ชายาแห่งดวงจันทร์ :::Ch.19::: Update 24/01/2015 (P.9)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ชายาแห่งดวงจันทร์ :::Ch.19::: Update 24/01/2015 (P.9)  (อ่าน 47238 ครั้ง)

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
พึ่งมาอ่านจร้า~~~!!!!
เรื่องนี้พลอตเรื่องค่อนข้างแหวกแนว ชอบมากๆเลย
อ่านแล้วไม่น่าเบื่อ ^0^ ชอบวีมากคร้าแหวกแนวดี 555555
ตอนหน้าเจ้าดำจะเปนไงน๊า โดนลมเพชรหึง อิอิ

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
มาอ่านรวดเดียวสองตอนเลย สนุก ตื่นเต้น และฮาจริงอะไรจริง ชอบมากกกก
แต่ทำไม ว่าที่เทพกระต่ายธาใช้เวทย์มนต์ให้ตัวอุ่นได้ แต่พระชายาวีใช้ไม่ได้อ่ะ
เชอเชสเนี่ย ไม่ว่าเวลาไหน สถานการณ์ไหน ต้องได้อ้อนได้หยอดที่รักตลอดเลยนะ น่ารัก  :-[
จริง ๆ เผชิญหน้ากับศัตรูน่ากลัว ๆ อย่างนี้ มันต้องเครียดมากเลยนะเนี่ย
แต่เจอคำบรรยายแบบเกรียน ๆ ของพระชายาเข้าไป ความเครียดหายไปเกินครึ่งเลย 555
น้องวีโชว์ความสามารถได้สมกับเป็นพระชายาจริง ๆ อย่างเท่ห์อ่ะ เริ่มโหดแล้วด้วยนะ
ชอบหัวหน้าหมาป่าสีหมอกจัง  หล่อแบบเย็นชา แต่มีเหตุมีผล เท่ห์มาก  :o8:
รอตอนต่อไปจ้า ลมเพชรหึงของเจ้าม่วงจะเป็นเช่นไรหนอ ฮาาา


ออฟไลน์ PiSCis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
มีหึงด้วยอ่ะ~~~  :-[

ออฟไลน์ varirinnara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ชายาแห่งดวงจันทร์ -15-
«ตอบ #183 เมื่อ07-01-2016 17:58:40 »




-15-
ง้อกระต่ายก็ไม่ยากเท่าไหร่หรอก(มั้ง)





กระต่ายของผมงอนตุ๊บป่องซะแล้ว...

หลังสงบศึกกับกลุ่มหมาป่าสีหมอกหันมาจับมือเป็นพันธมิตรกันแทน เจ้าม่วงก็จับผมอุ้มในท่าเจ้าสาว เดินดุ่มๆ ตามการนำของนายกองที่หนึ่งแห่งกองกำลังอะไรซักอย่างนั่นไปโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ บรรยากาศอึมครึมคลับคล้ายพายุจะเข้าเล่นเอาผมไม่กล้าแม้แต่จะกระดิกปลายตีนให้กระต่ายหน้าบูดแถวนี้ขุ่นข้องหมองใจเพิ่ม แม้แต่เจ้าตัวพูดมากอย่างเซริมยังเฉาลงเหมือนผักเปื่อยเพราะถูกเจ้านายตัวเองหมายหัวเอาไว้เต็มกระบาล

“นี่…” ผมจิ้มอกเจ้าม่วงเรียกกระต่ายตัวโตที่ทำหน้าเครียดแบบไม่กลัวตะคริวแดกหน้า

“เชอเชส~~~” เพิ่มระดับเสียงเง้างอดขึ้นอีกนิด เวลาอ้อนอยากได้ของอะไรจากแม่ ผมก็ใช้วิธีนี้ทุกที แล้วมันก็ใช้ได้ผลแทบจะทุกครั้งด้วยถ้าคุณป๋าไม่โผล่เข้ามาซัดก้านคอผมซะก่อนข้อหาไปออเซาะเมียแก (แต่นั่นก็แม่ผมนะเฮ้ย!)

“นี่จะไม่พูดกับผมจริงๆ ใช่มั้ย!” ผมงัดตัวขึ้นมาจ้องหน้าเขา จับล็อคสองแก้มของเขาเอาไว้ไม่ให้หันหน้าหนีได้

“ทำอย่างนี้มันอันตรายนะครับท่านวี” เขาเตือนผมให้รู้ว่าเรากำลังอยู่บนทางลาดชันที่พร้อมจะกลิ้งโค่โร่ตกเขาไปได้ทุกเมื่อ ทำเป็นเสียงเข้มนะเจ้ากระต่ายนี่...

“บอกมาก่อนว่างอนผมเรื่องอะไร” ผมทำเสียงเข้มแข่ง ไม่ชอบเลยที่จู่ๆ ก็ถูกอีกฝ่ายโกรธ? งอน? น้อยใจ? ไม่พอใจ? หรืออะไรก็ช่างเหอะ มีอะไรก็พูดมันออกมาสิ แมนๆ อ่ะเขาคุยกันด้วยคำพูดนะเฮ้ย คุยไม่รู้เรื่องก็ค่อยใช้หมัดคุย ไอ้มาเงียบให้ผมมานั่งเดาใจนี่... ไม่ใช่แนวว่ะ

“ท่านวีไม่ทราบจริงๆ หรือครับ?”

ถ้ากระผมทราบ กระผมจะลงทุนง้อ(?)อย่างที่เป็นอยู่นี่ไหมล่ะครับ?

จากตาดุๆ ที่เฉียงขึ้นยี่สิบห้าองศาเริ่มผ่อนคลายลง ผมเห็นนะว่ามุมปากมีแอบกระตุกยิ้มด้วยอ่ะ

“ไม่ชอบที่ผมไปกอดเซริม?” ก็ไม่ได้อยากจะคิดว่าเขาหึงผมหรอกนะ เพราะเขาก็ผู้ชาย ผมก็ผู้ชาย มาหงมาหึงกันมันจั๊กกะจี้น้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะ

“ท่านเป็นชายาของข้า การไปอยู่ในอ้อมกอดผู้อื่นนับว่าไม่เหมาะสม”

อ้อ ที่แท้ก็ห่วงในเรื่องของความเหมาะสม

“อีกอย่าง...”

อีกอย่าง?

“ข้าไม่ชอบที่เห็นท่านไปกอดใคร และไม่ชอบ...ที่เห็นท่านตกอยู่ในวงแขนคนอื่นด้วย”

ชัดไหมล่ะไอ้วี...เจ้ากระต่ายนี่มันหึงมึงอยู่ชัดๆๆๆๆๆๆๆๆ

“โอเค ผมเข้าใจแล้ว” ผมยกมือหนึ่งขึ้นปิดหน้า อีกมือยกขึ้นยอมแพ้ รู้แล้วว่าตัวเองทำพลาดที่ตรงไหน “ทีหลังจะไม่เที่ยวกอดใครสุ่มสี่สุ่มห้าอีกแล้ว เพราะงั้นเลิกงอนผมนะ”

“อืม... ถ้ายอมจูบข้าสักที ข้าจะทำเป็นไม่เห็นอะไรที่มันบาดใจก่อนหน้านี้ก็ได้ครับ”

เจ้ากระต่ายที่ถือไพ่เหนือกว่าฉีกยิ้มโรคจิตออกมาให้เห็น แถมเดี๋ยวนี้ยังฉลาดรู้จักต่อรองกับผมซะด้วย อย่าเห็นว่าผมทำผิดแล้วคิดจะเอาเปรียบผมได้ง่ายๆ นะเอ้ย!

“จริงด้วยสิ ข้ายังไม่ได้ไตร่ตรองความผิดของเซริมเลย โทษฐานที่บังอาจกอดชายาของรัชทายาทนี่ต้องได้รับโทษอย่างไรบ้างนะ ฟาฮา” เจ้าชายลำดับสามหันไปถามองครักษ์สีเงินของตนเอง ให้หนึ่งกระต่ายตัวดำๆ กับผมที่เป็นคนพากระต่ายตัวนั้นซวยพากันสะดุ้งโหยงพร้อมเพรียง

หน้าเจ้าดำเซริมนี่เบ้ไปแล้วครับ อีกนิดได้มีน้ำตาไหลพรากอ่ะที่รู้ว่าจะต้องถูกทำโทษ เขาหันมาสบตากับผมปิ๊งๆ ที่มีรหัสมอสแฝงมาบอกให้ผมช่วยเขาด้วย

เออ ทีนี้ล่ะมาทำหน้าอ้อนนะ ปรกตินี่ขยันแซวกันชิบหายวายป่วง

“เท่าที่ข้าจำได้ ผู้ใดก็ตามที่ล่วงเกินชายาแห่งดวงจันทร์จักต้องถูกโบยด้วยไม้จันทร์ยี่สิบครั้ง อดข้าวอดน้ำสามวัน และถูกปลดออกจากราชการ ห้ามเข้าวังอีกตลอดชีวิตขอรับ”

เหอออออ แค่กอดกันนิดเดียว(เพื่อป้องกันผมหนาวตาย)นี่ถึงกับโดนโบย งดข้าว งดน้ำ งดหนม(?) ถูกปลด โดนไล่ออกจากวังกันเลยเรอะ!?

โหดร้ายกันเกินไปแล้ว!!!

“เชอเชส นั่น(เบ๊)คนสำคัญของนายเลยนะ!” สองมือผมตะปบแก้มเจ้าม่วงอีกครั้ง พูดเตือนสติให้เขาเห็นถึงข้อดีของเซริมเข้าไว้ “ถ้านายลงโทษแล้วไล่เซริมออก ต่อจากนี้ใครจะช่วย(แบกของให้)นายห๊ะ เวลาที่นายต่อสู้ ใครจะเป็นโล่เป็นหอกให้นาย(ถ้าไม่ใช่เจ้าบ้านี่ที่ออกหน้าแทนตลอด) ไหนจะตอนกินข้าว ก็เป็นเจ้าดำนี่ไม่ใช่รึไงที่เป็นคน(หนู)ทดลองพิษให้น่ะ คิดสิคิด องครักษ์ที่(หลอก)ใช้งานง่าย ทำได้สารพัด ไม่เกี่ยงงอนว่าจะเป็นงานหนักงานเบาแบบนี้  นายจะไปหาที่ไหนได้อีก!”

ไอ้ข้อความที่ละไว้ในวงเล็บนั่นผมไม่ได้พูดออกไปหรอก แต่คนที่สามารถอ่านใจผมได้ย่อมต้องมองออกแน่ว่าผมต้องการจะสื่ออะไร ร่างเจ้าตัวโตที่อุ้มผมอยู่เลยดูสั่นๆ เล็กน้อย ใบหน้าเริ่มหลุดจากการเก๊กขรึม ผมก็อยากจะตบไหล่เขาแล้วบอกว่า ‘เฮ้ น้องชาย อยากขำก็ขำมาเลยดิ จะกั๊กเอาไว้ทำไม’ อยู่หรอกนะ แต่คิดอีกที...ไม่เอาดีกว่า เจ้าม่วงเวลานี้ยิ่งผีเข้าผีออกอยู่ เกิดพูดไปแล้วเขาไม่เล่นด้วยนี่มีแป้กนะวีนะ

ผมทิ้งตัวกลับมานอน(?)เรียบร้อยเหมือนเก่าเมื่อคุณนายกองหมาป่าเอ่ยปากเร่งให้พวกเราเดินตามให้ทัน บรรยากาศมาคุก่อนหน้านี้ดีขึ้นหนึ่งระดับอันเป็นผลมาจากการ(หลอก)ด่าเจ้าดำเซริมไปหนึ่งยก เจ้าม่วงดูจะอารมณ์ดีขึ้นหลายส่วน อย่างน้อยก็ไม่แผ่รังสีกดดันจนผมเผลอเกร็งตามไปด้วยแล้ว

ในระหว่างที่นอนโดยสารยานพาหนะสีม่วงไปเรื่อยๆ ผมก็คิดหาทางง้อ(?)ต่อ ปรกติเจ้าม่วงไม่ใช่เด็กขี้งอน น้อยครั้งนักที่เขาจะทำตึงตังใส่ผม นั่นแปลว่าเขาคงน้อยใจจริงอะไรจริงที่ผมไปซุกคนอื่นนอกจากเขา

เฮ้อออ เกิดมาสิบเจ็ดปีแฟนยังไม่เคยมี ทำไมกูถึงข้ามขั้นมาได้สามีแล้วมาเรียนรู้วิธีง้อหนุ่มในภาคปฏิบัติแทนที่จะเป็นสาวน้อยตาหวานรูปร่างอวบอึ๋มด้วยวะ... ก็ได้แต่บ่นไปงั้นแหละครับคุณกรวี แกมีทางเลือกอื่นอีกไหมล่ะ เพราะงั้นคิดสิคิด ทางอื่นที่จะทำให้เจ้าม่วงของนายหายงอนโดยไม่ต้องจูบปากง้อน่ะ

“เชอเชสครับ”

เอาดิ กูเริ่มพูดสุภาพด้วยแล้วนะ จะไม่หายงอนก็ให้มันรู้ไป

“หายงอนวีนะ”

ผมช้อนตาอ้อน แทนตัวเองด้วยชื่อแทนที่จะเป็นคำว่าผม ปิดท้ายด้วยการยกสองมือขึ้นคล้องคออ้อนกระต่ายขี้น้อยใจด้วยมารยาทั้งหมดที่มี(ทำไมกูเริ่มรู้สึกว่าตัวเองแรดจังวะ)

“นะ” กระเซ้าอีกนิดเพื่อสร้างดาเมจที่รุนแรงขั้น MAX

และผลลัพธ์ที่ได้...

“อ๊ากกกกกก หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะเชอเชส หยุด! หยุด!! ผมบอกให้หยุดไงเล่า!!!!!!!!”



โฮ...
ผมไปเป็นเจ้าบ่าวให้ใครไม่ได้อีกแล้ว!

ในขณะที่ผมยกสองมือขึ้นปิดหน้าไม่กล้าสบตาใคร ไอ้ตัวต้นเหตุดันเดินยิ้มแฉ่งอย่างกับอมดวงตะวันเข้าไปทั้งลูก แม่งงงงง คิดแล้วก็อยากจับกระต่ายแถวนี้ยัดลงหม้อ ต้มน้ำให้เดือด ตุ๋นให้เปื่อย เอาให้เนื้อยุ่ยจนจำสภาพไม่ได้เลยว่าครั้งหนึ่งมันเคยเป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ไหนมาก่อน

เชอเชสนะเชอเชส กล้าดียังไงมาจับผมจูบต่อหน้ากระต่ายสองตัว บวกกับพวกหมาป่าที่จำนวนล่อไปอีกครึ่งร้อย อ๊ากๆๆๆ แค่คิดก็อยากจะลงไปกระซิกที่พื้น แดดิ้นด้วยความโกรธ เอาหน้าแนบหิมะให้หายร้อน ถ้าให้ดี เอาเจ้าตัวต้นเรื่องฝังแม่งทั้งเป็นใต้กองหิมะได้จะเป็นอะไรที่แหล่มเป็ดที่สุดในสามโลก!

ฮืออออ ผมอยากได้ยาลบล้างความจำ จะสาดแม่งล้างตาทุกคนที่ได้เห็นฉากอันไม่พึงประสงค์เมื่อครู่ จากนั้นก็เอามากลั้วปากต่อค่อยแดกแม่งให้ลืมเอง แต่ประเด็นคือผมไม่รู้จะไปหาไอ้ยาที่ว่านี่ที่ไหน ไว้เจอตัวคุณเชษฐ์เมื่อไหร่คงต้องลองถามเฮียแกดู เป็นเทพกระต่ายมาหลายปีถึงขั้นสร้างอาวุธและโล่สุดเจ๋งขึ้นมาได้ มันก็ต้องมีอะไรเด็ดๆ ให้ผมเอามาใช้ได้บ้างล่ะน่า

หรือผมจะจับเจ้าพวกนี้โหม่งต้นไม้เรียงตัวเลยดีวะ... เอาแม่งให้ความจำเสื่อมกันไปเลย

แต่ดูจากจำนวน...

เออ กูยอม

“กลุ้มใจขนาดนั้นเชียวหรือครับ?” พาหนะกระต่ายที่ยิ้มหน้าบานแข่งกับจานดาวเทียมบ้านผมถามยิ้มๆ เล่นเอาผมหน้าบูดหนักกว่าเก่าสิบเท่า ชิชะ ยังมีหน้ามาถาม

“ท่านเป็นชายาของข้า เรื่องพวกนี้ไม่เห็นจำเป็นต้องอายใคร”

ผมรีบหันขวับไปถลึงตาใส่เขา

นี่มันตรรกะอะไรของเอ๊งงงงง!?!?!?

“หยุดเลยๆ” ผมยกมือขึ้นห้ามเจ้าตัวหน้าไม่อายที่กล้าปล้ำจูบผมต่อหน้าธารกำนัลกว่าครึ่งร้อย “ฟังนะเชอเชส ที่ประเทศของผมเขาค่อนข้างถือเรื่องพวกนี้ ไม่ว่าจะกอด จูบ ลูบ คลำ หอมแก้ม หรืออะไรที่มันมากกว่านั้น ควรทำเวลาอยู่กันสองต่อสอง ไม่ใช่ต่อหน้าคนเป็นสิบๆ แบบนี้ เข้าใจไหม!?”

“แปลว่าถ้าอยู่กันสองคน ข้าสามารถทำได้สินะครับ”

“ชะ...” ผมเกือบหลวมตัวพูดคำว่าใช่ไปแล้ว ดีนะยังไหวตัวทัน เงยหน้ามองกระต่ายที่นับวันยิ่งเจ้าเล่ห์ขึ้นทุกทีแล้วตีหน้าเครียดขึ้นบ่งบอกว่าผมไม่เล่นด้วยนะเอ้ย “จะบ้าหรอ คนเราเวลาจะจูบกันมันต้องเต็มใจทั้งสองฝ่ายเซ่ ไม่ใช่มาบังคับจูบกันแบบนี้!”

“ท่านวีไม่อยากจูบกับข้าหรือ...”

เอาแล้วไง เจ้าม่วงนี่มันเริ่มงัดลูกอ้อนขึ้นมาใช้กับผมละไง ตานี่วิ้งๆ มาเลย ขาก็หยุดเดินอีกแล้ว เฮ้ยๆๆ เลิกตีหน้าเศร้าแล้วก้าวต่อไปได้แล้ว เดี๋ยวก็ไปไม่ทันที่ท่านลุงหมีดาเนสนัดหรอก

“เชอเชส มันไม่ใช่อย่างนั้น...”

“แล้วมันอย่างไหนครับ”

โว๊ะ ทำไมต้องมาทำตาอ้อนเร่งเอาคำตอบด้วยวะ กูคิดไม่ทันนะเอ้ย!

“ก็...” คือแบบว่าคิดคำแถไม่ออกไงครับ เลยลากคำว่าก็ไปเสียยาวจนแทบจะกลายเป็นงูกินหางได้อยู่แล้ว

“ก็...?” ไอ้นี่ก็เร่งจัง

“อ่า...มันก็แบบว่า...ต้องดูอารมณ์ตอนนั้นด้วยมั้ง”

โอยยย เจ็บสีข้างแปล๊บๆ เลยว่ะไอ้วี แถไปแบบนี้เจ้าชายกระต่ายมันจะทรงเก็ทป่ะวะ ขนาดกูยังงงเลยว่าตัวเองพูดอะไรออกไป เหอๆๆ

“อารมณ์สินะครับ...” เชอเชสผงกหัวเหมือนเข้าใจ แต่เข้าใจในทางไหนนี่ผมไม่คิดจะเอ่ยปากถามหรอกนะ เดี๋ยวงานเข้ากูอี๊กกกกกก



“ไอ้วี!!!”

“เชี่ยธา!!!”

“แสรดดด ทักกูได้น่าถีบมากกกกกกกก”

ผมหัวเราะฮ่าๆ เมื่อโดนเจ้าเพื่อนบ้าไล่ถีบจริงๆ อย่างที่ปากมันพูด ตอนนี้พวกเรามารวมพลกันใต้ต้นไม้ที่ออกผลสีทองคำกันครบหมดแล้วครับ โดยกลุ่มผมมาถึงเป็นกลุ่มสุดท้าย โดนท่านลุงหมีเอ็ดไปชุดใหญ่เลยที่ทำอะไรชักช้า แต่พออธิบายสถานการณ์ให้ฟังพร้อมกับแนะนำผู้ร่วมขบวนการคนใหม่ให้รู้จัก จากที่โดนถล่มน้ำลายด่าใส่ไม่ยั้งเลยแปรเปลี่ยนกลายเป็นคำชมโดยพลัน เรียกได้ว่าพลิกหน้ามือเป็นหลังตีนกันเลยทีเดียว

“ไม่พบหน้ากันเสียนาน หวังว่าท่านคงสบายดีนะขอรับ ท่านลุงดาเนส” เจ้าสีหมอกโค้งตัวคำนับแม่ทัพร่างหมีที่แย้มยิ้มอย่างยินดีที่ได้เจอลูกชายของเพื่อนสนิท

“ข้าสบายดี ไม่คิดเลยว่าเจ้าสามจะไปป๊ะกับเจ้าเข้าโดยบังเอิญ นับว่าเป็นโชคดีในโชคร้ายของมันแล้ว” ชายร่างใหญ่คล้องคอเจ้าม่วงไว้แน่น ให้นายกองหมาป่ารับรู้ว่าเจ้าสามที่ท่านดาเนสพูดถึงนั้นหมายถึงใคร

“ท่านลุงกล่าวเกินไปแล้ว ฝีมือของท่านเชอเชสยังเหนือกว่าข้าอยู่หลายขุมนัก หากมีอันต้องปะทะกันจริง คงเป็นฝ่ายข้าที่อาจพลาดพลั้งเสียทีก่อน”

“เจ้าก็ถ่อมตัวเกินไปแล้ว ฮ่าๆๆ มาๆ เดี๋ยวข้าจะแนะนำเจ้าหนูพวกนี้ให้เจ้าได้รู้จัก” ว่าแล้วก็ฟาดฝ่ามืออรหันต์ลงกลางหลังเจ้าสีหมอกดังป้าบจนผมเผลอสะดุ้งแทน เหอๆๆ ไม่ยั้งมือกันเลยสักนิด...

ไอเย็นๆ ที่แผ่ออกมาร่างเจ้าสีหมอกอาจไม่สะเทือนคนหนังหนาอย่างลุงหมีได้ แต่กับสิ่งมีชีวิตตัวเล็กตัวน้อยอย่างผมที่ไม่มีเวทย์ทำให้ตัวอุ่นอย่างคนอื่นเขานี่รับเคราะห์เต็มๆ เลยนะครัช...แกร๊ซซซ

แล้วกิจกรรมสานสัมพันธ์ระหว่างสองอาณาจักรก็เริ่มต้นขึ้น ท่านดาเนสแนะนำให้พวกเราได้รู้จักกับ 'เทรซัส เพอนาเชส' บุตรชายคนที่สิบสี่ของแม่ทัพสี่คทาผู้เป็นสหายร่วมรบของท่านแม่ทัพเจ็ดดาบ กล่าวให้เข้าใจง่ายๆ ก็ลูกของเพื่อนสนิทที่เห็นกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ยืนยันอีกแรงว่าไว้ใจได้ ผู้ใหญ่การันตีมาแบบนี้ทุกคนเลยอ้าแขนต้อนรับแต่โดยดี ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันอีกนิดก็กลับเข้าเรื่องที่ว่าจะบุกเข้าไปชิงตัวเทพกระต่ายคืนมาอย่างไรไม่ให้มันเอิกเกริกจนเกินไป

“นี่เป็นแผนที่ปราสาทหลังนี้ขอรับ”

บุตรชายแม่ทัพสี่คทาใช้เวทย์เสกแผนที่สามมิติขึ้นมาให้ผมกับไอ้ธาตาพราว มันเป็นแบบจำลองสมจริงที่มีบอกไว้หมดว่าห้องหับมีทั้งหมดกี่ห้อง มีชั้นทั้งหมดกี่ชั้น กระทั่งเส้นทางใต้ดินก็ยังมี ไม่ทราบเหมือนกันว่าพี่แกไปก๊อปปี้มาจากไหนถึงได้หาข้อมูลได้ละเอียดยิบขนาดที่กับดักมีกี่ชั้น วางไว้ตรงไหนบ้างก็ยังระบุไว้หมด

“ท่านลุง ข้าวางเขตแดนทับของเก่าเรียบร้อยแล้วนะขอรับ”

เจ้าสี่ที่หน้าซีดหน่อยๆ เพราะใช้พลังมากเกินไปเดินเซกลับมารวมกลุ่ม ข้างกายมีสององครักษ์หน้าตาน่ารักคอยดูแล เซริมเคยกระซิบบอกว่าอย่าได้ถูกหน้าตาองครักษ์ของซอโรหลอกเอาเด็ดขาด เห็นหวานๆ น่าแกล้งแบบนั้นแต่ดันโหดสุดในบรรดาองครักษ์ด้วยกัน ใครยังไม่อยากชะตาขาดก็อย่าได้เอาปากไปแกว่งวาจาหาเรื่องเจ้าโหดสองตัวนี้ให้เงาหัวหาย ดีไม่ดีจะได้กลายเป็นศพในวันรุ่งขึ้น โชคดีหน่อยก็อาจแค่บาดเจ็บปางตาย แต่ไม่ว่าทางไหนก็จบไม่สวยสักทาง

“เหนื่อยเจ้าแล้วน้องสี่ ไปพักผ่อนก่อนเถิด ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่พวกข้าเอง”

นาเทลตบไหล่ซอโรแล้วยิ้มให้ เชอเชสเองก็ทำตามแล้วสั่งให้องครักษ์หน้าหวานทั้งสองพาน้องชายคนเล็กของตัวเองไปนั่งพักให้หายเหนื่อย ไม่ลืมกำชับย้ำว่าให้ดูแลให้ดี เป็นเด็กติดพี่ไม่พอยังเป็นโรคห่วงน้องจนเกินเหตุอีกด้วยแฮะ ครอบครัวนี้รักใคร่กลมเกลียวกันดีแต้ คนนอกอย่างผมเห็นยังปลื้มใจแทนพ่อแม่ที่เลี้ยงเจ้าพวกนี้มาเองกับมือ

“เอาล่ะ จากสายข่าวของข้าที่ได้รับรายงานมา จุดที่คาดว่าน่าจะใช้เป็นที่คุมขังเจ้าบ้านั่นมีอยู่สี่ที่ คือนี่ นี่ นี่ และนี่”

นิ้วชี้จิ้มลงไปบนภาพโฮโรแกรมเกิดเป็นมาร์คสีขาวบอกตำแหน่งขึ้นมาสี่จุด สถานที่แรกคือยอดปราสาทที่อยู่สูงได้ใจ ถัดไปเป็นห้องที่อยู่ชั้นสามฝั่งขวาของปราสาท จุดที่สามเป็นบริเวณห้องเก็บของที่อยู่ชั้นหนึ่งหลังห้องครัว และสุดท้าย ตำแหน่งที่ทำให้ทุกคนหนักใจและไม่อยากไปสำรวจมากที่สุด...ห้องคุมขังนักโทษที่เต็มไปด้วยเครื่องมือทรมาน

'เชอเชส เราไปห้องฝั่งขวากันดีมั้ย'

ผมถามความเห็นเจ้าม่วงอย่างไว เจ้าตัวที่ยังไงก็ได้พยักหน้าบอกตามไหนตามนั้น กำลังจะเปิดปากบอกท่านลุงหมีว่าผมขอเลือกไปที่นี่กับเชอเชส แต่ก็ยังช้ากว่าใครอีกคนที่กลัวที่สูง และไม่ถูกจริตกับที่มืดแคบ คุกใต้ดินนี่มันยิ่งอยากหนีห่างให้ไกล

“ผมกับนาเทลรับอาสาไปดูที่นี่ให้เองครับ!” เจ้าเพื่อนบ้าของผมจิ้มจึกลงตำแหน่งเดียวกับที่ผมเล็งเอาไว้ตั้งแต่แรก สีหน้าแม่งมุ่งมั่นมาก ลองเอ่ยปากกล้าแย่งกับมันดูสิคงได้มีมวยต่อยตีกันไปข้าง

“ได้ ตกลงตามนั้น”

 คำตัดสินของท่านลุงหมีเป็นใบเบิกทางให้ไอ้เพื่อนตัวดีหันมายักคิ้วใส่ผม ระดับไอ้ธาที่คบหากันมานานมีหรอจะไม่รู้ว่าผมเองก็อยากเลือกไปที่ห้องนี้เหมือนกัน มันเลยรีบตัดหน้าผมไงครับ แบบใครไวกว่าได้ก่อน ใครช้าก็อดแดกไปตามระเบียบ ผู้พ่ายแพ้มีแต่ต้องช้ำใจกลับไปเท่านั้น

และคนนั้นคือกรู...

“งั้นผม...”

ผมกำลังจะจิ้มตำแหน่งใหม่ที่ดูไฉไลไม่แพ้ห้องทางปีกขวา แต่ก็ยังช้ากว่าเจ้าสี่ที่อยากขึ้นที่สูงไปสูดอากาศเย็นๆ ให้ชุ่มปอด ตำแหน่งหอคอยสูงละลิ่วที่น่าจะเห็นวิวทิวทัศน์ของอาณาจักรน้ำแข็งเกือบหมดจุดนี้เลยตกเป็นสถานที่สำรวจของเจ้ากระต่ายตาแดงไป ซอโรยิ้มพอใจก่อนกลับไปนอนตักองครักษ์ตัวเองเพื่อฟื้นฟูพลังต่อ เล่นเอาผมพูดไม่ออกไปครู่หนึ่งที่ถูกตัดหน้าไปถึงสองครั้งสองคราด้วยกัน (ซึ่งคนหลังบ่นแม่งไม่ได้ด้วยดิ เพราะองครักษ์แม่งโหดสลัดจนไม่อยากมีเรื่องด้วย)

ตอนนี้เลยเหลืออีกแค่สองห้องที่ห้องหนึ่งโคตะระจะไม่พิสมัยสำหรับผมเลย ครั้งนี้ผมจึงไม่รอช้า รีบจิ้มจึกลงไปยังตำแหน่งที่อยู่โซนหลังของปราสาทแบบไม่กะยกพื้นที่สำรวจตรงส่วนนี้ให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น

แต่คุณครับ เคยได้ยินประโยคที่ว่า 'ฟ้ากลั่นแกล้ง' กันบ้างไหมครับ

วินาทีที่ผมก้าวขาไปข้างหน้า พร้อมกับพุ่งปลายนิ้วไปยังตำแหน่งที่ต้องการ เล็งแบบกะไม่พลาดด้วยใจที่ตั้งมั่น ทว่าจังหวะที่ส้นเท้าย่ำลงไปบนพื้น ความลื่นที่เกิดจากน้ำแข็งเกาะกุมพื้นหินจึงบังเกิด

อย่างกับเป็นภาพสโลโมชั่นที่ผมเห็นตัวนิ้วตัวเองค่อยๆ ชี้ขึ้นฟ้า ขาที่ลื่นปรื้ดชี้โด่ชี้เด่ตามแรงหมุน ตัวไถลเข้าไปใต้ภาพโฮโลแกรมรูปปราสาทที่สร้างขึ้นจากเวทย์ของมนุษย์หมาป่าตาสีฟ้าที่เย็นเจี๊ยบถึงใจ แล้วมันก็ดันพอดี๊พอดีกับที่ปลายนิ้วชี้ของผมจิ้มจึกไปตรงห้องที่อยู่ชั้นล่างสุดของปราสาทที่ไม่ต้องบรรยายก็คงพอทราบว่าแม่งจะโคตรหลอนชวนจิตป่วงขนาดไหน

เห็นมาร์คสีขาวระบุตำแหน่งที่ผมจิ้มลงไปประหนึ่งว่าที่นี่กูจองแล้ว ห้ามใครหน้าไหนมาแย่งเด็ดขาด มันทำให้ผมอยากจะแหกปากร้องตะโกนออกมาดังๆ

งานเข้าตูข้าอีกแล้ว ไอ้วีเอ๊ยยยยย!!!!





--------------------------------------------------------------------
สโลแกนของนุ้งวีที่เจ๊ํขอตั้งให้ > เป็นนายเอกเรื่องนี้ต้องอดทน เจอกระต่ายชนต้องไม่ตาย
ซวยไม่บันยะบันยังต่อไปค่ะลูก แม่ชอบเห็นหนูดิ้นรน 555555555  :z13:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :m20: ซวยได้ตลอด

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
ทำบุญบ้างนะลูก 555 :z10:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
 :pig4:  :pig4:

ออฟไลน์ Rabity

  • #slytherinforlife
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 523
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-8
โอ๊ยยยย อีหนูวีเอ๊ยยย จะซวยไปถึงไหน 555
แหมๆๆๆๆ มีการอดอ้อนสามีตัวเองซะด้วย แรดนะตัว! 555
ปล.มาอัพทุกวันอย่างนี้ ชอบ! มาอัพพรุ่งนี้ต่อน้าาา

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
งานเข้า 5555

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
บนดวงจันทร์มีใครรับสะเดาะเคราะห์มั้ย
จะพาวีวี่ไปซะหน่อย 5555 สงสัยปีชงของนาง ก๊ากกก

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
คราวนี้แหละ ได้ทดลองฝีมือแน่ๆพระชายา5555
โอ๊ยยยยยยย!!  กระต่ายน่ารักง่ะ มีหึงมีหวงด้วย ถ้าได้แบบนี้สักคนคงดีไม่น้อย

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
อ่อยแบบมึน ๆ
สู้แบบมั่ว ๆ
นอกใจว่าที่สามีแบบไม่รู้ตัว
เลือกสถานที่สำรวจแบบซุ่มซ่าม

เออ....ดิ้นรนต่อไปนะ....

ออฟไลน์ naoai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-5
 น่ารักนะเรื่องนี้ พอดีคำจริงๆ

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4

ออฟไลน์ loukmoo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ซวยจริงจริ๊งงงง :m20:

ออฟไลน์ missyaoi

  • INDY^^
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1
ชายาวีเค้าก็ตลก+ซวยได้ทุกสถานการณ์เน๊าะ :m20: บางทีไม่รู้จะสงสารหรือจะฮาดี 5555555 ชอบหัวส้มที่ตอนนี้เป็นหัวม่วงไปแล้ว ยิ่งตอนกลายเรื่องเป็นกระต่ายเพื่อง้อชายา ฮรืออออออออออออออออ น่ารักกกกกกกกกก ถ้าพี่เป็นชายาวี พี่จะขอให้กลายร่างแล้วจับฟัดพระสวามีทุกวันเลยค่าาาาา กรี๊สสสสสสสส

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
อยากกอดเชอเชสแล้วววววว//โดนวีวี่ตบ

ออฟไลน์ varirinnara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ชายาแห่งดวงจันทร์ -16-
«ตอบ #199 เมื่อ10-01-2016 09:28:33 »




-16-
อาคมกลืนวิญญาณ




 
ผมขอยืนไว้อาลัยให้กับความซุ่มซ่ามของตัวเองสักครู่หนึ่ง...

ไม่รู้ชาติที่แล้วผมไปทำกรรมอะไรเอาไว้นักหนา เกิดมาชาตินี้ถึงได้โดนพระเจ้ากลั่นแกล้ง เทวดาขัดขา เทพธิดาชังหน้า ซาตานรุมรัก ดวงมันเลยซวยไม่บันยะบันยัง ได้เปิดประสบการณ์ใหม่หลากหลายที่ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้ลองสักครั้ง ทั้งเรื่องที่มีสามีเป็นตัวเป็นตน โดนผู้ชายด้วยกันปล้นจูบ ถูกเจ้าชายอุ้มแบบเจ้าหญิง และนี่ยังได้รับตั๋วเฟิร์สคลาสมาทัวร์ห้องใต้ดินของปราสาทหินหลังงามที่ตั้งอยู่บนดวงจันทร์

เอ็กซ์คลูซีฟกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!

หลังจัดกลุ่มกันใหม่แล้วแบ่งหน้าที่กันเสร็จสรรพ ท่านดาเนสก็ให้สัญญาณเริ่มลงมือปฏิบัติตามแผนการที่วางเอาไว้ ผมนี่แอบร้องกระซิกๆ อยู่ในใจที่ต้องไปเยี่ยมชมห้องขังนักโทษในคุกใต้ดินแทนที่จะเป็นส่วนอื่นๆ ของปราสาทหินหลังงาม

ในทีมของผมยังมีกระต่ายสามตัวหน้าเก่าเจ้าเดิม ที่เพิ่มขึ้นมามีแค่สิ่งมีชีวิตสีหมอกที่ท่านลุงหมีดาเนสส่งมาให้ช่วยคุ้มครองผมกับรัชทายาทคนสำคัญแห่งอาณาจักรแสงจันทร์ หน้าพี่แกก็ดูเต็มใจจะช่วยคุ้มครองกูมากเลยครับ ตั้งแต่รับงานมาก็มีแต่กอดอกยืนเต๊ะหล่อ ไม่เปิดปากพูดอะไรกับผมเลยสักแอะ พอเข้าไปขอโทษเรื่องที่ผมกับพวกเชอเชสเจื๋อนลูกน้องในสังกัดเขาไปหลายตัว พี่แกเพียงพยักหน้ารับ บอกสั้นๆ ว่าไม่เป็นไร เพราะตอนนั้นพี่แกก็กะเอาพวกผมถึงตายเหมือนกัน(ถ้าทำได้) ผมนี่ถึงกับร้องเหยดดดดดเสียงยาวอยู่ในใจ ห่างได้เป็นห่างไว้น่าจะเป็นผลดีต่อตัวผมมากกว่า

“ดูจากแผนผังของปราสาทแล้ว ลักลอบเข้าไปจากทางข้างหลังน่าจะดีที่สุดนะขอรับ”

เจ้าขาววิเคราะห์จากภาพโฮโลแกรมรูปปราสาทที่ให้เทรซัสช่วยเสกขึ้นมาอีกครั้ง ข้างๆ มีเจ้าดำชะเง้อคอมองอย่างสนใจ

เชอเชสลองขอความเห็นจากคนที่น่าจะชำนาญทางที่สุดดูบ้างว่าแผนการของฟาฮาโอเคดีไหม อยากแสดงความคิดเห็นอะไรหรือเปล่า เจ้าสีหมอกเพียงส่ายหน้าเบาๆ บอกทำตามที่ฟาฮาแนะนำมานั่นแหละเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้ว  พวกเราเลยจัดขบวนทัพกันใหม่ ให้เซริมนำหน้า ตามด้วยเทรซัส เชอเชส ผม และฟาฮาเป็นคนปิดท้าย

การลักลอบเข้าไปในปราสาทที่มีทหารยามพันธุ์โฮ่งเฝ้าอยู่ยั้วเยี้ยนี่เป็นอะไรที่ท้าทายมากสำหรับกระต่ายสามตัว ส่วนผมนี่...ได้แต่เดินตามเขาลูกเดียวครับ เจ้าม่วงมุดผมก็มุด เจ้าม่วงวิ่งผมก็รีบก้าวขาโกยตาม คิดภาพแล้วก็ตลกดีนะ เจ้าดำที่นำหน้าทำท่ายังไง คนที่เหลือก็พลอยทำตามไปด้วยเหมือนเรากำลังเล่นเกมอะไรกันอยู่ จนกระทั่งมาถึงทางลงไปยังชั้นใต้ดินที่มีมนุษย์หมาป่ายืนเฝ้ายามอยู่หนาแน่น พวกนั้นเดินตรวจตรากันอย่างเข้มงวดจนผู้บุกรุกอย่างพวกผมหันหน้ามองกันอย่างแปลกใจ

ฟาฮาใช้เวทย์ลบเลือนกลิ่นอายพวกเราซ้ำสองก่อนตัวเขากับเซริมจะกระโจนออกจากที่ซ่อนเข้าไปย่ำยี(?)นายทหารผู้เคราะห์ร้ายสองคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าปากทางเข้า เชอเชสซัดพันจันทราเก็บกลุ่มที่กำลังเดินตรวจตราอยู่อีกฟาก เทรซัสจัดการอีกกลุ่มที่นั่งพักก๊งเหล้ากันอยู่ไม่ไกล ส่วนผม จะทำอะไรได้อีกนอกจากยืนให้กำลังใจทุกคนอย่างสุดความสามารถ...

หลังเก็บงานเสร็จเรียบร้อย ฟาฮาก็แสดงอภินิหารให้ผมปรบมือชื่นชมอีกครั้งด้วยการสร้างเวทย์ลวงตาทำทีเป็นว่าทหารชุดเมื่อกี้ยังปฏิบัติหน้าที่กันอย่างแข็งขัน กว่าทหารชุดถัดไปจะมาผลัดเปลี่ยนเวรยาม พวกผมก็คงเผ่นแน่บไม่เหลือแม้แต่เงาหัวให้ไล่ตามไปแล้ว (คิดว่างั้นนะ)

ทางลงชั้นใต้ดินเหม็นกลิ่นอับนิดๆ มีคบเพลิงถูกจุดด้วยไฟเวทย์เว้นห่างเป็นช่วงๆ ทำให้บริเวณทางเดินไม่มืดชวนผีหลอกอย่างที่ผมจินตนาการเอาไว้ ทางขวาเป็นผนังหินที่มีคราบอะไรไม่รู้เกรอะกรังเต็มไปหมด อีกข้างเป็นกรงเหล็กที่เอาไว้ใช้กักขังนักโทษ ยามนี้แต่ละห้องว่างเปล่าไร้ตัวคน พวกผมเลยเดินผ่านจุดตรงนี้ไปอย่างไร้ความสนใจ

เนื่องจากเซริมบุกตะลุยเข้ามาเคลียร์ทางให้ก่อนแล้ว ทางเดินจึงสะดวกปลอดโปร่งไม่มีสิ่งใดเกะกะขวางทางเพราะเจ้าดำทำงานเรียบร้อย เก็บร่างไร้สติของพวกทหารยามไว้ในกรงขังล็อคลงกลอนอย่างดีแบบที่น่าตบรางวัลให้ กระต่ายขยันแบบนี้เหมาะแก่การเก็บไว้ใช้งานยิ่งนัก!

“ช่วยด้วย... ช่วยพวกเราด้วยเถิด ปล่อยพวกเราออกไปที...”

พอเดินลึกเข้ามาอีกนิด นักโทษที่ถูกกักขังเอาไว้ห้องละหลายสิบคนก็พยายามยื่นมือออกรั้งตัวพวกผมเอาไว้ เชอเชสรีบกันตัวผมออกห่างจากกรงไปแนบสนิทชิดเชื้อกับกำแพงขึ้นราแทน คนที่เหลือเองก็เบี่ยงตัวหลบกันให้วุ่น แสงจากคบเพลิงทำให้ผมเห็นคนที่ถูกจับมาขังได้คร่าวๆ ส่วนใหญ่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับผม เด็กเล็กที่ขนาดตัวเท่ายาอุลก็มีอยู่ตั้งหลายคน ดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่นักโทษ น่าจะเป็นเด็กที่ถูกจับตัวมาขังมากกว่า

'เชอเชส เด็กพวกนี้...'

ผมกระตุกชายเสื้อเจ้าตัวโตที่เดินนำหน้า เวลานี้เจ้าม่วงไม่แย้มยิ้มชวนปวดจิตเหมือนยามปรกติอีกแล้ว เขาคงมาดสุขุมไว้มั่น เฝ้าระวังเต็มที่ เป็นภาพลักษณ์ที่ผมไม่ชินตาเอาซะเลย

'ยังไม่ใช่ตอนนี้ครับ ถ้าพวกเราปล่อยพวกเขาไปโดยไม่มีคนคอยคุ้มครอง ทหารยามที่เฝ้าระวังอยู่รอบนอกจะสังหารพวกเขาทันทีที่เจอตัว' เหตุผลที่เถียงไม่ออกตอบกลับมาให้ผมรู้ว่าควรใส่ใจกับอะไรก่อน ตอนนี้เลยได้แต่เดินตามการนำของคนข้างหน้าที่ยิ่งเดินลึกเข้าไปเท่าไหร่ก็ยิ่งระวังตัวแจเพิ่มขึ้นเท่านั้น

คบเพลิงที่เว้นช่วงห่างกันมากขึ้นทำให้ความอับชื้นหนาแน่นกว่าบริเวณที่พวกผมเดินผ่านมา จากกรงขังที่เป็นลูกกรงซี่ๆ ได้เปลี่ยนมาเป็นประตูเหล็กหนาบานทึบแทนที่ จากตรงนี้ยังมีทางเดินลงลึกไปอีกเป็นห้องกักขังนักโทษพิเศษและห้องที่ผมไม่อยากเข้าใกล้ที่สุด

...ห้องทรมาน...

เซริมเก็บทหารยามที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าทางลงไปยังชั้น B2 ด้วยความเร็วที่แม้แต่ทหารหมาป่ายังมองตามไม่ทัน ปากทางที่ให้บรรยากาศน่าขนลุกผิดกับห้องขังโซนหน้าทะลักออกมาจนผมต้องรีบสะกิดไหล่เชอเชสขอไปยืนอยู่ข้างหน้าเขาแทน การมีเจ้าม่วงยืนประกบหลังเป็นอะไรที่ทำให้ผมอุ่นใจกว่าการที่เขาเดินนำอยู่ข้างหน้า เชอเชสเองก็ไม่ว่าอะไรกับคำขอที่เอาแต่ใจของผม เทรซัสมีหันมามองด้วยใบหน้าเฉยชาไร้ความรู้สึก ส่วนกระต่ายอีกสองตัวที่เหลือไม่พูดอะไร ท่าทางจะชินแล้วที่เห็นผู้ชายสองคนออเซาะ(?)กัน...

“โล่พิทักษ์จันทรา”

ผมบังคับให้สายหมอกสีเงินรายล้อมรอบตัวพวกเราเอาไว้ ที่ไม่ได้เรียกใช้มันในตอนแรกเพราะแม่งกินพลังงานคนไร้เวทย์อย่างผมชิบหาย หากใช้งานมันตลอดเวลาไม่เกินสามชั่วโมงผมคงได้ลงไปนอนพะงาบๆ เหมือนปลาขาดน้ำ ยิ่งถ้าใช้คู่กันกับสิบสองเขี้ยวจันทร์ที่กินพลังงานในตัวผมยิ่งกว่า...

เตรียมเตียงนอนให้ผมได้พักยาวๆ เลยเถอะ!

แสงสว่างที่เจิดจ้ายิ่งกว่าส่วนอื่นในชั้นใต้ดินอาบไล้พื้นหินหยาบและผนังที่อยู่ตรงสุดทางเดิน มีเสียงพูดคุยดังออกมาเป็นระยะ ฟังดูเคร่งเครียดขึงขัง เชอเชสพยักหน้าให้เจ้าดำไปดูลู่ทางก่อนที่จะลงมือ ร่างสูงในชุดทึมทึบที่กลืนไปกับผนังหินเอาหลังแนบกับกำแพง โผล่หัวออกไปดูสถานการณ์ นับจำนวนคนแล้วชูนิ้วโป้ง ชี้ กลางขึ้นบอกให้คนที่เหลือทราบว่าในห้องนั้นมีคนอยู่แปดคน ผมเห็นเชอเชสขยับมือตอบเซริมอีกสองสามครั้ง เจ้าดำก็ผลุบหายเข้าไปในห้องตามด้วยฟาฮาที่กระโจนเข้าไปร่วมวงกับเขาด้วย เสียงอ๊าก โอ๊ย วะ เฮ้ย ดังขึ้นอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานก็เงียบลง ก่อนฟาฮาจะเดินทำหน้าเครียดออกมา

“ท่านเชอเชสขอรับ...” เขาพูดขึ้นเพียงเท่านั้น ให้ผมหันหน้าไปสบตาปิ๊งๆ กับเจ้าม่วงที่เก็บความกังวลเอาไว้ไม่มิด ผมเลยรีบก้าวยาวๆ เข้าไปในห้องที่คาดว่าคุณเชษฐ์น่าจะถูกพามากักขังไว้ แล้วผมก็ต้องตะลึงกับภาพที่เห็น...

ในห้องประมาณหกคูณหกเมตรเต็มไปด้วยเครื่องลงทัณฑ์ที่ส่งกลิ่นชวนคลื่นเหียนออกมา บางชิ้นถูกอาบย้อมด้วยโลหิตจนแทบหาสีเก่าของมันไม่เจอ กลางห้องมีโต๊ะยาววางเรียงอยู่สามโต๊ะ ทำหน้าที่แทนเตียง บนนั้นมีศพที่ถูกชำแหละเละจนไม่เหลือเค้าร่างเดิมนอนเปลือยอยู่ ผมรีบชักตากลับก่อนที่อะไรๆ ในท้องจะพุ่งพรวดออกมาอวดสายตาหมาป่าและกระต่าย เชอเชสที่เดินตามมาข้างหลังขยับเข้ามาใกล้จนแผ่นหลังของผมแนบไปกับอกแกร่งของเขา ให้ผมรู้สึกอุ่นใจขึ้นนิดนึงที่มีที่พึ่งให้พักพิง

“ตรวจดูศพพวกนั้นซะ” เจ้าม่วงสั่งการคนสนิททั้งสองที่ตีหน้าเครียดตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้อง ผมไม่รู้หรอกนะว่าเขาเช็คศพกันด้วยวิธีไหน เพราะผมมองอะไรไม่เห็นทั้งนั้นเมื่อเชอเชสใช้มือหนาของเขาปิดรอบดวงตาของผมเอาไว้ ส่วนท่อนแขนแข็งแรงอีกข้างก็โอบรัดอยู่รอบคอของผม รั้งตัวผมเอาไว้ให้อยู่ในอ้อมกอดที่ทำให้หัวใจของผมค่อยๆ สงบลง

ยอมรับเลยว่าเจ้าม่วงคุมสติได้ดีกว่าผมมาก เขารับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างเยือกเย็นอย่างที่คนมีภาวะผู้นำพึงมี จัดการทุกอย่างได้ด้วยสติ ทั้งยังรอบคอบไม่ตื่นตูม ชั้นเชิงในส่วนนี้นับว่าผมยังห่างไกลกับเจ้าม่วงอยู่มาก คิดแล้วก็อยากยกนิ้วชมตัวเองเหลือเกินว่าสายตาของผมแหลมคมยิ่งนัก บทจะเลือกสามีทั้งทีก็ได้เทพม่วงคนนี้มาครอบครอง ไม่ให้ผมยืดอกภูมิใจ(นิดๆ)ได้ยังไงล่ะ

“มิใช่เทพกระต่ายขอรับ”

สิ้นเสียงฟาฮารายงาน ทั้งผมทั้งเซริมต่างถอนหายใจเป็นเสียงเดียวกัน มีก็แต่เชอเชสกับเทรซัสเท่านั้นที่นิ่งเงียบไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

“หมดหน้าที่ของพวกเราแล้ว รีบกลับไปที่นัดรวมตัวกันเถิด”

ฟาฮากับเซริมตอบรับคำสั่งนั้นอย่างพร้อมเพรียง เรียงขบวนเช่นตอนขามาก่อนก้าวเท้าออกจากห้อง ทว่ายังไม่ทันพ้นปากประตูที่เปิดโล่งเหมือนเชื้อเชิญให้คนนอกสามารถเข้ามาได้ทุกเมื่อ วงแหวนที่ตราไว้บนพื้นพลันทำงานจนในห้องสั่นสะเทือนเหมือนเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่

เชอเชสรวบตัวผมขึ้นพาดบ่าพากระโจนออกนอกวงเวทย์สีแดงที่มีกลิ่นอายชั่วร้ายอัดแน่นอยู่เต็มเปี่ยม พลันศพสามศพที่ถูกชำแหละไม่เหลือชิ้นดีถูกเส้นใยสีดำที่พวยพุ่งออกมาจากวงเวทย์ตรึงรัดจนมีสภาพไม่ต่างจากดักแด้ ไอเวทย์ผันผวนรุนแรง เสียงคำรามดุจปีศาจที่ตะกายออกมาจากนรกภูมิดังก้องห้องทรมาน

ข้าเจ็บ... ข้าหนาว... ทรมานเหลือเกิน.....

คำเบสิคที่มักได้ยินในหนังผีดังเป็นซาวด์เอฟเฟคให้มนุษย์โลกผู้สง่างามเช่นผมขาสั่นแข่งกับพื้นดินที่กำลังไหวสะท้านจนได้ยินเสียงปริแตกของอาคารและข้าวของหล่นลงพื้นดังโคร้งเคร้ง

ผมเร่งให้เชอเชสรีบโกยสิบคูณล้าน(ร้อยไม่พอ) ขอเถอะ รีบๆ ออกไปซักที ถึงตอนอยู่บนโลกผมจะไม่ใช่คนกลัวผีขั้นเทพเท่าไอ้ธา แต่ไม่ใช่ว่าเจอผีอยู่ตรงหน้าแล้วผมจะไม่กลัวนะเฮ้ย!

“ข้าก็อยากพาท่านออกไปให้ไวที่สุดเช่นกันครับ ติดก็แต่...”

แต่อะไร!?

ผมที่โดนจับพาดไหล่ไม่รอให้เจ้าม่วงเฉลยคำตอบที่ไม่อยากฟังมาให้ เลยขอดันตัวเองขึ้นแล้วเอี้ยวตัวหันไปมองด้วยสองตาของตัวเอง ไม่อยากตะโกนออกมาว่าเช็ดโด้เพราะมันเป็นคำไม่สุภาพ แต่นาทีนี้ไม่มีคำไหนเหมาะเท่ากับคำนี้อีกแล้ว เพราะงั้นขอกุเถอะ...

เช็ดโด้!!! นั่นมันคืออะไร!?!?!?

พังผืดสีดำที่ไม่รู้งอกเงยขึ้นมาจากไหนกางแหปิดทางเข้าออกจนมิด เซริมกับฟาฮาพยายามใช้อาวุธประจำกายขององครักษ์ฟาดฟันเข้าใส่แต่กลับไม่เป็นผล แผงหนึ่งขาดก็มีเส้นสายเส้นใหม่เข้ามาแทนที่ เทรซัสที่เดินหล่อมาตลอดทางทดลองใช้เวทย์ไฟเผาผลาญเส้นใยเหล่านั้นดูแต่แม่งดันเหนียวแน่นทนทาน ที่สำคัญคือแม่งทนไฟ!

สถานการณ์ตอนนี้บอกได้เต็มปากเลยว่า ชิบหายแล้วครับ!

“อาคมกลืนวิญญาณ”

เจ้าม่วงกล่าวคำอันน่าหนักใจออกมาให้ทุกคนในที่นี้ได้ทราบร่วมกัน เซริมกับฟาฮาถึงกับชะงักการลงดาบหันมามอง คิ้วเรียวสวยของเทรซัสขมวดเข้าหากันคล้ายหนักใจ ไอ้ผมที่ไม่รู้ว่าอาคมที่ว่านี่คืออะไรก็ได้แต่เผลอเกร็งตามบรรยากาศที่เคร่งเครียดขึ้นกะทันหัน ไม่ต้องเอ่ยปากขอคำอธิบายจากใครผมก็พอเดาได้ว่าไอ้วงเวทย์สีแดงที่พวกเรากำลังเผชิญหน้ากับมันอยู่แม่งหายนะแค่ไหน

อันที่จริงแค่ชื่อแม่งก็น่ากลัวสลัดแล้วเหอะ!

“มีวิธีทำลายไหม?” หนุ่มหล่อมาดเจ้าชายน้ำแข็งถามเสียงเครียด องครักษ์อีกสองชีวิตที่ติดตามมาด้วยพลันเอียงหูฟังตาม ทุกคนรอฟังคำตอบที่เปรียบเสมือนแสงแห่งความหวังจากคนที่น่าจะรู้ดีที่สุด

“วิธีทำลายน่ะมี ทว่า...”

โอ๊ยยยย เวลาอย่างนี้ยังจะมาลีลาอีกนะเจ้ากระต่ายนี่!

“เชอเชส มีวิธีอะไรก็รีบๆ พูดมา หรือว่าจะรอให้มีอะไรโผล่มาก่อนนายค่อยพูดมันออกมาได้ห๊ะ!” ผมตะเบ็งเสียงใส่เจ้าชายที่ยอมวางผมลงกับพื้นแล้ว สีหน้าของเจ้าม่วงแลดูเคร่งเครียด เขาจ้องมองหน้าผมไม่วางตาจนผมชักเริ่มระแวง

เฮ้ยๆๆ ไม่ใช่ว่าไอ้วิธีทำลายอะไรนั่นมันจะมาเกี่ยวพันกับผมด้วยนะ...

“เป็นเช่นนั้น…”

เชี่ย! ทายถูกครั้งไหนไม่เคยเสียใจเท่านี้เลย(ว่ะ)ครับ!

“ยังไง?” ผมเร่งรัดถามเขา ขอแค่ไม่เลือดตกยางออก ผมพร้อมลุยทุกสถานการณ์

“เลือดของท่านสามารถทำลายอาคมนี้ลงได้”

เชี่ยยยยยยยยยย!!!

ผมแหกปากร้องลั่น(ในใจ)หนักกว่าเดิม อาคมใหญ่ขนาดนี้ไม่รู้ต้องใช้เลือดผมไปซักกี่ลิตรถึงจะทำลายมันลงได้

“แค่หยดสองหยด...พอไหม?” ผมลองถามหยั่งเชิง เห็นสีหน้าเครียดจัดของเจ้าม่วงที่แสดงออกมา กูว่ากูต้องเตรียมโลงไว้รอรับร่างตัวเองลงไปนอนแล้วล่ะครับ...

“ไม่มีหนทางอื่นอีกแล้วหรือขอรับ ท่านเชอเชส” ฟาฮาถามเสียงนุ่ม แต่ในน้ำเสียงนั้นยังกลบเกลื่อนความร้อนใจเอาไว้ไม่มิด ดูท่าอาคมกลืนวิญญาณอะไรนี่จะร้ายกาจพอตัว องครักษ์ที่รักษาความเยือกเย็นไว้ได้เสมอมาจึงแสดงท่าทีกระวนกระวายเช่นนี้ออกมาให้เห็น

“ไม่มีอีกแล้ว...” คำตอบของเชอเชสทำเอาผมต้องหลับตาลงเพื่อทำใจ

เอาวะ ไม่เสียเลือดตายก็ต้องตายเพราะอาคมชื่อสยึ๋มกึ๋ยสะท้านนรกนี่อยู่ดี เพราะงั้น...ผมมองคนตรงหน้า ไล่ไปอีกสามชีวิตที่เหลือ ก้มลงมองตัวเองแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เฮ้ออออออ ผมจะยอมเป็นผู้พลีชีพให้ก็ได้ ถ้าผมเป็นอะไรไปอย่าลืมสร้างอนุสรณ์สดุษฎีชีวิตไอ้วีสุดหล่อคนนี้ให้ด้วยล่ะ...

‘ข้าไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่’

แววตาของเจ้าม่วงบ่งบอกว่าต่อให้เป็นมัจจุราชมาปรากฏอยู่ตรงหน้า เขาก็จะไม่ยอมให้ตัวแทนจากนรกตนนั้นมาพรากดวงวิญญาณของผมไปโดยเด็ดขาด น่าแปลกนะที่คำพูดสั้นๆ ของเขามันทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจเสมอ แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายที่ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดียังไง แค่มีเชอเชสอยู่กับผม ก็ทำให้ผมเชื่อเต็มร้อยว่าผมจะไม่เป็นอะไร...มั้ง

‘โธ่...ท่านวีครับ ไว้ใจในตัวข้าหน่อยสิ’ ปากเจ้าชายกระต่ายโค้งคว่ำเล็กน้อยเหมือนเด็กที่ถูกผู้ใหญ่ขัดใจ นั่นทำให้ผมยิ้มออกมาได้แม้รอบด้านจะเต็มไปด้วยเสียงโหยหวนของเหล่าดวงวิญญาณที่ถูกทรมานก็เหอะ

ผมยิ้มขำเขาเล็กน้อยก่อนจะหลับตาลง ตั้งสติกับสิ่งที่ต้องกระทำนับต่อจากนี้

อาวุธที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ปกป้องตัวผมถูกเรียกออกมาใช้งาน มีดสั้นสีน้ำเงินเล่มหนึ่งลอยมานอนแน่นิ่งอยู่บนฝ่ามือ ความคมของมันทำให้ผมหนาวสะท้านเล็กน้อยเมื่อนึกภาพที่ต้องใช้งานมันกรีดลงเนื้อของตัวเอง

ผมกำด้ามจับมันแน่น เลือกบริเวณท้องแขนเพื่อกรีดเรียกหยาดเลือดสดๆ ลงมาสลายอาคม เมื่อพร้อมรับความเจ็บแล้วก็เงยหน้าขึ้นสบดวงตาสีม่วงอมเทาเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้ตัวเองอีกนิด ก่อนหลับตาปี๋อีกครั้ง กลั้นใจกดคมมีดลงด้วยมืออันสั่นเทา

ทว่าวินาทีที่อาวุธสังหารกำลังจะตัดเฉือนกรีดเนื้อ เส้นใยสีดำที่พุ่งขึ้นมาจากใต้พื้นกลับรัดข้อมือข้างที่ถือมีดสั้นของผมไว้แน่น มันกระชากดึงมือผมไปข้างหลัง ไม่ยินยอมให้สิ่งที่เพียรสร้างขึ้นจากสิ่งชั่วร้ายถูกทำลายลงได้โดยง่าย

เชอเชสที่เห็นท่าไม่ดีรีบยกอาวุธคู่กายขึ้นฟาดฟันสิ่งที่รัดตรึงตัวผมเอาไว้ แต่เส้นใยที่เหนียวหนึบกลับทำงานได้ดีเกินคาด เมื่อถูกฟันก็สานตัวขึ้นใหม่ ไม่เพียงแต่บีบรัดตัวผมแน่นขึ้นยังลามไปถึงคนอื่นๆ ที่เข้ามาช่วยผมถางหญ้า(?)พวกนี้อีก สภาพของพวกเราในตอนนี้เลยดำเมี่ยมกันถ้วนหน้า ถูกรัดตรึงเหมือนศพสามศพที่อยู่ใจกลางห้อง ต่อกรก็ไม่ได้ ขยับตัวก็ไม่ได้

ตายสนิทสมบูรณ์แบบ...

“ว๊ากกกกกก ปล่อยเซ่! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ จงขาดไปซะ!!!”

เสียงเจ้าดำเซริมผู้ไม่ย่อท้อดังอยู่ไม่ไกล ผมได้สินเสียงกวัดแกว่งดาบดังขึ้นอยู่หลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งเงียบหายไปทั้งเสียงฉัวะๆๆ และเสียงของเจ้าตัวขี้โวยวายเซริม ท่าทางจะถูกอุดปากไปแล้ว จะว่าไปก็ทำให้เงียบหูดี...

‘เชอเชส ทำไงต่อดีล่ะทีนี้...’ ผมทำตาละห้อยใส่เจ้าม่วงที่ถูกตรึงอยู่ไม่ห่างจากผมเท่าไหร่นัก โดนจับมัดด้วยสายระโยงรยางค์พวกนี้แล้วยังดูดีได้อีกนะเจ้าเด็กนี่... (มันใช่ประเด็นไหมวี)

‘ขืนปล่อยให้อาคมนี่ทำงานสมบูรณ์ พวกเราแย่แน่ครับ’ เสียงที่ตอบกลับมาฟังดูเคร่งเครียดยิ่งนัก

ถ้าแย่กว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็คือ ‘ตายหมู่’ ไม่ใช่รึไงครับ...

‘ขออภัย...ที่ข้าไม่สามารถปกป้องท่านได้อย่างที่เคยได้ลั่นวาจาไว้’

เฮ้ยๆๆ นี่มันใช่เวลามานั่งหูตกไหม หยุดคิด หยุดพูด เลิกโทษตัวเองเดี๋ยวนี้เลย นี่เป็นคำสั่ง!

‘แต่...’

‘ไม่ต้องมาแต่ ผมรู้ดีว่านายทำดีที่สุดแล้ว’

ดวงตาสีม่วงอมเทามองผมด้วยความรู้สึกหลากหลาย มันเหมือนจะดีใจ ซึ้งใจ อุ่นใจ หรืออะไรก็ตามแต่ ทั้งหมดนั่นทำให้ผมยิ่งนึกเอ็นดูเจ้าเด็กโตแต่ตัวคนนี้มากขึ้น และเป็นฝ่ายที่อยากปกป้องเขาบ้าง

แม้จะต้องแลกกับการเจ็บตัวของผมก็เถอะ...

‘ถ้ารอดไปจากที่นี่ได้ ขอขนมอร่อยๆ เป็นรางวัลให้ผมด้วยล่ะ’

ขอแค่นี้... ผมโลภน้อยเกินไปมั้ยนะ เฮ้อ...





------------------------------------------------------------
นุ้งวีไม่โลภ แต่มีกระต่ายบางตัวพร้อมมอบทุกอย่างให้หมดตัวอยู่นะคะลูก 55555555
นายเอกเรื่องนี้เกิดใต้ดาวมฤตยูค่ะ ซวยซ้ำซวยซ้อน ซวยต่อเนื่องและหวานกับเจ้าม่วงแบบมึนๆ ไปแบบนี้น่ะล่ะ ฮาาาา
มาพร้อมกับมอบใบลาให้สักสามวันค่ะ ไปต่างจังหวัดอีกแล้ว น่าจะกลับมาอัพประมาณวันพุธนะก๊าบบบบ (ลาก่อยวันหยุดที่ฉันเฝ้ารอ....:hao7: :hao7: :hao7:)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ชายาแห่งดวงจันทร์ -16-
« ตอบ #199 เมื่อ: 10-01-2016 09:28:33 »





ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ความซวยไม่เคยปราณีจริงๆ นะวี  :laugh:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
รอๆ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
 :pig4:  :pig4:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
สู้ๆน้าาา

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
จะได้เห็นคุณความดีของน้องวีก็คราวนี้แหละ5555

ออฟไลน์ Rabity

  • #slytherinforlife
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 523
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-8
หนูวีสู้ๆน้าา!
ทำธุระเสร็จแล้วรีบกลับมานะ! (เล่นเอาซะค้าง)
รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ขนมกระต่ายหัวม่วงเอาไหมจ๊ะ?

อะไรมันจะดวงความซวยถล่มซ้ำซ้อนแบบนี้....

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
วีวี่  ในที่สุดหนูก็มีประโยชน์ซะที 55555

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
จะทำยังไงล่ะทีนี้ :ling1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด