My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 18 เคลียร์ [ 30/03/61 ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 18 เคลียร์ [ 30/03/61 ]  (อ่าน 8287 ครั้ง)

ออฟไลน์ violetvista

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอตอนต่อไปนะ อิจฉาตะวันจัง เชนน่ารัก :ling1:

ออฟไลน์ ฺBluemoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บทที่ 16
วันวาน

- Mek Time-

   “ใครจะกินอะไรไหม เดี๋ยวเราออกไปซื้อให้ ”
   “ พวกเรายังไม่หิวอ่ะ เมฆไปซื้อก่อนเถอะ ค่อยกลับมาทำต่อก็ได้ ”
    “ อื้อ งั้นเดี๋ยวเราซื้อขนมมาฝากละกัน ”
   “ จ้า รีบกลับมานะ งานจะได้เสร็จ ”
   “ ครับผม ”
   วันนี้เป็นอีกวันที่ผมต้องทำงานกลุ่มที่คณะ เพราะไม่อยากขนกลับไปทำที่ห้อง กลุ่มผมเลยตัดสินใจทำกันที่มหาลัยเนี่ยแหละ
   พอออกมาที่หน้าคณะ ก็เห็นคนๆนึงวิ่งผ่านผมไป นั่นมันตะวันนี่นา
   “ ตะวัน… อ้าว รีบไปไหนของเขานะ ” ผมตะโกนเรียกเขา แต่เขาดันวิ่งผ่านผมไปแล้วซะนี่ เอ๊ะจะไปไหนกันนะ ด้วยความสงสัยผมก็เลยตามเขาไป จนมาถึงที่หน้าคณะนิเทศ
   มาทำอะไรที่นี่กันนะ ?

   ผมมองหาตะวัน แล้วก็พบเขายืนหลบๆซ่อนๆอยู่หลังกำแพง ผมก็เลยกะจะเดินเข้าไปทักเขา แต่ดันมีคนเข้าไปทักตะวันซะก่อน ผมเลยยืนดูอยู่นานถึงได้รู้ว่าเขามาหานายเชนนั่นเอง
      
   “ เรารักเชนนะ ไว้ใจเรานะเชน ”
   “ ตะวัน ! เชนรักตะวันนะ ! ”
   
   ภาพตรงหน้าที่ผมรู้สึกเจ็บ ผมคงมาช้าไปสำหรับเขาสินะ ผมคงช้าเกินไปที่ไม่ยอมบอกเขาให้เร็วกว่านี้ว่าผมเองก็รักเขาไม่แพ้คนอื่นเหมือนกัน ผมน่าจะทำตามเสียงหัวใจตัวเองตั้งแต่แรก ไม่น่ามัวแต่รอเวลาอยู่เลย
   แล้วนี่ผมจะยังมีหวังในรักครั้งนี้ของผมอยู่ไหม…
   
   “ อ้าวเมฆ! ไหนว่าจะไปหาอะไรกินไง ทำไมกลับมาเร็วจัง ”
   “ เรา… เราไม่หิวแล้วอะ ทำงานกันต่อเถอะ ”
   “ เมฆเป็นอะไรหรือเปล่า ?  เห้ย ! ทำไมร้องไห้ล่ะเกิดอะไรขึ้น ”
   “ หืม ร้อง? ” ผมเอามือแตะหน้าดูก็ถึงได้รู้ว่าน้ำตาผมมันไหลออกมาเองได้ยังไงก็ไม่รู้ “ บ้าเอ้ย ทำไมอยู่ดีๆก็ไหลออกมานะ ”
   เพื่อนๆเมื่อเห็นผมน้ำตาไหลก็เข้ามาถามกันยกใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไรผม แต่ผมจะบอกพวกเขายังไงดีว่าจริงๆแล้วผมเนี่ยแหละที่ทำตัวเอง
   
   แล้วผมก็นึกย้อนกลับไปเมื่อก่อนตอนที่ผมยังเด็ก

   “ เมฆมาอยู่เป็นเพื่อนเราเมฆไม่เบื่อหรอ ทำไมไม่ไปเตะฟุตบอลกับคนอื่นๆล่ะ ? ” เด็กผู้ชายตัวเล็กถามผมในขณะที่เรานั่งเล่นกันอยู่ข้างสนามบอลในโรงเรียน
   “ ไม่เบื่อหรอก ถ้าเราไปเตะบอลแล้วตะวันจะอยู่กับใครล่ะ ”
   ผมกับตะวันอยู่ห้องเดียวกันตั้งแต่ตอนที่เขาย้ายเข้ามาใหม่ ตอนนั้นตะวันเป็นคนที่ค่อนข้างเงียบๆใครมาคุยด้วยก็ไม่ค่อยคุย แม้ในตอนแรกเขาเป็นที่สนใจของเด็กคนอื่นๆเพราะเป็นเด็กใหม่ แต่หลังจากเข้ามาไม่นานเขาเริ่มโดนหลายคนไม่ชอบขี้หน้า ด้วยเหตุผลไหนผมเองก็ไม่รู้ ผมเห็นเขาโดนแกล้งอยู่เป็นเดือนก่อนจะทำให้ผมทนไม่ได้และเข้าไปช่วยเขา นั่นเลยทำให้เด็กคนอื่นๆพลอยไม่ชอบผมไปด้วย
   แต่นั่นกลับทำให้ผมสนิทกับเขามากขึ้น มันเลยทำให้ผมเห็นอีกมุมของเขาว่าเขาก็เป็นคนที่ร่าเริงและสดใสมากคนหนึ่ง
   
   “ ขอบคุณนะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้เมฆอดสนุกกับคนอื่น ”
   “ เพื่อนกัน ไม่เห็นต้องคิดมาก เมฆสบายจะตาย ขืนไปเล่นเดี๋ยวชุดเมฆก็เลอะแล้วแม่ก็บ่นอีก ” ผมตบบ่าเขาไม่ให้เขาคิดมาก “ แล้วนี่ตะวันไม่ชอบเล่นฟุตบอลหรอ ? เห็นไม่เคยเล่นเลย ”
   “ เรากลัวลูกบอลอ่ะ ”
   “ กลัว ? ”
   “ ใช่ ก็เราเคยเล่นแล้วถูกเตะบอลอัดใส่หน้า ตั้งแต่นั้นเราก็ไม่กล้าเล่นอีกเลย ” เขานั่งนึกก่อนจะแสดงท่าทางแปลกๆ ท่าทางจะกลัวจริงๆ
   “ ฮ่าๆๆๆๆๆ ”
   “ ขำอะไรเมฆ ! มันเจ็บจริงๆนะไม่เชื่อลองไปโดนดิ ฟันเราโยกเลยตอนนั้น ” เขาหันมาตีผมเมื่อผมขำใส่เขา
   “ ก็ขำเพราะเมฆนึกหน้าตะวันตอนโดนลูกบอลน่ะสิ ร้องไห้เลยสินะตอนนั้น ”
   “ หึ ! ไม่ได้ร้องหรอก ”
   “ อ้าว ! งั้นก็อึดเหมือนกันนี่ ”
   “ เราสลบเลยต่างหาก แบบเนี้ย ” แล้วเขาก็แกล้งล้มลงไปกับพื้นแล้วทำท่าสลบให้ผมดู
   “ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ”
   “ ถ้าขำอีกทีจะโกรธแล้วนะ ” เขาผลักผมเบาๆ “ เลิกคบละเพื่อนแบบนี้ชอบซ้ำเติม ”
   “ ฮ่าๆๆ อุ๊บ! อะไม่ขำแล้วก็ได้ ฮิฮิ ”
   “ ดีมาก อย่างนี้ค่อยเป็นเพื่อนกันต่อได้ ” ตะวันยิ้มกว้าง ก่อนจะถามผมด้วยสีหน้าจริงจัง “ เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปใช่ไหม ? ”
   ผมมองหน้าเขาก่อนจะตอบ “ แน่นอน ” 
   “ งั้นเกี่ยวก้อยสัญญาดิ ” เขาชูนิ้วก้อยขึ้นมาหน้าผม ผมเลยไปเกี่ยวนิ้วเขากลับ
   “ สัญญาลูกผู้ชายเลย ”
   แล้วเราก็หัวเราะให้กัน ก่อนที่ผมจะสังเกตเห็นลูกบอลที่พุ่งมาทางพวกผม
   “ เฮ้ย ! ตะวันระวัง ” ผมดึงตัวเขาให้หลบลูก แต่ลูกมันกลับมากระแทกผมซะเอง จนผมล้มลงไปกับพื้น
   “ เมฆ ! เป็นอะไรหรือเปล่า ” ตะวันเข้ามาเขย่าตัวผมเมื่อเห็นผมนอนนิ่ง    ผมปล่อยให้เขาเขย่าตัวอยู่นานก่อนจะลืมตาขึ้นมา “ สลบแบบนี้หรือเปล่า ฮ่าๆๆๆ ”
   จริงๆผมไม่ได้เป็นอะไรหรอกแค่อยากหยอกเขาเท่านั้นเอง พอเห็นหน้าซีดก็แอบรู้สึกผิดที่แกล้งเขา
   “ เล่นบ้าอะไรเนี่ย ! เราตกใจหมด นิสัยไม่ดีว่ะ ”
   “ เอ่อ…ขอโทษ ”
   “ ที่หลังอย่าเล่นแบบนี้อีกนะ ใจหายหมด เข้าใจไหม! ” กลายเป็นเขาดุผมแทนแล้วตอนนี้
   “ ง่า ไม่แกล้งแล้วๆ ”

   แล้วคนที่เตะฟุตบอลมาทางพวกผมก็เดินมาเพื่อเอาลูกบอลคืน
   “ เอาลูกบอลคืนมาอีตุ๊ด ” คนที่เป็นหัวโจกของห้อง พูดกับตะวันเมื่อตะวันถือลูกบอลไว้ในมือ
   “ นี่ ขอโทษสักคำอะมีไหม ” ตะวันไม่ส่งคืนให้แถมยังต่อล้อต่อเถียงกับพวกนั้นกลับ
   “ ทำไมต้องขอโทษ ก็พวกแกมานั่งตรงนี้เอง เป็นตุ๊ดก็ไปโดดยางกับพวกผู้หญิงนู่น มานั่งทำไมแถวสนามฟุตบอล ”
   “ เราไม่ใช่ตุ๊ดนะ ! ” ตะวันดูเหมือนจะเริ่มโมโหแล้วที่ถูกว่าแบบนี้
   “ ช่างเหอะตะวัน เมฆไม่เป็นไรหรอก คืนเขาไปเหอะ ” ผมพยายามดึงตัวเขาให้ออกมาเพราะไม่อยากให้เขาโดนแกล้งมากไปกว่านี้
   “ เอาแต่ให้คนอื่นคอยปกป้อง แล้วจะบอกว่าไม่ใช่ตุ๊ดได้ไง อีตุ๊ดๆๆๆๆ ” หมอนั่นยังคงล้อเลียนตะวัน ก่อนจะแขวะผมบ้าง “ เมฆ แกก็เป็นตุ๊ดเหมือนกันหรอ ถึงคอยอยู่แต่กับไอ้นี่ หรือเป็นแฟนกัน? ”
   “ จะว่าเราก็ว่าเราแค่คนเดียวจะว่าเมฆด้วยทำไม ไอ้บ้า! ไอ้อ้วน ! ”
   “ หนอย ! เก่งนักหรอ ” ไอ้ยักษ์นั่นตรงเข้ามาจะหาเรื่องตะวัน แต่ยังไม่ทันจะถึงตัวก็ถูกบอลในมือตะวันปาใส่อย่างแรง
   “ โอ๊ย ! ” หมอนั่นร้องขึ้นอย่างตกใจเหมือนถูกบอลปาอัดใส่ ก่อนจะถูกตะวันผลักให้ล้ม
   “ ไปเหอะเมฆ ! ” แล้วตะวันก็จูงมือผมวิ่งหนีออกมา

   นี่เป็นครั้งแรกเลยตั้งแต่รู้จักกันมาที่ผมเห็นเขาตอบโต้คนอื่น

   “ แฮ่กๆ ตะวันหยุดก่อน พวกนั้นคงไม่ตามมาแล้ว ” ผมบอกให้เขาหยุดวิ่ง เพราะผมเริ่มหอบ และเมื่อหันไปดูก็ไม่มีใครตามมา
   “ โอ๊ย เหนื่อย แฮ่กๆ ” ตะวันเองก็สภาพไม่ต่างจากผม
   “ ฮู่ว! แล้วนี่ทำไมครั้งนี่ถึงสู้กลับเนี่ย ปกติเห็นใครว่าอะไรก็เดินหนีอย่างเดียว ”
   “ ก็ครั้งนี้มันไม่เหมือนทุกครั้งนี่ ”
   “ ไม่เหมือนยังไง ? ” ผมไม่เข้าใจกับสิ่งที่เขาพูด
   “ ก็ทุกครั้งคนที่โดนมันคือเรา แต่ครั้งนี้เมฆเป็นคนเจ็บตัว แถมพวกนั้นยังมาว่าเมฆอีก เรายอมไม่ได้หรอก ” ตะวันพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
   พอฟังอย่างนั้น ผมกลับ… รู้สึกดีแปลกๆ มันบอกไม่ถูก แต่ดีใจที่เขาเป็นห่วงผม
   “ เก่งเหมือนกันนี่ อย่างนี้เมฆไม่ต้องคอยปกป้องแล้วมั้ง ฮ่าๆ ”
   “ ก็บอกแล้วไงว่าดูแลตัวเองได้ แค่เป็นเพื่อนกับเราก็ดีใจมากแล้ว ”
   “ จ้า พ่อคนเก่ง แล้วนี่เอาไงต่อดี กระเป๋าก็ยังอยู่ในโรงเรียนอยู่เลยนะ ” ผมถามเขาเพราะตอนนี้เราวิ่งออกมานอกโรงเรียน แต่ก็ไม่ไกลมาก
   “ เดี๋ยวเราให้คนที่บ้านเข้าไปเอาให้ แล้วนี่เมฆจะกลับบ้านเลยไหม ? ”   “ อื้อ ก็คงกลับเลยแหละ เดี๋ยวแม่เราก็คงมารับแล้ว เฮ้อ! กลับบ้านไปก็เบื่ออีก ” ผมมองดูนาฬิกาก็พบว่าใกล้ถึงเวลาที่แม่ผมจะมารับผมแล้ว
   “ งั้น..ไปเล่นเกมส์ที่บ้านเราไหมล่ะ ? ”
   “ หืม ? จะดีหรอ เราไม่อยากรบกวนที่บ้านตะวัน เดี๋ยวกลับดึกด้วยแม่เราคงไม่ให้หรอก ”
   “ ก็ค้างบ้านเราเลยก็ได้ พรุ่งนี้วันหยุดอยู่แล้ว เดี๋ยวเราให้คุณแม่เราขอให้ก็ได้ ”
   “ แต่ว่า… ”   
   “ นะๆๆ ไปเหอะ เราอยากมีเพื่อนเล่นเกมส์บ้าง ”
   “ กะ..ก็ได้ ถ้าแม่เราให้นะ ”
   “ เย้ ! ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราจัดการเอง ”

   หลังจากนั้นตะวันก็ขอให้แม่เขาช่วยพูดกับแม่ของผม ซึ่งแม่ผมก็ยอมให้มา แต่มีข้อแม้คือให้ค้างแค่คืนเดียวเพราะวันอาทิตย์ผมต้องไปธุระกับที่บ้าน
   
   “ สวัสดีครับ รบกวนด้วยนะครับคุณน้า ” ผมยกมือไหว้แม่ตะวันเมื่อมาถึงบ้านเขา
   “ สวัสดีจ้ะ ได้ยินเรื่องของหนูจากตะวันบ่อยๆดีใจจังที่วันนี้ได้เจอ ” ท่านรับไหว้ผมด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น “ ไม่ต้องเรียกคุณน้าหรอก เรียกแม่ก็ได้จ้ะ คนกันเอง ”
   “ ครับผมคุณแม่ ”
   “ คุณแม่คร้าบ วันนี้มีอะไรกินมั่งตะวันหิวจังเลย ” ตะวันเข้าไปอ้อนแม่ของเขา หอมซ้ายทีขวาที
   “ ไปดูเอาเองในครัวนะลูก พาเพื่อนไปกินเข้าไป เดี๋ยวแม่ทำงานก่อน ”
   “ ครับผม ! เมฆมาเร็ว ” ตะวันกึ่งดึงกึ่งลากผมให้เข้าไปในครัว
   พอกินข้าวทำอะไรเสร็จเราก็เล่นเกมส์กัน ซึ่งผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเขาจะเล่นเกมส์เก่งขนาดนี้ แข่งกันมาทุกตา ผมไม่ชนะเลยสักตา แอบเสียเซลฟ์เบาๆ ผมไม่เคยแพ้ใครมาก่อนเลยนะ TT 
   “ แพ้อีกล่ะ! ตะวันโกงเราปะเนี่ย ”
   “ บ้า เมฆอ่อนเองต่างหาก เราโกงตรงไหน ” ได้ทีหมอนี่ก็ทำหน้าเหนือใส่ผมยกใหญ่
   “ โด่วงั้นเปลี่ยนเกมส์เลย เลยวินนิ่งดิ ”
   “ เสียใจด้วย เราไม่ชอบฟุตบอล เราไม่ซื้อมาหรอกเกมส์วินนิ่งอะ ฮ่าๆๆ ”
   “ ชิ ! ”
   ในขณะที่เรากำลังเล่นกันเพลินๆจนลืมดูเวลา แม่ตะวันก็เปิดประตูเข้ามา ไล่พวกเราไปนอน
   “ นอนได้แล้วนะเด็กๆ ดึกแล้ว ”
   “ แต่คุณแม่ครับ พรุ่งนี้วันหยุดนะ ขอเล่นต่ออีกหน่อยไม่ได้หรอครับ ”
   “ ไม่ได้ลูก อย่าดื้อสิ ไม่งั้นคราวหลังแม่ไม่ให้พาเพื่อนมาบ้านแล้วนะ ”
   “ ก็ได้ครับ…. ” ตะวันหงอยไปนิดนึง แม่เขาเลยเข้ามากอด “ แม่รักลูกนะ ฝันดีครับคนเก่งของแม่ ”
   “ ตะวันก็รักคุณแม่ครับ ” ตะวันกอดพร้อมหอมแม่เขาอีกครั้ง
   “ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่ทำของอร่อยๆให้กินนะ ” ท่านลูบหัวตะวันอย่างเอ็นดูก่อนจะหันมาพูดกับผม “ ฝันดีนะครับเมฆ ”
   “ ฝันดีครับคุณน้า..เอ่อ ฝันดีครับคุณแม่ ”
   “ ปะเมฆ นอนกันเถอะ ”
   “ อื้อ ”

   แต่ถึงจะปิดไฟแล้วเราก็ยังนอนคุยกันต่อ โดยไม่ได้คิดจะนอนจริงๆ ผมเองก็พึ่งจะได้มานอนค้างบ้านเพื่อนเป็นครั้งแรก ตะวันเองก็เหมือนกัน

   “ แล้ววันอาทิตย์เมฆต้องไปไหนกับที่บ้านหรอ ไปเที่ยวสินะ ”
   “ เปล่าหรอก เราต้องไปธุระกับที่บ้านอะ ”
   “ อ๋อนึกว่าไปเที่ยวซะอีก ” ตะวันยังคงหาเรื่องคุยไม่หยุด และไม่มีที่ท่าว่าจะง่วง “ เฮ้อ ! เดี๋ยวก็ต้องขึ้นม.1แล้ว ไม่รู้ว่าจะยังได้อยู่ด้วยกันไหมเนอะ ”
   “ …… ”
   “ อ้าวทำไมเงียบละเมฆ ง่วงแล้วหรอ ”
   “ เปล่าหรอกยังไม่ง่วง  นี่..ตะวัน ”
   “ หืม ? ว่าไงเมฆ ”
   ผมตัดสินใจอยู่นานว่าจะพูดเรื่องนี้ดีไหม แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะพูด “ พอจบปีนี้แล้วเราคงไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วนะ เราต้องย้ายไปอยู่ที่เชียงใหม่ ”
   “ …… ”
   จริงๆผมรู้มาสักพักแล้วว่าต้องย้ายไปอยู่ที่เชียงใหม่ เพราะด้วยความจำเป็นบางอย่าง แต่ผมยังไม่มีโอกาสได้บอกกับตะวันสักที
   “ เพราะงั้นเราคงไม่ได้อยู่กับตะวันหรอกนะ จริงๆเราก็ไม่อยากไปหรอก ”
   “ งั้นก็ไม่ต้องไปสิ ก็อยู่กับเราก็ได้ แม่เราไม่ว่าหรอก เดี๋ยวเราไปขอแม่เมฆให้ด้วยก็ได้ ”
   “ มันไม่ได้น่ะสิตะวัน เอาน่าเราไม่ได้ไปแล้วไปเลยสักหน่อย เดี๋ยวเราจะขอให้ที่บ้านมาหาตะวันบ่อยๆนะ ”
   “ อื้ม ” ผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เพราะอยู่ดีๆเขาก็หันหน้าไปทางอื่นซะงั้น “ นอนเถอะ เราง่วงแล้ว ”
   “ งั้น….ฝันดีนะตะวัน ” 
   พอผมหันไปอีกฝั่งเคลิ้มๆจะหลับ ก็รู้สึกถึงสัมผัสจากคนข้างๆที่เข้ามากอด
   ตึก ๆ ตึกๆ ! อยู่ดีใจผมก็เต้นแรงแบบไม่มีสาเหตุ
   “ เราเข้าใจแล้ว..อย่าลืมเรานะเมฆ เมฆเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเราเลยนะ ”
   ผมนิ่งก่อนจะหันไปกอดเขาเหมือนกัน
   “ แน่นอน ตะวันก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเราเหมือนกัน ”

   ผมตกอยู่ในภวังค์ของตัวเองอยู่นาน พอคิดถึงเรื่องเก่าๆแล้ว ตอนนั้นผมน่าจะรู้เร็วกว่านี้ว่าคำว่ารักคืออะไร ผมรักตะวัน ไม่ใช่รักแค่แบบเพื่อน แต่ผมอยากอยู่ข้างๆเขา อยากดูแลเขา อยากมีความสุขร่วมกับเขา
   งั้นผมจะยอมแพ้อย่างนี้ไม่ได้สินะ ! แต่ก็ยังแอบเฮิร์ทกับภาพที่พึ่งเห็นมาอยู่ดีอ่ะ TT

   “ เมฆโอเคขึ้นยัง ”
   “ อื้อ..แต่เซ็งอะ อยากกินเหล้า ”
   ผมอยากกินจริงๆนะ เพื่อบางทีเมาแล้วผมจะได้ไม่ต้องคิดมาก
   “ เอางั้นหรอ ? งั้นก็ไป ไม่ต้องทำงานละวันนี้ เท ” บี ที่เป็นเพื่อนในกลุ่มผมตัดสินใจอย่างรวดเร็ว “ ไปๆพวกเราเก็บของ เดี๋ยวโต๊ะเต็ม ! ”
   “ รับทราบ ! ” ทุกคนตอบรับอย่างพร้อมเพรียงก่อนจะแยกย้ายไปเก็บของ
   
   เมื่อมาถึงร้านผมก็ซัดเต็มที่จนรู้สึกเริ่มมึนๆ พอยิ่งกินผมกลับยิ่งคิดถึงตะวัน ผมจ้องโทรศัพท์อยู่นานก่อนจะตัดสินใจโทรหาเขา
   “ ฮัลโหล ว่าไงเมฆ ” ตะวันรับสายผมเสียงเพลียๆ สงสัยจะซ้อมมาเหนื่อย
   “ เลิกซ้อมยังตะวัน ”
   “ พึ่งเลิกเลยเนี่ย เมฆมีอะไรหรือเปล่า ? ”
   “ไม่มีอะไรหรอก เมฆแค่..เอ่อ…เมฆจะชวนมาเที่ยวด้วยกันเฉยๆ ”
   “ อ้าว ! นี่ไปร้านเหล้าหรอ งานเสร็จแล้วหรือไง ? ”
   “ ยัง แต่อยากมา แล้วตะวันมาไหมล่ะ ”
   “ ไม่ไปอ่ะ เดี๋ยวเราไปกินข้าวกับเชนต่อ นี่กำลังรอเชนมารับ เมฆเที่ยวไปเถอะ ”
   “ อ๋อ…งั้นหรอ อืมๆไม่เป็นไรงั้นแค่นี้นะ ”
   “ อื้อ ถ้ากลับไม่ไหวก็โทรมานะ เดี๋ยวไปรับ ”
   “ ครับ.. ”
   เฮอะ ! อยู่กับนายเชนอีกแล้ว ก็เขาเป็นแฟนกันนี่เนอะ ทำไงได้ล่ะ

   ยิ่งคิดยิ่งเซ็งหนัก หงุดหงิดโว้ย!
   “ เมฆๆ เบาหน่อย แดกเป็นน้ำเปล่าเชียวนะ มันเปลือง ! ”   
   “ ชงมาเข้มๆเลยก้อง ใส่ครึ่งแก้วไปเลย ! ไม่พอเดี๋ยวจ่ายเอง ”
   “ เอางั้นหรอ =_= ” ก้องทำหน้าขยาดเมื่อเห็นผมกระดกเอาๆ “ ใจเย็นนะเมฆ เราเห็นแล้วบาดคอแทน ”
   “ เอาเหอะน่า อยากเมา เอามานี่ เดี๋ยวเทเอง ” เมื่อเพื่อนยึกยักไม่ยอมเทให้ ผมเลยจัดการเองซะเลย
   “ เอาว่ะ สงสัยจะเฮิร์ท อาการแบบนี้ ” บีแซวขึ้นมา เมื่อเห็นอาการผม
   ใช่สิ เฮิร์ท ! T_T

   แล้วงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา พอร้านปิดผมก็เลยต้องกลับ แต่สภาพผมตอนนี้โครตมึนเลย โทรหาตะวันก็ไม่รับ ไหนบอกจะมารับไง เฮ้อ..
   พอเข้าห้องมาก็พบว่าตะวันยังไม่กลับมา ไปกินข้าวหรือไปกินอะไรกันแน่ ดึกขนาดนี้ยังไม่อิ่มอีกหรือไง
   ผมรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าที่เคยเป็น อาจเพราะฤทธิ์แอลกอฮอร์ด้วยที่ทำให้เป็นแบบนี้ ผมเลยเปิดลิ้นชักหยิบบุหรี่ออกมามวนนึงเพื่ออกไปสูบที่ระเบียง จริงๆผมไม่ค่อยดูหรอก ถ้าไม่เซ็งมากจริงๆ
   ขณะที่กำลังคิดไรเรื่อยเปื่อยก็เห็นตะวันเดินจับมือกับนายเชนเข้าหอมาพอดี ผมก็เลยดับบุหรี่แล้วไปนั่งรอเขาในห้อง
   “ อ้าวเมฆ กลับมาแล้วหรอ ว่าจะโทรหาพอดีว่าถึงห้องยัง ” ตะวันเข้าห้องมาแล้วก็เดินไปเก็บของที่โต๊ะของเขา
   “ ทำไมกินตะวันกลับดึกจัง หึ กินข้าวหรือกินอะไรกันแน่ ”
   “ ก็กินข้าวสิ ไม่กินข้าวจะให้เรากินอะไร คนมันเยอะก็เลยดึก ” เขานั่งเขียนอะไรไม่รู้ที่โต๊ะ โดยไม่ได้หันหน้ามาคุยกับผม
   “ ไหนบอกจะมารับเมฆไง โทรไปไม่เห็นรับ ”
   “ เราไม่ได้ยินอะ ”
   “ ไม่ได้ยินหรือไม่อยากรับกันแน่ ! ”
   “ นี่เมฆเป็นอะไรของเมฆเนี่ย เราไม่ได้ยินจริงๆนี่นา ” เขาหันมาพูดกับผมแล้วตอนนี้
   “ โกหก ! ” 
   “ โว้ย ! ตามใจ ถ้าเมาก็ไปอาบน้ำนอน มาหาเรื่องเราทำไมเนี่ย เซ็งว่ะ ไม่อยู่ละงั้น ” พูดเสร็จตะวันก็เดินไปที่ประตู ผมไม่รู้ว่าเขาจะไปไหนก็เลยรีบไปดึงเขาแล้วกอดเขาไว้
   “ จะไปไหนอ่ะ จะไปหาเชนหรอ ไม่ไปได้ไหม ” ผมห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้แล้วก็เลยปล่อยตัวเองไปตามความคิด
   “ เมฆปล่อยเรานะ ” เขาพยายามดิ้นให้หลุด “ นี่เมฆสูบบุหรี่ด้วยหรอ ”
   “ ตอบก่อนจะไปไหน เมฆไม่ให้ไป ไม่เอา! ”
   “ เมฆ ! มีสติหน่อย เป็นบ้าอะไรเนี่ย ”
   “ เออ ! เมฆเป็นบ้า ก็เป็นบ้าเพราะตะวันเนี่ยแหละ ”
   “ เราไปทำอะไรให้ ” เขายิ่งดิ้นเมื่อผมกอดเขาแน่นขึ้น “ โอ๊ย! ปล่อย ”
   เขาเอาศอกกระแทกเข้าที่ท้องผมอย่างแรงจนผมเซล้มไปที่พื้น
   “ เมฆ ! เป็นอะไรหรือเปล่า เราขอโทษ ” เขารีบเข้ามาดูเมื่อเห็นผมล้มลงไป “ เจ็บมากไหม อุ๊บ ! ”
   เขายังไม่ทันพูดอะไรจบก็ถูกปิดปากด้วยริมฝีปากผม เขานิ่งไปด้วยความตกใจก่อนจะผลักผมออกอีกครั้ง
   “ เมฆทำอะไรอยู่รู้ตัวหรือเปล่าเนี่ย ! ”
   “ รู้สิ ! เมฆรู้ดีว่าเมฆกำลังทำอะไรอยู่ ”ผมพูดก่อนจะเหวี่ยงเขาขึ้นไปบนเตียงแล้วคร่อมเขา
   “ เมฆก็กำลังทำให้ตะวันเป็นของเมฆไง !  ”


คำคมท้ายบท : If you love someone, be brave enough to tell them,
otherwise, be brave enough to watch them be loved
by someone else.
( หากคุณรักใครสักคน คุณมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง คือ หนึ่ง จงเข้มแข็งพอที่จะบอกเขา
หรือสอง จงเข้มแข็งพอที่จะมองเขารักกับคนอื่น )

-TBC-
   ของมึนเมาอาจทำให้เราขาดสติขาดความยับยั้งชั่งใจ แต่เมฆคงอดทนต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ -..- ยังไงก็มารอดูกันนะครับว่าตะวันของเราจะโดนแค่จูบหรือเปล่า อิอิ เจอกันตอนหน้าจ้าออเจ้า
  :katai4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-03-2018 21:20:52 โดย ฺBluemoon »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ violetvista

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Wicvodca

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เป็นตะวันนี่คุ้มจริงๆ  :hao7:

ออฟไลน์ ฺBluemoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บทที่ 17
ไม่เหมือนเดิม

   “ เมฆปล่อยเราเหอะนะ ”
   ตอนนี้ผมขยับไม่ได้เลยเพราะถูกเมฆขึงไว้บนเตียง
   “ ไม่ปล่อย ! ” เขากดมือผมแน่นกว่าเดิม “ เมฆจะไม่ยอมปล่อยตะวันไปอีกแล้ว ”
   พูดจบเขาก็ก้มลงมาไซร้คอผม
   “ เมฆ ! หยุดเถอะนะ ใครก็ได้ ชะ.. ” ยังไม่ทันที่ผมจะร้องขอความช่วยเหลือจากใครผมก็โดนเขาจูบอีกครั้ง ยิ่งผมเม้มปากแน่นแค่ไหน เขาก็จูบผมรุนแรงขึ้น แล้วเขาก็ถอดเสื้อของเขาออกก่อนจะพยายามถอดเสื้อผม 
   “ หยุดนะเมฆ ! เฮ้ย ! ” ด้วยความที่สู้แรงเขาไม่ไหว เสื้อผมก็หลุดออกจากตัวแล้วโดนเหวี่ยงไปที่พื้น
   นี่เขาเป็นอะไรของเขาเนี่ย ! เมาแล้วไม่มีสติขนาดนี้เลยหรอ ผมจะต้องเสียตัวให้เขาไหมเนี่ย TT
   “ เราไม่ไปไหนแล้ว เมฆปล่อยเราเหอะ เราเริ่มกลัวเมฆแล้วนะ.. ”
   ตอนนี้ผมกลัวเขาจริงๆนะ ผมลองพยายามพูดดีๆกับเขาดู ซึ่งมันก็ได้ผล ! เขาเริ่มปล่อยมือผมออก
   “ จริงนะ.. ไม่ไปแล้วจริงๆนะ ” เสียงเขาเริ่มอ่อนลงแล้วมีน้ำตารื้นออกมา
   “ อื้อ ไม่ไปแล้ว  แต่เมฆก็ห้ามทำอะไรเราแล้วนะ ไม่งั้นเราจะไม่ยุ่งกับเมฆอีก ”
   “ ไม่ทำแล้ว .. ” เขาหลบหน้าผม เหมือนพึ่งเรียกสติตัวเองกลับมาได้ “ ตะวัน ”
   “ ว่าไง ”
   เขาเรียกผมแล้วก็เงียบไป ตอนแรกผมก็โกรธเขานะ แต่พอเห็นเขาตอนนี้แล้ว ผมกลับโกรธเขาไม่ลง
   “ เมฆ.... ฮือ TOT ” เขาเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดออกมา แต่กลับร้องไห้ออกมาแทน
   ทำไมอารมณ์มันแปรปรวนแบบนี้เนี่ย =_=
   “ เมฆไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นกับตะวันนะ เมฆ…ฮึก เมฆขอโทษ ตะวันอย่าโกรธเมฆนะ อย่าเลิกยุ่งกับเมฆเลยนะ ” เมฆสะอึกสะอื้นร้องไห้เป็นเด็กๆ
   “ รู้แล้ว แต่บอกเราก่อน ทำไมอยู่ดีๆมาทำแบบนี้ ”
   “ เมฆแค่หวง… ”
   “ หวง ? หวงอะไรเมฆ ” หมายความว่ายังไง เขาหวงอะไรของเขากัน
   “ เมฆหวงตะวันไง ทั้งหวงแล้วก็หึง ตะวันดูไม่รู้หรอ ! ”
   “ !!!! ”
   นี่ผมได้ยินไม่ผิดใช่ไหม เขาหึงผมหรอ ทำไมกัน !
   “ เอ่อ…เมฆเมาใช่ไหม ” หรือที่เขาพูดมาเพราะเขาเมากันแน่นะ
   “ ไม่ใช่ ! เมฆรู้ตัวดีว่าเมฆกำลังพูดอะไรอยู่ ” เมฆจับมือผม เขาเม้มปากแน่นก่อนจะพูดต่อ “ เมฆว่า..เมฆคิดกับตะวันมากกว่าเพื่อนนะ ”
   นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย ! เมฆคิดกับผมมากกว่าเพื่อนงั้นหรอ !
   “ แล้วตะวันล่ะ รู้สึกอะไรกับเมฆบ้างไหม ”
   “ เมฆ…คือเรา ” ผมพูดอะไรไม่ออก ตอนนี้ในหัวผมมันตีกันยุ่งไปหมดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมสับสนไปหมดแล้ว
   “ ว่าไงละ.. ตะวันรักเมฆบ้างไหม.. ” เขาจ้องผมนิ่ง
   ผมเองก็เงียบอยู่นานก่อนจะตอบเขา “ เมฆ เราขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆนะ แต่ว่าเราคบกับเชนอยู่ เราเป็นเพื่อนกันเนี่ยแหละดีแล้ว..ขอโทษด้วยนะเมฆ ” 
   พอผมพูดจบ สายตาที่เขามองผมมันเต็มไปด้วยความเสียใจและผิดหวัง
   “ อย่างนั้นหรอ.. เมฆเข้าใจแล้ว ” เขายิ้มให้ผม แต่มันกลับดูเป็นรอยยิ้มที่ดูฝืนมากๆจนผมรู้สึกได้ “ งั้นไปอาบน้ำนอนเถอะ เรื่องวันนี้ที่เกิดขึ้นเมฆขอโทษนะ ลืมมันไปแล้วกัน ”
   “ อื้อ..ฝันดีนะเมฆ ”

   เราเองก็ขอโทษนะเมฆที่ต้องปฏิเสธ เราไม่อยากรู้สึกผิดกับเชน ถ้าเมฆบอกเราเร็วกว่านี้ก็คงดี..

   หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับเมฆในวันนั้น นี่ก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว ผมกลับรู้สึกได้ว่าเมฆพยายามหลบหน้าผม เขาแทบไม่กลับมาห้องในเวลาที่ผมอยู่ เราเจอกันน้อยมากจนผมนับครั้งได้ บางวันกลับมาเจอผมก็รีบเอาของแล้วก็อ้างว่าต้องไปทำงาน แม้จะได้คุยกันบ้างแต่ก็เป็นการถามคำตอบคำซะส่วนใหญ่ เป็นอย่างนี้เรื่อยๆจนผมรู้สึกอึดอัด แถมสองวันที่ผ่านมานี้เขาก็ไม่กลับมาห้องเลย ข้าวของก็ไม่ขยับจากที่เดิม

   “ ตะวันเป็นอะไรครับ ดูเหม่อๆนะ ”
   “ หืม ? อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกเชน เราแค่คิดอะไรนิดหน่อย ”
   ช่วงนี้เชนตัวติดผมตลอดเวลา เพราะเราผ่านช่วงงานสปอร์ตเดย์มาแล้ว ซึ่งผลออกมาคือคณะผมแพ้ แม้จะเสียใจที่แพ้แต่ก็รับได้เพราะคณะที่ได้ที่หนึ่งสมควรได้รางวัลจริงๆ แต่เหตุผลจริงๆที่เขามาอยู่เป็นเพื่อนผมบ่อยๆเพราะพวกเพื่อนผมคนอื่นๆก็ยุ่งๆเนื่องจากใกล้วันประกวดดาวเดือนมหาลัยแล้ว จิ้ปกับพัดชาเลยไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับผมสักเท่าไหร่ 
   “ แหนะ ! คิดถึงใครหรือเปล่า นอกใจเชนหรอ ”
   “ ใช่.. เอ้ย ! ไม่ใช่ ”
   “ สรุปใช่หรือไม่ใช่หืมไอ้ตัวแสบ ” เชนหยิกแก้มผมอีกแล้ว
   “ แง้ เจ็บนะ จะใช่ได้ไงล่ะ พูดเล่นต่างหาก ” 
   ตั้งแต่คบกันมานี่โดนหยิกจนแก้มช้ำแล้วนะ ) =_= (
   “ ฮ่าๆๆ รู้แล้วน่า เชนหยอกเล่น ” เขาหัวเราะร่วนก่อนจะหอมแก้มผมฟอดใหญ่
   “ นี่ ! มาหอมแก้มเราทำไม อายคนอื่นเขา ”
   “ ไม่มีใครมองสักหน่อย ห้องสมุดเวลานี้มีคนที่ไหน ”
   ผมมองซ้ายมองขวาก็จริงอย่างที่เขาว่า ห้องสมุดตอนนี้เงียบกว่าป่าช้าอีก
   “ นั่นแหละ ก็ควรทำในที่ลับตาอยู่ดีไหม ”
   “ งั้นไปแถวชั้นหนังสือไหม น่าจะลับตาอยู่นะ ” เชนยิ้มกรุ้มกริ่ม “ แข็งหมดแล้วเนี่ยตอนนี้ ”
   “ ทะลึ่ง ! ”
   “  เชนหมายถึงตาแข็งต่างหาก เมื่อเช้ากินกาแฟมาตั้งสองแก้ว ” เชนอมยิ้มเล็กน้อย “ ตะวันคิดว่าอะไรแข็งหรอ : ) ”
    “ กะ..ก็ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย ”
   
   ผมเสียรู้เขาจนได้ เขาชอบทำให้ดูเป็นคนคิดลึกตลอดเลย TT
   
   “ จะลองจับดูก็ได้นะ จะได้รู้ไงว่าแข็งไม่แข็ง ” เชนขว้ามือผมเพื่อจะให้พิสูจน์ความแข็ง( ของตา ) แต่ผมชักมือออกไวกว่า
   “ โหยใจร้ายจัง แฟนจับมือนิดหน่อยก็ไม่ยอมให้จับ ”
   เชนบ่นน้อยอกน้อยใจพร้อมทำหน้าทำตาดูน่าสงสารสุดๆ เฮ้อ! เล่นละครเก่งจริงๆ ปรบมือให้เลย แปะๆๆ
   เชนนั่งเล่นกับผมอยู่พักนึงก็ขอตัวไปทำธุระ ผมเลยกะว่าจะไปนั่งดูเพื่อนๆซ้อมงานดาวเดือนต่อ แม้จริงๆจะไม่อยากไปก็ตาม กลัวโดนลากไปบ้านผีสิงบ้าบอนั่นอีก แต่จะให้กลับห้องก็เบื่อ
   ว่าแต่ป่านนี้เมฆจะทำอะไรอยู่นะ ลองชวนไปกินข้าวดีกว่า

   Tawan : เมฆว่างไหม ไปกินข้าวกัน

   ผมส่งไลน์ไปหาเขา รออยู่นานแต่เขาก็ไม่ตอบแถมยังไม่อ่านอีกต่างหาก
   
   Tawan : เมฆ
   Tawan : ฮัลโหล
   Tawan : เมฆตอบหน่อย
   Tawan : เมฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆ

   ไม่ว่าจะส่งไปเยอะแค่ไหนก็ไม่มีที่ท่าว่าคนที่ผมต้องการจะคุยจะตอบกลับเลย
   “ อะไรของเขา โทรก็ได้ว่ะ ”

   ‘ ขอโทษค่ะ ไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ในขณะนี้ Sorry.. ’

   “ ทำไมมันติดต่อยากเย็นขนาดนี้ ปิดเครื่องหรือบล็อคเบอร์กันแน่ว่ะเนี่ย ” ผมเริ่มหงุดหงิดที่ติดต่อเขาไม่ได้
   จริงๆแล้วผมอยากให้เขาเป็นเหมือนเดิม ไม่อยากให้เขาหลบหน้าหลบตาผมแบบนี้เลย ผมไม่ชอบความอึดอัด เฮ้อ!จะทำยังไงดีนะ
   พอคิดอยู่สักพักผมก็ตัดสินใจว่ายังไงวันนี้ผมก็ต้องทำให้เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้ ไม่งั้นผมคงเสียเพื่อนคนนี้ไปแน่ๆ
   งั้นตอนนี้เมฆอาจอยู่ที่คณะ ผมเลยตรงไปที่คณะเมฆทันที

   18.30 น. คณะสถาปัตย์
   
   แล้วผมก็มาถึงที่คณะของเมฆ แต่พอมาถึงผมก็ลังเลตั้งนานว่าจะเข้าไปดีไหม แต่สุดท้ายก็เข้าไปจนได้ ที่ตึกคณะนี้แม้จะเย็นแล้วแต่ก็มีนักศึกษานั่งทำงานอยู่เป็นจำนวนมาก แล้วผมจะหาเจอไหมเนี่ย
   “ ขอโทษนะครับ เอ่อ..ปีหนึ่งส่วนมากนั่งทำงานกันตรงไหนครับ ” ผมเดินเข้าไปทักผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น ดูจากทรงแล้วน่าจะเป็นรุ่นพี่
   เธอเงยหน้าจากงานมองผมอย่างงงๆก่อนจะชี้ไป โต๊ะที่มีกลุ่มคนนั่งกันอยู่
   “ ขอบคุณครับ ” ผมเลยเดินไปตามที่พี่เขาชี้และพยายามมองหาเมฆแต่ก็ไม่เจอ
   “ ตะวัน ? ”
   เสียงหนึ่งเรียกผมจากข้างหลัง พอหันไปดูก็พบว่าเป็นก้องเมทเชนนี่เอง
   “ อ้าวก้อง ! สวัสดี ”
   “ อื้อ ดีๆ ตะวันมาทำอะไรที่นี่เนี่ย ”
   ผมกับก้องพอจะรู้จักกันอยู่ เพราะเชนพาผมไปนั่งเล่นที่ห้องบ่อยๆก็เลยได้คุยกันบ้าง
   “ เรามาหาเมฆอ่ะ เมฆอยู่หรือเปล่า ” 
   “ ไม่อยู่หรอก นี่เมฆก็ไม่มาเรียนตั้งสองวันแล้ว ”
   “ แล้วติดต่อได้หรือเปล่า ? ”
    แปลกจัง ไม่มาเรียนแล้วไปไหนของเขานะ
   “ ไม่มีใครติดต่อได้เลย ไลน์ไปก็ไม่ตอบ โทรไปก็ปิดเครื่อง นี่เขาตามหากันให้วุ่นวายไปหมด เพราะต้องมาซ้อมงานดาวเดือน รุ่นพี่เราจะร้องไห้อยู่แล้วเนี่ย ” ก้องทำหน้าหนักใจ
   หรือจะเกิดอะไรขึ้นกับเมฆนะ
   “ งั้นหรอ งั้นไม่เป็นไรเดี๋ยวเราลองไปหาดู เอ่อ..ก้อง ”
   “ หืม ”
   “ ก้องอย่าเล่าให้เชนฟังนะว่าเรามาตามหาเมฆอะ ”\
   “ อื้อ เราไม่บอกหรอก แต่ถ้าเจอเมฆก็บอกให้เรารู้หน่อยนะ เพื่อนๆทุกคนจะได้ไม่เป็นห่วงมาก ”
   “ ได้ ๆ ขอบคุณนะ งั้นเราไปก่อนละกัน ”
   ผมคิดไม่ตกเลยตอนนี้ว่าเมฆเขาจะหายไปไหน นี่ผมเริ่มกังวลแล้วนะ เกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะทำไง
   ขณะที่กำลังคิดอยู่ว่าเขาจะไปที่ไหนบ้าง ก็มีผู้หญิงสองคนเดินเข้ามาหาผม นี่มันพวกกลุ่มปูเป้นี่
   “ นาย ตามมานี่หน่อย เพื่อนฉันมีอะไรอยากคุยด้วย ” คนที่ชื่อปอยพูดกับผมด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร
   จะทำหน้าหยิ่งอะไรนักหนา ตึงโบท็อกซ์หรือไง
   “ เพื่อนเธอใครหรอ แล้วทำไมเราต้องไปคุยด้วย  ไม่ไป! ”
   “ เอ๊ะ ! บอกให้มาก็มาเถอะ ” ยัยชะนีเจนเพื่อนซี้อีกคนของปูเป้ขึ้นเสียงใส่ผมเมื่อผมไม่ยอมไปตามที่เจ้าหล่อนบอก
   “ นี่ ! อย่ามาขึ้นเสียงใส่นะ ถ้าเพื่อนเธออยากคุยก็ให้เดินมาหาเราเองสิ เราไม่เดินไปหรอก ขี้เกียจ ”
   “ หนอย ! เรื่องมากนะแก เจนช่วยกันลากไปเถอะ ”
   แล้วยัยสองคนนี้ก็เข้ามาหิ้วปีกผมคนละข้าง ผู้หญิงอะไรวะแรงเยอะชะมัด
   “ ปล่อยนะ ” ผมพยายามขัดขืน แต่ก็สู้มือที่เหนียวประดุจตุ๊กแกของยัยพวกนี้ไม่ได้ “ โอ๊ย เจ็บๆๆ บอกให้ปล่อยไงยัยชะนียักษ์ ยัยหน้าตึงโบท็อกซ์ ”
   แม้จะร้องดังแค่ไหนแต่ก็ไม่ได้รับความอนุเคราะห์จากทั้งสองคนนี้ สุดท้ายก็โดนลากมาโต๊ะที่ปูเป้นั่งรออยู่แล้ว
   “ นั่งก่อนสิ : ) ” ปูเป้ยิ้มให้ผม ซึ่งผิดกับสิ่งที่ควรจะเป็นมากๆ =_=
   “ ไม่เอา ไม่นั่ง มีอะไรก็พูดมา ”
   “ นั่งก่อนเถอะ วันนี้จะมาคุยดีๆด้วย ”
   “ เนี่ยหรอคุยดีๆ ให้ยัยหมีควายสองตัวนี้ลากฉันมาเนี่ยนะ ! ”
   “ จะคุยเรื่องเมฆ ” ปูเป้พูดสวนขึ้นมานิ่งๆ “ เพราะงั้นจะนั่งได้หรือยัง ”
   “ …. ”
   ผมไม่ได้ตอบ แต่ก็ยอมนั่งตามที่เธอบอก ก่อนที่เพื่อนนางอีกสองคนจะไปนั่งข้างๆปูเป้
   “ งั้นจะคุยอะไรก็ว่ามา ”
   “ เมฆอยู่ไหน ? ”
   อะไรกัน แม่นี่ก็ติดต่อเมฆไม่ได้เหมือนกันหรอ
   “ ไม่รู้สิ ฉันก็ติดต่อไม่ได้เหมือนกัน ”
   “ ตอแหล ! ” หล่อนเริ่มขึ้นเสียง “ แกกีดกันฉันไม่ให้เจอเมฆใช่ไหม ! ”
   “ นี่ ! ฉันไม่รู้จริงๆฉันก็ตามหาตัวเมฆอยู่เหมือนกัน ” ผมเถียงกลับ “ อีกอย่างฉันจะไปกัดกันเธอทำไม ”
   “ ไม่จริง ! แกเอาเมฆไปซ่อนแน่ๆ ! แกเกลียดฉัน แกจะแย่งเมฆไปจากฉัน ! ” จากตอนแรกที่ยิ้มๆ ตอนนี้ปูเป้กลับเหมือนเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง แต่ยังไม่ถึงขั้นอาละวาดเพราะเพื่อนๆเธอช่วยกันพูดให้ใจเย็น
   “ โอ๊ย ! เป็นบ้าหรือไง ช่วยมีสติหน่อยได้ไหม ” ผมพูดอย่างเหลืออด “ ถ้าจะแค่มาเหวี่ยงใส่งั้นฉันไปล่ะ เสียเวลา ”
   ปึก !
   พอผมหันหลังปุ๊ปก็โดนปูเป้เขวี้ยงหนังสือใส่อย่างแรง
   “ ฉันยังไม่ได้บอกให้แกไป หันกลับมาเดี๋ยวนี้นะไอ้คนผิดเพศ ”
   แล้วความอดทนทั้งหมดของผมก็ขาดลงเมื่อผมโดนกระทำแบบนี้
   “ หึ ! ผิดเพศแล้วไงหรอ อย่างน้อยฉันก็เป็นคนปกติไม่ได้เป็นบ้าเหมือนเธอ ฉันว่าเธอเอาเวลาที่จะหาเรื่องคนอื่นไปหาหมอเพื่อรักษาโรคของเธอดีกว่านะ ที่ๆเธอควรอยู่มันคือโรงพยาบาล ไม่ใช่มหาลัย ! ” ผมโต้ตอบกลับแรงๆบ้าง จะได้รู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังทำมันไม่ถูกต้อง
   “ กรี๊ดดดด ! แกไปรู้เรื่องอะไรมา ใครบอกอะไรแกใช่ไหม กรี๊ดๆๆๆ ฉันจะฆ่าแก ” ปูเป้หวีดร้องออกมาเมื่อโดนต่อว่าก่อนจะพยายามพุ่งตัวมาทำร้ายผม แต่ก็ถูกเพื่อนของหล่อนจับไว้ก่อน
   “ เป้!ใจเย็นๆนะ ” เจนพยายามล็อคตัวปูเป้ไว้ “ แก ! ขอโทษปูเป้เดี๋ยวนี้เลยนะ ทำไมต้องว่าเพื่อนฉันด้วย ”
   “ ก็เพื่อนเธอทำนิสัยแบบนี้ก่อนทำไม ฉันไม่ผิด ไม่ขอโทษ เชิญเป็นบ้าไปเลย ” ผมไม่สนใจหรอก ผมเลยเก็บหนังสือที่เธอปามา วางบนโต๊ะเหมือนเดิม “ เอ้า ! หนังสืออะ หัดอ่านบำรุงสมองซะบ้าง ไม่ใช่มัวแต่บำรุงหนังหน้า เพราะถ้าสมองเธอไม่ได้พัฒนา หนังหน้าก็ไม่ได้ช่วยอะไร บาย ”
   “ เจน ปล่อย ! ฉันจะตบมัน ฉันจะตบมัน ! ”
   “ ปอย ช่วยฉันจับปูเป้ที TT ” เจนขอความช่วยเหลือจากเพื่อนนางเมื่อสู้แรงปูเป้ไม่ไหว
   “ ฝากไว้ก่อนเถอะตะวัน ฉันเกลียดแก กรี๊ดดด! โอ๊ย ใครโทรมาอีกเนี่ย ฮัลโหล ! ” ปูเป้แม้จะตะโกนว่าผมแต่ก็ยังมีอารมณ์รับโทรศัพท์ ผมนี่นับถือจริงๆเลย =_=
   “ ค่ะ…ทราบแล้วค่ะคุณพ่อ หนูจะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ….ไปกันเจน ปอย ฉันมีเรื่องต้องคุยกับคุณพ่อ ” ปูเป้วางสายก่อนจะรีบร้อนออกไปพร้อมเพื่อนทั้งสองของเธอ
   ไปซะได้ก็ดี ชิ น่าหงุดหงิดชะมัด !
   
   หลังจากเจอเรื่องบ้าบอมาผมก็ตรงไปหาพวกเพื่อนๆผมทันที อยากระบายให้ฟังจะแย่ละ
   “ โว้ย ! หงุดหงิด ” พอเปิดเข้าห้องซ้อมมาผมก็ตะโกนออกมาเพื่อระบายความหงุดหงิดของตัวเอง “ วันนี้วันอะไรเนี่ย พระราหูเข้าแทรกดวงชะตาหรือยังไงกันนะ ”
   “ แหมๆ เป็นอะไรจ๊ะ สามีไม่ทำการบ้านหรอ ” พัดชาถามขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทีของผม
   “ ใช่ที่ไหนล่ะ โดนยัยปูเป้หาเรื่องมาอีกแล้วน่ะสิ ”
   “ ห๊ะ ! เมื่อไหร่ ” จิ้ปกับพัดชาร้องขึ้นมาพร้อมกันเมื่อรู้สาเหตุของการอารมณ์เสียของผม
   “ แล้วนี่เป็นไงบ้างหรือเปล่า นางทำอะไรไหมรอบนี้ ” จิ้ปรีบเข้ามาเช็คสถาพร่างกายผมว่าบาดเจ็บตรงไหนไหม
   “ ไม่เป็นอะไรมากหรอก โดนปาหนังสือใส่ แต่ก็ไม่ค่อยเจ็บ ”
   “ ก็คงงั้น หนังหนาอย่างกับแรดจะตาย ” ส้มโอได้ทีก็แอบแขวะผมบ้าง
   “ อันนี้เราเห็นด้วยนะ ” โอ๊ตเองก็สมทบด้วย
   “ นี่โอ๊ต ส้มโอ ฉันเป็นเพื่อนพวกแกหรือเปล่าเนี่ย ! ” ผมพึ่งสังเกต ทำไมห้องนี้มันมีแต่หน้าเดิมๆเนี่ย “ พวกเพื่อนเราคนอื่นๆละ ไม่มาดูหรอ ทำไมเจอแต่พวกแก ”
   “ คนอื่นเขามาช่วยกันจนแยกไปทำงานกันหมดแล้วจ้า แกทำรายงานส่วนของแกยังเนี่ยตะวัน ”
   “ ง่า ลืมเลย TT เดี๋ยวเร่งทำแล้วจะส่งให้นะพัดชา ” โอ้มายก็อด ลืมไปเลยว่าตัวเองก็มีงานเหมือนกัน
   “ ย่ะ ! อยู่แต่กับผู้ชาย ถ้าส่งไม่ทันฉันจะเอาชื่อแกออกจากกลุ่ม ”
   เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมก็เลยเปิดโทรศัพท์หาข้อมูลทำรายงานไปพลางๆ แต่ในจังหวะที่หาข้อมูลอยู่ก้องก็ไลน์มา
   Kongkung : ตะวัน เราติดต่อเมฆได้แล้วนะ
   Tawan : จริงหรอ ! แล้วเมฆหายไปไหนมา
   Kongkung : ตอนนี้เมฆอยู่โรงพยาบาล เมฆเข้าโรงบาลมา 3 วันแล้วตะวัน
   Tawan : ห๊ะ ! ได้ไงแล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า
   Kongkung : เราก็ไม่รู้เหมือนกัน มันไม่ได้บอกว่าเป็นอะไร -_-
   Tawan : แล้วอยู่โรงพยาบาลไหน เมฆได้บอกหรือเปล่า ?
  Kongkung : บอกๆ อยู่โรงพยาบาล BK แถวมหาลัย
  Tawan : โอเค ขอบคุณมากนะก้อง
  Kongkung : อื้อ ถ้าไปฝากเยี่ยมด้วยนะ พวกเราติดทำงานคงไม่ได้ไป
   Tawan : ได้ๆเดี๋ยวเราบอกให้

   “ อ้าว เก็บของรีบจ๊ะคุณตะวัน ” พัดชาถามเมื่อเห็นผมรีบยัดทุกอย่างเข้ากระเป๋า
   “ ไปโรงพยาบาล ไปก่อนนะพวกแก ”

   จะเป็นอะไรมากไหมนะเมฆ เราจะรีบไปหาดี๋ยวนี้แหละ



คำคมท้ายบท : มันยากที่จะแสร้งทำเป็นรักคนที่เราไม่ได้รัก แต่สิ่งที่ยากยิ่งกว่าคือการแสร้งทำเป็นไม่รักในขณะที่เรารักเขาแทบตาย

- TBC -
ในที่สุดปูเป้ก็กลับมาแล้ว นางจัดเต็มแน่นอน แต่ตะวันของเราจะโต้กลับยังไงก็ติดตามกันต่อนะครับ ฝากกดถูกใจให้กำลังใจกันด้วยนะครับ คิดเห็นยังไงก็คอมเม้นท์ได้เช่นเดิมน้า ผิดพลาดหรือไม่ถูกใจประการใดก็ขออภัยมาใน ณ ทีนี้ด้วยครับ


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Wicvodca

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ violetvista

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ ฺBluemoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บทที่ 18
เคลียร์

   “ ไปโรงพยาบาล BK ครับ ”
   ผมตรงไปโรงพยาบาลทันทีที่รู้ว่าเมฆเข้าโรงบาล พอโทรเข้าเครื่องเขารอบนี้ก็ติดแล้ว แต่ดันไม่รับซะนี่
   “ แล้วจะรู้ไหมเนี่ยว่าอยู่ห้องไหน เฮ้อ ! เมฆนะเมฆ ”
   ผมกดโทรหาเขาตลอดการเดินทาง แต่ก็ไม่มีคนรับสายเหมือนเดิม หรือว่าจะหลับนะ แล้วไปเวลานี้โรงพยาบาลจะให้เยี่ยมไหมเนี่ย
   “ นี่ครับไม่ต้องทอน ” ในที่สุดผมก็ถึงโรงพยาบาลสักที หวังว่าจะยังทันเวลาเยี่ยมนะ

   “ สวัสดีครับ ไม่ทราบว่า เมฆา อัศวไพศาล อยู่ที่ห้องไหนหรอครับ ”
   “ สักครู่นะคะ ” พยาบาลยิ้มแย้มก่อนดูข้อมูล แสดงว่าผมน่าจะยังมาทัน “ อยู่ห้องผู้ป่วยพิเศษค่ะ ขึ้นไปชั้น 6 ห้อง 6210 ได้เลยนะคะ ”
   “ ขอบคุณมากครับ ”
   พอรู้ห้องแล้วผมก็เลยแวะซื้อขนมๆเล็กๆน้อยๆกับน้ำผลไม้ไปให้เขาสักหน่อย กะจะง้อไปด้วยในตัวด้วย ก่อนจะขึ้นไปยังห้องที่เมฆพักอยู่
   “ เอ ห้องไหนนะ 6210 ” ผมเดินหาอยู่สักพัก “ อ่อ เจอแล้ว ”
   แต่เมื่อผมส่องกระจกเข้าไปในห้องก็เห็นเมฆนอนหลับอยู่บนเตียง ก็ว่าทำไมไม่รับสาย แต่พอจะเปิดประตูก็ดันเห็นคนๆหนึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ
   นั่นมันใบหม่อนนี่ แล้วหม่อนมาที่นี่ได้ไงนะ ?
   
   แล้วหม่อนก็เดินไปนั่งข้างเตียงเมฆก่อน จะเอามือเมฆที่หลับอยู่ขึ้นมากุม ผมเลยชะงักมือและยืนดูพวกเขาจากข้างนอก พร้อมคำถามในหัวมากมาย เขารู้จักกันได้ไง ? แล้วทำไมหม่อนถึงอยู่ที่นี่ ? ไหนจะท่าทางทีหม่อนทำกับเมฆอีก นี่พวกเขาเป็นอะไรกันนะ
   ผมเห็นหม่อมยื่นหน้าไปใกล้เมฆ แต่ก็เห็นไม่ถนัดว่าเขาทำอะไรกัน ก่อนที่หม่อนจะหยิบกระเป๋าและเดินมาทางประตู ผมเลยรีบถอยไปตั้งหลักไกลๆจากประตู
   “ ตะวัน มาเยี่ยมเมฆหรอ : ) ” หม่อนทักผมเมื่อเปิดประตูแล้วหันมาเห็นผมพอดี
   “ อ้าว! หม่อน นี่หม่อนก็มาเยี่ยมเมฆเหมือนกันหรอ เป็นไงบ้างไม่เจอตั้งนาน ”
   “ ก็เรื่อยๆนะ งั้นเราฝากดูแลเมฆต่อด้วยนะ พอดีเราต้องไปทำงานต่อแล้ว ”
   “ อ๋อ โอเค งั้นกลับดีๆนะหม่อน ดูแลตัวเองด้วย ”
   “  ตะวันเองก็เหมือนกัน ดูแลตัวเองให้ดีล่ะ เกิดเป็นอะไรขึ้นมาเชนคงเสียใจแย่ : ) ” หม่อนพูดจบก็เดินออกไปเลยโดนไม่ได้สนใจอะไรผมอีก
   รีบจัง ว่าจะถามต่อสักหน่อยว่ารู้จักเมฆได้ไง เดี๋ยวไว้ค่อยถามเมฆแทนก็ได้
   พอผมเข้ามา เจ้าตัวที่นอนอยู่บนเตียงก็หลับไม่รู้เรื่องอะไร แถมที่หัวยังมีผ้าพันไว้อีก เกิดอุบัติเหตุขึ้นหรอไงนะเมฆ
   “ เมฆ .. ” ผมลองเรียกเขาดูเพื่อเขาจะตื่น แต่เขาน่าจะหลับลึก ผมเลยขยับเก้าอี้มานั่งข้างๆเตียงเขา
   ผมนั่งมองหน้าเขาอยู่สักพักก็รู้สึกง่วงเลยฟุบหลับไปที่เตียง

   “ ไง ตื่นแล้วหรอ ? ” เมฆทักผมเมื่อผมลืมตาขึ้น
   “ หืม =_- ” ผมยังคงมึนๆเพราะพึ่งตื่น
   “ ป่าว จะบอกว่าช่วยขยับหน่อยได้ไหม เมฆปวดฉี่ ตะวันกอดเมฆอยู่ ”
   พอเมฆพูดอย่างนี้ผมถึงได้รู้ว่าตอนนี้นี้ผมกำลังเอามือกอดเขาอยู่ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย
   “ อุ๊ย..ขอโทษนะเมฆ ปวดฉี่หรอ เดี๋ยวเราช่วย ” ผมเอามือออกและช่วยประคองเขาให้ลุกง่ายขึ้น “ เดินไหวป่าวเมฆ ”
   “ ไหวๆ เดี๋ยวเมฆเดินไปเอง ตะวันนั่งอยู่นี่แหละ ” แล้วเขาก็เดินเข้าห้องน้ำไป
   ผมเลยรีบเช็คที่เตียงว่าที่หลับไปเมื่อกี้เผลอน้ำลายไหลไหม =_=
   “ โอเค ไม่มีคราบ ค่อยโล่งหน่อย ”
   “ หาอะไรหรอตะวัน ? ”
   “ คราบน้ำลาย... เอ๊ย ! เราแค่ดูเฉยๆว่าบนเตียงมีมดหรือเปล่า พอดีๆคันๆเหมือนโดนกัด ”
   เมฆทำหน้างงๆก่อนจะเดินกลับมาที่เตียง “ ไม่มีหรอก เราไม่ได้กินขนมบนเตียงซะหน่อย ”    
   “ อื้อ งั้นสงสัยเราคงคิดไปเอง ” ผมช่วยจับตัวเขาให้นอนถนัดๆ “ อึ๊บ เรียบร้อย ”
   “ ขอบคุณนะ รบกวนหยิบน้ำให้เราหน่อยได้ไหม ”
   ผมเลยเดินไปหยิบน้ำมาเทใส่แก้วให้เขา “ อะนี่ กินซะ แล้วไหงอยู่ดีๆเข้าโรงพยาบาลได้เนี่ย เป็นอะไรมากหรือเปล่า ”
   “ แล้วตะวันมาอยู่ที่นี่ได้ไง ? ” เขาไม่ตอบคำถามผมแต่ดันถามคำถามกลับซะได้
   “ ก็เราเห็นเมฆหายไป ไลน์ไปก็ไม่ตอบ โทรหาก็ปิดเครื่อง ก็เลยไปตามหาที่คณะแล้วเพื่อนเมฆก็เลยบอกว่าเมฆเข้าโรงพยาบาล ”
   “ อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ”
   “ เมฆยังไม่ตอบเราเลยนะ ว่าเป็นอะไร ไปโดนอะไรมาถึงได้มีผ้ามาพันหัวพันแขนแบบนี้เนี่ย ”
   “ พอดีๆเมฆเดินๆอยู่ดีๆก็โดนรถที่ไหนเชี่ยวไม่รู้ พอเมฆล้มลงไปพวกมันก็ลงมาเอาไม้มาตีที่หัวเมฆ นี่ยังงงอยู่เลยว่าเมฆไปทำอะไรให้ใครหรือเปล่า ”
   “ อ้าว ! แล้วนี่โดนชิงทรัพย์หรือเปล่า แล้วเมฆแจ้งความหรือยัง ” ผมตกใจเมื่อได้รู้ว่าเขาโดนอะไรมา ใครกันนะมาทำแบบนี้
   “ พวกมันไม่ได้เอาอะไรไป ส่วนแจ้งความเมฆยังไม่ได้แจ้งเลย ตอนที่โดนเมฆเหมือนจะหมดสติก็มีคนช่วยพามาส่งโรงพยาบาล ”
   “ ยังดีนะที่มีคนมาช่วย แล้วคนนั้นใครกัน ? ”
   “ ชื่อใบหม่อนไง ตะวันก็น่าจะรู้จักนะ ที่เจอที่โรงอาหารตอนที่ตะวันมีเรื่องกับปูเป้ไง ”
   “ หม่อนเองหรอที่เป็นคนพาเมฆมาส่งโรงพยาบาล ?  ”
   “ ใช่ แล้วเขาก็นอนเฝ้าเมฆมาตั้งสองวันแล้ว เมฆบอกว่าไม่เป็นไรเขาก็ยืนยันว่าจะอยู่ ”
   “ อ๋อ…หรอ ” มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ก็ว่าอยู่ว่าทำไมหม่อนถึงมาอยู่ที่นี่ได้
   “ อื้อเรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ นี่ก็ดึกแล้วนะตะวันกลับเหอะ ”
   ผมมองดูนาฬิกา มันก็ดึกจริงๆแหละ แต่ผมยังไม่ได้คุยกับเขาให้รู้เรื่องเลย
   “ ไม่อ่ะ ยังไม่กลับหรอก แล้วนี่กินยายัง เช็ดตัวไหมเดี๋ยวเราไปเอาผ้ามาเช็ดให้ ”
   ผมลุกเตรียมจะไปเอาอุปกรณ์มาเช็ดตัวให้เขา แต่ถูกเขาดึงมือไว้ก่อน
   “ ทำไมต้องทำท่าทีแคร์เราขนาดนี้ด้วย.. ตะวันห่วงเราหรือไง ” เขาพูดพร้อมมองผมด้วยสายตาเศร้าสร้อย
   “ ก็ห่วงนะสิ ! ทำไมถามแบบนี้ เมฆเป็นเพื่อนเรานะ ไม่ให้ห่วงเพื่อนแล้วจะให้เราห่วงใคร ”
   “ อ๋อ.. เมฆลืมไปว่าเราเป็นได้แค่เพื่อน ” เขาปล่อยมือผม ก่อนจะพลิกตัวตะแคงไปอีกข้าง “ ตะวันกลับไปเหอะ เมฆอยากอยู่คนเดียว ”
   “ นี่ ! เราไม่กลับ หันมาคุยกันก่อนเมฆ ” เมื่อเห็นท่าทีของเขาแล้วผมเกิดหงุดหงิดเลยเผลอออกแรงดึงเขาให้หันกลับมา
   “ โอ๊ย ! ” เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บ ผมคงทำเขาแรงไป
   “ เมฆเราขอโทษ ! เจ็บมากไหม เราไม่ได้ตั้งใจ ”
   “ เจ็บ… ” เขาพูดออกมาเบาๆ “ ตะวันทำแบบนี้ไม่สงสารเรามั่งหรอ ยิ่งมาทำเป็นห่วงเราอย่างนี้เรายิ่งตัดใจจากตะวันไม่ได้นะ ”
   “ เมฆ.. ” ผมทำอะไรไม่ถูก ผมไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้เลย
   “ ขอเมฆทำใจได้ก่อนนะตะวัน แต่ตอนนี้ตะวันปล่อยเมฆไปเถอะ ให้เราอยู่คนเดียวได้ไหม ”
   “ ไม่ได้ เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องนะเมฆ ”
   “ … ”
   “ เมฆอย่าหลบหน้าเราได้ไหม อย่าหายไปไหนสิ ก็เป็นเหมือนเก่าไง เมฆทำไม่ได้หรอ ”
   “ เมฆทำไม่ได้หรอก ตะวันไม่คิดมั่งหรือไงว่าเมฆต้องเก็บความรู้สึกตัวเองมานานแค่ไหนแล้ว ”
   “ แล้วทำไมไม่รู้จักพูดให้เร็วกว่านี้ล่ะ ! ” ผมเหลืออดเต็มที่แล้วเลยสวนเขากลับ
   “ ….หมายความว่ายังไง ”
   “ ก็หมายความอย่างที่พูดแหละ ถ้าไม่อยากให้อยู่เราก็ไม่อยู่แล้ว งั้นเรากลับแล้ว ” ผมพูดเสร็จก็จะกลับทันที แต่โดนเข้าดึงไว้ก่อน
   “ เดี๋ยวก่อนสิ…คุยกันก่อน ” เขาจับมือผมไว้ทั้งสองข้าง “ เร็วกว่านี้หมายถึงอะไร ”
   เฮ้อ ! ทำไมเข้าใจยากเย็นอะไรอย่างนี้นะ ต้องให้มาอธิบายอีกหรอ
   “ ก็หมายถึงตัวเมฆนั่นแหละ มีอะไรทำไมไม่รู้จักพูดให้ไว มาบอกเราตอนนี้มันไม่สายไปหน่อยหรอ มาบอกในวันที่เราคบกับเชนไปแล้วเนี่ย ”
   “ …. ” เขานิ่งเงียบไป ก่อนจะเปิดปากพูด “ ถ้าเมฆบอกเร็วกว่านี้เมฆก็อาจมีสิทธิ์สินะ.. ใช่ไหม ? ”
   “ ไม่รู้โว้ย ! ไม่คิดมั่งไงว่าเรารอเมฆมานานแค่ไหนแล้ว เราก็รู้สึกดีกับเมฆเหมือนกันแหละ แต่ตอนนี้มันคงเป็นไปไม่ได้ ” ไหนๆก็ไหนๆแล้วผมก็พูดความในใจผมบ้าง “ งั้นวันนี้เรากลับก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเยี่ยมใหม่ ”
   “ ไม่ต้องกลับแล้วได้ไหม..อยู่กับเมฆนะคืนนี้ ”
   “ อ้าว ไหนตอนแรกไล่ให้เรากลับไง ”
   “ ก็ตอนนี้ไม่อยากให้กลับแล้ว ”
   “ เออๆ ไม่กลับแล้วปล่อยเราก่อน ” ผมว่า แล้วเขาก็ยอมปล่อยมือ
   “ ขอบคุณนะ ”
   “ ขอบคุณอะไร =_= ? ”
   “ ขอบคุณที่ทำให้รู้ว่าเมฆก็ยังมีหวังอยู่ : ) ” ตอนนี้เขายิ้มออกแล้ว “ เมฆจะรอวันที่ตะวันโสดนะ ”
   “ อืม.. แต่คงจะนานหน่อยนะ ยังไงตอนนี้เราก็มีเชนอยู่ ”
   “ งั้นเลิกสิ ! ไหนๆตะวันก็รู้สึกเหมือนที่เมฆรู้สึกไม่ใช่หรอ ”
   “ มันไม่ได้หรอกเมฆ เชนไม่ได้ทำอะไรผิด เราจะไปทำแบบนั้นได้ยังไง ”
   ถึงจริงๆแล้วผมจะรักเมฆ แต่จะให้ผมไปเลิกกับเชนก็คงไม่ได้หรอก แม้ตอนที่คบกันเป็นเพราะผมกำลังเสียใจอยู่ก็ตาม แต่เชนก็ทำดีกับผมมาเสมอ ผมไม่อยากทำให้เขาเสียใจ
   “ เราก็แค่อยากให้เมฆรู้ความรู้สึกเรา แต่อย่างที่บอกว่ามันคงเป็นไปไม่ได้หรอกในตอนนี้ ส่วนอนาคตมันจะเป็นยังไงเราก็ไม่มีวันรู้ เมฆเข้าใจใช่ไหม? ”
   “ อื้อ..เมฆเข้าใจ เมฆรอได้ ”
   “ เมฆไม่ต้องรอก็ได้นะ เมฆจะคบกั..”
   “ หยุด ไม่ต้องพูดแล้ว ยังไงเมฆก็จะรอ ”
   “ เออ ตามใจเมฆละกัน แต่ตอนนี้ต้องสัญญาก่อนว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไม่หลบหน้ากัน และไม่ทำอะไรเกินเลยมากกว่าเพื่อน ”
   “ อื้อ เมฆสัญญา แต่จูบแบบเพื่อนไม่ได้หรอ ”
   “ ไม่ได้ ! ”
   “ งั้นถ้าแค่กอดล่ะ ? แบบเพื่อนกอดกัน ” เมฆพยายามต่อรอง
   นี่อยู่ตลาดหรือไง ต่อเก่งเหลือเกิน
   “ อืม…ก็ได้ แต่ห้ามหึงเด็ดขาด ไม่งั้นเราเนี่ยแหละจะเป็นฝ่ายหนีจากเมฆไปเอง ”
   เมฆก็รับปากตามทุกอย่างที่ผมบอก เฮ้อ ! อย่างน้อยก็เคลียร์ไปได้อีกเรื่อง ผมแอบโล่งอกที่ได้บอกออกไปดีกว่าต้องมาเก็บไว้คนเดียว และมันก็ดีที่ทำให้ผมได้เพื่อนคนเดิมผมกลับมาอีกครั้ง โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าความสัมพันธ์เราจะเป็นยังไงต่อไป วันนึงข้างหน้าเราอาจจะเลิกรู้สึกดีต่อกันก็ได้ใครจะไปรู้ แต่ผมถือว่าวันนี้ผมเองก็ทำดีที่สุดแล้วในการรักษาความสัมพันธ์กับทุกคน
   
   “ แล้วนี่ออกจากโรงพยาบาลได้วันไหนเนี่ย ” ผมเช็ดตัวให้เขาพลางคุยกับเขาไปด้วย
   “ อีก 2 วันก็กลับได้แล้ว หมอให้อยู่เพื่อดูอาการเฉยๆ ”
   “ อื้อ รีบออกได้แล้ว เพื่อนๆเมฆเขาเป็นห่วง ต้องประกวดดาว-เดือน อีกไม่ใช่หรอ หมดหล่อซะละมั้ง ”
   “ ไม่เห็นเป็นอะไรสักหน่อย ทันอยู่แล้ว อีกอย่างที่โดนฝาดก็หลังหัวไม่ใช่ด้านหน้าซะหน่อย ”
   “ จ้าๆ ชิวเหลือเกินนะ เสียแรงที่เป็นห่วงจริงๆ ”
   จริงๆผมเช็ดตัวเขาไปก็ห้ามตัวเองไม่ให้กำเดาไหลไป ทำไมหน้าท้องมันแน่นอย่างนี้เนี่ย -.,-
   “ ถ้ารู้ว่าเป็นห่วงแบบนี้ ไว้ไปโดนตีอีกดีกว่า ” เมฆยิ้มนิดๆให้ผม
   “ เพ้อเจ้อ อยากโดนตีบอกนี่สิ เดะจะตีให้ แล้วนี่จะโชว์อะไรตอนประกวดดาวเดือนเนี่ย ”
   “ ไม่บอกหรอก ความลับ ”
   “ ชิ ! ไม่รู้ก็ได้ เอ้า เสร็จแล้วใส่เสื้อผ้าได้แล้ว ”
   “ ขอบคุณครับ : ) ”
   “ เดี๋ยวเราไปปิดไฟให้ นอนได้แล้ว ต้องพักผ่อนเยอะๆนะ ”
   
   ผมปิดไฟแล้วจึงมาล้มตัวนอนที่โซฟา เหนียวตัวจัง อยากอาบน้ำ : (
   
   “ ตะวัน ”
   “ หืม ? ”
   “ มานอนข้างๆเมฆสิ ”
   “ จะบ้าหรอ ไม่เอาหรอก เราไม่ได้อาบน้ำเหนียวตัวจะตาย ” ผมรีบปฏิเสธ “ อีกอย่างเมฆจะได้นอนสบายๆจะให้เราไปเบียดทำไม ”
   “ ไม่เบียดหรอก มาเหอะ นะๆๆๆ ”
   “ ไม่  ! นอนละ ฝันดี ”
   “ ตะวันไม่กลัวผีหรอ ? เขาว่าที่นี่ผีดุนะ ”
   
   อะไรนะ ผีหรอ TT
   
   “ บะ..บ้า ไม่มีมีหรอกผีเผออะไร โรงพยาบาลดูใหม่จะตาย ”
   แต่ทันทีที่ผมพูดจบก็มีเสียงหมาหอนขึ้นมาทันที
   บรู๋ววววววววววว ~
   “ อื้อๆแล้วแต่งั้น เมฆนอนละ ฝันดีนะ ”
   “ เดี๋ยวก่อนเมฆ ! ” ผมเรียกเขาก่อนจะหอบหมอนไปที่เตียงเขาด้วย “ นอนด้วยก็ได้ เรากลัวเมฆเหงาหรอกนะ ”
   “ ฮ่าๆๆ ” เมฆหัวเราะออกมา หัวเราะเยาะผมสินะ !
   “ ขำอะไร ! ”
   “ เปล่าครับ : X ” เขาหยุดขำทันที “ นอนเถอะๆ จุ้บๆ ”
   ทันที่ที่พูดจบเขาก็กอดผมทันที
   “ เมฆ ! ปล่อยเลยนะ ”
   “ ทำไมอะ ขอกอดหน่อย เมฆติดหมอนข้างไม่งั้นนอนไม่หลับ ”\
   “ แต่ว่า.. ”
   “ ง่วงละนอนดีกว่า ” เขาหาวออกมา ก่อนจะเงียบไปเหมือนมีคนมาสลับสวิตซ์
   “ เฮ้อ….. ”
   ผมคงทำไรไม่ได้แล้วสินะ สุดท้ายก็ต้องปล่อยเลยตามเลย ก่อนจะคล้อยหลับไป
   
   - Baimhon Time -

   “ ฮัลโหล ”
   “ โทรมามีอะไร ” ปลายสายตอบผมด้วยน้ำเสียงเย็นชา
   “ แหมๆ กว่าจะรับสายได้นานเหลือเกินนะเชน ”
   ผมโทรหาเขาอยู่เป็นสิบสายกว่าเขาจะยอมรับสายผม สายก่อนๆก็ตัดสายผมทิ้งหมด
   “ ถ้าไม่มีธุระอะไรก็แค่นี้นะ ”
   “ เดี๋ยวก่อนสิ ก็แค่มีเรื่องมาบอกให้ฟังเฉยๆ ”
   “ เรื่องอะไรก็พูดมาสิวะ ลีลาอะไรนักหนา ” เขาพูดอย่างฉุนเฉียว

   หึ ! ดีโมโหเยอะๆเลย

   “ ไหนลองพูดกับเราดีๆสิ อ้อนวอนเราสิ อยากรู้ไหมเอ่ย ” ผมพยายามยั่วโมโหเขา
   “ มึงจะมีปัญหากับกูใช่ไหมตะวัน ”
   “ เฮ้อ ! เชนนี่เจ้าอารมณ์จังเลยนะ ถึงว่าตะวันถึงไม่ทน ”
   “ หมายความว่ายังไง ”
   “ ก็หมายความตามนั้นแหละ แค่นี้นะ ไม่อยากบอกละ ” ผมกดตัดสายใส่เขาบ้างเป็นการปั่นประสาท
   แต่พอวางสายปุ๊ป เชนก็โทรกลับมาทันที ผมก็ไม่รับหรอก จนประมาณสายที่ 20 ได้ ผมถึงจะรับ
   “ ตอนแรกอยากวางนักไม่ใช่หรอก โทรกลับมามีอะไรหรือเปล่าเชน ”
   “ หม่อน อย่ามาเล่นลิ้น ที่พูดหมายความว่าไง ”
   “ อืม…ยังไงดีน้า ” ผมแกล้งคิดเล็กน้อย “ ถ้าอยากรู้ก็ลองไปที่โรงพยาบาล BK ดูสิ ห้อง 6210 แล้วเชนก็คงจะได้คำตอบ อ่อ รีบไปหน่อยนะ ก่อนที่จะไม่ทันเห็นอะไรดีๆ ”
    พูดเสร็จผมก็ตัดสายทิ้งแล้วกดบล็อกเบอร์เขาทันที ก่อนจะโทรหาอีกคน
   “ รีบร้อย ฉันโทรบอกเชนแล้ว ”
   “ แล้วเธอมั่นใจหรอว่าเชนจะมาตามที่นายบอก ”
   “ แน่ใจสิ ลองเป็นเรื่องของตะวัน ต่อให้ไกลแค่ไหนเชนก็ไป ”
   “ แล้วนายมั่นใจกับแผนนี้แค่ไหน ”
   “ ก็คอยดูละกันปูเป้ว่าได้ผลไหม เธอแค่คอยช่วยตามที่ฉันบอกละกัน ”
   “ ได้ ไม่มีปัญหา อยากได้อะไรหรืออยากให้คนของฉันไปทำอะไรก็บอกมาได้เลย แต่ห้ามทำเมฆเจ็บตัวแบบครั้งนี้อีก ไม่อย่างนั้นนายนั่นแหละจะโดนฉันเล่นงาน ”
   “ เอาน่า รับรองว่าเจ็บแค่นี้คุ้ม ” ผมยิ้มให้กับตัวเอง “ ตะวันจะต้องไม่เหลือใครเลย ทั้งเมฆและเชนหรือแม้กระทั่งเพื่อนๆของมัน มันต้องเสียทุกคนไป มันต้องเจ็บกว่าที่ฉันรู้สึก ”
   “ ดี ! ถือว่าจุดประสงค์เราตรงกัน งั้นมาเจอกันหน่อยไหม ฉันเลี้ยงข้าวนายเอง ”
   “ ร้านไหนเธอก็ส่งโลเคชั่นมาแล้วกัน ”
   “ เดี๋ยวส่งไปให้ แค่นี้แหละ ”
   “ เจอกัน ”
   ผมมีความสุขจังที่จะได้ทำลายความสุขของตะวัน ครั้งนี้ผมเองแหละที่เป็นคนขอให้ปูเป้จัดคนมาเพื่อดักทำร้ายเมฆ แล้วก็แสร้งทำเป็นคนที่แสนดีเข้าไปช่วยเขา ผมไม่รู้สึกเสียใจเลยที่ทำลงไป แต่กลับรู้สึกสนุกซะด้วยซ้ำ

   รอก่อนนะตะวัน ต่อไปก็คิวของตะวันแล้วนะ แล้วเจอกันนะ ‘ เพื่อนรัก ’ : )       

คำคมท้ายบท : หากคนสองคนเกิดมาคู่กัน คงไม่มีเวลาไหนที่จะยาวเกินไป ไม่มีระยะทางไหนที่ห่างไกลเกินไป และ คงไม่มีใครที่จะแยกพวกเขาออกจากกันได้

- TBC -
ทีนี้มาทั้งใบหม่อนทั้งปูเป้เลยแถมใบหม่อนนี่ดูโรคจิตกว่ายัยปูเป้อีก  สู้หน่อยนะตะวัน เมฆ เชน รักของพวกเธอมันดูทรหดเหลือเกิน แต่ในโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆหรอกนะ ความรักก็เช่นกัน จุ้บๆ


ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

นังใบหม่อนนี่มัน.....

เกินเยียวยา

ออฟไลน์ violetvista

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ใบหม่อนนี่น่าโมโหจริงๆ

ยังรออยู่น้า รีบมาต่อตอนต่อไปไวๆนะคะ

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เรื่องแรกก้อเขียนออกมาได้น่าติดตามมากเลยคะ พยายามต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้คะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด