ชายาแห่งดวงจันทร์ :::Ch.19::: Update 24/01/2015 (P.9)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ชายาแห่งดวงจันทร์ :::Ch.19::: Update 24/01/2015 (P.9)  (อ่าน 47062 ครั้ง)

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
อะไรกันวี~ ไม่มีความกังวลที่จะเลือกเลยนะ ฮี่ๆ  :hao7:

ออฟไลน์ noksamsee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ความรู้สึกฟินอยากกินเด็กขึ้นมาทันที

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
สนุกมากค่ะ แฟนตาซีแบบน่ารัก ๆ  :-[

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2

ออฟไลน์ wnkth

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
มารอดูต่อครับ .... ชายาแห่งดวงจันทร์ จะลงทัณฑ์ เอ้ยไม่ใช่

ออฟไลน์ varirinnara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ชายาแห่งดวงจันทร์ -8-
«ตอบ #66 เมื่อ22-12-2015 22:12:54 »



-8-
จุมพิตของจันทรา พันธสัญญาของสองเรา




“ยิ้มอะไร”

ผมถามคนที่ไม่ยอมให้เท้าของผมแตะพื้นอีกเลยนับตั้งแต่พิธีคัดเลือกรัชทายาทจบลง ตอนนี้เชอเชสอุ้มผมเหมือนกับผู้ใหญ่อุ้มเด็กเล็ก ใช้แขนเพียงข้างเดียวยกผมลอยขึ้นแล้วจับให้หันหน้าเผชิญกับเขา ตัวผมที่อยู่สูงกว่าเลยเห็นรายละเอียดทุกอย่างบนใบหน้าของเจ้าชายกระต่ายชัดทุกรูขุมขนจนอดสแกนดูรอบหนึ่งไม่ได้

ผิวขาวเนียนเรียบไร้สิวจนน่าอิจฉา ไรหนวดเบาบางนี่คงไม่เคยผ่านการโกนเลยสักครั้งเพราะมันไม่เป็นตอหนา ถ้าหากลองมองลึกเข้าไปในดวงตาจะเห็นว่าสีม่วงกับสีเทาแบ่งแยกกันชัดเจน วงนอกเป็นสีเทา วงในเป็นสีม่วงเหมือนอัญมณี ริมฝีปากสีส้มที่ดูสุขภาพดีก็ขยันแจกรอยยิ้มซะเหลือเกิน

“มีความสุขก็ต้องยิ้มสิครับ” เจ้าชายกระต่ายตอบยียวนชวนให้ผมดึงแก้มเขาจนยืดเพราะความหมั่นไส้

“ดีใจที่ได้เป็นรัชทายาทอ่ะดิ” ผมแค่นเสียงฮึในลำคอ

“มิได้ครับ”

เชอเชสส่ายหัวเบาๆ พิงหัวลงกับอกผมที่ขนลุกซู่ขึ้นมาทันทีเพราะไม่ชินที่มีผู้ชายตัวโตๆ มาอิงแอบแนบชิด ถึงแม้ตอนเขากลายร่างเป็นกระต่ายจะถูกผมอุ้มอยู่ในอ้อมแขน ไม่ก็อุ้มพาดบ่าอยู่บ่อยครั้งก็ตาม

“การที่ข้าได้รับเลือกให้เป็นรัชทายาทนับว่าเป็นเรื่องน่ายินดีก็จริง แต่ที่ข้าดีใจ...เป็นเพราะท่านวีเลือกข้าต่างหากครับ”

คิ้วผมขมวดเข้าหากัน พยายามดันอีกฝ่ายออกแบบไม่ให้เขารู้ว่าผม เอ่อ...ไม่ชินกับการชิดใกล้แบบนี้เท่าไหร่ โดยการแกล้งทำเป็นโวยวายใส่อย่างก้าวร้าว(?)

“แล้วมันต่างกันตรงไหนฟะ!?”

“พูดตามตรง ข้าไม่สนเรื่องตำแหน่งรัชทายาทนั่นหรอกครับ”

เชอเชสเงยหน้าขึ้นมองผม รอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความสุขถูกส่งตรงมาให้เร็วทันใจยิ่งกว่าสั่งเดลิเวอรี่อาหารมาส่งถึงบ้านซะอีก

“การที่ได้ท่านมาครอบครองต่างหาก...ที่ทำให้ข้าดีใจ”

ไม่ทราบว่าคุณจะเน้นคำว่า ‘ครอบครอง’ ให้มันชัดถ้อยชัดคำทำไมครับ คิดว่าผมจะรู้สึกอะไรกับประโยคนี้เรอะ เออ ยอมรับว่ารู้สึก รู้สึกอยากเจื๋อนกระต่ายแถวนี้ไปย่างเกลือแล้วเอาเนื้อมาแทะเป็นอาหารค่ำคืนนี้สุดๆ เลยล่ะเฟ้ยยย!

“คะ...ครอบครองอะไรของนาย อย่ามาโมเมเหมาเอาเองนะ ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้เลย!” ผมแว้ดลั่น แต่รัชทายาทกระต่ายเห็นจะไม่เข้าใจศัพท์ที่ผมใช้อีกแล้ว

“โมเม? เหมา? คำพวกนี้แปลว่าอะไรหรือ?”

“โอ๊ยยยย ชั่งมันเถอะ” ผมยอมแพ้ หน้าตาใสซื่อกับรอยยิ้มดีใจแบบเด็กๆ มันทำให้ผมไม่อยากถือสาหาความอะไรอีก

“ท่านวี?”

“นี่ ทำไมผมของนายถึงกลายเป็นสีนี้ไปแล้วล่ะ”

ผมปรับลมหายใจอยู่นานกว่าจะสงบสติที่ใกล้แตกซ่านให้กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปรกติได้ ถามไปมือก็เลื่อนขึ้นไปจับกลุ่มผมสีม่วงอมน้ำเงินไปด้วย ตอนเป็นสีส้มก็สวยดีอยู่หรอก แต่ผมว่าผมชอบสีนี้มากกว่าแฮะ

หูกระต่ายที่เหมือนมีสวิตซ์อยู่บนหัว พอผมแตะปุ๊บก็เด้งขึ้นมาปั๊บโผล่ออกมาให้เห็น ขนสั้นนุ่มนิ่มก็เปลี่ยนไปกลายเป็นสีม่วงครามเหมือนกัน แล้วสีส้มก่อนหน้านี้คืออะไร?

“อ๋อ นี่หรือครับ” เชอเชสแหงนหน้ามองหูเรียวยาวที่โผล่ออกมาของตัวเอง คำพูดฟังดูติดขัดเล็กน้อยเหมือนเขากำลังเขินผมที่เปลี่ยนจากจับผมมาเป็นจับหูกระต่ายของเขาอย่างสนใจ “ก่อนหน้านี้เทพกระต่ายได้ใช้มนตราเปลี่ยนสีให้น่ะครับ ท่านบอกว่ามันเป็นค่านิยมอย่างหนึ่งของมนุษย์โลก ใครๆ เขาก็ทำกัน”

ใช่ ใครๆ เขาก็ทำกัน ขนาดผมยังย้อมหัวตัวเองให้กลายเป็นสีน้ำตาลทองเลย แต่เชอเชส นายรู้อะไรไหม บางทีนายอาจจะโดนคุณเชษฐ์แกล้งเล่นแล้วล่ะ...

“สีส้มนี่...เทพกระต่ายก็เป็นคนเลือกให้?” ผมถามเพราะอยากรู้ล้วนๆ จะว่าผมเสือกก็ยอมเอ้า

หูเรียวยาวที่ปกคลุมด้วยสีโทนเข้มกระดิกดุ๊กดิ๊กก่อนตอบ “ใช่แล้วครับ ท่านเทพบอกว่าสีของผลส้มนั้นเด่นดี เวลาที่หลงกับท่านวี ท่านวีจะได้หาผมเจอง่ายๆ ครับ”

แน่ล่ะ ก็ล่อซะสีส้มบาดตาขนาดนั้น ถ้าหลงกันแล้วผมหาคุณเจ้าชายจากดวงจันทร์เขาไม่เจอก็เอาหินมาปาหัวผมเลยเถอะ!

“แล้วนี่เรากำลังจะไปไหนกัน ไอ้ธารอผมอยู่นะ”

เชอเชสออกตัวเดินต่อบนทางเดินที่ทอดยาวไปสู่บริเวณปีกซ้ายของปราสาท ข้างหลังมีคนเดินตามมาสี่คน เจ้าสีส้มที่เปลี่ยนเป็นสีม่วงไปแล้วบอกว่า สี่คนนี้คือองครักษ์ประจำตัวของเขา ทุกคนอยู่ในชุดเครื่องแบบสีดำสนิท ข้างเอวมีดาบยาวนอนสงบนิ่งอยู่คนละสองเล่ม หน้าตาแต่ละคนดูดีชนิดที่อดคิดไม่ได้เลยว่าเขาคัดหน้าตามามากกว่าเน้นเรื่องฝีมือรึเปล่า

“หลังจากนี้ท่านต้องพักอยู่กับข้า ส่วนท่านธา เทพกระต่ายบอกว่าจะรับตัวเขาไปอยู่ด้วยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปครับ”

“หา? คุณเชษฐ์ เอ๊ย เทพกระต่ายไปรู้จักมักจี่ไอ้ธาตอนไหนล่ะนั่น”

“พระชายาแห่งดวงจันทร์จะนำพาเทพกระต่ายมาช่วยพิทักษ์บ้านเมืองและคุ้มครองอาณาจักร นี่เป็นคำบอกเล่าที่สืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นครับ ดังนั้นการที่ท่านธาไปพำนักอยู่กับเทพกระต่ายในฐานะผู้สืบทอดรุ่นต่อไปจึงนับว่ามิผิดแปลกประการใด”

“ไอ้ธาเนี่ยนะ...”

หน้าอย่างมันบอกว่าจะมาทำลายบ้านเมืองและล่มจมอาณาจักรยังจะฟังดูน่าเชื่อกว่าอีก...

“ท่านวีอย่าได้เป็นห่วงท่านธาไปเลยครับ ทุกคนรับรู้โดยทั่วกันแล้วว่าท่านธาเป็นสหายรักของท่าน คือว่าที่เทพกระต่ายองค์ต่อไป รับรองด้วยเกียรติแห่งข้าเลยว่าทุกคนจะดูแลและปรนนิบัติท่านธาเป็นอย่างดี”

ไอ้เรื่องดูแลอะไรนั่นผมไม่เป็นห่วงหรอก เจ้าเพื่อนบ้าของผมมันดูแลตัวเองได้ แต่ที่ห่วงคือกลัวว่ามันจะคลั่งตอนที่ได้รู้เรื่องนี้นี่สิ เจ้าเกรียนนั่นยิ่งไม่ชอบให้ใครมาบังคับทำนู่นทำนี่อยู่ด้วย

“เดี๋ยว แล้วทำไมผมต้องไปพักอยู่กับนายด้วย ห้องของผมก็มี”

ผมกอดอกมองพาหนะส่วนตัวที่เดินไปข้างหน้าได้เรื่อยๆ ทั้งที่แขนข้างหนึ่งแบกก้อนเนื้อหนักถึงหกสิบกิโลอย่างผมเอาไว้ ไม่เมื่อยบ้างรึไงนะ อุ้มผมด้วยแขนเดียวอย่างนี้อ่ะ

“เพราะท่านเป็นชายาของข้าอย่างถูกต้องแล้ว จะให้แยกกันอยู่เหมือนเก่าได้อย่างไร”

ก็แล้วทำไมจะไม่ได้ล่ะฟะ…

“ผมเลือกนายก็จริง แต่ไม่เห็นมีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ด้วยกันเลยนี่”

“จำเป็นสิครับ” เชอเชสตอบเสียงหนักแน่น “เทพกระต่ายบอกกับพวกเราก่อนพิธีคัดเลือกจะมาถึง ว่าการได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันจะทำให้ความสัมพันธ์พัฒนาขึ้นไปอีกก้าว ในเมื่อเป็นสามีภรรยากันแล้ว การหลับนอนร่วมกันย่อมเป็นเรื่องปรกติ”

คุณเชษฐ์... คุณมาปลูกฝังอะไรให้เจ้ากระต่ายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะตัวนี้กันแน่วะครับเนี่ย!?

“ด..ด..ด..เดี๋ยวนะ นายบอกว่าหลับนอน...หมายถึงเราต้องนอนเตียงเดียวกันงั้นเรอะ!”

เจ้าสีม่วงผงกหัว รับคำด้วยน้ำเสียงใสซื่อแต่เป็นคำตอบที่ผมไม่อยากฟัง “ท่านเข้าใจได้ถูกต้องแล้วครับ”

ผมพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่นแล้วถามต่อ “คำว่าหลับนอนของนายนี่...แค่นอนด้วยกันเฉยๆ คือแบบว่า...ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้นใช่ไหม”

เชอเชสเพียงแต่ยิ้มรับไม่ตอบอะไร พูดเพียง เดี๋ยวคืนนี้ผมก็รู้เองนั่นล่ะ


ห้องส่วนตัวของเจ้าชายสามแห่งอาณาจักรแสงจันทร์อยู่ทางปีกซ้ายของปราสาท ขนาดใหญ่กว่าห้องรับรองแขกที่ผมกับไอ้ธาอยู่ประมาณสามเท่าได้ ภายในตกแต่งอย่างเรียบง่ายเน้นโทนสีน้ำเงินดำเป็นหลัก มีของประดับน้อยชิ้นแต่กลับมีหนังสืออัดแน่นอยู่เต็มชั้น แต่ละเล่มหนาอย่างกับพจนานุกรมฉบับไทย-อังกฤษที่ผมชอบหยิบเอาไปใช้ปาหัวหมาอย่างไอ้ธาอยู่บ่อยครั้ง ท่าทางอ่านยากชวนหลับทุกเล่มเสียด้วย

เห~ ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเชอเชสเป็นพวกหนอนหนังสือ นึกว่าจะบ้าขี่ม้าฟันดาบปราบมังกรอะไรทำนองนี้ซะอีก

“วางผมลงได้แล้วมั้ง”

ผมบอกเมื่อพวกเราเหลือกันอยู่แค่สองคนในห้องของเขา แต่เจ้ากระต่ายหัวม่วงกลับทำเป็นเฉย เหมือนเสียงที่ได้ยินเป็นเพียงเสียงผายลมปู้ดหนึ่ง ที่ได้ยินก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน จะพูดออกมาให้อีกฝ่ายต้องอับอายขายขี้หน้าก็ทำไม่ได้ แต่คุณครับ เสียงผมนะไม่ใช่เสียงตด ที่ผมพูดไปเจ้ากระต่ายนี่ได้ยินแน่ๆ แต่ร้อยทั้งร้อยมันแกล้งเมินจงใจทำเป็นไม่ได้ยิน ซ้ำยังเดินลิ่วไปยังระเบียงห้องที่เปิดโล่ง จับผมหันมามองหน้าเขาท่ามกลางม่านแสงจันทร์ที่ยังปกคลุมทั่วผืนฟ้า

“ท่านวี ข้ารู้ว่านี่อาจจะกะทันหันเกินไป แต่กรุณาจูบข้าด้วยครับ”

เขาบอกกับผมชัดถ้อยชัดคำจนหัวใจผมแทบกระเด็นออกจากปากกระแทกหน้าหนาๆ ที่ไม่รู้เคลือบซีเมนต์เอาไว้กี่ชั้นของคนตรงหน้าที่กล้าขอให้ผมจูบเขาด้วยใบหน้านิ่งเฉย

“เชอเชส อย่าล้อผมเล่น ผมไม่สนุกด้วยนะ”

ผมมองตอบแววตาจริงจังของเขา จนถึงตอนนี้เจ้ากระต่ายก็ยังไม่ยอมปล่อยผมลง ผมเลยต้องใช้สองมือเกาะบ่าเขาไว้ ก้มลงมองเขาที่เลิกยิ้มเหมือนคนบ้าไปแล้วแต่กลับสวมหน้ากากจริงจังและโคตรหล่อแทน ฮึ้ยยย อย่าเก๊กหล่อให้มันมากนักได้ไหม แค่นี้ผมก็อิจฉาตาร้อนจนแทบไหม้ละลายคาเบ้าตาได้อยู่แล้ว!

“ข้ามิได้กำลังเล่นสนุกนะครับ แต่พิธีในคืนนี้จะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อท่านวียอมมอบจูบให้ข้าภายใต้ม่านแสงจันทร์ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมาแต่ช้านานแล้วล่ะครับ”

ใคร...ใครมันเป็นคนตั้งกฎบ้าๆ นี้ขึ้นมาห๊า อย่าให้รู้นะ พ่อจะแล่นเอาระเบิดไปบึ้มให้หายไปทั้งหลุมเอาให้สะเทือนเลือนลั่นไปถึงภพปรโลกเลย!

“จำเป็นต้องทำด้วยเหรอ” ผมแสร้งทำตาละห้อยใส่เจ้ากระต่ายที่ยิ้มจางๆ มาให้ ทำตัวให้ดูน่าสงสารเข้าไว้เผื่อกูจะรอด แต่ว่า...

“จำเป็นครับ เทพกระต่ายย้ำเป็นมั่นเหมาะว่าต่อให้ต้องใช้กำลังบังคับก็ต้องได้รับจูบจากท่านในค่ำคืนนี้ให้ได้ แต่ผมไม่อยากใช้วิธีนั้นกับท่านวี เลยเลือกที่จะพูดกับท่านตรงๆ แทนครับ”

คุณเชษฐ์ครับ... ผมว่าถ้าเรามีโอกาสได้เจอกันครั้งหน้า ผมคงต้องถามหน่อยแล้วว่าไอ้ที่คุณพูดกับเจ้ากระต่ายนี่ เป็นคำพูดของคุณเองหรือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่บรรพบุรุษกำชับมาเป็นมั่นเหมาะกันแน่ อันนี้ผมชักจะเริ่มไม่แน่ใจแล้วนะ!

“ท่านวีรังเกียจข้าหรือ?”

มุมปากของเจ้าหนูกระต่ายโค้งลงสิบห้าองศาเป็นอย่างต่ำ ทำตาละห้อยได้น่าสงสารกว่าที่ผมแสร้งทำหลายเท่านัก ส่วนมือที่รวบตัวผมอยู่ก็ดูเหมือนจะกอดรัดแน่นขึ้น หูเรียวยาวสองข้างลู่ลงเป็นกระต่ายหงอยแทบจะทิ่มตาผม

โอเคน้องชาย ผมยอมแพ้ก็ได้ อย่าทำตัวเศร้าให้ต่อมรักสัตว์ในใจผมสะเทือนอีกต่อไปเลย

ก็แค่จูบเอง คิดว่ากำลังจูบกับกระต่ายซะก็หมดเรื่องแล้วไอ้วี!

“เชอเชส เงยหน้าขึ้นมา” ผมรวบรวมกำลังใจเฮือกใจก่อนจะตะปบหน้าเขาขึ้นมาให้มองหน้าผม ดวงตาสีม่วงอมเทาดูสั่นไหวแปลกๆ เมื่อเราเผชิญหน้ากัน “ฉันไม่ได้รังเกียจ...ไม่เคยรังเกียจนาย ก็แค่...ไม่พร้อมน่ะ”

“มิเป็นไร ข้าเข้าใจดีครับ”

เข้าใจแบบไหนล่ะฟะเจ้าม่วงนี่ ปากบอกเข้าใจแต่หูกระต่ายกลับลู่ลงกว่าเดิมจนแทบจะทิ่มเข้าปากผมอยู่แล้ว เดี๋ยวก็งับซะหรอก

ผมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก็ใครใช้ให้ผมนึกเอ็นดูเจ้ากระต่ายบ้านี่ตั้งแต่แรกที่รู้จักกันเล่า!

เพียงแค่ไม่กี่วิที่เวลาไหลผ่าน ปากของผมสัมผัสกับอีกฝ่ายแผ่วจาง เบาบางดุจปุยหิมะที่พอแตะกับผิวเนื้ออุ่นร้อนก็ละลายหายไปในเวลาอันรวดเร็ว

วินาทีที่กำลังจะผละออก กลับรู้สึกถึงน้ำหนักมือที่กดลงมาบนท้ายทอย ริมฝีปากที่ผละจากเพียงเสี้ยวนาทีกลับประทับลงแนบแน่นบดเบียดจนอุ่นร้อน

ผมหลับตาปี๋ นึกด่าเจ้ากระต่ายบ้านี่ในใจด้วยคำหยาบทั้งหมดเท่าที่จะนึกออกในเวลานี้

ไหนว่าให้ผมเป็นคนจูบไง ผมก็จูบไปแล้ว แล้วไอ้มือนี่มันคืออะไร!? ปากที่ประกบกับผมอยู่นี่คืออะไร!? แล้วลิ้นที่สอดเข้ามานี่คืออะไร!?!?!?

ไอ้วีไม่เข้าใจ!!!!!!!!!!!!

“อะ...เชอ...อื้อ!”

ผมอยากเขียนใบลาตายสักสองฉบับ หนึ่งให้ไอ้ธา สองให้พ่อแม่

พ่อครับแม่ครับ ไอ้ธามึง...กูเสียจูบให้ผู้ชายแล้ว แถมยังเป็นดีฟคีสด้วย โอ้กกกกก


“หึหึหึ”

ไอ้ธานั่งหัวเราะเหมือนคนโรคจิตอยู่ข้างผมที่พยายามเลียนแบบเป็นแมวตายอยู่ข้างสระน้ำกลางสวนในวัง

หลังจากที่โดนเชอเชสจับจูบอย่างเร่าร้อนภายใต้ม่านแสงจันทร์ไป ผมก็สลบไสลไม่ได้สติไปสามวัน คุณเชษฐ์ที่มาดูอาการพร้อมกับพาไอ้ธามาเฝ้าด้วยบอกว่านี่เป็นเรื่องปรกติของการเชื่อมจิตเข้าด้วยกัน ผมที่ทำหน้าเป็นหมางงไม่รู้อะไรเป็นอะไรเลยได้รับคำแนะนำมาว่าให้ลองหลับตาลงแล้วเรียกหาเชอเชสดู ปรากฏผมได้ยินเสียงของเชอเชสตอบกลับมาในหัว

จากนั้นไม่นาน เจ้าตัวที่หอบหิ้วเอกสารพะรุงพะรังก็พุ่งพรวดเข้ามาเกาะข้างเตียงโดยโยนงานทั้งหมดทิ้งไว้ที่หน้าประตูให้เหล่าคนสนิทต้องก้มๆ เงยๆ เก็บกันหัวหมุน ส่วนเจ้าม่วงก็เอาแต่ถามผมไม่หยุดว่าผมเป็นยังไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นแล้วหรือยัง และบลาๆๆ ที่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นห่วงผมขนาดไหน

จากการปฏิบัติจริงในครั้งนั้นทำให้ผมรู้ว่าไอ้ธรรมเนียมอะไรนั่นมันไม่ใช่เรื่องที่กุขึ้น และจูบที่เหมือนเด็กเล่นขายของนั้นมันไม่มากพอให้การเชื่อมต่อสามารถดำเนินไปได้จนจบ เชอเชสถึงได้ตัดสินใจทำแบบนั้นกับผมลงไป

เชอเชสขอโทษผมหลายครั้งมาก เขากลัวว่าผมจะโกรธจนไม่มองหน้าเขาอีก ซึ่งมันไม่ใช่ ผมไม่ได้โกรธเขา เพียงแต่...

“ฮึ้ยยยยย คิดไม่ออกโว้ยยยยยย”

ผมตะโกนลั่นให้ปลาในสระแตกตื่นเล่นจนต้องหนีไปหลบหลังโขดหินมองดูคนบ้าที่กลิ้งไปมาจากใต้ผืนน้ำ ตอนนี้พวกเราอยู่ในสวนของตำหนักเทพกระต่ายที่ถูกสร้างแยกออกมาจากตัวปราสาท ข้างหลังตั้งติดกับน้ำตกขนาดใหญ่จึงได้ยินเสียงสายน้ำไหลที่ตกลงจากที่สูงตลอดเวลา อากาศบริสุทธิ์น่านอน แต่หัวใจของผมที่ยังกระวนกระวายทำให้ข่มตายังไงก็หลับไม่ลง

“คิดไม่ออกก็เลิกคิดเว้ย สมองมึงไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาให้มีรอยหยักเยอะ จะไปคิดให้มันซับซ้อนทำไม คิดไปก็คิดไม่ออกอยู่ดีน่า”

“ทำไมกูถึงรู้สึกเหมือนกูโดนด่าอยู่เลยวะ...”

“มึงคิดไปเองแล้วล่ะ” ไอ้ธายิ้มกว้างเหมือนโลกนี้สดใสนักหนาสำหรับมัน แตกต่างจากผมที่มองเห็นโลกนี้ดำมืดยิ่งนักในเวลาที่คิดไม่ออกแบบนี้

“ชิ” ผมจิ๊ปากขัดใจ หันหลังให้ว่าที่เทพกระต่ายรุ่นต่อไปที่ดูจะไม่คลั่งกับสถานะที่เป็นอยู่อย่างที่ผมเคยคิดเอาไว้

ไอ้ธาตอนนี้อยู่ในชุดสีขาวตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่มีสีอื่นใดเข้ามาแต่งแต้มให้เกิดจุดเด่น ผมที่เคยยาวจนเกือบแตะบ่าถูกตัดให้สั้นขึ้นจนดูไม่ต่างจากพวกเด็กเนิร์ด ในมือถือตำราเล่มใหญ่ที่ไม่เคยคิดว่าคนอย่างมันจะเอามาอ่านเล่นฆ่าเวลา ถ้าไม่ใช่ว่าคุณเชษฐ์ทั้งบังคับและข่มขู่(ด้วยวิธีไหนก็ไม่รู้) เชื่อเถอะว่าต่อให้เอาของรักทั้งหมดของไอ้ธามากองอยู่ตรงหน้าแล้วขู่ว่าจะเผาให้หมดไม่มีเหลือก็ยังไม่สามารถทำอะไรมันได้(เพราะมันรวย มันซื้อใหม่ได้ มันเลยไม่แคร์)

ผมล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าคุณเชษฐ์ใช้วิธีไหนมากำราบเกรียนธาได้อยู่หมัดแบบนี้นะ วันหลังผมจะได้ขอลองเอาไปใช้บ้าง น่าสนุกกว่าหาวิธีเกรียนมันกลับอย่างทาบไม่ติดเลยล่ะ

“ธา มึงอยู่นี่โอเคป่าววะ”

ผมกลิ้งกลับมานอนแบะหน้าเพื่อนสนิท หากยาอุลมาเห็นสภาพของผมตอนนี้คงได้วิ่งพรวดๆ เข้ามาฉุดผมให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ แล้วอบรมผมชุดใหญ่ว่าการกระทำเช่นนี้ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง

คิดๆ ดูแล้วชีวิตของผมก็มีสีสันเพิ่มขึ้นไม่น้อยเมื่อขอให้เชอเชสแต่งตั้งยาอุลเป็นเด็กรับใช้ส่วนตัวของผม ตอนนี้เจ้าตัวคงยุ่งอยู่ที่สำนักทอจันทร์ ฤดูหนาวใกล้มาเยือนดินแดนแห่งนี้แล้วผมเลยต้องมีชุดใหม่ที่อุ่นหนามากกว่าเก่า เจ้าตัวน้อยสีเทาเลยช่วยเป็นธุระจัดการให้

ส่วนผมก็หนีมาสิงอยู่กับเจ้าเพื่อนตัวดีที่นับวันเริ่มมีรอยยิ้มกวนประสาทหลากหลายมากขึ้น ไม่รู้ว่าคุณเชษฐ์เป็นคนถ่ายทอดพันธุกรรมนี้ให้หรือว่ามันเป็นของมันเองตั้งแต่เกิด ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นอย่างหลังซะมากกว่า แต่ก็ไม่อาจดูถูกความสามารถของคุณเชษฐ์ไปได้เหมือนกัน

คนที่ถูกผมตั้งคำถามนี้ใส่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ตาสีดำจับจ้องมายังผมพลางถอนหายใจ “มึงถามคำถามนี้กับกูมากี่รอบแล้วรู้ไหม”

“เอิ่ม... หกรอบได้มั้ง”

“ก็ถูก วันนี้เป็นรอบที่หก แต่คำตอบที่ถูกต้องคือ สามสิบเก้าครั้งนับจากวันที่มึงฟื้นขึ้นมาครับ” คุณธาราหยิบม้วนไม้ไผ่ที่วางกองอยู่ข้างๆ ขึ้นมาตีหัวผมดังป้าบ ฟังดูก็รู้ว่าเจ็บมาก แต่คนที่โดนจริงอย่างผมนี่ไม่ใช่แค่น้ำตาเล็ด แต่ไหลเลยล่ะครับ!

“มึงครับ บอกกูอย่างเดียวก็ได้ไม่ต้องตี หัวกูสูงค่าอย่างประเมินไม่ได้แล้วนะครับตอนนี้” ผมลูบหัวป้อยๆ ให้ไอ้ธาแค่นฮึใส่เสียหนึ่งคำรบ

“ฐานะเปลี่ยนแล้วเอาใหญ่เลยนะครับเพื่อนกู อยากให้เทพกระต่ายอย่างผมส่งคนไปรายงานสามีมึงไหมครับ ว่าตอนนี้ว่าที่เจ้าสาวของเขาที่ควรจะศึกษาเล่าเรียนอยู่ในหอตำรามาทำตัวเกรียนอะไรอยู่แถวนี้”

ผมรีบส่ายหัวรัวๆ แบบไม่กลัวคอหลุด นับตั้งแต่ผมตื่นขึ้นมาก็นับได้ยี่สิบวันแล้ว ตอนนี้เชอเชสงานยุ่งมาก เขาได้รับมอบหมายงานหลายอย่างจากพระราชาเพื่อพิสูจน์ความสามารถของตัวเองให้เป็นที่ประจักษ์แก่เหล่าขุนนางและราษฎรก่อนจะได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นกษัตริย์อย่างเป็นทางการ ส่วนผมที่มีฐานะเป็นชายาของเขาก็ต้องเรียนรู้อะไรหลายอย่างจากบรรดาพระอาจารย์ที่คุณตาณจัดหามาสอนให้ด้วยตัวเอง มีทั้งขนบธรรมเนียมประเพณี มารยาท การวางตัวในหมู่ชนชั้นสูง การเต้นรำ ราชาศัพท์ และอื่นๆ อีกมากมายหลายสิ่งจนผมแทบจับไข้หลังจากเริ่มเรียนไปได้แค่ไม่กี่วัน

ดังนั้นเมื่อชิ่งได้ผมจึงรีบชิ่ง กว่าจะหลบสายตาเจ้าพวกองครักษ์ที่เชอเชสเป็นคนคัดเลือกมาเองกับมือให้มาคุ้มครองผมได้ก็ใช้เวลาตั้งนาน เรื่องอะไรผมจะยอมกลับไปนั่งหน้าตำราที่เต็มไปด้วยอักษรยึกยือที่อ่านไม่ออกนั่นง่ายๆ ล่ะ ลงทุนหนีเรียนมาแล้วทั้งทีก็ต้องเอาให้คุ้มกันหน่อยซี่~

ในขณะที่ผมกำลังคิดอะไรไร้สาระจนเพลิน ร่างที่ทอดกายอย่างเกียจคร้านบนหญ้านุ่มสีเหลืองอ่อนพลันถูกใครบางคนยกขึ้นจนตัวลอย

กลิ่นหอมที่คุ้นจมูกเพราะกว่าสามสัปดาห์ที่ผ่านมาผมนอนอยู่กับเขาทุกคืนจนจำกลิ่นนี้ได้ขึ้นใจ มันตามมาหลอกหลอนพร้อมกับไออุ่นและน้ำเสียงที่ติดจะเย็นชานิดๆ เหมือนผู้ใหญ่ดุเด็กเกเรที่แอบหนีเรียนมากลิ้งเล่นแถวนี้

“ท่านวี รู้ไหมครับว่าพระอาจารย์ซูลูจะร้องไห้อยู่แล้วที่ท่านหนีเรียนวิชาเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเขาจะเขียนใบลาออกอยู่แล้ว”

ดวงตาสีม่วงอมเทาฉาบไว้ด้วยความเหนื่อยใจ แต่เหนือกว่านั้นคือประกายลึกล้ำที่ทอแววเอ็นดูคนที่อยู่ในอ้อมกอด จนคนนอกอย่างธาราต้องเบือนหน้าหนีไปผิวปากเล่นเพราะอยู่ดีไม่ว่าดีดันเห็นสามีภรรยามายืนสวีทกันให้เห็นเต็มตาเสียอย่างนั้น

“ผม เอ่อ...ก็แค่เบื่อๆ น่ะ เลยอยากออกมาสูดอากาศเล่น แล้วบังเอิญมาเจอธาแถวนี้พอดีเลยเผลอคุยกันนานไปหน่อย”

ผมตีอกชกลมอยู่ในใจ ทำไมเจ้ากระต่ายนี่ถึงได้รู้ตลอดเลยนะว่าผมอยู่ที่ไหน ทำอะไร และอยู่กับใคร ทั้งที่ผมก็ปิดกั้นเสียงในใจไม่เรียกเขาผ่านทางพันธสัญญาอะไรนั่นแล้ว มันก็ไม่ควรเป็นปัญหาแล้วสิ!

“ท่านวี คิดดังไปแล้วครับ”

ผมสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยเตือน ลืมไปได้ไงนะว่าตอนนี้ผมอยู่ในอ้อมแขนของเชอเชส และการสัมผัสกันแบบนี้จะทำให้ความคิดของผมไหลเข้าสู่สมองของอีกฝ่ายได้ง่ายกว่าปรกติ ยิ่งคิดดังเสียงก็ยิ่งดัง ตายๆๆ ป่านนี้ไม่รู้หมดแล้วรึว่าผมโกหกเขาไป!?

“เรื่องแค่นี้ไม่รู้ก็แย่แล้วล่ะครับ” เชอเชสยิ้มขัน เจ้ากระต่ายบ้าที่แต่ก่อนเคยน่ารักน่าเอ็นดูตอนนี้ถูกจัดให้อยู่ในทำเนียบคนน่าเตะของผมไปแล้ว

ใครก็ได้ ช่วยเอาเจ้าส้มเมื่อวันวานกลับมาที! สีม่วงนิสัยแบบนี้ผมไม่เอา!

“ไม่เอาตอนนี้ก็สายไปแล้วครับท่านวี ท่านเลือกผมเป็นคู่ครองของท่านแล้วนี่นา” เจ้าสีม่วงหันไปคำนับไอ้ธาหนึ่งทีแทนคำทักทาย ซึ่งเพื่อนผมที่ดูจะมีมารยาทเยอะขึ้นมากก็คำนับกลับไปในลักษณะเดียวกัน ก่อนเชอเชสจะเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนว่า “ท่านวีรบกวนการศึกษาของท่านมามากแล้ว เห็นทีข้าคงต้องขอตัวพาเขากลับก่อน ไว้มีเวลาว่างเมื่อไหร่ข้าจะพาท่านวีมาเยี่ยมท่านอีกนะครับ”

“เฮ้ย เดี๋ยว! ใครบอกว่าผมจะกลับไปพร้อมกับนาย ปล่อยผมลงเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

ผมแผดเสียงดังลั่นจนหมู่วิหคผาจันทร์ผวาบินขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นภาพอันน่าชม แต่ผมไม่มีแก่ใจจะชื่นชมความงามของนกน้อยเหล่านั้นในเมื่อผมกำลังถูกอุ้มไปสู่ลานประหาร(หอตำรา) โดยเพชรฆาตนามเชอเชส

คนที่ได้วิชาอ่านใจผมไปเมื่อสามอาทิตย์ก่อนลอบถอนหายใจอย่างนึกปลง ก่อนพูดกับผมด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจแกมขบขัน

 “ท่านวี การศึกษาเล่าเรียนมันไม่โหดร้ายขนาดนั้นหรอกครับ”




---------------------------------------------------------
เป็นเมียเด็กไม่ใช่เรื่องง่าย //นุ้งวีมิได้กล่าวเอาไว้ 555555

ขอบคุณทุกเม้น ทุกกำลังใจนะก๊าบบบบ
โอมมม จงรักต่าย หลงต่าย ฝันเห็นสิ่งมีชีวิตสีม่วงๆ กันถ้วนหน้าเด้อ   :hao7:


ออฟไลน์ wnkth

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
อู้ว กินเด็ก Living mall

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1810
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
โดนจูบทีสลบเลยนะ วี

ออฟไลน์ Air_Yaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
นุ้งต่ายน่าร๊ากกกกกกกกกก
ตอนนี้อ่านแล้วแอบคิดว่าวีอายุน้อยกว่านุ้งต่ายม่วงอีกนะ55555
บางทีอาจน้อยกว่าต่ายเทายาอุลด้วยมั้งนั่น55555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ monetacaffeine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
วันนี้ได้อ่านสองตอนเลย ดีใจอ้าาาา >_____< ชอบเรื่องนี้มากกกก อ่านซ้ำ 3 รอบแล้วค่ะ หลงทุกอย่างเลย(โดยเฉพาะเชอเชส แฮ่ะๆ)
ชอบเวลาเค้าสวีทกันมากเลยค่ะ มันดูมุ้งมิ้งบอกไม่ถูก บรรยากาศนี่เหมือนสามีภรรยากันจริงๆเลยหรือไม่ก็แฟนที่คบมานานงั้น~
ชอบมากเลยค่ะะะะ /พิมพ์คำว่าชอบซ้ำรอบที่สามแล้วอ่ะ ; _ ; 5555555555555
คือหาคำอื่นมาบรรยายไม่ได้จริงๆ นี่ถึงขนาดเม้นในไอโฟนเลยนะคะทั้งๆที่ปกติจะดองรอเม้นในคอมอ่ะ! อยากอ่านตอนต่อไปแล้วค่ะะ
อยากเห็นทั้งเชอเชสปราบพยศท่านวี(ไหงสลับกันงี้ /ฮา) แล้วก็ความน่ารักน่าเอ็นดูของวีด้วยค่ะ!

จะรอติดตามตอนต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ สู้ๆเน้ออ :L2:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
น่ารักมากนุ้งต่ายยย :m1: :m11:

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ท่านวีช่างเกรียนเหลือเกินนะขอรับ  :laugh: ขำตรงเชอเชสบอกว่าอาจารย์อยากลาออกจะตายอยู่แล้ว
ปูลู.ต่อไปนี้ก็เรียกต่ายส้มไม่ได้แล้วสิ? เรียกไอ้หัวม่วงก็กลัวจะซ้ำพี่น้องตัวอื่น  :hao5:

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
ทำใจนะน้องวี แหม ๆ ได้แฟนคอยตามดูแลขนาดนี้น่าดีใจออกนะ 555
ไป ๆ มา ๆ ใครเด็กกว่ากันกันแน่นะเนี่ย  :laugh:
เชอเชสอบอุ่นอ่ะ น่ารัก ชอบ ๆ  :-[

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
รักต่ายน้อยจัง

ออฟไลน์ pe-ar

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
น่ารักจัง
ติดตามๆๆค่ะ

ออฟไลน์ Dezzerr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
โอ๊ยยย เรื่องนี้คือน่ารักน่าเอ็นดูมมกค่ะ คือชอบบบบบบบบบบ หลงรักเชอเชสเวอร์ชันปุกปุยสีส้ม 555555

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
เดี๋ยวนะ ใครเด็กกว่าใครกันแน่เนี่ย 55555
หึ้ยยยยย อยากกอดกระต่ายสีม่วงๆ

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4

ออฟไลน์ Far Far Away

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ตกลงใครเด็กกว่าใครกันแน่

อยากฟัดกระต่ายยยยยยยย

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 729
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
หูย  น่ารักอ่ะคู่นี้ แล้วอีกคู่ล่ะ

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1510
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
ทำไมพอบอกสิ่งมีชีวิตม่วงๆ เรานึกถึงมินเนี่ยนเวอร์ชั่นตัวม่วงตลอดเลย  ฮ่าๆๆๆ
น่ารักแต่ร้ายกาจ  แฟนตาซีมากแบบน่ารักๆ

ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
เพิ่งเข้ามาอ่าน น่ารักมากค่ะ ชอบตอนเวลาชาวกระต่ายเขินแล้วหูกับหางจะเด้ง  :hao7:

ออฟไลน์ MeMindZa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกค่ะ ติดตามอยู่น๊า :katai2-1:

ออฟไลน์ varirinnara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ชายาแห่งดวงจันทร์ -9-
«ตอบ #85 เมื่อ24-12-2015 21:33:48 »




-9-
อาคันตุกะที่ไม่ได้รับเชิญ




“คณะทูตจากอาณาจักรเงาจันทร์?”

“ครับ พวกเขาจะเดินทางมาถึงที่นี่ในอีกสามวัน ในระหว่างนั้นข้าอยากให้ท่านวีเก็บตัวเงียบสักพักจนกว่าจะถึงวันอภิเษกของเรา จะได้ไหมครับ?”

เจ้าสีม่วงทำหน้าเศร้าหูตกเดินเข้ามาหา ดวงตาสีม่วงอมเทาเจือแววขอร้องออดอ้อนอยู่ในที

เฮ้ๆๆ แค่ตีหน้าเศร้าหน่อยเดียวก็เอาผมอยู่หมัดแล้วน่า ไม่ต้องเดินเข้ามาจับมือทำตาละห้อยเพิ่มหรอก ผมไม่ชิน

“ให้ผมเก็บตัว? บอกเหตุผลได้ไหมว่าทำไม” เท่าที่ผ่านมาสามอาทิตย์ เชอเชสให้อิสระผมเต็มที่ ไม่เคยเอ่ยปากขออะไรอย่างนี้เลยสักครั้ง เมื่อมองสีหน้าที่มีแววความกังวลผสมอยู่ในนั้นชัดเจน ผมว่าไอ้อาณาจักรเงาจันทร์อะไรนี่ต้องไม่ได้มาดีแน่นอน

“ท่านวีคงพอจะทราบอยู่บ้างแล้วใช่ไหมครับ ว่าอาณาจักรเงาจันทร์นับเป็นไม้เบื่อไม้เมากับอาณาจักรแสงจันทร์ของเรามานาน การที่พวกเขาส่งตัวแทนมาร่วมยินดีกับงานอภิเษกของเราถือว่ามาตามมารยาทก็จริง แต่ทุกครั้งที่มีงานรื่นเริงยินดีมักจะมีผู้ไม่หวังดีเข้ามาฉกฉวยผลประโยชน์ด้วยเสมอ และเป้าหมายคราวนี้ก็คงไม่พ้นตัวท่านที่เพิ่งได้รับเลือกจากมงกุฎแห่งจันทรา หากพวกเขาต้องการตัดเขี้ยวเล็บข้าที่กำลังจะได้ขึ้นครองบัลลังก์ในเร็ววันนี้ การทำลายท่านนับว่าเป็นทางลัดที่สุดแล้ว”

ผมฟังแล้วเหงื่อแตกซิกขึ้นมาโดยพลัน บีบมือเจ้าสีม่วงแน่นพร้อมกับให้สัญญา

“ไม่ต้องห่วงนะเชอเชส ผมจะหลบอยู่แต่ในห้องนอนทั้งวันทั้งคืนเลย!”

“ได้ยินเช่นนั้นข้าก็เบาใจ หลังจากนี้ข้าจะให้ฟาฮากับเซริมคอยคุ้มครองท่าน ขอให้ท่านอดทนจนกว่าพิธีอภิเษกของเราจะมาถึงนะครับ”

“ได้เลย” ผมพยักหน้ารับคำหนักแน่น อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับสวัสดิภาพและความปลอดภัยของผม ผมย่อมยินดีอ้าแขนรับมันไว้โดยไม่เกี่ยงงอน แม้การที่มีองครักษ์ของเจ้าชายรัชทายาทตามติดถึงสองคนจะทำให้ผมขาดความเป็นส่วนตัวไปบ้างก็ตาม

หลังจากวันนั้นผมจึงขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง เชอเชสเหมือนกลัวว่าการหายใจทิ้งไปวันๆ ในห้องจะทำให้ผมหดหู่หรือไม่ก็อุดอู้จนเกินไป เขาจึงได้ขอร้องให้พระอาจารย์มอบรายงานกองโตให้ผมทำเล่นเป็นการแก้เบื่อ

ณ เวลานี้ผมเลยหัวฟูให้ฟาฮากับเซริมช่วยแบกหนังสือจากห้องอักษรมากองไว้เป็นคู่มือศึกษา พจนานุกรมฉบับไทย-จันทระ(ภาษาของชาวแสงจันทร์) ถูกผมพลิกแล้วพลิกอีกจนกระดาษแทบขาดติดมือ กระดาษรายงานที่มีความยาวมากพอจะโอบล้อมราชวังได้ทั้งหลังถูกผมละเลงลายมือไก่เขี่ยลงไปจนแทบจะอ่านไม่ออก ต้องขอบคุณเชอเชสจริงๆ ที่ทำให้ผมไม่มีเวลาว่างมานั่งคิดเรื่องไร้สาระอีกเลยนับตั้งแต่พระอาจารย์สั่งให้ผมศึกษาความเป็นมาของอาณาจักรแสงจันทร์และประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียง

อาณาจักรเงาจันทร์

ผมสะดุดกึกเมื่อเนื้อหาบทใหม่เป็นเรื่องเกี่ยวกับอาณาจักรเพื่อนบ้านที่รบทัพจับศึกกับอาณาจักรแสงจันทร์มานาน หลังอ่านข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ในตำราจนครบ ผมถึงเริ่มเข้าใจความสัมพันธ์ของสองอาณาจักรนี้ขึ้นมาบ้าง

อาณาจักรแสงจันทร์ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกติดกับทะเลธารดาราซึ่งโอบล้อมแผ่นดินนี้ถึงสองในสามของพื้นที่ทั้งหมด มีอาณาจักรเสี้ยวจันทร์คอยคานอำนาจอยู่ทางทิศตะวันตก ส่วนอาณาจักรเงาจันทร์นั้นครอบครองพื้นที่ทางตอนเหนือโดยรอบ กินอาณาเขตกว้างขวางยิ่งกว่าสองอาณาจักรรวมกันเสียอีก

ด้วยความที่ผลผลิตทางการเกษตรนั้นไม่ค่อยดีเนื่องจากพื้นที่ทางตอนเหนือนั้นทั้งแห้งแล้งและหนาวเย็นเกินกว่าจะเพาะปลูกได้ อาณาจักรเงาจันทร์จึงคิดขยายอิทธิพลลงมายังภาคตะวันออกซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์มากกว่า กษัตริย์เมซาดิอุสเคยยื่นเรื่องเจริญสัมพันธไมตรีไปแล้วหลายครั้ง ทว่ากษัตริย์ของอาณาจักรเงาจันทร์กลับปัดข้อตกลงนั้นทิ้งแล้วจัดทัพรุกรานอาณาจักรแสงจันทร์อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งกษัตริย์ทัชชาคาลแห่งอาณาจักรเงาจันทร์สวรรคตลงด้วยโรคประจำตัว โอรสองค์โตได้ขึ้นครองบัลลังก์แทน สนธิสัญญาเชื่อมพันธไมตรีจึงได้ถูกร่างขึ้นท่ามกลางความไม่พอใจของขุนนางหลายฝ่ายในอาณาจักรเงาจันทร์

“ฟาฮา ที่เชอเชสกังวลคือพวกขุนนางที่เป็นปรปักษ์กลุ่มนี้ใช่ไหม” ผมเอนหลังลงบนเบาะนุ่มที่เต็มไปด้วยกองหมอนใบใหญ่ บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามมีสองในสี่องครักษ์ประจำพระองค์ของเจ้าชายรัชทายาทนั่งอยู่

ฟาฮาที่เป็นชายรูปร่างสูงโปร่งท่าทางสุขุมพยักหน้าลงเล็กน้อย ก่อนกางหนังสืออีกเล่มให้ผมได้ปวดหัวเพิ่มอีกรอบ

ต้องพลิกดิกฯ แปลอีกแล้วเรอะ!?

“ข้อมูล...ลับ?”

ผมมองภาษายึกยือบนตำราแล้วขมวดคิ้วมองหน้าคนที่ยื่นมาให้ เจ้าของเรือนผมสีเงินเหมือนแสงจันทร์เพียงพยักหน้ารับ คล้ายกับบอกว่าผมแปลได้ถูกต้องแล้ว

“นี่ฟาฮา ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว คุณช่วยแปลให้ผมฟังเลยเถอะนะ ผมจมอยู่กับกองหนังสือพวกนี้มาสี่วันแล้ว ให้ผมอ่านมากกว่านี้รับรองผมได้อ้วกแน่”

คนที่นั่งกินขนมจิบน้ำชาอยู่ข้างๆ ฟาฮาหัวเราะออกมาเสียงดัง “พระชายาท่านก็กล่าวเกินไป การที่พระอาจารย์ซูลูให้ท่านศึกษาทั้งหมดนี่ด้วยตัวเองก็เพื่อตัวท่านล้วนๆ จะมาบิดพลิ้วเช่นนี้ไม่ได้นา ไม่งั้นข้าจะนำความนี้ไปทูลให้เจ้าชายทรงทราบด้วย”

ผมเบะปากใส่เจ้าดำที่มีนิสัยกะล่อนกวนตีนคล้ายไอ้ธาไม่มีผิด หมอนี่ชื่อ เซริม เจ้าตัวบอกว่าชื่อของเขาแปลว่า ร่าเริงสดใส เพราะบิดาตั้งชื่อให้เช่นนี้จึงทำให้เขามีรอยยิ้มสดใสราวดวงอาทิตย์ติดอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา ตรงกันข้ามกับฟาฮาที่เหมือนพระจันทร์ลอยเด่นอยู่กลางผืนนภาในวันที่ท้องฟ้าเป็นสีดำสนิท ช่างเป็นการจับคู่ที่ดูต่างกันสุดขั้วแต่ดูลงตัวที่สุดแล้วนับตั้งแต่ผมได้เคยเห็นมา

“ขี้ฟ้อง” ผมปาหมอนใบใหญ่ใส่เขา อดหน้าง้ำไม่ได้เมื่อท่อนแขนแข็งแรงยกมากันได้ทันก่อนที่หมอนใบนิ่มจะหล่นปุลงบนตักเขา หนึ่งในสี่องครักษ์เลยได้หมอนใบนุ่มไปเอนหลังนั่งสบายกว่าเก่า

“การศึกษาทั้งหมดนี้ด้วยตัวเองย่อมเป็นประโยชน์ต่อท่านในภายภาคหน้า ท่านอย่าได้บอกปัดมันเลยขอรับ” ฟาฮาผู้จริงจังแย้งกลับด้วยเหตุผล ทำเอาผมต้องยอมยกดิกชันนารีขึ้นยอมแพ้ พวกใช้ชีวิตตรงดิ่งเหมือนไม้บรรทัดแบบฟาฮานี่รับมือยากกว่าพวกไร้สาระอย่างไอ้ธาเยอะเลย

“นี่ เซริม ทูตที่มาจากอาณาจักรเงาจันทร์มาถึงกันแล้วยัง?”

ผมพลิกหน้าดิกฯ หาศัพท์ไปพลางปากก็ทำงานถามนั่นนี่ไปด้วย เชอเชสบอกว่าคนพวกนั้นจะมาถึงในสามวัน ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะมาถึงตั้งแต่เมื่อวานกันแล้ว ผมที่ถูกปิดกั้นข่าวสารจากภายนอกจนหมดเลยอยากรับรู้ความเป็นไปสักหน่อย จะได้รู้ว่าข้างนอกนั่นเขาไปถึงไหนกันบ้างแล้ว

“มาถึงแล้วขอรับ เจ้าชายทรงจัดให้พวกเขาพักอยู่ที่เรือนรับรองทางปีกขวาของปราสาท ทั้งยังเพิ่มเวรยามตรวจตราให้แน่นหนาขึ้นอีกด้วย ท่านวีอย่าได้ทรงเป็นกังวลเลยขอรับ”

ผมพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้กังวลอะไรอยู่แล้วในเมื่อเจ้าม่วงมักจัดการทุกอย่างได้รอบคอบเสมอ ดูอย่างการจัดที่อยู่ให้คนพวกนั้นเป็นตัวอย่างสิ เล่นแยกผมกับอีกฝ่ายอยู่กันคนละฟากฝั่งของปราสาทเลย กว่าจะหาตัวผมเจอได้ก็คงต้องเสียเวลาไปหลายวันพอดู หรือไม่ แม้แต่เงาหัวผมก็อาจจะไม่ได้เห็นเลยด้วยซ้ำ

“แล้วเชอเชสล่ะ ผมไม่เห็นหน้าเขามาหลายวันแล้วนะ”

ไหนๆ ก็ถามถึงคนจากต่างแดนไปแล้ว ก็ถามเพิ่มอีกหน่อยจะเป็นไร

“เจ้าชายทรงย้ายไปพำนักอยู่กับเจ้าชายนาเทลเป็นการชั่วคราวขอรับ” คิ้วของผมกระดิกขึ้นสิบองศา เงยหน้าขึ้นมองเซริมคล้ายกับต้องการขอคำอธิบายเพิ่มว่าทำไม เซริมเลยต้องพูดต่ออย่างขัดไม่ได้ “อย่าทำหน้าตาคาดคั้นเช่นนั้นสิขอรับ ข้าเองก็ไม่ทราบว่าทำไม รู้แต่นี่เป็นคำสั่งขององค์ราชินีโดยตรง...”

คำสั่งของคุณตาณ?

“องค์ราชินีน่าจะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของท่าน จึงให้เจ้าชายย้ายไปพำนักอยู่ที่อื่น จะได้ป้องกันการถูกสะกดรอยตามน่ะขอรับ” ฟาฮาลองวิเคราะห์ความเป็นไปได้ ซึ่งฟังดูมีเหตุมีผลดีจนผมเผลอพยักหน้าเออออตาม

“ทรงคิดถึงเจ้าชายจนทนมิไหวแล้วหรือท่าน?”

เจ้าดำเซริมสบโอกาสย้อนถามกลับจนผมแทบทำพจนานุกรมหลุดมือทุ่มใส่หน้าคนพูด

“ตลกแล้ว ใครคิดถึงใคร ไม่มีเหอะ!” ผมเถียงคอแข็ง เรียกรอยยิ้มเหมือนรู้ดีของเซริมกับรอยยิ้มมุมปากจางๆ จากฟาฮาได้ในประโยคเดียว “อะไร... ทำหน้าอย่างนี้ไม่เชื่อกันเรอะ!?”

“เชื่อขอร้าบ เชื่อแล้วขอร้าบ” เซริมรีบยกมือขึ้นยอมแพ้ก่อนใครเมื่อเห็นผมยกหนักสือเล่มเท่าตึกเตรียมปาใส่คนพูดไม่เข้าหู แต่รอยยิ้มที่กระจายเต็มหน้าไปหมดทั้งปากทั้งตานี่มันยังดูขัดหูขัดตาพิลึก

ผมว่าผมน่าจะลองทุ่มของในมือใส่เจ้าดำดูสักทีนะ หึหึหึ

“ท่านวี! ข้ายอมแล้วๆ โปรดวางสารานุกรมในมือท่านลงเถิดขอรับ ข้ายังอยากใช้ชีวิตนี้ถวายการรับใช้ท่านเชอเชสอยู่นะ!”

เจ้าดำรีบเผ่นไปหลบหลังฟาฮาที่ยกน้ำชาขึ้นจิบสบายใจเฉิบ ผมพยักหน้ากับตัวเองอย่างพอใจ คิดว่าหลังจากนี้คงสบายหูไปอีกสองถึงสามชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ

แต่ยังไม่ทันที่จะได้หยิบชาหอมขึ้นมาจิบกับเขาบ้าง สององครักษ์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็รีบลุกพรวดขึ้นมาขนาบผมคนละข้าง ดาบสองมือถูกชักออกมาจากฝักตั้งท่าระวังเต็มที่ ผมที่นั่งมองสลับระหว่างสองคนนั้นยังไม่ทันได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้น หน้าต่างบานใหญ่ที่ทำเป็นทรงโค้งสวยงามจนเกือบจรดเพดานก็แตกเพล้งจนเศษกระจกกระจายเต็มพื้น คนในชุดดำจำนวนไม่ต่ำกว่าเจ็ดคนพุ่งทะลุเข้ามาทีละคนสองคน ไม่นานนักก็ยืนจังก้าประชันกับสององครักษ์ที่มองผู้มาเยี่ยมเยือนโดยไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเย็นเยียบ

ผมรีบซดชาในถ้วยสองอึกเติมพลังก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้กิน...

เพราะดูจากสภาพการณ์แล้วพวกเขาคงจะเปิดศึกกันในห้องนี้แน่แล้ว!

“ปล่อยให้พวกเราตามหาตัวกันเสียตั้งนาน ที่แท้พระชายาผู้มาจากโลกอื่นทรงประทับอยู่ที่นี่นี่เอง”

เสียงแหบแห้งคล้ายคนเป็นหวัดกล่าวประโยคที่ดูยังไงก็เป็นตัวร้ายออกมา ไม่ว่าจะที่ไหนๆ คำพูดของพวกผู้ร้ายก็มีแต่แพทเทิร์นเดิมๆ ไม่ยักกะมีอะไรแปลกใหม่ให้น่าตื่นตาตื่นใจขึ้นมาบ้างเลย น่าเบื่อชะมัด

“เชิญเสด็จไปกับพวกกระหม่อมแต่โดยดีเถิด มิอย่างนั้นอย่าหาว่าทางเราไม่เตือน” ชายชุดดำที่ผมนับจนถี่ถ้วนดีแล้วว่ามีสิบสองคนยื่นข้อเสนออันน่าหนักใจมาให้ ผมถามคุณหน่อยเถอะนะ ว่าถ้ามีผู้ร้ายมาบอกให้คุณยอมไปกับเขาดีๆ ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเขามีเจตนาไม่ดี เป็นคุณ คุณจะไปกับเขาหรือเปล่า

ผมตอบให้เลยละกัน...ไปก็โง่แล้วเฟ้ย!

“ฟาฮา เซริม พวกนายจะรับมือกันไหวหรอ ทางนั้นเขามากันตั้งสิบสอง”

“สิบสามต่างหากขอรับ” เจ้าดำช่วยพูดแก้ให้ ผมถึงได้สังเกตเห็นว่ามีอีกหนึ่งยืนรออยู่ตรงระเบียง ไม่ได้เข้ามาร่วมสังสรรค์กับคนอื่นๆ ในห้องด้วย

“เลขมงคลชิบหาย”

ทางนี้มีแค่สาม แต่อีกฝั่งล่อไปซะหนึ่งทีมฟุตบอลที่แถมโค้ชกับกรรมการมาด้วย เจริญล่ะไอ้วี รอดงานนี้ไปได้ไม่รู้ต้องถวายหัวหมูให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์สักกี่หัวถึงจะพอ

“ท่านวี รีบเรียกท่านเชอเชสเถิดขอรับ อีกฝ่ายมีจำนวนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ พวกข้าไม่มั่นใจเลยว่าจะต้านรับกันได้นานแค่ไหน” ฟาฮาหันมาพูดกับผมเสียงเบา เจ้าตัวยกดาบสองมือไขว้กันตั้งท่าระวังเตรียมพร้อมตลอดเวลา

“ได้ เดี๋ยวผมไปตามเชอเชสให้ รอแป๊บนึงนะ” ผมรีบหมุนตัวจะวิ่งออกนอกประตู แต่กลับถูกเจ้าสีเงินคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน ฟาฮาถอนใจหนักๆ หนึ่งทีก่อนช่วยเตือนความทรงจำให้ผม

“ท่านวีขอรับ อย่าลืมสิว่าท่านได้ทำพันธสัญญากับเจ้าชายไปแล้ว”

พูดถึงพันธสัญญา ภาพที่ผมถูกจับจูบก็แล่นแว้บขึ้นมาในหัวจนได้ยินเสียงบึ้มเบาๆ คล้ายมีภูเขาไฟระเบิดตูมอยู่ข้างใน ผมรีบละล่ำละลั่กบอกว่าจริงด้วย ก่อนหลับตาตั้งสมาธิ ติดต่อเชอเชสผ่านทางโทรจิตทันที

'เชอเชส นายอยู่ไหน เกิดเรื่องแล้วววววว!!!'

ผมพยายามตะโกน(ในใจ)ให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ เชอเชสเคยบอกไว้ว่ายิ่งคิดดังเท่าไหร่เขาก็จะยิ่งได้ยินผมชัดเจนขึ้นเท่านั้น ผมเลยแหกปาก(ในใจ)ไปซะสุดเสียง เพียงเสี้ยวนาทีคนที่ผมร้องเรียกก็ตอบกลับมา

'ข้าทราบเรื่องแล้วครับ มีใครบางคนฝ่าเขตอาคมที่ข้าสร้างไว้เข้าไป ตอนนี้ข้ากับทิชาและจาเรลกำลังนำกำลังพลส่วนหนึ่งไปที่นั่นครับ' น้ำเสียงของอีกฝ่ายฟังดูร้อนรนอยู่ในที ผมเลยรับคำเขาว่าจะอดทนรอจนกว่าเขาจะมา แต่ก่อนหน้านั้น...

“เหวอ!!!!”

ตัวผมทั้งตัวโดนเซริมเหวี่ยงไปกระแทกกำแพง ขอบอกเลยเจ็บและจุกมาก อยากให้ผมออกนอกวงโคจรบรรดามีด ดาบ และอาวุธก็บอกกันดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องจับทุ่มกันแบบนี้เลย!

“ขออภัยด้วยขอรับ ไว้ข้าจะมารับโทษทีหลังนะ” เจ้าดำแหกปากพูดกับผมขณะหมุนตัวฟันผู้บุกรุกได้แผลไปชุดใหญ่ สององครักษ์ประจำองค์รัชทายาทฝีมือแก่กล้าขนาดไหน วันนี้เองผมเพิ่งจะได้ประจักษ์

เซริมผู้ขี้เล่นเคลื่อนไหวได้รวดเร็วดุจสายลม เพียงแค่เขาพลิ้วกายก็ฝากคมมีดเข้าเชือดเฉือนอริศัตรูได้ในดาบเดียว ส่วนฟาฮาผู้สุขุม ผมเคยคิดว่าวิถีดาบของชายคนนี้จะต้องงดงามหมดจดแน่นอน แต่ฟาฮาในเวลานี้กำลังทำให้ผมตะลึงกับความดุดันที่เขาถ่ายทอดออกมาผ่านเพลงดาบที่ทั้งแม่นยำและไม่ละเว้นใครก็ตามที่ผ่านเข้ามาในวิถีดาบ ประกายตาสีฟ้าของเจ้าสีเงินเรืองวาบจนผมที่แอบชมอยู่ชิดติดขอบสนามถึงกับพรั่นพรึงขึ้นมา รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว

ฟาฮา ผมขอสาบานไว้ ณ ตรงนี้เลยว่าผมจะไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่เถียงคุณอีกแล้วนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ฮือออ พี่แกโหดสลัดโคตรพ่อโคตรแม่เลยค้าบบบบบ

ใช้เวลาเพียงระยะสั้นๆ อัตราสิบสามต่อสาม(ผมขอนับตัวเองเข้าไปด้วยน่า) ก็ลดปริมาณลงจนน่าใจหาย ตอนนี้มีชายชุดดำสละสิทธิ์ออกจากการต่อสู้ไปแล้วแปดคน เหลืออีกสี่ ถ้านับคนที่ยังยืนอยู่ตรงระเบียงไปด้วยก็เป็นห้า ถ้าจบจากตรงนี้ไปแล้วผมจะให้เชอเชสมอบใบประกาศเกียรติคุณแก่สองคนนี้ไว้เป็นที่ระลึก ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยได้ประมือกับคนโฉดร่วมกันรวมทั้งสิ้นสิบสามศพ นับเป็นวีรกรรมที่น่ายกย่อโดยแท้

ฟาฮากับเซริมจงเจริญ เฮ~

“ท่านผู้นำ เอายังไงต่อดีขอรับ”

หนึ่งในชายชุดดำถอยร่นลงไปถามคนที่ยังยืนคุมเชิงอยู่ เขาเป็นชายร่างใหญ่ที่ต่อให้ปกปิดร่างกายด้วยชุดทึมทึบสีดำทั้งร่างก็ยังแผ่อำนาจความน่าเกรงขามออกมาไม่หยุด ชายคนนั้นไม่ตอบอะไร เพียงแต่เดินเข้ามาพร้อมกับดาบใหญ่ในมือที่ถ้ามันถูกเหวี่ยงเป็นวงกว้างสักครั้ง โต๊ะรับแขกและชุดน้ำชายามบ่ายของผมคงกระจายในดาบเดียว

“ชายาผู้มาจากโลกเอ๋ย ข้าจะให้เจ้าตัดสินใจอีกครั้ง” เพียงเสียงแหบพร่าที่เหมือนอสูรกายเปล่งเสียงออกมาเป็นถ้อยคำ ตัวผมก็สั่นสะท้านไปทั้งร่าง ขาสองข้างอ่อนแรงลงจนแทบทรงตัวไม่อยู่ “จะไปกับข้า หรือจะทิ้งศพองครักษ์ของเจ้าไว้ที่นี่ จงเลือกเอา”

ความกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างสูงใหญ่บีบคั้นให้ทั้งห้องจมอยู่ในความเงียบอันน่าอึดอัด ผมลอบสังเกตอาการของเจ้าดำและเจ้าสีเงิน ทั้งสองยังคงตั้งท่าขวางทางระหว่างผมกับพวกชายชุดดำเอาไว้ ภายนอกอาจดูมั่นคงเหมือนไม่มีอะไรมาสั่นไหวพวกเขาได้ แต่ถ้าลองเพ่งมองดูให้ดีจะพบว่าใบหน้าขาวของฟาฮามีเม็ดเหงื่อผุดซึมเต็มไรผม ส่วนเซริมก็มีสภาพไม่สู้ดีไปกว่ากัน องครักษ์ที่แข็งแกร่งจนล้มคนแปดคนได้ในระยะสั้นๆ ตอนนี้ทำได้เพียงแต่ยืนคุมเชิง ไม่กล้าแม้แต่จะกระพริบตา

“ฟาฮา เซริม...” ผมกำมือแน่น มันเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก ผมต้องเลือกว่าจะไปฝั่งนั้นด้วยตัวเอง หรือจะให้อีกฝ่ายบุกเข้ามาชิงตัวผมไป

ถ้าเป็นอย่างหลัง คนๆ นั้นต้องไม่ละเว้นเจ้าดำกับเจ้าสีเงินไปแน่!

“ท่านวี ต่อให้พวกข้าต้องตายก็อย่าได้คิดก้าวขาไปฝั่งนั้นเชียวนะขอรับ” เจ้าสีเงินใช้ดาบยาวเล่มหนึ่งขวางทางผมไว้ ราวกับรู้ดีว่าผมจะตัดสินใจทำเรื่องบ้าๆ ออกไป

“ใช่แล้วๆ อย่าได้ตัดสินใจเช่นนั้นเชียวนา ไม่งั้นล่ะเจ้าชายได้เล่นพวกข้าถึงตายแน่” เจ้าดำสำทับอีกคน มีพูดติดตลกอีกด้วยว่า ถอยก็ตาย ไม่ถอยก็ตาย อย่างน้อยก็สู้ให้รู้ผลแพ้ชนะไปเลยดีกว่า อย่างน้อยถ้าตายก็จะได้ตายอย่างสมเกียรติ

เกียรติบ้านเอ็งน่ะสิ! ผมจะไม่ยอมให้ใครต้องมาตายทั้งนั้นแหละ!

'เชอเชส ถ้าขืนนายยังไม่โผล่หัวมาภายในสามนาที จากนี้เราหย่ากัน!'

เพียงแค่ส่งผ่านความคิดนั้นไปในหัว ประตูห้องที่ปิดสนิทมาโดยตลอดก็ถูกกระแทกผ่างเปิดออก ร่างของชายชุดดำจำนวนห้าหกคนล้มกลิ้งเข้ามาในสภาพวิญญาณออกจากร่าง ก่อนคนที่ผมเรียกหา(ในใจ)จะมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าด้วยมาดเจ้าชายขี่ม้าขาว

“ท่านวี งานอภิเษกยังไม่ทันเริ่มท่านก็คิดจะหย่าขาดจากข้าแล้วหรือ ใจร้ายเหลือเกินนะครับ”



-----------------------------------------------------------
ขู่ปุ๊บมาปั๊บ ไม่ต้องบอกเลยว่าในอนาคตข้างหน้า ใครจะเป็นผู้กุมอำนาจมืด เอ๊ย อำนาจสูงสุด 55555  :hao7:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :mew3:

ผู้บุกรุกม่องเท่งไปแล้ว ที่เหลืออยู่นี่.......คงไม่ใช่รัชทายาทหรือพวกเชื้อราชวงศ์จากฝั่งนู้นหรอกนา??

ออฟไลน์ Far Far Away

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Nam-Ing

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
สนุกจังเลย   o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด