็จเงยหน้าขึ้นมาปะทะกับสายตาผม จนผมเองต้องเป็นฝ่ายเสหลบสายตาเขาไปเอง

 

“นี่ยาก่อนอาหาร ทานซะ” เขาลุกเดินไปอีกรอบ แต่คราวนี้ไปในครัว กลับมาพร้อมกับแก้วน้ำในมือ ยื่นให้ผมแต่ไม่พูดอะไร ผมรับมาก่อนที่จะโยนยาสองเม็ดเข้าปากไป ไอ้หมาบ้ามันเดินไปในครัวอีกรอบพร้อมกับถุงอาหารที่คงจะซื้อมา ผมยังคงนั่งอยู่ที่เดิมอย่างไม่รู้ที่จะทำอะไร ได้แต่มองตามคนที่ลับสายตาไปในครัว อีกสักพักเขาก็กลับออกมา ด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ไอ้ผู้ชายหน้าตาย

 

“ไปกินข้าวเที่ยง จะได้กินยาหลังอาหาร”

 

“อือ...” พยายามพยุงตัวเองลุกขึ้น แต่คราวนี้กลับไม่มีแรง ขาข้างเดียวไม่สามารถรับน้ำหนักตัวผมได้ มันจึงยากที่ผมจะลุกด้วยตนเอง สองมือยังคงค้ำอยู่ที่พื้น แต่ไอ้คนบ้ากลับไม่พูดอะไรก้มลงช้อนตัวผมขึ้นอุ้มอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

 

ผมตั้งรับอารมณ์เขาไม่ทันจริงๆ คุ้มดีคุ้มร้าย แม้ว่าเรื่องเมื่อคืนผมยังลืมไม่ลง แต่การกระทำของเขาทำให้ผมสับสน จนเผลอจ้องหน้าเขาอยู่นาน โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาวางผมลงนั่งบนเก้าอี้ตอนไหน

 

“มองอะไร ทานไปสิข้าวนะ มองหน้ากูแลวจะอิ่มไหม” อาหารสามสี่อย่างที่เขาซื้อมามีแต่ของโปรดผมทั้งนั้น ผมจ้องอาหารแล้วก็หันไปจ้องหน้าเขาอีกที อาจจะแค่ความบังเอิญ เขาจะไปรู้ได้ไงว่าผมชอบอะไรไม่ชอบอะไร

 

จานข้าวมีสองจาน เขาคงจะทานด้วย เพราะนี่มันก็เลยเที่ยงมาเยอะแล้ว คงจะประชุมเสร็จแล้วตรงดิ่งมาหาผมเลย เผลอคิดอะไรเข้าข้างตัวเองอีกแล้ว หัวใจผมจะกลับมาอ่อนแออีกไม่ได้แล้ว ไม่อยากเสี่ยงกับความเจ็บเป็นรอบที่สอง ผมต้องเข้มแข็ง

 

เราสองคนนั่งทานอาหารเงียบๆ ต่างคนต่างไม่พูดอะไร ทานไปเรื่อยๆ จนผมรู้สึกอิ่มจนแน่น เพราะผมทานเยอะจริงๆ แม้ว่ายังตะขิดตะขวางใจกับไอ้คนที่ซื้อมาให้ก็ตาม แต่อาหารมันอร่อยนี่นา เลยทานไปซะเยอะเลย

 

อยู่ดีๆ ไอ้คนที่นั่งตรงข้ามผมก็ลุกพรวดขึ้นมาจนผมสะดุ้ง เดินไปที่ตู้เย็นเทน้ำใส่แก้วมาวางไว้ให้ผม ก่อนที่จะเอาไปวางไว้ฝั่งตนเอง

 

“ไม่มีอะไร กูแค่หิวน้ำ”  เหอะ นี่ถ้าไม่หิวก็ไม่คิดจะมีน้ำใจเอามาให้เลยใช่ไหม ตอนแรกกำลังอ้าปากจะของคุณ แต่ตอนนี้รู้สึกว่าดีแล้วที่ยังไม่เอ่ยมันออกไปกับไอ้คนพรรค์นี้

 

ผมอิ่มจนไม่อยากลุกไปไหน มองจานอาหารที่ตอนนี้เหลือแต่เศษซากที่เราสองคนจัดการจนเกลี้ยง ผมคงต้องลุกไปล้างจานแล้วแหละมั้ง เขาอุตส่าห์ซื้อมาให้ จะให้เขาทำได้ยังไงล่ะ ผมกำลังพยุงตัวเองลุกขึ้นด้วยขาข้างเดียว ก่อนที่จะสะดุ้งโหยงเพราะเสียงดังๆ ของไอ้คนที่นั่งฝั่งตรงข้าม

 

“จะไปไหน” อยากจะถามเหลือเกินว่านี่พูดเบาๆ ไม่เป็นเลยรึไง ทำไมตะคอกตลอดเวลา เจ็บคอไหม หรือจะเอายาอมไหมล่ะ อะไรประมาณนี้ แต่ก็สงบปากสงบคำไว้แหละดีแล้ว เพราะไอ้ผู้ชายตรงหน้ามันทั้งบ้าทั้งเลว ขืนพูดอะไรผิดใจมีหวังโดนมันทำร้ายร่างกายแน่

 

“ไปล้างจาน” นี่ใจเย็นสุดแล้วนะ พยายามไม่มองหน้าคนตรงกันข้าม ไม่อยากเห็นหน้าตากวนบาทาของเขา

 

“ไม่ต้อง นั่งลงที่เดิม อย่ามาอวดเก่ง เดินยังไม่ไหว” เดินไม่ไหวแล้วไงล่ะ มันเป็นความผิดผมรึไง แต่ผมก็ยอมทำตาม เพราะยังไม่อยากทะเลาะกับคนตรงหน้าอีก

 

ไอ้หมาบ้าลุกขึ้นเก็บจานชามไปไว้ที่ซิงค์ก่อนที่จะลงมือล้างจานอย่างเก้ๆกัง จะทำเป็นได้ยังไงก็ตั้งแต่เด็กเคยเข้าครัวกับเขาที่ไหน ผมเห็นเขาล้างจานตอนนี้ยังตกใจเลย ไม่คิดว่าเขาจะทำ

 

“นั่นไงน้ำยาล้างจาน บีบใส่ฟองน้ำแล้วก็ล้างคราบอาหารออกจากจานก่อนสิค่อยเอาสก็อตไบรท์ไปถู”

 

“รู้แล้วน่า ไม่ต้องมาบอก” เหอะ รู้อะไรเมื่อกี้ยังไม่ล้างคราบอาหารเลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่บอกนี่จะเป็นยังไง ไอ้คนปากเก่ง

 

ผมนั่งมองความเงอะงะของเขา แต่ก็ไม่บอกหรอกปล่อยให้ทำไป บอกมากจะหาว่าเสือกอีก กว่าจะล้างจานเสร็จ ไอ้คนที่ล้างก็เสื้อผ้าเปียกมะล่อกมะแล่กแล้ว สม  ปล่อยไปตามยถากรรมของคนปากเก่ง

 

“ไปจะได้ทานยา” พูดจบปุ๊บก็อุ้มผมขึ้นแนบอกทันที

 

“ปล่อย เดินเองได้” คราวนี้ไอ้คนบ้ามันปล่อยผมจริงๆ ครับ  วางผมลงพื้นอย่างไม่ค่อยจะเบานัก หน้านี่เหวี่ยงผมไปแล้ว เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลย

 

“เดินสิ ยืนทำไม” ผมค่อยๆ ตั้งหลักใช้ขาข้างที่ไม่เจ็บยืนเป็นหลักไว้ ก่อนที่จะค่อยๆ ก้าวขาอีกข้างไปวางข้างหน้า ไม่ทิ้งน้ำหนักตัวลงมา ตั้งหลักอยู่สักพักก็เปลี่ยนอีกข้างสลับ ตอนนี้บอกเลยว่าทั้งปวดทั้งชาปนเปกันไปหมด ไอ้คนที่ยืนมองผมนี่ก็ทำหน้านิ่ง ไม่คิดจะช่วยพยุงกันเลยใช่ไหม มันเจ็บนะเว้ย

 

น้ำตาไหลแล้วแม่ง เจ็บ ไอ้บ้า ไม่ช่วยจริงๆ ใช่ไหมห๊ะ ยืนหน้าตายเหมือนคนไร้ความรู้สึกอย่างนั้นแหละ เออไม่ช่วยก็ไม่ต้องช่วย พยายามแข็งใจเดินไปจนถึงห้องรับแขก กว่าจะถึงก็ใช้เวลาชาติเศษ  ถอนหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความโล่งอก ก่อนที่จะนั่งลงบนพื้นที่ผมปูเสื่อไว้ตั้งแต่เช้า

 

นั่งแหมะลงอย่างไม่ไยดีกบความเจ็บปวด และไอ้คนที่ตอนนี้มันนั่งลงข้างๆ ผม  ทำไมยังไม่กลับมิทราบมานั่งทำหน้ากวนอวัยวะเบื้องล่างทำไม 

 

“เอาขามาดูสิ” ผมชักขากลับแต่อีกคนกลับดึงไปอย่างไม่แยแส คลายผ้าก๊อซที่พันไว้ออก มองดูข้อเท้าที่ปวมเป่งก่อนจะส่ายหน้าเหมือนเอือมระอาผม

 

“กูว่าแล้วบวมหนักกว่าเดิม” ยังมีหน้ามาว่าผมอีกเหรอ

 

“เพราะใครล่ะ ไม่คิดจะช่วยกันเลย”

 

“กูช่วยอุ้มแล้ว แต่มึงปากดีเอง” เออ แล้วทำไมล่ะ ก็เห็นอยู่ว่าคนขาเจ็บทำไมต้องให้ขอร้อง มันเสียศักดิ์ศรีรู้ไหม มาทางไหนกลับไปทางนั้นแล้วไม่ต้องมาอีกไปเลยไป

 

“เออ”

 

“แดกเข้าไปนี่ยา จะได้รีบหาย” ทำไมเบื่อที่จะต้องดูแลแล้วรึไง ไม่ได้ขอร้องให้มาดูแล ผมรับยามากินแต่โดยดีเบื่อที่จะต่อปากต่อคำ กินเสร็จผมก็ล้มตัวลงนอน สลึมสลือเหมือนมีใครเอายาเย็นๆ มาทาที่ข้อเท้า ก่อนที่ผมจะหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยาที่ผมกินเข้าไป

 

 

***************************

 

อีเฮียซองมาแล้ว ตอนนี้นางมุ้งมิ้งนะ(เอ่อมุ้งมิ้งแล้วเหรอ)จะเอาอะไรกับคนห่ามๆ ปากหมา แบบมันเนอะ แต่อีเฮียน่ารักนะตอนนี้ น่ารักสุดได้เท่านี้แหละ จะให้หวานเหมือนไอ้คุณคิณบ้านน้องพายไม่ได้หรอก รายนั้นเขาน้ำตาลเรียกพี่แต่ไหนแต่ไร อดทนกับความห่าม เถื่อน ปากหมาของพระเอกหน่อยนะ เพราะมันผีเข้าผีออก วันนี้ดีพรุ่งนี้อาจจะบ้า จับไปศรีธัญญาดีไหมมันจะได้หายเป็นปกติ

                TBC.
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน10 P.5 (15/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 15-03-2016 20:55:04
เฮียมันเถื่อนตลอดดดดดด
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน10 P.5 (15/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 15-03-2016 20:59:03
นี่นะเหรอ ที่คนแต่งบอกมินใจแข็ง ดูลาดรา วแล้ว ถ้าแบบนี้ ก็คงในไม่ช้าแล้วหละ คงดีกันตามเสต็ปที่มินแสดงออกวันนี้ คือการยอมแบบไม่รู้ตัสแล้ว แม้จะทำดื้อดึงบ้างก็เถอะ ที่มินเมินซองไม่สนใจใจตอนก่อนๆ แถบไม่มีค่าเลย เมื่อมาเจอตอนนี้ ผิดหวังมากเลยนะ จากใจเลยคิดมาตลอดว่ามิน คงไม่ใจอ่อนง่ายๆแต่อ่านตอนนี้แล้ว คงต้องเปลี่ยนความคิดแหละ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน10 P.5 (15/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-03-2016 21:17:39
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน10 P.5 (15/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Kalamall ที่ 15-03-2016 21:23:18
มินแข็งใจไว้ อย่าสิ!
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน10 P.5 (15/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 15-03-2016 21:57:24
รอตอนต่อไปนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน10 P.5 (15/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: มะลิลา ที่ 15-03-2016 22:10:36
อย่างน้อยพี่ซองก็พัฒนาขึ้นนะ
ล้างจานเป็นแล้วน่ะ :laugh:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน10 P.5 (15/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 15-03-2016 22:55:54
มินอย่าไปสนใจอีพี่ซองมันจำสิมันทำอะไรไว้บ้าง
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน10 P.5 (15/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-03-2016 00:28:07
ปากหนักจริงๆอีพี่ซอง
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน10 P.5 (15/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 16-03-2016 00:40:27
ชิส์ ฟอร์มชะมัด

  o8 o8 o8 o8

...
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน10 P.5 (15/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 16-03-2016 05:15:00
 :mew1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน10 P.5 (15/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 16-03-2016 14:09:52
กว่าจะรู้ใจกัน ก็เกลียดกันก่อนพอดี
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน10 P.5 (15/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ДηοηγМ ที่ 16-03-2016 23:45:53
น้องมินจัดหนักๆเลยค่ะ
หมั่นไส้อิพี่ซองมานาน
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน10 P.5 (15/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 17-03-2016 13:42:17
ปาหมา แต่ ใจเป็นห่วง ..
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน11 P.6 (17/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 17-03-2016 21:50:14
หลานคุณย่า แอบรัก11

 

ผมหลับไปจนเย็น ไอ้ผู้ชายปากหมามันก็ไม่อยู่แล้ว แต่ก็ดีแล้วนี่นา จะได้ไม่มีบุญคุณต่อกันอีก ข้อเท้าผมยังมีผ้าก๊อซพันอยู่อย่างเรียบร้อย เขานั่นแหละที่เป็นคนทำให้ ไม่รู้ว่าตอนนี้ไอ้ผู้ชายบ้าคนนั้นหายไปไหน ก่อนที่ผมจะหลับเขายังนั่งเฝ้าผมอยู่เลย  เสียงโทรศัพท์ผมดังมาจากข้างบนบ้าน ค่อยๆ ก้าวขึ้นบันไดไปช้าๆ ตอนนี้รู้สึกว่ามันจะไม่เจ็บเท่าเดิมแล้ว อาจจะเป็นเพราะยาที่ผมทานเข้าไป

 

ผมรีบคว้าโทรศัพท์มารับเพราะกลัวจะตัดสายไปก่อน เป็นพี่ทิมที่โทรมา ไม่รู้มีธุระอะไรด่วนรึเปล่า ก่อนที่จะกรอกเสียวไปตามสายโทรศัพท์

 

“ครับพี่ทิม”

 

“น้องมินเป็นยังไงบ้างครับ พี่ได้ข่าวจากน้องพายว่าข้อเท้าแพลง”

 

“ลื่นล้มนิดหน่อยครับ ไม่เป็นไร”  ผมจำเป็นต้องโกหกครับ เพราะยังไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของผม กลัวว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ไม่อยากให้เรื่องทุกอย่างมันวุ่นวายมากขึ้น เพราะแค่นี้ผมก็ปวดหัวจนไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง

 

“พี่เข้าไปหาได้ไหมครับ อยู่บ้านคนเดียวด้วยใช่ไหม เดี๋ยวซื้ออาหารเย็นไปเผื่อเลย จะได้ทานด้วย กัน” พี่ทิมใจดีเสมอเลย ที่จริงก็เกรงใจเขานะครับ แต่ถ้าพี่ทิมไม่เข้ามาผมก็คงไม่มีอะไรทาน เพราะไม่รู้ว่าพี่พายจะเข้ามาได้รึเปล่า

 

“ขอบคุณครับ รบกวนพี่ทิมรึเปล่า”

 

“ไม่เลยครับ พี่อยากเจอน้องมินอยู่แล้วด้วย”

 

“ครับ ขับรถระวังด้วยนะ” พี่ทิมวางสายไปแล้ว ผมเดินลงมาข้างล่างอีกรอบ เห็นเจ้าปลาทองนอนเฝ้าชามอาหารอยู่สงสัยจะหิว ผมลืมเอาอาหารให้มันกินตั้งแต่เช้า แต่มันก็ดันไม่เห่าเรียกซะอย่างนั้น เพราะทุกทีเวลาหิวมันจะเห่าไม่หยุดจนเราต้องเดินไปดูว่ามันต้องหารอะไร ผมเดินไปเทอาหารให้เจ้าปลาทอง ก่อนที่จะเดินตรงไปยังหน้าบ้านเพราะพี่ทิมบอกว่าอีกไม่เกินสิบนาทีน่าจะถึง ขาก็ไม่เป็นใจเดินช้าได้อีก นั่งรอสักพักรถพี่ทิมก็มาจอดเทียบหน้าบ้าน ก่อนที่ผมจะเปิดประตูเล็กให้เขาเข้ามา

 

“ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลยครับ” ของที่ซื้อมานี่เต็มสองมือพี่ทิมเลยครับ ถ้าสามารถถือได้มากกว่านี้เขาอาจจะเหมามาทั้งตลาดเลยก็ได้

 

“อาหารเย็นเราไงครับ”

 

“จะทานหมดเหรอ มันเยอะมากเลยนะครับ”  ผมหันไปมองด้วยความตกใจ นี่พี่ทิมเขาซื้อของมาเยอะมากจริงๆ ถ้าผมกินคนเดียวคงอยู่ได้ทั้งอาทิตย์

 

“ไม่หมดก็อุ่นทานพรุ่งนี้เช้า อยู่คนเดียวไม่ใช่รึไงครับ” มีการคิดเผื่อผมด้วย รู้สึกดีที่มีคนเป็นห่วงแบบนี้จังเลย แต่ไม่ใช่ความรู้สึกแบบที่นั้นนะครับ ผมรู้สึกเหมือนพี่ชายคนหนึ่งที่กำลังดูแลน้องชายอย่างผม

 

“แม่ไปต่างจังหวัดครับ อีกหลายวันกว่าจะกลับ” พี่ทิมเดินช้าๆ รอผมกะเผลกตามไป จะให้ช่วยพยุงคงไม่ไหวของเต็มมือซะขนาดนั้น

 

“น้องมินทานข้าวเลยไหมครับ”

 

“หิวพอดีเลยครับ แหะๆ” พี่ทิมจัดการแกะอาหารเย็นออกมาสำหรับเราสองคน ผมมีหน้าที่นั่งอย่างเดียว พี่ทิมเป็นคนคุยสนุก เล่าเรื่องสมัยที่เขาเรียนเมืองนอกให้ฟังด้วย

 

เราทานอาหารกันจนใกล้จะเสร็จ แต่พี่พายก็ยังไม่มาสงสัยจะติดธุระ แต่ไม่เป็นไรพี่ทิมก็ดูแลผมดีเหมือนกัน ดูแลไม่ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย

 

“ถึงขนาดนัดกันมาที่บ้านเลยเหรอวะ คิดถึงกันมากรึไง” เสียงแขกไม่ได้รับเชิญดังขึ้น พร้อมกับสีหน้าเย็นชาของอีกฝ่าย  คนตัวโตเดินอาดๆ เข้ามาอย่างไม่มีมารยาท

 

“อ้าวคุณซองใช่ไหมครับ พี่ชายน้องพายกับน้องบราว” เสียงเอ่ยทักที่แสนธรรมดาของพี่ทิม ไม่ได้ทำให้ผมใจชื้นขึ้นเลยสักนิด เพราะว่าอีกคนเหมือนหมาบ้าเข้าไปทุกที

 

“หึ กูไม่อยู่แค่ไม่กี่ชั่วโมงนัดผู้ชายมาหาถึงบ้าน” เขาไม่สนใจคำทักทายของพี่ทิมเลยแม้แต่น้อย ทำให้ผมรู้สึกผิดกับพี่ทิมขึ้นมาทันที ดูเหมือนว่าพี่ทิมจะหน้าเสียไปเล็กน้อยก่อนที่จะปรับให้กลับมาเป็นปกติ ปากหมาๆ เริ่มทำงานอีกรอบ ดีได้ไม่ถึงวันก็เป็นแบบเดิมอีกแล้ว  ทำไมเขาถึงเป็นคนไม่มีเหตุผลเอาซะเลย

 

“ว่าใคร”  ผมเริ่มจะหมดความอดทนแล้วตอนนี้ ทำไมเป็นคนชอบดูถูกคนอื่นแบบนี้ ไม่ให้เกียรติผมยังไม่พอ ยังเผื่อแผ่สายตาดูถูกไปหาพี่ทิมด้วย

 

“ใครรับก็คนนั้นแหละ”

 

“คุณพูดดีๆ หน่อยสิครับ ทำไมพูดแบบนี้” พี่ทิมคงจะทนไม่ไหวเลยเอ่ยสวนออกไป แต็ไม่ได้ทำให้อีกคนคิดจะลดความโมโหลงเลยแม้แต่น้อย

 

“ก็ตอนเช้ามันยังอยู่กับกู แต่ตอนเย็นนี่นัดมึงมาเจอ จะให้คิดว่ายังไง”

 

“ผมมาก็ไม่เห็นแปลก เพราะผมกับน้องมินเราเป็นแฟนกัน” พี่ทิมพูดอะไรของเขาเนี่ย เดี๋ยวไอ้หมาบ้ามันก็ฟัดเอาหรอก ยิ่งไม่มีใครฉีดยาให้มันอยู่ สายตาเขาแทบจะฉีกพี่ทิมเป็นชิ้นๆ แล้วตอนนี้ ก่อนที่จะหันมาจ้องผมอย่างเอาเรื่อง ผมก็ไม่คิดจะหลบสายตาเขาหรอก ตัวเองมีสิทธิ์อะไรมามองคนอื่นด้วยสายตาแบบนี้ ผมจึงจ้องกลับอย่างไม่ลดละเหมือนกัน

 

“ว่าไงนะมิน มึงเป็นแฟนกับไอ้หมอนี่เหรอห๊ะ”  เขาตะคอกเสียงดัง คิดว่าผมจะกลัวรึไง มันชินชาแล้วกับอีแค่เสียงดังๆ ที่ชอบขู่คนอื่นตลอดเวลา

 

“ถ้าใช่แล้วจะทำไม”  ผมรับสมอ้างเป็นแฟนพี่ทิมในทันที

 

“ไหนมึงบอกว่ารักกูไง”  มายึดติดอะไรกับคำพูดของผมแค่ประโยคเดียว ที่คนอย่างเขาก็ไม่ได้คิดจะใส่ใจตั้งแต่แรก

 

“เรื่องนั้นมันผ่านมนานแล้วนะครับ กรุณาอย่ารื้อฟื้น มันจบไปพร้อมกับของขวัญชิ้นนั้นที่ผมให้คุณ” ของขวัญที่ผมเอาให้เขาในวันนั้น มันเป็นสุดบันทึกเล่มที่ผมเขียนมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แค่ต้องการให้เขาได้รู้ความรู้สึกของผมที่เคยมีต่อเขา การมอบมันให้กับเขา เหมือนกับเป็นการคืนความรู้สึกที่ผมเคยมีให้เขาไปหมดแล้ว  แต่เขาอาจจะยังไม่ได้แตะมันเลยด้วยซ้ำ หรืออาจจะเอาทิ้งลงถังขยะแล้วก็ได้

 

“ชัดแล้วใช่ไหมครับ ถ้าชัดแล้วก็กรุณากลับไปได้แล้ว” พี่ทิมเอ่ยเสียงสุภาพแต่น้ำเสียงก็แฝงด้วยความโมโหไม่ใช่น้อยๆ เลย

 

“ไม่กลับ มึงนั่นแหละที่ต้องกลับ” ทำไมเขาต้องมาดื้อดึงกับเรื่องแบบนี้ ทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโต เสียดายความรู้สึกดีๆที่อุตส่าห์ช่วยดูแลผมเมื่อเช้า ถ้ารู้อย่างนี้ผมคงไม่ยอมรับน้ำใจจากคนแบบเขาแน่นอน นึกว่าจะดีขึ้นมาสักนิด แต่เปล่าเลย คนเลวก็ยังเป็นคนเลววันยังค่ำ

 

“กลับไปเถอะผมขอร้อง” พยายามระงับอารมณ์ของตัวเองเหมือนกัน แม้วาเขาจะด่าผมยังไงแต่ก็ไม่อยากจะตอบโต้ให้มากไปกว่านี้ นึกว่าอย่างน้อยถ้าทุกอย่างมันดีขึ้นมาบ้างก็ยังจะเหลือความสัมพันธ์ที่ดีแบบพี่นองไว้บ้าง แต่นี่อะไร ไม่ทันข้ามวันกลับมาเป็นคนแบบนี้อีกแล้ว ผมคงคิดผิดไปจริงๆ กับการที่จะให้อภัยคนอย่างเขา

 

“มิน มึงเข้าข้างมันเหรอ แล้วกูล่ะ”

 

“ทำไม พี่ทิมเป็นแฟนผม ผมก็ต้องเข้าข้างเขาอยู่แล้ว คุณเป็นใครทำไมต้องเอาตัวเองมาเปรียบเทียบกับพี่ทิมด้วย” เขาเดินตรงดิ่งมาหาผม เหมือนอยากจะกระชากร่างผมออกเป็นชิ้นๆ อย่างนั้นแหละ แต่พี่ทิมก็เข้ามาขวางไว้ก่อน  หมัดหนักๆ ของไอ้หมาบ้ากระแทกเข้าหน้าพี่ทิมอย่างแรง จนพี่ทิมเซเหมือนจะล้ม แต่กลับมายืนนิ่งได้เหมือนเดิม เลือดสีสดไหลออกมาตรงมุมปากของพี่ทิมจนผมตกใจ

 

“เจ็บมาไหมครับพี่ทิม” ผมตรงเข้าไปพยุงพี่ทิมด้วยขาที่ไม่ค่อยจะสมประกอบของตัวเอง

 

“เป็นห่วงมันมากรึไง”

 

“กลับไปเลยนะ แล้วไม่ต้องเข้ามาบ้านผมอีก ถ้าคุณเข้ามาผมจะฟ้องคุณย่า”  ผมรู้ว่าเขาทั้งเคารพและเกรงใจคุณย่ามากที่สุด ถ้าคุณย่ารู้เรื่องที่ทำกับผมคงไม่ปล่อยไปเฉยๆ แน่

 

“มึงเอาย่ามาขู่เหรอมิน”

 

“ไม่ได้ขู่ แต่ผมจะทำจริงๆ ลองคุณเข้ามายุ่งกับผมอีกดูสิ”

 

“กูไม่ยอมแค่นี้หรอก ส่วนมึงก็จำไว้เลยนะ ว่ามินมันเป็นของกูคนเดียว มึงไม่มีสิทธิ์” เขาชี้หน้าพี่ทิมอย่างกับจะฆ่าให้ตาย จนผมรู้สึผิดทำให้พี่ทิมซวยไปด้วยเลย  ส่วนไอ้คนที่มันด่าเมื้อกี้ กลับเดินออกไปแล้วครับ ผมถอนหายใจออกมาดังๆ

 

“พี่ทิมทำแผลก่อนนะครับ” พี่ทิมพยุงผมเดินมานั่งที่โซฟาห้องรับแขก สรุปอาหารมื้อนี้ก็จบที่ความวุ่นวาย  หยิบสำลีออกมาชุบกับแอลกอฮอลล์ ก่อนที่จะล้างแผลตรงมุมปากให้พี่ทิม อีกไม่นานมันคงช้ำแน่เลย

 

“มินขอโทษที่ทำให้พี่ทิมเดือดร้อนนะครับ” ผมรู้สึกผิดที่ต้องเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด

 

“ไม่เป็นไรครับ แต่มินบอกพี่ได้ไหมว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น” ผมนิ่งไปนาน เพราะชั่งใจว่าจะเล่าให้พี่ทิมฟังดีรึเปล่า กลัวเขาจะรับเรื่องทั้งหมดไม่ได้

 

“...........”

 

“ไม่เป็นไรครับ ถ้าไม่สะดวกใจที่จะพูด ไม่ต้องบอกพี่ก็ได้”

 

“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับพี่ทิม มันเป็นแค่เรื่องน่าอายของมินก็เท่านั้น”  สำหรับผมมันน่าอายจริงๆ นะครับที่ไปแอบหลงรักคนที่เขารู้สึกไม่ดีกับตัวเองมาตลอด กลัวพี่ทิมจะมองว่าผมโง่ แม้ว่าตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว

 

ผมเริ่มเล่าเรื่องราวตั้งแต่เด็กให้กับพี่ทิมได้ฟัง แม้กระทั่งตอนที่ผมไปบอกรักกับไอ้ผู้ชายเลวคนนั้นผมก็เล่า ไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย ว่าทำไมผมกับอีกคนถึงกลายมาเป็นแบบนี้ ความสัมพันธ์ของผมและอีกคนเป็นยังไง

 

“ถ้าเขาไม่รู้สึกอะไรกับมินทำไมเขาต้องแสดงอาการหึงขนาดนั้นล่ะครับ” อันนี้ผมก็ไม่รู้และไม่เข้าใจเหมือนกัน เขาอาจจะแค่หวงก้างกลัวว่าใครจะมายุ่งกับผม

 

“มินไม่รู้หรอกครับ รู้แต่ว่าเขาเกลียดมิน แล้วตอนนี้มินก็เกลียดเขาไม่ต่างกัน”

 

“หึๆ พี่ว่าไม่นะ เขาไม่ได้เกลียดมินหรอก อาจจะรักมินไปแล้วก็ได้” พี่ทิมพูดอะไรที่มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยแม้แต่น้อย เขามีแฟนเป็นผู้หญิง เขาชอบผู้หญิง แถมประกาศปาวๆว่าคนอย่างผมวิปริตผิดเพศ แล้วจะมารักได้ยังไง ผมไม่มีทางเชื่อหรอก

 

“ไม่จริงหรอกครับ”

 

“เอาอย่างนี้ไหมล่ะครับ น้องมินลองคบกับพี่ดู แล้วเราก็ค่อยมาพิสูจน์กันว่าไอ้หมอนั่นมันรู้สึกยังไงกับมินกันแน่” ทำไมต้องทำแบบนี้ล่ะ ผมไม่ต้องการใช้พี่ทิมเป็นเครื่องมือในการพิสูจน์ความรู้สึกใครสักหน่อย เขาจะรักหรือไม่รักผม มันก็ไม่เกี่ยวกันแล้ว ผมมีทางเดินของผมแล้ว ผมไม่ต้องการความรักของผู้ชายคนนั้นอีกต่อไปแล้ว

 

“ไม่ดีครับ” ผมส่ายหน้ากับพี่ทิมอย่างไม่เห็นด้วย

 

“ทำไมละครับ ก็วินๆ ทั้งสองฝ่าย” ผมไม่เข้าใจแล้ว พี่ทิมหมายถึงอะไร แล้วพี่ทิมจะได้ประโยชน์อะไรจากการที่ช่วยผม มันไม่มีเหตุผลเลยสักนิด

 

“หมายความว่ายังไง”

 

“น้องมินก็จะได้รู้ความรู้สึกของคุณซอง ส่วนพี่ก็จะได้พิสูจน์หัวใจของคนที่พี่รักเหมือนกัน” ยิ่งพี่ทิมพูดผมก็ยิ่งไม่เข้าใจ งงหนักยิ่งกว่าเดิม

 

“........”

 

“พี่หมายถึงว่าตัวพี่เองก็จะได้รู้ความรู้สึกของใครคนนั้นของพี่ด้วย เพราะพี่คิดว่าเขาก็คงรักพี่เหมือนกันแต่มันติดอยู่ที่คำว่าพี่น้องที่พี่กับเขามีให้กันมาตลอด เขาเลยไม่เปิดใจที่จะรักพี่ แต่ถ้ามีน้องมินเป็นตัวแปร เขาอาจจะยอมรับความรู้สึกของตัวเองก้ได้” ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง ผมพยักหน้าหงึกๆ เพราะเข้าใจจุดประสงค์ของพี่ทิมแล้ว แต่ผมไม่ต้องการรู้ความรู้สึกของผู้ชายคนนั้นแล้วนี่ครับ ผมตั้งใจที่จะเริ่มใหม่ตั้งแต่วันนั้น จะไม่มีทางเดินกลับไปอยู่จุดเดิมเด็ดขาด

 

“แต่ว่ามินไม่ต้องการพิสูจน์ผู้ชายคนนั้นแล้วนะครับ เพราะเรื่องของผมกับเขามันคาราคาซังมานานเกินไป”

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าช่วยพี่” ที่มาหาบ่อยๆ นี่เพื่อผลประโยชน์ใช่ไหม หึ คิดแล้วก็อดโมโหไม่ได้  ลองวีนดูสีกทีดีไหม

 

“อ้อ! ที่แท้ก็แค่ต้องการผลประโยชน์จากมิน” ผมพูดห้วนๆ ไม่ยิ้มให้พี่ทิมเหมือนอย่างเคย ก่อนที่จะมองสีหน้าคนที่ดูจะตกใจมากในตอนนี้

 

“ไม่ใช่นะครับ พี่เห็นมินเป็นเหมือนน้องชายพี่ ส่วนเรื่องที่พูดเมื้อกี้ มันก็แค่เข้าทางพอดีเลยอยากจะลองดู แต่ถ้าน้องมินรู้สึกไม่ดีก็ไม่ต้องหรอกครับ” ท่าทางพี่ทิมที่ดูร้อนนจนผมยังนึกขำ ผมรู้ว่าเขาไม่ได้หวังผลประโยชน์อะไรจากผมหรอก

 

“มินล้อเล่น แหะๆ”

 

“พี่ตกใจหมดนึกว่ามินโกรธพี่แล้ว” พี่ทิมมีสีหน้าดีขึ้นมาทันที กลับเป็นพี่ทิมจอมทะเล้นเหมือนเดิมแล้วครับ

 

“มินช่วยพี่ก็ได้ แต่มีข้อแม้ ว่าพี่ก็ต้องช่วยมินออกจากผู้ชายบ้าคนนั้นด้วย” มันคงจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของผมนะครับ ถ้าเขารู้ว่าผมมีแฟนแล้วๆ ก็รักกันมากเขาคงจะเลิกพยายามทำอะไรบ้าๆ สักที

 

“โอเคครับ ที่รักของพี่”

 

“พูดอะไรก็ไม่รู้ขนลุก”  ผมส่งยิ้มแหยๆ ให้พี่ทิม มือบางของผมยกขึ้นลูบแขนทั้งสองข้าง

 

“ก็ซ้อมไว้ไงครับ จะได้ไม่เขินเวลาที่พี่เรียกมินต่อหน้าคนอื่น” ใครเขาจะอนุญาตให้เรียกแบบนี้ ไม่เอาด้วยหรอก มันโคตรน่าอายเลยการที่มีคนมาเรียกผมแบบนี้

 

“ห้ามเรียกนะครับ เรียกน้องมินเหมือนเดิมดีแล้ว”

 

“ทำไมล่ะครับ”

 

“ไม่เอาหรอกอายคนอื่นเขา”

 

“ก็ได้ครับ”  พูดง่ายดีครับ ผมตกลงตรงที่ตอนนี้เราสองคนคบกันแล้ว ต่อไปพี่ทิมจะเป็นคนคอยรับคอยส่งผมเอง และจะพาผมไปเปิดตัวกับน้องคนที่พี่ทิมชอบด้วย พี่ทิมเล่าว่าน้องพึ่งอายุสิบเจ็ดเอง พี่ทิมจะกินเด็ก น้องอยู่บ้านติดกันกับพี่ทิม ทั้งสองสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ตอนแรกพี่ทิมก็ยังไม่แน่ใจกับความรู้สึกที่ตนเองมีให้น้อง ว่ามันหยุดอยู่ที่พี่น้องจริงๆ หรือมากกว่านั้น จนกระทั่งพี่ทิมเห็นคนเข้ามาจีบน้อง ความรู้สึกหึง รู้สึกหวงในตัวน้องจึงเกิดขึ้น พี่ทิมพิสูจน์จนแน่ในในความรู้สึกของตนเอง  แต่อีกคนกลับทำเป็นไม่รับรู้ เวลาที่พี่ทิมจะเอ่ยความรู้สึกทีไรน้องก็จะเปลี่ยนเรื่องตลอด จนพี่ทิมเริ่มท้อใจ ลองคบกับคนอื่นดูและพาไปหาน้องก็เหมือนว่าอีกคนจะมีปฏิกริยาที่แปลกไป จนพี่ทิมเริ่มมั่นใจว่าน้องก็มีใจให้เขาเหมือนกัน อาจจะยังสับสนหลายๆ อย่าง ด้วยความที่น้องยังเด็กด้วย อายุห่างจากพี่ทิมเกือบรอบแนะ

 

พี่ทิมอยู่คุยกับผมจนดึก เดินขึ้นมาส่งผมที่ชั้นสองของบ้าน ก่อนที่ผมจะเตรียมตัวอาบน้ำนอน ผมคงต้องหยุดอยู่บ้านอีกสักวันสองวัน เพราะข้อเท้าผมค่อนข้างที่จะบวม ถ้าไปยืนๆ เดินๆ คงไม่หายแน่นอน

 

ฤทธิ์ยาที่ผมทานเข้าไปทำให้ผมง่วง และหลับลงไปเพียงเวลาไม่นาน  ไม่รู้ว่าดึกขนาดไหนผมสะลืมสะลือตื่น เพราะรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นๆ ที่ริมฝีปากบางของผม ไม่รู้ว่ามันเป็นความฝันหรือความจริง

 

“ใครอ่ะ แม่เหรอฮะ”

 

“นอนครับดึกแล้ว” มืออุ่นๆ ลูบหัวผม สบายดีจังเลย ทำไมมันรู้สึกอบอุ่นแบบนี้ รู้สึกดีจนอยากอยู่แบบนี้ไปนานๆ แต่ผมก็ต้านทานความง่วงไม่ไหว เข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งภายในเวลาไม่นาน คราวนี้ผมคงหลับลึกจนถึงเช้าแน่เลย

 

 

*************************

มาแล้วนะคะ สนุกไม่สนุกเม้น ให้ด้วยนะคะ  ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ ตอนที่แล้วจัดให้ฟินพอกรุบกริบ กลับมาดราม่าอีกแล้ว

 
อย่างนี้อีเฮียจะชนะใจน้องได้ยังไงเนอะ หาทางช่วยมันหน่อย ทำไงดี แต่ให้หยุดปากหมานี่คงยาก เพราะมันเป็นสันดาร


 มีอีกเรื่องเราคงต้องขอโทษคนอ่านบางคนที่อาจจะไม่ชอบเนื้อนิยายที่เราแต่งในตอนที่แล้ว แต่เราก็แต่งตามเรื่องที่วางไว้ ถ้าทำให้เสียความรู้สึกกับเรา และกับตัวนายเอกก็ต้องขอโทษจริงๆ ไม่รู้จะทำยังไงค่ะ   เรามันก็แค่คนพึ่งหัดแต่งนิยาย ไม่ได้แต่งเก่งเหมือนมืออาชีพ  ทำได้แค่นี้จริงๆ


                          TBC.
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน11 P.6 (17/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 17-03-2016 22:06:07
พี่ซองแอบมาหามินตอนหลับใช่มั้ย บอกมาาาาา
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน11 P.6 (17/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 17-03-2016 22:20:29
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน11 P.6 (17/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-03-2016 22:26:18
 o13.   เอาเลยค่ะ อยากเห็นคนหึงลงแดงเต็มแก่แล้ว
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน11 P.5(17/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 17-03-2016 22:38:12
ไรท์อย่าเสียใจ. แต่งตามพล๊อตของไรท์แหละ

ชื่อเรื่องมันบอกอยู่แล้วละว่าครัวซองเป็นพระเอกนิ

แต่ซองก้อห่าม ปากร้าย ทำร้ายมิน ก้อต้องมีบทเรียนให้ซองบ้างนะ

 o13  o13  o13  o13

...
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน11 P.5(17/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 17-03-2016 23:36:57
สู้ๆนะครับคนเขียนผมติดตามผลงานของคนเขียนตลอดนะเป็นกำลังใจให้นะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน11 P.5(17/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 18-03-2016 00:42:59
พี่ซองเอ้ยยยย มาทำตัวเถื่อนนนน
แล้วมีการแอบมาจุ้บเค้าตอนดึก
ป๊อดอ้ะะะะะ
น้องมินต้องเล่นให้หนักเลย สนับสนุนเต็มที่ คึคึ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน11 P.5(17/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 18-03-2016 01:21:01
อย่าเก็บเอามาคิดจนเนื้อเรื่องเราเขวนะคะ แค่เอามาปรับใช้ถ้าเป็นไปได้ หรือเก็บไว้แต่งเรื่องหน้า
นิยายที่มีพัฒนาการมันดีค่ะ แต่ยิ่งกดดันตัวเองมากจะกลายเป็นไม่มีความสุขในสิ่งที่เราอยากจะมีความสุขกับมันนะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน11 P.5(17/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Kunpimook ที่ 18-03-2016 01:32:59
ว่าแล้ววววพี่ทิม ต้องไม่ได้ชอบน้องมิน  :hao3:
แต่ตอนแรกแอบคิดว่า จะเป็นทิม-บราว ซะอีกนะเนี่ยย 55555  :mew2:  คนเขียนสู้ๆจ้า มาต่อทุกวันเลย ขอชื่นชมค่ะ  :call: :call:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน11 P.5(17/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-03-2016 02:51:52
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน11 P.5(17/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: มะลิลา ที่ 18-03-2016 07:58:09
เริ่มงงแล้วว่าพี่ทิมชอบใคร :serius2:
นึกว่าชอบมินซะอีก

ว่าแต่จะให้มินช่วยนี่ไม่รู้ชะตากรรมหรือเปล่า
เพราะพี่ซองมันหึงหนักนะเนี่ย
วันนี้โดนไปหนึ่งหมัด
กว่าจะรู้ใจกันนีืจะโดนอีกเท่าไหร่

เอาใจช่วยทุกคนรวมทั้งคนแต่งจ้ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน11 P.5(17/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Kalamall ที่ 18-03-2016 10:07:22
 :ruready หมาบ้ามันห่วงกระดูกสิน่ะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน11 P.5(17/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: seraty ที่ 18-03-2016 13:14:50
คุณนักเขียน
ที่เว็บนี้เค้าไม่ใช้ รีดเดอร์-ไรน์เตอร์นะ
เค้าให้ใช้ นักเขียน-คนอ่าน หรือเเทนอย่างอื่นเช่นเพื่อนๆ ผู้อ่าน ไรอย่างงี้ ระวังแอดมินเว็บด้วยนะ โมดุมากนะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน11 P.5(17/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 18-03-2016 14:40:59
แผนซ้อนแผน ซ้อนแผน ซ้อมแผน ..
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน11 P.5(17/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 18-03-2016 15:27:12
คุณนักเขียน
ที่เว็บนี้เค้าไม่ใช้ รีดเดอร์-ไรน์เตอร์นะ
เค้าให้ใช้ นักเขียน-คนอ่าน หรือเเทนอย่างอื่นเช่นเพื่อนๆ ผู้อ่าน ไรอย่างงี้ ระวังแอดมินเว็บด้วยนะ โมดุมากนะ

ขอบคุณที่เตือนนะคะ แก้ไขแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน11 P.5(17/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 18-03-2016 15:35:13
ขำพี่ซองค์ "กูเลวใช่ไหม คนเลวๆ อย่างกูนี่แหละจะยัดเยียดความเป็นผัวให้มึงเอง" พี่เป็นตัวร้ายใช่ไหม 555+
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน11 P.5(17/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-03-2016 14:45:00
มาตามคู่นี้ด้วยคน~
อิพี่ซองปากหมามาก!
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน12 P.6(21/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 21-03-2016 23:08:50
หลานคุณย่า แอบรัก ตอน12

(ครัวซองต์)

ผมแอบเข้ามาในห้องของมินในช่วงดึก เขาหลับไปแล้ว ยอมรับเลยว่าเมื่อเย็นผมโมโหมาก ทั้งๆ ที่ผมตั้งใจซื้ออาหารเข้าไปทานกับเขา แต่กลับนัดไอ้ทิมอะไรนั่นมาหาถึงบ้าน วินาทีแรกที่ผมเห็น แทบจะกระโดดเข้าไปกระชากเขาออกมาจากโต๊ะทานอาหาร

 

ผมพยายามข่มตานอนลงข้างๆ มินแต่ใจของผมมันกลับสับสน วุ่นวายจนนอนไม่หลับ ต้องลุกขึ้นมานั่งมองคนที่หลับสนิท  ถ้าเขาเป็นแฟนกับไอ้ทิมจริงๆ มันก็ไม่เกี่ยวกับผมอยู่แล้ว แล้วทำไมผมต้องโมโหเป็นบ้าเป็นหลังแบบนี้ ทำราวกับว่าหึงอย่างนั้นแหละ  ตลอดหลายวันมานี้ผมนอนไม่ค่อยหลับ พูดง่ายๆ ก็คือตั้งแต่มินบอกรักผม ผมก็เริ่มจะงงกับตัวเอง ว่าทำไมต้องไปตามเฝ้าเขาถึงร้าน  ผมทำบ้าอะไรไปหลายๆ อย่าง ทั้งๆ ที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะบ้าบอได้ขนาดนี้

 

ร่างเล็กที่นอนบนเตียงขยับตัวเบาๆ จนผมตกใจ กลัวว่าจะตื่นขึ้นมาเจอผมกลางดึกแล้วจะมีปัญหากันอีก จากที่ตะแคงข้างหันหลังให้ผม กลายเป็นนอนหงาย ขยับยุกยิกสักพักก่อนที่จะกลับมานอนนิ่งเหมือนเดิม ริมฝีปากเรียวเล็กสีชมพูเผยอขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ดึงดูดให้ผมต้องก้มลงไปประทับจูบริมฝีปากบางอย่างหลงไหล ผมดูดเม้มริมฝีปากเล็กอย่างย่ามใจ  เขาเผยอรับสัมผัสที่เอาแต่ใจของผม ก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้นมามองแว๊บเดียว จนผมผงะถอยหลังแทบจะตกเตียง มินหลับตาลงอีกครั้งพูดราวกับคนละเมอ

 

“ใครอ่ะ แม่เหรอฮะ” ผมถอนหายใจออกมาแทบจะทันทีที่เขาเข้าใจว่าเป็นแม่ เกือบไปแล้วไหมล่ะ

 

 “นอนครับดึกแล้ว”   ผมยกมือลูบหัวคนตัวเล็กที่ดูเหมือนจะหลับลึกไปแล้ว ก่อนที่ผมจะขยับตัวนอนลงข้างๆ ยกลำแขนแกร่งกอดเอวบางไว้หลวม เพราะกลัวว่าเขาจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน

 

ผมเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ทั้งๆ ที่ตอนแรกพยายามข่มตาหลับแทบตายแต่กลับไม่ง่วง สะดุ้งตัวตื่นอีกทีก็เกือบเช้า รีบหยิบนาฬิกาตรงหัวเตียงขึ้นมาดู พึ่งจะตีห้า โชคดีที่ยังไม่สาย ไม่อย่างนั้นผมคงซวย ก่อนที่ผมจะลุกออกไปจากห้อง ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

หลังจากนั้นหลายวันผมก็ไม่ได้ไปหามินอีกเลย ไม่อยากไปแล้วต้องเจอเขาอยู่กับไอ้หมอนั่น  มันเจ็บแปลบที่ใจแปลกๆ   ผมไปทำงานตามปกติ นั่งเคลียร์งานตั้งแต่เช้า แต่สมาธิของผมกลับไม่ได้จดจ่ออยู่ที่งานตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย มันกระวนกระวายใจจนอยากหาที่ีระบาย  ผมเป็นพวกโมโหร้าย ถ้าไปหาเขาตอนนี้มีหวังต้องเผลอทำร้ายหรือพูดจาร้ายกาจใส่เขาเป็นแน่ ผมนั่งเคาะปากกากับโต๊ะทำงาน ครุ่นคิดถึงเรื่องที่ตัวเองทำร้ายมินมาตลอดยี่สิบกว่าปี พึ่งรู้ว่าตัวเองเลวก็วันนั้แหละ  ทำร้ายน้องทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้ทำผิดอะไร ผมพยายามหาเหตุผลมาลบล้างความผิดของตนเองแต่มันกลับไม่มีข้ออ้างใดๆ ที่จะทำให้ผมเลวน้อยลงเลยแม้แต่น้อย

 

เสียงโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ดังขึ้น โชว์เบอร์ของคนที่เป็นคู่ควงของผมคนปัจจุบันเธอชื่อเฟียครับ ผู้หญิงที่ผมควงไปไหนมาไหนเป็นประจำ แม้กระทั่งวันที่ผมบังเอิญเจอมินที่ห้าง ผมก็ควงเธอไปด้วย เธอเป็นผู้หญิงแต่งตัวแรงๆ พูดจาตรงๆ แต่ไม่ได้มีอะไรแอบแฝง

 

"ครับเฟีย"

 

"วันนี้เฟียไปหาซองได้ไหมคะ อยากทานข้าวเย็นด้วย"

 

"เอาสิครับ จะให้ผมไปรับที่บ้านไหม"

 

"ดีค่ะ"

 

"แค่นี้ก่อนนะครับ ตอนเย็นเจอกัน"

 

"ค่ะ" เฟียเป็นผู้หญิงที่ผมคุยนานที่สุด เราเรียนที่เดียวกันตอนอยู่เมืองนอก สถานะของเราสองคนก็แค่เซ็กเฟรนด์ เราสองคนตกลงกันไว้แบบนั้น ผมจึงสะดวกใจที่จะคบกับเธอมากที่สุด ถ้าถามว่าผมรักเธอไหม ตอบได้เลยว่าไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้ เธอเป็นแค่เพื่อนที่ดีของผมคนหนึ่ง ที่ความสัมพันธ์ของเราจบแค่เรื่องบนเตียงก็เท่านั้น เธอไม่ได้เรียกร้องอะไรจากผม เพราะถ้าเธอทำอย่างนั้นความสัมพันธ์ของเราคงจบเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ของผม

 

เราเรียนด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันในฐานะเพื่อน ซึ่งคนอื่นๆ ก็เข้าใจแบบนั้น ความสัมพันธ์ลับๆ ของเรา รู้เพียงแค่ผมกับเธอเท่านั้น ถามว่าทำไมเธอถึงยอมมีความสัมพันธ์ทางด้านร่างกายกับผม ทั้งๆ ที่เราไม่ได้รักกัน เหตุผลง่ายนิดเดียว เพราะผมและเธอไม่นิยมมีเซ็กส์แบบวันไนท์แสตน เราจึงตกลงที่ทำแบบนี้ ถ้าวันหนึ่งผมหรือเธอเจอคนที่ใช่ ความสัมพันธ์แบบนี้ของเราก็จะจบลงทันที

 

**********************

 

"ทานร้านนี้ดีกว่านะคะซอง เฟียอยากทานอาหารไทย"

 

"ตามใจเฟียเลยครับ" เราสองคนตรงไปด้านใน มองหามุมที่ดีที่สุดของร้าน

 

"ตรงนั้นก็ดีนะคะ" โซนที่เรากำลังเดินไปนั่งค่อนข้างเป็นส่วนตัว พนักงานสาวเดินนำเราไปจนเกือบถึงโต๊ะที่เราสองคนต้องการ สายตาผมกลับเหลือบไปเห็น คนที่ทำให้ผมวุ่นวายใจมาตลอดสัปดาห์ เขามากับไอ้ทิมคนที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุด แค่เห็นอารมณ์ก็ขึ้น ก้าวยาวๆตรงไปยังโต๊ะที่เขานั่งอยู่

 

“ไปไหนคะซอง” เฟียเอ่ยถามผม มืออีกข้างก็เกี่ยวแขนเดินตามแรงของผมมาด้วย ผมไม่สนใจที่จะตอบคำถามของเธอเลยแม้แต่น้อย เดินดุ่มๆ ไปยืนจังก้าอยู่หน้าสองคนที่นั่งอยู่ก่อน

 

“พอดีผมเจอคนรู้จักน่ะ เลยจะมานั่งด้วย” ผมหันไปพูดกับเฟียและพนักงานสาวที่เดินตามมา มินเงยหน้าจากอาหารขึ้นมามองผมด้วยความตกใจ รวมทั้งไอ้ทิมด้วย

 

“ขอนั่งด้วยได้ไหม” ผมเอ่ยเสียงเรียบ ทั้งๆ ที่ในใจผมแทบจะพุ่งไปชกไอ้หน้าหล่อตรงหน้าแล้ว

 

“เชิญครับ” ไอ้ทิมมันยิ้มกวนประสาทใส่ผม ก่อนที่จะเชื้อเชิญผมนั่งเหมือนว่าเราเคยญาติดีกันมาก่อนอย่างนั้นแหละ

 

“พี่ทิม! ไปเชิญเขานั่งทำไม โต๊ะว่างเยอะแยะ”

 

“จริงด้วยค่ะซอง เราไปนั่งโต๊ะอื่นดีกว่า”

 

“ไม่ครับ เขาเชิญเรานั่งแล้ว เดี๋ยวจะเสียมารยาท” ผมเลื่อนเก้าอี้ให้เฟียนั่งฝั่งเดียวกันกับไอ้ทิม ส่วนตัวผมก็ตรงไปนั่งฝังเดียวกันกับมิน บรรยากาศในโต๊ะดูอึดอัดทันทีที่ผมนั่งลง

 

“ขอเมนูหน่อยครับ” ผมหันไปพูดกับพนักงานหลังจากที่เธอยืนอึ้งอยู่นาน ก่อนที่เธอจะหันรีหันขวางหาเมนูอาหารที่เธอไม่ได้ถือมาด้วย

 

“นี่ค่ะ”

 

“ทานอะไรดีครับเฟีย”  ผมเงยหน้าขึ้นมามองเฟียที่นั่งฝั่งตรงข้าม เธอคงไม่พอใจผมอยู่บ้างแหละที่อยู่ๆ ก็พามานั่งกับใครก็ไม่รู้ที่เธอไม่รู้จักเลยแม้แต่น้อย

 

“แล้วแต่ซองเลยค่ะ เฟียทานอะไรก็ได้” เธอคงเก็บอาการเหวี่ยงวีนไว้ในใจ เพราะปกติเฟียจะป็นคนตรงๆ แต่ตอนนี้มีคนที่เธอไม่รู้จักเธอจึงดูจะเงียบเป็นพิเศษ

 

“ถ้าอย่างนั้นผมสั่งเลยนะครับ เอาอะไรเพิ่มอีกไหม?” ผมหันไปหาสองคนที่นั่งทำหน้าไม่ถูกอยู่ข้างๆ อย่าหวังว่าจะได้ทานอย่างสงบเลย

 

“ไม่ครับ” ไอ้ทิมมันตอบครับ ส่วนคนข้างๆ ผมตอนนี้หน้านี่ไม่ต้องบอกว่าอารมณ์ไหน

 

ผมสั่งอาหารมาสามสี่อย่าง พร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ ก่อนที่จะลงมือทาน โดยที่ผมไม่ลืมที่จะแนะนำให้ทุกคนรู้จักกัน ผมมารยาทดีใช่ไหมครับ

 

“นี่คุณทิม ส่วนคนนี้มิน”  ผมชี้ไปทางไอ้ทิมก่อนที่จะหันมาหามินที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ข้างๆ เพียทักทายสองคนพอเป็นพิธี

 

“ส่วนนี่เฟียเพื่อนผม”  ไอ้ทิมมันยิ้มให้ ส่วนมินยกมือไหว้แต่ไม่ยอมมองหน้าเธอเสียด้วยซ้ำ

 

“เอ๊ะ! นี่เด็กข้างบ้านซองนี่คะ คนที่เอาของขวัญมาให้ซองวันนั้น” เฟียเหมือนพึ่งจะนึกได้ว่าเคยเจอกับมิน ก่อนที่สีหน้าเธอจะเปลี่ยนไป

 

“ใช่ครับ คนนั้นแหละ”

 

มินไม่พูดอะไรตักอาหารเขาปากเคี้ยวอยางไม่ใยดี ไม่สนว่ามีผมนั่งอยู่ข้างๆ เสียด้วยซ้ำ อาหารที่ผมสั่งมาใหม่เขาก็ไม่ยอมทานเลยแม้แต่น้อย ทำเหมือนผมไม่มีตัวตนสินะ

 

“มินทานนี่ครับ”  ไอ้ทิมมันตักทอดมันปลากรายให้กับมิน ก่อนที่คนไอ้คนที่นั่งข้างๆ ผมจะส่งยิ้มหวานให้กับมัน  มีความสุขเชียวนะ

 

“ขอบคุณครับพี่ทิม” มินก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อ เขาพูดคุยบ้างแต่แค่กับไอ้ทิมคนเดียวเท่านั้น  เผลอนั่งจ้องเขาจนไอ้ทิมมันเอ่ยถามออกมา

 

“คุณซองมีอะไรกับแฟนผมรึเปล่าครับ เห็นจ้องมินนานแล้ว”

 

“เปล่า แต่ก็แค่...สงสัยว่านายสองคนไปคบกันตอนไหน” ผมเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกไอ้ทิม เพราะไม่อยากเรียกมันว่าคุณเคิณอะไรทั้งนั้น เรียกนายนี่ถือว่าให้เกียรติสุดแล้ว

 

“อ๋อ! คบกันยังไม่ถึงเดือน แต่รู้จักกันมาสักพักครับ เจอกันตอนที่ไปทานเค้กที่ร้าน” มันตอบไปยิ้มไป จนผมอยากจะเอาหมัดหนักๆ ไปกระแทกปากมันซะทีสองที

 

“เร็วดีเนาะ”

 

“จะเร็วหรือช้าก็ไม่ได้เป็นตัววัดว่าความรักจะมั่นคงนี่ครับ เพียงแค่มั่นใจว่าคนนี้ใช่ก็พอแล้ว” คราวนี้มินเป็นคนตอบ  เหมือนจะประชด แต่มันเจ็บจี๊ดที่หัวใจผมเลย

 

“ครับอย่างที่น้องมินบอก ถึงจะเร็วแต่ผมก็จริงจัง” ไอ้ทิมมันยื่นมือมาจับมือของมินที่วางบนโต๊ะ ผมมองตามมือมันจนตาแทบถลน นี่ผมบ้าอยู่คนเดียวใช่ไหมวะ ทำไมไม่มีใครร้อนรนแบบผมเลย

 

“นี่สองคนเป็นแฟนกันจริงๆ เหรอคะ”  เฟียยังจะถามอีกเหรอ เขาพูดขนาดนี่ยังจะถามให้ผมโมโหอีกทำไมวะ

 

“ครับ” ไอ้ทิมมันตอบพร้อมกับส่งยิ้มหล่อให้กับเฟีย

 

“พี่ทิมทานอีกสิครับ พึ่งทานได้นิดเดียวเอง” หึ ตักอาหารให้มันอีก จะสวีทกันไปถึงไหนวะ ไม่คิดจะเกรงใจคนที่นั่งหัวโด่อยู่สองคนเลยรึไง

 

“ขอบคุณครับ” บรรยากาศมันอึดอัดพิลึก ผมต้องนั่งทำตัวสงบเสงี่ยมแบบที่ไม่ใช่ตัวเอง เพราะถ้าเป็นซองคนเดิมคงจะเหวี่ยงจนใครต่อใครเข้าหน้าไม่ติดแล้ว นับหนึ่งถึงสิบ ถึงร้อย ใจก็ยังไม่สงบ ท่องนโมพุทธโธก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น มันอยากจะระเบิดออกมาอย่างเดียว ให้ตายสิ ผมต้องกลายเป็นคนโรคจิตแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แอบนั่งมองคนที่เขาสวีทหวานกัน

 

“มินไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับพี่ทิม” เข้าทางผมเลยครับงานนี้ อยู่ดีๆ หมูก็จะเดินมาให้เชือดซะงั้น

 

“พอดีเลย กูก็อยากเข้าห้องน้ำ” ผมเอ่ยออกไปหน้าด้านๆ ไม่สนใจใครทั้งสิ้น ลุกขึ้นตามร่างเล็กที่ยืนมองผมตาเขียวปั๊ดด้วยความไม่พอใจ

 

“ผมไม่อยากไปแล้วครับ” มินทำท่าจะกลับเข้ามานั่งที่เดิม แต่ผมดึงแขนไว้

 

“ไปด้วยกัน” ผมบังคับร่างเล็กที่ดูก็รู้ว่าตอนนี้เขาเอือมระอากับผมมากแค่ไหน

 

‘ถ้าไม่ไปคืนนี้มึงเจอดี’ ผมกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน ก่อนที่มินจะเดินออกไปพร้อมกับผม เดินตามเขาไปโดยที่เราสองคนไม่ได้คุยกันเลยแม้แต่น้อย ผมแค่เดินตามหลังร่างเล็กไป เขาเดินเข้าห้องน้ำไปโดยที่ผมยืนเฝ้าอยู่ข้างๆ

 

“ไปไกลๆ สิผมจะทำธุระ โถว่างเยอะแยะจะมายืนข้างๆ ทำไม” ผมไม่ได้อยากเข้าห้องน้ำ แค่ตามเขามาก็เท่านั้น

 

“กูไม่ปวด”

 

“แล้วจะมาทำไม หาเรื่องกันรึไง”  เสียงของมินเย็นชากว่าเดิมเยอะ ไม่เหมือนแต่ก่อนที่เขาจะพูดเพราะกับผมเสมอ

 

“ตามมาเฝ้ามึง”

 

“คุณไม่ใช่แฟนผม ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาเฝ้าหรือทำอะไรทั้งนั้น” มินแหวใส่ผมเสียงดัง ตาตี่ๆ ของเขาจ้องมองจนผมแอบขนลุกไปเหมือนกัน สายตาที่เปลี่ยนไปของคนตรงหน้า ไม่เหลือความกลัวเหมือนแต่ก่อน มีเพียงสายตาที่ว่างเปล่าและเย็นชา

 

“หึ...ตอนนี้ไม่ใช่ แต่อีกไม่นานกูจะเลื่อนขั้นเป็นผัวมึงให้ดู”

 

“อย่ามาพูดบ้าๆ แบบนี้นะ”

 

“เออกูมันบ้าไง คนบ้าอย่างกูทำได้ทุกอย่าง” ผมไม่ได้ล้อเล่นกับสิ่งที่ผมพูดออกมา ไม่ได้พลั้งปากพูดเพราะความโมโห แต่ผมคิดจะทำจริงๆ ในเมื่อตอนนี้มินเป็นแฟนกับไอ้ทิม ทางเดียวที่ผมจะชนะได้คือจับเขากดแล้วเอาเป็นเมีย ต่อไปไม่ว่าใครก็จะไม่มีสิทธิ์ในตัวคนของผม ถ้าถามว่าทำไมผมจึงทำแบบนี้ ไม่มีเหตุผลแค่อยากทำ ไม่อยากให้มินไปเป็นของใครนอกจากผม ถ้าวันที่เขากลายเป็นของผม ผมอาจจะเข้าใจความรู้สึกบ้าๆ ตอนนี้ของตัวเองก็ได้ ผมมันคนเห็นแก่ตัวนี่ครับ ไม่ได้ดีเด่เหมือนใครต่อใคร

 

“ออกไปไกลๆ เลยไป ถ้าไม่คิดจะฉี่ผมจะได้ทำธุระของผม”

 

“มึงอายกูรึไงวะ ผู้ชายเหมือนกันไม่เห็นมีอะไรต้องอาย”  ร่างเล็กไม่พูดอะไรโต้ตอบผม เดินเข้าไปชิดโถฉี่ รูดซิบกางเกงของเขาลง ผมแอบเหล่ดูหนอนน้อยของคนตัวเล็ก จนเขาหันกลับมามอง ก่อนที่ผมจะแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วผมแทบจะจับเขาขย่ำเสียตอนนี้เลย เขารีบจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จอย่างรีบเร่ง คงกลัวสายตาผมที่เอาแต่จ้องเขานั่นแหละ

 

“กลับสิ เสร็จแล้ว” เขาพูดหลังจากที่เดินมาล้างมือที่อ่าง

 

“มึงต้องกลับบ้านกับกู”

 

“ไม่”

 

“อย่ามาดื้อกับกูนะมิน กูไม่ใช่ไอ้พี่ทิมของมึงนะ”  อารมณ์ผมมันขึ้นง่ายครับ ยิ่งเวลาที่เขาทำท่าดื้อดึงกับผมแบบนี้

 

“ผมมากับพี่ทิมก็จะกลับกับเขา” ท่าทางจองหองของคนตัวเล็กทำให้ผมต้องใช้ไม้แข็ง เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็คงไม่ยอมทำตามที่ผมบอกง่ายๆ หรอก อยากกลับกับมันมากรึไงไอ้ทิมน่ะ มันมีดีกว่าผมตรงไหน

 

“มึงไม่มีทางเลือก ถ้ามึงไม่ทำคืนนี้กูบุกไปหามึงแน่”

 

“อย่ามาขู่ ผมไม่กลัวหรอก”

 

“งั้นมึงก็ลองดู ว่าคนอย่างกูจะทำจริงรึเปล่า” ผมบีบแขนร่างเล็กเต็มแรง เพราะความโมโหที่เขากล้ามาต่อปากต่อคำกับผม

 

“ถ้าคุณทำแบบนั้นผมจะฟ้องย่า” เอะอะก็จะฟ้องย่า เห็นย่าให้ท้ายแล้วเอาใหญ่ ตอนแรกผมก็กลัวกับคำขู่ของเขา แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้ว

 

“จะฟ้องก็ฟ้องกูไม่สน ดีซะอีกย่าจะได้รู้ว่ากูกับมึงมีความสัมพันธ์กันแบบไหน”

 

“แบบไหน ผมกับคุณไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันทั้งนั้น”

 

“หรือมึงจะลองห๊ะ” ผมเดินเข้าหาร่างเล็กที่ตอนนี้ถอยกรูดไปจนหลังชนอ่างล้างมือ

 

“เออ”

 

“เออคืออะไร จะกลับกับกู หรือจะให้กูไปหาคืนนี้”

 

“เออคือกลับไงว่ะ”

 

“อย่ามาปากดีนะมิน” ผมยกมือหนาๆ บีบแก้มสองข้างอย่างแรง จนเขาทำหน้ายู่เพราะเจ็บ จะให้ผมป่าเถื่อนกว่านี้ก็ทำได้นะครับ เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ

 

“อ่อยๆ” (ปล่อยๆ)  เสียงอู้อี้ของร่างเล็กทำให้ผมจำต้องปล่อยมือออก บอกแล้วว่าอย่าปากดี ผมไม่ชอบให้ใครว่าตะคอกใส่ แม้ว่าผมจะทำมันกับเขาก็ตาม

 

“มึงไปบอกไอ้ทิมห่าเหวอะไรก็ได้ แล้วไปรอกูหน้าห้างเข้าใจไหม”

 

“เออ!” มินตะคอกผมกลับอย่างไม่ยอมแพ้เหมือนกัน แม้ว่าเขาจะรับปากผมก็ตาม ผมเดินตามเขากลับไปที่ร้านอาหาร รอดูว่าเขาจะบอกไอ้ทิมว่ายังไง เรากลับมานั่งที่เดิมแล้วครับ

 

“ทำไมไปนานจังครับ” ก้นยังไม่หย่อนลงเก้าอี้ เสียงไอ้ทิมก็ดังขึ้นมาในทันที

 

“พอดีคนเยอะน่ะครับ” แหม แก้ตัวได้เร็วนะเนี่ย เหอะ ผมประชด เห็นท่าทางใสซื่อแบบนี้แต่ก็ใช่ย่อยเลยครับ แถมตอบหน้าตายอีกต่างหาก

 

“อ๋อ! ครับ มาทานต่อดีกว่า” ผมใช้สายตากดดันคนที่นั่งข้างๆ ให้เขาพูดซะที แต่เขาก็เอาแต่เงียบไม่รู้ว่าคิดไม่ออกว่าจะบอกว่ายังไง หรือจงใจที่จะปล่อยเลยตามเลย จนผมยกมือขึ้นไปหยิกเอาบางเบาๆ ให้เขาพูดออกมา เขาทำหน้าแหยๆ แต่ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ในเวลาไม่นาน ไม่มีใครสังเกตุเห็นนอกจากผม

 

เฟียนั่งดูนู่นนี่ไปเรื่อย ที่จริงเธอก็ไม่ค่อยอะไรกับผมหรอก บอกแล้วว่าสถานะของเรามันแค่เซ็กส์เฟรนด์ ไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งต่อกัน และวันนี้ผมก็แค่มาทานข้าวเป็นเพื่อนเธอก็เท่านั้น ไม่ได้คิดจะไปต่อที่ไหน มันเป็นเหมือนเรื่องปกติของผมและเฟีย

 

“พี่ทิมครับ พอดีมินมีธุระขอกลับเองไดไหมครับ”

 

“จะไปไหนครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

 

“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ เพราะเพื่อนมินพึ่งโทรมาบอกเมื่อกี้นี้ว่าจะมารับไปทำธุระด้วยกัน เดี๋ยวให้เขาไปส่ง”

 

“ตามใจครับ ถ้ากลับถึงบ้านแล้วโทรบอกพี่ด้วย” หึ ตาละห้อยเชียวนะมึง ให้มันรู้บ้างว่าคนอย่างผมจะแพ้คนอย่างไอ้ทิม

 

“ครับ” เรานั่งทานกันอยู่สักพักก่อนที่จะคิดเงิน ผมอาสาจ่ายทั้งหมด แต่ไอ้ทิมมันก็อยากจะเอาหน้ากับมิน ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษขอหารกับผมคนละครึ่ง ผมเลยต้องยอม จะได้รีบๆ กลับกันซะที ส่วนเรื่องเฟียผมบอกเธอไปตามตรงครับ เพราะไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร  ผมจึงแยกกับเธอที่ทางออกห้างก่อนที่จะตรงไปลานจอดรถ  ผมยกมือขึ้นแตะปากตัวเอง มุมปากผมยกขึ้นทั้งสองข้างโดยที่ผมไม่รู้ตัว

 

‘แม่งนี่กูกำลังยิ้มเหรอว่ะ บ้าไปแล้ว’


 
**********************************

 

มาแล้วๆ ดึกเลยวันนี้ มีใครรอยู่รึเปล่า เฮียซองอารมณ์แปรปรวน สงสัยเมนส์มา



 

อย่าโกรธคนเขียนที่มาช้า  เพราะการงานยุ่งเหยิง จัดระเบียบชีวิตตัวเอง

 

เม้นให้หน่อยน้าเป็นกำลังใจให้คนเขียน
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน12 P.6(21/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 21-03-2016 23:57:15
พี่ซองนิสัยไม่ดี ชอบบังคับมิน
ขอให้มินไม่รัก  :katai3:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน12 P.6(21/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 22-03-2016 00:06:29
 :mew1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน12 P.6(21/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-03-2016 01:50:13
อีซองนี้เผด็จการจริงๆ อิอิ มินอย่ายอมง่ายๆนะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน12 P.6(21/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 22-03-2016 02:11:37
ถ้านิสัย ไม่สิ ถ้าสันดานเสียขนาดนี้ นายเอกไม่ต้องคู่กับพระเอกก็ได้นะ ปล่อยให้ครัวซองค์เป็นพระเอกต่อไปซึ่งนายเอกไม่ใช่มิน มันก็คงดี
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน12 P.6(21/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 22-03-2016 02:14:14
ทำไมสะใจที่มินพูดเออ 5555
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน12 P.6(21/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-03-2016 05:37:04
ถ้าจับกดจะโกรธจริงๆด้วย
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน12 P.6(21/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 22-03-2016 06:33:01
งง ที่มินยอม คือยอมกลับกับมันทำไมอะ ไมีมีเหตุผลที่ต้อบยอมเลย
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน12 P.6(21/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 22-03-2016 06:57:53
พี่ซองนี่ซื่อบื้อกับความรู้สึกของตัวเองจริง แต่น่าจะไม่นานล่ะนะที่พี่จะรู้ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นความรู้สึกอะไรกันแน่
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน12 P.6(21/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-03-2016 07:22:52
อิพี่ซองเผด็จการ!!
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน12 P.6(21/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: มะลิลา ที่ 22-03-2016 07:54:43
 น้องมินจะถูกจับกดเมื่อไหร่ รอลุ้น :z1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน12 P.6(21/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-03-2016 08:04:11
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน12 P.6(21/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 22-03-2016 08:14:07
ซองเป็นผู้ชายที่น่ารำคาญ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน12 P.6(21/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 22-03-2016 09:42:12
ซองค์เป็นหมาบ้า ตอนมินเข้าหาก็เล่นตัวนักอิห่าพอน้องถอยห่างเสือกตามติดชีวิตเค้าซะงั้น อย่างงี้แหล่ะคนไม่รู้ใจตัวเอง 555+
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน12 P.6(21/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 22-03-2016 12:16:58
ยิ้ม คนเดียว บ้าๆ ..
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน12 P.6(21/03/59)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-03-2016 16:56:08
ตอนนี้มินแข็งใส่พี่ซอง พี่ซองมันก็เลยยิ่งแรงใส่ อยากรู้ถ้าตอนนี้ลองให้มินอ่อนหรืออ้อนใส่ พี่ซองจะละลายมั้ยนะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน13P.6(03/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 03-04-2016 15:38:38
แอบรัก 13


 

ภายในรถสปอร์ตคันหรูเงียบจนผมรู้สึกอึดอัด ไม่มีบทสนทนาระหว่างเราสองคน แม้กระทั่งตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจเขาเลยสักนิด ว่าทำแบบนี้กับผมทำไม ทำเหมือนกับหึงหวงผมอย่างนั้นแหละ ทั้งๆ ที่ความจริงไม่ใช่เลย เขาต้องการอะไรจากผมกันแน่ พอผมถอยออกมาเขากลับทำเหมือนต้องการที่จะเข้าหาผม มันเป็นเรื่องตลกที่ผมกลับขำไม่ออก ชีวิตที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้มันไม่สนุกเลยสักนิด   ถ้าใครไม่ได้เจอกับตัวเองก็คงไม่มีวันรู้สึกว่ามันอึดอัดแค่ไหน

 

 

หลังจากวันที่ผมตัดสินใจบอกรักเขาไป ผมก็สามารถจัดการความรู้สึกบ้าบอพวกนั้นจากใจได้เกือบหมด  แต่เขากลับมาทำให้ความรู้สึกของผมสั่นคลอน มันไม่ใช่ความรู้สึกดีใจ หรือตื่นเต้นที่คนที่ผมเคยรักเขาหันมามองตัวเองบ้าง แต่มันมีแต่ความข้องใจ สงสัยในตัวผู้ชายคนนี้ ว่าที่เขากำลังทำอยู่ทุกวันนี้แค่ต้องการปั่นหัวผมอยู่ใช่รึเปล่า เห็นผมเป็นตัวตลกหรือเปล่า หรือแค่ต้องการเข้ามาหลอกคนโง่ๆ แบบผมให้ตายใจแล้วก็อาจจะผลักไสให้ผมกลับมาเจ็บช้ำหนักกว่าเดิม

 

ที่ผมยอมกลับกับเขาในวันนี้ไม่ใช่ว่าผมกลัวคำขู่ แต่ผมไม่ต้องการให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตไปกว่านี้ เพราะผู้ชายเลือดเย็นที่นั่งข้างๆ ผม เขาไม่เคยแคร์ความรู้สึกใครอยู่แล้ว โดยเฉพาะคนที่ไม่ใช่ครอบครัวหรือมีผลประโยชน์ต่อกัน ผมจมจ่อมกับความรู้สึกอึดอัดอยู่คนเดียว ไม่คิดจะสนใจคนที่ผมนั่งรถมาด้วยซ้ำ

 

“ครับพี่ทิม...กำลังจะกลับครับ......ไม่มีอะไรหรอกครับ.....ได้ไม่ต้องเป็นหวงนะครับ.....ถึงบ้านมินจะโทรหานะ”  พี่ทิมโทรมาถามเพราะเห็นความผิดปกติของผม เขารู้ทุกอย่างพร้อมกับถามว่าผมกลับกับพี่ซองใช่ไหม บอกให้ผมกลับดีๆ พร้อมกับกำชับอีกว่าถึงบ้านแล้วให้โทรหา อยากจะขอบคุณพี่ทิมจริงๆ ที่คอยห่วงใยผมตลอด

 

“มันโทรมาแล้วหน้าบานเชียวนะ”

 

“ก็คนเป็นแฟนกัน มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว” บทสนทนาของเราสองคนจบลงแค่นั้น ก่อนที่ต่างคนต่างก็กลับมาเงียบตามเดิม

 

“หึ...” เสียงของคนข้างๆ ดังเล็ดลอดริมฝีปากหนาจนผมต้องชำเลืองมองเขาเพียงครู่ก่อนที่จะหันกลับไปโฟกัสที่จุดเดิม

 

“ทำไม? อึดอัดนักรึไงที่นั่งรถมากับกู”

 

“........”

 

“ถามทำไมไม่ตอบ!” เขาตะคอกออกมาเสียงดังขณะที่รถติดไฟแดง ผมหันไปจ้องมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ตาคมดุก็จ้องผมกลับอย่างไม่ลดละเช่นกัน

 

“ จะให้ตอบว่าอะไรในเมื่อก็รู้อยู่แล้ว”

 

“ใช่สิ ก็กูไม่ใช่ไอ้พี่ทิมของมึงนิ ที่จะทำให้มึงยิ้มได้ตลอดเวลา” ทำไมเขาชอบแขวะ ชอบหาเรื่องคนที่เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ชอบว่าร้ายคนอื่น แต่กลับไม่เคยมองตัวเองเลยว่าตัวเองก็ไม่ได้ดีเด่ไปกว่าใคร มิหนำซ้ำอาจจะเลวร้ายกว่าคนอื่นเลยก็ได้

 

“ก็รู้ตัวเองดีนี่นา ว่ายังไงคุณก็ไม่มีทางเหมือนพี่ทิมหรอก ไม่มีวัน” ผมกระแทกเสียง ก่อนที่จะเน้นทุกพยางค์เพื่อให้คนข้างๆ ได้ยินมันชัดเจนยิ่งขึ้น

 

“รู้จักมันดีจังเลยน่ะ รู้จักกันไม่ถึงสามเดือน แต่ทำเหมือนรู้จักกันมาเป็นชาติ”

 

“มันก็แน่อยู่แล้ว ผมกับพี่ทิมเป็นแฟนกันก็ต้องรู้ใจกันเป็นธรรมดา”  เขาออกรถอีกครั้งหลังจากที่สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว การทะเลาะกันของเราก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลยสักนิด ยิ่งพูดก็ยิ่มีแต่ความขัดแย้ง

 

 “หึ.. คงไม่ใช่แค่รู้ใจ แต่กูว่าคงจะรู้จักไปถึงตับไตใส้พุงกันแล้วละมั้ง ได้กันมากี่ครั้งแล้วล่ะ”

 

“อย่าว่าแต่ตับไตใส้พุงเลยครับ เยอะกว่านี้ก็เห็นมาหมดแล้ว ถ้าไม่ใช่คนพิเศษคงไม่มีทางได้เห็นหรอก”

 

“แรด...” ผมแทบสะอึกกับคำดูถูกของคนตรงหน้า ถ้าคนอย่างผมเรียกแรด แล้วคนอย่างเขาเรียกอะไรดี เรียกว่ามักมากในกามดีไหม สำส่อน เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ผมจ้องมองเขาด้วยใจที่ขุ่นเคือง

 

“......”

 

“ทำไมถึงกับพูดไม่ออกเลยเหรอ คนอย่างมึงนี่ใครเขาจะเอาว่ะ ไอ้ทิมมันคงเห็นมึงเป็นแค่ของเล่นชั่วคราว อีกไม่นานมันก็คงจะเขี่ยมึงทิ้ง”

 

“พี่ทิมเขาไม่มีทางทำแบบนั้น ไม่มีวันที่เขาจะทำแบบที่คุณว่า” มือบางกำหมัดแน่น ผมโกรธจอยากที่จะต่อยหน้าคนข้างๆ เสียเหลือเกิน

 

‘คำพูดของคนเลวเราไม่ควรเอามาใส่ใจ’

 

ผมพยายามบอกตัวเองซ้ำๆ แต่มันก็ยังวนเวียนอยู่ในหัวสมองน้อยๆ ของผม  คำพูดจาดูถูกสาระพัดที่เขาขุดออกมาว่าให้ผมเจ็บช้ำน้ำใจ ครั้งนี้เขาพูดแรงกว่าครั้งไหนๆ ทำไมคนอย่างผมมันเลวตรงไหน น่ารังเกียจตรงไหน แค่ไม่ได้รักกันกลับทำร้ายกันด้วยคำพูดแบบนี้น่ะเหรอ

 

“จอด” ผมเอ่ยออกมาในที่สุด ทนไม่ไหวแล้วกับคนแบบนี้  ไม่อยากอยู่ใกล้แม้สักเสี้ยววินาที สายตาที่มองผมราวกับผมไปฆ่าใครมาอย่างนั้น

 

“ทำไม? รับความจริงไม่ได้รึไง” จะประชดประชันกันไปถึงไหน

 

“บอกให้จอดไง!” ผมไม่สนใจคำพูดของเขาอีกแล้ว อยากออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด แต่คนตรงหน้าก็ยังขับตรงไปอย่างไม่สนใจคำพูดของผม ผมตัดสินใจแล้วเป็นไงเป็นกัน ถ้ามันจะตายก็ตายไปด้วยกันนี่แหละ มือบางของผมคว้าพวงมาลัยตรงหน้าคนขับอย่างรวดเร็ว หมุนกลับมาในทิศทางที่ผมต้องการ ส่วนอีกคนกลับยื้อไว้ไม่ให้ผมบังคับมันได้ ต่างคนต่างไม่มีใครยอมใคร ดีที่ถนนตอนนี้ไม่ค่อยมีรถเท่าไหร่  รถสปอร์ตคันหรูเหวี่ยงไปมาอย่างไร้ทิศทาง ผมยอมรับว่านาทีนั้นกลัวมาก กลัวว่าตัวเองจะตายและไม่ได้กลับไปหาแม่ แต่ผม็ยังพยายามบังคับพวงมาลัย ซึ่งอีกคนก็ทำมันเช่นกัน

 

“ปล่อย!” เขาตวาดผมสียงดัง

 

“ผมบอกให้คุณจอดไง!” เขายังคงไม่ยอมทำตามที่ผมพูด ก่อนที่มือหนาข้างหนึ่งจะดึงมือผมออกจากพวงมาลัยสุดแรง จนผมกระแทกเข้ากับประตูรถฝั่งที่ผมนั่งเต็มแรง เขาเหยียบเบรกพร้อมกับบังคับไม่ให้รถเหวี่ยงไปมากกว่าเดิม แต่แรงที่เกิดจากการเบรกกระทันหัน กลับทำให้รถหมุนคว้าง ก่อนที่จะไถลไปเกือบชนขอบกำแพงตรงทางด่วน  เสียงห้ามล้อของรถสปอร์ตคนหรูจะดังสนั่น พร้อมกับรถที่จอสนิทในทันที แรงเบรกแบบกระทันหันทำให้ศรีษะของผมกระแทกเข้ากับคอนโซลรถอย่างแรง ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นไม่เท่ากับสายตาขู่อาฆาตของใครบางคน

 

“ลงไป!” เขาตะคอกเสียงดัง จนผมต้องรีบเปิดประตูลงไปในทันที ส่วนอีกคนกลับออกรถไปอย่างไม่ใยดี

 

น้ำตาผมไหลอาบแก้มในทันที เขาปล่อยผมลงกลางทางด่วน ซึ่งตอนนี้ผมไม่รู้เลยว่าอยู่ตรงไหน ได้แต่เดินไปเรื่อยๆ ตามทาง เดิน ไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ไม่รู้เลยว่าจะถึงทางลงตรงไหน มือบางปาดน้ำตาออกลวกๆ พยายามกลั้นสะอื้น ไม่อยากเสียน้ำตาเพราะเรื่องบ้าๆ แบบนี้อีกแล้ว

 

ผมเดินชิดขอบทางให้มากที่สุด เพราะกลัวรถที่มาเร็วและแรงตามทางด่วนอาจจะไม่เห็นแล้วเฉี่ยวผมได้ เดินไปเรื่อยๆ จนเกือบครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็ถึงทางลงที่ผมสามาถเรียกรถกลับเองได้ จากตอนแรกที่ค่อนข้างกลัว แต่ตอนนี้ผมค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย แม้ว่าริมถนนจะค่อนข้างเปลี่ยว แต่ก็ดีกว่าเดินอยู่บนทางด่วนแบบไร้จุดหมาย ผมยืนโบกรถแท็กซี่อยู่สักพัก ก่อนที่จะมีคันที่ยอมรับผมขึ้นไป

 



(ซอง)

หลังจากที่ผมปล่อยน้องลงกลางทางด่วนเพราะความโมโห ผมก็กระชากรถอย่างแรงก่อนที่จะบึ่งรถออกไปจากจุดนั้น โดยไม่หันไปมองข้างหลังอีกเลย ยอมรับเลยว่าตัวเองโมโหร้าย แล้วตอนนี้ก็กำลังเป็นแบบนั้น ผมขับรถด้วยความเร็วแทบจะเต็มพิกัด  ความสับสนในใจยิ่งเพิ่มมากขึ้น จากที่เคยสงสัยว่าความรู้สึกบ้าๆ แบบนี้คืออะไร พยายามหลอกตัวเองมาตลอด ทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าการที่ผมแทบจะบ้าทุกครั้งที่เห็นน้องอยู่กับไอ้ทิม อารมณ์เสียจนใครหน้าไหก็เข้าหน้าไม่ติด ตอนนี้ผมคงต้องยอมรับหัวใจตัวเองแล้วสินะ

 

“ผมรักมิน’

 

น้องต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะมีความสัมพันธ์กับไอ้ทิมถึงขั้นไหนผมก็ไม่สน เขาต้องเป็นของผมคนเดียว แม้ว่าผมจะคิดจนหัวแทบระเบิดก็หาเหตุผลไม่ได้ว่าทั้งๆ ที่ผมรักน้องแล้วทำไมถึงยังทำร้ายเขาตลอดเวลา 

 

ผมวนรถกลับไปทางเดิมหลังจากที่ลงจากทางด่วนแล้ว ขับรถตรงไปยังจุดที่ผมปล่อยร่างเล็กลงไปอย่างไม่ใยดี หวังว่าเขาจะยังอยู่ที่เดิม ไม่ได้หายไปไหน กระวนกระวายใจอย่างที่ไม่เคยเป็น หลังจากคลายความโมโหลงแล้วผมก็คิดได้แล้วว่าไม่ควรทำแบบนี้เลย ผมมักจะทำอะไรตามอารมณ์โดยขาดการยั้งคิด และไต่ตรอง อารมณ์ของผมมักจะอยู่เหนือเหตุผลเสมอ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับน้อง

 

ผมมองหาเขาตามขอบทางแต่กลับไม่เห็น ใจของผมวูบไหวไปชั่วขณะ ตอนนี้น้องไปอยู่ที่ไหน หวังว่าเขาจะกลับบ้านไปแล้ว หรือไม่เกิดเรื่องร้ายแรงกับเขาใช่ไหม ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมาจนแทบจะกระอัก  เพราะความเลวของผมจึงทำให้น้องต้องเผชิญกับเรื่องร้ายๆ  ทำให้เขาต้องเจ็บปวดจากการกระทำของผมตลอดเวลา

 

ถ้าผมอยากจะเริ่มต้นใหม่ตอนนี้น้องจะให้โอกาสคนอย่างผมรึเปล่า  แต่ถ้าจะให้ผมเปลี่ยนไปอ่อนโยนหรือเป็นสุภาพบุรุษอย่างไอ้ทิมกับไอ้คิณผมคงทำไม่ได้ แต่ผมจะพยายามทำทุกอย่างให้ดีขึ้นกว่าที่เคยเป็น น้องยังจะมองมาที่ผมอยู่รึเปล่า ยังจะมอบความรู้สึกดีๆ แบบในอดีตให้กับผมรึเปล่า แม้ว่าต่อไปมันอาจจะยากเย็นแต่ผมก็จะทำให้ดีกว่านี้ ไม่เป็นไอ้ซองที่โง่เง่า เลวร้ายนสายตาน้องอีกแล้ว

 

ผมยังคงมองหาคนที่ผมทำร้ายเขามาตลอด ในใจก็ภาวนาให้เขากลับไปถึงบ้านหรือมีคนใจดีคอยช่วยเขาไปแล้ว ความคิดสับสนวุ่นวายในหัวสมอง มันตื้อจนรู้ว่าจะแก้ปัญหายังไง ลังเลอยู่หลายครั้งว่าจะโทรหาน้องดีไหม แต่ก็กลัวเขาจะไม่รับหรือถ้าโทรเข้าบ้านเขาดีไหม

 

“ฮัลโหล” ตัดสินใจอยู่สักพักก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูออกมากดเบอร์ที่คุ้นเคย สัญญาณรอสายดังสักพัก ก่อนที่จะมีเสียงผู้หญิงวัยกลางคนกรอกมาตามสาย เป็นใครไปไม่ได้นอกจากน้าดาวแม่ของมิน

 

“สวัสดีครับ ขอสายมินหน่อยครับ”

 

“มินยังไม่กลับเลยจ๊ะแต่เมื่อกี้พึ่งโทรบอกว่าอีกประมาณสิบนาทีจะถึงบ้านแล้ว”

 

“เหรอครับ ”

 

“จะให้บอกว่าใครโทรมาหาน้องจ๊ะ” น้ำเสียงใจดีเอื้อนเอ่ยออกมาอีกครั้ง

 

“ผมเป็นเพื่อนมินครับ เดี๋ยวผมโทรเข้ามือถือเขาอีกที แค่นี้ก่อนนะครับ” ผมแสร้งทำเป็นคนอื่น เพราะไม่อยากให้ท่านรู้ว่าผมโทรไป แค่รู้ว่าเขาปลอดภัยผมก็ดีใจที่สุดแล้ว

 

ผมตรงดิ่งกลับบ้านในทันที หลังจากที่รู้ว่าน้องปลอดภัย จากที่กังวลจนแทบจะระเบิด ตอนนี้ผมกลับรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกหน่วงๆ ในหัวใจหายไปเป็นปลิดทิ้ง

         

           หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ก็ผ่านมาจะสองอาทิตย์แล้วที่ผมยังไม่กล้าแม้แต่จะไปหาน้อง ไม่กล้าเข้าไปขอโทษ เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง แต่ผมสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะไม่ทำร้ายน้องด้วยคำพูดเลวๆของตัวเองอีก  เหตุการณ์ในวันนั้นผมยังคงจำได้ดีเหมือนมันพึ่งผ่านมาได้ไม่นาน รู้สึกผิดจนกลัวเขาไม่ให้อภัย ได้แต่แอบเฝ้ามองอีกคอยู่ไกลๆ

             

           สิ่งที่ช่วยแก้ปัญหาผมได้ดีที่สุดในชีวิตผมตอนนี้ก็คือเหล้า ผมดื่มแทบจะทุกเย็นพร้อมๆ กับความคิดที่วนวียนเรื่องเดิมซ้ำๆ จะเริ่มต้นเข้าหาน้องยังไง จะกลับไปเป็นพี่ซองที่น้องเคยเรียกเหมือนตอนเด็กๆ ได้อีกไหม ผมนั่งดื่มคนเดียวสมอ เพราะผมไม่อยากที่จะบอกใคร แม้แต่น้องชายทั้งสองของผม ก็พยายามที่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมผมถึงดื่มเยอะแยะมากมายขนาดนี้

             

            ผมตัดสินใจแล้วว่าจะเข้าไปหาน้อง แต่จะเป็นแบบไหนผมก็ยังไม่รู้เลย เข้าไปสารภาพผิด บอกความรู้สึกให้เขารู้ ทุกๆวันผมยังวนเวียนอ่านไดอารี่ที่น้องเขียนถึงผม  ตั้งแต่สมัยเด็กๆ ที่เขาเอามามอบให้กับผมในวันที่ผมกลับมา พร้อมกับสารภาพความรู้สึกที่น้องมีให้ผมรู้ มันเป็นความทรงจำที่ผมลืมเลือนไปแล้ว แต่พอได้มาอ่านอีกครั้ง จึงรู้ว่าตัวเองทำร้ายน้องมากแค่ไหน ทำให้คนตัวเล็กๆ ร้องให้ไม่รู้กี่คร้งต่อกี่ครั้ง  ความผิดบาปในใจตีตื้นขึ้นจนแม้แต่ตัวผมยังรู้สึกรังเกียจตัวเองเลย

 

ผมสามารถจัดการชีวิตผมได้แทบจะทุกอย่าง ทำมันได้อย่างมีระบบระเบียบ ทั้งเรื่องการงานที่บริษัท แต่กับเรื่องของมินผมกลับทำมันละเทะด้วยตัวผมเอง เพราะความหยิ่งทะนงในตัวเอง กลัวว่าใครจะมองไม่ดีเมื่อต้องมาคบกับเด็กข้างบ้าน อีกทั้งยังเป็นผู้ชาย บรรดาเพื่อนๆ ของผมมักจะพูดจาดูถูกคนที่ต่ำต้อยกว่าเสมอ สังคมที่ผมอยู่จึงเป็นเหมือนสิ่งสวยงามจอมปลอมที่ถูกห่อหุ้มด้วยหน้ากากสีสวยที่แต่งแต้มใส่กัน  เฉพาะกับคนที่ฐานะเท่าเทียมเท่านั้น  ผมรู้ว่าบรรดาเพื่อนที่ผมคบอยู่ไม่มีใครจริงใจต่อกัน มันเป็นเพียงหน้ากากที่ต่างคนต่างสวมเข้าหากันเพื่อผลประโยชน์ทั้งนั้น

 

คุณย่าไม่เคยสอนให้ผมดูถูกใคร แต่มันเป็นที่ตัวผมเองที่เลือกที่จะเป็นแบบนี้ เพราะคิดว่าหน้าที่การงานที่แบกรับอยู่ หน้าตาทางสังคมคือสิ่งสำคัญ ความรักสำหรับผมในตอนนั้นมันไม่มีอยู่จริง มีเพียงความไคร่ ความต้องการทางกามมารมณ์ก็เท่านั้น ผู้หญิงทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตก็เพื่อสนองตัณหาของคนสองคน เมื่อสุขสมแล้วก็ต่างคนต่างไป ไม่มีการเรียกร้องหรือผูกมัดอะไรมากไปกว่านั้น

 

แต่หลังจากที่มินบอกทุกอย่างกับผม หัวใจที่ผมพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้ ก็เหมือนค่อยๆ ถูกกระชากออกเพราะคนตัวเล็กๆ ที่อยู่ใกล้มาตลอด ผมพยายามหลอกตัวเองมาตลอดหลายเดือนที่กลับมาจากเมืองนอกว่าไม่ได้รู้สึกพิเศษกับน้องเลยแม้แต่น้อย อาจจะค่ารู้สึกผิดที่เคยทำไม่ดีกับเขา แต่ตอนนี้ผมยอมรับแล้ว

 

ยอมรับว่าผมรักมิน ตั้งแต่ที่น้องป็นเด็กผู้ชายตัวอ้วนๆ ตาตี่ๆ วิ่งเล่นในบ้านแทบจะทุกวัน  รักตั้งแต่เด็กไม่เคยเปลี่ยนแปลง ผมไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใครแล้วตอนนี้ นั่งคิดทบทวนอยู่นานก่อนที่จะตัดสินใจโทรหาไอ้คนที่ชาตินี้ผมยังไม่คิดจะญาติดีกับมันเลย

 

“อืม...ฮัลโหล” เสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าไอ้คนที่ผมโทรหามันหลับไปแล้ว

 

“มึง...มึงอยู่กับน้องกูรึเปล่า” ผมพูดกูมึงกับมันมาสักพักแล้วหลงจากที่มันสถาปนาตัวเองเป็นว่าที่น้องเขยของผม

 

“ใคร...มึงเป็นใครโทรมาดึกๆ ดื่นๆ” มันถามเสียงชัดเจนกว่าเดิม ท่าทางจะตื่นเต็มที่แล้ว

 

“กูเอง...ซอง”

 

“โทรมาทำไมว่ะ รบกวนการนอนกอดเมียของกูชิบหาย” ไอ้ห่า ถ้ากูไม่มีธุรจะโทรหามึงรึไง อันนี้แค่คิดในใจไม่กล้าด่ามันหรอกกลัวมันจะไม่ช่วย

 

“มึงออกไปหาที่คุยไกลๆ น้องกูหน่อย เดี๋ยวจะตื่น”

 

“เออๆ แป๊บ” เสียงสวบสาบๆ ดังมาตามสายสงสัยมันคงจะไปหาที่คุย เพราะกลัวน้องผมจะตื่นมาได้ยิน

 

“มีไรก็ว่ามา”

 

“กูมีเรื่องจะปรึกษา”

 

“ปรึกษากู! มึงเนี่ยนะ” มันตะคอกเสียงดังมาตามสาย เพราะร้อยวันพันปีผมไม่เคยขอคำปรึกษาจากมัน ขนาดคุยกันยังนับคำได้ นอกจากนั้นทะเลาะกันตลอด

 

“มึงจะร้องห่าไรว่ะ แปลกมากรึไง”

 

“เออแปลก...ว่ามามีไร”

 

“มึงสัญญากับกูก่อนว่าจะไม่เอาไปบอกใคร”

 

“แม่ง เรื่องมากชิบหายเออๆ ไม่บอก”

 

“แม้กระทั่งพายมึงก็ห้ามบอก”

 

“ ชักจะเยอะและมึงนะ เอาไงจะปรึกษากูไหม”

 

 

“มึงห้ามบอกน้องกูนะเว้ย”

 

“เออ!” ผมเริ่มเล่าทุกอย่างให้ไอ้คิณฟัง เล่าจนหมดเปลือก ไม่มีเก็บซ่อนอะไรทั้งนั้น อีกเหตุผลหนึ่งที่เล่าก็อยากระบายออกมา และก็ปรึกษามันด้วย  ถามว่าทำไมจึงเลือกที่จะปรึกษาไอ้คิณ เพราะผมรู้ว่ามันจริงใจกับผมและมันก็เป็นคนดี เพียงแต่สิ่งที่ผมแสดงออกไปกับมันเพราะกลัวเสียฟอร์มที่เคยตั้งแง่กับมันหลายๆ อย่าง  ไอ้คิณมันฟังผมเล่าเงียบๆ มีเพียงเสียงอือออของมันเท่านั้นที่ทำให้ผมรู้ว่ามันยังฟังผมอยู่

 

“ไอ้ห่า โง่บรม”  มันด่าหลังจากที่ผมเล่าเรื่องให้มันฟังจนจบ ได้ทีแล้วด่ากูใหญ่เลยนะมึง ถ้าไม่เห็นว่าต้องพึ่งมันนี่ผมสวนกลับมันไปแล้ว

 

“เออ! กูโง่ พอใจยัง”

 

“ยัง..นอกจากโง่แล้วมึงยังเลวอีกต่างหาก” มันเน้นทั้งคำว่าเลวใส่ผมแบบเต็มๆ จนผมกัดฟันกรอด อย่าให้ถึงที่ผมบ้างแล้วกันจะยุให้พายเลิกกับมันเลยแม่ง

 

“ตอนมึงทำเลวกับน้องมินทำไมกล้า แต่พอจะแก้ตัวทำดีทำไมมึงถึงขี้ขลาด” มันว่าผมกลับมา ผมได้แต่คิดทบทวนตามที่มันบอก มันก็จริงทุกอย่างนั่นแหละ ตอนทำเลวๆ ไม่เคยคิด แต่พออยากจะแก้ไขให้ดีกลับกลัวที่จะเดินหน้าทำมัน

 

“มึงฟังกูนะซอง แค่มึงเข้าไปขอโทษน้องมิน เอาความจริงใจที่มึงมีส่งไปให้เขาได้รับรู้ และทำให้น้องเห็นว่ามึงไม่ได้เห็นน้องเป็นตัวตลกหรือของเล่นอะไรทำนองนั้น แต่น้องคงไม่ให้อภัยมึงง่ายๆ หรอก มึงต้องมีความอดทนพอที่จะทำ ไม่ใช่พอทนไม่ไหวก็กลับไปทำแบบเดิมอีก อย่างนี้เรียกว่าไม่จริงใจ มึงทำกับมินไว้เยอะเกินไป กูบอกมึงได้แค่นี้แหละ มึงต้องยอมรับผลที่จะตามมา”  ผมนั่งฟังมันพูดไปเรื่อยๆ แล้วก็พยายามคิดตามว่าจะหาทางออกยังไง

 

“กูรู้” เสียงตอบรับเพียงเบาบางของผม ทำให้มันเริ่มจะกวนตีนผมอีกครั้ง

 

“แค่นี้ถึงกับจ๋อยเหรอว่ะ ไอ้ซองคนเก่งคนกล้าหายไปไหน กลับไปสู้เพื่อตัวมึงกับน้องเถอะ” แม้ว่าน้ำเสียงจะกวนอวัยวะเบื้องล่าง แต่ผมรู้ว่ามันเต็มไปด้วยความจริงใจที่ส่งมาให้กับผม

 

“เออ..ขอบใจ”

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่เมีย”

 

“อย่ากวนตีน แม่งเอาน้องกูไปนอนกกแทบจะทุกวัน แล้วเมื่อไหร่มึงจะมาสู่ขอน้องกู”

 

“ไม่ต้องกลัวหรอกครับพี่ชาย น้องเขยไม่ให้รอนานหรอก อยากจะนอนกอดเมียทุกวันจะแย่”

 

“แค่นี้มึงยังกอดไม่พอรึไง อาทิตย์นี้น้องกูยังไม่ได้นอนที่บ้านเลยสักวัน”

 

“ก็กูซ้อมฮันนีมูน”

 

“เออ เรื่องของมึง แต่อย่าทำน้องกูช้ำนะมึง ไม่งั้นกูจัดการมึงแน่”

 

“มึงอย่ามาไร้สาระไอ้ซอง เสียเวลากูนอนกอดเมีย แค่นี้นะโว้ย” มันกดตัดสายไปแล้ว แต่ผมกลับยิ้มให้กับตัวเอง และไอ้คนปลายสายที่ตอนนี้คงเข้าไปนอนอ้อนน้องชายผมแล้ว ยังไงผมก็ตองขอบคุณมันที่ทำให้ผมคิดได้และรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ต่อไปนี้แม้ว่ามันจะยากแต่ผมก็จะพยายาม

 

***********************

อ่านตรงนี้ด้วยนะคะ

มาต่อจนจบตอนแล้วนะคะ สำหรับคนอ่านหลายคนที่โมโหว่าทำไมซองไม่มีเหตุผล และเรื่องวนไปวนมาเหมือนอยู่ที่เดิม ที่จริงคนเขียนตั้งใจให้ความรู้สึกของทั้งสองคนเป็นแบบนี้ อยู่ในช่วงสับสนของทั้งมินแล้วก็ซอง ก่อนที่จะมีจุดเปลี่ยนอีกครั้งค่ะ เข้าใจตามนี้นะคะ 

บางคนอาจจะไม่เข้าใจมินหรือแม้กระทั่งซอง คนเขียนต้องการสื่อให้เห็นว่ามินแม้จะบอกว่าตัดใจ แต่ในส่วนลึกๆ ที่เราเคยรู้สึกดีกับคนๆ หนึ่งมันก็ไมได้ตัดขาดได้ร้อยเปอร์เซนต์ แต่ถ้าถามว่ามินจะกลับไปคบกับซองเหรอถ้ายังรู้สึกแบบนั้นอยู่ คนเราเจ็บแล้วจำค่ะ บาดแผลที่มันตกสะเก็ดไปแล้วแต่ยังทิ้งร่องรอยไว้อยู่ คนเราไม่สามารถลืมอะไรได้ง่ายๆ หรอก ไม่ว่าจะความรัก ความแค้น ความเกลียดชัง

 

ต่อไปจะเป็นจุดเปลี่ยนของเฮียซองปากหมา คอยดูว่เขาจะพยายามมากน้อยแค่ไหน


                               TBC.
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน13 P.6(03/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 03-04-2016 16:00:45
ซองต้องอดทนเปลี่ยนตัวเองนะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน13 P.6(03/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 03-04-2016 16:09:32
มินคง ไม่ใจดี  ใจอ่อนง่ายๆๆนะ ถึงจะทำเพราะรัก มันก็เกินไป ขอบทเรียน แรงๆๆ ให้ไอ้ซองมันหลาบจำ คลานเข่า มากราบแทบเท้า ขอคืนดีเลยเถอะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน13 P.6(03/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-04-2016 16:18:12
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน13 P.6(03/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 03-04-2016 23:47:14
เอาใจช่วยให้เฮียซองต์เปลี่ยนตัวเอง ง้อน้องให้ได้นะ อย่าดีแตกซะก่อนล่ะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน13 P.6(03/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: มะลิลา ที่ 04-04-2016 07:55:23
เอาใจช่วยพระเอกนะ ขอให้มีความอดทนสูงกว่านี้ 55
แต่บอกตรงตรงตอนนี้พี่ซองทำเกินไป
ถ้าน้องเป็นอะไรไปแล้วตัวเองจะทำยังไง
ไม่มีโอกาสให้แก้ไขอะไรแล้ว
ในเมื่อมีโอกาสก็รีบรักษาเอาไว้นะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน13 P.6(03/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-04-2016 09:02:24
 :z3:
ขอบ่นเป็นข้อๆละกันนะ
1. การทะเลาะกันแล้วแตะพวงมาลัยรถ ไม่ว่าจะเป็นรถเต่า รถญี่ปุ่น รถสปอร์ต อะไรก็ตามเป็นเรื่องที่งี่เง่าสิ้นคิดมาก คิดดูนะว่าถึงประกันจะจ่ายแต่มันคุ้มไหม

2. การขอลงจากรถบนทางด่วนคือหายนะชั้นดี ใครยังไม่ตะหนักเรื่องนี้ไปเปิดภาพศพอุบัติเหตุตกทางด่วนหรือเคสของอาร์ดู อะไรที่เกิดบนทางด่วนคือระดับหายนะจริงๆเพราะขับกันเร็วมาก ถ้าเป็นเราจะนั่งเงียบจนกว่ามันจะลงจากทางด่วนแล้วโบกกบาลคนขับทีนึงค่อยขอลง

3. การกระทำและการตัดสินใจของทั้งสองคนจากเหตุการณ์นี้ มันมีวุฒิภาวะไหม โตๆกันแล้ว พื้นฐานครอบครัวก็ไม่เลวร้าย
การจะจอดรถคุยกันดีๆเพื่อความปลอดภัยนี่มันยากมากเหรอ จะตบตีกันก็เอาตอนรถหยุดเถอะ จะลากโคตรเหง้าศักราชมาด่ากันก็ได้นะแต่ไม่ใช่ไล่กันแบบนี้เพราะมันไม่มีความรับผิดชอบเลย

สรุป ต่อให้มาขอคืนดียังไงก็ไม่มีทางคืนดีด้วยหรอก คนแบบนี้เหรอจะดูแลเราได้ ฝันเหอะ มันไม่ได้ตางอะไรกับการลงไม้ลงมือกันเลย ต่อไปเกิดพลังพลาดอะไรขึ้นมาก็อ้างอารมณ์ชั่ววูบอีกตามเคย
เหอะ รอการแก้แค้นของน้องมิน ถ้ามินทำได้นะ

ข้อดีข้อเดียวของตอนนี้คือการโทรปรึกษาคิณให้คิณด่า สะใจดี   :katai4: 
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน13 P.6(03/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 04-04-2016 09:13:50
อยากเอาใจช่วยพี่ซองนะ  แต่ปากหมาแบบนี้ แล้วยังเลวที่ปล่อยให้น้องลงกลางทาง ทั้งที่บอกให้น้องนั่งรถมาด้วยกัน

ถ้าน้องเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ พี่ซองจะไม่มีโอกาสได้แก้ตัวอีกเลย  เพราะถ้ารักน้องจริงก็ควรทำอะไรเพื่อพิสูจน์ว่ารักน้องจริง ไม่ได้คิดจะเห็นน้องเป็นของเล่น หรือที่ระบาย

ส่วนมินต้องใจแข็งเข้าไว้มากๆ ถ้าคิดจะเป็นเมียพี่ซองต้องอดทน 555
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน13 P.6(03/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 04-04-2016 11:07:36
ค่อนข้างเกลียดอีพี่นะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน13 P.6(03/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 04-04-2016 12:11:47
สู้ๆ กันต่อไป ..
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน13 P.6(03/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 04-04-2016 12:31:46
อิพี่ซองนี่อย่าเป็นพระเอกเลยได้ไหม

มันก็ใช่อ่ะนะที่รักแล้วใช่ว่าจะเลิกรักได้ง่ายๆ ถ้าง่ายขนาดนั้นจะเป็นรักจริงๆเหรอ

แต่ซองไม่ใช่คนที่ควรค่ากับความรักเลย ไม่ใช่แค่รักของมิน รักของคุณยายยังไม่คู่ควรเลยเหอะ
รักกันทั้งสองฝ่าย แต่อีกฝ่ายไม่มีค่าพอจะรัก ความรักมันก็จืดจางเจือจางไปได้นะ

หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน13 P.6(03/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 04-04-2016 12:50:14
น้องมินอย่าใจอ่อนง่ายๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน13 P.6(03/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-04-2016 18:05:50
มินไม่ใจอ่อนง่ายๆแน่
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน13 P.6(03/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 04-04-2016 20:21:53
พี่ซองสู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน14 P.7(06/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 07-04-2016 14:01:28
แอบรัก 14

(ซอง)

ผมกำลังเปิดประตูข้ามไปยังบ้านหลังเล็กนั้นอีกครั้ง คราวนี้ผมตั้งใจแล้วว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง จะไม่ทำเรื่องที่เลวๆ แบบเมื่อก่อนอีก แม้ว่ามันอาจจะยาก แต่ผมก็พร้อมที่จะยอมรับแล้ว เพราะถ้าผมยังดันทุรังทำตัวแบบเมื่อก่อน มีแต่จะสร้างความเจ็บปวดให้ทั้งผม และน้องอย่างแน่นอน  อีกทั้งยังไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ มีแต่จะเลวร้ายลงไปทุกที จากการกระทำบ้าๆ ของผม กว่าที่จะคิดได้เหตุการณ์ทุกอย่างก็เลวร้ายเกินกว่าที่จะแก้ปัญหา

 

ตอนนี้ผมยังไม่กล้าสู้หน้าน้องเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าไม่ลงมือทำอะไรเลยตอนนี้ ปล่อยผ่านไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งจะทวีความห่างเหิน จนกลายเป็นคนแปลกหน้าของกันและกันเข้าสักวัน ผมเดินตรงไปยังจุดหมายที่ผมตั้งใจไว้แต่แรก แต่ภายในบ้านกลับดูเงียบผิดปกติ หรือว่าเขาไม่อยู่ ก่อนที่จะเดินตรงมายังสวนเล็กๆ ข้างบ้านที่มีต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงา จนบรรยากาศร้อนๆ ภายนอกกลับดูสดชื่นขึ้นมาทันที

 

มินนั่งเล่นบนเสื่อผืนใหญ่ โดยมีเจ้าปลาทองสุนัขพันธ์ทางตัวสีน้ำตาลนอนคลอเคลียอยู่ข้างๆ ในมือของเขาถือหนังสือนิยายเล่มหนาอ่านอย่างตั้งใจ หลังบางพิงลำต้นไม้ใหญ่อย่างผ่อนคลาย จนผมเผลอยิ้มออกมา

 

"เอาขนมมาให้" มันเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อที่ผมจะได้มาหาเขาก็เท่านั้นคนที่ก้มอานหนังสือเหลือบมองผมเพียงนิดเดียวก่อนที่จะก้มลงไปสนใจหนังสือในมือต่อ

 

"........" เงียบ

 

"เอาขนมมาให้น้าดาว" นับหนึ่งถึงสิบ อดทนไว้ไอ้ซองห้ามทำนิสัยเลวๆ แบบเดิมอีก ไม่อย่างนั้นสิ่งที่คิดจะแก้ไขคงล้มเหลวตั้งแต่เริ่มตัน

 

"แม่ไม่อยู่" แม้ว่าปากจะตอบผม แต่ก็ยังคงก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่อยางนั้นจนผมใจแป้วทันที ทำไมเขาไม่คิดจะสนใจผมบ้างเลยรึไง ทำเหมือนผมไม่มีตัวตน คิดว่าคุยกับคนหรือต้นไม้อยู่อย่างนั้นเหรอ

 

"ไม่อยู่ก็รับไว้สิ น้าดาวกลับมาค่อยเอาให้" มือเล็กยื่นมารับถุงขนมไทยร้านดัง ก่อนจะก้มลงไปสนใจหนังสือในมืออีกครั้ง ผมเป็นคนตั้งใจไปซื้อด้วยตัวเอง ขนมที่ผมเลือกมีแต่ของโปรดของมินทั้งนั้น แต่ผมไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาอ้าง เลยต้องบอกเขาว่าซื้อมาให้น้าดาว ทั้งๆ ที่จริงแล้ว ผมซื้อมาให้เขาต่างหาก

 

"ทำอะไรอยู่" คำถามโง่ๆ ถูกเอื้อนเอ่ยออกไปจากปากคนโง่ๆ แบบผม

 

"ก็เห็นอยู่แล้วจะถามทำไม"  คำตอบแบบไม่ยี่หระของคนตัวเล็กนั้นช่างแทงใจผมเหลือเกิน ผมเริ่มจะเข้าใจนิดๆ แล้วว่าเวลาที่ผมเย็นชาใส่เขาแล้ว น้องรู้สึกอย่างไร แม่งมันเจ็บแปลบๆ แบบนี้นี่เอง

 

"รู้แต่อยากถาม"

 

"......."

 

"เออ! เงียบเข้าไป"  ผมเผลอเอ่ยเสียงดัง ก่อนที่จะเริ่ม้นตั้งสติ นับหนึ่งถึงสิบ ถึงร้อยอีกครั้ง เขายังคงไม่สนใจ ผมยังมีตัวตนอยู่ใช่ไหม ไม่ใช่ลมหรือธาตุอากาศที่จับต้องไม่ได้มองไม่เห็น เขาถึงทำกับผมแบบนี้

 

เสียงโทรศัพท์เครื่องเล็กดังขึ้นขัดจังหวะอารมณ์กรุ่นโกรธของผม ก่อนที่น้องจะหยิบขึ้นมาดู พร้อมกับส่งยิ้มให้โทรศัพท์ไปที ราวกับว่าบุคคลที่โทรมาอยู่ตรงหน้าอย่างนั้นแหละ

 

"ครับพี่ทิม" เสียงหวานเอ่ยออกไปอย่างอารมณ์ดี ปล่อยให้ผมร้อนเป็นไฟอยู่เพียงลำพัง อารมณ์ขุ่นเคืองเริ่มเกาะกุมใจผมอีกครั้ง แต่ก็พยายามที่จะระงับไม่ให้มันระเบิดออกมา

 

"........."

 

"อยู่บ้านครับ ....ได้ครับ จะมารับกี่โมง" มินทั้งพูดทั้งยิ้มเต็มดวงหน้าเมื่อคุยกับไอ้ทิม ต่างจากเวลาที่เขาคุยกับผม แทบจะนับคำได้

 

"ครับๆ สี่โมงเย็นเจอกัน..... คิดถึงนะครับ ขับรถดีๆ นะครับ" สิ่งที่มินพูดมันโคตรที่จะกระแทกใจผม

 

"จะไปไหนกับไอ้ทิม" ผมพยายามบังคับน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด

 

"เรื่องส่วนตัว คนอื่นอย่างคุณไม่เกี่ยว" โหดร้ายได้อีกกับคำพูดของน้องที่พุดกับผม

 

"เออ...พี่มันคนอื่น"  คำสุดท้ายผมตอบรับเพียงเบาบาง แต่ไม่รู้ว่าน้องจะได้ยินรึเปล่า ก่อนที่ผมจะหันหลังออกไป เดินกลับไปบ้านเพื่อเคลียร์ความรู้สึกของตัวเอง ไม่ให้โกรธหรือโมโห เพื่อที่จะได้ไม่ทำร้ายน้องเหมือนที่ผ่านมา

 

รถสปอร์ตคันหรูหลบซ่อนอยู่ตรงพุ่มไม้ใหญ่ใกล้ๆ กับบ้านของมิน ผมลอบมองเข้าไปในบ้าน ทั้งมินแล้วก็ไอ้ทิมเดินออกมาจากในตัวบ้าน เพราะไอ้ทิมมันจอดรถไว้หน้าบ้านนั่นเอง ตอนนี้เริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสโตร๊กเกอร์โรคจิตที่คอยตามคนที่ตัวเองชอบตลอดเวลา

 

ผมขับตามไปช้าๆ ก่อนที่เร่งความเร็วตามรถเก๋งคันหรู เพราะไม่ต้องการให้คลาดสายตาเลยแม้แต่น้อย ทั้งสองคนมุ่งตรงไปยังห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ก่อนที่ผมจะนำรถไปจอดชั้นเดียวกัน เดินตามทั้งสองคนไปโดยทิ้งระยะห่างพอสมควร

 

ทั้งสองคนเดินเข้าไปยังร้านอาหารไทย  ก่อนที่จะพากันสั่งอาหาร ส่วนผมเลือกที่จะนั่งร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามที่สามารถมองเห็นทั้งสองคนได้อย่างถนัด  มินมองไม่เห็นผมแน่นอน ส่วนไอ้ทิมไม่แน่ เพราะผมเห็นหางตาของมันเหมือมองผมอยู่แทบจะตลอดเวลา แต่มันก็ยังหันไปคุยยิ้มกับน้องเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไอ้นี่มันตอแหลหน้าตายจริงๆ เลย เห็นแล้วอยากกระดดเข้าไปซัดซักหมัดสองหมัด มันตักอาหารป้อนมินด้วย ส่วนอีกคนก็คงอ้าปากรับอย่างเต็มใจ สีหน้าของมันดูระรื่นมากจนผมอยกจะกระโจนเข้าไปกระชากมันออกมาจากร้านเลยทีเดียว ทำไมคนที่ทำแบบนี้ให้น้องไม่ใช่ผม ทำไมต้องเป็นไอ้ทิมหน้าปลาจวดนั่นด้วย ผมได้แต่นั่งสบถอยู่คนเดียว จนพนักงานที่ร้านกาแฟเข้ามาถามว่าผมต้องการอะไรรึเปล่า ไม่อยากจะบอกว่าตอนนี้แดกอะไรไม่ลงหรอก นอกจากอยากจะฆ่าคนอย่างเดียว

 

คนที่คอยตามคอยแอบรักคนอื่นทั้งๆ ที่ไม่มีสิทธิ์จะหึงหรือหวงมันทรมานแบบนี้เหรอวะ ทำไมยังทนกันได้ ขนาดผมเพิ่งรู้ความรู้สึกตัวเองยังทรมานจนแทบคลั่ง แล้วคนที่แอบรักคนอื่นมานานหลายปี โดยที่เขาไม่มองนี่มันจะทรมานขนาดไหน  แค่คิดก็รู้สึกว่าตัวเองเลวกับน้องอย่างไม่น่าให้อภัย ผมยังคงนั่งมองทั้งสองคนอยู่เงียบๆ เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าจะทำยังไง จะออกไปดื่มให้ลืมๆ เหมือนเช่นทุกวันมันก้ไม่ใช่ป่ะว่ะ หรือจะจับปล้ำให้จบๆ ไปเลยว่ะค่อยง้อทีหลัง อันนี้แค่คิดเล่นๆ ครับไม่กล้าทำหรอก แค่นี้ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้ว ถ้าขืนทำบ้าๆ แบบนั้นอีกคงเท่ากับขุดหลุมฝังตัวเองเลยล่ะครับงานนี้

 

ผมจะทำยังไงดี ถ้าโทรหาไอ้คิณอีกรอบมันก็คงจะสมน้ำหน้าผมกลับมาอีก แค่โดนมันด่าเมื่อคืนก็สะอึกจนถึงเช้าแล้ว ผมนั่งคิดไปเรื่อยจนลืมมองคนที่อยู่ในร้านอาหารทั้งสองคน พอหันกลับไปอีกที ทั้งสองคนก็หายไปแล้ว คลาดกันจนได้ ผมเลยจำต้องกลับบ้านไปทั้งอย่างนั้น

 

********************

 

"น้าดาวครับ คุณย่าให้เอาบัวลอยเผือกมาให้"  ผมคุยกับน้าดาว แต่ตาก็ยังคงมองหาน้องที่ตอนี้ไม่รู้ว่าอยูที่ไหน

 

 

"ขอบใจจ๊ะ ของโปรดน้องพอดีเลย รายนี้คุณย่าทำบัวลอยทีไรกินจนแทบจะหมดคนเดียวเลย" น้าดาวเอ่ยถึงลูกชายตัวเอง พูดไปเรื่อยกับความชอบกินของหวานของมิน ผมรู้ว่าเขาชอบกินขนมแทบทุกชนิด เพราะตั้งแต่เด็กจะชอบนั่งเฝ้าคุณย่าเวลาที่ทำขนม รอจนได้กินก่อนจะกลับบ้านแทบจะทุกวัน  เขาจึงอ้วนตั้งแต่เด็ก แต่ทำไมพอโตมาถึงกลายเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ พอๆ กับบราวนี่เลยด้วยซ้ำ ยิ่งทำให้เด็กที่ตอนเล็กตัวขาวๆ อ้วนๆ กลายเป็นหนุ่มน้อยผิวขาวตาตี่ ยิ้มทีตากลายเป็นสระอิ น่ารักจนใครหลายๆ คนตามจีบ รวมทั้งไอ้ทิมด้วย

 

"ซองทำไมเงียบไปล่ะ" ผมตื่นจากภวังค์หลังจากที่เผลอคิดเรื่องราวในวัยเด็ก

 

"คะ..ครับ"

 

"ทานข้าวด้วยกันไหมจ๊ะวันนี้ น้องกำลังทำอาหารอยู่ในครัว น่าจะใกล้เสร็จแล้ว"     

 

"เอ่อ...ครับน้าดาว"

 

"ดีเลยทานหลายๆ คน จะได้ไม่เหงา" ดีเลยครับผมไม่ได้เจอน้องมาหลายวันแล้ว ทำงานแทบจะไม่รู้เรื่องเพราะมัวแต่กังวลว่าไอ้ทิมมันจะตามไปเฝ้าน้องรึเปล่า จนต้องแอบตามไปดูทุกเย็นหลังจากที่เลิกงาน นับวันผมยิ่งเหมือนคนเป็นโรคจิตที่คอยตามเฝ้า ตามหวงอยู่ห่างๆ แต่ไม่กล้าลงมือทำอะไรสักอย่าง ได้แต่พยายามเข้าหาแบบอ้อมๆ อย่างนี้แหละ

 

"ครับ"

 

"คุณนายกับข้าวเสร็จแล้ว" เสียงตะโกนเรียกน้าดาวดังมาจากในครัว

 

"ไปทานข้าวกันดีกว่าจ๊ะ" ผมเดินตามน้าดาวไปเงียบๆ ขณะที่น้องยังคงจัดโต๊ะอาหารอย่างขะมักเขม้น ไม่ได้สนใจว่ามีผมเข้ามาด้วยเลยสักนิด

 

"ตักข้าวเพิ่มอีกจานดวยนะลูก"

 

"ทำไมฮะ" มินเงยหน้าจากโต๊ะอาหาร ก่อนที่จะชะงักเมื่อเจอผมยืนอยู่ตรงหน้า แต่เขากลับทำเป็นไม่สนใจผมอีกครั้ง ก่อนที่จะนำจานมาตักข้าวเพิ่มอีกใบ

 

"นั่งข้างๆ น้องเลยจ๊ะซอง" โต๊ะอาหารที่บ้านน้องเป็นโต๊ะกลม ผมจึงมีโอกาสได้นั่งใกล้ๆ น้อง

 

"ทำไมไม่คุยกับพี่เขาบ้างล่ะ"  น้าดาวหันไปถามน้อง ที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทานอาหาร สีหน้าไร้อารมณ์ เหมือนรีบๆ ทานให้เสร็จๆ ไปก้เท่านั้น

 

"ไม่มีอะไรจะคุยฮะ" ตอบแค่นั้นก่อนที่ทานอาหารของเขาเงียบๆ ตามเดิม ตอนนี้กลายเป็นว่า บทสนทนาผูดติดระหว่างผมกับน้าดาวแค่สองคน  น้าดาวคอยชวนผมคุยไปเรื่อย เพื่อไม่ให้บรรยากาศดูอึดอัดจนเกินไป

 

"ทานนี่ดูสิ ชอบไม่ใช่เหรอ" ผมตักผัดฉ่าปลาดุกให้กับน้องที่ดูจะไม่สบอารมณ์กับการกระทำของผมเอามากๆ แต่ผมก็ยังหน้าด้านทำเป็นไม่รับรู้อะไร

 

"ก็แค่เคยชอบ แต่ตอนนี้เกลียดเลยด้วยซ้ำ" คำพูดกำกวมที่เอื้อนเอ่ยผ่านริมฝีปากน้อยๆ  พร้อมๆกับมือที่จับช้อนเขี่ยอาหารไปไว้ข้างจาน การกระทำของเขากระแทกเข้ากับใจที่เคยเย็นชาของผมเข้าเต็มๆ ตอนนี้มันกลับมาเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะความกลัวว่าเขาจะรำคาญ

 

"มิน พูดกับพี่เขาดีๆ นั่นมันของโปรดเราไม่ใช่เหรอ วันนี้ลงมือทำด้วยตัวเองอีกต่างหากจะบอกว่าไม่ชอบได้ยังไง" ที่น้องบอกไม่ชอบคงจะหมายถึงผม ไม่ใช่ไอ้ผัดฉ่าปลาดุกหรอก ผมรู้ดี

 

"อยู่ดีๆ มันก็เบื่อนี่ฮะแม่ แค่เห็นยังจะอ้วกเลยตอนนี้"

 

"จริงเหรอลูก ถ้าอย่างนั้นก็ทานอย่างอื่น ส่วนผัดฉ่านี่ให้พี่ซองเขาทานล่ะกัน" น้าดาวเลื่อนจานผัดฉ่าสลับมาไว้ตรงหน้าผม ท่านคงไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่น้องพูดไม่ได้หมายถึงอาหารบนโต๊ะเลยสักนิด แต่เขาหมายถึงผมต่างหากล่ะ

 

"ทานต่อเลยซอง กับข้าวถูกปากรึเปล่าน้าลืมถามเลย"

 

"อร่อยมากเลยครับน้าดาว โดยเฉพาะผัดฉ่าจานนี้ สงสัยคนทำจะใส่ใจเป็นพิเศษ" ผมแอบมองน้องที่ก้มหน้าก้มตาทานอาหาร ทำเหมือนไม่สนใจ แต่ก็แอบเหล่มองอาหารจานที่ผมเอ่ยชม

 

"มินเขาทำผัดฉ่าอร่อย อาจจะเพราะเขาชอบกินเลยตั้งใจทำเป็นพิเศษ" น้าดาวยังคงเอ่ยชมลูกชายตัวน้อยที่นั่งหน้าบึ้งตึงไม่พูดกับใครเลย

 

"แม่! พอแล้ว" มินเรียกน้าดาวเสียงดัง คงไม่อยากให้น้าดาวเล่าเรื่องส่วนตัวของเขาให้ผมรู้สินะ

 

"เป็นอะไรน่ะเรา ทำไมวันนี้โมโหบ่อยจัง"

 

"อย่าเล่าเรื่องส่วนตัวของมินให้คนอื่นฟัง"

 

"พี่เขาเป็นคนอื่นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมพูดจาแบบนี้ น่าตีจริงๆ เลยเด็กคนนี้นิ"

 

"ไม่เป็นไรหรอกครับน้าดาว เขาคงอึดอัดที่ผมมาทานข้าวด้วย"

 

"รู้ตัวก็ดีแล้วนี่ คราวหน้าจะได้ไม่ต้องมาทานอีก" มินบ่นเบาๆ แต่เขาอยู่ใกล้ผมมาก ถึงจะเป็นแค่เสียงบ่น แต่ผมกลับได้ยินมันชัดเจนมาก

 

*************


ตอนนี้ผมนั่งคุยกับน้าดาวที่ห้องรับแขก เจ้าปลาทองก็นอนเล่นอยู่ข้างๆ น้าดาวถามผมว่ามีอะไรกับน้องรึเปล่า แต่ผมไม่กล้าที่จะบอกหรอก ว่าผมทำเรื่องอะไรเลวๆ ไว้กับน้องบ้าง ผมจึงได้แต่ตอบเลี่ยงๆ ไป น้าดาวพอจะรู้อยู่แล้วว่าผมกับน้องเราไม่ค่อยจะถูกกัน แต่ถ้าพูดจริงๆ ก็คือผมนี่แหละที่ตามหาเรื่องน้องตลอด แต่ท่านไม่เคยรู้ว่าผมทำไม่ดีกับน้องมากขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ผมนั่งคุยกับน้าดาวแต่สายตาผมกลับเหล่มองในครัวแทบจะตลอดเวลา

 

"มีอะไรจะคุยกับน้องรึเปล่า" น้าดาวคงเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของผม

 

"เอ่อ...ครับ"

 

"มินออกไปส่งพี่ซองที่หน้าบ้านหน่อยลูก แม่ขอขึ้นไปพักก่อน" น้าดาวหันไปพูดกับมินที่ตอนนี้เดินออกมาจากในครัวแล้ว ก่อนที่ท่านเตรียมตัวจะขึ้นไปบนบ้าน

 

"มาเองก็กลับเองสิ บ้านอยู่แค่นี้" มินบ่นเบาๆ

 

"มินไปส่งพี่ซองที่หน้าบ้าน!" น้าดาวสั่งมินเสียงดัง ก่อนที่คนตัวเล็กจะรีบเดินจ้ำอ้าวออกไป ผมรีบลาน้าดาวก่อนจะเร่งฝีเท้าตามน้องไปให้ทัน คนตัวเล็กยืนหน้าบึ้งตึงรอผมอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน

 

"ส่งแค่นี้หวังว่าคงจะกลับบ้านตัวเองถูกนะ"

 

"เดี๋ยวก่อนสิ คุยกับพี่ก่อน" ผมดึงมือคนตัวเล็กให้หันกลับมาเผชิญหน้าผมอีกครั้ง แต่เขากลับหันไปทางอื่น ไม่อยากเห็นหน้ากันขนาดนี้เลยหร่ือไงว่ะ

 

"เรามีเรื่องอะไรต้องคุยกันด้วยเหรอ" น้ำเสียงเยาะๆ ถูกส่งมาให้ผม ผมมองข้ามมันไปไม่อยากจะเก็บเอามาคิดให้เจ็บปวด

 

"พรุ่งนี้ไปทำงานยังไง เดี๋ยวพี่ไปส่ง"

 

"ไม่จำเป็นหรอก ผมไปเองได้"

 

"แต่พี่จะมารับ"

 

"ผมนัดพี่ทิมไว้แล้ว คงไม่จำเป็นต้องรบกวนคุณหรอก" เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็ไอ้ทิม มันดีนักรึไง

 

"ทำไมต้องไปรบกวนคนอื่นบ้านอยู่คนละทาง เสียเวลาวนรถไปมา"

 

"พี่ทิมไม่ใช่คนอื่น คุณต่างหากที่เป็น" ผมสะอึกกับคำพูดของน้อง นี่ผมกลายเป็นคนอื่นสำหรับน้องไปแล้วสินะ เขาถึงย้ำแล้วย้ำอีกแบบนี้

 

"พี่ขอโทษ" ผมตัดสินใจพูดในที่สุด ก่อนที่เขาจะหันหน้ามามองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม

 

"หึ...อย่าทำแบบนี้เลยครับ มันไม่มีประโยชน์ และไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก"

 

"พี่ขอโอกาสได้ไหม ไม่ต้องให้อภัยพี่ตอนนี้ก็ได้ ขอแค่มินยอมให้พี่ได้ทำอะไรเพื่อมินบ้าง" ผมไม่ได้หวังว่าน้องจะยอมให้อภัยผมตอนนี้ แต่ขอแค่เขาไม่ทำเหมือนผมเป็นคนอื่น หรือไม่มีตัวตน ให้โอกาสได้แก้ตัวกับความผิดพลาดที่ผมเคยทำ

 

"ถ้าคุณยังเห็นผมเป็นน้องคนหนึ่ง ผมขอแค่อย่างเดียว อย่ามายุ่งกับผมอีก"

 

"มิน...พี่ขอโทษ แต่อย่าทำแบบนี้เลยนะ ให้พี่ทำอะไรก็ได้"

 

"ผมขอแค่นี้ ถ้าคุณทำไม่ได้เราก็คงไม่มีเรื่องต้องคุยกันอีกแล้ว" เขาหันหลังจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน ก่อนที่ผมจะรีบไปคว้าตัวเขามากอดไว้

 

"พี่ขอโทษๆ อย่าทำแบบนี้เลย พี่รักมิน ให้โอกาสพี่ได้ไหม" ผมตัดสินใจบอกความรู้สึกที่ตัวเองมี เพราะแน่ใจแล้วว่ามันคืออะไร

 

"ปล่อย!" มือบางพยายามแกะมือที่ผมโอบกอดเขาไว้แต่ไม่สำเร็จ เพราะแรงอันน้อยนิดที่เขามี

 

"พี่ไม่ปล่อย จนกว่ามินจะยอมให้โอกาสพี่ พี่ขอโทษนะคนดี พี่ขอโทษ" ผมพรำ่บอกคำเดิมซ้ำๆ กับเขาอยู่อย่างนั้น นำ้ตาผมกำลังไหล ทั้งๆ ที่ผมไม่เคยคิดเลยว่าชาตินี้ผมจะร้องให้เพราะเรื่องแบบนี้ คางแกร่งของผมเกยไหล่บางเอาไว้อยู่อย่างนั้น จนกว่าเขาจะยอมให้โอกาสผม ผมจะไม่ยอมปล่อยเขาไปเด็ดขาด

 

"อย่าทำแบบนี้กับผม ผมไม่ใช่ตุ๊กตาที่เวลาคุณอยากจะเอาไปเล่นด้วยก็เข้ามาหา แต่เวลาเบื่อก็คงโยนมันทิ้งอย่างไม่ใยดี"

 

"มิน..."

 

 

"ปล่อยให้ผมมีทางเดินของผมเถอะ อย่าทำร้ายกันอีกต่อไปเลย เราทำร้ายความรู้สึกของกันและกันมามากเกินพอแล้ว" คราวนี้ผมยอมปล่อยมือจากเขาโดยง่าย เหมือนมันไร้เรี่ยวแรงที่จะรั้งเขาไว้แล้ว ผมทำร้ายเขามาตลอดผมรู้  ผมยืนมองคนที่เดินกลับเข้าไปในบ้านไม่หันกลับมามองผมเลยแม้แต่น้อย

 

ผมยืนมองเขาไปจนลับตา นี่ผมต้องยอมปล่อยน้องไปจริงๆ ใช่ไหม ทั้งๆ ที่ผมรู้ใจตัวเองแล้วแท้ๆ ว่าเราสองคนใจตรงกัน แต่มันคงจะสายเกินไปแล้วจริงๆ  ผมจะตัดใจได้อย่างไร ในเมื่อน้องคือคนเดียวที่ผมรัก ผมไม่ได้ร้องให้ฟูมฟายเหมือนผู้หญิง ไม่ได้สะอื้นเสียงดัง มีเพียงหยดน้ำใสๆ ที่กำลังไหลออกมาจากหน่วยตาของผม ยกมือขึ้นปาดมันลวกๆ

 

ผมไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเดินกลับเข้าไปห้องนอนของตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ เหมือนผมมีแต่ร่างกาย แต่จิตใจผมมันตายไปพร้อมกับคำพูดตัดรอนของน้องไปแล้ว

 

 

*******************

 จบตอนแล้วนะ มาม่าไม่หนักหน่วง แค่กรุบกริบ ~T_T~

 

ขอจัดอีกสองสามตอนท่าจะดี คนอ่านว่ายังไงคะ
 :z3: :z10: :z2:


 

เฮียซองยังเจ็บไม่พอ จัดหนักๆ กว่านี้ดีกว่าสะใจดี

 

คนเขียนรักเฮียเลยจะจัดหนักๆ เพื่อเฮียคนเลวของทุกคน



               TBC.
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน14 P.7(07/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 07-04-2016 14:14:42
ก็สมกันดีนะ เอาคืนบ้างให้สมกับที่โดนกระทำ
แต่มินจะเจ็บมั้ย?เห็นคนที่ตัวเองรักร้องไห้
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน14 P.7(07/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-04-2016 14:28:28
ต้องให้ได้ร้องให้สักไหนึงก่อน
น้องมินกับพี่ทิมนี่ยังไงหนอ ตกลงปลงใจกันรึเปล่า   :3123: 
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน14 P.7(07/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 07-04-2016 14:30:31
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน14 P.7(07/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 07-04-2016 16:41:03
ต้องเอาคืนให้สาสมเลย
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน14 P.7(07/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 07-04-2016 16:47:57
ก็ดีนะ ..
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน14 P.7(07/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Anong2013 ที่ 07-04-2016 17:53:15
เอาพี่ชองมาอีก
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน14 P.7(07/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 07-04-2016 17:54:06
ช่วงนี้พี่ซองคงต้องกินมาม่า กับน้ำใบบัวบกไปก่อนนะ  ทำกับมินไว้เยอะ  ถึงเวลาแก้แค้นได้ก็ต้องเอาคืนให้สาสม
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน14 P.7(07/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 07-04-2016 18:08:20
ก็เข้าใจว่าพี่ซองต์ร้ายกับมินก่อน มันต้องทำให้สำนึกกันบ้าง แต่อย่านานน้าาาาาา อยากอ่านตอนหวานๆบ้าง
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน14 P.7(07/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-04-2016 18:45:44
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน14 P.7(07/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: มะลิลา ที่ 07-04-2016 21:56:25
หมดสภาพเลยพี่ซอง :katai5:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน14 P.7(07/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 08-04-2016 01:15:58
 :mew1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน15 P.7(10/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 10-04-2016 21:07:52
แอบรัก ตอน15



(มิน)

ผมรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของที่กอดผมอยู่ข้างหลัง เหมือนมีหยดน้ำอะไรสักอย่างไหลซึมผ่านเสื้อยืดตัวบางที่ผมสวมอยู่ ผมแค่ไม่อยากจะเชื่อเท่านั้นเองว่าเขาร้องไห้เพราะผมเหรอ เพื่ออะไรล่ะ ทำไมถึงมารู้สึกผิดเอาตอนนี้ ทำไมถึงปล่อยให้ทุกอย่างมันสายจนไม่มีทางที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม

 

ถ้อยคำที่เขาพร่ำบอกว่ารักผม จนตอนนี้ผมยังไม่คิดจะเชื่อเลยด้วยซ้ำว่ามันออกมาจากปากของผู้ชายเย็นชาคนนั้นจริงๆ เขารักผมตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วถ้ารักจริงๆ ทำไมถึงทำกับผมแบบนี้มาตลอดสิบกว่าปี หรือว่าเขาแค่ต้องการปั่นหัวคนอย่างผมเล่นกัน มันเจ็บที่ทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้ แม้พยายามที่จะเข้มแข็งมาตลอด แค่คำว่ารักที่เขาเอ่ยออกมาให้ได้ยินแค่คำเดียว กลับทำให้ผมอยู่ไม่สุขเหมือนจะเป็นบ้า คำที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้ยินมันเลยในชาตินี้ ผมนั่งทบทวนเหตุการณ์ที่เขาทำกับผมมาตลอดหลายอาทิตย์

 

 

‘ทำไมผมจะไม้รู้ว่าขนมที่เขาซื้อมาให้แม่นั้นที่จริงเป็นของผม เพราะมันมีแต่ของที่ผมชอบทั้งนั้น’

 

 

‘ทำไมผมจะไม่รู้ว่าเขาตามผมกับพี่ทิมไปห้าง เพราะรถของเขาแอบอยู่ตรงพุ่มไม้’

 

 

‘ทำไมผมจะไม่รู้ว่าเขบอกให้คุณย่าทำบัวลอยมาให้เพราะผมชอบทาน’

 

 

แม้ว่าเขาจะพยายามทำหลายๆ อย่างเพื่อผม แต่มันก็คงไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว เพราะผมตั้งใจที่จะเดินตรงไปข้างหน้า มองแค่อนาคตที่จะเกิดขึ้น ไม่อยากหันไปมองอดีตที่แสนจะเจ็บปวดแล้ว และตอนนี้ผมก็มีความสุขที่มีพี่ทิมเป็นพี่ชายที่แสนดี คอยรับฟังช่วยเหลือผมตลอดเวลา

 

วันที่เขาตามผมกับพี่ทิมไปที่ห้าง ผมรูว่าพี่ทิมก็เห็นเหมือนกัน ผมเห็นเขาแอบเหล่อยู่หลายครั้ง แล้วยังทำตัวรุ่มร่ามกับผมจนเกินพอดี  อีกทั้งรอยยิ้มร้ายๆ ตรงมุมปากของพ่อเทพบุตรที่บางครั้งเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มซาตานโดยไม่รู้ตัว แต่พี่ทิมแสร้งตีหน้านิ่งขรึมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนผมยังอดหมั่นใส้ไม่ได้ แต่เพราะผมทำเป็นไม่รู้เลยไม่อยากจะแซวพี่ทิม นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยโดยที่ไม่ลืมโทรขอร้องแกมบังคับให้พี่ทิมมารับผม รายนี้ก็ใจดีตลอด ไม่รู้ว่าจะรำคาญผมบ้างรึเปล่าไม่เคยถาม คราวนี้สงสัยต้องถามจริงจัง เพราะยังไงพี่ทิมก็เป็นคนอื่น ถึงแม้ว่าจะบอกว่ารักผมเหมือนน้องชายก็เถอะ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าพี่ทิมต้องมาเดือดร้อนกับเรื่องของผมตลอดเวลา

 

เช้าวันใหม่ที่แสนสดใส พี่ทิมคนเดิมเพิ่มเติมคือความน่ารักก็ยังมารับผมตามคำบัญชาของน้องชายนอกใส้อย่างผม แต่วันนี้มาแปลก พาเด็กหนุ่มหน้าใส  วัยน่าจะไม่เกินมอปลายมาด้วย น้องตัวสูงแต่ก็ยังเตี้ยกว่าพี่ทิม วินาทีแรกที่ผมเปิดประตูรถด้านข้างคนขับถึงกับตกใจ ที่อยู่ๆ ก็มีคนนั่งตรงนั้นไปซะแล้ว ก่อนที่ผมจะรีบถอยกรูดมานั่งด้านหลังในทันที

 

รถสปอร์ตคันเดิมก็ยังคอยขับตามรถพี่ทิมมาติดๆ ผมลอบมองผ่านกระจกหลายครั้ง เขาทำแบบนี้มาตลอดหลายอาทิตย์ ตอนแรกผมก็ไม่มั่นใจ แต่พอสังเกตุดีๆ หลายๆ วัน ทำให้ผมเริ่มแน่ใจแล้วว่าเป็นเขาอย่างแน่นอน เขายังคงขับรถตามผมทุกเช้า วันไหนที่ผมนั่งไปเอง เขาก็ขับช้าๆ ตามรถเมล์ทุกวัน นี่เขากำลังทำอะไรของเขากันแน่

 

 "เอ่อ...พี่นั่งหน้าดีกว่าครับ เดี๋ยวเก้าจะนั่งด้านหลังเอง" เสียงเรียกของเก้าทำให้ผมเลิกสนใจคนๆ นั้นทันที เก้าคือชื่อเด็กหนุ่มคนนี้เหรอ ชื่อคุ้นๆ แห๊ะ

 

 "ไม่เป็นไรๆ พี่นั่งหลังนั่นแหละ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาลำบากเปล่าๆ”

 

 "น้องมินมานั่งคู่กับพี่น่ะดีแล้ว" พี่ทิมพูดขึ้น น้องเก้าหันไปหาที่ทิมนิดนึง สายตาน้อยใจปนตัดพ้อนั่นคืออะไร ผมได้แต่เก็บความสงสัยไว้อย่างนั้น ก่อนที่จะเปิดประตูลงมานั่งข้างหลัง ผมขี้เกียจจะทะเลาะให้เสียเวลาจึงรีบย้ายตัวเองไปนั่งด้านหน้าคู่กับพี่ทิม

 

 "เดี๋ยวพี่แนะนำให้รู้จักกันนะ" พี่ทิมยื่นมือมาลูบหัวผมเบาๆ ราวกับเอ็นดูอะไรนักหนาอย่างนั้น แต่ผมแอบเห็นสายตาเจ้าเล่ห์ที่ส่งไปน้องเก้าที่นั่งด้านหลัง คู่นี้มีอะไรทะแม่งๆ แล้วสิ

 

"คนนี้พี่มินที่พี่เคยบอกเก้าจำได้ไหม มินเป็นแฟนพี่ ส่วนคนที่นั่งข้างหลังนั่นน้องเก้า น้องข้างบ้านพี่เอง วันนี้น้องขอติดนรถไปด้วย มินคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ” พี่ทิมร้ายกาจมาก ผมเริ่มจะรู้แล้วว่าน้องเก้าคือเด็กข้างบ้านที่พี่ทิมชอบ แล้วนี่คงเอาผมมาเป็นตัวแปรอย่างที่เคยบอกไว้ล่ะสิ ท่าทางจะได้ผลซะด้วย เพราะน้องเก้าดูหน้าเสียในทันทีที่รู้ว่าผมเป็นแฟนพี่ทิม แต่ก็ยังคงเก็บอาการเอาไว้อย่างนั้น

 

"ไม่เป็นไรครับ น้องพี่ทิมก็เหมือนน้องมิน" เล่นกับเขาหน่อย รู้หรอกว่าที่พูดแบบนี้ต้องการดูปฏิกริยาน้องเก้าที่นั่งนิ่งอยู่ด้านหลัง

 

 "ดีครับ ทั้งสองคนจะได้สนิทกันไว้" มีแอบเหล่มองน้องเก้าผ่านกระจกด้วย ส่วนอีกคนก็นั่งนิ่งเงียบจนน่ากลัว อีกทั้งยังดูเศร้าๆ ยังไงไม่รู้ สงสารน้องจังเลยที่โดนพี่ทิมแกล้งแบบนี้

 

 พี่ทิมชวนผมคุยไปเรื่อยจนอาจทำให้น้องรู้สึกอึดอัดแน่เลย น้องเป็นผู้ชายผิมขาว หน้าตาหล่อใสเหมือนหนุ่มเกาหลี ตัวค่อนข้างสูง หุ่นดี เพียงแต่อาจจะยังไม่เต็มหนุ่มเลยยังไม่มีกล้ามเนื้อเหมือนพี่ทิม

 

"เก้าอายุเท่าไหร่เหรอครับ" ผมหันไปถามน้องเพราะกลัวว่าเขาจะอึดอัด

 

 "สิบเจ็ดย่างสิบแปดครับ" น้องตอบนิ่งๆ สีหน้าไร้ความรู้สึก

 "ว้าว! ยังเด็กอยู่เลย เข้ามาหาวิทยาลัยปีนี้แล้วสินะครับ แค่คิดก็นึกถึงเรื่องสนุกๆ สมัยเรียนแล้ว" ผมหวังจะให้น้องคลายความตึงเครียดลงไปบ้าง

 

"....." น้องเก้ายิ้มใหผมแต่ก็ยังไม่ยอมพูดอะไร

 

“น้องเก้าจะเรียนอะไรเหรอครับ” ผมหันไปถามน้องอีกครั้ง

 

“เก้าเขาสอบเข้าสถาปัตย์มหาวิทยาลัย XXX  ได้น่ะ เขาเรียนเก่ง สอบเข้าได้อันดับหนึ่งด้วยนะ วันที่รู้ว่าตัวเองสอบติดนี่วิ่งมาหาพี่ถึงบ้านเลย” พี่ทิมตอบแทนน้องเก้าที่กำลังอ้าปากจะพูด แหมท่าทางดูจะภูมิใจแทนน้องมากเลยนะครับ หน้าบานยิ่งกว่าตัวเองสอบได้เองเลยล่ะสิ หมั่นใส้พี่ทิมจริงๆ เลย

 

“เก่งจริงๆ เลยครับ” การพูดคุยยังคงผูกขาดอยู่ที่ผมกับพี่ทิมแค่สองคน โดยที่น้องเก้านั่งเงียบๆ อยู่ด้านหลัง ตอบคำถามผมบ้างเวลาที่ผมคุยกับเขา ก่อนที่พี่ทิมจะจอดรถยังสถานที่ๆ น้องเก้ามาในวันนี้ เป็นร้านเล็กๆ ที่ดูไม่ออกว่าขายอะไร ก่อนที่น้องเก้าจะเอ่ยลาเราสองคนแล้วเดินเข้าไปข้างใน โดยมีคนน่าหมั่นใส้อย่างพี่ทิมมองตามตาละห้อย

 

“มองขนาดนั้นไม่ตามลงไปส่งเลยล่ะครับ”

 

“น้องมินหึงพี่เหรอเนี่ย หึๆ” พี่ทิมยังมีหน้ามาล้อเล่นกับผมอีกนะครับ

 

“น้องเก้าหล่อดีนะครับ ตกลงเนี่ยพี่ทิมจะรุกหรือรับน้องเนี่ย” ผมทำใจกล้าถามออกไปอย่างนั้นเอง เพราะน้องเก้าก้ออกจะแมนซะขนาดนั้น ท่าทางคงไม่ยอมให้ใครรุกได้ง่ายๆหรอกมั้ง ส่วนพี่ทิมก็หล่อ ขี้เล่น นึกภาพไม่ออกเลยว่าจะเป็นยังไง

 

“สู่รู้ ก็พี่น่ะสิรุก ส่วนเก้าต้องเป็นรับให้พี่อย่างเดียว” พี่ทิมเอ่ยอย่างมาดมั่น แต่ผมนี่แหละที่ดูไม่มั่นใจว่าพี่ทิมจะมีโอกาสได้รุกน้องเก้ารึเปล่า ดูท่าทางอีกไม่เกินปีสองปีคงตัวใหญ่กว่าพี่ทิมแน่นอน

 

“แล้วมินจะคอยดู”

 

“ไม่ต้องมาสนเรื่องของพี่หรอกน่า แล้วเราน่ะจะเอายังไงกับไอ้ผู้ชายที่ทำตัวเป็นสโตร๊กเกอร์ขับรถตามเราทุกวันอยู่อย่างนี้ อย่าบอกน่ะว่าเรายังไม่รู้เรื่อง เพราะไอ้บ้านั่นมันตามโจ่งแจ้งมาก”  ผมทำเป็นลืมๆ ไปแล้ว แต่พี่ทิมก็ยังมาพูดให้คิดอีก ใครจะไม่รู้ว่ามีผู้ชายบ้าๆ มาตามผมตลอดเวลา โดยไม่รู้จุดประสงค์ของเขา จะให้เชื่อคำรักที่เขาเอ่ยเมื่อวันก่อนก็ดูจะง่ายไป

 

“ช่างเขาเถอะครับพี่ทิม แค่ไม่มายุ่งกับมินให้มากกว่านี้ก็พอแล้ว”

 

“แต่พี่ว่ามันจะไม่จบแค่นี้น่ะสิ ดูท่าทางครั้งนี้เขาจะจริงจังมากเลยนะ” ผมรู้แหละว่าคนอย่างเขาคงไม่ยอมตามผมแบบนี้ไปเรื่อยๆหรอก ไม่นานเขาอาจจะทำอะไรบางอย่างที่ผมก็ไม่รู้ว่าคืออะไร คนอย่างเขาจะอดทนได้สักกี่น้ำ นอกจากจะใจร้อน ปากร้าย แถมยังชอบดูถูกคนอื่น

 

“มินไม่กลัวหรอก ลองเขาทำอะไรมินดูสิ มินจะฟ้องคุณย่าจริงๆ แล้วคราวนี้เขานั่นแหละจะเป็นคนที่เดือดร้อนที่สุด” ผมจะทำแบบนั้นจริงๆ ครับ ถ้าเขาทำอะไรไม่ดีกับผมขึ้นอีกครั้ง รับรองว่าเขาจะไม่มีทางได้เห็นหน้าผมอีกเลยแน่นอน

 

“จะดีเหรอมิน ทั้งเราแล้วก็เขาต่างก็เจ็บปวดมากพอแล้วนะ”

 

“ก็เพราะมันเจ็บปวดเกินไปไงครับ เลยต้องทำให้มันจบ จะได้ไม่ต้องมาทนเจ็บซ้ำๆ แบบเดิมอีก”

 

“แต่พี่ว่า ถ้าเราลองให้โอกาสเขา อาจจะไม่มีใครต้องเจ็บเลยสักคนนะ เพราะพี่ดูจากสายตาที่เขามองมาที่มิน  มันบอกได้ว่าเขารักมินมากแค่ไหน”

 

“ตกลงพี่ทิมจะเข้าข้างใคร มินหรือคนๆ นั้น ถ้ายังเห็นมินเป็นน้องอยู่อย่าพูดแบบนี้อีก”

 

“ครับๆ น้องชาย โหดจริงๆ เลยวันนี้”

 

“ก็พี่ทิมเข้าข้างคนอื่น”

 

“โอเคๆ พี่เข้าข้างน้องชายตัวน้อยของพี่คนเดียว พอใจรึยัง”

 

“ยัง ถ้าจะให้พอใจจริงๆ เย็นนี้พี่ทิมต้องมารับมิน พาไปทานข้าวเย็น แล้วก็พาน้องเก้ามาด้วยนะครับ”

 

“ทำไมต้องพาเก้ามาด้วย”

 

“ก็มินจะสังเกตุอาการของน้อง ว่าจะหึงพี่ทิมรึเปล่า ทำตามเถอะน่า”

 

“ครับๆ คุณชาย” พี่ทิมจอดรถที่หน้าร้านพอดี ก่อนที่ผมจะก้าวลงจากรถ โดยไม่ลืมกำชับให้เขาพาน้องมาด้วยในตอนเย็น น่าสนุกดีแหะ

 

ผมลงจากรถ่กอนที่จะก้าวตรงไปยังร้านเค้กที่ตอนนี้เริ่มจะมีน้องๆ ทยอยมาทำความสะอาดอยู่หน้าร้าน แต่กลับมีรถอีกคันมาจอดเทียบกับรถพี่ทิมพอดี ผมว่าแล้วว่าคนอย่างเขาคงอดทนไม่พอ นี่คงจะมาหาเรื่องพี่ทิมอีกล่ะสิ ผมยืนมองคนที่ก้าวลงจากรถสปอร์ตคันหรู ก่อนที่จะเดินตรงมาทางเดียวกันกับผม จนผมต้องรีบหันกลับแล้วเดินเข้าไปในร้านให้เร็วที่สุด นี่ผมคิดผิดหรือเนี่ย

 

ผมรีบนำของไปเก็บที่ด้านใน สวมผ้ากันเปื้อนลวกๆ ตรงดิ่งเข้าไปในครัวทันที วันนี้ทั้งพี่พาย และบราวนี่ยังไม่เข้าที่ร้าน  พี่พายคุณคิณคงจะมาส่ง ส่วนบราวนี่น่าจะขับรถมา ผมพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญ หน้ากับเขา เพราะไม่อยากมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นในร้าน

 

“ทำไมมินไม่รอพี่ ทั้งๆ ที่พี่บอกว่าจะมาส่ง” เสียงของคนที่ผมไม่อยากได้ยินดังอยู่ชิดใบหูเล็กของผมจนผมเผลอสะดุ้งทันที

 

“เราไม่ได้ตกลงกันอย่างนั้น ผมบอกคุณแล้วว่าพี่ทิมจะมาส่ง” เสียงของผมกำลังสั่นเพราะความกลัว แต่ก็ยังพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุดไม่ให้เขาจับได้

 

“แต่พี่...อยากมาส่งมิน มินไม่ให้โอกาสพี่เลย” คำพูดราวกับว่าเขาน้อยใจผม นี่มันอะไรกัน เขาเสแสร้งหรืออะไร  ทั้งๆ ที่บอกไปแล้วว่าต่างคนต่างอยู่แล้วทำไมยังตามมาวอแวอยู่แบบนี้

 

“ผมไม่มีโอกาสอะไรที่จะให้คุณ กลับไปซะเถอะ ผมจะรีบทำงาน”  ผมไม่อยากเปิดโอกาสให้เขาได้อยู่กับผมสองต่อสอง เพราะมันไม่ดีกับทั้งหัวใจและความรู้สึกของผม แม้ปากผมจะบอกกับเขาไปอย่างนั้น แต่ใจของผมก็ยังไม่เข้มแข็งพอ ไม่ใช่ว่าผมจะใจอ่อนให้กับเขาหรอก แต่มันแค่ยังเจ็บที่ต้องมาเจอเรื่องเดิมๆ ไม่รู้จักจบจักสิ้นก็เท่านั้น

 

“ตอนเย็นพี่มารับได้ไหม”

 

“ไม่ครับ ผมมีนัดทานข้าวกับพี่ทิม”

 

“ให้พี่ไปด้วยได้รึเปล่า” หลังจากที่เขาเงียบไปสักพัก แล้วกลับเอ่ยคำที่ผมไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมา ด้วยสีหน้าที่ไม่บ่งบอกคความรู้สึกว่าเขาคิดยังไง แต่สายตาที่ส่งมาให้ราวกับว่ามันเป็นคำขอร้องอ้อนวอนให้ผมเห็นใจ

 

“คุณจะไปทำไม ผมนัดดินเนอร์กับแฟนของผม”

 

“พี่รู้...ขอโทษที่ทำให้มินรำคาญ” สายตาที่บ่งบอกว่าเขาไม่ได้โกหก แต่ผมต้องทำเหมือนไม่สนใจ ต้องใจแข็งทั้งๆ ที่ก็เจ็บเหมือนกัน เขาเดินกลับออกไปแล้ว เหลือก็เพียงแต่ผมที่ยังยืนนิ่ง มองตามหลังของคนที่ผมปฎิญาณกับตัวเองแล้วว่าจะไม่มีวันกลับไปเป็นแบบเดิมอีก

 

‘ทำไมพี่ต้องกลับมา ทำไมพี่ต้องทำเหมือนรักผมทั้งๆ ที่มันไม่ใช่ ผมเจ็บเกินไปแล้วรู้รึเปล่า ในเมื่อไม่เคยรัก แล้วทำไมไม่อยู่แบบเดิมๆ เหมือนที่ผ่านมา ทำไมไม่ทำเหมือนกับว่าเราไม่รู้จักกัน จะพยายามทำแบบนี้เพื่ออะไร’

 

ผมก้มหน้าก้มตาทำเค้กตลอดทั้งวัน เพื่อให้ลืมเรื่องบ้าๆ ที่ผ่านมา ผมต้องพยายามมากแค่ไหนเพื่อที่จะทำใจแข็ง ผมไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่ผมถึงจะเลิกเจ็บเพราะผู้ชายคนนั้น ทำเค้กจนลืมเวลาทานข้าว จนพี่พายต้องเข้ามาเรียก ทานข้าวเสร็จก็พยายามหาอะไรทำเพื่อให้ตัวเองยุ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในครัวไม่มีอะไรให้ทำแล้ว แต่ก็ยังเข้าไปล้างทำความสะอาดอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งๆ ที่มันยังสะอาดดี ทำงานเหมือนคนบ้า ไม่ยอมหยุดพักเหมือนที่ผ่านๆ มา ผมไม่อยากว่าง เพราะพอว่างแล้วสมองผมก็วกกลับไปคิดเรื่องเดิมซ้ำๆ จนพี่พายตองเข้ามาสะกิด บราวนี่ก็คงรู้ว่าผมผิดปกติ จึงพยายามชวนผมคุยเล่นหัวเราะไปเรื่อยเปื่อย แต่ทั้งสองคนกลับไม่ได้ถามอะไรผมเลยสักนิด และมันก็เป็นสิ่งดีที่ไม่ทำให้ผมต้องอึดอัดเพราะต้องตอบคำถามที่ไม่อยากจะบอกใคร

 

“หมูน้อยยยย....” มินร้องเรียกเสียงดัง ทั้งๆ ที่เรานั่งอยู่ด้วยกัน จนผมสะดุ้งด้วยความตกใจ

 

“เรียกเสียงดังทำไมเนี่ย นั่งอยู่ด้วยกันแท้ๆ” ผมหันไปว่าเพื่อนที่เอาแต่หัวเราะแหะๆ อยู่ข้างๆ บราวนี่ไม่ใช่คนคิดมาก เขาเป็นคนที่ร่าเริงตลอดเวลา คงไมรู้ว่าจะปลอบหรือคุยกับผมยังไงที่เอาแต่นั่งเหม่อใจลอยก็เลยทำแบบนี้

 

“ก็หมูน้อยไม่คุยกับเค้า ชวนคุยตั้งนานแต่กลับไม่พูด” น้ำเสียงติดงอนเล็กๆ จนผมถึงกลับต้องหัวเราะออกมา นี่กลายเป็นว่าผมผิดเหรอเนี่ยที่ไม่ยอมคุยกับบราว

 

“เรื่องอะไร”

 

“เย็นนี้ชวนไปทานข้าวที่บ้าน คุณย่าให้ไป”

 

“โกหกอีกล่ะสิ เมื่อวานมินพึ่งคุยกับคุณย่า ท่านไม่ได้ว่าแบบนั้นสักหน่อย” บราวนี่ชอบชวนผมไปทานข้าวที่บ้านเสมอ โดยเอาคุณย่ามาอ้าง แรกๆ ผมก็เชื่ออยู่หรอก แต่นานๆ ไปเริ่มจะรู้แล้วว่าเป็นเขาเองนั่นแหละที่สร้างเรื่องโกหก

 

“โธ่! รู้ทันอีก”

 

“ใครเขาจะไม่รู้ล่ะ ก็ตัวเองเล่นมุกนี้มากี่รอบแล้ว” ผมส่ายหัวให้กับเพื่อนที่ชอบทำนิสัยแบบเด็กๆ ทั้งๆ ที่อายุก็ไม่ต่างจากผม แต่บราวนี่ก็ทำให้ผมคลายเครียดเพราะนิสัยแบบนี้ของเขานี่แหละ เรานั่งคุยเล่นกันไปเรื่อยทำให้ผมลืมเรื่องของตัวเองไปชั่วขณะ

 

ผมนั่งทานข้าวที่ร้านอาหารไทยชื่อดังในห้าง วันนี้พี่ทิมเลี้ยงอีกตามเคย  ทั้งๆ ที่ผมอยากจะเป็นฝ่ายเลี้ยงเขาบ้างแต่อีกคนกลับทำฟึดฟัด บอกว่าคนเป็นพี่ต้องดูแลน้อง หลังจากนั้นผมเลยไม่เคยได้จ่ายค่าอาหารเวลาที่มาทานด้วยกันอีกเลย แอบเกรงใจพี่ทิมอยู่เหมือนกัน แต่ก็ดีที่ไม่ต้องจ่ายค่าอาหารแพงๆ

 

น้องเก้าก็มาทานกับเราด้วย ตามคำบัญชาของผม เพราะผมรู้ว่าพี่ทิมคงอยากจะออกมาทานกับน้องเก้าบ้างเหมือนกัน เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนจะเย็นชาเหลือเกิน มองเผินๆ เหมือนไร้ความรู้สึก ผมสังเกตุเขาแทบจะตลอดเวลา จนบางครั้งสายตาของเราปะทะกัน เป็นผมเองที่ต้องยอมหลบสายตาเขาเอง

 

ถ้าผมมองไม่ผิดเขาคงจะหึงผมกับพี่ทิมแน่นอน แต่ทำไมเขาถึงทำเป็นนิ่ง ไม่รู้สึกรู้สา ทั้งๆ ที่พี่ทิมก็เคยแสดงออกว่ารักเขาออกขนาดนั้น ทั้งๆ ที่ทั้งสองคนใจตรงกัน ทำไมน้องเก้าถึงปล่อยให้เรื่องเป็นแบบนี้

 

“ทานนี่ครับมิน ของโปรดไม่ใช่เหรอ”

 

“รู้ใจมินจริงๆ เลยครับ” ก่อนที่ผมจะตักอาหารใส่จานให้พี่ทิมบ้าง น้องเก้าก็ยังก้มหน้าก้มตาทานอาหารเงียบๆ คนเดียว ก่อนที่เขาจะขอไปเห้องน้ำ

 

“ร้ายเหมือนกันนะเรา”

 

“ไม่เท่าพี่ทิมหรอกมั้งครบ”

 

“ใครอยากให้เขาทำเหมือนคนไร้หัวใจล่ะ ในเมื่อยากให้พี่เป็นแค่พี่ชายข้างบ้านก็ต้องทำแบบนี้แหละ”

 

“แต่มินว่าน้องเก้ารักพี่ทิมนะ”

 

“เอาอะไรมาพูด”

 

“ความรู้สึกไงครับ แล้วก็สายตาที่เขามองพี่ทิม”

 

“รู้ดีจริงๆ เด็กคนนี้” พี่ทิมยกมือขึ้นมาขยี้หัวผมเบาๆ ส่งยิ้มมาให้ผมอีกที

 

“แล้วก็รู้อีกอย่างด้วย ว่าพี่ทิมจะต้องโดนน้องเก้าจับกินแน่นอน” สีหน้าพี่ทิมตอนนี้ตลกมากเลยครับ เขาเหวอไปชั่วคราว ก่อนที่จะมองหน้าผมอย่างคาดโทษ

 

“วันนี้ทำไมคุณซองเขาไม่ตามมินมานะ” หลังจากที่นั่งมาสักพัก พี่ทิมก็คงสังเกตุเหมือนกัน แทบจะทุกครั้งที่ผมไปไหนมาไหนกับพี่ทิมเขาจะคอยตามตลอด แต่วันนี้กลับไม่เห็นแม้แต่เงา

 

“ก็ดีแล้วนี่ครับ น่ารำคาญจะตายไป”

 

“หรือว่าเขาจะหมดความอดทนเลิกงอนง้อน้องชายพี่แล้วนะ”

 

“ช่างเขาสิ พี่ทิมไม่ต้องมาพูดแบบนี้เลย”

 

“.....” พี่ทิมเงียบ แต่มุมปากกระตุกขึ้นด้วยความเจ้าเล่ห์ ซาตานชัดๆ ขอให้โดนน้องเก้าจับกินในเร็ววัน ได้แต่แอบแช่งพี่ชายนอกใส้ในใจก่อนที่จะทำเป็นสนใจอาหารตรงหน้า แต่แท้ที่จริงแล้วกลับไม่ใช่

 

ถ้าเขาเลิกตามผมแล้วจริงๆ ผมควรจะดีใจใช่ไหม แต่ทำไมคราวนี้ผมกลับรู้สึกใจหายแปลกๆ เพราะผมไล่เขาเอง ทำไมผมถึงต้องเจ็บเองแบบนี้ล่ะ เมื่อไหร่จะผ่านเรื่องบ้าๆ แบบนี้ซะที ผมควรยิ้มและดีใจมากๆ สิถึงจะถูก

*****************


ตอนนี้ไม่เครียดหรอกเนอะ มีพี่ทิมกับน้องเก้ามาแทรกนิดหน่อย ดราม่าของคู่หลักก็ดูซอฟลงแล้วด้วย เฮียซองคนโหดไม่มีแล้ว เหลือแต่เฮียซองคนที่สำนึกผิด พยายามต่อไปนะเฮีย  หวังว่าน้องมินจะใจอ่อนในเร็ววัน
:z3: :z2: :z10:

                    TBC.
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน15 P.7(10/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 10-04-2016 21:29:16
ช่ายยย คนทำผิดก็สมควรแล้ว ต้องเอาความจริงใจเข้าสู้นะเฮียนะ ความเชื่อคู่กันแล้ว เลวหรือดียังไงก็คู่กันอยู่ดี ไม่มีใครไม่เคยพลาดนะเฮีย
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน15 P.7(10/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: มะลิลา ที่ 10-04-2016 21:48:44
นึกว่าน้องบราวจะคู่พี่ทิม กลายเป็นน้องเก้าซะงั้น
น่าลุ้นอีกคู่
หากเป็นจริงอย่างน้องมินคิด
พี่ทิมถูกกินละก็ ฮาน้ำตาไหล :hao7:

ส่วนพี่ซองความพยายามอยู่ที่ไหนน้องมินอยู่ที่นั่น :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน15 P.7(10/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-04-2016 21:54:07
จงสำนึกผิดซะ!

น้องเก้าอย่ารอช้าจ้ะ ไวกว่าได้กด เอ้ยได้เปรียบ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน15 P.7(10/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 10-04-2016 22:08:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน15 P.7(10/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 10-04-2016 22:20:07
นึกไม่ถึงตรงพี่ทิมจะถูกกิน!  :hao7:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน15 P.7(10/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 10-04-2016 22:47:37
โอ้ยเฮียใจปลาซิวไปปะ บอกให้พอคือพองี้? งั้นก็ไม่ต้องคู่แล้วกันเนอะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน15 P.7(10/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-04-2016 23:05:18
มินใจเเข็งจริงๆ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน15 P.7(10/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 10-04-2016 23:10:13
พี่ซองต์สู้สู้ อย่าพึ่งท้อน้าาาาา
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน15 P.7(10/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 11-04-2016 10:20:05
หวังว่าน้องมินจะใจอ่อนไวๆ นะ แต่คิดอีกทีจัดหนักไปอีกซักทีก็ดี เพราะปล่อยให้น้องต้องเจ็บมาตั้งหลายปี
ถ้าแค่นี้ทนไม่ได้ก็ปล่อยไปเถอะคนไม่มีความอดทนแบบนี้ต้องให้โดนเองซักบ้างจะได้เข็ด
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน15 P.7(10/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 11-04-2016 14:05:02
ระวังน้องเก้าหึงนะ ..
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน15 P.7(10/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 11-04-2016 15:42:58
ไม่เลือกข้าง แต่เอาใจช่วยพี่ซอง555
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน15 P.7(10/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 11-04-2016 16:25:54
พี่ซองสู้ๆ อย่าเพิ่งถอดใจ หรือกลับไปทำตัวเหมือนเดิมอีกนะ ใช้ความจริงใจเข้าสู้   มินต้องใจอ่อนเข้าสักวัน

ส่วนพี่ทิมสงสัยจะโดนกินแบบนี้มินอวยพรไว้แน่เลย
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน15 P.7(10/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 12-04-2016 06:19:19
 :mew1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน15 P.7(10/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 12-04-2016 10:25:44
อย่ายอมแพ้ง่ายๆสิพี่ซอง!
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน15 P.7(10/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 12-04-2016 14:30:14
 :hao5: :hao5:

 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน15 P.7(10/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: monday012 ที่ 12-04-2016 18:10:07
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน15 P.7(10/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-04-2016 20:49:32
รอดูน้องเก้ากินพี่ทิม 55555
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน15 P.7(10/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 13-04-2016 09:26:20
อืม.....ง้อต่อไปเรื่อยๆนะะซอง ส่วนพี่ทิมระวังน้องเก้าจับปล้ำนะ 5555
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน15 P.7(10/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: มะลิลา ที่ 20-04-2016 07:19:59
น้องมินหายไป 10 วันแล้ว คิดถึง
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน16 P.8(24/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 24-04-2016 18:33:12
แอบรัก 16



(มิน)

 

ผมนอนไม่ค่อยหลับเพราะความเหนื่อยล้าจากการทำงาน และมีเรื่องให้คิดหลายอย่าง สมองกลับมาคิดวกไปวนมาแต่เรื่องเดิมๆ ทำไมผมถึงกลายเป็นแบบนี้ก็ไม่รู้ อยากจะหนีจากความรู้สึกบ้าๆ นี้สักที ผมนอนพลิกตัวไปมาบนที่นอนจนเข็มนาฬิกาบ่งบอกว่าจวนเจียนจะตีหนึ่งแต่ผมก็ยังไม่หลับ ลุกขึ้นนั่งหยิบเครื่องมือสื่อสารที่วางไว้ข้างเตียงนอนขึ้นมาเช็คดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย ที่จริงผมไม่ใช่คนติดโลกโซเชียล แค่สมัครไว้เพื่อให้ตนเองรู้ว่ามีและเอาไว้ดูความเปลี่ยนไปของโลกหลายๆ อย่างก็เท่านั้น เปิดดูไปแทบจะหมดทุกอย่างแต่ก็ยังไม่ง่วง นั่งดูรูปภาพที่บราวนี่อัพในแต่ละวัน ไม่รู้ว่าจะอัพอะไรนักหนา ไม่ว่าจะไปกิน เที่ยว ที่ไหนก็จะอัพเดทตลอด รูปในเฟสบุ๊คของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าพันรูป ส่วนของผมน่ะเหรอ มีแค่รูปที่ตนเองตั้งเป็นรูปหน้าโปรไฟล์ และรูปที่บราวนี่แท็กมาให้ก็เท่านั้น

 

วันนี้แม่ผมไม่อยู่บ้านตามเคย เดินสายเที่ยวทำบุญตลอด จนตอนนี้ผมชักจะคิดแล้วว่าตนเองอยู่บ้านหลังนี้แค่คนเดียวกับหมาอีกหนึ่งตัว เพราะแม่อยู่แทบจะไม่ติดบ้าน มาไม่ถึงอาทิตย์ก็ไปอีกแล้ว แทบจะกลายเป็นวัฏจักรชีวิตของแม่ไปแล้ว

 

เสียงโครมครามดังมาจากด้านล่าง เป็นอีกครั้งที่ผมทำอะไรไม่ถูก เพราะคราวนี้มันดังมากกว่าครั้งที่แล้ว ผมไม่กล้าลงไปดูเพราะกลัวจะเป็นขโมย ได้แต่นั่งนิ่งๆ คอยฟังว่าเสียงว่าตอนนี้ดังไปไกลรึยัง แต่เปล่าเลยผมได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตรงขึ้นมายังชั้นสองของบ้าน อาจจะเพราะความเงียบในตอนกลางคืนจึงได้ยินมันอย่างชัดเจน

 

 เจ้าปลาทองมันไม่เห่าอีกตามเคย คิดได้เท่านั้นสมองผมก็พลันคิดไปถึงอีกคนที่เวลามาบ้านผมทีไร เจ้าปลาทองมันจะไม่เคยเห่า แถมยังทำเหมือนญาติดีกับเขาอีกต่างหาก  ผมรีบตรงไปยังประตูห้องของตนเอง ก่อนที่จะสำรวจว่าล็อกมันดีรึยัง เพราะปกติผมแทบจะไม่ล็อกห้องนอน  พอแน่ใจแล้วว่าล็อกดีแล้วก็กลับมานั่งที่เดิม คอยฟังเสียงของบุคคลภายนอก ถ้าเป็นเขาจริงๆ อย่างที่ผมคิด เขามีกุญแจเข้าบ้านผม แต่กุญแจห้องน่าจะไม่มี  ที่เข้ามาห้องผมได้คราวนั้นเพราะผมไม่ได้ล็อกประตู แต่คราวนี้ไม่มีทาง

 

และแล้วก็ทำให้ผมรู้ว่าสิ่งที่คิดไว้มันผิด เสียงลูกบิดประตูดังคลิกหนึ่งที ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงคนผลักประตูเข้ามา เป็นเขาจริงๆ เขาที่ไม่เหลือมาดของผู้ชายจอมเนี๊ยบอยู่เลย

 

“มินจ๋า...มินของเพ่...” เสียงอ้อแอ้ของร่างสูงใหญ่ พร้อมๆ กับขาที่เดินเซจนแทบจะขวิดกันตรงมายังที่ผมนั่งอยู่ กลิ่นเหล้าราคาแพงเหม็นหึ่งจนผมแทบจะอ้วก ทำไมเขาถึงเมาขนาดนี้นะ

 

“มินนนน...เอิ้กกก...จายยยร้าย เพ่ร้ากมินน”  เขาพุ่งตรงมายังผมก่อนที่จะสะดุดขาตนเองล้มลงกับพื้น ปากก็พร่ำเพ้อไปเรื่อย ไม่รู้ว่าผมควรสงสารหรือว่าสมเพชดี ผมยังคงนั่งมองท่าทางของคนที่เมาจนแทบจะไม่รับรู้อะไร แล้วยังสามารถเข้ามาบ้านผมได้อีก

 

“.........”

 

“มินนนม่ายรักเพ่แล้ว....ร้ากกกกมันแล้วสินะ เอิ๊กกกก อ้ากก”

 

“จายร้ายย...จางเลยน้าคนดีของเพ่ ฮ่าๆๆ สมน้ามหน้า...เมิงแล้วอ้ายซองงง เอิ้ก   เมิงง...เลวเอง เจงหมาย...น้องมินนน ฮ่าๆ ฮึก...” ผมนั่งมองคนที่เพ้อไม่ได้สติอยู่อย่างนั้น จ้องมองเขาว่าเขาทำแบบนี้เพื่ออะไร พยายามหาคำตอบให้ตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถเข้าใจมันได้ เขานั่งพูดไปเรื่อย ถ้าผมมองไม่ผิด น้ำตาของเขากำลังไหล ต่างจากท่าทางของคนเมาที่ทำทีเหมือนหัวเราะเยาะเรื่องของตนเอง น้ำตาที่ไหลลงจากหางตาเรียวเป็นสายราวกับจะขาดใจ แต่เขายังคงหัวเราะมันอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงรู้สึกผิด ทั้งๆ ที่มันก็สมควรที่จะเป็นแบบนี้แล้วไม่ใช่เหรอ ควรจะสะใจที่เขาเป็นแบบนี้ ให้เขาเจ็บมากๆ เหมือนที่ผมเคยเจ็บ  แต่ความ รู้สึกของผมตอนนี้ทำไมมันถึงเจ็บมากกว่าทุกครั้ง

 

‘ยิ้มสิ หัวเราะสะใจที่ผู้ชายตรงหน้าแทบจะบ้าเพราะผมสิ’

 

“มินนจ๋า....ร้ากกเพ่ไหม๊....ม่ายช่ายยยยๆ เกลียดเพ่ เอิ้กกกก....มากไหม๊ ฮ่าๆๆ” เขาดื่มไปเยอะเท่าไหร่ทำไมถึงเมามากมายขนาดนี้ มาพูดบ้าแบบนี้ทำไม

 

“กลับบ้านคุณไปเถอะ” เป็นประโยคแรกที่ผมพูดกับเขา คนเมาหันมามองหน้าผม ยิ้มให้ผมทั้งน้ำตา

 

“มินนนเจงๆๆ...เหรอ เพ่ฝันนดี ฮ่าๆๆ”

 

“กลับไปได้แล้วครับ อย่าทำแบบนี้”  ผมพยายามเกลี้ยกล่อมคนเมาทั้งๆ ที่ก็รู้ว่ามันคงไม่ได้ผล คนเมาขนาดนี้จะรับรู้อะไร

 

“ขนาดในฝัน..ยางจายร้าย ฮ่าๆ ” มือหนายกขึ้นมาจับใบหน้าเล็กของผม เขามองผมจ้องอยู่อย่างนั้น ก่อนที่จะโน้มใบหน้าตัวเองเขาหาริมฝีปากบางของผม ผมขยับเพื่อไม่ให้เขาเอาริมฝีปากมาโดนปากของผม มือเล็กผลักอกแกร่งออกแรงๆ จนเขาฟุบลงกับพื้น

 

“แค่ในฝัน...ยางจูบบม่ายย...เอิ้ก..ด้ายเลย อึก”  เขาร้องให้อีกแล้ว มือก็ไขว่คว้าสะเปะสะปะ จนผมต้องพยุงเขาให้ขึ้นมานั่งดีๆ อยากให้เขาเมาแล้วหลับไปเลยยังจะดีซะกว่า แต่นี่เมาแล้วเพ้อไปหมดทุกอย่าง

“ขึ้นไปนอนบนที่นอนดีๆ ครับ” ผมคงไม่มีทางพาเขากลับบ้านได้หรอก แค่จะพยุงคนเมาให้นั่งตัวตรงๆ ยังไม่ได้เลย ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ให้เขานอนที่นี่แหละ ส่วนผมจะลงไปนอนห้องแม่ผมเอง ตัดสินใจได้ดังนั้นผมจึงลากคนเมาที่ตอนนี้ตัวอ่อนปกเปียกขึ้นมาบนเตียงนอน

 

“เพ่ร้ากกก...น้องมินน ฮ่าๆๆ”  กว่าที่ผมจะลากเขาขึ้นมาบนเตียงนอนได้เล่นเอาผมแทบหมดแรง

 

คำว่ารักที่หลุดออกมาจากปากคนเมาเป็นระยะ ไม่รู้ว่าที่พูดนี่พูดจริงหรือแค่หวังอะไร ถึงแม้มันจะมีผลกับใจของผม แต่ผมก็ไม่มีทางที่จะกลับไปเป็นแบบเดิมอีกแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะเจ็บก็ขอเจ็บแค่ตอนนี้ ไม่อยากให้มันเรื้อรังไปมากกว่านี้ แล้วไม่มีทางหายตลอดชีวิต

 

เขานอนแผ่หราที่เตียงนอนเล็กของผม ปากก็พูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อย ตัดพ้อผมบ้างในบางที แต่ก็ช่างเถอะ เราไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว ที่ยังช่วยเหลืออยู่ตอนนี้เพราะเห็นว่าเคยเป็นพี่เป็นน้องกันก็เท่านั้น ผมค่อยๆ ถอดรองเท้าและถุงเท้าให้คนเมาได้นอนหลับสบายๆ  ไม่รู้ว่าเพราะหมดแรงหรืออะไร เขาถึงเงียบไปแล้ว  แต่เขาไม่ได้หลับ ยังคงลืมตามองเพดานแต่ไม่เพ้อแล้ว

 

ผมลุกขึ้นไปหากะละมังและผ้าขนหนูเพื่อที่จะเช็ดตัวให้เขา ผ้าขนหนูผืนเล็กจุ่มลงไปในน้ำเปล่าก่อนที่จะบิดจนหมาด แล้วเริ่มซับตรงใบหน้าของคนที่นอนลืมตาอยู่บนเตียงนอน สายตาเขาเหลือบมองผมแทบจะตลอดเวลา ผมไม่รู้ว่าเขารู้สึกตัวหรือสร่างเมาแล้วรึเปล่า แต่เมื่อเขาไม่พูดผมก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ เช็ดทั้งหน้าแล้วก็ตัวให้กับเขา แต่ผมไม่ได้ถอดเสื้อเขาออกหรอก แค่เลิกมันขึ้นไว้ตรงหน้าอกแกร่งทั้น

 

“ฝันสินะ” ประโยคแรกที่เขาพูดหลังจากที่เงียบไปนาน จนผมต้องละมือจากการเช็ดตัวให้กับเขา แล้วเงยหน้ามองคนที่พูดเหมือนตัวเองอยู่คนเดียว

 

“ขอให้ฝันดีแบบนี้ไปนานๆ” เขาปิดเปลือกตาลงแล้ว ยังคงมีแต่ผมที่นั่งนิ่งกับคำพูดของคนเมา  ทั้งๆ ที่เขาพูดราวกับละเมอ แต่ผมกลับเก็บมันมาคิดใส่ใจราวกับว่ามันออกมาจากใจเขา ร่างสูงใหญ่คงหลับสนิทไปแล้ว เพราะเสียงกนที่ดังแผ่วออกมาสม่ำเสมอ  ผมนั่งมองเขาอยู่แทบจะตลอดเวลา จากที่คิดว่าถ้าเขาหลับแล้วผมจะออกไปนอนอีกห้องก็ไม่ได้ไป นั่งเฝ้าคนที่บางทีก็หลับสนิทราวกับว่าไม่มีเรื่องในใจ แต่บางครั้งเขากลับละเมอเพ้อตลอด แม้แต่น้ำตาของเขาก็ยังไหลจนผมไม่สามารถทิ้งเขาให้อยู่คนเดียวได้ด้วยความเป็นห่วง

 

“คืนนี้มินจะดูแลพี่เอง หลับให้สบายนะครับ” ผมพูดกับคนที่หลับสนิท มือบางของผมลูบไล้ใบหน้าคมคร้ามของคนที่ครั้งหนึ่งผมเคยรักเขามาก ตอนนี้ไม่ใช่ว่าไม่รักแต่ไม่อยากเจ็บ จำต้องห้ามหัวใจที่ไม่รักดีให้ไม่คิดเกินเลยไปกับคำพูดหวานๆ ของคนเมา

 

 

“ถ้าพี่รักมินทำไมต้องทำร้ายความรู้สึกของมิน ทำไมพี่ถึงทำเหมือนรังเกียจ ถ้าพี่ไม่ทำแบบนั้นทุกอย่างคงเลวร้ายแบบนี้หรอก”  ผมนั่งพูดกับคนหลับทั้งคืนเหมือนคนบ้า เผลอร้องให้ออกมาเพราะความอึดอัดก็หลายครั้ง จนเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ยังไม่รู้เลย

 


(ซอง)

ผมรู้สึกตัวขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัว จำแต่เพียงว่าเมื่อวานตัวเองไปดื่มที่ร้านคนเดียว ดื่มไปเยอะจนไม่รู้ว่าขับรถกลับมาบ้านได้ยังไง ผมนอนหลับตาเพื่อคลายความปวดหัวของตนเองให้ทุเลาลง สงสัยคงต้องไปหาอะไรดื่มแก้แฮงค์ซะแล้ว ดีหน่อยที่วันนี้เป็นวันอาทิตย์จะได้หลับพักผ่อนยาวๆ จำได้ว่าเมื่อคืนผมฝัน ถ้าจะบอกว่าเป็นฝันดีก็ไม่เชิง แต่ในควมฝันน้องไม่ได้มีท่าทีรังเกียจผมมากเหมือนความเป็นจริง อย่างน้อยน้องก็ยังดูแลผมถึงผม้ว่าจะไม่ได้เต็มใจ ผมหลับตานึกถึงฝันดีเมื่อคืนที่ผ่านมา ไม่อยากตื่นมารับรู้เลยว่าความจริงแล้วเราสองคนยังเป็นคนแปลกสำหรับกันและกันอยู่

 

ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก เพราะความปวดหัวที่แล่นจี๊ดเข้าไปในสมองพร้อมๆ ความปวดที่หน่วยตาของตนเอง รู้สึกเหมือว่าตาจะบวมๆ ด้วยซ้ำไป นี่ผมเมามากจนตาบวมเลยเหรอ ไม่เคยเป็นแบบี้เลย

 

ผมพยายามปรับสายตาให้เข้ากับแสง ก่อนที่จะสะดุดเข้ากับร่างเล็กของอีกคนที่นอนอยู่บนเตียงข้างๆ ผม น้องยังคงหลับสนิท ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมนอนที่ห้องมิน แต่ไม่รู้หรอกมาอยู่นี่ได้ยังไง  ขับรถกลับมาถึงบ้านตัวเองได้ยังไงยังไม่รู้เลย ถ้าอย่างนั้นเรื่องเมื่อคืนอาจจะไม่ใช่ความฝันสินะ

 

"มินพี่ขอโทษ" ผมพูดกับร่างเล็กที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง ไม่อยากใหเขาตื่นมาเลย กลัวว่าจะต้องทะเลาะกันใหญ่โตอีก หรืออาจจะมีแต่ผมที่บ้าอยู่คนเดียว

 

ร่างเล็กขยับตัวสองสามทีก่อนที่จะเปิดเปลือกตาที่ปิดสนิทก่อนหน้านี้ขึ้น เขาหันมามองผมด้วยสายตาที่ว่างเปล่าเฉยชา ไร้ความรู้สึกสิ้นดี

 

"ตื่นแล้วก็กลับบ้านคุณไปสิ มานั่งที่บ้านคนอื่นแบบนี้ทำไม" นี่คงเป็นคำทักทายแรกของวันใหม่สินะ  มันช่างเจ็บปวดดีเหลือเกิน

 

"ตื่นมาก็ไล่พี่เลยเหรอ"

 

"ผมไม่ได้ไล่แต่นี่มันบ้านผม ห้องนอนผม คุณเมาไม่รู้เรื่องแถมยังบุกเข้าบ้านคนอื่นยามวิกาลอีก ผมไม่แจ้งความข้อหาบุกรุกก็ดีเท่าไหร่แล้ว" คำพูดเรียบๆ ไม่แสดงความโมโหหรือโกรธนี่เจ็บปวดดีจริงๆ เลย  เพราะเขาทำเหมือนผมเป็นคนอื่น เขาเลยไม่แสดงความโกรธความเกลียดออกมาสินะ

 

"คุยกับพี่ก่อนไม่ได้เหรอมิน"

 

"ผมว่าเราไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกันนะครับ" น้องพูดก่อนกับลุกขึ้นยืน พร้อมที่จะก้าวเดินออกไปจากห้อง ไวกว่าความคิดมือหนาของผมยื่นไปจับแขนเล็กไว้ทันที แต่ไม่ได้กระชากหรือดึงเพราะกลัวว่าน้องจะเจ็บ

 

"ปล่อยครับ"

 

"คุยกับพี่ก่อนนะคนดี ขอร้อง จะให้พี่ทำยังไงก็ได้ ขอแค่มินให้โอกาสคนเลวๆ แบบพี่ได้ไหม"

 

"ผมไม่มีโอกาสที่จะให้คุณอีกแล้ว เรื่องของเรามันจบไปนานแล้ว พร้อมๆ กับความรู้สึกของผมที่เคยมีต่อคุณ"  ผมพยายามรั้งร่างเล็กเข้ามากอด แม้ว่าเขาจะดิ้นหนีก็ตาม

 

"ปล่อยผมครับ"

 

"พี่ขอโทษมิน พี่ขอโทษนะ" แม่งเอ้ยน้ำตาผมมันพาลจะไหลอีกแล้ว ตั้งแต่เกิดเรื่องนี่ผมร้องให้บ่อยเกินไปแล้ว ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเสียน้ำตาเพราะความรักเลยสักครั้ง  น้องรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีผลักผมออกจนสุดแรง จนร่างเล็กเซตามผมที่ล้มลงไปบนเตียงนอนอีกครั้ง ภายในห้องเล็กเงียบสงัด มีเพียงผมที่ยังจ้องมองคนที่ล้มทับตัวเองอยู่ ส่วนอีกคนกลับเบือนหน้าหนีผมอย่างรังเกียจ ผมจับใบหน้าเล็กให้หันมาเผชิญหน้ากับผม ก่อนที่จะค่อยๆ เลื่อนริมฝีปากของตนเองเข้าหา ผมกดหัวเขาไว้ให้นิ่งอยู่กับที่ น้องเบิกตาโพลงเมื่อริมฝีปากของเราสองคนสัมผัสกัน มินขัดขืนผมสุดกำลัง เขาไม่ยอมเปิดปากรับสัมผัสของผมที่มอบให้ แต่ผมไม่ละความพยายามพลิกตัวร่างเล็กให้กลับไปอยู่ใต้ร่างของผม ก่อนจะระดมจูบหนักหน่วงใส่คนที่หอบหายใจถี่อยู่ใต้ร่าง เมื่อความเลวบังตาอะไรก็คงห้ามไม่ได้ แม้ว่ามือเล็กจะทุบหลังผมรัวๆ แต่ผมกลับไม่สะทกสะท้าน บดขยี้ปากหนากับริมฝีปากเล็กจนได้เลือด  มินเผลอร้องออกมาเพราะความเจ็บ เป็นจังหวะให้ผมสามารถสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากเล็กได้ เสียงครางประท้วงดังออกมาเป็นระยะ

 

"อ่า...อึก"

ผมค่อยๆ จูบซับไปตามใบหน้าและลำคอก่อนที่จะมาหยุดอยู่ที่ติ่งหูเล็ก ไล้เลียลิ้นวนจนน้องครางออกมาเพราะความเสียวซ่าน

 

"ปละ..ปล่อย แฮกๆ" แม้ว่าร่างกายจะตอบสนอง แต่เขากลับส่งเสียงประท้วงราวกับจะขาดใจ

 

"ไม่ต้องการพี่เหรอคนดี" ผมยกมือลูบหัวทุยเพื่อปลอบประโลม

 

"ไม่...ไม่เอาแบบนี้"

 

"ทั้งๆ ที่มินก็ต้องการพี่อย่างนั้นเหรอ ดูสิของมินมันแข็งสู้มือพี่แล้ว" มือหนาไล้วนที่เป้ากางเกงนอนของร่างเล็ก มินหอบหายใจถี่จนผมย่ามใจ ล้วงมือเข้าไปสัมผัสมินนี่ตัวน้อยภายใต้กางเกงบ็อกเซอร์ตัวบาง

 

"อึก..ปล่อยผมเถอะได้โปรด"

 

"แต่มินกำลังทรมาน พี่ก็ทรมานเหมือนกัน" ผมจับมือเล็กให้สัมผัสเจ้ามังกรยักษ์ของผมที่ตอนนี้ผงาดขึ้นเต็มลำ มินขืนมือเอาไว้ไม่ยอมทำตาม ขณะที่อีกมือของผมก็ยังรูดความเป็นชายของน้องเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด

 

"ปละ...ปล่อย" ผมไม่อยากฟังเสียงปฏิเสธของร่างเล็ก  คล่อมตัวลงทับเขาไว้ก่อนที่จะประกบจูบร้อนแรงอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ร่างกายกำลังต้องการๆ ปลดปล่อยแล้วทำไม่ต้องต่อต้านผมด้วย

 

ผมไล้เลียลงมาที่อกเล็ก ตุ่มไตสีชมพูกำลังแข็งสู้มือ ก่อนที่ลิ้นร้อนจะกระหวัดดูดกลืนความหวานของเม็ดบัวสีชมพูสวย

 

"พะ..พอแล้ว ยะ..อย่าทำผมอีกเลย" มินดิ้นเร่าอยู่ใต้ร่างสูงเพราะความต้องการทางกามารมณ์

 

"พะ..พี่รักมินอย่าปฏิเสธพี่เลยนะคนดี" ผมเงยหน้าขึ้นจากอกเล็ก หันไปมองคนที่หลับตาดิ้นพล่าน

 

"ไม่เอา...ฮึกกก"  มินร้องให้เพราะผมอีกแล้ว  น้ำตาของน้องเรียกสติผมได้อีกครั้ง กี่ครั้งที่ผมทำให้น้องเป็นแบบนี้ ตัณหาราคะที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ยังไม่จางหาย แต่ผมต้องพยายามระงับ เพราะไม่อยากทำให้น้องเสียใจไปมากกว่านี้แล้ว

 

"พี่ขอโทษมิน พี่ขอโทษ" ผมดึงร่างเล็กที่น้ำตานองหน้า ขึ้นมากอดไว้ ก่อนที่จะขยับนั่งพิงพนักหัวเตียง  ลูบหลังปลอบร่างเล็กที่สะอื้นให้แทบจะขาดใจ มืออีกข้างก็ไล้หยดน้ำตาที่กำลังไหลให้เหือดแห้ง แต่ยิ่งเช็ดมันก็กลับไหลเพิ่มขึ้น

 

"พี่ทำพลาดอีกแล้ว ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งๆ ที่พี่บอกว่ารักมิน แต่พี่กลับทำร้ายมินมาตลอด ทั้งๆ ที่บอกว่าจะพยายาม แต่พี่ก็เลวเกินกว่าที่จะทำอะไรให้มันดีขึ้นมากว่านี้" ผมพร่ำด่าตัวเอง

 

"ฮึก...ฮือ"

 

"สมควรแล้วที่มินจะเกลียดพี่ สมน้ำหน้าตัวเองที่ทำให้คนที่รักหลุดมือ ตลกดีว่าไหม"

 

"อย่า..ฮึกทำแบบนี้กับผมอีก"

 

"พี่ไม่รับปากหรอกเพราะถ้าพี่ใกล้มินพี่ก็ยังระงับอารมณ์ตัวเองไม่ได้ แต่พี่จะพยายามออกห่างจากมินให้มากที่สุด แต่พี่อยากให้มินรู้ไว้ว่าพี่รักมินนะ  รักที่สุด ไอ้ทิมมันดีกับมินมากรึเปล่า ผู้ชายคนนั้นดูแลมินดีใช่ไหม หึๆ ไม่สิ มันต้องดูแลมินดีอยู่แล้ว ไม่เหมือนพี่ที่เอาแต่ทำให้มินเสียใจ มินมีความสุขดีใช่ไหมที่อยู่กับมัน"  ผมยิ้มให้น้องทั้งๆ ที่น้ำตาไหล ตลกตัวเองชะมัด เพิ่งรู้ว่าทำไมตัวเองอ่อนแอขนาดนี้

 

"ขอพี่กอดมินแบบนี้ซักพักได้ไหม" มินไม่ตอบแต่เขาก็ไม่พยายามดิ้นรนออกจากอ้อมกอดของผมเหมือนก่อนหน้านี้ เราต่างคนต่างเจ็บ ต่างคนต่างเสียน้ำตามามากเกินไป ไม่ใช่ว่าผมยอมแพ้ แต่เพราะผมรักน้องจึงไม่อยากให้เขาต้องมาเสียใจเพราะคนเลวๆ อย่างผมอีกแล้ว ตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมตามมินแทบจะทุกวัน ผมเห็นเขายิ้มมีความสุขเวลาที่อยู่กับไอ้หมอนั่น ต่างจากผมที่ทำให้น้องเจ็บและเสียน้ำตา ผมอยากให้คนที่ผมรักมีความสุข คงไม่ผิดใช่ไหมถ้าผมคิดจะปล่อยมือจากน้อง ทั้งๆที่เคยคิดว่าจะพยายามให้ถึงที่สุด แต่วันนี้มันทำให้ผมรู้ว่ามินมีคนที่ดีเหมาะสมอยู่เคียงข้าง ถ้าผมยังจะรั้งเขาให้อยู่กับผม ก็เหมือนพาน้องมาลงนรกของความเจ็บปวดไม่จบไม่สิ้น  เพราะใจน้องไม่ได้อยู่กับผมอีกต่อไป อย่างนี้สินะที่เขาเรียกว่ากว่าจะรู้ค่าก็สายเกินไป

 

"ต่อไปนี้มินจะไม่ต้องรำคาญพี่อีกแล้วนะ พี่ขอโทษที่ตามมินเหมือนโรคจิต ขอโทษที่ทำให้มินลำบากใจ" ผมยกมือลูบหัวเด็กน้อยที่ครั้งหนึ่งเขาเคยบอกรักผม  ครั้งหนึ่งเคยอยู่ใกล้ผม ต่อไปนี้จะไม่มีอีกแล้ว น้องจะต้องมีความสุขกับคนที่รักเสียที

 

"..ฮึก...." มินไม่ได้เอ่ยอะไรกับผม แต่เขายังคงสะอื้นให้กับอกแกร่งของผม

 

"ไม่ร้องนะคนดี มินของพี่จะมีความสุขจริงๆ สักทีนะ หึๆ"  เป็นอีกครั้งที่ผมฝืนยิ้มให้กับน้อง

 

"คุณ...จะไปไหน"

 

"ห่วงพี่เหรอครับ" ผมแกล้งทำสายตาล้อๆ ใส่น้องที่เงยหน้ามองผมอยู่

 

"ปละ..เปล่า แค่สงสัย"

 

"จริงสินะ มินจะมาห่วงพี่ทำไม พี่นี่ตลกจริงๆ เลย ฮ่าๆๆๆ" ผมหัวเราะออกมาเหมือนคนบ้า

 

"พี่ไม่ได้ไปไหนหรอก เพียงแต่ต่อไปพี่ก็จะอยู่ในที่ของพี่ ไม่มาทำให้มินวุ่นวายอีก ดีใช่ไหมครับ"

 

"อือ"

 

"เห็นไหมมินของพี่ยังเห็นด้วยเลย"  มันเป็นเรื่องตลกที่ขำไม่ออกจริงๆว่ะ เมื่อคนที่ใจตรงกันแต่ผิดที่ผิดเวลาก็ทำให้เสียใจได้แบบนี้

 

"ทำกับข้าวให้พี่ทานหน่อยได้ไหม พี่หิวจังสงสัยจะเป็นเพราะเมื่อวานไม่ได้ทานข้าวเย็น แหะๆ"  ผมเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากให้น้องร้องให้ไปมากกว่านี้แล้ว

 

"ที่บ้านไม่มีของสดเลย" น้องตอบผมเบาๆ แต่ยังคงก้มหน้างุดกับอกของผม

 

"ถ้าอย่างนั้นเราออกไปซื้อกันไหม"

 

"แล้วแต่คุณสิ"

 

"พี่ไปซื้อเองดีกว่า มินจะได้อาบน้ำ เดี๋ยวพี่กลับมานะ" ผมรีบลุกจากเตียงนอนหลังจากตกลงกันได้แล้วว่าตอนเช้าจะทานอะไร ถึงแม้ผมจะทำครัวไม่เป็นแต่ก็รู้ว่าอันนี้ผักอะไร เพราะตอนเด็กๆ ผมไปจ่ายตลาดกับคุณย่าเป็นประจำ

 

ผมจะเก็บความทรงจำที่ดีที่สุดของผมกับน้องในวันนี้ตลอดไป จะไม่คิดถึงเรื่องที่ทำให้ต้องทุกข์ใจอีกต่อไป แม้ว่ามันจะยังเจ็บและไม่รู้ว่าจะมีทางเยียวยารึเปล่า แต่อย่างน้อยเหตุการณ์ในวันนี้ก็คงทำให้ผมหายเจ็บลงได้บ้างเมื่อนึกถึงมัน

 

ผมหวังว่าไอ้ทิมจะรักมิน เหมือนที่มินรักมันมาก และมันจะไม่ทำให้น้องผิดหวัง ก่อนที่ผมจะไปดื่มเมื่อวาน ผมนัดเจอกับไอ้ทิมเพราะต้องการที่จะรู้ความรู้สึกของมัน ทุกคำที่มีนพูดกับผม ทำให้ผมมั่นใจว่ามันจะดูแลมินให้มีความสุขได้มากกว่าคนอย่างผม

 

"ผมรักมินมาก และพร้อมที่จะตายแทนได้ มินคือคนในครอบครัวผม" สายตาที่มันส่งมาบ่งบอกว่าไม่ได้โกหก ผมต้องปล่อยมือแล้วสินะ

 

"ฝากมินด้วยนะครับ"

 

"ทำไม? คุณไม่คิดจะเอามินกลับไปเป็นของคุณรึไง ที่คุณตามเราสองคนทุกวันเพื่ออะไร"

 

"ผมอยากจะแย่งน้องมาจากคุณ ถ้าเขายังรักผมอยู่บ้าง ผมจะทำทุกวิถีทางให้เขากลับมา แต่ผมแน่ใจแล้วว่ามินหมดรักผู้ชายเลวๆ อย่างผมแล้ว ระหว่างสุภาพบุรุษที่แสนดีอย่างคุณ กับผู้ชายธรรมดาที่แสนเลว

อย่างผม มินจะเลือกใครล่ะ ว่าไหมครับ"

 

"หมายความว่าคุณจะถอย"

 

"คงอย่างนั้น ผมอยากเห็นน้องยิ้มมีความสุขเหมือนเวลาที่เขาอยู่กับคุณ แต่ผมยังไม่ถอยตอนนี้หรอก ขอเข้าไปคุยกับน้องก่อน" หลังจากวันนั้นผมก็ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปหาน้องอีกเลย เพราะกลัวที่ต้องพูดมันออกมา ผมพยายามเลี่ยงทุกทาง ไปดื่มจนเมาหัวราน้ำ แล้วก็มาอยู่ในบ้านน้องโดยไม่รู้ตัว พระเจ้าคงอยากให้ผมเลิกยุ่งกับมินจริงๆ ท่านเลยจัดการส่งผมมาหาเขาเองเลย

 

อาหารต่างๆ ถูกจัดจนเต็มโต๊ะ มีทั้งของโปรดมินและของโปรดผม ทำเหมือนกับเราอยู่กันหลายคนอย่างนั้น

 

"น่าทานจัง" ผมส่งยิ้มให้มินที่คดข้าวใส่จานให้ผม

 

"......." น้องยิ้มตอบแต่ไม่ได้พูดอะไร

 

"ทานเยอะๆ นะ ตัวเล็กมากเลยรู้ไหม" ผมตักของชอบมินใส่จานให้เขา ก่อนที่น้องจะหันมาขอบคุณ แล้วตักของชอบผมใส่จานให้เหมือนกัน เราผลัดกันตักให้ไปมาจนผมอิ่มแปร้ น้องก็คงอิ่มไม่ต่างกัน ตลอดมื้ออาหารผมยิ้มให้น้องตลอด  รู้ว่าเขาอาจไม่เต็มใจที่จะทานกับผมแต่เพราะผมขอร้อง เขาเลยทำให้มื้อแรกและมือสุดท้ายของเราสมบูรณ์แบบที่สุด

 

"พี่ขอบคุณมินนะ ที่อุตส่าห์ทำอาหารอร่อยๆ ให้พี่ทาน"

 

"ไม่เป็นไรครับ"

 

"พี่คงต้องไปแล้วสินะ มินดูแลตัวเองดีๆ นะ ถ้ามีปัญหาอะไรก็มาหาพี่ได้ พี่ยินดีช่วยเสมอ"  ผมยิ้มให้น้องก่อนจะยกมือลูบหัวเขาเบาๆ สองสามที

 

"ดูแลตัวเองเหมือนกันนะครับ"

 

ขายาวๆ ของผมค่อยๆ ถอยทีละก้าวอย่างช้าๆ อยากจะรั้งเวลาให้ยาวนานกว่านี้ หรือไม่ก็อยากให้มีปาฏิหาริย์สักครั้ง อยากให้มินเรียกผมและรั้งผมให้อยู่กับเขา จนมาถึงหน้าประตูรั้วระหว่างบ้านสองหลัง ผมถึงรู้ว่าปาฏิหาริย์มันไม่มีจริงๆ น้ำตาลูกผู้ชายของผมไหลลงอาบแก้มอีกครั้ง ผมไม่พยายามกลั้นมันไว้อีกแล้วปล่อยให้มันไหลออกมาอยู่อย่างนั้น ดีที่ไม่มีใครอยู่ในบ้านผมจึงเดินเข้าห้องนอนไปอย่างไม่ลำบาก จบแล้วสินะความรักที่ผมเป็นคนทำลายมันลงด้วยตัวของผมเอง

**********

ตอนนี้ขอบอกว่าดราม่ามาเต็มๆ ทั้งๆ ที่รักแต่ก็ต้องยอมปล่อย เพราะไม่อยากเลวในสายตาของคนที่ตนเองรักไปมากกว่านี้ บางคนอาจจะคิดว่าทำๆไมเฮียซองยอมแพ้ง่ายๆ เฮียไม่ได้ยอมแพ้นะคะ แต่เมื่อเข้าใจแล้วว่ารักน้องมินมากจึงไม่อยากให้คนที่รักต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้ เพราะเฮียเข้าใจว่าน้องรักกับพี่ทิมจริงๆ และคนใจแข็งอย่างมินก็ยังไม่พูดจนนาทีสุดท้าย ถึงแม้ว่าจะยังรักเฮียอยู่ก็ตาม

 :o12: :o12:

กว่าจะแต่งจบตอนร้องให้สองรอบ ไม่รู้ว่าจะเป็นเหมือนคนเขียนรึเปล่า


                              TBC.
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน16 P.8(24/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 24-04-2016 18:46:46
 :o12:    สงสารน้องมินที่กำลังใจอ่อนอะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน16 P.8(24/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 24-04-2016 19:04:19
สงสารทั้งสองคนบอกเลย
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน16 P.8(24/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 24-04-2016 19:22:24
พี่ซองค์ก็มาทำความรู้จักกับน้องมินใหม่ซิ เริ่มต้นใหม่ทิ้งซองค์คนเก่าไป พรุ่งนี้เช้าตื่นมาทำความรู้จักน้องใหม่นะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน16 P.8(24/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 24-04-2016 19:48:11
อย่าลืมว่าคนที่ทรมานมันคือทั้งคู่นะน้องมิน แล้วการให้โอกาสมันก็คือให้กับทั้งตัวเราเองแล้วก็พี่เขา ปรับความเข้าใจ ให้เขาเข้าใกล้จะได้รู้ตัวเองว่ายังรักอยู่มั้ย ดีกว่าไม่มีโอกาสอีกแล้วนะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน16 P.8(24/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-04-2016 21:04:42
 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน16 P.8(24/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: มะลิลา ที่ 24-04-2016 21:16:59
เอางี้จริงเหรอซองมิน :serius2:
ตามนั้น
เอาใจช่วยทั้งคู่นะ :hao5:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน16 P.8(24/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 24-04-2016 21:40:40
สงสารซองเลยทั้งๆที่บอกเลยเกลียดมาตลอดแต่สงสาร
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน16 P.8(24/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: matame ที่ 24-04-2016 21:45:24
อ่านถึงตอนนีร้องไห้เลย ดีใจกะน้องที่ใม่ได้มองเข้าข้างเดียว :o12:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน16 P.8(24/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 24-04-2016 21:49:24
เศร้าแพร้บบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน16 P.8(24/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: minkey ที่ 24-04-2016 22:39:54
ฮืออออ
น้ำตาคลอเลยยยย
กลั้นไว้สุดๆ
 :mew6:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน16 P.8(24/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 24-04-2016 22:56:30
สมน้ำหน้า ไอ้บ้าซอง จบแบบไม่สมหวัง ก็ดีนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน16 P.8(24/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 24-04-2016 23:24:34
 :oo1:โอ้ย...ตาช้ำเลยอ่ะ อ่านวนสองรอบ

ไม่นะ. สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพพี่ซอง

อือออออ

 :sad4:  :o12:  :sad4:  :o12:   
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน16 P.8(24/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 25-04-2016 00:51:29
ลองให้โอกาสนะ มินยังไม่เคยให้โอกาสดูใจพี่เขาเลย
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน16 P.8(24/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-04-2016 07:26:49
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน16 P.8(24/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 25-04-2016 10:20:15
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน16 P.8(24/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-04-2016 10:21:53
ดราม่าหนักมาก!!
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน16 P.8(24/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 25-04-2016 11:31:25
ยอมปล่อย เพื่อให้ คนที่เรารัก มีความสุข (จิงๆ หรือ)
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน16 P.8(24/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 25-04-2016 12:47:18
 :mew1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน16 P.8(24/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 25-04-2016 14:05:53
อ่านตอนนี้แล้วสงสารซอง  แต่ตอนที่ซองพยายามปล้ำจูบมิน ก็นึกว่าเอาอีกแล้วกลับมาทำนิสัยแย่ๆ กับน้องอีกแล้ว  แต่มันไม่ใช่

ตอนนี้พี่ซองยอมถอยแล้ว  ว่าแต่มินจะยอมก้าวไปยื้อพี่ซองให้กลับมามีโอกาสอีกครั้งหรือเปล่า เพราะตอนนี้มินเองก็คงเจ็บ และอาจจะเจ็บหนักกว่าเดิม เมื่อพี่ซองยอมถอยโดยดี  จากกันทั้งที่ยังรัก เพียงแค่มินพูดมาคำเดียวว่าให้โอกาสพี่ซอง  ทั้งมินและพี่ซองก็จะมีแต่ความสุข
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน16 P.8(24/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: rena36704 ที่ 25-04-2016 15:19:25
 :hao5: :hao5:  ขอบคุณนะครับ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน17 P.8(28/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 28-04-2016 18:52:59
แอบรัก ตอน17

 


 

(มิน)

 

เขากลับไปแล้ว พี่ซองกลับไปแล้วสินะ เรื่องของเราสองคนจะจบแบบนี้จริงๆ ใช่ไหม ผมยืนมองตามแผ่นหลังของร่างแกร่งที่กำลังก้าวเดินจากผมไปทีละก้าวๆ ด้วยหัวใจที่เจ็บปวดราวกับจะแตกสลาย ผมอยากจะกล้าพอที่จะให้อภัยเขา อยากจะกล้าพอที่จะเริ่มต้นใหม่ แต่ผมกลับกลัวเกินกว่าจะยื่นมือไปคว้าอีกคนให้กลับคืนมา ร่างสูงเริ่มห่างออกไปทุกที แต่ผมยังคงทอดสายตามองตามคนที่เดินกลับไปแล้ว

 

ความเจ็บปวดที่เคยได้รับก่อนหน้านี้ดูจะเล็กน้อยไปเลย เมื่อเทียบกับวันนี้ที่ความสัมพันธ์ที่แสนยืดเยื้อของเราจบลงจริงๆ มันเจ็บจนไม่รู้ว่าตัวเองยังหายใจอยู่ได้ยังไง น้ำตาที่เคยไหลกลับไม่มีสักหยด หรือว่ามันเจ็บจนชินชาไปซะแล้ว

 

ผมเดินกลับเข้าบ้านด้วยความว่างเปล่า อยากจะพูดจะบอกกับใครสักคนเพื่อระบายความรู้สึกที่มันอัดอั้นอยู่ในใจให้คลายลงได้บ้าง เพราะถ้าผมยังอยู่แบบนี้อีกต่อไปผมอาจจะฟุ้งซ่านคิดทำอะไรบ้าบอโดยขาดการไตร่ตรองเลยก็ได้ ผมไม่ได้หมายความว่าจะทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตายอะไรทำนองนั้นหรอก เพราะผมยังรักตัวเองอยู่ แต่ไม่อยากจมจ่อมอยู่กับความเศร้าเพียงลำพัง

 

"ฮัลโหล...ว่าไงครับมิน" ผมตัดสินใจโทรหาพี่ทิมในทันที เพราะไม่รู้จะปรึกษาใครแล้ว

 

"พี่ทิม ฮึก...ฮือ” น้ำตาผมที่มันไม่มีทีท่าว่าจะไหลเลยก่อนหน้านี้ กลับเอ่อคลอเต็มสองหน่วยตา จนยากที่จะสะกดกลั้นเอาไว้ได้

 

"มินร้องให้ทำไมครับ" เสียงพี่ทิมที่ดูจะตกใจกับการร้องให้ฟูมฟายของผม

 

"เขาไปแล้ว พี่ซอง..ฮึก ..ทิ้งมินไปแล้ว"  ผมร้องให้อย่างไม่อายเพราะความรู้สึกมันอัดแน่นอยู่ในอก รู้ว่าตัวเองเห็นแก่ตัว เพราะเวลามีปัญหาที่ไรต้องให้พี่ทิมคอยช่วยเสมอ

 

“ไม่ต้องพูดแล้วนะ รอพี่ก่อน เดี๋ยวพี่จะเข้าไปหาเดี๋ยวนี้แล้วค่อยคุยกันอีกที”

 

“ครับ”

 

“เออ! ว่าแต่เราอยู่บ้านใช่ไหม”

 

“ครับพี่ทิม...ฮึก... รีบๆ มานะ” พี่ทิมวางสายไปแล้ว คงกำลังรีบเดินทางมาหาผมอยู่แน่เลย ผมไม่รู้จะปรึกษาใครแล้วจริงๆ เพราะคนที่รู้เรื่องผมกับพี่ซองก็มีเพียงพี่ทิมคนเดียว ส่วนคนอื่นๆ ผมไม่กล้าเล่าให้ใครฟังหรอก  มันน่าอายเกินไป เพราะผมแอบรักคนที่เป็นพี่ชายเพื่อนตัวเองตั้งแต่เด็ก แถมเขายังไม่รักตัวเองอีก

 

เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง เสียงออดหน้าบ้านจึงดังขึ้น เป็นสัญญาณให้รู้ว่าคนที่ผมรอมาถึงแล้ว ผมรีบเดินออกไปหาพี่ทิมทันที  แค่ผมเจอพี่ทิมเท่านั้นแหละน้ำตาที่พึ่งเหือดแห้งไปไม่นาน ก็กลับมาไหลราวกับเขื่อนแตก พี่ทิมรีบเข้ามากอดปลอบ ลูบหลังลูบหัวผมอยู่อย่างนั้น ยิ่งเขาแสดงความสงสาร ผมก็ยิ่งร้อง จนตอนนี้หายใจไม่ออกจนต้องอ้าปากเพื่อสูดลมเข้าไปให้เต็มปอด

 

“พอแล้วๆ ร้องให้อะไรนักหนา ตาบวมหมดแล้ว  รู้ไหมว่าตอนนี้มินหน้าตาตลกชะมัด” ผมรู้ว่าพี่ทิมไม่ได้ตั้งใจจะล้อผม ที่เขาพูดแบบนี้เพราะต้องการให้ผมคลายเครียดและรู้สึกดีขึ้น

 

“ใครจะน่ารัก...ฮึก...เหมือนน้องเก้าของพี่ทิมล่ะ..ฮือ..” ทั้งๆ ที่น้ำตาผมยังไหลอาบแก้ม แต่ก็ยังมิวายต่อปากต่อคำกับพี่ทิม ก็ใครใช้ให้มาว่าผมล่ะ

 

“โอเคๆ พี่ยอมแพ้ เข้าบ้านก่อนแล้วค่อยคุยกัน” ผมพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินนำพี่ทิมเข้าไปในห้องรับแขก

 

ผมเริ่มเล่าเหตุการณ์ที่พึ่งผ่านมาให้พี่ทิมฟังอย่างละเอียด เล่าไปก็ร้องให้ไปจนคุยแทบจะไม่รู้เรื่อง หยุดพักเป็นช่วงเพื่อไม่ให้ผมหายใจติดขัด เพราะตอนนี้ผมคัดจมูกมาก  ตาคงบวมปูดเท่าลูกมะนาว ส่วนจมูกคงจะแดงปลั่งเพราะเช็ดน้ำมูกที่ไหลตลอดเวลา หน้าตาคงดูไม่ได้ไปกว่าเดิมเป็นแน่ แค่คิดก็ไม่กล้าออกไปให้ใครเห็นหน้าแล้ว มีแต่พี่ทิมที่นั่งฟังผมเล่าไปด้วย แล้วยังมีหน้ามาล้อเรื่องความน่าเกลียดของผมอีก เป็นพี่ชายภาษาอะไรใจร้ายที่สุดเลย

 

แม้ว่าผมจะร้องให้เป็นเผาเต่า แต่กลับรู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อได้พูดกับพี่ทิม มันเหมือนช่วยให้อะไรๆ ที่หนักอึ้งอยู่ในใจได้เบาบางลง แม้ว่ามันจะไม่หายแต่ก็ดีกว่าเก็บไว้คนเดียว

 

“พี่ถามมินจริงๆ มินยังรักคุณซองอยู่ไหม” พี่ทิมกลับมาแสดงสีหน้าจริงจังอีกครั้ง

 

“ไม่รู้” ผมได้แต่ส่ายหน้าเพราะไม่รู้จริงๆ ว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกยังไง ที่ร้องให้เป็นบ้าเป็นหลังอยู่นี่มันคืออะไร อยากจะให้เรื่องราวของเรามันจบลงอย่างที่พูดจริงๆ รึเปล่า แล้วทำไมผมถึงไม่รู้สึกโล่งใจหรือสบายใจเลยล่ะในเมื่อพี่ซองเขาจะเลิกวุ่นวายกับผมจริงๆ แล้ว

 

“จะไม่รู้ได้ยังไง ตัวของตัวเองใจของตัวเองก็ต้องรู้ดียิ่งกว่าใคร เพียงแต่จะยอมรับความรู้สึกหรือไม่ก็เท่านั้น”

 

“มินกลัว...” ผมนั่งกำมือสองข้างแน่น ก่อนจะบีบเพื่อคลายความกังวลกับตัวเอง

 

“กลัวเรื่องอะไร บอกพี่สิ” พี่ทิมเดินมานั่งที่พนักโซฟาตัวที่ผมนั่งอยู่ ก่อนที่จะลูบหัวผมเบาๆ  ถ้าพี่ทิมเป็นพี่ชายผมจริงๆ ก็คงดี ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนคนในครอบครัวมันเกิดขึ้นกับผู้ชายคนนี้เสมอ พี่ทิมเป็นมากกว่าคนรู้จัก เป็นมากกว่าพี่ที่นับถือ แต่เขาคือคนในครอบครัวของผม

 

“กลัวว่าจะต้องเสียใจ” ผมตอบเสียงอ่อยๆ เพราะกลัวจะโดนพี่ทิมด่า ผมไม่ได้รองให้สะอึกสะอื้นแล้วเพราะความสบายใจที่ได้ระบายความทุกข์ออกมา บางทีก็กลัวพี่ทิมน้อยใจเพราะเวลามีปัญหาทีไรผมจะโทรหาพี่ทิมตลอด

 

“เด็กน้อยเอ้ย แล้วตอนนี้มินเสียใจไหม หรือว่ามีความสุขดีจนร้องให้แทบบ้าแบบนี้ มันจะดีกว่าไหมถ้ายอมให้โอกาสทั้งคุณซองแล้วก็ตัวมินเอง อย่างน้อยมินก็จะได้มีความสุขในปัจจุบัน อนาคตมันจะเกิดอะไรขึ้นก็เรื่องของอนาคตสิ ที่ผ่านมามินอาจจะเจ็บ เพราะคนที่มินรักเขาไม่ได้รู้สึกเหมือนกับมิน แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว"

 

"แล้วมินจะแน่ใจได้ยังไงว่าจะไม่เสียใจอีก" ผมรู้ว่ามันเป็นคำถามที่โง่สิ้นดี เพราะไม่มีใครที่สามารถล่วงรู้อนาคตที่จะเกิดขึ้นหรอก แต่ที่ถามเพราะอยากได้ความมั่นใจให้กับตัวเองก็เท่านั้น

 

"ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะต้องเสียใจอีกกี่ครั้ง แต่ก็ดีกว่าที่จะอยู่แบบนี้ไม่ใช่เหรอ ลองเสี่ยงดูสักครั้ง แล้วค่อยถอยก็ยังไม่สายหรอกนะ"

 

"แต่มิน..."

 

"เฮ้อ...ทำไมน้องพี่ขี้ขลาดแบบนี้เนี่ย ฮึ" มือใหญ่ๆ ยังคงลูบหัวผมอยู่ตลอดเวลา อย่างน้อยผมก็ไม่ได้คิดหรือตัดสินใจทำอะไรบ้าบอคนเดียว เพราะผมยังมพี่ทิมเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้กับผมเสมอมา

 

"พี่ทิม" น้ำเสียงอ่อยๆ เหมือนขาดความมั่นใจของผมจะทำให้พี่ทิมรำคาญรึเปล่าผมไม่รู้ แต่ผมไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด

 

"แล้วแต่เราเลย พี่ก็ได้แค่แนะนำ เพราะมันเป็นเรื่องของคนสองคนเข้าใจไหม แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพี่ก็ยังจะอยู่เคียงข้างน้องชายพี่เสมอ"

 

"เข้าใจ แต่มินก็อยากให้มีคนช่วยคิดนี่นา"

 

"ถ้าพี่บอกให้มินเดินหน้าจะทำตามไหม ถ้าเป็นพี่ๆ ว่ามันน่าเสี่ยงกว่าครั้งที่แล้วที่มินไปบอกรักคุณซองทั้งๆที่ไม่มีความหวังเลยสักนิด"

 

"แล้วมินจะเริ่มยังไงดี มินปฏิเสธพี่เขาไปแล้ว” เพราะผมเป็นคนตัดสัมพันธ์ครั้งนี้เองผมจึงไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงถึงจะดีที่สุดสำหรับเราทั้งสองคน

 

“เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ทำเหมือนยังไม่เคยรู้จักกัน แล้วค่อยๆทำความรู้จักกันไปเรื่อยๆ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับทั้งมินแล้วก็คุณซองเองนั่นแหละนะ เพราะยังไงพี่ก็แค่คนนอก”

 

“ขอบคุณครับพี่ทิม ขอบคุณสำหรับทุกๆ อย่างเลย” ผมยกมือไหว้ขอบคุณพี่ทิม ก่อนที่อีกคนจะยิ้มทะเล้นในแบบที่ชอบทำเป็นประจำส่งให้กับผม

 

“ยิ้มทำไมครับ มินเศร้าอยู่นะ”

 

“อีกหน่อยก็ไม่เศร้าแล้ว เตรียมตัวเตรียมใจไว้เถอะ” พี่ทิมพูดให้ผมงงอีกแล้ว

 

“หมายความว่ายังไง” ผมถามอย่างงงๆ กับคนที่ชอบคิดอะไรไปไกลเกินกว่าที่ผมคิดเสมอ ทำให้ผมไม่สามารถตามความคิดพี่ทิมทันเลยสักครั้ง

 

“ก็เตรียมฟิตร่างกาย รอถวายตัวให้กับคุณซองยังไงล่ะ”

 

“บ้ารึเปล่าเนี่ยพี่ทิม พูดอะไรก็ไม่รู้”

 

“อ้าว! หรือว่ามินจะกดคุณซอง มินทำได้เหรอ”

 

“พี่ทิม!” ผมร้องเรียกพี่ทิมเสียงดัง เพราะตกใจกับคำพูดของเขา ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยิ่งทำให้ผมกลัว ผมยังไม่เคยคิดไปถึงขั้นนั้นเลยสักครั้ง แม้ว่าเกือบจะโดนพี่ซองปล้ำถึงสองครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีอะไรมากไปกว่าการกอดจูบ แล้วถ้าถึงวันนั้นจริงๆ ผมจะทำยังไง จากที่ตอนแรกเครียดเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับพี่ซอง ตอนนี้ผมกลับต้องมาเครียดเรื่องนี้อีก จะเอายังไงดีล่ะทีนี้ ผมทำหน้ายุ่งหนักกว่าเดิม จนพี่ทิมหัวเราะก๊ากออกมาเสียงดัง

 

“มินนี่ตลกอ่ะ ดูทำหน้าเข้า”

 

“พี่ทิมไม่ต้องมาว่ามิน เพราะพี่ทิมก็ไม่ต่างจากมินหรอก”

 

“เรื่องอะไร”

 

“เรื่องที่จะโดนน้องเก้าจับทำเมียน่ะสิ”

 

 

“เฮ้ย! เด็กปากไม่ดี มาให้พี่จัดการซะดีๆ” หลังจากนั้นก็กลายเป็นสงครามย่อยๆระหว่างผมกับพี่ทิม พี่ทิมไม่ได้ทำร้ายร่างกายอะไรผมหรอก เขารู้ว่าผมเป็นคนบ้าจี้ จึงจัดการที่จุดอ่อนของผมจนตอนนี้หายใจแทบไม่ทัน พี่ทิมจึงยอมหยุด

 

 

ผมสบายใจขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย เหมือนยกภูเขาออกจากอก แม้จะยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง แต่ก็ดีกว่าที่จะปล่อยให้ชีวิตแต่ละวันผ่านไปพร้อมกับความเศร้า เพราะแค่นี้ผมก็ทุกข์ใจมานานเกินไปแล้ว ถ้าผมจะลองเสี่ยงกับรักครั้งนี้ดูสักครั้ง คงจะไม่ผิดใช่ไหม


*************



 (ครัวซองต์)

 

ช่วงนี้ชีวิตผมวนเวียนอยู่แค่ที่ทำงาน ร้านเหล้าแล้วก็บ้าน แต่กว่าจะกลับเข้าบ้านก็ตีสองตีสาม ทุกคนในบ้านหลับไปหมดแล้ว ออกจากบ้านไปทำงานก็เช้ากว่าทุกวัน ที่จริงไม่ได้ตื่นเช้าอะไรหรอก ผมแค่นอนไม่ค่อยหลับ ทั้งๆ ที่บางครั้งก็แสนจะง่วงแต่พอหลับตาลงทีไรภาพของมินก็มักจะโผล่มาให้ผมต้องสะดุ้งตื่นทุกที  ยิ่งผมเป็นคนยอมถอยเองผมก็ยิ่งเจ็บปวด ต้องยอมแพ้ทั้งๆ ที่พึ่งเข้าใจความรู้สึกตนเอง มันโคตรเจ็บจนบรรยายไม่ถูก แต่ก็สมควรแล้วที่ทุกอย่างจะจบลงแบบนี้ มันดีที่สุดสำหรับทุกคน โดยเฉพาะกับมิน จะให้ผมไปเรียกร้องให้เขากลับมาหาผมก็คงจะเห็นแก่ตัวเกินไป จะให้ทำเลวๆ เหมือนที่ผ่านมาก็ทำไม่ได้ เพราะกลัวน้องจะเกลียดผมไปมากกว่านี้

 

ผมยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกทีเดียวจนหมด ช่วงหลังๆ ผมมักจะมานั่งดื่มคนเดียวบ่อยๆ แม้มันจะไม่ได้ทำให้ผมลืมความเจ็บหรือลืมใครอีกคนลงไปได้แต่ก็ทำให้ผมคลายความเศร้าลงได้บ้าง

 

ความคิดผมวนเวียนกับเรื่องเดิมมาตลอดอาทิตย์ จำแต่คำพูดที่มินเคยว่าผม ถ้าผมยังเป็นอยู่อย่างนี้อีกหน่อยผมต้องบ้าแน่ๆ

 

"ไอ้ซองมึงจะดื่มอะไรนักหนาว่ะ" เสียงใครว่ะโคตรจะคุ้น ก่อนที่ผมจะหันไปทางต้นเสียงของไอ้คนมาใหม่

 

"มึงจะอะไรกับกูนักหนาไอ้คิณ" เป็นไอ้คิณจริงๆ เพราะมันเป็นเพียงคนเดียวที่รู้เรื่องของผม ส่วนบรรดาเพื่อนคนอื่นๆ ผมแทบจะไม่ได้เจอเลยช่วงหลังๆ ผมเบื่อที่ต้องคอยสวมหน้ากากเข้าหากัน ถ้าไม่มีธุระเรื่องงานจริงๆ ผมก็ไม่ติดต่อไปหาพวกนั้นหรอก

 

"อ้าวไอ้นี่คนเป็นห่วงยังจะมาว่าอีก ทำคุณบูชาโทษชัดๆ เลยกู" ดูคำพูดของมันสิ กวนประสาทผมชะมัดเลย

 

"ก็ไม่ได้อยากให้มึงมาห่วงกู"

 

"ถ้ากูไม่เห็นว่ามึงเป็นพี่ชายเมียกูไม่มีทางที่กูจะมาพูดบ้าบออยู่นี่หรอก"

 

"กูเคยบอกมึงรึไงว่าอยากให้มึงช่วย" ผมกวนประสาทมันกลับ คนยิ่งเมาๆ อยู่ อารมณ์ยิ่งขึ้นงายกว่าปกติ

 

"แล้วหมาตัวไหนโทรไปปรึกษาห่าเหวอะไรนั่นกับกู"

 

"ไอ้เชี่ยนิมึงอยากโดนใช่ไหม" ผมยกกำปั้นขึ้นใส่ไอ้คินแต่ไม่ได้ต่อยมันหรอก รู้หมดแหละว่ามันหวังดี แม้ว่าปากของมันจะชวบกวนอวัยวะเบื้องล่างผมตลอดก็ตาม

 

"เอาดิว่ะ อย่าดีแต่ปาก" มันยื่นหน้ามาใกล้ผม เป็นผมเองที่ต้องชักมือกลับ

 

"ถ้ากูไม่เห็นว่ามึงเป็นน้องเขยกู กูตั้นหน้ามึงไปแล้วไอ้เชี่ย" ผมวางมือลงแล้วเพราะไม่ได้จะต่อยไอ้คิณจริงๆ หรอก ที่จริงไม่ได้เกลียดอะไรมันนักหรอก ออกจะถูกชะตาด้วยซ้ำ แต่หมั่นใส้ที่มันมาแย่งความรักจากน้องผมไป แถมยังชอบโชว์หวานต่อหน้าผมอีก

 

"ที่แท้ก็ไม่กล้า ไอ้ป๊อดเอ้ย"

 

"อย่ามากวนส้นตี...กู"

 

"เออๆ กูเลิกยั่วโมโหมึงแล้ว ตกลงมึงเป็นอะไร ไม่ได้ทำตามที่กูบอกรึไง ถึงต้องมานั่งเป็นหมาหงอยอยู่อย่างนี้" ไอ้คิณมันหันมาถามผมด้วยสีหน้าจริงจัง

 

"ทำแล้วแต่เปล่าประโยชน์" ผมตอบเสียงเบาเพราะความเจ็บมันแล่นแปล๊บเข้ามาในใจทันที

 

"รู้ได้ยังไงว่าไม่ได้ผล"

 

"ก็มินเขามีคนรักแล้ว แถมมันยังเป็นผู้ชายที่โคตรแสนดี เพอร์เฟคอีกต่างหาก กูจะเอาอะไรไปสู้วะ" ไอ้ทิมมันดูเป็นคนดีจนน่าหมั่นใส้ ขนาดผมที่ไม่ชอบหน้ามันยังต้องยอมรับในความดีหลายๆอย่างของมันเลย

 

"ใคร.."

 

"ไอ้ทิม"

 

"ฮ่าๆ ไอ้ทิมน่ะนะ" ดูมันหัวเราะสิครับ ไอ้นี่มันกวนประสาทเป็นที่สุดแล้ว

 

"มึงหัวเราะทำเชี่ยไร ตลกนักรึไง"

 

"มึงมันโง่ไง ไอ้ทิมมันแกล้งมึงรึเปล่า มันกวนตีนจะตายไป มึงไม่รู้อะไรตอนกูจีบพายใหม่ๆ มันยังทำเหมือนจะจีบพายแข่งกับกู แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันแค่แกล้ง" ผมถึงกับตกใจเมื่อได้ยินมันพูดเรื่องนี้ แต่จะแน่ใจได้ยังไงว่ามันจะแกล้งเหมือนครั้งก่อน

 

"มันเคยจีบน้องกูจริงเหรอว่ะ"

 

"มันไม่ได้จีบแต่มันกวนประสาท"

 

"ยังไง"

 

"มึงนี่มันโง่จริงๆ เล่ยว่ะ สมควรแล้วที่จะโดนทั้งมินแล้วก็ไอ้ทิมหลอก"

 

"มึงเลิกด่ากูสักห้านี่ทีแล้วช่วยเล่าให้มันละเอียดกว่านี้ได้ไหมว่ะ" ผมชักจะหมดความอดทนกับไอ้คิณแล้วจริงๆ จะให้มันช่วนอะไรก็ต้องยอมฟังคำด่า คำถากถางของมันสารพัด

 

"ไอ้ทิมมันไม่เคยมีท่าทีจะจีบมินเหมือนกับที่มันทำกับพายเลยสักครั้ง แล้วมันจะไปเป็นแฟนกับมินตอนไหน"

 

"มึงหมายความว่าทั้งสองคนนั้นหลอกกูเหรอว่ะ"

 

"เออ...เลิกโง่ได้แล้วมึงน่ะ มึงลองคิดดูสิ ตั้งแต่มินบอกรักมึงวันนั้น แล้วอาทิตย์ต่อมินก็คบกับไอ้ทิม มันเอาเวลาไหนไปจีบมิน ทั้งๆ ที่มันแทบจะไม่ได้มาที่ร้านเลยด้วยซ้ำ"

 

"เขาอาจจะจีบกันโดยที่มึงไม่รู้ก็ได้"

 

"กูไปเฝ้าเมียกูตลอดทำไมจะไม่รู้ สายตาที่มันมองมินไม่เหมือนคนรักกันเลยสักนิด อย่างมากมันก็แค่เอ็นดูมิน" สิ่งที่ไอ้คิณพูดมันจะจริงเหรอ ผมยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ใจผมตอนนี้จริงๆ เชื่อไปแล้วร้อยเปอร์เซ็นเข้าข้างตัวเองไว้ก่อนงานนี้

 

"ถ้าอย่างนั้นกูก็พอมีหวังสิว่ะ"

 

"อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวมึงแล้ว ว่าจะทำมันพังอีกรึเปล่า"

 

ผมเริ่มจะเข้าใจทุกอย่างแล้วว่าที่น้องทำท่าทางเหมือนเป็นแฟนกับไอ้ทิมเพียงเพราะต้องการให้ผมออกห่างจากเขา น้องอาจจะยังรักผมอยู่บ้างก็ได้  ผมเริ่มรู้สึกเหมือนมีกำลังใจขึ้นมา

หัวใจที่ดูเหมือนจะเหี่ยวเฉาเหมือนกับลูกโป่งที่โดนสูบลงออก ตอนนี้มันกับพองฟูราวกับระเบิด ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาผมเหมือนคนกำลังจะตาย แต่ตอนนี้ผมฟื้นคืนชีพแล้วว่ะ

 

"ขอบใจมึงมากไอ้น้องเขย"

 

"เหอะ...เก็บคำขอบคุณของมึงไว้เถอะ กูแค่ไม่อยากให้เมียกูเสียใจที่พี่ชายของเขาทำตัวแบบนี้"

 

 

"จะเพราะอะไรก็ช่าง กูก็ยังจะขอบใจมึงอยู่ดี กูกลับล่ะ" ผมพูดแค่นั้นก็หยิบเงินขึ้นมาจ่ายโดยไม่รอเงินทอน ขอกลับไปบ้านนอนพักให้เต็มอิ่มดีกว่า แล้วจะกลับมาเริ่มทำอะไรดีๆ ให้ชีวิตตัวเอง

******************

 

เฮียซองมาแล้ว อ่านมุมน้องมินและมุมเฮียดูว่าจะแก้ปัญหายังไง คู่นี้ถ้าไม่มีตัวช่วยคงไม่สมหวังว่าไหมค่ะ

คู่ไม่ได้สวีทกันเลย  :z6:ใครที่รอ NC คู่นี้ก็รอต่อไป   Nc ไม่เยอะ

แล้วทั้งสองจะรักกันได้ยังไงติดตามตอนต่อไป(พูดเหมือนไตเติ้ลละครไทย)


                                TBC.
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน17 P.8(28/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-04-2016 19:28:24
ขอตอนที่น้องมินได้ทรมานพี่ซองค่ะ.
นอกระเบียงหรือบนเตียงก็ได้. ฮ่าๆๆๆ
คนอ่านซาดิสเนอะ.
ขอบคุณที่มาต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน17 P.8(28/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-04-2016 19:55:10
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน17 P.8(28/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 28-04-2016 20:13:17
กดก่อนค่อยคุยค่ะเฮีย น้องเขยเฮียกล่าวไว้
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน17 P.8(28/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 28-04-2016 20:28:32
รอตอนต่อไปนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน17 P.8(28/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 28-04-2016 20:34:15
รอหวาน  :katai5:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน17 P.8(28/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 28-04-2016 21:05:51
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน17 P.8(28/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 28-04-2016 22:27:07
 :oo1: :oo1: อยากอ่าน 5555
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน17 P.8(28/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-04-2016 22:40:58
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน17 P.8(28/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: bluerose ที่ 28-04-2016 22:42:41
เอาจริงๆ นะ ตอนนี้ลุ้นคู่พี่ทิม 555
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน17 P.8(28/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 28-04-2016 23:11:23
มินเก็บไปเสียใจเรื่องอื่นเถอะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน17 P.8(28/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 29-04-2016 00:37:17
ส่งเสริมกันดีจริงๆ พี่เขยน้องเขยเนี่ยยยยย
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน17 P.8(28/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 29-04-2016 15:35:27
รอกันต่อไป ..
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน17 P.8(28/04/59)
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 29-04-2016 16:28:36
มินเชื่อพี่ทิมเถอะแล้วจะดีเอง ให้โอกาสทั้งมินและพี่ซอง  ถ้าพี่ซองยังทำตัวแย่อีกก็ไม่ต้องไปสนใจอีกเลย อดีตก็ให้มันเป็นบทเรียน  ตอนนี้ถ้ามินให้โอกาสพี่ซอง ปัจจุบันและอนาคตที่จะมีความสุขรออยู่ข้างหน้า
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน18 P.9(03/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 03-05-2016 18:48:56
แอบรัก ตอน18


 

(มิน)

 

ผมแต่งตัวเตรียมความพร้อมจะไปร้านเหมือนทุกวัน แต่วันนี้มันกลับต่างออกไป เพราะความรู้สึกในใจของผมมันยังค้างคาอยู่กับเรื่องเดิมๆ ผู้ชายคนเดิมที่ไม่ว่าจะผ่านมาสักกี่ปีผมก็ยังยึดติดกับคนนี้ไม่เปลี่ยนแปลง ผมทานอาหารเช้าด้วยความเร่งรีบ เพราะกลัวว่าจะไม่ทัน แม้แต่ชามที่ผมใส่ข้าวต้ม ผมยังเอาไปวางไว้ในซิงค์อย่างไม่ใยดี ก่อนจะคว้ากระเป๋าเป้ใบโปรดสะพายไว้ข้างหลัง เดินตรงไปยังหน้าบ้านด้วยความมั่นคง ตลอดทางเดินใจของผมเต้นแรงจนแทบทะลุ เพราะการตัดสินใจที่จะทำแบบนี้มันเป็นเหมือนอนาคตของผมเลยก็ว่าได้ ต่อไปข้างหน้าผมจะมีความสุขหรือความทุกข์ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำในวันนี้และวันต่อๆ ไปของผม

 

ผมเปิดประตูออกมาหน้าบ้านก่อนจะล็อคเอาไว้อย่างดี  ขาเรียวเล็กก้าวเดินออกมายืนรอหน้าบ้านด้วยความหวังว่าจะเจอใครอีกคน พอได้ได้ยินเสียงรั้วของบ้านหลังใหญ่เปิดออก ผมหัวใจแทบวายเพราะความรู้สึกตื่นเต้นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รถสปร์ตอตคันคุ้นเคยขับผ่านหน้าผมไปเพียงเสี้ยววินาที ทั้งๆ ที่ผมยืนรออยู่แทบตาย แต่อีกคนกลับขับผ่านไปเฉยเลย ผมได้แต่สบถอย่างหัวเสียกับการกระทำของคนที่ไม่รับรู้ว่ามีใครรออยู่ ผมได้แต่มองตามหลังรถคนเดิมที่ไกลออกไปเรื่อยๆ พร้อมกับถอนหายใจออกมาดังๆ ก้มหน้าก้มตาเดินต่อไปที่หน้าปากซอยด้วยความหงุดหงิดเพื่อไปรอรถเมล์สายประจำ

 

"ไอ้พี่บ้าๆ รอตั้งนาน -_-! รู้อย่างนี้ไม่ยืนรอให้เสียเวลาหรอก ร้อนๆ ก็ร้อน ฮึ่ย" ผมเดินบ่นไปตามทางคนเดียว จนหลายๆ คนหันมามอง เขาคงคิดว่าผมบ้าแน่ๆ เลย ยิ่งเห็นคนมองแล้วกระซิบกระซาบกันก็ยิ่งหงุดหงิด

 

"เพราะพี่คนเดียวเลย ไอ้คนบ้าเฮงซวย-_-///"  ผมบ่นกระปอดกระแปดไปตลอดทาง แต่คนที่ถูกผมด่าคงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว กว่าที่ผมจะหายหงุดหงิดก็ผ่านไปครึ่งวัน  ก้มหน้าก้มตาทำงานให้ลืมๆ เรื่องเมื่อเช้าไปก็เท่านั้น

 

วันต่อมาผมยังใช้วิธีเดิมคือมาดักรออีกคนที่หน้าบ้าน แต่คราวนี้พอได้ยินเสียงประตูรั้วเปิดออก ผมจึงรีบเดินจ้ำอ้าวเพื่อเจ้าของให้รถที่กำลังแล่นตามหลังมาได้เห็น  ผมค่อยเดินไปเรื่อยๆ รถสปอร์ตคันหรูก็ยังไม่มีท่าทีจะขับตามมาหรือแซงผ่านไปเหมือนอย่างที่ใจคิด  อยากจะหันไปดูเหลือเกินว่าอีกคนมัวทำอะไรอยู่ถึงไม่ตามมาสักที รถอะไรจะช้ากว่าคนเดินอีก

 

"ทำอะไรของเขาอยู่นะ" ผมแสร้งทำของหล่น ก่อนที่จะค่อยๆ ก้มลงเก็บ ตาตี่ๆ ของผมพยายามเพ่งมองไปข้างหลังว่ามีรถของเขารึเปล่า รถคันหรูยังคงจอดสนิทอยู่ด้านหลังของผมเพียงไม่กี่เมตร ผมได้แต่เก็บความสงสัยไว้คนเดียว ก่อนจะเดินต่อไปเรื่อยๆ จนเกือบถึงหน้าปากซอยเขาจึงขับรถแซงไปอย่างช้าๆ

 

เขากำลังทำอะไรของเขาอยู่ ทำไมทำเหมือนขับรถตามผม ทั้งๆ ที่บอกว่าจะเลิกตอแย แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือจากนั้น นี่จะเอายังไงกันแน่มันค้างคารู้รึเปล่า จะง้อหรืออะไรก็เข้ามาหาสิไม่ใช่ทำเหมือนไม่มีตัวตน คอยแอบตามอยู่แบบนี้  ผมโมโหมากขึ้นเป็นเท่าตัว วันที่สองแล้วนะสิ่งที่ผมทำยังไร้ประโยชน์ หรือว่าผมจะหาวิธีใหม่ ถ้าจะปรึกษาพี่ทิมอีกก็ดูจะรบกวนเกินไป ลองพยายามอีกสักสองสามวันก็แล้วกัน

 

จากที่ผมคิดว่าจะพยายามอีกสองสามวันก้กลับกลายมาเป็นสัปดาห์ ตลอดอาทิตย์ชีวิตของคนสองคนยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องเดิมๆ ผมออกมารอพี่ซองที่หน้าบ้าน ส่วนอีกคนก็ได้แต่ขับรถตามไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีความคืบหน้าอะไรเกิดขึ้น จนกลายเป็นผมซะเองที่เริ่มจะทนไม่ไหวกับพฤติกรรมบ้าๆ ของอีกคน ยังไงวันนี้ก็ต้องเข้าไปคุยให้รู้เรื่อง  ผมพยายามรวบรวมความกล้าอยู่นาน

 

ก่อนที่จะตัดสินใจทำแบบนี้ นอนคิดมาทั้งคืน ทบทวนคำพูดของพี่ทิมที่บอกที่สอนผมหลายๆ อย่าง ถ้าผมไม่สู้เพื่อความรู้สึกของตนเองมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา รังแต่จะทำให้ผมเป็นทุกข์ก็เท่านั้น ผมจะลองสู้สักตั้งถ้าไม่ดีก็ค่อนถอย ถึงเวลานั้นก็คงแค่เสียใจซึ่งมันคงไม่เจ็บไปกว่าที่ผ่านมาหรอก

 

ผมยังทำทุกอย่างให้เป็นเหมือนปกติ ออกมารออีกคนที่หน้าบ้าน พอประตูรั้วหลังใหญ่เปิดออก และรถที่แล่นออกมาเป็นของคนที่ผมรอคอย จึงเริ่มเดินไปข้างหน้าเหมือนไม่รับรู้ว่ามีคนตาม ผมลองเดินเร็วๆ เขาก็ขับเร็วขึ้น แต่เมื่อผมเดินช้าเขาก็ขับช้าลง หายใจเข้าลึกๆ จนเต็มปอด

 

 

คนในรถรีบแตะเบรกแทบจะทันที รถสปอร์ตคันหรูนิ่งสนิท ก่อนที่ผมจะค่อยๆ เดินกลับไปหาคนที่อยู่ในนั้นอย่างช้าๆ  ผมตัดสินใจเคาะกระจกรถฝั่งคนขับเบาๆ สองสามที  ก่อนที่กระจกรถจะค่อยๆ เลื่อนลงมาทำให้ผมเห็นหน้าเขาได้อย่างชัดเจน พี่ซองดูเหมือนจะซูบลงนิดหน่อย ขอบตาคล้ำราวกับคนไม่ได้นอน สีหน้าเขาตอนนี้บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าตกใจยิ่งนัก

 

"ขับตามผมทำไมทุกวัน ไหนบอกว่าจะเลิกยุ่งไง" ผมแสร้งตีหน้ายักษ์โมโหกับการกระทำของอีกคน จนพี่ซองหน้าเสียมากขึ้กว่าเดิม

 

"พี่ขอโทษที่สิ่งที่พี่ทำมันรบกวนมิน" น้ำเสียงอ่อยๆ เหมือนไม่ใช่พี่ซองคนเดิมทำให้ผมถึงกับใจหายวูบไปชั่วขณะ พี่ซองคนเดิมหายไปไหนแล้ว ทำไมเหลือแต่คนขี้ขลาดไม่กล้าแม้แต่จะเผชิญหน้ากับผมด้วยซ้ำ

 

"ใช่มันรบกวนผม แล้วก็ทำให้ผมหงิดหงิดเป็นบ้า ที่ตลอดสัปดาห์คุณเอาแต่ตามผมแบบนี้"

 

"พี่แค่เป็นห่วงมิน แต่ถ้ามินรำคาญพี่ขอโทษ ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว" สายตาแบบนี้มันคืออะไร ทำไมต้องทำท่าทางราวกับว่ารู้สึกผิดมากมายแบบนี้

 

"ใช่ครับรำคาญมาก ต่อไปห้ามทำแบบนี้อีก" ผมพยายามเก็บควาสงสารที่เกิดขึ้นในใจ เพราะไม่อยากจะกลับไปที่จุดเดิมอีกแล้ว ต่อไปนี้ผมจะเป็นผู้นำ พี่ซองมีหน้าที่เป็นผู้ตามเท่านั้น พี่จะได้รู้ว่ามินคนใหม่เป็นยังไง เตรียมรับมือให้ดีนะครับสุดที่รักของมิน

 

"พี่เข้าใจแล้ว ขอโทษอีกทีนะ" พี่ซองกำลังเลื่อนกระจกรถขึ้น ก่อนที่จะไม่ทันผมจึงรีบร้องเรียกในทันที

 

"ผมจะไปด้วย ไปส่งที่ร้านเดี๋ยวนี้" สมองอีกคนดูจะช้าไปร้อยล้านปีแสง  นั่งนิ่งมองผมตาปริบๆ เหมือนต้องการคำตอบที่มันชัดเจนกว่านี้

 

"ไปส่งผมที่ร้านหน่อย หรือว่าคุณจะไม่ไปก็ไม่เป็นไร" ผมตั้งท่าจะเดินไป แต่อีกคนรีบเรียกไว้ก่อน

 

"พี่ไปส่งเองครับ มินขึ้นรถมาเลย" น้ำเสียงที่ดูกระตือรือร้นของพี่ซองทำให้ผมอดหมั่นใส้ไม่ได้ แต่ก็ยอมขึ้นไปนั่งข้างคนขับแต่โดยดี

 

"รู้ไหมว่ามินโกรธ" ผมยังคงโชว์เหนือ เพราะยิ่งเห็นท่าทางเป็นหมาหงอยแบบนี้ผมก็ยิ่งอยากแกล้ง  ถ้าวันหนึ่งเราสองคนมีโอกาสคบกันจริงๆ ผมจะไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างเด็ดขาด

 

"มินโกรธพี่เรื่องอะไรเหรอ ถ้าเรื่องที่พี่แอบตามมิน ต่อไปพี่จะไม่ทำอีกแล้ว"

 

"นั่นมันก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่มินโกรธพี่ซองมากเพราะพี่ขี้ขลาด"

 

"พี่งงไปหมดแล้ว มินช่วยพูดให้คนอย่างพี่เข้าใจทีเถอะ" พี่ซองที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาขับรถ หันมาพูดกับผมด้วยสีหน้าที่ดูจะเก็บอาการไม่อยู่

 

"พี่มันซื่อบื้อ ทั้งๆ ที่มินมารอหน้าบ้านทุกวัน ทำไมไม่คิดจะชวนไปด้วยเลยสักครั้ง ไหนบอกว่ารักนักรักหนาทำไมใจดำแบบนี้" ผมโวยวายใส่สารถีรถหน้าโง่ที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาขับรถ แต่ก็พยายามหันมามองผมบ้างในบางครั้ง

 

"มินๆ หมายความว่ามินรอไปทำงานพร้อมพี่เหรอ"

 

"ก็เออนะสิไอ้พี่บ้า ทำไมโง่แบบนี้ แล้วต้องให้มินมานั่งอธิบายอะไรน่าอายแบบนี้ด้วยห๊ะ" ทั้งๆ ที่ผมอายแทบบ้า แต่ก็ต้องพูดเพราะอีกคนดูจะไม่เข้าใจเอาเสียเลย เหมือนต่อมความฉลาดที่เคยมีในตัวหยุดทำงานกระทันหัน มันคงตายไปพร้อมกับพี่ซองคนเดิม เหลือเพียงพี่ซองคนโง่สมองไม่ทำงาน

 

"พี่ขอโทษ พี่ไม่รู้" ผมเริ่มที่จะหงุดหงิดกับท่าทางหงอยๆ ของพี่ซองแล้ว จะพูดจะทำอะไรก็เอาแต่ขอโทษอยู่นั่นแหละ

 

"เมื่อไหร่จะเลิกขอโทษซะที มินโมโหแล้วนะ"

 

"พี่..ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงแล้ว" เออให้มันได้อย่างนี้สิไม่รู้ว่าจะทำอะไรแล้วงั้นเหรอ แล้วที่ผ่านๆ มาที่ทำเสียเยอะแยะน่ะคืออะไร พอคนจะให้โอกาสกลับทำหน้ามึนใส่ตลอดเวลา ตกลงจะให้ผมจัดการทุกอย่างเองเลยใช่ไหม เดี๋ยวผมก็จับปล้ำซะหรอก

 

"ต่อไปนี้พี่ต้องทำตามคำสั่งมิน ห้ามเถียง หน้าที่มีอย่างเดียวคือคอยทำตามเข้าใจไหมครับ"

 

"พี่ไม่เข้าใจ มินหมายความว่ายังไง" พี่ซองหันมาถามก่อนจะทำหน้างงหนักกว่าเดิม

 

"โอ้ย! พี่บ้า ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องเข้าใจ ทำตามที่มินบอกก็พอ" ผมไม่อธิบายอะไรอีกต่อไปแล้ว แค่นี้ผมก็ดูหน้าด้านเกินจะทน ไม่รู้วว่าวันนี้ผมเอาปูนยี่ห้ออะไรมาฉาบหน้าไว้จึงหน้าด้าหน้าทนขนาดนี้ อายตัวเองจริงๆ เลยครับงานนี้



“พี่ห้ามพูด ขับรถไปเลย มินโมโหอยู่” ผมเอ่ยตัดบทคนที่กำลังอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง ก่อนที่เขาจะหันไปขับรถด้วยท่าทางผ่อนคลายอารมณ์ลงมาบ้าง

 
 ภายในรถเหลือเพียงความเงียบของทั้งผมแล้วก็พี่ซองไม่ได้พูดอะไรกันอีก ผมลอบมองเสี้ยวหน้าของอีกคนที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาขับรถไปอย่างใจเย็น

 

“ตอนเย็นอย่าลืมมารับมินนะครับ” หลังจากที่รถคันหรูจอดสนิทที่หน้าร้านผมจึงหันไปบอกสารถีรถหน้านิ่งทันที

 

“แล้วมินจะให้พี่รอที่ไหน”

 

“ถ้ามาเร็วก็ไปรอในร้านสิ ว่าแต่พี่มีธุระอะไรรึเปล่า” ผมลืมไปเลยว่าพี่ซองต้องไปทำงาน เป็นถึงระดับผู้บริหารอาจจะมีธุระ ไม่ว่างที่จะมารับผมก็ได้

 

“ไม่มีครับ แล้วจะให้บอกคนอื่นว่ายังไงถ้ามีคนถาม”

 

“แล้วแต่พี่สิ จะบอกว่าอะไรก็แล้วแต่” ผมอยากจะตะโกนดังๆ ใส่หูคนข้างๆ จริงเลยว่าทำไมโง่ขนาดนี้ ผมทำขนาดนี้แล้วยังจะถามอะไรมากมาย ที่มายืนอ่อยอยู่หน้าบ้านทุกวันนี่คืออะไร ยังไม่รู้หรือไงว่าผมคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

 

“บอกว่าเป็นแฟนได้ไหม”

 

“ไม่อายคนอื่นรึไงที่จะมาเป็นแฟนคนอย่างมิน” ผมลองใจพี่ซองอีกครั้ง รู้ว่าตอนความรู้สึกเดิมๆ ที่เขาเคยว่าผมก่อนหน้านี้มันคงไม่มีแล้ว เพราะหลังจากวันนั้น เขาก็เปลี่ยนไปราวกับคนละคน ดูเหมือนกับว่าจะเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจคนอื่นมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ

 

“ไม่ๆ ไม่อายหรอก แค่มินยอมก็เท่านั้น” น้ำเสียงดูมีความหวังมากขึ้น ทำให้ผมแบจะใจอ่อนยอมยกโทษให้เขาหมดทุกอย่าง แต่ไม่ใช่ตอนนี้หรอก พี่ต้องได้บทเรียนจากผมก่อน แม้ว่าผมจะยอมให้เรียกแฟน แต่ก็แค่ในนามเท่านั้นแหละ

 

“แล้วแต่สิ” ผมพูดเหมือนมันเป็นเรื่องลมฟ้าอากาสแต่ในใจกลับเต้นโครมครามเพราะคำว่าแฟน ที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้รับมันจากผู้ชายตรงหน้า

 

“มินพูดจริงๆ ใช่ไหม”

 

“หน้าตามินเหมือคนพูดเล่นหรือไงครับ”

 

“พี่เป็นแฟนกับมินแล้วจริงๆ เหรอ”

 

“อย่าพึ่งดีใจไป มินแค่ให้โอกาสพี่ได้ทำหน้าที่แฟนดู แต่ถ้าไม่มีอะไรดีขึ้น มินก็จะถอยกลับไปอยู่ที่จุดเดิม”

 

“ได้ครับ แค่นี้ก็ดีที่สุดแล้ว” ท่าทางดีใจเหมือนกับเด็กได้ของเล่นที่ถูกใจ ทำให้ผมแทบจะกลั้นขำไม่อยู่ ทำไมตอนนี้พี่ซองถึงน่ารักขนาดนี้นะ

 

(ซอง)

สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมตอนนี้เหมือนฝันเลยครับ ผมกับมินเราเป็นแฟนกัน แต่ผมยังต้องพิสูจน์หลายๆ อย่างให้น้องเชื่อใจ ที่ผมยอมน้องไม่ใช่ว่าอยู่ๆ ผมก็บื้อขึ้นมาแบบที่นักอ่านหลายๆ คนกล่าวหาหรอกนะครับ ที่ผมยอมอ่อนให้มินเพราะผมรักน้อง ไม่ว่าน้องจะพูดจะทำอะไรผมยอมหมดเพื่อชดเชยสิ่งที่ผมเคยทำไม่ดีในอดีตที่ผ่านมา และผมก็อยากทำทุกอย่างให้มันดีขึ้น ที่น้องมายืนรอผมตลอดหลายๆ วันที่ผ่านมาใช่ว่าผมจะไม่รู้ เพราะผมก็รอที่จะออกจากบ้านพร้อมน้องเหมือนกัน แรกๆ ก็ไม่รู้หรอกว่าเขาตั้งใจที่จะรอผมอยู่หน้าบ้าน แต่พอสังเกตุหลายๆ วันเข้าพอได้ยินเสียงรถผมทีไรเขาก็มักจะเดินออกมาทุกที มันจึงทำให้ผมพอที่จะเข้าใจทั้งหมด ผมไม่กล้าที่จะเป็นฝ่ายเริ่มจึงได้แค่คอยตามน้องทุกวัน เพราะครั้งก่อนน้องปฏิเสธผมๆ จึงอยากให้น้องเริ่มต้น หลังจากนั้นเราจะได้สานสัมพันธ์กันใหม่อีกครั้ง

 

ในที่สุดความอดทนของผมตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ได้ผล เพราะน้องเป็นฝ่ายทนไม่ไหวแล้วเข้ามาหาผมซะเอง ผมได้แต่นั่งยิ้มกริ่มอยู่ในรถ ก่อนที่จะตีหน้าเศร้าเมื่อน้องเดินเข้ามาหา ผมไม่ได้เจ้าเล่ห์หรอกนะ แต่ผมแค่ต้องการพิสูจน์ว่าน้องยังรู้สึกเหมือนผมอยู่รึเปล่า แต่ทุกอย่างมันเร็วเกินกว่าที่ผมคิดไว้จริงๆ เลย

 

วันนี้ต้องเป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุดหลังจากที่ผมกลับมาอยู่เมืองไทย ผมกลับไปทำงานด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยม มันมีความสุขมากจนกลัวว่ามันจะอยู่กับผมได้ไม่นาน แต่ต่อไปนี้ผมจะไม่มีวันปล่อยน้องไปจากผมเด็ดขาด

 

ผมทำงานไม่รู้เรื่องเลย เอกสารที่รอเซนต์อนุมัติอยู่ตรงหน้าเป็นตั้ง แต่ผมยังไม่ได้จับมาดูเลยเลยสักนิด  เพราะมัวแต่นั่งคิดถึงใครอีกคนที่ทำให้หัวใจผมเต้นแทบจะระเบิด ผมอยากจะโดดงานไปหาน้องจริงๆ แต่ก็กลัวเขาจะโกรธที่ผมไม่มีความรับผิดชอบ

 

“ตั้งใจทำงานๆ จะได้รีบไปหามิน” ผมเตือนตัวเองรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ แต่พอเอางานมาวางตรงหน้ากับอ่านมันไม่รู้เรื่อง ถ้าเป็นอยู่อย่างนี้งานผมต้องไม่เสร็จแน่เลย อยากจะเห็น้องหน้าใจจะขาด ผมตัดสินใจโทรศัพท์หาอีกคนไม่รู้ว่าเขาจะโกรธหรือเปล่าแต่ก็ต้องลองเสี่ยง ดีกว่าผมจะมานั่งอยู่ห้องทำงานทั้งวันแล้วไม่ได้อะไรเลย

 

“สวัสดีครับ” เสียงใสๆ รับโทรศัพท์ทันทีหลังจากที่เสียงรอสายดังอยู่สองสามครั้ง

 

“มิน.....” ผมไม่รู้จะพูดอะไร พอได้ยินเสียงน้องแล้วมันพูดไม่ออก

 

“ใครครับ...ถ้าไม่พูดจะวางแล้วนะครับ” เสียงมินเริ่มจะแข็งขึ้นมานิดหนึ่งคงเพราะผมเรียกเขาแล้วแต่ไม่พูด

“พี่เองครับมิน”

 

“พี่ไหนผมไม่รู้จัก” ผมมั่นใจว่าน้องจำผมได้ ถึงแม้ว่าเขาอาจจะไม่ได้เมมเบอร์ผมไว้ก็ตาม

 

“พี่ซอง...”

 

“โทรมาทำไมครับ”

 

“พี่...คิดถึงมิน อยากได้ยินเสียง”

 

“บ้ารึเปล่าครับ พึ่งเจอกันมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี่เอง”

 

“รู้ครับ”

 

“ได้ยินเสียงแล้วก็วางได้แล้วครับ มินจะทำงาน”

 

“เจอกันตอนเย็นนะครับ” ผมไม่รู้จะพูดกบน้องยังไงจริงๆ เพราะคนที่ไม่เคยพูดดีๆ กันเลยสักครั้ง พอทุกอย่างเปลี่ยนไปผมกับทำตัวไม่ถูก อยากจะพูดเพราะๆ แต่ปากมันก็ไม่ขยับ

 

ผมก้มหน้าก้มตาทำงานอีกครั้งรอเวลาที่จะได้ไปหาน้อง รู้สึกคิดถึงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จะทำอะไรก็นึกถึงแต่อีกคน ในที่สุดผมก็เคลียร์งานเสร็จสักที ผมเดินออกไปสั่งงานเลขาอีกนิดหน่อยก่อนที่จะตรงไปที่ลานจอดรถ มุ่งหน้าไปหาอีกคนทันที

 

“พี่ซองมาทำไมอ่ะ” น้องชายคนเล็กของผมถามขึ้นทันทีที่เห็นผมเปิดประตูเข้าไปในร้าน

 

“พี่มาหามิน” ผมตอบน้องออกไปทันที ทำเอาน้องบราวอ้าปากค้างไปไม่เป็นส่วนน้องคนรองอย่างพายที่นั่งทำบัญชีอยู่รีบเดินมาหาผมทันที

 

“มาหามินทำไมฮะ พี่มีธุระอะไรกับมินรึเปล่า” คนที่ดูจะตั้งสติได้เร็วที่สุดก็คงจะเป็นน้องพาย ส่วนน้องบราวนี่แมลงวันบินเข้าปากไปหลายตัวแล้วมั้ง

 

“พี่นัดกับมินไว้”

 

“ห๊ะ..นัดกับหมูน้อยเหรอ”  พอเริ่มตั้งสติได้คราวนี้ตะโกนเสียงดังทันที ไม่เคยคิดจะอายใครเลยน้องชายผม

 

“ใช่ครับงงอะไร”

 

“พี่ซองบอกน้องบราวมาเดี๋ยวนี้นะมีอะไรปิดบังอยู่ใช่ไหม” น้องบราวคะยั้นคะยอให้ผมตอบเขาให้ได้ ไม่ต้องบังคับขนาดนั้นผมก็ตอบอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบังแล้วนี่นา

 

“พี่กับมินเป็นแฟนกัน”

 

“ห๊ะ/ห๊ะ” น้องชายทั้งสองของมประสานเสียงกันดีเหลือเกิน มองผมอย่างอึ้งๆ ใครจะไปเชื่อใช่ไหมล่ะครับ คนที่ทะเลาะกันมาตลอดตั้งแต่เด็กจนโตจะมาคบกันได้

 

“ตกใจอะไรนักหนาทั้งสองคน”

 

“พี่เล่ามาให้หมดเลยนะ ไม่อย่างนั้นน้องบราวไม่ยกหมูน้อยให้หรอก” ผมตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้น้องทั้งสองคนฟังโดยละเอียด แต่เรื่องที่ร้ายแรงมากๆ ก็ไม่ได้เล่า เพราะกลัวว่ามันจะทำร้ายจิตใจทั้งสองคนมากเกินไป

 

“ทั้งสองคนห้ามเอาไปบอกคุณย่ากับน้าดาวนะ”

 

“ทำไมล่ะ หรือพี่ซองไม่จริงจังกับหมูน้อย” บราวนี่มองผมเคืองๆ คงจะโกรธแทนเพื่อนรัก เพราะขณะที่ผมเล่าเรื่องทั้งหมดยังด่าผมสารพัด

 

 “ไม่ใช่อย่างนั้น ช่วงนี้พี่กับมินพึ่งเริ่มต้น อยากจะพิสูจน์หลายๆ อย่าง แล้วให้มินเชื่อใจพี่มากกว่านี้แล้วพี่จะบอกคุณย่ากับน้าดาวเอง”

 

“พี่ซองห้ามทำเพื่อนบราวเสียใจอีกนะ ไม่งั้นน้องบราวจะเอาหมูน้อยคืน” คำขู่ของน้องชายตัวน้อยไม่ได้ทำให้ผมกลัวเลยสักนิด เพราะผมไม่มีทางที่จะเดินซ้ำรอยเดิมที่เคยผิดพลาดมาแล้วหรอก

 

“เชื่อใจพี่ได้เลยครับน้องชาย แล้วนี่มินไปไหน”

 

“ไปซื้อของเข้าร้านกับน้องที่ร้านเดี๋ยวก็คงกลับ” ผมนั่งรอมินอยู่สักพัก ร่างเล็กก็ถือของพะรุงพะรังเข้ามาเต็มมือทั้งสองข้าง จนผมต้องรีบดินไปรับทันที ตัวเล็กแค่นี้หิ้วอะไรเยอะแยะก็ไม่รู้

 

“ขอบคุณครับ มานานแล้วเหรอ”

 

“สักพักแล้ว” ผมตอบยิ้มๆ ก่อนที่จะเดินตามน้องเข้าไปในครัว

 

“เย็นนี้ไปทานข้าวกับพี่นะ”

 

“ตามใจสิครับ” คำตอบสั้นๆ ได้ใจความที่สุด หลังจากนั้นน้องก็ง่วนอยู่กับการจัดของเข้าตู้ไม่หันมาสนใจผมเลย

 

ผมได้แต่ยืนมองตาละห้อยเพราะท่าทางที่ดูจะเปลี่ยนเป็นคนละคนของน้อง คราวนี้ผมคงต้องเป็นผู้ตามแล้วล่ะครับ ปล่อยให้น้องได้เป็นผู้นำน่ะดีแล้ว เพื่อความสงบสุขของครอบครัวในอนาคต

 

“มินมีอะไรให้พี่ช่วยไหมครับ”

 

“ไม่มี พี่ซองออกไปรอข้างนอกเถอะครับ เดี๋ยวมินจัดของเสร็จจะได้กลับกันเลย”

 

“พี่รออยู่ตรงนี้ไม่ได้เหรอครับ” เสียงผมจะอ่อยไปไหนเนี่ย เริ่มจะเข้าใจความรู้สึกของไอ้คิณเวลาที่น้องผมดุมันแล้วล่ะครับ

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปนั่งรอตรงเก้าอี้นู่นครับ อย่ามายืนเกะกะตรงนี้” ดูน้องพูดกับผมสิครับ ไม่แคร์ความรู้สึกกันเลย กรรมมันติดจรวดจริงๆ เลย จะมีเมียกับเขาทั้งทีก็ต้องยอมตกเป็นเบี้ยล่างให้โขกสับตามอำเภอใจแล้วครับงานนี้ ตามรอยไอ้คิณไปติดๆเลยกู

 
*********************


จบตอนแล้วอีเฮียซองเปลี่ยนไป จะเข้าสมาคมเกลียมัวตามคุณคิณไปติดๆ งานนี้ไม่ว่าน้องมินจะสั่งอะไรก็ต้องยอมทำตามล่ะ  :a5:   :z6:


               TBC.
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน18 P.9(03/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 03-05-2016 19:15:40
 :-[ :-[ :-[  เจ้าเล่ห์ๆๆ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน18 P.9(03/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-05-2016 19:48:12
เป็นแฟนระยะทดลอง อิอิ
น้องมินแกล้งอีกๆ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน18 P.9(03/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 03-05-2016 20:08:05
หมูน้อยกลายเป็นหมูโหดไปซะแล้ว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน18 P.9(03/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-05-2016 22:06:52
สมน้ำหน้าอีซอง
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน18 P.9(03/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: haemin ที่ 03-05-2016 22:18:56
รักเมีย กลัวเมีย เกรงเมีย มีแต่จะเจริญค่ะ พี่ซอง
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน18 P.9(03/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 03-05-2016 22:40:54
ทำเป็นหงอนะพี่ซอง!!
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน18 P.9(03/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-05-2016 23:21:22
พี่ซองนี่รีบเข้าสมาคมเร็วมากกกก 5555
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน18 P.9(03/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 04-05-2016 01:39:33
เผลอรักไปแล้วนี่นา  :ling2:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน18 P.9(03/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: nuja ที่ 04-05-2016 06:53:26
 หมูน้อยอย่าพึ่งใจอ่อนนะเอาให้พี่ซองสำนึกนั้นนานเลย

 o13 :hao3: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน18 P.9(03/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: มะลิลา ที่ 04-05-2016 07:18:03
ยังไม่ทันไรก็เข้าชมรมแล้วนะพี่ซอง :laugh:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน18 P.9(03/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 05-05-2016 11:58:49
ระยะเวลาพิสูจน์ ..
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน18 P.9(03/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: sunipum ที่ 07-05-2016 06:25:01
พี่ซองแบบนี้ก็น่ารักดี มินอย่าเพิ่งอ่อนให้อิพี่ซองน้าา  ขอบคุณนะค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน18 P.9(03/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 07-05-2016 22:08:51
เคารพเมียแล้วจะเจริญนะจ๊ะ พี่ซอง  :mew1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน19 P.9(10/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 10-05-2016 19:10:02
แอบรัก ตอน19



 

(มิน)

ถ้าผมจะลองใจใครสักคนจะผิดมากไหมนะ ผมนั่งคิดทบทวนอยู่นานว่าจะทำแบบนี้ดีหรือเปล่า จนในที่สุดความคิดฝ่ายอธรรมในตัวผมก็เป็นฝ่ายชนะ ผมแค่ต้องการพิสูจน์ใครอีกคนที่ผมให้โอกาสเขาก่อนหน้านี้ เพราะถ้าให้ผมรอให้ทุกอย่างดำเนินไปเองตามธรรมชาติ คงอีกนานกว่าที่ผมจะกลับมามั่นใจในตัวผู้ชายคนนั้น ผมหวังว่ามันจะป็นสิ่งที่ดีและผมคงตัดสินใจไม่ผิด

 

“พี่ทิมคืนนี้ไปพิสูจน์อะไรกับมินหน่อย” หลังจากพี่ทิมกดรับสายผมก็พูดขึ้นทันทีไม่ให้พี่ทิมได้มีโอกาสเอ่ยถามเลยสักนิด

 

“คิดจะทำอะไรแผลงๆ รึเปล่าเนี่ย” เหมือนพี่ทิมจะรู้ทันความคิดผมดีจริงๆ เลยนะครับ

 

“ไม่แผลงเท่าไหร่หรอกน่า ช่วยน้องชายหน่อยไม่ได้รึไงครับ” ผมอ้อนปลายสายเพราะรู้ดีว่าพี่ทิมแสนใจดีต้องยอมผมแน่ๆ

 

“จะให้พี่ช่วยอะไรล่ะคราวนี้ หวังว่าพี่จะอยู่รอดปลอดภัยจนแผนมินสำเร็จนะครับ” พี่ทิมเอ่ยน้ำเสียงประชดประชัน

 

“ไม่ยากเลยครับ พี่ทิมไปผับกับมินแค่นั้นแหละ”

 

“แค่นั้นจริงๆ เหรอ อย่ามาโกหกพี่ เอาความจริง” ผมจึงเล่าแผนการทั้งหมดให้พี่ทิมฟัง เพราะถึงยังไงพี่ทิมก็ต้องรู้และต้องคอยช่วยผมอยู่ดี

 

“พี่ว่าเรียกรถพยาบาลรอรับพี่ที่หน้าผับดีกว่านะ”

 

“ฮ่าๆๆ พี่ทิมก็เกินไป ใครจะยอมให้พี่ชายสุดหล่อโดนทำร้ายเล่า”

 

“ให้มันจริงเถอะ พี่ล่ะกลัวใจคุณซองจริงๆ เลย” ผมได้ยินเสียงถอนหายใจของพี่ทิมดังออกมาตามสายโทรศัพท์ สงสารจัง อิอิ

 

“ถ้าอย่างนั้นเจอกันตอนเย็นนะครับ”

 

“ให้พี่ไปรับหรือยังไง”

 

“ไม่ต้องครับ มินจะไปกับพี่ซอง” ผมวางสายจากพี่ทิมไปแล้ว หลังจากที่วางแผนอยู่นาน คราวนี้แหละผมจะดูสิว่าพี่ซองมีความอดทนมากน้อยขนาดไหน

 

ก่อนที่ผมจะโทรหาพี่ทิมผมนัดกับพี่ซองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ทางนั้นก็เหมือนไม่อยากจะให้ผมไปเหมือนกัน เพราะผมเป็นคนที่ไม่ค่อยเที่ยวแบบนี้เท่าไหร่ แล้วเครื่องดื่มแอลกอฮอลผมก็ไม่แตะ จึงทำให้อีกคนถึงกับสงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆ ผมถึงอยากจะไป แต่ผมก็หาทางเลี่ยงไม่ตอบ จนในที่สุดพี่ซองก็ยอมตกลง ทุกอย่างเป็นไปตามแผน

 

เมื่อถึงเวลานัดพี่ซองก็มารับผมถึงในบ้าน วันนี้พี่ซองไม่ได้มาในมาดนักธุรกิจเหมือนอย่างเช่นทุกวัน เสื้อเชิ๊ตสีฟ้าอมเทาถูกพับแขนขึ้นอย่างลวกๆ ชายเสื้อสอดเข้าไปไว้ด้านในกางเกงยีนแบรนด์หรู ตามด้วยเข็มขัดยี่ห้อดังราคาหลายหมื่นที่ใครเห็นคงต้องเหลียวหลัง ต่างจากผมที่ใส่เพียงเสื้อยืดโปโลสีฟ้า กางเกงยีนส์ตัวเก่งที่ใส่จนซีด ตามด้วยรองเท้าผ้าใบเน่าๆ คู่โปรดที่ใส่ทนทานมาหลายปี ช่างเป็นความเหมาะสมที่ไม่เหมือนใครเลยว่าไหมครับ  ผมได้แต่คิดในใจกับความต่างของเราทั้งสองคน แต่ผมก็ไม่ได้แคร์ว่าใครจะมองยังไงนะครับ ถึงแม้ว่าคนกี่ร้อยกี่พันคนจะดูถูกหรือมองว่าผมไม่เหมาะสมกับเขาก็ตาม ขอแค่พี่ซองไม่เป็นหนึ่งคนในนั้นก็พอ และนี่คือบทพิสูจน์ข้อแรกสำหรับคนตรงหน้า

 

ทันทีที่พี่ซองเห็นผม เขามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า เหมือนกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม ส่งยิ้มแปลกประหลาดแบบที่ผมไม่เคยได้เห็น ก่อนที่จะเอ่ยวาจาที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้ยินจากปากคนตัวโตเลยสักครั้ง

 

“มินแต่งตัวน่ารักจัง”

 

 

“ห๋า...กินอะไรผิดสำแดงมารึเปล่าครับ ผมก็แต่งแบบนี้ทุกวัน”

 
 

"ไม่รู้สิ แต่พี่ว่าวันนี้มินน่ารักมากเลย" เออคนเรานี่แปลกขึ้นทุกวัน อย่างนี้รึเปล่าที่เขาเรียกว่าความรักมักทำให้คนตาบอดและพี่ซองก็คงไม่ใช่ข้อยกเว้นสำหรับกฎข้อนี้

 

 

"ไปกันดีกว่าครับ มินไม่อยากฟังพี่เพ้อเจ้อ" ผมเดินนำออกไปหน้าบ้านเพราะกลัวว่าพี่ซองจะเห็นแก้มที่เริ่มเห่อแดงของตัวเอง ไอ้พี่บ้านี่ตั้งแต่ที่ยอมรับความรู้สึกตัวเอง นี่ชักจะพูดจาหวานเลี่ยนแปลกๆ

 

วันนี้เราไปที่ผับของเพื่อนคุณคิณซึ่งผมไม่รู้จักเขาหรอก บอกว่าชื่อชาร์ลอะไรประมาณนี้แหละมั้ง เห็นพี่ซองบอกว่าคุณชาร์ลน่ะรวยมาก เป็นพ่อม่ายลูกติดแถมหน้าตาดีอีกต่างหาก  ชักอยากจะเห็นแล้วสิ แต่ผมไม่ได้คิดอะไรหรอกนะแค่อยากเจอเท่านั้นเอง ที่พี่ซองพามาร้านนี้เพราะบอกว่าน่าจะปลอดภัยที่สุด เพราะเป็นร้านของคนรู้จักและค่อนข้างมีระดับ เราสองคนเดินเข้าไปในโซนวีไอพีเพราะพี่ซองโทรจองไว้เรียบร้อยแล้ว เห็นบอกว่าคุณคิณกับพี่พายก็จะมาด้วยไม่รู้ไปโทรนัดกันตั้งแต่ตอนไหน ผมไม่ได้บอกให้พี่ซองรู้ว่ายังมีอีกคนที่ผมนัดเอาไว้ เขาสั่งเครื่องดื่มให้ผมน่าจะเป็นน้ำพั้นซ์มั้งไม่แน่ใจ แต่ไม่มีแอลกอฮอลซึ่งนั่นมันผิดวัตถุประสงค์ของผมโดยสิ้นเชิง เพราะวันนี้ผมจะอ่อย ฟังไม่ผิดหรอกผมจะอ่อยพี่ซองให้หึงให้หวงผม และตัวช่วยของผมคือพี่ทิม พี่ชายนอกใส้ที่แสนดี นั่งได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์เครื่องเล็กผมก็แผดเสียงดังลั่น ทำให้คนที่นั่งดื่มอยู่ข้างๆ หันมามองทันที

 

"ครับพี่ทิม" ผมตะโกนรับโทรศัพท์เสียงดังให้คนที่นั่งข้างๆ ได้ยินอย่างจงใจ

 

"พี่อยู่ข้างนอกมินมารับหน่อยสิ"

 

"ทำไมล่ะครับ"

 

"มาเถอะน่าพี่ยังไม่อยากตายตั้งแต่เดินเข้าไป" ที่แท้ก็กลัวพี่ซองนี่เอง ผมทำปากขมุบขมิบบอกพี่ซองว่าขอออกไปรับพี่ทิมข้างนอก เขาทำท่าเหมือนจะห้ามแต่กลับลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนั่งลงตามเดิม ผมรีบเดินไปรับพี่ทิมทันที

 

"พี่ทิมทางนี้ครับ" ผมมองหาพี่ทิมไม่นานก็เจอเพราะความหล่อน่ารักของพี่ทิมมันสะดุดตาจนไม่ต้องเสียเวลาหานาน ผิวขาวๆ กับมุมปากที่เหมือนยิ้มตลอดเวลาทำให้ใครๆ เห็นแล้วอดที่จะมองนานๆ ไม่ได้ มันช่างดึงดูดใจทั้งชายและหญิงจริงๆ เลย

 

"ว่าไงเจ้าเด็กจอมวางแผน" คำแรกที่ทักหลังจากเจอกันนี่ช่างไพเราะเสนาะหูดีเหลือเกิน แต่ผมก็ได้แต่ส่งยิ้มให้กับคำชมของผู้มาใหม่

 

"ไม่เจอตั้งหลายวันหล่อขึ้นรึเปล่าเนี่ย"

 

"ไม่ต้องมาแสร้งปากหวานเวลาหลอกใช้งานพี่เลยนะ แล้วเรียกรถพยาบาลมาให้พี่ยัง"  คำพูดทีเล่นทีจริงของพี่ทิมทำให้ผมถึงกับหลุดขำออกมาเสียงดัง ส่วนอีกคนก็ยกมือขึ้นมายีหัวผมเล่นจนยุ่งเหยิงไปหมด

 

"กลัวขนาดนั้นเลยเหรอครับ ไม่ถึงกับตายหรอกน่า รับรองว่าได้กลับไปหาน้องเก้าสุดที่รักแน่นอน" แต่อาจไม่ครบสามสิบสองนะ อันนี้ผมแค่คิด

 

"คุณซองเหมือนชาวบ้านเขาซะที่ไหนล่ะ พี่กลัวจะโดนฆ่าหมกอยู่ที่ผับนี่จริงๆ เลย"

 

"เข้าไปข้างในดีกว่าพี่ซองรอนานแล้ว" เราทั้งสองคนเดินตรงเข้าไปโซนวีไอพีที่ถูกจองไว้ตั้งแต่ตอนแรก คุณคิณแล้วก็พี่พายยังไม่มาเลย ผมจึงชวนให้พี่ทิมนั่งข้างๆ ผมอีกฝั่ง ตอนนี้กลายเป็นว่าผมนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองคน ผมไม่ได้ร้ายนะครับ พี่ซองอยากร้ายกับผมก่อนเอง

 

"สวัสดีครับคุณซอง"  รอยยิ้มที่เหมือนจริงใจถูกส่งให้อีกคนที่ทำท่าเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก  แต่ผมรู้ดีรอยยิ้มซื่อๆ ของพี่ทิมแฝงด้วยความร้ายกาจอยู่ด้วย

 

"สวัสดี" ผมสะกิดให้พี่ซองตอบรับทำทักทายของพี่ทิม ก่อนที่อีกคนจะยอมทำตามแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม ผมได้แต่แอบหัวเราะอยู่ในใจกับท่าทางเหมือนขัดใจของพี่ซองแต่กลับทำอะไรไม่ได้สักอย่าง

 

"เป็นอะไรครับ" ผมแสร้งทำเป็นถามพี่ซองทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าคนข้างๆ เป็นแบบนี้เพราะอะไร ส่วนพี่ทิมที่ตอนแรกทำเหมือนกลัวพี่ซองจะฆ่า ตอนนี้กลับยั่วโมโหเขาซะงั้น

 

"ทำไมมินถึงพามันมาด้วยล่ะ" พี่ซองเอ่ยถามผมเสียงไม่ดังมากนักพอให้ได้ยินกันสองคน แต่คนที่แอบฟังตลอดนี่กลับหูดีได้ยินมันชัดเจน

 

"ก็ผมเป็นคนสำคัญของน้องมินนี่ครับ ไม่อย่างนั้นน้องมินคงไม่โทรไปชวนด้วยตัวเองหรอก"  ผมหันไปมองพี่ทิมอึ้งๆ คำพูดนี่เจ็บแสบแทงใจคนฟังยิ่งนัก

 

"ผมไม่ได้ถามคุณ มินตอบพี่ได้ไหมว่าทำไม" พี่ซองเอ่ยกับพี่ทิมเสียงแข็ง ก่อนที่จะหันมาถามผมด้วยแววตาน่าสงสาร อันที่จริงผมก็เริ่มรู้สึกสงสารอยู่หรอกนะ แต่จะให้ทำไงได้ล่ะผมคิดดีแล้วนี่นา

 

"มินเคยบอกพี่ซองว่ายังไงครับ มินให้โอกาสพี่ซองแต่ไม่ได้หมายความว่ามินจะไม่มีสิทธิ์เปิดโอกาสให้คนอื่นด้วย ถ้าพี่ซองไม่พร้อมที่จะอยู่ข้างๆ มินแบบนี้ก็ไปเถอะครับ" ผมพูดเหมือนไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนตรงข้าม แต่มันไม่ใช่เลย ผมสงสารจนอยากจะยกเลิกแผนการด้วยซ้ำ เพราะท่าทางที่นั่งหงอยๆ ของคนข้างๆกับสายตาตัดพ้อที่ส่งมาให้ผม แต่คราวนี้เป็นพี่ทิมเองที่สนุกกับแผนการในครั้งนี้

 

"คุณควรจะแฟร์กับความรู้สึกของทุกคนนะครับ ในเมื่อน้องมินให้โอกาสคุณได้ ทำไมจะให้โอกาสผมไม่ได้ล่ะจริงไหมครับ ผมยังให้โอกาสทั้งคุณแล้วก็น้องมินได้มีทางเลือกเลย" ผมหันไปมองพี่ทิมที่ลอยหน้าลอยตาต่อว่าพี่ซอง พี่ทิมคนก่อนหน้านี้หายไปไหนแล้ว บอกว่ากลัวนักกลัวหนาแต่ท่าทางตอนนี้นี่ไม่ใช่เลย น่าหมั่นใส้จริงๆ ถ้าผมเป็นพี่ซอง อาจจะลุกขึ้นมาต่อยไอ้คนยั่วประสาทไปสักทีสองที

 

สายตาวูบไหวของพี่ซองที่มองมายังผมเหมือนกับจะต่อว่าทางสายตา แต่เขากลับไม่พูดอะไรเหมือนจะยอมรับในการตัดสินใจครั้งนี้ของผม พี่ซองยกเหล้าขึ้นกระดกรวดเดียวจนหมดแก้ว ผมจะรั้งไว้แต่ก็ไม่ทัน เขานั่งดื่มไม่พูดไม่จาสีหน้าดูเครียดขรึมขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

 

"พี่ซองอย่าดื่มเยอะ ถ้าเมาไม่รู้เรื่องมินจะกลับกับพี่ทิมนะครับ" คำพูดของผมทำให้พี่ซองชะงักในทันที มือที่กำลังจะยกแก้วเหล้าเข้าปากอีกรอบวางลงในทันที แต่คราวนี้กลับเอาแต่เงียบจนผมใจไม่ดี คนตัวโตนั่งมองผมอยู่อย่างนั้น ไม่พูดไม่จาสักคำ

 

พี่ทิมที่ตอนแรกตั้งหน้าตั้งตาแกล้งพี่ซองก็ดูเหมือนจะเงียบลงเหมือนกัน คงรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนไปของพี่ซอง จึงนั่งดื่มเงียบๆ ไปอีกคน ทิ้งให้ผมคว้างอยู่คนไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี

 

"พี่ซองขอมินดื่มมั่งสิครับ" ผมหันไปทำสายตาอ้อนหวังว่าพี่ซองจะเลิกทำหน้าเครียดลงบ้างสักนิดก็ยังดี

 

"เคยดื่มเหรอครับ" พี่ซองก้มลงมาพูดใกล้ๆ หูของผม

 

"ไม่เคย แต่อยากลองดื่มบ้าง อยากจะรู้ว่ามันอร่อยรึไงทำไมพี่ซองดื่มเอาๆ" ผมเกาะแขนอีกคนทำสายตาอ้อนหนักกว่าเดิม  กระพริบตาปริบๆ สองสามที ไม่รู้หรอกว่าการที่ตัวเองทำท่าทางแบบนี้มันน่าเกลียดมากขนาดไหน แต่ก็ไม่อยากให้พี่ซองเครียดเลยยอมทำท่าบ้าบอแบบนี้  ถ้าเป็นพี่พายหรือบราวนี่ทำคงน่ารักดีอยู่หรอก แต่นึกสภาพตัวเองทำคงน่าเกลียดพิลึก

 

"ทำไมต้องทำท่าแบบนี้ อย่าไปทำกับคนอื่นนะครับนอกจากพี่"

 

"มันน่าเกลียดมากเลยเหรอ"

 

"เปล่า..."

 

"แล้วทำไมล่ะ" ถ้าไม่น่าเกลียดแล้วมันเป็นยังไงล่ะ ทำไมไม่บอก

 

"ไม่มีอะไรหรอกครับ แต่ห้ามไปทำกับคนอื่น แม้แต่ไอ้ทิมก็ห้าม ทำได้กับพี่คนเดียว จะดื่มใช่ไหม" หลังจากที่ห้ามนู่นห้ามนี่เสียเยอะแยะ ก็กลับเปลี่ยนเรื่องซะงั้น

 

"อือๆ อยากลอง"

 

"หึๆ ชงไม่เข้มนะ ห้ามดื่มเยอะ" พี่ซองชงเหล้าให้ผม ผสมโซดาน้ำ ผมไม่รู้หรอกว่ามันต่างจากผสมอย่างอื่นยังไง แต่ก็อยากลอง ถ้าผมเมาเดี๋ยวพี่ซองก็พากลับเองแหละ

 

"คร้าบบคุณพ่อ" ผมยิ้มให้พี่ซองจนตาหยีทำให้อีกคนยิ้มตอบผมบ้างแม้ว่าจะแค่นิดเดียวก็ตาม

 

"ลืมพี่ไปซะแล้ว น่าน้อยใจจริงๆ เลย" เสียงพี่ทิมดังมาจากข้างๆ ทำใหผมต้องหันกลับไปมอง ลืมไปเลยว่าพี่ทิมก็อยู่ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะแกล้งพี่ซองซะหน่อย แต่กลับใจอ่อนง่ายๆ จนได้เรา

 

"อ่า..พี่ทิมมินขอโทษ" คราวนี้ผมหันไปสนใจพี่ทิมทันที ทั้งๆ ที่ผมเป็นคนชวนเขามาเองแท้ๆ แต่กลับปล่อยให้เขานั่งอยู่คนเดียวเหมือนเป็นส่วนเกิน จังหวะเดียวกันกับที่โทรศัพท์ของพี่ซองดังขึ้น เขาจึงลุกขึ้นเดินออกไปรับด้านนอกเพราะเสียงเพลงด้านในมันดังเกินไป

 

"ลืมพี่เลยนะครับเจ้าเด็กเจ้าเล่ห์"

 

"มินสงสารพี่ซองนี่นา"

 

"สรุปว่าแผนล่ม"

 

"คงงั้นแหละครับ" ผมได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ ให้พี่ทิมที่ตอนนี้เอาแต่ส่ายหัวกับการกระทำของผม วางแผนมาซะดิบดีสุดท้ายแพ้ท่าทางน่าสงสารของพี่ซองซะงั้น

 

"แฟนเรากลับมาแล้วนู่น ขอเล่นสนุกๆ ทิ้งทวนหน่อย" พี่ทิมดึงผมเข้าไปกอด ทั้งๆ ที่ผมยังไม่ทันตั้งตัว จนผมเซไปนั่งบนตักของอีกคนทันที แต่ผมไม่ได้ขัดขืนเพราะเห็นท่าทางของพี่ทิมที่คงจะสนุกเต็มที ส่วนพี่ซองพอเดินกลับมาถึง ก็เอาแต่มองผมที่ตอนนี้นั่งซบอกพี่ทิมอยู่ เล่นกับเขาหน่อยแล้วกันถือเป็นการทิ้งทวนโดยสมบูรณ์แบบ

 

"มินครับนี่เหล้าที่ให้พี่ชงให้" พี่ซองยื่นแก้วเหล้าให้ผม ก่อนที่จะบอกผมว่าคุณคิณกับพี่พายมาไม่ได้แล้วเพราะเดม่อนไม่สบายต้องพาไปหาหมอ

 

"ขอบคุณครับ" ผมยกขึ้นจิบเบาๆ เพราะแค่กลิ่นที่ลอยเข้าจมูกก็ทำเอาผมต้องเบ้หน้าเพราะความเหม็น ผมกลั้นลมหายใจก่อนจะยกขึ้นกระดกรวดเดียวหมดแก้ว ทั้งพี่ซองและพี่ทิมร้องห้ามแต่ก็ไม่ทัน

 

"อื๋อ...ขมๆๆ" ผมหน้าเบ้ทันทีที่กลืนลงคอ รสชาติแปลกๆ บาดลึกเข้าไปในลำคอจนร้อนผ่าวไปทั่วทั้งหน้า

 

"ใครให้ดื่มทีเดียวหมดล่ะ" พี่ซองว่าผมเบาๆ ทั้งๆ ที่เขาดูจะเศร้าลงไปอีกครั้ง เพราะผมยังไม่ยอมลุกจากตักพี่ทิม ส่วนคนที่ถูกผมนั่งตักก็ดูเหมือนจะชอบอกชอบใจหัวเราะใหญ่เลย

 

"ไม่รู้อ่ะ ไม่เห็นอร่อยตรงไหนเลย  งั้นมินขอลองอีกแก้ว" ผมยื่นแก้วให้พี่ซองก่อนที่อีกคนจะชงให้ผม เอาแบบอ่อนที่สุด คราวนี้ผมยกขึ้นดื่ม ไม่ขมมากเหมือนครั้งแรกแต่ก็ไม่อร่อยนั่งจิบไปเรื่อยๆ จนหมดแก้ว หัวผมเริ่มมึนๆ หนักๆ ยังไงไม่รู้

 

"เอาอีกๆ มินนนยางม่ายยรู้รสชาติเลย" ผมยื่นแก้วส่งให้พี่ซอง แต่คราวนี้คนตัวโตห้ามผมเด็ดขาดว่าไม่ให้ดื่มอีกแล้ว ผมผละจากตักของพี่ทิมตรงเข้าไปหาอีกคนทันที ก่อนที่จะนั่งแหมะลงตักแกร่งของคนหน้านิ่ง มือสองข้างของผมโอบคอพี่ซองทันที

 

"พี่ซองงงคนดีของน้องงงมีน มีนนขอดื่มอีกน้าาาาคร้าบบ...อึก" ผมพูดอ้อนอีกคนโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่จะซบหน้ากับอกแกร่งทันที

 

"พอแล้วครับ มินเมาแล้ว" เสียงพี่ซองนี่น่ารำคาญหูจังเลยตอนนี้ ทำไมต้องห้ามผมด้วย

 

"ม่ายยยเมาๆ อย่ามาว่ามีนน้า" มือน้อยๆ ผมทุบอกแกร่งหลายทีเพราะขัดใจที่พี่ซองไม่ยอมทำตาม

 

"ครับๆ แก้วสุดท้ายแล้วพี่จะพากลับเลยนะ"

 

"พี่ซองน่าร้ากกที่สุดเลย มาจุ๊บๆ ที" ไม่พูดเปล่าผมรั้งใบหน้าพี่ซองลงมาหาก่อนที่จะฉกจูบไปที่ริมฝีปากรูปกระจับของคนตัวโตทันที ผมไม่ได้เมาจนไม่มีสติ ผมรู้ว่าตัวเองทำอะไร แต่ไม่สามารถห้ามจิตใจกับร่างกายที่เรียกร้องหาพี่ซองตลอดเวลา
*****************


       
          :-[ ต่อด้านล่าง  :impress2:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน19 P.9(10/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 10-05-2016 19:12:42

ต่อ

 

(ซอง)

ตอนนี้มินเริ่มจะเมาจนพูดไม่ค่อยจะรู้เรื่อง แล้วยังโวยวายจะดื่มอีกแก้ว จนผมต้องยื่นคำขาดว่าให้ดื่มแก้วสุดท้ายแล้วจะพากลับ คนตัวเล็กที่ตอนนี้นั่งบนตักผมทั้งกอดทั้งหอมจนผมตั้งตัวแทบไม่ทัน เวลาเมาแล้วเปลี่ยนเป็นคนละคน อย่าหวังว่าจะมีครั้งหน้าเลยถ้าเมาแล้วเป็นแบบนี้

 

“พี่ซองง อิอิ..น่าร้ากก”  มินเริ่มจะไม่ใช่มินคนเดิม  มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุข มือข้างหนึ่งถือแก้าเหล้าเอาไว้ส่วนอีกข้างก็ลูบคลำไปตามใบหน้า ตา จมูกของผมไปทั่ว ปัดป่ายสะเปะสะปะ จนผมต้องยกมือขึ้นมาโอบคนตัวเล็กไว้เพราะกลัวตก

 

“กลับกันดีกว่านะ เมาแล้วเนี่ย”

 

“ม่ายยเมาแค่มึนนนหัวว”  ปากก็พูดมืออีกข้างก็ยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกรวดเดียวจนหมด

 

“ผมจะพามินกลับ คุณจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย” ผมหันไปพูดกับไอ้ทิมที่นั่งมองการกระทำของมินด้วยท่าทีสบายๆ ไม่เห็นมันจะหึงอะไรเลย  มันรักมินจริงๆ รึเปล่าเนี่ย ถ้าเป็นผมเห็นคนที่รักคลอเคลียร์กับคนอื่นคงถึงขั้นลงแดง ผมพามินลุกออกมาทันทีหลังจากที่บอกไอ้ทิมเหมือนเป็นคำสั่งที่มันต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้

 

“อะไรเล่าคุณซอง ดื่มก็ดื่มด้วยกัน” เสียงมันโวยวายตามหลัง แต่ผมไม่สนใจหรอก อยากจะพามินกลับไปบ้านให้เร็วที่สุดดูท่าแล้วไม่น่าจะไหว

 

“เดินดีๆ ครับ” ผมพยุงคนที่ดูเหมือนจะแข้งขาพันกัน เดินแทบจะไม่ไหวแต่กลับพูดอะไรไปเรื่อยไม่หยุด จนผมยังอดขำไม่ได้ ทั้งน่ารักทั้งวุ่นวายเลยงานนี้

 

“พี่ซองงของมีนนคนเดียว”

 

“ครับๆ พี่ซองของมิน” ใจผมแทบจะระเบิดออกมาเต้นอยู่ด้านนอกเมื่อได้ยินคำพูดคนเมาที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยจะได้เท่าไหร่

 

“ขอมินจูบพี่ซองหน่อย มีนนอยากจูบ” ผมคาดเข็มขัดนิรภัยให้คนเมาทันทีที่ขึ้นมานั่งบนรถ ผมโน้มตัวไปดึงสายเข็มขัดนิรภัยเป็นจังหวะเดียวกันกับที่น้องดึงผมเข้าไปหา คนเมานี่ทำไมแรงเยอะขึ้นก็ไม่รู้ มือบางทั้งสองข้างรั้งใบหน้าผม ก่อนที่เรียวปากอิ่มจะประกบจูบผมทันที เลือดในกายผมไหลไปทั่วสรรพางค์กาย จูบตอบมินอย่างลืมตัว ความร้อนรุ่มเกิดขึ้นจนแก่นกายผมปวดหนึบ ความหอมหวานทำให้ผมขาดสติรับรู้ถึงความผิดชอบชั่วดี ตอบสนองจูบของน้องอย่างดูดดื่ม ลิ้นร้อนกอดกระหวัดลิ้นเล็กอย่างโหยหา

 

“อืออ..หายใจม่ายทัน” มินผลักผมออกก่อนที่จะพูดเสียงเหนื่อยหอบ

 

“พี่ขอโทษครับ กลับกันเถอะนะ” ผมหันไปบอกร่างเล็กทั้งๆ ที่ยังเสียดายรสจูบที่พึ่งได้ลิ้มลอง มันชั่งยั่วยวนหอมหวานมากกว่าทุกครั้งที่เคยผ่านมา ก่อนที่จะก้มลงมองริมฝีปากอิ่มที่ตอนนี้เริ่มจะบวมเจ่อขึ้นมาบ้างแล้ว

 

“ขอโทษทำไม หวานนดีมีนชอบ จูบอีกๆ” คนเมาส่งสายตาหวานฉ่ำน้ำมาให้ผม สายตาอ้อนวอนเรียกร้องหาจูบรสหวานปนขมของเหล้าที่ยังคงอบอวลอยู่ในปากของเราทั้งสองคน

 

 “ไม่ครับ นั่งดีๆ กลับบ้านกันนะ” ผมไม่หันไปสนใจคนเมาที่กำลังนั่งจ้องหน้าผมตลอดเวลา เหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่างแต่ผมก็ทำเหมือนไม่เห็นขับรถอย่างตั้งใจเพราะสติสัมปชัญญะของผมไม่ค่อยจะสมบรูณ์เท่าไหร่หวังจะให้ถึงบ้านเร็วที่สุด

 

“ลงนะครับถึงบ้านแล้ว” ประตูฝั่งตรงข้ามถูกเปิดออกพร้อมกับผมที่ปลดเข็มขัดนิรภัยให้ร่างเล็กที่ตอนนี้หลับไม่รู้เรื่อง จากที่ตอนแรกๆ นั่งจ้องผมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อแต่เพราะความเมาจึงทำให้หลับไปในเวลาไม่นาน ผมอุ้มน้องเข้าบ้านอย่างทุลักทุเล เพราะอีกคนขยับยุกยิกไม่ยอมหยุด ไม่รู้ว่าเพราะไม่สบายตัวหรือเปล่า ผมยื่นมือฝั่งที่อยู่ตรงข้อพับขาของน้องหมุนลูกบิดเปิดประตูด้วยความระมัดระวัง ก่อนที่จะพาคนเมาตรงไปยังเตียงนอนหลังเล็ก วางน้องลงอย่างเบามือที่สุดเพราะกลัวว่าคนเมาจะตื่นมาอาละวาดกลางดึก

 

“เดี๋ยวพี่เช็ดตัวให้นะครับ” ผมลุกขึ้นเต็มความสูงหันมามองคนเมาที่หลับตาพริ้มอีกทีก่อนที่จะตัดใจเดินออกไปจากตรงนั้น ขายังไม่ทันที่จะก้าวไปไหนด้วยซ้ำกลับมีแรงกระชากข้อมือผมจนเต็มแรง เพราะไม่ได้ระวังตัวจึงล้มทับร่างเล็กทันที ดีที่ผมเอาศอกค้ำไว้ได้ทันไม่อยางนั้นคงได้เจ็บหนักแน่ๆ เพราะตัวผมกับมินมันคนละไซส์

 

“พี่ซองมินอยาก..” คนที่มีทีท่าเหมือนคนเมาในคราแรก ตอนนี้กลับตื่นมามองผมตาใสพร้อมๆ กับพูดจาอะไรแปลกๆ

 

“อยากอะไร? หิวข้าวเหรอครับ” ผมยันตัวลุกขึ้นนั่งดีๆ มองหน้าคนที่อยู่ใต้ร่างอย่างหาคำตอบ

 

“มินอยากกินพี่ซอง”

 

“มินรู้ตัวรึเปล่าพูดอะไรออกมา สงสัยยังไม่สร่างแน่เลย เดี๋ยวพี่หาผ้ามาเช็ดตัวให้นะครับ” ท่าทีกุลีกุจอของผม ทำเพื่อกลบเกลื่อนหัวใจที่เผลอเต้นโครมครามเพราะคำพูดห่ามๆ ของมิน

 

“มินพูดจริง อีกอย่างมินก็ไม่ได้เมาซะหน่อย” เสียงเล็กๆ แก้ตัวทันทีหน้ามุ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ส่งมาให้ผมทันที

 

“คนเมาไม่รู้หรอกครับว่าตัวเองเมา ตอนนี้น้องมินสติไม่เต็มร้อยพี่ว่าอย่าพึ่งพูดเรื่องนี้เลยดีกว่า”ผมกลัวว่าตัวเองจะทนไม่ไหวจึงได้แต่หาทางเลี่ยงน้องที่จ้องมองผมอย่างรอคอยคำตอบ

 

“ถ้าพี่ซองไม่ทำ มินทำพี่ซองเองก็ได้” ร่างเล็กมีท่าทีฮึดฮัดไม่พอใจ ก่อนที่จะดึงผมให้ลงมาทับตัวเขาอีกรอบ เขาผงกหัวขึ้นมาก่อนที่จะส่งริมฝีปากเล็กเข้าซุกไซส์ซอกคอผมดูดกลืนไล้เลียลิ้นเล็กอยู่อย่างนั้น

 

“มินพอแล้วครับ อย่าทำแบบนี้”  ผมพูดกับมินทั้งๆ ที่น้องยังแทะเล็มตามซอกคอผม ก่อนที่จะไล้มือบางผ่านเนื้อผ้าราคาแพงมาหยุดอยู่ที่ตุ่มไตเม็ดเล็กสีน้ำตาลของผม ไล้วนจนผมเริ่มหายใจติดขัดเพราะความต้องการเริ่มจะกลับมาพุ่งพล่านอีกครั้ง

 

“พะ..พอครับมิน มันไม่ดี อ่า” ผมเริ่มเสียวไปทั่วช่องท้องจนเผลอครางออกมาอย่างลืมตัว

 

 

มือหนาผลักร่างเล็กออกทั้งที่ยังโหยหา แต่เพราะผมไม่อยากทำผิดไปมากกว่านี้ ถ้าการที่เราสองคนต้องมีความสัมพันธ์ทางกาย มินต้องรับรู้และพร้อมใจที่จะให้มันเกิดขึ้น ไม่ใช่แค่สติเลือนลางรับรู้บ้างไม่รู้บ้างแบบนี้

 

"มินจะรักพี่ซอง อย่ามาทำแบบนี้นะ ฮึก"  อ้าว ร้องให้ซะแล้วยังไม่ได้ทำอะไรเลย ทำไมอยู่ดีๆ ก็ร้องให้อารมณ์แปรปรวนจนผมยังงงว่าตกลงนี่เขาเมาเหล้าหรือว่าเมาอะไร

 

"พี่เช็ดตัวให้มินก่อน รอหายเมาก่อนเราค่อยคุยเรื่องนี้อีกทีนะครับ" ทางที่ดีที่สุดต้องหาผ้ามาเช็ดตัวคนเมาให้มีสติจะได้คุยกันง่ายขึ้น

 

"พี่ซองไม่รักมินใช่ไหม ถึงไม่ยอมมีอะไรกับมิน" น้องตัดพ้อผมทั้งน้ำตา

 

"เพราะรักมากต่างหากถึงอยากให้ครั้งแรกของเราดีที่สุด"

 

"ตอนนี้ไงดี่ที่สุดแล้วนะครับ" ทำไมเมาแล้วดื้อแถมยั่วเก่งอีกต่างหาก  มือบางคว้าหมับเข้าตรงกลางกายของผมที่ตื่นตัวตั้งแต่มินเริ่มรุกครั้งแรกแล้ว 

 

"อย่าจับครับมิน อ่า อย่าลูบพะ..พี่เสียว" ผมถึงกับครางออกมาด้วยความเสียวที่มือน้อยบังอาจซุกซนกับวัตถุอันตรายชิ้นนี้

 

มินกระโดดขึ้นมานั่งคร่อมบนตักผมเราสองคนหันหน้าเข้าหากัน บั้นท้ายกลมกลึงถูไถกับความเป็นชายที่ชี้โด่ของผมจนปวดหนึบ เด็กซนเริ่มยกมือบังคับท้ายทอยผมให้เงยหน้าขึ้นมารับสัมผัสของตนเองอย่างที่ต้องการ  ทั้งท่าทีเงอะงะกับการที่เก็บซ่อนความเขินอายไว้ทำให้ผมอยากจะจับเด็กขี้อ่อยกดตอนนี้ซะเลยด้วยซ้ำ

 

จูบเน้นหนักร้อนแรงไปทุกอณู ยิ่งสัมผัสก็เหมือนกับร่างกายเรียกร้องมากขึ้น ส่วนคนที่ตกเป็นทาสกามารมณ์ในตอนนี้กลับจูบผมแบบลืมตาย แม้ผมอยากจะอดทนให้ถึงที่สุด แต่เพราะเลือดในกายพุ่งพล่านจนยากที่จะหักห้ามผมจึงปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามอารมณ์ ใครจะทนไหวในเมื่อคนที่เรารักยั่วยวนออกปานนี้

 

ผมรั้งร่างเล็กให้นอนลงบนเตียงอีกครั้งก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายจัดการกับเด็กขี้ยั่วด้วยตนเอง

 

"พี่จะเอาจริงแล้วนะ ยั่วพี่ดีนัก ห้ามร้องเพราะถึงร้องพี่ก็ไม่หยุด"

 

"อือ...ไม่ได้ยั่ว มินเอาจริง" น้องเถียงผมหน้าเชิด มองเหวี่ยงผมอย่างหัวเสีย

 

"ต่อไปจะเริ่มของจริงแล้วนะครับที่รักของพี่" ผมเริ่มกดจูบริมฝีปากอิ่มสีสดอีกครั้ง ความหอมหวานยังไม่จางกระตุ้นความปารถนาของผมให้มีมากขึ้นเป็นเท่าตัว เสียงมินครางอู้อี้เพราะความทรมานจนมือผมขยับมาจับมินนี่น้อยให้ผ่อนคลายจากความปวดทรมาน ผมลูบไล้แก่นกายเล็กสมตัวผ่านกางเกงยีนส์ตัวหนาก่อนที่จะรู้สึกรำคาญ ลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าของตนเองจนหมด น้องตาลุกวาวมองจุดยุทธศาสตร์ของผมตาไม่กระพริบ

 

"เด็กทะลึ่ง"

 

"ใหญ่จัง"

 

ผมทั้งมีอารมณ์ทั้งขำกับท่าทางเหมือนไม่เคยเห็นเจ้ามังกรยักเวลามันอยากพ่นนำ้สีขาวขุ่นออกมาใส่ร่องรักสีสวยที่ยังไม่ผ่านมือใคร

 

"กลัวเหรอครับ" ผมถามทั้งๆ ทีี่มือยังสาละวนถอดเสื้อและกางเกงยีนส์ให้น้องจนเหลือแค่กางเกงในตัวจิ๋วสีขาวเป็นปราการด่านสุดท้าย

 

"ใครกลัว มินก็มีเหมือนกัน" เด็กน้อยยังปากดีไม่เลิกเดี๋ยวพ่อจะจัดหนักให้ร้องครางทั้งคืนเลยคอยดู

 

"เหมือนแต่ไม่เหมือน" ผมจับมินนี่น้อยจ่อที่ปากของผมก่อนจะเลียส่วนปลายแก่นกายเล็กที่เริ่มขยายสู้การรุกรานก่อนจะค่อยๆ ดูดกลืนอย่างกระหาย  เสียงครางของมินทำให้ผมทั้ดูดและเลียแก่นกายเล็กเร็วขึ้น เร่งจังหวะหนักเบาสลับกันจนมั่นใจว่าอีกคนกำลังจะถึงปลายทางจึงกระหนำ่รัวลิ้นทั้งเร็วและแรงเพื่อให้อีกคนสุขสม

 

"อ่า..มินจะไปแล้ว พี่ซองครับเร็วอีกๆ อ่าจะเสร็จแล้วๆ" น้ำสีขุ่นพุ่งใส่ปากผมก่อนที่ผมจะดูดกลืนกินจนหมดไม่ให้เหลือแม้แต่หยดเดียวเพราะความเสียดาย

 

"นี่แค่เริ่มต้นนะครับคนดี" ผมส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้คนที่นอนหอบเหนื่อยอยู่บนเตียง

 

"ไม่มีเจลเอาโลชั่นแทนแล้วกันนะครับเดี๋ยวมินเจ็บ"

 

"จะทำอะไรก็ทำเถอะน่าพูดมากอยู่ได้" เหวี่ยงผมอีกเดี๋ยวเจอดี

 

ผมบีบโลชั่นลงไปช่องที่ทางรักของน้องทันที ก่อนที่จะไล้วนรอบๆ เพื่อสร้างความผ่อนคลาย มืออีกข้างก็สร้างความสุขสมด้านหน้าให้กับคนที่ดิ้นพล่านราวกับหนูติดจั่น ก่อนที่จะสอดนิ้วแรกเข้าช่องทางรักอย่างง่ายดายขยับเข้าออกสองสามครั้งก่อนที่จะเพิ่มนิ้วที่สองเข้าไปช่องทางรักขมิบรัวใส่นิ้วผมจนอยากจะเอาแก่นกายตัวเองเข้าไปใส่แทนที่ ร่างเล็กสะดุ้งทันทีร้องครางไม่หยุด มืออีกข้างผมยังสาวแก่นกายเล็กขึ้นลงตาอารมณ์ใคร่ของเราสองคน นิ้วที่สามผมสอดใส่เข้าไปอีกครั้งจนมินร้องประท้วงเสียงดัง

 

"อ่า...มันแปลกๆ"

 

 

"เจ็บเหรอครับ"

 

"หึ...อ่า...อืม...แต่มันเสียวแปลกๆ อืมมม"

 

ขณะที่ถามน้องผมก็แทงเจ้ามังกรยักเข้าช่องทางรักที่กำลังขยายเพราะผมเปิดทางไว้แล้ว แต่เข้าได้แค่ส่วนหัว ร่างเล็กกับต่อต้านไม่ให้เข้าไปมากกว่านั้นจนผมก้มลงจูบตุ่มไตเม็ดเล็กสีสวยเพื่อระบายความเจ็บ

 

"หายใจเข้าลึกๆ คนดี ผ่อนคลายนะ" เหมือนน้องจะเริ่มทำตามที่ผมบอกผ่อนคลายลงบ้างจนผมค่อยๆ ขยับๆ เจ้ามังกรยักษ์เจ้าไปได้เกินครึ่งลำแล้ว

 

"อ่า...แน่นชิบหาย เสียวโคตร อืม" ผมกระแทกแก่นกายเข้าจนสุดลำ

 

"อึก..อ่า.มินเจ็บๆ" น้ำตาน้องไหลลงอาบสองแก้มทันที

 

"ขอโทษๆ พี่ไม่อยากให้มินทรมานนานๆ" ผมยกมือปาดน้ำตาให้น้องก่อนที่จะก้มลงจูบหน้าผากเกลี้ยงเกลาปลอบประโลมคนเสียน้ำตาให้คลายความเจ็บลงบ้าง

 

"เด็กหื่นคนก่อนหน้านี้หายไปไหนแล้วเนี่ย เหลือแต่เด็กขี้แยร้องให้น้ำตานองหน้าเลยทีนี้"

 

"ก็มันเจ็บนี่นา อึก.."

 

"ไหวไหมครับ ให้พี่ขยับได้รึยัง หรือจะให้หยุด" ผมก็ถามไปอย่างนั้นแหละเพราะถ้าน้องบอกให้หยุดจริงๆ ผมต้องตายแน่ๆ ตอนนี้ก็ทรมานแทบบ้าอยู่แล้ว

 

"หึ..ไม่เอาไม่หยุดนะ ห้ามหยุด" ผมเริ่มซอยสะโพกเบาๆ อีกครั้งก่อนที่จะเพิ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้เริ่มจะมั่นใจแล้วว่ามินน่าจะเริ่มรับมันได้แล้ว จึงขยับรัวสะโพกสอบเร็วขึ้นๆ

 

" อ่า..มินเสียว พี่ซอง"

 

"โคตรฟิตเลยคนดี อึก พี่ก็เสียว เอาโคตรมันเลย" ผมกระแทกสุดแรงจนร่างเล็กโยกคลอนตามจังหวะเข้าออกของเจ้ามังกรยักษ์

 

"ให้พี่..อ่า..เบาลงกว่านี้ไหมครับ อึก.." น้องไม่ตอบแต่กระแทกสวนขึ้นมาจนผมเสียวไปถึงปลายแก่นกาย ส่วนน้องก็ร้องครางลั่นฟังไม่เป็นภาษา

 

"อ่า..มินจะไปอีกแล้ว อ่ะๆ พี่ซองเร็วๆ อีก"

 

"รอพร้อมกันคนดี..อืม..." เสียงครางฮึมฮัมในลำคอของผมดังไม่หยุด พร้อมๆ กับการกระแทกรัวๆ และแรงขึ้นเพื่อให้ทั้งมินและผมถึงฝั่งฝันพร้อมกัน

 

"อ่า...จะเสร็จแล้วๆ"

 

"พี่ก็จะไปแล้ว อ่า..อึกกกก" ผมซอยสะโพกเข้าออกหนักๆ อีกสามสี่ทีน้ำสีขาวขุ่นทั้งของผมและของน้องพุ่งออกมาแทบจะพร้อมกัน ความสุขสมทางร่างกายหรือจะเท่าความสุขทางใจที่ตอนนี้ผมได้ครอบครองคนตัวเล็กของผมทั้งร่างกายและหัวใจถึงแม้ว่าจะไม่เต็มร้อยก็ตาม

 

ผมทิ้งตัวลงนอนเคียงข้างร่างเล็กที่นอนหอบหมดแรงอยู่บนเตียงนอน

 

"พี่มีความสุขจังคนดี พี่รักมินนะ"

 

"มินก็มีความสุข รัก..พี่เหมือนกัน" เราสองคนกอดก่ายกันอย่างมีความสุข ผมหอมหน้าผากมนหลายทีด้วยความรัก

 

"ขอบคุณที่ให้โอกาสพี่นะ"

 

"มินอยากอาบน้ำ เหนียวตัวจังเลย"

 

"ครับๆ เดี๋ยวพี่อาบให้" เราทั้งสองคนชำระล้างร่างกายอยู่นาน ร่างกายมินบอบช้ำอยู่มากเพราะความเอาแต่ใจของผม ผมใส่เพียงเสื้อเชิ๊ตตัวใหญ่ให้น้องก่อนจะอุ้มกลับมานอนบนเตียงอีกครั้ง งานนี้ผมบริการน้องทุกอย่างเองครับ ที่จริงอยากจะทำรักกับน้องหลายๆ ทีกว่านี้แต่อดสงสารไม่ได้ แค่นี้ก็ดีที่สุดแล้ว ผมมองคนที่หลับไหลสู่ห้วงนิทราทันทีที่หัวถึงหมอนก่อนที่จะล้มตัวลงนอนตามอีกคนไปทันที

*****************
จบตอนแล้ว nc มาได้ไง    :oo1:  :haun4:  :pighaun: น้องมินคนหื่น คนยั่ว คนอ่อย มาแล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน19 P.9(10/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-05-2016 19:26:45
 :laugh:   นี่มันแผนเผด็จศึกของน้องมินนี่เอง
ต้อนรับผัวทาสคนใหม่
ครัวซองรสเหล้าสินะน้องมิน.  :katai2-1:  ปรบมือให้พี่ทิมขอให้สมหวังกับน้องเก้าไวๆค่ะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน19 P.9(10/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 10-05-2016 21:39:53
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน19 P.9(10/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 10-05-2016 22:33:54
สรุปคือมินวางแผนเผด็จศึกพี่ซองต์ใช่รึเปล่า :z1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน19 P.9(10/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 10-05-2016 22:58:44
มินน้อยเสร็จพี่ซองแล้ววววว
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน19 P.9(10/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-05-2016 23:43:37
 :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน19 P.9(10/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 11-05-2016 03:09:47
มินต้องใช้ความบริสุทธิ์นี้แลกกับความเกลียมัวแน่เลย  (แค่นี้ก็กลัวระดับ9 แล้วนะพี่ซองอ่ะ)
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน19 P.9(10/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-05-2016 08:40:59
มินออกตัวแรงอะไรเบอร์นี้
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน19 P.9(10/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 11-05-2016 19:41:19
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน19 P.9(10/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: มะลิลา ที่ 11-05-2016 22:21:19
น้องมินอยากกินพี่ซอง o22
น้องมินช่างกล้ามากมาก :hao6:
ตกลงเมาจริงมั้ยเนี่ย?
แล้วก็พี่ซองอร่อยมั้ย? :z1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน19 P.9(10/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 14-05-2016 13:04:29
สุขสขอารมณ์หมาย ..
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน19 P.9(10/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Kunpimook ที่ 29-05-2016 19:23:57
รอๆๆลุ้นผลจากค่ำคืนสุดฟิน  น้องมินจะทำไงดับพี่ซองต่อ :mew1: :katai3:
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ สนุกทุกเรื่องเล้ยย
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน19 P.9(10/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 30-05-2016 22:15:38
รวดเดียวจบ!! ได้กันเฉยเบย 555555
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน19 P.9(10/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 03-06-2016 14:59:30
คนเขียนไปไหน  รออ่านพี่ซอง - น้องมินอยู่ รอพี่ซองไปขอน้องมินกับน้าดาว-คุณย่า

 :z3:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน19 P.9(10/05/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-06-2016 15:27:30
 :call: 
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน20 P.9(07/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 07-06-2016 11:19:37
แอบรัก 21

 

วันนี้เป็นวันหยุดนขัตฤกษ์ ที่บริษัทของพี่ซองก็หยุดด้วย ผู้บริหารหนุ่มจึงมาช่วยผมทำงานที่ร้านหนึ่งวัน  ยอมเป็นเบี้ยล่างให้ผมใช้ได้ตามใจชอบ แต่รายนี้ก็ไม่ได้อะไรกลับชอบด้วยซ้ำที่ถูกใช้แรงงานยังกับทาส ผมนั่งมองคนที่กระตือรือล้นช่วยนั่นช่วยนี่ตลอดเวลา ท่าทางแบบนี้ที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นอีกมุมของผู้ชายหน้านิ่งที่ดูแล้วก็น่ารักเหมือนกัน

 

"พี่ซองครับ เสริฟโต๊ะสี่" พี่ซองรีบมายกเครื่องดื่มแล้วก็เค้กไปเสริฟแบบไม่มีอิดออด แถมยังยิ้มทั้งวันเหมือนคนบ้า จากผู้ชายมาดนิ่งกลายเป็นผู้ชายยิ้มง่ายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แจกยิ้มให้ทุกคนไปทั่ว พอผมถามก็บอกว่ายิ้มเพราะมีความสุข ผมก็เข้าใจนะครับว่าคนเราเวลามีความสุขต้องยิ้ม แต่นี่ยิ้มจนปากจะฉีก ยิ้มทั้งวัน ยิ้มจนเหมือนคนบ้า

 

"มินครับ พี่อยากดื่มกาแฟ" หลังจากที่ลูกค้าเริ่มซาลงไปพี่ซองก็เข้ามาอ้อนผมทันที

 

"แต่เมื่อเช้าดื่มไปแล้วนะครับ" เมื่อเช้าผมพึ่งชงอเมริกาโน่ให้แท้ๆ พอตกบ่ายจะดื่มอีกแล้ว

 

“เช้าแก้วหนึ่งบ่ายแก้วหนึ่งไง" พี่ซองเอ่ยเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับผมมันเยอะเกินไปจริงๆ จะดื่มอะไรวันละสองแก้วสามแก้ว

 

"แสดงว่าเวลาที่อยู่ที่บริษัทก็ดื่มแบบนี้เหรอครับ" ผมหันไปถามพี่ซองที่นั่งลงข้างๆ จับมือผมขึ้นมาบีบเล่นเบาๆ

 

"มันจะได้สดชื่นไง มีแรงทำงานครับ” เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วนะครับคำว่ากูมึง มีแต่พี่ซองกับน้องมิน จนบางครั้งผมยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายคนนี้คือคนเดียวกันกับที่ผมรู้จักรึเปล่า

 

"ไม่ได้ครับมินอนุญาตแค่ตอนเช้า ตอนบ่ายเปลี่ยนเป็นโกโก้หรือไม่ก็พวกชาเย็นก็พอ” ผมจริงจังกับเรื่องนี้มากนะครับเป็นห่วงสุขภาพของพี่วอง ทั้งทำงานหนักแล้วยังดื่มพวกเครื่องดื่มทำลายสุขภาพเยอะๆ อีก แทนที่จะหาอะไรมาบำรุง

 

"ก็ได้ครับพี่ตามใจมินทุกอย่าง" มือหนายังคงกอบกุมมือผมเล่นไม่ยอมปล่อยส่งสายตาหวานมาให้ จนแม้แต่บราวนี่ยังเอ่ยแซวพี่ชายตนเองที่ทำตัวหวานเลี่ยนจนน่าหมั่นใส้

 

"ไม่ใช่สิ่งที่ต้องตามใจครับ แต่มันเป็นสิ่งที่พี่ต้องทำ มันจะได้ดีกับตัวพี่ซองด้วย" อายุก็เยอะขึ้นทุกวันไม่ดูแลตัวเองเลยสักนิด

 

"ครับ ถ้าอย่างนั้นพี่ขอชาเขียวเย็นแก้วหนึ่ง แต่น้องมินต้องชงนะครับ"

 

"ครับ" พี่ซองเปลี่ยนไปมากจริงๆ หลังจากที่เราตกลงคบกัน กลายเป็นคนที่น่ารักขึ้นมาแบบหลังมือเป็นหน้ามือ ส่วนใครที่เคยคิดว่าคุณคิณขี้อ้อนนี่ลืมไปได้เลย พี่ซองคนนี้หนักกว่า ถนัดที่จะทำให้ผมอายต่อหน้าสาธารณะชนยิ่งนัก

 

"มินครับวันนี้นอนบ้านพี่นะ" พูดไม่ทันขาดคำคนตัวโตก็ส่งสายตาอ้อนมาให้ผมทันที

 

"มินอยากนอนที่ห้องตัวเองครับ” คุณย่าสั่งพี่ซองเด็ดขาดว่าไม่ให้ไปนอนที่อื่นเพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวเอง แต่กลับลืมสั่งว่าไม่ให้ผมไปนอนห้องพี่ซอ งคราวนี้คนขี้อ้อนเลยอ้อนให้ผมไปนอนด้วยบ่อยๆ คุณย่าก็ว่าอะไรไม่ได้เพราะไม่อยู่ในข้อตกลง ผมแทบขำที่พี่ซองเอาช่องโหว่ของข้อตกลงมาเล่นงานคุณย่า ท่านถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว

 

"แต่พี่อยากนอนกับมิน อยากกอดมินทุกวัน มินนอนบ้านตัวเองหลายวันแล้วนะครับ” ก่อนหน้านี้ผมไปนอนที่บ้านพี่ซองทั้งอาทิตย์ จนเกรงใจคุณย่าแล้วก็แม่ กลัวว่าท่านทั้งสองจะรู้สึกไม่ดีที่เราทั้งสองคนทำอะไรผิดข้้นตอนไปหมด จึงอยากกลับมานอนบ้านตัวเองบ้างแต่นอนได้แค่สองวันก็จะมาไม้เดิมอีกแล้ว

 

"หลายวันที่ไหนเล่า พึ่งได้มานอนที่บ้านแค่สองวันเองนะครับ" ผมอ้อนพี่ซองกลับบ้างดูสิว่าจะทำยังไง อ้อนเป็นคนเดียวรึไง

 

"นั่นแหละครับ รู้ไหมพี่ใจจะขาดเพราะคิดถึงมินจะแย่" ดูคำพูดของพี่วองสิครับ มันเลี่ยนเกินไปจริงๆ ผมไม่เหมือนพี่พายที่จะมานั่งหวานกับคนรักอยู่ได้ทั้งวันหรอก

 

"แล้วขาดรึยังครับใจเนี่ย" ผมพุดประชดคนที่ทำท่าจะเป้นจะตายอยู่ข้างๆ

 

"โธ่! คนดีสงสารพี่เถอะนะครับ จะให้พี่ทำอะไรก็ได้ยอมหมดเลย" สายตาที่เคยดุคู่นั้นไม่มีแล้ว เหลือแต่ท่าทางอ้อนๆ กับสายตาหยาดเยิ้มที่ส่งมาให้ผม จนเผลอใจอ่อนเพราะไอ้สายตาแบบนี้มาหลายต่อหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ผมไม่ใจอ่อนเด็ดขาด

 

"หึๆๆ พี่ซองบ้า" ผมไม่รู้จะพูดว่าอะไรดีจึงได้แต่หัวเราะออกมา ก่อนจะหันไปแกล้งด่าอีกคนเบาๆ

 

"อ้าว! อยู่ดีๆ มาว่าพี่บ้าได้ยังไงครับ"

 

"มินไม่คุยด้วยแล้ว ชาเขียวเย็นแก้วหนึ่งใช่ไหมครับ ปั่นไหม" ผมเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีเพราะไม่อยากจะใจอ่อนอีก

 

"ไม่ครับ" ผมเอาชาเขียวมาเสริฟให้พี่ซองก่อนจะเข้าไปหลังร้าน ทำเค้กช่วยพี่พาย เพราะตอนเย็นลูกค้าจะเริ่มเยอะอีกรอบ ช่วยพี่พายในครัวได้ไม่ถึงสิบนาทีเสียงพี่ซองโวยวายอยู่หน้าร้านแว่วเข้ามาในครัวจนผมตกใจ

 

"มึงมาทำไม" พี่ซองโวยวายเสียงดัง แต่ผมไม่รู้ว่าเขากำลังพูดกับใครอยู่

 

"ผมเป็นลูกค้าที่ร้านนี้ ทำไมจะมาไม่ได้ล่ะครับ" เสียงพี่ทิมแน่ๆ เลยผมจำได้ จะมาทำไมไม่โทรมาบอกก่อนเนี่ย ทะเลาะกันจนได้ พี่ซองยิ่งไม่ชอบหน้าพี่ทิมอยู่แม้ผมจะอธิบายหลายๆ อย่างให้เข้าใจแล้วก็ตาม ส่วนพี่ทิมนี่ไม่อะไรหรอก แค่ชอบยั่วโมโหพี่วองเพราะรายนั้นของขึ้นง่าย

 

"แต่ร้านนี้ไม่ตอนรับมึง"

 

"คุณเป็นเจ้าของร้านเหรอครับ ผมพึ่งรู้นะเนี่ย"

 

"จะใช่หรือไม่ใช่ก็ไม่ต้อนรับ มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย"

 

"พี่ซอง!" ผมร้องเสียงเข้มใส่คนที่ยืนจังก้าหน้ายักษ์ใส่พี่ทิม จนร่างสูงสะดุ้งทันทีก่อนจะหันมามองผม ผมเดินออกมาจากในครัวดดยมีพี่พายเดินตามออกมาดูด้วย

 

"ครับน้องมิน" เสียงอ่อยเชียวนะครับคราวนี้ ทำไมไม่ปากเก่งเหมือนตอนด่าพี่ทิมนะ

 

"ไล่พี่ทิมทำไมครับ" ผมถามเสียงจริงจังใส่พี่ซองที่ยืนมองพี่ทิมนิ่งแต่ไม่พูดอะไร

 

"จริงด้วยครับมิน พี่แค่จะมาทานเค้ก ไม่ได้ทำอะไรเสียหายซะหน่อย" พี่ทิมทำหน้าตาน่าสงสาร ผมรู้ว่าเขาไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ หรอก แค่แกล้งพี่ซองเท่านั้นเอง พี่ทิมเป็นจอมเสแสร้งอันดับหนึ่งเลยล่ะครับ

 

"ถ้าอย่างนั้นพี่ทิมนั่งโต๊ะนี้นะครับ ส่วนพี่ซองไปดูแลลูกค้าคนอื่นเถอะครับ เดี๋ยวมินดูแลพี่ทิมเอง" สายตาตัดพ้อส่งมาให้ผมแค่แว้บเดียวก่อนจะเดินไปนั่งด้านในเคาน์เตอร์เหมือนเดิม ผมมองตามพี่ซองไปแต่ก็ไม่ได้เดินตามไปง้อ ปล่อยให้งอนไปก่อนขอเคลียร์กับพี่ชายสุดที่รักก่อน

 

"แกล้งคุณซองสนุกจังเลยอ่ะมิน อารมณ์ขึ้นง่ายชะมัด" ท่าทางที่บ่งบอกถึงความสนุกที่ได้แกล้งพี่ซองของพี่ทิมทำให้ผมอยากจะบ้าจริงๆ

 

"พี่ทิมก็อย่าไปแหย่พี่ซองนักสิครับ ก็รู้อยู่ว่าเขาอารมณ์ร้อน" ผมว่าพี่ทิมเบาๆ เพราะกลัวว่าพี่ซองจะได้ยิน

 

"อะไรครับเนี่ย พอดีกันแล้วเข้าข้างกันใหญ่" พี่ทิมตัดพ้อก่อนที่จะส่งสายตาน่าหมั่นใส้ให้ผม

 

"ไม่ใช่ซะหน่อยมินแค่ไม่อยากให้พี่ทั้งสองคนทะเลาะกัน" ในเมื่อทุกอย่างมันคลี่คลายไปในทางที่ดีแล้วผมก็อยากจะให้คนที่ผมรักทั้งสองคนเข้าใจกันมากกว่าที่เจอหน้ากันทีไรก็หาเรื่องกันตลอด

 

"ใช่สิ พี่มันแค่พี่ชายนอกใส้นี่นา จะสำคัญเท่าแฟนได้ยังไง" เริ่มมาแล้วครับโหมดดราม่าที่แสนจะเสแสร้งของพี่ทิม

 

"พี่ทิมอย่าแกล้งมินสิครับ พี่ไม่โกรธมินหรอกเนาะ" ผมส่งยิ้มหวานที่สุดในชีวิตให้กับคนหน้ามุ่ย

 

"ไม่ต้องมาสนใจพี่กลับไปหาแฟนเรานู่นไป"

 

"พี่ทิมอ่ะ วันนี้พี่ทิมจะทานอะไรมินเลี้ยงเอง อย่าโกรธมินเลยนะครับ"

 

"พูดจริงรึเปล่า ร้อยวันพันปีไม่เคยเลี้ยงพี่ ฮ่าๆ วันนี้เจ้าจอมงกจะเลี้ยงพี่"

 

"มินไม่ได้งกซะหน่อยแค่มินมีเงินน้อยจะเอาที่ไหนไปเลี้ยงพี่บ่อยๆ พี่ทิมแกล้งงอนมินจริงๆ ด้วย" กว่าจะมั่นใจว่าพี่ทิมแกล้งงอนจริงๆ ก็เผลอตกปากรับคำว่าจะเลี้ยงเค้กซะแล้ว อยูดีๆ ก็เสียเงินเลยเรา

 

"พูดแล้วห้ามคืนคำ"

 

"ครับๆ จะทานอะไรล่ะ เดี๋ยวมินเอามาเสริฟ” ผมจัดการเอาทั้งเค้กแล้วก็เครื่องดื่มเมนูโปรดของพี่ทิมมาเสริฟ ไม่รู้ว่าทำไมถึงชอบมาทานร้านเค้กเล็กๆ ของเราเหมือนกันนะครับ ทั้งๆ ที่พี่ทิมมีร้านของตัวเองอยู่แล้ว ทั้งใหญ่กว่าแล้วก็ดังกว่ามีสาขาอยู่หลายประเทศในแถบเอเชีย

 

"มินกลับเข้าไปข้างในก่อนนะครับ" ผมเป็นห่วงพี่องกลัวว่าจะน้อยใจมากไปกว่านี้ ที่เห็นผมให้ความสำคัญกับพี่ทิมมากกว่า

 

"จะไปง้อคุณซองล่ะสิ"

 

"ก็ใช่สิครับเพราะพี่ทิมนั่นแหละ" ไม่มีอะไรที่ต้องเขินอายแล้วเพราะพี่ทิมรู้เรื่องของผมกับพี่ซองแต่แรก คนตัวโตนั่งหน้าหงิกอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกด้านใน ไม่ได้อยู่หน้าเคาน์เตอร์อย่างที่คิด ผมรีบเข้าไปนั่งข้างๆ ทันที ที่ซองเหล่ตามองผมนิดนึงก่อนที่จะหันไปทำหน้านิ่งเหมือนเดิม

 

“พี่ซองเป็นอะไร โกรธมินเหรอครับ”

 

“เปล่า...พี่ไม่มีสิทธิ์โกรธมินหรอก มินจะทำอะไรก็ได้อยู่แล้ว” สงสัยคราวนี้จะน้อยใจจริงๆ เพราะตั้งแต่ที่เราเข้าใจกันพี่ซองจะเป็นคนที่คอยตามใจผม พยายามปรับตัวเข้าหาผมตลอดจนบางครั้งผมยังกลัวว่าสักวันเขาจะเบื่อที่ต้องตามใจผมด้วยซ้ำ

 

“มินขอโทษนะครับ พี่ซองไม่พอใจอะไรมิน”

 

“เปล่าครับ พี่ขอสงบสติอารมณ์ตัวเองแป๊บนึง” พี่ซองพูดนิ่งๆ เหมือนพยายามระงับอารมณ์ตัวเอง

 

“พี่ซองอย่าทำแบบนี้ได้ไหม มินแค่อยากให้พี่กับพี่ทิมคุยกันดีๆ บ้าง  พี่ทิมเป็นเหมือนพี่ชายของมิน ส่วนพี่ซองก็เป็นคนรัก แล้วถ้าทั้งสองคนทะเลาะกันแบบนี้มินจะทำยังไง” ทั้งๆ ที่ผมเล่าทุกอย่างให้พี่ซองฟังหมดแล้ว ทำไมยังอคติกับพี่ทิมอีก ส่วนพี่ทิมไม่มีอะไรหรอกถ้าพี่ซองพูดด้วยดีๆ เขาก็พูดดีด้วยแน่นอน

 

“พี่ขอโทษที่พี่ยังเป็นแบบนี้ แต่มันอดคิดไม่ได้ทุกที พี่กลัวว่ามินจะหันไปชอบคุณทิมเขาจริงๆ เพราะเขาดีกว่าพี่ทุกอย่าง”

 

“มินไม่ได้ชอบคนดี แต่มินชอบพี่ซอง ถึงดีแค่ไหนมินก็ไม่มีทางที่จะรู้สึกกับพี่ทิมเหมือนที่รู้สึกกับพี่ซองหรอกครับ” อ้อมกอดอบอุ่นที่มีเพียงพี่ซองเท่านั้นที่สามารถมอบมันให้ผมได้ ความรู้สึกแบบนี้ไม่ว่าจะอีกกี่คนก็ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ไม่ได้

 

 

“หึๆ ทำให้พี่รู้สึกรักมินมากขึ้นอีกจนได้” ลำแขนแกร่งโอบกอดผมไว้ทังตัวก่อนที่จะก้มลงหอมหัวผมเบาๆ  ใบหน้าผมซุกกับอกแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ความรู้สึกตอนนี้มันสุขจนล้นหัวใจ จนอยากให้เวลาทุกวินาทีที่ผ่านไปเชื่องช้าที่สุดเท่าที่จะเป็นได้




 

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เครื่องหรูของพี่ซองแผดเสียงดังขึ้น ขณะที่เราทั้งสองคนยังถ่ายทอดความรักให้แก่กัน พี่ซองมองหน้าผมเล็กน้อยก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู สายตาไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ก่อนที่จะกดรับทันทีก่อนที่ปลายสายจะรอนานกว่านี้ ผมได้แต่นอนหอบมองการกระทำของของพี่ซองด้วยความสงสัย ปกติเวลาที่เรามีอะไรกันถ้าไม่ใช่สายที่สำคัญพี่ซองจะไม่รับเด็ดขาด ผมได้แต่เก็บความสงสัยไว้คนเดียว ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยถาม

 

“ครับเฟีย” ผู้หญิงคนนั้นสินะ ทำไมผมรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังเป็นชู้กับแฟนคนอื่นเลยล่ะตอนนี้ ทั้งๆ ที่พี่ซองเป็นแฟนผม ไม่รู้ว่าปลายสายพูดว่าอะไรแต่พี่ซองกลับตอบรับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จนความรู้สึกน้อยใจปนสมเพชตัวเอง มันจุกในอก นี่ผมลืมไปได้ยังไงว่าพี่ซองกับคุณเฟียคบกันอยู่ก่อนหน้านี้ ผมเองที่มาทีหลัง แล้วยังยึดคนตรงหน้าไว้เป็นของตนเองโดยลืมนึกถึงผู้หญิงอีกคนที่เขามาก่อนผมด้วยซ้ำ ผมนี่เลวจริงๆ

 

“พรุ่งนี้เจอกันที่ร้าน OO นะครับ หกโมงเย็นครับ” พี่ซองนัดกับผู้หญิงคนนั้นก่อนที่จะวางสายไป เขาสองคนนัดเจอกันต่อหน้าผมทั้งๆ ที่เราเพิ่งมีอะไรกัน เขาไม่แคร์ผมเลยเหรอ ผมไม่ได้เป็นเมียพี่ใช่ไหมครับ

 

“เรามาต่อกันเลยดีกว่านะครับมิน” พี่ซองทำเหมือนเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ผมเจ็บรู้ไหม ทำไมไม่พูดไม่อธิบายอะไรสักอย่าง ปล่อยให้ผมคิดเองเออเองแบบนี้ ผมได้แต่ทอดมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย โดยที่อีกคนไม่สนใจความรู้สึกผมเลยสักนิด ยังคงซุกหน้ากับซอกคอผมทั้งดูดทั้งเม้มจนผมเจ็บ ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์ที่จะตอบสนองอะไรทั้งนั้น ได้แต่นอนนิ่งๆ ปล่อยให้น้ำตามันไหลอยู่อย่างนั้น

 

 

พี่ซองไม่สนใจผมจริงๆ แล้วสินะ ทั้งๆ ที่ผมร้องให้ขนาดนี้เขายังไม่รู้ไม่ใส่ใจเลยด้วยซ้ำ นี่ผมโง่จริงๆ ใช่ไหม  เอาหัวใจมาเดิมพันกับคนไร้ความรู้สึกมันก็เจ็บแบบนี้ จะโทษใครได้ในเมื่อเลือกที่จะเดินตกหลุมพรางที่อีกคนขุดเอาไว้ เหมือนพี่ซองจะหยุดนิ่งไปสักพักเพราะคงรู้ถึงความผิดปกติของผม เขาเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยความสงสัยปนตกใจ มือหนายกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มผมไม่ยอมหยุด

 

"เป็นอะไรไปครับ ร้องให้ทำไมคนดี พี่ทำมินเจ็บตรงไหน” เหมือนพี่ซองจะร้อนรนกลัวว่าตัวเองจะทำให้ผมเจ็บ รีบจับผมพลิกซ้ายทีขวาที แต่มันไม่ได้เจ็บที่ร่างกายมันเจ็บที่ใจต่างหาก

 

“...........” ผมไม่ได้ตอบอะไรได้แต่มองคนตัวโตด้วยความพร่าเลือนเพราะหยาดน้ำตามาบดบังเอาไว้

 

“พี่ขอโทษๆ บอกพี่หน่อยมินเป็นอะไร”

 

“พี่ฮึก..พี่ซองจะเลิกกับมินไหม” ผมถามออกไปแล้ว ผมกลัวคำตอบที่อีกคนจะตอบจริงๆ กลัวว่าเขาจะเลิกกับผม

 

“เอาอะไรมาพูด พี่จะเลิกกับมินได้ยังไง”

 

“หมายความว่า ฮึกๆ...พี่ซองจะคบมินพร้อมกับคบคุณเฟียเหรอครับ ฮึก...” ทำไมพี่ซองเห็นแก่ตัวแบบนี้จะคบสองคนพร้อมกันได้ยังไง ไม่เอาหรอกยังไงผมก็จะเลิก

 

“หึๆ เด็กน้อยเอ้ยที่ร้องให้นี่เพราะกลัวพี่จะเลิก แล้วก็ยังไปคบกับเฟียอีก” ยังมีหน้าจะมาหัวเราะอีก อธิบายสิไอ้พี่บ้า ผมตีเข้าที่อกแกร่งไปหลายที น้ำตาก็ยังไหลไม่ยอมหยุด

 

“พี่กับเฟียเป็นเพื่อนกัน เหมือนที่มินเป็นพี่น้องกับคุณทิมไงครับ แล้วพี่จะไปคบกับเฟียได้ยังไงครับ”

 

“ไม่เหมือน  มินกับพี่ทิมเป็นพี่น้องกันจริงๆ ส่วนพี่ซองกับคุณเฟียเป็นเพื่อนที่มความสัมพันธ์เกินเพื่อนไปแล้ว” มันจะเหมือนกันได้ยังไงผมไม่เคยมีอะไรกับพี่ทิมและไม่เคยคิดเกินเลยไปกว่านั้น ส่วนพี่ซองกับคุณเฟียมันไม่ใช่

 

“พี่ยอมรับครับ แต่พี่กับเฟียเราตกลงกันแล้ว ตอนนี้พี่มีน้องมินแล้วจะไปมีความสัมพันธ์แบบนั้นกับเฟียอีกได้ยังไง พรุ่งนี้ไปหาเฟียกับพี่นะครับ”

 

“ไม่เอามินไม่อยากไป” จะให้ผมไปในฐานะอะไร ไม่อยากเป็นส่วนเกิน

 

“ห้ามปฏิเสธครับ เพราะพาจะพามินไปเปิดตัว”

 

“ไม่ต้องมาบังคับมิน” ผมโกรธพี่ซองมาก ทำไมเป็นคนแบบนี้

 

 “ไม่ได้บังคับแต่ต้องไปครับ มินเป็นเมียพี่ เป็นคนรักของพี่ แล้วพี่กับเฟียเราไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าความเป็นเพื่อน แม้ว่าก่อนหน้านี้อาจจะมีความสัมพันธ์ทางกายแต่หลังจากที่พี่จริงจังเรื่องมินพี่ก็ไม่เคยทำแบบนั้นอีกเลยนะครับ” อธิบายมาซะยาวเหยียด ผมเชื่อตั้งแต่คำแรกแล้วล่ะครับ แต่ต้องทำเป็นโกรธ เพราะไม่อยากให้เขาคิดว่าผมง่ายแบบที่ผ่านมาจะได้ไม่คิดจะทำอะไรลับหลังผม

 

“ไปก็ได้ครับ” ผมตกลงที่จะไปแต่ก็ยังทำหน้านิ่งๆ เหมือนไม่ยินดียินร้ายอะไร

 

“ถ้าอย่างนั้นเรามาต่อเรื่องที่ยังค้างคาดีกว่านะครับ” พี่ซองเริ่มซุกไซ้ซอกคอผม มือปลาหมึกเริ่มทำงานอีกครั้ง แต่ผมต้องใจแข็ง ไม่มีทางยอมง่ายๆ หรอก

 

“ปล่อยมินครับ ถ้าเรื่องยังเคลียร์ไม่จบพี่ซองห้ามทำอะไรมินเด็ดขาด” คนตัวโตชะงักทันที ก่อนที่จะเงยหน้ามองผมด้วยสายตาเว้าวอน ‘ใจแข็งไว้มิน อย่าใจอ่อนเด็ดขาด เพื่ออนาคต’

 

“เราเคลียร์กันแล้วไม่ใช่เหรอที่รัก” เสียงอ่อยได้อีกครับ

 

“ยังไม่เคลียร์ครับ จนกว่าทุกอย่างจะจบ”

 

“ก็ได้ครับ” พี่ซองล้มตัวลงนอนข้างๆ ก่อนที่จะดึงผมเข้าไปกอด ผมรู้ว่าเขาคงทรมานแต่ผมก็ต้องทำ ผมกอดตอบคนข้างๆ ก่อนที่จะยื่นหน้าไปจูบปลายคางคนตัวโตเบาๆ มือหนายกขึ้นลูบหัวผมสองสามทีก่อนที่ผมและพี่ซองจะหลับไปในที่สุด

 

************

 

บรรยากาศน่าอึดอัด นี่เป็นเพียงคำเดียวที่ผมคิดได้ตอนนี้ ผมนั่งอยู่ต่อหน้าผู้หญิงที่เคยมีความสัมพันธ์ทางกายกับพี่ซอง อีกทั้งยังเป็นเพื่อนที่พี่ซองสนิทอีก ผมทำหน้าไม่ถูกเลย แม้ว่าเธอจะยิ้มให้ผมแต่ว่าผมก็ไม่มั่นใจในรอยยิ้มนั้นเลยสักนิด พอเธอมาถึงก็กอดกับพี่ซองแถมยังหอมแก้มอีก เข้าใจว่าเรียนเมืองนอกมา อาจจะติดวัฒนธรรมฝั่งตะวันตกแต่ผมรู้สึกไม่ดีเลยสักนิด

 

"เฟียห้ามทำแบบนี้กับซองอีกนะ ก็เห็นอยู่ว่าซองมีคนรักแล้ว" พี่ซองเหมือนจะไม่พอใจที่คุณเฟียทำแบบนี้

 

 

"ทำไมพูดเหมือนไม่มีเยื่อใยให้เฟียเลยล่ะคะ" เธอทำหน้ากระเง้ากระงอดใส่พี่ซอง ส่วนผมก็ได้แต่นั่งมองตาปริบๆ ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

 

"ไม่ตลกนะครับเฟีย ผมไม่เล่น"

 

"โธ! แกล้งเล่นแค่นี้เอง ทำเป็นฟึดฟัดใส่ เดี๋ยวเฟียยุให้น้องมินหาแฟนใหม่เลยดีกว่า" ผู้หญิงตรงหน้าพูดอะไร ผมงงไปหมดแล้วทำไมเธอพูดง่ายๆ เหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่ซองเลยสักนิด

 

"ไม่ต้องมายุ่งกับคนรักของผมเลยครับ เรามีเรื่องที่ต้องคุยกันให้เข้าใจ" น้ำเสียงจริงจังของพี่ซองทำให้คุณเฟียทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ

 

"ว่ามาค่ะ" เหมือนเธอไม่ค่อยใส่ใจคำพูดพี่ซองเลยด้วยซ้ำ

 

"นี่มินคนรักของผม  เฟียคงรู้จักแล้ว ส่วนความสัมพันธ์ของเราผมขอให้เหลือไว้เพียงคำว่าเพื่อน ไม่มีอะไรนอกเหนือจากนั้น" พี่ซองอธิบายไปเรื่อย ส่วนเธอก็นั่งฟังเงียบๆ ไม่บ่งบอกอารมณ์หรือความรูสึกใดๆ เหลือบมองผมนิดนึงด้วยอ่ะ ทำไมล่ะหรือว่าเธอจะไม่ยอม

 

 

"เชอะ...พอมีคนใหม่แล้วลืมเฟีย น้อยใจจัง" เธอพูดติดตลก แล้วยังเชิดหน้าใส่พี่ซองอีก ดูไปดูมาเธอก็น่ารักดีนะครับ แต่สถานการณ์แบบนี้ผมยังจะมาสนใจความน่ารักจองเธออีก  ผมได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจ

 

"เฟียครับ จะเล่นอะไรดูหน้าแฟนกูด้วยครับ" ทำไมพี่ซองพูดกูกับคุณเฟียล่ะ

 

"ผู้ชายปากร้าย ใจร้ายที่สุดเลย พูดจาแบบนี้ได้ยังไง น้องมินดูสิคะ " พูดจบปุ๊บเธอก็เกาะแขนผมปั๊บ เหมือนกับฟ้องผมอย่างนั้นแหละ

 

"....." อึ้งครับ

 

"น้องมินขา หาแฟนใหม่ดีกว่านะ หรือจะให้พี่เฟียเลี้ยงก็ได้นะคะ น่ารักๆ แบบนี้พี่เฟียรักตายเลย ยอมมอบกายถวายทุกอย่างให้เลย" คุณเฟียกอดผม ซุกหน้าเข้ากับซอคอผม ก่อนที่จะยืดตัวมาหอมแก้มซะหลายที  ในร้านอาหารนะครับ ทำไมเธอไม่อายบ้างเลย ผมได้แต่แกะมือเธอออกเบาๆ  แต่ก็ไม่สำเร็จ พี่ซองครับช่วยมินด้วย คุณเฟียน่ากลัว

 

"ปล่อยแฟนซองเดี๋ยวนี้เลยเฟีย”

 

“ไม่ปล่อยย่ะ อยากมาทำปากเสียเอง คอยดูเถอะเฟียจะแย่งน้องมิน” ทำยังไงดีคุณเฟียไม่ยอมปล่อยผม พี่ซองก็มองจนตาจะถลนอยู่แล้ว

 

“กล้าเหรอ”  คำพูดสั้นๆ บวกกับสายตาพิฆาตที่ส่งมายังคุณเฟีย แต่เธอกับลอยหน้าลอยตาไม่กลัวเลยสักนิด

 

“อย่ามาท้าเฟีย ถ้าน้องมินตกลงเฟียจะพาไปตอนนี้เลย ใช่ไหมคะน้องมินคนดี”

 

“เอ่อ..คุณเฟียปล่อยมินก่อนเถอะครับ แล้วก็ช่วยตอบมินหน่อยเถอะครับว่าทั้งสองคนคุยอะไรกัน ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเรื่องที่จะมาคุยวันนี้เลยสักนิด” ทั้งสองคนปล่อยให้ผมนั่งงงเป็นไก่ตาแตกอยู่คนเดียว แล้วก็พากันคุยไร้สาระอะไรไม่รู้ ทะเลาะกันเหมือนเด็กๆ

 

“มานั่งนี่ครับมิน แล้วพี่จะอธิบายทุกอย่างให้ฟัง” ผมรีบเลุกเดินไปนั่งใกล้ๆ พี่ซองทันที เพราะตอนนี้เริ่มจะกลัวผู้หญิงแบบคุณเฟียแล้ว

 

พี่ซองกับคุณเฟียเป็นเพื่อนกันอย่างที่ผมรู้ตอนแรก  อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์แบบเซ็กเฟรนด์  ตอนที่ผมได้ยินครั้งแรกยอมรับเลยว่าตกใจมาก แต่ตอนนี้พอที่จะเริ่มตั้งสติได้แล้วเพราะพี่ซองเคยพูดให้ฟังแล้วครั้งหนึ่ง  ส่วนเรื่องที่ทำให้ผมช็อคอีกเรื่องก็คงจะเป็นเรื่องที่คุณเฟียเป็นไบเซ็กชวล ฟังไม่ผิดหรอกครับ คุณเฟียชอบทั้งผู้ชาย ผู้หญิง ทอม อะไรประมาณนั้น แถมเธอยังมีความคิดแบบตะวันตกเรื่องเซ็กอีก เธอจึงไม่ซีเรียสเรื่องพี่ซองเลยสักนิด  เธอทำผมอึ้งเป็นสิบรอบแล้วมั้งครับวันนี้   เป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนอย่างที่ผมคิดไว้ตั้งแต่ตอนแรกเลยด้วยซ้ำ เธอเป็นผู้หญิงหลายมิติแถมยังน่ารักอีกต่างหาก ถ้าไม่ติดตรงสายตาหื่นๆ ดูน่ากลัวมากครับ

 

 

“น้องมินกลับกับพี่นะคะ รับรองพี่ดูแลดีกว่าไอ้ผู้ชายเย็นชาคนนี้แน่นอนค่ะ “ คุณเฟียกอดผมแน่นขณะที่เดินไปที่ลานจอดรถด้วยกัน

 

 

“เฟียยยย” พี่ซองลากเสียงยาว ก่อนที่จะดึงผมกลับมา กลายเป็นว่าผมโดนทั้งสองคนลากไปลากมาจนเจ็บแขนไปหมดแล้ว ไม่เห็นใจกันบ้างเลยใช่ไหมเนี่ย

**************

จบตอนแล้ว ช่วงนี้ช้าหน่อยนะคะ  งานส่วนตัวยุ่งมากๆ ไม่มีเวลาเลย ถ้าว่างจะพยายามอัพบ่อยๆ แต่ไม่หายแน่นอน รับรองเรื่องที่แต่ง จบทุกเรื่องค่ะ ไม่ให้รีดเดอร์ค้างแน่นอนค่ะ แต่อาจจะช้านิสสนึง



 

 

 
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน20 P.9(07/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 07-06-2016 11:55:05
บอกตรงๆๆ ทุเรส ไอ้ซองกับ มินจริงๆๆ  ใจกว้ามาก ซองเอาคนที่เคยนอน เคยเอา มาบอกกับแฟนปัจจุบัน เหมือน 3 คนผัวเมียอะ จะฟินนะแต่ตอนนี ฟินไม่ลง ไม่มีใครคนไกนยอมทำใจได้หรอก ทุเรศอะ พาเมียใหม่ไปเปิดตัวกับเมียเก่ามันยังไงอะบอกไม่ถูก มินใจกว้าง มาก ไม่มีอะไรติดใจเลยหรอ ส่วน ไอ้ซองก้อแบบ ดูยังไงก้อไม่ใช่ เพราะเฟียไม่ใช่แค่เพื่อนที่จะมาคุย เล่น หยอกเรืรองมินกัน คนเคยนอนนด้วยกันอะ ต่อให้บริสุทธิ์ใจแต่ไหน ไม่มีใครเชื่อหรอก หมดคำพูดอะ กะตอนนี้ ผิดหวังกะมินด้วย ซองจะจูงไปทางไหน ก้อไปแถมไอ้ซองยัง คุยเล่นแบบไม่มีอะไรอีก ดีไม่พาาไปแนะนำกะคู่นอนทุกคน
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน20 P.9(07/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 07-06-2016 16:01:57
เคลีย ที่ยังไม่เคลีย ..
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน20 P.9(07/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-06-2016 16:25:28
 :ling2:  เราว่าการที่ซองพามินมาเจอยัยยนี่มันไม่เข้าท่าอะ
แล้วยัยนี่อะไรยะ จะเปิดกว้างมากเกินไปจนเพี้ยนแล้ว รู้จักวางตัวบ้างไหมการศึกษาก็มีนะยะ
พี่ซอง เคลียร์ให้มันดีๆหน่อยเถอะอย่าทำเป็นเด็กเล่นขายของ
สงสารมิน น้องผ่านอะไรมาเยอะแล้วนะ สมควรมีความสุขจริงๆได้แล้ว
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน22 P.9(07/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: gookgik ที่ 07-06-2016 17:37:59
พี่ซองทำแบบนี้ก็ดี พาน้องมินมาเคลียร์เรื่องตัวเองให้ชัดเจนว่าเฟียเป็นเพียงเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น  เหมือนที่มินก็มีพี่ทิมเป็นพี่ชายคนหนึ่งเหมือนกัน

ว่าพี่คินอ้อนเก่งแล้ว พี่ซองก็อ้อนเก่งไม่แพ้กัน 

--------------------------------------
ปล. คนเขียนตรวจทานด้วยนะคะ เพราะพิมพ์พี่ซองเป็นพี่วองอยู่หลายที่เหมือนกัน

หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน22 P.9(07/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 07-06-2016 17:41:12
 แอบรัก 22(จบ)

แสงแดดสีทองพาดผ่านผ้าม่านในเช้าของวันใหม่กระทบสองร่างที่นอนกอดก่ายหลังจากถ่ายทอดความรักให้กันทั้งคืน ร่างเล็กหลับสนิท แต่อีกคนกลับตื่นแต่เช้านั่งมองอีกคนในอ้อมกอดด้วยสายตาเอื้อเอ็นดู เสียงน้ำตกไหลกระทบโขดหินให้ได้ยินตลอดเวลาทำให้บรรยากาศในการมาพักผ่อนครั้งนี้โรแมนติกดีเหลือเกิน

 

หลังจากที่เราสองคนคบกันได้สักระยะหนึ่ง แล้วผมก็พิสูจน์ตัวเองให้ทั้งคุณย่า น้าดาว รวมทั้งน้องมินได้เห็นความจริงใจของผมแล้ว ท่านยอมรับความรักของผมที่มีต่อน้องแล้ว ผมจึงขออนุญาตพาน้องมาพักผ่อนตามลำพัง นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เราสองคนได้อยู่ด้วยกันจริงๆ  โดยที่ไม่มีคนอื่นมาเกี่ยวข้อง กว่าจะหาที่เที่ยวที่ตรงใจเราทั้งสองคนได้นี่ก็นานพอสมควร จนเราตกลงกันที่จะมาเที่ยวที่เชียงใหม่ ผมจองบ้านพักสุดหรูไว้สำหรับเราสองคน บ้านพักขนาดไม่ใหญ่มากเห็นวิวน้ำตกชัดเจน อีกทั้งยังมีสระว่ายน้ำส่วนตัวอยู่ในที่พักด้วย  ผมกะว่าจะเซอร์ไพรส์ให้น้องตกใจ แต่พอมาเห็นที่พักเท่านั้นแหละ คำแรกที่ถามคือราคาห้องพัก ก่อนจะบ่นใหญ่เลยว่าเปลืองเงิน ทำไมไม่พักห้องธรรมดา แต่บ่นได้ไม่นานก็กลายเป็นตื่นเต้นดีใจที่ได้เห็นวิวสวยๆ อีกทั้งบรรยากาศรอบตัวนั้นแสนจะเย็นสบาย ไม่เหมือนกรุงเทพฯ ที่ร้อนจนตับจะแตก

 

เรามาถึงตั้งแต่เมื่อวานบ่ายๆ จนตอนนี้ยังไม่ได้ออกจากห้องพักไปไหนเลย ผมพึ่งปล่อยให้น้องได้พักผ่อนไปเมื่อตอนตีสองกว่าๆ นี่เอง ร่างเล็กหลับสนิทแขนเรียวยังกอดผมไว้ไม่ยอมปล่อย ผมนั่งมองคนรักด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ไม่คิดเลยว่าการยอมรับความรู้สึกตัวเอง แล้วจะทำให้มีความสุขขนาดนี้ ถ้าผมรู้อย่างนี้คงไม่ปล่อยให้เวลาผ่านเลยมาแบบไร้ประโยชน์หลายปีแบบนี้หรอก  นั่งฟังเสียงน้ำตกเพลินๆ อีกคนก็ขยับตัวยุกยิกจนผมต้องก้มหน้าลงไปมองคนที่พึ่งตื่น หัวฟูเชียวลูกแมวเหมียวของผม มือเล็กขยี้ตาสองสามทีก่อนที่จะเงยหน้ามองผม

 

 

“พี่ตื่นนานแล้วเหรอครับ” ถามทั้งๆ ที่ยังงัวเงีย ตื่นไม่เต็มตา

 

“สักพักแล้วครับ ถ้ามินง่วงก็นอนต่อเถอะ พี่นั่งอ่านหนังสืออยู่นี่แหละ”  ผมอยากให้น้องได้พักผ่อนเต็มที่เพราะเมื่อคืนผมเอาเปรียบน้องทั้งคืน

 

“นอนด้วยกันสิครับ มินไม่อยากนอนคนเดียว” น้ำเสียงรั้นปนอ้อนนิดๆของคนที่นอนไม่อิ่มสั่งให้ผมนอนเป็นเพื่อน

 

“พี่ไม่ได้ไปไหน นั่งอยู่บนเตียงนี่แหละครับ จะรอจนกว่ามินจะตื่น”

 

“ไม่เอา  พี่ซองนอนลงเดี๋ยวนี้เลย  ทำมินเจ็บขนาดนี้ต้องเชื่อฟังมินรู้ไหม” เดี๋ยวนี้เป็นอะไรไม่รู้ชอบบังคับผม แต่ไม่ใช่บังคับแบบที่ผมไม่ชอบนะครับ เวลาที่อยู่ด้วยกันทั้งๆ ที่เหมือนอยากจะอ้อนผม แต่เขาคงไม่เคยทำเลยกลายเป็นพูดแข็งๆ เหมือนบังคับ แต่ที่จริงคงอยากอ้อนเหมือนคนอื่นเขานั่นแหละแต่ทำไม่เป็นมากกว่า

 

“ครับๆ นอนแล้ว” ผมล้มตัวลงนอนอีกครั้ง หันหน้าหาร่างเล็กก่อนที่จะสอดแขนเข้าไปรองศรีษะเล็กของอีกคน น้องหันมากอดและซบอกผมตามความเคยชิน

 

“นอนนะครับ ถ้ามินหลับพี่ก็ต้องหลับ”

 

“คร้าบบที่รัก” ผมจุ๊บเหม่งไปหลายทีก่อนที่จะเคลิ้มหลับตามอีกคนไป ทั้งๆ ที่คิดว่าตัวเองนอนพอแล้ว แต่มันไม่ใช่เพราะร่างกายผมก็คงเพลียไม่ต่างจากน้องเท่าไหร่หรอก

 

กว่าที่เราสองคนจะตื่นก็เกือบสิบเอ็ดโมง ข้าวปลายังไม่ได้ทานเลย เมื่อคืนก็โทรสั่งรูมเซอร์วิส เพราะว่าไม่อยากออกไปไหนเสียเวลาปฏิบัติภารกิจ มื้อนี้ก็คงต้องอาศัยรูมเซอร์วิสตามเคย เพราะกลัวน้องตื่นมาแล้วจะหิว เลยสั่งมารอไว้ก่อน

 

“ไปอาบน้ำได้แล้วครับ หรือว่าจะอาบพร้อมพี่ดี” ผมมองคนที่ลืมตาตื่นมาสักพักแล้ว แต่ยังไม่ขยับตัวไปไปไหนนอนมองเพดานตาปริบๆ ไม่พูดไม่จา

 

“มินเมื่อยตัวอ่ะ ไม่อยากลุกเลย” น้องคงจะปวดเนื้อปวดตัวเพราะผมจัดหนักยิ่งกว่าวิ่งมาราธอนซะอีก

 

“เดี๋ยวพี่อาบน้ำให้ หรือว่าจะทานข้าวก่อนแล้วค่อยอาบพี่สั่งไว้ให้แล้ว” ผมเสนอทางเลือกให้คนหน้างอไม่รู้ว่างอนผมรึเปล่าที่ทำรุนแรงแบบนี้

 

“อาบน้ำก่อน พี่อาบให้มินจริงๆ นะครับ แต่ห้ามทำอย่างอื่นนอกเหนือจากอาบน้ำ” จะพยายามนะครับที่รัก อันนี้คิดในใจ

 

“ได้ครับ เดี๋ยวพี่เตรียมน้ำอุ่นให้ก่อนจะได้แช่ให้สบายตัว” ผมลุกขึ้นเดินโทงๆ เข้าห้องน้ำไปเสื้อผ้าไม่ได้ใส่ แต่ไม่คิดจะอายหรอกอะไรๆ ก็เห็นมาหมดแล้ว จะมีก็แต่น้องที่ยกมือปิดตาทั้งสองข้าง อีกทั้งแก้มยังแดงเป็นลุกตำลึงสุกอีกต่างหาก

 

ผมอุ้มน้องไปแช่น้ำอุ่นที่เตรียมไว้เรียบร้อย วางน้องลงในอ่างจากุซชี่อย่างเบามือเพราะกลัวอีกคนจะเจ็บ ก่อนที่จะออกมาจัดการกับเศษซากต่างๆ ที่วางเกลื่อนเต็มห้อง โทรแจ้งแม่บ้านรีสอร์ทให้เข้ามาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ด้วยเลยระหว่างที่เราอาบน้ำจะได้ไม่เสียเวลา จัดการธุระด้านนอกเสร็จก็เข้าไปอาบน้ำพร้อมน้องเลย

 

“ออกไปนานจังเลยครับ มินแช่น้ำจนตัวจะเปื่อยอยู่แล้ว” เสียงเล็กเอ่ยตัดพ้อที่ผมปล่อยให้อาบน้ำคนเดียวซะนาน

 

“พี่โทรแจ้งทางรีสอร์ทให้มาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ครับ” ผมถอดชุดคลุมแขวนไว้ก่อนจะเดินมาหาร่างเล็กที่จ้องผมไม่วางตา ไม่รู้ว่าตะลึงที่เจ้ามังกรยักษ์ของผมมันผงาดไม่ยอมกลับคืนสภาพเดิมหรือว่าอย่างไร ทั้งๆ ที่ผมเสร็จไปหลายรอบแต่มันกลับยังตื่นตัวเหมือนคนที่ต้องการเรื่องเซ็กตลอดเวลา ผมเหมือนคนโรคจิตที่เพียงแค่เห็นร่างเปลื่อยเปล่าของน้อง อะไรๆ ของผมมันก็พร้อมที่จะรบภายในเวลาไม่นาน กับผู้หญิงที่ผมเคยผ่านมาจะกี่คนก็ไม่เคยทำให้ผมคลั่งแบบนี้

 

“แล้วเสื้อผ้าเราที่กระจายอยู่เต็มห้องล่ะครับ แล้วก็ถะ...ถุงยางด้วย”  ริมฝีปากเล็กสั่นๆ เอ่ยถามออกมาทันที ทั้งๆ ที่สายตายังจ้องเจ้าลูกชายผมไม่วางตา เหมือนจะรับรู้ว่าอีกไม่นานคงจะโดนผมจัดหนักๆ สักรอบสองรอบ

 

“อันนั้นพี่เก็บหมดแล้วครับไม่ต้องกลัว หึๆ”

 

“พี่บ้า หัวเราะทำไม มินแค่กลัวเขาจะมาเห็นแล้วเอาไปนินทานี่นา” ที่ผมหัวเราะมันคนละเรื่องกับที่น้องคิดครับ

 

 

“มันเป็นเรื่องปกติอยูแล้ว ทำงานโรงแรมก็ต้องเจอแบบนี้เป็นธรรมดา”

 

“แต่มินอายนี่ครับ” ผมลงนั่งเบียดร่างเล็กในอ่างจากุซชี่ขนาดใหญ่ ก่อนจะรั้งร่างเล็กให้มานั่งบนตักผมพร้อมกับกอดอีกคนแน่นจนน้องเผลอทำหน้ามุ่ยใส่  ทำหน้าตาแบบนี้เดี๋ยวก็จับฟัดแรงๆ ซะหรอก แค่นี้ก็จะทนไม่ไหวอยู่แล้ว

 

"ห้ามทำอะไรมินนะครับ" เหมือนจะเริ่มรู้ชะตากรรม ว่าความปลอดภัยของบั้นทายเริ่มจะมีน้อยลงทุกที สั่งห้ามผมเสียงเขียวเลยทีนี้

 

"ไม่รับปากครับ  เพราะแค่นี้ลูกชายพี่ก็ผงาดจนปวดไปหมดแล้ว" ผมส่งสายตากรุ้มกริ่มใส่คนที่นั่งมองค้อนผมอยู่บนตัก

 

"ใจคอจะไม่ให้มินได้ออกไปเที่ยวไหนเลยเหรอ ตั้งแต่มาถึงยังไม่ได้ออกจากห้องเลยนะครับ" มันก็จริงครับเพราะตั้งแต่เมื่อวานบ่ายๆ ผมก็จัดหนักๆ ให้น้องจนเกือบเช้า สมควรที่อีกคนจะงอน

 

"พรุ่งนี้รับรองพาเที่ยวเต็มที่เลยครับ แต่วันนี้ขอให้พี่กินมินก่อนนะคนดี" มือหนาเริ่มลูบไล้หน้าท้องเนียนแผ่วเบา จนคนตัวเล็กขนลุกเกรียวเพราะความสะท้านจากสัมผัสของผม มือเล็กพยายามดันตัวผมออกจากเขา แต่ก็ไม่สำเร็จ ผมจูบซับแผ่นหลังขาวเนียนไปเรื่อยจนอีกคนครางออกมาแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยประท้วงไม่เต็มเสียงเท่าใดนัก

 

"อื้อ...ไม่เอานะครับ"

 

"ไม่ทันแล้วคนดี พี่ไม่ไหวแล้ว ลูกชายตัวแสบพี่ประท้วงจนปวดหนึบไปหมดแล้ว" มือหนาของผมโอบรอบกายบางค่อยๆ ไล้วนสร้างความเสียวให้อีกคน ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่กลางกายเล็กรูดรั้งจนเริ่มขยายเพราะความต้องการของร่างกาย แม้ว่าปากจะบอกว่าไม่แต่ร่างกายก็ไม่เคยปฏิเสธสัมผัสของผมเช่นกัน

 

"พะ..พี่ซอง มินไม่ไหวแล้วนะ" น้องข่มอารมณ์ที่เกิดขึ้นภายในร่างกายตนเอง

 

 

"มินอยากให้พี่ใส่เลยเหรอครับ มีอารมณ์เร็วจัง" ทั้งๆ ที่รู้ว่าร่างเล็กหมายถึงอะไร แต่ผมก็เฉไฉไปอีกเรื่อง

 

 

"ไม่ใช่!  มินเหนื่อยแล้วต่างหากล่ะ ทำไมหื่นแบบนี้" ร่างเล็กเอี้ยวหน้าหันมาด่าผม แต่กลับถูกผมประกบปากเล็กนั้นเร็วๆ ทันที สอดลิ้นร้อนไล้วนไปตามเรียวลิ้นเล็ก จูบที่เกิดจากความรักของเราสองคน น้องตอบสนองผมได้อย่างไม่ยากเย็น เพราะผมรู้ว่าเขาคงมีความรู้สึกต้องการไม่ต่างจากผม

 

 

"ขอนะครับ พี่อยากทำรักกับมินจริงๆ นะ ทำยังไงก็ไม่อิ่มมันทรมานนะคนดี" ผมผละริมฝีปากออกทั้งๆ ที่เสียดาย

 

 

"ไอ้พี่บ้า ทำไมตะกละตะกรามแบบนี้" คราวนี้หันมาหาผมทั้งตัวเลยครับ กำปั้นน้อยๆ ทุบอกผมเบาๆ หลายที ปากก็บ่นไปเรื่อย ไม่รู้เลยใช่ไหมว่ากำลังเปิดโอกาสให้เสือร้ายขย้ำเหยื่อได้อย่างง่ายดาย

 

“ของพี่มันทิ่มก้นมิน พี่ซองลามกที่สุดเลย”

 

“ยอมรับครับ ทั้งลามก ทั้งหื่นเลย แล้วตอนนี้จะกินมินจริงๆ แล้วเสียเวลามานานแล้ว” ผมขบเม้มติ่งหูเล็กเบาๆ สลับกับลากลิ้นเลียหลังใบหูเล็ก ไล้ลงไปตามซอกคอขาวดูดเม้มจนเกิดรอยสีกุหลาบจางๆ

 

 

“ อื้อ...ดะ...เดี๋ยวแม่บ้านโรงแรมได้ยินนะครับ เขายังอยู่ในห้องอยู่เลย”

 

“ไม่ต้องไปสนใจแล้วครับ เดี๋ยวเขาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเสร็จก็ออกไปเอง”

 

“ตะ...” ผมไม่ปลอยให้น้องพูดแล้วครับ เพราะน้องชายผมทรมานสุดๆ แล้ว  ประกบจูบริมฝีปากเล็กที่กำลังจะพูดอะไรไม่รู้ จูบครั้งนี้ร้อนแรงยิ่งกว่าทุกครั้ง ผมจะทำให้น้องคลั่งจนไม่สามารถปฏิเสธมันได้อีกแล้ว ใช้ความเชี่ยวชาญตลอดระยะเวลาหลายปีสะกดให้อีกคนตอบรับได้โดยง่าย ร่างเล็กเริ่มโอนอ่อนไปตามการนำทางของผม มือน้อยๆ ลูบไล้เม็ดไตของผมจนแข็ง สะโพกเล็กเริ่มขยับถูไถมังกรยักษ์ที่รอจะมุดเข้าร่องสวาทของน้องอยู่รำไร ผมบีบเค้นสะโพกเล็กอย่างมันมือ มันทั้งนิ่มและอวบจนผมอยากจะเข้าไปสัมผัสช่องทางรักซะตอนนี้เลย

 

“อือ...อ่าส์” น้องครางออกมาทั้งๆ ที่ยังจูบกับผมอยู่

 

“มิน...อ่าส์...ขึ้นขย่มได้ไหมคนดี พี่อยากให้มินทำให้” เพราะความปรารถนาเข้าครอบงำน้องจึงไม่ปฏิเสธ มือเล็กจับไหลผมทั้งสองขางก่อนจะยกสะโพกกลมกลึงขึ้นจ่อกับเจ้ามังกรยักษ์ที่ชูคอรออยู่ปากทางเข้าถ้ำรักของน้อง

 

 

“ไม่เบิกทางก่อนเหรอครับ”

 

“หึ..มินยะ....อยากแล้ว”  น้องจับเจ้ามังกรยักษ์จ่อที่ช่องทางรักของตนเอง ก่อนจะรูดรั้งสองสามที พร้อมกับค่อยๆกดสะโพกลงเบาๆ แต่มันเข้าได้แค่ส่วนหัวช่องทางรักของน้องก็ตอดรัดถี่รัวจนไม่สามารถยัดแก่นกายของผมเข้าไปลึกกว่านี้ได้อีก น้องผ่อนลมหายใจเหมือนกับว่าเป็นการทำให้ร่างกายตัวเองผ่อนคลายลงก่อนที่จะกดสะโพกลงอีกครั้ง คราวนี้เข้าง่ายกว่าเดิมแต่ก็ยังคับแน่นจนน้องชายผมเจ็บ

 

“ไหวไหมครับ”

 

“อือ..หวะ..ไหวครับ” น้องขยับลงช้าๆ ก่อนที่จะกดสะโพกลงทีเดียวจนสุด

 

“อ่าส์...”

 

“อึก...เจ็บ”  ตาเรียวเล็กมีหยดน้ำตาเกาะที่หางตาจนผมต้องใช้นิ้วโป้งเกลี่ยเบาๆ  ก่อนจะก้มลงจูบซับหางตา มือก็ลูบสะโพกเบาๆ เพื่อคลายความเจ็บ แม้ว่ามันจะไม่ค่อยช่วยอะไรก็ตาม

 

“ขยับได้ไหม” น้องไม่ตอบแต่เริ่มขยับสะโพกเบาๆ  มือเล็กจับไหลผมแน่น ก่อนจะโยกจังหวะเร็วขึ้นจนผมเสียว กระแทกสะโพกสวนขึ้นมาหลายที

 

“อ่า...พี่ซองมินเสียว...อือ”

 

 

“พี่ก็เสียว อืม... มินเซ็กซี่ชะมัด” สีหน้าน้องตอนนี้ยิ่งทำให้ผมคลั่ง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาเพราะออกแรงเยอะ ผิวขาวๆ เริ่มแดงระเรื่อขึ้นตัดกับร่องรอยสีกุหลาบที่ผมเป็นคนแต่งแต้มไปทั่วลำคอและอกเล็กของอีกคน

 

“อืม แบบนั้นแหละที่รัก  กระแทกแรงๆ เลย เร็วกว่านี้อีก”

 

“มิน มะ..ไม่ไหวแล้วมินเหนื่อย อืม...” ผมจับน้องหันหลังให้คนตัวเล็กจับขอบอ่างเอาไว้ก่อนจะค่อยๆ สอดแท่งร้อนเข้าไปอีกครั้ง คราวนี้ผมเริ่มซอยถี่รัว และแรงจนน้องครางไม่เป็นภาษา ไม่รู้ว่าเพราะเสียวหรือเจ็บ แต่ผมว่าคงทั้งสองอารมณ์

 

“อ่า...มินจะเสร็จแล้ว พี่ซองแรงๆ เลยครับ”

 

“จัดให้ครับที่รัก” ผมกระแทกใส่เต็มแรง จนร่างเล็กโยกคลอนไปตามจังหวะ ก่อนที่จะปลดปล่อยน้ำรักออกมาออกมาทุกหยาดหยด ก่อนที่ผมจะรัวสะโพกเร็วๆ ถึงสวรรค์ตามน้องไปในเวลาไม่นาน

 

“พี่ซองเอาออกได้แล้ว” ผมค่อยๆ ดึงเจ้ามังกรยักษ์ที่ตอนนี้เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติออกมาเบาๆ เพราะกลัวว่าน้องจะเจ็บ

 

“รักมินนะครับ” ผมดึงน้องเข้ามากอดถ่ายทอดความรู้สึกที่ตนเองมีให้อีกคนได้รับรู้ ก้มลงจูบหน้าผากมนที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาเต็มดวงหน้า

 

“อืม...มินเจ็บเข่า”

 

“หึๆ เมื่อกี้ไม่เห็นบ่น”

 

“พี่ซอง! ทีหลังมินไม่ให้แล้ว” น้องมองผมเคืองๆ แค่แกล้งเฉยๆ เท่านั้นเอง

 

“ครับๆ ล้อเล่น พี่อาบน้ำให้แล้วไปทานข้าวกันดีกว่า" ผมจัดการอาบน้ำให้น้อง ทำให้แทบจะทุกอย่างก่อนจะอุ้มน้องออกมาแต่งตัว แม้แต่เสื้อผ้าผมก็เป็นคนจัดให้น้องเองกับมือ

 

หลังจากที่ทานอาหารมื้อเช้าที่ควบมื้อเที่ยงเสร็จ เราสองคนก็ออกมานั่งรับลมเล่นตรงระเบียงที่ยื่นลงไปในน้ำตก น้องหย่อนขาลงไปในน้ำ นั่งทอดอารมณ์ฟังเสียงน้ำตกกระทบโขดหิน ในมือถือหนังสือเล่มหนาออกมาอ่านอย่างตั้งใจ  ก้มอ่านอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานนับชั่วโมง ไม่สนใจผมที่นั่งข้างๆ เลยสักนิด ผมลุกขึ้นไปหยิบเครื่องดื่มมายื่นให้ร่างเล็กก็ไม่มีทีท่าจะสนใจ

 

"น้ำผลไม้ครับ" นั่งลงข้างๆ ก่อนจะยื่นขวดน้ำผลไม้ให้คนที่เอาแต่ก้มหน้าสนใจหนังสือนิยายเล่มใหญ่

 

"อือ...ขอบคุณครับ" น้องยื่นมือมารับแล้วก็วางมันลงตรงระเบียงข้างๆ ตัว ไม่สนใจเลยสักนิด

 

ตอนนี้ผมเหมือนอยู่ตัวคนเดียว เมียตัวน้อยก็ไม่สนใจ ไม่รู้ว่าไอ้หนังสือนิยายเล่มหนานี่มันสนุกตรงไหน  ยิ่งคิดก็ยิ่งเซ็ง ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้น้องหันมาสนใจผมบ้าง เอาว่ะ!  ล้มตัวลงนอนตักเลยนี่แหละ  น้องก้มลงมองผมนิดนึงก่อนจะกลับไปสนใจหนังสือตามเดิม ผมเอื้อมมือไปจับมือเรียวมาจูบเล่น  ดอมดมไปตามแขนเรียวเล็ก  ทำอยู่อย่างนั้นจนคนที่ทำเหมือนไม่สนใจตอนแรกก้มลงมองการกระทำของผมยิ้มๆ

 

"มีอะไรรึเปล่าครับเนี่ย" ในที่สุดก็สนใจผมวะทีหลังจากที่พยายามอยู่นาน

 

"หมูน้อยไม่สนใจพี่เลยนี่ครับ อ่านแต่หนังสืออยู่นั่นแหละ" ผมลองเรียกมินแบบที่น้องชายทั้งสองของผมชอบเรียกเขาตั้งแต่เด็กจนโต

 

"ทำไมเรียกแบบนี้ล่ะ มินไม่อ้วนซะหน่อย" น้องว่าผมเบาๆ แก้มใสเริ่มขึ้นสีระเรื่อ จนผมต้องยิ้มให้กับความน่ารักของคนตัวเล็ก

 

"อยากเรียกนี่นามันน่ารักดี"

 

"พี่ห้ามเรียกนะ" มีขู่ผมอีก ตาเล็กๆ เริ่มถลึงขึ้นแต่มันก็โตกว่าเดิมแค่นิดเดียวเท่านั้น

 

"ทำไมครับ” ผมแกล้งถามทั้งๆ ที่รู้ว่าน้องกำลังอายที่ผมเรียกเขาแบบนั้น

 

 

"ไม่รู้อ่ะ มันไม่ชิน"

 

"เขินมากกว่ามั้ง" ผมล้อน้องมือก็ยังลูบตามลำแขนเล็กเล่นเบาๆ ไปด้วย

 

"อย่าลูบได้ไหมครับเนี่ย จะนอนก็นอนเฉยๆ” ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ผมหันเข้า

หาหน้าทองแบนราบไร้ไขมัน ก่อนจะซุกหน้าเข้ากับผิวเนียนๆ จูบซับหน้าท้องเนียนขาวไม่หยุด จนน้องต้องครางประท้วงออกมา

 

“อือ...มันจั๊กจี้ ฮ่าๆๆๆ  พี่ซอง”  มือน้อยๆ ยกขึ้นมาดันหน้าผมออก

 

“ไม่แกล้งแล้วก็ได้ครับ” ผมกลับมานอนหงายส่งยิ้มหวานให้น้องไปที

 

 

“ชอบแกล้งมิน"  น้องบีบจมูกผมแรงๆ ไม่ยอมปล่อย ผมเงยหน้ามองน้องก่อนจะจับมือเล็กทั้งสองข้างมาวางทาบทับไว้บนอกผมจับมือเล็กไว้ไม่ยอมปล่อยเพราะกลัวว่าจะโดนทำร้ายร่างกาย

 

“ถ้าไม่รักก็ไม่แกล้งหรอกครับ”

 

“มิน่าล่ะแกล้งมินตั้งแต่เด็กจนโต จนมินนึกว่าพี่เกลียดมินซะอีก” น้องพูดเหมือนตัดพ้อเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ตอนเด็กๆ ของเราสองคน เพราะว่าเรื่องร้ายต่างๆ มันผ่านมาแล้ว เราจึงสามารถนั่งคุยกันแบบนี้ได้ แต่กว่าจะผ่านทุกอย่างมาได้ก็ทำให้ทั้งน้องและผมเจ็บไปตามๆ กัน โดยเฉพาะน้องที่เจ็บเพราะการกระทำของผมมาตลอด

 

“พี่ขอโทษสำหรับทุกเรื่องที่ผ่านมา” น้องยังก้มมองผมอยู่เหมือนไม่ได้รู้สึกกับเรื่องพวกนั้นแล้ว แต่ผมรู้ว่ามันยังติดอยู่ในใจไม่มีทางที่จะลืมได้หรอก

 

“มันผ่านมาแล้ว มินไม่เป็นไร ตอนนี้มินมีความสุขมากเลยที่ได้อยู่กับพี่ซอง ถ้าไม่มีเรื่องต่างๆ เกิดขึ้นมินอาจจะไม่ได้อยู่กับพี่ซองแบบนี้ก็ได้นะครับ” น้องลูบหน้าผมเบาๆ เราสองคนสบตากันอยู่อย่างนั้น ไม่ได้พูดอะไรอีก จนน้องต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาผมไปเอง

 

“พี่รักมินจังครับ”

 

 

“อยู่ๆ ก็มาบอกรัก อารมณ์ไหนเนี่ยครับ” ผมลุกขึ้นนั่งข้างๆ น้อง ก่อนจะรั้งร่างเล็กเข้ามากอดไว้ ความสุขมันล้นหัวใจจนไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงจริงๆ

 

“ขอบคุณที่วันนี้มินยังอยู่ข้างพี่นะครับ”   ผมผลักร่างเล็กออกเบาๆ ก่อนจะประคองใบหน้าเล็กไว้มองสบตาอีกคนจ้องผมน้ำตาคลอ

 

“ทำไมต้องมาพูดอะไรซึ้งๆ แบบนี้ด้วย”  น้องน้ำตาไหลอาบแก้มจนผมต้องเอื้อมมือไปเช็ดให้

 

“ร้องใหทำไมเนี่ย เดี๋ยวนี้ขี้แยจังเลย” ผมล้อน้องเพื่อให้คลายสะอื้น ไม่อยากให้เสียบรรยากาศแม้จะรู้ว่าที่น้องร้องให้เพราะมีความสุข แต่ผมไม่อยากเห็นน้ำตาน้องเลยแม้แต่น้อย

 

“ก็พี่อ่ะ”

 

“พี่ยังไม่ทำอะไรเลยนะครับ แค่พูดความจริง รักมินจะแย่รู้ไหมครับ”

 

“มินก็รักพี่ซอง อยากอยู่กับพี่ซองแบบนี้ตลอดไป”

 

“พี่ก็อยากอยู่กับมิน สัญญาว่าจะดูแลมินและรักมินคนเดียว ถ้าวันข้างหน้ามินต้องร้องให้ พี่จะเป็นคนที่อยู่เคียงข้างและเช็ดน้ำตาให้มินเอง” ผมไม่ได้พูดเพื่อให้น้องรู้สึกดี แต่สิ่งที่ผมพูดออกมาจากใจของผมจริงๆ ไม่ว่าจะอีกกี่ปีผมก็จะยังเป็นพี่ซองของน้องคนเดิม

 

“ห้ามทิ้งมิน ห้ามนอกใจ ห้ามเหล่สาวและที่สำคัญต้องรักมินคนเดียว”

 

“หึๆ เด็กอ้วน แค่นี้ก็รักจะตายอยู่แล้วจะให้รักแค่ไหนอีก”

 

 เราสองคนตะกรองกอดกันอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปโดยไม่คิดที่จะสนใจ เพราะความสุขตอนนี้เป็นของเราแค่สองคน  จากความทุกข์ที่เกิดขึ้นในอดีตจนแปลเปลี่ยนเป็นความสุขเมื่อเวลาผ่านไป แม้ว่าจะไม่สามารถลืมเรื่องราวเจ็บปวดเมื่อครั้งอดีต แต่ผมก็จะจำไว้เป็นบทเรียน และจะไม่ปล่อยให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีกแน่นอน ผมจะดูแลหัวใจของผมให้ดีที่สุด

“ผมสัญญา”

 

THE END.

 

 ***********************
จากตอนที่แล้วคนเขียนต้องขอโทษที่ทำให้นักอ่านหลายคนรู้สึกไม่ดีกับทั้งตัวซองแล้วก็มิน คนเขียนอาจจะคิดน้อยไปหน่อย เพราะคิดว่าเฟียเป็นคนที่ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร ซองเลยพาน้องมาด้วย หรือแม้แต่นักอ่านบางคนที่ผิดหวังกับนิยายของนักเขียนสมัครเล่น ผิดหวังกับตัวละครที่คนแต่งทำให้เป็นแบบนี้ แต่คนเขียนตั้งใจแบบนี้จริงๆ  หรือบางทีอาจจะทำให้ผิดหวังที่จบง่ายไปอีก ทำไมเคลียร์ไม่ชัดเจน ขอน้อมรับมันค่ะ

 แค่อยากลองทำในสิ่งที่ชอบ จะไม่อ้างเรื่องประสบการณ์เพราะบางคนแต่งเรื่องแรกก็สนุกมากๆ แต่งได้ไม่บกพร่องแต่สำหรับเราไม่ได้มีพรสวรรค์ มีแต่ความตั้งใจเท่านั้น


จบไปอีกเรื่องสำหรับซีรีย์ชุดหลานคุณย่า (แอบรัก) ใจหายเหมือนกันที่เรื่องมาถึงบทสรุป หวังว่านักอ่านทุกคนจะมีความสุขกับนิยายของนักเขียนสมัครเล่นคนนี้ ขอบคุณที่ติดตามมาตลอด ขอบคุณทุกคำติ คำชม ทุกคำวิจารณ์

ขอบคุณที่ติดตาม :3123:

 

 

 

 
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน22 P.9(07/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 07-06-2016 20:00:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน22 P.9(07/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 07-06-2016 21:14:00
จ้าาา
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน22 P.9(07/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-06-2016 22:53:00
ขอบคุณคนแต่งครับ เป็นกำลังใจครับ ติดตามมาทุกเรื่องเลย. สนุกดีครับ พัฒนาขึ้นเรื่อยๆเลยครับ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน22 P.9(07/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-06-2016 23:53:41
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน22 P.9(07/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 08-06-2016 01:13:05
สำหรับเราตอนที่แล้วไม่ผิดหวัง เฟียเหมือนพี่ทิม คนเขียนคงอยากให้ปมเรื่องเฟียคลี่คลาย
วิธีการอาจไม่ถูกใจผู้อ่านบางท่าน ก็นำไปปรับปรุงได้ค่ะ
เพราะการแต่งนิยาย ปกติก็เครียดอยู่แล้ว ถ้าเราทำให้ตัวเองเครียด เพื่อให้ถูกใจคนอื่น และเพื่อไม่ให้โดนด่าเนี่ย มันหมดฟีลไปเลยใช่ไหมล่ะคะ

เราควรแต่งเพื่อให้ตัวเรามีความสุขในการแต่งเป็นหลักดีกว่าค่ะ อะไรที่มันไม่ดีก็ปรับปุรง เพื่อพัฒนาฝีมือตัวเองดีกว่า
คนไหนแนะนำดีๆ ถ้อยทีถ้อยอาศัย ก็short noteไว้

นิยายคุณกำลังดีในการเริ่มต้นเลยนะ ทั้งภาษาและพล็อต เรายังแต่งไม่ได้เลย
อย่าคิดมากนะคะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน22 P.9(07/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: MooKratai ที่ 08-06-2016 12:22:12
สำหรับเราตอนที่แล้วไม่ผิดหวัง เฟียเหมือนพี่ทิม คนเขียนคงอยากให้ปมเรื่องเฟียคลี่คลาย
วิธีการอาจไม่ถูกใจผู้อ่านบางท่าน ก็นำไปปรับปรุงได้ค่ะ
เพราะการแต่งนิยาย ปกติก็เครียดอยู่แล้ว ถ้าเราทำให้ตัวเองเครียด เพื่อให้ถูกใจคนอื่น และเพื่อไม่ให้โดนด่าเนี่ย มันหมดฟีลไปเลยใช่ไหมล่ะคะ

เราควรแต่งเพื่อให้ตัวเรามีความสุขในการแต่งเป็นหลักดีกว่าค่ะ อะไรที่มันไม่ดีก็ปรับปุรง เพื่อพัฒนาฝีมือตัวเองดีกว่า
คนไหนแนะนำดีๆ ถ้อยทีถ้อยอาศัย ก็short noteไว้

นิยายคุณกำลังดีในการเริ่มต้นเลยนะ ทั้งภาษาและพล็อต เรายังแต่งไม่ได้เลย
อย่าคิดมากนะคะ



ขอบคุณจร้า ไม่ได้เก็บเอาไปคิดมากมายอะไรหรอกค่ะ แค่อยากอธิบายในมุมมของนักเขียน อ่านแล้วก็คิดตามว่าเราคงบกพร่องตรงนี้ ไม่อยากปล่อยผ่านไปเฉยๆ แต่ก็ตั้งใจให้เรื่องเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก ก็ยอมรับมันได้ค่ะคนร้อยคนที่อ่านมีคนชอบเพียงไม่กี่คนก็พอใจแล้วค่ะ ขอบคุณกำลังใจและคำแนะนำนะคะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน22 P.9(07/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 09-06-2016 10:31:33
 :กอด1: ตามอ่านจนทัน สนุกมากค่ะ ตอนแรกไม่ชอบซองต์เลย พอเริ่มเคลียร์ความรู้สึกค่อยรับเฮียได้หน่อย
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน22 P.9(07/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-06-2016 10:58:12
ขอบคุณค่ะ. รอตอนพิเศษสำหรับครอบครัวนี้ค่ะ
น้องมินกลายเป็นหมูน้อยไปซะแล้ว
พี่ซองก็ใจเย็นๆนะ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน22 P.9(07/06/59)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 09-06-2016 13:59:53
จบแล้วเหรอใจหายนะแต่ก็ขอบคุณนะครับสนุกมากเลยครับ
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน22.P.9(07/06/59) The End.
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 29-08-2016 13:46:46
 :pig4: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน22.P.9(07/06/59) The End.
เริ่มหัวข้อโดย: meng ที่ 01-10-2016 12:45:41
อ่านจบแล้วความรู้สึกเดียวเลยของเรื่องนี้

พี่ซองกลัวเมียมาก หมดคราบพี่เมียที่จะไปข่มพี่คีนเลยจริงๆ

แต่สนุกๆๆมาก
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน22.P.9(07/06/59) The End.
เริ่มหัวข้อโดย: Timber ที่ 20-11-2017 13:08:26
 :o8:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน22.P.9(07/06/59) The End.
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 22-11-2017 06:20:48
พี่ซองน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน22.P.9(07/06/59) The End.
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 24-11-2017 08:04:53
 :กอด1:น่ารักกกกก :mew1:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน22.P.9(07/06/59) The End.
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-11-2017 06:48:22
แซ่บนัว  :hao6:
หัวข้อ: Re: หลานคุณย่า แอบรัก(ครัวซองต์+มิน)ตอน22.P.9(07/06/59) The End.
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 01-12-2017 22:07:22
มินใจแข็งมากแอบสงสารซองหน่อยๆ 55555
แต่ตอนแรกก็ทำกับเขาไว้เยอะ  :pig4: :pig4: