บทที่ 16
วันวาน
- Mek Time-
“ใครจะกินอะไรไหม เดี๋ยวเราออกไปซื้อให้ ”
“ พวกเรายังไม่หิวอ่ะ เมฆไปซื้อก่อนเถอะ ค่อยกลับมาทำต่อก็ได้ ”
“ อื้อ งั้นเดี๋ยวเราซื้อขนมมาฝากละกัน ”
“ จ้า รีบกลับมานะ งานจะได้เสร็จ ”
“ ครับผม ”
วันนี้เป็นอีกวันที่ผมต้องทำงานกลุ่มที่คณะ เพราะไม่อยากขนกลับไปทำที่ห้อง กลุ่มผมเลยตัดสินใจทำกันที่มหาลัยเนี่ยแหละ
พอออกมาที่หน้าคณะ ก็เห็นคนๆนึงวิ่งผ่านผมไป นั่นมันตะวันนี่นา
“ ตะวัน… อ้าว รีบไปไหนของเขานะ ” ผมตะโกนเรียกเขา แต่เขาดันวิ่งผ่านผมไปแล้วซะนี่ เอ๊ะจะไปไหนกันนะ ด้วยความสงสัยผมก็เลยตามเขาไป จนมาถึงที่หน้าคณะนิเทศ
มาทำอะไรที่นี่กันนะ ?
ผมมองหาตะวัน แล้วก็พบเขายืนหลบๆซ่อนๆอยู่หลังกำแพง ผมก็เลยกะจะเดินเข้าไปทักเขา แต่ดันมีคนเข้าไปทักตะวันซะก่อน ผมเลยยืนดูอยู่นานถึงได้รู้ว่าเขามาหานายเชนนั่นเอง
“ เรารักเชนนะ ไว้ใจเรานะเชน ”
“ ตะวัน ! เชนรักตะวันนะ ! ”
ภาพตรงหน้าที่ผมรู้สึกเจ็บ ผมคงมาช้าไปสำหรับเขาสินะ ผมคงช้าเกินไปที่ไม่ยอมบอกเขาให้เร็วกว่านี้ว่าผมเองก็รักเขาไม่แพ้คนอื่นเหมือนกัน ผมน่าจะทำตามเสียงหัวใจตัวเองตั้งแต่แรก ไม่น่ามัวแต่รอเวลาอยู่เลย
แล้วนี่ผมจะยังมีหวังในรักครั้งนี้ของผมอยู่ไหม…
“ อ้าวเมฆ! ไหนว่าจะไปหาอะไรกินไง ทำไมกลับมาเร็วจัง ”
“ เรา… เราไม่หิวแล้วอะ ทำงานกันต่อเถอะ ”
“ เมฆเป็นอะไรหรือเปล่า ? เห้ย ! ทำไมร้องไห้ล่ะเกิดอะไรขึ้น ”
“ หืม ร้อง? ” ผมเอามือแตะหน้าดูก็ถึงได้รู้ว่าน้ำตาผมมันไหลออกมาเองได้ยังไงก็ไม่รู้ “ บ้าเอ้ย ทำไมอยู่ดีๆก็ไหลออกมานะ ”
เพื่อนๆเมื่อเห็นผมน้ำตาไหลก็เข้ามาถามกันยกใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไรผม แต่ผมจะบอกพวกเขายังไงดีว่าจริงๆแล้วผมเนี่ยแหละที่ทำตัวเอง
แล้วผมก็นึกย้อนกลับไปเมื่อก่อนตอนที่ผมยังเด็ก
“ เมฆมาอยู่เป็นเพื่อนเราเมฆไม่เบื่อหรอ ทำไมไม่ไปเตะฟุตบอลกับคนอื่นๆล่ะ ? ” เด็กผู้ชายตัวเล็กถามผมในขณะที่เรานั่งเล่นกันอยู่ข้างสนามบอลในโรงเรียน
“ ไม่เบื่อหรอก ถ้าเราไปเตะบอลแล้วตะวันจะอยู่กับใครล่ะ ”
ผมกับตะวันอยู่ห้องเดียวกันตั้งแต่ตอนที่เขาย้ายเข้ามาใหม่ ตอนนั้นตะวันเป็นคนที่ค่อนข้างเงียบๆใครมาคุยด้วยก็ไม่ค่อยคุย แม้ในตอนแรกเขาเป็นที่สนใจของเด็กคนอื่นๆเพราะเป็นเด็กใหม่ แต่หลังจากเข้ามาไม่นานเขาเริ่มโดนหลายคนไม่ชอบขี้หน้า ด้วยเหตุผลไหนผมเองก็ไม่รู้ ผมเห็นเขาโดนแกล้งอยู่เป็นเดือนก่อนจะทำให้ผมทนไม่ได้และเข้าไปช่วยเขา นั่นเลยทำให้เด็กคนอื่นๆพลอยไม่ชอบผมไปด้วย
แต่นั่นกลับทำให้ผมสนิทกับเขามากขึ้น มันเลยทำให้ผมเห็นอีกมุมของเขาว่าเขาก็เป็นคนที่ร่าเริงและสดใสมากคนหนึ่ง
“ ขอบคุณนะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้เมฆอดสนุกกับคนอื่น ”
“ เพื่อนกัน ไม่เห็นต้องคิดมาก เมฆสบายจะตาย ขืนไปเล่นเดี๋ยวชุดเมฆก็เลอะแล้วแม่ก็บ่นอีก ” ผมตบบ่าเขาไม่ให้เขาคิดมาก “ แล้วนี่ตะวันไม่ชอบเล่นฟุตบอลหรอ ? เห็นไม่เคยเล่นเลย ”
“ เรากลัวลูกบอลอ่ะ ”
“ กลัว ? ”
“ ใช่ ก็เราเคยเล่นแล้วถูกเตะบอลอัดใส่หน้า ตั้งแต่นั้นเราก็ไม่กล้าเล่นอีกเลย ” เขานั่งนึกก่อนจะแสดงท่าทางแปลกๆ ท่าทางจะกลัวจริงๆ
“ ฮ่าๆๆๆๆๆ ”
“ ขำอะไรเมฆ ! มันเจ็บจริงๆนะไม่เชื่อลองไปโดนดิ ฟันเราโยกเลยตอนนั้น ” เขาหันมาตีผมเมื่อผมขำใส่เขา
“ ก็ขำเพราะเมฆนึกหน้าตะวันตอนโดนลูกบอลน่ะสิ ร้องไห้เลยสินะตอนนั้น ”
“ หึ ! ไม่ได้ร้องหรอก ”
“ อ้าว ! งั้นก็อึดเหมือนกันนี่ ”
“ เราสลบเลยต่างหาก แบบเนี้ย ” แล้วเขาก็แกล้งล้มลงไปกับพื้นแล้วทำท่าสลบให้ผมดู
“ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ”
“ ถ้าขำอีกทีจะโกรธแล้วนะ ” เขาผลักผมเบาๆ “ เลิกคบละเพื่อนแบบนี้ชอบซ้ำเติม ”
“ ฮ่าๆๆ อุ๊บ! อะไม่ขำแล้วก็ได้ ฮิฮิ ”
“ ดีมาก อย่างนี้ค่อยเป็นเพื่อนกันต่อได้ ” ตะวันยิ้มกว้าง ก่อนจะถามผมด้วยสีหน้าจริงจัง “ เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปใช่ไหม ? ”
ผมมองหน้าเขาก่อนจะตอบ “ แน่นอน ”
“ งั้นเกี่ยวก้อยสัญญาดิ ” เขาชูนิ้วก้อยขึ้นมาหน้าผม ผมเลยไปเกี่ยวนิ้วเขากลับ
“ สัญญาลูกผู้ชายเลย ”
แล้วเราก็หัวเราะให้กัน ก่อนที่ผมจะสังเกตเห็นลูกบอลที่พุ่งมาทางพวกผม
“ เฮ้ย ! ตะวันระวัง ” ผมดึงตัวเขาให้หลบลูก แต่ลูกมันกลับมากระแทกผมซะเอง จนผมล้มลงไปกับพื้น
“ เมฆ ! เป็นอะไรหรือเปล่า ” ตะวันเข้ามาเขย่าตัวผมเมื่อเห็นผมนอนนิ่ง ผมปล่อยให้เขาเขย่าตัวอยู่นานก่อนจะลืมตาขึ้นมา “ สลบแบบนี้หรือเปล่า ฮ่าๆๆๆ ”
จริงๆผมไม่ได้เป็นอะไรหรอกแค่อยากหยอกเขาเท่านั้นเอง พอเห็นหน้าซีดก็แอบรู้สึกผิดที่แกล้งเขา
“ เล่นบ้าอะไรเนี่ย ! เราตกใจหมด นิสัยไม่ดีว่ะ ”
“ เอ่อ…ขอโทษ ”
“ ที่หลังอย่าเล่นแบบนี้อีกนะ ใจหายหมด เข้าใจไหม! ” กลายเป็นเขาดุผมแทนแล้วตอนนี้
“ ง่า ไม่แกล้งแล้วๆ ”
แล้วคนที่เตะฟุตบอลมาทางพวกผมก็เดินมาเพื่อเอาลูกบอลคืน
“ เอาลูกบอลคืนมาอีตุ๊ด ” คนที่เป็นหัวโจกของห้อง พูดกับตะวันเมื่อตะวันถือลูกบอลไว้ในมือ
“ นี่ ขอโทษสักคำอะมีไหม ” ตะวันไม่ส่งคืนให้แถมยังต่อล้อต่อเถียงกับพวกนั้นกลับ
“ ทำไมต้องขอโทษ ก็พวกแกมานั่งตรงนี้เอง เป็นตุ๊ดก็ไปโดดยางกับพวกผู้หญิงนู่น มานั่งทำไมแถวสนามฟุตบอล ”
“ เราไม่ใช่ตุ๊ดนะ ! ” ตะวันดูเหมือนจะเริ่มโมโหแล้วที่ถูกว่าแบบนี้
“ ช่างเหอะตะวัน เมฆไม่เป็นไรหรอก คืนเขาไปเหอะ ” ผมพยายามดึงตัวเขาให้ออกมาเพราะไม่อยากให้เขาโดนแกล้งมากไปกว่านี้
“ เอาแต่ให้คนอื่นคอยปกป้อง แล้วจะบอกว่าไม่ใช่ตุ๊ดได้ไง อีตุ๊ดๆๆๆๆ ” หมอนั่นยังคงล้อเลียนตะวัน ก่อนจะแขวะผมบ้าง “ เมฆ แกก็เป็นตุ๊ดเหมือนกันหรอ ถึงคอยอยู่แต่กับไอ้นี่ หรือเป็นแฟนกัน? ”
“ จะว่าเราก็ว่าเราแค่คนเดียวจะว่าเมฆด้วยทำไม ไอ้บ้า! ไอ้อ้วน ! ”
“ หนอย ! เก่งนักหรอ ” ไอ้ยักษ์นั่นตรงเข้ามาจะหาเรื่องตะวัน แต่ยังไม่ทันจะถึงตัวก็ถูกบอลในมือตะวันปาใส่อย่างแรง
“ โอ๊ย ! ” หมอนั่นร้องขึ้นอย่างตกใจเหมือนถูกบอลปาอัดใส่ ก่อนจะถูกตะวันผลักให้ล้ม
“ ไปเหอะเมฆ ! ” แล้วตะวันก็จูงมือผมวิ่งหนีออกมา
นี่เป็นครั้งแรกเลยตั้งแต่รู้จักกันมาที่ผมเห็นเขาตอบโต้คนอื่น
“ แฮ่กๆ ตะวันหยุดก่อน พวกนั้นคงไม่ตามมาแล้ว ” ผมบอกให้เขาหยุดวิ่ง เพราะผมเริ่มหอบ และเมื่อหันไปดูก็ไม่มีใครตามมา
“ โอ๊ย เหนื่อย แฮ่กๆ ” ตะวันเองก็สภาพไม่ต่างจากผม
“ ฮู่ว! แล้วนี่ทำไมครั้งนี่ถึงสู้กลับเนี่ย ปกติเห็นใครว่าอะไรก็เดินหนีอย่างเดียว ”
“ ก็ครั้งนี้มันไม่เหมือนทุกครั้งนี่ ”
“ ไม่เหมือนยังไง ? ” ผมไม่เข้าใจกับสิ่งที่เขาพูด
“ ก็ทุกครั้งคนที่โดนมันคือเรา แต่ครั้งนี้เมฆเป็นคนเจ็บตัว แถมพวกนั้นยังมาว่าเมฆอีก เรายอมไม่ได้หรอก ” ตะวันพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
พอฟังอย่างนั้น ผมกลับ… รู้สึกดีแปลกๆ มันบอกไม่ถูก แต่ดีใจที่เขาเป็นห่วงผม
“ เก่งเหมือนกันนี่ อย่างนี้เมฆไม่ต้องคอยปกป้องแล้วมั้ง ฮ่าๆ ”
“ ก็บอกแล้วไงว่าดูแลตัวเองได้ แค่เป็นเพื่อนกับเราก็ดีใจมากแล้ว ”
“ จ้า พ่อคนเก่ง แล้วนี่เอาไงต่อดี กระเป๋าก็ยังอยู่ในโรงเรียนอยู่เลยนะ ” ผมถามเขาเพราะตอนนี้เราวิ่งออกมานอกโรงเรียน แต่ก็ไม่ไกลมาก
“ เดี๋ยวเราให้คนที่บ้านเข้าไปเอาให้ แล้วนี่เมฆจะกลับบ้านเลยไหม ? ” “ อื้อ ก็คงกลับเลยแหละ เดี๋ยวแม่เราก็คงมารับแล้ว เฮ้อ! กลับบ้านไปก็เบื่ออีก ” ผมมองดูนาฬิกาก็พบว่าใกล้ถึงเวลาที่แม่ผมจะมารับผมแล้ว
“ งั้น..ไปเล่นเกมส์ที่บ้านเราไหมล่ะ ? ”
“ หืม ? จะดีหรอ เราไม่อยากรบกวนที่บ้านตะวัน เดี๋ยวกลับดึกด้วยแม่เราคงไม่ให้หรอก ”
“ ก็ค้างบ้านเราเลยก็ได้ พรุ่งนี้วันหยุดอยู่แล้ว เดี๋ยวเราให้คุณแม่เราขอให้ก็ได้ ”
“ แต่ว่า… ”
“ นะๆๆ ไปเหอะ เราอยากมีเพื่อนเล่นเกมส์บ้าง ”
“ กะ..ก็ได้ ถ้าแม่เราให้นะ ”
“ เย้ ! ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราจัดการเอง ”
หลังจากนั้นตะวันก็ขอให้แม่เขาช่วยพูดกับแม่ของผม ซึ่งแม่ผมก็ยอมให้มา แต่มีข้อแม้คือให้ค้างแค่คืนเดียวเพราะวันอาทิตย์ผมต้องไปธุระกับที่บ้าน
“ สวัสดีครับ รบกวนด้วยนะครับคุณน้า ” ผมยกมือไหว้แม่ตะวันเมื่อมาถึงบ้านเขา
“ สวัสดีจ้ะ ได้ยินเรื่องของหนูจากตะวันบ่อยๆดีใจจังที่วันนี้ได้เจอ ” ท่านรับไหว้ผมด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น “ ไม่ต้องเรียกคุณน้าหรอก เรียกแม่ก็ได้จ้ะ คนกันเอง ”
“ ครับผมคุณแม่ ”
“ คุณแม่คร้าบ วันนี้มีอะไรกินมั่งตะวันหิวจังเลย ” ตะวันเข้าไปอ้อนแม่ของเขา หอมซ้ายทีขวาที
“ ไปดูเอาเองในครัวนะลูก พาเพื่อนไปกินเข้าไป เดี๋ยวแม่ทำงานก่อน ”
“ ครับผม ! เมฆมาเร็ว ” ตะวันกึ่งดึงกึ่งลากผมให้เข้าไปในครัว
พอกินข้าวทำอะไรเสร็จเราก็เล่นเกมส์กัน ซึ่งผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเขาจะเล่นเกมส์เก่งขนาดนี้ แข่งกันมาทุกตา ผมไม่ชนะเลยสักตา แอบเสียเซลฟ์เบาๆ ผมไม่เคยแพ้ใครมาก่อนเลยนะ TT
“ แพ้อีกล่ะ! ตะวันโกงเราปะเนี่ย ”
“ บ้า เมฆอ่อนเองต่างหาก เราโกงตรงไหน ” ได้ทีหมอนี่ก็ทำหน้าเหนือใส่ผมยกใหญ่
“ โด่วงั้นเปลี่ยนเกมส์เลย เลยวินนิ่งดิ ”
“ เสียใจด้วย เราไม่ชอบฟุตบอล เราไม่ซื้อมาหรอกเกมส์วินนิ่งอะ ฮ่าๆๆ ”
“ ชิ ! ”
ในขณะที่เรากำลังเล่นกันเพลินๆจนลืมดูเวลา แม่ตะวันก็เปิดประตูเข้ามา ไล่พวกเราไปนอน
“ นอนได้แล้วนะเด็กๆ ดึกแล้ว ”
“ แต่คุณแม่ครับ พรุ่งนี้วันหยุดนะ ขอเล่นต่ออีกหน่อยไม่ได้หรอครับ ”
“ ไม่ได้ลูก อย่าดื้อสิ ไม่งั้นคราวหลังแม่ไม่ให้พาเพื่อนมาบ้านแล้วนะ ”
“ ก็ได้ครับ…. ” ตะวันหงอยไปนิดนึง แม่เขาเลยเข้ามากอด “ แม่รักลูกนะ ฝันดีครับคนเก่งของแม่ ”
“ ตะวันก็รักคุณแม่ครับ ” ตะวันกอดพร้อมหอมแม่เขาอีกครั้ง
“ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่ทำของอร่อยๆให้กินนะ ” ท่านลูบหัวตะวันอย่างเอ็นดูก่อนจะหันมาพูดกับผม “ ฝันดีนะครับเมฆ ”
“ ฝันดีครับคุณน้า..เอ่อ ฝันดีครับคุณแม่ ”
“ ปะเมฆ นอนกันเถอะ ”
“ อื้อ ”
แต่ถึงจะปิดไฟแล้วเราก็ยังนอนคุยกันต่อ โดยไม่ได้คิดจะนอนจริงๆ ผมเองก็พึ่งจะได้มานอนค้างบ้านเพื่อนเป็นครั้งแรก ตะวันเองก็เหมือนกัน
“ แล้ววันอาทิตย์เมฆต้องไปไหนกับที่บ้านหรอ ไปเที่ยวสินะ ”
“ เปล่าหรอก เราต้องไปธุระกับที่บ้านอะ ”
“ อ๋อนึกว่าไปเที่ยวซะอีก ” ตะวันยังคงหาเรื่องคุยไม่หยุด และไม่มีที่ท่าว่าจะง่วง “ เฮ้อ ! เดี๋ยวก็ต้องขึ้นม.1แล้ว ไม่รู้ว่าจะยังได้อยู่ด้วยกันไหมเนอะ ”
“ …… ”
“ อ้าวทำไมเงียบละเมฆ ง่วงแล้วหรอ ”
“ เปล่าหรอกยังไม่ง่วง นี่..ตะวัน ”
“ หืม ? ว่าไงเมฆ ”
ผมตัดสินใจอยู่นานว่าจะพูดเรื่องนี้ดีไหม แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะพูด “ พอจบปีนี้แล้วเราคงไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วนะ เราต้องย้ายไปอยู่ที่เชียงใหม่ ”
“ …… ”
จริงๆผมรู้มาสักพักแล้วว่าต้องย้ายไปอยู่ที่เชียงใหม่ เพราะด้วยความจำเป็นบางอย่าง แต่ผมยังไม่มีโอกาสได้บอกกับตะวันสักที
“ เพราะงั้นเราคงไม่ได้อยู่กับตะวันหรอกนะ จริงๆเราก็ไม่อยากไปหรอก ”
“ งั้นก็ไม่ต้องไปสิ ก็อยู่กับเราก็ได้ แม่เราไม่ว่าหรอก เดี๋ยวเราไปขอแม่เมฆให้ด้วยก็ได้ ”
“ มันไม่ได้น่ะสิตะวัน เอาน่าเราไม่ได้ไปแล้วไปเลยสักหน่อย เดี๋ยวเราจะขอให้ที่บ้านมาหาตะวันบ่อยๆนะ ”
“ อื้ม ” ผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เพราะอยู่ดีๆเขาก็หันหน้าไปทางอื่นซะงั้น “ นอนเถอะ เราง่วงแล้ว ”
“ งั้น….ฝันดีนะตะวัน ”
พอผมหันไปอีกฝั่งเคลิ้มๆจะหลับ ก็รู้สึกถึงสัมผัสจากคนข้างๆที่เข้ามากอด
ตึก ๆ ตึกๆ ! อยู่ดีใจผมก็เต้นแรงแบบไม่มีสาเหตุ
“ เราเข้าใจแล้ว..อย่าลืมเรานะเมฆ เมฆเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเราเลยนะ ”
ผมนิ่งก่อนจะหันไปกอดเขาเหมือนกัน
“ แน่นอน ตะวันก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเราเหมือนกัน ”
ผมตกอยู่ในภวังค์ของตัวเองอยู่นาน พอคิดถึงเรื่องเก่าๆแล้ว ตอนนั้นผมน่าจะรู้เร็วกว่านี้ว่าคำว่ารักคืออะไร ผมรักตะวัน ไม่ใช่รักแค่แบบเพื่อน แต่ผมอยากอยู่ข้างๆเขา อยากดูแลเขา อยากมีความสุขร่วมกับเขา
งั้นผมจะยอมแพ้อย่างนี้ไม่ได้สินะ ! แต่ก็ยังแอบเฮิร์ทกับภาพที่พึ่งเห็นมาอยู่ดีอ่ะ TT
“ เมฆโอเคขึ้นยัง ”
“ อื้อ..แต่เซ็งอะ อยากกินเหล้า ”
ผมอยากกินจริงๆนะ เพื่อบางทีเมาแล้วผมจะได้ไม่ต้องคิดมาก
“ เอางั้นหรอ ? งั้นก็ไป ไม่ต้องทำงานละวันนี้ เท ” บี ที่เป็นเพื่อนในกลุ่มผมตัดสินใจอย่างรวดเร็ว “ ไปๆพวกเราเก็บของ เดี๋ยวโต๊ะเต็ม ! ”
“ รับทราบ ! ” ทุกคนตอบรับอย่างพร้อมเพรียงก่อนจะแยกย้ายไปเก็บของ
เมื่อมาถึงร้านผมก็ซัดเต็มที่จนรู้สึกเริ่มมึนๆ พอยิ่งกินผมกลับยิ่งคิดถึงตะวัน ผมจ้องโทรศัพท์อยู่นานก่อนจะตัดสินใจโทรหาเขา
“ ฮัลโหล ว่าไงเมฆ ” ตะวันรับสายผมเสียงเพลียๆ สงสัยจะซ้อมมาเหนื่อย
“ เลิกซ้อมยังตะวัน ”
“ พึ่งเลิกเลยเนี่ย เมฆมีอะไรหรือเปล่า ? ”
“ไม่มีอะไรหรอก เมฆแค่..เอ่อ…เมฆจะชวนมาเที่ยวด้วยกันเฉยๆ ”
“ อ้าว ! นี่ไปร้านเหล้าหรอ งานเสร็จแล้วหรือไง ? ”
“ ยัง แต่อยากมา แล้วตะวันมาไหมล่ะ ”
“ ไม่ไปอ่ะ เดี๋ยวเราไปกินข้าวกับเชนต่อ นี่กำลังรอเชนมารับ เมฆเที่ยวไปเถอะ ”
“ อ๋อ…งั้นหรอ อืมๆไม่เป็นไรงั้นแค่นี้นะ ”
“ อื้อ ถ้ากลับไม่ไหวก็โทรมานะ เดี๋ยวไปรับ ”
“ ครับ.. ”
เฮอะ ! อยู่กับนายเชนอีกแล้ว ก็เขาเป็นแฟนกันนี่เนอะ ทำไงได้ล่ะ
ยิ่งคิดยิ่งเซ็งหนัก หงุดหงิดโว้ย!
“ เมฆๆ เบาหน่อย แดกเป็นน้ำเปล่าเชียวนะ มันเปลือง ! ”
“ ชงมาเข้มๆเลยก้อง ใส่ครึ่งแก้วไปเลย ! ไม่พอเดี๋ยวจ่ายเอง ”
“ เอางั้นหรอ =_= ” ก้องทำหน้าขยาดเมื่อเห็นผมกระดกเอาๆ “ ใจเย็นนะเมฆ เราเห็นแล้วบาดคอแทน ”
“ เอาเหอะน่า อยากเมา เอามานี่ เดี๋ยวเทเอง ” เมื่อเพื่อนยึกยักไม่ยอมเทให้ ผมเลยจัดการเองซะเลย
“ เอาว่ะ สงสัยจะเฮิร์ท อาการแบบนี้ ” บีแซวขึ้นมา เมื่อเห็นอาการผม
ใช่สิ เฮิร์ท ! T_T
แล้วงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา พอร้านปิดผมก็เลยต้องกลับ แต่สภาพผมตอนนี้โครตมึนเลย โทรหาตะวันก็ไม่รับ ไหนบอกจะมารับไง เฮ้อ..
พอเข้าห้องมาก็พบว่าตะวันยังไม่กลับมา ไปกินข้าวหรือไปกินอะไรกันแน่ ดึกขนาดนี้ยังไม่อิ่มอีกหรือไง
ผมรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าที่เคยเป็น อาจเพราะฤทธิ์แอลกอฮอร์ด้วยที่ทำให้เป็นแบบนี้ ผมเลยเปิดลิ้นชักหยิบบุหรี่ออกมามวนนึงเพื่ออกไปสูบที่ระเบียง จริงๆผมไม่ค่อยดูหรอก ถ้าไม่เซ็งมากจริงๆ
ขณะที่กำลังคิดไรเรื่อยเปื่อยก็เห็นตะวันเดินจับมือกับนายเชนเข้าหอมาพอดี ผมก็เลยดับบุหรี่แล้วไปนั่งรอเขาในห้อง
“ อ้าวเมฆ กลับมาแล้วหรอ ว่าจะโทรหาพอดีว่าถึงห้องยัง ” ตะวันเข้าห้องมาแล้วก็เดินไปเก็บของที่โต๊ะของเขา
“ ทำไมกินตะวันกลับดึกจัง หึ กินข้าวหรือกินอะไรกันแน่ ”
“ ก็กินข้าวสิ ไม่กินข้าวจะให้เรากินอะไร คนมันเยอะก็เลยดึก ” เขานั่งเขียนอะไรไม่รู้ที่โต๊ะ โดยไม่ได้หันหน้ามาคุยกับผม
“ ไหนบอกจะมารับเมฆไง โทรไปไม่เห็นรับ ”
“ เราไม่ได้ยินอะ ”
“ ไม่ได้ยินหรือไม่อยากรับกันแน่ ! ”
“ นี่เมฆเป็นอะไรของเมฆเนี่ย เราไม่ได้ยินจริงๆนี่นา ” เขาหันมาพูดกับผมแล้วตอนนี้
“ โกหก ! ”
“ โว้ย ! ตามใจ ถ้าเมาก็ไปอาบน้ำนอน มาหาเรื่องเราทำไมเนี่ย เซ็งว่ะ ไม่อยู่ละงั้น ” พูดเสร็จตะวันก็เดินไปที่ประตู ผมไม่รู้ว่าเขาจะไปไหนก็เลยรีบไปดึงเขาแล้วกอดเขาไว้
“ จะไปไหนอ่ะ จะไปหาเชนหรอ ไม่ไปได้ไหม ” ผมห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้แล้วก็เลยปล่อยตัวเองไปตามความคิด
“ เมฆปล่อยเรานะ ” เขาพยายามดิ้นให้หลุด “ นี่เมฆสูบบุหรี่ด้วยหรอ ”
“ ตอบก่อนจะไปไหน เมฆไม่ให้ไป ไม่เอา! ”
“ เมฆ ! มีสติหน่อย เป็นบ้าอะไรเนี่ย ”
“ เออ ! เมฆเป็นบ้า ก็เป็นบ้าเพราะตะวันเนี่ยแหละ ”
“ เราไปทำอะไรให้ ” เขายิ่งดิ้นเมื่อผมกอดเขาแน่นขึ้น “ โอ๊ย! ปล่อย ”
เขาเอาศอกกระแทกเข้าที่ท้องผมอย่างแรงจนผมเซล้มไปที่พื้น
“ เมฆ ! เป็นอะไรหรือเปล่า เราขอโทษ ” เขารีบเข้ามาดูเมื่อเห็นผมล้มลงไป “ เจ็บมากไหม อุ๊บ ! ”
เขายังไม่ทันพูดอะไรจบก็ถูกปิดปากด้วยริมฝีปากผม เขานิ่งไปด้วยความตกใจก่อนจะผลักผมออกอีกครั้ง
“ เมฆทำอะไรอยู่รู้ตัวหรือเปล่าเนี่ย ! ”
“ รู้สิ ! เมฆรู้ดีว่าเมฆกำลังทำอะไรอยู่ ”ผมพูดก่อนจะเหวี่ยงเขาขึ้นไปบนเตียงแล้วคร่อมเขา
“ เมฆก็กำลังทำให้ตะวันเป็นของเมฆไง ! ”
คำคมท้ายบท : If you love someone, be brave enough to tell them,
otherwise, be brave enough to watch them be loved
by someone else.
( หากคุณรักใครสักคน คุณมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง คือ หนึ่ง จงเข้มแข็งพอที่จะบอกเขา
หรือสอง จงเข้มแข็งพอที่จะมองเขารักกับคนอื่น )
-TBC-
ของมึนเมาอาจทำให้เราขาดสติขาดความยับยั้งชั่งใจ แต่เมฆคงอดทนต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ -..- ยังไงก็มารอดูกันนะครับว่าตะวันของเราจะโดนแค่จูบหรือเปล่า อิอิ เจอกันตอนหน้าจ้าออเจ้า