Episode 16: Kawin is mineคืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่ผมนอนไม่หลับ... จริงๆ จะว่านอนไม่หลับก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เอาเป็นว่าผมหลับ แต่พอเริ่มหลับลึกไปแล้วก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาตลอดทั้งคืนประหนึ่งฝันร้ายอะไรประมาณนั้นดีกว่า ทั้งหมดก็เพราะถูกไอ้บ้าซีเลนลวนลามมาแท้ๆ แต่แค่ถูกลวนลามยังไม่เป็นเหตุผลมากพอที่ทำให้ผมนอนไม่หลับ สาเหตุที่สำคัญกว่านั้นคือ ผมดันตระหนักได้ว่าวันพรุ่งนี้มันจะมาตามล่าผมนี่แหละที่ทำให้ผมหวาดระแวงจนนอนไม่ได้ พอเช้าขึ้นมา ผมก็เลยกลายสภาพเป็นผีตายซาก แม้แต่ริชาร์ดเห็นแล้วก็ยังต้องทักเพราะมันไม่เคยเห็นผมเป็นแบบนี้เวลาไปเที่ยวคลับ ผมไม่ได้บอกอะไรมัน มันเลยทึกทักไปเองว่าผมคงจะผ่านร้อนผ่านหนาวเมื่อคืนมาอย่างหนักหน่วง
ผมล่ะอยากจะบอกมันเหลือเกินว่าหนักหน่วงมาก... หนักหน่วงกับผู้ชายอย่างไอ้เวรซีเลนด้วย!
แต่ถ้าบอกไปแล้ว เดี๋ยวมันก็มาสะใจผมใช่มั้ยล่ะ ผมก็เลยไม่บอก ปิดปากเงียบกระทั่งมาถึงสตูดิโอ และผมก็ไม่แปลกใจเลยว่าพอถึงตอนที่ซีเลนต้องเข้าฉาก มันร้องเรียกให้ผมเป็นคนไปตามมันผ่านทีมงานคนหนึ่งแทนที่จะเป็นริชาร์ดเหมือนเดิม ตอนนี้แหละที่ริชาร์ดเริ่มระแคะระคายขึ้นมาแล้วว่ามีอะไรผิดปกติไประหว่างผมกับซีเลน มันก็เลยถามขึ้นหลังจากที่ผมพยายามปฏิเสธการไปตามตัวไอ้หื่นกามมาเข้าฉากอยู่นานจนถูกผู้กำกับวิลล์แหวใส่
“นายไปทำอะไรถูกใจซีเลนมาหรือเปล่าวะ มันถึงได้เรียกนายแบบนี้”
“ไม่ได้ไปทำอะไรให้มันเลยเถอะ” ผมบ่นอุบอิบ ก่อนจะก่นด่าผู้กำกับวิลล์ที่ยืนอ้วนหัวเหม่งสั่งงานทีมงานคนอื่นอยู่ไปด้วยให้ริชาร์ดตบบ่าผมพลางว่า
“เอาเถอะน่า มันคงจะเปลี่ยนใจจากฉันไปหานายเพราะนายหล่อน่าปล้ำล่ะมั้ง ดีใจด้วยนะ”
สาบานเลยว่าผมเห็นไอ้เพื่อนบ้านี่แสยะยิ้มสะใจสุดๆ หน็อยมึง... ได้ทีล่ะรีบเอาคืนเชียวนะ แต่ผมก็อดใจไม่ด่ามันออกไป นอกจากขอร้องมันเท่านั้น
“ไปตามมันเป็นเพื่อนหน่อยสิ”
“เรื่องอะไรล่ะ มันเรียกหานาย นายก็ไปสิ”
“ครั้งก่อนที่มันเรียกหานาย ฉันยังไปเป็นเพื่อนเลยนะเว้ย” ผมโวยน้อยๆ ทว่าริชาร์ดไม่ยี่หระ
“นั่นนายยอมไปกับฉันเองนี่หว่า ช่วยไม่ได้ ฉันไม่ว่าง” ริชาร์ดว่าเสียงเนือยๆ คิ้วข้างหนึ่งยกขึ้นอย่างกวนโมโห แล้วเดินหนีผมไปหน้าตาเฉย ผมนี่ถึงกับกำมือแน่นเลย
มึงกวนตีนมากไอ้ริชาร์ด ขอให้มึงโดนไอ้เจ้าชายลามกนั่นปู้ยี่ปู้ยำเยอะๆ! ไอ้พวกมนุษย์ต่างดาวโฮโมฯ นั่นก็ยังไม่โผล่หัวมา ไม่อย่างนั้น ผมคงชวนพวกนั้นไปเป็นเพื่อนแทนไอ้ริชาร์ดแล้ว
ในเมื่อไม่มีทางเลือกและถูกเร่งเร้าไม่หยุด ผมก็ถอนหายใจแล้วเดินไปนอกสตูดิโอ มุ่งหน้าไปยังห้องพักนักแสดงของซีเลน พอมาหยุดตรงหน้าห้องได้ก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะตรงไปเคาะประตูสองสามครั้ง
ไม่มีเสียงตอบรับในครั้งแรก ผมเลยเคาะไปอีกพร้อมกับเรียกคนในห้องด้วย
“ซีเลน ได้เวลาเข้าฉากแล้ว”
“กวินทร์เหรอ?” เสียงของคนในนั้นถามกลับมาให้ได้ยินแว่วๆ ผมย่นหน้าเล็กน้อยที่หมอนั่นเรียกผมด้วยชื่อภาษาไทย หากแต่ไม่ได้ใส่ใจมาก เพียงแต่ตอบรับเท่านั้น
“เออ เข้าฉากได้แล้ว เดี๋ยวเสียเวลา”
สิ้นเสียง เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นจากด้านในพร้อมกับเสียงปลดกลอนประตู พอประตูแง้มออก ผมก็ทิ้งตัวออกห่างจากหน้าห้องทันใดด้วยเกรงว่าซีเลนจะใช้โอกาสกระชากผมเข้าไปในที่ลับตาคนแล้วจัดการสานต่อความค้างคาเมื่อวาน แล้วก็จริงอย่างที่คิดเสียด้วยว่าซีเลนจะทำอย่างที่ผมคิด เพราะพอหมอนั่นโผล่หน้าออกมาได้ มือใหญ่ก็พุ่งออกมาทำท่าจะคว้าตัวผมไว้อย่างรวดเร็ว ดีที่ผมไหวตัวทัน กระโดดหลบได้แบบฉิวเฉียด พอรอดจากเงื้อมมือมัจจุราชหื่นกามได้ ผมก็วิ่งโกยหน้าตั้งกลับเข้าไปในสตูดิโอด้วยความไวแสงโดยไม่ลืมตะโกนทิ้งท้ายไว้
“ไปเข้าฉากเร็วๆ เข้า!”
“ฝากไว้ก่อนเถอะกวินทร์! เผลอเมื่อไหร่ นายโดนจัดหนักแน่!” ซีเลนตะโกนกลับคืนมาอย่างเจ็บใจที่ผมรอดไปได้ผมหันกลับไปมองหน้าหล่อๆ ของมันเล็กน้อยแล้ววิ่งไม่ลืมหูลืมตา
ใครจะไปยอมโดนมึงกระทำการหื่นกามใส่กันเล่า!
เพราะถูกซีเลนขู่ไว้อย่างนั้น ผมก็เลยทำงานไม่เป็นสุขตลอดทั้งวัน ยิ่งตอนต้องทำหน้าที่ไปบอกคิวมันก่อนเข้าฉากด้วยแล้ว ผมก็ยิ่งหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อเห็นมันมองผมด้วยสายตาหื่นกระหายราวกับราชสีห์จ้องเหยื่อ มองอย่างเดียวไม่พอ มันยังกำชับเรื่อยๆ อีกว่าผมต้องโดนมันกินวันนี้นี่แหละ ทำเอาผมกลายเป็นพวกวิตกจริตไปโดยปริยายพลัน
มึงก็ไปตายอดตายอยากมาจากไหน! หื่นกามได้บรรลัยตลอดเวลานี่ กูว่ามึงผิดปกติแล้ว!
ดีที่วันนี้มันมีฉากต้องถ่ายทำเยอะ ก็เลยยังสบโอกาสเข้าหาผมไม่ได้ ยิ่งตอนนี้มีคีธกับแอสตันมาเข้าฉากร่วมด้วยแล้ว ผมก็ค่อยเบาใจขึ้นมาหน่อยว่าอย่างน้อยๆ ถ้าซีเลนจะทำอะไร ผมก็ยังหาเกราะกำบังได้
เกาะกำบังที่ว่านี่ก็คือคีธนี่แหละ ส่วนริชาร์ดกับแอสตันก็ไม่ต้องพูดถึง พอว่างทีไร มันก็หายหัวกันไปทั้งคู่ทุกที หายชนิดแบบว่าล่องหนได้ด้วยนะ เห็นพวกมันอยู่หลัดๆ หันไปอีกทีก็หายหัวไปแล้วอะไรประมาณนั้น เดาได้เลยว่ามันต้องพากันไปตรวจภายในเป็นแน่
การถ่ายทำดำเนินไปตลอดทั้งวันจนถึงการถ่ายฉากสุดท้ายของซีเลน ผู้กำกับวิลล์ร้องบอกกับหมอนั่นทันทีที่หมอนั่นเดินออกมาจากฉาก
“ซีเลน วันนี้คิวถ่ายของนายหมดแล้วนะ ไปพักได้ ใกล้จะมีถ่ายฉากใหญ่แล้ว นายต้องพักผ่อนเยอะๆ”
ซีเลนพยักหน้ารับส่งๆ ไม่ได้สนใจสิ่งที่ผู้กำกับวิลล์พูดเท่าไหร่นัก แถมจังหวะนี้เองที่มันเหลือบมองมายังผม ผมเลยรีบทำตัวให้ไม่ว่าง ตรงไปถามด็อกเตอร์มาร์ตินทันทีว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย ดีที่งานของด็อกเตอร์มาร์ตินมีมากพอให้ผมช่วย ผมจึงไม่ถูกมันเข้าจู่โจม
ซีเลนยืนมองผมด้วยสีหน้ายากจะอ่านอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินออกไปนอกสตูดิโอ ผมหายใจโล่งท้องได้ก็ในตอนนี้ หากแต่ก็ครู่เดียวเท่านั้น มันก็กลับมาอีกพร้อมกับยืนจ้องหน้าผมนิ่ง ผมกลืนน้ำลายเอื้อกด้วยสังหรณ์ใจอะไรขึ้นมาบางอย่าง กระทั่งเหลือบไปเห็นมันพูดโดยไม่มีเสียงว่า ‘ไปเอาถุงยางมา’ เท่านั้นแหละ ผมก็หัวขนลุกไปทั้งตัวอีกครั้ง
“ตรงนี้ไม่มีงานให้ช่วยแล้วเควิน ไปพักเถอะ” จู่ๆ ด็อกเตอร์มาร์ตินก็พูดขึ้นมาตัดอนาคตผม
ผมเบิกตาโต รีบกุลีกุจอเข้าไปหาเขาทันใด
“ไม่มีงานแล้วเหรอครับ หาให้ผมหน่อยสิด็อกเตอร์ ผมอยากทำ”
“วันนี้นายดูกระตือรือร้นแปลกๆ แฮะ” ด็อกเตอร์มาร์ตินเลิกคิ้วเล็กน้อยกับท่าทางตื่นๆ ของผม ผมรีบเก็บอาการแล้วโกหกเขาทันควัน
“ผมก็แค่ไม่อยากทำตัวให้ว่างน่ะครับ อยากได้ประสบการณ์กลับไปนิวยอร์กเยอะๆ”
ด็อกเตอร์มาร์ตินพยักหน้าราวกับปลื้มใจเสียเหลือเกินที่ลูกศิษย์กระเหี้ยนกระหือรืออยากได้วิชาขนาดนี้ โดยหารู้ไม่ว่าแท้จริง ผมแค่ไม่อยากเปิดโอกาสให้ซีเลนมันเข้ามาปล้ำได้ต่างหาก
“ฉันดีใจนะที่นายขยัน แต่นายพักก่อนเถอะ ถ้ามีงานเพิ่ม เดี๋ยวฉันจะเรียกเอง” ด็อกเตอร์มาร์ตินว่าจบแล้วก็เดินไปช่วยงานกำกับกับผู้กำกับวิลล์ ทิ้งให้ผมยืนเหงื่อแตกซิกเป็นน้ำตกเมื่อตระหนักได้ถึงหายนะที่กำลังจะบังเกิดในอีกไม่กี่อึดใจ
ซีเลนเองก็เห็นเหตุการณ์นั้นพอดี มันยกยิ้มทันทีที่ผมชำเลืองไปมองหลัง ก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาหาจนผมต้องมองหาทางหนีทีไล่ทันควัน
มะ...แม่ง จู่ๆ ทำไมเปลี่ยนเป้าหมายจากริชาร์ดมาเป็นกูแทนวะ มึงนี่มันจริงๆ เลย!
มองซ้ายขวาอย่างร้อนรนได้อึดใจ ความหวังอันริบหรี่ที่จะหนีการจู่โจมของซีเลนก็ปรากฎขึ้นเมื่อผู้กำกับวิลล์สั่งร้องคัตการถ่ายทำฉากเมื่อครู่พอดี สายตาเหลือบผมเหลือบมองคีธที่กำลังเดินออกจากฉากอย่างอัตโนมัติ หมอนั่นกำลังเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้ายังห้องแต่งตัว ผมไม่รอช้า รีบพุ่งเข้าไปคว้าแขนล่ำของมันเอาไว้ก่อนที่มันจะหายเข้าไปข้างในนั้น
“เดี๋ยวคีธ”
คีธหันมามองหน้าผมอย่างมีคำถาม ผมไม่ทันจะได้บอกว่าผมเรียกไว้ทำไมก็สังเกตเห็นว่าซีเลนที่กำลังเดินเข้ามาหาผมชะงักขาเล็กน้อย สีหน้าระรื่นในตอนแรกกลายเป็นตึงเครียดขึ้นมาทันตาเมื่อเห็นแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามาขัดขวางกะทันหัน มันเลยยกนิ้วขึ้นเหนือลำคอแล้วทำท่าปาดเป็นการขู่ผม ผมกลืนน้ำลายเอื้อกอีกครั้ง หันกลับมามองสีหน้าเรียบนิ่งของคีธทันควัน
“มีอะไรเหรอกวินทร์” เพราะผมไม่ยอมพูดสักที คีธก็เลยถาม
ใจผมเต้นตึกตักด้วยความหวาดเกรงจนเกือบจะควบคุมไม่ได้ ก่อนผมจะตัดสินใจโพล่งออกไปด้วยมีความคิดบางอย่างในการเอาตัวรอดฉาบแวบเข้ามาในหัว
“ขอยืมตัวนายแป๊บนึง”
“หืม? ขอยืมทำไม”
“ขอยืมหน่อยแล้วกัน”
“ก็ขอยืมไปทำไมล่ะ มีอะไร”
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่จะขอยืมเป็น...”
“เป็น?”
ขอยืมมาแกล้งเป็นผัวกูแป๊บนึง! ไอ้ซีเลนมันจะเข้ามาจู่โจมกูแล้วเนี่ย รีบเป็นผัวกูเร็วๆ ก่อนที่ไอ้ซีเลนมันจะมาเป็นแทนมึงเร็วเข้า!
ผมโคตรอยากจะตะโกนใส่หน้ามันอย่างนี้ฉิบเป๋งถ้าไม่ติดว่าคนอยู่รอบข้างเยอะ แล้วกลัวว่าถ้าบอกมันไปแบบนั้น คีธมันจะไม่ยอมเป็นผัวแค่แป๊บเดียว แต่มันจะเป็นชั่วกาลปวสานนี่สิ ผมเลยได้แต่พูดอ้อมๆ ไป
“ยืมมาเป็นแฟนแป๊บนึง” ผมว่าเสียงเบากว่ากระซิบ
หัวคิ้วเรียวของคีธย่นยู่ฉับพลัน แถมยังยกมือขึ้นมาวางทาบผมหน้าผากผมอีก
“กวินทร์ป่วย?”
กูไม่ได้ป่วย! กูกลัวจะถูกปล้ำ! มึงรีบๆ แกล้งทำเป็นผัวกูสักที เดี๋ยวไอ้ซีเลนมันก็ฉุดกูไปหรอก!
“ฉันว่ากวินทร์ป่วย ปกติไม่เคยเข้าหา” คีธยังคงพูดอยู่ แววตาบ่งบอกชัดเจนว่าโคตรจะสงสัยพฤติกรรมประหลาดๆ ของผมเลย
แต่ในตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรแล้ว ยิ่งเหลือบไปเห็นซีเลนที่ทำหน้าบูดและก้าวเข้ามา ผมก็ไม่รอช้า ผลักคีธเข้าไปข้างในห้องแต่งตัว แล้วจัดการปิดประตูล็อคทันควัน หากแต่ไม่ทันจะได้ล็อค มือใหญ่ของซีเลนก็ยันบานประตูเอาไว้เสียก่อน ก่อนที่มันจะโผล่ใบหน้าบูดบึ้งเข้ามาเรียกผมเสียงเข้ม
“กวินทร์...”
“อะ...อะไร” ผมทำใจดีสู้เสือร้องถามมันออกไป
ซีเลนไม่แม้แต่จะตอบ มองเลยผมไปยังคีธที่ทำหน้านิ่งๆ อยู่ด้านหลังครู่หนึ่ง ก่อนจะถือวิสาสะคว้าแขนผมเอาไว้โดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว
“นายเสร็จฉันแน่”
ผมขืนตัวสุดกำลังทันทีที่ถูกหมอนั่นออกแรงกระชาก เกือบจะหลุดปากร้องเรียกให้คีธช่วยแล้ว แต่ไม่ทันจะได้ส่งเสียงออกมาสักแอะ ท่อนแขนใหญ่ของคีธก็โอบรอบช่วงเอวผมเอาไว้แล้วดึงกลับไปกระแทกกับลำตัวหมอนั่นเต็มแรง
“ทำอะไรของนาย” ซีเลนถามเสียงขุ่นเมื่อจู่ๆ ก็ถูกแย่งเหยื่อไปต่อหน้า
คีธไม่พูดอะไร เอาแต่จ้องหน้าซีเลนนิ่งจนบรรยากาศมาคุเข้าครอบงำ ทำให้ซีเลนที่มีสีหน้ายุ่งอยู่แล้ว ยุ่งหนักเข้าไปอีก
“ฉันถามว่านายทำอะไรของนาย” ในเมื่อคีธไม่พูด ซีเลนก็เป็นฝ่ายถาม
“กวินทร์เป็นของฉัน” และคีธก็พูดขึ้นมาเนิบๆ ด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่สัมผัสได้จากน้ำเสียงว่าโคตรจะไม่พอใจเลย ส่วนผมก็เบิกตาโพลง มองหน้าคีธอย่างอึ้งๆ ที่จู่ๆ มันก็พูดประโยคนี้ออกมา
กวินทร์เป็นของมึงอะไร! มึงอย่ามาขี้ตู่!
ผมรู้สึกแปลกที่ถูกคีธกล่าวอ้างเป็นเจ้าเข้าเจ้าของแบบนั้น แต่มันก็ดีสำหรับในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงถูกปล้ำอย่างนี้ เพราะมันทำให้ซีเลนยอมละความสนใจจากผมไปสนใจคีธแทน
“มิน่า กวินทร์ถึงไม่ยอมฉัน ที่แท้ก็มีเจ้าของ” ซีเลนว่าก่อนยิ้มเย้ยขึ้นมา “แต่ถึงจะมีเจ้าของแล้ว เมื่อคืนก็เกือบจะเสร็จฉัน”
คราวนี้ผมเห็นเลยว่าคิ้วของคีธกระตุกเล็กน้อย แถมยังเหลือบมามองผมอย่างขอคำตอบ
“ก็ไอ้บ้านี่มันปล้ำฉันนี่หว่า ดูตัวมันสิ ใหญ่กว่าฉันขนาดนี้ ใครจะไปสู้มันได้วะ” ผมตะกุกตะกักตอบมันไป
คีธไม่หือไม่อือ ละสายตาจากผมไปมองหน้าซีเลนแล้วว่าเรียบๆ ออกมาเท่านั้น
“อย่ามายุ่งกับกวินทร์”
“คิดว่าห้ามฉันได้เหรอ” ซีเลนว่าอย่างท้าทาย
ผมสาบานเลยว่าโคตรจะเกลียดรอยยิ้มของซีเลนเลยแม้ว่ามันจะทำให้หมอนี่ดูหล่อร้ายเพียงใดก็ตาม แต่รอยยิ้มของมันในเวลานี้ บอกได้เลยว่าเป็นรอยยิ้มที่โคตรกวนตีน ไม่ได้กวนตีนผมนะ กวนตีนไอ้บักคีธนี่แหละ
และเหมือนมันจะได้ผลเสียด้วยเพราะคีธเผลอแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาทั้งที่ปกติแล้วจะทำหน้านิ่งตลอดเวลา พลางว่าออกมาอีกครั้ง
“ก็ลองดู”
พูดมาอย่างนี้ก็เหมือนกับการประกาศศึก ซีเลนหัวเราะในลำคอ ก้าวเข้ามาคว้าแขนผมไว้หมับขณะที่คีธก็ดึงผมเข้าแนบกับลำตัวยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“อย่ามาท้าฉัน”
คีธไม่พูดอะไร จ้องตาอีกฝ่ายที่ก้าวเข้ามาเสียใกล้เขม็ง ส่วนผมที่อยู่ตรงกลางก็หายใจเริ่มติดขัด ไม่ใช่เพราะกลัวหรือตื่นตระหนกอะไรหรอกนะ
แต่เพราะกูถูกประกบคู่เป็นแซนด์วิซอยู่เนี่ย! พวกมึงอย่าทรีซัมกันนะเว้ย!
ผมล่ะโคตรเสียวมันสองคนดีกันขึ้นมากะทันหันแล้วมารุมผมเลย ดีที่มันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด เพราะพอคีธสังเกตว่าซีเลนเข้ามาใกล้ผมเกินไป มันก็ยกมือข้างที่ว่างอยู่ผลักอกซีเลนออกห่าง
“อย่าเข้าใกล้กวินทร์”
ซีเลนถอยหลังไปเล็กน้อย เอียงคอทำท่าเหมือนจะมีเรื่อง
“ก็บอกแล้วไงว่าห้ามฉันไม่ได้”
ต่อยกันแน่ๆ มันต้องต่อยกันแน่ๆ แล้วไอ้ซีเลนมึงต้องตายแน่ๆ ถึงตัวจะใหญ่พอๆ กัน แต่คีธมันแรงควายนะมึง มึงคิดผิดแล้วที่มาท้าผัวจำเป็นของกู มึงโดนอัดน่วมแน่!
ถึงผมอยากจะให้ซีเลนมันโดนคีธเล่นงานแค่ไหน แต่พอคิดถึงความหายนะที่จะเกิดขึ้นในกองถ่ายถ้าหากพระเอกของเรื่องมีอันเป็นไปขึ้นมา ผมก็อดไม่ได้ที่จะห้ามคีธ ทว่าทำได้เพียงตั้งท่าจะห้าม ริชาร์ดที่กำลังหนีการตามตื๊อของแอสตันก็พุ่งพรวดเข้ามาในห้องแต่งตัวพอดี ก่อนที่มันจะชะงักเมื่อเห็นว่าในห้องมีพวกผมอยู่แล้ว แล้วมันก็ชะงักหนักขึ้นไปใหญ่ทันทีที่เห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ามันคือซีเลน
“ซะ...ซีเลน... พะ...พวกนายมาทำอะไรกันอยู่ในนี้”
ผมว่ามันเดาได้แหละว่ากำลังเกิดเรื่องน่าอัปยศอะไรขึ้น แต่มันแสร้งถามเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของซีเลนที่ละสายตาจากผมไปมองมัน ที่สำคัญ สายตาเกรี้ยวกราดและท้าทายของซีเลนเปลี่ยนไปฉับพลันทันทีที่เห็นใบหน้าของริชาร์ดอีกด้วย ร้ายกว่านั้นก็คือซีเลนเข้าไปคว้าไหล่ของริชาร์ดเอาไว้แล้วโน้มหน้าเข้าข้างซอกคอ พร้อมกับสูดหายใจเข้าเต็มปอด
“ริชาร์ด...” ตามมาด้วยน้ำเสียงเซ็กซี่
ริชาร์ดตัวเกร็ง สีหน้าซีดเผือดไปทันตา หน้าตาตอนมันถูกจับข้อหามีกัญชาอยู่ในครอบครองในรัฐที่ไม่มีกฎหมายอนุญาตให้ครอบครองกัญชาเป็นยังไง ตอนนี้มันก็เป็นแบบนั้น ก่อนที่มันจะมองมายังผมอย่างขอความช่วยเหลือ
“คะ...เควิน...”
มึงไม่ต้องมาส่งสายตาเลย เรื่องของมึงโว้ย! ถึงคราวมึงโดนบ้างแล้ว มึงเอาไอ้ซีเลนของมึงกลับไปเลย!
ผมแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นสายตาวิงวอนของมัน ก่อนจะเหลือบไปมองมันอีกทีเมื่อซีเลนกระชากมันมากระแทกแผงอก แล้วโน้มหน้าลงจนปลายจมูกติดกับซอกคอ
“กลิ่นของนายมัน...”
ผมได้ยินไม่ถนัดนักว่าหมอนั่นพูดว่าอะไร แต่ที่รู้ๆ คือมันทำให้สติของริชาร์ดกระเจิดกระเจิง ก่อนไอ้เจ๊กเพื่อนผมจะสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมสุดแรง แล้วรีบพาตัวเองออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วโดยมีซีเลนตามไปติดๆ
“เดี๋ยวริชาร์ด!”
เออดี เมื่อกี้ยังจะปล้ำกูให้ได้อยู่แหม็บๆ พอไอ้ริชาร์ดโผล่หน้ามา มึงก็ทิ้งกูอย่างไม่ไยดีเลยนะ!
พอลับหลังซีเลน ผมก็รีบพุ่งเข้าไปปิดประตูลงกลอนทันควัน ก่อนถอนหายใจออกมาเต็มแรงด้วยความโล่งอกที่รอดจากเงื้อมมือของซีเลนสักที แต่โล่งอกได้ไม่ถึงนาทีก็ตระหนักได้ว่ายังมีไอ้ตัวข้างหลังจ้องจะเล่นงานผมอยู่อีกตัว
“บอกมาซิกวินทร์ว่าที่นายถูกมันปล้ำคืออะไร”
ฉะ...ฉิบหายแล้ว!
“กะ...ก็ไม่มีอะไร แค่...”
ผมหันไปทำท่าจะแก้ตัว ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อสายตาประสบกับดวงตาของคีธ ตอนนี้มันไม่ใช่สีเทาสว่างเหมือนเคย แต่เป็นสีดำทั้งลูกตาเหมือนตอนที่หมอนั่นเคยพยายามจะผูกพันกับผมไม่มีผิดเพี้ยน ผมรู้เลยว่าถ้ามันอวตารมาเป็นร่างนี้เมื่อไหร่ หมายความว่ามันกำลังโกรธ แล้วก็จริงเสียด้วยเมื่อมันค่อยๆ เดินเข้ามาต้อนผมจนหลังผมไปชิดกับกำแพง
“บอกมากวินทร์ ไปถูกมันปล้ำได้ยังไง” คีธว่าขึ้นมาอีกครั้ง ผมรีบตั้งสติให้มั่นแล้วตอบไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“กะ...ก็ฉันไปเจอมันในห้องน้ำที่คลับเมื่อคืน แล้วมันก็ปล้ำฉัน แค่นี้เอง ไม่มีอะไร!”
“แล้วกวินทร์ไปทำอะไรที่คลับ”
ผมหลบสายตามันทันควัน ไม่กล้าบอกว่าไปเพราะไปหาเหยื่อกินเนื่องจากผมไม่แน่ใจในรสนิยมทางเพศของตัวเอง หากแต่การไม่ตอบ ทำให้คีธพูดออกมาอย่างรู้ทัน
“ไปหาผู้หญิงมานอนด้วยสินะ”
“ก็รู้อยู่แล้วจะถามทำไมวะ” ผมพูดโดยไม่มองหน้า คีธเลยยกมือขึ้นจับปลายคางผมให้หันไปมองมันนิ่ง
“ฉันไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้ากวินทร์จะไปมีอะไรกับใคร ถ้าฉันไม่รู้ก็ไม่เป็นไร แต่กวินทร์ควรรู้ไว้ว่าฉันไม่ชอบให้ใครมาแตะตัวกวินทร์”
สรุปก็คือมึงไม่อยากให้กูไปมีอะไรกับใครนั่นแหละ! มึงไม่ต้องมาพูดเยอะ!
“ฉันจะไปมีอะไรกับใคร มันก็เรื่องของฉัน” ผมสะบัดหน้าหนี แต่ก็ไม่หลุดจากการเกาะกุม แถมคำพูดเมื่อครู่ก็ทำให้คีธย่นคิ้วประหนึ่งโกรธมากขึ้นไปอีก
“กวินทร์เป็นของฉัน”
“ไม่ใช่เว้ย แล้วก็ไม่ได้เป็นโฮสต์ของนายด้วย ถึงจะเป็นโฮสต์ให้นาย นายก็ไม่มีสิทธิมาแสดงตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของฉัน ฉันจะไปนอนกับใครมันก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับนาย!” ผมโวยออกมาในตอนนี้ คีธไม่ได้สนใจเลยนอกจากพูดประโยคเดิม
“กวินทร์เป็นของฉัน”
มึงมันหน้าด้าน! หน้าด้านไม่พอยังขี้ตู่ด้วย! กูไม่ใช่ของใครทั้งนั้นแหละ!
ผมพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ สะบัดหน้าหนีการเกาะกุมอีกครั้ง คราวนี้คีธยอมปล่อยแต่โดยดี ผมเลยผลักหมอนั่นออกห่างแล้วว่าอย่างไม่ใส่ใจ
“จะพูดอะไรก็พูดเถอะ ฉันจะกลับไปทำงานต่อละ ขอบใจที่ยอมมาแกล้งเป็นแฟนปลอมๆ หลอกไอ้ซีเลนให้ฉันแล้วกัน นายก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ เผื่อจะมีคนมาใช้ห้องต่อ” ผมทิ้งท้ายไว้แล้วหมุนตัวทำท่าจะเดินออกจากห้องไป
หากแต่ก้าวได้ไม่ถึงสามก้าว ร่างผมก็ลอยหวือไปด้วยการกระชากของคีธอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้ถูกแค่กระชากอย่างเดียว ยังถูกอุ้มด้วยจนผมต้องดิ้นพล่านสุดกำลัง
“ทำอะไรของนายเนี่ย!” ผมโวยเสียงดังแต่ไม่ดังมากพอที่คนนอกจะได้ยิน
คีธอุ้มผมมานั่งบนชั้นวางของที่อยู่ติดกับผนัง ก่อนจะยกแขนทั้งสองข้างกั้นไว้ไม่ให้ผมหนี
“เป็นแฟนกวินทร์”
ผมไม่แน่ใจนักว่าที่มันพูดมาอย่างนี้หมายความว่าอะไร แต่สัญชาตญาณบอกเลยว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่
ยะ...อย่าบอกนะว่ามึงก็จะปล้ำกูอีกคน!? นี่มันหนีเสือปะจรเข้ชัดๆ!
“ไม่ต้องเป็นแล้ว ซีเลนมันไปแล้ว ยกเลิกๆ โมฆะๆ” ผมว่าเร็วๆ ทำท่าจะหนีออกมาจากวงแขนแกร่งนั่น หากแต่คีธไม่ยอมปล่อย ดันผมเข้าติดกับกำแพงแล้วโน้มหน้าเข้ามาเสียใกล้
“ฉันยังไม่ได้ทำหน้าที่แฟนเลย”
“ไม่ต้องทำแล้ว! ก็บอกแล้วไงว่ายกเลิก!”
ห้ามไปก็เท่านั้นแหละ คนอย่างคีธมันหน้ามึน เคยฟังอะไรผมเสียที่ไหน สิ้นเสียงผม มันก็จรดริมฝีปากลงมาบนเรียวปากผมแรงๆ ทีหนึ่งจนผมต้องทุบมันเป็นพัลวัน
“ฉันไม่ได้เป็นโฮสต์นายแล้วนะเว้ย! อย่ามาทำแบบนี้!” พอเป็นอิสระได้ ผมก็แหกปากลั่น
คีธค่อยๆ เปลี่ยนสีตาดำสนิทของตัวเองกลับมาเป็นปกติ ก่อนว่าด้วยน้ำเสียงเบาแทบกระซิบ
“แต่นายทำให้ฉันอยากทำ”
“ระ...ไร้สาระชะมัด” ผมใจเต้นระทึกขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล รีบว่ากลบเกลื่อนก่อนจะพยายามพาตัวเองออกไปจากสถานการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง เพราะดูท่าทางแล้ว ถ้าผมไม่หนี ผมต้องโดนมันปล้ำแน่ๆ
แล้วก็จริงเสียด้วยเมื่อผมทำท่าจะลุก คีธก็รั้งผมไว้กับกำแพงอีกครั้งก่อนจะประกบปากจูบลงอีกครั้ง ผมผลักไสมันสุดกำลังแต่ก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อสัมผัสได้ถึงฝ่ามือใหญ่ที่ถลกเสื้อผมขึ้น ก่อนจะลูบไล้หน้าท้องผมอย่างแผ่วเบาและเลื่อนขึ้นมาช่วงหน้าอก
“กวินทร์เป็นของฉัน” คีธละริมฝีปากจากผมเล็กน้อย พูดประโยคเดิมให้ผมได้ยินอีกเป็นครั้งที่สาม
ผมอยากจะปฏิเสธเหลือเกินว่าผมไม่ได้เป็นของมันแต่ปากก็ถูกครอบครองอีก คราวนี้จูบของคีธเป็นไปอย่างนุ่มนวลและค่อยๆ ทวีความหนักหน่วงขึ้นเมื่อลิ้นอ่อนนุ่มถูกสอดเข้ามา ผมไม่ได้ยินยอม แต่ก็เหมือนยินยอมนั่นแหละเพราะจู่ๆ ไฟราคะในตัวผมก็ถูกจุดขึ้นมากะทันหัน ยิ่งมีอารมณ์ค้างคาจากเมื่อวานหลงเหลืออยู่ด้วยแล้ว ผมก็เผลอปล่อยตัวโอนอ่อนไปตามแรงกระทำของคนตรงหน้าอย่างลืมตัว
เนิ่นนานทีเดียวที่เราจูบกัน คีธถอนริมฝีปากจากผมอย่างอ้อยอิ่ง พรมจูบบนใบหน้าและไล้ลามไปยังลำคอ ผมกระตุกเล็กน้อยทันทีที่สัมผัสได้ถึงแรงขบเบาๆ และกระตุกหนักขึ้นไปอีกเมื่อคีธไม่ได้หยุดแค่ลำคอ แต่ยังมุ่งหน้าไปยังยอดอก ดูดลิ้มชิมรสราวกับได้กินขนมหวานก็ไม่ปาน
ผมที่ปกติไม่เคยถูกจู่โจม มีแต่เป็นฝ่ายจู่โจม พอถูกกระทำแบบนี้ก็ไร้เรี่ยวแรงไปฉับพลันแม้ว่าสติสัมปชัญญะจะพร่ำบอกให้ผมปฏิเสธหมอนั่น ทว่าร่างกายกลับไปเป็นไปตามนั้นเลยแม้แต่น้อย แถมทำได้ดีที่สุดก็แค่เพียงว่าเสียงขาดๆ หายๆ ออกมาเท่านั้น
“ยะ...อย่า...”
เสียงของผมไม่มีผลอะไรกับคีธเลย หมอนั่นไม่แม้แต่จะละสายตาจากหน้าอกผมขึ้นมามองหน้าด้วยซ้ำ ยังคงวนเวียนอยู่อย่างนั้นจนความแข็งขืนจากช่วงล่างปรากฎขึ้นมาให้ผมสัมผัสได้
คำว่า ‘ฉิบหาย’ พร่างพรายเข้ามาในหัวผมครั้งแล้วครั้งเล่า ผมเกลียดความเป็นเพศชายของตัวเองขึ้นมาก็ในตอนนี้ที่พอมีอารมณ์กับการถูกกระตุ้นแล้ว มันมักจะหยุดไม่ได้ และเพราะหยุดตัวเองไม่ได้นี่แหละที่ทำให้คีธได้ใจ เลื่อนมือไปจัดการปลดเข็มขัดกางเกงผมภายในเสี้ยววินาที รู้สึกตัวอีกที กางเกงยีนส์ก็ถูกร่นไปยังข้อเท้าแล้ว
ผมรีบคว้าคอเสื้อมันเอาไว้ทันทีที่มันละจากแผ่นอกของผมเลื่อนต่ำลงไปข้างล่างขณะที่ผมยังนั่งอยู่ที่เดิม
“ดะ...เดี๋ยว ฉะ...ฉันว่ามันจะเลยเถิดเกินไปแล้ว...”
“ไม่ต้องห่วงกวินทร์ ไม่ได้จะผูกพัน” คีธว่านิ่งๆ
มันไม่ได้สำคัญว่าจะผูกพักหรือไม่ผูกพันเว้ย! มันสำคัญตรงที่สิ่งที่มึงจะทำเป็นอันดับต่อไปมันเป็นเรื่องอันตรายสำหรับกูเนี่ยแหละ!
“พะ...พอเลย ฉันไม่ต้องการ” ผมรีบรวบรวมสติ บอกปัดรนๆ แล้วพยายามจะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
คีธผลักผมให้นั่งลง จ้องหน้าผมนิ่ง
“อยู่เฉยๆ”
ว่าอย่างเดียวคงไม่หนำใจ มันยังเลื่อนมือมาสัมผัสส่วนอุ่นร้อนบนร่างกายบนด้วย ผมสะดุ้งเฮือกทันทีที่ฝ่ามือหยาบกร้านเลื่อนเข้ามาใต้ร่มผ้า ความรู้สึกวาบหวิวที่ไม่ได้สัมผัสมาพักใหญ่พุ่งพล่านไปทั่วร่างจนผมไม่เป็นตัวของตัวเอง หากแต่ยังพอมีสติ ยกมือไม้สั่นเทามาจับมือใหญ่ที่วุ่นวายกับร่างกายตัวเองเพื่อพยายามดึงออกได้ แต่ก็เหมือนแค่จับเฉยๆ เพราะผมไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะทำอะไรแม้แต่น้อย นอกจากบีบมือนั้นแน่นเท่านั้น
อึดใจเดียว สิ่งที่เข้ามากระตุ้นเร้าผมก็ไม่ได้มีแค่มือเมื่อคีธก้มหน้าต่ำลงมาพร้อมกับป้อมปราการสุดท้ายที่หลุดหายไป ผมครางออกมาไม่ได้ศัพท์ก็ในตอนนี้จนคีธต้องผละมาจ้องหน้าผมแล้วหยักยิ้มเจ้าเล่ห์
“เสียวเบาๆ กวินทร์”
มะ...มึง! มึงรอจังหวะที่จะพูดประโยคนี้มานานแล้วสินะ!
“กะ...ก็หยุดสิวะ...อืม...”
ฉะ...ฉิบหาย... แค่จะออกปากห้ามมันก็ยังทำไม่ได้เลย
พูดไม่ทันจบประโยค คีธก็จัดการสยบผมอีกระลอก ไม่นานนัก หัวสมองผมก็สว่างวาบพร้อมกับความรู้สึกอัดอั้นที่ถูกปลดปล่อย จากตอนแรกที่ไร้เรี่ยวแรงอยู่แล้ว ตอนนี้มีเสียงหอบเล็กๆ ดังขึ้นมาด้วย
คีธลุกขึ้นมาประกบปากจูบผมเบาๆ พลางว่าด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
“ตีตราจองไว้ก่อน ไว้ค่อยผูกพันทีหลัง ถึงตอนนั้นค่อยไปหาที่ที่กวินทร์เสียวดังกัน”
มะ...ไม่มีครั้งที่สองแล้วเว้ย!
ผมรีบผลักมันออก แต่งตัวอย่างรนๆ พร้อมกับความรู้สึกผิดที่แล่นพล่านไปทั่วร่าง
กะ...กูถูกผู้ชายตีตราจอง... แถมผู้ชายที่ว่าก็เป็นมนุษย์ต่างดาวด้วย
มะ...มึงมารีดพิษกูหน้าตาเฉยอย่างนี้ได้ยังไง!
ความรู้สึกยามฟันผู้หญิงเป็นยังไง เวรกรรมมาเอาคืนผมทั้งต้นทั้งดอก ผมมองหน้าคีธอย่างขุ่นเคือง แล้วต่อยเข้าที่อกมันไปเต็มแรงหนึ่งที
“กวินทร์...” คีธเรียก น้ำเสียงฟังเหมือนจะรู้สึกผิดที่ทำกับผมแบบนี้ แต่สีหน้ามันนี่ไม่ได้บ่งบอกสักนิดเลยว่ารู้สึกผิด
ยิ้มเผล่อย่างนั้นคงสาแก่ใจมึงแล้วสินะ!
“กวินทร์ เดี๋ยว...” แล้วมันก็เรียกผมอีกครั้งเมื่อเห็นผมไม่ยอมพูดกับมัน เอาแต่มุ่งหน้าออกจากห้องแต่งตัวไปอย่างเดียว
“หุบปากไปเลย!” ผมชะงักงัน หันไปแหวอย่างหัวเสีย แต่คีธก็ไม่ได้สะทกสะท้าน เพียงว่าเนิบๆ เท่านั้น
“หน้ายังแดงอยู่นะ แต่งตัวก็ยังไม่เรียบร้อย เช็ดเหงื่อด้วย เดี๋ยวคนอื่นสงสัย”
ผมร้อนวาบไปทั้งหน้าที่ถูกทักแบบนั้น พลันชักสีหน้าใส่มันทันใด
“น่ารัก” มันตอบผมมาแบบนี้
มะ...มึงไม่ต้องทำเป็นทองไม่รู้ร้อนเลย กูเพิ่งจะถูกมึงจับฆาตกรรมหมู่ลูกๆ กว่าร้อยล้านตัวมาเมื่อกี้เองนะเว้ย! ถึงจะไม่ได้มีอะไรกันก็เถอะ แต่แบบนี้มัน... มะ...แม่งเอ๊ย นี่มันชักเลยเถิดกันไปใหญ่แล้ว!
--------------------------------------
ตอนนี้หนูแดงเริ่มเปิดจองหนังสือนิยายเรื่องนี้แล้วนะคะ แม่ยกท่านไหนสนใจ เข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่นี่นะคะ
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.919083514814169.1073741840.122468307809031&type=3