-13-
สัตว์กินเนื้อกับสัตว์กินหญ้า
การลักลอบเข้าเขตแดนของอาณาจักรอื่นผ่านไปได้ด้วยดีเมื่อคนเด็กสุดในที่นี้สำแดงฤทธิ์เดชออกมาให้เห็น ผมกับไอ้ธาร้องว้าวปรบมืออวยกันยกใหญ่ตอนเห็นม่านพลังสีใส(ที่ตอนแรกมองไม่เห็น)กระเพื่อมตัวเป็นวงคลื่นก่อนจะถูกแหวกออกเป็นซุ้มโค้งรูปประตูให้พวกเราลักลอบเข้าบ้านคนอื่นได้แบบสัญญาณเตือนภัยไม่ร้องดัง
ก่อนออกเดินทางเชอเชสเคยบอกกับผมว่าพลังของซอโรนั้นจำเป็น ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าไอ้จำเป็นที่ว่านั่นมันสำคัญไฉน พอได้มาเห็นเจ้าสี่เจาะเขตแดนขั้นแรกที่ครอบรอบอาณาจักรเงาจันทร์เอาไว้ ผมถึงเพิ่งตรัสรู้เอาเดี๋ยวนั้นว่าเจ้าชายกระต่ายแต่ละคนนี่พลังไม่ธรรมดาเลยสักคน
หลังตีฝ่าวงล้อมเขตแดนขั้นแรกมาได้ ท่านลุงหมีดาเนสก็ได้แบ่งกำลังพลออกเป็นสี่กลุ่มด้วยกันเพื่อให้ง่ายต่อการแฝงตัว และลดความเสี่ยงที่จะถูกพบเจอระหว่างเดินทางเนื่องจากจำนวนคนที่มากเกินไป
แน่นอนว่าคนที่ผละออกจากเครื่องทำความร้อนส่วนตัวไปเมื่อไหร่ก็เสี่ยงต่อการแข็งตายเมื่อนั้นอย่างผมถูกจับให้ไปกับเชอเชสอย่างไม่ต้องสงสัย ...และไม่มีใครกล้าค้าน เพราะเจ้าม่วงเล่นแบกผมแบบไม่ยอมปล่อย เป็นการบอกกลายๆ ว่ายังไงก็จะไม่ยอมให้ผมแยกไปกับคนอื่นเด็ดขาด เข้าทำนองชายาข้าข้าดูแลเองได้ ลองจับแยกดูสิได้มีเรื่องกันสักตั้ง …ลองเป็นอีแบบนี้แล้วคิดว่ายังจะมีใครกล้ามาแยกพวกผมออกจากกันอีกไหม?
คำตอบคือตัวผมที่ยังถูกเชอเชสอุ้มอยู่นี่ไงครับ
ส่วนสมาชิกอีกสองคนที่ถูกถีบ(?)มารวมกลุ่มอยู่กับผมเป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี อย่าๆ... ไม่ใช่ไอ้ธากับนาเทลครับ แต่เป็นเจ้าดำกับเจ้าสีเงินต่างหากที่ถูกจับกลุ่มให้ตามมาอารักขาพวกผม
ทำไมถึงเป็นสองคนนี้น่ะหรือ? เพราะฟาฮามีสกิลรักษาติดตัวไงครับ เวลาเกิดเหตุด่วนเหตุร้ายต้องการหมอด่วนก็สามารถใช้บริการได้ทันที ในฐานะชายาแห่งดวงจันทร์และรัชทายาทที่จะได้ขึ้นครองอาณาจักรแสงจันทร์ในอนาคต ความสำคัญของพวกผมจึงถูกจัดให้อยู่ในลำดับต้นๆ ของกลุ่ม นาเทลเลยเจาะจงขอตัวฟาฮาให้เป็นผู้ติดตามพวกผม หลังฟังที่เจ้าชายลำดับสองอธิบายถึงเหตุผลว่าทำไมต้องเป็นฟาฮา ทุกคนต่างก็พยักหน้าเห็นดีเห็นงามด้วยหมด
ส่วนเจ้าดำถูกเลือกตามหลังมาติดๆ เชอเชสให้ความเห็นว่าฟาฮากับเซริมเขาเป็นคู่หูกัน การทำงานเข้าขากันย่อมก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ท่านลุงหมีดาเนสเองก็เห็นด้วยกับความคิดนั้นเลยจับเจ้าดำเข้ากลุ่มผมเป็นสมาชิกคนสุดท้าย ให้เจ้าตัวยิ้มกว้างเหมือนเด็กที่ได้ของเล่นถูกใจผิดกับบรรยากาศเคร่งเครียดของคนที่เหลืออยู่
หลังกลุ่มของผมจัดสมาชิกได้ครบลงตัว ที่เหลือก็จับกลุ่มกันได้ง่ายขึ้น ไอ้ธาไปกับนาเทลและสององครักษ์ของเขา ซอโรถูกท่านลุงดาเนสลากไปทำลายเขตแดนรอบปราสาทด้วยกันพร้อมกับทหารคนสนิทของท่านแม่ทัพเจ็ดดาบ ส่วนกลุ่มสุดท้ายเป็นการเอาคนที่เหลือมารวมกัน มีทิชากับจาเรลและสององครักษ์ส่วนตัวของซอโรที่ตีหน้าจ๋อยสนิทเมื่อต้องถูกจับแยกกับเจ้านายของตัวเอง
“พวกเจ้าจงจำเส้นทางของตนเอาไว้ให้ดี เราจะไปรวมกลุ่มกันอีกทีที่ม่านป่าหลังปราสาท จำไว้ ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ให้ผลสีทองคำ ในป่านั้นมีอยู่เพียงต้นเดียวพวกเจ้าคงหาเจอได้ไม่ยาก หากใครมาไม่ทันก่อนอาทิตย์ตกดิน ข้าจะดำเนินแผนการต่อโดยไม่รั้งรอ ใครที่พลาดท่าเสียทีกลางทาง จงหาทางเอาชีวิตรอดกันเอาเอง เข้าใจชัดเจนหรือไม่?”
ดวงตาคู่คมมองปราดพวกผมเรียงตัว มันเป็นสายตาของนักรบที่พร้อมเอาชีวิตเข้าเสี่ยงเพื่อให้แผนการที่ตั้งไว้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ผมเผลอสบตาคู่นั้นแล้วสะดุ้งโหยงรีบพยักหน้ารัวๆ รับรองเลยว่าผมจะทำตัวสงบเสงี่ยมเรียบร้อยเหมือนตุ๊กตายัดนุ่นให้เชอเชสอุ้มได้ง่ายๆ ไม่ก่อปัญหาอะไรแน่นอนฮับ
“ดี ขอให้เทพีแห่งดวงจันทร์จงอำนวยพรแก่พวกเจ้า” ลุงหมียกปลายนิ้วขึ้นแตะหน้าผากให้คนอื่นๆ ทำตาม ไอ้เราก็ทำตามน้ำไปแบบงงๆ อำนวยพรก็อำนวยพร ขึ้นชื่อว่าพรจากผู้ใหญ่ รับๆ ไว้มีแต่ได้ไม่มีเสีย
“ขอเทพีแห่งดวงจันทร์จงอำนวยพรแด่ท่านเช่นกัน” ชาวกระต่ายพูดตอบในประโยคเดียวกัน
“...นะจ๊ะมึง”
ส่วนสามคำที่ต่อท้ายมาให้ผมโดยเฉพาะนี่ คงรู้นะฮะว่ามันออกมาจากปากใคร...
เส้นทางที่พวกผมจับฉลากมาได้(?) เป็นผืนป่ารกชัฏที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะสีฟ้าเงินจนบรรยากาศยิ่งเย็นยะเยือก แตกต่างจากดินแดนน้ำแข็งที่จำลองขึ้นจากฝีมือมนุษย์อย่างทาบไม่ติด เสียงย่ำเท้าลงบนเกล็ดน้ำแข็งที่ถูกบดจนอัดรวมกันค่อนข้างเสียดหู ลมหนาวที่ปะทะเข้าหน้าก็ช่างไร้ความปราณีต่อสิ่งมีชีวิตที่ใช้มนตราไม่ได้อย่างผมซะเหลือเกิน
“หนาวมากหรือครับ?” เชอเชสที่จับผมอุ้มในท่าประจำที่ไม่ใช่การนั่งพาดบ่าเหมือนตอนแรกก้มลงถามผมที่ซุกหน้าเข้าหาแผ่นอกเขามากกว่าเก่า
สารภาพตามตรง ผมไม่เคยรู้สึกอิจฉาไอ้ธาครั้งไหนเท่านี้มาก่อนเลยที่มันสามารถใช้เวทมนต์ทำให้ตัวเองอุ่นได้ ...ก็ที่มันแอ่นพุงอวดผมนั่นล่ะครับ เท้าเอวยืนจังก้าเพื่อจะบอกว่าตัวข้าไม่หนาวแล้วเพราะนาเทลได้สอนร่ายมนต์บทนั้นให้ ว่าที่เทพกระต่ายอย่างมันที่ได้รับพรจากดวงจันทร์จนสามารถใช้เวทมนต์ได้จึงสบายแฮไป ต่างจากผมที่ใช้เวทย์อะไรไม่ได้สักอย่างจนอยากล้มตัวลงไปกระซิกๆ ที่พื้นกับความไม่ยุติธรรมในครั้งนี้ แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากให้เชอเชออุ้มเดินหน้าต่อไป(อนาถจริงกรู)
กลุ่มของผมมีเซริมที่เชี่ยวชาญด้านการตรวจจับสิ่งผิดปรกติคอยเดินนำหน้า เชอเชสอยู่กลาง ปิดท้ายด้วยฟาฮาที่คอยระวังหลังให้ทุกคนพร้อมกับลบรอยเท้าไปด้วย พวกเราเดินทางกันค่อนข้างเร็วเพื่อแข่งกับเวลาโดยมีเส้นตายอยู่ที่พระอาทิตย์ตกดิน
แต่เคยได้ยินกันไหมครับ ที่เขาว่ากันว่าพระเจ้ามักประทานบททดสอบมาให้มนุษย์อย่างเราเสมอ ชีวิตง่ายไปมันจะมีอะไรให้ตื่นเต้น ประเดี๋ยวมันจะไม่เร้าใจ
That's why คำๆ นี้ถึงดังออกมาจากปากเจ้าดำที่กระโดดลิ่วๆ นำหน้ามาโดยตลอด
”หยุดก่อนขอรับ”
ครับ หยุดก่อนครับ เจอคำนี้ทีไรไอ้สิ่งที่มาเยือนต่อจากนี้ไม่เคยจะมีเรื่องดีเลยสักอย่าง ไม่เจอสัตว์ป่าก็เจอศัตรู ถ้ามี ก. กับ ข. ให้เลือก ผมขอเลือกข้อ ก. เป็นคำตอบสุดท้าย แล้วไปนั่งลุ้นรอฟังคำตอบที่ต้องบอกว่าเสียใจด้วย คุณตอบผิด คำตอบที่ถูกต้องคือข้อ ข. ศัตรูจ้า เย้~
ผมอยากจะร้องไห้เมื่อเชอเชส ฟาฮาและเจ้าดำรีบถลาเข้าหาพุ่มไม้ที่อยู่ใกล้ที่สุดจนแทบจะสิงเป็นร่างเดียวกัน เจ้าสีเงินรีบร่ายมนตรารัวเร็วแข่งกับเวลา ไม่นานนักแสงสีขาวประกายมุกก็ครอบคลุมร่างพวกเราทั้งหมดเอาไว้พอดีกับเงาร่างสีฟ้าเงินที่กลืนไปกับดินแดนน้ำแข็งแห่งนี้จะปรากฏกายขึ้นฝูงใหญ่ พวกมันเคลื่อนไหวรวดเร็วไปในทิศทางเดียวกัน หนึ่งในนั้นหยุดทำจมูกฟุดฟิดเหมือนหากลิ่นแปลกปลอมที่จับสัมผัสได้บางเบา ร่างสีขาวโพลนกระโดดออกจากกลุ่มไปยืนทะนงองอาจอยู่บนก้อนหินใหญ่ยักษ์ สักพักก็เปลี่ยนร่างกลายเป็นคนเพื่อใช้พลังอะไรบางอย่างให้คนที่แอบซุ่มอยู่ไม่ไกลอย่างผมนึกอยากร้องไห้กลับบ้านขึ้นมาครามครัน
นั่นมันมนุษย์หมาป่านี่นา...
หมาป่า=สัตว์กินเนื้อ=นักล่า
กระต่าย=สัตว์กินหญ้า=จะเอาอะไรไปสู้หมาป่า=ตายแหงแซะไม่ต้องสงสัย
ตรรกะในใจของผมคำนวณผลลัพธ์ออกมาเรียบร้อยว่าทางรอดของฝั่งนี้ต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดไหน ฮือออ นี่ผมต้องมาตายบนดวงจันทร์โดยไม่มีโอกาสได้กลับไปกอดพ่อกับแม่ที่บ้านจริงดิ ไม่เอาอย่างงั้นน้าาา
‘อย่าเพิ่งดูถูกฝีมือพวกข้าสิครับ’
เจ้าม่วงที่เริ่มอ่านใจผมเป็นกิจวัตรเริ่มทำเสียงเง้างอดกอดผมแน่นขึ้น เฮ้ยๆๆ เวลาอย่างนี้ยังมีกะจิตกะใจมากอดรัดฟัดแก้มผมอีกนะ จะหน้ามึนได้เนียนเกินไปแล้ว!
‘กำลังใจไงครับ’ ทุกทีก็อ้างคำๆ นี้ตลอด เปลี่ยนบ้างเหอะ ผมเอียน!
‘เอียน?’ เจอศัพท์วัยรุ่นของไทยเข้าไปหน่อยนี่ทำงงตลอด
‘ก็แปลว่า เบื่อ ไงเล่า!’
ร่างเจ้าสีม่วงชะงักไปนิด คิ้วตกลงหน่อยๆ ดูท่าคำว่า ‘เบื่อ’ ของผมจะเป็นอีกหนึ่งคำต้องห้ามสำหรับเจ้ากระต่ายนี่ซะแล้ว
‘ผมล้อเล่นนะ อย่าทำหน้างั้นสิ เดี๋ยวไม่มีแรงไปบู๊กับหมาพวกนั้นแล้วจะแย่เอานะ’
ตัวผมนี่แหละครับที่จะแย่... แค่เชอเชสสลัดผมทิ้งไว้กลางทางผมก็แข็งตายเพราะความหนาวได้แล้ว เรื่องจะแล่นไปพะบู๊กับคนอื่นเขานี่พับความคิดนี้เก็บทิ้งไปได้เลย
‘ท่านก็รู้ว่าข้าไม่มีวันทิ้งท่านได้ลง’
จ้ะ... พ่อคู้นนน จะทำคะแนนกับผมก็เลือกเวลาหน่อยไหม เจ้าหมาในร่างคนนั่นเริ่มลงมือทำอะไรก็ไม่รู้ไปแล้ว
‘เวทย์เสาะหา…’ ผู้รู้จริงเพียงมองปราดเดียวก็สามารถให้คำตอบกับผมได้ ผมฟังชื่อเวทย์แล้วของแทบขึ้น
แค่ชื่อเวทย์ก็ไม่น่าคบหาแล้วโว้ยยย!
‘ใจเย็นๆ ก่อนครับท่านวี เวทย์อำพรางของฟาฮาลบเลือนได้ทั้งกลิ่นและร่องรอย เจ้านั่นไม่มีทางสืบรู้หรอกว่าพวกเราหลบซ่อนตัวกันอยู่ตรงนี้ ที่ลองใช้เวทย์บทนั้นดูน่าจะทำไปตามสัญชาตญาณของเผ่ามากกว่า’
เชอเชสคงหมายถึงสัญชาตญาณสัตว์ป่าที่สามารถรับรู้ได้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมเล็ดรอดอยู่บริเวณนี้ ทว่ากลับจับสัมผัสอะไรไม่ได้ ไม่ว่าจะรูป รส กลิ่น เสียง เลยเปลี่ยนจากการตามหาด้วยประสาทสัมผัสทั้งหมดหันไปพึ่งพาเวทย์แทน จมูกไวและเซนส์ดีสมกับเป็นสัตว์จำพวกเจ้าตูบเลยเนอะ แต่ขอโทษ ฝีมือซ่อนตัวของกระต่ายฝั่งนี้นี่เทพกว่าครัช ฮ่าๆๆ
“ท่านนายกอง!”
หมาป่าสีฟ้าเงินอีกตัวกระโจนขึ้นไปบนก้อนหินรวดเดียวถึง มันกลายร่างเป็นชายหนุ่มผมยาวรูปไม่หล่อเท่าไหร่แต่หุ่นนี่นักเพาะกายมาเองชัดๆ เขาโน้มตัวลงกระซิบบอกข่าวบางอย่างกับคนที่มีตำแหน่งนายกองรั้งคออยู่ ให้รอยยิ้มน่าขนลุกผุดวาบขึ้นมาบนใบหน้าที่ติดเย็นชาของเจ้าตัว
“หึ ที่แท้พวกมันก็ฝ่าอาณาเขตของพวกเราเข้ามาแล้ว”
คำพูดนี้ทำเอากระต่ายสามตัวสะดุ้งกันเป็นแถว ไม่คิดว่าพวกมันจะรู้ตัวกันไวกว่าที่ท่านดาเนสคาดการณ์เอาไว้ถึงสี่ชั่วยาม
ผมอยากล้มลงไปกระซิกที่พื้นอีกรอบ งานยากแม่งดาหน้าเข้ามาอีกแล้วครับท่าน...
“จะทำอย่างไรต่อไปดีขอรับ ท่านนายกอง”
พี่เพาะกล้ามยังคงรั้งรอคำสั่งจากคนที่ตำแหน่งเหนือกว่า ชายผู้มีเรือนผมสีหมอกเพียงแค่นยิ้มจนดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกเปล่งประกายเรืองรองน่าขนลุก คำตอบที่หลุดออกมาจากปากสีซีดของเขาทำเอาแผ่นหลังของผมสะท้านเฮือก
“เราจะล่ากระต่ายกัน”
เผ่นป่าราบ งานนี้ต้องเผ่นป่าราบ!
ร่างทั้งร่างของผมสั่นสะเทือนเพราะกระต่ายรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นนามว่าเชอเชสกำลังพาผมทะยานหนีฝูงหมา(ป่า)ฝูงใหญ่ เน้นว่าใหญ่มาก แต่ละตัวขนาดน่ารักกำลังดี ถ้ายืนสองขานี่เผลอๆ แม่งสูงกว่ากูอีกครับ!
เชอเชส ไหนนายอวยนักว่าเวทย์อำพรางของฟาฮามันแหล่มสลัดไง ไหงพวกเราถึงถูกพบตัวได้เร็วขนาดนี้เล่า!?
ผมหลับตาปี๋ร้องโวยวายในใจ ใช่แล้วครับ หลังจากเจ้าหมาป่าสีขาวตัวนั้นพูดว่าจะ 'ล่า' กระต่าย หมาป่าสีฟ้าเงินที่ไม่รู้ย่องมาข้างหลังพวกผมตอนไหนก็ตวัดอุ้งตีนแถมด้วยเล็บแหลมเฟี้ยวตะปบลงมากะเอาหัวกระต่ายแถวนี้ขาดกันไปข้าง
ต่อจากนั้นจะเหลืออะไรอีกล่ะครับ วิ่งสิวิ่ง สี่คูณร้อย ห้าคูณเก้า เข้าเกียร์ D แล้วเหยียบมิดล้อฝ่าอากาศหนาวๆ ที่ทำเอาสองแก้มของผมด้านชาไปหมด
ฟาฮาที่วิ่งนำหน้าสะบัดดาบวูบวาบฟันร่างหมาตัวแล้วตัวเล่าที่เข้ามาขวางลู่วิ่ง(?) หน้าที่เปิดทางเป็นของเจ้าสีเงินที่ลงมือได้เฉียบขาดและดุดันกว่า ตามหลังมาคือเชอเชสที่ร่ายเวทย์โจมตีถล่มกลุ่มหมาที่วิ่งขนาบข้างขึ้นมาเหมือนอยากสนิทชิดเชื้อด้วย(แต่กูไม่) ปิดท้ายด้วยเจ้าดำเซริมที่คอยจัดการเก็บหมาที่กระโจนใส่จากทางข้างหลัง ถึงแม้จะทุลักทุเลและพลาดท่าจนเสียเลือดไปบ้างแต่เจ้าดำก็ไม่มีแม้แต่จะปริปากบ่น ส่วนผมเกาะเสื้อคลุมของเชอเชสแน่น ทำตัวเป็นตัวถ่วงที่ดีด้วยการอยู่นิ่งๆ และคิดหาทางออกให้พวกเราไปในตัว
'เชอเชส ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไปพวกเราได้เสียทีเจ้าหมาพวกนี้แน่ หาพื้นที่ที่ข้างหลังเป็นผาหินเถอะ อย่าดึงดันไปต่อในสภาพนี้เลย'
'แบบนั้นเขาเรียกว่าถูกไล่ต้อนจนจนมุมนะครับ ข้าไม่เห็นด้วย' เจ้าม่วงตอบกลับเสียงแข็ง ปากยังคงร่ายเวทย์โจมตีไปด้วย แยกประสาทเก่งซะจนผมยังนึกทึ่ง
'เชื่อผมเถอะเชอเชส ขืนยังฝืนวิ่งไปสู้ไปแบบนี้ พวกเราจะพลาดท่าเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น'
ความเร็วของหมาป่าที่เป็นสัตว์นักล่ามาตั้งแต่กำเนิดย่อมว่องไวและปราดเปรียวยิ่งกว่ากระต่ายที่มีพื้นฐานเป็นสัตว์รักสงบ ซ้ำร้ายอีกฝ่ายยังเป็นถึงเจ้าถิ่นที่เดินเหินป่านี้เสมือนเป็นสนามเด็กเล่นหน้าบ้าน ลำพังมาแค่สองสามตัวยังนับว่าจำนวนสูสีพอวัดกันที่ฝีมือได้ แต่นี่เล่นมากันเป็นกองทัพ ความได้เปรียบย่อมเห็นชัดจนได้แต่เป็นฝ่ายล่าถอย หรือพูดให้ถูกคือเป็นฝั่งที่ถูกไล่ล่าแต่เพียงฝ่ายเดียว ถึงจะโต้ตอบกลับไปได้บ้าง แต่พอล้มตัวหนึ่งไป อีกตัวก็เข้ามาแทนที่ โจมตีซ้ำๆ ไม่มีหยุดชะงักจนฝ่ายที่เหนื่อยหอบก่อนเริ่มโต้ตอบได้ช้าลง บาดแผลเริ่มปรากฏให้เห็นเต็มตัว อาบย้อมเสื้อผ้าสีเข้มจนได้กลิ่นคาวเลือดลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ
'เชอเชส!'
ผมเร่งเร้าเจ้าม่วงที่ดูสถานการณ์ออกเหมือนกันว่าฝ่ายเราเป็นรองเจ้าถิ่นขนาดไหน เขาเม้มปากแน่น ก่อนตัดสินใจตะโกนสั่งสององครักษ์ให้วิ่งตามมา นำไปอีกทางที่ผมจำได้คร่าวๆ ว่าบริเวณนั้นเป็นพื้นที่ที่ถูกล้อมด้วยหินผา อย่างน้อยหลังติดหินก็ดีกว่าถูกหมาป่าฝูงใหญ่ตีวงล้อมเป็นวงกลมจนรับมือลำบากมากกว่าเดิมล่ะน่า!
“ท่านเชอเชส ที่นี่มัน...”
เซริมที่เห็นเงาสีดำทาบทับจนเกือบบดบังแสงตะวันจนมิดแอบผงะไปเล็กน้อยเมื่อเจอกับผาหินสูงชันตรงหน้า เจ้าดำหันไปจ้องตากับเจ้าสีเงินอย่างขอความเห็น ทว่าแม้แต่ฟาฮาก็ไม่มีคำตอบให้
“เชอเชสปล่อยผมลง ฟาฮา รักษาบาดแผลของตัวเองกับเซริมซะ เราจะตั้งรับเจ้าหมาพวกนั้นกันที่นี่”
ผมสั่งรวดเดียวให้กระต่ายทั้งสามเร่งมือทำตามโดยเร็ว หมาป่าสีเงินกลุ่มหนึ่งที่ตามติดมาโดนเชอเชสเก็บเรียบตรงปากทางเข้าไปแล้วกลุ่มหนึ่ง เราคงซื้อเวลาเพื่อเตรียมตัวได้อีกนิดหน่อยก่อนที่กองทัพหมาป่าทั้งหมดจะตามมาสมทบกับพวกกองหน้า ที่เวลานี้แยกเขี้ยวอวดฟันขาวตีวงล้อมเข้ามาใกล้พวกผมทุกที
'เชอเชสฟังผมนะ ต่อจากนี้ไม่ต้องเป็นห่วงผม หน้าที่ของนายคือกำจัดหมาพวกนั้นให้หมด ส่วนผม จะคอยสนับสนุนอยู่ตรงนี้เอง'
เจ้าม่วงทำหน้าเป็นห่วงเมื่อเห็นผมยืนสั่นท่ามกลางความหนาวที่โหดร้ายกับมนุษย์โลกอย่างผมมาก ผมเลยยิ้มกว้างให้เขาวางใจ หนาวแค่นี้น่ะไม่เท่าไหร่หรอก เทียบกับการถูกหมาขย้ำจนต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่แล้ว อย่างหลังมันเป็นปัญหากับผมมากกว่าเยอะ!
'แต่...'
'ไม่มีแต่ทั้งนั้น รีบทำให้มันจบๆ ซะ ผมหนาวจะตายอยู่แล้ว!'
ผมไม่ได้อยากทำตัวเป็นภรรยาขี้เหวี่ยงขี้วีนนะ แต่ผมหนาวนี่! หูผมเริ่มชา โพรงจมูกเริ่มแสบ มือเริ่มแข็งจากการถูกความเย็นกัดเซาะ ฮือออ อยากรีบกลับไปกอดเจ้าม่วงแล้วอ่ะ
'เข้าใจแล้วครับ' ไฟในกายกระต่ายบางตัวดูจะดุเดือดเลือดพล่านขึ้นมาแปลกๆ 'ข้าจะรีบจัดการ เจ้าพวกหมาโสโครกที่บังอาจทำให้ท่านต้องทนหนาวพวกนี้ให้เร็วที่สุด ช่วยอดทนอีกนิดนะครับ ท่านวี'
เอ่อะ... เมื่อกี้ผมเผลอพูดอะไรไม่คิดออกไปรึเปล่านะ?
แต่ช่างเถอะ เชอเชสมีไฟจะบู๊กับหมาขี้เรื้อนพวกนั้นก็ดีแล้ว ผมจะได้รีบกลับไปซุกความอุ่นจากเจ้าสีม่วงให้คลายหนาวเร็วๆ
อูยยย หนาวจริงวุ้ย!
-------------------------------------------------------------
นั่งอ่านคอมเม้นแล้วนั่งยิ้ม ดีใจที่มีคนชอบนิยายเกรียนๆ เรื่องนี้นะคะ
บอกตามตรง ชีวิตจริงมีแต่คนบอกเราโคตรจะเรียบร้อยเลย(ทำไมทำหน้าเหมือนไม่เชื่อกัน!) //พื้นฐานแล้วไม่ใช่คนตลก ออกแนวเล่าอะไรไปแล้วได้ยินเสียงการ้องด้วยซ้ำ (คือเพื่อนมันไม่ขำกันอ้ะ) การที่มาเขียนนิยายสายคอมเมดี้แล้วมีคนบอกว่าสนุก ขำ ฮามาก มันเลยทำให้เราค่อนข้างเซอไพรส์มากว่า เอ้ยยย จริงเหรอ! ไม่ได้หลอกกันใช่มั้ยเนี่ย (ยังงงอยู่จนถึงทุกวันนี้555555) เลยอยากจะขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้กันนะคะ ตอนที่เขียนนิยายเรื่องนี้ขึ้นมา เรามีความสุขกับมันมาก แล้วที่เอามาลงในเน็ตก็เพราะอยากแบ่งปันความสุข แบ่งปันโลกของเราที่มีน้องต่ายน่ารักน่าหยิกนี้ให้ทุกคนได้อ่านเหมือนกัน หวังว่านิยายของเราจะมอบความสุข / ความสนุก / รอยยิ้ม ให้ทุกคนได้ไม่มากก็น้อยนะค้าาา love u all
To : TIKA_n > ลุงหมีดาเนสเป็นเผ่าหมาป่าจ้า แต่แปรพรรคมาอยู่ฝั่งอาณาจักรแสงจันทร์เพราะเป็นเพื่อนสนิทคุณเชษฐ์ค่ะ ^^