Alien's Host ลูกชายผมเป็นเอเลี่ยน[เปิดขายหนังสือ'แก๊งเกรียนเอเลี่ยน']-30/10/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Alien's Host ลูกชายผมเป็นเอเลี่ยน[เปิดขายหนังสือ'แก๊งเกรียนเอเลี่ยน']-30/10/59  (อ่าน 134434 ครั้ง)

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 08: Apologize[1]

รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ช่วงย่ำเย็นของวันใหม่ ใจจริงผมก็ไม่อยากจะตื่นเท่าไหร่นักด้วยอาการเมาค้างเข้าเล่นงานจนปวดหนึบไปทั้งหัว และยังมีอาการคลื่นไส้ อยากจะสำรอกของในกระเพาะออกมาเนืองๆ อีก แต่ก็จำต้องฝืนลืมตาตื่นเพราะตระหนักได้ว่ายังมีสิ่งที่น่าเป็นห่วงอยู่ และไอ้สิ่งที่น่าเป็นห่วงนั้นก็คือคีธนั่นแหละ จิตใต้สำนึกผมตอนนี้ลุ้นแทบแย่แล้วว่ากำจัดหมอนั่นได้แน่หรือเปล่า
คงจะกำจัดได้แหละมั้ง รับแต่ของไม่ดีเข้าไปตั้งแต่ตอนเป็นตัวอ่อนอย่างนั้น ไม่น่าจะรอด
หากแต่พอผมลืมตาขึ้น ความงัวเงียและความมึนงงก็อันตรธานหายไปทันตาเมื่อเห็นว่าคีธในชุดเดียวกับเมื่อวานนั่งกอดอก มองผมด้วยสีหน้านิ่งเรียบอยู่ข้างเตียง
มะ...มันยังอยู่อีก!
ผมลุกกระเด้งผึง ถอยกรูดมาจนชิดขอบเตียง ในตอนนี้เองที่สังเกตเห็นว่าเนื้อตัวผมตอนนี้สวมเสื้อผ้าชุดใหม่ แถมไม่ใช่ชุดนอนอย่างที่ควรจะเป็นด้วย แต่เป็นเสื้อเชิ้ตตัวเก่งที่ผมชอบใส่ไปเที่ยวกับกางเกงนอนขายาวแทน เดาได้รางๆ ว่าคนจับผมแต่งตัวไม่แมทท์กันอย่างนี้คงจะเป็นคีธนั่นแหละ
แล้วก็จริงเสียด้วยเมื่อหมอนั่นว่าขึ้นทันทีที่เห็นสีหน้าตระหนกของผม
“อุณหภูมิร่างกายเจ้าต่ำ หากไม่สวมใส่เสื้อผ้าจะทำให้เจ้าไม่สบายได้”
พอจะรู้อยู่ว่าหลังคลอดหมอนี่ ร่างกายจะอ่อนแอ แต่ผมไม่ได้สนใจ นอกจากกลืนน้ำลายเอื้อกเมื่อเห็นหมอนั่นชำเลืองหางตามองมา
“ดูดมั้ย” มองอย่างเดียวไม่พอ ยังดึงมือที่กอดอกอยู่มายื่นนิ้วชี้ให้อีก
ผมส่ายหน้าดิก แต่มีเหรอที่หมอนั่นจะสนใจ แค่เห็นผมปฏิเสธ มันก็ถลาเข้ามายัดนิ้วใส่ปากผมเป็นที่เรียบร้อย
“ดูดซะ เดี๋ยวป่วย”
ยังจะมีกะจิตกะใจมาห่วงอีก! กูเพิ่งจะวางแผนฆ่ามึงไปนะเว้ย!
ผมยอมทำตามไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ ตาก็เหลือบมองหน้าหมอนั่นที่ไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมาแม้แต่น้อยด้วยหวั่นใจว่าที่มันมาทำดีด้วยอย่างนี้ มันต้องมีแผนเอาคืนผมแน่ๆ
ทว่าไม่ทันที่ผมจะได้คิดว่าคีธจะเอาคืนผมแบบไหน เขาก็ทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน
“ข้าไม่ได้ตาย”
ก็เห็นอยู่!
“แต่ข้าเกือบตายเพราะรับสารอาหารจากร่างกายเจ้าเมื่อครั้งยังเป็นตัวอ่อน เจ้าคิดจะกำจัดข้าใช่มั้ยกวินทร์”
ผมช้อนตามองหน้าหมอนั่นอย่างหวาดๆ ที่ถูกจับได้ พลันค่อยๆ คลายริมฝีปากออกจากปลายนิ้วเรียว แล้วโกหกหน้าตายพลางหัวเราะแห้งๆ
“ปะ...เปล๊า ฉันก็แค่บำรุงครรภ์”
“หากเจ้าบำรุงครรภ์จริง ข้าคงไม่มึนหัวเจียนตายเช่นนั้น แม้จะออกจากร่างเจ้าแล้ว ข้าก็ยังเวียนหัวอยู่ ซ้ำยังอาเจียนโอ้กอ้ากราวกับถูกวางยา กว่าจะฟื้นตัวได้ก็ใช้เวลาไปหลายชั่วโมง โชคดีนักที่ยาพิษของมนุษย์โลกไม่ร้ายแรงจนร่างกายข้ารับไม่ไหว”
ผมประจักษ์ได้ตอนนี้นี่เองว่าทำไมตอนที่หมอนี่โผล่ทะลวงสะดือผมออกมาถึงได้ทำท่าจะเป็นจะตายให้ได้
ก็มึงเมา! มึงไม่ได้ตาย! แล้วจะทำท่าเหมือนตายให้ดีใจเก้อทำไมเนี่ย!
“ข้าโกรธเจ้ามาก” คีธทำลายความเงียบขึ้นมาอีก น้ำเสียงยังคงเรียบนิ่งและสีหน้ายังคงไร้อารมณ์เช่นเดิม ไม่มีส่วนไหนบอกเลยว่ามันโกรธจริงอย่างที่ปากว่า นอกจากแววตาที่ประกายกร้าวไปด้วยความโกรธอย่างปิดไม่มิด
ผมมองแล้วก็เสียวสันหลังวาบด้วยเดาว่าอีกไม่กี่อึดใจ ผมต้องโดนมันสั่งสอนแน่ แต่ใครมันจะไปยอมรับง่ายๆ ล่ะว่าวางยามัน อีกอย่างนะ ที่ผมทำน่ะ มันเรียกว่ามอมเหล้า ไม่ใช่วางยา แถมไม่ได้ตั้งใจจะมอมด้วย ตั้งใจจะให้มันแท้งไปต่างหาก
“ฉันไม่ได้วางยานาย” ผมโพล่งขึ้นมาบ้างจนได้
“แต่เจ้าทำข้ารู้สึกเหมือนจะตาย เจ้าก็รู้มิใช่รึว่ายามข้าเป็นตัวอ่อน ข้าจำเป็นต้องดูดกลืนสารอาหารจากร่างกายเจ้าเป็นอาหารในการเจริญเติบโต ไยถึงได้ดื่มและกินสารพิษเหล่านั้น ไยถึงคิดกำจัดข้า”
“ยังจะมีหน้ามาถามอีก แล้วใครใช้ให้นายมาวางไข่ใส่ฉันเล่า!”
“ก็ข้าบอกเจ้าแล้วว่าข้าไม่สามารถเปิดเผยตัวตนให้มนุษย์โลกรู้มากไปกว่านี้ได้ จึงจำเป็นต้องพึ่งพาเจ้าเพราะเจ้าเป็นผู้เดียวที่รู้ตัวตนของข้า” หมอนั่นสวน
ผมหงุดหงิดขึ้นมาก็ในตอนนี้ ทำไมมันถึงได้พูดราวกับว่าไอ้การยอมให้หมอนี่พึ่งพามันเป็นหน้าที่ที่ผมควรพึงกระทำเลยวะ
“เจ้าต้องเป็นโฮสต์ให้ข้าจนกว่าข้าจะหาพรรคพวกเจอ ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว และสิ่งที่เจ้ากระทำกับข้ามันก็มากเกินไป เจ้ารู้มิใช่หรือว่าข้าจำเป็นต้องสร้างร่างใหม่ทุกอาทิตย์”
และประโยคต่อไปที่หลุดออกมาจากริมฝีปากหยักก็ทำให้ความอดทนของผมถึงขีดสุด ผมละทิ้งความหวาดกลัวไป จ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่องก่อนจะคอกใส่หมอนั่นอย่างเหลืออด
“แล้วฉันปกป้องอธิปไตยของร่างกายตัวเองมันผิดตรงไหนวะ มนุษย์ต่างดาวอย่างนายน่ะรู้จักคำว่าสิทธิมนุษยชนบ้างมั้ย เอะอะก็สูบสารอาหาร เอะอะก็วางไข่ ถามฉันบ้างสิวะว่าอยากให้ทำมั้ย ที่ยอมนี่เพราะสู้ไม่ได้หรอกนะ นายลองไปทำแบบนี้กับคนอื่นที่ไม่ใช่ฉันสิ ป่านนี้นายโดนยิงสมองกระจุยไปแล้ว ไม่มาพยายามทำให้แท้งด้วยวิธีปัญญาอ่อนแบบนี้หรอก!”
พอผมพรั่งพรูสิ่งที่อยู่ในใจทั้งหมดออกไปราวกับภูเขาไฟปะทุ คีธนิ่งงันไปอีกครั้ง ก่อนที่ดวงตาโกรธกรุ่นในตอนแรกจะวาวโรจน์ดุจสัตว์ป่า วาวโรจน์อย่างเดียวไม่พอ ยังเปลี่ยนจากสีเทาสว่างเป็นสีดำเข้มไปทั้งลูกตา ไม่เว้นแม้แต่ตาขาวอีกด้วย ทำเอาผมขนลุกชันอย่างพรั่นพรึงไปทั้งตัวที่เห็นหมอนั่นในเวอร์ชั่นอมนุษย์อย่างนี้ ก่อนที่หมอนั่นจะว่าขึ้นมาอีกครั้งโดยที่ไม่ได้ฟังสิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่เลยสักนิด
“เพื่อความปลอดภัยในการสร้างร่างใหม่ของข้าในครั้งหน้า ข้าคงต้องผูกพันกับเจ้า”
ไม่ทันที่ผมจะได้อ้าปากถามว่าผูกพันอะไร คีธก็ลุกผึง โถมกายเข้ามาทาบทับผมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงอย่างรวดเร็ว พลันใช้มือข้างหนึ่งรวบข้อมือทั้งสองของผมขึ้นเหนือหัว ขณะที่มืออีกข้างหนึ่งเลื่อนไปจับคอเสื้อบนตัวผม สัญชาตญาณบอกทันทีว่าไอ้มนุษย์ต่างดาวโฮโมฯ นี่คิดมิดีมิร้ายกับผมอยู่แน่
“เฮ้ย! จะทำอะไรเนี่ย! ปล่อยนะเว้ย!” ผมแหกปากโวยวายสุดเสียง ดิ้นรนหนีสุดชีวิตแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าอย่างไรก็สู้ไม่ได้
คีธก็ไม่ยอมปล่อยผมง่ายๆ เช่นกัน นอกจากว่าหน้านิ่ง
“ผูกพันกับเจ้า”
ตอบมาแค่นี้ แถมยังไม่หยุด ออกแรงมือข้างที่จับคอเสื้อผมอยู่เต็มแรงจนเสื้อเชิ้ตตัวเก่งของผมหลุดติดมือมันไป
แคว่ก!
เสียงขาดของเสื้อทำเอาผมเบิกตาโพลงประหนึ่งเห็นผีก็ไม่ปาน
คุณพระ! บักคีธผู้ฉีกเสื้อกวินทร์ด้วยมือเปล่า!
ผมอ้าปากค้างกับความแข็งแรงของร่างกายหมอนั่น แล้วก็ต้องตาแทบเหลือกเมื่อเห็นมันโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ข้างหูจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ก่อนที่เสียงทุ้มจะดังขึ้นเบาๆ
“ข้าจะผูกพันกับเจ้าจนกว่าฟ้าจะมืด เตรียมใจไว้ให้ดี กวินทร์”
พะ...พูดอย่างนี้นี่...มึงจะปล้ำกูใช่มั้ย!?
ไม่ต้องตอบก็น่าจะรู้เพราะแค่คิด ไอ้คีธมันก็โน้มหน้ามาประกบปากจูบผมแล้ว จูบครั้งนี้ไม่ใช่การจูบเพื่อดูดกลืนสารอาหาร ไม่ใช่การจูบเพื่อการวางไข่
แต่เป็นการจูบเพื่อเสพสังวาส!
ผมรู้เพราะผมก็เคยทำกับผู้หญิงที่เคยนอนด้วยแบบนี้นั่นแหละ ก่อนจะสะบัดหน้าหนีเต็มแรง โชคดีที่หลุดมาได้ ทว่าก็เท่านั้น ในเมื่อไม่ให้จูบ คีธก็เลื่อนไปจัดการกับส่วนอื่นของร่างกายผมแทน และส่วนนั้นก็คือ...
ทะ...ท่อนล่าง!
มือใหญ่เลื่อนไปจับขอบยางยืดของกางเกงผมไว้มั่น ก่อนจะดึงมันลง ผมแหกปากร้องเป็นควายถูกเชือดก็ในตอนนี้
“หยุดเดี๋ยวนี้เลยไอ้คีธ! หยุด!”
ถามว่ามันสนใจมั้ย ตอบเลยว่าไม่ พริบตาเดียว กางเกงที่ปกปิดความเป็นชายผมอยู่ก็ร่นไปยังข้อเท้า คุณพระคุณเจ้ายังพอเมตตาผมอยู่บ้างที่ดลบันดาลให้หมอนั่นใส่กางเกงในให้ผมตอนที่สวมเสื้อผ้าให้ขณะที่ผมไม่รู้สึกตัว ผมก็เลยยังไม่ได้แก้ผ้าโทงเทงให้มันเห็น แต่สภาพในตอนนี้ก็นับว่าอุบาทว์อยู่พอตัวเลยทีเดียว
แล้วผมก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อหมอนั่นเลื่อนใบหน้าขึ้นมาจ้องผมนิ่ง พลันประทับจูบลงมาบนซอกคอ ก่อนค่อยๆ เลื่อนต่ำไปยังหน้าอกผม
ผมเกร็งไปทั้งตัว ไม่ใช่เพราะรู้สึกดีหรืออะไรนะ แต่กลัว... โคตรจะกลัวถูกมันพรากพรหมจรรย์เลยโว้ย! ปฏิเสธผู้ชายที่มาก้อร่อก้อติกตั้งหลายปี จะมาเสร็จไอ้มนุษย์ต่างดาวแบบนี้ไม่เอานะเว้ย!
“ปล่อยนะคีธ! ยอมทุกอย่าง! ยอมทุกอย่างแล้ว! ปล่อยนะเว้ย!” ผมแหกปากร้องอย่างต่อเนื่อง และยิ่งแหกปากหนักขึ้นไปอีกเมื่อริมฝีปากนุ่มของหมอนั่นแตะลงบนหน้าท้องแล้วค่อยๆ ลากต่ำไปอย่างช้าๆ ก่อนจะหยุดลงบริเวณเหนือสะดือ
มึงอย่าเลื่อนต่ำไปกว่านี้นะเว้ย!
ผมหายใจหอบหนักด้วยความเหนื่อย... เหนื่อยจากการตะโกนห้ามมันกับดิ้นหนีเนี่ยแหละ ในจังหวะนี้เองที่คีธเงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตาของหมอนั่นยังคงเป็นสีดำทั้งเบ้า แต่อะไรก็ไม่ทำให้ผมพรั่นพรึงได้เท่ากับคำพูดของมันที่ดังเข้ามาในหู
“ผูกพันกับข้า เจ้าจะได้ไม่คิดสังหารข้าอีก”
งั้นก็ฆ่ากันเลยเถอะถ้าจะปล้ำกันขนาดนี้!
“ปล่อยนะไอ้คีธ...” ผมพยายามทำจิตใจให้สงบ ว่าเสียงต่ำด้วยคิดว่าในเมื่อตะโกนห้ามมันไปไม่ได้ผล ก็ลองจริงจังดู แต่มันก็ไม่ได้ผลทั้งคู่ เพราะพอพูดจบ หมอนั่นก็แตะริมฝีปากลงบนหน้าท้องผมอีกครั้ง แถมยังค่อยๆ ไล่ต่ำลงไปจนผมต้องรีบเบิกตาโพลง
กูบอกว่าอย่าลงต่ำไง!
“นายมันเผด็จการมากไปแล้ว! ไอ้ที่ฉันยอมๆ นี่ก็ไม่เคยเต็มใจสักนิด! บ้าหรือเปล่าวะ มาพึ่งพาเค้าแล้วยังจะบังคับเค้าอีก! อีแบบนี้มันไม่ได้เรียกว่าพึ่งพาแล้ว มันเรียกบังคับขืนใจ แถมแม่งจะข่มขืนด้วยเนี่ย! ไอ้เวรเอ๊ย!” ผมก่นด่าออกไปจนลิ้นแทบพันกัน ใจก็ลุ้นระทึกภาวนาขอให้มันอย่าไปยุ่งกับส่วนที่อยู่ต่ำกว่านี้เลย
แล้วก็ได้ผลเสียด้วยเพราะทันทีที่สิ้นเสียง คีธก็หยุดชะงัก มองหน้าผมอีกครั้ง ทว่าคราวนี้ดวงตาสีดำทั้งเบ้าตาค่อยๆ แปรเปลี่ยนกลับไปเป็นสีเทาสว่างและมีตาขาวดังเดิม และหมอนั่นก็ทำให้ผมต้องประหลาดใจเมื่อจู่ๆ ก็ยอมถอยออกแต่โดยดี มิหนำซ้ำยังฉุดผมที่นอนอยู่ให้ลุกขึ้นนั่งอีกด้วย
“ข้าต้องขออภัยด้วย”
มะ...มันจะมาไม้ไหนอีกวะ
ผมมองหมอนั่นอย่างไม่ไว้ใจ ทว่าพอเห็นคีธลุกขึ้นจากเตียงกลับไปนั่งยังเก้าอี้ข้างเตียงเหมือนเดิม ผมก็รีบดึงกางเกงที่ข้อเท้าขึ้นมาสวม แล้วพุ่งไปยังตู้เสื้อผ้า จัดการหาเสื้อมาใส่ ก่อนคว้ากระเป๋าสตางค์ทันใด
ไม่อยู่แล้วห้องนี้! มึงอยากอยู่ก็อยู่ไปเลย! อยู่กับมันนี่อันตรายสุดอะไรสุดจริงๆ!
หากแต่ไม่ทันที่ผมจะได้ออกจากห้องนอน คีธก็ลุกขึ้นมาคว้าข้อมือผมเอาไว้ เรียกให้ผมหันไปมอง
“ข้าขออภัย”
ผมจ้องหน้าหมอนั่นเขม็ง จากตอนแรกที่ไม่โกรธมาก พอได้ยินมันขอโทษแล้วก็ชักจะโกรธมากขึ้นมาซะแล้ว
“ถ้าขอโทษแล้วหาย ก็ไม่ต้องมีกฎหมายแล้วเว้ย!” ผมสะบัดแขนออก ถ้าเป็นเวลาปกติ ผมคงจะสะบัดไม่หลุดหรอก แต่คราวนี้หมอนั่นยอมปล่อยแต่โดยดี แถมยังทำหน้าน่าสงสาร เรียกชื่อผมเสียงแผ่วอีก
“กวินทร์... ข้าขออภัยจริงๆ”
มึงไม่ต้องมาทำเป็นพระเอกละครตามง้อนางเอกหลังปล้ำเสร็จเลย กูไม่อิน!
ผมเมินแล้วพุ่งตัวออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว รอบนี้คีธไม่ตามมา พอพ้นจากเขตห้องได้ ผมก็หายใจโล่งทันใด
เกือบไปแล้วไอ้กวินทร์... เกือบเสียตัวให้มันแล้ว...
 
พอทะเล่อทะล่าออกจากห้องมาอย่างนี้ ผมก็เลยไม่รู้จะไปไหน ปกติถ้ามีเรื่องไม่สบายใจ ผมก็คงจะพุ่งไปผ่อนคลายที่ไนต์คลับที่ไหนสักแห่งแล้ว แต่เพราะแต่งตัวไม่แมทท์กันตั้งแต่หัวจรดเท้า ความคิดที่จะไปไนท์คลับก็เลยถูกพับเก็บไปโดยปริยาย ที่ที่ผมจะไปได้ในสภาพอย่างนี้มีที่เดียวที่คิดออก ซึ่งนั่นก็คือร้านอาหารจีนของอาแปะลีโอนาร์โด
สุดท้ายผมก็มานั่งจ๋องอยู่ที่นี่ อาแปะกับลูกจ้างเห็นสีหน้าเบื่อโลกของผมก็ไม่ได้เข้ามาทักทายหรือถามอะไรที่พอมาถึง ผมก็เอาแต่นั่งถอนหายใจ ไม่สั่งอะไรกินสักอย่าง กระทั่งถึงเวลาเก็บร้าน อาแปะจึงไล่ให้ลูกจ้างไปทำความสะอาดที่หลังร้าน ส่วนตัวเองก็เดินมานั่งบนเก้าอี้ตรงหน้าผม
“เป็นอะไรของลื้ออาเควิน ตั้งแต่เข้าร้านอั๊วมา ถอนหายใจได้เป็นพันครั้งแล้วมั้งเนี่ย”
ผมเหลือบมองหน้าอาแปะเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่มีไรแปะ เบื่อนิดหน่อย”
“ถ้าเบื่อก็ให้ท่านผู้พิทักษ์เล่าเรื่องวีรกรรมให้ฟังสิ ลื้อน่าจะชอบนะเรื่องอวกาศอะไรพวกนี้น่ะ”
“เบื่อมันนั่นแหละแปะ อย่าพูดชื่อมันให้ได้ยินอีกเชียว” ผมควัดสายตาไปมองอาแปะอย่างเคืองๆ
รอยยิ้มอาแปะหายวับไปทันที ก่อนจะแทนทีด้วยสีหน้าสงสัยทันที
“ลื้อกับท่านผู้พิทักษ์ทะเลาะกันมารึ”
“ไม่ได้ทะเลาะ”
“ไม่จริงมั้ง ถ้าไม่ได้ทะเลาะ ลื้อคงไม่หนีมานั่งทำหน้าซังกะตายที่ร้านอั๊วหรอก”
“ถ้าจู่ๆ แปะจะถูกมันข่มขืน แปะจะหนีมามั้ยล่ะ” ผมหลุดพูดออกไป
คราวนี้อาแปะมีสีหน้าตกใจขึ้นมาพลัน “ข่มขืน? อย่าบอกนะว่าท่านผู้พิทักษ์คิดจะผูกพันกับเจ้า”
“เออ ไอ้ผูกพันอะไรเนี่ยแหละที่ทำให้ผมเกือบเสียตัวให้ผู้ชายด้วยกัน” ผมว่าเสียงขุ่น
ทว่าแทนที่อาแปะจะตกใจต่อ กลับหัวเราะออกมาก็ในตอนนี้
“น่าดีใจนะอาเควินที่ท่านผู้พิทักษ์ให้ความสำคัญกับลื้อถึงขนาดอยากผูกพันด้วยอย่างนี้ ถ้าเป็นอั๊วล่ะก็ อั๊วคงจะดีใจจนเนื้อตัวเต้นไปแล้ว”
ผมเบ้หน้ากับคำพูดนั้นทันใด “นี่แปะเป็นมนุษย์ต่างดาวไม่พอ ยังจะเป็นโฮโมฯ ด้วยเหรอ”
อาแปะหัวเราะร่วนก่อนจะยื่นมือมาตบบ่าผมเบาๆ
“เปล่า ไม่ได้เป็น ลื้อคงไม่รู้ล่ะสินะว่าพวกยูนิกม่าอย่างท่านผู้พิทักษ์น่ะได้รับการยกย่องว่าเป็นชาติพันธุ์ที่สูงส่งที่สุดในจักรวาล การที่ได้เป็นโฮสต์ให้กับชาวยูนิกม่า สำหรับชาติพันธุ์ต่างๆ ในกลุ่มฮิวมานอยด์น่ะถือว่าเป็นเกียรติแล้ว แต่การที่ถูกชาวยูนิกม่าผูกพันด้วยนับว่าเป็นเกียรติยิ่งกว่า เพราะลื้อจะไม่ได้เป็นแค่โฮสต์อย่างเดียว แต่ลื้อจะได้เป็นแม่พันธุ์ด้วย การมีบุตรที่เป็นลูกของชาวยูนิกม่าเป็นอะไรที่ถือว่าเป็นเกียรติสูงสุดเลยนะ”
ผมเบ้หน้าหนักเข้าไปอีก มันจะเป็นเกียรติยังไงวะ ถูกมันข่มขืนแล้วโดนวางไข่ซ้ำจนมีลูกเนี่ย!
“แต่จริงๆ ก็ไม่ใช่แค่เป็นแม่พันธุ์อย่างเดียวนะ การที่ชาวยูนิกม่าจะผูกพันกัน มันเป็นเหมือนการสาบานตนว่าจะอยู่เคียงคู่กันจนตายด้วย ยิ่งถ้าชาวยูนิกม่าไปผูกพันกับชาติพันธุ์อื่น มันก็เหมือนการปฏิญาณตนว่าจะดูแลอีกฝ่ายตลอดไปจนกว่าจะสิ้นอายุขัยนั่นแหละ ว่ากันว่าพวกที่ได้ผูกพันกับชาวยูนิกม่าได้รับการดูแลและปกป้องจากผู้รุกรานเป็นอย่างดี เลยทำให้ส่วนใหญ่อยากจะผูกพันกับชาวยูนิกม่าน่ะ”
“ผมว่าไอ้ท่านผู้พิทักษ์ของอาแปะนั่นแหละที่เป็นผู้รุกราน แม่งรุกรานจนขนลุกเกรียวไปทั้งตัว ขยะแขยงชะมัด” ผมพึมพำ พอจะเข้าใจได้ในตอนนี้ว่าทำไมคีธถึงอยากจะปล้ำผมนัก มันคงคิดว่าถ้าเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วจะทำให้ผมยอมใจอ่อนเหมือนกับชาติพันธุ์ในอวกาศอื่นๆ ล่ะสินะ
“ว่าแต่ทำไมจู่ๆ ท่านผู้พิทักษ์ถึงได้จะผูกพันกับลื้อล่ะ ปกติแล้วชาวยูนิกม่าจะไม่นิยมผูกพันกับชาติพันธุ์อื่นนี่นาถ้าไม่จำเป็นจริงๆ” จู่ๆ อาแปะก็เปลี่ยนเรื่อง ผมมองหน้าเขาแล้วก็พ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง
“ผมพยายามฆ่ามันตอนมันยังเป็นไข่น่ะ”
 “ฆ่าเหรอ” รอยยิ้มของอาแปะหายไปอีกครั้ง
“อือ ด้วยการดื่มเหล้าน่ะ กะว่าดื่มหนักๆ แล้วมันจะแท้งอะไรงี้ แต่ไม่แท้ง เมา... เมาทั้งคู่ ทั้งผมทั้งมัน” ผมว่าเนือยๆ
อาแปะมีสีหน้าโล่งใจขึ้นทันตา “ค่อยยังชั่วหน่อย ก็นึกว่าจะร้ายแรงอะไร บอกไว้เลยนะอาเควินว่าถ้าลื้อพยายามจะกำจัดไข่ชาวยูนิกม่าในตัวน่ะ มันมีอยู่แค่วิธีเดียวเท่านั้นคือการเอาไข่ออกจากร่าง”
“แบบถ่ายท้องออก หรืออ้วกออกอะไรงี้เหรอ” ผมถาม
“ก็น่าจะนะ แต่ไม่มีใครรับประกันว่าได้ผลมั้ย เพราะเหมือนจะยังไม่เคยมีใครลอง ส่วนใหญ่เวลาที่โฮสต์ถูกวางไข่ ล้วนมาจากความเต็มใจทั้งสิ้น จะมีก็แต่ลื้อเนี่ยแหละ เป็นคนแรกของจักรวาลที่พยายามจะกำจัดไข่ชาวยูนิกม่าในตัว”
ผมก็ลืมไปว่าเวลาคีธวางไข่ ไข่นั่นจะไปอยู่ในกระเพาะ รู้งี้ซื้อยาถ่ายมาก็ดี ไม่น่าโง่ไปซื้อไอ้ของพวกนั้นเลย
หากแต่อาแปะก็ดับฝันผมลงเมื่อพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“แต่ถ้าจะทำจริงๆ ก็คงจะต้องรีบทำทันทีที่ถูกวางล่ะนะ เพราะไข่ของชาวยูนิกม่าเจริญเติบโตเร็ว ถ้าเกินครึ่งชั่วโมงไปแล้วจนกลายเป็นตัวอ่อนก็ไม่ทันแล้ว ไปทำตอนนั้นมีหวังโฮสต์ได้รับอันตรายแน่”
“อันตรายนี่คือ?”
“ตาย พวกยูนิกม่าน่ะ แม้จะเป็นตัวอ่อนก็นับว่าแข็งแรง กำจัดไม่ได้ง่ายๆ หรอก แถมประสาทสัมผัสก็ดี ถ้ารู้ว่าตัวเองตกอยู่ในอันตรายหรือกำลังจะตายด้วยฝีมือโฮสต์ รับรองเลยว่าพวกนี้ไม่ยอมตายแค่ตัวเดียวแน่”
มิน่าล่ะ คีธมันถึงได้บอกผมว่าถ้ามันตาย มันจะไม่ยอมตายคนเดียว เป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้นนี่เองสินะ
“จะอะไรก็เอาเถอะ เอาเป็นว่าผมเกือบจะถูกมันข่มขืนก็แล้วกัน ผมเลยต้องระเห็จมาร้านแปะเนี่ย” ผมบอกปัดๆ ด้วยไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้อีก
ทว่าไอ้อาแปะต่างดาวนี่ก็กวน พอผมพูดอย่างนั้น ก็ยิ้มเผล่ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนหน้าตาจากชาวจีนแก่ๆ เป็นสีหน้าไร้ความรู้สึกของคีธ
“กลับไปให้ท่านผู้พิทักษ์ผูกพันจะดีกว่า อีกเดี๋ยวอั๊วก็จะปิดร้านแล้ว”
ผมเกือบจะชกหน้าอาแปะเพราะตกใจแล้วถ้าไม่ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่ามนุษย์ต่างดาวพันธุ์อาแปะนี่มีความสามารถพิเศษในการลอกเลียนรูปร่างหน้าตาได้
“แปะ อย่าเล่น อารมณ์ไม่ดี”
อาแปะใต้ใบหน้าของคีธหัวเราะก่อนจะเปลี่ยนกลับไปเป็นใบหน้าเดิม
“อั๊วให้ลื้อนั่งได้อีกห้านาทีแล้วกัน อั๊วจะปิดร้านแล้วกลับไปนอนแล้ว วันนี้ขายดีจัด เหนื่อย” ว่าจบก็ลุกไปสาละวนกับการยกเก้าอี้ขึ้นบนโต๊ะ ทิ้งให้ผมนั่งมองตามหลังอย่างเหนื่อยใจ
ปวดกบาลกับพวกมนุษย์ต่างดาวนี่จริงๆ ให้ตาย แต่ละตัวนี่แม่งเพี้ยนหลุดโลกกันทั้งนั้น!
 
ถึงอาแปะจะบอกว่าให้นั่งได้อีกห้านาที แต่เอาเข้าจริง ผมก็นั่งต่ออีกเป็นชั่วโมง ใช่ว่าผมอยากจะนั่งหรืออะไรหรอก แต่พอกำลังจะออกจากร้านก็โดนอาแปะที่เพิ่งจะเก็บร้านเสร็จชวนคุย ก็เลยกลายเป็นคุยยาว ผมเลยได้รู้ว่าอาแปะมาที่โลกมนุษย์ทำไมแบบละเอียดยิบ คร่าวๆ ก็คือ ดาวโอนิซิสที่เป็นบ้านเกิดของอาแปะเนี่ยถูกรุกรานจากมนุษย์ต่างดาวพันธุ์ที่ชื่อว่าเซนไทน์จนอยู่ไม่ได้ อาแปะก็เลยเดินทางอพยพไปตามดาวต่างๆ จนสุดท้ายมาจบที่โลก
ประเทศแรกที่อาแปะไปก็ประเทศจีนนั่นแหละ เห็นว่าอยู่ที่นั่นเกือบร้อยปีแล้วก็ย้ายมาอยู่อเมริกา ผมถึงได้รู้เพิ่มอีกในตอนนี้ว่าชาติพันธุ์ของอาแปะมีอายุมากกว่ามนุษย์โลกหลายเท่า มากกว่าพวกยูนิกม่าอีก ค่าเฉลี่ยอายุอยู่ที่ห้าร้อยปีได้ ส่วนเรื่องภาพลักษณ์ของอาแปะ ผมก็ถามแหละว่าในเมื่อลอกเลียนรูปร่างหน้าตาได้สารพัด ทำไมถึงเลือกที่จะเป็นตาแก่ชาวจีนแบบนี้ อาแปะบอกว่ามันไม่ต้องคีปลุคหรือรักษาอิมเมจใดๆ ง่ายต่อการใช้ชีวิตดี ส่วนลูกจ้างอาแปะ ผมก็เพิ่งจะรู้วันนี้นี่แหละว่าชื่อโดมินิค รายนี้เหมือนว่าจะอพยพมายังโลกตอนที่อาแปะย้ายมาอยู่อเมริกาแล้ว พอเจอกัน อาแปะก็เลยชวนมาอยู่ด้วย ช่วยกันทำมาหากินไปตามเรื่องอย่างที่เห็น
ผมคุยกับอาแปะต่อได้ไม่นานก็ถูกไล่เพราะอาแปะเห็นว่าเกือบจะตีสามแล้ว สุดท้ายผมก็เลยต้องมาเตร็ดเตร่อยู่หน้าอพาร์ตเม้นต์ของตัวเอง พอเงยหน้ามองขึ้นไปยังหน้าต่างห้องตัวเอง ผมก็ต้องถอนหายใจออกมาเต็มแรง
ไม่อยากกลับเข้าไปเลยพับผ่า... ไม่อยากเจอหน้ามันด้วย
เพราะคิดแบบนี้ ผมก็เลยตัดสินใจไม่นอนที่ห้องตัวเองเหมือนเดิม แต่มุ่งหน้าไปยังอพาร์ตเม้นต์ของริชาร์ดแทน
 


ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 08: Apologize [2]

ผมใช้เวลาเดินเท้าไม่นานนักก็ถึงยังที่หมาย พอมาหยุดตรงหน้าประตูห้องของริชาร์ด กลิ่นเหม็นฉุนของบุหรี่ก็ลอยลอดออกมาจากใต้ประตูให้ผมได้รู้ว่าหมอนั่นยังไม่นอน ก็คงจะทำงานอยู่นั่นแหละ
ผมเคาะประตูเรียกสองสามที ครู่เดียว ใบหน้าเมากัญชาได้ที่ของริชาร์ดก็โผล่ออกมา ก่อนหมอนั่นจะยิ้มร่าเมื่อเห็นหน้าผม
“มีอะไรเนี่ยถึงได้โผล่หน้ามาดึกๆ ดื่นๆ”
“มาขอนอนค้างด้วยคืนนึง” ผมว่าเสียงเรียบ ก่อนหมอนั่นจะย่นคิ้วแล้วปราดมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
“แต่งตัวเหมือนไม่ได้วางแผนชีวิต แถมโผล่มากลางดึกแบบนี้ ทะเลาะกับคู่ขามาแน่ๆ”
“นี่เมาหรือตั้งใจกวนตีน?” ผมชักสีหน้า หมอนั่นหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูให้ผมเข้าไป
“รกหน่อยนะ ฉันกำลังรื้อสตอรี่บอร์ดทำใหม่อยู่”
ผมพยักหน้าส่งๆ ไป เดินตรงไปทิ้งตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน ริชาร์ดเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของผมก็เดินมาหาพร้อมกับกระป๋องเบียร์เย็นเฉียบ
“ดื่มซะ จะได้ผ่อนคลาย”
ผมรับมากระดกอึ้กๆ แบบไม่ลืมหูลืมตา พอวางกระป๋องเบียร์ลงก็ยังเห็นริชาร์ดยืนยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ จนผมต้องถามมันเสียงเขียว
“อะไรของนาย”
“กำลังคิดอยู่ว่านายเป็นอะไรถึงได้ดูเครียดขนาดนี้”
“ไม่ต้องสนใจ ฉันก็แค่เบื่อๆ” ผมบอกปัด ไม่อยากจะบอกเรื่องจริงเท่าไหร่ เพราะไม่อย่างนั้น มันต้องล้อผมไม่เลิกแน่ที่จู่ๆ เพลย์บอยอย่างผมก็จะถูกผู้ชายด้วยกันเล่นงาน
ทว่าในจังหวะที่ริชาร์ดยักไหล่ หมุนตัวจะกลับไปทำงาน เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ผมกับหมอนั่นหันไปมองตามต้นเสียงแทบจะพร้อมกัน ในใจผมรู้เลยว่าคนที่มาใหม่นี่ต้องเป็นไอ้คีธแน่ๆ แม้แต่ริชาร์ดเองก็คิดแบบนั้น เพราะหมอนั่นหันมาส่งยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยให้ผม
“คู่ขามาตาม”
ผมแทบจะคว้ากระป๋องเบียร์ขว้างใส่หัวมัน ดีที่มันเดินไปเปิดประตูก่อนเลยรอดตัวไป
และพอบานประตูเปิดออก สีหน้านิ่งเฉยของคีธก็ปรากฏให้เห็นพร้อมกับน้ำเสียงเรียบๆ
“ข้ามาตามกวินทร์”
“นอนรอให้มาตามอยู่ที่โซฟาน่ะ”
กูแค่กึ่งนั่งกึ่งนอน ไม่ได้นอนรอมัน!
ผมกัดฟันกรอด แต่ริชาร์ดมันไหวตัวทัน ก่อนที่ผมจะได้ทำอะไร มันก็คว้าเอาอุปกรณ์ทั้งหมดหนีเข้าห้องนอนเป็นที่เรียบร้อย
“ง้อกันตามสบายนะ ไม่รบกวน ไม่แอบฟัง ห้องพร้อม ถุงยางมี”
“ไอ้เวร...” ผมเงื้อมือขึ้นพร้อมกระป๋องเบียร์ ริชาร์ดเลยรีบปิดประตูห้องนอนหนีไปพร้อมกับเสียงหัวเราะร่วน
พอทุกอย่างเข้าสู่ความสงบ ผมก็มองหน้าคีธที่กำลังจับจ้องผมนิ่งๆ แล้วเมินใส่โดยการกระดกเบียร์ขึ้นดื่ม
เวรจริง อุตส่าห์หนีมาแล้วก็ดันลืมซะได้ว่าประสาทสัมผัสมันดี ตามกลิ่นมาถูก เอาเถอะ คิดซะว่ามันไม่อยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน
ทว่าการเมินของผมไม่ได้ทำให้คีธไร้ตัวตนได้เลย แถมหมอนั่นยังเดินมาแย่งกระป๋องเบียร์ที่ผมกระดกเข้าปากไปอีก
“เอาคืนมา” ผมว่าเสียงเขียว หากแต่คีธกลับวางมันลงบนโต๊ะ
“มันไม่ดีต่อร่างกายของเจ้า เมื่อวานเจ้าก็ดื่มของจำพวกนี้ไปเยอะแล้ว”
“มันคนละอย่างกัน”
“แต่คล้ายกัน ข้าจำกลิ่นเฉพาะตัวของมันได้”
ผมเลิกเถียง ได้แต่ถอนหายใจ แล้วยกมือขึ้นกอดอกพลันเข้าเรื่อง
“ตามฉันมาทำไม”
คีธมองหน้าผมนิ่ง ยังไม่ยอมตอบจนผมต้องพูดขึ้นอีกครั้ง
“ถามเนี่ยไม่ได้ยินหรือไง”
“ข้าตามมาขอโทษ”
ผมหรี่ตามองอย่างจับผิด แต่เห็นแววตาจริงจังของคีธแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่ามันมาทำอย่างที่พูดจริงๆ
บอกตามตรงว่าตอนนี้ผมก็ไม่ได้โกรธมันหรอก แต่เบื่อมันมากกว่า เบื่อแบบเอือมระอา ไม่อยากเห็นหน้าอะไรประมาณนี้
“งั้นก็รีบๆ พูดแล้วก็ไสหัวกลับไปซะ” ผมทำลายความเงียบขึ้น
คีธพยักหน้า ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ผมแล้วเริ่มเปิดปากพูด
“ข้ามาคิดดูแล้วว่าเรื่องที่เจ้าต่อว่าข้าว่าเผด็จการนั้นล้วนเป็นความจริงทุกประการ ข้ากระทำทุกอย่างโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าแม้แต่น้อย ไม่มีเลยแม้แต่ครั้งเดียว”
“เพิ่งจะรู้ตัวเหรอ” ผมประชัดประชัน มองหน้ามันอย่างเอาเรื่อง ขณะที่คีธพยักหน้ารับช้าๆ
“เพิ่งรู้”
ความรู้สึกช้าไปมั้ยวะ!
ผมถึงกับส่ายหน้า ก่อนคีธจะเรียกความสนใจจากผมไป
“เพราะข้าเพิ่งรู้ว่ากระทำการไม่เหมาะสมกับเจ้าไว้มาก ดังนั้นจึงอยากจะขออภัยจากใจ หวังว่าเจ้าจะให้อภัยข้า”
“ลองมาถูกปล้ำเหมือนฉันบ้างมั้ยล่ะ ดูซิว่าจะให้อภัยได้มั้ย”
“หากเจ้าประสงค์เช่นนั้น ข้าก็ยินยอม”
กู-ประ-ชด!
ปวดกบาลกับมันจริงๆ จากที่หายโกรธก็ชักจะหงุดหงิดละ มันแกล้งโง่หรือเปล่าเนี่ย!
และก่อนที่จะปวดหัวไปมากกว่านี้ ผมก็โบกมือปัดๆ ตัดบทให้จบๆ ไป
“เออๆ ขอโทษแล้วก็จบๆ ไปแล้วกัน”
คีธทำหน้าเฉย แต่แววตาประกายขึ้นมาเล็กน้อยราวกับดีใจที่ได้ยินผมพูดอย่างนั้น ก่อนจะพูดขึ้นมาบ้าง
“ต่อจากนี้ หากข้าต้องการจะกระทำการใดกับเจ้า ข้าจะขออนุญาตเจ้าก่อน หากเจ้าไม่ยินยอม ข้าจะไม่ทำ จะไม่บังคับหรือขืนใจเจ้าอีกเป็นอันขาด ข้าขออภัยอย่างสุดซึ้งจริงๆ” ว่าจบมันก็ทำท่าจะเอื้อมมือมาจับมือผม
ผมเหลือบมองทันควัน จังหวะเดียวกับที่คีธชะงักในท่าหงายมือข้างหนึ่งขึ้น
เมื่อกี้เพิ่งจะพูดอยู่แหม็บๆ ว่าจะไม่ทำอะไรตามใจไงวะ!
เหมือนคีธจะรู้ตัว พอเห็นสายตาไม่พอใจของผม ก็ขยับปากพูด
“หากเจ้าไม่ว่าอะไร ข้าขอมือเจ้าหน่อย”
ฟังเหมือนจะสุภาพ แต่ฟังดีๆ ก็เหมือนขอมือหมาชะมัด
“เอาไปทำไม” ผมถามอย่างไม่ไว้ใจ ในใจแอบกลัวลึกๆ ว่ามันจะคิดทำมิดีมิร้ายผมอีก
“แสดงความขอโทษอย่างสุดซึ้ง”
“ถ้าจะเอาไปดูดล่ะก็ ไม่ต้องเลย” ผมรีบดักคอ ก็เวลาทักทายกัน มันยังดูดนิ้วเลย แล้วขอโทษนี่จะไปเหลือเรอะ!
หากแต่คำตอบของคีธผิดกับที่ผมคาดคิดไว้
“ไม่ได้ดูด”
“แล้วเอาไปทำอะไร”
“ส่งมือมาแล้วเจ้าจะรู้เอง”
ผมก็ยังไม่ไว้ใจนั่นแหละ แต่ความอยากรู้ว่าคีธจะทำอะไรมันมีมากกว่า ผมเลยลองเสี่ยงดวงยื่นมือไปวางบนมือใหญ่ รอดูว่ามันจะทำอะไร แล้วก็ต้องเบิกตาโตเมื่อคีธโน้มใบหน้าลงมาใกล้จนปลายจมูกโด่งแตะหลังมือเบาๆ
“ข้าขออภัย...จากใจ” แล้วก็ตามด้วยแตะริมฝีปากลงมา
ลมหายใจอุ่นกับริมฝีปากนุ่มทำเอาผมร้อนไปทั้งหน้า ให้ตาย... ทำไมละมุนจังวะ
เอาจริงๆ มันก็ไม่ได้พิเศษอะไรหรอกไอ้การจูบหลังมือเนี่ย ผมก็ทำกับผู้หญิงบ่อยๆ เหมือนกัน แต่พอถูกกระทำแล้ว มันดันตื่นเต้นจนอกแทบแตก โดยเฉพาะกับคนที่บังคับข่มเหงผมตลอดเวลาอย่างคีธด้วย
ระ...รู้สึกดีชะมัด
ผมแทบจะยีหัวตัวเองรัวๆ ที่ดันไปรู้สึกดีกับจูบโง่ๆ ของหมอนี่ บัดซบเอ๊ย! ไอ้มนุษย์ต่างดาวนี่มันเป็นผู้ชายนะ ผู้ชายเหมือนกัน! จะไปรู้สึกดีกับมันทำไม! สลัดมือทิ้งเร็วๆ เข้า!
แต่ก็ได้แค่คิดเท่านั้นแหละ ผมปล่อยให้คีธจูบจนพอใจกระทั่งเขาละริมฝีปากขึ้นมองหน้าผม
“ข้าขออภัย”
“ระ...รู้แล้ว ไม่ต้องพูดหลายรอบ” ผมว่าติดๆ ขัดๆ ด้วยยังตื่นเต้นอยู่ แล้วก็ต้องยิ่งใจเต้นเข้าไปอีกเมื่อถูกทักกะทันหัน
“ใบหน้าเจ้าช่างแดงนัก ไม่สบายรึ”
“ปะ...เปล่า!” ผมรีบเบือนหน้าหนีพร้อมชักมือกลับมากอดอกอีกครั้งเมื่อถูกดวงตาคู่สวยจ้องมอง
นานทีเดียวที่ผมพยายามสงบจิตสงบใจจนกระทั่งเราทั้งคู่ก็เข้าสู่ความเงียบ และมันคงจะเงียบนานไปหน่อยจนคีธต้องทำลายความเงียบขึ้น
“กวินทร์”
“อะไร” ผมหันไปมองหน้าเขาก็ตอนนี้
“เจ้าจะว่าอะไรมั้ยถ้าข้าจะขอ...”
“ผูกพันล่ะก็ลืมไปเลย” ผมดักทาง หากแต่คีธส่ายหน้า
“ขอกินสารอาหาร ตั้งแต่ถ้าถือกำเนิดครั้งนี้ ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยแม้แต่น้อย ข้าหิว”
ผมมองหน้าหมอนั่นนิ่ง ใจก็อยากจะปฏิเสธนั่นแหละ แต่พอถูกขอร้องแบบนุ่มนวล แถมอีกฝ่ายยังทำหน้าเหมือนลูกหมาด้วยแล้ว ผมก็อดใจอ่อนไม่ได้
เอาเถอะ ถือว่าหมอนี่รักษาคำพูด ไม่ข่มเหงน้ำใจ ไม่บังคับกันเหมือนเดิม จะยอมให้ง่ายๆ ก็ได้
“ได้ แต่อย่านานนักนะ ริชาร์ดมันอยู่ที่นี่ด้วย” ผมว่าเสียงเบา
คีธพยักหน้าแล้วขยับตัวเข้ามาใกล้ผม ยกมือใหญ่ประคองใบหน้าแล้วสบตาผมนิ่ง
“ขอบใจ” ว่าจบก็จรดริมฝีปากลงมา
การสูบสารอาหารครั้งนี้ของคีธไม่ได้เป็นไปอย่างตะกรุมตะกรามหรือดุเดือดแต่อย่างใด หากแต่มันเป็นไปอย่างอ่อนโยนจนผมเผลอยกมือขึ้นแตะซีกหน้าเขาแล้วจูบตอบอย่างไม่ได้ตั้งใจ
คะ...เคลิ้ม เวรแล้ว... นี่มันชักจะเลยเถิดกันไปใหญ่แล้ว! หยุดเดี๋ยวนี้ไอ้กวินทร์! หยุดจูบมันตอบเดี๋ยวนี้!
เสียงในหัวผมร้องสั่งอย่างนั้น แต่ร่างกายกลับไม่ยอมทำตามเลยแม้แต่น้อย รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงริชาร์ดเปิดประตูออกมา พร้อมกับส่งเสียงร้องทัก
“นี่คู่รัก อยากย้ายห้องมั้ย ฉันจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์น่ะ”
ผมผลักหน้าคีธออกห่างทันใด พลันหันไปมองริชาร์ดอย่างหัวเสีย
มึงนี่ก็โผล่มาไม่รู้เวล่ำเวลา! โผล่มาจังหวะแบบนี้ทุกที!
“ขอโทษทีๆ” ริชาร์ดเดินยิ้มแห้งๆ มาเปิดคอมพิวเตอร์ ทิ้งให้ผมมองตามอย่างระอา
แรกๆ ก็ระอาที่หมอนั่นโผล่มาไม่ได้จังหวะตลอดเพราะมันทำให้ผมถูกหมอนั่นเข้าใจผิดว่าเป็นคู่ขากับคีธ แต่ในตอนนี้ ผมกลับระอาระคนเสียดายที่ถูกขัด แต่ก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้ไม่หลงเคลิ้มไปกับจูบของคีธอีก
แต่เหมือนการดูดกินสารอาหารเมื่อครู่จะยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของคีธนัก เพราะพอริชาร์ดย้ายข้าวของออกมาเสร็จเรียบร้อย มันก็ว่าหน้าตายออกมา
“ไปต่อในห้องได้มั้ยกวินทร์”
ริชาร์ดหันขวับมามองทันใด ขณะที่ผมเองก็มองมันอย่างตกใจ
มาพูดต่อหน้าไอ้ริชาร์ดแบบนี้ เดี๋ยวไอ้เพื่อนเวรนั่นก็ได้เชื่อฟังใจหรอกว่าเป็นคู่ขากันจริงๆ!
ผมตั้งท่าจะปฏิเสธ แต่ไม่ทันแล้ว คีธโน้มตัวลงมากระซิบบอกผมเบาๆ
“ขออภัย...”
แล้วมันก็ช้อนตัวผมขึ้น อุ้มเข้าห้องไปเฉยเลย ปล่อยให้ริชาร์ดพูดโดยไม่มีเสียงไล่หลังกับผมให้พอจับใจความได้ว่า ‘ถุงยางอยู่ในชั้นที่โต๊ะหัวเตียง’ เท่านั้น
วะ...เวร! ถ้าจะขอโทษแล้วทำแบบนี้ ทีหลังก็ไม่ต้อง!
------------------------------------
เกือบไปแล้วลูกสาว เกือบเสียตัวให้บักคีธแล้ว 555 ขอโทษที่ดับฝันแม่ยกนะคะ นางยังไม่ถึงเวลา คีปเวอร์จิ้นก่อนเนอะ ฮาาา ตอนนี้คีธแอบน่ารัก มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งกิ่งก่องแก้วมากๆ อิอิ

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :hao7:

ชาวยูนิกม่าโรแมนติกมากกกกกกกกกกกกกกก บอกเลย ฟิน  :z3:  :hao7:  :-[ :-[ :-[ :-[


คีธตอนนี้ทำตัวน่ารักมากกกกกกกก หัดเข้าอกเข้าใจกวินทร์บ้างนะ ^^

(ว่าแต่มะไหร่คีธจะตกหลุมรักกวินทร์ค้า???) :hao3:


ออฟไลน์ mcooky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มารอลุ้นให้เสียตัว :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
น่าร๊ากกก พอมีขออนุญาตแล้วโครตละมุน

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
โอ๊ยยยย หวานกันจ๊างงงงง :katai2-1: มีไปกิน(สารอาหาร)กันต่อในห้องอีกแน่ะ กิ้วๆๆๆ ฮ่าๆๆ :impress2:

เกือบไปแว้ววกวินทร์!! ครั้งนี้ถือว่าคีธมันงดให้นะเออเห็นไหมดีแค่ไหน(อวยเต็มที่)ครั้งหน้าถ้ายังทำอะไรแผลงๆอีก...คุณคนเขียนจัดไปค่ะ!!! ฮ่า

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
โอ๊ยสนุกเวอร์

ออฟไลน์ heroza

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 307
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เห็นคนแต่งว่างใว้หลายเรื่องนึงว่าจะนานๆอัพ ทีไหนได้จัดเติมๆ ติดตามๆค่ะ

พระเอกเราแรกๆก็น่ายันหน้ามาแต่พอสำนึกได้หน่อยก็อย่างน่ารักอ่ะ :really2:

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 09: The prince of Uniquema[1]
หลังจากวันนั้น ความสันติในชีวิตผมก็กลับคืนมาอีกครั้ง ผมไม่ถูกคีธบังคับดูดสารอาหารหรือวางไข่อีกต่อไปแล้ว เพราะหมอนั่นทำตามที่สัญญาไว้ทุกประการ จะทำอะไรกับร่างกายผมคือต้องขออนุญาตก่อน ถ้าผมไม่โอเค หมอนั่นก็ไม่ทำ แต่ส่วนใหญ่ก็โอเคนั่นแหละด้วยมันไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง อีกอย่าง หมอนั่นก็ไม่เคยขอตอนที่เราทั้งคู่อยู่ข้างนอก จะขอก็แค่ตอนที่เราอยู่ในห้องกันตามลำพังเท่านั้น
ตอนแรกผมก็ตั้งใจจะแกล้งไม่โอเคให้หมอนั่นอดอาหารตาย แต่พอเอาเข้าจริงๆ ผมก็ยอมให้มันดูดปากทุกครั้งที่ถูกขอทุกที ก็จะทำไงได้ มันทำหน้าเป็นลูกหมาใส่ผมตลอดเลยนี่หว่า!
บอกตรงๆ ว่าตัวอย่างกับหมีอย่างมัน เวลาทำหน้าบ้องแบ๊วเป็นหมาน้อยแล้วแม่งโคตรจะน่าเอ็นดู
แต่ก็น่าเอ็นดูตอนขอกินเท่านั้นแหละ เวลาอื่นก็ทำหน้าตายเหมือนเดิม จริงๆ ตอนขอกินก็หน้าตาย มีแค่สายตาเท่านั้นแหละที่ดูอ้อนวอนสุดชีวิตจนผมโดนดวงตาคู่นั้นดาเมจไม่รู้ตัว แล้วก็ต้องยอมมันทุกที
ทว่าเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะอาการประสาทเสียจากการโดนมันกดบ้าง จูบบ้าง ค่อยๆ ลดลงทีละน้อยจนผมกลับมาเป็นกวินทร์คนเดิมตามปกติ
และเพราะกลับมาเป็นปกติ ริชาร์ดก็เลยลากผมมาช่วยงานของชมรมมันอย่างไร้ซึ่งความเกรงใจโดยอ้างว่าผมดีกับคู่ขาแล้ว ทำงานด้วยกันคงไม่น่ามีปัญหา
นี่มึงเห็นกูดีกับไอ้คีธหน่อย มึงก็เอาใหญ่เลยนะ!
ปากก็ด่ามันไปงั้นแหละแต่สุดท้ายก็มาเพราะมันเอาเงินมาล่อ มันบอกว่าถ้าผมมาช่วย มันจะจ่ายค่าเสียเวลาให้ คนอยู่ในภาวะรัดเข็มขัดอย่างผมก็ตกลงสิ อย่างน้อยๆ ก็เป็นค่าเลี้ยงเหล้าสาวเวลาไปเที่ยวคลับได้
วันนี้ก็เป็นวันที่สามแล้วที่ผมมาช่วยงานมัน หน้าที่ของผมก็ยังเหมือนเดิมคือผู้ช่วยผู้กำกับ ส่วนไอ้คีธก็เล่นได้เป็นท่อนไม้เหมือนเดิม จนตอนนี้ผมชักจะขี้เกียจบ่นเรื่องนี้ละเลยปล่อยเลยตามเลย ในเมื่อริชาร์ดไม่พูด มันก็ไม่ใช่ธุระกงการของผมที่จะไปพูด ก็มันไม่ใช่งานผมนี่หว่า
“เดี๋ยวถ่ายใหม่อีกเทคนะ นางเอกเล่นแข็งไป ฉากนี้ตอนเจอเจ้าชายโผล่มาที่หน้าต่างห้องนอน เธอต้องทำหน้าตกใจให้มากกว่านี้ โอเคนะ” ริชาร์ดร้องบอกผ่านโทรโข่งให้นักแสดงหญิงที่รับบทนางเอกรับทราบ
ผมถึงกับกลอกตา... ไอ้คีธเล่นแข็งกว่านางเอกหลายเท่า ทำไมมึงไม่สั่งมันเทคใหม่บ้างวะ
ผมนั่งไขว่ห้างดูการถ่ายทำไปเรื่อยๆ ก่อนที่รุ่นน้องของริชาร์ดคนหนึ่งจะวิ่งรนๆ เข้ามากระซิบข้างหูริชาร์ด ให้หมอนั่นสั่งคัต
“เดี๋ยวพักกองสักสามสิบนาทีนะ”
ผมหันไปมองมันทันทีที่จู่ๆ ก็สั่งคัตโดยไม่มีเหตุผล ริชาร์ดฉีกยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้นราวกับรู้ว่าผมจะพูดอะไร
“ด็อกเตอร์มาร์ตินขอคุยด้วยน่ะ ตอนนี้มารออยู่หน้าห้องละ”
ผมพยักหน้า โบกมือปัดๆ ให้มันรีบๆ ไปจัดการ ทว่าริชาร์ดกลับคว้ามือข้างนั้นของผมไว้
“เขาอยากคุยกับนายด้วย ไม่ใช่แค่ฉัน”
“เรื่องอะไรวะ” ผมย่นคิ้วทันที ขณะที่ริชาร์ดส่ายหน้า
“ไม่รู้ อยากรู้ก็ออกมาคุยสิ”
สิ้นเสียง มันก็ตรงไปยังประตูเป็นคนแรก ผมเลยต้องลุกตามอย่างช่วยไม่ได้
พอผ่านประตูออกมา สายตาก็ปะทะเข้ากับชายวัยกลางคนรูปร่างสันทัดยืนยิ้มให้อยู่ ปกติแล้ว พวกนักศึกษาในสายเรียนของผม ถ้าได้เจอเขาก็คงจะตื่นเต้นกันยกใหญ่เพราะเขาไม่ได้เป็นเพียงอาจารย์ของคณะที่ผมเรียนอยู่ แต่เขายังเป็นผู้กำกับชื่อดังที่คว่ำหวอดอยู่ในวงการหนังฮอลลีวูดอีกด้วย แต่สำหรับผมกับริชาร์ดกลับไม่ได้ตื่นเต้นอะไรนักด้วยเขาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของพวกเรา และผมกับริชาร์ดก็มักถูกเรียกไปช่วยงานตัดต่อบ่อยๆ จนความตื่นเต้นนั้นมันหายไปหมดแล้ว
“เรียกพวกผมพบด่วนนี่มีเรื่องอะไรเหรอครับ” ริชาร์ดไม่รอช้า ถามเข้าเรื่องทันควัน
“ไม่มีอะไรสำคัญนักหรอก ฉันแค่ต้องการลูกมือน่ะ” ด็อกเตอร์มาร์ตินหยักยิ้มเล็กน้อย
ผมถึงกับลอบถอนหายใจเลยเมื่อได้ยินคำว่า ‘ลูกมือ’ เพราะนั่นหมายถึงเขาต้องการให้ผมกับริชาร์ดช่วยงานเขา โดยที่คะแนนพิศวาสก็ไม่ได้ เงินก็ไม่ได้ แถมงานก็หนัก ไหนจะต้องเรียนอีก อย่างเดียวที่ได้จากงานฟรีของด็อกเตอร์มาร์ตินก็คือพวกประสบการณ์กับเทคนิคการกำกับหนังนี่แหละเลยทำให้ผมปฏิเสธไม่ลงเพราะมันไม่สามารถหาได้ในตำราเรียน แล้วก็ใช่ว่านักศึกษาทุกคนจะได้รับโอกาสแบบนี้ด้วย
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็อดระอาไม่ได้ ถ้าต้องช่วยทั้งงานริชาร์ด ทั้งงานของด็อกเตอร์มาร์ตินอย่างนี้ ดูท่าผมคงจะอดเที่ยวยาว จะมีก็แต่ริชาร์ดนี่แหละที่ดูกระตือรือร้นเป็นพิเศษ ก็แน่ล่ะ ด็อกเตอร์มาร์ตินเป็นผู้กำกับหนังจำพวกสัตว์ประหลาด เอเลี่ยนอะไรเทือกนี้นี่นา มันไม่กระตือรือร้นนี่สิแปลก
“ช่วยงานอะไรเหรอครับ” ริชาร์ดเป็นคนถาม ก่อนด็อกเตอร์มาร์ตินจะยื่นเอกสารบางอย่างให้เราทั้งคู่ถือ
ผมก้มลงมองตัวหนังสือในกระดาษแผ่นนั้นแล้วก็ต้องเบิกตาโพลงด้วยมันไม่ใช่เอกสารเกี่ยวกับงาน แต่มันเป็นตั๋วเครื่องบินอิเล็กทรอนิกส์ที่บินตรงจากนิวยอร์กไปแอลเอ
แล้วเขาก็ทำให้ผมกับริชาร์ดอึ้งงันขึ้นมาอีกโดยไม่ทันได้เอ่ยปากถาม
“ฉันอยากให้พวกนายไปเป็นลูกมือฉันตอนฉันไปช่วยงานกำกับที่ฮอลลีวูด”
“ฮอลลีวูด!?” คราวนี้ทั้งผมทั้งริชาร์ดแหกปากขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน
“ใช่ ฮอลลีวูดนั่นแหละ พอดีเพื่อนฉันกำลังมีแพลนทำหนังเกี่ยวกับซูเปอร์ฮีโร่น่ะ เลยอยากได้ฉันไปช่วยกำกับในส่วนฉากแอ็กชัน จริงๆ แล้วฉันมีลูกทีมของฉันอยู่ที่นั่น แต่ตอนนี้สองคนนั้นมันไม่ว่าง งานมันกะทันหันเกิน ฉันหาคนไม่ได้ก็เลยมาชวนพวกนายนี่แหละ สนใจมั้ยล่ะ”
ไม่ต้องถามเลยว่าผมกับริชาร์ดจะตอบยังไง
มันก็ต้องสนใจอยู่แล้ว! โอกาสอย่างนี้มันหาได้ง่ายๆ ซะที่ไหน เผลอๆ ไปช่วยงานครั้งนี้ ผมอาจจะได้คั่วนักแสดงฮอลลีวูดกับเค้าบ้างก็ได้ใครจะไปรู้!
พอเห็นผมกับริชาร์ดพยักหน้ารัวๆ ด็อกเตอร์มาร์ตินก็หัวเราะร่วน
“ดีใจนะที่เห็นพวกนายกระตือรือร้นกันขนาดนี้ ไว้ฉันจะทำเอกสารขอไปดูงานของพวกนายให้ น่าจะประมาณเดือนนึงนะ พวกนายจะได้เอาไปยื่นขอลาหยุดที่คณะ จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องเรียน ส่วนเรื่องที่พักที่โน่นก็ไม่ต้องห่วง ฉันจัดการเช่าอพาร์ตเม้นต์ให้พวกนายไว้เรียบร้อยแล้ว”
“ขอบคุณมากเลยครับด็อกเตอร์!” ริชาร์ดแทบจะถลาเข้าไปกอดคนตรงหน้า หน้าตามันบ่งบอกชัดเจนว่าดีใจจนปกปิดไม่มิด
ด็อกเตอร์มาร์ตินยกมือขึ้นเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไรแล้วทิ้งท้ายไว้
“ไว้ฉันจะนัดพวกนายมาคุยรายละเอียดกันอีกทีนะ เดี๋ยวหาเวลาว่างก่อน อาทิตย์นี้นี่แหละ เพราะเดี๋ยวอาทิตย์หน้าเราจะต้องเดินทางกันแล้ว เตรียมตัวให้พร้อมล่ะ”
ผมกับริชาร์ดบอกลาเขา พอเขาหายไปจนลับสายตา ริชาร์ดก็หันมามองหน้าผมพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง แล้วกระโดดกอดผมแน่นทันใด
“ได้ไปฮอลลีวูดแล้วโว้ยเควิน! ไปแบบไม่ได้ไปเที่ยวด้วย! ไปทำงานแหละ ไปทำงาน!”
ผมหัวเราะไปกับท่าทางของมันด้วยรู้ดีว่าริชาร์ดฝันที่จะไปเป็นส่วนหนึ่งของที่นั่นมากแค่ไหน ผมเองก็ฝัน แต่ไม่ได้ฝันมากเท่ามัน ยอมรับก็ได้ว่าผมเองก็ดีใจไม่น้อยไปกว่ามันเหมือนกัน แต่เก็บอารมณ์ได้ดีกว่าก็เท่านั้นแหละ
“เดี๋ยวพอนายโดนด็อกเตอร์จิกหัวใช้เยี่ยงทาส แล้วจะดีใจต่อไม่ออก” ผมแกล้งว่า
“ให้จิกหัวใช้มาเถอะ ถ้าได้ช่วยงานอยู่ที่ฮอลลีวูดล่ะก็ ต่อให้โดนใช้เยี่ยงทาสก็ไม่เกี่ยง” ริชาร์ดผละออกจากผมก็ในตอนนี้
ผมพ่นลมหายใจอย่างขำๆ ก่อนจะตัดบท “เออๆ พ่อคนอึด ขอให้จริงอย่างที่ปากพูดแล้วกัน แล้วนี่ถ้านายไป หนังสั้นของชมรมนายจะเอายังไง”
ริชาร์ดเหมือนจะฉุกคิดขึ้นมาได้ในตอนนี้ว่าตัวเองก็ยังมีงานค้างคาอยู่ แต่ในวินาทีนี้ หมอนี่ไม่สนใจหนังสั้นกะโหลกกะลาของตัวเองแล้ว พลันว่าอย่างไม่แคร์
“คงจะต้องพักเอาไว้ก่อน ไว้ฉันกลับมาเมื่อไหร่ค่อยมาต่อ”
“นายจะเลื่อนงานง่ายๆ เลยว่างั้น?”
“อีกฝ่ายนี่งานระดับฮอลลีวูดเลยนะเว้ย งานมหา’ลัยเอาไว้ก่อนแหละดีแล้ว”
“เออๆ นายเป็นหัวหน้าชมรมนี่ จะทำอะไรก็แล้วแต่เถอะ” ผมว่า ก่อนริชาร์ดจะขอตัวเข้าไปเรียกประชุมด่วนกับทีมงาน ทิ้งให้ผมมองตามหลังมันอย่างระอา
ถึงจะเสียดายนิดหน่อยที่อดได้เงินจากมันในเร็ววัน แต่ก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้ไปหาประสบการณ์ด้วย อยู่แต่นิวยอร์กเบื่อจะตายอยู่แล้ว ผู้หญิงที่นิวยอร์กก็เบื่อ ลองไปดูผู้หญิงแอลเอบ้างซิว่าจะเด็ดขนาดไหน
ทว่าขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ เสียงแหบห้าวของใครบางคนก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“ฮอลลีวูดเหรอ” มาแค่เสียงอย่างเดียวไม่พอ ยังโผล่หน้ามาเกยบนไหล่ผมด้วย ทำเอาผมสะดุ้งสุดตัว
“ไอ้คีธ! โผล่มาอย่างนี้ อยากให้ฉันหัวใจวายตายหรือไง” ว่าพลางดันหน้าหมอนั่นออกห่าง
คีธย่นจมูกนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้สนใจสิ่งที่ผมว่านัก นอกจากพูดในสิ่งที่ตัวเองอยากพูด
“ข้าได้ยินเจ้าพูดว่าจะไปฮอลลีวูด”
“เออ จะไปนั่นแหละ” ผมตอบรับส่งๆ
บ้าฉิบ! มัวแต่ดีใจที่จะได้ไปจนลืมไปสนิทเลยว่าตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว แต่มีมันเกาะหนึบเป็นปรสิตชีวิตด้วย
“ดี เช่นนั้นข้าจะไปด้วย” แล้วมันก็พูดให้ผมต้องถอนหายใจยาว ก่อนบ่นพึมพำทันใด
“วุ่นวายชะมัดเลยนายเนี่ย”
วุ่นวายที่ว่าก็เรื่องที่มันต้องคอยกินสารอาหารจากผมเป็นกาฝากนี่แหละ ถ้าผมไปคนเดียว มันก็ต้องอดตาย เลยจำเป็นต้องเกาะติดกันเป็นหมากฝรั่งแบบนี้
“หากเจ้าไม่อยากให้ข้าวุ่นวาย เจ้าก็พาข้าไปฮอลลีวูดด้วย ข้าจะไปตามหาพรรคพวกที่นั่น”
ผมนึกขึ้นมาได้ในวินาทีนี้เองว่าหมอนี่อยากไปฮอลลีวูดทำไม ก็ครั้งที่เจอกับอาแปะลีโอนาร์โดครั้งแรก อาแปะบอกว่าเคยได้ยินว่าพรรคพวกของคีธอยู่ในฮอลลีวูดนี่นา
ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกแฮะ ให้มันไปด้วยก็ได้ มันจะได้เจอพรรคพวกแล้วจะได้ไปจากชีวิตผมเร็วๆ
“เออๆ ก็ได้ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่มีเงินซื้อตั๋วเครื่องบินให้นายนะเว้ย นายต้องไปหาเอาเอง” ผมว่าไปตามจริง
หากแต่คีธไม่รู้สึกรู้สากับปัญหาของตัวเองข้อนี้แต่อย่างใด แถมยังว่าออกมาหน้าตาเฉย
“ข้าจะไปขอความช่วยเหลือจากท่านผู้เฒ่าลีโอเธ”
ไปขอยืมเงินก็บอกว่าขอยืมเงิน ไม่ใช่ขอความช่วยเหลือ! มึงนี่มันมนุษย์ต่างดาวกาฝากจริงๆ!
ผมพยักหน้าส่งๆ ไป ให้มันไปจัดการเอาเอง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง ทว่าก็ต้องชะงักขาเมื่อได้ยินเสียงไล่หลังมา
“เมื่อข้าเจอพรรคพวกแล้ว ข้าจะไปจากเจ้า กวินทร์...”
ผมหันไปมอง พลันความดีใจก็พร่างพรายไปทั่วร่างฉับพลัน ก่อนจะยิ้มเผล่
“งั้นก็อย่าให้พลาดแล้วกัน ฉันอยากให้นายไสหัวไปจากชีวิตฉันจะแย่” พูดจบ ผมก็เดินเข้าไปข้างในโดยไม่ได้หันไปสนใจหมอนั่นอีก
 
คีธไปยืมเงินค่าตั๋วเครื่องบินจากอาแปะอย่างที่ปากว่า อย่างที่อาแปะบอกนั่นแหละว่าการได้ช่วยเหลือชาวยูนิกม่าอะไรนี่เป็นเกียรติอันสูงสุดของทุกชาติพันธุ์ในจักรวาล เขาก็เลยยอมให้มาอย่างง่ายดาย มิหนำซ้ำยังแถมเงินสำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัวมาด้วย แน่นอนล่ะว่าผมเก็บเรียบแล้วอ้างว่าเป็นค่าสูบสารอาหารจากผม
ก็คีธมันไม่ต้องซื้ออาหารกินอยู่แล้วนี่ มีเงินไปก็เท่านั้น ให้ผมเก็บไว้ยังมีประโยชน์กว่าเป็นไหนๆ
คีธก็ซื่อบื้อ อาแปะให้มาเท่าไหร่ก็ให้ผมหมดเกลี้ยง
ดีมาก... อย่างนี้สิถึงจะเรียกว่าพึ่งพาอาศัยกัน
แล้ววันเดินทางก็มาถึง เพียงเวลาไม่กี่ชั่วโมง เราก็มาเหยียบสนามบินนานาชาติฮอลลีวูดเป็นที่เรียบร้อย แน่นอนว่าคีธก็มาด้วย แต่ด็อกเตอร์มาร์ตินไม่ได้ว่าอะไรเพราะก่อนหน้านี้ผมไปขออนุญาตเขาเรียบร้อยแล้วโดยอ้างว่าให้คีธมาเป็นลูกมือพวกผม เขาก็โอเคเพราะคีธออกค่าใช้จ่ายและค่าเดินทางเอง เว้นก็แต่เรื่องที่พักที่จะมาอยู่กับผม
“สองวันแรกนี่พวกนายพักผ่อนกันให้เต็มที่เลยนะ เราจะเริ่มงานกันวันที่สาม ฉันต้องไปคุยกับทีมงานเรื่องสตอรี่บอร์ดของฉากแรกก่อน ไว้เจอกันวันมะรืน” ด็อกเตอร์มาร์ตินว่าเมื่อรถที่เพื่อนเขาไปรับเรามาจากสนามบินมาส่งผมกับริชาร์ดถึงหน้าอพาร์ตเม้นต์ที่เราจะใช้ซุกหัวนอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผมกับริชาร์ดพยักหน้ารับ ก่อนที่รถจะพาด็อกเตอร์มาร์ตินไปยังบ้านเพื่อนของเขา เขาไม่ได้พักกับเราเพราะเพื่อนของเขาไม่ยอม กลายเป็นว่าห้องพักที่เขาเช่าเอาไว้สองห้องสำหรับเขาและลูกทีมตกมาเป็นของผมกับริชาร์ดอย่างละห้อง ซึ่งมันก็ดีสำหรับผม เพราะเวลาที่ถูกคีธดูดกินสารอาหาร ไอ้ริชาร์ดจะได้ไม่ต้องโผล่มาจ๊ะเอ๋ถูกจังหวะอีก
พอด็อกเตอร์มาร์ตินจากไป พวกเราก็เดินเข้ามาในอพาร์ตเม้นต์กลางเก่ากลางใหม่ มันก็ไม่ได้แย่หรอก แต่ก็ไม่ได้หรูหรา เรียกว่าอยู่ได้ ไม่ต่างจากอพาร์ตเม้นต์ที่ผมเช่าอยู่ในนิวยอร์กเท่าไหร่นัก
“นายเอาห้องของด็อกเตอร์ไปแล้วกัน อยู่กันสองคนก็เอาห้องกว้างหน่อย” ริชาร์ดว่าพลางส่งคีย์การ์ดให้เมื่อเรามาหยุดยังหน้าห้องที่ด็อกเตอร์มาร์ตินเช่าไว้ มันเป็นห้องข้างๆ กันนั่นแหละ แต่ขนาดห้องไม่เท่ากัน ห้องของด็อกเตอร์มีขนาดใหญ่กว่าห้องของผมกับริชาร์ดพอสมควร
ผมไม่ได้พูดอะไรด้วยรู้ดีอยู่แล้วว่าหมอนั่นหมายถึงไอ้หน้าตายที่เดินแบกกระเป๋าเสื้อผ้าอยู่ข้างหลักผม ก่อนที่ริชาร์ดจะเปิดประตูห้องของตัวเองเข้าไป แต่ก็ไม่วายชะโงกหน้าออกมาทำหน้าทะเล้น
“อย่าหนักนะเว้ย วันนี้เดินทางมาเหนื่อยๆ พักผ่อนๆ”
“ริชาร์ด...” ผมว่าเสียงต่ำ โคตรจะเบื่อมันเลยที่เอาแต่คอยล้อผมเรื่องเป็นคู่ขากับคีธเนี่ย
แต่ริชาร์ดไม่สน พอทำผมหัวเสียได้ก็ออกอาการตบหัวลูบหลัง
“อย่าหงุดหงิดน่า ก็แค่พูดเล่น ไปอาบน้ำแล้วแต่งตัวหล่อๆ ไป จะได้ออกไปร่อนกัน”
“ไปไหน” ผมย่นคิ้วถาม ขณะที่ริชาร์ดจุปาก
“ไปท่องราตรีสิครับ มาถึงแอลเอแล้ว นายจะหมกตัวอยู่ในห้อง ไปออกไปปาร์ตี้หรือไง”
ได้ยิน อาการหัวเสียเมื่อครู่ก็หายเป็นปลิดทิ้ง ผมยกยิ้มก่อนจะตอบรับมัน
“เออ แบบนี้ค่อยพูดถูกใจหน่อย งั้นอีกชั่วโมงเจอกัน”
ริชาร์ดยกมือขึ้นเป็นสัญลักษณ์โอเคแล้วผลุบหายเข้าไปในห้อง ผมเลยเข้าห้องของตัวเองบ้าง และพอประตูปิดสนิท ผมก็รีบหันไปสั่งคีธทันใด
“เดี๋ยวฉันจะออกไปเที่ยวกับริชาร์ด นายก็ออกไปตามหาเพื่อนซะนะ จะได้แยกย้ายกันไปซะที”
“หากมันง่ายเช่นนั้น ข้าคงจะไม่รีรอที่จะทำไปแล้ว” หมอนั่นว่าเสียงเรียบ ทำเอาผมยู่หน้า
“นายก็ใช้จมูกดมกลิ่นหาสิวะ ไหนว่าประสาทสัมผัสดีไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ แต่ข้าคงจะลืมบอกเจ้าไปว่าชาวยูนิกม่าเช่นข้า นอกจากจะประสาทสัมผัสดีแล้ว ยังมีความสามารถในการซ่อนกลิ่นเฉพาะตัวจากศัตรูได้อีกด้วย ต่อให้ประสาทสัมผัสดีแค่ไหนก็ไม่อาจตามกลิ่นได้ไม่ว่าจะอยู่ใกล้เพียงใดก็ตาม และการมาที่ดาวเคราะห์สีน้ำเงิน เราจำเป็นต้องซ่อนกลิ่นเอาไว้เพื่อความปลอดภัยเพราะเราไม่รู้ว่าในดาวเคราะห์แห่งนี้ จะมีศัตรูแฝงกายอยู่ที่ไหนบ้าง”
“เรื่องเยอะชะมัด” ผมเบ้หน้า “งั้นถ้าไม่ไป ก็รออยู่ที่นี่แล้วกัน ฉันจะกลับมาดึกๆ”
ว่าจบ ผมก็ตรงไปดึงกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองที่คีธแบกอยู่มาค้นเอาผ้าเช็ดตัว หมายจะไปอาบน้ำ โดยลืมไปสนิทว่าสั่งมันไปก็เท่านั้นแหละ มันยอมอยู่ซะที่ไหน
“หากเจ้าไป ข้าก็จะไป แม้ข้าจะซ่อนกลิ่นกายของข้าได้ แต่ใช่ว่าจะซ่อนกลิ่นกายของข้าในตัวเจ้าได้ ข้าต้องตามไปปกป้องเจ้า”
“ไม่ต้องเลย อยู่ที่นี่แหละ นายไปเดี๋ยวได้หมดสนุกกันพอดี”
“แต่หากเจ้าเป็นอะไรไป ข้าคงจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตที่ไม่ดูแลเจ้าให้ดี”
อย่าพูดเหมือนกูเป็นเมียมึงได้มั้ยเนี่ย ดูแลตัวเองได้เว้ย!
ผมทำท่าจะปฏิเสธอีก ทว่าคีธกลับสวนขึ้นมาเสียก่อน
“ข้าจะไปกับเจ้า หากเจ้าไม่ให้ข้าไป ข้าจะผูกพันเจ้าไว้”
“หยุดขู่เลย จะไปก็ไป แม่ง...” ผมยอมอย่างไม่มีทางเลือก
“ยามเจ้าใจดีกับข้าเช่นนี้ ข้าชอบ” คราวนี้คีธยกยิ้มที่มุมปากนิดหนึ่ง บอกตรงๆ ว่าดูดีมากจนผมไม่อาจละสายตาไปจากใบหน้าหล่อนั่นในเสี้ยววินาทีได้ และเพราะไม่ยอมละสายตานี่แหละ คีธก็เลยเดินเข้ามาหาผม แล้วคว้ามือผมไปจับหน้าตาเฉย
“ข้าขอขอบคุณจากใจ” สิ้นเสียง ก็ประทับจูบลงมาบนหลังมือ
ผมได้สติเอาก็ในตอนนี้ รีบชักมือกลับพลันผลักอกแกร่งออกห่าง
“จะไปก็รีบไปอาบน้ำ เล่นบ้าอะไรอยู่ได้”
คีธพยักหน้า ยอมทำตามแต่โดยดี ผมถอนหายใจยาวเมื่อเห็นหมอนั่นปิดประตู พลันใจเต้นขึ้นมาน้อยๆ ที่ถูกจูบหลังมืออย่างไม่ทันได้ตั้งตัวอีกครั้ง ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ คีธก็โผล่หน้าออกมาร้องถามผมหน้าตาย
“เจ้าจะชำระล้างร่างกายพร้อมกับข้าหรือไม่ ข้ายังไม่ได้กินสารอาหารเลย กะจะทำพร้อมกันในทีเดียว จะได้ไม่รบกวนเวลาของเจ้า”
จากที่หน้าร้อนวาบอยู่แล้วก็ร้อนยิ่งขึ้นไปใหญ่
“อาบๆ ไปเลยเร็วๆ เข้า!” ผมกลบเกลื่อนความเขินอายนั่นด้วยการตะคอกเสียงดัง
คีธมองผมครู่หนึ่งก่อนจะปิดประตูเข้าไปอีกครั้ง ทิ้งให้ผมใจเต้นระทึกตามลำพัง
คะ...ใครมันจะไปอาบน้ำกับมึง! ขืนเข้าไป กูก็โดนปล้ำน่ะสิ อย่ามาอ้างว่าจะกินสารอาหารเลย ไอ้มนุษย์ต่างดาวโฮโมฯ หื่นกาม!
 
พอคีธออกจากห้องน้ำได้ ผมก็ใช้เวลาจัดการตัวเองต่อ ไม่นานนัก เราก็พร้อมสำหรับการท่องราตรี เมื่อมาถึงที่หมาย ริชาร์ดก็ทำการจองโต๊ะไว้สำหรับนั่งดื่มโดยเฉพาะด้วยหมอนี่เป็นคอเหล้า ส่วนผมน่ะไม่ได้สนใจเรื่องดื่มเท่าไหร่ นอกจากกวาดสายตามองหาสาวๆ ที่จะมาเป็นเหยื่อให้เสืออย่างผมได้กินในคืนนี้
“นายอยู่กับคีธนะ เดี๋ยวฉันจะไปส่องสาว” ผมตะโกนแข่งกับเสียงเพลงบอกริชาร์ดที่ตั้งหน้าตั้งตาชงเหล้าอยู่ ก่อนจะส่งเหล้าแก้วนั้นให้คีธที่นั่งข้างๆ รับไว้ แน่นอนว่าคีธไม่ดื่ม แค่ได้กลิ่นก็วางลงบนโต๊ะอย่างไม่แยแสแล้ว
“เออไปเถอะ เดี๋ยวฉันดูแลหมอนี่เอง” ริชาร์ดตอบรับผมโดยไม่มองหน้าด้วยซ้ำ หมอนี่ก็อย่างนี้แหละ เจอเหล้าเมื่อไหร่ ไม่เคยสนใจอะไรทั้งนั้น
ผมเองก็ไม่สนใจหมอนั่นเหมือนกัน เดินเข้าไปหาผู้หญิงผมสีบรูเน็ตคนหนึ่งที่นั่งอยู่หน้าบาร์เพราะเห็นเธอส่งสายตาให้ผมอยู่นานแล้ว เข้าไปคุยได้ไม่เท่าไหร่ เธอก็แสดงท่าทางชัดเจนว่าถูกใจผม ผมก็เลยชวนเธอไปเต้นที่ฟลอร์เต้นรำ
ระหว่างเดินไป ผมก็ชำเลืองมองคีธกับริชาร์ดเล็กน้อยด้วยความเป็นห่วงว่าถ้าผมไม่อยู่ตรงนั้นด้วย แล้วจะมีปัญหา ผมไม่ได้ห่วงริชาร์ดมันหรอก หมอนั่นน่ะ ต่อให้มาคนเดียว มันก็หาเพื่อนดื่มได้ และตอนนี้มันก็ไปชวนใครที่ไหนไม่รู้มาชนแก้วเป็นที่เรียบร้อย แถมหน้าตาก็บอกชัดเจนว่าเริ่มเมานิดหน่อย จะมีก็แต่คีธนี่แหละที่มองคนในโต๊ะแหกปากหัวเราะกันด้วยสีหน้านิ่งๆ
ดูท่าทางจะอยู่ได้แฮะ งั้นปล่อยแม่งเลยแล้วกัน
ผมไม่สนใจอะไรอีก โอบเอวคอดของสาวคนนั้นมาใกล้ก่อนจะแทรกฝูงชนเข้าไปเต้นเบียดเสียดอย่างเมามันส์ ยอมรับเลยว่าสาวแอลเอนี่เสน่ห์แรงมาก แล้วก็เร่าร้อนใช้ได้ เพราะทันทีที่ออกสเต็ป เธอก็ไม่รั้งรอที่จะใช้บั้นท้ายถูกับตัวด้านหน้าของผมอย่างแนบชิด กระตุ้นเพลิงราคะของผมให้โชติช่วงขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย จนผมเผลอสวมวิญญาณปลาหมึก นัวเนียเธอไปหลายรอบเหมือนกัน กะว่ารอเวลาอีกสักหน่อย ผมก็จะชวนเธอไปต่อ เพราะเธอเชื้อเชิญผมจนแสดงออกชัดเจนว่าต้องการผมแค่ไหนแล้ว
หากแต่ขณะที่ผมกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่นั้น ผมก็สัมผัสได้ถึงมือของใครบางคนมาถูไปถูมากับบั้นท้ายของตัวเอง ตอนแรกผมก็แค่คิดว่าอาจจะเป็นความไม่ได้ตั้งใจของใครบางคนที่เผลอเอามือมาโดนเพราะตอนนี้ฟลอร์เต้นรำคลาคล่ำไปด้วยผู้คนจนแทบจะหายใจรดกัน ผมก็เลยไม่ได้ใส่ใจนัก เต้นต่อด้วยกำลังได้อารมณ์เต็มที่ แต่พอผ่านไปสักพัก ผมว่ามันไม่ใช่บังเอิญมาโดนละ เพราะมือนั่นมันวนเวียนอยู่ที่ก้นผมไม่เลิก
วนเวียนอย่างเดียวไม่พอ นี่ขยำอีก! ขยำซะจะมาโดนส่วนหน้าอยู่แล้ว!
ผมสะดุ้งเฮือก ผลักผู้หญิงตรงหน้าออกห่างแล้วหมุนตัวไปคว้าข้อมือของไอ้บ้านั่นทันใด
“ทำเวรอะไรวะ!” ผมตวาดกร้าวพร้อมกระชากเจ้าของข้อมือนั่นมาใกล้ ก่อนสายตาจะปะทะเข้ากับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ดูจากหน้าตาจิ้มลิ้มเหมือนพวกนักร้องบอยแบนด์วัยรุ่นแล้ว เดาเลยว่าหมอนี่อายุยังไม่ถึงยี่สิบเอ็ดแน่ๆ หน้าทรงหนุ่มน้อยไฮสกูลอย่างนี้ เชื่อเลยว่ามันต้องแอบเข้ามาที่นี่ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมสนใจ ที่ผมสนใจก็คือ มันมาขยำก้นผมทำไมมากกว่า!
“คือ... ขอโทษนะ เราอดใจไม่ไหว เห็นนายน่ารักดี” หมอนั่นว่าโดยไม่ต้องร้องถามเมื่อเห็นว่าผมจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง พลางยกมือขึ้นทัดผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มที่ยาวระต้นคอเข้ากับใบหู
เส้นประสาทในส่วนของความอดทนของผมถึงกับขาดดังผึง ขยำก้นชาวบ้านแล้วยังมีหน้าพูดเสียงระรื่นอีก
“ไอ้เด็กเวร...” ผมคำราม กระชากมันเข้ามาใกล้ ขณะที่อีกมือหนึ่งเงื้อหมัดขึ้นเตรียมจะต่อย
ตอนนี้เองที่ริชาร์ดสังเกตเห็นความวุ่นวายในฟลอร์เต้นรำ เลยรีบละความสนใจจากขวดเหล้า ปรี่เข้ามาห้ามผมด้วยความเร็วแสงและดึงมือผมออกจากไอ้เด็กนั่น ก่อนเอาตัวเองเข้าไปขวางไว้ไม่ให้ผมทำร้ายอีกฝ่าย
“ใจเย็นๆ สิวะเควิน มีอะไรก็ค่อยๆ พูด อย่ามีเรื่อง”
มึงลองมาโดนขยำก้นเหมือนกูบ้างมั้ยล่ะ จะได้รู้ว่าควรใจเย็นมั้ย!
“ก็ดูไอ้เวรนี่มันทำสิวะ! ใครจะไปอดใจไหว!” ผมแผดเสียงลั่นจนคนที่อยู่รอบๆ วงแตก เว้นก็แต่ไอ้เด็กนั่นที่ยังคงยิ้มไม่เลิก
“มันทำอะไรนายวะ”
พอริชาร์ดถามมาแบบนี้ ผมก็พูดไม่ออกว่าโดนมันลวนลาม
แม่ง เสียเชิงชายชะมัด แค่โดนผู้ชายด้วยกันจีบบ่อยๆ ก็ว่าเสียเชิงแล้ว นี่ถึงขนาดโดนลวนลาม ยังไม่นับรวมไอ้มนุษย์ต่างดาวคีธอีกคนนะ รู้ถึงไหน อายถึงนั่นเลยให้ตาย!
“ว่าไงล่ะ ตกลงมันทำอะไรนาย”
พอริชาร์ดถามมาอีกครั้ง ผมก็เดือดเอาในตอนนี้ ไม่ตอบคำถามมัน แต่ทำท่าจะเข้าไปต่อยคนตัวการแทน ริชาร์ดร้องห้ามเสียงหลงก่อนจะเอาตัวเข้ามาขวางอีก ส่วนหมอนั่นก็ยังคงยิ้มระรื่นไม่หยุดจนน่าโดนกระทืบ
“ปล่อยฉันริชาร์ด! ฉันจะถีบมันให้หายแค้นสักที!”
“ใจเย็นๆ เว้ยเควิน! มีอะไรค่อยๆ พูดกัน!”
ความโกลาหลที่ดูท่าจะบานปลายมากขึ้นทำให้คีธสังเกตเห็น หมอนั่นลุกขึ้นจากโต๊ะ เดินเข้ามาด้วยสีหน้าขึงขัง แล้วดึงผมลอยหวือออกจากวง แล้วถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“ไม่เป็นอะไรนะกวินทร์”
ผมเดาว่าหมอนั่นคงจะคิดว่าผมถูกมนุษย์ต่างดาวศัตรูของหมอนั่นโจมตีล่ะมั้งถึงได้ถามแบบนี้ หากแต่ผมไม่สนใจ เอาแต่โวยวายอย่างเดือดดาลอย่างเดียว
“ปล่อยนะเว้ย ฉันจะสั่งสอนมัน!”
ผมสะบัดตัวออกจากการเกาะกุม แต่คีธไม่ปล่อย แล้วมองตามไปยังตัวต้นเหตุที่ผมยังคงจ้องเขม็ง ทว่าพริบตาเดียว สายตานิ่งเรียบของคีธก็เบิกกว้างเมื่อเห็นใบหน้าของเด็กเปรตนั่นอย่างชัดเจน
“อะ...องค์ชาย!” น้ำเสียงแห้งผากที่หลุดออกจากริมฝีปากหยักสวยทำเอาผมหยุดดิ้นทันใด มองหน้าเจ้าของเสียงอย่างสงสัย แล้วก็ต้องหันกลับไปยังคู่กรณีเมื่ออีกฝ่ายทักคีธกลับมา
“ไง คีทาเย”
ผมเบิกตาโตยิ่งกว่าไข่ห่าน มองสองคนนั่นสลับไปมาอย่างไม่เชื่อสายตา
อะ...ไอ้เด็กนี่เป็นมนุษย์ต่างดาวอีกตัวเหรอวะเนี่ย!


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 09: The prince of Uniquema[2]
จริงอย่างที่ผมคิดนั่นแหละ เพราะพอสิ้นเสียงไอ้เด็กนั่น คีธก็รีบปล่อยผมแล้วคุกเข่าลงทำความเคารพทันใด
“ขออภัยองค์ชายที่หม่อมฉันไม่รีบตามหาพระองค์เมื่อมาถึงดาวเคราะห์สีน้ำเงิน พอดีหม่อมฉันกับพรรคพวกประสบปัญหาเล็กน้อยระหว่างเดินทาง”
“ไม่เป็นไร เราไม่ถือสาหรอก ลุกขึ้นเถอะ คนอื่นแตกตื่นกันแล้วนะ ไว้ค่อยเล่าให้เราฟังทีหลัง”
คีธลุกขึ้นแต่โดยดี พลันเบนความสนใจไปที่เด็กนั่นโดยลืมผมไว้ข้างหลังเสียสนิท
“เช่นนั้นก็เชิญองค์ชายไปนั่งก่อนพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะได้เล่าให้ฟัง”
นี่มึงจะไม่ถามกูหน่อยเหรอว่าโดนเจ้าชายมึงทำอะไรมา! สนใจกูหน่อย กูเพิ่งโดนขยำตูดไปนะเว้ย!
ผมได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจเพราะสิ้นเสียง คีธก็พาเด็กเวรนั่นไปนั่งยังโต๊ะของพวกเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทิ้งให้ผมมองตามอย่างหัวเสีย ขณะที่ริชาร์ดเขยิบเข้ามากระซิบถามผม
“คนรู้จักของคีธเหรอวะ”
“เออ”
“หน้าตาดีว่ะ น่ารักอย่างนี้น่าให้มารับบทเป็นน้องชายนางเอก”
“ให้มันรับบทเป็นเจ้าชายต่างดาวจะดีกว่า” ผมว่าเสียงห้วน แล้วก็เดินไปที่โต๊ะบ้าง ทิ้งให้ริชาร์ดทำหน้างงๆ ว่าทำไมผมถึงพูดอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้สนใจถามอะไร นอกจากเดินมานั่งด้วย
และทันทีที่ผมทิ้งตัวนั่งลง ผมก็ได้รู้ว่าคีธกับเจ้าชายลามกนี่ไม่ได้เดินทางมาพร้อมกัน เจ้าชายนี่อพยพหนีมาก่อนโดยการหนีในครั้งนั้นเป็นความลับ แล้วรอให้พวกผู้พิทักษ์ที่ทำหน้าที่เป็นองครักษ์ตามมาทีหลังเพราะพวกคีธต้องแวะไปรับยาที่ทำให้อยู่ในโลกโดยไม่ต้องพึ่งพาโฮสต์จากดาวดวงอื่นมาด้วย ทว่าการอพยพมาของเจ้าชายในครั้งนั้น ก็ถูกไล่ล่าจากพวกเซนไทน์เช่นเดียวกันกับพวกคีธ เลยทำให้ลูกเรือของยานที่เจ้าชายเดินทางมาถูกฆ่าตายหมด มีเพียงเจ้าชายคนเดียวที่รอดมาถึงที่นี่ ส่วนคีธก็อย่างที่รู้ว่าพอมาเกือบจะถึงโลกก็ถูกไล่ล่า เลยต้องหนีตายจนพลัดหลงกับพรรคพวกอย่างที่เห็น
“แล้วองค์ชายอยู่ที่นี่กับผู้ใด ใครเป็นโฮสต์ให้พระองค์?” คีธถามด้วยแววตาสงสัย ผมล่ะนึกอยากจะเห็นหน้าโฮสต์ของเจ้าชายขึ้นมาทันที พร้อมกับอยากรู้ด้วยว่าโฮสต์นั่นพยายามหาทางกำจัดเจ้าชายนี่เหมือนกับผมบ้างมั้ย
หากแต่คำตอบของหมอนั่นกลับทำให้ผมผิดหวัง เพราะคนที่เป็นโฮสต์ให้ดันไม่ใช่มนุษย์โลกเสียอย่างนั้น
“พวกไบโทปน่ะ เราบังเอิญได้รับความช่วยเหลือจากพวกเขาพอดี พวกเขาก็เลยอาสาเป็นโฮสต์ให้”
มนุษย์ต่างดาวอีกแล้วเหรอวะ นี่มันอพยพกันมาที่โลกจนจะเป็นเมืองขึ้นมนุษย์ต่างดาวแล้วมั้งเนี่ย!
 “เช่นนั้นหม่อมฉันก็โล่งใจไป พวกไบโทปเป็นพวกเก็บตัว แม้จะอาศัยอยู่ที่นี่ก็อาศัยแบบหลบๆ ซ่อนๆ นับว่าองค์ชายทรงพระปรีชามากที่เลือกอยู่กับพวกนั้น” คีธชมเปราะ ขณะที่เด็กนั่นยิ้มน้อยๆ
“ไม่หรอก คนที่ฉลาดน่ะคือนายต่างหาก อุตส่าห์ตามหาเราจนเจอ ขอบใจมากนะ”
“บังเอิญน่ะพ่ะย่ะค่ะ”
เออ บังเอิญมาก บังเอิญเจอกันเพราะตูดกู รู้เอาไว้ด้วย!
ในตอนนี้เองที่คีธรู้สึกตัวได้ว่านอกจากเจ้าชายแล้ว ยังมีผมกับริชาร์ดนั่งหัวโด่อยู่ด้วย หมอนั่นก็เลยออกปากแนะนำเจ้าชายให้รู้จัก
“องค์ชาย... มนุษย์ผู้นี้คือโฮสต์ของข้า มีนามว่ากวินทร์ และสหายของเขา... ริชาร์ด ส่วนนี่เจ้าชายแอสโซซิโน รามูเอลี ที่แปด”
ริชาร์ดทำหน้าเหวอไปนิดหน่อยที่ได้ยินชื่อแปลกๆ หลุดออกมาจากปากคีธ ผมถอนหายใจแล้วกระซิบบอกมัน
“พวกบ้าหนังจักรๆ วงศ์ๆ”
ริชาร์ดร้องอ๋อ ก่อนที่เจ้าชายนั่นจะยื่นมืออกมาให้จับทักทาย
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ กวินทร์ ริชาร์ด”
ผมเหลือบมองอย่างไม่ไว้ใจ ไม่ยื่นมือไปจับด้วยเพราะรู้ว่าถ้ายื่นมือไป มันต้องเอาไปดูดแน่ มีแต่ไอ้ริชาร์ดที่ยื่นมือไปพร้อมกับยิ้มร่า
“ยินดีที่ได้รู้เช่นกันเจ้าชายอะไรสักอย่างที่แปด”
พอผมเห็นเจ้าชายจับมือริชาร์ด ผมก็รีบหันไปคว้ามือเพื่อนแล้วดึงออกอย่างรวดเร็ว
ทุกคนหันมามองผมอย่างสงสัย ขณะที่ผมทำเป็นชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปเรื่อย แต่ในจังหวะที่ผมทำกลบเกลื่อนนี่แหละที่ไอ้เวรริชาร์ดยื่นมือไปให้มันจับอีกรอบ
“เอาใหม่แล้วกัน เมื่อกี้โดนเควินขัด ยินดีที่ได้รู้จัก”
จ๊วบ!
เสียงนั้นทำผมอ้าปากค้าง ขณะที่ริชาร์ดก็เบิกตาโพลงอย่างตกใจด้วยเช่นกัน ก่อนเจ้าชายที่ดูดนิ้วริชาร์ดเรียบร้อยแล้วจะเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”
แล้วมึงจะยื่นมือไปให้มันดูดทำไมเนี่ย! เมื่อกี้กูอุตส่าห์ช่วย!
เหวอรับประทานคืออะไร ดูหน้าริชาร์ดได้ในตอนนี้ แต่ครู่เดียว สีหน้ามันก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้งด้วยนึกว่าสิ่งที่เจ้าชายชื่อเรียกยากทำเป็นการเล่นตลกโง่ๆ
“นายนี่ตลกดีแฮะ ตั้งแต่ตอนแนะนำตัวเมื่อกี้แล้ว ไหนบอกอีกครั้งซิว่าชื่ออะไรนะ”
“แอสโซซิโน รามูเอลี ที่แปด”
“แอสโซอะไรนะ”
“แอสโซซิโน รามูเอลี ที่แปด”
“เรียกมันแอสตันก็พอ” ผมขัดขึ้นอย่างหงุดหงิด คีธตวัดดวงตาดุๆ มามองผมทันควัน
“กวินทร์... นี่คือเจ้าชายแอสโซซิโน รามูเอลี ที่แปด”
“ไม่เป็นไร เรียกแอสตันก็ได้ เรียกง่ายดี” เจ้าชายนั่นแทรกขึ้นให้ผมเบ้ปาก
ไม่ให้เรียกก็จะเรียกเว้ย! กูตั้งชื่อใหม่ให้หมดแหละไอ้พวกชื่อเรียกยากๆ เนี่ย
“โอเคแอสตัน แล้วนายเป็นอะไรกับคีธเหรอถึงได้ดูท่ารู้จักกันมานานแบบนี้” คำถามนี้เป็นของริชาร์ด
ดีที่แอสตันไม่ได้โง่ถึงขนาดไม่รู้ว่าคีธคือใคร ดูท่าทางจะเดาได้ว่ามันคือชื่อใหม่ของผู้พิทักษ์ตัวเอง เลยตอบกลับมาได้อย่างราบรื่น
“คีธเป็นลูกชายของลูกน้องพ่อเราน่ะ รู้จักกันมาตั้งแต่ยังเด็กๆ ก็เลยสนิทกัน”
“อ๋อ มิน่าล่ะ ถึงได้ดูสนิทกันจัง แต่นายยังดูเด็กอยู่เลยนะ อายุเท่าไหร่แล้ว”
“สิบแปดน่ะ”
“เด็กมาก หนุ่มน้อยไฮสกูลนี่หว่า” ริชาร์ดไม่ได้สงสัยเลยแม้แต่น้อย
ผมลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ต้องแก้ตัวแทน ก็เจ้าพวกนี้มันอายุมากกว่ามนุษย์โลกสองเท่านี่นา อายุสิบแปดมนุษย์โลกก็เท่ากับว่าอายุสามสิบหกยูนิกม่าแล้ว
“แต่เอ... นายเพิ่งอายุสิบแปด เข้ามาได้ยังไง อย่าบอกนะว่าแอบเข้ามา”
“เราจ่ายเงินให้การ์ดด้านหน้าน่ะ ก็เลยได้เข้ามาทางหลังร้าน” แอสตันว่ายิ้มๆ
ผมรู้เลยว่าหมอนี่ต้องมาอยู่ที่โลกนานพอตัวแน่ถึงได้รู้วิธีเข้าไนต์คลับตามแบบฉบับของมนุษย์โลกแบบนี้ หากแต่ไม่ได้สนใจอะไรมากเมื่อเห็นว่าริชาร์ดเริ่มชงเหล้า แล้วส่งให้เด็กนั่นดื่ม
“ใจกล้าดีนี่หว่า นี่คงจะมาคนเดียวด้วยสินะ งั้นมาดื่มด้วยกัน”
ผมดูก็รู้ว่าริชาร์ดตั้งใจจะมอมเหล้าเด็กนั่นเล่น คีธเองก็คงไม่อยากให้นายของตัวเองดื่มเหมือนกันเลยทำทีเป็นปรามเล็กน้อย ทว่าแอสตันกลับยกมือไปรับแก้วเหล้านั้นมาพลันกระซิบบอกคีธเบาๆ
“ไม่เป็นไร เราชินแล้ว” ว่าจบ ก็กระดกดื่มรวดเดียวหมดแก้ว
ริชาร์ดหัวเราะร่วนอย่างชอบใจทันควัน “ดูท่าทางนายจะคอแข็งนี่หว่า งั้นเอาวอดก้ามาดวดเลยเป็นไง เอาให้เมาสุดเหวี่ยงไปเลย”
“ได้ เราชอบนะวอดก้าน่ะ”
ดูท่าทางผมจะเจอมนุษย์ต่างดาวขี้เหล้าเข้าให้แล้วล่ะ ส่วนไอ้ตัวที่นั่งข้างๆ นั่นก็มนุษย์ต่างดาวคออ่อน
เจ้านายกับลูกน้องนี่สวนทางกันชะมัด

 
หลังจากนั้นก็มีแต่ริชาร์ดกับแอสตันเท่านั้นที่ดื่มไม่สนโลก ผมไม่ดื่มเพราะกลัวว่าถ้าเกิดผมเมาไปด้วยอีกคน แล้วแอสตันมันวางไข่ใส่ ตอนนั้นมันจะวุ่นวาย คีธนี่ไม่ดื่มชัวร์ๆ อยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าเพราะห่วงเจ้าชายหรอก แต่มันขยาด
ริชาร์ดเมาแล้วพูดไปเรื่อยอย่างไม่รู้ตัว มีพูดถึงสำนวนการพูดของคีธนิดหน่อยด้วยสงสัยว่าทำไมหมอนั่นถึงเอาแต่พูดภาษาอังกฤษสำนวนโบราณ ผมเลยแก้ต่างให้ไปว่าคีธอินกับบทเจ้าชายต่างดาวจัด เลยเอามาพูดในชีวิตจริง ดีที่ริชาร์ดไม่สงสัย เอาแต่ดวดเหล้าอย่างเดียวเท่านั้น
ผ่านไปค่อนคืน ไอ้คนที่ตั้งใจจะมอมเหล้าชาวบ้านก็เมาปลิ้นเป็นหมา ส่วนไอ้คนโดนมอมยังคงนั่งยิ้มหน้าแป้น ไม่มีอาการมึนเมาเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายก็ลำบากผมที่ต้องหามเพื่อนเวรนี่กลับมาที่อพาร์ตเม้นต์โดยมีแอสตันตามติดมาด้วย เพราะคีธขอให้แอสตันอยู่กับเราคืนนึงก่อนที่พรุ่งนี้จะแยกจากผมไป
ได้ยินอย่างนั้น ผมก็ยอมน่ะสิ เอาเถอะ อดทนกับมันอีกแค่คืนเดียว เดี๋ยวผมก็ได้เป็นอิสระแล้ว
พอมาถึงที่พัก ผมก็พยุงริชาร์ดมาหยุดที่หน้าห้อง ก่อนพยายามถามริชาร์ดที่เมาพล่ามไปเรื่อย
“คีย์การ์ดห้องนายอยู่ไหน”
“คีย์...อึ้ก...คีย์การ์ดหนาย...”
“คีย์การ์ดห้องนายน่ะ”
“คีย์การ์ดอะร้าย ไม่มี้! เอื้อก!”
ผมถอนหายใจ ก็เรื่องปกตินั่นแหละที่พอเมาแล้ว หมอนี่ก็ลืมหมดทุกสิ่ง ผมเลยต้องรับหน้าที่ในการสำรวจหาคีย์การ์ดจากกระเป๋าทุกซอกบนเสื้อผ้ามันด้วย
กระเป๋าเสื้อไม่มี... กระเป๋ากางเกงด้านหน้าไม่มี... งั้นก็คงจะกระเป๋ากางเกงด้านหลัง
“คีธ ช่วยหยิบคีย์การ์ดที่กระเป๋ากางเกงด้านหลังหมอนี่ให้หน่อย” ผมร้องบอกคีธที่ยืนหน้าตายอยู่เพราะผมเอื้อมมือไปหยิบไม่ถึงด้วยยังพยุงริชาร์ดไว้อยู่
คีธพยักหน้า ทำท่าจะเดินเข้าไป ทว่าแอสตันที่ยืนมองอยู่นานกลับขันอาสาขึ้นมาแทน
“เดี๋ยวเราช่วย” ว่าจบ ก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของริชาร์ด
ล้วงอยู่นาน ก็ไม่ดึงเอาคีย์การ์ดออกมาสักที จนผมที่ยืนรออยู่ต้องหันไปมอง แล้วก็ต้องเบิกตาเมื่อเห็นว่าไอ้บ้าแอสตันมันไม่ได้ล้วงหาคีย์การ์ด แต่กำลังขยำตูดไอ้ริชาร์ดอย่างเมามันส์อยู่
นี่ขยำของกูไม่พอ ยังจะขยำของเพื่อนกูอีกเหรอ!
“เอาอีก...อึ้ก...”
แล้วมึงก็จะไปชอบทำไมเนี่ย!
ผมปวดกบาลหนึบกับเสียงครางของริชาร์ดที่ร้องขอให้แอสตันขยำอีกทันใด ก่อนจะผลักมันเข้าไปหาแอสตันให้รับมันไว้ แล้วเป็นฝ่ายค้นคีย์การ์ดเอง พริบตาเดียว คีย์การ์ดก็มาอยู่ในมือผม ผมมองหน้าไอ้เจ้าชายนั่นอย่างหัวเสีย
“หยิบแค่เนี้ย ลีลา”
“ก็เพื่อนนายน่ารักดี”
มึงก็น่ารักไปหมดแหละไอ้เจ้าชายลามก!
ผมจัดการเปิดประตู คว้าริชาร์ดกลับมาพยุง พอเดินมาถึงเตียงได้ก็จับมันทุ่มลงเตียงอย่างไม่ไยดี ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ มันอย่างเหนื่อยอ่อน
มาวันแรกก็เหนื่อยสายตัวแทบขาดซะแล้ว!
“เดี๋ยวฉันจะนอนกับริชาร์ด พวกนายไปนอนที่ห้องโน้นไป” ผมโบกมือไล่ พลันคว้าคีย์การ์ดของอีกห้องทำท่าจะส่งให้คีธ
คีธดูไม่มีปัญหา แต่ไอ้เจ้าชายนี่แหละที่มีปัญหา พอเห็นผมยื่นคีย์การ์ดให้คีธปุ๊บ ก็เข้ามาขวางปั๊บ
“เราไม่มีปัญหาหรอกนะที่ต้องนอนกับผู้พิทักษ์ แต่เรามีเรื่องจะขอร้องนายอย่างนึง”
“อะไร” ผมถามเสียงขุ่น เดาในใจว่าเดี๋ยวมันต้องขอดูดสารอาหารจากผมแน่ แล้วก็จริงเสียด้วยเมื่อแอสตันพูดออกมา
“ขอกินสารอาหารจากนายหน่อยสิ”
ผมไม่ได้ตกใจ แต่คนที่ตกใจคือคีธ พอสิ้นเสียงเจ้าชาย หมอนั่นก็รีบโพล่งขึ้นทันใด
“แต่กวินทร์เป็นโฮสต์ของหม่อมฉันนะพ่ะย่ะค่ะ เจ้าชายลืมไปแล้วหรือว่าพวกเราชาวยูนิกม่าจะไม่ใช้โฮสต์ร่วมกัน มันเป็นธรรมเนียม”
ผมเพิ่งจะรู้ในตอนนี้นี่แหละว่ามีธรรมเนียมปฏิบัติอะไรแบบนี้ด้วย
แต่พูดไป แอสตันก็ไม่สนหรอก นอกจากยิ้มกว้างเท่านั้น
“เรารู้ แต่เราเบื่อรสชาติสารอาหารจากพวกไบโทปแล้ว เราอยากรู้ว่าสารอาหารจากมนุษย์โลกมีรสชาติอย่างไรบ้าง” ว่าจบแล้ว มันก็พุ่งเข้ามาฉุดผมให้ลุกขึ้นทันใด
จริงๆ แอสตันก็ไม่ได้สูงกว่าผมมากนัก แต่ก็นับว่ารูปร่างใหญ่หากเทียบกับผมและริชาร์ดที่เป็นชาวเอเชียแล้ว ยิ่งเป็นมนุษย์ต่างดาวด้วย ผมก็ยิ่งสู้แรงของหมอนั่นไม่ได้
“ปล่อยนะเว้ย” ผมขัดขืนเล็กน้อย พลางว่าเสียงต่ำ
แต่มันไม่ฟัง ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนปากเกือบจะชนกับผม
“นิดเดียว เราแค่ชิม”
ชิมพร่อม! อย่าทำให้ชีวิตกูน่าอดสูไปมากกว่านี้เลยขอร้อง!
คีธเหมือนจะได้ยินคำร้องขอของผม พอแอสตันเลื่อนหน้าเข้ามา หมอนั่นก็พุ่งมาเอามือปิดปากผมอย่างรวดเร็ว ทำให้แอสตันจูบกับหลังมือของหมอนั่นแทน
“องค์ชาย... มันผิดธรรมเนียม”
แอสตันทำหน้ายุ่ง ยกมือข้างหนึ่งดึงมือคีธออก ขณะที่มืออีกข้างยังโอบเอวผมไว้แน่น ส่วนผมก็ยกมือสองข้างดันอกมันออกห่างเป็นพัลวัน
“เออ ผิดธรรมเนียมเนี่ย ถอยออกไปเลย!” แล้วก็ตามมาด้วยการโวยวาย
หากแต่แอสตันไม่ฟัง โน้มหน้าลงมาอีก ให้คีธเอามือมาปิดปากผมอีก
“องค์ชาย...”
เช่นเดิม พอถูกขวาง แอสตัสก็ดึงมือคีธออกแล้วทำท่าจะจูบผมอีกครั้ง แล้วไอ้คีธก็เอามือมาปิดปากผมเหมือนเดิม
“องค์ชาย...”
มึงก็กระชากมันออกจากกูให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยสิวะ! ปิดปากกูจนปากจะเบี้ยวแล้วเนี่ย!
แต่ดูเหมือนครั้งนี้แอสตันจะยอมแพ้ พอเห็นสีหน้านิ่งๆ ของคีธ ก็ยอมปล่อยผมออกแต่โดยดี
“ก็ได้ๆ เราไม่ยุ่งกับโฮสต์ของนายก็ได้”
พอเป็นอิสระ ผมก็เซไปเล็กน้อยเพราะตอนหมอนั่นปล่อย ผมผลักตัวเองออกมาพอดี คีธรีบเข้ารับผมไว้จากข้างหลัง เลยกลายเป็นว่าตอนนี้ผมโดนมันกอดเอวอีก
ร้องไห้ได้มั้ย วันนี้โคตรจะเปลืองตัวกับผู้ชายเลย!
“เช่นนั้นก็เชิญองค์ชายเสด็จไปบรรทมเถอะพ่ะย่ะค่ะ ดึกมากแล้ว องค์ชายคงจะเหนื่อย” คีธตัดบท
แอสตันพยักหน้าแล้วพยักหน้าให้คีธเดินนำออกจากห้องไป ผมเดินตามสองคนนั้นไปด้วยเพราะจะไปล็อคประตู ทว่าพอผมเอื้อมมือไปจับประตูปุ๊บ แอสตันก็ชะงักขาปั๊บ
“แต่วันนี้เรายังไม่ได้กินอะไรเลย เราหิว”
อย่าบอกนะว่ามึงจะดูดกูอีกแล้ว!
ผมผวาหนักก็ในตอนนี้ คีธเองก็รีบเข้ามาคว้าตัวผมไปซ่อนไว้ข้างหลังประหนึ่งเด็กกำลังจะโดนแย่งของเล่น พลางว่าเสียงเรียบ
“แม้จะเป็นองค์ชาย แต่หม่อมฉันก็ไม่ยินดีนักที่จะใช้โฮสต์ร่วมกับพระองค์”
“แล้วใครว่าเราจะใช้โฮสต์ร่วมกับนายล่ะ” แอสตันยิ้ม ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่ารอยยิ้มของหมอนี่ในครั้งนี้ดูเจ้าเล่ห์พิกล ก่อนจะตระหนักได้ว่าหมอนี่คิดอะไรก็ตอนที่เห็นดวงตาสีเทาสว่างเหมือนกับของคีธเหลียวไปมองคนที่นอนแผ่หลาไร้สติอยู่บนเตียง
ยะ...อย่าบอกนะว่าเล็งไอ้ริชาร์ดไว้?
ผมได้สติ รีบพุ่งเข้าไปทำท่าจะดึงแอสตันออกมาจากห้อง แต่ก็ไม่ไวเท่าเมื่อแอสตันบอกลาแล้วปิดประตูดังปึง ทิ้งให้ผมยืนอ้าปากค้างอยู่หน้าประตูอย่างตะลึงงัน
“สหายของเจ้าคงจะไม่รอดในคืนนี้” คีธว่าเสียงเรียบ ตอกย้ำความกังวลของผมเข้าไปอีก
ผมหันรีหันขวาง คิดหาทางช่วยชีวิตเพื่อนตัวเองก่อนจะมีชะตาชีวิตเหมือนกันกับผม แต่ไม่ทันจะได้คิดออก ผมก็ลอยหวือไปตามแรงของคีธที่เข้ามาอุ้มผมจากทางด้านหลังโดยไม่ทันตั้งตัว
“อย่ารบกวนเวลาส่วนตัวขององค์ชาย เจ้าก็ไปพักผ่อนได้แล้ว ข้าเองก็ยังไม่ได้กินสารอาหารจากเจ้าเลย ก่อนนอนมาทำกันเถอะ”
นี่ก็อีกตัว! ไอ้มนุษย์ต่างดาวพวกนี้มันเป็นโฮโมฯ กันจริงๆ ด้วยสินะ!
--------------------------------------
เจ้าชายมาแล้ววว เกรียนมาก ลามกก็เช่นกัน 555 บอกไว้ก่อนเลยว่าตอนหน้าเกรียนหนักมาก ริชาร์ดโดนบ้างละหลังจากล้อกวินทร์อยู่นาน ฮาาา

อ่านตอนนี้จบแล้ว วกกลับไปอ่านตรงแนะนำเรื่องหน้าแรกด้วยนะคะ หนูแดงอัพเดตข่าวสารเกี่ยวกับนิยายไว้จ้า จะได้รู้ว่ามีนิยายเรื่องไหนในสต็อกให้เสพกันบ้างเนอะ ^^
 

ออฟไลน์ Malila

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
5555555  ริชาร์ดเสร็จแน่ :hao6:

ออฟไลน์ KoTo_Nat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
รีบมาต่อน๊าา ชอบมากเลย

กวินจะมีลูกกับคีธไหม

รอลุ้นครับ

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
ริชาร์ดโดนจองซะแล้ว

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ yaoisamasang

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Yaoi-Sama/463499467036395?ref=hl
ริชาร์ดจะรอดมั้ย.ริชาร์ดจะรอดมั้ยเอ่ย?555+

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
สืบพันธุ์ไปพร้อมๆ กันเลยก็ได้พะยะค่ะ

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
องค์ชายโคตรเกรียน

ออฟไลน์ nadty27

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอออออ คนแต่ง
บอกเลย ว่าตามทั้งสามเรื่อง
ชอบมากกก

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 10: Richard's son is coming

ผมเป็นห่วงริชาร์ดจนคิดว่าคืนนี้คงจะข่มตาหลับไม่หลง แต่เอาจริงๆ พอหัวถึงหมอน สติผมก็ดับวูบราวกับมีใครมาปิดไฟ คงเป็นเพราะความเหนื่อยล้าจากการเดินทางและเรื่องวุ่นๆ ที่ผจญมา กอปรกับถูกคีธดูดสารอาหารด้วย ผมเลยไม่มีเรี่ยวแรงเหลือที่จะมาห่วงใครอีก
รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ตอนหัวค่ำของอีกวัน ผมชวนคีธไปหาอะไรกินเป็นเพื่อน แต่หมอนั่นไม่ไป อ้างว่าเป็นห่วงเจ้าชายที่ยังไม่โผล่หัวออกมาจากห้องริชาร์ดตั้งแต่เช้า ผมก็เลยไม่ได้สนใจ ไปคนเดียวก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
ผมเลือกที่จะซื้อเบอร์เกอร์ที่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดและของกินเล่นจากซูเปอร์มาร์เก็ตกลับมากินที่ห้อง ที่เลือกซื้อกลับมาก็เป็นเพราะจู่ๆ ก็เกิดเป็นห่วงริชาร์ดนั่นแหละ ไม่โผล่หัวออกมาแต่เช้าจนผมอดคิดไม่ได้ว่ามันคงจะถูกไอ้เจ้าชายหื่นนั่นดูดสารอาหารจนหมดตัวตายสยองไปแล้ว
และเพราะความเป็นห่วงว่าเพื่อนจะตาย พอเข้ามาในอพาร์ตเม้นต์ได้ ผมก็ปรี่ไปที่หน้าห้องริชาร์ดแล้วยกมือขึ้นเคาะสองสามครั้ง
“ริชาร์ด” เรียกมันด้วยเผื่อมันไม่ได้ยิน
หากแต่ไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ ออกมาจนผมต้องเคาะเรียกอีก
“ริชาร์ด... ไอ้ริชาร์ด...”
เงียบ... ยังเงียบอยู่ ไม่ใช่ว่าแห้งตายไปแล้วหรอกนะ
ผมเกือบจะวางถุงขนมลงแล้วเอาหูไปแนบกับประตูเพื่อฟังเสียงข้างในแล้ว ถ้าจู่ๆ คีธที่อยู่อีกห้องหนึ่งไม่โผล่หน้าออกมาเสียก่อน
“อย่ารบกวนองค์ชายสิกวินทร์” หมอนั่นว่าหน้าตาย ทำเอาผมชะงัก
“ฉันก็แค่แวะมาดูว่าเพื่อนฉันเป็นไงบ้างก็เท่านั้น” ผมว่า
“องค์ชายอยู่ด้วย สหายเจ้าไม่เป็นอะไรหรอก”
เพราะมันอยู่ด้วยนี่แหละถึงต้องเป็นห่วง!
“กลับมารอที่นี่กับข้าเถอะ สหายเจ้าคงจะอ่อนเพลีย ดีขึ้นเมื่อไหร่คงจะมาหาเจ้าเอง”
ผมฉุกคิดได้ในตอนนี้ว่าตอนที่ตัวเองถูกคีธกินสารอาหารครั้งแรกมันอ่อนเพลียจนแทบลุกไม่ขึ้นแค่ไหน ริชาร์ดก็คงจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน แถมเมื่อคืนมันก็เมาหนัก โดนอย่างนั้นคงจะลุกไม่ขึ้นเป็นแน่ ผมก็เลยไม่ใส่ใจอะไร เดินหอบถุงของกินกลับเข้ามาในห้องตามคำชวนของคีธ
หากแต่ไม่ทันจะได้ก้าวเข้าห้อง เสียงร้องโหยหวนประหนึ่งควายถูกเชือดก็ดังลั่นออกมาจากห้องของริชาร์ด ผมชะงักกึก หมุนตัวกลับไปทุบประตูห้องมันอย่างรวดเร็วทันที
“ไอ้ริชาร์ด! เป็นอะไรวะ!”
หมอนั่นยังไม่มาเปิด เอาแต่ร้องเสียงหลงจนคีธที่ยืนมองอยู่เดินมาหาผมนิ่งๆ
“ข้าจัดการเอง”
“ถ้าคิดจะพังประตูล่ะก็หยุดเลย ไม่มีตังค์จ่ายค่าประตูนะเว้ย” ผมว่าเสียงขุ่น คีธก็เลยหยุดความคิดที่จะพังประตูไป ปล่อยให้ผมทุบประตูเป็นบ้าเป็นหลังอีกครั้ง
“ไอ้ริชาร์ด! เปิดสิเว้ย! เปิดประตู!”
ครู่เดียว เสียงกลอนประตูถูกปลดดังกริ๊กก็ดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าหวาดหวั่นและซีดเผือดของริชาร์ดที่ปรากฏมาให้เห็น พอมันเห็นหน้าผม มันก็เรียกผมเสียงสั่นเครือทันที
“คะ...เควิน ช่วยด้วย”
ผมไม่เคยเห็นหน้าตาเหมือนจะตายให้ได้แบบนี้ของมันมาก่อนเลย เกือบจะออกปากถามแล้วว่าให้ช่วยเรื่องอะไร แต่สายตาก็ปะทะเข้ากับร่างกายของมันเสียก่อน เท่านั้นผมก็เบิกตากว้างทันทีเมื่อเห็นหน้าท้องของริชาร์ดบวมเป่งไม่ต่างจากคนท้อง ลางสังหรณ์บอกกับผมเลยว่าไอ้เจ้าชายเวรนั่นคงจะไม่ได้แค่กินสารอาหารอย่างเดียวแล้ว แต่มันคงจะวางไข่ด้วย ไม่อย่างนั้นไอ้ริชาร์ดคงจะไม่ท้องโย้แบบนี้ แล้วก็จริงเสียด้วยเมื่อผมกวาดตามองเข้าไปในห้องแล้วไม่เห็นหัวไอ้เจ้าชาย
ถึงจะรู้ว่าตอนนี้มันคงจะสิงสถิตอยู่ในท้องของเพื่อนผม แต่ผมก็อดถามออกไปไม่ได้
“ไอ้แอสตันมันไปไหน”
“มะ...ไม่รู้ ช่วยฉันด้วยเควิน...” ริชาร์ดส่ายหน้ารัว ดวงตาเรียวคลอไปด้วยน้ำตารื้นๆ เห็นแล้วก็โคตรจะสงสารมันฉิบเป๋ง เมาไม่รู้เรื่องตั้งแต่เมื่อคืน ตื่นขึ้นมาก็เจอตัวเองกำลังท้อง โดนลักหลับวางไข่ชัดๆ
"อะ...โอ๊ย..."
จู่ๆ ริชาร์ดก็ร้องโอดโอยขึ้นมาพร้อมกับบางสิ่งที่ขยับบริเวณหน้าท้องภายใต้เสื้อยืด ผมรีบแทรกตัวเข้ามาในห้อง ร้องบอกให้คีธที่เดินนิ่งๆ เข้ามาปิดประตู แล้วพยุงเพื่อนตัวเองไปที่เตียง
แต่ตอนนี้ริชาร์ดมันขวัญผวาสุดๆ พอเห็นบางอย่างเคลื่อนไหวใต้ผิวหนังหน้าท้องตัวเอง แข้งขาก็ไม่มีแรงเดิน ทิ้งตัวเองลงนั่งกับพื้นตรงนั้นจนผมต้องปลอบขวัญมันเป็นพัลวัน
“ใจเย็นๆ ก่อนนะเว้ย ไม่มีอะไร ใจเย็นๆ”
“ไม่มีอะไรได้ไงวะ ฉันเป็นอะไรก็ไม่รู้ นอนอยู่ดีๆ ก็ตื่นมาเห็นตัวเองท้องอืดแบบนี้เนี่ย!” มันแผดเสียง น้ำตาจากที่คลอๆ ทำท่าเหมือนจะไหลออกมาให้ได้
ผมล่ะอยากจะบอกมันเหลือเกิดว่ามันไม่ได้ท้องอืด แต่มันกำลังตั้งท้องไอ้เจ้าชายลามกนั่น ทว่าก็ได้แค่คิดเท่านั้นแหละ เพราะเสียงร้องโอยอย่างเจ็บปวดหลุดออกมาจากปากของริชาร์ดเสียก่อนพร้อมกับน้ำเมือกสีใสที่ค่อยๆ ไหลซึมผ่านเสื้อยืด
ผมผลักมันให้ลงนอนราบ พลันถอดเสื้อออกจากตัวมันอย่างรวดเร็ว ริชาร์ดทำหน้าเหมือนอยากได้คำตอบว่าผมจะทำอะไร ทว่าไม่ทันที่ผมจะได้อ้าปากตอบว่าช่วยมันเตรียมคลอด น้ำเมือกนั่นก็พุ่งออกมาจากสะดือมันอย่างกับเขื่อนแตกจนผมที่พยายามช่วยริชาร์ดอยู่ผงะไปอีกทางด้วยความขยะแขยง ส่วนริชาร์ด จากที่ตกใจอยู่แล้วก็ตกใจเข้าไปใหญ่ และหนักขึ้นไปอีกเมื่อมันเห็นบางอย่างผุดพรายขึ้นมาจากสะดือตัวเอง
“นะ...นิ้วมือ! ไอ้เควิน! นิ้วมือคน! อ๊ากกก!” มันตะโกนร้องเป็นบ้าเป็นหลัง ขนาดผมที่เคยผ่านประสบการณ์สยองแบบนี้มาถึงสองครั้งแล้ว พอได้มาเห็นอีกครั้งก็ยังอดขนหัวลุกไม่ได้
และความสยดสยองก็เพิ่มขึ้นอีกเมื่อแอสตันค่อยๆ ดันแขนทั้งสองข้างของตัวเองออกมา ในตอนนี้ผมกับริชาร์ดประสานเสียงกันแหกปากราวกับกำลังดูหนังสยองขวัญเวอร์ชั่นโคตรโหด
“อ๊ากกก! เควิน! ไอ้เควินช่วยด้วย! อ๊ากกก!” ริชาร์ดสติแตกไปแล้ว ดิ้นพราดราวกับถูกน้ำร้อนลวก
ผมถอยกรูดไปติดผนัง ทิ้งให้ริชาร์ดเผชิญหน้ากับการคลอดทีละส่วนของแอสตันเพียงลำพังด้วยการคลอดของแอสตันมันสยองเกินกว่าผมจะทนดูอยู่ใกล้ๆ
คือตอนที่คลอดคีธน่ะ ผมว่ามันสยองแล้วนะแต่มันเห็นไม่ชัดแบบสามร้อยหกสิบองศาแบบนี้ไง มันเลยไม่สยองมาก แต่พอมาเห็นแบบนี้แล้ว ผมนี่แทบจะเสียสติตามริชาร์ดไปเหมือนกัน
ผมมองริชาร์ดดิ้นทุรนทุรายกับแขนทั้งสองข้างที่โผล่มาจากหน้าท้องตัวเองด้วยความหวาดหวั่น กระทั่งแอสตันมันได้ฤกษ์โผล่หัวออกมาพร้อมกับน้ำเมือกอาบใบหน้า ผมถึงได้สติอีกครั้ง
“ไฮริชาร์ด ไฮกวินทร์” โผล่หน้าออกมาได้ มันก็ยิ้มร่า โบกมือทักทายผมกับริชาร์ดที่ทำหน้าซีดมองมันอยู่
ไฮป้ามึง! แหกสะดือเพื่อนกูซึ่งๆ หน้าแล้วยังจะมาทำหน้าระรื่นอีก!
“อ๊ากกก!” ริชาร์ดแผดเสียงหนักขึ้นไปอีกเมื่อเห็นว่าไอ้ตัวที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในท้องตัวเองนานสองนานคือเด็กที่เจอในคลับเมื่อคืน
แล้วมันก็ทำท่าจะสลบให้ได้เมื่อแอสตันดึงตัวเองออกมายืนบนพื้น
“ตอนแรกว่าจะกินสารอาหารอย่างเดียว แต่นึกขึ้นได้ว่าถึงเวลาต้องสร้างร่างใหม่พอดีก็เลยจัดการวางไข่แทนน่ะ” แอสตันว่าราวกับรู้ว่าอีกเดี๋ยวจะถูกถามว่าอะไร ขณะที่ผมทำหน้าราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ไหนพวกมึงบอกว่าถ้าจะวางไข่ต้องขออนุญาตก่อนไง!
“ไม่ต้องมองเราแบบนั้นกวินทร์ เราขออนุญาตเพื่อนนายแล้ว” แอสตันว่าขณะที่คีธเดินเอาผ้าเช็ดตัวของริชาร์ดมาให้หมอนั่นเช็ดหน้า ไอ้ท่าทางรู้ทันว่าผมจะถามอะไรมันทำเอาผมเบ้หน้า
“ใครมันจะไปอนุญาตวะ ไปขอวางไข่แบบนั้นน่ะ”
“ก็เพื่อนนายไง พอเราถามว่าขอวางไข่ได้มั้ย เพื่อนนายบอกว่าอือ แล้วก็หัวเราะใหญ่เลย ทำท่าเหมือนจะชอบด้วย”
ก็มันเมา มันจะไปรู้เรื่องมั้ยเล่า!
ผมปวดขมับขึ้นมาหนึบๆ ไอ้มนุษย์ต่างดาวพวกนี้นี่ทำผมประสาทเสียขึ้นมาจริงๆ ซะแล้ว แต่ก่อนที่ผมจะได้ปวดกะโหลกไปมากกว่านี้ เสียงดังตุ้บของวัตถุบางอย่างกระแทกพื้นก็เรียกความสนใจของผมไป พอหันไปมองตามต้นเสียงก็เห็นริชาร์ดฟุบสลบไปกับพื้นเป็นที่เรียบร้อย
คีธผละจากการปรนนิบัติไอ้เจ้าชายเวรนั่นมายังริชาร์ด ทำท่าเหมือนจะช้อนตัวหมอนั่นขึ้น ทว่าแอสตันก็ยกมือขัดเสียก่อน
“ไม่ต้อง เราเอง ริชาร์ดเป็นโฮสต์ของเรา เราจะดูแลเขาเป็นการขอบคุณ”
คีธพยักหน้าเล็กน้อยแล้วถอยออกมาให้แอสตันเดินเข้าไปแทน แอสตันโน้มตัวลงช้อนริชาร์ดขึ้นในอ้อมแขน ก่อนพามันไปนอนบนเตียง พร้อมกับจัดการเอานิ้วตัวเองยัดปากหมอนั่นให้กินสารอาหาร
ผมเห็นแล้วก็ถอนหายใจเต็มแรง ฉากนี้เหมือนกับที่ผมโดนคีธทำไม่มีผิด ก่อนจะได้สติอีกครั้งเมื่อคีธว่าขึ้น
“อย่ารบกวนองค์ชาย ปล่อยให้พระองค์ได้ใช้เวลาส่วนตัว” พูดอย่างเดียวไม่พอ ยังทำท่าจะลากผมออกจากห้องไปด้วย แต่ผมไม่ยอมไป รีบเบี่ยงตัวหลบก่อนจะถูกมันจับไว้
“ฉันจะอยู่ดูเพื่อนฉัน”
“แต่นี่มันเวลาส่วนพระองค์” คีธว่าเสียงเรียบ
ผมก็เข้าใจอยู่หรอกว่าผู้พิทักษ์อย่างหมอนี่มีหน้าที่อะไร แต่ไอ้คนที่อยู่กับเจ้าชายนั่นมันเป็นเพื่อนผมนี่หว่า เมื่อคืนก็ปล่อยให้มันโดนกระทำชำเราตอนเมาไม่รู้เรื่องไปแล้ว รอบนี้ผมไม่ปล่อยให้มันโดนอีกเป็นรอบที่สองแน่ เผลอๆ ถ้าลับสายตาแป๊บเดียว ไอ้ริชาร์ดมันจะโดนผูกพันด้วย ถ้าโดนขึ้นมาล่ะก็ เรื่องใหญ่เลยทีนี้
“ฉันไม่ไป ฉันจะอยู่ดูเพื่อนฉัน เจ้าชายของนายมันไว้ใจไม่ได้” ผมว่าไปตามตรง
“กวินทร์... อย่าดื้อ” คีธยู่คิ้วเล็กน้อยเป็นสัญญาณให้รู้ว่าไม่พอใจเท่าไหร่นักที่ผมดูหมิ่นเจ้านายตัวเองแบบนี้ ดีที่แอสตันพูดขัดขึ้นมา ไม่อย่างนั้นผมคงต้องถูกมันหิ้วปีกออกจากห้องไปแน่ๆ
“ไม่เป็นไรคีทาเย อยู่ด้วยกันหลายๆ คนก็ดี สนุกดี”
สนุกกับผี! มีแต่มึงเนี่ยแหละที่สนุกอยู่คนเดียว!
พอแอสตันว่าอย่างนั้น คีธก็ยอมผละจากผมไปได้ ผมเลยเดินไปทรุดตัวนั่งยังเก้าอี้ที่โต๊ะมุมห้อง มองการกระทำของแอสตันตาไม่กะพริบ
ผ่านไปชั่วโมงกว่า ผมก็เริ่มวางใจว่าคงจะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเพราะดูท่าทาง แอสตันก็ดูแลริชาร์ดที่นอนไม่ได้สติดี ตอนนี้ผมเลยได้เวลามาจัดการกับอาหารมื้อแรกของตัวเองบ้าง ผมใช้เวลากินไม่นานนัก เบอร์เกอร์ในมือก็ถูกจัดการเหี้ยน คีธที่เห็นผมอิ่มแล้วก็เดินเข้ามานั่งยังเก้าอี้อีกตัวใกล้ๆ พลางมองผมนิ่งๆ
“อะไร” ผมว่าเสียงขุ่นที่ถูกจ้องอยู่นานสองนาน
“อิ่มแล้วใช่มั้ย” หมอนั่นถามกลับ ผมรู้เลยว่าเดี๋ยวมันจะต้องขอกินสารอาหารจากผมแน่ก็เลยรีบพูดดักไป
“ถ้าจะกินล่ะก็ กลับไปกินที่ห้อง”
คีธพยักหน้า เห็นมั้ย ผมบอกแล้วว่ามันจะต้องขอกิน
หากแต่พอผมดันตัวเองลุกขึ้น หมอนั่นก็เอื้อมมือมาคว้าข้อมือผมเอาไว้
“แต่ข้าหิวแล้ว หิวมาก” ว่าอย่างเดียวไม่พอ ส่งสายตาออดอ้อนใส่อีก
มึงไม่ต้องมาทำหน้าเป็นลูกหมาเลย กูไม่เห็นใจ!
“ไปกินที่ห้อง” ผมว่าเสียงแข็ง
แต่ก็เท่านั้นแหละ คีธมันฟังอะไรที่ไหน ลุกขึ้นมาประจันหน้าผม แล้วใช้แขนข้างหนึ่งตวัดเอวผมเข้าไปใกล้ พลันว่าเสียงแผ่ว
“หิวจัง”
มึงหยุดอ้อนเดี๋ยวนี้!
“เออๆ เร็วๆ เข้า” สุดท้ายผมก็ยอม ไม่ใช่ว่าใจอ่อนหรอก แต่ตัดรำคาญ อีกอย่าง แอสตันมันก็ไม่ได้ทำท่าว่าจะสนใจผมกับคีธแม้แต่น้อย นอกจากสนใจโฮสต์ของมัน ผมก็เลยยินยอมโดยไม่ว่าอะไร
พอได้ยินคำอนุญาต คีธก็ยกมุมปากข้างหนึ่งเล็กน้อย ทำเอาผมใจสั่นนิดๆ ที่เห็นใบหน้าหล่อเหลาแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณ” หมอนั่นว่าขึ้นอีกครั้งก่อนจะประกบริมฝีปากลงมา
จูบของคีธยังคงนุ่มนวลแต่ลีลาเด็ดเหมือนเดิม จูบได้ครู่เดียว เราก็จำเป็นต้องผละออกจากกันเมื่อจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงหายใจเฮือกของริชาร์ดดังขึ้น พอหันไปก็เห็นว่าหมอนั่นรู้สึกตัวแล้ว
“อะ...อะไรวะเนี่ย!” แน่นอนว่าสิ่งแรกที่มันทำคือบ้วนนิ้วเจ้าชายที่อยู่ในปากออก แล้วก็รีบถอยห่างจากแอสตันราวติดจรวด
“ฟื้นแล้วเหรอ” แอสตันก็ถามยิ้มๆ ไม่รู้สึกรู้สาว่ามันนั่นแหละที่เป็นคนทำให้ริชาร์ดสลบอย่างนั้น ขณะที่ริชาร์ดปราดสายตามองร่างเปล่าเปลือยของคนตรงหน้าด้วยสายตาหวาดๆ ก่อนจะเบนมายังผมที่ถูกคีธประคองใบหน้าค้างไว้อยู่
“คะ...เควิน นี่มันเรื่องอะไร” ถามพลางทำหน้าจะร้องไห้
“ไม่มีอะไรริชาร์ด ใจเย็นๆ”
ผมผลักคีธออกห่าง หันไปมองหน้ามันอย่างเห็นใจที่จู่ๆ ก็มาเจอเรื่องแบบนี้โดยไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะปลอบมันให้สงบจิตสงบใจลง แต่แล้วมันก็ทำให้ผมต้องหงุดหงิดอีกครั้งเมื่อมันพูดขึ้น
 “อย่า...อย่าบอกนะว่าพวกนายกำลังทำเกย์เซ็กส์โฮมวิดีโอ”
ปล่อยให้ไอ้เจ้าชายลากไปปู้ยี่ปู้ยำแม่งซะเลยดีมั้ง!
“ไม่ใช่เว้ย! ไอ้พวกนี้มันเป็นมนุษย์ต่างดาว มันวางไข่ใส่นาย ไม่ได้ทำหนังโป๊เกย์!” ผมตะเบ็งเสียงใส่ ริชาร์ดเหมือนจะได้สติมาในตอนนี้
“มนุษย์ต่างดาว?”
“เออ มนุษย์ต่างดาวนั่นแหละ” ผมยกมือขึ้นยีผมตัวเองอย่างหัวเสีย “สงบสติอารมณ์ซะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง”
พอเห็นว่าริชาร์ดพอจะทำใจได้แล้ว ผมก็สาธยายสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองตอนที่เจอคีธครั้งแรก และสิ่งที่เกิดขึ้นกับมันเมื่อคืนให้ฟังทั้งหมด ริชาร์ดทำหน้าเหมือนไม่เชื่อกระทั่งได้ยินคำสุดท้ายหลุดออกจากปากผม มันถึงได้มองหน้าคีธกับแอสตันสลับกันไปมาด้วยยังงุนงงกับเรื่องที่ได้ยินไม่เลิก
“หมายความว่า... คีธกับแอสตันเป็นมนุษย์ต่างดาวจากดาวที่อยู่ห่างจากโลกเราไปสิบห้าพันล้านปีแสง?”
“เออ ไอ้ที่คีธเคยบอกอะไรกับนายแล้วนายเอาไปทำเป็นรายละเอียดตัวละครเจ้าชายต่างดาวอะไรนั่น เป็นข้อมูลของดาวไอ้พวกบ้านี่หมดนั่นแหละ” ผมว่าเนิบๆ
“เป็นไปไม่ได้น่า” ริชาร์ดพึมพำออกมาทันใด ทำเอาผมแสยะยิ้มเย้ย
“เป็นไปไม่ได้ก็เป็นไปแล้ว เพิ่งจะถูกวางไข่จนคลอดไอ้บ้านี่ออกมา ยังจะไม่เชื่ออีกหรือไง เป็นไงล่ะ ได้เจอเจ้าชายต่างดาวตัวจริง อึ้งเลยมั้ย”
ไม่รู้ทำไมตอนผมพูดประโยคนี้ ผมโคตรจะสะใจมันเลย กูรูเอเลี่ยนก็กูรูเอเลี่ยนเถอะ ได้มาเจอตัวเป็นๆ ถึงกับพูดไม่ออก
“แสดงว่าแอสตันเป็นลูกฉันเหรอ” ริชาร์ดเหลือบไปมองแอสตันอย่างหวาดๆ ก่อนที่ผมจะตอบ
“ไม่เชิง อย่างที่บอกว่ามันอาศัยร่างนายในการสร้างร่างใหม่ นายมีสถานะเป็นโฮสต์ให้มันวางไข่กับแหล่งอาหารให้มากกว่าที่จะเป็นแม่ เรียกง่ายๆ ก็กาฝาก”
ริชาร์ดเงียบนิ่งไปครู่ ดูท่าทางน่าจะเข้าใจระบบการเจริญเติบโตของพวกเอเลี่ยน มันต้องเข้าใจอยู่แล้วล่ะ ก็มันเป็นแฟนพันธุ์แพ้หนังเอเลี่ยนนี่หว่า
“ฝังไข่ เป็นแหล่งอาหาร มันต้องมีแผนครองโลกแน่ ไม่สิ ขยายพันธุ์ก่อนแล้วก็ครองโลก มนุษย์โลกก็จะกลายพันธุ์ ไม่กลายพันธุ์ก็ต้องถูกกำจัด ถูกกำจัดแน่ๆ...” ริชาร์ดพึมพำอยู่คนเดียวจนฟังไม่ได้ศัพท์ ผมเห็นแล้วก็กะจะปล่อยมันไว้สักพัก ดูท่าทางมันคงจะยังทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ ให้เวลามันสักหน่อยก็คงจะดีขึ้น
“เดี๋ยวฉันกลับห้องก่อน มีอะไรก็เรียกแล้วกัน” ผมทำลายความเงียบขึ้นเมื่อเห็นว่าคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว
หากแต่พอผมทำท่าจะเดินไปที่ประตูเท่านั้น ริชาร์ดก็รีบทิ้งตัวมาคว้าเสื้อผมจากทางด้านหลังไว้ทันที
“อย่าไปนะเว้ยเควิน อย่าทิ้งฉันไว้ นายไปไหน ฉันไปด้วย”
“ทีงี้ทำมาเป็นกลัว ก่อนหน้านี้ยังเห็นชอบเอเลี่ยนอยู่เลยไม่ใช่เหรอวะ ได้อยู่กับเอเลี่ยนก็สมใจแล้วนี่” ผมแสร้งว่าประชดประชันให้ริชาร์ดส่ายหน้ายิก
“ก็อันนั้นมันในหนัง อันนี้มันตัวจริง ไม่เหมือนกันนี่หว่า ถ้าจู่ๆ มันคิดจะกินฉันขึ้นมา แล้วฉันจะทำยังไง”
ผมนึกขึ้นได้ในตอนนี้ว่าหลังจากที่ถือกำเนิดออกมาจากร่างโฮสต์แล้ว มนุษย์ต่างดาวพวกนี้มันจะหิวมาก และต้องการสารอาหารจากโฮสต์มากเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งแน่นอนว่าการกินสารอาหารก็คือการจูบ เท่านั้นผมก็ยิ้มเผล่
คราวนี้ล่ะมึง ไอ้ที่ล้อกูว่าเป็นโฮโมฯ เป็นคู่ขากับไอ้คีธบ่อยๆ เดี๋ยวมึงได้รู้ เดี๋ยวรู้เลย!
“ไม่เป็นไรเว้ย ไอ้พวกนี้มันไม่กินคน แต่มันกินอย่างอื่น”
“กินอะไรวะ” ริชาร์ดถามด้วยสีหน้าหวาดระแวง
“เดี๋ยวรู้” ผมยิ้มเผล่ ส่งสายตาไปทางแอสตันที่กำลังรับเสื้อผ้าชุดเมื่อวานจากคีธมาสวมใส่
พอแอสตันจัดการปกปิดร่างกายตัวเองด้วยเสื้อผ้าพวกนั้นเสร็จ ผมก็ดีดนิ้วเปาะเรียกทันที
“เฮ้แอสตัน”
หมอนั่นหันมาเลิกคิ้วให้ผมเป็นคำถาม
“นายไม่หิวหรือไง”
พอผมถามแบบนี้ แอสตันก็เหมือนจะนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองเอาแต่ป้อนสารอาหารให้ริชาร์ดจนตัวเองลืมกินไปเสียสนิท
“หิวสิ เรายังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
คำพูดนี้ทำเอาริชาร์ดขนลุกขนพอง มันส่ายหน้าให้ผมเป็นพัลวัน
“ไม่เอานะเว้ย อย่าให้มันทำอะไรฉันนะเควิน”
ไม่ทันที่ผมจะได้ตอบรับ แอสตันก็เข้ามาดึงแขนริชาร์ดไปแล้ว ริชาร์ดหันมามองผมที่ยิ้มให้มันเล็กน้อยด้วยสีหน้าวิงวอน
“เรี่องปกติ เดี๋ยวก็ชิน” ผมว่าอย่างไม่แยแส เสร็จแล้วก็รอดูเรื่องสนุกที่กำลังจะเกิดขึ้น
คราวนี้แหละไอ้ริชาร์ด ไม่ใช่แค่กูที่เป็นโฮโมฯ มึงก็ด้วย!
“เราขออนุญาตกินสารอาหารจากนายหน่อยนะริชาร์ด” ความสนใจของริชาร์ดถูกเบนไปที่แอสตันเมื่อหมอนั่นพูดประโยคนี้ออกมา
“มะ...ไม่เอา” ริชาร์ดส่ายหน้าดิก แต่ก็ไม่ทันการเมื่อแอสตันเลื่อนมือจากข้อมือมาจับไหล่ให้หันไปทางมัน แล้วฉกจูบลงไปเรียบร้อย เสี้ยววินาทีเดียว ริชาร์ดก็ดิ้นสุดแรงแล้วผลักคนตรงหน้าออก ตามด้วยร้องเสียงหลง
“ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย! ปล่อยนะเว้ย!”
ทว่าแอสตันก็ไม่ยอมปล่อย จับไหล่ของริชาร์ดไว้แน่นกว่าเดิม แถมยังเลื่อนหน้าใกล้เข้าไปหาพร้อมกับว่าเสียงระรื่น
“ก็แค่กินสารอาหารน่า”
“กินบ้าอะไร นี่มันจูบชัดๆ! จูบ! นายเป็นโฮโมฯ หรือไงวะ!”
“นิดๆ หน่อยๆ ไม่เป็นอะไรหรอก ไม่สึกหรอ แต่อาจจะเพลียมากสักนิด ครั้งแรกของนายนี่นะ”
พอได้ยินแอสตันว่าไม่ยี่หระ แถมยังสองแง่สองง่ามอย่างนั้น ริชาร์ดก็ดิ้นประหนึ่งปลาขาดน้ำทันที จนแอสตันที่จับอยู่แสดงสีหน้ารำคาญออกมาเล็กๆ ก่อนออกปากสั่งคนตัวใหญ่ที่ยืนมองอยู่ใกล้ๆ
“คีทาเย ช่วยหน่อยสิ”
“พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย” สิ้นเสียง คีธก็พุ่งเข้าไปจับแขนริชาร์ดมาไพล่ข้างหลังด้วยมือเพียงข้างเดียว ขณะที่อีกมือหนึ่งบีบใต้คางเรียวของหมอนั่นให้หันไปหาแอสตัน
“ทีนี้จะได้กินแบบสบายใจสักที” แอสตันว่าพลางหยักยิ้ม
ริชาร์ดทำหน้าเหมือนจะตายให้ได้ขณะที่สายตาเหลือบมามองผม
“คะ...เควิน...ช่วยด้วย...”
ผมเห็นท่าทางของมันแล้วก็ไม่รอช้า รีบตรงไปลากเก้าอี้มากลางห้องทันใด สายตาของริชาร์ดประกายราวกับมีความหวังว่าผมจะช่วย แต่เปล่าเลย ผมแค่เดินมานั่งตรงหน้าพวกมันพร้อมกับหยิบถุงมันฝรั่งทอดติดมือมาด้วย พอนั่งได้ปุ๊บ ผมก็แกะถุงขนมออก พลันยิ้มเผล่
“นักแสดงพร้อม สาม สอง หนึ่ง แอคชัน!”
“ไอ้เควิน!” ริชาร์ดแหกปากเสียงหลงก็ในตอนนี้
สมน้ำหน้า อยากล้อกูนัก ของกูยังแค่ไอ้คีธคนเดียว ของมึงเอาไปเลยทั้งไอ้เจ้าชาย ทั้งไอ้คีธ ทรีซัมสมใจมั้ยล่ะมึง!
ริชาร์ดถูกแอสตันจูบอย่างดูดดื่ม จากที่ดิ้นพราดๆ ในตอนแรกก็อ่อนแรงลงทีละน้อยจนแทบจะทรุดไปกับพื้น หน้าตาหมอนั่นอิดโรย ทว่าสายตาที่มองมายังผมที่กำลังเคี้ยวมันฝรั่งทอดตุ้ยๆ บ่งบอกชัดเจนว่าแค้นผมโคตรๆ
แอสตันผละออกจากริมฝีปากของริชาร์ด ขณะที่คีธทำท่าจะอุ้มหมอนั่นไปที่เตียง หากแต่ก็โดนห้ามไว้
“เดี๋ยวเราจัดการเอง นายไปพักผ่อนเถอะ”
คีธพยักหน้าแล้วถอยออกมา ให้แอสตันอุ้มริชาร์ดไปนอนราบบนเตียง ผมเห็นแล้วก็ภาวนาในใจว่าขอให้มันโดนสูบอีก สูบให้กรอบเลย จะว่าผมเลวก็เอาเถอะ แต่ใครมันจะไปสนล่ะ ได้ทีเอาคืนแล้วต้องเอาคืนอย่างสาสม
ล้างแค้นอีกสิบปีก็ยังไม่สาย!
ทว่าไม่ทันที่ผมจะได้เห็นริชาร์ดถูกเอาคืนจนหนำใจ คีธก็เข้ามาล็อคแขนผมเป็นที่เรียบร้อย
“ไปเถอะ หมดหน้าที่เจ้ากับข้าแล้ว” ว่าจบก็ลากผมออกจากห้องไปเลย
มาปล่อยอีกทีก็ตอนพาผมกลับเข้ามาในห้องของตัวเอง ก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่ได้เห็นตอนนี้ เดี๋ยวก็ได้เห็นอีก มันเป็นโฮสต์ของแอสตันแล้วนี่นะ ยังไงก็หนีไม่พ้น
“นี่กวินทร์”
ผมละความสนุกในใจหันไปมองตามต้นเสียง พอเห็นคีธที่ทำหน้าเนือยๆ ก็ย่นคิ้ว
“อะไรอีก”
“ข้ายังไม่อิ่มเลย”
มึงก็เรื่องเยอะจริงโว้ย!
“จะกินก็กิน” ผมว่า
คีธเดินเข้ามาดึงผมไปนั่งบนเตียง ก่อนประคองใบหน้าผมแล้วจรดริมฝีปากลงมา ดูดกลืนสารอาหารอย่างอ้อยอิ่ง ผมชักจะรำคาญกับความยืดยาดของมันขึ้นมาตงิดๆ จนผมต้องผลักมันออก
“ชักช้าว่ะ จะทำอะไรก็ทำเร็วๆ ไม่ได้หรือไง”
“ก็สารอาหารจากเจ้ามันอร่อย ข้าอยากจะละเลียดชิมรสชาติของเจ้าทีละน้อย” พูดจบ ก็นาบริมฝีปากหยักลงมาบนเรียวปากผมอีก แต่ความยืดยาดยังคงเหมือนเดิม แถมยังแผ่วเบาเนิบนาบซะจนหัวคิ้วผมกระตุกยิกอย่างหงุดหงิด
“ฉันจัดการเอง” ผมผลักหมอนั่นออกห่างแล้วพูดขึ้น
คีธเอียงคอเล็กน้อยราวกับกำลังถามว่าผมจะทำอะไร หากแต่ไม่ต้องให้ผมตอบ หมอนี่ก็รู้เมื่อผมเป็นฝ่ายรุกจูบเอง แน่นอนว่าจูบของผมดุดันและเร่าร้อนกว่าของหมอนี่มาก แต่ไม่ได้เป็นไปเพราะผมนึกพิศวาสขึ้นมาแต่อย่างใด แค่ต้องการให้มันรีบๆ ทำ รีบๆ เสร็จไปต่างหาก
คีธเหมือนจะไม่รู้ พอตั้งสติได้ มันก็ยกมือมากดท้ายทอยผมให้ริมฝีปากเราแนบสนิทกันยิ่งกว่าเดิม การกินสารอาหารครั้งนี้เนิ่นนานกว่าปกติเป็นเท่าตัว น่าแปลกที่ผมไม่รู้สึกอ่อนเพลียเลยแม้แต่น้อย ก่อนจิตใต้สำนึกจะบอกว่านี่ไม่ใช่การกินของคีธ แต่มันคือการจูบ
จูบแบบจูบจริงๆ น่ะ!
พอรู้ตัว ผมก็พยายามจะเอาตัวเองออกมา ทว่าคีธไม่ยอมปล่อยผมง่ายๆ มิหนำซ้ำ ยังกดผมลงบนเตียงแล้วโถมร่างขึ้นมาคร่อมทับไว้ ทับอย่างเดียวไม่ว่า มือยังเป็นปลาหมึก ล้วงเข้ามาใต้เสื้อผมแล้วลูบหน้าท้องไปมาอีกด้วย เท่านั้นผมก็เบิกตาโพลง ทุบมันเป็นพัลวัน คีธชะงัก ละริมฝีปากออกจากผมให้ผมได้หายใจหายคอโล่งออกอีกครั้ง
“ขออภัย ข้าลืมตัว”
มึงไม่ต้องมาอ้าง! จะปล้ำกูอีกแล้วสินะ!
ผมชักสีหน้าใส่มัน ปากก็ก่นด่าไปด้วย
“ไอ้เวร...”
คีธไม่พูดอะไร นอกจากเหยียดริมฝีปากขึ้นสูง พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะในลำคอ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินเสียงหัวเราะจากหมอนี่ แต่สาบานเลยว่ามันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีสักนิด เห็นมันทำแบบนี้แล้วอยากจะกระโดดถีบสองขาคู่ชะมัด
แต่ผมก็ทำได้แค่คาดโทษมันเท่านั้นแหละ
“ทีหลังไม่ต้องมากินเลย ปล่อยให้อดตายแม่ง”
คีธยกมือขึ้นมาจับปลายผมของผมเล็กน้อย พลางพูดเสียงเรียบ
“แกล้งเล่นนิดเดียวน่า”
นิดเดียวเตี่ยมึง! ถ้ากูไม่ห้าม มึงคงปล้ำกูไปแล้ว!
ผมปัดมือใหญ่ออกจากตัว ทำท่าไม่สนใจอีกต่อไป ทว่าในจังหวะที่กำลังจะหันหนีนั้นก็สังเกตเห็นแววตานิ่งเฉยที่มองมายังผมว่ามันประกายวาวไปด้วยความเจ้าเล่ห์ เท่านั้นผมก็ใจเต้นขึ้นมาเบาๆ
ผมรีบสลัดความรู้สึกนั้นออกไป แต่จู่ๆ คีธก็เรียกผม ทำเอาผมตวัดสายตาไปมอง
 “กวินทร์”
“อะไรอีกวะ” ผมถามเสียงขุ่น ตอนนี้ใบหน้าของคีธกลับมาเป็นหน้าตายเหมือนเดิมแล้ว
“แค่จะบอกว่าการกระทำของเจ้าน่าเอ็นดูดี ข้าชอบ”
จากที่อุตส่าห์ทำใจให้เป็นปกติได้ ก็กลายเป็นว่าก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นระรัวกว่าเดิม ผมรีบเมินหมอนั่นอีกครั้งโดยการลุกหนีเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้หมอนั่นมองตามขณะที่หัวผมก็คิดยุ่งไปหมด
หมอนี่ไม่ได้นิ่งๆ มึนๆ อย่างที่ผมคิดไว้ซะแล้ว เจ้าเล่ห์ตัวพ่อชัดๆ ไอ้นี่แหละอันตรายกว่าไอ้เจ้าชายลามกเยอะ!
----------------------------------------------
ริชาร์ดนี่งามไส้มากๆ น่าสงสาร โดนลักหลับวางไข่เฉย 555
กวินทร์กับคีธนี่ก็มุ้งมิ้งกันเรื่อย คีธนี่ร้ายมาก ตอดนิดตอดหน่อยตลอดดดด พักนี้เริ่มขี้อ่อยแล้วด้วย กวินทร์ใจสั่นหลายรอบแล้วนะ ฮาาา ตอนหน้าแก๊งนี้ยังคงเกรียนหนักอย่างต่อเนื่อง รออ่านกันนะจ๊ะ
 
 
 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Oo๐FosfoggY๐oO

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-0
อ่านรวดเดียวมาถึงนี่ ตาคีธนี่ร้ายกาจมากกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ว้ายยยนังคีธนังคน(รึเปล่า?)ขี้อ่อย :hao6:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
เสพติดเรื่องนี้ไปแระ

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 11: Richard, The murderer[1]
ความวินาศสันตะโรเริ่มขึ้นเมื่อเช้าวันใหม่มาถึง ผมได้ยินเสียงโหยหวนของริชาร์ดดังออกมาจากห้องเป็นระยะๆ เชื่อได้เลยว่าไอ้เจ้าชายลามกนั่นคงจะจับริชาร์ดกดเพื่อกินสารอาหารทั้งวันแน่ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องของผม ผมเลยไม่เข้าไปช่วยแต่อย่างใด ขนาดตัวเองยังเอาไม่รอดแล้วจะมีหน้าไปช่วยใครที่ไหน ต่อให้หมอนั่นเป็นเพื่อนสนิทก็เถอะ ยอมรับก็ได้ว่าประเด็นจริงๆ ก็คือผมอยากให้หมอนั่นได้ลิ้มรสความอัปยศเหมือนกับที่มันชอบล้อผมก่อนหน้านั้นบ้าง ทีนี้มันคงจะรู้แล้วล่ะว่าทำไมผมถึงได้ถูกไอ้บักคีธมันจูบบ่อยนัก
แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ผมหงุดหงิดไม่ใช่เรื่องที่ริชาร์ดเคยล้อเลียนผมแต่อย่างใด หากแต่เป็นการหมกตัวอยู่ในห้องกับคีธทั้งวันโดยที่หมอนั่นเอาแต่นั่งจ้องโทรทัศน์ ดูซีรีย์ชื่อดังจากฮอลลีวูดไม่หยุดตั้งแต่เช้านี่แหละ ที่หงุดหงิดนี่ก็ไม่ใช่เพราะมันดูโทรทัศน์จนไม่สนใจผมนะ แต่หงุดหงิดเพราะมันบอกกับผมก่อนมาที่นี่ว่าถ้ามันเจอพรรคพวกเมื่อไหร่ก็จะไปจากผมทันทีต่างหาก นี่อะไรของมัน เจอไอ้เจ้าชายนั่นก็แล้ว ยังหน้าด้านอยู่ต่ออีก แถมยังทำเป็นลืมว่าตัวเองเคยพูดอะไรไว้ด้วย จนผมชักจะทนเห็นมันทำมึนไม่ไหว คว้ารีโมทมากดปิดโทรทัศน์ เรียกความสนใจจากหมอนั่นให้หันมามองผมทันที
“มีอะไรเหรอกวินทร์” พอหันมาเห็นหน้าตาไม่สบอารมณ์ของผมได้ คีธก็ถามขึ้น
“ยังจะมีหน้ามาถาม ไหนบอกว่าพอเจอพวกของนายแล้ว นายจะไปจากฉันไง” ผมพูดออกไปโต้งๆ
คีธทำท่าเหมือนจะนึกขึ้นได้ในตอนนี้ นึกขึ้นได้ของหมอนี่ก็คือการเลิกคิ้วสูงเล็กน้อยแต่หน้ายังนิ่งเหมือนเดิมนั่นแหละ
“ฉันก็อยากจะไปเหมือนกัน แต่องค์ชายติดภารกิจ”
ภารกิจของเจ้าชายที่หมอนี่ว่าก็คือการดูดปากไอ้ริชาร์ดสินะ
ผมไม่ได้สนใจสำนวนการพูดของหมอนี่ที่เปลี่ยนไปเพราะดูซีรีย์เมื่อครู่นี้สักเท่าไหร่นักแม้ว่ามันจะแปลกๆ หูบ้างก็ตามนอกจากย่นหน้าให้มัน
 “แต่พวกนายควรจะไสหัวไปได้แล้ว ฉันเบื่อเต็มทนกับการต้องมาเป็นแหล่งอาหารให้นายแล้วนะเว้ย พูดอะไรไว้ก็รักษาสัญญาไว้บ้างสิวะ”
พอถูกผมแหว หัวคิ้วเรียวของคีธก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะสวนออกมาเสียงเรียบ
“ก็ฉันหิว”
“มันใช่ข้ออ้างมั้ยวะ!” ผมถึงกับอุทานกับความหน้าด้านของมัน ก่อนจะยีผมตัวเองรัวๆ ให้คีธได้พูดต่ออีก
“ฉันยังหาโฮสต์ใหม่ไม่ได้ อาจจะต้องพึ่งพานายไปอีกสักหน่อยก่อน ว่าแต่วันนี้ฉันก็ยังไม่ได้กินสารอาหารจากนายเลยนะ”
“พอเลย ไสหัวไปเร็วๆ เลย แม่งโดนดูดปากจนจะกลายเป็นผัวเมียกันอยู่แล้วเนี่ย” ว่าพลางโบกมือไล่มันไปด้วย เอะอะก็ดูดปาก เผลอหน่อยก็วางไข่ ประสาทจะกินตายอยู่แล้วเนี่ย!
ทว่าคีธไม่สะทกสะท้าน มิหนำซ้ำยังยกยิ้มน้อยๆ ขึ้นมาอีก
“หรือนายอยากจะผูกพันกับฉัน?”
กูประชดเว้ย!
ผมตวัดสายตาไปมองอย่างเคืองๆ หากแต่คีธยังคงยกยิ้มอยู่อย่างนั้น แถมยังหัวเราะในลำคอออกมาอีก ทำเอาผมใจเต้นขึ้นมาเบาๆ กับรอยยิ้มมีเลศนัยนั่น
ถ้าไม่เปลี่ยนเรื่องคุย ดูท่าคงจะได้เป็นเมียมันจริงๆ แน่
“เอาเป็นว่าฉันอยากให้พวกนายรีบๆ ไสหัวไปโอเค้? จะไปเมื่อไหร่ก็เอาเถอะ แต่ขอให้ยิ่งเร็วยิ่งดี ฉันไม่พิสมัยนักหรอกนะที่จะต้องมาเป็นโฮสต์รับผิดชอบชีวิตนายเนี่ย เบื่อว่ะ!” ผมทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงกระแทก
คราวนี้รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อนั่นหายไป กลายเป็นการพยักหน้ารับแทน
“ไว้ฉันจะหารือกับองค์ชายไปขอพึ่งพาพวกไบโทป เมื่อองค์ชายเห็นพ้องด้วย เราจะไปจากพวกนายให้เร็วที่สุด”
ผมพยักหน้ารับส่งๆ ไม่ได้ใส่ใจว่าพวกมันจะไปขอความช่วยเหลือจากมนุษย์ต่างดาวกลุ่มเดิมที่เป็นโฮสต์ให้แอสตีนหรืออะไรยังไงอีก กระทั่งได้ยินเสียงเอะอะดังขึ้นจากหน้าประตูห้อง ผมกับคีธหันไปมองพร้อมกัน ไม่ทันจะได้คิดว่าเสียงนั้นมาจากใคร เสียงคุ้นหูของเพื่อนสนิทผมก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
“เควิน! เปิดประตู! เปิดประตูเร็วๆ เข้า!” แล้วก็ตามมาด้วยการเคาะประตูประหนึ่งมีเรื่องคอขาดบาดตาย
ผมเดินไปเปิดประตู เพียงแค่แง้มเท่านั้น ริชาร์ดในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ผมเผ้ากระเซิงก็พุ่งพรวดเข้ามาในห้องแล้วจัดการกระชากประตูปิดทันใด
“อะไรของนายวะ” ผมถามเสียงขุ่น แต่แค่เห็นหน้าริชาร์ดที่บัดนี้พร่างพรายไปด้วยเม็ดเหงื่อ ผมก็พอจะเดาได้แล้วว่ามันหนีตายไอ้เจ้าชายลามกนั่นมา
แล้วมันก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ
“ริชาร์ด เราขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจทำให้นายตกใจ”
ฟังแล้วเหมือนผัวมาตามง้อเมียมาก ผมถึงกับมองหน้ามันอย่างขอคำตอบ ขณะที่มันส่ายหน้าเป็นพัลวันเป็นเชิงบอกว่าอย่าเปิดประตูเด็ดขาด
หากแต่ไม่เปิดไปก็เท่านั้น เพราะการที่ไม่ยอมเปิดประตูให้แอสตันเนี่ย มันก็พังประตูเข้ามาเองอยู่ดี พอผมเห็นลูกบิดประตูถูกเขย่าอย่างบ้าคลั่งแล้ว ผมก็รีบจัดการปลดล็อคด้วยไม่ต้องการจะเสียค่าซ่อมประตู และพอประตูเปิดออก สีหน้าของริชาร์ดก็พลันซีดเผือดทันตาเห็นเมื่อเห็นแอสตันยืนยิ้มร่าให้อยู่
“ไม่โกรธนะ” พอเห็นหน้าริชาร์ด ก็โพล่งขึ้นมา
ผมถึงกับย่นคิ้วเมื่อเห็นริชาร์ดถอยกรูดไปหลบหลังผม
“มันทำอะไรนายวะ” และเพราะเอะใจ ผมก็เลยถามไปแบบนี้
“สภาพเหมือนถูกหมาบ้าฟัดมาอย่างนี้ นายคิดว่าไอ้เวรนั่นทำอะไรฉันล่ะ” ริชาร์ดว่าเสียงหวาดๆ ผมรู้ทันทีเลยว่ามันผ่านอะไรมา
มึงโดนไอ้แอสตันปล้ำมาสินะ!
ผมถอนหายใจ มองหน้าแอสตันอย่างระอาทันที
“ทำไมพวกนายถึงได้อยากจะผูกพันกับพวกฉันมากนักฮะ เป็นเกย์กันหรือไง” อันนี้ผมว่าเสียงเนือยๆ
แอสตันยิ้มไม่ยี่หระ เดินเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูพลางตอบ
“ปกติแล้วชาวยูนิกม่าสามารถผูกพันได้ทั้งชายและหญิง แต่ในระยะหลัง หญิงชาวยูนิกม่าถูกสังหารจากพวกรุกรานจนแทบไม่หลงเหลือ ชายชาวยูนิกม่าจึงต้องผูกสัมพันธ์กันเองเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ และเพื่อนของนายน่ารักดี เราเลยอยากให้ริชาร์ดเป็นโฮสต์ให้เราตลอดไป”
อยากได้เป็นเมียก็บอกว่าเมีย ไม่ใช่เป็นโฮสต์!
ผมพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง เข้าใจแล้วว่าทำไมไอ้พวกนี้ถึงได้ออกอาการโฮโมฯ ในกระแสเลือดกันนัก ก็มึงกินกันแต่ผู้ชายด้วยกันนี่หว่า! สงสารก็แต่ริชาร์ดที่ได้ยินประโยคนั้นก็ส่ายหน้ารัวๆ
ไอ้นี่ก็อีกคน ตอนก่อนจะรู้ว่ามีเอเลี่ยนบุกโลก ยังทำเป็นชมเอเลี่ยนว่าเจ๋งอย่างนั้นอย่างนี้ พอมาเจอจริงๆ ก็หัวหด เพลียกับมันจริงๆ
“จะอะไรก็เอาเถอะ แต่การที่นายมาปล้ำเพื่อนฉันเอาซึ่งๆ หน้าโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอมแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำเว้ย ต้องให้เจ้าตัวยินยอมด้วยถึงจะถูก ไม่ใช่มาบังคับขืนใจกันแบบนี้”
ได้ที ผมก็สั่งสอนแอสตันเป็นการใหญ่ มีเหลือบไปมองไอ้คีธอย่างคาดโทษด้วยเพราะครั้งก่อนผมก็เคยเกือบจะเสร็จมัน ทว่ามันกลับไม่รู้สึกรู้สา พอได้ยินผมพูดอย่างนี้ก็ดันพยักหน้าหงึกหงัก รุมไอ้เจ้าชายด้วยซะอีก
“องค์ชายเป็นถึงผู้สูงศักดิ์ ทำการข่มเหงเช่นนี้จะทำให้ไม่น่าเคารพได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
มึงก็ด้วยบักห่าน! มึงน่ะตัวดีเลย!
“เรารู้ ถึงได้มาขอโทษอยู่นี่ไง นะริชาร์ด ยกโทษให้เรานะ” แอสตันหันมาหาริชาร์ดอีกครั้ง หันมาอย่างเดียวไม่พอ ยังยื่นมือมาให้จับ กะว่าจะเอาไปจูบเป็นการขอโทษตามแบบฉบับของพวกมันด้วย
ริชาร์ดผวาหนัก ไม่ยอมยื่นมือให้ แถมยังดันผมเข้าไปหาแอสตันอีก จนผมต้องหันไปแหวมันเล็กน้อยก่อนจะเดินหนี แอสตันเลยใช้โอกาสนี้เข้ามาฉุดมือริชาร์ดไปจูบ ผมแอบเห็นชัดเจนเลยว่าริชาร์ดขนหัวลุกกับการกระทำนั้นแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก
“กลับห้องกันเถอะ” แอสตันออกปากชวนขณะที่จับริชาร์ดไปไว้ในอ้อมแขนได้แล้ว
สีหน้าริชาร์ดดูเหมือนจะร้องไห้ออกมาให้ได้ บอกเลยว่าผมไม่ช่วย อะไรที่ผมเจอ มันก็ต้องเจอเหมือนกับผม จะได้เข้าใจหัวอกผมสักทีว่าตอนที่ถูกมันล้อนั้น ผมรู้สึกยังไง ทว่าคงจะเป็นโชคดีของมันที่จู่ๆ คีธก็โพล่งขึ้นเสียก่อนที่มันจะถูกเจ้าชายลากกลับไปรวมร่าง
“องค์ชาย หม่อมฉันมีเรื่องอยากจะทูลปรึกษา”
“อะไรเหรอ”
“เรื่องการตามหาพรรคพวกของเรา”
ได้ยินอย่างนั้น แอสตันก็ยอมปล่อยริชาร์ดที่เอามือยึดกับขอบประตูขืนตัวเองไว้ไม่ยอมไปกับหมอนั่นออกได้ ก่อนเบนความสนใจไปที่คีธ ขณะที่ริชาร์ดวิ่งหนี  กลับห้องไปพร้อมล็อคประตูเป็นที่เรียบร้อย
“ว่ามาสิ”
“หม่อมฉันว่าพวกเราสมควรจะตามหาพรรคพวกและปฏิบัติตามเป้าหมายให้บรรลุประสงค์เสียที การมาพึ่งพาโฮสต์ซึ่งเป็นมนุษย์โลกโดยที่พวกเขาไม่เต็มใจอย่างนี้ หม่อมฉันว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำนัก”
จริงๆ มึงก็น่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วเปล่าวะ!
ผมฟังแล้วหัวคิ้วก็กระตุกยิกๆ ขณะที่แอสตันเอียงคอเล็กน้อยอย่างครุ่นคิด
“ที่นายพูดก็ถูก เราเองก็รู้สึกว่าริชาร์ดไม่ค่อยยินดีกับการเป็นโฮสต์ของเราสักเท่าไหร่นัก”
ก็มึงขืนใจวางไข่มันอย่างนั้น มันจะยินดีกับมึงมั้ยเล่า! ต่อให้ไม่ได้ขืนใจ มันก็ไม่ยินดีเว้ย!
“แล้วนายมีแผนยังไงล่ะถ้าเราต้องไปจากพวกเขา” แอสตันว่าขึ้นอีกครั้ง
พวกเขาที่แอสตันว่าก็คือผมกับริชาร์ดนี่แหละ
“หม่อมฉันว่าจะขอให้องค์ชายไปพึ่งพาพวกไบโทปอีกสักระยะในระหว่างที่เราสืบหาว่าพรรคพวกของเราคนอื่นๆ อยู่ที่ไหน” คีธว่าเสียงเรียบแบบเดียวกับที่บอกผม
ผมลุ้นในใจเลยว่าขอให้แอสตันตอบตกลง หมอนั่นนิ่งคิดไปครู่ ก่อนจะว่าเสียงแผ่วประหนึ่งเสียดาย
“ถ้านายพูดอย่างนั้นก็คงช่วยไม่ได้ ไปพึ่งพาพวกไบโทปก็ได้”
ได้ยินอย่างนั้น ผมก็แทบจะแหกปากร้องอย่างดีใจทันทีที่จะได้เป็นอิสระ แต่ก็ดีใจได้แค่ครู่เดียวเท่านั้นแหละเมื่อแอสตันพูดขึ้นมาอีก
“แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าเราไม่รู้ว่าพวกไบโทปอาศัยอยู่ที่ไหนนี่สิ พวกนั้นพักไม่เป็นหลักแหล่งซะด้วย อย่างที่นายรู้นั่นแหละว่าพวกไบโทปเป็นพวกเก็บตัว การตามหาตัวคงต้องใช้เวลาหาที่อยู่ของพวกนั้นสักระยะ”
ฟังแล้วผมถึงกับอ้าปากค้าง พอได้สติ ก็รีบแทรกขึ้นถามขณะที่คีธพยักหน้ารับคำพูดของแอสตัน
“แล้วก่อนหน้านี้นายมาที่ไนต์คลับได้ไงวะถ้าไม่รู้ว่าพวกนั้นอยู่ไหนน่ะ”
“อ๋อ เราออกมาตอนกลางคืนเป็นปกติอยู่แล้ว มาตามหาพรรคพวกนี่แหละ ปกติพวกไบโทปจะมารับมาส่งเรา แต่พอเรามากับพวกนาย พวกนั้นก็คงจะหาเราไม่เจอ”
แล้วมึงจะตามพวกกูมาทำไมวะ!
“เอาเป็นว่าเราจะรีบหาพวกไบโทปให้เจอแล้วไปจากพวกนายแล้วกัน ไม่ต้องเป็นห่วง” แอสตันแทรกขึ้นมาเมื่อเห็นสีหน้าบอกบุญไม่รับ
ผมพยักหน้าเออออไปอย่างไม่มีทางเลือก เอาเถอะ อย่างน้อยๆ พวกมันก็คิดจะไปกันสักที ไม่อย่างนั้นการเป็นคนไข้โรงพยาบาลบ้าคงไม่ไกลเกินเอื้อมแน่ๆ
 
อย่างที่บอกว่าแอสตันกับคีธมีแผนว่าจะไป ผมจึงปล่อยให้พวกมันทำตามใจปรารถนา ...หมายถึงยอมเป็นแหล่งอาหารให้อย่างง่ายดายน่ะ ไม่ใช่เรื่องผูกพันอะไรเทือกนั้น
ที่ยอมง่ายๆ ก็เพราะอีกไม่นานผมก็จะเป็นอิสระแล้ว บอกตรงๆ ว่าผมก็แอบใจหายเหมือนกันที่นึกว่าอีกเดี๋ยว ไอ้หน้าตายที่นั่งหัวโด่อยู่ในห้องผมตลอดสองวันที่ผ่านมาก็จะหายไปจากชีวิตเสมือนไม่เคยรู้จักกันแล้ว ทว่าผมก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา ส่วนหมอนั่นก็เหมือนเดิม ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาเช่นกัน นอกจากทำหน้าตายแล้วก็ชวนแอสตันออกไปตามหาพวกไบโทปในตอนกลางคืนหลังจากที่ตกลงกับแอสตันได้ เพราะแอสตันบอกว่ามนุษย์ต่างดาวกลุ่มนี้จะยอมเปิดเผยตัวเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางคืนอย่างเดียวเท่านั้น
ส่วนผมกับริชาร์ดก็เริ่มยุ่งจนหัวปั่นเมื่อเช้าวันใหม่มาถึง ด็อกเตอร์มาร์ตินโทรมาปลุกพวกเราแต่เช้าและกำชับส่งท้ายว่าจะส่งรถมารับในอีกครึ่งชั่วโมง ทำเอาผมกับริชาร์ดแทบจะวิ่งผ่านน้ำแล้วแต่งตัวด้วยความเร็วแสงทันที ผมแอบกังวลเล็กๆ เหมือนกันนะที่จะต้องปล่อยมนุษย์ต่างดาวสองตัวไว้เลยจับพวกมันมารวมกันไว้ในห้องเดียว ห้องที่ว่าก็เป็นห้องของผมนั่นแหละ และในส่วนที่เป็นห่วงน่ะ ไม่ใช่เป็นห่วงว่ามันสองตัวจะอยู่ได้หรือไม่ได้ แต่เป็นห่วงว่าพอผมกับริชาร์ดไม่อยู่ มันจะไปจับเอามนุษย์โลกคนอื่นมาเป็นโฮสต์นั่นแหละ และเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจผสมหลอกล่อให้มันอยู่แต่ในห้อง ผมก็เลยยอมสละโน้ตบุ๊กไว้ให้พวกมันใช้ พร้อมกับเปิดไฟล์หนังสารพัดเรื่องที่โหลดมาไว้ให้พวกมันได้ดูกัน
ลืมบอกไปใช่มั้ยว่ามนุษย์ต่างดาวพวกนี้ชื่นชอบการดูหนังของมนุษย์โลกมาก พวกมันบอกว่าเป็นการเรียนรู้อารยธรรมของมนุษย์โลกได้ง่ายดี
พูดมาอย่างนี้ก็เข้าทางผมเลย ผมเลยหยิบยกเอาคำพูดที่เคยรับปากกับคีธว่าจะหาหนังที่เป็นภาษาไทยให้หมอนี่ดูเพื่อฝึกภาษา หมอนี่ก็เลยเลิกทำหน้าเป็นลูกหมาอยากจะตามผมไปที่กองถ่ายฉับพลัน แล้วเบนความสนใจไปที่หนังพวกนั้นแทน ส่วนแอสตันนี่พูดง่าย แค่บอกว่าริชาร์ดเป็นคนจีน ถ้ามันพูดภาษาของริชาร์ดได้ ไม่แน่ว่าริชาร์ดอาจจะใจดีด้วย มันก็ยอมนั่งนิ่งอยู่หน้าโน้ตบุ๊กทันใด
ว่านอนสอนง่ายมากๆ สอนง่ายกว่าสอนให้หมาฉี่ให้เป็นที่เป็นทางอีกนะบอกเลย
วันนั้นทั้งวันผมก็เลยได้ไปทำงานอย่างสบายใจ จะมีก็แต่ริชาร์ดนี่แหละที่ยังดูเป็นผีตายซากไม่เลิก เหตุผลหนึ่งก็คงเพราะร่างกายยังปรับตัวไม่ได้กับการถูกดูดสารอาหารล่ะมั้ง แต่เหตุผลสำคัญหลักๆ เลยก็คือ มันผวาแอสตันมากกว่า แต่ก็ช่างเถอะ เดี๋ยวพอไอ้พวกนั้นไปแล้ว ริชาร์ดคงจะโอเคขึ้น
 
ตอนแรกผมคิดว่างานในวันแรกคงจะไม่หนักหนาสาหัสมาก แต่เอาเข้าจริงคงต้องพูดเลยว่านรกชัดๆ ผมกับริชาร์ดถูกใช้ต้องทำทุกอย่างตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบจนชักไม่แน่ใจว่ามาเป็นลูกมือของผู้ช่วยผู้กำกับ หรือมาเป็นแรงงานทาสกันแน่
ก็อย่างว่าแหละ นี่มันฮอลลีวูดนี่นา งานที่ทำจะมากิ๊กก๊อกอะไรแบบที่เคยทำๆ มาคงเป็นไปไม่ได้
กว่าจะกลับถึงห้องก็ปาไปเกือบเที่ยงคืน ผมเป็นคนแรกที่เข้าไปในห้องเพราะริชาร์ดขอแวะไปซื้อเครื่องดื่มชูกำลังก่อนด้วยวันนี้หมอนั่นรู้สึกว่าตัวเองสูญเสียพลังงานไปมากเกินกว่าร่างกายจะรับไหว ผมเลยฝากให้มันซื้อเผื่อแล้วเอามาให้ที่ห้องด้วย ขณะที่ตัวเองกลับมาที่ห้องก่อนด้วยเป็นห่วงคีธกับแอสตันว่าจะก่อปัญหา
และพอผมเข้ามาในห้อง สายตาก็ปะทะเข้ากับมนุษย์ต่างดาวสองตัวนั่งจ้องหน้าจอโน้ตบุ๊กเหมือนเมื่อเช้าตาไม่กะพริบขณะที่หน้าจอมีหนังสัญชาติจีนเรื่องหนึ่งเล่นอยู่ ผมจำได้ว่ามันเป็นหนังอีโรติกอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก นอกจากโล่งใจที่มันสองคนไม่ได้ก่อปัญหาอย่างที่คิด พลางปรายตามองไปที่พวกมันเท่านั้น
 “เฮ้” ผมถอดเสื้อแจ็คเก็ตและวางกระเป๋าลงพร้อมกับร้องทักขึ้น
หากแต่ไม่มีใครเหลียวมามอง ยิ่งกำลังถึงฉากเข้าพระเข้านางของหนังเรื่องนั้นด้วยแล้ว พวกมันก็เมินผมราวอากาศธาตุไปโดยปริยาย มิหนำซ้ำยังกอดอกดูอย่างใจจดใจจ่ออีกด้วย
แม่ง พวกมึงจะสมาธิสูงกันไปไหนเนี่ย!
“เฮ้ย เรียกนี่ไม่ได้ยินหรือไง”
พอผมทักขึ้นอีกครั้ง ทั้งคู่เลยละสายตาจากจอโน้ตบุ๊กหันมามองได้ ก่อนที่แอสตันจะร้องทักผมตอบบ้าง
“ไงกวินทร์ กลับมาแล้วเหรอ เหนื่อยมั้ย”
“นิดหน่อย” ผมว่า “แล้วพวกนายล่ะเป็นไง ฝึกภาษาไทยได้เรื่องมั้ย พูดได้ยัง” ผมทักกลับอย่างไม่ใส่ใจนักขณะที่มือก็ถอดเสื้อชุ่มเหงื่อออก กะว่าจะเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่เสียหน่อยด้วยเสื้อตัวนี้เหม็นอับสุดกำลัง
คีธกับแอสตันพยักหน้าตอบรับกันรัวๆ เมื่อผมเข้าเรื่อง ก่อนที่แอสตันจะเป็นฝ่ายเปิดฉาก ยิงภาษาไทยใส่ผมอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ข้าจดจำคำศัพท์ของชนชาติเอ็งได้แล้วอ้ายกวินทร์ ภาษาของเอ็งมิยากนักต่อการเรียนรู้ ใช้เวลาเพียงมินาน ข้าก็พูดได้ประหนึ่งเป็นภาษาตัว ใช่หรือไม่อ้ายคีทาเย”
"ใช่พระพุทธเจ้าข้า”
ผมที่กำลังจะขว้างเสื้อทิ้งลงตะกร้าหันขวับไปมองทันทีที่ได้ยินสำนวนแปลกๆ หลุดออกมาจากปากพวกมัน ก่อนย่นคิ้วถามอย่างเอะใจว่าพวกมันจะพากันไปดูหนังโบราณมา
“พวกนายดูหนังเรื่องอะไรกันมาน่ะ” ถึงจะเอะใจแต่ผมก็ถามออกไปเพื่อความมั่นใจ
“ข้าก็จำมิได้ดีนัก มีนามว่ากระไรนะอ้ายคีทาเย เอ็งจำได้หรือไม่” แอสตันว่าพลางหันไปถามคนข้างๆ
“ข้าพระพุทธเจ้าเองก็จำมิได้ดีนักพระพุทธเจ้าข้า”
จากที่เหนื่อยๆ อยู่แล้ว ผมก็มีอาการปวดหัวหนึบขึ้นมาอีกอย่างด้วยพอได้ยินมนุษย์ต่างดาวสองตัวนี้คุยกันไปมา พลันเดินไปแทรกกลาง ปิดหนังที่กำลังเล่นอยู่บนหน้าจอโน้ตบุ๊กแล้วเปิดไฟล์หนังที่ผมทิ้งไว้ให้พวกมันดูอยู่ทันที
“ไหน ชี้ให้ดูหน่อยซิว่าดูเรื่องไหน”
คีธเป็นคนชี้ ผมมองตามปลายนิ้วเรียวแล้วก็ต้องตบหน้าผากตัวเองดังเพียะ
พวกมึงจะดูพระนเรศวรกันทำไมเนี่ย! กูให้มึงดูหนังร่วมสมัยโว้ย! มิน่าพูดจาอย่างกับหลุดมาจากสมัยพ่อขุนฯ ปวดประสาทกับพวกมันจริง!
“แม้นเรื่องราวจะยาวนานและใช้เวลาในการพินิจไปหลายชั่วยาม กระนั้นพวกข้าก็เข้าใจได้เร็วแม้ได้ยินภาษาของเอ็งเพียงกระผีกเดียว เอ็งมิต้องห่วงไปดอก จากนี้ข้ากับอ้ายคีทาเยจะเจรจากับเอ็งเป็นภาษาของเอ็ง” แอสตันว่าขึ้นมาอีก พอสิ้นเสียง คีธก็พยักหน้ารับน้อยๆ
พวกมึงไม่ต้องเลย กลับไปพูดภาษาอังกฤษเดี๋ยวนี้!
ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร ริชาร์ดที่หิ้วขวดเครื่องดื่มชูกำลังและของกินอีกนิดหน่อยก็เดินเข้ามาในห้อง สายตาของแอสตันจึงละไปยังหมอนั่นทันที ก่อนจะขยับริมฝีปากถามด้วยน้ำเสียงเริงรื่น
“ริชาร์ด หนี่ฮุยไหลเลอม่ะ? เล่ยม่ะ? (ริชาร์ด นายกลับมาแล้วเหรอ? เหนื่อยมั้ย?)
ริชาร์ดชะงักกึกเมื่อได้ยินภาษาบ้านเกิดตัวเองแบบชัดถ้อยชัดคำจากปากของแอสตัน ถุงกระดาษที่ถืออยู่ในมือเกือบจะร่วงลงพื้นถ้าผมไม่รีบเข้าไปประคองเสียก่อน ขณะที่มันหันไปมองยังต้นเสียงอย่างตกตะลึง แล้วครางออกมาเป็นคำหยาบภาษาจีนที่ผมได้ยินมันอุทานบ่อยๆ
“ชะ...เช่าหนี่มา...” (วะ...เวรอะไรวะนั่น...)
แต่แอสตันไม่สะทกสะท้าน ยังพูดออกไปอีกให้ริชาร์ดได้ตาเหลือก
“หว่อเสียงหนี่ หนี่เสียงหว่อม่ะ?” (คิดถึงจัง นายคิดถึงเรามั้ย?)
ผมรู้นะว่าที่แอสตันพูดแปลว่าอะไร ก่อนจะหัวเราะในลำคอ
กูว่าอีกไม่นาน พวกมึงต้องได้กันแน่ๆ ไม่รอดแน่มึงไอ้ริชาร์ด...
ริชาร์ดมองหน้าแอสตันเลิ่กลั่ก ก่อนจะรีบบอกลาผมอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวฉันกลับห้องก่อนนะ”
“เอ้า แล้วของกินนายล่ะ” ผมท้วงเมื่อเห็นมันทำท่าจะผลุบออกจากห้อง
“ไม่เอาแล้ว ไม่กิน จะนอนเลย เหนื่อย” มันว่ารนๆ
ผมรู้ว่าที่มันลุกลี้ลุกลนกลับห้องเนี่ย ไม่ใช่เพราะว่าเหนื่อยหรอก แต่เป็นเพราะมันกลัวว่าจะโดนแอสตันจู่โจมต่างหาก แต่มันคงจะลืมไปว่าหนีไปก็เท่านั้น อย่างไรซะ แอสตันก็ตามไปดูดปากมันอยู่ดี
แล้วก็จริงเสียด้วยเมื่อริชาร์ดหายออกจากห้องไป แอสตันก็ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้
“เราหิวแล้วล่ะคีทาเย ริชาร์ดมาแล้ว เรากลับก่อนนะ”
คีธค้อมตัวให้เล็กน้อยก่อนแอสตันจะโบกมือลาผมแล้วออกจากห้องไป อึดใจเดียว เสียงร้องโหยหวนของริชาร์ดก็ดังแว่วมาให้ได้ยิน ก่อนจะหายเงียบไปเช่นกัน ผมเดาได้เลยว่าตอนนี้มันนอนแห้งเป็นผักไปเรียบร้อยแล้ว


ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 11: Richard, The murderer[2]
ถึงจะนึกขำริชาร์ดในใจ แต่เอาเข้าจริงก็ขำไม่ออกเมี่อตระหนักขึ้นมาได้ว่าในเมื่อริชาร์ดโดน ผมเองก็คงไม่รอดเหมือนกัน ยิ่งหันมาเจอหน้าคีธที่กำลังมองด้วยสายตานิ่งๆ อยู่แล้วด้วย ผมก็กลืนน้ำลายดังเอื้อก
“คิดถึงจัง นายคิดถึงเรามั้ย” แล้วมันก็พูดขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ
มึงไม่ต้องมาเลียนแบบไอ้เจ้าชายนั่น! ไม่คิดถึงเว้ย!
ผมพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง แล้วเดินเข้าไปหามัน
“จะทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องมาฉอเลาะ”
คีธเลิกคิ้วเล็กน้อยที่ผมพูดตรงๆ แถมยังเป็นฝ่ายเสนอตัวอีก ผมเห็นเลยว่าหมอนี่ยกยิ้มมุมปาก
มึงยิ้มอย่างนี้ทีไร บอกเลยว่ากูระแวงทุกที
“อะไร” เพราะความระแวง ผมก็เลยถามไปเสียงขุ่น
หมอนั่นยังคงยิ้มมุมปากอยู่ แล้วก็พูดออกมาหน้าตาเฉย
“น่ารัก”
“นะ...น่ารักป้ามึง”
ผมถึงกับทำหน้าไม่ถูกที่จู่ๆ ก็ถูกชมจนหลุดอุทานหยาบคายเป็นภาษาไทยออกไปแก้เขิน ทว่าไอ้ที่ผมหลุดพูดไปดันเป็นศัพท์ใหม่ที่คีธเพิ่งเคยได้ยิน รอยยิ้มบนหน้าหมอนั่นเลือนหายไปทันตา แปรเปลี่ยนเป็นความสงสัยแทน
“น่ารักป้ามึง?”
“เออ ป้ามึงนั่นแหละ” ผมว่าส่งๆ
คีธยิ้มขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับเลียนแบบคำพูดของผม “กวินทร์น่ารักป้ามึง”
ป้ามึงสิ! มันไม่ใช่คำชมโว้ย!
ผมแทบจะเอาหัวโหม่งมัน แต่ก็ทำได้แค่ถลึงตาใส่เท่านั้นแหละ
“จะกินมั้ยเนี่ยสารอาหารน่ะ ถ้าไม่กินฉันจะได้ไปอาบน้ำ”
“กินสิ หิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย”
พอพูดเป็นภาษาปกติสามัญอย่างที่ชาวบ้านทั่วไปพูดกันได้ คำพูดคำจามันก็ชวนน่าหมั่นไส้ขึ้นมาทันตาเห็น
“กินก็กิน ฉันจะได้ไปอาบน้ำ”
“อยากกินนะ แต่กวินทร์ตัวเหม็น อาบน้ำก่อนมั้ย”
มึงกวนตีนใช่มั้ย!
“ไม่กินก็ไม่ต้องกินโว้ย เรื่องมาก! รำคาญ!” ผมโวยวายใส่แทบจะในทันที
คีธย่นคิ้วน้อยๆ ก่อนจะรีบคว้าแขนผมไว้ทันทีที่เห็นผมทำท่าเดินหนีไปเข้าห้องน้ำ แล้วมันก็ทำให้ผมต้องร้อนวาบไปทั้งใบหน้าอีกครั้งเมื่อมันพูดออกมาหน้าตาย
“กินก็ได้ กวินทร์เหม็นก็จะกิน”
“ไม่ต้องย้ำว่าเหม็นได้มั้ยวะ” ผมว่าเสียงต่ำ ก่อนที่คีธจะโน้มหน้าเข้ามาใกล้แล้วประกบปากจูบผมเบาๆ ทีหนึ่งแล้วผละออกมา
“คิดถึง”
ตอนนี้ผมไม่ได้ร้อนวาบแค่หน้าแล้ว แต่ร้อนวาบไปทั้งตัว ไม่เข้าใจเลยว่ามันจะฉอเลาะทำไม ไม่เจอหน้าแค่ไม่ถึงวัน มันจะคิดถึงอะไรกันมากมายวะ
“ตกลงจะกินหรือไม่กิน ลีลาว่ะ”
“กวินทร์เขิน?” คีธทำผมใจสั่นอีกครั้ง
ผมกลบเกลื่อนความเขินนั่นลงไปโดยการจ้องหน้าหมอนั่นเขม็งแทนและไม่พูดอะไรออกมา พอเห็นผมทำหน้าอย่างนั้น คีธก็หยักยิ้มแล้วจรดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง ดีที่คราวนี้มันเป็นการกินสารอาหารจริงๆ ผมเลยโล่งใจที่ไม่ต้องฝืนทำหน้าเป็นปกติทั้งๆ ที่ใจเต้นตูมตามอีกแล้ว
การจูบอย่างหนักหน่วงบอกให้ผมรู้ว่าหมอนี่คงจะหิวโซพอสมควร นานทีเดียวกว่าที่หมอนี่จะผละออกมาได้ ส่วนผมก็เพลียกว่าเดิมไปทั้งร่างเมื่อถูกดึงสารอาหารจากร่างกายไป จากที่ตั้งใจจะไปอาบน้ำก็ชักจะไม่มีแรงแล้ว เลยตัดสินใจเดินไปที่เตียงพลันทิ้งตัวลงนอนแทน
“กวินทร์ไม่อาบน้ำแล้วเหรอ”
“ไม่แล้ว เหนื่อย” ผมว่าพลางฟุบหน้าลงกับหมอน ก่อนจะรู้สึกถึงแรงกดจากข้างเตียง พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าเป็นคีธที่ทรุดตัวนั่งลงมา
“อยากอาบมั้ย เดี๋ยวฉันพาไป”
“หยุดหาทางปล้ำฉันสักทีได้มั้ยเนี่ย” ผมว่าอย่างหัวเสียด้วยน้ำเสียงเนือยๆ
หากแต่คีธส่ายหน้าน้อยๆ “ไม่ได้จะผูกพัน แต่จะพาไปอาบน้ำจริงๆ กวินทร์ตัวเหม็น นอนด้วยไม่ไหว”
“ก็นอนกับพื้น ไม่ก็ไสหัวไปนอนนอกห้องสิวะ ฉันจะนอนแล้ว ง่วง”
จริงๆ มันก็ไม่ได้เหม็นขนาดนั้นสักหน่อย แค่มีกลิ่นเหงื่ออ่อนๆ แต่ผมก็ลืมไปว่าไอ้พวกบ้านี่ประสาทสัมผัสดี กลิ่นอะไรนิดๆ หน่อยๆ มันก็ได้กลิ่นแล้ว
และเพราะความที่ผมปฏิเสธนี่แหละที่ทำให้คีธยอมลุกจากเตียงไปได้ แต่มันไม่ได้ลุกไปเพราะตัดใจหรอกนะ มันลุกไปเอาผ้าเช็ดตัวของผมไปชุบน้ำในห้องน้ำ ก่อนจะออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวบิดหมาด แล้วเอามาเช็ดตัวผมแทน
สัมผัสเย็นวาบที่แตะลงมาบนแขนทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นจากหมอนอีกครั้ง พอเห็นว่าเป็นคีธที่ตั้งหน้าตั้งตาเช็ดตัวให้ผมอยู่ ผมก็ยู่หน้า
“ทำอะไรของนายเนี่ย”
“อาบน้ำให้กวินทร์”
“นายเป็นอะไรกับการอาบน้ำมากมั้ยฮะ ก็บอกแล้วไงว่าถ้าเหม็นฉันก็นอนพื้น ไม่ก็ออกไปนอนนอกห้อง” ผมว่าอย่างเคืองๆ
คีธชะงักมือเล็กน้อย เหลือบมามองหน้าผมด้วยสีหน้านิ่งๆ
“กวินทร์เหม็นไม่เป็นไร ฉันทนได้ แต่กวินทร์จะไม่สบายตัว”
ได้ยินอย่างนั้น ผมก็ฟุบหน้าลงหมอนไปอีกครั้งพร้อมกับก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายที่เต้นแรงขึ้นมาอีกโดยไม่มีเหตุผล พลันพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้
“จะบอกว่าฉันจะเป็นขี้กลากล่ะสินะ”
“เปล่า”
“ก็พูดอยู่แหม็บๆ”
“แค่บอกว่ากวินทร์จะไม่สบายตัว”
“หยุดเรียกฉันว่ากวินทร์ๆ สักทีเถอะ ฟังแล้วมันแสลงหู เรียกว่านายเหมือนชาวบ้านเรียกได้มั้ย” รอบนี้ผมเงยหน้าขึ้นมาพูด
คีธเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งก่อนจะว่า “ได้กวินทร์”
เหนื่อยใจจะพูดกับมันจริง!
ผมทำท่าไม่สนใจหมอนี่อีกต่อไป ฟุบหน้าลงกับหมอนอีกครั้ง ปล่อยให้คีธเช็ดตัวผมตามสบาย ผมไม่อยากจะยอมรับสักเท่าไหร่เลยว่าการถูกปฏิบัติแบบนี้มันทำให้รู้สึกดีชะมัด และก็ยิ่งรู้สึกดีมากขึ้นไปอีกเมื่อหมอนั่นเริ่มบีบนวดท่อนแขนผมเบาๆ
“ผ่อนคลายมั้ย”
“อืม” ผมตอบรับคำถามนั้น พลันเคลิ้มๆ เหมือนจะหลับให้ได้เมื่อถูกนวดมากขึ้น
หากแต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเพราะจู่ๆ ไอ้บ้าคีธมันก็จัดการถอดเข็มขัดแล้วดึงกางเกงผมลงอย่างไม่ทันตั้งตัว กลายเป็นว่าผมที่นอนเปลือยอกอยู่ ก็เปลือยช่วงล่างขึ้นมาอีกท่อน ดีนะที่ผมกระเด้งตัวลุกผึง ยกเท้ายันหมอนั่นออกห่างพร้อมกับดึงขอบกางเกงไว้ได้ก่อนที่มันจะถูกรูดลงไปที่ข้อเท้า ไม่อย่างนั้นล่ะก็เสร็จมันแน่ๆ
“กวินทร์...” คีธเรียกผมทันทีที่เห็นผมลุกขึ้นมาจ้องหน้ามันเขม็ง
มึงไม่ต้องมากวินทร์เลย จะหาเรี่องปล้ำกูอีกแล้วล่ะสินะ!
“ไม่ต้องกังวลไปกวินทร์ ฉันแค่จะเช็ดตัวให้” แล้วคีธว่าอย่างรู้ทันว่าผมคิดอะไร ทำเอาผมยู่หน้า
“ไม่ต้องเลย พอแล้ว ฉันจะนอน”
คีธพยักหน้ารับ มิหนำซ้ำยังขยับตัวเข้ามาใกล้ แล้วจัดการดึงกางเกงยีนส์ที่เกือบจะถูกดึงลงขึ้นมาใส่เหมือนเดิมอีก
มึงนี่แตะนิดแตะหน่อยก็เอาหมดเลยนะ!
ผมล่ะอยากจะกระโดดถีบมันนัก แต่พอเห็นหน้านิ่งๆ กับแววตาจริงจังของหมอนั่นแล้ว ก็ทำใจถีบไม่ลง ได้แต่ล้มตัวนอนเหมือนเดิม ปล่อยให้หมอนั่นได้ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มตัวผม ก่อนที่ตัวเองจะเดินไปปิดไฟ
ผมรออยู่ครู่หนึ่งว่าเดี๋ยวมันก็เดินกลับมานอนบนเตียง ทว่าผิดคาด วันนี้หมอนั่นไม่นอนบนเตียง แต่ลงไปนอนกับพื้นข้างๆ เตียง ท่าทางของมันทำเอาผมคิ้วกระตุกยิกๆ แถมมันยังว่าตบท้ายอีก
“วันนี้ฉันจะนอนที่นี่ พรุ่งนี้กวินทร์อาบน้ำแล้วจะขึ้นไปนอนด้วย”
นี่มึงกวนตีนจริงๆ ด้วยสินะ! กูไม่ได้เหม็นขนาดนั้นโว้ย!
ผมดันตัวเองขึ้นมา ส่งฝ่าเท้าไปเตะขายาวนั่นทีนึงด้วยความหมั่นไส้ คีธผงกหัวขึ้นมาราวกับว่าต้องการจะถามว่าตัวเองทำผิดอะไร แต่ไม่ทันจะได้เอ่ยปากถาม ผมก็เดินไปเปิดไฟแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเรียบร้อย
อาบน้ำก็ได้ ทำอย่างกับกูเป็นขยะแม่ง

 
เพราะเมื่อวาน คีธกับแอสตันไม่ได้ออกไปตามหาพวกไบโทปอะไรนั่น ทำให้พวกนั้นรีบออกจากห้องไปตามหาเบาะแสในเช้าวันรุ่งขึ้น และลามไปเป็นทั้งวัน กลับมาให้เห็นหน้าอีกทีก็ตอนกลางคืนที่ผมกับริชาร์ดกลับมาแล้ว และเป็นอย่างนี้ต่อเนื่องไปจนเกือบครบอาทิตย์
ผมหวังในใจว่าพวกมันจะหาเบาะแสเจอ แล้วพระเจ้าก็เข้าข้างผมเสียด้วยเมื่อคีธกลับมาพร้อมกับข่าวดี
“กวินทร์ ฉันตามหาพวกไบโทปเจอแล้วนะ” หมอนั่นเปิดฉากทันทีที่เจอหน้าผมขณะที่ผมกำลังเช็คความเรียบร้อยของงานวันนี้บนหน้าจอโน้ตบุ๊กอยู่
“เออดี แล้วนายจะไปเมื่อไหร่”
“พรุ่งนี้”
จากที่ตอบอย่างไม่ใส่ใจ พอได้ยินคีธว่าอย่างนั้น ผมก็ละสายตาจากจอโน้ตบุ๊กหันไปมองหน้าหมอนั่นอย่างใจหาย ไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะใจหายทำไม ทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นความรู้สึกดีใจมากกว่า
“ฉันต้องรีบไปเพราะพรุ่งนี้จะครบกำหนดวันที่ต้องสร้างร่างใหม่แล้ว ฉันกับองค์ชายไม่อยากจะรบกวนพวกนาย”
ผมพยักหน้ารับ คิดในแง่ดีว่าก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ต้องประสบกับความสยองขวัญตอนมันแหกสะดือผมออกมาอีก
“ดีละ จะได้ไสหัวไปสักที” ผมเก็บความรู้สึกใจหายนั่นลงไปแล้วว่าอย่างไม่ใส่ใจนัก สายตาเบือนมาจับจ้องจอโน้ตบุ๊กเหมือนเดิม
หากแต่ครู่เดียวเท่านั้น ผมก็ต้องหันไปมองร่างใหญ่ที่เดินเข้ามาข้างหลังผมอีกครั้ง
“ขอบใจมากกวินทร์ที่เป็นโฮสต์ให้ฉัน บุญคุณครั้งนี้ ฉันจะไม่ลืม” ว่าแล้วมันก็ถือวิสาสะคว้ามือผมไปจูบเบาๆ
ผมไม่ได้ชักกลับมาอย่างที่ควรจะเป็น ได้แต่มองหน้าหล่อนั่นนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
“ขอให้พวกนายโชคดีแล้วกัน” ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเลยอวยพรไป
คีธพยักหน้าแล้วผละไปอาบน้ำ ผมมองตามอย่างประหลาดใจกับตัวเองว่าทำไมจู่ๆ ถึงได้มีความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา
ไม่อยากให้หมอนั่นไป...
เวรชะมัด ความรู้สึกบ้าอะไรวะเนี่ย!
ผมสลัดศีรษะสองสามครั้งก่อนจะเบนความสนใจมาที่งานเหมือนเดิม แต่บอกเลยว่าทำงานไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย
ไอ้มนุษย์ต่างดาวบ้านี่ชักจะเริ่มทำให้ผมเบี่ยงเบนมากไปแล้ว!
 

อย่างที่คีธพูดไว้ว่าจะไปพรุ่งนี้ ผมก็เลยแหกขี้หูขี้ตาตื่นก่อนเวลาเดิมเพื่อจะไปส่งหมอนั่น ถึงจะไม่ได้ชอบหน้านักแต่อย่างน้อยๆ ก็แสดงความไมตรีตามแบบฉบับชาวโลกให้เห็นสักหน่อย เผื่อวันหลังมันคิดจะครองโลกขึ้นมาจะได้ทวงบุญคุณได้
คีธใช้เวลาไม่นานนักในการเตรียมตัว ผมให้คีธได้ดูดสารอาหารจากผมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากกันด้วยรู้ว่าถ้าวันนี้จำเป็นต้องสร้างร่างใหม่ หมอนี่จะอ่อนแอมากจนเข้าขั้นอันตราย
“ขอบใจมากกวินทร์” คีธผละออกมาเมื่อรับสารอาหารเต็มที่
ผมพยักหน้าแล้วตรงไปเปิดประตูห้อง
“ไปหาพวกนั้นกันเถอะ พวกนายจะได้ไปกันสักที” ว่าจบ ผมก็เดินนำไปยังห้องของริชาร์ด
กลิ่นควันบุหรี่ลอยฉุยจากห้องหมอนั่นทำเอาผมต้องย่นจมูกพลันด้วยไม่รู้ว่าริชาร์ดจะตื่นเช้าขนาดนี้ ไม่แน่ว่าหมอนั่นก็อาจจะตื่นมาเตรียมตัวส่งเจ้าชายด้วยเหมือนกัน ผมไม่แปลกใจนักว่าหมอนั่นรู้ได้ยังไง ก็คงเป็นแอสตันนั่นแหละที่บอก
เท่านั้น ผมก็เคาะประตูเรียกคนในห้อง รออยู่ครู่หนึ่งไม่มีใครมาเปิด ผมก็เลยลองหมุนลูกบิดประตูดู ปรากฎว่ามันไม่ได้ล็อค ผมเลยถือวิสาสะเข้าไปโดยไม่รอให้เจ้าของห้องอนุญาต พอเข้ามายืนในห้อง ผมก็เห็นริชาร์ดยืนสูบบุหรี่พ่นควันสีขาวอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ท่าทางของมันทำเอาผมเอะใจนิดหน่อย แต่สิ่งที่ชวนให้เอะใจกว่าก็คือคนที่สมควรอยู่ในห้องอีกคนไม่ได้อยู่กับมันด้วยในตอนนี้ ทำเอาผมต้องออกปากถาม
“เจ้าชายไปไหนน่ะริชาร์ด”
ริชาร์ดสะดุ้งเล็กน้อยราวกับว่าเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องตามลำพัง พลันชะงักมือที่กำลังส่งบุหรี่เข้าปากหันมามองผมด้วยสีหน้าตื่นๆ
“ปะ...ไปไหนก็ไม่รู้”
ท่าทางมีพิรุธของมันสะดุดตาผมทันที ถึงผมจะเป็นเพื่อนกับหมอนี่มาไม่ถึงปี แต่ผมก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดไม่รู้ว่าหมอนี่กำลังโกหก โดยเฉพาะการได้เห็นเหงื่อเม็ดเป้งไหลอาบซีกหน้าคร้ามด้วยแล้ว ผมก็รู้เลยว่าหมอนี่มีบางอย่างปิดบังไว้อยู่
“ริชาร์ด...” ผมเรียกชื่อมันเสียงต่ำ ตาสองข้างหรี่ลงอย่างจับผิด
ริชาร์ดกลืนน้ำลายเอื้อก ก่อนจะรีบหลบสายตาทันควัน
“บอกมาว่าเจ้าชายนั่นอยู่ไหน” ผมถาม ริชาร์ดยังคงนิ่งและปฏิเสธ
“ฉะ...ฉันไม่รู้”
“ริชาร์ด... แอสตันอยู่ไหน” ผมว่าเสียงต่ำถามอีกครั้ง
คราวนี้ริชาร์ดยอมเปิดปากได้
“คือ...เมื่อคืนนี้ไอ้เด็กนั่นมันบอกว่ามันจะวางไข่ใส่ฉัน”
“แล้ว?”
“พอมันวางไข่เสร็จเมื่อช่วงเช้ามืด ฉันก็สลบไปวูบหนึ่ง พอรู้สึกตัวก็รีบไปที่มินิมาร์ท”
“ไปทำไม”
“ซื้อยาถ่าย”
คำตอบของริชาร์ดทำเอาผมอ้าปากค้าง ใจสั่นขึ้นมาฉับพลันเมื่อผมพอจะตีความได้ว่าหมอนี่ซื้อยาถ่ายมาทำไม พลันคำพูดของอาแปะลีโอนาร์โดก็พร่างพรายเข้ามาในหัว ถึงจะกำจัดไข่ของชาวยูนิกม่าที่วางไข่ในตัวโฮสต์ไปแล้วไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำไม่ได้ในกรณีที่ตัวอ่อนของชาวยูนิกม่ายังไม่ฟักตัวออกจากไข่
เท่านั้นผมก็รีบถามริชาร์ดหน้าตาตื่นทันที
“หมอนั่นวางไข่นายตอนกี่โมงจำได้มั้ย”
“ปะ...ประมาณตีสี่”
“แล้วนายรู้สึกตัวตอนกี่โมง เหน็บยาไปกี่โมง”
“ระ...ราวๆ ตีสี่ครึ่ง”
ใจผมหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่มฉับพลัน ก่อนครางออกมา
“ยะ...อย่าบอกนะว่านาย...”
พูดยังไม่ทันจบ ริชาร์ดก็พยักหน้ารับช้าๆ แล้วเปล่งเสียงแผ่วเบา
“กดชักโครกลงไปแล้ว”
ไอ้ริชาร์ด! มึงขี้เอาไข่ไอ้เจ้าชายออกมาแล้วกดชักโครกอย่างไร้เมตตาแบบนั้นได้ยังไง!
ผมเบิกตาโพลงกับคำตอบที่ได้ยิน ประจักษ์ได้ในตอนนี้ว่าที่มันตื่นมาแต่เช้าไม่ได้เป็นเพราะจะตื่นมาส่งแอสตัน แต่ตื่นมาฆาตกรรมต่างหาก ขณะที่คีธเป็นคนแรกที่วิ่งพรวดเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะคุกเข่าลงหน้าชักโครกแล้วตะโกนเรียกผู้เป็นนายจากหน้าโถเสียงลั่น
“องค์ชาย!”
เรียกอย่างเดียวไม่พอ สองมือยังจับขอบชักโครกไว้มั่น ก่อนจะออกแรงเขย่าจนตัวชักโครกแทบจะหลุดออกมาจากฐาน
แล้วนี่มึงจะพังชักโครกทำไม!? หยุดความคิดที่จะเอามือไปควานหาไข่ไอ้เจ้าชายในบ่อปฏิกูลเดี๋ยวนี้!
แต่ความคิดของผมก็ไม่อาจหยุดความบ้าคลั่งของคีธได้ จนผมต้องรีบเข้าไปขวางมันก่อนที่มันจะดึงชักโครกหลุดออกมาทั้งยวง
“อย่าพังส้วม! ไม่มีเงินจ่ายนะเว้ย!”
คีธได้สติก็ในตอนนี้ ยอมปล่อยมือจากชักโครกได้พลางมองมาที่ผมอย่างขอให้ผมทำอะไรสักอย่าง แต่ผมจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากมองไปยังริชาร์ดที่กำลังหน้าซีดเป็นไก่ต้ม ก่อนจะปรามาสมันเสียงต่ำ
“ไอ้ริชาร์ด... ไอ้ฆาตกร”
“คะ...คือ...มันวางไข่ฉัน”
“ฆาตกร นายมันไอ้ฆาตกร”
“ก็มันวางไข่ใส่ฉันนี่หว่า ฉันไม่อยากโดนอีกแล้ว ไม่อยาก!”
“โหดเหี้ยมอำมหิต ไอ้ฆาตกร” ผมยังคงปรามาสมันอย่างต่อเนื่อง ส่วนริชาร์ดน่ะเหรอ ตอนนี้ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ไปแล้ว
ก็อำมหิตจริงมั้ยล่ะ มึงทำลงไปได้ยังไง ไอ้แอสตันมันตายอนาถมากเกินไปแล้ว ตายได้อุบาทว์มากอีกด้วย ที่สำคัญ พวกมันกำลังจะไปจากเรานะเว้ย มึงนี่มันฆาตกรรมได้ไม่รู้จังหวะเล้ย!
“ฉันก็แค่พยายามเอาตัวรอด...” ริชาร์ดยังคงแก้ต่างให้ตัวเอง ขณะที่ผมลูบหน้าตัวเองอย่างหัวเสีย
“มันกำลังจะไปหาโฮสต์ใหม่นะเว้ย นายนี่แม่ง...” สุดท้ายผมก็หลุดพูดออกมาจนได้
ริชาร์ดทำหน้าเหวอรับประทานไปทันใด คงจะตระหนักได้แล้วว่าการกระทำของตัวเองมันเป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวง
ผมล่ะอยากด่ามันให้ร้องไห้ชะมัด แต่ก่อนที่ผมจะได้ตีตราความชั่วของเพื่อนสนิทไปมากกว่านี้ คีธก็โพล่งขึ้นมา
“เดี๋ยวฉันจะไปตามหาเจ้าชาย”
“อย่าพังส้วม อย่าระเบิด อย่ามุด อย่าดำบ่อขี้เด็ดขาด” ผมรีบดักคอมันตามที่นึกออกว่าอะไรที่พอเป็นไปได้ที่มันจะทำบ้าง
คีธพยักหน้ารับ แล้วก็รีบก้าวเร็วๆ ไปยังประตู ทว่าพอหมอนั่นเปิดประตูปุ๊บ ไอ้ตัวที่ผมคิดว่าจมหายไปกับการกดชักโครกโดยฝีมือของริชาร์ดก็โผล่มาให้เห็นหน้าประตูพอดี ในมือหมอนั่นถือถุงห่อเบอร์เกอร์และอาหารจำพวกนมอยู่ แล้วมันก็ทำให้ผมอยากจะพุ่งไปต่อยหน้ามันนักเมื่อมันยิ้มร่าแล้วทักทายออกมา
“ไงกวินทร์ ไงคีทาเย ตื่นเช้ากันจังเลยนะ แล้วนี่มาทำอะไรกัน พร้อมหน้าพร้อมตากันเชียว”
มึงยังมีหน้ามาถามเสียงระรื่นอีก! พวกกูเข้าใจว่ามึงถูกส้วมดูดไปแล้วนะเว้ย!
คีธถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ที่ได้เห็นว่านายของตนยังอยู่รอดปลอดภัย ไม่ได้ถูกดูดไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่ประเด็นสำคัญก็คือ ทำไมไอ้แอสตันมันถึงมายืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ทั้งๆ ที่ริชาร์ดมันบอกว่าเพิ่งถูกมันวางไข่ไป
แต่ไม่ต้องรอให้ผมถาม ริชาร์ดที่เข้าใจว่าตัวเองถูกวางไข่ก็ถามออกมาก่อนแล้ว
“นะ...ไหนว่านายวางไข่...”
“ตอนแรกก็ว่าจะวางนั่นแหละ แต่ดูนายเหนื่อยๆ เราก็เลยกินแค่สารอาหาร พอนายหลับไป เราก็เลยออกไปหาซื้อของกินมาให้ กะว่าพอนายตื่นมาจะได้กินน่ะ”
ผมถึงกับหันไปมองหน้าริชาร์ดอย่างหงุดหงิดทันที
“มันอุตส่าห์หวังดี ดูนายทำกับมันซิน่ะ ทำไปได้ ไอ้คนใจคอโหดเหี้ยม”
ริชาร์ดกลืนน้ำลายเอื้อกทันใด “ก็ใครจะไปรู้เล่าวะว่ามันแค่กินสารอาหาร เห็นมันบอกวางไข่ๆ ฉันก็เลยจัดการ”
มึงก็ยังไม่สำนึกอีก! เกือบทำกูต้องเป็นโฮสต์ให้ไอ้คีธตลอดกาลปาวสานแล้วมั้ยล่ะ
แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรมันไปมากกว่านี้ พอจะเข้าใจมันว่าคงจะไม่รู้ว่าการวางไข่มันจะมีไข่ทรงกลมขนาดเท่าถั่วแมคคาเดเมียถูกส่งเข้ามาในปากด้วย ไม่เหมือนกับการกินสารอาหารที่เป็นเหมือนการจูบแบบเฟรนช์คิสอย่างเดียว ก็ว่ามันไม่ได้แหละ ในเมื่อตอนที่มันโดนวางไข่ครั้งแรก มันเมานี่นา ไม่รู้ก็ไม่แปลก
“ตื่นแล้วก็ดีนะริชาร์ด เรานึกว่าจะต้องไปจากนายโดยไม่ได้ล่ำลาซะแล้ว มากินมื้อเช้าก่อนสิ เราซื้อมาให้” แอสตันว่าพลางเดินไปวางของลงบนโต๊ะ ซ้ำยังจัดแจงเอาของที่ตัวเองซื้อมาวางเรียงไว้บนโต๊ะอีก ก่อนที่จะหยิบกล่องซีเรียลยี่ห้อโปรดของริชาร์ดขึ้นมาโชว์
“เราจำได้ว่านายชอบกินเจ้านี่ แต่มินิมาร์ทใกล้ๆ ไม่มีขาย เราก็เลยไปซื้อจากซูเปอร์มาร์เก็ตมาให้”
ผมเข้าใจได้ในตอนนี้เองว่าทำไมริชาร์ดกับแอสตันถึงไม่เจอกันทั้งๆ ที่ออกไปมินิมาร์ทเหมือนกัน ที่แท้แอสตันมันถ่อไปที่อื่นนี่เอง ได้ยินอย่างนี้ก็ยิ่งทำให้ผมมองริชาร์ดอย่างประณามหยามเหยียดเข้าไปใหญ่
“ไอ้อำมหิต”
“หยุดด่าฉันสักทีเถอะน่า!” คราวนี้ริชาร์ดชักจะหัวเสียที่ผมว่ามันไม่เลิก ก่อนมันจะถูกผมผลักให้ไปนั่งเก้าอี้หลังจากที่แอสตันจัดการเทซีเรียลใส่ชามพร้อมนมให้หมอนั่นเป็นที่เรียบร้อย
“กินสิริชาร์ด เราทำให้”
“เออกินเลย มันอุตส่าห์หวังดี นายนี่แม่ง” ผมได้ทีสมทบเป็นการใหญ่
ริชาร์ดหน้าเสีย แต่ก็ยอมตักซีเรียลในชามกินแต่โดยดี ตอนนี้ล่ะผมโคตรจะสะใจมันเลย ดูท่ามันจะโดนไอ้เจ้าชายนี่รุกหนักกว่าที่ผมโดนจากคีธอีก
“อร่อยมั้ย” แอสตันถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อริชาร์ดตักซีเรียลเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ ก่อนมันจะพยักหน้าอย่างหวาดๆ เป็นคำตอบ
หน้ามึงบอกชัดเจนว่าไม่อร่อย แต่ช่างแม่ง ได้ทีแล้วต้องซ้ำให้หนัก
“กินเสร็จแล้วก็ให้แอสตันกินด้วยล่ะ ถือว่าเป็นการตอบแทนแล้วก็ชดเชยความผิด”
“ชดเชยความผิดอะไรเหรอ” แอสตันถามอย่างสงสัย ทำเอาริชาร์ดสะดุ้งเฮือก
“ก็ความผิดที่...”
ผมพูดขึ้น ทว่าพูดยังไม่ทันจบ ริชาร์ดที่กลัวว่าจะถูกจับได้ก็รีบผุดลุกขึ้นแล้วคว้าคอเสื้อแอสตันเข้ามาใกล้ ก่อนจะบดริมฝีปากลงไปอย่างรวดเร็ว ทำเอาผมที่กำลังจะเอาคืนมันอ้าปากค้าง แล้วก็ได้สติอีกครั้งเมื่อมันพูดขึ้น
“กะ...กินเร็ว ฉันจะได้กินต่อ”
“เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย ปกติไม่เห็นจะยอมง่ายๆ แบบนี้” แม้แต่แอสตันเองยังสงสัย
มีแต่ผมกับคีธที่มองอยู่เท่านั้นแหละที่ดูออกว่าริชาร์ดกำลังปกปิดความผิด
“มะ...ไม่มีอะไร แค่อยากให้กิน รีบๆ กินเร็วๆ เข้า” แล้วมันก็เป็นฝ่ายประกบปากแอสตันอีกครั้ง
ผมที่อึ้งอยู่ในตอนแรกถึงกับยิ้มเผล่ ตามด้วยผิวปากใส่แล้วพูดตบท้ายให้มันได้แค้นใจเล่น
“เกย์...”
“ไอ้เควิน...” มันละริมฝีปากจากแอสตันหันมาส่งสายตาอาฆาตใส่ผม
“เสร็จแล้วก็ไปเรียกแล้วกัน ไม่อยากจะขวางคู่...เกย์...”
“ไอ้เวรเควิน!”
มันยังคงแผดเสียงใส่อย่างอาฆาต แต่ผมไม่สนใจแล้ว เดินออกจากห้องโดยมีคีธเดินตามหลังมาเท่านั้น
ไม่มีอะไรสะใจไปกว่านี้อีกแล้วโว้ย!

---------------------------
ตอนนี้อยากจะบอกเลยว่าสองคู่นี้มุ้งมิ้งกันมาก ริชาร์ดคือแบบ...อัลไลอ่ะ เกรียนเกิ๊นนนน 555
ตอนหน้ายังเกรียนได้มากกว่านี้อีก วงเล็บเบาๆ ว่ายังมีตัวละครลับอีกตัวที่ยังไม่ได้ออกนะคะ ออกมาเมื่อไหร่ล่ะก็ เกรียนระเบิดระเบ้อกว่านี้อี๊กกกก ฮาาา

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
ได้ที ทับถมใหญ่เลยนะ

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
ดราม่าล็อตแรกกำลังจะมาสินะ

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
คีธน่ารักก :katai1:

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
แอสตันเกือบตายอนาทแล้วสิ55555

ออฟไลน์ ppp044

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ได้ทีเอาใหญ่เลยนะเควิน  :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด