Alien's Host ลูกชายผมเป็นเอเลี่ยน[เปิดขายหนังสือ'แก๊งเกรียนเอเลี่ยน']-30/10/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Alien's Host ลูกชายผมเป็นเอเลี่ยน[เปิดขายหนังสือ'แก๊งเกรียนเอเลี่ยน']-30/10/59  (อ่าน 134837 ครั้ง)

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 12: A Hollywood star[1]
พอริชาร์ดจัดการปัญหาชีวิตกับแอสตันเสร็จ มันก็มาตามผมกับคีธที่ห้องอย่างที่ผมสั่งเอาไว้ ตอนนี้นี่แหละที่ผมเปิดปากบอกแอสตันทั้งหมดว่าทำไมจู่ๆ ริชาร์ดมันถึงเป็นฝ่ายจู่โจมหมอนั่นก่อนเอง ทั้งหมดก็เพราะปกปิดความผิดฐานวางแผนฆาตกรรมแอสตันนั่นเอง แน่นอนว่าไอ้ริชาร์ดเสียวสันหลังวาบไปเลยทันทีที่ผมเล่าให้แอสตันฟังจบ แต่ผิดคาดไปหน่อยที่แอสตันมันไม่ทำอะไรริชาร์ด ไม่แม้แต่จะโกรธด้วยซ้ำ นอกจากหัวเราะแล้วลูบหัวเพื่อนผมเบาๆ เท่านั้น
“ขี้เล่นจังเลยนะนาย” แล้วมันก็ว่าแบบนี้
ผมนี่เบ้ปากเลย ขี้เล่นพร่อม! มันกะฆาตกรรมมึงด้วยการขี้มากกว่า
และผมก็มารู้ความจริงในตอนนี้ว่าทำไมแอสตันมันถึงได้ขยำก้นผมอย่างเมามันส์ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน นั่นก็เพราะหมอนั่นได้กลิ่นของคีธจากตัวผม หมอนั่นก็เลยเข้ามาจู่โจมด้วยกะให้คีธปรากฏกายออกมา ผมนี่อยากจะบอกพวกมันเหลือเกินว่า...
พวกมึงไปหาวิธีอื่นที่ไม่ใช่การขยำตูดชาวโลกได้มั้ย! นี่ถ้าผมเจอพวกยูนิกม่าอีก มันไม่เข้ามาขยำเป้าเลยเรอะ!
ดีที่แอสตันกับคีธไขข้อข้องใจข้อนี้ให้ว่าเมื่อผมไม่ได้เป็นโฮสต์ให้อีกต่อไปแล้ว กลิ่นของคีธก็จะค่อยๆ จางหายไปในเวลาไม่กี่วันด้วย ทำให้ผมโล่งใจว่าหลังจากนี้ต่อให้เจอเอเลี่ยนอย่างพวกมันอีก ยังไงก็ไม่โดนขยำก้นอีก และจริงๆ แล้วถึงชาวยูนิกม่าจากตัวโฮสต์ ก็ไม่ได้รับประกันว่าจะรู้ว่าเป็นกลิ่นของชาวยูนิกม่าคนไหนถ้าไม่เคยได้กลิ่นกันมาก่อน เว้นแต่สำหรับแอสตันกับคีธที่รู้จักกันมานานจึงจดจำกลิ่นของกันและกันได้
ผมบอกลาคีธกับแอสตันในเวลาอันสั้นเพราะพวกนั้นต้องรีบไปหาพวกไบโทปและวางไข่เพื่อสร้างร่างใหม่ให้ไวที่สุด เราจึงยุติความสัมพันธ์ระหว่างโฮสต์กับกาฝากกันไว้แค่นั้น ผมรู้สึกโหวงในใจนิดหน่อยเมื่อคิดว่าจะไม่ได้เจอหน้าคีธอีกแล้ว แต่ก็ไม่ได้ใจหายอะไรมาก ส่วนริชาร์ดน่ะเหรอ... ถ้ามันจ้างแตรวงมาได้ มันคงจ้างมาเล่นปิดแอลเอฉลองที่ไปแล้ว
พอคีธกับแอสตันไป ผมกับริชาร์ดก็มาช่วยงานด็อกเตอร์มาร์ตินที่สตูดิโอ ด็อกเตอร์มาร์ตินสงสัยนิดหน่อยว่าทำไมคีธที่ผมอ้างไว้ว่าจะพามันมาเป็นลูกมือตั้งแต่ก่อนออกเดินทางไม่มาด้วย พอผมบอกว่าหมอนั่นมีธุระต้องกลับนิวยอร์กด่วน เขาก็ไม่ได้ซักถามอะไรต่อ เบนความสนใจไปที่งานของวันนี้เท่านั้น
งานวันนี้ก็ยังคงเป็นงานหนักเหมือนเดิม ริชาร์ดรับหน้าที่ประจำเป็นลูกมือของผู้ช่วยผู้กำกับในการดูแลฝ่ายเอฟเฟ็กต์ระเบิด ส่วนผมได้รับหน้าที่ดูแลคิวนักแสดงและสตั๊นแมนเวลาเข้าฉาก วันนี้ฉากที่เราจะถ่ายทำเป็นฉากแรกเป็นฉากการเปิดตัวซูเปอร์ฮีโร่ที่โผล่มาพร้อมกับการก่อวินาศกรรมของตัวร้าย
ก็ตามสูตรสำเร็จของหนังแนวฮีโร่แหละนะ มีตัวร้ายมาระเบิดเมือง ก็ต้องมีฮีโร่โผล่ออกมา แต่โผล่ออกมาในลักษณะของผู้เคราะห์ร้ายที่เป็นเหยื่อระเบิดในฉากแรก หลังจากนั้นถึงจะทรานส์ฟอร์มตัวเองเป็นฮีโร่ หนังเรื่องนี้เป็นแนวแอนตี้ฮีโร่ ไม่ใช่ฮีโร่ซะเลยทีเดียว คือพระเอกไม่ใช่คนดีเด่อะไร ออกจะเกกมะเหรกเกเรถึงขั้นเรียกว่าสถุนเลยด้วยซ้ำ ชีวิตก็บัดซบ ติดเหล้า เมียเลิกแถมหิ้วลูกหนี ส่วนตัวเองก็ถูกศาลตัดสินให้เป็นบุคคลไร้ความสามารถ ตกงาน ไม่มีบ้านจะอยู่ แล้วก็ไม่สามารถเข้าเยี่ยมลูกสาววัยสิบขวบได้แม้ว่าจะเป็นในฐานะพ่อ ถ้าให้เปรียบเทียบกับหนังแนวฮีโร่ฟอร์มยักษ์เรื่องอื่นๆ ก็ประมาณเรื่อง ‘เดดพูล นักสู้พันธุ์เกรียน’ ไม่ก็ ‘แอนท์-แมน มนุษย์มดมหากาฬ’ ของค่ายมาร์เวลนั่นแหละ
ส่วนเนื้อเรื่องในฉากแรกก็คือ พระเอกของเรื่องแอบไปรับลูกสาวจากที่โรงเรียนมาเที่ยวห้างก่อนวันเกิดของเธอโดยที่เมียเก่าไม่รู้ แล้วก็บังเอิญว่าห้างนั้นถูกก่อวินาศกรรมพอดี ลูกสาวที่มาด้วยโดนลูกหลงจากระเบิดจนตาย ส่วนตัวเองก็บาดเจ็บสาหัส การถ่ายทำมันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกในฉากแรกของพวกตัวร้ายที่วางแผนระเบิดห้าง ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีตามขั้นตอนที่ด็อกเตอร์มาร์ตินกับเพื่อนผู้กำกับที่เราเรียกว่าวิลล์วางไว้ แต่พอถ่ายทำฉากระเบิดวินาศกรรมของเหล่าสตั๊นแมนและนักแสดงที่เล่นเป็นตัวร้ายเสร็จ ปัญหามันเกิดขึ้นก็ตอนที่ต้องถ่ายทำฉากพระเอกโดนลูกหลงจากแรงระเบิดจนลูกสาวตายในขณะที่ตัวเองยังไม่ได้เป็นฮีโร่นี่แหละ
ปัญหาที่ว่าก็คือการที่ผู้กำกับไม่โผล่หัวมาที่กองถ่ายทั้งๆ ที่อุตส่าห์ถ่ายฉากอื่นรอเวลาหมอนั่นไปก่อนหลายชั่วโมงแล้วนั่นเอง
“หมอนั่นมาหรือยัง” เสียงของผู้กำกับวิลล์ดังขึ้นอย่างหัวเสียทันทีที่สั่งคัต
เขาไม่ได้ถามผม แต่ถามขึ้นมาลอยๆ เพราะอีกไม่นานก็จะได้เวลาถ่ายทำฉากที่ว่าตามนัดหมายแล้ว
“ฉันถามว่าหมอนั่นมาถึงหรือยัง ทำไมไม่มีใครตอบหา!”
พอไม่มีใครให้คำตอบ ไอ้ผู้กำกับตัวเผละหุ่นเทอะทะก็เริ่มออกอาการเม้งแตก แต่ก็ยังไม่มีใครตอบ ตอนนี้นี่แหละ ริชาร์ดซึ่งเพิ่งกลับมาจากการพูดคุยนัดแนะคิวกับฝ่ายเอฟเฟ็กต์ระเบิดหันมามองผมที่ยังคงทำเฉย ก่อนมันจะกระซิบเบาๆ
“ตกลงหมอนั่นมาหรือยัง”
“ใคร”
“ก็พระเอกไงเล่าพระเอก”
“แล้วมันใช่หน้าที่ฉันต้องไปตามนักแสดงมั้ยวะ” ผมหันไปถามมันเสียงขุ่น ขณะที่ริชาร์ดพยักหน้าหงึกหงัก
“ก็นายอยู่ฝ่ายดูแลคิวนักแสดงนี่หว่า ก็ต้องตามพระเอกสิ”
“ตามเองเหอะ ดูแลคิวนักแสดงกับสตั๊นแมนตอนเข้าฉากเฉยๆ ไม่ได้มีหน้าที่ไปตามนักแสดงเว้ย ถ้าเป็นฝ่ายดูแลนักแสดงเฉยๆ ก็ว่าไปอย่าง” ผมถึงกับบ่นอุบเมื่อได้ยินริชาร์ดว่ามางี้ มันทำอย่างกับไม่รู้อย่างนั้นแหละว่าหน้าที่ผมจริงๆ แล้วต้องทำอะไรบ้าง ผมแค่รับผิดชอบในส่วนของนักแสดงขณะถ่ายทำ ไม่ได้มีหน้าที่ไปคอยตามติดนักแสดงเป็นเงา
“ช่วยตามหน่อยแค่นี้จะเป็นไรไป ดูสิน่ะ ผู้กำกับวิลล์หัวเสียใหญ่แล้ว” ริชาร์ดหัวเราะขึ้นเบาๆ พลางพยักปลายคางไปยังผู้กำกับวิลล์ที่เริ่มโวยวาย ด่าคนนู้นที คนนี้ทีเพราะยังไม่เห็นพระเอกโผล่หัวมา
ผมไม่ได้สนใจเขานัก นอกจากหมั่นไส้ริชาร์ดขึ้นมาตงิดๆ
แหม พอไอ้แอสตันไสหัวจากชีวิตไปได้หน่อย ทำมาเป็นมีความสุขนะมึง
“ใครก็ได้ตามไปดูมันทีซิว่ามาหรือยัง!” พอผู้กำกับวิลล์บันดาลโทสะออกมาเสียงลั่น ด็อกเตอร์มาร์ตินที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็หันมามองผมแล้วพยักหน้าให้เป็นสัญญาณว่าให้ผมไปตามมา
ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเองเป็นคำถามทันที พอเห็นเขาพยักหน้าอีกครั้ง ผมก็ต้องถอนหายใจออกมาเต็มแรง
“มันใช่หน้าที่ฉันมั้ยวะ” แล้วก็ตามด้วยพึมพำบ่นเล็กน้อย คราวนี้ริชาร์ดถึงกับหัวเราะ
“เห็นมั้ย ฉันบอกแล้วว่านายต้องไปตาม ห้องพักของหมอนั่นอยู่หน้าสตูฯ นะ มีชื่ออยู่ที่ประตู ไปดูเอา”
ผมพยักหน้าส่งๆ ไป พอจะรู้พิกัดอยู่ ก่อนจะเดินออกจากสตูดิโอไปตามไอ้บ้านั่นที่ห้องพักทันที
ห้องพักนักแสดงที่ว่า จริงๆ ก็ไม่ใช่ห้องหรอก เรียกว่าตู้รถซึ่งเป็นส่วนต่อเติมของรถบ้านดีกว่า ด้านหน้าประตูมีป้ายชื่อนักแสดงเขียนไว้เด่นหราว่า ‘ซีเลน’ ผมพอจะรู้มาบ้างว่าหมอนี่เป็นพระเอกหน้าใหม่ของวงการฮอลลีวูดที่ดังขึ้นมาจากการเป็นสตั๊นแมนของหนังฟอร์มยักษ์เรื่องหนึ่งที่กวาดรายได้ถล่มทลายไปเมื่อปลายปีที่แล้ว และที่ดังขึ้นมาได้นี่ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะมีฝีมือในการบู๊เยี่ยมยอดอย่างเดียวนะ แต่เป็นเพราะหมอนี่มีหน้าตาหล่อคมคายถูกใจสาวน้อยสาวใหญ่อีกด้วยจนดังระเบิดระเบ้อชนิดฉุดไม่อยู่ แม้แต่พระเอกดังๆ ในวงการฮอลลีวูดเองก็ยังถูกหมอนี่แซงอันดับความนิยมไปหน้าตาเฉย เรียกว่าดังมากจริงๆ ผมเองก็เคยเห็นหมอนี่ตามข่าวบันเทิงฮอลลีวูดบ่อยๆ นะ แต่ไม่เคยเห็นตัวจริงสักที นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ผมจะได้เห็นหมอนั่น ส่วนพวกข่าวบันเทิงที่พูดถึงหมอนั่นนอกจากเรื่องงานแล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นข่าวไม่ค่อยดี ทั้งเรื่องชอบสาย ชอบผิดนัด เพลย์บอยตัวพ่ออะไรเทือกนี้ เรื่องคั่วไปทั่วแบบคลำไม่เจอหางก็เอานี่ เรียกได้ว่ามันนี่ตัวพ่อเลย ผมว่าผมมั่วแล้วนะ มันยังหนักกว่าอีก
ผมทิ้งความคิดเกี่ยวกับข่าวฉาวนั่นไป พอมาหยุดหน้าประตู ผมก็ยกมือขึ้นเคาะสองสามครั้งและยืนรออยู่ครู่หนึ่งให้คนข้างในมาเปิดประตู ทว่ารอไปพักใหญ่ก็มีแต่ความเงียบเท่านั้นเป็นคำตอบ ทำเอาผมย่นคิ้วขึ้นมาฉับพลัน
หรือมันจะยังมาไม่ถึงกองถ่ายวะ?
คิดพลางดูนาฬิกาข้อมือไป สายโด่งขนาดนี้ ต่อให้ได้ได้ชื่อว่าเป็นคุณชายมาสายแค่ไหน มันก็ไม่น่าจะสายถึงขนาดนี้หรือเปล่าวะ นี่สายเกินกว่าเวลานัดไปสามชั่วโมงแล้ว น่าจะโผล่หัวมาได้แล้วมั้ง
และเพราะคิดอย่างนี้ ผมก็เลยยกมือเคาะประตูไปอีกพร้อมกับเรียกชื่อหมอนั่นด้วย
“ซีเลน อยู่หรือเปล่า”
เงียบอยู่ ยังไม่มีสัญญาณตอบรับจากไอ้เวรที่ท่านเรียก
ผมพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง แล้วถือวิสาสะบิดประตูดูว่ามันล็อกหรือเปล่า พอเห็นว่ามันไม่ได้ล็อก ผมก็ผลักประตูโดยไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต เดาในใจว่าไอ้เวรชอบเบี้ยวนัดคงจะมาถึงแล้ว และก็จริงอย่างที่ผมคิดเสียด้วยเมื่อผมเปิดประตูเข้ามา สายตาก็ปะทะเข้ากับร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มใบหน้าคมคายข้างในนั้น หมอนั่นสวมเพียงกางเกงยีนส์ตัวเดียวขณะที่ช่วงบนเปลือยเปล่าโชว์แผงอกแกร่ง
ถ้ามีมันเพียงแค่คนเดียว ผมก็คงจะไม่ตกใจอะไร แต่นี่มันดันอยู่กับใครอีกคนซึ่งผมจำได้ดีว่าเป็นหนึ่งในทีมงานกองถ่ายที่ทำหน้าที่เป็นฝ่ายคอสตูมของนักแสดง แถมมันสองคนก็กำลังนัวเนียกัน... ไม่สิ เรียกว่าไอ้ซีเลนมันจับสต๊าฟคนนั้นขึงพืดกับกำแพงแล้วจูบปากอย่างดูดดื่มมากกว่า และผมจะไม่อะไรเลยถ้าไอ้คนที่มันจูบอย่างกับจะกินหัวเข้าไปน่ะ มันเป็นผู้ชาย!
ผมถึงกับผงะ สองคนนั้นรีบผละออกจากกันหันมามองผม ซีเลนมองผมด้วยสายตานิ่งๆ ระคนหงุดหงิดเล็กน้อยที่ผมเข้ามาขัดจังหวะ ขณะที่คู่ขาของมันมองผมด้วยสายตาตระหนกแล้วรีบพูดขึ้นมารนๆ
“ฉะ...ฉันไปทำงานก่อนนะ” พูดจบก็พุ่งตัวออกจากห้องไปเลย
นี่มึงไม่ได้เป็นแค่เพลย์บอยอย่างเดียว แต่มึงเป็นเกย์ด้วยเหรอวะ!?
ผมนิ่งค้าง มองคู่ขาของซีเลนที่เดินหายออกไปจากห้องด้วยสายตาอึ้งๆ ความจริงหมอนั่นหน้าตาดีนะ อารมณ์เหมือนหนุ่มบอยแบนด์คล้ายๆ แอสตัน อายุอานามน่าจะใกล้เคียงกับผมนะคิดว่า แล้วผมก็เห็นสาวๆ ในกองถ่ายกรี๊ดหมอนั่นพอสมควรเหมือนกัน แต่หมอนั่นไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เก็บตัวมากถึงขั้นสันโดษ เรียกว่าแทบจะไร้ตัวตนเลยดีกว่า
หากแต่ผมไม่ได้สนใจอะไรนัก นอกจากหันไปพูดกับซีเลนที่ก้มตัวหยิบเสื้อแจ็กเก็ตยีนส์บนพื้นขึ้นมาเท่านั้น
“ผู้กำกับตามให้ไปเข้าฉากแน่ะซีเลน ได้เวลาถ่ายทำฉากของนายแล้ว” ผมว่าด้วยน้ำเสียงเนือยๆ
หมอนั่นชำเลืองหางตามามองผมเล็กน้อย “มาขัดจังหวะ แล้วยังจะตามให้ไปทำงานโดยไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลยเหรอ”
คำพูดของหมอนั่นทำเอาผมถึงกับยู่หน้า รับผิดชอบอะไรของมันวะ?
ยังไม่ทันจะให้คำตอบกับตัวเองได้ ซีเลนก็ตวัดเสื้อยีนส์พาดบ่าแล้วย่างสามขุมเข้ามาใกล้ผมพร้อมกับยิ้มเผล่
“ทำฉันอารมณ์ค้างแบบนี้ นายควรจะรับผิดชอบ”
ผมรู้เลยว่ามันหมายถึงอะไร นี่มึงคิดจะปล้ำกูแทนไอ้นั่นล่ะสินะ! แม่งเอ๊ย! รอดจากไอ้คีธมาแหม็บๆ ก็มาเจอไอ้บ้านี่อีก กูไม่ใช่เกย์นะเว้ย!
“นายควรรู้ไว้นะว่าฉันเอาเรื่องที่เห็นเมื่อกี้ไปขายเป็นข่าวได้” ผมขู่ออกไปก่อนที่ซีเลนจะเดินเข้ามาใกล้ผม
หมอนั่นชะงักไปเล็กน้อย หัวคิ้วขมวดเข้าหากันก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์
“จะเอาไปขายเป็นข่าวก็ได้ ยังไงฉันก็มีข่าวประเภทนี้เยอะอยู่แล้ว แต่ถ้าจะเอาไปขายล่ะก็ ฉันก็ขอส่วนแบ่งนิดหน่อย”
คำว่า ‘ฉิบหาย’ ดังก้องขึ้นในหัวผมทันที ผมเดาทางได้ว่าส่วนแบ่งที่มันว่าหมายถึงอะไร ก็จะให้หมายถึงอะไรล่ะถ้าไม่ใช่เรื่องใต้สะดือน่ะ
“อย่ามัวแต่เล่นน่า รีบไปเข้าฉากเร็ว” ผมบอกปัดอย่างรนๆ สายตาก็มองไปยังประตู กะว่าจะรีบออกไปข้างนอกก่อนจะโดนมันปล้ำด้วย
ทำไมผมถึงกลัวมันน่ะเหรอ? ก็ดูขนาดตัวมันสิ สูงใหญ่พอๆ กับคีธเลย แถมยังเป็นอดีตสตั๊นแมนอีกต่างหาก ถ้ามันคิดจะจับกดผมขึ้นมาจริงๆ ผมก็คงสู้ไม่ได้แน่ ที่สำคัญ... มีใครที่ไหนจ้องจะปล้ำคนที่เพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรกในไม่กี่นาทีกันด้วยวะ!? มึงนี่คลำเจอไม่มีหางก็เอาหมดอย่างที่ข่าวซุบซิบว่าจริงๆ ด้วยล่ะสินะ!
“แป๊บนึง” ซีเลนตอบกลับมาพร้อมสายตากะลิ้มกระเหลี่ย
ผมมองดวงตาสีเทาเข้มที่จ้องผมตาไม่กะพริบแล้วก็เสียวสันหลังวาบขึ้นมาฉับพลัน วินาทีนี้ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่ผมจะต้องอยู่ในห้องนี้อีกต่อไป ผมจึงรีบตัดบททันใด
“งั้นเดี๋ยวฉันไปรอข้างนอก” พูดจบ ผมก็ก้าวไปยังประตู
ทว่ายังไม่ทันจะเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู แขนล่ำๆ ของซีเลนก็วางลงมาบนกำแพง ขวางหน้าผมเอาไว้
“ก็บอกแล้วไงว่าแป๊บนึง”
แป๊บพร่อม! กูไม่แป๊บกับมึง!
“ยะ...หยุดเลยซีเลน ฉันไม่ได้เป็นเกย์” ผมรีบบอกมันไป แก้ความเข้าใจผิดเพราะพอจะรู้ว่ามันเห็นรูปร่างหน้าตาของผมแล้ว คงจะคิดไปในทำนองนั้น
หากแต่มันก็ยังไม่ยอมปล่อยให้ผมเป็นอิสระ มิหนำซ้ำยังคว้าต้นแขนผมไปกดลงกับกำแพงไว้แน่นเมื่อเห็นผมทำท่าจะหนีอีกครั้งด้วยอีกต่างหาก
“ไม่ได้เป็นก็ไม่เป็นไร ฉันเป็นคนเดียวก็พอ”
ผมถึงกับอ้าปากค้างกับความหน้าด้านของมัน คีธกับแอสตันว่าหน้าด้านแล้ว มาเจอไอ้นี่แม่งหน้าด้านยิ่งกว่าอีก และไม่ทันที่ผมจะได้เปล่งเสียงใดๆ ขึ้นมาอีกครั้ง ซีเลนก็โน้มใบหน้าเข้ามาที่ซอกคอผมอย่างไม่ทันตั้งตัว สัมผัสนุ่มจากริมฝีปากที่แตะลงบนคอทำเอาผมขนลุกเกรียวไปทั้งตัว
ไม่ได้ขนลุกเพราะเสียวซ่านนะ... ขยะแขยง! ขยะแขยงอะไรอย่างนี้วะ! ทำไมระยะนี้ผมโดนผู้ชายลวนลามบ่อยจริงโว้ย!
“หอม...” ซีเลนว่าขึ้นมาเรียกสติพรึงเพริดของผมให้กลับมา
“ถอยออกไปเลยนะเว้ย! นายทำกับคนที่เพิ่งเจอหน้ากันแบบนี้ได้ไงวะ!” ผมรีบผลักหน้าอกมันออกแต่มันไม่ขยับสักนิด แถมมันยังไม่ฟังด้วย เอาแต่ยิ้มพร้อมส่งสายตาประกายระยับ
“คนอย่างซีเลน ถ้าหน้ามืดขึ้นมา จะใครก็ได้ทั้งนั้น”
ก็มึงมันมั่ว!
ผมฟังแล้วก็ปวดหัว เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมตอนที่ผู้กำกับวิลล์สั่งให้คนไปตามมันถึงได้ไม่มีใครกล้าเสนอตัวไป ที่แท้ก็กลัวโดนมันทำแบบนี้นี่เอง ความซวยเลยตกมาอยู่ที่ผมแบบนี้เนี่ย!
ผมได้สติขึ้นมา รีบผลักมันออกห่างอีกครั้ง เรื่องอะไรผมจะยอมให้ผู้ชายมานัวเนียกับร่างกายตัวเองล่ะ ...โอเค ถ้าไม่นับไอ้คีธที่ผมยอมบ้างเป็นบางครั้งบางคราวนะ แต่นอกจากคีธแล้ว ผมก็ไม่ยอมเว้ย!
แต่ดูเหมือนแรงผมจะสู้หมอนี่ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ยิ่งผลักไส มันก็ยิ่งเบียดตัวเข้ามาจนผมสัมผัสได้ถึงเป้ากางเกงของมันที่ถูไถเข้ามายังหน้าขา มาแค่เป้าอย่างเดียวไม่พอ ดาบยังตั้งตระหง่านประหนึ่งเสาเข็มอีกด้วย
คุณพระ! ขนหัวลุกไปตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเลยโว้ย!
“อยู่เฉยๆ ฉันใช้เวลาไม่นาน” มันว่าขณะที่ผมดิ้นหนีสุดแรง ก่อนมันจะประทับจูบลงมาบนซอกคอผมอีกครั้ง และตามมาด้วยอีกหลายต่อหลายครั้งขณะที่ผมทำหน้าเหมือนจะตายให้ได้
“หยุดนะเว้ย!” ผมแหกปากตะโกนสุดเสียงเมื่อสู้ไม่ได้
จังหวะดีเหลือเกินที่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูจากภายนอก และตามมาด้วยการเปิดเข้ามาด้วยฝีมือของใครบางคน
“เควิน ตามซีเลนได้...หรือ...ยัง...” ใครบางคนที่ว่านั่นก็คือริชาร์ดเจ้าเดิม มันโผล่หน้าเข้ามาพร้อมกับน้ำเสียงตึงเครียด ก่อนจะขาดห้วงไปเมื่อเห็นผมกำลังจะประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะกับพระเอกหนังอยู่
ทะ...ทำไมมึงต้องมาเห็นกูในตอนแบบนี้ทุกทีเลยวะ!
“เควิน...” มันครางออกมาอย่างไม่เชื่อสายตาให้ผมได้ส่ายหน้าเป็นพัลวัน
“ไม่ใช่อย่างที่เห็นนะเว้ย”
แต่ก็เท่านั้นแหละ สีหน้าริชาร์ดบ่งบอกชัดเจนเลยว่ามันคิดไปแล้วว่าผมเป็นโฮโมฯ แน่ๆ จากที่ตอนแรกมันเข้าใจว่าที่ผมกับคีธจูบกันเป็นเพราะถูกคีธกินสารอาหาร แต่ตอนนี้ภาพมันชัดมาก แถมอีกฝ่ายก็ไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวด้วย
เสียงของริชาร์ดทำเอาซีเลนชะงักไป ก่อนหันไปมองคนมาใหม่ด้วยสีหน้าหงุดหงิดที่ถูกขัดช่วงเวลาแห่งความสุขอีก แต่สายตาหงุดหงิดก็มีขึ้นเพียงแวบเดียวเท่านั้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสายตาตะลึงงัน และตามมาด้วยการผละออกจากผมประหนึ่งว่าผมเป็นขยะเปียกก็ไม่ปาน
“นาย...” ตามมาด้วยครางเรียกริชาร์ด ก่อนจะกระแอมไอสองสามครั้งแล้ววางท่าให้เป็นปกติ “นายชื่ออะไร”
“ระ...ริชาร์ด” ริชาร์ดตอบด้วยสายตาหวาดๆ ขณะที่ซีเลนยกยิ้มขึ้นมาเมื่อได้คำตอบ
“ริชาร์ด... ฉันจะจำเอาไว้”
ผมมองท่าทางนั่นแล้วก็เอะใจขึ้นมาทันที ก็ท่าทางนั่นน่ะ ผมรู้ดีว่ามันคือท่าทางถูกใจใครบางคนอย่างที่ผมชอบทำกับสาวๆ ที่ถูกใจนี่นา แล้วก็ไม่ต้องรอถามให้คอนเฟิร์มด้วยว่าที่หมอนั่นมีท่าทางแบบนั้นเป็นเพราะถูกใจริชาร์ดหรือเปล่า เพราะจู่ๆ หมอนั่นก็พูดออกมาเอง
“นายถูกใจฉันมาก หวังว่าสักวัน ฉันคงจะได้เห็นนายนอนเปลือยบนเตียงฉัน”
ผมกับริชาร์ดถึงกับอ้าปากค้าง
นี่มึงขอปล้ำมันซึ่งๆ หน้าแบบนี้เลยเหรอวะ! เมื่อกี้มึงเพิ่งจะพยายามปล้ำกูอยู่แท้ๆ!
คนที่ช็อกจากการเห็นเพื่อนเข้าด้ายเข้าเข็มกับผู้ชายอย่างริชาร์ดถึงกับช็อกหนักเข้าไปใหญ่ที่จู่ๆ เป้าหมายก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นตัวเองแทน
ผมอาศัยจังหวะกระอักกระอวลในตอนนี้รีบพุ่งออกมาจากห้อง กลับเข้าไปในสตูดิโอด้วยความเร็วแสง ปล่อยให้ริชาร์ดรับมือกับซีเลนต่อ แต่มันเองก็เร็วไม่แพ้กัน ทะยานออกมาจากที่นั่นประหนึ่งว่าเป็นที่หวงห้าม ไม่ควรเข้าใกล้อย่างรวดเร็ว แถมมันยังวิ่งตามหลังมาบ่นผมด้วยน้ำเสียงตื่นๆ อีกต่างหาก
“ทำไมไม่มีใครบอกเลยวะว่าไอ้ซีเลนมันเป็นเกย์ บ้าชะมัด จู่ๆ ก็ถูกมันชวนไปนอนด้วยเนี่ย”
มึงยังแค่ถูกชวนไปนอน กูนี่เกือบจะได้เสียกับมันแล้วเหอะถ้ามึงไม่เข้ามาก่อนเนี่ย!
ผมชักสีหน้าใส่ริชาร์ดอย่างรำคาญ ปล่อยให้มันพูดขึ้นอีก
“แล้วหมอนั่นมันทำอะไรนายวะ”
“เห็นแล้วยังไม่รู้อีกหรือไงวะ มันก็จะฟันดาบกับฉันน่ะสิ มิน่าถึงไม่มีใครยอมไปตามมัน ที่แท้ก็เพราะมันเอาไม่เลือกแบบนี้นี่เอง ก่อนหน้าที่มันจะมาปล้ำฉัน มันก็กดไอ้หน้าอ่อนที่อยู่ฝ่ายคอสตูมอยู่นะจะบอกให้ ดีที่นายเข้ามาได้จังหวะ ไม่งั้นฉันได้เป็นเมียมันแน่”
ริชาร์ดถึงกับหน้าตึงเมื่อได้ยินผมพูดอย่างนั้น และพอผมกับริชาร์ดเดินเร็วๆ เข้ามาในสตูดิโอได้ ทุกสายตาก็หันมามองพวกเราอย่างมีเลศนัยทันที
“ว่าไง ตามได้มั้ยพ่อพระเอกน่ะ” ด็อกเตอร์มาร์ตินก็เป็นฝ่ายถามแทนทุกคน
ผมมองเขาอย่างระอาแล้วไม่รู้ว่าจะพยักหน้าเป็นคำตอบหรือปฏิเสธดี แต่ผมรู้ว่าสิ่งที่ทุกคนในที่นี้อยากรู้ไม่ใช่เรื่องที่ผมตามซีเลนได้หรือไม่ได้ ทว่าอยากรู้ว่าผมเสร็จซีเลนหรือเปล่า หากแต่แวบเดียว ตัวการที่ว่าก็ปรากฏหน้าเข้ามาเรียกความสนใจจากทุกคนไป
“พักนิดๆ หน่อยๆ ถึงกับต้องไปตามจิกขนาดนี้เลยเหรอ” หมอนั่นทักทายทุกคนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ถ้านายพักนิดๆ หน่อยๆ อย่างที่นายว่า ฉันจะไม่ว่าเลย นี่หายไปตั้งหลายชั่วโมง มันเสียเวลาคนอื่นนะรู้มั้ย” ผู้กำกับวิลล์ว่าเสียงเข้ม ขณะที่ซีเลนเพียงยักไหล่ไม่ยี่หระ
“ก็อย่างที่รู้กันแหละน่าว่าผมจะต้องทำกิจกรรมบางอย่างก่อนเข้าฉาก ไม่งั้นแสดงไม่ออก”
ไม่ต้องมีใครถามก็รู้ว่ากิจกรรมนั้นคืออะไร ผมกับริชาร์ดถึงกับกลอกตาให้กัน
“แล้วนี่จะเริ่มกันหรือยัง ถ่ายเลยมั้ย” ซีเลนพูดขึ้นมาอีกครั้ง
ผู้กำกับวิลล์จากที่หน้าตึงอยู่ก็ดูผ่อนคลายไปทันตาเมื่อเห็นพระเอกพร้อมเข้าฉาก ก่อนจะหันไปสั่งให้ทุกคนเตรียมพร้อม พลันฝ่ายคอสตูมและช่างแต่งหน้าก็เข้ามาดูแลความเรียบร้อยให้กับซีเลนทันใด ผมเห็นไอ้คนที่ถูกซีเลนปล้ำก่อนหน้าผมเดินเหนียมๆ เข้ามาซับหน้าให้ซีเลน ก่อนที่สายตาจะสังเกตเห็นว่ามันสะดุ้งไปเล็กน้อยเมื่อถูกมือข้างหนึ่งของซีเลนตะปบเข้าที่ต้นขาและเลื้อยขึ้นมาลูบคลำยังเป้ากางเกง
ผมเบิกตาโพลง หันไปมองหน้าริชาร์ดที่ทำหน้าไม่ต่างกันอย่างอึ้งงัน
มึงปล้ำไอ้หน้าอ่อนนั่นแล้วก็มาปล้ำกู ปล้ำกูเสร็จก็ไปชวนไอ้ริชาร์ดนอนด้วย เสร็จแล้วก็ไปคลำเป้าไอ้หน้าอ่อนนั่นอีก มึงนี่มันเป็นคนประเภทไหนกันวะเนี่ย!
 
การถ่ายทำวันนี้เป็นไปด้วยดี ถึงซีเลนจะไม่ได้เรื่องในเรื่องของการไม่รักษาเวลา แต่ในการแสดงแล้ว หมอนั่นทุ่มเทอย่างเต็มที่ ไม่มีฉากไหนเลยที่หมอนั่นเล่นไม่ผ่าน คำว่าเทคใหม่ไม่เคยหลุดออกจากปากผู้กำกับวิลล์สักครั้ง ผมกับทีมงานคนอื่นๆ ก็พลอยสบายไปด้วยที่การถ่ายทำเป็นไปง่ายๆ แต่ที่ชวนน่ารำคาญก็มีอยู่อย่างเดียวเท่านั้นแหละ นั่นก็คือการที่ซีเลนเสนอหน้ามาหาริชาร์ดตลอดเวลาที่มีช่วงพักเบรก
“คืนนี้เลิกกองแล้วไปหาอะไรดื่มกันมั้ย”
ผมบังเอิญได้ยินซีเลนเอ่ยปากชวนริชาร์ดระหว่างที่มันกำลังเรียงลำดับคิวระเบิดในส่วนของฉากต่อไปอยู่
ริชาร์ดทำหน้าเหรอหรา หันมามองผมที่เดินผ่านมันอย่างขอความช่วยเหลือทันที แต่ผมไม่ช่วยมันหรอก สมน้ำหน้ามัน นึกว่าแอสตันไปแล้วจะรอดงั้นสิ มึงเอาไปเลยอีกตัว ไอ้บ้าซีเลนนี่หนักกว่าไอ้เจ้าชายลามกนั่นอีก
“ถ้านายไม่อยากดื่ม ก็ไปขึ้นเตียงเลยก็ได้นะ ฉันเองก็ไม่ชอบพิธีรีตรองอะไร” พอริชาร์ดไม่ตอบรับ ซีเลนก็มัดมือชก ริชาร์ดทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ทันที
ผมมองแล้วก็ได้แต่หยักยิ้มกับยักไหล่ไม่ยี่หระให้เท่านั้น ก่อนจะเดินมาหาด็อกเตอร์มาร์ตินเมื่อเห็นเขากวักมือเรียก
“เออนี่เควิน ฉันมีเรื่องจะให้ช่วยหน่อย”
“ครับ?”
“สตั๊นแมนที่จะมารับบทเป็นหัวหน้าตัวร้ายกับลูกสมุนมือขวาน่ะ อาจจะต้องหาสตั๊นแมนมาแทนนะ คนที่รับบทหัวหน้าเพิ่งแจ้งเข้ามาเมื่อกี้ว่าป่วยกะทันหัน ข้อเท้าแพลงอะไรสักอย่าง ส่วนลูกสมุนมือขวานี่ ฉันเพิ่งไปเช็คมา รูปร่างกับบุคลิกไม่ได้ ฉันกับวิลล์เลยมีมติกันว่าจะเปลี่ยนสตั๊นแมนใหม่”
“แล้วด็อกเตอร์จะให้ผมช่วยอะไรล่ะครับ” ผมถามออกไปตรงๆ เพราะเห็นเขาสาธยายมายืดยาวแต่ไม่ยอมเข้าเรื่องสักที
“ฉันจะให้นายไปช่วยคัดสตั๊นแมนพรุ่งนี้น่ะ พอดีฉันกับวิลล์ติดถ่ายฉากต่อไป อยากให้นายไปช่วยดูหน่อย”
“ให้ผมไปคัดจะดีเหรอครับ ถ้าเลือกมาไม่ถูกใจจะทำยังไง”
“ไม่ถูกใจก็เปลี่ยนใหม่ได้น่า ฝากนายหน่อยก็แล้วกัน ฉันเชื่อในเซ้นส์ของนาย นายเป็นพวกประเภทมองคนแวบเดียวก็ดูออกแล้วไม่ใช่เหรอว่าใครมีบุคลิกยังไง จากที่เห็นนายเลือกเสื้อผ้าให้พวกเพื่อนๆ ฉันก็รู้แล้ว”
ฟังแล้วผมก็ย่นหน้าทันควัน นั่นมันเลือกเสื้อผ้า ไม่ได้เลือกสตั๊นแมนเว้ย แถมนี่ยังเป็นหนังฟอร์มยักษ์ของฮอลลีวูด มาวานคนไม่มีประสบการณ์อย่างผม ถ้าเกิดพลาดขึ้นมาจะเป็นยังไง
ทว่าไม่ทันที่ผมจะได้ร้องแย้ง ด็อกเตอร์มาร์ตินก็สวนขึ้นมา
“ไม่ต้องห่วงเรื่องวิลล์นะ ฉันบอกหมอนั่นแล้วว่าจะส่งลูกมือไปช่วยดู หมอนั่นโอเค”
ผมลอบถอนหายใจแล้วพยักหน้า โอเคก็โอเควะ ถ้าไม่ถูกใจก็อย่ามาว่ากันทีหลังแล้วกัน
“งั้นพรุ่งนี้นายไปประจำที่ห้องแคสติ้งนะ ไม่ต้องเข้ากอง ส่วนนี่เอกสารรายชื่อสตั๊นแมนที่จะมาแคสติ้งพรุ่งนี้ แต่อาจจะมีเพิ่มเติมอีก เดี๋ยวฉันจะส่งคนไปช่วยดู”
ผมตอบตกลงไปแล้วรับเอกสารจากด็อกเตอร์มาร์ตินมาดู ส่วนใหญ่รายชื่อนั่นก็เป็นสตั๊นแมนดังๆ ที่เคยทำงานกับกองถ่ายในฮอลลีวูดทั้งนั้น ผมเลยไม่ได้สนใจอะไรมาก กลับไปทำงานของตัวเองต่อเมื่อผู้กำกับวิลล์สั่งถ่ายทำต่ออีกครั้ง
 

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 12: A Hollywood star[2]

ผมไม่ได้เข้ากองถ่ายตามคำสั่งของด็อกเตอร์มาร์ตินในวันรุ่งขึ้น แต่โผล่หัวมาที่ห้องแคสติ้งอย่างที่ว่า จริงๆ ที่นี่จะเรียกว่าห้องก็ไม่ถูก เรียกว่าเป็นยิมจะดีกว่า ยิมที่ปูแผ่นยางไปทั้งห้องไว้สำหรับกันกระแทกเมื่อสตั๊นแมนพลาดตกจากที่สูงลงมา
ผมเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้หน้าห้องกับลูกมือของผู้กำกับวิลล์อีกจำนวนหนึ่ง พวกนี้ก็เป็นคนที่ถูกส่งมาคัดเลือกสตั๊นแมนกับผมเช่นกัน แน่นอนว่าคนที่ผู้กำกับวิลล์ส่งมาย่อมมีอำนาจในการตัดสินใจอยู่เหนือผม ผมก็แค่มานั่งเป็นหัวหลักหัวตอพอเป็นพิธีไปงั้นแหละ
ไม่นาน สตั๊นแมนที่มีชื่ออยู่ในรายชื่อคัดเลือกที่ผมถือก็ทยอยเข้ามาแคสติ้ง การแคสติ้งมีทั้งหมดสองบทด้วยกัน คือคนที่จะรับบทเป็นหัวหน้าตัวร้ายจะต้องโชว์ลีลาการโหนสลิงและโรยตัวมาจากที่สูงด้วยท่าทางต่อสู้เพราะตัวร้ายตัวนี้มีพลังในการเหาะเหินเดินอากาศได้ ส่วนคนที่จะรับบทเป็นมือขวาของตัวร้ายจะต้องโชว์ลีลาการวิ่งและไต่บนนั่งร้านเหล็กขนาดมหึมาเกือบจะเต็มพื้นที่ของห้องที่จะใช้เป็นอุปกรณ์หนึ่งของฉากที่จะถ่ายทำโดยมีโจทย์ว่าจะต้องใช้เวลาให้เร็วและคล่องแคล่วที่สุดด้วยตัวละครตัวนี้ได้ชื่อว่าแข็งแรงที่สุดในเรื่อง และผู้ที่จะแคสติ้งทั้งสองบทจะต้องเข้าฉากพร้อมกันเหมือนกับกำลังร่วมต่อสู้กันอยู่ด้วย
การแคสติ้งผ่านไปด้วยดี หากแต่ทุกคู่ที่ทำการแคสติ้งล้วนมีจุดบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างการแคสติ้ง เช่นไต่พลาดบ้าง ลื่นไถลบ้าง บางคู่ไม่มีพลาดเลยแต่รูปร่างและบุคลิกกลับไม่ได้ ไม่เข้ากับนักแสดงที่รับบทของตัวละครสองตัวนี้  ทำให้ยังไม่มีใครเข้าตาลูกมือของผู้กำกับวิลล์ จนการแคสติ้งเกือบจะยุติลงแล้วถ้าหากใครบางคนไม่โผล่หน้าเข้ามาในห้องแคสติ้งเสียก่อน
“ขอโทษครับ ผมพาสตั๊นแมนมาแคสฯ ครับ”
ผมหันไปยังต้นเสียงที่ดังขึ้นหน้าประตู พอเห็นว่าเป็นไอ้หน้าอ่อนที่ถูกซีเลนปล้ำเมื่อวานก็ไม่ได้สนใจอะไร มีเพียงนึกขึ้นมาได้ว่าหมอนี่ชื่อบรูคลินเท่านั้น
“งั้นก็ให้เข้ามาเลย จะได้เสร็จๆ สักที” ลูกมือของผู้กำกับวิลล์ว่าขึ้น หมอนี่เป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจแหละว่าจะเลือกสตั๊นแมนคนไหน
บรูคลินพยักหน้าก่อนจะหันไปเรียกใครบางคนที่อยู่นอกห้องให้เข้ามา ผมชำเลืองไปมองแล้วก็ต้องเบิกตาโพลงสุดขีดเมื่อเห็นว่าคนที่มาใหม่คุ้นหน้าเหลือเกิน
ไม่สิ... ไม่ใช่แค่คุ้นหน้า มันใช่เลยแหละ! ไอ้สองคนนี้มันแอสตันกับคีธ! มากันยังไงวะเนี่ย!
ผมอ้าปากค้าง ชี้นิ้วไปที่พวกมันสองคนอย่างตื่นตะลึงที่จู่ๆ พวกมันก็โผล่หน้ามาที่นี่ได้จนคนข้างๆ ผมต้องร้องทักขึ้นเมื่อเห็นท่าทางแปลกๆ
“เป็นอะไรหรือเปล่าเควิน”
“ปะ...เปล่าครับ” ผมรีบเก็บความตกใจนั่นลงไป รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แต่มันไม่ได้ทำได้ง่ายๆ เมื่อคีธมองมายังผมแล้วยกมือขึ้นทักทายทั้งที่สีหน้ายังนิ่งเรียบ
พะ...พวกมึงนี่เป็นเจ้ากรรมนายเวรกูสินะถึงได้ตามติดกันขนาดนี้!
“เอ้า แนะนำตัวเองหน่อย” ลูกมือของผู้กำกับวิลล์ว่าขึ้น
แอสตันซึ่งในตอนนี้รวบผมยาวระต้นคอขึ้นเป็นมวยยกยิ้มขึ้นก่อนว่า
“เราชื่อแอสตัน ส่วนนี่เพื่อนของเรา ชื่อว่าคีธ”
“โอเค งั้นพวกนายไปเตรียมพร้อมกันเลยนะ จะได้แคสฯ กันเลย” คนข้างๆ ผมตัดบท
แอสตันกับคีธพยักหน้ารับแล้วไปประจำที่ แอสตันเดินเข้าไปหาทีมงานให้ทำการติดอุปกรณ์เข้ากับเชือกสลิงให้ ส่วนคีธก็เดินไปยังนั่งร้านเหล็ก จับๆ คลำๆ ราวกับกำลังเช็คความแข็งแรงของอุปกรณ์
ผมมองทั้งคู่แล้วโคตรอยากจะเข้าไปถามพวกมันเลยว่ามากันได้ยังไง แต่ก็ต้องเก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจทันทีที่ลูกมือของผู้กำกับวิลล์ดังขึ้น
“แอสตัน นายต้องรับบทเป็นหัวหน้าตัวร้ายนะ ให้นึกว่านายเป็นตัวร้ายที่หมายจะครอบครองจักรวาล ท่าทางจะต้องดูทรงอำนาจโอเค้? ส่วนคีธ นายเป็นพวกบ้าพลัง เป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล อย่าหลุดมาดตัวร้ายล่ะ”
ทั้งคู่พยักหน้า ผมไม่เป็นห่วงคีธว่าจะหลุดมาดหรือไม่เพราะหมอนั่นมีอยู่มาดเดียวคือหน้าตายตลอดเวลา และแน่นอนว่าแค่บุคลิกกับร่างกายก็เข้ากับบทแล้ว มีแค่อย่างเดียวที่ต้องผ่านไปให้ได้ก็คือลีลาสตั๊นแมนนี่แหละ แต่คีธก็ไม่ทำให้ต้องผิดหวังเพราะทันทีที่ลูกมือของผู้กำกับวิลล์ให้สัญญาณ คีธก็จัดการไต่ราวนั่งร้านขึ้นไปอย่างคล่องแคล่ว แถมยังตีลังกาโหนไปมาประหนึ่งมืออาชีพ ทำเอาผมต้องอ้าปากค้างอีกครั้งเมื่อเห็นท่วงท่าของหมอนั่น ซ้ำยังรวดเร็วราวกับติดปีก
ผมก็ลืมไปว่ามันเป็นผู้พิทักษ์แห่งยูนิกม่า ไอ้การทำอะไรแบบนี้นับได้ว่าเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับหมอนี่อยู่แล้ว
ส่วนแอสตันเองก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากัน ทันทีที่ถูกสลิงยกขึ้นสูง ท่าทางดุจผู้สูงศักดิ์ก็แสดงออกมาผ่านทางสีหน้าและท่าทางทันที ซ้ำยังเคลื่อนไหวได้พลิ้วไหวราวกับเชี่ยวชาญการทรงตัวบนสลิง ผมเห็นแล้วก็ไม่แปลกใจ ก็มันเป็นเจ้าชายนี่หว่า จะมีท่วงท่าสง่างามก็ไม่แปลก
การแคสติ้งจบลงด้วยเวลาไม่นานนัก ทั้งคู่เป็นที่ถูกใจของบรรดาลูกมือผู้กำกับวิลล์เป็นอย่างมาก พวกนั้นเลยไม่รีรอที่จะเลือกสองคนนั้นทันใด
“ตกลงฉันเลือกพวกนายนะ พรุ่งนี้มาเข้าฉากได้เลย เดี๋ยวเสร็จจากนี้ฉันจะพาไปหาผู้กำกับแล้วก็นัดหมายเรื่องคิวถ่ายทำนิดหน่อย”
แอสตันที่ทิ้งตัวลงจากสลิงยิ้มรับกว้าง ส่วนคีธที่ยังอยู่บนนั่งร้านได้แต่พยักหน้านิ่งๆ
ผมถึงกับยกมือลูบหน้าที่หนีพวกมันไม่พ้น แม่ง ถ้าจะไปจากกันแล้วมีแค่วันเดียวที่ไม่เจอหน้ากันนี่ ทีหลังก็ไม่ต้องบอกลากันหรอก
“งั้นเดี๋ยวไปหาผู้กำกับกันเลย”
พอผมได้ยินคำพูดนี้ ผมก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันใด ไม่อยากจะสนใจพวกมันอีก ทว่าพอเดินห่างจากที่นั่งมาได้ไม่กี่ก้าว ผมก็ได้ยินเสียงวัตถุขนาดใหญ่หล่นกระแทกพื้นแผ่นยางดังตุ้บจนผมต้องหันไปมอง พอเห็นว่าเป็นคีธที่ทิ้งตัวลงมาในท่าชันเข่าขึ้นข้างหนึ่ง ผมก็รีบหันกลับแล้วเดินหนี แต่ก็ไม่ทันเมื่อคีธก้าวไวๆ มาคว้าแขนผมเอาไว้
“กวินทร์”
“อะไร” ผมหันไปมองมันอย่างรำคาญ ก่อนที่หมอนั่นจะทำตาแพรวพราวขึ้นมาเล็กน้อย
“คิดถึง”
คะ...คิดถึงบ้านมึง เพิ่งจะไม่ได้เจอกันแค่วันเดียว มึงไม่ต้องมาคิดถึงเลย!
“ไม่ต้องมาปากหวาน ฉันไม่เป็นโฮสต์ให้นายอีกแล้วนะบอกเลย” ผมรีบดักคอ
คีธพยักหน้าแล้วว่าด้วยเสียงเนือยๆ “ไม่เป็นไร ฉันมีโฮสต์ใหม่แล้ว”
“โฮสต์ของนายนี่ผู้หญิงหรือผู้ชาย” ไม่รู้ทำไมผมถึงถามไปแบบนี้ทั้งๆ ที่มันไม่น่าจะเป็นประโยคแรกของคนที่ไม่ได้เจอหน้ากันวันนึงเลยด้วยซ้ำ
“ผู้ชาย... ผู้ชายเหมือนกวินทร์”
และคำตอบของคีธก็ทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล ผมพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรงเพื่อระงับอารมณ์แล้วสะบัดแขนมันทิ้ง
“ก็ดีแล้ว ฉันจะได้ไม่ต้องดูดปากกับนายอีก”
“แต่สารอาหารของกวินทร์อร่อยกว่า” พอเห็นผมทำท่าหัวเสีย คีธก็ว่าออกมาทื่อๆ
มึงไม่ต้องมาอ้อน! กูเลิกพิศวาสมึงแล้ว!
“จะอร่อยกว่าหรือไม่อร่อยกว่า ฉันก็ไม่ยอมให้นายมาวางไข่อีกแล้วโว้ย” คราวนี้ผมโวยใส่มันเล็กน้อย
คีธย่นปากนิดๆ ราวกับไม่เข้าใจว่าผมจะหงุดหงิดใส่ทำไม แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ทำท่าจะออกจากห้องไปเท่านั้น ทว่ายังไม่ทันจะได้ก้าวไปไหนไกล เสียงของลูกมือผู้กำกับวิลล์ที่เดินเข้าไปยังใต้นั่งร้านก็ดังขึ้น
“เฮ้เควิน มาช่วยตรงนี้ก่อนสิ อย่าเพิ่งไป”
ผมชะงัก เดินวนกลับไปหาเขาอย่างไม่มีทางเลือก เรื่องที่วานให้ช่วยดูก็ไม่มีอะไรหรอก เป็นเรื่องของนั่งร้านที่เหมือนว่ามันจะมีโครงสร้างผิดรูปร่างไปหน่อยนี่แหละ
“เหมือนจะจัดวางผิดยังไงก็ไม่รู้นะนายว่ามั้ย” คนเรียกผมไปพูดขึ้น
ผมมองแล้วก็พยักหน้า มันก็ดูแปลกๆ จริงนั่นแหละ ดูเหมือนจะมีบางชิ้นส่วนหายไปและดูไม่แข็งแรงเท่าที่ควร จำได้ว่าตอนที่พวกสตั๊นแมนโหนกัน มันก็โยกคลอนจนน่ากลัวว่าจะถล่มลงมาด้วย
“นายลองไปดูตรงนั้นซิเควินว่ามีอะไรแปลกไปมั้ย เดี๋ยวฉันไปดูตรงนั้น” ลูกมือผู้กำกับวิลล์ชี้ไปทางด้านในสุดของห้องซึ่งเป็นมุมห้อง
ผมเดินตรงเข้าไปอย่างว่าง่าย สายตาก็สำรวจไปด้วย ส่วนมือก็จับๆ โยกๆ ไปเรื่อยเปื่อย ก่อนที่จะบังเอิญไปเตะเอาขาของนั่งร้านเข้าอย่างจัง ทำให้นั่งร้านที่โยกคลอนจากการถูกโหนอย่างหนักหน่วงไปก่อนหน้าทำท่าจะล้มครืนลงมาทันใด
สัญชาตญาณบอกผมว่าให้ผมรีบออกมาจากตรงนั้น ทว่าไม่ทันจะได้วิ่ง เสียงดังโครมก็แว่วเข้ามาในหูเสียแล้ว ผมเก็บคองอเข่า คิดในใจว่าตัวเองจะต้องตายแน่ๆ ทันทีที่เห็นท่อนเหล็กโค่นลงมายังพื้น ทว่าแรงกระชากจากใครบางคนที่พุ่งเข้ามารวบเอวผมแล้วกระโจนหลบไปอีกทางก็ทำให้ผมเกือบจะลืมความตายในชั่ววินาทีนั้นไปพลันถ้าหากว่าหลังจากเสียงล้มของนั่งร้านไม่ตามมาด้วยเสียงกระแทกของอะไรบางอย่างที่ดังก้องในหัวผม
แกร๊ง!
สิ้นเสียงก็ตามมาด้วยความปวดแปลบบริเวณศีรษะผมมึนงงไปชั่วขณะ พอตั้งสติได้ก็ประจักษ์เอาในตอนนี้ว่าถึงจะรอดจากการถูกเหล็กนั่งร้านหล่นใส่หัว แต่ผมก็หนีเหล็กของขาโต๊ะที่ผมนั่งประจำก่อนหน้าไม่พ้น กระทั่งเสียงคุ้นหูดังขึ้น ผมถึงเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
“ปลอดภัยแล้วกวินทร์” คีธว่าด้วยสีหน้านิ่งเรียบเหมือนเดิม มีแต่ผมที่มองหน้ามันอย่างเอาเรื่อง
ปลอดภัยบ้านมึง! มึงทำกูหัวโขกกับขาโต๊ะเนี่ย!
ผมผลักร่างใหญ่ที่คร่อมตัวเองอยู่ออกแล้วดันตัวขึ้นนั่ง พลางลูบท้ายทอยซึ่งเป็นบริเวณที่ถูกกระแทกไปด้วย ตอนนี้ทีมงานทุกคนต่างชุลมุนกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว โชคดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บนอกจากผม และนั่งร้านที่ถล่มลงมาก็มีแค่ส่วนที่ผมเข้าไปสำรวจเท่านั้น จึงไม่เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น
ลูกมือของผู้กำกับวิลล์ถามผมด้วยความเป็นห่วงว่าเป็นอะไรมั้ย พอเห็นผมปฏิเสธ เขาก็ไปบ่นฝ่ายจัดฉากที่ทำงานผิดพลาดแทน ปล่อยให้ผมพาตัวเองออกจากห้องพร้อมลูบหัวป้อยๆ
แต่คีธไม่ยอมให้ผมไปง่ายๆ หมอนั่นคว้าแขนผมไว้ แล้วดึงผมกลับไปลูบบริเวณที่ถูกกระแทก
“เจ็บมั้ย”
“ยังจะมีหน้ามาถามอีก ลองเอาหัวไปโขกกับขาโต๊ะบ้างมั้ยล่ะจะได้รู้ว่าเจ็บหรือไม่เจ็บ” ผมว่าเสียงขุ่น
คีธทำหน้านิ่งๆ ยอมปล่อยผมแล้วก็คุกเข่าลงบนพื้น ก่อนจะเอาหัวตัวเองโขกกับขาโต๊ะเต็มแรง
แกร๊ง!
“ไม่เจ็บ” แล้วมันก็ว่าเนิบๆ
มึงจะทำจริงทำไม กูประชด! โขกซะขาโต๊ะสั่นเลยไอ้บ้า!
ผมถึงกับคลึงขมับตัวเอง นี่มันซื่อหรือมันโง่กันแน่วะเนี่ย
คีธลุกขึ้น เดินกลับมาหาผมอีกครั้งแล้วยกมือขึ้นคลึงท้ายทอยผมเบาๆ
“ไม่เจ็บนะกวินทร์... ไม่เจ็บ”
กูไม่ได้กะโหลกหนาเหมือนอย่างมึงนะถึงจะได้ไม่เจ็บน่ะ
ผมสะบัดศีรษะหนีเล็กน้อยแต่คีธก็ใช้มือข้างหนึ่งจับคางผมเอาไว้ให้อยู่นิ่งๆ ขณะที่อีกมือหนึ่งก็ยังคลึงท้ายทอยผมไม่เลิก
“พอได้ละ คลึงจนกะโหลกจะแตกอยู่แล้ว” ผมว่าเสียงต่ำ ประหม่านิดหน่อยที่จู่ๆ ก็ถูกหมอนี่ทำแบบนี้ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว
หากแต่คีธไม่ยอมปล่อย นอกจากว่าขึ้นมาเบาๆ
“ทดแทนบุญคุณที่กวินทร์ยอมเป็นโฮสต์ให้”
ผมพยักหน้าเออออไปทั้งที่ใจเต้นโครมครามเล็กน้อยกับสัมผัสอ่อนโยนนั้น กระทั่งแอสตันที่ยืนมองอยู่นานเดินเข้ามาหา คีธถึงยอมปล่อยมือออกจากผมได้
“แล้วริชาร์ดไปไหนล่ะกวินทร์”
กะไว้อยู่แล้วล่ะว่าหมอนี่จะต้องถามถึงริชาร์ด ผมมองหน้าหวานของแอสตันแล้วก็ว่าส่งๆ
“อยู่ในกองถ่าย ทำงานอยู่”
“อยากเจอริชาร์ดจัง” แอสตันพยักหน้าแล้วก็พูดออกมา
ผมถึงกับหัวเราะในลำคอเมื่อคิดถึงหน้าของริชาร์ดที่จะได้รู้ในอีกไม่กี่อึดใจว่าแอสตันกลับมาแล้ว และก็นึกสนุกขึ้นมาอีกเท่าทวีทันทีที่ฉุกคิดได้ว่าไม่ได้มีแค่แอสตันที่มันต้องเผชิญ แต่ยังมีไอ้บ้ากามอย่างซีเลนที่คอยตื๊อมันไปนอนด้วยอีกคน
หึๆ งานนี้สนุกแน่ริชาร์ด
แล้วก็เข้าทางผมเข้าอย่างจังเมื่อลูกมือของผู้กำกับวิลล์ตะโกนสั่งผมมา
“เควิน ฝากพาสองคนนั้นไปหาผู้กำกับหน่อย เดี๋ยวฉันขอจัดการตรงนี้ก่อน”
ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปพูดกับสองคนนั้น
“พวกนายตามมา เดี๋ยวฉันจะพาไปหาริชาร์ด”
แอสตันดีใจออกนอกหน้านอกตาก่อนที่หมอนั่นจะเดินออกจากห้องแคสติ้งเป็นคนแรกประหนึ่งรู้ว่ากองถ่ายอยู่ที่ไหน ส่วนผมก็เดินตามมันออกไปแล้วก็ต้องชะงักอีกครั้งพร้อมกับใจเต้นระรัวเมื่อสัมผัสอุ่นร้อนแตะเข้ามาที่มือ
กะ...ก็คีธมันจับมือผมน่ะสิ!
ผมตวัดหางตาไปมองมันแล้วรีบดึงมือออกทันที หมอนั่นไม่ยอมปล่อย มิหนำซ้ำยังเลิกคิ้วสูงราวกำลังถามผมว่ามีอะไรจนผมต้องพูดออกไปเสียงต่ำ
“ปล่อยมือ”
คีธยกมือที่จับมือผมขึ้นสูงแล้วเลิกคิ้วเป็นคำถามว่า ‘มือนี้เหรอ’ อะไรประมาณนี้ให้ผมได้กระแทกเสียงใส่
“เออ! ปล่อยเลย”
คีธส่ายหน้าน้อยๆ จนผมต้องโวยวาย
“ปล่อยสิโว้ย จะจับทำไมเนี่ย!” โวยวายอย่างเดียวไม่พอ ยังพยายามดึงมือออกมาด้วย แต่ก็อย่างที่รู้กันว่ายังไงก็สู้แรงหมอนี่ไม่ได้
แล้วมันก็ทำให้ผมต้องหยุดโวยวายด้วยคำพูดเรียบๆ เพียงประโยคเดียว
“คิดถึงกวินทร์”
ผมชะงักงัน ความร้อนแล่นพล่านไปทั่วร่างจนไม่อาจทนมองหน้าซื่อๆ ของหมอนี่ได้ไหว ยิ่งหมอนี่ทำตาประกายเป็นลูกหมาด้วยแล้ว ผมก็ยิ่งต้องเบือนหน้าหนีสายตานั้น
วะ...เวร... ใจเต้นไปใหญ่แล้ว...
“ให้เวลาจับครึ่งนาที” สุดท้ายผมก็พึมพำออกไป
ผมชำเลืองเห็นคีธพยักหน้าแล้วหมอนั่นก็จูงมือผมออกจากห้องนั้นไปโดยไม่พูดอะไร มีแต่เสียงในหัวผมเท่านั้นที่ดังขึ้นมาเบาๆ
จะว่าไปผมก็คิดถึงหมอนี่เหมือนกันแฮะ...
---------------------------------------
ตัวละครใหม่โผล่ออกมาแล้ว โผล่มาตอนแรกก็หื่นกามเลยทีเดียว ถถถ โผล่มาสองตัวด้วย มีบรูคลินอีกคน มาลุ้นเอานะคะว่ากวินทร์หรือริชาร์ดจะเสร็จหมอนี่ กวินทร์นี่ตัวละครใหม่โผล่มาทีไร นางโดนลวนลามก่อนเป็นคนแรกตลอดดดด ฮาาา

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
เย้ๆ อัพแล้ว เม้นต์คนแรกเลย

ออฟไลน์ Drizzleinwinter

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
พวกนายเสร็จแน่ เควิน&ริชาร์ตเอ๋ย  :haun5:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
คู่รองนี่3เศร้าหรือ3p

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
นะ นังคีธ...อ้ายยยย เขินโว้ย!!! :z3: :z3: :impress2:

#ไม่สามผีนะครับไม่สามผีนะ o18

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
เหมือนจะวุ่นวายขึ้นนะ
ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ shannara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ขุ่นพี่หนูแดง

เขียนเรื่องนี้ให้จบนะคะ  :mew4:  อย่าให้เหมือนเรื่องหมาป่านะคะ เสียดายเรื่องนั้นมากๆ

น้องเคยอ่านแนววายเรื่องนึงของขุ่นพี่ บอกเลย เรื่องมีกลิ่นวายน้อยมากกกกก เป็นแนว Horror อ่าค่ะ

เรื่องนี้สนุกมาก จะติดตามนะคะ

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 13: Sound of exciting[1]
คีธยอมปล่อยมือผมออกหลังจากครึ่งนาทีให้หลัง ผมมองหน้ามันอย่างหัวเสียนิดหน่อยที่มันดันเป็นคนรักษาคำพูดเกินไป จริงๆ จะจับเกินกว่านี้หน่อยก็ได้ ผมไม่ว่าอะไรหรอก แต่ก็ช่างแม่ง เพราะความสนุกของผมเริ่มต้นขึ้นเมื่อผมพาคีธกับแอสตันเดินเข้ามาในสตูดิโอ ผมพาสองคนนั้นไปแนะนำตัวกับผู้กำกับวิลล์และด็อกเตอร์มาร์ตินก่อนเป็นอันดับแรก ด็อกเตอร์มาร์ตินสงสัยนิดหน่อยที่เห็นคีธโผล่หน้ามาให้เห็นอีกรอบทั้งๆ ที่ผมบอกกับเขาว่าคีธกลับไปนิวยอร์กแล้ว ผมก็เลยต้องโกหกอีกรอบว่าหมอนี่เคลียร์ธุระได้เสียก่อนเลยไม่ต้องกลับ ด็อกเตอร์มาร์ตินเลยไม่ได้ว่าอะไร นอกจากอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการเป็นสตั๊นแมนของนักแสดงหลักที่รับบทหัวหน้าตัวร้ายและลูกสมุนมือขวาเท่านั้น และนัดหมายให้พรุ่งนี้ลองมาเข้าฉากแรกดู
ส่วนผมก็กวาดสายตามองหาริชาร์ด ตอนนี้ริชาร์ดกำลังคุยเรื่องคิวกับฝ่ายเทคนิคระเบิดสำหรับฉากวันพรุ่งนี้โดยมีซีเลนยืนก้อร่อก้อติกอยู่ใกล้ๆ ผมเหลือบไปเห็นมันยืนอยู่มุมในสุดของสตูดิโอแล้วก็ยิ้มเผล่ ก่อนจะเดินตรงไปหามันแล้วกระแอมไอสองสามที เรียกให้มันหันมามองผม
“ริชาร์ด”
“อะไร” มันหันมามองด้วยสีหน้าหงุดหงิด หงุดหงิดนี่ไม่ได้เป็นเพราะผมหรอก แต่เป็นเพราะซีเลนที่มองมันอย่างกะลิ้มกะเหลี่ยข้างหลังมันมากกว่า
“ผัวมาตาม” ผมพูดสั้นๆ แต่ทำเอาริชาร์ดย่นหน้ายู่ทันตา
“พูดอะไรของนายวะ”
“เดี๋ยวรู้” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะแสร้งทำเป็นมองไปกลางสตูดิโอซึ่งมีแอสตันและคีธยืนอยู่
ริชาร์ดมองตาม ครู่เดียวใบหน้าย่นยู่ของมันก็กลายเป็นตกใจจนตาเบิกโพลงทันทีที่เห็นแอสตันยืนอยู่ตรงนั้น
“มะ...มันมายังไงวะนั่น”
“ก็บอกแล้วว่าผัวมาตาม” ผมถึงกับหลุดหัวเราะออกมา แต่ริชาร์ดไม่ขำด้วย ต่อยเข้ามาที่ไหล่ผมไม่แรงนักทีหนึ่ง
“มันไม่ได้เป็นอะไรกับฉันเว้ย”
เสียงโวยวายของริชาร์ดทำเอาซีเลนที่มองอยู่แทรกขึ้นมา
“ใครเป็นผัวใคร”
“ก็หมอนั่นไง ผัวริชาร์ด” ผมได้ทียุให้แตกใหญ่ ริชาร์ดถึงกับชักสีหน้า เป็นจังหวะเดียวกับที่แอสตันกับคีธคุยกับด็อกเตอร์มาร์ตินเสร็จและหันมามองยังผมพอดี
มองอย่างเดียวไม่พอ พอแอสตันเห็นว่าริชาร์ดยืนอยู่ตรงนี้ก็ฉีกยิ้มกว้างพร้อมโบกมือทักทายแล้วเดินตรงเข้ามาทันใด ผมได้ยินริชาร์ดพึมพำเป็นคำหยาบภาษาจีนเล็กน้อย พลางหันซ้ายขวาหาลู่ทางหนี แต่ไม่ทันแล้ว พอมันทำท่าจะไป ซีเลนก็คว้าข้อมือมันไว้
“ไปไหนน่ะ ตกลงว่ายังไง คืนนี้จะไปกับฉันมั้ย” ซีเลนถาม จังหวะเดียวกับที่แอสตันและคีธเดินมาหยุดตรงหน้า
“ไม่ไปเว้ย”
“ไปไหนเหรอ” ประโยคนี้ไม่ใช่ของริชาร์ด แต่เป็นของแอสตันที่โพล่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
ริชาร์ดหันไปมองตามต้นเสียงก็หน้าซีดเผือด ขณะที่ซีเลนขมวดคิ้วยุ่ง ส่วนผมน่ะเหรอ... รอดูความสนุกที่จะบังเกิดขึ้นอย่างใจจดใจจ่อเลยล่ะ
“หมอนี่ใคร” ซีเลนเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมา
“เราชื่อแอสตัน” แอสตันตอบหน้าชื่นตาบาน ทว่ากลับถูกซีเลนค้อนใส่
“ฉันไม่ได้ถามนาย ฉันถามริชาร์ด”
แอสตันร้องอ๋อนิดหน่อย และไม่ได้พูดอะไรออกมา ปล่อยให้ซีเลนหันไปเล่นงานริชาร์ดที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกแทน
“ตกลงหมอนี่เป็นใคร”
“ไม่ใช่เรื่องของนายน่า กลับไปพักได้แล้วไป” ริชาร์ดตัดบทเอาดื้อๆ และเพราะตัดบท แอสตันก็เลยแทรกขึ้นมาอีกครั้ง
“ริชาร์ดเคยเป็นคนของเรา”
ดีที่มันไม่บอกว่าริชาร์ดเคยเป็นโฮสต์ให้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ซีเลนคงจะถามยาวแน่ แต่ก็อย่างว่า แอสตันมันมาอยู่โลกมนุษย์สักระยะนึงแล้ว มันฉลาดพอที่จะไม่เปิดเผยตัวเองโท่งๆ อย่างนั้นหรอก เสียอย่างเดียวตรงที่คำตอบของแอสตันกลับทำให้ซีเลนทำหน้ายุ่งเข้าไปใหญ่นี่แหละ
“คนของนาย หมายความว่า?”
“ผัวเก่า” ผมได้ทีก็เสริมทันควัน ริชาร์ดถึงกับถลึงตามองผมทันใด
“ไอ้เควิน!” ถลึงตาใส่อย่างเดียวไม่พอ ยังแผดเสียงใส่ผมด้วย ยิ่งมีแอสตันพูดสำทับขึ้นมาอีก ก็ยิ่งทำให้เรื่องดูสมจริงเข้าไปใหญ่
“เราคิดถึงนายจังเลยริชาร์ด”
ริชาร์ดด่าแอสตันเป็นภาษาบ้านเกิดทันใดที่พูดขึ้นมาไม่รู้จังหวะ ขณะที่ซีเลนทำหน้าหงุดหงิด
“นี่ผัวเก่านาย?” แล้วก็ยกนิ้วโป้งชี้ไปทางแอสตัน
“ก็ไม่เชิงหรอก แค่เคยนอนด้วยกันน่ะ” แอสตันตอบ
นอนด้วยกันที่ว่าก็นอนจริงๆ นั่นแหละ แต่สำหรับซีเลนแล้ว หมอนั่นไม่ได้คิดแบบนั้น มันเข้าใจว่าริชาร์ดกับแอสตันมีซัมธิงกันจริงๆ ไปเรียบร้อย ก่อนจะทำหน้ายุ่งกว่าเดิม
“ทำเป็นปฏิเสธเล่นตัว ที่แท้ก็มีผัวอยู่แล้วนี่เอง”
“ไม่ใช่เว้ย!” ริชาร์ดร้องลั่น
และก่อนที่ซีเลนจะได้ถามอะไรต่อ แอสตันก็เข้ามาคว้าข้อมือริชาร์ดไว้ ก่อนจะดึงเข้าไปกอดท่ามกลางสายตาของทุกคนที่มองอยู่
“คิดถึงจัง”
“ปล่อยนะเว้ย!” ริชาร์ดดิ้นพลาดยิ่งกว่าครั้งใดจนกลายเป็นจุดสนใจขึ้นมาฉับพลัน
ซีเลนที่มองอยู่ตรงเข้ามาคว้ามืออีกข้างของริชาร์ดแล้วกระชากออกห่างจากแอสตัน พลันแทรกตัวเองเข้ามาอยู่ระหว่างกลาง
“เป็นผัวเก่าไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ก็แสดงว่าไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วล่ะสิ”
แอสตันมองหน้าซีเลนที่พูดประโยคนั้นออกมาอย่างงุนงงครู่หนึ่ง แล้วก็ตอบรับด้วยท่าทางซื่อๆ
“ก็ใช่ แต่ฉันคิดถึงน่ะ”
“งั้นนายก็รู้เอาไว้เลยว่าฉันเล็งหมอนี่อยู่ คืนนี้ฉันจะพาหมอนี่ไปมีอะไรด้วย” ซีเลนออกอาการหวง แถมยังทู่ซี้เอาหน้าด้านๆ มิหนำซ้ำยังขยับเข้ามาหาแอสตันอย่างเอาเรื่อง
“งั้นเหรอ” แอสตันเอียงคอมองน้อยๆ ประหนึ่งท้าทาย แต่จริงๆ แล้วไม่ได้ท้าทายเลย หมอนั่นแค่สงสัยเท่านั้น และท่าทางไม่รู้เรื่องรู้ราวนั่นก็ทำให้ซีเลนขยับเข้ามาใกล้อีกพลางขู่เสียงต่ำ
“อย่ามายุ่งถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
คีธที่เห็นเจ้านายตัวเองอยู่ในสถานการณ์อันตรายอย่างนั้น ก็เดินเข้ามาแทรกกลางแล้วประจันหน้ากับซีเลนแทนโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา พอซีเลนเห็นว่าอีกฝ่ายมีขนาดตัวพอๆ กับตัวเอง ไม่ได้ตัวเล็กกว่าเหมือนแอสตันก็ยอมเป็นฝ่ายถอยแต่โดยดี ผมเลยโล่งใจที่พวกมันไม่มีเรื่องกัน และโชคก็เข้าข้างที่ผู้กำกับวิลล์ร้องเรียกซีเลนไปคุยเรื่องคิวฉากต่อไปเสียก่อน ความกดดันเมื่อครู่จึงมีอันมลายหายไปได้ จะเหลือก็แต่ริชาร์ดนั่นแหละที่ยังคงทำหน้าเหมือนเมากาวอยู่ และยิ่งดูเมากาวหนักเมื่อแอสตันทำลายความเงียบขึ้นมา
“นายจะไปมีอะไรกับหมอนั่นเหรอ”
“มะ...ไม่ไป! เลิกถามเรื่องนี้สักที!” พูดจบ มันก็เดินหนีเอาดื้อๆ
แอสตันรีบเดินตาม ปากก็ร้องเรียกริชาร์ดไม่หยุด เหลือแค่ผมกับคีธเท่านั้นที่ยืนประจันหน้ากัน
ตอนนี้ผมล่ะโคตรสะใจมันเลย เป็นไงล่ะมึง ทีนี้ก็ได้เป็นเกย์เต็มตัวเหมือนกูแล้ว แถมไม่ได้จะมีผัวแค่คนเดียวแต่ได้ถึงสอง มึงโดนทรีซัมแน่ๆ
“กวินทร์ยิ้มอะไร” จู่ๆ คีธก็โพล่งขึ้นมาเมื่อเห็นผมยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คนเดียวอยู่นาน
“ไม่มีอะไร” ผมเลี่ยงที่จะไม่บอกเพราะคิดว่าถ้าบอกไปว่าผมมีแผนชั่วล่ะก็ มันคงจะเอาไปบอกริชาร์ดให้ริชาร์ดมาเล่นงานผมแน่
ทว่าการที่โกหกนี่แหละที่ทำให้ผมโดนกรรมตามสนองภายในเสี้ยววินาที คีธมองหน้าผมเล็กน้อยก่อนจะถามขึ้นมา
“แล้วกวินทร์จะไปนอนกับผู้ชายคนนั้นมั้ย”
“ทำไมฉันต้องไปวะ ไอ้บ้าซีเลนมันของริชาร์ด”
คีธหยักยิ้มขึ้นมาทันที ก่อนจะว่าออกมาเนิบๆ
“ค่อยยังชั่วหน่อย นายจะได้นอนกับฉันคนเดียว”
มึงเข้าใจความหมายของคำว่า ‘นอน’ ในบริบทนี้หรือเปล่าวะ!
ผมหน้าร้อนฉับพลัน เลี่ยงไม่มองหน้าแล้วทำท่าจะเดินหนี หากแต่คีธคว้าไหล่ผมไว้ พอผมหันกลับไป หมอนั่นก็สวมกอดผมแน่นทันที
“อะ...อะไรวะเนี่ย!” ผมโวยวายแทบจะในวินาทีนั้น มีแต่คีธเท่านั้นที่กระซิบออกมาแผ่วเบา
“คิดถึงจัง”
มึงเลิกเลียนแบบเจ้านายมึงซะที!
ผมยกสองมือกระแอกแผงอกแกร่งออกห่าง คีธยอมปล่อยแต่โดยดี พลางเอียงคอแล้วหยักยิ้ม
“ไม่ต้องมายิ้มเลยไอ้เวรคีธ วันนี้หมดหน้าที่แล้วไม่ใช่เหรอ ไสหัวกลับไปได้แล้ว!” ผมออกปากไล่เอาดื้อๆ
คีธพยักหน้ารับก่อนจะว่า “ว่าจะกลับแล้วเหมือนกัน ฉันก็เริ่มหิวแล้ว รอองค์ชายทำธุระเสร็จก่อนแล้วจะไป”
ผมไม่ได้สนใจเรื่องแอสตันที่ตามไปคุยกับริชาร์ดสักเท่าไหร่ สนใจก็แต่คำพูดของคีธที่ว่าหิว
หมายความว่าหมอนั่นจะกลับไปดูดปากกับโฮสต์คนใหม่ที่เป็นผู้ชายล่ะสินะ แม่ง น่าหงุดหงิดชะมัดถึงจะรู้ว่าเป็นการกินอาหารของเผ่าพันธุ์มันก็เถอะ แต่นี่เที่ยวจูบปากกับคนอื่นไปทั่วเวลาเปลี่ยนโฮสต์แบบนี้ก็ไม่ไหวมั้ง
แต่ถึงจะหงุดหงิด ผมก็ไม่พูดอะไรออกมานอกจากมองหน้าหล่อๆ ของคีธแล้วถอนหายใจ
“งั้นก็รอแอสตันอยู่แถวนี้ละกัน ฉันจะกลับไปทำงานต่อ” ผมยุติการสนทนา ทำท่าจะเดินกลับไปหาด็อกเตอร์มาร์ตินทั้งๆ ที่งานก็ไม่มีอะไรให้ทำแล้ว
หากแต่ก้าวออกมาจากที่นั่นได้ไม่ถึงสามก้าว เสียงของคีธก็ดังขึ้นเรียกให้ผมต้องหยุดชะงัก
“จริงๆ ฉันอยากจะกินสารอาหารจากนายมากกว่า ตั้งแต่มีโฮสต์มา มีนายเป็นโฮสต์คนแรกที่ทำให้ฉันอยากได้นายเป็นโฮสต์ตลอดไป ถ้ารู้ว่าวันหนึ่งนายจะไม่ได้เป็นโฮสต์ฉันอย่างนี้ วันนั้นฉันคงจะผูกพันนายไปแล้ว”
ความร้อนหลั่งไหลเข้ามาในกายผมอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้ร้อนแค่หน้าแต่ร้อนไปทั้งร่าง ผมข่มความเขินอายหันกลับไปมองหน้าหมอนั่นที่กำลังจ้องผม
“อยากมีอะไรกันมั้ยกวินทร์” พอเห็นผมมองอยู่ มันก็พูดออกมา ทำเอาผมที่อุตส่าห์เก๊กมาดขรึมได้แล้วหลุดมาดทันใด
มึงมาถามอะไรกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้วะ!
“มะ...ไม่เอาเว้ย ถ้านายเป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง แต่บอกให้รู้เลยว่าฉันไม่ยอมให้นายปล้ำแน่ ไม่มีทาง” ผมว่าตะกุกตะกัก พูดจบก็รีบเดินหนี
คีธไม่ได้ตามมา ไม่แม้แต่จะหัวเราะหรือยิ้มให้ ผมเลยรู้ว่าสิ่งที่หมอนั่นพูดไปเมื่อกี้คือเอาจริง ไม่ใช่การพูดเล่นแต่อย่างใด และนั่นก็ทำให้ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายผมเต้นถี่รัวจนแทบระเบิดเป็นจุณ
สงสัยผมคงต้องหาเหยื่อมากินบ้างแล้วล่ะ อยู่กับมันมากไปจนชักจะเริ่มมีอาการเบี่ยงเบนไปชอบผู้ชายด้วยกันมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเนี่ย!
 
หลังจากที่คีธกับแอสตันกลับจากสตูดิโอไป ผมก็ถูกริชาร์ดสวดเสียยกใหญ่เรื่องที่ทำให้มันถูกแอสตันตามไปเค้นถามเรื่องของซีเลนไม่เลิก ดีที่มันไม่ถูกแอสตันผูกพันหรือกระทำการหื่นกามใดๆ นอกจากซักถามเท่านั้น ไม่อย่างนั้นล่ะก็ แอสตันคงจะได้เป็นผัวมันจริงๆ แน่
ร้ายกว่านั้นก็คือพอวันใหม่มาถึงและทันทีที่พวกเรามาถึงสตูดิโอ ซีเลนก็ไม่ยอมออกจากห้องพักนักแสดง ยืนยันว่าจะให้ริชาร์ดมาตามอย่างเดียว ผมนี่รู้เลยว่าถ้าริชาร์ดเข้าไปตามล่ะก็จะเกิดอะไรขึ้น
มันก็ต้องโดนไอ้บ้าซีเลนปล้ำอยู่แล้ว! หื่นกามอย่างมันขนาดนั้นจะเหลือเรอะ!
แน่นอนว่าริชาร์ดไม่ยอมไป แต่ก็ถูกผู้กำกับวิลล์ออกงิ้วใส่ แถมด็อกเตอร์มาร์ตินก็ยุยงส่งเสริมอีกเพราะถ้านักแสดงหลักไม่มา การถ่ายทำก็เริ่มไม่ได้ ผมก็เลยถูกริชาร์ดมันลากไปตามซีเลนด้วย แล้วถามว่ารอดมั้ย...
จะรอดเรอะ! ทั้งผม ทั้งริชาร์ดเกือบจะถูกไอ้ซีเลนมันกดทั้งคู่!
แถมไอ้เวรริชาร์ดดันหนีออกมาได้ก่อนอีกต่างหาก ความซวยเลยตกมาอยู่ที่ผมที่ถูกซีเลนกระชากเสื้อเกือบขาด ยังดีที่รอดมาได้ มีโดนไซ้ซอกคอไปนิดหน่อย
แค่นี้ก็ขยะแขยงสุดจะทนแล้วแม่ง!
แต่สุดท้ายก็ตามซีเลนออกมาถ่ายทำฉากใหม่ได้แหละ การถ่ายทำก็ราบรื่นดีเหมือนเดิม กระทั่งถ่ายทำฉากของซีเลนเสร็จ มาถึงฉากที่หัวหน้าตัวร้ายและลูกสมุนมือขวาเปิดตัวและต้องใช้สตั๊นแมน คราวนี้แหละ ปัญหาก็บังเกิดขึ้น
“สตั๊นแมนอยู่ไหน!” ผู้กำกับวิลล์แหกปากลั่นเมื่อเห็นว่าสตั๊นแมนที่นัดหมายไว้อย่างดิบดียังไม่โผล่หัวมา
ผมกลืนน้ำลายเอื้อก ตามองนาฬิกาข้อมือไปด้วยเมื่อเห็นว่ามันสายเกือบชั่วโมงแล้วทั้งที่เมื่อวานผมอุตส่าห์กำชับสองคนนั้นอย่างดิบดีว่าให้มาเจอกันที่สตูดิโอกี่โมง พวกมันก็ยังมาสายกันอีก
“โทรตามซิเควิน คีธเป็นเพื่อนนายไม่ใช่เหรอ” ด็อกเตอร์มาร์ตินร้องบอกผมด้วยน้ำเสียงระอา เขาก็คงจะเบื่อกับการที่นักแสดงกับสตั๊นแมนก่อปัญหาให้ไม่เว้นวันเหมือนกัน
ทว่าคำพูดของเขากลับทำให้ผมซีดเข้าไปอีกเมื่อผมตระหนักได้ว่าคีธและแอสตันไม่มีโทรศัพท์ ต่อให้พวกมันมี ผมก็ไม่มีเบอร์มันอีก แต่ถ้าผมไปบอกด็อกเตอร์มาร์ตินอย่างนั้นมันก็ดูแปลกๆ ใช่มั้ยล่ะในเมื่อตอนแรกผมบอกว่าคีธคือลูกมือของผมกับริชาร์ด สนิทกันถึงขนาดพามาเป็นลูกมือขนาดนี้จะไม่มีเบอร์ติดต่อมันก็ยังไงอยู่
พอเห็นผมตกที่นั่งลำบาก ริชาร์ดมันก็ได้ทีทิ้งผมไปคลุกคลีกับพวกเทคนิคระเบิดทันที ผมเลยได้แต่หัวหมุนหาวิธีแก้ปัญหาตามลำพัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 13: Sound of exciting[2]

ลองไปถามไอ้หน้าอ่อนบรูคลินดูแล้วกัน เมื่อวานมันพาสองคนนั้นมาแคสติ้ง เผื่อมันจะมีเบอร์ติดต่อหรือรู้ว่าสองคนนั้นพักอยู่ที่ไหนบ้าง
ทว่าพอผมตั้งท่าจะเดินไปยังบริเวณที่ฝ่ายคอสตูมนั่งอยู่ เสียงเปิดประตูจากหน้าสตูดิโอก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างใหญ่ของชายหนุ่มสองคนที่ปรากฏให้เห็น
“พวกนายมาสายนะ” ผู้กำกับวิลล์เห็นสองคนนั้นก็ไม่รอช้า พ่นไฟใส่ทันที
แอสตันกับคีธพยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนที่แอสตันจะเป็นฝ่ายพูดขึ้น
“เราต้องขอโทษด้วย พอดีเมื่อวานเรามีปัญหาที่บ้านนิดหน่อย”
“มันไม่ใช่ข้ออ้างของการมาสายถ้าพวกนายคิดจะทำงานในวงการนี้ ถ้าไม่อยากจะตกงานล่ะก็ คราวหน้าก็ช่วยปรับปรุงตัวด้วย ไปแต่งตัวแล้วเตรียมไปเข้าฉากได้” ด่าจบก็ชี้นิ้วไปยังฝ่ายคอสตูม
ไม่ทันที่คีธกับแอสตันจะได้เดินไป ฝ่ายคอสตูมก็เข้ามาลากสองคนนั้นไปที่ห้องแต่งตัวก่อน ผมเลยรอกระทั่งพวกมันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ พอเห็นพวกมันออกมา ผมก็ไม่รอช้า ปรี่เข้ามาด่าสาดทันใด
“ทำไมมาสายกันจังวะ เกือบทำฉันซวยแล้วมั้ยล่ะ”
“ขอโทษนะกวินทร์ เมื่อคืนเรามีปัญหากันนิดหน่อย” แอสตันว่า ทำเอาผมย่นคิ้ว
“ปัญหาอะไร”
“บอกนายได้แค่ว่าเป็นปัญหาของชาวยูนิกม่า”
พอพูดมาอย่างนี้ ผมก็เลยไม่ซักไซ้อะไรต่อ ทว่าก็ต้องย่นคิ้วอีกครั้งเมื่อบรูคลินเดินเข้ามาขอแต่งหน้าให้คีธ ก่อนที่แอสตันจะทักทายหมอนั่นทันทีที่เห็นหน้า
“ว่าไงบูลิโอ เมื่อคืนนายโอเคนะ”
บรูคลินพยักหน้าหงึกหงัก ผมอ้าปากค้างแล้วชี้หน้าติ๋มๆ ของบรูคลินทันที
มะ...มึงก็มนุษย์ต่างดาวเหรอเนี่ย!?
“บูลิโอเป็นชาวไบโทปน่ะ เราอาศัยครอบครัวและบ้านของบูลิโออยู่” ไม่ทันที่ผมจะได้ถาม แอสตันก็ว่าออกมาราวกับรู้ว่าผมจะถามอะไร
ผมถึงกับถอนหายใจที่เห็นมนุษย์ต่างดาวอยู่ใกล้กับผมเพียงเอื้อมอย่างนี้เสียหลายตัว แต่ก็เริ่มพอจะทำใจได้แล้วล่ะเลยทำเฉยๆ ทว่าก็เฉยได้แค่แป๊บเดียวเท่านั้นเมื่อแอสตันพูดขึ้นมาอีก
“บูลิโอเป็นโฮสต์ให้คีทาเย”
นี่เมียใหม่มึงสินะไอ้คีธ!? มิน่าล่ะพวกมึงถึงได้มาแคสติ้งเป็นสตั๊นแมนได้ ที่แท้เมียใหม่มึงก็พามานี่เอง!
ผมมองหน้าคีธที่ยังคงทำหน้าเฉยกับบรูคลินที่เอาแต่ก้มหน้างุดๆ อย่างหัวเสีย แม่ง ตอนแรกก็นึกว่าจะไปหาโฮสต์ไกลๆ ที่ไหนได้ คนใกล้ตัวกูทั้งนั้น!
ผมโคตรอยากจะบอกคีธเลยว่าโฮสต์ของมันไปจูบกับซีเลนมาเมื่อวาน จูบเสร็จแล้วมันก็ไปให้คีธจูบดูดสารอาหารจากมันต่ออีก แต่ก็ทำได้เพียงหุบปากเงียบแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยแทน
“แล้วโฮสต์ของนายล่ะ”
“น้องชายของบูลิโอน่ะ เรียนอยู่ไฮสกูล”
ผมพยักหน้ารับส่งๆ ก่อนที่จะได้ยินเสียงเรียกของผู้กำกับวิลล์ดังขึ้น เร่งให้ฝ่ายคอสตูมรีบจัดการกับสตั๊นแมนเพราะเลยเวลาถ่ายทำมามากแล้ว
ไม่นานนัก คีธกับแอสตันก็พร้อมเข้าฉาก ที่ตรงนั้นจึงเหลือแค่ผมกับบรูคลินเท่านั้นที่ยืนอยู่ ผมปรายตามองบรูคลินที่เก็บอุปกรณ์การแต่งหน้าอย่างรีบๆ ครู่หนึ่งก็เรียกมันไว้ก่อนที่มันจะเดินไป
“นายเป็นโฮสต์ให้พวกนั้น ทำไมไม่หาพาสองคนนั้นมากองถ่ายด้วยพร้อมกันตอนเช้าล่ะ”
บรูคลินชะงักกึก หันมามองผมด้วยสายตาหวาดๆ
“กะ...ก็องค์ชายแอสโซซิโอตรัสว่าให้ฉันออกมาก่อนน่ะ พระองค์ยังจัดการธุระเมื่อคืนไม่เสร็จ”
“พูดภาษาคน” ผมว่าเสียงเรียบ หงุดหงิดขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นมันพยักหน้ารับรัวๆ
“นั่นแหละ แอสตันจัดการธุระยังไม่เสร็จเลยให้ฉันออกมาก่อน”
“ธุระที่ว่านี่อะไร” ผมเบนความสนใจไปเรื่องอื่นบ้าง
“เมื่อคืนมีข่าวลือจากวงในว่าชาวยูนิกม่าคนหนึ่งถูกฆ่าในย่านไชน่าทาวน์น่ะ แอสตันกับคีธก็เลยรีบตามไปดู ไม่มีอะไรหรอก”
“แล้วถูกฆ่าจริงมั้ย”
“อย่างที่บอกว่าเป็นข่าวลือ สองคนนั้นไปตามหาเบาะแสทั้งคืนแต่ไม่เจอ”
ผมคลายความสงสัยไปได้ว่าทำไมคีธกับแอสตันถึงได้มาสายเลยไม่ติดใจอะไรมาก นอกจากกอดอกมองหน้าบรูคลินนิ่งๆ กระทั่งหมอนั่นถามผมด้วยน้ำเสียงอึดอัด
“นาย...มีอะไรอีกมั้ย ฉันจะไปทำงานต่อ”
“นายเป็นโฮสต์ให้คีธใช่มั้ย” ไม่รู้ทำไมผมถึงถามไปแบบนั้น
“อืม” คำตอบรับของมันทำเอาหัวใจผมเต้นแรงทันควัน ก่อนที่ผมจะถามออกไปอีก
“เวลาหมอนั่นกินสารอาหารจากนายก็ต้องประกบปากด้วยสินะ”
พอเห็นบรูคลินพยักหน้ารับ ผมก็เกือบอดใจพุ่งไปต่อยหน้ามันแทบไม่ได้ และก็ยิ่งพาลใหญ่เมื่อตระหนักได้ว่าที่ผมรู้สึกบัดซบในตอนนี้เป็นเพราะฝีมือของไอ้หน้าอ่อนตรงหน้านี่ ถ้าผมไม่เจอคีธอีกครั้งจนมารู้ว่ามันมีโฮสต์ใหม่เป็นบรูคลินแบบนี้ล่ะก็ ผมคงจะไม่หงุดหงิดแบบนี้หรอก
“แล้วทำไมนายต้องพาพวกมันมาสมัครเป็นสตั๊นแมนที่นี่ฮะ ไหนว่าเป็นโฮสต์ให้พวกมันพึ่งพาไง”
“ให้พึ่งพาแต่ก็ใช่ว่าการอยู่ด้วยกันมันไม่ต้องใช้เงินนี่ ถึงจะไม่ได้ใช้ซื้ออาหาร แต่ปัจจัยสี่อื่นๆ ก็จำเป็นนะ”
ผมพ่นลมหายใจแรงๆ จริงอย่างที่บรูคลินว่านั่นแหละ ตอนคีธอยู่กับผม ผมก็ต้องออกเงินเป็นค่าใช้จ่ายจิปาถะให้มันเหมือนกัน
“เออๆ นายจะไปไหนก็ไปไป๊ แล้วอย่าลืมหาโทรศัพท์ไว้ให้พวกมันใช้ด้วยล่ะ จะได้เอาไว้โทรตาม”
“ได้ แต่คงจะต้องอีกสักอาทิตย์นะ ขอเวลาเก็บเงินก่อน” บรูคลินว่าเบาๆ แล้วก็เดินจากไป
ผมหงุดหงิดหนักเข้าไปใหญ่
แล้วถ้าแบบนี้ผมอยากรู้ว่าคีธทำอะไร อยู่ที่ไหนกับใครในระหว่างที่รอบรูคลินซื้อโทรศัพท์ให้หมอนั่น ผมไม่ต้องลงแดงก่อนเรอะ เอ๊ะ! จริงสิ ก่อนหน้าที่จะมาที่นี่ อาแปะลีโอนาร์โดฝากเงินให้คีธมาไว้ใช้นี่นา แล้วผมก็ยึดมาหมดแล้วด้วย เงินจำนวนนั้นมากพอที่จะซื้อโทรศัพท์เครื่องนึงได้สบายๆ นี่หว่า
ช่วยไม่ได้ ซื้อให้มันไปเลยก็แล้วกัน
เพราะคิดอย่างนั้น ผมจึงขออนุญาตด็อกเตอร์มาร์ตินออกไปทำธุระที่ห้างใกล้ๆ ครู่หนึ่งโดยอ้างว่าที่ติดต่อกับคีธและแอสตันไม่ได้เป็นเพราะโทรศัพท์ของทั้งคู่พัง ผมเลยจะไปซื้อมาให้ใหม่ เขาอนุญาตเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องจำเป็น อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ผมจึงกลับมาพร้อมกับโทรศัพท์เครื่องใหม่เอี่ยมหนึ่งเครื่อง
ผมรอกระทั่งผู้กำกับวิลล์สั่งคัตและปล่อยให้นักแสดงและสตั๊นแมนพัก ผมถึงได้โบกมือเรียกคีธที่อยู่ในชุดบอดี้สูทสีดำให้เข้ามาใกล้
“มีอะไรเหรอกวินทร์” หมอนั่นถามเสียงเรียบ ขณะที่ผมยื่นของในมือให้
“โทรศัพท์ จะได้เอาไว้ใช้ติดต่อกัน”
หมอนั่นรับโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กกว่าฝ่ามือไปสำรวจอย่างงุนงง เปิดโอกาสให้ผมอธิบาย
“ฉันโหลดโปรแกรมแชทเอาไว้ให้แล้ว แล้วก็เซฟเบอร์โทรของฉันกับริชาร์ด รวมถึงแอดรายชื่อเข้าโปรแกรมแชทให้แล้วด้วย ถ้าเกิดมีปัญหาอะไร พวกนายก็โทรหรือไม่ก็ส่งข้อความมาบอกก่อน เข้าใจมั้ย แล้วนี่ใช้เป็นหรือเปล่า หรือต้องให้สอนใช้”
“ไม่ต้องหรอก เทคโนโลยีของมนุษย์โลกเป็นเทคโนโลยีล้าหลังของยูนิกม่ามาก่อน ตอนนี้เทคโนโลยีการสื่อสารของยูนิกม่าไม่ได้ใช้เครื่องมือใหญ่เทอะทะเช่นนี้แล้ว มีเพียงแผ่นฟิล์มสำหรับรับประสาทสัมผัสชิ้นเดียวเท่านั้น เวลาใช้ก็แค่เอาแปะที่ขมับแล้วคิด เท่านั้นก็สามารถสื่อสารกันได้แล้ว แต่ถึงฉันจะเกิดไม่ทัน ก็พอรู้ว่าใช้ยังไง ขอบใจมากกวินทร์”
ผมพยักหน้ารับส่งๆ ก่อนจะถือวิสาสะคว้าโทรศัพท์ในมือคีธมาเข้าโปรแกรมแชทพลางว่าไปด้วย
“นายอ่านภาษาของมนุษย์โลกออกใช่มั้ย”
“อ่านได้ เมื่อครั้งที่ดูหนังของมนุษย์โลก ฉันกับองค์ชายศึกษาหมดแล้ว ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาไทยและภาษาจีน”
“ถ้าเป็นภาษาไทยฉบับพ่อขุนฯ ล่ะก็ ไม่ต้องเลย”
“ไม่ใช่แล้ว วางใจได้” คีธยกยิ้มน้อยๆ ก่อนผมจะส่งโทรศัพท์คืนให้มัน
“ฉันเพิ่มคีย์บอร์ดภาษาไทยกับจีนให้แล้ว จะใช้อันไหนก็เลือกเอาแล้วกัน”
คีธพยักหน้ารับก่อนที่ผมจะถูกด็อกเตอร์มาร์ตินเรียกไปดูงานเมื่อใกล้จะได้เวลาถ่ายทำฉากต่อไปแล้ว
ความวุ่นวายเข้ามาถาโถมผมตอนนี้นี่แหละเพราะก่อนหน้าผมดันไม่อยู่ด้วยเหตุผลว่าไปซื้อโทรศัพท์ให้คีธ ผมต้องโยกซ้ายทีขวาที ไปจัดการบอกคิวสตั๊นแมนบ้าง คิวนักแสดงบ้าง ประสานงานกับผู้กำกับและผู้ช่วยผู้กำกับบ้าง รวมถึงกับทีมงานฝ่ายอื่นๆ จนแทบไม่ได้หยุดพัก ยิ่งพอเปลี่ยนฉากถ่ายทำใหม่ด้วยแล้ว หน้าที่ผมนี่เรียกว่านรกเลยเพราะผมต้องดูแลคิวนักแสดงมากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
แต่ไอ้ระหว่างที่วุ่นวายๆ อยู่นี่แหละที่มีเรื่องทำให้ผมหัวเสีย เรื่องที่หัวเสียก็เป็นเรื่องที่โทรศัพท์ผมมีเสียงข้อความถูกส่งมาดังขึ้นไม่หยุดหย่อน
ติ๊งดึ่งๆๆ
ผมถึงกับย่นหน้าขณะที่ปากกำลังบอกคิวกับนักแสดงคนหนึ่งอยู่ พอบอกคิวเสร็จก็ละสายตาจากการดูคิวนักแสดงคนต่อไปมามองจอโทรศัพท์ พอเห็นชื่อคนส่งมาแล้วผมก็ต้องย่นหน้าพลัน
ไอ้คีธ... มึงว่างนักเหรอ!
มันก็ว่างจริงๆ นั่นแหละเพราะฉากต่อไป มันไม่ต้องเข้าถ่าย มีแต่แอสตันเท่านั้นที่ยังต้องร่วมฉาก ผมเก็บโทรศัพท์ลงไปโดยไม่แม้แต่จะสนใจกดเปิดข้อความดูด้วยซ้ำว่ามันส่งอะไรมา พลางกวาดสายตามองหามันทันที แล้วก็ต้องชะงักกึกเมื่อเห็นมันยืนมองผมอยู่ในมุมไม่ไกลนัก
และพอมันเห็นผมมอง มันก็ก้มหน้าแล้วกดแป้นพิมพ์ส่งข้อความมาอีก
ติ๊งดึ่งๆๆ
มึงมีอะไรก็เดินมาบอก! ยืนห่างจากกูแค่ไม่กี่ก้าวเองเนี่ย!
ถึงผมจะบ่นมันในใจแต่สุดท้ายผมก็กดเปิดข้อความอ่าน แล้วก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นข้อความภาษาไทยที่มันส่งมาเป็นข้อความเหมือนกันรัวๆ
‘กวินทร์’
‘กวินทร์’
‘กวินทร์’
แล้วก็เป็นอย่างนี้อีกสิบกว่าข้อความ ผมเลยไม่สนใจ เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงอีกครั้ง ทว่ามันก็ส่งมาอีก
ติ๊งดึ่ง!
‘กวินทร์’
มึงจะกวินทร์ทำไมนักหนา!
ผมรำคาญจนต้องกดพิมพ์ข้อความส่งไปหามันรัวๆ
‘อะไร!’
‘กวินทร์’
‘กวินทร์’
‘กวินทร์’
มึงมันกวนตีน!
ผมฟีลขาดเอาในตอนนี้ ยิ่งเห็นหน้ามันที่ส่งข้อความเสร็จแล้วมองผมนิ่งๆ ด้วยแล้ว ผมก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ทำให้ผมตัดสินใจกดอัดเสียงแล้วส่งเป็นข้อความไปให้มันทันใด
“อะไร!”
คีธกดฟังแล้วย่นคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าพิมพ์ข้อความกลับมา
‘อย่าเสียวดัง’
กูไม่ได้เสียวดัง! เสียงดังเว้ย! เสียงดัง! มึงพิมพ์ให้มันถูกๆ หน่อย เดี๋ยวคนอื่นมาแอบดูโทรศัพท์มึงก็ได้เข้าใจผิดกันพอดี!
ผมว่าผมได้ยินเสียงเส้นความอดทนในหัวขาดดังผึงเลยนะ ผมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงอีกครั้งแล้วสาวเท้าเข้าไปหามันอย่างรวดเร็ว
“อะไร” คราวนี้ผมไม่ได้เสียงดัง เรียกว่าแทบจะกระซิบเลยด้วยซ้ำ แต่น้ำเสียงฟังแล้วรู้เลยว่าไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
“แค่ลองใช้งานดูเฉยๆ ว่ามีเสถียรภาพดีมั้ย”
ได้ยินคำตอบมันแล้วผมก็แทบจะแย่งเอาโทรศัพท์ในมือมันขว้างลงพื้น แต่ผู้กำกับวิลล์ก็สั่งเทคขึ้นเสียก่อน ผมเลยได้แต่คาดโทษ
“อย่าส่งมาอีกถ้าไม่มีอะไรคอขาดบาดตาย เข้าใจมั้ย”
คีธพยักหน้า แต่ก็ไม่ยอมปล่อยผมไปง่ายๆ คว้าแขนผมเอาไว้แล้วดึงเข้าไปหาเมื่อเห็นว่าผมจะเดินไป
“อะไรอีก” ผมชักสีหน้าถามให้คีธได้พูดขึ้น
“เสียวดังแปลว่าอะไร”
ก็แปลว่าเสียวไงโว้ย!
ผมอยากจะตะโกนใส่หน้ามันชิบเป๋ง ทว่าปากกลับหนัก ไม่กล้าอธิบายออกไปว่ามันคืออะไร แต่พอไม่พูด คีธก็ถามขึ้นมาอีก
“ตกลงเสียวดังแปลว่าอะไร”
“ฉันต้องไปทำงานนะโว้ย” ผมเปลี่ยนเรื่องเอาดื้อๆ
“ก็บอกมาก่อนสิว่าเสียวดังแปลว่าอะไร”
“ค่อยบอกคราวหลังได้มั้ยวะ มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาอธิบายตรงนี้ แล้วก็ตอนที่มีคนอยู่เยอะๆ ด้วย” ผมพูดไป หน้าก็ร้อนวาบไปด้วย
“มันยากมากหรือไงแค่อธิบายว่าเสียวดังแปลว่าอะไรแค่นี้” คีธย่นคิ้วเล็กน้อย หากแต่มือยังไม่ยอมปล่อย แถมยังดึงดันจะรู้ให้ได้อีก
ผมเลยมองซ้ายขวาหาจังหวะปลอดคนเพื่อจะอธิบาย เพราะดูท่าแล้ว ถ้าไม่รีบอธิบายไป มันคงไม่ยอมปล่อยผมไปทำงานแน่
“เสียวดังก็แบบ... เวลานายทำอะไรตื่นเต้นๆ ใช่มั้ย นายจะมีความรู้สึกวาบๆ ที่ท้องอะไรแบบนี้จนส่งเสียงออกมาน่ะ”
คีธทำหน้าสงสัยเข้าไปใหญ่ ขณะที่ผมยกมือตีหน้าผากตัวเองเบาๆ
ทำไมกูต้องมาอธิบายเรื่องเสียวๆ ให้มึงฟังด้วยวะ!
“อย่างเช่น?” คีธถามออกมาอีก คราวนี้ผมกลืนน้ำลายเลย พลันรีบปฏิเสธมัน
“ไม่มีตัวอย่าง”
“ไม่มีตัวอย่างก็ไม่ให้ไป”
ฉิบหาย! นี่มึงจะให้กูทำเสียงเสียวให้ฟังอีกเหรอ!?
ดูท่าทางคีธคงจะไม่ให้ผมไปจริงๆ เพราะผมพยายามแกะมือมันออกแล้ว แต่มันกลับเกาะผมแน่นยิ่งกว่าเดิมจนผมต้องหันไปพ่นลมหายใจใส่มันแรงๆ พลันจ้องหน้าหล่อนั่นนิ่งๆ
“เข้ามาใกล้ๆ” ผมว่าพลางกระดิกนิ้ว
คีธยื่นหน้าเข้ามา ผมสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วทำเสียงกระเส่าให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ให้มันฟัง
“อาห์...อืม...อาห์...”
คีธเลิกคิ้วสูงเล็กน้อย ก่อนจะผละออกมาจากผมพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ ส่วนผมน่ะเหรอ... อยากจะเป็นขอมดำดินมุดกลับประเทศไทยไปชะมัด!
“เข้าใจแล้ว” มันว่าขึ้นแล้วยอมปล่อยผมออกจากการเกาะกุม
ผมมองมันตาขวางแล้วกระชับเสื้อตัวเองให้เข้าที่ ทำท่าจะกลับไปทำงานต่อ หากแต่คีธก็ทำให้ผมต้องอยากวิ่งกลับเอาหัวไปโหม่งหน้ามันทันควัน
“งั้นกวินทร์เสียวเบาๆ แล้วกัน อย่าเสียวดัง”
เสียวพร่อม! มึงเสียวไปคนเดียวเหอะไอ้มนุษย์ต่างดาวลามก!
 -----------------------------------------
คีธคือแอบทะลึ่งอ่ะ 555 ตอนนี้กวินทร์แอบมีหึงด้วยพอรู้ว่าโฮสต์ใหม่ของคีธเป็นบรูคลิน แต่เก็บอารมณ์แรงมาก ตอนหน้ามาเกรียนกว่าและกามกว่าเป็นเท่าตัว ฮาาา
ปล.เรื่องนี้เขียนจบนะคะเพราะกำลังจะเปิดพรีออเดอร์ต้นเดือน ม.ค.59 ค่ะ ใครสนใจ ไปอ่านรายละเอียดตามลายแทงนี้นะคะ https://web.facebook.com/NooDangzzz/photos/a.914616228594231.1073741838.122468307809031/917794364943084/?type=3&theater

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ไม่อยากให้กวินทร์เสีย(ง)วดัง หนูคีธก็อย่าทำ(?)แรงสิเออ กร้ากกกกกก :hao7:

ออฟไลน์ Loste

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 430
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
กวินเริ่มชอบคีธแล้ว  คีธตลกดีชอบจัง :mew3:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
สนุกมาาากดด

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
คีธนี่กวนๆแบบน่ารักนะ

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
แงะ ค้างง

ออฟไลน์ MissM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
บอกเลยเรื่องนี้เสียวดังมาก55555+ มาต่อเร็วๆนะค่ะรออยู่ :mew1: :hao7:

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 14: About nipples and feelings
อย่างเช่นทุกวัน พอการถ่ายทำเสร็จสิ้นตามกำหนดการ ผู้กำกับวิลล์ก็นัดแนะเรื่องการถ่ายทำสำหรับพรุ่งนี้อีกนิดหน่อยก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน มีเพียงทีมงานบางส่วนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ที่สตูดิโอต่อเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายทำพรุ่งนี้ และแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็มีด็อกเตอร์มาร์ตินรวมอยู่ด้วย
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมรู้สึกว่าไม่อยากจะกลับไปพักแม้ว่าจะทำงานเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม ยิ่งเห็นคีธกับแอสตันเตรียมตัวจะกลับบ้านพร้อมกับบรูคลินด้วยแล้ว ผมก็แทบอยากจะวิ่งไปกระชากมันเอาไว้แล้วชวนไปเที่ยวกลางคืนที่ไหนสักทีชะมัด แต่ไอ้ริชาร์ดที่อยู่ข้างๆ ผมมันทำท่าจะตายเสียให้ได้ ผมก็เลยถอดใจแล้วยอมกลับไปพักแทน
มันจะไม่ทำท่าจะตายได้ยังไง ก็วันนี้มันโดนทั้งแอสตัน ทั้งซีเลนรุมกระหน่ำจนไม่เป็นอันทำการทำงานแบบนี้น่ะ
วันนี้ริชาร์ดเหนื่อยมาก พวกเราก็เลยตัดสินใจนั่งแท็กซี่กลับอพาร์ตเม้นต์ พอถึงห้องได้ ริชาร์ดก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง บอกลาผมแล้วขอตัวไปนอนทันที มีแต่ผมนี่แหละที่ต้องนั่งเช็คคิวนักแสดงกับสตั๊นแมนต่อเพราะพรุ่งนี้เป็นฉากใหญ่ที่จะต้องใช้สตูดิโอกลางแจ้งในการถ่ายทำ หากแต่เช็คความเรียบร้อยของงานได้ไม่เท่าไหร่ เสียงเคาะประตูจากหน้าห้องดก็ดังขึ้น
“มีอะไร” ผมถามไปโดยไม่สนใจที่จะลุกขึ้นไปเปิดเพราะว่าเป็นริชาร์ด ทว่าไม่มีเสียงตอบรับกลับมานอกจากเสียงเคาะเท่านั้น
“ถามว่ามีอะไร”
ผมถามไปอีกครั้งก็ยังคงเหมือนเดิมว่าไม่มีเสียงตอบรับกลับมา ผมเลยละสายตาจากหน้าจอโน้ตบุ๊คลุกขึ้นไปเปิดประตู แล้วก็ต้องตะลึงงันเมื่อเห็นว่าคนที่มาเคาะเรียกไม่ใช่ริชาร์ดอย่างที่คิด แต่เป็นคีธกับแอสตัน พร้อมกับบรูคลินที่ยืนตัวลีบๆ อยู่ทางด้านหลังสองคนนั้น
เห็นสีหน้าเรียบนิ่งของหมอนั่นแล้ว ความเบื่อหน่ายในตอนแรกก็กลายเป็นความลิงโลดขึ้นมาฉับพลันโดยที่ผมก็หาเหตุผลไม่ได้ ทว่าผมยังเก็บอาการ ไม่แสดงออกไปให้อีกฝ่ายได้เห็น ได้แต่ทำหน้านิ่งๆ ถามออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เท่านั้น
“มากันได้ยังไงเนี่ย”
“เราจะมาขอพึ่งพานายหน่อย” แอสตันเป็นคนตอบ ผมถึงกับย่นคิ้ว
“พึ่งพานี่คือขอกลับมาให้พวกฉันเป็นโฮสต์อีกครั้ง?”
“เปล่า แค่จะมาขอค้างคืนด้วยคืนนึงนะ พอดีบรูคลินจะไม่อยู่บ้าน” แอสตันว่าออกมาอีกครั้งพลางเบือนหน้าไปทางบรูคลินที่ก้มหน้างุดอยู่ด้านหลัง
“ไม่อยู่บ้านแล้วเกี่ยวอะไรกับพวกนายวะ มันไม่อยู่ พ่อแม่พี่น้องมันก็อยู่ไม่ใช่เหรอ” ผมถาม
“พ่อแม่กับน้องชายของฉันไม่อยู่ พ่อกับแม่มีประชุมสานสัมพันธ์ของชาวไบโทปที่อยู่ในแอลเอ น้องฉันก็เลยตามไปด้วยน่ะ ส่วนฉันต้องไปช่วยงานฝ่ายคอสตูมสำหรับสเปเชียลเอฟเฟ็กต์วันพรุ่งนี้เลยไม่ได้กลับบ้าน” คราวนี้บรูคลินที่อมพะนำอยู่นานเป็นคนตอบ
“นายก็ให้พวกมันอยู่กันเองสิวะ”
“พ่อกับแม่ฉันเป็นห่วงน่ะถ้าทั้งสองคนจะอยู่กันตามลำพัง ก็เลยขอมาฝากให้โฮสต์เก่าช่วยดูแล”
พอบรูคลินว่ามาอย่างนี้ ผมก็ย่นหน้ายิ่งกว่าเดิม
พวกมึงนี่เป็นมนุษย์ต่างดาวที่คิดเองเออเองโดยไม่ถามความสมัครใจชาวโลกสักคำเลยแม่ง!
“ไร้สาระฉิบเป๋ง คิดว่าพวกมันเป็นเด็กอมมือหรือไงวะถึงอยู่กันเองไม่ได้”
พอผมบ่น บรูคลินก็ทำหน้าจ๋อยจนแอสตันต้องว่าขึ้นแก้ต่างให้
“เป็นลักษณะนิสัยของชาวไบโทปน่ะ ชอบเก็บตัวแล้วก็ขี้กังวล ถ้ายิ่งได้เป็นโฮสต์ให้ชาวยูนิกม่าแล้วก็ยิ่งดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี”
แล้วมันใช่เรื่องที่จะต้องมาฝากฝังชาวบ้านให้ช่วยดูแลมั้ยวะ! มนุษย์ต่างดาวนะเว้ย ไม่ใช่หมาถึงจะได้มาฝากเลี้ยงกันได้ง่ายๆ!
ผมอยากจะด่าบรูคลินนักแต่แอสตันก็ตัดบทเอาเสียดื้อๆ
“เอาเป็นว่าเรากับคีทาเยขอพึ่งพานายกับริชาร์ดสักคืนแล้วกัน คงไม่ว่าอะไรนะ”
“เออๆ” ผมพยักหน้าส่งๆ ไปเพราะไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดด้วยเห็นว่าดึกแล้ว อีกอย่าง บรูคลินก็ต้องกลับไปที่สตูดิโอ ขืนไปช้า เดี๋ยวก็ได้ถูกด่ากราดกันพอดี
พอผมยอมตกลง บรูคลินก็มีสีหน้าดีขึ้น ขณะที่แอสตันยิ้มกว้างทันใดเมื่อเห็นว่าตัวเองจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับริชาร์ดในคืนนี้ ก่อนที่หมอนั่นจะผละจากหน้าห้องผมไปยังห้องริชาร์ดให้ผมต้องรีบพูดแทรก
“ริชาร์ดมันหลับไปแล้วนะ ถ้าจะปลุกมันล่ะก็ เดี๋ยวฉันโทรเรียกให้ ห้ามพังประตู”
แอสตันหันมายิ้มให้ผมพลันพยักหน้า ผมเลยเดินไปคว้าโทรศัพท์มาโทรหาเพื่อน อึดใจหนึ่งริชาร์ดก็รับด้วยน้ำเสียงงัวเงียแล้วตามด้วยเปิดประตูห้องให้เพราะผมบอกมันว่าลืมของไว้ในห้องมันและต้องใช้ด่วน ทว่าพอมันเปิดออกมาแล้วเจอหน้าแอสตัน ความงัวเงียของมันก็หายไปทันตา และตามมาด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนเมื่อถูกแอสตันจู่โจมในระยะประชิดก่อนหายเข้าห้องไปด้วยความเงียบกริบ
ผมเดาได้เลยว่าแอสตันมันต้องกระทำการหื่นกามใส่ริชาร์ดแน่นอน มันถึงเงียบเป็นเป่าสากได้ขนาดนี้
ผมไม่สนใจอะไรนักด้วยรู้ว่าเป็นเรื่องปกติของริชาร์ดกับแอสตัน พลันเบนความสนใจมาที่ไอ้หน้าตายตรงหน้าแทน
“นายก็เข้ามาสิ” ผมเอ่ยปาก คีธพยักหน้าแล้วเดินเข้ามา ก่อนจะชะงักกึกราวกับคิดอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง ก่อนหันไปหาบรูคลิน
“บูลิโอ”
“ครับ?”
“องค์ชายเสวยมื้อเย็นหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับ ก่อนเบนจะไปข้างนอก ได้ให้องค์ชายเสวยสารอาหารแล้ว”
เบนที่ว่าคงจะเป็นน้องชายของบรูคลินนั่นแหละ
คีธพยักหน้ารับพลันกวักมือเรียกให้บรูคลินเข้ามาในห้องผมบ้างโดยไม่ถามผมสักคำว่าผมอนุญาตหรือไม่ และพอบรูคลินเข้ามาได้ หมอนั่นก็ปิดประตูแล้วก็เอ่ยขึ้นมาเนิบๆ
“ฉันยังไม่ได้กิน คงต้องขออนุญาต”
ผมถึงกับเบิกตาโตเมื่อได้ยินประโยคนั้น
นี่มึงจะมาดูดปากกันต่อหน้ากู ในห้องของกูโดยไม่เกรงใจกูเลยเนี่ยนะ!?
บรูคลินมีสีหน้ากระอักกระอวลขึ้นมาทันตา ทว่าก็พยักหน้าตอบรับไปราวกับไม่มีทางเลือก
“ดะ...ได้ครับ”
สิ้นเสียง คีธก็เดินเข้าไปหาหมอนั่น ยกมือประคองใบหน้าหวานแล้วจรดริมฝีปากจูบ การจูบเพื่อดูดกินสารอาหารจากบรูคลินไม่ได้ต่างจากตอนที่คีธจูบผมเลยแม้แต่น้อย ไม่ต่างจากยามที่แอสตันจูบกับริชาร์ดด้วย ทว่าผมมองแล้วก็ร้อนวาบขึ้นมาทั้งร่างกาย ความหงุดหงิดหลั่งไหลเข้ามาท่วมท้นจนผมแทบจะวิ่งไปกระชากมันสองคนออกจากกัน หากก็ทำได้แค่กลั้นใจยืนมองพวกมันนัวเนียกันกระทั่งเสร็จสิ้นเท่านั้น
บรูคลินหายใจหอบโยนเล็กน้อยเมื่อคีธผละออกมา สีหน้าหมอนั่นดูอ่อนเพลียไปกว่าเดิม หากแต่มันเจือสีแดงเรื่อๆ บนพวงแก้มเมื่อคีธว่าเสียงเบา
“ขอบคุณนายมาก”
“มะ...ไม่เป็นไรครับ”
มึงจะหน้าแดงทำไม!? เห็นแล้วหงุดหงิดชะมัดเลยบัดซบเอ๊ย!
“เสร็จแล้วก็ไสหัวไปได้แล้ว ฉันจะได้พักผ่อน” ผมแสร้งว่าใส่ด้วยไม่อยากให้บรูคลินอยู่ที่นี่นาน
บรูคลินเหลือบมองผมด้วยสายตาหวาดๆ เล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าแล้วเปิดประตูกลับออกไป ทิ้งคีธให้อยู่กับผมตามลำพัง พอลับหลังบรูคลินไปแล้ว ผมก็พ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พยายามระงับอารมณ์หงุดหงิดที่เดือดพล่านไปทั่วร่างกายอย่างเต็มที่ ก่อนจะเดินหนีไปนั่งยังเก้าอี้แล้วทำงานต่อโดยไม่สนใจคีธอีกต่อไป
บ้าชะมัด... ทำไมผมต้องมาหงุดหงิดที่เห็นมันจูบกับคนอื่นด้วยวะเนี่ย
“กวินทร์เป็นอะไร” และเพราะผมทำเฉยชาใส่มัน คีธก็เลยถามออกมาอย่างนั้น
ผมชำเลืองมองหน้าหมอนั่นเล็กน้อย พลันปฏิเสธ
“ไม่ได้เป็นอะไร”
“แต่ฉันสัมผัสได้ว่านายกำลังโกรธ”
“ไม่ได้โกรธ”
“ตัวนายมีไอความร้อน สีหน้านายแสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจ นี่หรือเรียกว่าไม่ได้โกรธ”
ผมก็ลืมไปว่าหมอนี่มันประสาทสัมผัสดี อุตส่าห์เก็บอาการแล้วนะ ยังจะมารู้ดีอีก!
“ก็บอกว่าไม่ได้โกรธ ฉันแค่รำคาญ ฉันทำงานยุ่งขนาดนี้ยังมีพวกนายมากวนอีกเลยหงุดหงิดเว้ย” จนแล้วจนรอดผมก็ยังปากหนัก ปฏิเสธออกไปอยู่ดี
“นายโกรธ ไม่ได้รำคาญ”
“ไม่ได้โกรธ”
“โกรธ”
คีธจ้องหน้าผมนิ่งๆ โดยไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่งจนผมต้องเป็นฝ่ายหนีหน้า แม่ง มึงก็รู้ดีไปหมดทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องทะลึ่งๆ นั่นแหละ
“ตกลงโกรธเรื่องอะไร” และมันก็ถามขึ้นมาอีก
ผมยกมือขึ้นลูบหน้าประหนึ่งว่าระอากับความช่างตื๊อของมัน ก่อนจะหันกลับไปประจันหน้าอีกครั้ง
“โกรธที่นายมากินสารอาหารกับไอ้หน้าอ่อนนั่นในห้องฉันโดยไม่ขออนุญาตนี่แหละ” ไม่รู้ทำไมผมถึงหลุดปากพูดออกไป
คีธถึงกับยกยิ้มออกมาเมื่อผมยอมพูดความจริง ก่อนมันจะทำให้ผมต้องใจเต้นระรัวเมื่อมันพูดประโยคใหม่ขึ้นมา
“หึงฉันล่ะสิ”
ผมถลึงตาใส่มันทันควัน
กู-ไม่-ได้-หึง กู-แค่-ไม่-ชอบ!
“จะหึงนายทำไมวะ คิดว่าฉันเป็นเกย์หรือไง” ผมย่นคิ้วถาม แต่ก็ไม่ได้ทำให้คีธหยุดพูดอะไรเทือกนี้ออกมาได้เลย
“ถ้าไม่ได้หึง นายจะมาโกรธทำไม อยากกลับมาเป็นโฮสต์ให้ฉันอีกรอบมั้ยล่ะ นายจะได้ไม่ต้องโกรธอีก”
ทำไมวันนี้มึงพูดมากจังวะ!
“ไร้สาระฉิบหาย ฉันไปอาบน้ำละ” ผมตัดบทเอาดื้อๆ ด้วยไม่อยากจะถูกมันเค้นถามโน่นนี่อีกต่อไป พลันถอดเสื้อยืดออก เหลือเพียงกางเกงยีนส์เท่านั้น ก่อนเดินเข้าห้องน้ำไปหน้าตาเฉย กะว่าจะสงบจิตสงบใจเสียหน่อย
หากแต่คีธก็ไม่ยอมปล่อยผมให้ทำตามใจง่ายๆ พอผมจะปิดประตู หมอนั่นก็สอดมือเข้ามาดันประตูเอาไว้
“อย่าหนีสิกวินทร์”
กูไม่ได้หนี! กูจะอาบน้ำ!
ผมชักสีหน้าใส่พลันดันประตูปิด แต่ก็เท่านั้นแหละ ยังไงก็สู้แรงมหาศาลของไอ้มนุษย์ต่างดาวขี้ตื๊อนี่ไม่ได้ สุดท้ายก็ยอมปล่อยให้มันเข้ามา
“จะเข้ามาทำไม ฉันจะอาบน้ำ” พอมันเข้ามายืนในห้องน้ำได้ ผมก็แสร้งบ่นอุบ
คีธไม่ตอบ นอกจากถอดเสื้อยืดออกหน้าตาเฉย ทำเอาผมเบิกตาโตใส่มัน
มึงจะถอดทำไม!
“ฉันก็จะอาบน้ำกับกวินทร์ด้วย”
ผมถึงกับทำอะไรไม่ถูกเมื่อได้ยินมันพูดอย่างนี้
“งั้นนายอาบไปเลย ฉันไม่อาบแล้ว” ผมรีบหันหลังหนี ทำท่าจะออกจากห้องน้ำ แต่ก็ถูกคีธคว้าแขนเอาไว้ก่อน
“ไม่ต้องอาบด้วยกันก็ได้ แค่อยากใช้เวลากับกวินทร์ กวินทร์ล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วจะแก้ผ้าเมื่อไหร่ ฉันจะออกไป นะ อยู่ด้วยกันก่อน”
“ก็อยู่ด้วยกันข้างนอกไม่ได้หรือไงวะ” ผมว่า แล้วมันก็ทำให้คีธยิ้มเผล่
“ก็อยากอยู่ในนี้”
มึงหื่นจริงๆ ด้วยสินะ!
ผมพ่นลมหายใจเต็มแรง รู้แก่ใจว่าจะปฏิเสธอย่างไรก็เสียเปล่าเพราะไม่ว่าอย่างไร คีธก็ดึงดันจะทำสิ่งที่ต้องการให้ได้อยู่แล้ว ผมก็เลยตัดใจ เปิดประตูตู้ชั้นเก็บของเหนือกระจกอ่างล้างหน้า คว้าอุปกรณ์สำหรับล้างหน้าล้างตาออกมา แล้วเริ่มจัดการรวบผมตัวเอง ล้างหน้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้จนคีธที่ยืนอยู่ข้างๆ มองอย่างงงๆ
“จะรีบไปไหนน่ะกวินทร์”
รีบให้มึงรีบๆ ออกจากห้องน้ำไปนี่แหละ!
“อย่าถามมาก รำคาญ” ผมว่าหลังจากล้างหน้าเสร็จแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวมาซับหยดน้ำบนใบหน้า
คีธไม่ได้สนใจอะไร ได้แต่มองผมจัดการกับตัวเองเงียบๆ กระทั่งผมสังเกตเห็นว่าบริเวณใต้วงแขนตัวเองเริ่มมีขนอ่อนงอกขึ้นมาให้เห็นรำไร
บ้าฉิบ... เพิ่งจะแว็กซ์ไปก่อนจะมาแอลเอแท้ๆ งอกขึ้นมาอีกละ
เท่านั้น ผมก็เปิดประตูตู้ชั้นเก็บของอีกครั้งแล้วคว้าเอามีดโกนออกมา คีธมองผมในกระจกแล้วย่นหัวคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นผมยกแขนข้างหนึ่งขึ้น
“กวินทร์ทำอะไร”
“โกนขนรักแร้”
“โกนทำไม”
“ฉันไม่ชอบให้ตัวเองดูเหมือนคิงคอง” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก พลันจัดการกับเส้นขนอ่อนๆ ที่ขึ้นอยู่ใต้นั้นอย่างเบามือ
“แสดงว่ากวินทร์ก็ไม่ชอบคนขนเยอะ”
“ใครจะไปชอบวะ ยิ่งผู้หญิงที่มีขนเยอะๆ นะ เวลามีอะไรด้วยนี่อย่างกับมีอะไรกับลิง”
ผมพูดไปเรื่อย จะว่าผมสำอางหรือดูถูกเพศแม่อะไรก็เอาเถอะ แต่ผมเป็นผู้ชายประเภทที่ไม่ชอบให้มีขนขึ้นพรึ่บพรั่บบนร่างกายสักเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะขนใต้วงแขน ยกเว้นก็ส่วนกลางของลำตัวที่ยอมปล่อยให้มันมีตามธรรมชาติได้ ส่วนขนบริเวณอื่นเช่นแขนขานี่ยังพอทำเนา แต่ขนรักแร้นี่ไม่ไหวจะเคลียร์ ปกติแล้วผมก็ไม่ได้โกนด้วยนะ ใช้บริการร้านแว็กซ์เอา แต่เพราะมาแอลเอและก็ยุ่งจนหัวหมุนแทบทุกวันแบบนี้ ผมเลยไม่มีเวลาที่จะไปหาดูว่ามีร้านบริการแว็กซ์กำจัดขนที่ไหนบ้าง การโกนด้วยตัวเองจึงเป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็วที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ในตอนนี้
“ฉันก็อยากจะทำอย่างที่กวินทร์ทำบ้าง” จู่ๆ คีธก็พูดขึ้นมาขณะที่ผมจัดการกับใต้วงแขนของตัวเองข้างหนึ่งเสร็จ
“นายนี่มันเรื่องเยอะจริงๆ” ผมบ่นแต่ก็วางมือจากมีดโกนของตัวเองไปเปิดตู้เหนือกระจกแล้วหยิบมีดโกนอันใหม่ส่งให้หมอนั่นบ้าง
คีธรับมาถือพลางยกแขนข้างหนึ่งขึ้นแล้วจัดการโกนขนอ่อนๆ ใต้นั้นตามอย่างผมบ้าง ผมเหลือบมองผ่านกระจกเล็กน้อยอย่างหวาดเสียวเมื่อเห็นมันรูดใบมีดลงบนผิวเนื้ออย่างไม่เบามือ
“ระวังๆ หน่อย เดี๋ยวก็ได้บาดเอาหรอก”
ทีนี้มันเบามือได้ ทำให้ผมโล่งใจเป็นปลิดทิ้ง
“จริงๆ นายไม่ต้องโกนก็ได้นะ ไม่เห็นจะมีเลย จะโกนไปทำไม เดี๋ยวมันก็เป็นตอแข็งๆ ขึ้นมาหรอก” ผมว่าตามจริง จริงๆ แล้วคีธแทบจะไม่มีเส้นขนตามร่างกายเลยก็ว่าได้ ไม่รู้ว่าเพราะเป็นมนุษย์ต่างดาวหรือยังไง แต่ที่รู้ๆ คือน่าอิจฉาชะมัด แม้ว่าผมจะโชคดีที่ไม่มีขนหน้าอกและขนแขนขารึ่บรั่บ แต่ขนรักแร้นี่เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้จริงๆ
แต่สิ่งที่ผมเตือนไปเมื่อกี้นี้ ก็ไม่ได้ทำให้คีธหยุดมือได้ พอโกนข้างหนึ่งเสร็จแล้วก็หันไปโกนอีกข้างหนึ่ง ผมก็เลยปล่อยเลยตามเลย กลับมาจัดการกับใต้วงแขนของตัวเองบ้าง หากแต่คีธก็ทำให้ผมต้องเบิกตาแทบถลนเมื่อหมอนั่นสังเกตว่าบริเวณรอบหัวนมของตัวเองมีขนอ่อนเส้นเล็กๆ งอกออกมาเส้นหนึ่ง
ยะ...อย่าบอกนะว่า...
ผมคิดยังไม่ทันจะจบ คีธก็เลื่อนมือลงไปพร้อมกับมีดโกนแล้ว ก่อนที่จะ...
ปึ๊ด!
“โอ๊ย...”
มึงจะโกนหัวนมตัวเองทำด๋อยอะไร!?
เลือดสีเขียวอ่อนไหลซึมออกจากหัวนมของมันเล็กน้อยจนผมต้องรีบพุ่งเข้าไปแย่งมีดโกนจากในมือมันแล้วโยนทิ้ง พลันตรงไปดึงทิชชูสำหรับเช็ดชำระมาซับเลือดอย่างรวดเร็ว
“ทำบ้าอะไรของนาย ไม่เอาแล้วหรือไงหัวนมน่ะ!” ผมว่ารนๆ ใจก็อยากจะตบหัวมันให้หลุด คนบ้าอะไรโกนหัวนมตัวเองได้หน้าตาเฉย เป็นมนุษย์ต่างดาวโฮโมฯ อย่างเดียวไม่พอ สงสัยมึงคงอยากเป็นมนุษย์ต่างดาวหัวนมบอดด้วยสินะ!
คีธไม่พูดอะไร ยืนมองผมที่ซับเลือดให้กระทั่งเลือดหยุดไหลนิ่งๆ กระทั่งผมเป็นฝ่ายถามออกมา
“เจ็บมั้ยเนี่ย”
“ไม่เจ็บ”
ผมละสายตาจากหัวนมไปมองหน้ามันทันใด
“ไม่เจ็บ?”
“อืม ขนาดเอาหัวโขกโต๊ะอย่างแรงเมื่อวันก่อนยังไม่เจ็บเลย กวินทร์คิดเหรอว่าโดนมีดบาดแค่นี้ ฉันจะเจ็บ”
แล้วมึงจะโอ๊ยหาป้ามึงเหรอ! กูตกอกตกใจหมด!
ผมขยำกระดาษทิชชูแล้วปาใส่มันทันทีโทษฐานที่ทำให้ผมใจหาย คีธหัวเราะออกมาน้อยๆ ให้ผมได้ค้อนตาเขียว
“ไสหัวออกไปเลย ฉันจะอาบน้ำแล้ว” ผมว่าแล้วโบกมือไล่อย่างหัวเสียที่มันขยันแกล้งผมเหลือเกิน
แต่มันคงอยากจะแกล้งต่อ พอเห็นผมทำท่าจะหนี ก็รีบโพล่งขึ้นถ่วงเวลาเอาไว้
“แล้วไม่ใส่ยาให้ฉันเหรอ”
“อาบน้ำเสร็จจะใส่ยาให้”
“ถ้าติดเชื้อขึ้นมาจะทำยังไง”
“แค่หัวนมโดนบาดมันไม่ทำให้นายตายหรอกน่า ถึกขนาดนี้” ผมว่าเสียงขุ่น คีธเอียงคอแล้วหัวเราะเบาๆ อีกครั้ง แถมยังถือวิสาสะมาคว้ามือผมไปวางบนหน้าอกข้างที่มันโดนบาดอีกต่างหาก
“ใส่ยาให้หน่อยนะกวินทร์” ว่าอย่างเดียวไม่พอ ยังทำตาเป็นลูกหมาอีก
มึงนี่ก็ขยันอ้อนเหลือเกิน กูไม่ได้เป็นโฮสต์ให้มึงแล้วนะเว้ย!
“ไม่” ผมตอบห้วนๆ ให้คีธได้พูดขึ้นมาเป็นภาษาไทย
“นะกวินทร์ นะๆ”
ไปได้ยินประโยคอ้อนนี่มาจากไหนวะ!
ผมหลับตาลง พยายามข่มใจที่จะคล้อยตาม ทว่าจังหวะที่หลับตานี่แหละ มันก็ฉวยโอกาสลากผมออกจากห้องน้ำไปนั่งที่เตียง แล้วถามผมขึ้นทันใด
“ยาอยู่ไหน”
“ในกระเป๋าสีดำบนโต๊ะ” ผมว่าส่งๆ แล้วชี้ไปยังกระเป๋าสำหรับใส่ของใช้จำเป็น
คีธเดินไปควานหาของในนั้นเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาพร้อมกับแอลกอฮอล์ ยาใส่แผล สำลีและปลาสเตอร์ ผมไม่แปลกใจที่ทำไมมันรู้จักของพวกนี้ มันก็คงจะศึกษามาแล้วล่ะว่าของพวกนี้คืออะไร
พอมันเอาของมาวางตรงหน้าผม ผมก็พยักหน้าให้มันนั่งลงแล้วจัดการทำแผลให้
“นายนี่มันงี่เง่าชะมัด” ทำแผลไป ผมก็ก่นด่ามันไป
คีธไม่พูดอะไรกระทั่งผมทำแผลเกือบจะเสร็จ วินาทีนี้นี่เองที่จู่ๆ มันก็เอ่ยปากขึ้นมาเรียกความสนใจผมไปฉับพลัน
“กวินทร์...”
“อะไร”
“เสียว”
เสียวเตี่ยมึง!
ผมมองหน้านิ่งๆ ของมันทันควันราวกับขอคำตอบว่าเสียวอะไรทั้งที่ใจก็รู้อยู่แล้วว่ามันเสียวที่หัวนมนี่แหละ แม่งมีปฏิกิริยาตอบสนองกับการสัมผัสของผมขนาดนี้ มึงคงไม่ได้เสียวอย่างอื่นแล้วล่ะ
“จะเสร็จแล้ว ทนหน่อย” ผมว่ารนๆ รีบทำแผลให้มันจบๆ ไป
ทว่าคีธมันไม่ยอมให้เรื่องน่าอัปยศนี่จบง่ายๆ คว้ามือผมที่วนเวียนอยู่บนหน้าอกไปจับไว้แน่น แล้วเอื้อมมืออีกข้างหนึ่งมาจับหน้าอกผมบ้าง แถมจุดที่จับก็เป็นจุดที่ตอบสนองกับการสัมผัสไวอีกต่างหาก
“กวินทร์เสียวมั้ย”
ดะ...เดี๋ยว!
จับอย่างเดียวไม่พอ นี่มึงเขี่ยด้วย! หยุดเขี่ยเดี๋ยวนี้!
“ทำบ้าอะไรเนี่ย!” ผมโวยวายลั่นทันควันเมื่อร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนอง พยายามเอี้ยวตัวหลบแต่ก็ถูกคีธโถมน้ำหนักลงมากดให้ผมนอนราบลงบนเตียง
ฉะ...ฉิบหายแล้ว! ขนาดไม่ได้เป็นโฮสต์มันแล้วก็ยังโดนมันกดอีกเหรอเนี่ย!
“ปล่อยนะเว้ย!”
ผมรีบผลักมันออกก่อนที่อะไรๆ จะเลยเถิดไป แต่คีธไม่ยอมปล่อยง่ายๆ มิหนำซ้ำยังกระซิบข้างหูผมอีก
“ตอบแทนที่กวินทร์ทำแผลให้”
มึงก็ตอบแทนด้วยวิธีการอื่นที่ไม่ใช่การเขี่ยหัวนมกูได้มั้ยเล่า!
“ไม่ต้องเลย ถอยออกไป!”
ผมยังคงดิ้น ทว่าการดิ้นทำให้คีธยิ่งล็อคตัวผมแน่น แล้วมันก็ทำในสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นมากที่สุด ก็คือการที่มันแตะริมฝีปากลงมาเบาๆ บนแผงอกผมแล้ว แล้วไล้แผ่วเบาไปเฉียดในส่วนที่ไม่ควรจะโดน ผมถึงกับเกร็งตัวแข็ง หลับหูหลับตาปี๋ทันที ได้สติอีกครั้งก็ตอนที่มันพูดออกมาอีกรอบนี่แหละ
“สีชมพู...”
สีอะไรก็เรื่องของกู! ถอยออกจากหัวนมกูได้แล้ว!
“ลุกไปได้แล้วเว้ย!” ผมโวยวายอีกครั้ง แต่คีธก็ทำให้ผมต้องหุบปากสนิทไปเมื่อมันเลื่อนริมฝีปากหยักเข้ามาครอบครองยอดอกผมโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า
ผมกระตุกเฮือกที่จู่ๆ ก็โดนจู่โจม เข้าใจความรู้สึกริชาร์ดในตอนนี้เองว่าทำไมมันถึงได้หนีแอสตันนัก ที่แท้ก็กลัวจะถูกมันทำแบบนี้นี่เอง!
แต่น่าแปลกที่การถูกคีธสัมผัสไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกขยะแขยงเหมือนตอนถูกซีเลนลวนลาม มิหนำซ้ำ ผมยังตอบสนองไปตามสัมผัสวาบหวามนั่นอีกจนผมแทบไม่มีสติจะคิดอะไรต่อ นอกจากหลุดครางฮืมออกมาเท่านั้น
คีธละริมฝีปากออกจากตัวผมแล้วเงยหน้าขึ้นมองพลางยิ้มเผล่
“เสียวดังก็ได้นะกวินทร์”
มะ...มึงนี่เห็นทำนิ่งๆ แบบนี้ หื่นตัวพ่อเลยนี่หว่า! ตลอดมานี่มึงนี่มันแกล้งโง่สินะ ทำหน้าซื่อๆ นิ่งๆ มึงน่ะหื่นกามกว่าไอ้แอสตันอีก!
ผมได้สติก็ในตอนนี้ ยกมือขึ้นผลักหน้ามันออกห่างจากตัวจนแล้วรีบพาตัวเองออกมาจากใต้ร่างมันอย่างรวดเร็ว
“ยะ...อย่าทำอะไรแบบนี้อีก” ผมว่าละล่ำละลัก พยายามข่มใจตัวเองที่ตอนนี้มีเพลิงราคะเข้าครอบงำไปทั่วทุกอณูไปแล้วอย่างสุดทน บอกตรงๆ ว่าตอนนี้ผมแทบจะไม่กล้ามองหน้าคีธเลยด้วยซ้ำ ได้แต่ก้มหน้างุด ซ่อนความอับอายที่พร่างพรายขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
จะมีก็แต่คีธนี่แหละที่เห็นผมอายแล้วชอบใจ ซ้ำยังจ้องหน้าผมนิ่งๆ พลางว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“กลับมาเป็นโฮสต์ให้ฉันมั้ย”
“ไม่” ผมตอบโดยแทบไม่ต้องเสียเวลาคิด
“ทำไม”
“ก็ไม่อยากเป็น! จะถามอะไรนักหนาวะ มีไอ้บรูคลินอยู่แล้วก็ไปดูดปากกับมันโน่น!” ผมแสร้งอารมณ์เสียใส่
คีธมีแววตาหม่นไปเล็กน้อย ทว่าครู่เดียวก็กลับมาเป็นปกติ
“ฉันอยากให้นายเป็นโฮสต์ให้ฉันนะ แต่ไม่อยากบังคับ ไว้กวินทร์ยินยอมเมื่อไหร่ก็บอกฉันแล้วกัน”
ผมใจเต้นตึกตักขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ออกจากปากหมอนั่น ความกรุ่นโกรธที่เห็นคีธจูบกับบรูคลินในตอนแรกมลายหายไปราวกับว่ามันไม่เคยเกิด ยิ่งหันไปมองหน้าคีธที่มองผมด้วยสีหน้าจริงจังแล้ว ผมก็รู้เลยว่าหมอนี่พูดจริง
ที่แท้หมอนี่ก็แคร์ผม... รู้สึกดีชะมัด แต่จะให้มันมาวางไข่แล้วคลอดมันออกมาอีกก็ทำใจยากอยู่เหมือนกันนะ
“เออ ไว้อยากแล้วจะบอก” คราวนี้ผมไม่ได้ปฏิเสธเสียทีเดียว
คีธหยักยิ้มออกมาได้ ผมเลยตัดบทโดยการจะกลับไปอาบน้ำอีกครั้ง ทว่าแค่เดินผ่านมันไป คีธก็คว้ามือผมเอาไว้ให้ผมหันไปมองเป็นเชิงถาม
“ฉันจะรอ”
ผมใจเต้นระรัวขึ้นมาก็ในตอนนี้ รีบพยักหน้าส่งๆ ให้แล้วชักมือออก เดินหนีเข้าห้องน้ำไปสงบสติอารมณ์อย่างรวดเร็ว
หะ...ให้ตาย หรือว่าผมจะชอบมันเข้าให้แล้ววะเนี่ย...
 ----------------------------------------
คีธหื่นเปิดเผยมากตอนนี้ 555 แม่ยกซับเลือดกำเดากันรัวๆ กวินทร์น้อยนี่เริ่มรู้ใจตัวเองละ หึงเขาไปเรื่อยแต่ทำซึน อิอิ แถมรู้แล้วด้วยว่าคีธแกล้งหื่นหน้าซื่อ ฮาาา หลงยอมให้ข่มเหงอยู่ตั้งนานสองนาน XD


ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
หื่นจริงๆเลยนะคีธ :hao3:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
คนเขียนได้ใจมากๆ เขียนสนุก แถมยังอัพบ่อยๆอีก ^.^

รีบๆ สมยอมเร็วๆนะ กวิน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-12-2015 20:52:29 โดย ดำดีสีไม่ตก »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DKTime

  • ขอบเขตความรู้สึกยิ่งใหญ่ ความเสียใจอาจแฝงไว้ในความเฉยชา....
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-2
    • https://twitter.com/UKnowJJTime_DK
ชอบๆๆๆๆๆๆๆ บอกได้เลยว่าชอบมากกกกกกก ชอบจริงจังเลยอ่ะ หัวเราะตั้งแต่ต้นเรื่องยันท้ายเรื่องเลยจริงๆ มาต่อไวๆนะครับ ภาษารื่นไหลดี อ่านแล้วเข้าใจง่าย ไม่สะดุดด้วย ชอบครับ

ออฟไลน์ zaturday

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
มีคนแนะนำเรื่องนี้มาให้อ่านเมื่อวาน แต่ส่งลิ้งในเด็กดีมาให้ อ่านได้ไปสี่ห้าตอน.ปวดตาอ่ะ เราไม่ค่อยชอบเด็กดีเท่าไหร่ ดีใจที่วันนี้เห็นเรื่องนี้ในเล้า จะตามอ่านในนี้แหล่ะ เรื่องสนุก นายเอกฮาเกรียนดี ชอบๆ มาต่อไวๆนะ เรารออยู่

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
แม๊ะ.....แค่หัวนมพี่ยังเป็นขนาดนี้  พี่ไม่อยากคิดถึงตอนผูกพันกันเลย :hao6:

ออฟไลน์ shannara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
อยากให้กลับมาเป็นโฮสต์

หรือให้มาเป็นเมียจ๊ะ พ่อหนุ่มมม :katai2-1:

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
แหมเต็มใจให้เขากระทำจริงๆนะกวินทร์ หึหึ :hao6:

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 15: Zylen is hungry[1]
หรือผมจะชอบคีธเข้าให้แล้ว?
คำถามนี้วกวนอยู่ในหัวผมตลอดทั้งคืนจนผมข่มตานอนไม่หลับ ยิ่งมีคีธนอนร่วมเตียงอยู่ข้างๆ ด้วยแล้ว ไม่ต้องถามเลยว่าผมได้นอนไปกี่ชั่วโมง ให้นับเป็นนาทีจะดีกว่า เผลอหลับไปถึงชั่วโมงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผล็อยหลับได้นิดหน่อยก็สะดุ้งตื่นเพราะจิตใต้สำนึกดันทำให้ฝันถึงภาพตอนถูกมันกดประทุษร้ายกับหัวนมซะได้ พอฟ้าสว่างและถึงเวลาไปทำงาน ทีนี้ก็รู้เลยว่านรกอยู่ใกล้แค่เอื้อม ผมทั้งปวดหัวเนื่องจากอดนอนทั้งคืน ทั้งง่วงจนแทบจะล้มพับให้ได้ ออกอาการชนิดที่ว่าแม้แต่คีธเองก็สังเกตเห็น
“ไหวมั้ยกวินทร์” หมอนั่นถามขึ้นมาขณะที่ผมกำลังหัวเสียกับการสวมเสื้อยืดกลับด้านไปเมื่อครู่ด้วยความเบลอและกำลังใส่ใหม่อีกครั้ง
“ไหวอะไร” ผมแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าหมอนั่นถามถึงอะไร คีธมองหน้าผมนิ่งๆ ก่อนจะพูดแสกหน้าออกมา
“ก็ทนไหวมั้ย เมื่อคืนนายไม่ได้นอนทั้งคืนนี่นา”
มันรู้ได้ไงวะ!
“เป็นอะไรถึงนอนไม่หลับ” รอบนี้ถามตรงประเด็นขึ้นมาอีก ให้ผมได้รีบบ่ายเบี่ยง
“ไม่ได้เป็นอะไร”
“ไม่ได้เป็นอะไรแล้วทำไมถึงนอนไม่หลับ”
“นายนี่ก็ถามมากจังวะ นอนไม่หลับก็เพราะฉันไม่ชินที่นายมานอนด้วยนี่หว่า” ผมโกหกออกไปด้วยไม่ต้องการให้คีธถามซักไซ้โดยลืมไปสนิทเลยว่าคีธไม่ได้มานอนร่วมกับผมแค่ไม่กี่คืนเท่านั้น และหมอนั่นก็คงจะคิดเช่นเดียวกันเลยพูดออกมาดักทางผมไว้
“แค่ไม่ได้นอนด้วยกันสองคืนเนี่ยนะไม่ชิน?”
“เออ”
“นายนอนไม่หลับเพราะถูกฉันเล้าโลมมากกว่า”
ผมตวัดดวงตาไปมองมันอย่างตกใจทันทีที่จู่ๆ มันก็พูดขึ้นมาโต้งๆ ความร้อนพร่างพรายไปทั่วใบหน้าฉับพลัน และทวีมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นหน้าหล่อนั่นแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มมุมปากน้อยๆ
“นิดๆ หน่อยๆ ทำเป็นตื่นเต้น”
มึงไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี! ได้ทีนี่แกล้งกูใหญ่เลยนะ!
ผมมองสีหน้านิ่งเรียบนั้นครู่หนึ่งแล้วก็แสร้งทำเมินกลบเกลื่อน ก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยอ่อน ทำให้คีธที่นั่งอยู่เดินเข้ามาคว้าข้อมือผมเอาไว้
“อะไรอีก”
“นายนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะฉัน ฉันจะชดเชยความผิดให้”
ผมมองหน้าหมอนั่นอย่างงงๆ ก่อนจะประจักษ์ขึ้นมาได้ว่าคีธจะทำอะไรเมื่อมันยื่นนิ้วชี้มาให้ผม
“ดูดสิ”
“ไม่เอา พอเลยไอ้เรื่องดูดนิ้วเนี่ย ฉันไม่ดูดนิ้วนายอีกแล้ว” ผมปัดมือใหญ่ที่จ่อมาตรงหน้าออก คีธย่นคิ้วเล็กน้อยแล้วยื่นมาตรงหน้าผมอีกครั้ง
“ดูดซะกวินทร์ เดี๋ยวไม่มีแรงทำงาน”
“ไม่”
“อย่าต้องให้ใช้กำลังนะ เดี๋ยวเตียงพัง เผลอๆ ฉันจะไม่หยุดเหมือนเมื่อวานด้วย”
มะ...มึงมันเจ้าเล่ห์!
พอพูดมาอย่างนี้ ผมก็ยอมสิ คว้ามือหมอนั่นมาจ่อตรงปาก ถลึงตามองหน้ามันเล็กน้อยอย่างหัวเสียพลางขมุบขมิบปากด่ามันไปด้วย ก่อนจะอ้าปากงับปลายนิ้วนั่นอย่างยอมจำนน
น้ำรสหวานไหลลงคอผมทีละน้อย เรี่ยวแรงที่ถดถอยเริ่มคืนกลับมา พอผมรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีกำลังวังชาขึ้นมานิดๆ ผมก็ถอนริมฝีปากออก ทำเอาคีธย่นหน้ามองผมทันใด
“ดูดต่อสิกวินทร์”
“พอแล้ว”
“แต่นายยังอ่อนแอ”
“บอกว่าพอแล้วไง!” คราวนี้ผมขึ้นเสียงที่มันตอแยเหลือเกิน ก่อนจะเดินไปคว้ากระเป๋ามาสะพาย เตรียมตัวจะออกนอกห้อง ทว่าก็ต้องลอยหวือเมื่อถูกคีธคว้าเข้ามาที่ต้นแขนเข้าอย่างจัง
ลอยเข้าไปหามันยังพอทำเนา แต่นี่ลอยไปกระแทกลงบนเตียงพร้อมกับร่างใหญ่ที่โถมทับลงมาบนตัวผม ผมถึงกับเบิกตากว้าง มองหน้าไอ้มนุษย์ต่างดาวหื่นกามอย่างหวาดหวั่นทันใด
“ดูดอีกหน่อยนะ จะได้มีแรงกว่าเดิม”
มึงก็บอกกูดีๆ โดยที่ไม่ต้องกดกูได้มั้ยเล่า!
ผมไม่พูดอะไร มองนิ้วชี้ของคีธที่จ่อมาตรงหน้าก่อนตัดสินใจดูดอีกครั้ง และเพราะการดูดสารอาหารจากนิ้วของคีธในครั้งนี้มันต่างจากครั้งอื่นๆ ตรงที่ผมยินยอม และคีธก็อยู่ใกล้ผมเพียงคืบ ทำเอาความหวั่นไหวเมื่อวานหวนกลับคืนมาจนก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายผมเต้นระทึกประหนึ่งจะแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ และใจเต้นยิ่งกว่าเดิมเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ จากคนตรงหน้าที่กำลังจ้องผมด้วยสายตายากจะอ่าน
“พะ...พอแล้ว” ผมรีบตัดบทก่อนที่หัวใจตัวเองจะมีอาการผิดปกติไปมากกว่านี้
คีธยอมดึงมือออก อมยิ้มน้อยๆ ที่เห็นผมดูมีเรี่ยวแรงขึ้น
“ยิ้มบ้าอะไรอยู่ได้ เสร็จแล้วก็รีบลุกไป ฉันจะได้ไปทำงาน” ผมแสร้งโวยเมื่อเห็นว่าคีธไม่ยอมลุกจากตัวผมสักที
แต่ไอ้บ้าคีธมันหน้าด้าน ไล่แล้วก็ยังไม่ไป แถมยังจ้องหน้าผมนิ่ง อมยิ้มไม่หยุดอีกต่างหากจนผมต้องเป็นฝ่ายยกมือขึ้นดันอกมันออก
“ลุกออกไป!”
หมอนั่นคว้ามือผมที่ดันอกตัวเองเมื่อครู่ออกแล้วกดมันลงกับฟูก ผมถึงกับใจหายวาบ ก่อนที่จะรีบรวบรวมสติให้มั่นเมื่อมันเรียกชื่อผมขึ้นมา
“กวินทร์”
“อะไร”
“กลับมาเป็นโฮสต์ให้ฉันเถอะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ นายนี่มันตื๊อจังวะ”
“ก็ฉันอยากให้กวินทร์เป็นโฮสต์ให้มากกว่า”
ยอมรับก็ได้ว่าผมรู้สึกดีนะที่คีธเห็นผมสำคัญกว่าบรูคลิน แต่มันเรื่องอะไรที่ผมจะต้องไปยอมทำตามมันด้วยล่ะ อุตส่าห์เป็นอิสระแล้ว ใครจะโง่กลับไปอยู่ในกรงอีก
“ไม่มีทาง แล้วก็ปล่อยฉันได้แล้ว” ผมก็ปฏิเสธหนักแน่นไปพลันพยายามดันตัวหมอนี่ให้พ้นกายอีกครั้ง
แต่ก็เท่านั้นแหละเพราะผมถูกคีธตรึงแขนทั้งสองข้างเอาไว้อยู่ และเพราะถูกตรึง กอปรกับเมื่อครู่ที่ผมปฏิเสธที่จะกลับไปเป็นโฮสต์ให้มันไป คีธก็เลยจ้องหน้าผมนิ่งแล้วว่าออกมาเนิบๆ
“ถามดีๆ แล้วไม่ยอม งั้นก็ช่วยไม่ได้”
ช่วยไม่ได้อะไรของมึง! มึงจะบังคับข่มเหงกูอีกล่ะสินะ!
สัญชาตญาณบอกเลยว่าอีกไม่กี่อึดใจจะมีเรื่องชวนเสียวไส้บังเกิดขึ้น แล้วก็จริงเสียด้วยเมื่อมันเรียกชื่อผมออกมา
“กวินทร์”
“อะ...อะไรอีก”
ผมถามเสียงเครือ ใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ ขึ้นมาพลัน แล้วก็ต้องพรึงเพริดหนักเมื่อมันไม่พูดอะไรออกมา แต่ลงมือปฏิบัติแทนโดยการปล่อยมือผมออกให้เป็นอิสระข้างหนึ่ง แล้วมันก็ใช้มือของตัวเองที่ว่างอยู่ล้วงเข้าไปใต้เสื้อผม ลูบไล้หน้าท้องผมไปมาก่อนจะลามไปยังหน้าอกจนอะไรต่อมิอะไรลุกขึ้นมายืนเคารพธงชาติตามเวลาท้องถิ่นแอลเอเป็นที่เรียบร้อย โชคดีที่มันยังยืนตรงแค่ช่วงบน แต่นั่นก็ทำให้ผมดิ้นพล่านเป็นปลาโดนน้ำร้อนลวกได้ทันควัน
“อย่านะเว้ย!” ผมแหกปากร้องลั่น พยายามจะหยุดมันด้วยการเตะเข้าที่หว่างขา
ทว่าพอผมยกขาขึ้น ไอ้บ้าคีธก็เล่นใหญ่ แทรกตัวเข้ามาระหว่างกลางหน้าตาเฉย
“เปิดทางให้อย่างนี้ก็คงจะปฏิเสธไม่ได้”
กูไม่ได้เปิดทาง! มึงหน้าด้านแทรกเข้ามาเองต่างหาก!
ความรู้สึกของผู้หญิงที่ผมเคยตะล่อมขอมีอะไรด้วยสมัยก่อนเป็นยังไง ผมสัมผัสได้อย่างลึกซึ้งก็ในตอนนี้ แม่งเอ๊ย! อุบาทว์กว่านี้มีอีกมั้ย!
ถ้ารู้ว่ากรี๊ดมันทำกันยังไง ผมคงจะกรีดร้องโหยหวนไปแล้ว แต่ในเวลานี้ที่ผมทำได้ก็คือการแหกปากโวยวาย ดึงตัวเองออกมาจากการรุกล้ำของมันเท่านั้น
“ลุกออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ย! ห้ามผูกพัน! ห้ามๆๆ!”
คีธมันฟังที่ไหน ยิ่งผมร้องลั่นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำหน้าเหมือนสะใจ... จริงๆ ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาหรอก แต่สายตามันแพรวพราวมากกว่าปกติ สายตาเหมือนนักล่าที่จ้องมองเหยื่อไร้ทางสู้ก่อนจะกระชากวิญญาณออกมาจากร่างอะไรประมาณนั้น แล้วมันก็ทำให้ผมแทบอยากจะร้องไห้เมื่อมันเริ่มขยับตัวทีละน้อย แม้ว่าร่างกายของเราทั้งคู่จะมีเสื้อผ้าปกปิดอย่างมิดชิด แต่ผมสาบานได้เลยว่าผมสัมผัสได้...
สัมผัสได้จริงๆ...
สัมผัสได้ถึงดาบเลเซอร์มันเนี่ย! มึงมาเคารพธงชาติอะไรตอนนี้ไอ้คีธ! นี่ไม่ใช่หนังเรื่องสตาร์วอร์นะเว้ย! เก็บดาบเลเซอร์มึงลงไปเดี๋ยวนี้!
“หยุดสิวะ!” ผมยังคงแหกปากอย่างต่อเนื่อง แล้วก็ต้องเงียบเสียงไปเพราะถูกมือใหญ่เลื่อนมาปิดปากไว้แน่น มือของผมข้างที่ยังเป็นอิสระอยู่ดึงมือมันที่ปิดปากออกเป็นพัลวัน ขณะที่ตัวก็เคลื่อนไหวเป็นจังหวะตามการเคลื่อนตัวของไอ้มนุษย์ต่างดาวโฮโมฯ ตรงหน้า
แล้วก็ต้องกระตุกเฮือกอย่างไร้เรี่ยวแรงเมื่อคีธโน้มใบหน้าลงมาข้างใบหู ก่อนจะอ้าปากงับและขบเบาๆ ผมขนลุกไปทั้งตัวจนเรี่ยวแรงในการดิ้นเมื่อครู่หดหายไปอย่างน่าประหลาด พลันได้สติอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงทุ้มดังขึ้นเรียบๆ
“น่าเสียดายที่ไม่ใช่ของจริง” ว่าจบ มันก็ผละออกจากผม ทิ้งให้ผมมองหน้ามันอย่างตะลึงงันที่จู่ๆ มันก็หยุดเอาดื้อๆ ขณะที่มันยิ้มน้อยๆ ออกมา
นะ...น่าเสียดายปู่มึง! อีกนิดเดียวกูก็จะได้เสียกับมึงอยู่แล้วเนี่ย!
ผมรีบกระเด้งตัวขึ้นมา พุ่งเข้าไปถีบมันเต็มแรงทีนึงอย่างหัวเสีย คีธไม่สะทกสะท้านนอกจากหัวเราะในลำคอเท่านั้น ส่วนผมก็รีบคว้ากระเป๋าเดินออกจากห้องทันทีที่ตั้งหลักได้โดยมีมันเดินตามหลังมาแบบทองไม่รู้ร้อน
แม่ง กูยิ่งไม่มั่นใจรสนิยมตัวเองอยู่ มึงรุกหนักขนาดนี้ เดี๋ยวกูก็ได้กลายเป็นเมียมึงเข้าจริงๆ หรอก แถมถ้าเป็นเมีย คงจะเป็นเมียน้อยซะด้วยเพราะมันมีไอ้บ้าบรูคลินเอาไว้ดูดปากอยู่แล้ว คิดแล้วก็หงุดหงิด แต่ก็ช่างแม่ง รีบไปตามริชาร์ด แล้วรีบไปทำงานเถอะ
ทว่าพอผมเปิดประตูออกมา จากตอนแรกที่ตั้งใจไปตามริชาร์ดก็เป็นอันต้องล้มเลิกเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเพื่อนตัวเองยืนเกาะขอบประตูแน่นในสภาพอิดโรยโดยมีแอสตันคอยประคองอยู่ข้างๆ และพอแอสตันเห็นหน้าผม หมอนั่นก็เป็นฝ่ายร้องทักขึ้น
“อรุณสวัสดิ์กวินทร์ พร้อมไปทำงานกันแล้วสินะ”
ผมพยักหน้ารับส่งๆ ไม่ได้สนใจสิ่งที่แอสตันพูดสักเท่าไหร่นักด้วยเอาแต่มองริชาร์ดที่วันนี้มันดูแปลกๆ ไป
“เป็นไรวะริชาร์ด” แล้วผมก็อดสงสัยถามออกไปไม่ได้
ริชาร์ดสะดุ้งเฮือก มองหน้าผมด้วยสีหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ
“มะ...ไม่เป็นอะไร” มันเปล่งน้ำเสียงแห้งผากออกมา ฟังก็รู้เลยว่ามันเป็นแน่นอน
“ไม่สบายหรือเปล่าวะ ดูอาการไม่ค่อยดีเลย”
“สบายดี... ฉันสบายดี”
ผมหรี่ตาลงอย่างจับผิด ดูยังไงมันก็ไม่เห็นจะสบายดีอย่างที่ปากพูด หากแต่พอผมทำท่าจะถามขึ้นอีก แอสตันก็แทรกขึ้นขัดเสียก่อน
“ไม่ต้องเป็นห่วงไปกวินทร์ เดี๋ยวเราให้ริชาร์ดกินสารอาหารจากเรา อาการก็จะดีขึ้น”
ผมพยักหน้าส่งๆ แล้วโบกมือเป็นเชิงให้พวกมันเตรียมตัวไปทำงานได้แล้ว ริชาร์ดปล่อยมือออกจากขอบประตู ค่อยๆ ก้าวขาไปข้างหน้าทีละก้าวอย่างยากลำบาก แอสตันทำท่าจะไปประคองทว่ากลับถูกริชาร์ดปฏิเสธด้วยสีหน้าหงุดหงิด ก่อนแอสตันจะพยายามเข้าไปช่วยประคองอีก ทว่าสุดท้ายก็ได้แต่เดินตามต้อยๆ อยู่ใกล้ๆ เพราะถูกริชาร์ดแหวใส่
เห็นท่าทางแบบนั้น ผมก็ยิ่งหรี่ตาพินิจท่าทางพวกมันหนักกว่าเดิมเพราะมองยังไงก็เหมือนกับเมียงอนผัวไม่มีผิดเพี้ยน แล้วก็ต้องเอะใจขึ้นมาฉับพลันเมื่อได้ยินริชาร์ดร้องโอดโอยออกมาพร้อมกับยกมือข้างหนึ่งมาประคองสะโพกไว้ แอสตันรีบเข้าไปช่วย แล้วก็ถูกด่ากราดเป็นภาษาจีนกลับมาอีก
ผมรู้ดีว่าอาการที่ปรากฏกับริชาร์ดเมื่อครู่คืออะไร เพราะผมเคยเห็นมันจากผู้หญิงที่ผมเคยนอนด้วยหลายต่อหลายครั้ง และนั่นก็ทำให้ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
สะ...สะโพกคราก... หรือว่าเมื่อคืนริชาร์กับแอสตันจะ...
ผมรีบสลัดความคิดบ้าๆ ออกจากหัวด้วยไม่อยากคิดต่อ ทว่าคีธที่ยืนอยู่ข้างหลังผมก็พึมพำขึ้นเบาๆ ตอกย้ำความคิดอกุศลของผมมากขึ้นไปอีก
“สงสัยเมื่อคืนองค์ชายคงจะลืมออมแรง”
พะ...พวกมึง...พวกมึงคงไม่ได้ผูกพันกันใช่มั้ย!
ผมใจสั่นก็ในตอนนี้ ก่อนจะรีบถอยห่างจากคีธให้เร็วที่สุดโดยการจ้ำอ้าวตามหลังริชาร์ดกับแอสตันไปดุจติดเทอร์โบ
อันตราย...อันตราย...อันตราย...
ในหัวนี่มีแค่คำนี้ผุดพรายขึ้นมา นี่ถ้าเมื่อกี้ผมพลาดไปล่ะก็ คงจะได้สะโพกครากอย่างไอ้ริชาร์ดแน่ๆ
ไอ้มนุษย์ต่างดาวพวกนี้มันหื่นได้อันตรายจริงๆ!
 

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 15: Zylen is hungry[2]
ผมไม่เป็นอันทำงานทำการตลอดทั้งวัน นอกจากคอยระวังไม่ให้คีธเข้ามาใกล้เวลาอยู่ในที่ลับตาคนแล้ว สายตาก็ยังจับจ้องไปที่ริชาร์ดตลอดเวลาเมื่อเห็นมันออกอาการสะโพกครากอยู่เนืองๆ ผมอยากจะถามมันให้แน่ใจใจจะขาดว่ามันไปทำอะไรอย่างที่ผมคิดไว้มาหรือไม่ ทว่าก็ไม่มีโอกาสเพราะแอสตันตัวติดมันตลอดเวลา แถมยังงานยุ่งจนหาเวลาว่างสำหรับพูดคุยไม่ได้ แต่พระเจ้าก็เข้าข้างผมเมื่อแอสตันต้องเข้าฉากและริชาร์ดมีเวลาว่างให้นั่งพักเพราะไม่มีฉากที่ต้องใช้เอฟเฟ็กต์ระเบิด ผมก็ไม่รอช้า เข้าไปหยอดถามมันทันใดขณะที่มันกำลังค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างยากลำบาก
“ริชาร์ด”
“ว่า?”
“เจ็บสะโพกเหรอ”
ริชาร์ดสะดุ้งเล็กน้อย หันมามองหน้าผมด้วยสายตาตื่นๆ ก่อนรีบเก็บอาการอย่างรวดเร็ว
“ปะ...เปล่า เจ็บหลังน่ะ เมื่อคืนนอนตกเตียง”
“เจ็บหลัง... เจ็บหลังแล้วจับสะโพกทำไมวะ”
ริชาร์ดเหลือบมองหน้าผมอย่างหวาดๆ ทันที ผมเองก็เหล่ตามองมันอย่างจับผิด ก่อนมันจะรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ละ...หลังกับสะโพกใช้กล้ามเนื้อส่วนเดียวกันน่า อย่าไปสนใจเลย ไปทำงานต่อไป เดี๋ยวเข้าฉากใหม่ นายต้องดูแลคิวนักแสดงไม่ใช่เหรอ ไปๆ ไปทำงาน”
ผมพยักหน้าเออออไปตามเรื่อง แต่ในใจนี่รู้ชัดแจ้งแดงแจ๋เลยว่าสิ่งที่ผมคิดไว้ตอนแรกคือเรื่องจริงแน่ๆ ตอนนี้ผมชักจะมั่นใจแล้วล่ะว่ามันได้เสียเป็นผัวเมียกับแอสตันเป็นที่เรียบร้อยแล้วถึงมันจะไม่ยอมรับออกมาแม้แต่คำเดียวก็ตาม
ผมก็ใจหายเหมือนกันนะที่ริชาร์ดมันโดนกระทำหื่นกามถึงขั้นนี้แม้ว่าในตอนแรกผมจะสะใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นมันโดนแอสตันลวนลามบ่อยๆ ก็ตาม แต่ก็ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าผมเอาตัวเองให้รอดก่อนดีกว่า
หากแต่ก่อนจะเดินกลับไปทำงานเหมือนเดิม ผมก็อดทิ้งท้ายให้ริชาร์ดมันเสียวสันหลังวาบไม่ได้เมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อของใครอีกคนที่วันนี้ไม่มีคิวถ่ายทำขึ้นมาได้
“พรุ่งนี้ซีเลนมีเข้าฉาก ระวังมันมาหลีนายไว้แล้วกัน เจอหน้ามันแล้วเดี๋ยวจะเจ็บหลังเพิ่มกว่าเดิม”
ริชาร์ดหันมาค้อนผมขวับทันที ส่วนผมก็หยักยิ้มให้มันเล็กน้อยแล้วเดินกลับไปทำงานต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
 
เพราะความไม่มั่นใจว่าผมชอบคีธหรือแค่หวั่นไหว ทำให้ผมมายืนอยู่ที่คลับใต้ดินชั้นสูงแห่งหนึ่งไม่ไกลจากสตูดิโอมากนักหลังจากเลิกงาน ที่มาที่นี่ก็เพราะผมได้ยินคนในสตูดิโอว่ากันว่าเป็นแหล่งล่าเหยื่อชั้นดีที่รับประกันได้ว่าจะได้เหยื่อชั้นดีกลับไปกินแน่นอน ผมก็เลยจัดการขอยืมบัตรสมาชิกวีไอพีจากพนักงานในสตูดิโอคนหนึ่งที่เป็นขาประจำของคลับแห่งนี้ ที่มาก็เพราะต้องการพิสูจน์ตัวเองนั่นแหละว่าผมไม่ได้เบี่ยงเบน และยังมีรสนิยมชอบเพศตรงข้ามเหมือนเดิม
ภายในคลับแห่งนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากคลับที่ผมเคยไปกับเอมิเลีย มีหญิงสาวและชายหนุ่มที่เคยเห็นผ่านจอโทรทัศน์มากหน้าหลายตามารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ส่วนใหญ่เป็นพวกดารานายแบบ-นางแบบที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรมาก และอีกจำนวนหนึ่งก็เป็นพวกคนที่ทำงานเบื้องหลังวงการฮอลลีวูดแต่ส่วนใหญ่จะมีบทบาทใหญ่โต ผมเองก็แนะนำตัวว่าเป็นคนเบื้องหลังวงการฮอลลีวูดเช่นกัน ติดอย่างเดียวที่ไม่ได้อธิบายต่อว่าเป็นแค่นักศึกษา ป.โทที่มาช่วยงานอาจารย์เท่านั้น
และเพราะแนะนำตัวอย่างนี้ก็เลยทำให้ผมล่าเหยื่อได้ไม่ยากนัก เพียงไม่ถึงชั่วโมงที่มาเหยียบในคลับแห่งนี้ ผมก็ล่ากวางสาวเจ้าเนื้อได้ ผมจำได้ว่าเธอเป็นนางแบบให้แบรนด์แฟชั่นแบรนด์หนึ่งเพราะเคยเห็นเธอเดินแบบให้แบรนด์นั้นบ่อยๆ ทว่าผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก นอกจากเริ่มปฏิบัติการกินอาหารจานด่วนเท่านั้น
อาหารจานด่วนที่ว่าก็คือการจัดการธุระให้เสร็จสิ้นในห้องน้ำของคลับนั่นแหละ
ผมกอดรัดนัวเนียกับเธอตั้งแต่มาถึงหน้าห้องน้ำชาย เธอเป็นผู้หญิงร้อนแรงพอที่จะทำให้ความกำหนัดของผมก่อติดได้โดยใช้เวลาไม่นานนัก ผมผลักเธอเข้าไปในห้องสุขาห้องเกือบริมด้านในสุดของห้องน้ำเพราะห้องในสุดมีใครบางคนใช้อยู่แล้ว พลันจัดการลงกลอนแล้วปิดฝาชักโครก ยกตัวเธอให้ขึ้นไปนั่งพลางกอดจูบเธอนัวเนีย
“มีถุงยางมั้ย” ผมถามเสียงกระเส่าขณะที่เธอสอดมือเข้าไปใต้เสื้อเพื่อลูบไล้แผ่นหลังของผม ก่อนที่เธอจะดึงมือออกไปค้นกระเป๋าสะพายใบเล็กๆ ของตัวเองแล้วหยิบบางอย่างออกมาให้
“มี”
ผมไม่แปลกใจนักหรอกว่าทำไมเธอถึงพกของแบบนี้มาด้วย เธอก็คงจะเที่ยวแบบนี้บ่อยเลยเตรียมพร้อมเซฟตัวเองไว้นั่นแหละ
ผมผละจากเธอมารับซองเล็กๆ นั่นมาฉีกออก ก่อนทำท่าจะปลดเข็มขัดกางเกงตัวเอง หากแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงครางกระเส่าของผู้ชายดังออกมาจากห้องข้างๆ
ให้ตายเถอะ ไอ้บ้านี่เพิ่งจะเคยเป็นครั้งแรกหรือไงวะ ร้องอย่างกับถูกเชือด
ผมทำทีเป็นไม่สนใจ แต่ก็ได้แค่แป๊บเดียวเท่านั้นเมื่อเสียงนั้นยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแน่นอนว่ามันสร้างความรำคาญให้กับผมมาก มิหนำซ้ำยังทำให้เพลิงราคะเมื่อครู่มอดลงไปอีกต่างหาก
ก็มันจะไปมีมากขึ้นกว่าเดิมได้ยังไงล่ะในเมื่อเสียงนั่นเป็นเสียงผู้ชาย ไม่ใช่เสียงผู้หญิงนี่หว่า!
แค่เสียงร้องยังคงไม่สาแก่ใจ เพิ่มเสียงดังตึงตังของวัตถุที่กระแทกเข้ามากับผนังด้วย ทำเอาผมกับผู้หญิงที่มาด้วยถึงกับมองหน้ากันอย่างหงุดหงิดทันควัน
“เฮ้ย! เบาๆ หน่อย!” สุดท้ายผมก็ตะโกนอย่างหัวเสีย แต่เสียงดังกึงกังและเสียงร้องครางกระเส่าก็ไม่ได้ลดระดับความดังลงได้เลยจนผมต้องพ่นลมหายใจออกมา ตะโกนใส่ห้องข้างๆ อีกครั้ง
“บอกให้เบาๆ หน่อยไงวะไอ้เวร!” ตะโกนใส่อย่างเดียวไม่พอ ด่าทับไปด้วยแต่ก็เหมือนฝั่งนั้นจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลยสักนิด แถมยังจะดังมากขึ้นด้วย ทำเอาผมที่กำลังอยู่ในอารมณ์กลัดมันหมดอารมณ์เป็นปลิดทิ้งทันที ไม่เพียงแค่ผมเท่านั้น หญิงสาวตรงหน้าก็ทำหน้าระอาพลางว่าขึ้นมาเช่นกัน
“ทำให้มันเงียบเสียงเร็วๆ เข้าสิ ฉันรำคาญจะแย่แล้วนะ”
“ฉันก็รำคาญเหมือนกันแหละน่า” ผมว่ากระชากเสียงใส่เธอเล็กน้อย ก่อนละมือที่ประคองบั้นท้ายเธออยู่ไปทุบผนังกั้นระหว่างห้องน้ำเต็มแรง
“เงียบหน่อยโว้ย!”
ปึงๆๆ!
ฝั่งนั้นเงียบไปอึดใจหนึ่ง... อึดใจหนึ่งจริงๆ เงียบคล้ายราวกับว่าหยุดฟัง แล้วมันก็ดังบรรเลงขึ้นอีก ทำเอาเส้นความอดทนเส้นสุดท้ายของผมขาดสะบั้น
“ไอ้เวรเอ๊ย...”
ผมครางออกมา ส่วนผู้หญิงที่มากับผมก็ชักสีหน้า จัดแจงแต่งเนื้อแต่งตัวให้เรียบร้อยอย่างรวดเร็ว
“ให้ตายเถอะ น่ารำคาญชะมัด ฉันขอยกเลิกก็แล้วกัน เชิญนายไปหาคนใหม่เอาข้างหน้าเถอะ” ว่าจบก็เดินพรวดออกไปทันที
ผมมองตามอย่างเสียดายเล็กน้อย พอลับหลังร่างอวบอัดนั่น ผมก็หันกลับมาจ้องผนังห้องน้ำที่ยังคงสั่นคลอนอย่างหงุดหงิด
เพราะมึงคนเดียวเลย! มึงจะเล่นชักกะเย่อกันเสียงดังไปไหนวะ!
ผมเดินออกจากห้องน้ำมาบ้าง กะว่าจะกลับอพาร์ตเม้นต์เพราะคืนนี้ฤกษ์ไม่ดีซะแล้ว ทว่าในจังหวะที่ผมเดินออกมา ห้องข้างๆ ก็ทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันเสร็จพอดี ผมหันไปมองร่างบางของผู้ชายผมสีบรูเน็ตในสภาพอิดโรย ใบหน้าแดงเรื่อเจือด้วยเม็ดเหงื่ออาบพรายทั่วทำให้ผมรู้ทันทีว่ามันคือไอ้ตัวต้นเหตุของเสียงเมื่อครู่ ผมเกือบจะหลุดด่ามันแล้วว่าไร้สมบัติผู้ดีไปแล้วถ้าสายตาไม่ชำเลืองไปเห็นว่านอกจากผู้ชายคนนั้นที่เดินออกมาจากห้องสุขาข้างๆ แล้ว ยังมีผู้ชายอีกคนเดินตามออกมาอีก
และผู้ชายคนนั้นก็คือ...
“ซีเลน!” ผมโพล่งเรียกชื่ออีกฝ่ายที่กำลังติดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำของตัวเองอยู่สุดเสียง
ซีเลนเหลือบมามองหน้าผมเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกว้าง
“เอ้า คนดูแลคิวในกองถ่ายนี่นา มาทำอะไรน่ะ”
กูอยู่ในห้องน้ำแบบนี้ ไม่มาใช้ส้วมก็มาทำอย่างที่มึงทำนั่นแหละไอ้ดาราฮอลลีวูดหื่นกาม!
ตอนนี้ผมไม่แปลกใจแล้วล่ะว่าทำไมการแข่งขันชักกะเย่อของห้องข้างๆ เมื่อครู่ถึงได้มีแต่เสียงผู้ชายดังอยู่ฝ่ายเดียว ที่แท้แม่งก็ถูกไอ้ซีเลนกินหัวกินหางอยู่นี่เอง
“ไว้เจอกันใหม่นะ” ซีเลนไม่ได้สนใจผมเลยแม้แต่น้อย พอใส่เสื้อเสร็จก็โบกมือให้กับคู่ขาคนเมื่อครู่ที่ยิ้มรับให้ก่อนที่หมอนั่นจะเดินออกไป
พอในห้องน้ำเหลือแค่ผมกับซีเลนเพียงสองคน สถานการณ์ชวนกระอักกระอวลก็หลั่งไหลเข้ามาปะทะทันที ผมตั้งท่าจะเดินออกจากห้องน้ำไปบ้างแต่ก็ต้องชะงักเมื่อซีเลนนึกได้ว่าผมยังไม่ได้ตอบคำถามเมื่อครู่
“แล้วตกลงนายมาทำอะไรที่นี่”
“เข้าส้วม” ผมไม่กล้าบอกว่าพาเหยื่อมากินเพราะเดี๋ยวมันต้องรู้แน่ว่าผมอดกินโดยมีสาเหตุมาจากมัน
แต่ถึงจะโกหกไปก็เท่านั้นแหละ ซีเลนมันไม่ได้เป็นหนุ่มน้อยอินโนเซ้นส์ที่ไม่รู้ประสีประสา แค่มองหน้าผม มันก็เห็นไปถึงกระดูกดำแล้ว
“ขอโทษแล้วกันที่ฉันทำให้นายอารมณ์ค้าง อัดอั้นมานานก็เลยจัดหนักไปหน่อย”
มันว่าขึ้นมาลอยๆ ทำเอาผมย่นคิ้วไปเล็กน้อย แล้วโบกมือให้มันเป็นเชิงไม่เป็นไร ก่อนตั้งท่าจะออกจากห้องน้ำอีกครั้ง ในเวลาอย่างนี้ผมไม่ค่อยอยากจะเสวนากับมันสักเท่าไหร่ ยิ่งเคยถูกมันลวนลามมาถึงสองครั้งแล้ว ผมก็ยิ่งไม่อยากอยู่กับมันสองต่อสอง
หากแต่มันก็ทำให้ผมต้องเสียวสันหลังวาบเมื่อมันว่าขึ้นมาอีก
“เพื่อชดเชยความผิด แล้วก็ต้อนรับในฐานะเพื่อนร่วมงาน ฉันจะช่วยนายปลดปล่อยอารมณ์ค้างคาเองก็แล้วกัน”
ฉิบหายแล้ว!
ผมสั่งให้ขารีบพาตัวเองออกไปจากพื้นที่ตรงนั้นให้เร็วที่สุด แต่ไอ้บ้าซีเลนมันไวกว่า ตะครุบตัวผมไว้ได้ก่อนที่ผมจะเดินพ้นธรณีประตูไป มิหนำซ้ำ มันยังปิดประตูห้องน้ำด้านหน้า จัดการล็อคไม่ให้คนด้านนอกเข้ามาได้อีก ผมหันไปมองหน้ามันอย่างตะลึงงันทันใด ขณะที่มันยังคงถามผมหน้าตาเฉย
“นายชื่ออะไรนะ ฉันลืมไปแล้ว”
มึงไม่ได้ลืม! มึงไม่เคยถามต่างหาก!
ผมไม่ทันจะตอบ ซีเลนก็ทำหน้าเหมือนนึกขึ้นมาได้แล้วว่าออกมา
“อ๋อ ชื่อเควิน ฉันได้ยินริชาร์ดเรียกอยู่บ่อยๆ เป็นคนไทยด้วยนี่ รู้สึกว่าจะชื่อกวินทร์ใช่มั้ย”
ผมไม่หือไม่อือ ไม่แม้แต่จะแปลกใจที่หมอนี่เรียกชื่อภาษาไทยของผมได้ชัดเจน นอกจากถอยห่างจากมันอย่างเดียวเท่านั้น แต่ถอยไปก็เหมือนพายเรือวนในอ่าง เพราะซีเลนเดินตามมาเรื่อยๆ แถมยังแลบลิ้นเลียริมฝีปากให้ใจหล่นวูบอีกต่างหาก
“จะว่าไปนายก็หน้าตาดีนะ หน้าตาดีกว่าริชาร์ดซะอีก ฉันชักจะถูกใจนายขึ้นมาแล้วแฮะ”
มึงไม่ต้องมาถูกใจกูเลย! มึงไปตะล่อมไอ้ริชาร์ดโน่น!
“ไม่ตลกนะซีเลน ฉันไม่เล่น” ผมว่าเสียงแข็งกระทั่งถอยหลังไปจนติดกำแพง
ซีเลนขยับเข้ามาใกล้แล้วยกมือขึ้นยันกำแพงดักทางผมไว้เพื่อไม่ให้ผมหนี
“ฉันก็ไม่ได้เล่น เอาจริง เมื่อกี้ยังไม่หนำใจเท่าไหร่”
ไม่หนำใจบ้านมึงสิ! กำแพงห้องส้วมจะพังครืนลงมาขนาดนั้นน่ะ! มึงจะหื่นไปไหน!
“ไม่หนำใจก็ไปตามคู่นายกลับมาสิวะ” ผมว่าเสียงขุ่น สายตาก็มองหาทางหนีทีไล่ไปด้วย
“รายนั้นรับไม่ไหวซะก่อนก็เลยต้องหยุด” มันว่าออกมาเนิบๆ ให้ผมได้มองมันตาเขียว
“ก็ไปหาใหม่ ฉันไม่มีรสนิยมไม้ป่าเดียวกัน” พูดจบ ผมก็พยายามจะแทรกตัวออกมาจากวงแขนแกร่งนั้น
ทว่าแค่มุดหัวออกมา ซีเลนก็ใช้มือข้างที่ว่างมาคว้าผมไปแล้วผลักให้แผ่นหลังติดกำแพงอีกครั้ง
“ฉันว่าฉันเคยบอกนายแล้วว่านายไม่ได้เป็นเกย์ก็ไม่เป็นไร ฉันเป็นคนเดียวก็พอนี่นา”
“ไม่เอาเว้ย!” ผมเริ่มเสียงดังขึ้นมาบ้างแล้ว กะว่าเผื่อคนข้างนอกผ่านมาได้ยินจะได้เข้ามาช่วย
มันก็เป็นความหวังลมๆ แล้งๆ นั่นแหละ เพราะทันทีที่สิ้นเสียงผม ซีเลนก็ดันตัวเข้ามาเบียดผมจนร่างของเราแนบชิดกัน แนบชิดอย่างเดียวไม่ว่า ผมสัมผัสได้ถึงดาบเล่มเขื่องของมันด้วย
มะ...มึงอย่าเพิ่งชักดาบ! ขอเวลากูตั้งตัวแป๊บ! เดี๋ยว!
“ท้องยังหิวอยู่ กลับบ้านไปนอนตอนท้องหิวๆ นี่คงนอนไม่หลับ” มันไม่ได้ฟังผมเลยแม้แต่น้อย มีแต่พูดสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูด
ผมกลืนน้ำลายเอื้อกทันควัน ก่อนจะผลักมันออกเต็มแรง
“ถอยออกไปนะเว้ย!”
ซีเลนคว้าแขนผมหมับพลันตรึงไว้กับผนัง ผมเบิกตาโต ดูท่าทางมันก็รู้เลยว่าไม่ธรรมดา ไอ้บ้านี่คงต้องช่ำชองมากแน่นอนถึงได้รับมือกับการจู่โจมของอีกฝ่ายได้ง่ายดายขนาดนี้
“ขอกินก่อน แล้วจะปล่อยไป”
ผมอยากจะร้องไห้ให้น้ำตากลายเป็นสายเลือด ทำไมเรื่องบัดซบถึงจะต้องเกิดขึ้นถึงสองครั้งในวันเดียวกันด้วยก็ไม่รู้!
“ไม่ให้กินอะไรทั้งนั้นแหละ หยุดก่อนที่ฉันจะเอาข่าวนายไปขาย! หยุดนะเว้ย!” ผมขู่ฟ่อเมื่อซีเลนโน้มหน้าเข้ามาใกล้
เหมือนจะได้ผลเพราะหมอนั่นชะงักไปแล้วผละมามองหน้าผมเล็กน้อย
“ขายข่าวรึ? เอาสิ ขายไปเลย ฉันจะได้ขอส่วนแบ่งล่วงหน้าเยอะๆ”
วะ...เวรแล้ว! ผมก็ลืมไปว่าเคยขู่มันด้วยประโยคนี้มาก่อนและมันก็ใช้ไม่ได้ผล ผมเลยงัดไม้ตายใหม่ขึ้นมาต่อรองก่อนที่มันจะโน้มหน้าฝังริมฝีปากลงบนซอกคอผมทันใด
“ปล่อยนะซีเลน! อย่าทำแบบนี้ เดี๋ยวมองหน้ากันไม่ติดนะเว้ย ไอ้ริชาร์ดล่ะ ริชาร์ด! นายจีบมันอยู่ไม่ใช่หรือไง ถ้านายปล่อยฉันไปนะ ฉันรับปากเลยว่าจะช่วยพูดให้มันไปนอนกับนายให้!”
“ริชาร์ดเหรอ” ซีเลนชะงักทันควัน
“ใช่ๆ ริชาร์ดน่ะ เดี๋ยวฉันชดเชยด้วยการช่วยนายให้ได้กินมันแทน โอเคมั้ย? จะวางยา ดักตีหัว ลักพาตัวอะไรก็ได้ ฉันยอมช่วยทุกอย่างเลย ไปกินมันนู่น มันเป็นเกย์ เกย์หล่อๆ แบบนาย มันชอบ!”
งานขายเพื่อนต้องมา ต้องขออภัยริชาร์ดรัวๆ ช่วยไม่ได้จริงๆ ที่พูดออกไปแบบนี้ ถ้าไม่พูดไปแบบนี้ ผมคงเสร็จมันแน่
ซีเลนยิ้มเผล่ รอยยิ้มของหมอนี่ดูดีเป็นบ้าถ้าหากว่ามันไม่ได้ยิ้มในเวลาอย่างนี้น่ะ
“น่าสนใจนี่”
ผมใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย... เล็กน้อยจริงๆ ก่อนที่มันจะทำให้ผมรู้สึกเหมือนจะตายให้ได้อีก
“แต่ตอนนี้ฉันหิว อยากกินนายมากกว่า”
ใครจะไปยอมให้มึงกินหัวหินหาง กินกลางตลอดตัวกันล่ะเว้ย!
“หยุดความคิดบ้าๆ นั่นเดี๋ยวนี้เลยซีเลน เอามือออกจากก้นฉันด้วย!” ผมโวยวายลั่นทันทีที่มันเริ่มกลายร่างจากดาราฮอลลีวูดเป็นปลาหมึก แต่โวยวายไปก็เสียแรงเปล่า เพราะมันไม่หยุด
นอกจากไม่หยุดแล้วยังลามปามมากขึ้นด้วย ไม่ใช่แค่ขยำก้นผมอย่างเมามันส์อย่างเดียว ยังบดเบียดท่อนล่างของตัวเองแนบแน่นกว่าเดิม ผมขนลุกซู่ไปทั้งตัว ตั้งท่าจะด่ากราดมันอีกครั้ง แต่ทำได้แค่เผยอปาก ริมฝีปากอิ่มของซีเลนก็เข้าครอบครองเรียวปากผมแล้ว
ผะ...ผมถูกผู้ชายจูบเป็นคนที่สองในชีวิต!
ความรู้สึกเหมือนจะขาดใจตายให้ได้พร่างพรายเข้ามาในหัวแม้ว่าจูบของซีเลนจะไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าจูบของคีธเลยก็ตาม จะว่าไปเรียกว่าชำนาญและช่ำชองกว่าด้วยซ้ำ แถมยังไวเป็นกรด เพราะมันไม่ได้จูบอย่างเดียว มือที่นัวเนียกับบั้นท้ายผมก็เลื่อนมาที่หัวเข็มขัดด้านหน้า จัดการปลดมันออกอย่างรวดเร็วแล้วสอดมืออุ่นร้อนลงไปเหนือท้องน้อยผม ดีที่มันยังไม่โดนส่วนที่ควร ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ผมคงจะได้ร้องไห้จริงๆ แน่
จังหวะนั้นผมเอี้ยวตัวหนีเป็นพัลวัน หนีทั้งจูบ ทั้งมือมัน โชคดีที่พระเจ้ายังเข้าข้างผม บันดาลเสียงทุบประตูและเสียงโวยวายให้ดังขึ้นหน้าห้องน้ำ เรียกความสนใจจากซีเลนไปยังต้นเสียงแทนการพยายามปล้ำผมได้
“ใครอยู่ในห้องน้ำวะ! เปิดประตู มีคนจะอ้วก!”
ผมอาศัยโอกาสที่ซีเลนเปิดช่องว่างพาตัวเองวิ่งไปยังประตูทันใด พลันหมุนลูกปิดให้เปิดออกแล้ววิ่งหน้าตั้งเข้าไปยังฟลอร์เต้นรำโดยไม่สนใจว่าตัวเองจะอยู่ในสภาพไม่เรียบร้อยแค่ไหน ต่อให้แก้ผ้าเป็นชีเปลือย ผมก็ไม่สนใจอยู่ดี ทางที่ดีที่สุดคือรีบหนีจากไอ้บ้ากามนั่น ไม่ใช่เวลามากังวลเรื่องโป๊อะไรแบบนั้น
ทว่าไอ้ซีเลนกลับไม่ยอมปล่อยให้ผมเป็นอิสระง่ายๆ วิ่งตามออกมา แถมยังร้องตะโกนเรียกจนคนทั้งฟลอร์หันมามองผมเป็นตาเดียวอีกด้วย
“กวินทร์! รอก่อน!”
ใครจะไปรอมึง รอให้มึงมาปล้ำหรือไง!
วิ่งไป ผมก็จัดการสวมกางเกงไปด้วย ไอ้ซีเลนก็วิ่งหน้าตั้งมา ตอนนี้ผมเหมือนนางเอกละครที่เพิ่งถูกพระเอกปล้ำเสร็จมาหมาดๆ วิ่งไล่ตามชะมัด ดีที่ใช้เวลาไม่นานก็หลุดออกมาจากคลับนั้นได้ และประจวบเหมาะที่มีแท็กซี่คันหนึ่งผ่านมาพอดี ผมจึงโบกมือเรียกโดยไม่หยุดใคร่ครวญใดๆ ทำให้ซีเลนที่เพิ่งวิ่งตามออกมามองตามรถที่ผมกระโจนขึ้นไปนั่งด้วยสายตาเจ็บใจที่วิ่งตามผมไม่ทันเท่านั้น
ผมถึงหายใจโล่งทันที แต่ก็ไม่โล่งเท่าที่ควรเมื่อรถแล่นผ่านหน้าซีเลนไปโดยมีหมอนั่นจ้องผมเขม็งพร้อมกับพูดโดยไม่มีเสียงพอให้อ่านปากได้ว่า ‘พรุ่งนี้นายไม่รอดแน่’ ทิ้งท้ายเอาไว้
บ้าฉิบ... ไอ้บ้านั่นมันจ้องริชาร์ดอยู่ไม่ใช่หรือไงวะ ทำไมจู่ๆ ถึงได้กลายเป็นแบบนี้ได้เนี่ย!
-----------------------------------
ตอนนี้อะไรไม่รู้ ทำไมหื่นกันทุกคนและทั้งตอน 555 กวินทร์นี่โดนหนักมาก ส่วนริชาร์ดสะโพกครากคืออัลไลลลล ฮาาาา

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
ซีเลนน่าจะโดนรุกบ้างให้หายซ่า

ออฟไลน์ nadty27

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เอาอีกๆ
(นอนลงไปดิ้นกับพื้น)
 ฮืออออ รอคนแต่งเน๊อออ

ออฟไลน์ farfarneenee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
พึ่งเข้ามาอ่านนนนน สนุกอะ ชอบๆๆๆๆ มาต่อเร็วๆน้าาา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด