-19-
เซอร์ไพรส์หนักสามเด้ง
เมื่อผมตื่นขึ้นก็ได้รับข่าวดีอยู่สามอย่าง
หนึ่ง ท่านลุงหมีดาเนสจับตัว กัลชาเร ซีนัส ขุนนางที่วางแผนลักพาตัวเทพกระต่ายได้แล้ว ตอนนี้นำตัวไปคุมขังอยู่ในคุกหลวง และกำลังเริ่มสืบสาวตามเรื่องอยู่ว่ามีผู้บงการคนใดอีกบ้างที่ร่วมให้การสนับสนุนแผนการครั้งนี้
สอง เชอเชสรับบรรดาเด็กหมาป่ามาเลี้ยง(เพราะพวกมันตามติดผมแจไม่ยอมถูกจับแยก) ทำให้พอตื่นขึ้นมาก็พบดวงตาใสแจ๋วนับสิบคู่รุมล้อมพร้อมกับน้ำลายเต็มหน้า ผมได้มาสิบสี่ตัว ไอ้ธาได้ไปสิบสอง ต่อจากนี้คงไม่มีเวลามานั่งเหงากันอีกเพราะเจ้าตัวน้อยทั้งหลายคงป่วนชีวิตอันแสนสงบสุขของพวกเราน่าดู
และข่าวดี(?)อย่างสุดท้าย คุณเชษฐ์กับคุณตาณหาฤกษ์งามยามดีให้ผมกับเชอเชสได้แล้ว นั่นคืออีกสองเดือนนับจากนี้ อาณาจักรแสงจันทร์จะมีการเฉลิมฉลองครั้งใหญ่เนื่องในโอกาสรัชทายาทแห่งแสงจันทร์จะเข้าอภิเษกสมรสกับชายาแห่งดวงจันทร์ หรือนั่นก็คือผม...
นี่ผมต้องออกเรือนแล้วจริงเหรอวะ แถมในฐานะเมียเจ้าชายกระต่าย...
เออ เอาเหอะ มาถึงขนาดนี้แล้วยังจะบ่นหาสวรรค์วิมานอะไรอีกล่ะไอ้วี รีบแต่ง รีบรัก(?) จะได้รีบกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่ไงล่ะ
“มึงงงงงงงงงงงงงงงงงง”
ลูบหัวทักทายหมาป่าตัวน้อยยังไม่ทันจะครบตัว เสียงปานฟ้าผ่าของไอ้ธาก็ดังขึ้นพร้อมกับประตูบานหนาถูกผลักดังปังจนสะดุ้งกันทั้งหมาทั้งคน
ไอ้คนบุกรุกแม่งก็หาได้สำนึกไม่ว่าทำให้หลายชีวิตหัวใจหลุดออกมาจากปากพร้อมกัน มันถลาเข้ามาหาเร็วไวพร้อมกับขบวนน้องหมาสิบสองตัวที่วิ่งตามมา บรรยากาศในห้องเลยดูคึกคักขึ้นทันตาเห็น หรือจะพูดให้ถูกคือแม่งวุ่นวายโคตรๆ เสียงเห่าหอนดังขรม ผมนี่โคตรปวดหู ขณะที่เจ้าเพื่อนบ้าหัวเราะฮ่าๆ ชอบใจ
“มีไรมึง” ผมถามเสียงเนือยแบบคนเพิ่งตื่น ยังคงเมาขี้ตาไม่หาย ฟันยังไม่ได้แปรง หิวก็หิว ตอนนี้เลยค่อนข้างนอยด์ อารมณ์ไม่แจ่มใส ซึ่งไอ้ธาก็ดูจะเข้าใจดี ใช่ว่ามันเคยเห็นผมเป็นแบบนี้ครั้งแรกซะที่ไหน
“ไปอาบน้ำแต่งตัวกัน กูมีไรจะเซอร์ไพรส์”
เจ้าเพื่อนหัวดำมันฉีกยิ้มกว้าง ฉุดมือผมขึ้นแล้ว ‘ลาก’ ให้ตามมันออกไป มีส่งเสียงบอกให้น้องหมาทั้งหลายวิ่งตามมาด้วย กองทัพสี่ขาขนาดเล็กเลยพุ่งตามติดแบบไม่มีตัวไหนงอแง วิ่งพันแข้งพันขาผมกับไอ้ธากันใหญ่ ไอ้ผมล่ะหวั่นใจจะเหยียบหมาแบนจริงๆ
ที่ที่มันพาผมมาคือห้องอาบน้ำส่วนตัวของเจ้าชายรัชทายาท ขนาดกว้างขวางกว่าห้องอาบน้ำรวมของบรรดาแขกจากต่างเมืองถึงสองเท่า พื้นปูด้วยหินหยาบกันลื่นที่เรืองแสงสีเหลืองทองเหมือนพื้นผิวของดวงจันทร์ สระสรงน้ำกอปรขึ้นจากหินเนียนเรียบสีเขียวอ่อนดุจหยก ตรงขอบสระมีหัวกระต่ายพ่นน้ำอยู่เก้าหัว ดวงตาตกแต่งด้วยอัญมณีสีแดงสุกสว่าง ในห้องนอกจากมียาอุลคอยรับใช้แล้ว ยังมีเด็กรับใช้ที่ผมเลือกให้มาปรนนิบัติอีกสามคนยืนสำรวมอยู่หน้าทางเข้า
“นี่เป็นชุดที่ใช้สำหรับคืนนี้ขอรับ” เจ้าสีเทายื่นชุดสีเหลืองนวลที่พับเรียบร้อยมาให้ ผมรับมันใส่ในตะกร้าที่วางเอาไว้ตรงมุมแต่งตัว เอ่ยขอบคุณเจ้าตัวน้อยที่คอยเป็นธุระให้เสมอด้วยรอยยิ้มที่ไอ้ธาชอบบ่นว่าลำเอียงชิบหาย ทีกับมันอ่ะไม่เคยได้หรอกไอ้รอยยิ้มอ่อนโยนแบบนี้ แน่สิ...ก็มึงมันเกรียนนิ
เจ้าสีเทาที่รับใช้ผมมาได้สักพักหนึ่งแล้วค้อมหัวให้ตามธรรมเนียมปฏิบัติของชาวแสงจันทร์ ก่อนถอยร่นลงไปอย่างรู้งานยืนรวมกับเด็กรับใช้คนอื่น
นับตั้งแต่พิธีต้อนรับชายาแห่งดวงจันทร์อะไรนั่น ผมก็ไม่ได้ให้พวกเขาปรนนิบัติเวลาผมอาบน้ำอีก ทีแรกพวกเขาไม่ยอมกันท่าเดียว จนผมต้องแล่นไปขอให้เชอเชสช่วยออกปากให้อีกแรงนั่นล่ะ เจ้าพวกตัวน้อยทั้งหลายถึงยอมคอยอย่างสงบเสงี่ยมอยู่หน้าประตูแทน
แต่ถึงจะยอมวางมือเรื่องอาบน้ำ พวกเขากลับไม่ยอมวางใจให้ผมแต่งตัวเอง(เพราะชุดชาวแสงจันทร์มันแต่งยากมาก ผมเคยลองแต่งเองไปที ออกมาโคตรชุ่ยเลยโดนรื้อแต่งใหม่หมด) เรื่องนี้ผมเลยไม่ขัดศรัทธาเจ้าพวกตัวน้อยอีก แค่ไม่ยอมเรื่องอาบน้ำก็ทำท่าเสียใจหูตกกันไปตั้งหลายวัน ขืนบอกว่าจะแต่งตัวเองอีก... ไม่รู้จะงัดกลเม็ดอะไรมาทำให้ผมรู้สึกผิดที่ลิดรอนงานพวกเขาไป
ผมเดินผ่านฉากกั้นที่คั่นระหว่างสระสรงน้ำกับหน้าประตูที่พวกยาอุลยืนรออยู่ ส่วนไอ้ธา...พาน้องหมาจากไปนานแล้ว เห็นว่าจะพาไปอาบน้ำแต่งตัวให้ใหม่จะได้กลิ่นตัวหอมฉุยน่าฟัด เวลานี้ความสงบเลยได้กลับมาเยี่ยมเยือนอีกครั้งให้ผมได้พักผ่อนเต็มที่
หนึ่งเท้าหย่อนลงแตะอุณหภูมิน้ำที่เป็นน้ำนมสีขุ่นดูก่อน พบว่ามันร้อนกำลังดีก็ค่อยก้าวขาลงไปนอนแช่อย่างสบายอารมณ์ กลิ่นหอมของนมอ่อนๆ ทำให้ตัวผมเริ่มผ่อนคลาย เสียงน้ำที่ไหลรินผ่านปากของกระต่ายหินช่วยให้ในห้องไม่เงียบเหงาจนเกินไป
ผมเหม่อมองโคมไฟระย้ากลางห้องที่ทำจากคริสตัลสีขาวเงินทั้งยวงพาลคิดไปถึงพ่อแม่ที่ไม่รู้จะเป็นห่วงผมขนาดไหนถ้าได้รู้ว่าผมกับไอ้ธาหายตัวไป ถึงคุณเชษฐ์กับคุณตาณจะบอกว่าเวลาบนดวงจันทร์มันเร็วกว่าโลกอยู่หลายส่วน หนึ่งอาทิตย์ที่นี่เท่ากับหนึ่งวันของโลก แต่ความห่างไกลและจำนวนชั่วโมงในแต่ละวันที่ไม่ต่างกันมากนัก ทำให้ผมรู้สึกว่าผมห่างจากพ่อแม่มานานเกินไปแล้ว
เฮ้อ...
“ท่านวี ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าขอรับ”
ยาอุลตัวน้อยถามขึ้นเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจยาวเหยียดของผม ดูท่าเจ้าตัวจะเป็นห่วงผมอยู่ไม่น้อย เพราะตั้งแต่กลับมาผมก็เอาแต่นอนยาว เรื่องที่ผมบาดเจ็บหนักคงรู้ถึงหูเจ้าตัวไปบ้างแล้ว
“ผมสบายดี แค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะ” ผมตอบกลับไป นอนแช่น้ำต่ออีกนิดก็ลุกขึ้นจากน้ำไปล้างตัว หลังสวมชุดที่ถูกจัดเตรียมมาเรียบร้อย ยาอุลกับเด็กรับใช้คนอื่นก็เข้ามาช่วยแต่งองค์ทรงเครื่องที่เหลือให้ ผ้าคาดเอวสีแดงสดถูกรัดเข้ารูป สายสร้อยที่ทำจากทองถูกคล้องตามมา ริบบิ้นสีเดียวกับผ้าคาดเอวถูกร้อยเข้ากับช่องเล็กตรงท่อนแขนก่อนผูกมัดเป็นโบว์
นาคิน เด็กรับใช้ประจำตัวผมอีกคนที่ตัวสูงกว่ายาอุลนิดหน่อยช่วยสวมถุงเท้าให้ ข้างๆ มีเด็กหูกระต่ายสีน้ำตาลอ่อนชื่อ ยูเซ รับช่วงต่อสวมรองเท้าหนังหุ้มข้อให้ผมอีกที ส่วนผมที่เริ่มยาวลงมาประบ่ามีเด็กน้อยหูสีดำนาม เมโช ช่วยหวีให้ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ยาอุลจึงกางเสื้อคลุมไหล่สีน้ำตาลอ่อนที่ทำจากหนังจิ้งจอกให้ผมสวมใส่เป็นการปิดท้าย จัดเต็มขนาดนี้ไม่รู้เจ้าเพื่อนตัวดีมีแผนจะเซอร์ไพรส์อะไรผม
แค่ทุกวันนี้ชีวิตกูยังเซอร์ไพรส์ไม่พอใช่ไหมมึง...
ว่าแต่เจ้าม่วงของผมหายตัวไปไหน ตั้งแต่ตื่นมาผมลองเรียกเขาดูหลายครั้งแต่อีกฝ่ายไม่ตอบกลับมาเลย พอถามยาอุลกับเด็กรับใช้คนอื่นๆ ก็ต่างพากันส่ายหัวไม่รู้กันหมด
จำได้ว่าก่อนผมจะหลับไป เชอเชสดูเคร่งเครียดกว่าที่เคยเป็น ทั้งคำสัญญาที่แม้จะดูเลือนรางแต่ตัวผมกลับจำได้ดี...
ไม่ใช่ว่าตอนนี้กำลังโทษตัวเองอยู่หรอกนะ?
“อ้าว เสร็จแล้วหรอ รอแป๊บๆ อีกสองคนก็เสร็จแล้ว”
เพื่อนธาที่วุ่นวายกับการจับเด็กน้อยล้างหน้าล้างตาหันมาบอกผม ตัวมันเปียกโชกไปครึ่งตัว อีกครึ่งก็เละเทะไม่แพ้กัน สงสัยตัวมันคงได้อาบน้ำใหม่เป็นคนสุดท้าย
“พระชายา!” เจ้าตัวเล็กที่มีใบหูกับพวงหางแบบหมาป่าวิ่งโร่เข้ามาเกาะแข้งเกาะขาผมเป็นการใหญ่ แต่ละคนใส่ชุดสีสันสดใส เป็นชุดยูกาตะแบบสั้นที่คลุมทับด้วยเสื้อหนังสัตว์กันหนาว รองเท้าหนังหุ้มข้อ โคตรของโคตรน่ารักน่าฟัด ผมเลยย่อตัวลง ถามชื่อเรียงคน ซึ่งเด็กน้อยทั้งหลายต่างแย่งกันบอกเสียงเจี๊ยวจ๊าว เล่นเอาผมฟังไม่ทันเลยทีเดียว
“แล้วเราล่ะ?” ผมถามคนสุดท้ายที่เอาแต่เกาะแขนผมลูกเดียวไม่พูดไม่จา เจ้าตัวเล็กนี่มีผมสีขาว ดวงตาสีม่วงใส ทำให้ผมนึกถึงลูกหมาป่าตัวจ้อยที่ไอ้ธาปล่อยให้เลียหน้าผมซะเปียกในตอนนั้น
จะใช่ตัวเดียวกับที่กล้าเห่าอสูรหมื่นราตรีตัวนั้นรึเปล่านะ?
“ตัวข้านั้นไร้นาม แต่พี่น้องเรียกข้าว่าเจ้าขาว” เด็กน้อยพูดแล้วก็กอดซบมือผมไม่ปล่อย ว่าแต่...เจ้าขาวนั่นมันใช่ชื่อที่ไหน
“ถ้าอย่างนั้น...ให้ผมตั้งชื่อให้เอาไหม?”
เจ้าตัวน้อยตาเป็นประกาย มองหน้าผมด้วยรอยยิ้มกว้างที่สดใสเหมือนดวงตะวัน “จริงหรือขอรับ!?”
“เอ๋ ขี้โกง~” หมาป่าตัวน้อยคนอื่นๆ พร้อมใจกันพูดเป็นเสียงเดียวกัน
“ชิโรอิ ดีมั้ย?”
ผมนึกถึงชื่อขนมญี่ปุ่นที่ชอบกิน เป็นคุกกี้วานิลลาสอดไส้ไวท์ช็อคโกแลตที่โคตรอร่อย กินทีแทบบินได้ เวลาไอ้ธาบินไปเที่ยวญี่ปุ่นกับที่บ้านก็มักจะซื้อสิ่งนี้มาเป็นของฝาก จะว่าไปก็เป็นเพราะมันซื้อมาฝากนี่ล่ะ ผมถึงได้คลั่งขนมชนิดนี้ซะจนต้องเจียดค่าขนมทุกเดือนไปซื้อกินให้หายอยาก พูดไปแล้วก็อยากกินแฮะ ไว้กลับไทยได้เมื่อไหร่จะไปซื้อกินเป็นอันดับแรกเลย
“ดีขอรับพระชายา!” ชิโรอิตัวน้อยตอบรับเสียงใส ท่าทางดีใจมากกับชื่อใหม่ที่ได้รับ ผมจึงลูบหัวเขาไปด้วยความเอ็นดู จากนั้นก็เริ่มเสี้ยมสอน(?)ทันที
“ไม่ใช่พระชายา ไหนเรียก ‘พี่ชาย’ ซิ”
“พี่ชาย~”
เด็กทั้งหมดประสานเสียงเรียกผมเป็นเสียงเดียวกัน ดาเมจคูณยี่สิบสี่ ไอ้วีแทบฟินตาย
นะ...น่าร๊ากกกก
“ก๊ากกกกก ฮ่าๆๆๆ พี่ชาย...พี่ชายว่ะเฮ้ย!”
เจ้าเพื่อนบ้าของผมที่เพิ่งอาบน้ำให้เด็กหมาป่าอีกสองคนเสร็จปล่อยเสียงฮาก๊ากออกมาแบบไม่สำรวมมารยาทเลยสักนิด ให้คนที่เสี้ยมเด็กเรียกว่า ‘พี่ชาย’ แบบผมหน้าม้านไปวูบหนึ่ง ก่อนลุกขึ้นไปไล่เตะไอ้คนที่ตัวเปียกไม่ต่างจากลูกหมาตกน้ำให้เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อใหม่ซะให้เรียบร้อย ไอ้ธายังฮาผมต่ออีกนิดก่อนจะยกมือยอมแพ้หมุนตัวไปอาบน้ำดีๆ เมื่อเห็นผมหน้างอเป็นม้าหมากรุก
ไม่ถึงสิบนาทีดี คนที่อาบน้ำเร็วเป็นประจำก็โผล่หัวออกมาพร้อมกับชุดสีขาวสะอาดของว่าที่เทพกระต่าย มันสวมเสื้อคลุมสีขาวยาวกรอมเท้ากันหนาว ทั้งตัวเลยดูสว่างไสวให้กลิ่นอายบริสุทธิ์ดุจเทพทั้งที่ตัวจริงแม่งเกรียนยิ่งกว่าใคร
มันพาผมเดินนำขบวนเด็กหมาป่าตัวจ้อยให้ไปตามทางที่มุ่งสู่สวนใหญ่หลังปราสาท ข้างหลังมีองครักษ์ของนาเทลเดินตาม เห็นว่าเจ้าชายลำดับสองสั่งให้ตามอารักขาเพื่อนผมนับตั้งแต่กลับมาจากอาณาจักรเงาจันทร์ เป็นห่วงเป็นใยกันดีจนน่าแซววันละหลายๆ รอบ ติดก็แต่ฝั่งนั้นสถานะความสัมพันธ์ยังคลุมเครือ ต่างจากผมที่กำลังจะเข้าสู่พิธีอภิเษกในอีกสองเดือนข้างหน้า ลองกล้าแซวไอ้ธามันดูสิ ผมคงโดนมันเล่นกลับแบบไม่ได้ผุดได้เกิดกันเลยทีนี้ เพราะงั้นเงียบปากเอาไว้ก่อนดีกว่า ไว้รอแซะทีเดียวเมื่ออะไรๆ มันชัดเจน(?)
“เดี๋ยวก่อนๆๆ มึงต้องผูกนี่ปิดตาด้วย” ไอ้ธาพูดขึ้นก่อนที่เราจะเดินผ่านหัวมุมโค้งสุดท้าย มันยื่นผ้าผืนยาวสีแดงสดใสมาให้ ถึงจะสงสัยว่าทำไมต้องทำอะไรให้ดูยุ่งยาก แต่พอมันลากเสียงยาวว่า เซอร์ไพรส์~ ผมถึงยอมปิดตาแต่โดยดี
นานๆ ทีถูกเซอร์ไพรส์จากคนที่เรารักก็เป็นอะไรที่ดีเหมือนกัน
“พี่ชาย จับมือข้าไว้นะขอรับ” เสียงเจ้าตัวน้อยสีขาวดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือเล็กที่สอดเข้ามากุมมือผมไว้ ผมยิ้มให้เขาที่คงยิ้มให้ผมอยู่เหมือนกัน ก่อนออกเดินตามเจ้าตัวเล็กด้วยจังหวะที่ไม่ช้าไม่เร็วจนเกินไป
สายลมที่หอบพัดเอากลิ่นดอกไม้เข้ามาปะทะจมูกทำให้อารมณ์ผมแจ่มใสขึ้นหลายระดับ เสียงไอ้ธากับเด็กคนอื่นๆ เงียบไปนานแล้ว มือเล็กที่จับมือผมไว้ก็ผละจากไปแล้วจนผมได้แต่ยืนเคว้งอยู่ลำพัง ไม่รู้จะแกะผ้าปิดตาออกได้ยัง แต่ไอ้ธายังไม่บอกให้เปิดซะหน่อย ก็ต้องปิดต่อไปงี้เหรอ?
ผมยืนหันหน้าไปมาเหมือนคนทำตัวไม่ถูก ก่อนสัมผัสได้ว่ามีใครมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า เขารวบตัวผมเข้าไปกอดจนร่างผมจมหายเข้าไปในวงแขนของเขา
กลิ่นนี้...สัมผัสนี้...
“เชอเชส?”
เขาไม่ตอบสิ่งใดแต่ผมมั่นใจว่าใช่แน่ เสียงหัวใจที่เต้นเป็นท่วงทำนองหนักแน่นทำให้ผมรู้สึกดีไม่น้อยที่ตกอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนนี้
เจ้าม่วงผละออกเล็กน้อย ก่อนทำบางสิ่งที่ทำให้ผมเบิกตากว้างแม้จะถูกปิดตาอยู่
เขาจูบผม
จูบที่เบาบางอ่อนโยน ประทับไว้เพียงภายนอกไม่ได้รุกล้ำเข้ามาแต่อย่างใด น่าแปลกที่ผมไม่รู้สึกรังเกียจเลยสักนิด ก่อนสะดุ้งเบาๆ เมื่อลิ้นหยุ่นร้อนไล่แตะตามริมฝีปาก
ผมเริ่มดิ้น เมื่อนึกขึ้นได้ว่าไอ้ธากับคนอื่นๆ อาจอยู่แถวนี้ เจ้าม่วงที่อ่านใจผมอยู่เป็นนิจเลยเอ่ยคำพูดชิดติดริมฝีปาก
“อย่าได้กังวลไปเลยครับ ที่นี่มีเพียงแค่ ‘เรา’ ”
จากนั้นริมฝีปากอุ่นก็ประทับกลับลงมาอีกรอบ ครั้งนี้ผมยอมผ่อนคลายตัวเองลง ยอมรับการรุกรานจากอีกคนที่ดำเนินไปอย่างทะนุถนอมผมเป็นที่สุด
“อ..อืม...เช..อ..เช..ส....” ผมเริ่มหอบหายใจติดขัด เมื่อการจูบครั้งนี้ดำเนินยาวนานกว่าที่คิด แขนแกร่งรวบเอวผมเข้าหาตัว มือหนึ่งเชยคางผมขึ้นให้รับจูบที่หนักหน่วงยิ่งกว่าครั้งไหน เขาไม่ปล่อยให้ผมหายใจ จนผมต้องเรียนรู้วิธีที่จะหายใจด้วยตัวเองไม่งั้นคงได้ขาดอากาศหายใจตายไปซะก่อน
“ทำไมถึงยอมให้ข้าจูบแต่โดยดีครับ?” เขายอมผละออก เกี่ยวชายผ้าปิดตาลงให้ผมสบเข้ากับดวงตาสีม่วงเทาของเขา
ผมนิ่งคิด ก่อนเผยรอยยิ้มออกมา “นั่นสินะ... ถือว่าเป็นรางวัลให้กับเจ้าชายแถวนี้ที่คอยดูแลผมแล้วกัน” พูดแล้วก็ต้องขำออกมาเมื่อกระต่ายแถวนี้เก็บหูเก็บหางไม่มิด หน้างี้แดงจัดแต่ยังเก๊กท่าขรึมอยู่นั่นอ่ะ
อันที่จริงผมยังแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันที่ยอมให้เจ้าม่วงจูบผมแต่โดยดี ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมยังโวยวายลั่นป่าอยู่เลยที่ถูกอีกฝ่ายจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว
ทว่าคราวนี้กลับผิดกัน หัวใจผมรู้สึกโหยหาเจ้าม่วงอย่างบอกไม่ถูกนับตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมา พอไม่เห็นแม้แต่เงาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าหายไปไหน พอเรียกไม่ตอบก็รู้สึกร้อนรนขึ้นมาจนต้องถามหาเอากับคนอื่น เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองติดเจ้าม่วงไม่น้อยก็ตอนนั้น เพราะงั้นตอนที่อีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้น และโอบกอดผมเอาไว้ ...มันทำให้ผมดีใจ และเผลอโอนอ่อนผ่อนตามไปกับรสจูบที่เขามอบให้
“ข้ารักท่าน”
คำสารภาพที่ไม่คิดว่าจะได้ยินดังออกมาจากปากของเจ้าชายลำดับสามแห่งราชวงศ์แสงจันทร์
เขาจับจ้องผมด้วยสายตาจริงจัง ไร้ซึ่งแววล้อเล่น เป็นความรู้สึกที่หนักแน่นจนใบหน้าผมเห่อร้อนขึ้นมาจนสัมผัสได้
“ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่หัวใจข้าไม่เคยโกหก” เขาจับมือผมให้แนบลงบนหน้าอกข้างซ้ายที่มันเต้นรัวเร็ว อาจจะพอๆ กับหัวใจของผมที่ตอนนี้แม่งแทบจะเต้นแร็พได้
“ข้าห่วงท่าน ข้าหวงท่าน ยิ่งได้เห็นท่านบาดเจ็บต่อหน้าโดยที่ข้าไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากมอง...มันทำให้ข้าเจ็บปวดยิ่งกว่าถูกแทงด้วยมีดกริชนับร้อยเสียอีก” ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของผมสะท้านไปกับคำพูดจริงจังที่โคตรเวอร์ประโยคนั้น
น...นี่มันอะไรกัน ทำไมผมถึงหวั่นไหวไปกับคำพูดพวกนี้ได้นะ
หัวใจเอ๋ย สงบสิ บางทีแกก็เต้นดังเกินไปแล้ว!
เชอเชสยิ้ม เขายกมือขึ้นแตะข้างแก้มของผมที่เห่อร้อนไปหมด ไม่ต้องส่องกระจกก็พอเดาได้ว่ามันขึ้นสีเป็นสีอะไร คงใช่สีเขียวหรอกเวลาอย่างนี้!
“ความจริงใจของข้า...ข้าอยากให้ท่านได้รับรู้เอาไว้”
เจ้าชายแห่งดวงจันทร์คุกเข่าลงตรงหน้าผม เอาหน้าผากแนบเข้ากับหลังมือเช่นเดียวกับยามที่ผมเลือกเขาเป็นรัชทายาทแห่งดวงจันทร์ ฉากหลังเป็นสวนดอกไม้ที่ช่วยโหมให้บรรยากาศหอมหวานยิ่งดูน่าจดจำ
ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้หญิงที่กำลังจะถูกคนรักขอแต่งงานเลยวะ
เชอเชสประทับจูบลงบนหลังมือของผม ช้อนตาขึ้นมองด้วยดวงตาคมกริบที่ติดเจ้าเล่ห์หน่อยๆ(?)
“ท่านเดาได้เก่งนัก”
หัวใจของผมแทบเด้งออกมาจากอก ทายเล่นๆ แม่งเสือกฟลุ๊คถูกซะงั้น!?
“เอาจริงดิ?”
“ข้าเคยหลอกท่านเล่นหรือ?”
ก็ดูจะบ่อยอยู่นะ...
เจ้าตัวหลุดขำออกมาจนผมเผลอยิ้มตาม บรรยากาศสบายๆ ถูกเข้ามาแทนที่ จนผมคิดไม่ออกเลยว่าเมื่อกี้เราไปเล่นบทหวานกันได้ยังไง หรือผมจะยังอึนจากอาการเสียเลือดไม่หายเลยเผลอปล่อยตัวไปนะ?
“เผลอบ่อยๆ ก็ดีนะครับ”
“เดี๋ยวเจอทุบ” ผมกำหมัดขู่เขา ซึ่งเจ้าม่วงก็ดูกลัวมาก เขาหัวเราะในลำคอ ก่อนยืดกายขึ้นสูงเต็มสัดส่วน
มือใหญ่ยื่นออกมาตรงหน้า บังเกิดเป็นแสงสีม่วงสว่างสดใสที่ร้อยรัดเป็นวง เผยให้เห็นวงแหวนสีเหลืองทองที่ประดับด้วยอัญมณีสีม่วงเหมือนสีตาของคนตรงหน้า
“ข้ารู้ดีว่าการอภิเษกของเราเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงมิได้ ทว่าข้าก็อยากทำทุกอย่างให้ถูกต้อง” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง จริงใจ จนผมไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้เลย
“ท่านวี...แต่งงานกับข้านะครับ”
เจ้าม่วงพูดกับผมขนาดนี้แล้ว คำตอบของผมจะเป็นอื่นได้อีกหรือนอกจาก...
“อื้อ...”
สิ้นเสียงตอบรับ วงแหวนเหนือฝ่ามือเจ้าม่วงก็พุ่งวาบเข้ามาในนิ้วนางข้างซ้ายของผม เชอเชสจับผมอุ้มขึ้นด้วยรอยยิ้มดีใจที่ทำให้ใบหน้าดวงนี้หล่อเหลาหนักกว่าเก่า ก่อนเสียงเฮจะดังขึ้นรอบทิศจนผมสะดุ้ง พลุหลากสีถูกจุดขึ้นฟ้าเป็นการเฉลิมฉลองที่ทำเอากูเซอร์ไพรส์ของจริง
ไอ้ชิบหาย อย่าบอกนะว่าฉากเมื่อกี้นี่เห็นกันหมดแล้วน่ะ!
“ไอ้วี ดีใจด้วยนะ ก๊ากกกกกกกกกก เพื่อนกูเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วเว้ยยยยยย”
ชัดเลยเสียงนี้ ตอบคำถาม(ในใจ)กูได้ในประโยคเดียวเลยครับ!
“พี่ชาย! ดีใจด้วยนะขอรับ ดีใจด้วยๆๆๆ” บรรดาน้องหมาจากอาณาจักรเงาจันทร์ต่างพากันเฮโรมาล้อมรอบพวกผมเป็นวง
เชอเชสยังอุ้มผมอยู่ด้วยรอยยิ้มกว้าง แต่กูนี่สิครับแทบจะสลบเหมือดอีกครั้งเมื่อเห็นนาเทล ซอโร ท่านทาคาลเดินตามเด็กพวกนี้ออกมา ตามด้วยคุณเชษฐ์ คุณตาณ พระราชา และบรรดาองครักษ์คนสนิทของพวกเจ้าชาย
โอยตาย กูตาย... ดูจากรอยยิ้มที่ติดมุมปากทุกคนแล้ว ชัดเลยว่าทั้ง ‘เห็น’ และ ‘ได้ยิน’ สิ่งที่เชอเชส ‘พูด’ และ ‘ทำ’ กับผมหมดแล้ว
เสียงแสดงความยินดีดังขึ้นรอบทิศ ทั้งกับผมและเชอเชสที่ยิ้มไม่หุบ ก่อนพลุกระดาษจะถูกดึงใส่พวกเราทั้งสองคน พร้อมกับประโยคหนึ่งที่ทำให้ผมเซอร์ไพรส์เป็นรอบที่สามของวัน
“สุขสันต์วันเกิดนะมึงงงงงงงงงงง”
“สุขสันต์วันเกิดน้าพี่ชาย~”
“สุขสันต์วันเกิดนะหนูวี”
“สุขสันต์วันเกิดนะวีวี่!”
“สุขสันต์วันเกิดนะขอรับ!”
วันเกิดของผมปีนี้...มีสิ่งที่น่าจดจำมากมายเหลือเกิน
“สุขสันต์วันเกิดนะครับ ท่านวี”
พ่อครับ แม่ครับ ขอบคุณที่ให้ผมเกิดมาเจอผู้คนที่อบอุ่นเหล่านี้นะครับ
----------------------------------------------------
เจ้าม่วงมันรุกละก๊าบบบบบบบบ นุ้งวีถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว 5555555
ความมุ้งมิ้งพุ่งกระจายทำดาเมจมากบทนี้ หวังว่าอ่านแล้วจะนอนหลับฝันดีกันนะก๊าาา