ชายาแห่งดวงจันทร์ :::Ch.19::: Update 24/01/2015 (P.9)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ชายาแห่งดวงจันทร์ :::Ch.19::: Update 24/01/2015 (P.9)  (อ่าน 47047 ครั้ง)

ออฟไลน์ varirinnara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
**********************************************************


...ชายาแห่งดวงจันทร์...


จู่ๆก็มีมนุษย์ประหลาดบุกเข้ามาในคอนโดที่ผมอยู่กับเพื่อน

บอกว่าผมเป็นชายาแห่งดวงจันทร์เลยจะมารับไปอภิเษกกับเจ้าชาย

แต่เดี๋ยวก่อนนะพรรคพวก..เจ้าชายของนายเป็นผู้ชาย ผมก็ผู้ชาย

แล้วมันจะไปแต่งกันได้ยังไง!

-Vari*Rin-


**********************************************************




ชายาแห่งดวงจันทร์

-Intro-
ในคืนที่พระจันทร์เป็นสีแดงเลือด



ในวันที่ท้องฟ้าเป็นสีดำกำมะหยี่ ผมยืนชมจันทร์อยู่ตรงระเบียงคอนโดของเพื่อนสนิท

เพื่อนคนนี้มีชื่ออันแสนเพราะพริ้งว่า ธารา ผมเรียกมันว่าไอ้ธาแทนที่จะเป็นไอ้น้ำชื่อเล่นของมัน

สาเหตุที่ผมมายืนกินลมชมจันทร์ในคอนโดคนอื่นไม่ใช่ว่าผมว่างมากหรือไม่มีบ้านให้กลับ แต่เป็นไอ้ธาที่ขอร้องแกมอ้อนวอนปานจะคุกเข่ากราบให้ผมมานอนเป็นเพื่อนเนื่องด้วยมันกลัวผีขั้นเทพแต่ดันเสือกไปดูหนังผีกับเพื่อนในคณะมา ร้อนถึงตัวผมที่ต้องเก็บของใช้ส่วนตัวจำพวกเสื้อผ้าและชั้นในมานอนห้องมันเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งอาทิตย์ จะเพิ่มวันหรือเปล่านั้นอีกเรื่อง ขึ้นอยู่กับว่าไอ้อาการปอดแหกกลัวผีของมันจะทุเลาลงเมื่อไหร่

“เฮ้ย ไอ้วี จะยืนทำเอ็มวีอีกนานมั้ยวะ มานั่งเล่นเกมเป็นเพื่อนกูมา”

ไอ้ธาร้องเรียกผมให้เข้าไปอยู่กับมันที่กำลังกดแป้นคีย์บอร์ดยิกๆ มีผ้าห่มผืนเล็กคลุมตัวกันหนาว ซ้ายขวาเต็มไปด้วยถุงขนมที่แม่งกะแดกยันเช้าไม่หลับไม่นอน

“มึงเล่นไปเหอะ กูเล่นไม่เป็น ดูไปก็ไม่รู้เรื่อง” ผมตะโกนตอบมันที่เหมือนจะเอาสติทั้งหมดเข้าไปสู่โลกแห่งเกมเรียบร้อยแล้วพลางซดน้ำอัดลมลงกระเพาะตอนตีหนึ่งกว่าๆ ให้มันกัดอวัยวะภายในเล่น

คืนนี้เป็นคืนที่จันทร์เต็มดวง หลังเมฆก้อนใหญ่พัดผ่านไปผมถึงได้เห็นความงามของมันเต็มที่ จะว่าไปพรุ่งนี้ก็วันลอยกระทงแล้วนี่หว่า มิน่าพระจันทร์ถึงโตเต็มดวงจนเห็นกระต่ายบนดวงจันทร์ชัดซะขนาดนี้

ผมคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยพลางชมความงามของดวงจันทร์ต่อไป จะว่าไปก็เริ่มง่วงแล้วเหมือนกัน รอกินโค้กกระป๋องนี้หมดแล้วเข้านอนเลยดีกว่า

ขณะที่ผมตัดสินใจดังนั้น ดวงจันทร์บนท้องฟ้ากลับดูผิดสีไป

จากสีเหลืองนวลกลับถูกสีแดงเลือดค่อยๆ กลืนกินจนกลายเป็นพระจันทร์สีแดงก่ำ

ผมที่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนรีบเรียกไอ้ธาให้มาดูปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่รู้จะต้องรอไปอีกกี่ปีกว่าจะได้เห็นอีกสักครั้ง

“ไอ้ธาๆ มาดูนี่เร็ว พระจันทร์สีเลือดเว้ย!” ตะโกนเรียกมันไปแล้วรอบนึงแต่แม่งไม่ยอมขยับ ผมเลยต้องเข้าไปลากมันออกมาตรงระเบียงทั้งที่มันไม่เต็มใจเพราะกำลังบุกฐานทัพศัตรูอยู่ แต่ช่างแม่งเถอะครับ เกมจะเล่นอีกกี่ครั้งก็ได้ แต่ถ้าพลาดชมฉากนี้มึงอาจต้องรอไปอีกนานเลยนะเว้ย

“ไหนวะ พระจันทร์สีเลือดของมึง กูก็เห็นสีเหลืองดีอยู่นิ” ไอ้ธาขมวดคิ้วคล้ายอารมณ์เสียที่ถูกรบกวน มันมองท้องฟ้าทีหนึ่งก่อนจะวิ่งกลับไปรัวคีย์บอร์ดต่อพร้อมกับสบถคำหยาบไม่หยุดเพราะตัวละครของมันกำลังโดนอีกฝ่ายไล่ฆ่า

ผมมองไอ้ธาสลับกับดวงจันทร์ที่มันบอกว่าเป็นสีเหลืองดีอยู่แต่ผมกลับเห็นมันเป็นสีแดงเลือด...

เอาละเหวย พี่น้องครับ งานนี้เป็นผมที่โดนผีหลอกตอนตีหนึ่งกว่าๆ รึไงฟะ

ผมก้าวขาถอยหลังตัดสินใจจะกลับเข้าห้อง แต่เท้ายังไม่ทันจะก้าวพ้นระเบียงผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างพุ่งวาบทะลุอกไป
สองเข่าของผมทรุดลงกับพื้น ยกมือหนึ่งขึ้นกุมอก มันร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนกับมีใครเอาเหล็กร้อนมานาบจนปวดแสบปวดร้อนไปหมด ผมกัดฟันกรอด คิดว่าความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอีกแปบก็คงหายแต่มันไม่ใช่ มันกำลังลุกลามไปทั่วร่างกายจนเห็นแสงสีแดงห่อหุ้มตัวผมอยู่

ร้อน...ไม่ไหวแล้ว...

“ธา...ไอ้ธา...!” ผมตะโกนเรียกมันเสียงพร่า ทีแรกมันก็ไม่ได้ยินหรอกครับเพราะมัวแต่เล่นเกมอยู่ จนกระทั่งผมล้มตึงตรงขอบประตูนั่นล่ะมันถึงได้หันมาเห็นสภาพเจียนตายของผม มันรีบทิ้งเกมที่กำลังอยู่ในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มรีบวิ่งมาหา ดีนะมันเลือกเข้ามาดูผมแทนที่จะนั่งหวดเกมต่อ ไม่งั้นผมได้มีบึ้มคอมมันแน่

“เฮ้ย ไอ้วี เป็นไรวะ! แล้วนี่มันแสงไรเนี่ย!?” ดูเหมือนไอ้ธาจะเห็นแสงสีแดงที่ปกคลุมรอบตัวผมเหมือนกัน มันประคองกึ่งลากให้ผมเข้ามานอนแผ่ในห้องดีๆ แต่ตัวผมที่เจ็บแปลบไปทั่วร่างไม่สามารถตอบคำถามมันได้ เพราะผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร และไอ้แสงนี่มันมาจากไหนเหมือนกัน

“ร้อน กูร้อน ช่วยกูด้วย” ผมดิ้นพล่านทั้งน้ำตา ยิ่งเป็นหนักขึ้นเมื่อความร้อนมันวิ่งขึ้นสมองจนเหมือนหัวจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ
ผมกุมหัวแน่น แหกปากร้องอย่างไม่อายใครหน้าไหนหรือกลัวว่าใครจะคิดว่าห้องนี้มีผีเฮี้ยนสิงสู่อยู่ ไอ้ธาเห็นผมสภาพนี้ยิ่งร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะกอดปลอบผมก่อนดีหรือจะวิ่งไปเอาโทรศัพท์โทรหารถพยาบาลก่อนดี

มึงช่วยตัดสินใจเร็วๆ หน่อยก็ดีนะ กูจะตายอยู่แล้วไอ้เพื่อนเวร!

“อ๊ากกกกกกกก”

ผมกรีดร้องออกมาสุดเสียงเมื่อในหัวเหมือนจะระเบิด และก่อนที่ไอ้ธาจะหาเบอร์โรงพยาบาลในเน็ตเจอ ผมก็รู้สึกโล่งสบายพร้อมกับมีสายลมที่ไม่รู้มาจากไหนห่อล้อมรอบตัวผมเอาไว้พร้อมกับวงแหวนสีแดงที่กระเพื่อมออกจากตัวผมไม่หยุด

ผมเปิดเปลือกตาขึ้น มองสภาพตัวเองที่เหมือนผู้วิเศษในหนังที่มีวงเวทย์ปรากฏอยู่ใต้เท้าอย่างอึ้งๆ ไอ้ธาเองก็มองผมอย่างกับเห็นตัวประหลาด มันมองผม ผมมองมัน ยังไม่ทันที่จะมีใครพูดอะไรออกมา แสงสีแดงสดใสราวกับทับทิมก็สว่างวาบตรงหน้าผม ไออุ่นร้อนประทับลงตรงหน้าผากแต่ไม่ปวดแสบปวดร้อนหรือรู้สึกทรมานแต่อย่างใด

รอจนไอร้อนแผ่วจางลง วงแหวนเวทย์และสายลมก็อันตรธานหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงความสงสัยในดวงตาผมกับไอ้ธา และห้องที่เละเทะเหมือนโดนใต้ฝุ่นลง

“ไอ้วี...หน้าผากมึง...” ไอ้ธาชี้นิ้วมาที่หน้าผม ผมรีบยกมือขึ้นแตะหน้าผากก่อนจะรีบวิ่งไปหากระจกส่องดูสภาพตัวเอง
สิ่งที่ผมเห็นสะท้อนกลับมาคือใบหน้าขาวซีดของตัวเองกับมงกุฎสีแดงเลือดที่ปรากฏกลางหน้าผากอย่างกับเพิ่งไปสักมา

“นี่มัน...เกิดอะไรขึ้นกับกูกันแน่วะเนี่ยยยยยยยยยย!”



--------------------------------------------------------------------

ฝากสองเกรียนนี่ด้วยนะก๊ะ  :hao7:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-01-2016 19:12:48 โดย varirinnara »

ออฟไลน์ varirinnara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ชายาแห่งดวงจันทร์ -1-
«ตอบ #1 เมื่อ17-12-2015 19:41:52 »

-2-
เขาบอกว่าผมคือชายาแห่งดวงจันทร์


ผมสลบไปถึงสองวันเต็มจนไอ้ธานึกว่าจะได้จัดงานศพให้ผมในห้องของมันซะแล้ว

ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกมึนเบลอนิดๆ มองไปรอบห้องก็พบว่ามันมืดมากแล้ว นาฬิกาข้างผนังบอกเวลาห้าทุ่มครึ่ง ดึกได้ที่ มิน่าท้องของผมถึงได้ร้องประท้วงบอกว่าหิวมาก ไอ้ธาที่รู้งานดีเลยรีบเอาโจ๊กที่มันซื้อมาไปอุ่นให้ รอไม่นานโจ๊กหอมกรุ่นที่เพิ่งออกจากเตาไมโครเวฟก็ร่อนมาจอดอยู่ตรงหน้า ผมสวาปามยิ่งกว่าคนอดข้าวมาเจ็ดวันแบบไม่กลัวโดนไอ้ธาหาว่าเป็นปอบลงเลย

“ค่อยๆ กินก็ได้ ข้าวมึงไม่หายไปไหนหรอก” ไอ้ธาถอนหายใจโล่งอกที่เห็นผมตื่นมาแข็งแรงดี ไม่ได้ทำท่าเจ็บปวดเหมือนคนจวนจะคลอดลูกอีกแล้ว

ผมไม่อยากจะด่า เอ็งหาว่าใครปวดท้องคลอดลูกห๊าาา!

“แม่มึงมีโทรมาด้วย แต่กูบอกว่ามึงไม่ค่อยสบาย หายดีแล้วก็โทรหาแม่มึงหน่อยอ่ะ” ผมพยักหน้ารับทราบ กวาดโจ๊กจนเกลี้ยงจาน ก่อนรีบวิ่งไปเปิดเหม่งหน้ากระจกสำรวจสภาพตัวเอง

รอยสักรูปมงกุฎยังคงเด่นชัดแสดงให้รู้ว่าผมไม่ได้ฝันไป

“นี่มันอะไรวะเนี่ย...” ผมลองใช้เล็บขูดๆ มันดูเผื่อว่ามันจะออกเหมือนเวลาเราเล่นแท็คทูกัน ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ออก แต่หนังหัวผมนี่แหละที่จะถลอกแทน

“กูก็อยากถามมึงเหมือนกัน แต่ดูจากหน้าเอ๋อๆ ของมึงแล้ว กูว่ากูไม่ต้องถามก็รู้คำตอบว่ะ”

ทั้งผมและมันต่างคนต่างเงียบ

“กูจำได้แค่กูเห็นพระจันทร์เป็นสีเลือด แล้วอยู่ดีๆ ก็รู้สึกร้อนขึ้นมา ร้อนเหมือนจะตายเลยอ่ะมึง แล้วก็เป็นอย่างที่มึงเห็น วงเวทย์ใต้เท้า วงแหวนสีแดง แล้วยังไอ้มงกุฎนี่อีก” ผมลองนึกย้อนเหตุการณ์เล่าให้ไอ้ธาฟัง ซึ่งมันก็นั่งฟังอย่างตั้งใจ

“แต่กูก็เห็นพระจันทร์ปรกติดีนะเว้ย” ถึงตอนนั้นเขาจะห่วงเกมจนรีบๆ มองดวงจันทร์ก็เหอะ แต่ระหว่างสีเหลืองกับสีแดงเขาแยกแยะออกในเวลาสั้นๆ หรอกน่า ไม่ได้ตาบอดสีซะหน่อย

ทั้งห้องเงียบกริบอีกครั้งเมื่อไม่มีใครพูดอะไรอีก

จนกระทั่งอยู่ดีๆ ก็มีแสงสีแดงพุ่งเข้ามาหาผม ทะลุกำแพงและประตูกระจกตรงระเบียงเข้ามา ไอ้ธาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ส่วนผมนี่สติแทบบินออกดาวอังคารไปแล้วยังดีที่เสียงไอ้ธารั้งผมไว้ก่อน

“นี่มันอะไรอีกวะเนี่ย!!!?”

ไม่รู้ตั้งแต่เกิดเรื่องแปลกๆ พวกนี้ขึ้น ผมได้พูดประโยคนี้ไปกี่ครั้งแล้ว

ผมมองแสงที่ทะลุเข้ามาในอกด้วยความรู้สึกบรรยายไม่ถูก อยากร้องก็ร้องไม่ออก วิ่งหลบก็ไม่ได้แม่งอย่างกับเชื่อมติดตัวผมมาตั้งแต่เกิด ไอ้ธาลองวิ่งไปคั่นกลางระหว่างแสงนั้นกับตัวผม ก็ปรากฏว่าทะลุผ่านตัวมันมาถึงผมได้อยู่ดี

ฮืออออ ผมจะร้องไห้อยู่แล้วนะ

แต่ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาจริงๆ คนสองคนที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนก็มายืนยิ้มอยู่ตรงระเบียงห้องของไอ้ธาประหนึ่งเป็นภูตผีปีศาจที่จู่ๆ ก็ปรากฏกาย หนึ่งในนั้นเคาะกระจกประตูเรียกความสนใจจากพวกเรา ไอ้ธาถึงกับร้องว้ากเหมือนเห็นผีก็ไม่ปาน

ก็นี่มันชั้น 16 แถมยังเป็นห้องมุม ระเบียงไม่เชื่อมติดกับห้องอื่นๆ การที่มีคนมาเคาะประตูกระจกตรงระเบียงได้ ถ้าไม่ใช่ผีก็แปลว่าแม่งบินมา ซึ่งไม่ว่าจะเป็นตัวเลือกไหนก็ไม่ดีต่อสุขภาพจิตของพวกผมเลยสักทาง

“กรุณาเปิดให้เราเข้าไปด้วยขอรับ ไม่เช่นนั้นจะหาว่าเรากระทำรุนแรงเกินกว่าเหตุไม่ได้นะขอรับ” หนึ่งในนั้นยิ้มเสียหวานจ๋อย แต่ถ้อยคำที่พูดกับรอยยิ้มมันดูขัดแย้งกันอย่างบอกไม่ถูก

“อ...อ..เอาไงดีวะไอ้วี” ไอ้ธาที่ใช้ผมเป็นโล่กำบังเอ่ยถามเสียงสั่นอยู่หลังผม

“ถามมาได้นะมึง กูเองก็กลัวจนหัวโล่งไปหมดแล้วเนี่ย คิดอะไรออกที่ไหนกันเล่า” จะวิ่งก็วิ่งไม่ออกด้วย ก็ใครใช้ให้สองขาของผมมันมาอ่อนแรงตอนนี้ล่ะเฟ้ย เกิดมายังไม่เคยเห็นโจรที่ไหนหน้าตาดีและกล้าขู่ด้วยรอยยิ้มแบบนี้มาก่อนเลย ฮืออออ

“อย่าให้พวกเราต้องใช้กำลังเลยนะขอรับ” อีกหนึ่งคนที่ยืนยิ้มหน้าหวานจ๋อยไม่ต่างกันพูดขึ้น ในมือของเขาถืออะไรบางอย่างที่มีแสงสีแดงพุ่งตรงมาทางผม ที่แท้ไอ้ตัวการที่ทำให้ชีวิตผมปั่นป่วนก็คือพวกมันนี่เอง!

“มึง เอางะ...”

ไอ้ธาถามผมยังไม่ทันจะจบคำ หนึ่งในผู้บุกรุกยามวิกาลก็วาดมือขึ้น เตรียมพร้อมทำลายข้าวของอย่างที่ได้ลั่นวาจาไว้จนผมต้องส่งเสียงร้องออกไปว่า “หยู้ดดดดดดดด หยุดๆๆ หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ นั่นคุณคิดจะทำอะไรของคุณน่ะ!” ผมถามเสียงสั่น ส่วนไอ้ธาหน้าซีดฉี่แทบเล็ดไปแล้ว

“ถ้าไม่เปิดประตูให้ ก็มีแต่ต้องพังเข้าไปนี่ขอรับ” เจ้าบ้าหัวส้มพูดอย่างกับมันเป็นเรื่องธรรมดาที่ทำจนเป็นกิจวัตร หน้าตาก็ดีทำไมนิยมความรุนแรงไปได้ล่ะครับเนี่ย!

“อ...อย่านะ ไม่งั้นผมแจ้งความเอาเรื่องพวกคุณแน่”

“แจ้งความ?” สองคนนั้นหันไปมองหน้ากัน ก่อนหนึ่งในนั้นจะวาดมือขึ้นอีกครั้งตั้งใจจะพังประตูเข้ามาจริงๆ

“โอเคๆๆ เปิดแล้วๆ อย่าพังประตูเลยครับ ค่าซ่อมมันแพง!” ครั้งนึงผมเคยทำกลอนหน้าห้องไอ้ธาหลุดไป ครั้งนั้นเสียตังค์ไปตั้งเป็นพัน เล่นเอาผมหน้าซีดค่าขนมหายไปเป็นอาทิตย์ แล้วนี่คนพวกนั้นคิดจะพังประตูกระจกตรงระเบียงเข้ามา ไม่อยากจะคิดเลยว่าค่าเสียหายมันจะปาไปเท่าไหร่

“เฮ้ย ไอ้วี จะดีเหรอวะ” ไอ้ธารั้งเสื้อผมเอาไว้ ดูท่ามันไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่

“แสงที่ชี้มาที่ตัวกูนี่มาจากคนพวกนั้น ต่อให้เราหนีก็หนีได้ไม่นานหรอก สู้เผชิญหน้ากับพวกเขาไปเลยดีกว่า ดูสิว่าจะมาไม้ไหน” ผมบอกมัน ซึ่งไอ้ธาก็ดูจะเริ่มเห็นด้วย ก่อนจะรีบคลานไปหัวเตียงคว้ากีต้าร์มาถือไว้เตรียมบรรเลงเพลงด้วยการฟาดหัวใครสักคนให้สลบเหมือดไปถึงโลกหน้า

ผมทำใจกล้าค่อยๆ เดินไปเปิดประตูให้ชายทั้งสองคนนั้นเข้ามา ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง ยืนประจันหน้ากับผมเรียบร้อย สองคนนั้นก็คุกเข่าลงทันทีพร้อมกับคารวะผมแบบคนญี่ปุ่นโบราณ เล่นเอาทั้งผมและไอ้ธาสะดุ้งโหยงไม่คิดว่าเจ้าบ้าหน้ายิ้มที่ทำตัวเป็นนักเลงเมื่อครู่จะนอบน้อมใส่คนที่เพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรกได้ขนาดนี้

“อะ...เอ่อ...นี่มันอะไรกันครับ” ผมหันซ้ายหันขวาแบบไม่รู้จะฉุดคนไหนขึ้นก่อนดี ใส่ชุดก็แปลกแล้วยังมาทำอะไรแปลกๆ แบบนี้อีก ผมรับมือไม่ถูกหรอกนะ!

“คารวะพระชายา พวกเรามารับตัวท่านขอรับ”

พวกเขาพูดขึ้นมาพร้อมกัน คำพูดนั้นทำเอาผมตะลึง ส่วนไอ้ธาถึงกับทำกีต้าร์แสนรักหลุดมือ

“หา?”

คารวะพระชายา??

ใคร? หมายถึงไอ้ธาเรอะ???

“มึงไม่ต้องหันมามองหน้ากู พวกนั้นคุกเข่าตรงหน้ามึงไม่ใช่หน้ากู” ผมดูตำแหน่งไอ้ธาที่นั่งเยื้องไปทางซ้ายเกือบชิดติดผนังห้องแล้วก็ต้องหันกลับมาชี้เบ้าหน้าตัวเอง

“เอ่อะ พวกคุณหมายถึงผมเหรอครับ” ขอถามเพื่อยืนยันความถูกต้องหน่อยเถอะ เผื่อมีอะไรผิดพลาดผมจะได้มีเฮกับเขาบ้างอะไรบ้าง

“ขอรับ” ตอบกลับมาพร้อมเพรียงขนาดนี้จะให้โบ้ยไปที่ไอ้ธาก็เห็นทีจะยากละ

“ขอโทษนะครับ ผมไม่ค่อยเข้าใจที่พวกคุณพูดเท่าไหร่ ถ้ายังไงช่วยกลับไปก่อนได้ไหมครับ” มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยเฟ้ย ที่นี่ไม่ต้อนรับคณะตลก ต่อให้เป็นเรื่องอำก็ไม่ขำเลยสักนิด เพราะเมื่อวันก่อนนี่เจ็บจริงไม่มีแสตนอินเลยนะ!

“เห็นทีจะมิได้ขอรับ พระราชาสั่งให้พวกเรามารับตัวคุณกลับไปดวงจันทร์เพื่อคัดเลือกว่าที่กษัตริย์องค์ต่อไปขอรับ”

เอ่อ อะไรจันทร์ๆ นะ...

“ดวงจันทร์? คุณหมายถึงดวงจันทร์สีเหลืองกลมๆ ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าอ่ะนะ?” ผมถามย้ำเพื่อความชัวร์ หรือนี่ผมยังไม่ตื่นจากความฝันฟะ

“ขอรับ” พวกเขาตอบเสียงดังฟังชัด ถ้าจะอำกันได้แฟนตาซีขนาดนี้เอาไปพูดให้เด็กสามขวบฟังแทนดีกว่ามั้ย

“ไอ้ธา มึงเลิกเล่นได้ละ บอกกูมา ซ่อนกล้องไว้ตรงไหน” ผมปีนขึ้นเตียงไปโบกหัวเพื่อนสนิทที่แม่งทำหน้าเหวอได้เนียนนัก

ไอ้ธาอ้าปากค้างหนัก รีบร้องโวยวายใส่ “อะไรของเมิ๊งงงงง กูก็งงเป็นเพื่อนมึงอยู่เนี่ย ถ้าจะอำกันจริง กูว่ามึงน่าจะเป็นคนอำกูมากกว่านะ ไหนจะนอนดิ้นๆ ที่พื้น บอกกูร้อนนู่นเจ็บนี่ ร้องซะลั่นห้องอย่างกับหมูถูกเชือด ไหนจะเอฟเฟ็คอลังการกับแท็คทูที่แปะหน้าผากมึงอีก เป็นที่ตัวมึงทั้งนั้น ไม่ใช่กูนะเว้ย”

ผมชะงัก ที่ไอ้ธามันพูดมามันก็จริงทุกอย่าง ทั้งหมดนั่นเกิดขึ้นกับตัวผมทั้งนั้น ไหนจะไอ้แสงแดงๆ ที่ยังชี้มาที่ผมไม่หยุดนี่อีก

“คือ...ผมขอถามอะไรหน่อยนะครับ พวกคุณเป็นใครกันแน่”

หนึ่งในนั้นรีบเงยหน้าตอบ “พวกเราคือองครักษ์หน่วยหนึ่งแห่งดวงจันทร์ที่ได้รับคำสั่งให้มารับตัวพระชายาขอรับ”

ไอ้ธาฟังแล้วสะกิดกระซิบกับผม “มึงๆ ไอ้พระชายาที่ว่านี่มันต้องเป็นผู้หญิงไม่ใช่รึไงวะ”

เออ จริงด้วย พอมันทักขึ้นมาผมถึงนึกขึ้นได้

“เดี๋ยวนะครับ พวกคุณแน่ใจได้ยังไงว่าเป็นผม?” ไม่ใช่มารับคนผิดหรอกเรอะ...

คนที่มีหัวสีส้มเป็นคนตอบบ้าง “สัญลักษณ์บนหน้าผากคือเครื่องหมายยืนยันว่าท่านคือผู้ที่ถูกเลือกขอรับ พวกเราแค่เดินทางมาตามวิถีชี้นำ ซึ่งก็คือสิ่งนี้ขอรับ” เขาผายมือออกเผยให้เห็นเครื่องประดับทรงกลมที่เหมือนนาฬิกาห้อยคอรุ่นโบราณแต่มีเข็มสั้นยาวหลายเข็ม แสงจากตรงกลางจี้ยังคงส่องแสงสีแดงชี้มาที่ผมไม่หยุดคล้ายกับต้องการย้ำให้ผมเข้าใจซ้ำๆ ว่าเป็นมึงนั่นแหละไม่ผิดแน่แล้ว

“ผมขอปฏิเสธได้ไหมครับ และช่วยทำสิ่งนี้ให้หายไปด้วย” ผมรวบผมหน้าม้าขึ้นเผยให้เห็นสัญลักษณ์รูปมงกุฎชัดๆ ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมากลายเป็นคำปฏิเสธซะงั้น

“ขออภัยด้วยขอรับ เมื่อใดก็ตามที่เครื่องหมายนี้ปรากฏขึ้น มันจะไม่มีวันหายไปจวบจนท่านได้เลือกว่าที่กษัตริย์องค์ต่อไปแล้วขอรับ” หมายความว่าถ้าผมไม่ไปดวงจันทร์อะไรนั่น ผมจะมีไอ้มงกุฎบ้านี่ติดหัวไปตลอดชีวิตเลยงั้นสิ

ม่ายยยยยยยยยยยยยย

“เฮ้ย ไอ้วี ทำใจดีๆ ไว้!” ไอ้ธาถลามาประคองตัวผมไม่ให้ล้มหัวฟาดขอบเตียง มิเช่นนั้นมันอาจได้เก็บศพผมจริงๆ

“ไอ้ธามึงหยิกกูที กูอยากตื่นจากฝันนี่แล้วว่ะ”

เมื่อขอไปไอ้ธาก็จัดให้ มันคว้าเนื้อตรงแขนผมได้ก็จัดการบิดซะเขียวจนผมแหกปากลั่นทันที

“โอ๊ยๆๆๆ เจ็บโว้ย บิดมาได้เต็มแรงเลยนะนั่น”

“อ่าว... ก็มึงบอกให้กูหยิกกูก็หยิกดิ แล้วเป็นไง ตื่นยังจ๊ะพ่อพระชายา” ไอ้ธาหัวเราะคิกคักได้น่ากระโดดถีบยอดหน้ามันมาก ส่วนไอ้สองคนที่นั่งคุกเข่าเรียบร้อยอยู่บนพื้นห้องก็ยังรักษารอยยิ้มชวนจิตตกนั้นไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

“ไม่มีทางอื่นอีกแล้วเหรอครับ...” ผมพยายามหาทางเลี่ยงให้ถึงที่สุด

“เทพกระต่ายเลือกท่านแล้ว ไม่มีทางเปลี่ยนเป็นคนอื่นได้จนกว่าท่านจะสิ้นชีพไปขอรับ”

ชิบหาย ล่อซะกูตายกันเลยสิครับทีนี้

ผมนั่งอย่างเคว้งคว้างกลางห้อง รู้สึกมึนตึ้บทำอะไรต่อไม่ถูกไปพักใหญ่

“ถ้ายังไง...ผมขอนอนก่อนสักงีบ ตื่นมาค่อยว่ากันแล้วกันนะครับ”

ว่าแล้วผมก็เอนตัวลงนอนเลยโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของไอ้ธาที่หาว่าผมทิ้งมันไว้กับพวกประหลาดที่มาจากดวงจันทร์อะไรนั่นอีก

เทพแห่งดวงจันทร์ เทพกระต่าย พระโพธิสัตว์ เจ้าแม่กวนอิม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดทั้งมวลบนโลกใบนี้ ถ้าพวกท่านเมตตาเด็กตัวดำๆ เอ๊ย ตาดำๆ อย่างผมสักนิด ช่วยทำให้ความฝันครั้งนี้จบลงสักที พรุ่งนี้เช้าผมจะได้ตื่นมาอย่างสดชื่น รับอรุณด้วยใบหน้าสดใส

ขออย่าให้เรื่องพระชายาแห่งดวงจันทร์อะไรนั่นเป็นเรื่องจริงเลย

สาธุ



-----------------------------------------------------
นุ้งวีมีเล่นของปิดท้าย ขอให้รัก ขอให้หลง(นิยายเรื่องนี้)
//ในวงเล็บนี่เราเล่นของใส่คนอ่านเอง555555
 :z2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-12-2015 13:34:12 โดย varirinnara »

ออฟไลน์ akiko

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
Re: ชายาแห่งดวงจันทร์
«ตอบ #2 เมื่อ17-12-2015 19:55:41 »

ตามมาจากเด็กดีคะ

 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ varirinnara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ชายาแห่งดวงจันทร์ -2-
«ตอบ #3 เมื่อ17-12-2015 20:09:49 »




-2-

การตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ของพระชายาวี




คืนนั้นทั้งคืนผมรู้สึกเหมือนโดนผีอำ

มันทั้งอึดอัด ขยับตัวไม่ได้ หายใจไม่ออก มันเหมือนมีใครมานอนทับ อย่าบอกนะว่านอกจากจะเจอเรื่องประหลาดอย่างการเป็นชายาแห่งดวงจันทร์นั่นแล้ว ผมยังแจ็คพ็อตแตกได้เจอผีเฮี้ยนวิญญาณหลอนในคอนโดไอ้ธามันอีก ถ้าเป็นงั้นจริงชีวิตติดดินของผมมันก็บัดซบเกินไปแล้ว!

“ท่านวี ท่านวีขอรับ” เสียงเรียกของวิญญาณหลอนนั้นดังอยู่ตรงหน้า พร้อมกันนั้นผมก็รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดลงมาตรงปลายคางล่อซะขนทั่วร่างลุกเกรียว

นี่เมิงนั่งอยู่บนตัวกูเลยเร้อ เจ้าผีวายร้าย!

ผมปิดตาแน่นกว่าเดิม ตั้งใจไว้แน่วแน่ว่าต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายผู้ชายจะกลายเป็นผู้หญิงยังไงผมก็จะไม่มีวันลืมตาตื่นขึ้นมาถ้าฟ้ายังไม่สว่างเด็ดขาด

ในใจท่องนโมเป็นรอบที่ร้อยพร้อมกับท่องบทสวดแผ่เมตตาต่อ หวังว่าอะไรๆ ที่ทับบนตัวผมอยู่จะจากไปอย่างสงบสุขเสียที ผมกลัวจนตัวสั่นเตียงสะท้านไปถึง 7.4 ริคเตอร์แล้วเนี่ย!

“แย่แล้วครับท่านธา ท่านวีเป็นอะไรไม่รู้ตัวสั่นใหญ่เลย”

ห๊ะ... เสียงนั้นเรียกชื่อไอ้ธา ไอ้ธาที่กลัวผีขี้หดตดหายยิ่งกว่าผมคนนั้นกำลังสนทนากับผอสระอีผีอยู่

ว้อทแฮปเพ่น อิทอิมพอสซิเบิ้ล!

“ท่าทางจะไข้ขึ้นมั้ง ตัวร้อนนิดๆ ด้วย” ผมสัมผัสได้ถึงฝ่ามือที่คุ้นเคยแปะลงมาบนหน้าผากเพื่อวัดไข้ ใช่เลย มือสากๆ นี้เป็นของไอ้ธามันแน่นอน เพราะเวลามันวัดไข้ให้ผมทีไรมันชอบตบๆ หน้าผากผมเหมือนแกล้งเล่นอย่างที่ทำอยู่นี่แหละ

ผมทำใจกล้ารีบเบิกตาโพลง แล้วสิ่งที่เห็นก็ทำให้ผมต้องร้องว้ากออกมารับอรุณแทนคำว่าอรุณสวัสดิ์

“ก..ก..ก...กระต่าย!?”

เจ้าตัวปุกปุยจ้องหน้าผมเขม็งชนิดที่เห็นจมูกฟุดฟิดของมันได้ถนัดตา ผมนอนเหวอ ในขณะที่ไอ้ธาขำก๊ากเหมือนมันได้วางแผนเอาไว้แล้วผมก็ตื่นมาติดกับมันเต็มเปา

“ไอ้ธา...” ผมเรียกมันเสียงเหี้ยม “นี่ฝีมือมึงใช่มั้ย?”

ผมหิ้วเจ้ากระต่ายสีน้ำตาลขนปุกปุยออกจากตัว เอาตัวหนึ่งออกไปแล้วถึงได้เห็นว่ามีสีส้มนอนนิ่งอยู่บนพุงผมอีกหนึ่งตัว
ก็ว่าทำไมมันหนักหายใจไม่ออก ที่แท้ก็โดนกระต่ายทับ...

“ฮ่าๆๆ ดูหน้ามึงตอนนี้ดิ แม่งงงงง ดูไม่ได้เลย”

ไอ้ธาขำก๊ากรับหมอนที่ผมปาใส่ได้อย่างน่าเอานาฬิกาปลุกบนหัวเตียงเขวี้ยงใส่ซ้ำอีกรอบ “เอ้า พระชายาคนงามของพวกนายตื่นจากบรรทมแล้ว มีอะไรจะพูดก็รีบพูดล่ะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำก่อน” พูดจบมันก็เดินไปคว้าผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเฉยเลย ทิ้งผมไว้กับกระต่ายสองตัวที่หันมามองผมตาแป๋ว หูตั้งน่ารักเชียว

แต่ไอ้ธาพูดทิ้งไว้ว่าพระชายา...

อย่าบอกนะว่า...

“น...นี่....” ผมชี้เจ้าตัวสีส้มสลับกับสีน้ำตาล จะว่าไปแล้วสีมันก็คุ้นๆ เหมือนสีหัวของใครสองคนที่เข้ามาเยี่ยมเยือนเมื่อกลางดึก

“อรุณสวัสดิ์ขอรับ ท่านวี” กระต่ายสองตัวพูดขึ้นพร้อมกัน ทำเอาผมอยากสลบนอนต่ออีกรอบ

นี่กูยังไม่ตื่นจากฝันร้ายอีกหรอวะครับ...

“กระผมเชอเชส ยินดีรับใช้ขอรับ”

“ส่วนกระผมนาเทล ยินดีรับใช้ขอรับ”

เจ้าตัวสีส้มค้อมหัวให้ผมก่อนตามด้วยเจ้าตัวสีน้ำตาล พวกมันทำตัวสงบเสงี่ยมเรียบร้อยอยู่ตรงหน้าผมที่นั่งชันเข่าขึ้นเอาหลังชิดหัวเตียง ถอยกรูดติดฝาผนังซะยิ่งกว่าคนตกใจเวลาเห็นผีอีก

“ท...ทำไมพวกคุณถึงอยู่ใน เอ่อ...สภาพนี้ได้ล่ะ”

เมื่อวานตัวยังเป็นคนอยู่เลย ไหงเช้ามาถึงกลายเป็นกระต่ายไปซะได้

“พลังแห่งจันทราหมดลงแล้ว พวกกระผมจึงไม่สามารถคงร่างมนุษย์ต่อไปได้ขอรับ” เชอเชสเป็นคนไขข้อข้องใจให้ผม ลำคอมันห้อยสร้อยวิถีนำทางอะไรนั่นอยู่ด้วย แต่ตอนนี้ไม่มีแสงสีแดงส่องมาที่ตัวผมอีกแล้ว

“ท่านวี ได้โปรดตัดสินใจด้วยขอรับ” ต่อจากเชอเชสก็เป็นนาเทลที่พูดขึ้นบ้าง “ยิ่งพวกกระผมอยู่ห่างจากดวงจันทร์มากเท่าไหร่ ร่างกายพวกเราก็ยิ่งอ่อนแอลงเท่านั้น อากาศบนโลกมนุษย์นั้นไม่เหมาะกับชาวแสงจันทร์อย่างพวกกระผมเลย ได้โปรด ตามพวกเราไปยังดวงจันทร์เถอะนะขอรับ”

ดวงตาสีดำเหมือนลูกปัดช้อนขึ้นมองหน้าผมคล้ายอ้อนวอน ผมชะงักกึกไปเลยทันใด

ย...อย่ามาทำสายตาแบบนี้ใส่ผมนะ

ผมพยายามไม่หันไปมองสายตาเจือแววขอร้องของกระต่ายนาเทล แต่เจ้าเชอเชสตัวร้ายดูเหมือนจะรู้ว่าลูกอ้อนแบบนี้ใช้ได้ดีกับตัวผมที่เป็นคนรักสัตว์โดยเฉพาะสัตว์เล็กๆ อย่างหมา แมว หนู กระต่าย มันเลยเอาขาเขี่ยเท้าผม พอเรียกความสนใจจากผมไปได้เท่านั้นล่ะ สองตัวสี่ตาก็สบประสานสายตากับผม ทำดาเมจรุนแรงจนหัวใจดวงน้อยๆ ของผมสั่นไหว

ไม่ได้นะไอ้วี เจ้าสองตัวนี้มันมาเพื่อพาแกไปดวงจันทร์ ไปเป็นพระชายาของเจ้านายพวกมัน แกเพิ่งอายุสิบเจ็ด ยังไม่เคยมีแฟน แถมยังเพิ่งเข้ามหาลัยหมาดๆ เองด้วย จะยอมเดินทางไกลไปแต่งงานกับคนที่ยังไม่เคยเห็นหน้าเลยสักครั้งได้ยังไง

คิดได้ดังนั้นผมก็สะบัดหน้าหนีไปอีกทางหวังว่ามันจะช่วยไม่ให้เห็นดวงตาแป๋วแหววสองคู่นั้นจนใจอ่อนยวบ

เจ้าตัวสีส้มเหมือนจะรู้ว่าเกลี้ยกล่อมผมไปยังไงก็ไม่ได้ผล มันเลยตบไหล่เพื่อนร่วมชะตาที่มาด้วยกันพลางพูดคล้ายเสียงกระซิบแต่ก็ดังพอให้ผมได้ยินด้วยว่า “นายยังไหวไหมนาเทล ร่างกายนายยิ่งไม่ค่อยแข็งแรงอยู่ด้วย”

พอได้ยินว่ากระต่ายตัวนึงมันป่วย หูทั้งสองข้างของผมก็กระดิกทันที

นี่ผมไม่ได้ตั้งใจแอบฟังที่มันสองตัวคุยกันเลยนะ ไม่ได้แอบเหล่ไปมองหน้าเศร้าๆ และท่าทางที่กำลังปลอบโยนกันด้วย ไม่เลยสักนิด!

“อย่าห่วงเลย เรายังไหว แค่รู้สึกอึดอัดเวลาหายใจก็เท่านั้นเอง” นาเทลพูดจบก็ไอโขลกๆ จนตัวโยน ดูโคตรจะน่าสงสารเลยในสายตาผม

ไม่ได้การ ใจผมเริ่มจะอ่อนยวบซะแล้ว!

“ถ้ามันลำบากขนาดนั้น ทำไมพวกนายไม่กลับดวงจันทร์ไปล่ะ” ผมพูดทั้งที่ยังไม่มองหน้าสิ่งมีชีวิตสองตัวที่นั่งทำตัวน่าสงสารอยู่บนเตียง

“มิได้ขอรับ” เชอเชสที่ดูแข็งแรงกว่าเป็นคนเอ่ยตอบ “หากเราพาท่านกลับไปด้วยไม่ได้ โทษสถานเดียวที่ทำงานพลาดก็คือความตาย ไม่ว่าจะอยู่ที่นี่หรือกลับไป พวกเราก็หนีไม่พ้นโทษทัณฑ์นั้นอยู่ดี สู้อยู่ที่นี่ต่ออีกนิด ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขที่สุดยังดีเสียกว่าขอรับ”

จ...เจ้าพวกกระต่ายบ้า รู้ว่าถ้าพลาดแล้วต้องตายทำไมยังรับทำงานนี้กันอีกนะ!

เฮ้อออออออออ

ผมถอนหายใจออกมายาวเหยียด พอดีกับที่ไอ้ธาวิ่งผ่านน้ำเสร็จกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี

“ธา กูกลับบ้านแปบนะ เดี๋ยวมาใหม่” ผมเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าตังค์ยัดใส่กางเกง สวมรองเท้าผ้าใบเตรียมตัวออกจากห้องทั้งสภาพหัวฟูของคนที่เพิ่งตื่นนอน หน้าไม่ล้งไม่ล้างฟันไม่แปรงมันแล้ว ขี้เกียจ!

“ไปไมอะมึง?” เจ้าของห้องตะโกนถามหน้าตู้เสื้อผ้า คงกำลังหาชุดที่จะใส่วันนี้อยู่

“เก็บของ เดี๋ยวกูมา” ผมพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนจะเดินออกจากห้องไปกดลิฟต์ลงสู่ชั้นล่าง ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีกระต่ายตัวสีส้มๆ กระโดดตามมา จนจะเหยียบมันนั่นแหละถึงได้รู้ว่ามันแอบตามมาด้วย

“ตามมาตอนไหนเนี่ย มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงเดี๋ยวก็โดนเหยียบแบนหรอก”

ผมคว้าเชอเชสขึ้นมาพาดไหล่ อุ้มมันเดินดีกว่าให้มันกระโดดตามมา เดี๋ยวเสี่ยงโดนหมาข้างถนนคาบไปแดกอีก

“ขออภัยขอรับ กระผมแค่อยากเห็นโลกมนุษย์ด้วยตาตัวเอง อยากรู้ว่าสถานที่ที่พระชายาใช้ชีวิตอยู่เป็นอย่างไรบ้างน่ะขอรับ” ผมแทบสะดุดล้มคว่ำเมื่อได้ยินเจ้าสีส้มเรียกสรรพนามชวนสยองนั่นอีกครั้ง

“ขอเถอะครับ เรียกผมว่าวีเฉยๆ ก็ได้ อย่าเรียกพระชายาอะไรนั่นเลย”

ปากบอกไปตามนั้น ส่วนมือก็ขยุ้มเส้นขนนุ่มนิ่มในมือไปด้วย ลูบๆ ไปก็เพลินดีเหมือนกันนะ และดูท่าเจ้าเชอเชสจะชอบที่มีคนลูบตัวซะด้วย

“มิได้ขอรับ ถ้ากระผมเรียกชื่อท่านห้วนๆ นับเป็นการไม่ให้เกียรติพระชายาแห่งดวงจันทร์ ใครได้ยินเข้ามีหวังกระผมหัวหลุดออกจากบ่าทันทีเลยล่ะขอรับ”

อะไรจะร้ายแรงปานนั้น กับอีแค่เรียกชื่อกันตรงๆ นี่ถึงกับเอาตายเลยเรอะ!?

“งั้น...เรียกผมว่าท่านวีเหมือนที่เรียกผมก่อนหน้านั้นก็ได้”

เจ้ากระต่ายกระดิกหูเหมือนดีใจ ใบหน้ากลมป๊อกคล้ายจะยิ้มรับคำขอของผม
“เข้าใจแล้วขอรับ”




ระหว่างทางที่เดินทางกลับบ้าน เชอเชสถามถึงสิ่งต่างๆ รอบตัวที่ดูจะแปลกใหม่สำหรับมันอยู่ตลอดเวลา ผมก็อธิบายให้มันฟังบ้าง ทำเนียนเป็นเงียบบ้าง เพราะไม่อยากให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาหาว่าผมบ้าถึงขั้นคุยกับกระต่ายรู้เรื่อง

เชอเชสเองก็ดูจะเข้าใจดี มันทำตัวสงบเสงี่ยมเรียบร้อยเวลาที่มีคนเดินสวนไปมา จนกระทั่งลงรถเมล์สายประจำแล้วต่อวินมอเตอร์ไซค์มาถึงหน้าบ้านที่เป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น เชอเชสถึงได้กลับมาพูดจ้ออีกครั้ง

“ไอ้ที่วิ่งเร็วๆ เมื่อกี้นี้มันคืออะไรหรือขอรับ คล้ายๆ กับบอร์ดเสี้ยวจันทร์ของพวกกระผมเลย”

“เขาเรียกว่ามอเตอร์ไซค์น่ะ เป็นยานพาหนะที่คล่องตัวมากกว่ารถยนต์”

ผมอธิบายพลางเปิดรั้วบ้านเข้าไป วันนี้เป็นวันจันทร์ ทั้งพ่อและแม่ไม่อยู่บ้าน ส่วนผมที่ไม่มีเรียนในวันนี้พอดีเลยถือโอกาสเอาเจ้าเชอเชสเข้าไปในบ้านด้วยเสียเลย

เจ้ากระต่ายตัวสีส้มดูตื่นตาตื่นใจกับบ้านที่ตกแต่งด้วยโทนขาวฟ้าหลังนี้มาก แม่กับพ่อผมเป็นพวกรักธรรมชาติเข้าเส้น เครื่องเรือนส่วนมากเลยทำจากไม้ทาด้วยสีขาว ตามมุมห้องและบนโต๊ะต่างๆ จะมีพวกกระถางต้นไม้ดอกไม้วางตกแต่งอยู่เต็มไปหมด ผมบอกให้เชอเชสนั่งรออยู่ตรงโซฟาส่วนผมจะขึ้นไปเก็บของ แต่เจ้าตัวกลับขอตามผมขึ้นชั้นสองไปด้วย กระต่ายตัวนี้ดูอยากเรียนรู้วิถีชีวิตของคนบนโลกมาก มันบอกว่าไหนๆ ก็มีโอกาสได้มาแดนมนุษย์แล้วทั้งทีก็อยากขอสำรวจให้ทั่ว ซึ่งผมก็ตามใจมันเพราะนึกเอ็นดูเจ้าสีส้มตัวนี้ขึ้นเรื่อยๆ

ถึงแม้ว่าร่างมนุษย์ของมันดูแก่กว่าผมตั้งหลายปีก็เถอะ...

“ห้องนอนของท่านวีน่าอยู่มากเลยขอรับ” เจ้ากระต่ายวิ่งรอบห้องอย่างร่าเริง มองทุกอย่างด้วยดวงตาพราวระยิบ ทำไมถึงได้น่าเอ็นดูนักนะ

“เชอเชส ผมขอถามคุณหน่อย” ผมนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามัน กระต่ายสีส้มเอียงคอลงเป็นเชิงสงสัยว่าผมจะถามอะไร “คนที่ผมต้องแต่งงานด้วยเป็นใครเหรอ?”

“หนึ่งในเจ้าชายแห่งอาณาจักรแสงจันทร์ขอรับ”

เจ้า-ชาย

หน้าผมดำทะมึนไปครึ่งแถบ อุณหภูมิในร่างกายลดฮวบลงอย่างรวดเร็ว

ตอนแรกก็นึกว่าไอ้ตำแหน่งพระชายาอะไรนี่มันจะใช้เรียกกันคนละแบบกับของโลกมนุษย์ อย่างเรียกพระชายาแต่ได้แต่งกับเจ้าหญิงอะไรแบบนั้นซะอีก แต่นี่มันไม่ใช่ งี้ก็หมายความว่าผมต้องไปไกลถึงดวงจันทร์เพื่อแต่งงานกับผู้ชายเรอะ

พังงงงงงงง
ชีวิตกูนี่แหละครับที่พังงงงงงงงงง!

“ค...คุณบอกว่าหนึ่งในเจ้าชาย แสดงว่าไม่ได้มีคนเดียวงั้นเหรอ...”

น้ำเสียงของผมฟังดูอ่อนแรงเต็มทน นี่ชีวิตกูกำลังเจอกับอะไรเนี่ย ทำไมสวรรค์ถึงได้ทำร้ายลูกช้างตาดำๆ ตัวนี้นัก ชาติที่แล้วผมไปทำกรรมอะไรไว้ ชาตินี้ของผมมันถึงได้ถูกผูกดวงเข้ากับคนเพศเดียวกัน ซ้ำยังเป็นเจ้าชายจากดินแดนอันไกลโพ้นอีกด้วย
สวรรค์กลั่นแกล้งกันเกินไปแล้วววว

เจ้าตัวส้มดูจะเข้าใจว่าผมกำลังดราม่าเรื่องอะไร มันเลยเอาหัวมาถูไถกับท่อนแขนของผมคล้ายกับต้องการให้กำลังใจ ผมเลยอุ้มมันขึ้นมานั่งบนตักพลางลูบเนื้อตัวมันขณะที่เชอเชสบอกเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับราชวงศ์บนดินแดนของเขา

“กษัตริย์เมซาดิอุสมีบุตรชายทั้งสิ้นสี่พระองค์ขอรับ เจ้าชายองค์โตนาม ‘ฮาซาดิยาส’ เจ้าชายองค์รองนาม ‘ทาคานีออส’ เจ้าชายสามนาม ‘คาเซดีนัส’ และเจ้าชายสี่นาม ‘เฮอเทนีลุส’ ทั้งสี่พระองค์ล้วนมีความรู้ความสามารถแตกต่างกันไป อย่างท่านฮาซาดิยาสจะเชี่ยวชาญด้านการทหาร ท่านทาคานีออสช่ำชองเรื่องการบริหาร ท่านคาเซดินัสถนัดด้านอ่านใจคน ส่วนท่านเฮอเทนีลุสจะเป็นคนเดียวที่ไปทางด้านศิลปะและพวกเครื่องดนตรีขอรับ”

“ชื่อแต่ละคนฟังดูเรียกยากจังนะ” อะไรออสๆ อาสๆ ก็ไม่รู้เต็มไปหมด เอาเป็นว่าถ้าเจอตัวเป็นๆ เขาจะเรียกเจ้าชายพวกนั้นว่าเจ้าหนึ่ง เจ้าสอง เจ้าสาม เจ้าสี่ เรียงตัวไปเลย เรียกแบบนี้จำง่ายกว่ากันเยอะ

“ถ้าผมไม่ไป...ทั้งคุณและนาเทลจะต้องตายจริงๆ เหรอ”

เชอเชสเงียบไปคล้ายกับไม่ต้องการตอบคำถามนั้น มันคงกลัวว่าจะเพิ่มความกดดันให้ผมซึ่งเป็นคนที่ต้องตัดสินใจ

เฮ้อออออออออออ
ขอถอนหายใจเป็นครั้งสุดท้ายหน่อยเถอะ

ผมยังไม่รู้เลยว่าจะบอกพ่อกับแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงดี

พ่อครับ แม่ครับ วีขออนุญาตไปทัวร์ดวงจันทร์สักระยะนะครับ ห๊ะ ไปทำอะไรน่ะหรอ ฮะๆ ก็ไปดูว่าที่สามีในอนาคตน่ะสิครับ เป็นถึงหนึ่งในเจ้าชายแห่งดวงจันทร์เลยน้า ท่าทางจะหล่อน่าดู ไว้วีเลือกได้แล้วจะพามาแนะนำให้พ่อกับแม่รู้จักนะครับ รักนะ จุ๊บุ

โอยยยยยยยย ถ้าฟังจบแล้วแม่กูไม่ล้มพับกูให้สองหมื่นเลยเอ้า ส่วนพระบิดาของตัวกระผมนั้น...ได้ฟาดจระเข้ฟาดหางใส่กูแน่ครับ ไม่ตายเพราะแข้งพ่อวันนี้ก็ไม่รู้จะไปตายวันไหนแล้วล่ะไอ้วีเอ๊ยยยย

ยิ่งคิดยิ่งเครียด ตัวร้อนๆ เหมือนไข้จะขึ้น นี่ถ้าไมเกรนแดกหัวไปครึ่งแถบผมจะไม่นึกสงสัยเลยว่ามันมีสาเหตุมาจากอะไร!



-----------------------------------------------------------------
To : akiko - กดไลค์ให้แรงๆ o13 ฝากตัวในเวปนี้ด้วยนะค้าาา

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: ชายาแห่งดวงจันทร์
«ตอบ #4 เมื่อ17-12-2015 20:41:11 »

น่ารักดีชอบน่ะเป็นกำลังใจให้

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
Re: ชายาแห่งดวงจันทร์
«ตอบ #5 เมื่อ17-12-2015 21:00:53 »

สนุกค่าาาา มาติดตาม :katai4:

ออฟไลน์ wnkth

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
Re: ชายาแห่งดวงจันทร์
«ตอบ #6 เมื่อ17-12-2015 21:16:57 »

ต่อเร็วๆเน้อ ฮิๆ

ออฟไลน์ varirinnara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ชายาแห่งดวงจันทร์ -3-
«ตอบ #7 เมื่อ17-12-2015 21:29:55 »



-3-

มุ่งหน้าสู่ดินแดนอันไกลโพ้น




ผมลองปรึกษากับไอ้ธาผ่านโทรศัพท์ มันกำชับให้ผมอย่าเพิ่งบอกพ่อกับแม่เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ตอนนี้ให้ขออนุญาตไปค้างที่คอนโดมันก่อน นี่อีกไม่กี่วันก็จะหยุดปีใหม่แล้ว นาเทลบอกว่าร่างกายของเขาสามารถทนไปจนถึงตอนนั้นได้ ผมเลยใช้ชีวิตที่เหลือไปกับการเรียนและรายงานกองโต กว่าจะรู้ตัวอีกทีพรุ่งนี้ก็ได้หยุดปีใหม่แล้ว

ไม่รู้ปีใหม่ปีนี้เป็นความโชคดีในโชคร้ายของผมรึเปล่าที่จู่ๆ พ่อกับแม่ก็โทรมาบอกว่าจะไปเยี่ยมญาติๆ ที่อังกฤษ ตัวผมที่อ้างว่าจะไปบ้านพักตากอากาศที่เชียงใหม่กับไอ้ธาเลยรอดพ้นจากการถูกลากไปบินลัดฟ้าข้ามน้ำข้ามทะเลไปอีกทวีปนึงได้อย่างปาฏิหาริย์ หลังจากเลิกคลาสกลับมาที่คอนโดชั้น 16 ผมเลยรีบจัดกระเป๋าเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางไปดวงจันทร์แทน

อังกฤษไม่ไปกูไปดวงจันทร์แทน ถ้าไม่ติดว่าไปดูตัวว่าที่สามีในอนาคต มันก็น่าเอาไปประกาศให้โลกรู้อยู่หรอกนะ

“ธา กูมีเรื่องจะคุยด้วย”

หลังกินข้าวกันเสร็จ ผมพาเชอเชสกับนาเทลไปนอนแช่ในอ่างอาบน้ำที่พวกมันชอบนักหนาก่อนจะเดินออกมานั่งยองๆ ข้างเจ้าของห้อง ไอ้ธาที่กำลังนั่งรีทัชรูปอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นหันมามอง มีตบหัวด้วยความหมั่นไส้ผมไปหนึ่งทีด้วยเหตุที่ว่าเรียกมันแล้วแต่ดันเงียบ

“มีไรก็ว่ามา อย่าอ้ำอึ้ง มันไม่ใช่นิสัยมึง” มันบอกพร้อมรอยยิ้มกว้างให้ผมสบายใจ

ผมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วถามมัน “เฮ้ยธา มึงอยากไปทัวร์ดวงจันทร์กับกูป่าววะ”

ไอ้เพื่อนขี้เล่นของผมกระพริบตาปริบๆ มองผมผ่านเลนส์แว่นที่มักใส่เวลาใช้งานคอม สีหน้าแปลกใจพลันเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง ตบไหล่ผมดังป้าบพร้อมกับพูดว่า “นึกว่ามึงจะไม่ชวนกูซะแล้ว”

“ห๊ะ? พูดอย่างนี้คือมึงอยากไปตั้งแต่แรกแล้วเหรอวะ” ผมหน้าเหวอไปเลยเมื่อมันพูดมาอย่างนี้

ไอ้ธายิ้มร่า คว้าคอผมเข้าไปกอดอย่างตื่นเต้น
“อยากดิถามได้ การได้เหยียบดวงจันทร์สักครั้งนี่คือความฝันของกูเลยนะเว้ย!”

แล้วผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสมัยที่เรายังเอ๊าะกันอยู่ ไอ้บ้านี่มันเคยบอกผมว่ามันฝันอยากเป็นนักบินอวกาศ แต่พอโตมาเจอเกรดหนึ่งถึงสามทำร้ายรัวๆ ไอ้ธาก็รู้แล้วว่าตัวมันไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ชีวิตมันไม่ใช่คนที่จมอยู่แต่กับกองหนังสือ ก็เลยเลิกล้มความฝันที่จะเป็นนักบินอวกาศทิ้งไป เหลือแค่คลั่งไคล้พอเป็นพิธีจนสามารถเรียกว่างานอดิเรกได้บ้าง

ไม่คิดเลยว่ามันอยากไปกับผมด้วย...

ทั้งที่กูไม่เห็นอยากจะไปเลย!

“งั้นกูไปบอกพวกเชอเชสก่อนนะว่ามึงไปด้วย” ผมบอกกับมันด้วยรอยยิ้มกว้าง รู้สึกสบายใจขึ้นเป็นกอง อย่างน้อยก็มีไอ้ธาที่รู้นิสัยกันหมดไส้หมดพุงไป ณ ดินแดนอันไกลโพ้นนั่นด้วย แค่นี้ผมก็ไม่ต้องกลัวว่าตัวเองจะเหงาจนอยากงอแงกลับบ้านให้เสียสถาบันมนุษย์โลกแล้ว


“เชอเชส นาเทล ให้ไอ้ธาไปกับพวกเราดัวะ... เหวอออออออออออ!”

เสียงร้องของผมดังลั่นห้อง สะท้อนกับกระเบื้องในห้องน้ำจนมันดังเป็นเสียงเอคโค่ รีบหันหน้าไปทางอื่นทันควันเมื่อเข้ามาในห้องน้ำแล้วพบผู้ชายตัวโตๆ สองคนนั่งแช่น้ำอยู่ในอ่างเดียวกัน

เชอเชสนั่งหน้า นาเทลซ้อนหลัง เปิดน้ำอุ่นจนเต็มอ่างช่วยกันขัดถูตัวอย่างไร้ซึ่งอาการขัดเขิน แต่ไอ้คนที่เข้ามาเห็นภาพนี้ตำตานี่สิที่ดันบาดตาแทน โว้ยยยยย มา 18+ อะไรในห้องน้ำคนอื่นเขาเนี่ย เจ้าพวกนี้!

“แหกปากทำไมวะมึง เดี๋ยวคนข้างห้องก็ตะโกนด่าหรอก”

ไอ้ธาทำท่าจะเดินเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเลยรีบชี้หน้ามัน บอกให้มันหยุดอยู่ตรงนั้นห้ามเข้ามาใกล้ไปมากกว่านี้

“อะไรของมึงเนี่ย” ไอ้ธาแลดูงงๆ แต่มันก็ยอมหยุดอยู่ตรงนั้น

“มึงกลับไปนั่งทำรูปของมึงต่อเหอะ ตรงนี้กูจัดการเอง” ผมบอกมัน ทำหน้าจริงจังซะยิ่งกว่าเวลาออกรบ(กูเคย?) ซึ่งมันก็ยอมทำตามทั้งที่ยังย่นคิ้วสงสัยไม่หาย

“เมื่อครู่ท่านวีว่าอะไรนะขอรับ” เสียงเชอเชสดังขึ้นจากทางข้างหลัง ร่างสูงใหญ่บังแสงไฟในห้องน้ำจนเกิดเป็นเงาทาบทับตัวผม ผมสะบัดหัว ไม่รู้เจ้ากระต่ายบ้านี่มันนุ่งห่มอะไรแล้วหรือยัง ถึงผมจะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่ก็ไม่นิยมและยินดีที่จะมองของลับของคนอื่นหรอกนะเฟ้ย

“อ...ไอ้ธาบอกว่าจะไปด้วย ให้มันไปกับเราด้วยได้ไหม”

“แน่นอนขอรับ แต่ถ้าจะพาท่านธาไปด้วย เราต้องเร่งออกเดินทางเร็วขึ้นกว่ากำหนดนะขอรับ นี่อีกเดี๋ยวก็จะถึงช่วงเวลาที่อิทธิพลของดวงจันทร์อยู่จุดสูงสุดของเดือนนี้แล้ว ท่านวีรีบให้ท่านธาเก็บของเตรียมพร้อมเถอะขอรับ มิเช่นนั้นเราต้องรอไปอีกหลายวันเลยกว่าจะมีพลังงานพอที่จะออกเดินทางได้สี่คน”

“โอเค งั้นขอเวลาสิบนาที เดี๋ยวพร้อมแล้วบอกนะ”

“สิบนาทีไม่ทันขอรับ” เชอเชสที่ไม่รู้ไปแต่งตัวเรียบร้อยมาตอนไหนดันผมออกจากหน้าห้องน้ำ เขามองนาฬิกาที่เป็นหนึ่งในเครื่องนำทางกลับสู่ดวงจันทร์แล้วบอกเส้นตายกับผม “เหลือเวลาอีกแค่สองนาทีสี่สิบวิเท่านั้น ท่านวีช่วยเร่งมือด้วยขอรับ กระผมจะให้เวลาท่านจนถึงวินาทีสุดท้าย ถึงตอนนั้นต่อให้ต้องกระชากตัวท่านกับท่านธาออกไป พวกผมก็จำใจต้องทำ”

อะไรน๊าาา!!!

ไอ้กระต่ายบ้า นี่มันจะกะทันหันเกินไปแล้ว!

“ไอ้ธา เซฟงานเว้ย เซฟด่วนๆเลย” ผมกระโจนทีเดียวถึงหน้าจอคอมไอ้ธาที่กำลังปรับแสงแต่งรูปอยู่

“อะไรของมึงวะ มึงจะรีบไปไหนของมึ๊งงงง” ไอ้ธาที่ยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเองในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าพูดล้อเลียน มันทำเหมือนกับว่าผมอดใจรอที่จะไปเจอเหล่าเจ้าชายแห่งดวงจันทร์ไม่ไหวแล้วเลยรีบมาเร่งมัน ซึ่งมันไม่ใช่ เข้าใจไหมว่าถ้ามึงไม่รีบเราจะพลาดรถด่วนขบวนสุดท้าย(?) เดี๋ยวมึงก็ได้อดไปเหยียบดวงจันทร์อย่างที่มึงปรารถนาหรอก ไอ้เพื่อนเวร

“ธา มึงอยากไปกับกูจริงๆ ใช่มั้ย” ผมถามย้ำกับมันอีกครั้ง เห็นมันเซฟงานเรียบร้อยผมก็พร้อมทำชั่วชนิดที่ไอ้ธาคงได้ด่าผมเปิงเมื่อถึงเวลา

“เออเดะ กูคิดจะไปด้วยตั้งแต่มึงตัดสินใจจะช่วยสองคนนั้นแล้ว”

นิ้วไอ้ธาไล่ปิดโปรแกรมต่างๆ ลง เวลาแค่ไม่กี่นาทีมันผ่านไปเร็วนัก หายใจทิ้งไปแปบเดียวก็ได้ยินเสียงเชอเชสดังตรงข้างหูบอกให้ผมเตรียมตัวให้พร้อมในสิบวินาที เขากำลังจะนับเวลาถอยหลังแล้ว

“งั้นป่ะ ไปกันตอนนี้เลย” ผมคว้าแขนไอ้ธาขึ้น พลางดึงไปทางเจ้ากระต่ายหัวส้มในร่างคนที่ยืนยิ้มชวนจิตตกรออยู่ตรงระเบียง

“มึงละเมอตดมารึไง หรือไข้ขึ้นจนสมองกลับไปแล้ว? ไหนตอนแรกบอกจะออกเดินทางตอนเที่ยงคืนไง นี่เพิ่งสองทุ่มเองนะเว้ย” เพื่อนธาขมวดคิ้วสงสัย มันคงงงว่าอะไรจะเร่งรีบปานนี้ ทำตัวอย่างกับเป็นลูกหนี้ที่กำลังหนีเจ้าหนี้ไปได้

“กูไม่ได้ล้อเล่น กูพูดจริง ไอ้ตัวข้างหลังนี่บอกให้กูเตรียมตัวให้พร้อมในสิบวินาที ไม่งั้นต้องรอไปอีกหลายวันเลยกว่าจะมีพลังงานพอให้พวกเราสี่คนไปถึงดวงจันทร์” ผมพูดกับไอ้ธาก่อนจะสั่งให้นาเทลที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีจัดเก็บกระเป๋าให้ผมกับไอ้ธาเสร็จเป็นคนจัดการสับคัทเอาท์ในห้องทิ้งจะได้ไม่เปลืองไฟ ทั้งห้องมืดลงทันตาเห็น ควบคู่ไปกับเสียงร้องของไอ้ธาที่ดูเหมือนมันจะยังเซฟงานไม่หมดทุกงาน

เวลานั้นเอง ปากของเชอเชสก็เริ่มขยับนับเลขถอยหลัง

10...9...8...7...

“เฮ้ยๆๆ เดี๋ยวก่อนไอ้วี ไปดวงจันทร์นะเว้ยไม่ใช่ไปเซเว่นหน้าปากซอย จะรีบร้อนอะไรขนาดนี้วะ รองเท้ากูยังไม่ได้ใส่เลยนะเฮ้ย!”

6…5…4…

ผมที่มองดูสองเท้าว่างเปล่าของตัวเองก็เริ่มปลงอย่างบอกไม่ถูก

“กูก็อยากมีเวลาเตรียมใจมากกว่านี้เหมือนกันล่ะวะ”

อย่างน้อยก็ขอแต่งหล่อกว่านี้อีกนิดก็น่าจะดี นี่อะไร ผมยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่เลย ส่วนไอ้ธานี่หนักกว่า เสื้อกล้ามกับกางเกงบอล ใส่กางเกงในรึเปล่ายังไม่รู้เลยเพราะปรกติเวลามันอยู่ห้องชอบใส่เหลือแต่บ๊อกเซอร์ ที่ใส่กางเกงบอลทับอีกชั้นเพราะมันเพิ่งลงไปร้านสะดวกซื้อใต้ตึกมา ไม่งั้นสภาพอาจดูทุเรศลูกกะตามากกว่านี้

3…2…1…

ลำตัวของผมถูกเชอเชสรวบเข้าไปกอด ส่วนไอ้ธา เชอเชสโยนให้เป็นหน้าที่ของนาเทลดูแล ซึ่งเพื่อนผมยังดูไม่พร้อมจะออกเดินทางเท่าไหร่นัก แน่นอนว่าผมก็ด้วย

“มึงเอาจริงดิ ไปสภาพนี้จริงดิ๊!????” ลูกเจ้าของโชว์รูมรถยนต์แหกปากเสียงดังลั่น ทั้งที่มันเพิ่งเตือนผมไปว่าระวังเพื่อนบ้านตะโกนด่า ตอนนี้กลับเป็นมันซะเองที่ทำเสียงดังสะเทือนไปถึงชั้นหนึ่งของคอนโด

“ก็ต้องยังงั้นล่ะวะ” ผมตอบปลงๆ

“ไอ้เชี่ยยยย มึงลืมไปรึเปล่าว่าพวกเราไม่มีชุดอวกาศกันนะเว้ย ขึ้นไปก็ตายลูกเดียวเด้!”

ประโยคสุดท้ายที่ไอ้ธาตะโกนบอกทำเอาสติที่นึกปลงของผมปลงไม่ตกขึ้นมาทันใด ผมเงยหน้าจ้องตอบมันด้วยสายตาที่ประหวั่นพรั่นพรึงสุดพลัง ก่อนบิดคอเก้าสิบองศาไปหาเชอเชสที่เริ่มสำแดงอำนาจของนาฬิกานำทางที่อาศัยอิทธิพลจากดวงจันทร์จนมันสว่างเรืองรองเป็นสีทองอร่ามห่อหุ้มพวกเราทั้งสี่คนเอาไว้

0...

“ชิบหาย!! ทำไมมึงไม่พูดให้มันเร็วกว่าเน้!!!!!!!!!”

“ก็กูไม่รู้ว่าพวกมึงจะรีบไปกันขนาดนี้นี่ แย๊กกกกกกกกกก!!!!!!!”





ลำแสงสีทองพุ่งเร็วดุจดาวตก

เพียงพริบตาก็ผ่านม่านหมอกและกลุ่มเมฆหลุดจากชั้นบรรยากาศของโลกออกมาเจอเวิ้งอวกาศอันกว้างใหญ่

ผมที่ถูกอุ้มในท่าเจ้าสาวเผลอกอดคอ ‘ยานพาหนะ’ ที่ชื่อเชอเชสแน่น เจ้าตัวหัวส้มยังคงมีรอยยิ้มโรคจิตประดับอยู่บนใบหน้า แม้ว่าจะเจอแรงลมตีใส่หนักหน่วงแค่ไหนก็ดูจะไม่สะท้านแต่อย่างใด จนผมอดสงสัยไม่ได้ว่าใต้เนื้อหนังที่เหมือนมนุษย์นี้มีไฟเบอร์ใยเหล็กผสมอยู่ด้วยรึเปล่า

“ห...หายใจได้แฮะ” พอลองสูดหายใจเข้าปอดดูถึงได้รู้ว่ามันไม่อึดอัดชวนตายอย่างที่คิด น่าแปลกดีที่ไม่ต้องใช้ชุดอวกาศก็สามารถหายใจทั้งที่อยู่นอกโลกได้

“พวกเราจะมีอากาศใช้จนกว่าแสงสีทองจะหมดลงขอรับ”

พูดอย่างนี้แปลว่าถ้าแสงทองๆ หมดกลางทางคือกูต้องตายสินะ...

“อีกนานไหมกว่าพวกเราจะถึง”

เห็นสภาพได้ธาที่พร้อมจะอ้วกแตกได้ตลอดเวลาแล้วนึกสงสารมันอยู่ไม่น้อย ไอ้นี่มันแพ้พวกของเร็วๆ แรงๆ ทุกชนิดครับ ไม่ว่าจะรถไฟเหาะ ไวกิ้ง สไลเดอร์สูงๆ แม่งยกมือเซย์โนวทุกรายการ เคยบังคับมันเล่นของพวกนี้ไปรอบนึงถึงกับเป็นลมล้มพับไปเลย การทัวร์ครั้งนี้คงเป็นอีกประสบการณ์หนึ่งที่เพื่อนผู้เคยอยากเป็นนักบินอวกาศแต่เสือกแพ้ยานพาหนะเร็วๆ จะจดจำไปจนวันตาย เพราะไม่เพียงแต่จะได้มาเหยียบดวงจันทร์ให้สมใจ ยังได้อ้วกบนดวงจันทร์เป็นวีรกรรมติดตัวกลับโลกไปด้วย

เท่ห์สลัดไม่มีใคร(กล้า)เหมือนเลยล่ะมึง

“ดูจากแรงหนุนของดวงจันทร์แล้ว คาดว่าอีกสองวันก็น่าจะถึงขอรับ” เชอเชสตอบแบบไร้ท่าทีรำคาญ ร่างสูงในชุดเครื่องแบบสีกรมประดับยศอะไรไม่รู้เต็มอกเต็มบ่าไปหมดดูเคร่งขรึมขึ้นมากเมื่ออยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่

“นี่เชอเชส เหนื่อยบ้างไหมที่ต้องปั้นยิ้มแบบนี้”

ไม่พูดเปล่า ผมยังหยิกแก้มทั้งสองข้างของเจ้ากระต่ายขนส้มแบบไม่กลัวเลยว่าจะโดนปล่อยทิ้งลงกลางทาง ไม่อยากพูดให้ดูร้ายหรอกนะ แต่ยิ้มแบบนี้มันเฟคมาก ดูไม่จริงใจเลยอ่ะ

“พี่ชายของกระผมบอกว่า การยิ้มคือการแสดงความเป็นมิตรของมนุษย์โลก เพื่อให้ท่านวีอยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ จึงสมควรมีรอยยิ้มติดหน้าตลอดเวลา”

พี่ชายเจ้าบ้านี่มันสอนอะไรไปวะ!

“พอเลย เลิกฝืนได้แล้ว” ผมตบๆ แก้มเจ้ากระต่ายไปสองที ดวงตาสีเทาจนเกือบดำมองผมอย่างไม่เข้าใจ “เวลาอยู่กับผม เป็นตัวของตัวเองเถอะ ผมเองก็ไม่ชินเวลาเห็นรอยยิ้มแบบนี้เหมือนกัน”

“จะดีหรือขอรับ?”

“ดีแน่นอนที่สุด”
ยกนิ้วโป้งยืนยันพร้อมกับยิ้มกว้างให้อีกทีเลยด้วยเอ้า

“ถ้างั้น...ขออภัยนะขอรับ”

มุมปากที่วาดขึ้นเกินพอดีค่อยๆ ลดระดับลงจนกลายเป็นสีหน้าราบเรียบ พอเลิกยิ้มแบบคนโรคจิต ดูๆ ไปแล้วเชอเชสนี่ก็แอบหน้าตาดีไม่เบา คิ้วเค้มสีเดียวกับผม ดวงตาเรียวรีสีเทาควันบุหรี่ จมูกนี่อย่างกับไปเสริมซิลิโคนมา โด่งเป็นสันซะจนคนเชื้อสายจีนดั้งแบนอย่างผมอดอิจฉาไม่ได้ ทั้งริมฝีปากก็ยังหยักสวยได้รูป

ดูดีว่ะแม่ง หรือกูควรให้มันยิ้มโรคจิตต่อไปดีวะ

“ไม่ชินหรือเปล่าขอรับ”

“หะ..หา? ไม่ชินอะไร”

“ก็ที่กระผมไม่ยิ้มนี่ไงขอรับ”

โถ๊ะ ก็นึกว่าเรื่องถูกอุ้มในท่าเจ้าสาว

“แบบนี้ดูดีกว่าเยอะเลยล่ะ ผมชอบแบบนี้มากกว่า” พูดออกไปแบบไม่คิดอะไร แต่ทำไมอยู่ดีๆ เจ้ากระต่ายนี่ถึงได้หูเด้งหน้าแดงขึ้นมาได้ล่ะ!

“ข...ขออภัยขอรับ เวลาที่ชาวแสงจันทร์ตื่นเต้นดีใจ จะควบคุมร่างมนุษย์ได้ไม่ค่อยอยู่น่ะขอรับ”

อ้อ ที่แท้ก็ดีใจ เจ้าส้มหนอเจ้าส้ม แกจะน่ารักเกินไปแล้ว

ผมยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายเหมือนที่ชอบทำเวลาเจ้าตัวกลายร่างเป็นกระต่ายตัวจ้อย ใบหูเรียวยาวที่ปกคลุมด้วยขนสีส้มดุ๊กดิ๊กไปมา หน้าแดงจัดยิ่งกว่าเดิม

“ท..ท่านวี ถ้าท่านยังขืนทำแบบนี้อีก กระผมไม่รับประกันว่าจะสามารถควบคุมร่างนี้ได้อีกรึเปล่า ทางทีดีช่วยหยุดมือก่อนเถอะขอรับ”

คำพูดของเชอเชสทำผมชะงัก เก็บมือกลับอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าจะไปไม่ถึงดวงจันทร์

เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเชอเชสเป็นพวกขี้อาย แถมเวลาเขินขึ้นมาทียังเก็บอาการไม่ค่อยอยู่อีก

ดวงจันทร์งั้นเหรอ...ดูน่าสนุกขึ้นมานิดๆ แล้วสิ


-----------------------------------------------------------
ต่ายสายพันธุ์นี้แซ่บนะบอกก่อน 555555

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาติดตามนะค้าา เรื่องนี้อาจหาสาระอะไรไม่ได้
เน้นเกรียน-รั่ว-ฮา ให้คนอ่านเข้ามาอ่านเพื่อคลายเครียดเนอะ
 :katai2-1:

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: ชายาแห่งดวงจันทร์
«ตอบ #8 เมื่อ18-12-2015 01:31:05 »

สนุกดีค่ะ น่าติดตาม
แอบขำต่ายสีส้ม 555

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
Re: ชายาแห่งดวงจันทร์
«ตอบ #9 เมื่อ18-12-2015 09:41:16 »

เฮ้ยยยยยย เข้ามาเพราะชื่อเรื่องเลยนะ
"ตัวแทนแห่งดวงจันทร์ จะลงทัณฑ์แกเอง!!" :laugh:
น่าติดตามมากๆๆๆๆๆๆ คนแต่งฟิตสุดๆ มาอัพต่อเร็วๆน้าาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ชายาแห่งดวงจันทร์
« ตอบ #9 เมื่อ: 18-12-2015 09:41:16 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: ชายาแห่งดวงจันทร์
«ตอบ #10 เมื่อ18-12-2015 10:45:18 »

 :mc4:


อาา

เหมือนจะเห็นคู่รองลางๆ  :hao7:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: ชายาแห่งดวงจันทร์
«ตอบ #11 เมื่อ18-12-2015 16:20:54 »

น้องส้มเรานี่ขี้อายจริงๆ

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
Re: ชายาแห่งดวงจันทร์
«ตอบ #12 เมื่อ18-12-2015 17:03:32 »

โหย น่ารักอ่ะ ดิ้นตายยย ชอบเชอเชสมากก ทำไมน่ารักแบบนี้ มีหูด้วยย

ออฟไลน์ lovegoldfish

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
Re: ชายาแห่งดวงจันทร์
«ตอบ #13 เมื่อ18-12-2015 21:00:18 »

กระต่ายส้มน่ารัก :-[

ออฟไลน์ varirinnara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ชายาแห่งดวงจันทร์ -4-
«ตอบ #14 เมื่อ18-12-2015 21:58:56 »



-4-
ยินดีต้อนรับสู่ดวงจันทร์




จากโลกสู่ดวงจันทร์ ใช้เวลาทั้งสิ้นสองวันกับอีกหกชั่วโมง

ตลอดการเดินทางครั้งนี้ไอ้ธาอ้วกแตกกลางทางไปทั้งสิ้นสี่รอบ หน้าซีดแข่งกับกระดาษ สภาพซูบตอบยิ่งกว่าศพ ตอนนี้นอนแบ็บอยู่ในอ้อมกอดของพี่เลี้ยงเฉพาะกิจนามกระต่ายนาเทล

เชอเชสปลุกผมเมื่อเราใกล้ถึงที่หมายตามที่ผมได้ขอเอาไว้เพราะอยากเห็นดวงจันทร์ในระยะใกล้ด้วยสองตาของตัวเอง ผมเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างงัวเงีย สิ่งแรกที่เห็นคือดวงตาสีเทาอมม่วงกับผมสีส้มแสบตาของคนที่แบกผมเดินทางตลอดสองวันเต็ม

ตอนแรกผมก็กลัวว่าแขนเจ้าหัวส้มจะเดี้ยงอยู่หรอก แต่พอถามไปว่าหนักไหม เจ้าตัวกลับบอกว่าผมที่หนักถึงหกสิบกิโลตัวเบายิ่งกว่าทารกในอาณาจักรแสงจันทร์ซะอีก ให้อุ้มสิบวันแบบไม่ปล่อยก็ยังไหว ในเมื่อเจ้าตัวเขายืนยันมาเช่นนี้ ไอ้ตัวกระผมก็เลยไม่อยากขัดศรัทธา ใช้บริการยานพาหนะนามเชอเชสซะเต็มที่ ทั้งกินทั้งนอนอยู่ในอ้อมกอดเขาสองวันเต็ม

อ้อ อาหารที่พวกเรากินกันจะถูกบรรจุอยู่ในรูปของแคปซูลนะครับ กินแล้วอิ่มหนำดีอยู่หรอกแต่เรื่องรสชาตินั้นสุดจะบรรยาย ไม่หวานไม่ว่าแต่ทำไมต้องทำให้มีรสขมด้วยก็ไม่รู้ กินแล้วกว่าจะกลืนลงคอได้นั้นโคตรจะทรมานตับไตไส้พุงไปสิ้นสุดที่กระเพาะน้อยๆ เพราะฉะนั้นในตอนที่เวลาอาหารมาถึง ผมจะเบ้หน้าปฏิเสธก่อนใคร ไอ้เพื่อนตัวดีของผมก็ร้องแง้วๆ ดังอยู่ข้างหลังว่าไม่เอาแล้วได้มั้ยไอ้ของพรรค์นี้เนี่ย

เชอเชสกับนาเทลเลยได้แต่ตีหน้าเศร้าแกมขอร้องให้พวกผมช่วยทนๆ ทานไปก่อน เพราะเจ้าแคปซูลนี่มันช่วยทดแทนน้ำและอาหารได้ ทั้งยังมีวิตามินและคุณค่าทางอาหารสูง เหมาะสำหรับคนที่ได้สติขึ้นมาเมื่อไหร่เป็นต้องอ้วกอย่างไอ้ธา และในฐานะที่ผมมีศักดิ์เป็นถึงชายาแห่งดวงจันทร์ การที่ผมอดข้าวอดน้ำไม่ยอมบำรุงรักษาตัวให้ดีอาจส่งผลให้ผมล้มป่วยเอาได้ และนั่นหมายถึงความบกพร่องต่อหน้าที่ของเชอเชสและนาเทล ถ้าเบื้องบนทราบเรื่องมีสิทธิ์สั่งลงโทษพวกเขาเอาได้ง่ายๆ

ผมเลยต้องทนกินเจ้าแคปซูลรสชาติบรรลัยทุกวันวันละสามมื้อ น้ำตาแทบจะไหลกลางทางทุกครั้งที่กลืนมันลงไป

“ไอ้วี! ดวงจันทร์เว้ย ดวงจันทร์! พวกเรามาถึงแล้ววววววว”

น้ำเสียงป้อแป้แต่เต็มไปด้วยความยินดีของไอ้ธาดังขึ้นจากข้างหลัง ไม่ต้องเห็นหน้าก็พอเดาได้ว่ามันกำลังทำหน้าแบบไหน ผมเลยละสายตาจากเชอเชสหันไปมองทางข้างหน้าบ้าง และนั่นทำให้ผมเห็นแสงสีเหลืองนวลที่ดูอบอุ่นยิ่งกว่าอะไรที่เคยเห็นมา

“ยินดีต้อนรับสู่ดวงจันทร์นะขอรับ ท่านวี”

เชอเชสกล่าวต้อนรับในฐานะเจ้าบ้านที่ดี ก่อนจะพุ่งนำลงไปบนพื้นผิวของดวงจันทร์ที่มนุษย์บนโลกแทบทุกคนใฝ่ฝันอยากจะเหยียบที่นี่สักครั้งให้เป็นบุญหัวตัวเอง

“....” ตัวผมไร้ซึ่งคำพูดเมื่อเชอเชสปล่อยตัวผมลงทันทีที่เราถึงที่หมาย สองเท้าเปลือยเปล่าของผมกำลังยืนอยู่บนพื้นผิวของดวงจันทร์ สัมผัสหยาบกร้านของเนื้อหินที่ค่อนข้างเย็นจัดทำให้ผมรู้สึกดีและตื่นเต้นใน เวลาเดียวกัน ทั้งการทรงตัวอยู่ในพื้นที่ที่ไร้แรงโน้มถ่วงยังเป็นอะไรที่แปลกใหม่จนผมอยากวิ่งโร่ไปให้ทั่วอาณาเขตของดวงจันทร์ ติดก็แค่เจ้าหัวส้มได้ปรามเอาไว้เพราะแสงสีทองที่ห่อหุ้มร่างพวกเราเอาไว้ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ลองผมทะเล่อทะล่าวิ่งออกไปดูสิได้มีขาดอากาศหายใจจนชักดิ้นชักงอตายอยู่บนดวงจันทร์นี้แน่ๆ

“ดวงจันทรรรรรรรรรรร์”

แต่อย่าลืมครับว่ายังมีอีกคนหนึ่งที่ไม่ค่อยจะสนคำห้ามปรามของใคร

ทันทีที่เจ้าเพื่อนเกลอของผมได้สัมผัสกับดวงจันทร์ สองเท้าที่มันอ่อนแรงไปมากจากการอ้วกไปหลายรอบก็ทำท่าจะวิ่งพล่านตามแต่ใจฉันโดยไม่สนคำเตือนที่นาเทลเฝ้าพร่ำบอกอยู่ข้างๆ ว่าการกระทำแบบนั้นมันอันตราย แต่ไอ้ธาก็คือไอ้ธา เวลามันตื่นเต้นดีใจมากๆ แม่งไม่เคยจะฟังเสียงของคนรอบข้าง ร้อนถึงเจ้าตัวหัวสีน้ำตาลที่ต้องดึงต้องรั้งเจ้าเพื่อนตัวดีของผมเอาไว้ไม่ให้มันวิ่งไปสู่ความตายเพราะลูกบ้าของตัวมันเอง

“ท่านวีอยากเดินเล่นแถวนี้ต่อ หรือจะไปยังอาณาจักรแสงจันทร์ตอนนี้เลยขอรับ”

คนที่ยืนจับมือผมอยู่ถามขึ้น เขาพาผมเดินดูรอบๆ โดยมีนาเทลกับไอ้ธาตามหลังมาไม่ห่าง ส่วนสาเหตุที่ต้องจับมือกันไว้ไม่ใช่ว่าผมเกิดมีซัมติงรองกับเจ้าหัวส้มนี่หรอกนะ ก็แค่เซฟความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตัวผมก็เท่านั้นเอง
แอ่ะ งงกันล่ะสิ งั้นผมจะอธิบายให้ฟังเพิ่มอีกนิดละกัน

ตอนที่เห็นนาเทลฉุดกระชากลากถู(?)เจ้าเพื่อนตัวแสบของผมชนิดที่ไม่ปล่อยให้ได้เป็นอิสระแม้แต่ครั้งเดียว ทำให้ผมเกิดความสงสัยจนต้องแหงนหน้าตั้งคำถามกับเชอเชสว่าทำไมนาเทลต้องลงทุนลงแรงทำถึงขั้นนั้นด้วย

เจ้าหัวส้มเลยอธิบายให้ฟังว่า ร่างกายของมนุษย์กับชาวแสงจันทร์นั้นมีความแตกต่างกันอยู่มาก แรงโน้มถ่วงนั้นไม่มีผลใดๆ กับพวกเขา ผิดกับพวกผมที่มาจากโลก ลองถ้าเขาได้ปล่อยมือผมสักครั้ง ผมอาจโดนแรงลมในห้วงอวกาศกระชากตัวออกไปได้ ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นจริง อัตราการรอดชีวิตของพวกผมจะต่ำมาก เพราะแรงดันอากาศที่แตกต่างจากโลกจะทำให้สมองของพวกผมมึนเบลอในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที จากนั้นไม่นานก็จะขาดอากาศหายใจตายในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยเหตุนั้นการตามติดพวกผมแจประหนึ่งตัวเองเป็นขี้ติดตูดปลาทองจึงเป็นเรื่องสุดวิสัย ไม่ว่ายังไงความปลอดภัยของแขกจากต่างแดนก็ต้องมาก่อนเสมอ

รู้ดังนั้นผมเลยรีบจูงมือเชอเชสไปไล่เตะโด่งไอ้ธาปรามความรื่นเริงเกินเหตุของมัน หลังอธิบายเรื่องที่ได้รู้มาให้มันฟัง เจ้าเพื่อนผู้คลั่งไคล้อวกาศและเคยฝันอยากเป็นนักบินอวกาศสักครั้งจึงยอมทำตัวเป็นเด็กดี ไม่ดื้อไม่ซนให้นาเทลปวดหัวจนแทบกระอักเลือดอีก

ผมหันไปถามไอ้ธาที่สีหน้าดูดีขึ้นกว่าตอนเดินทางว่ามันจะเอายังไง อยากเดินเล่นต่อหรือเดินทางไปเมืองแสงจันทร์เลย ซึ่งคำตอบที่ได้ก็ไม่ต่างจากที่คิดไว้ นั่นคือให้พวกเชอเชสรีบๆ พาพวกผมไปเยือนเมืองกระต่ายเลย มีเร่งท้ายว่าให้เร็วๆ ด้วย มันอยากเห็นเมืองของอีกโลกหนึ่งเต็มทีแล้ว

“ถ้าเช่นนั้น ขออนุญาตนะขอรับ”

ร่างของผมถูกรวบตัวขึ้นในท่าน่าอายที่ทำยังไงก็ไม่คิดจะชินกับการถูกอุ้มแบบเจ้าหญิงนี่สักที ผมกลอกตาทำหน้าปลง หันไปเห็นไอ้ธากอดอกทำหน้าเบ้แต่ก็ยอมให้นาเทลอุ้มขึ้นแต่โดยดีแล้วคิดว่าในใจของพวกเราคงคิดไม่ต่างกัน

ถูกผู้ชายด้วยกันอุ้มนี่มันเสียเชิงชายชะมัด!

โอดครวญแต่พองามแล้วก็ต้องอุทานออกมาคำโต เมื่อแสงสีทองที่ห้อมล้อมพวกเราอยู่ถูกแทรกด้วยลำแสงสีแดงที่พุ่งขึ้นมาจากเบื้องล่าง ผมลองชะเง้อตัวไปมองก็พบว่ามีวงเวทย์สีแดงปรากฏขึ้นใต้เท้าที่เชอเชลกับนาเทลยืนอยู่ ตรงกลางเป็นรูปดาวหกแฉก รายล้อมด้วยอักขระยึกยือที่ผมอ่านไม่ออก ทั้งเชอเชสและนาเทลต่างร่ายคำพูดที่เหมือนกับมนตราอะไรสักอย่างก่อนที่ร่างของพวกเราจะดิ่งวูบร่วงลงสู่ใต้พื้นผิวของดวงจันทร์

“ว้ากกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!”

ผมแหกปากลั่น เผลอรัดคอเชอเชสแน่น ย้ำกับตัวเองว่าให้ตายยังไงก็จะไม่ปล่อยมือจากคอเจ้าหัวส้มนี่เด็ดขาดถ้ายังไม่อยากร่วงพื้นหัวแบะตาย

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!”

เสียงไอ้ธาดังประสานตามมาไม่ห่าง สภาพจิตใจของมันแลดูจะไม่ต่างจากผมเท่าไหร่นัก วัดได้จากน้ำเสียงโหยหวนที่แทบจะใช้ไลน์ประสานเดียวกันในการเปล่งออกมา

ฮือออออ พ่อจ๋าแม่จ๋า พ่อแก้วแม่แก้ว ขวัญเอยขวัญมา เดชะบุญทั้งหลายที่ลูกได้กระทำมาไม่ว่าจะในชาตินี้หรือชาติที่แล้ว ได้โปรดช่วยปกปักรักษาลูกให้รอดพ้นจากการดิ่งพสุธาในครั้งนี้ด้วยเถิด ขออย่าให้มีส่วนใดบุบสลาย ไม่มีท่อนไหนหักบิดเบี้ยว เสียงยังใสไม่แหบแห้งหลังจากที่ได้แหกปากไปสุดชีวิต แล้วลูกจะถวายหัวหมูให้ทุกปีไม่มีขาดเป็นการตอบแทนนะครับผม!

ว่าแล้วก็...

“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกก”

ขอแหกปากต่ออีกนิดเถอะโว้ย แม่งเสียวยิ่งกว่าตอนไปเล่น Giant Drop ที่สวนสยามทะเลกรุงเทพซะอีก!!!!

ตึง!!!

คุณได้ยินเสียงนั่นไหม~ ได้ยินรึเปล่า~ ทายซิว่ามันคือเสียงอะไร~
ถ้าไม่ใช่เสียงที่พวกผมโหม่งพื้นปฐพี~~~

“ท่านวี ท่านวีขอรับ เป็นอะไรหรือเปล่า”

เสียงคุ้นหูปลุกผมที่ดูเหมือนวิญญาณจะออกจากร่างไปแล้วให้กลับคืนมาสู่โลกแห่งความจริง

ผมค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นทีละข้าง มองส่วนขาตัวเองที่ยังงออยู่เพราะโดนช้อนตัวขึ้นในท่าอุ้มเจ้าสาว เลื่อนสายตาขึ้นไปอีกนิดก็เห็นดวงตาเรียวรีสีเทาอมม่วงที่มองมาอย่างเป็นห่วง ผมสีส้มที่อยู่ภายใต้แสงสว่างเรืองรองนี่มันแสบตาดีชะมัด

“นี่ผมยังไม่ตาย?”

“ขอรับ???” สีหน้าของเจ้าหัวส้มดูงุนงงไม่น้อยกับคำพูดไร้สาระของผม พอสำรวจตัวเองและรอบด้านอีกนิดผมถึงได้มั่นใจขึ้นว่าตัวเองยังมีชีวิต ยังไม่หัวแบะตาย กระดูกกระเดี้ยวยังอยู่ครบ

ถ้างั้นไอ้เสียงตึงหนักๆ ที่ได้ยินเมื่อครู่นี่มันมาจากไหนกัน!?

“เจ้าโง่! ปิดประตูภาษาอะไรของเจ้าน่ะมันถึงได้เสียงดังขนาดนี้!”

ไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดที่พวกผมสถิตย์อยู่ ผมเห็นชายในชุดเครื่องแบบสีน้ำตาลอ่อนกำลังถูกคนในชุดเครื่องแบบเดียวกันแต่เป็นสีเขียวโก่งคอด่ายกใหญ่ ด้านหลังของพวกเขาเป็นประตูหินแบบโบราณที่ต้องใช้เครื่องทุ่นแรงในการยกขึ้น ทว่าดูเหมือนเจ้าคนชุดน้ำตาลจะทำอะไรบางอย่างผิดพลาด ประตูมันถึงได้ร่วงลงมาจนช่วงล่างพังยับ เลยโดนสวดชุดใหญ่อย่างที่เห็น

โถ... ที่แท้ก็มีคนทำประตูพัง ไอ้เรารึก็นึกว่าหัวโหม่งดวงจันทร์ตายอนาถไปซะแล้ว

“ท่านนาเทล? ท่านเชอเชส?”

หลังจากสถานการณ์เรื่องประตูคลี่คลายลง เริ่มมีหลายคนสังเกตเห็นพวกเรากันบ้างแล้ว “ใช่จริงๆ ด้วย รีบแจ้งข่าวไปยังพระราชาเร็ว ท่านนาเทลกับท่านเชอเชสกลับมาแล้ว!”

มีเสียงหนึ่งตะโกนขึ้น อีกหลายเสียงเลยตะโกนบอกต่อๆ กันเหมือนกลัวว่าจะได้ยินกันไม่ทั่ว

ผมที่มองภาพนั้นอย่างอึ้งๆ สองมือยังคงกอดคอเชอเชสอยู่ จนกระทั่งถูกคนในชุดเครื่องแบบทั้งเขียว เหลือง แดง และน้ำตาลมาห้อมล้อม ผมก็ยังลืมสนิทว่าตัวเองอยู่สภาพไหน

“ท่านนี้ใช่ไหมขอรับ พระชายาแห่งดวงจันทร์? เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นท่านนี้?” พวกเขามองผมสลับกับไอ้ธาที่ตอนนี้สลบเหมือดไม่รู้เรื่องรู้ราวไปแล้วหลังจากเพิ่งดิ่งจากที่สูงลงมา ขนาดผมที่ไม่เคยหวั่นพวกของเล่นเร็วๆ แรงๆ ยังร้องซะเสียงหลง ไอ้ธาที่แพ้ทางเรื่องพวกนี้เป็นทุนเดินอยู่แล้วคงไม่เหลือ

“พระชายาแห่งดวงจันทร์จริงๆ หรือ!?”

พอมีคนเริ่มก็มีคนพูดต่อ สักพักฐานะของผมก็ถูกบอกต่อกันเป็นลูกคลื่น ในน้ำเสียงเหล่านั้นเต็มไปด้วยความยินดี แปลกใจ และอยากรู้อยากเห็น มีหลายคนที่พยายามชะเง้อคอมอง และมีอีกหลายคนเลยที่หูเรียวยาวเด้งขึ้นมาอย่างคนปิดความตื่นเต้นไว้ไม่มิด

ครั้นเชอเชสบอกกับคนเหล่านั้นว่าตัวผมคือพระชายาแห่งดวงจันทร์ คนที่อยู่ใกล้ที่สุดพลันตะโกนให้ทุกคนที่อยู่ในที่นี้รู้ทั่วกัน “พระชายาแห่งดวงจันทร์ล่ะ! พระชายาแห่งดวงจันทร์ตัวจริงเสียงจริง!”

เสียงร้องยินดีดังขึ้นเป็นระรอกคลื่น ก่อนที่คนในชุดเครื่องแบบทั้งหมดในที่นี้จะยอบตัวลง ทำความเคารพผมอย่างให้เกียรติสูงสุดเช่นที่เชอเชสกับนาเทลเคยทำเมื่อครั้งแรกที่เจอกัน

“คารวะพระชายาแห่งดวงจันทร์”

“คารวะพระชายาแห่งดวงจันทร์”

“คารวะพระชายาแห่งดวงจันทร์”

ภาพที่เห็นทุกคนหมอบกราบให้เป็นอะไรที่ชวนอึ้งและรู้สึกไร้คำบรรยาย พวกเขาปฏิบัติตัวกับผมราวกับเห็นผมเป็นเทพเจ้าไม่ก็กษัตริย์ของพวกเขา ซึ่งเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมาก ความเลื่อมใสที่พวกเขามีให้ผมทั้งที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก จนเชอเชสต้องกระซิบบอกให้ผมเอ่ยทักทายพวกเขาหน่อย พวกเขาจะได้มีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น

“เอ่อ... ทุกคนลุกขึ้นก่อนเถอะ” ผมเริ่มจากการให้พวกเขาเงยหน้าขึ้น กลับมาลุกขึ้นยืนตามเดิม เพราะมันทำให้ผมสะดวกใจที่จะพูดคุยด้วยมากกว่า

“ขอบพระทัยพระชายาที่ทรงเมตตา!” พวกเขาทั้งหมดตอบรับและลุกขึ้นยืนอย่างพร้อมเพรียง ใบหน้าดูขึงขังจริงจัง แต่ดูก็รู้ว่าตั้งใจทำทั้งที่ยังปกปิดความยินดีไว้ไม่มิด หูหางบางคนยังเก็บลงไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

พวกกระต่ายนี่น่ารักกันจริงๆ เลยน้า~

“สวัสดีครับทุกคน ผมชื่อวี จากนี้จะมาอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยสักพัก ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” ผมกล่าวกับทุกคนอย่างผ่อนคลาย พอมองว่าพวกเขาเป็นกระต่ายที่น่ารักไม่ต่างจากเชอเชสและนาเทลก็ทำให้อะไรๆ ง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะ ผมเริ่มหายเกร็งแล้วด้วย

“อา... พระชายาทรงมีจิตใจที่ดียิ่งนัก”

“ไม่ทรงถือองค์ด้วย พูดกับพวกเราอย่างเป็นกันเองเช่นนี้ พวกกระผมตื้นตันใจเหลือเกิน”

“พระชายาวี พระชายาวีล่ะทุกคน!”

อีกหลายเสียงดังเซ็งแซ่จนฟังไม่ได้ศัพท์ เท่าที่จับใจความได้มีแต่คำพูดที่ยกยอตัวผมเสียจนเกินจริง มีกระทั่งพูดถึงรูปพรรณสัณฐานที่ใช้คำบรรยายซะจนตัวผมขนลุกซู่ว่านั่นใช่กูแน่เหรอ หรือว่านั่นคือเทพยดานางฟ้าจำแลงกายลงมา ใส่สีตีไข่จนเกินจริงไปไกลแล้ว!

“เชอเชส ทำไมพวกเขาถึงใช้คำว่างดงามกับผมล่ะ แล้วยังมีคำว่าน่ารักนั่นอีก”

เกิดมาสิบเจ็ดปีเต็มผมไม่เคยได้ยินคำพวกนี้จากปากของคนรู้จักเลยสักคน ส่วนมากจะเจอคำว่าขาวกับตี๋มากกว่า ไอ้เรื่องสวยน่ารักนี่ไม่มีเลยสักกะแอะให้ระคายเคืองหู

คนที่ผมพูดด้วยทำหน้างง คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความสงสัย “ทำไมหรือขอรับ ท่านวีไม่ชอบที่ถูกชมว่าน่ารักกับงดงามหรือ?”

“ผู้ชายที่ไหนเขาอยากได้คำชมพวกนี้กันบ้างเล่า!” ผมแว้ดเสียงเบาเท่าแมงหวี่ กลัวภาพลักษณ์ที่แสดงออกอย่างก้าวร้าวจะไปทำลายความฝันของประชากรบนดวงจันทร์แห่งนี้ที่มโนว่าผมเป็นนางฟ้านางสวรรค์สิบหกวิมานอะไรนั่นไปแล้ว

เชอเชสทำหน้าเคร่งขรึม ดวงตาสีเทาอมม่วงจ้องมองผมที่ทำหน้ามุ่ยไม่วางตา จนผมอดถามใส่ไม่ได้ว่า “มีอะไรติดหน้าผมอยู่เหรอครับ?” เล่นมองซะเหมือนจะแสกนลงไปให้เห็นถึงหัวกะโหลกข้างในเลยนะ

เจ้าหัวส้มยืนถอนหายใจ “บางทีท่านวีควรหาเวลาส่องกระจกดูตัวเองบ้างนะขอรับ”

หา???

“ตอนแปรงฟันล้างหน้าผมก็ส่องของผมทุกวันนะ”

“ถ้างั้นท่านวีก็น่าจะรู้สิขอรับ”

“รู้อะไร?”

“รู้ว่าตัวท่านน่ะ...” เขาจงใจเว้นช่วงไว้ ให้ผมอ่านคำพูดที่เหลือจากปากของเขา

และถ้าผมอ่านไม่ผิด มันเป็นคำสองคำที่ทำให้ผมอยากตั๊นหน้าเจ้ากระต่ายหัวส้มนี่สักหมัดให้หน้าหงาย

น่า-รัก

เจ้าหัวส้มนี่บอกว่าผมน่ารัก ทั้งที่ผมเพิ่งจะบอกอยู่หยกๆ ว่าไม่มีผู้ชายคนไหนเขาชอบคำชมแบบนี้กันหรอกนะ!



-----------------------------------------------------

ก่อนพลพรรคเจ้าชายจะออกโรง เจ้าส้มโกยคะแนนแม่ยกซะเรียบวุธละมั้ง  :hao7:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2015 22:05:59 โดย varirinnara »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: ชายาแห่งดวงจันทร์
«ตอบ #15 เมื่อ18-12-2015 22:12:08 »

โถ ก็น้องส้มทำตัวดีขนาดนี้นี่คะ

ว่าแต่คนไหนพระเอก??

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: ชายาแห่งดวงจันทร์
«ตอบ #16 เมื่อ18-12-2015 22:21:12 »

อ้าวพระเอกยังไม่ออกเหรอ 555
ปล.ช่วยเขียนตอนกับวันที่ที่อัพเดตด้วยนะครับไม่งั้นเราไม่รู้ว่าอัพนิยายนะ รออยู่นะครับ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: ชายาแห่งดวงจันทร์
«ตอบ #17 เมื่อ19-12-2015 10:00:26 »

ชอบเวลาหูกระต่ายกระเด้งขึ้นมาตั้งชี้ฟ้าเพราะความตื่นเต้นนี่แหละ
คิดภาพตามแล้วอยากจะเข้าไปฟัดหูนุ่ม ๆ เลย
ฮ่าฮ่าฮ่า

จะมีอะไรรอให้วีกับธาราได้ผจญภัยบ้างนะ

ใช้ภาษาดีมากเลยค่ะ รอติดตามนะคะ

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
Re: ชายาแห่งดวงจันทร์
«ตอบ #18 เมื่อ19-12-2015 11:21:01 »

ฟินมากก คนที่ตื่นเต้นแล้วหูเด้งขึ้นมาเนี้ยย

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: ชายาแห่งดวงจันทร์
«ตอบ #19 เมื่อ19-12-2015 11:41:55 »

สนุกมาก อ่านฮาไป ติดตามๆๆๆๆๆๆ  :katai2-1:

เวลาที่คนแต่งมาต่อ อยากให้ใส่เลขตอน เลขหน้า หรือวันที่ด้วยนะ จะได้รู้ว่ามาต่อแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-12-2015 11:45:38 โดย dahlia »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ชายาแห่งดวงจันทร์
« ตอบ #19 เมื่อ: 19-12-2015 11:41:55 »





ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
Re: ชายาแห่งดวงจันทร์
«ตอบ #20 เมื่อ19-12-2015 11:48:02 »

น่าร้ากกกกกกกกก. ชอบมากค่ะ :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook
Re: ชายาแห่งดวงจันทร์
«ตอบ #21 เมื่อ19-12-2015 16:12:45 »



ในใจนี่หวังอยากจะให้สักวันที่พลังแห่งดวงจันทร์ดับไป (เหมือนไฟดับ)
ธากับวีจะได้อยู่ในวงล้อมของกระต่ายหลากสีเต็มเมืองไปหมดแน่ ๆ เลย
คิดแล้วก็ฟิน... ตัวขน ๆ ตาวาว ๆ หูตั้ง ๆ เดินพันแข้งพันขา ฮื้ออ น่ารักอ่ะ!!
 
รอติดตามนะคะ ^^  :L2:





ออฟไลน์ varirinnara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ชายาแห่งดวงจันทร์ -5-
«ตอบ #22 เมื่อ19-12-2015 17:02:33 »



-5-
พระชายาวีกับเจ้าชายแห่งดวงจันทร์



หลังเชอเชสพาผมเดินโชว์ตัวกับทุกคนในวังเป็นที่เรียบร้อย เขาก็พาผมกับไอ้ธาไปส่งที่ห้องรับรองที่โอ่โถงยิ่งกว่าบ้านผมทั้งหลังรวมกันซะอีก

นาเทลวางร่างเพื่อนสนิทผมที่ยังไร้สติลงบนเตียงหนานุ่มขนาดหกฟุต จากนั้นทั้งเขาและเชอเชสต่างก็ขอตัวไปทำธุระต่อ ก่อนไปไม่ลืมกำชับไว้ด้วยว่าพวกผมมีนัดต้องเข้าพบพระราชาตอนพลบค่ำ และที่นั่นผมจะได้พบกับบรรดาเจ้าชายแห่งดวงจันทร์ที่ผมจะต้องเลือกหนึ่งในนั้นมาเป็นสามีในอนาคต

ฮืออออ ผมอยากลาตายสามวัน ไม่เจอได้ไหมเจ้าชายอะไรนั่นอ่ะ

“อืม... ไอ้วี...?”
เสียงโอดครวญของไอ้ธาดังขึ้น เรียกสติผมที่หลุดลอยไปไกลถึงดาวมฤตยูให้กลับคืนสู่ร่าง

“มึงตื่นแล้วเหรอ รู้สึกเป็นไงมั่ง” ผมไถตูดไปทีเดียวถึงตัวไอ้ธา มันค่อยๆ ยันตัวขึ้น เอามือกุมหัวเหมือนคนเมาค้างแต่ที่จริงคือช็อคสลบเพราะตกจากที่สูง(?)

“ปวดหัวตุ้บๆ เลยว่ะ ว่าแต่เราอยู่ที่ไหนกันแล้ววะ”

มันหันซ้ายแลขวามองรอบห้องที่ตบแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ดูก็รู้ว่าเครื่องเรือนแต่ละชิ้นนั้นแพงระยับ ห้องที่พวกเราได้เข้าพักเป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ปูพรมแดงเต็มพื้นห้อง เตียงเป็นเตียงไม้แบบสี่เสาประดับผ้าม่านสีแดงหรูหรา กลางห้องมีโต๊ะรับแขกแบบฟูลเซ็ทตั้งอยู่ ฝั่งตรงข้ามเป็นโต๊ะเขียนหนังสือกับตู้เสื้อผ้าแบบบิ้วอิน ประตูกระจกบานใหญ่เชื่อมต่อระหว่างห้องนอนกับพื้นที่ตรงส่วนระเบียง หากว่างอยากจิบน้ำชายามบ่ายก็สามารถไปนั่งชมวิวข้างนอกได้

“นี่มันพระราชวังอังกฤษชัดๆ !” ไอ้ธาร้องว้าวแทบจะหายป่วยเป็นปลิดทิ้ง

“เชอเชสบอกว่านี่เป็นห้องรับรองแขกจากต่างเมือง ไว้พวกเขาจัดการเรื่องห้องให้พวกเราเสร็จเมื่อไหร่ค่อยย้ายกันอีกที” ผมบอกกับไอ้ธาที่กระโดดดึ๋งลงไปสำรวจรอบห้องอย่างตื่นเต้นแบบลืมป่วย

บางทีมึงก็ฟื้นตัวเร็วยิ่งกว่าอะมีบาอีกนะ ไอ้เพื่อนยาก...

“แล้วไงต่อ พวกเขาได้บอกมั้ยว่าเมื่อไหร่เราจะได้เจอว่าที่สามีของมึง?”

คำพูดของไอ้ธาทำให้ผมต้องเด้งขึ้นจากเตียง เอาหมอนปาใส่มันรัวๆ

ไอ้ธา ไอ้เพื่อนเวร เพิ่งฟื้นขึ้นมาได้ก็ปากหมาหาเรื่องแซวผมซะแล้ว!

“มึงอย่าอยู่เลยยยยยยยย”

ผมวิ่งเอาหมอนไล่ฟัดไอ้ธาจนขนสีขาวปลิวกระจายทั่วห้อง ไอ้ธาแม่งก็ไม่มียอมผมอ่ะครับ คว้าหมอนอีกใบได้ก็ซัดผมกลับชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร เราวิ่งพล่านกันจนเหนื่อยสุดท้ายก็มานอนแผ่กันบนเตียงที่เต็มไปด้วยขนๆ เหมือนขนเป็ด ต่างคนต่างหัวเราะคลายเครียดไปได้อีกเยอะ

“ไงมึง สบายใจขึ้นยัง”

ผมเลิกคิ้วขึ้น หันไปมองหน้ามัน ดวงตาสีดำรับกับเรือนผมสีเดียวกันมองรออยู่ก่อนแล้ว

“วิธีคลายเครียดให้คนอื่นของมึงนี่ เล่นซะกูหอบเลยแสรดดด”

ผมด่ามันไปที เรียกรอยยิ้มเต็มหน้าจนเห็นเขี้ยวเล็กๆ ทั้งสองซี่ที่แสนจะน่าภูมิใจของมัน ตานี่เหลือแค่เส้นเดียว ท่าทางภูมิใจมากที่ทำให้ผมยิ้มได้

“ก็มึงเล่นทำหน้าซะเครียดเลยนี่หว่า อุตส่าห์ได้มาถึงดวงจันทร์ทั้งที มาทำหน้าบูดเป็นหมาเน่าตายแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนวะ” ว่าแล้วมันก็โบกหัวผมดังป้าบ ผมเลยเอาคืนด้วยการยันมันกลิ้งโค่โร่ตกเตียง

“จะไม่ให้กูเครียดได้ไงเล่า กูไม่ได้แพ็คกระเป๋ามาเที่ยวเหมือนมึงนี่ อีกเดี๋ยวก็จะมีคนมารับตัวกูไปดูว่าที่เจ้าบ่าวแล้ว กูยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำยังไงต่อไปดี”

ไอ้ธาปีนขึ้นเตียงมานอนหนุนหัวบนพุงผม พวกเราชอบนอนกันแบบนี้ประจำ มันบอกพุงผมนิ่มนอนแล้วสบายหัวดีเลยชอบยึดพื้นที่ตรงนี้เป็นหมอนส่วนตัวของมัน “ก็ไม่เห็นจะต้องทำไงเลย ปิดตาเลือกๆ ไปสักคน ให้คนๆ นั้นได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ แค่นี้หน้าที่ของมึงก็สำเร็จลุล่วงแล้วนี่ จากนั้นเราค่อยให้นาเทลกับเชอเชสพาเที่ยวให้ทั่วแล้วค่อยกลับโลกกัน เป็นไง มึงว่าดีไหม?”

“คิดง่ายนะมึงอ่ะ” ผมผลักหัวมันอย่างหมั่นไส้ ให้ไอ้ธาหัวเราะเอิ๊กอ๊ากที่ผมชอบทำรุนแรงใส่

“ก็แล้วจะคิดให้มันยากไปทำไมล่ะ เขาบอกแค่ให้มึงเลือก ไม่ได้บอกให้มึงรักเจ้าชายพวกนั้นสักหน่อย ถ้าเป็นอย่างหลังค่อยมาคิดหนักเหอะ”

“เออ ก็จริง” ผมเริ่มคล้อยตามมัน ไอ้ที่หนักๆ อยู่ในใจเริ่มผ่อนคลายลง

“ว่าแต่...” มันพลิกตัวมานอนเท้าคางมองหน้าผมแทน “พวกเราออกไปเดินเล่นข้างนอกได้ป่าววะ อยู่แต่ในนี้อุดอู้เกิ๊นนน อุตส่าห์ได้มาถึงดวงจันทร์แล้วทั้งที อาณาจักรกระต่ายเลยนะเว้ย”

ผมโคลงหัวคิด “พวกเชอเชสไม่ได้บอกไว้ด้วยสิว่าให้ออกไปไหนได้รึเปล่า บอกแค่ว่าตอนเย็นจะมีคนมารับไปพบพระราชา แต่ก่อนหน้านั้นต้องอาบน้ำเตรียมตัวให้เรียบร้อย อีกเดี๋ยวจะมีคนเอาชุดมาให้”

“ต้องแต่งองค์ทรงเครื่องซะด้วย ป้าดๆๆ พระชายาวี นี่กูมีเพื่อนเป็นถึงเมียว่าที่กษัตริย์องค์ต่อไปเลยเหรอวะ ฟังดูดีชะมัด”

“ดูดีพ่อง” ผมด่ามันให้ ไอ้ธาเลยหัวเราะก๊ากอย่างสะใจให้ผมไล่ถีบมันอีกรอบ

“หูย ทำไมว่าที่เจ้าสาวนายนี้ถึงได้อารมณ์ร้ายจังวะ อนาคตข้างหน้าสามีมึงไม่กลัวหัวหดหมดเรอะ” เจ้าเพื่อนตัวดียังมิวายหยุดแหย่

คำก็เมียสองคำก็สามี นี่กูชักจะทนกับความกวนประสาทของมึงไม่ไหวแล้วน้า!




สุดท้ายพวกผมก็ไม่สามารถออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนได้แม้แต่ในเขตสวนของพระราชวัง

ทหารยามในชุดสีเขียวที่เฝ้าอยู่หน้าห้องบอกว่าอีกเดี๋ยวจะมีข้ารับใช้มาพาผมกับไอ้ธาไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ถ้ายังไงขอให้ช่วยอดทนรอในห้องไปก่อนจะได้ไม่คลาดกับคนเหล่านั้นจนต้องวิ่งวุ่นตามหากันอีก

ทั้งผมและไอ้ธาเลยเดินคอตกกลับมานอนกลิ้งบนเตียง ผ่านไปสักยี่สิบนาทีก็มีคนมาเคาะประตูห้อง พอผมเอ่ยอนุญาตให้เข้ามาได้ ข้ารับใช้ที่ทหารยามพูดถึงจำนวนสิบคนก็เดินกรูกันเข้ามา ในมือมีเสื้อผ้าสีสันสดใสกว่าสิบชุดกับเครื่องประดับมากมายหลายเซ็ทที่เห็นแล้วตาลายอยากหน้ามืดจิ๊กกลับบ้านไปเป็นของฝากให้แม่สักอัน

“คารวะพระชายาวี สหายพระชายา นี่เป็นเสื้อผ้าที่สำนักทอจันทร์นำมาถวายให้พวกท่านเลือกสำหรับใส่ในค่ำคืนนี้ขอรับ” พวกเขายื่นเสื้อผ้าโทนสีสดใสมาให้ผม ส่วนของไอ้ธานั้นเป็นสีโทนเข้มเกือบทั้งหมด

“เอ่อ... ผมขอชุดสีดำแบบเพื่อนผมได้ไหมครับ”

พอเห็นบรรดาสีแสบสันตรงหน้าแล้วเนื้อตัวมันคันยิบๆ ผมเลยลองถามเด็กรับใช้ตรงหน้าดู เขาเป็นเด็กชายที่น่าจะอายุไม่ถึงสิบห้าปี บนหัวมีหูกระต่ายสีเทาอ่อน ดวงตาสีฟ้าครามใสแจ๋วดูน่ารักน่าหยิกเป็นที่สุด

“ขออภัยขอรับพระชายา นั่นเป็นชุดสำหรับแขกบ้านแขกเมือง ท่านมิสามารถสวมใส่ชุดเหล่านั้นได้ขอรับ”

“แต่ผมก็เป็นแขกของที่นี่เหมือนกันนี่นา...”

“มิได้ขอรับ ถึงท่านจะมาจากแดนไกลเหมือนกัน แต่ฐานะของท่านนั้นมิอาจใช้เสื้อผ้าสีโทนทึบมาทำให้หม่นหมองแก่ตัวท่านได้” เจ้าสีเทาพูดจาฉะฉาน ชี้ให้เห็นต่างถึงธรรมเนียมปฏิบัติที่ชาวกระต่ายยึดถือ ผมนี่ถึงขั้นกุมขมับ สีชมพูนี่จ่ออยู่ตรงหน้ากูเลยครับ

“ก็แค่สีชุดเองน่า มึงจะเรื่องมากทำไมวะ หลับตาหยิบๆ ไปสักชุดก็หมดเรื่อง” ไอ้ธาให้คำแนะนำได้เหมือนกับที่มันบอกให้ผมใช้วิธีนี้เลือกสามีไม่มีผิดเพี้ยน มักง่ายเกินแล้วมึงอ่ะ

“เออๆๆ ก็ได้วะ” ผมกวาดตาดูชุดพวกนั้นอีกรอบก่อนจะเลือกตัวที่เสื้อชั้นในเป็นสีขาว ทับด้วยผ้าสีฟ้าครามรัดด้วยผ้าสีเหลืองสดใสที่ปักเป็นลายหงษ์ดูวิตรงดงาม ตัวนี้ดูเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผมแล้วเมื่อเทียบกับตัวอื่นๆ ที่เป็นสีเหลืองบ้าง ชมพูบ้าง ไอ้สีพวกนั้นผมยังทำใจใส่มันไม่ลง

หลังจากเลือกเสื้อผ้ากันเสร็จเรียบร้อย บรรดาเด็กชายในร่างครึ่งคนครึ่งกระต่ายก็พาพวกเราไปยังห้องอาบน้ำ เด็กที่มีหูกระต่ายเป็นสีเทาอ่อนบอกว่าที่นี่มีแต่ห้องอาบน้ำรวม หนึ่งชั้นต่อหนึ่งห้อง มีทั้งแบบน้ำร้อนและน้ำเย็น จะเข้ามาใช้งานเมื่อไหร่ก็ได้

“นี่ เธอชื่ออะไรเหรอ” ผมถามเจ้าตัวน้อยที่สูงประมาณอกผมเท่านั้น ต้องมีพ่อแม่หน้าตาดีขนาดไหนกันนะถึงผลิตลูกหน้าตาน่ารักน่ากอดออกมาได้แบบนี้

“กระผมชื่อยาอุลขอรับ” ทั้งหูและหางต่างพากันดุ๊กดิ๊กเหมือนดีใจที่ผมถามชื่อเขา เด็กน้อยโปรยกลีบดอกไม้สีชมพูอ่อนลงในสระก่อนหยดน้ำมันหอมลงไป คนอื่นๆ ช่วยกันจัดเตรียมอย่างอื่น พอทุกอย่างดูลงตัวก็เข้ามาช่วยกันรุมทึ้งผมกับไอ้ธาจนพวกเราแหกปากกรี๊ด(?)กันเสียงหลง

“พวกนายจะทำอะไรกันน่ะ!?” ผมกับไอ้ธาเบียดตัวเข้าหากัน แน่นอนว่าผมอยู่หน้า ไอ้ธาอยู่หลัง แม่งใช้ผมเป็นโล่กำบังอีกแล้ว!
ยาอุลและคนอื่นๆ เอียงคอไปด้านข้างพร้อมกัน “ก็ช่วยพระชายากับสหายอาบน้ำยังไงล่ะขอรับ”

“แค่อาบน้ำพวกเราทำกันเองได้น่า!” ไอ้ธาตะโกนข้ามหัวผมไปบอกเด็กพวกนั้น โดยมีผมพยักหน้าช่วยยืนยันอีกแรง

“มิได้ขอรับ พวกเราต้องช่วยกันขัดตัวพระชายาเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่พิธีต้อนรับในคืนนี้ขอรับ จะทำลวกๆ ไม่ได้เด็ดขาด” เด็กที่ดูโตที่สุดในสิบคนนั้นเป็นคนกล่าว

“งั้นก็จัดการแค่ไอ้วีไปแล้วกัน ส่วนของฉัน ฉันดูแลตัวเองได้” ไอ้ธาได้ทีรีบขายเพื่อนเอาตัวเองรอด มันรีบวิ่งไปถามเด็กพวกนั้นว่าฝั่งไหนเป็นฝั่งน้ำเย็น พอเจ้าเด็กที่ดูตัวโตสุดชี้นิ้วบอก มันก็รีบเอาเสื้อผ้าที่มันเลือกกับบรรดาผ้าที่เหมือนผ้าขนหนูวิ่งไปฝั่งนั้นทันทีโดยมีเด็กรับใช้วิ่งตามไปด้วยสองคน ปล่อยให้ผมเผชิญหน้ากับบรรดาครึ่งคนครึ่งกระต่ายจำนวนแปดชีวิตอยู่เพียงลำพัง
ฮือออออ ไอ้ธา ไอ้เพื่อนเลว จบจากนี่ไปเมื่อไหร่กูจะเอาคืนมึงเป็นเท่าตัวเลยคอยดู!




หลังถูกขัดสีฉวีวรรณเสร็จเรียบร้อย ผมก็มานั่งน้ำตากระซิกอยู่ในห้องรับรองเพราะร่างกายเพิ่งผ่านมือผู้ชายมาหมาดๆ

แม้ว่านั่นจะเป็นแค่การทำความสะอาดร่างกายเท่านั้นก็เหอะ...

“มึงจะทำดราม่าอีกนานป่าววะ ก็แค่ถูกอาบน้ำให้เอง”
ไอ้ธาที่อยู่ในชุดสีดำตัดน้ำเงินเข้มนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงปลายเตียง ส่วนหัวเตียงนี่ผมยึด นอนขวางแบบผิดทิศคล้ายกับประกาศศักดาว่าเตียงนี้เป็นของข้าคนเดียว

“มึงไม่โดนมึงก็พูดได้นี่ ทิ้งกูไปอาบน้ำคนเดียว สบายใจเลยสิท่า”

มันไม่รู้หรอกว่าผมต้องเผชิญกับอะไรมาบ้าง ทั้งโดนแก้ผ้า จับขัดๆ ถูๆ ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ไหนจะส่วนตรงนั้นที่ยังไม่เคยผ่านมือใคร...กลับถูกทำความสะอาดทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่ช่องทางข้างหลังที่เด็กพวกนั้นย้ำกับเขาเป็นร้อยๆ รอบว่าต้องทำความสะอาดให้ดี มิเช่นนั้นอาจทำให้เทพกระต่ายพิโรธจนล่มพิธีต้อนรับเอาได้

แค่คิดถึงตรงจุดนี้ก็....

“โฮฮฮฮฮฮฮ กูเป็นเจ้าบ่าวให้ใครไม่ได้อีกแล้ว”

ไอ้ธาใช้นิ้วก้อยแหย่รูหูเหมือนรำคาญเสียงคร่ำครวญของผมนักหนา พลางพูดซ้ำเติมผมว่า “ยังไงมึงก็มานี่เพื่อเป็นเจ้าสาวอยู่แล้วนี่ จะคิดเรื่องเจ้าบ่าวให้มันปวดหัวทำไม”

“ไอ้ธา!” ผมแทบจะถลาไปฟัดกับมันอีกรอบทั้งที่เพิ่งแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จ แต่เจ้าเพื่อนตัวดีดันรู้ทัน แวบเดียววิ่งปรู้ดไปถึงโซฟา ลำบากผมที่ใส่ชุดยาวระพื้นต้องถกชายผ้าขึ้นวิ่งไล่มันอีก

รุ่มร่ามจริงเว้ยไอ้ชุดพิธีการบ้านี่!

ก๊อกๆ

“ขออนุญาตขอรับ ท่านวี ท่านธา ถึงเวลา... เอ่อ กำลังเล่นอะไรกันอยู่หรือขอรับ”

นาเทลเปิดประตูห้องเข้ามาก่อนโดยมีเชอเชสเดินตามหลัง เขามองผมที่ถกชุดยาวกรุยกรายวิ่งรอบห้องสลับกับไอ้ธาที่หัวเราะไม่หยุด หน้าแข็งค้างเหมือนไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี

“อ้าว มากันแล้วเหรอ” เจ้าเพื่อนตัวแสบเห็นกำลังหนุน(?)มาถึงก็รีบวิ่งไปหาแนวร่วม มันดึงนาเทลที่ยืนค้างอยู่หน้าประตูห้องให้รีบเข้ามาข้างใน “ว่าไงๆ พระชายาของพวกนายสวยไหม” ได้ทีก็รีบถามกระต่ายในร่างคนที่ดูจะไม่รู้ว่ากำลังถูกไอ้ธาหลอกใช้เป็นเครื่องมือแกล้งผม

นาเทลยิ้มรับก่อนใคร “ดูดีมากเลยขอรับท่านวี” เขาชมผมจากใจจริง ทำให้ผมไม่กล้าอาละวาดฟาดงวงฟาดงาอีก

เชอเชสเดินเข้ามาใกล้ มือใหญ่ช่วยจัดชุดที่หลุดรุ่ยกลับเข้าที่

“ยิ้มทำไม ผมใส่ชุดนี้มันตลกนักรึไง” พาลครับพาล นาทีนี้อะไรก็ดูขัดหูขัดตาไปหมด

เจ้าหัวส้มหน้าตาตื่นเหมือนไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด แค่ยิ้มเองนะ?

“เปล่าขอรับ แค่รู้สึกว่าท่านวีดูดีมาก ชุดนี้เหมาะกับท่านมากเลยขอรับ”

“เอาจริงดิ?” ผมยกสองแขนที่เป็นชายผ้ายาวๆ ขึ้นสำรวจตัวเอง ดูยังไงก็รู้สึกว่าเสื้อผ้าแบบนี้มันไม่เหมาะกับผมหรอก

“กระผมไม่โกหกหรอกขอรับ” ถ้าเชอเชสว่างั้นผมจะยอมทนๆ ใส่ไปก่อนก็ได้...ทำอย่างกับมีทางเลือกนักล่ะ

“อ๊ะ จริงสิ ถึงเวลาแล้วเหรอ?” ผมเพิ่งนึกขึ้นได้เมื่อเห็นการแต่งกายของสองคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ พวกเขาอยู่ในชุดเครื่องแบบสีกรมเต็มยศ บนบ่าและตามอกติดดาวและเครื่องหมายอะไรไม่รู้ละลานตาไปหมด บ่งบอกว่าเจ้าตัวน่าจะมียศอยู่ไม่น้อยในราชวังแห่งนี้

“ขอรับ พระราชาให้พวกกระผมมารับท่านกับท่านธาไปยังท้องพระโรง เหล่าขุนนางคนสำคัญก็อยู่ที่นั่นกันหมดแล้วขอรับ”

“ย...อย่างงั้นเหรอ...” รอยยิ้มผมชะงักไปทันตาเมื่อรู้สึกเหมือนมีใบมีดมาจ่ออยู่ตรงคอหอย จะเดินหน้าก็ตาย จะถอยหลังก็ทำไม่ได้ เป็นสถานการณ์ที่ชวนให้คิดถึงพ่อกับแม่มาก ถ้ากลับโลกได้ตอนนี้ผมคงไม่ลังเลที่จะกลับเลย

“ท่านวี” เชอเชสที่เห็นสีหน้าไม่สู้ดีของผมยื่นมือมาบีบมือผมไว้คล้ายกับต้องการให้กำลังใจ “หากท่านไม่ประสงค์จะอภิเษกกับเจ้าชายจริง ท่านย่อมปฏิเสธกับพระราชาได้ แม้กระผมจะไม่ทราบถึงผลลัพธ์ที่ตามมา แต่ก็ยังดีกว่าที่ท่านวีรู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็นนะขอรับ”

แรงบีบที่หลังมือเรียกให้ผมรู้สึกตัว เงยหน้ามองสบดวงตาสีเทาอมม่วงที่มองมาอย่างเป็นห่วง

“อื้อ” ผมรับคำทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ ตราประทับรูปมงกุฏยังฝังกบาลอยู่เลย ถ้าผมปฏิเสธไม่เท่ากับว่าผมจะมีไอ้มงกุฏบ้านี่ติดหัวไปตลอดชีวิตเรอะ “เชอเชส คุณว่ายังมีทางอื่นอีกไหมที่จะทำให้ไอ้มงกุฏนี่หายไปได้”

เจ้าหัวส้มทำหน้าหนักใจ “กระผมเองก็ไม่ทราบเช่นกันขอรับ แต่เทพกระต่ายอาจให้คำตอบเรื่องนี้แก่ท่านได้”

“เทพกระต่าย?” แค่ได้ยินชื่อนี้ผมก็อารมณ์ขึ้นแล้ว

ก็ไม่ใช่เพราะเทพองค์นี้เรอะผมถึงต้องมาอยู่ที่นี่ ต้องมาอภิเษกงี่เง่าเพียงเพราะเขาเลือกผมเป็นชายาแห่งดวงจันทร์ ฮึ้ยยย เจอหน้าล่ะจะหาทางเอาคืนสักยก จะได้รู้ว่ามนุษย์โลกน่ะไม่ได้เคี้ยวง่ายๆ นะเฮ้ย

“อีกเดี๋ยวท่านวีก็จะได้พบกับท่านเทพในพิธีต้อนรับแล้วขอรับ หากท่านวีอยากรู้อะไรก็ลองถามท่านเทพดูได้”

“เข้าใจล่ะ”

“เช่นนั้น ให้กระผมนำทางไปยังท้องพระโรงเลยไหมขอรับ” เชอเชสค้อมตัวลงอย่างให้เกียรติ ทำอย่างกับผมเป็นเจ้าหญิงในนิทานไปได้ ฮึ




พระราชวังที่ทำจากคริสตัลทั้งหลังดูงดงามอลังการยิ่งกว่าภาพวาดในฝัน ผมกับไอ้ธาเดินผ่านห้องโถงใหญ่ที่ประดับด้วยอัญมณีมากมายดูงดงามตระการตา ทั้งหมดส่องแสงแพรวพราวประชันกันยิ่งกว่าดวงดาราบนฟากฟ้า ผมกับไอ้ธาตาแทบบอดเมื่อเจอรัศมีเจิดจรัสพวกนี้ทำร้ายลูกกะตารัวๆ ต่อมโลภในใจปะทุขึ้นราวกับภูเขาไฟที่พร้อมระเบิด

“ถ้าแอบหยิบติดไม้ติดมือกลับบ้านไปสักเม็ดสองเม็ดจะมีใครรู้ป่าววะ”

นักศึกษาที่อยากผันตัวเองไปเป็นโจรกระซิบกระซาบกับผม ตอนนี้พวกเรากำลังเดินไปยังตำหนักใหญ่ของพระราชาซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในสุดของตัววัง ข้างหน้าของผมคือเชอเชสที่ติดผ้าคลุมสีดำยาวระพื้น ส่วนคนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าไอ้ธาคือนาเทลที่อยู่ในชุดเครื่องแบบเหมือนกับเชอเชสทุกอย่าง

“ใจเย็นมึง อย่าเพิ่งหากรงมาขังตัวเอง แต่ถ้าว้อนนัก เอาไว้กลับไทยเมื่อไหร่กูจะสั่งกรงขังแบบพิเศษเตรียมไว้ให้เป็นของขวัญวันเกิดมึงเลยดีมั้ย?”

แน่นอนว่าผมไม่ได้หมายถึงคุกขังคน แต่เป็นกรงขังหมาที่ดูเหมาะกับเพื่อนธาม๊ากมาก

“ปากดีไปก่อนเถอะมึง อีกเดี๋ยวเจอหน้าว่าที่สามีแล้วระวังจะพูดไม่ออก” มันหัวเราะหึๆ อย่างคนถือไพ่เหนือกว่า ผมเลยแยกเขี้ยวใส่มันไปที ไม่รู้ว่าการที่พามันมาด้วยนี่เป็นเรื่องดีหรือร้ายกันแน่

“ถึงแล้วขอรับ”

สิ้นเสียงของเชอเชส ประตูบานหนาหนักที่อยู่ปลายสุดของทางเดินก็ถูกเปิดออกโดยทหารยามที่ยืนรักษาการณ์อยู่ พวกเขาในชุดเครื่องแบบสีแดงต่างพากันทำความเคารพเชอเชสกับนาเทลด้วยท่าทางขึงขัง แต่ผมแอบเห็นนะว่าสายตาของพวกเขามีแอบเหล่มามองผมตอนที่ผมเดินผ่านน่ะ!

“พระชายาเสด็จ!”

ข้ารับใช้ในชุดพิธีการสีขาวประกาศเสียงดังก้องท้องพระโรง ผู้คนที่มาถึงก่อนแล้วต่างพากันหันขวับมองมาที่ผมเป็นตาเดียว
เล่นเอาซะก้าวขาไม่ออกเลย...

“โอ นี่น่ะหรือพระชายาแห่งดวงจันทร์ที่เทพกระต่ายทรงคัดเลือกเองกับมือ เป็นเด็กหนุ่มที่รูปงามนัก” พระราชาหนวดยาวเป็นผู้ตรัสขึ้นก่อนใคร เขาเป็นชายร่างใหญ่ที่ยังดูอายุไม่เยอะ ท่วงท่าเปี่ยมด้วยอำนาจของราชาที่ยืนอยู่เหนือทุกคนในแผ่นดิน ดวงตาสีเทาจนเกือบดำดูลึกล้ำคล้ายยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม นี่หรือเปล่านะที่เขาเรียกว่าหน้ากากของพระราชา?

“ถวายพระพรองค์ราชา ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี” ผมกับไอ้ธาเลียนแบบคำพูดในหนังย้อนยุคที่พวกแม่ๆ ของพวกเราชอบดู คุกเข่าเลียนแบบซะเหมือนทั้งที่ไม่รู้เลยว่าทำแบบนี้มันถูกต้องรึเปล่า เรียกเสียงหัวเราะถูกใจจากคนที่เป็นใหญ่ที่สุดในที่นี้ได้ดีนัก

“ลุกเถิดๆ ชายาตัวน้อยอย่าได้มากพิธีเลย” กษัตริย์เมซาดิอุสกล่าวอย่างใจกว้าง ผมกับไอ้ธาเลยรีบลุกและแอบหันไปยิ้มล้อเลียนกันว่า มึงก็กล้าทำไปได้เนอะ

“ลำบากพวกเจ้าแล้วที่ต้องดั้นด้นเดินทางมาไกล ยังไงก็คิดว่าที่นี่เป็นบ้านอีกหลังของพวกเจ้าแล้วกันนะ ชายาตัวน้อยและสหายผู้มาจากโลก”

“ขอบพระทัยที่ทรงเมตตาพ่ะย่ะค่ะ”

ท้ายเสียงไอ้ธาติดสั่นน้อยๆ เพราะมันกำลังกลั้นขำสุดพลังกับความมั่วเลอะเทอะของเราสองคน น้อยๆ หน่อยเถอะมึง ดูด้วยว่ามีกี่สายตาที่จ้องเขม็งมาทางเรา เดี๋ยวเขาก็เอาไปนินทาลับหลังว่าชาวโลกเป็นพวกลิงกังเพราะมึงหรอก

“เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนมาพร้อมหน้ากันหมดแล้ว เราขอเวลาเพียงสักครู่ให้ชายาตัวน้อยได้ทำความรู้จักกับโอรสของเราก่อน เพื่อที่ชายาตัวน้อยจะได้มีเวลาตัดสินใจก่อนพิธีต้อนรับจะมาถึง ฮาซาดิยาส ในฐานะโอรสองค์โต เจ้าควรเป็นผู้แนะนำตัวเองก่อน”

กษัตริย์เมซาดิอุสทำหน้าที่พ่อสื่อในทันทีที่กล่าวทักทายกันเสร็จ ผมยิ้มแห้ง ส่วนไอ้ธาแม่งแอบกลั้นหัวเราะอยู่ข้างๆ เมื่อชายคนหนึ่งที่มีรูปลักษณ์สง่าผ่าเผยเดินก้าวออกมาจากตำแหน่งที่อยู่ใกล้กับพระราชามากที่สุด

“ข้า ฮาซาดิยาส อองเตรย์ ดี ทาคาล ยินดีต้อนรับพระชายาจากต่างแดน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะเห็นที่นี่เป็นบ้านอีกหลัง หากมีปัญหาอันใดก็สามารถมาปรึกษาข้าได้ทุกเมื่อ”

คำทักทายสั้นแสนสั้นดังมาจากปากชายหนุ่มที่ดูอายุอานามไม่น่าเกินสามสิบ เขาเป็นคนตัวสูงใหญ่ ใบหน้าคมคายหล่อเหลา ดวงตาสีเทารับกับเส้นผมสีน้ำเงินจัด ร่างกายดูแข็งแกร่งกำยำ ผิวทั่วร่างเป็นสีน้ำผึ้งสม่ำเสมอ มองปราดเดียวก็รู้ว่าชายคนนี้ไม่ใช่พวกราชวงศ์ที่ดีแต่หมกตัวอยู่แต่ในปราสาทท่องตำรา คุ้นๆ ว่าเชอเชสเคยบอกว่าเจ้าชายองค์โตทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับการทหารนี่แหละ ดูๆ ไปแล้วเขาเหมาะจะเป็นแม่ทัพมากกว่าเจ้าชายซะอีก

“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร ลืมเรื่องการใช้ราชาศัพท์ไปซะสนิท แต่อีกฝ่ายกลับดูเหมือนไม่ใส่ใจ เขาเพียงพยักหน้าให้ ก่อนกลับไปยืนเป็นรูปสลักตรงตำแหน่งเดิม

“เจ้าชายของมึงโคตรจะดูดีเลย! แต่ไม่ไหวว่ะ ทำตัวแข็งอย่างกับหิน เล่นมุกไปทีแม่งยืนนิ่งจนมึงเซ็งแน่” ไอ้ธาเขยิบมากระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน ซึ่งผมก็พยักหน้าเห็นด้วยแบบไม่คิดต่าง คนแบบนี้ผมค่อนข้างแพ้ทางเพราะอยู่ข้างๆ แล้วไม่รู้จะคุยอะไรด้วย จะไร้สาระใส่ก็กลัวเขาจะรำคาญ จะวิชาการจ๋าก็ตัวผมนี่เองที่จะทนรับสภาพนั้นไม่ได้ซะก่อน

คนแรกแนะนำตัวเสร็จไป ไอ้เราก็คิดว่าจะได้เห็นหน้าเจ้าชายคนที่สองต่อ แต่กลับกลายเป็นเด็กหนุ่มหน้าทะเล้นที่ยกมือขึ้นขออนุญาตพระราชา

“เสด็จพ่อ ลูกขอแนะนำตัวต่อจากพี่ใหญ่ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

กษัตริย์ในชุดฉลองพระองค์สีแดงเปี่ยมอำนาจหัวเราะอย่างนึกเอ็นดูบุตรชายคนเล็ก พระองค์ทรงอนุญาตในทันที ไม่สนว่านั่นจะเป็นการลำเอียงหรือไม่

ทำแบบนี้มันสปอยเด็กชัดๆ เลย อีแบบนี้ถ้าวันหนึ่งเจ้าเด็กนี่เสียคนขึ้นมาไม่ต้องโทษเลยว่าเป็นความผิดใคร

“คารวะพระชายา ข้ามีนามว่า เฮอเทนีลุส อองเตรย์ ดี ซอโร เจ้าจะเรียกข้าว่าซอโรเฉยๆ ก็ได้นะ” เด็กหนุ่มที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า เขาคลี่ยิ้มเจิดจ้าทักทายทำให้เห็นถึงความต่างที่ชัดเจนระหว่างน้องคนเล็กกับพี่คนโต

ซอโรเป็นเด็กหนุ่มรูปงามพราวเสน่ห์ เส้นผมสีทองคำทำให้ดวงหน้าของเขาดูอ่อนเยาว์สดใส ขับให้ดวงตาเรียวรีสีทับทิมยิ่งดูโดดเด่นเปล่งประกาย เขาสวมชุดแบบชาวดวงจันทร์คล้ายที่ผมกำลังสวมใส่ เสื้อตัวในเป็นสีขาวยาวกรอมเท้า คลุมทับด้วยผ้าเนื้อบางสีม่วงอ่อนปักลายไม้พันเป็นเกลียว ช่วงเอวรัดด้วยเชือกมัดใหญ่สีฟ้าคราม ดูอย่างกับพระเอกที่เพิ่งหลุดออกมาจากหนังจีน

“งั้นเรียกผมว่าวีแล้วกันครับ” ผมเอ่ยกลับไปอย่างเป็นมิตร เด็กคนนี้ดูน่าจะอายุอ่อนกว่าสองถึงสามปี แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังดูร้ายไม่ใช่เล่น แค่เห็นแววตาก็พอเดาได้แล้วว่านี่มันหมาป่าในคราบกระต่ายชัดๆ

“ได้เลยวีวี่ หลังจากนี้ถ้ามีเวลาว่าง เจ้าอย่าลืมมานั่งดื่มชาพูดคุยกับข้าบ้างล่ะ” พูดจบก็ขยิบตาให้แล้วหมุนชายผ้าเดินกลับไปยืนที่เดิมด้วยรอยยิ้ม ทิ้งให้ผมขนลุกเกรียวกับคำเรียกที่สาวแตกอย่างกับกระเทย

“วีวี่...วีวี่ว่ะเฮ้ย กั่กๆๆ”

ไอ้ธาถึงกับต้องยกสองมือปิดปากไม่ให้ตัวเองหลุดหัวเราะออกมา นี่ถ้าไม่ใช่กำลังยืนอยู่ในท้องพระโรงมีหวังมันขำก๊ากไม่ไว้หน้าผมไปแล้ว

“เก็บคำพูดหน่อยมึง” ผมแจกตาเขียวใส่มัน รู้สึกหน้าม้านไปเล็กน้อยแต่ก็ต้องฝืนยิ้มต่อไป

“งั้นต่อไปก็ถึงตาเจ้าแล้ว ลูกข้า”

เพราะมัวแต่ถลึงตาปรามไอ้ธาจึงไม่ได้ฟังว่ากษัตริย์เมซาดิอุสตรัสอันใดไปก่อนหน้า หันมาอีกทีพระองค์ก็ผายมือมาเบื้องหน้า มองตรงมาที่ที่พวกผมยืนอยู่จนผมกับไอ้ธาหันมาทำหน้างงใส่กัน ยังไม่ทันที่ไอ้ธาจะกระซิบถามอะไรออกมา ปากที่ปรกติมักจะพ่นแต่คำหมาๆ ก็อ้าปากค้างทำท่าพะงาบๆ เหมือนปลาขาดน้ำเมื่อเห็นนาเทลหมุนกายกลับมาค้อมตัวทำความเคารพพวกเรา

“ข้า ทาคานีออส อองเตรย์ ดี นาเทล ยินดีต้อนรับพระชายาวีและท่านธาสู่อาณาจักรแสงจันทร์ หากท่านทั้งสองประสงค์สิ่งใด อย่าได้เกรงใจที่จะเอ่ยปากบอกกับทางเรา หากไม่เหนือบ่ากว่าแรง พวกเราจะจัดหามาถวายให้พวกท่านให้จงได้”

ไม่แค่ไอ้ธาที่ช็อคค้างไปแล้วครับ ผมเองก็สะเทือนไตไม่แพ้ไอ้คนข้างๆ ที่ใช้บริการเจ้าชายแทนกระสวยอวกาศ บินลัดฟ้าจากโลกมาถึงดวงจันทร์ แถมยังได้เจ้าชายคนรองแห่งอาณาจักรแสงจันทร์คอยลูบหลังให้ตอนอ้วกแตกจนหมดไส้หมดพุงอีก
บุญหัวมึงแล้วไอ้ธาเอ๊ย ฮ่าๆๆๆ

“ไอ้เชี่ย... ทำไมเป็นหมอนี่ไปได้วะ”

ไอ้ธาทำหน้าเหมือนโลกจะแตกอยู่ตรงหน้า เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่เรายังอยู่ที่คอนโดกันมันเล่นใช้งานเจ้าชายคนนี้สารพัด ทั้งใช้ให้ไปซื้อเครื่องดื่ม ซื้อของกิน ซักผ้า ตากผ้า กวาดพื้น ถูบ้าน ล้างจาน จนผมคิดว่านาเทลแปลงร่างเป็นเบ๊กลายๆ ของไอ้ธามันแล้วเพื่อแลกกับค่าห้องที่มันให้เชอเชสกับนาเทลพักอยู่ฟรีๆ โดยไม่คิดค่าน้ำค่าไฟ

ไงล่ะมึง ใช้งานเจ้าชายซะคุ้มเลยนะ ฮ่าๆๆ

“สมน้ำหน้า ไปแกล้งเขาไว้เยอะ ระวังเหอะจะโดนเขาเอาคืน” ได้ทีต้องรีบทับถมมันครับ เพื่อนล้มเราต้องรีบซ้ำ เป็นตรรกะที่ผมกับมันใช้มาตั้งแต่เด็กยันโตจนหมาเลียก้นไม่ถึงอย่างตอนนี้แหละ

จากอารมณ์ทิ้งดิ่งเลยเริ่มสดใสขึ้นเป็นกองเมื่อเห็นรอยยิ้มที่นาเทลจงใจส่งให้ไอ้เกลอเพื่อนผมโดยเฉพาะ หลังจากนี้คงได้มีเรื่องบันเทิงให้ผมติดตามฆ่าเวลาในระหว่างที่อาศัยอยู่บนดวงจันทร์แล้วล่ะ อั๊ดช่าา

ผมยิ้มร่า ทว่ายิ้มได้ยังไม่ทันถึงหนึ่งนาทีก็ต้องคิ้วกระตุกตามไอ้ธาไปติดๆ เมื่อเชอเชสดันเป็นอีกคนที่หันหน้ามาทางผม ดวงตาสีเทาอมม่วงแลดูมีเลศนัยคล้ายยิ้มแต่แกล้งทำเป็นไม่ยิ้ม

เฮ้ยๆๆ อย่านะ นั่นนายกำลังจะทำอะไรของนายน่ะ!

เชอเชสค้อมศีรษะให้ผมไม่ต่างจากที่นาเทลทำ แล้วพูดด้วยประโยคที่ทำให้ผมแทบกระอักเพราะเจอดาเมจสร้างความสะเทือนให้หัวใจรัวๆ


“ข้า เจ้าชายลำดับสามแห่งราชวงศ์แสงจันทร์ นาม คาเซดีนัส อองเตรย์ ดี เชอเชส หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านกับสหายจะพอพระทัยกับงานเลี้ยงต้อนรับที่ทางเราจัดขึ้นนะขอรับ พระชายาแห่งดวงจันทร์”


ผมผงะถอยหลังไปสามก้าว ไม่รู้ทำไมมันถึงได้คดีพลิกขนาดนี้...

จากคนที่คิดว่าเป็นแค่องครักษ์ มาบัดนี้บอกว่าตัวเองเป็นเจ้าชาย...เจ้าชายเลยนะ!!!


พระเจ้า... พระองค์ทรงเล่นตลกกับลูกเกินไปแล้ว!




----------------------------------------------------------
พระเอกออกโรงงง หรือออกมาตั้งแต่ต้นละหว่า 55555555 //โดนถีบ  :z6:

ปล. เค้าใส่ชื่อตอนและวันที่แล้วน้า ขอบคุณที่ช่วยแนะนำค่า  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-12-2015 18:42:54 โดย varirinnara »

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
Re: ชายาแห่งดวงจันทร์
«ตอบ #23 เมื่อ19-12-2015 18:16:37 »

แหกปากดังๆว่า คดีพลิกกกกกกก ขำอ่ะ แล้วที่ใช้ๆมาล่ะ ขำอ่ะ กระต่ายสีส้มมมม ขำตอนสองพี่น้องอาบน้ำให้กันด้วยเมื่ออ่านถึงจุดนี่

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
กร๊ากกกก

เหมือนจะเห็นคู่รองลางๆ


เอ๊ะๆ~

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
โอ้ยแพ้
เชสเชอน่ารักมากกก

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
กระต่ายส้มเจ้าเล่ห์! 55555555555 แอบสงสารวีวี่เบาๆ  :hao7:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
น่ารักอะ แอบปลอมตัวเป็นทหารไปดูตัวพระชายาสินะ 5555

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
โอ๊ยหลงรักเรื่องนี้จังภาษาลื่นอ่านง่าย

ออฟไลน์ YADA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบนุ้งต่ายหัวส้ม จาอาวจาอาววววว อยากเลี้ยงนุ้งต่ายตัวเน้ แฮร่~

ชาวเมืองชาววังเค้าดูมุ้งมิ้งเนอะ เป็นต่ายแลดูน่ารัก พระราชาคงมุ้งมิ้งน่ารักเนอะ ไม่งั้นประชาชนประชาวัง คงไม่ลันล้าขนาดนี้ งุ้งงิ้งอยากอ่านต่อ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด