Alien's Host ลูกชายผมเป็นเอเลี่ยน[เปิดขายหนังสือ'แก๊งเกรียนเอเลี่ยน']-30/10/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Alien's Host ลูกชายผมเป็นเอเลี่ยน[เปิดขายหนังสือ'แก๊งเกรียนเอเลี่ยน']-30/10/59  (อ่าน 134877 ครั้ง)

ออฟไลน์ มิดไนท์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :m20:บ ถ้าไม่เกรงใจ แม่งจะเบ้เป็นเลขแปดไทยด้วย :laugh:

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
เราเกิดข้อสงสัยมานานและ ตกลงว่าอีตาซีเลนนี่เป็นชาวต่างดาวด้วบหรือเปล่าเนี่ย  :hao4:
รอตอนหน้านะคร๊าาาา คีธใกล้ได้จับกวินท์กินตับแว้ว  :hao6:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
สงสัยเหมือนกัน

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 20: Kawin vs Brooklyn for Keith[1]
หลังจากรอดพ้นความหื่นกามของไอ้ซีเลนมาได้ ผมก็ไม่สนใจมันอีกเลยตลอดทั้งวัน ไม่สนใจแม้แต่จะถามบรูคลินว่ามันโดนซีเลนทำอะไรหรือเปล่าแต่อย่างใดเพราะผมรู้ว่ามันต้องโดนอยู่แล้ว และแน่นอนว่าผมไม่รู้สึกผิดที่โยนขี้อย่างซีเลนให้มันเก็บกวาดแม้แต่นิดเดียว
ก็มันอยากผูกพันกับคีธดีนักนี่หว่า ให้มันผูกพันซะให้สมใจ เอาให้ไอ้ซีเลนจัดหนักให้กระอักตายกันไปข้าง!
ฟังดูเหมือนผมเลวนะที่ทำแบบนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ มันหมั่นไส้นี่หว่า ถึงจะรู้ว่าพวกมนุษย์ต่างดาวพวกนี้มีคติว่าการได้ผูกพันกับชาวยูนิกม่าหรือมีลูกให้นั้นถือเป็นเกียรติอันสูงสุด แต่เสนอตัวถึงขนาดนี้มันก็ใช่เรื่องมั้ยวะ ทำซะผมนี่อายแทนมันเลย
และพอรอดจากปากเหยี่ยวปากกาของซีเลนมาได้ วันนั้นทั้งวัน ผมไม่ได้คุยกับคีธอีกเลย ...อย่าเรียกว่าไม่ได้คุย เรียกว่าผมไม่กล้าสู้หน้าหมอนั่นดีกว่าเลยทำให้ไม่ได้คุยกัน แม้ว่าคีธจะพยายามเข้าหาอยู่เนืองๆ แต่พอผมเห็นปุ๊บ ผมก็แสร้งทำเป็นยุ่ง ไม่ก็มีธุระปะปังต้องจัดการปั๊บ ก็จะให้ผมสู้หน้ายังไงได้ล่ะ เมื่อคืนมันเพิ่งจะปล้ำผมมาเองนะ ยิ่งตระหนักได้ว่าที่มันขอผูกพัน ขอมีลูกกับผม เป็นเพราะมันชอบผม ผมก็ยิ่งไม่กล้าสู้หน้าเข้าไปใหญ่ ล่าสุดที่ผมเห็นคีธพยายามเข้าหา ผมก็แกล้งทำเป็นว่ายังป่วยและยังมีอาการหนักอยู่ รีบหนีกลับไปที่เต็นท์พยาบาล คีธก็เลยไม่ตามมา ผมเลยรอดจากการเผชิญหน้ากับมันไปทั้งวันเต็มๆ
จนเช้าวันใหม่ ผมก็ยังไม่กล้าสู้หน้าคีธอยู่ดี เอาแต่หลบหน้าจนมันไปฟ้องริชาร์ด ริชาร์ดจึงเป็นหน่วยจู่โจมเข้ามาหาผมเพื่อไถ่ถามสาเหตุที่ผมไม่ยอมพูดกับคีธทันทีที่เจอหน้ากันในตอนเช้าที่เต็นท์สำหรับทำงาน
“ทำไมนายไม่คุยกับคีธฮะเควิน” มันเปิดฉากโดยไม่รอให้ผมได้ทักทายอะไร
ผมมองหน้ามันพลางจิบกาแฟขณะรอเริ่มงาน ก่อนจะสวนคืนนิ่งๆ
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายวะ”
“ก็ไม่อยากจะเกี่ยวหรอก แต่คีธฝากมาถาม” มันว่าพลางเดินไปชงกาแฟบ้าง ผมนี่ย่นคิ้วยู่เลย
“นายไปเป็นพวกไอ้มนุษย์ต่างดาวพวกนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ฮะถึงต้องมาออกหน้าถามแทนมันเนี่ย”
“ตั้งแต่ที่สะโพกครากแล้ว” ริชาร์ดว่าหน้าตาเฉย เดินกลับมานั่งข้างผมให้ผมได้เบ้ปากใส่มัน
โถ... ไอ้เจ๊กมีผัวแล้วลืมกำพืด! อีกหน่อยถ้าไอ้แอสตันมันจะครองโลกขึ้นมา มึงคงเป็นแกนนำสนับสนุนผัวมึงเลยสินะ!
“ตกลงทำไมนายไม่คุยกับคีธ” มันถามขึ้นมาอีกเมื่อเห็นว่าผมไม่พูด
“ก็ไม่มีอะไร แค่ไม่อยากคุย” ผมตอบเลี่ยงๆ ไปว่าที่ไม่อยากคุย จริงๆ เป็นเพราะไม่กล้าสู้หน้าหลังถูกปล้ำมาอย่างโชกโชนต่างหาก
ทว่าริชาร์ดไม่ใช่คนโง่ เห็นผมพูดอย่างนั้นมันก็จับผิดทันใด
“ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะคีธขอมีอะไรด้วย แล้วก็ขอมีลูกด้วยเหรอวะที่ทำให้นายไม่อยากคุยกับหมอนั่น”
มึงไม่ต้องมาทำเป็นรู้ดี! กูอุตส่าห์ไม่พูดแล้วนะเนี่ย!
ผมไม่ตอบ ได้แต่มองมันตาเขียวที่มันพูดแทงใจดำอย่างนั้น ทำให้มันโพล่งขึ้นมาอีก
“นายไม่ชอบคีธเหรอวะ”
ประโยคที่หลุดออกจากปากมันครั้งนี้ก็ทำให้ผมสำลักกาแฟที่กำลังกระดกเข้าปากทันใด
“แค่ก...พะ...พูดอะไรของนายเนี่ย”
“ฉันก็แค่ถามว่านายไม่ชอบคีธเหรอก็เท่านั้น จะตกใจทำไมเนี่ย”
ผมไอโขลก โบกมือปัดเป็นพัลวันเป็นเชิงว่าไม่มีอะไร หากแต่ริชาร์ดมันไม่เชื่อ หรี่ตาที่เล็กอยู่แล้วให้เล็กลงกว่าเดิม พยายามจับพิรุธผมอย่างสุดความสามารถ
“นายชอบคีธแน่ๆ ฉันว่า”
“ชอบป้ามึงสิ” ผมสวนกลับเป็นภาษาไทยอย่างลืมตัว ทำเอาริชาร์ดย่นคิ้ว ผมเลยพูดเป็นภาษาอังกฤษขึ้นมา “ไม่ได้ชอบเว้ย”
“งั้นเหรอ” ริชาร์ดเชิดหน้าขึ้นราวกับไม่เชื่อ
“เออ ไม่ได้ชอบ”
“แต่คีธชอบนายนะ ชอบมากซะด้วย” แล้วมันก็ทำให้ผมแทบจะทำแก้วกาแฟในมือหล่นลงพื้น
“มัน...มันก็แค่พูดเล่นน่า อย่าไปสนใจ” ผมแสร้งทำเป็นไม่ยอมรับ ทว่าริชาร์ดก็ทำให้ผมใจเต้นแรงขึ้นมา
“หมอนั่นเพิ่งจะบอกกับฉันมาหมาดๆ เองว่าชอบนาย ฉันก็ดูออก ไม่งั้นคงไม่ขอให้ฉันมาคุยกับนายอย่างนี้หรอก”
ผมเงียบไปทันใด
กะ...กูรู้แล้วว่ามันชอบกู มึงก็ไม่ต้องมาย้ำก็ได้ กูก็อายเป็นหรือเปล่าวะ!
“แล้วนายล่ะชอบคีธหรือเปล่า” ได้ที มันก็ถามขึ้นมาอีก
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ชอบ เลิกถามซะทีได้มั้ยวะ เห็นฉันเป็นเกย์หรือไง” ผมชักจะหัวเสียก็ตอนนี้ที่ถูกริชาร์ดคาดคั้นไม่หยุด แต่ริชาร์ดไม่สนใจ พูดขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกรู้สา
“ถ้าชอบก็ลุยๆ ไปเลย เรื่องเป็นเกย์หรือไม่ได้เป็นเกย์มันไม่ใช่ข้ออ้างว่ะถ้านายจะชอบหมอนั่นจริงๆ ฉันเห็นนายลีลาท่ามากแบบนี้แล้วรำคาญว่ะ ลุยแบบฉันเนี่ย ลุยไปเลยจะได้จบๆ”
ก็กูไม่ได้เป็นคนใจง่ายแบบมึงนี่หว่าไอ้เจ๊ก! อีกอย่างนะ กูยังไม่รู้เลยว่ากูชอบคีธจริงหรือเปล่า หรือแค่หวั่นไหวชั่วครู่เท่านั้น มึงอย่ามากดดันกูได้มั้ย!
“ฉันไม่ได้ชอบ...” สุดท้ายผมก็ชักรำคาญกับการคาดคั้นของเพื่อนสนิทจนว่าเสียงแข็งออกมาอีกครั้ง
ริชาร์ดพยักหน้ารับส่งๆ แล้วว่าปิดท้าย
“โอเคๆ ก็แล้วแต่นายนะ แต่ถ้าชอบคีธล่ะก็ ฉันแนะนำให้รีบลุย ไม่งั้นล่ะก็เสร็จบรูคลินแน่ รู้ไม่ใช่เหรอว่าพวกสองพี่น้องนั่นกำลังจ้องแอสตันกับคีธอยู่ ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน เดี๋ยวฉันไปทำงานก่อน” ว่าจบ มันก็ถือแก้วกาแฟเดินออกจากเต็นท์ไป
ผมมองตามหลังมันเงียบๆ พร้อมกับความรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาในอกเมื่อตระหนักได้กว่าเดิมว่าบรูคลินพยายามจะทำอะไร แม่ง คิดแล้วก็อยากจะตบหัวไอ้พี่น้องคู่นั้นให้คว่ำนัก พวกมึงจะกระสันอะไรกันนักกันหนาวะ!
ไม่เพียงแต่ร้อนวูบวาบในร่างกาย ยังหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไร้เหตุผลอีกด้วย ก่อนที่ผมจะรีบเก็บความรู้สึกนั้นลงไปเมื่อถูกด็อกเตอร์มาร์ตินตามตัวให้ไปช่วยงาน
บ้าชะมัด... ความรู้สึกนี้มันเหมือนกำลังหึงหวงคีธไม่มีผิด หรือผมควรจะต้องยอมรับว่าชอบคีธเข้าให้แล้วจริงๆ นะ?
 
ตลอดวันทั้งวัน ผมทำงานแทบไม่รู้เรื่องเลยก็ว่าได้เพราะในหัวมีแต่เรื่องของคีธเต็มไปหมด ยิ่งต้องมาทำงานคอยดูแลคิวนักแสดงและสตั๊นแมนในฉากที่มันเล่นด้วยแล้ว สมาธิของผมก็กระเจิดกระเจิงไปหมดเมื่อถูกสายตาคมคู่นั้นจ้องมองตลอดเวลา
มะ...มึงจะมองอะไรนักหนา กูก็อายเป็นเหมือนกันนะ โธ่เว้ย!
แต่จนแล้วจนรอดมันก็ได้แค่มองกันไปมองกันมาเท่านั้นแหละ เพราะผมก็ยังไม่กล้าคุยกับมัน มันเองก็คงจะเหนื่อยกับการพยายามเข้าหาผมล่ะมั้งถึงได้ปล่อยให้ผมทำงานโดยไม่เข้ามาก่อกวน จะมีก็แต่แอสตันกับริชาร์ดนี่แหละที่พอว่างเมื่อไหร่ ก็พากันจูงมือหายเข้าป่าบ้าง เข้าห้องน้ำบ้างอยู่เนืองๆ ผมรู้เลยว่าพวกมันหายไปทำอะไรกัน
พวกมึงนี่มันไม่เกี่ยงสถานที่กันเลยนะ!
ยอมรับว่าผมเห็นริชาร์ดยิ้มเล็กยิ้มใหญ่อย่างมีความสุขยามพูดคุยเล่นหัวกับแอสตันแล้ว ผมก็แอบอิจฉาระคนหมั่นไส้เหมือนกัน ล่าสุดนี่ถึงกับนั่งหวีผมให้แอสตันโดยไม่แคร์ฝ่ายคอสตูมแม้แต่น้อย เห็นแล้วผมก็แทบจะเดินไปถีบมันให้หายหมั่นไส้ แม่ง ทำเป็นคู่ข้าวใหม่ปลามันไปได้ อย่างมึงก็เป็นได้แค่เห็บหมาข้างเทพบุตรเท่านั้นแหละไอ้ริชาร์ด!
หงุดหงิดฉิบหาย หงุดหงิดจนทนอยู่ดูพวกมันกระหนุงกระหนิงกันไม่ได้! พวกมึงเลิกถ่ายหนังแล้วไปเช่าโรงแรมอยู่ด้วยกันเลยไป๊! พาลเว้ยพาล!
แต่ก็พาลหัวฟัดหัวเหวี่ยงในใจได้ครู่เดียวเท่านั้นแหละ เพราะพอเลิกกองปุ๊บ เบนที่รับปากกับแอสตันว่าจะมาหาก็ปรากฎตัวมาให้เห็นพอดี แน่นอนว่าหมอนี่โผล่มาในฐานะเด็กเสิร์ฟน้ำอย่างเคย พอริชาร์ดเห็นหน้าเบนที่เดินเข้าไปทักผัวตัวเองด้วยสีหน้าเริงรื่นปุ๊บ มันก็ทำหน้าเมากัญชาใส่เด็กนั่นทันที หากแต่เบนมองเห็นหมอนั่นเป็นอากาศธาตุ คุยกับแอสตันหน้าตาเฉย
“องค์ชายเสวยอาหารหรือยังพ่ะย่ะค่ะ”
“ยังเลย” แอสตันว่ายิ้มๆ
“แล้วเมื่อวานองค์ชายได้เสวยมั้ยพ่ะย่ะค่ะ” เบนถามอีก ผมรำลึกได้ทันทีว่าก่อนหน้านั้นได้ยินเบนบอกให้แอสตันกินสารอาหารจากบรูคลินไปก่อนระหว่างรอตัวเองมา
“ไม่ได้กินหรอก”
พอแอสตันตอบ เบนก็ทำหน้าตกใจ
“ทำไมพระองค์ถึงไม่เสวยล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
“ก็บูลิโอเป็นโฮสต์ของคีทาเยนี่นา นายก็น่าจะรู้ว่าชาวยูนิกม่าไม่นิยมใช้โฮสต์ร่วมกัน มันเป็นธรรมเนียม”
“อย่างนี้พระองค์คงจะทรงหิวมากแน่ๆ” เบนทำหน้าจ๋อยๆ ทันใด ให้แอสตันได้ยกมือลูบหัวของเด็กนั่นเบาๆ
“นายก็มาแล้วนี่ไง”
ได้ยินเท่านั้น ริชาร์ดก็น่าตึงที่จู่ๆ ผัวตัวเองก็จะไปดูดปากกับเด็กในสังกัดซะอย่างนั้นขณะที่เบนยิ้มรับกว้างทันใด
“งั้นขอเชิญองค์ชายไปที่ลับตาพ่ะย่ะค่ะ พระองค์จะได้เสวยพระกระยาหารเต็มที่ วันนี้พระองค์ต้องวางไข่ด้วยนี่ หม่อมฉันเตรียมการสำหรับการคลอดไว้แล้ว ขอเชิญพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”
แอสตันพยักหน้ารับ หันไปบอกริชาร์ดสั้นๆ
“เดี๋ยวเรามานะ”
“ไม่ให้ไป ถ้าจะกินก็มากินจากฉันนี่ วางไข่ก็วางที่ฉัน ไม่งั้นก็ปล่อยให้ตายไปเลย” ริชาร์ดว่าเสียงห้วน คว้าแขนล่ำของแอสตันไว้แน่น หน้าตาบอกบุญไม่รับสุดๆ ขณะที่เด็กเบนทำหน้างงงวย ส่วนแอสตันก็ยิ้มเผล่
“หึงเหรอ”
“เออ” ริชาร์ดว่ากระแทก
ผมเห็นแล้วก็หัวเราะก๊ากออกมาด้วยความสะใจเลย สมน้ำหน้ามึงไอ้ริชาร์ด ทำเป็นหวานแหววแต๋วจ๋า เป็นไงล่ะมึง พอเด็กผัวมึงมาแล้วฟีลเมียหลวงมาเต็ม เด็กผัวมึงมาทีก็จัดหนักจัดเต็ม แถมไม่มาเฉยๆ เอาดีดีทีมาฉีดมึงด้วย เห็บหมาช็อคเลยมั้ยล่ะมึง!
ใจจริงผมอยากจะดูนะว่าพวกมันจะทำอะไรกันต่อไป ไอ้นี่น่ะมันสนุกกว่าละครเมียหลวงเมียน้อยหลังข่าวอีกบอกเลย แต่ริชาร์ดก็จัดการลากแอสตันไปที่ป่าโดยมีเบนตามต้อยๆ ไปซะแล้ว ผมก็เลยอดดูไปโดยปริยาย หากแต่พอผมจะกลับไปที่เต็นท์เพื่อพักผ่อน เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง เรียกให้ผมหันไปมอง
“กวินทร์”
คีธนั่นเอง
ผมที่ไม่ได้ตั้งตัวว่าจะได้ประจันหน้ากับมันถึงกับทำหน้าไม่ถูก แต่ครู่เดียวผมก็ตั้งสติได้ แสร้งปั้นเสียงแข็งถามกลับทันใด
“อะไร”
“กลับมาเป็นโฮสต์ให้ฉันมั้ย” จู่ๆ คีธก็ว่าออกมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยแทนที่จะพูดเรื่องอื่นอย่างเรื่องที่ทำกับผมเมื่อคืนก่อนอะไรเทือกนี้
ผมหรี่ตามองอย่างสงสัยกับท่าทางเหนื่อยอ่อนนั่น ทว่าก็ไม่ได้สนใจนักนอกจากสวนคืนไปโดยไม่หยุดคิดให้เสียเวลา
“ไม่”
“ไม่จริงๆ เหรอ”
“เออ ไม่ ไม่เอาอีกแล้ว นายถามฉันกี่รอบแล้ววะคำถามนี้เนี่ย น่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้วนี่หว่า” ผมว่าลอยหน้าลอยตาไปเรื่อย
สายตาของคีธประกายความผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อยที่ได้ยินผมพูดแบบนั้น ผมไม่รู้เหมือนกันว่าหมอนี่จะส่งสายตาแบบนี้มาให้ทำไมทั้งที่รู้คำตอบของคำถามนี้ดีอยู่แล้วว่าไม่ว่าจะถามยังไง ผมก็ไม่ยอมตกลง
ทว่าครั้งนี้มันต่างกันเพราะพอผมปฏิเสธแล้วแทนที่คีธจะเลิกตอแย ทว่ามันกลับว่าขึ้นมาอีกครั้ง
“วันนี้ฉันจะต้องวางไข่เพื่อสร้างร่างใหม่ ถ้านายไม่กลับมาเป็นโฮสต์ให้ ฉันก็คงจะต้องพึ่งพาบูลิโอ”
ฟังแล้วผมก็เสียวแปลบขึ้นมาในใจขึ้นมา นึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้ก็ได้ยินเบนพูดเรื่องวางไข่เหมือนกัน และผมก็ยิ่งเสียวแปลบในใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อนึกได้ว่าบรูคลินมันจ้องจะทำอะไรกับคีธอยู่ ใจผมนี่อยากจะกลับคำพูดทันควัน ทว่าไม่ทันจะได้อ้าปาก คีธก็เดินไปหาบรูคลินที่กำลังขนข้าวของไปเก็บแล้วเรียบร้อย
“บูลิโอ ได้เวลาแล้ว”
คีธว่าเรียบๆ บรูคลินพยักหน้า ปล่อยข้าวของที่อยู่ในมือให้ทีมงานคนอื่นจัดการต่อ ก่อนจะเดินตามคีธไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลนัก
ผมเห็นแล้วก็ร้อนวาบทั่วทั้งร่างกายทันทีที่เห็นสองคนนั้นหายเข้าไปด้านใน ผมรู้ตัวเลยว่าอาการที่เกิดขึ้นกับผมมันคืออาการหึง...
หะ...หึง... หึงชะมัดเลย!
ผมอยากจะหันหลังกลับแล้วทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นชะมัด แต่จิตใต้สำนึกดันสั่งให้ขาทั้งสองข้างของผมก้าวตามสองคนนั้นไปเร็วๆ โดยผมไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังทำอะไร พอมาหยุดหน้าห้องน้ำได้ ผมก็ไม่รอช้า ผลักประตูเข้าไปเต็มแรง โชคดีที่พวกมันไม่ได้ล็อคประตูห้องน้ำ ผมเลยเข้าไปได้อย่างง่ายดาย
และพอแทรกตัวเข้ามาด้านใน ภาพของคีธที่มีสีหน้าอิดโรยกำลังประคองใบหน้าของบรูคลินเตรียมจะจูบก็ปรากฎสู่สายตาผมพอดี สองคนนั้นชะงักงันเมื่อจู่ๆ ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญโผล่เข้ามา หันมามองผมเช่นกัน คีธมองผมด้วยสีหน้านิ่งเรียบอย่างเคยขณะที่บรูคลินมองอย่างมีคำถาม
ผมไม่รอให้ใครต้องถามผมออกมาว่าเสนอหน้ามาที่นี่ทำไม ตรงเข้าไปหาคีธแล้วจัดการกระชากคอเสื้อหมอนั่นให้ออกห่างจากบรูคลินพลางพาตัวเองเข้าไปแทรกกลางระหว่างสองคนนั้นอย่างลืมตัว
“หมอนี่เป็นของฉัน” ไม่รู้อะไรบันดาลใจให้ผมพูดอย่างนี้ แต่รู้ว่าตอนนี้ร่างกายผมสั่นเทิ้มไปทั้งตัว แถมหัวใจก็เต้นระทึกราวกับจะระเบิดออกมาให้ได้อีกต่างหาก
หึง... นี่มันคืออาการหึงจริงๆ ด้วย! ให้ตาย ทำไมผมจะต้องมาหึงมันจนตัวสั่นไปทั้งตัวแบบนี้นะ!
บรูคลินทำหน้าเอ๋อรับประทานไปทันทีด้วยยังตั้งตัวไม่ถูก ผมเองก็ไม่รอให้มันได้ตั้งตัวด้วย พูดจบก็หันไปหาคีธแล้วว่าเสียงกร้าว
“วางไข่มาเลย”
“หือ?” คีธเลิกคิ้วสูงให้ผมได้พูดซ้ำ
“วางไข่ใส่ฉันมาเลย ฉันจะเป็นโฮสต์ให้นายเอง”
“นายเป็นอะไรน่ะกวินทร์ ไม่สบายหรือเปล่า” คีธว่าเสียงเนือยๆ ให้ผมได้ย่นคิ้วยู่
“สบายดี วางไข่มาเร็วๆ” ผมเร่งเร้า กระชากคอเสื้อหมอนั่นเข้ามาทำท่าจะจูบปาก หากแต่คีธยกมือดันไหล่ผมเอาไว้
“เห็นเมื่อกี้เพิ่งจะปฏิเสธมาไม่ใช่เหรอ”
“นั่นมันเมื่อกี้ ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว”
“แปลกแฮะ ปกติไม่เคยเห็นเสนอตัว ฉันว่ากวินทร์ป่วยแน่ๆ”
มึงนี่มันไม่ได้เข้าใจเลยใช่มั้ยว่าที่กูมาโผล่หน้าอยู่ตรงนี้เป็นเพราะอะไร! อย่ามาทำมึนตอนนี้ได้มั้ยโว้ย!
ตอนนี้ผมโคตรจะชัดเจนในความรู้สึกตัวเองเลยว่าผมชอบมันเข้าให้จริงๆ แล้ว ไม่ใช่แค่หวั่นไหวอย่างที่ผมคิดในตอนแรก ถ้าไม่ชอบมันก็คงจะไม่หึงจนควันออกหูอย่างนี้หรอก ถึงจะไม่อยากยอมรับสักเท่าไหร่ว่ารสนิยมทางเพศของตัวเองเปลี่ยนไปโดยไม่ทันตั้งตัวก็ตาม
“จะวางหรือไม่วาง อย่าเล่นตัวได้มั้ยวะ!” ผมชักจะหัวเสียที่คีธเอาแต่จ้องหน้าผมด้วยสายตาสงสัย
พอเห็นผมเริ่มออกอาการโมโห คีธก็พยักหน้าแล้วทำท่าจะจูบผม ทว่าก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อบรูคลินยกมือขึ้นมาแตะท่อนแขนของหมอนั่นเอาไว้
“เอ่อ...”
ผมตวัดหางตาไปมองขวับทันใด
มึงนี่มันไอ้ตัวขัดลาภจริงๆ!
“มีอะไร!” ไม่ใช่เสียงคีธ เสียงผมเองที่หันไปตวาดมัน
บรูคลินมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย ก่อนจะว่าอ้อมแอ้มออกมา
“คือว่า... ถ้าท่านผู้พิทักษ์วางไข่ใส่เควินแล้ว เควินจะไปคลอดที่ไหนเหรอ ในกองถ่ายเนี่ยเหรอ?”
ผมนิ่งงันไปทันใด ลืมคิดถึงข้อนี้ไปเสียสนิทว่าถ้าต้องท้องคีธเพื่อสร้างร่างใหม่ ผมจะต้องอุ้มท้องมันเป็นเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง และถ้าจะต้องอุ้มท้องเพื่อรอคลอดในกองถ่าย รับรองเลยว่าคนทั้งกองถ่ายได้แตกตื่น เปลี่ยนจากถ่ายทำหนังฮอลลีวูดกลายมาเป็นถ่ายทำหนังสารคดีมนุษย์ต่างดาวแหวกสะดือแน่นอน เพราะดูท่าแล้วไม่ว่ายังไง ผมก็ไม่น่าจะหลบซ่อนตัวอยู่ได้จนครบยี่สิบสี่ชั่วโมงในสถานที่แบบนี้ เพราะไหนจะต้องทำงาน ไหนจะต้องอาศัยร่วมกับคนอื่น ยังไงก็ความแตกแน่นอน
แต่ถ้าคีธวางไข่ใส่บรูคลิน มันก็ต้องท้องในกองถ่ายเหมือนกันนี่หว่า แล้วมันจะต่างจากผมตรงไหนล่ะถ้างั้น!?
ทว่าไม่ทันที่ผมจะได้ถาม บรูคลินก็เปิดปากอธิบายออกมาราวกับอ่านสีหน้าผมออกว่าผมจะถามเรื่องอะไร
“ฉันเตรียมสถานที่สำหรับคลอดไว้แล้ว เป็นโรงแรมด้านนอก ฉันจองไว้ตั้งแต่ก่อนมาที่นี่แล้วเพราะฉันรู้ว่าคืนนี้ฉันจะต้องไปซื้อของจำเป็นสำหรับฝ่ายคอสตูมน่ะ ก็เลยอ้างกับผู้กำกับว่าให้ท่านผู้พิทักษ์กับองค์ชายไปช่วยขนของด้วย”
อ๋อ มิน่าล่ะ ไอ้เด็กเบนถึงได้บอกว่ามันเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ที่แท้พวกมึงก็วางแผนกันเอาไว้แต่เนิ่นๆ แล้วนี่เอง
“แต่ถ้าท่านผู้พิทักษ์อยากจะเปลี่ยนโฮสต์ ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่คิดว่าเควินคงจะเดือดร้อนแน่ถ้ามีคนรู้” แล้วบรูคลินก็ว่าตบท้ายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้ฟังแล้วรู้สึกเหมือนกับว่ามันกำลังเยาะเย้ยผมอยู่ก็ไม่รู้
“ท่านผู้พิทักษ์ตัดสินใจเถอะ” มันบอกกับคีธสั้นๆ
คีธมองหน้าผมเล็กน้อยพลันย่นคิ้ว ในใจผมรู้เลยว่ามันต้องไม่เลือกวางไข่ใส่ผมแน่ แล้วก็จริงเสียด้วยเมื่อมันพูดขึ้นมา
“งั้นกวินทร์เอาไว้ครั้งหน้านะ”
มึงเลือกมันใช่มั้ยไอ้คีธ! ใช่ซี่! กูไม่มีโรงแรมไว้คลอดมึงนี่!
ผมโคตรจะรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่เลย อุตส่าห์เสนอตัวให้มัน แต่ดูมันสิแม่ง! มึงเห็นกูเป็นของตายสินะ! ใช่ซี่มึง! ใช่ซี่!
ผมก่นด่ามันพึมพำทันใด ก่อนจะว่ากระชากเสียงใส่หน้ามันอย่างหงุดหงิด
“เออ! เชิญไปแหกสะดือกันตามสบาย!” ว่าจบ ผมก็ทำท่าจะออกมาจากที่ตรงนั้น
ถ้ารู้ว่าเป็นอย่างนี้นะ ผมไม่เดินตามมันมาหรอก
ทว่าไม่ทันที่ผมจะได้เปิดประตูห้องน้ำพาตัวเองออกไป คีธก็ตรงเข้ามาคว้าข้อมือผมเอาไว้
“กวินทร์”
ผมหันไปมองมันด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่คิดว่ามันคงจะไม่ได้เรียบเฉยอย่างที่ผมคะเนไว้ เพราะคีธมองแล้วก็ว่าขึ้นมาด้วยสีหน้าตาย
“อย่าโกรธ”
กูจะโกรธ! โกรธที่กูอุตส่าห์ถวายตัวถวายหัวเข้าปากมึงแต่มึงคายกูทิ้งเนี่ย!
ผมไม่พูด เอาแต่มองมัน มันก็เลยยกมือขึ้นมาวางบนหัวผมแล้วลูบไปมา
“อย่าโกรธนะกวินทร์”
กูโกรธหนักไปอีก! อย่ามาทำเหมือนกูเป็นหมานะเว้ย!
ผมสะบัดหัวออกจากมือมันทันใด ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ก่อนทำท่าจะออกจากห้องน้ำอีกครั้ง แล้วคีธก็ดึงผมไว้อีกครั้งเช่นกัน หากแต่ครั้งนี้ไม่ดึงเปล่า มันดันดึงเข้าไปกอดจากทางด้านหลังเสียอย่างนั้น
“อย่าโกรธนะกวินทร์ สัญญาว่าครั้งหน้าจะวางไข่ใส่นาย”
กูควรจะดีใจมั้ย! มึงคิดว่าคำพูดมึงคงจะโรแมนติกมากเลยล่ะสินะ!
“ไม่ต้อง ฉันไม่เป็นโฮสต์ให้นายแล้ว เปลี่ยนใจ” ผมสวนกลับไป ไม่แม้แต่จะหันไปมองหน้าหล่อๆ นั่น
คีธคงสัมผัสได้ว่าผมเคืองชัดเจนแม้ว่าน้ำเสียงที่ผมพูดจะเป็นน้ำเสียงเรียบๆ ก็ตาม และนั่นก็ทำให้คีธผละออกจากผม แต่ยังไม่ยอมปล่อย ผละออกเพื่อหมุนตัวผมให้หันไปประจันหน้าต่างหาก
“กวินทร์...”
มึงเลือกไอ้บรูคลิน มึงไม่ต้องมากวินทร์เลย!
“อย่าโกรธนะ” แล้วมันก็พูดประโยคเดิมขึ้นมาอีก
ผมเบือนหน้าหนี คีธก็จับปลายคางผมให้หันมาสบตา ผมย่นคิ้วยู่พลัน
“อะไรนักหนา!” แถมเผลอตะคอกใส่ด้วย
แต่แล้วคีธก็ทำให้ผมสงบลงด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียว
“นายเป็นโฮสต์คนแรกของฉันบนดาวดวงนี้ แล้วจะเป็นตลอดไป”
ผมใจเต้นระรัวพลัน ฟังแล้วเหมือนคำสาบานรักชะมัด แต่ขอโทษเถอะ เป็นโฮสต์คนแรกแต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนสุดท้ายนี่หว่า! กูไม่หลงกลกับคำพูดอะไรแบบนี้หรอกเว้ยเพราะกูก็เคยใช้ตะล่อมสาวๆ มาก่อนเหมือนกันเวลาจะนอนกับพวกนั้นน่ะ
ผมยกมือทำท่าจะผลักมันออก แต่มันก็ทำให้ผมใจอ่อนเมื่อมันว่าขึ้นมาอีกครั้ง
“นะกวินทร์ อย่าโกรธนะ” พูดอย่างเดียวไม่พอ ทำตาเป็นลูกหมาใส่ด้วย
สายตาแบบนี้ผมไม่ได้เห็นมาระยะนึงแล้ว พอเห็นปุ๊บ ความขุ่นเคืองก็ถูกทำลายไปทันตา
“เออ รีบไปวางไข่แล้วรีบๆ ไสหัวกลับมา” ผมตัดบทเอาดื้อๆ
คีธพยักหน้า ก่อนจะประทับจูบลงบนกลีบปากผมเบาๆ โดยที่ผมยังไม่ทันตั้งตัว
“สัญญาว่าครั้งหน้าฉันจะวางไข่กับนาย” พูดจบ มันก็เดินกลับไปหาบรูคลินที่ยืนมองอยู่ด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ผมรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในลำดับต่อไป แล้วก็ไม่อยากอยู่ดูด้วย แต่ก็ไม่ทันจะได้ก้าวไปไหน คีธก็จูบกับบรูคลินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว... ไม่สิ ไม่ใช่คีธจูบ เป็นบรูคลินต่างหากที่ดึงไอ้บ้าคีธเข้าไปจูบ
นี่มันสาสน์ท้ารบชัดๆ เลยนี่หว่า!
“ฝากด้วยนะบูลิโอ” คีธว่าหลังจากผละออกมาจากริมฝีปากของคนตรงหน้า
บรูคลินพยักหน้ารับก่อนค่อยๆ ประคองร่างไร้เรี่ยวแรงของคีธลงไปนอนราบกับพื้น พลันหันมามองผมนิ่ง ผมเองก็สบตาคู่นั้นอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนที่บรูคลินจะพึมพำขึ้นมาเบาๆ
“น่าขยะแขยง”
“อะไรนะ”
“ฉันบอกว่าน่าขยะแขยง รสชาติของนายอยู่ในปากของท่านผู้พิทักษ์ตอนวางไข่ มันน่าขยะแขยง”
ฟังแล้วขมับก็เต้นกระตุกยิก ถึงท่าทางมันตอนพูดจะดูหน่อมแน้ม แต่ผมสาบานเลยว่ามันโคตรจะกวนโมโหผมเลย
ผมตั้งท่าจะสวนมันกลับว่า ‘ถ้าขยะแขยงมาก ทีหลังก็อย่าไปเสนอหน้าเป็นโฮสต์ให้ใคร’ ทว่าบรูคลินก็โพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเสียก่อน
“ฉันเคยบอกนายแล้วนี่เควินว่าอย่ามายุ่ง นายเองก็รับปากแล้วนี่นา”
“แล้วจะทำไมวะ” ผมเอียงคอ สวนกลับอย่างเอาเรื่อง ท่าทางของผมตอนนี้บอกได้เลยว่าโคตรจะนักเลงอ่ะ
“ก็ไม่ทำไมหรอก แค่ฉันไม่อยากจะทำร้ายนายก็เท่านั้น เบนก็บอกไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้าไม่ฟัง พวกเราจะทำอะไร” มันว่าเนิบๆ
บอกตรงๆ ว่าตอนมันพูดประโยคนี้ ผมไม่รู้สึกว่ามันดูหน่อมแน้มอย่างที่เคยเป็นเลยแม้แต่น้อย หากแต่ดูเจ้าเล่ห์และร้ายกาจอย่างน่าประหลาดแม้ว่ามันจะไม่ได้แสดงสีหน้าต่างจากที่เคยทำเลยก็ตาม
“มันก็สิทธิของคีธว่าจะเลือกใครเป็นโฮสต์ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฉันหรือนาย” ผมว่าสวนอย่างไม่เกรงกลัว
โอเค... จริงๆ ก็กลัวนั่นแหละ กลัวมันจะแปลงร่างแล้วเอามือเปรตวัดสุทัศน์เท่าใบตาลของมันมาตบผมหัวหลุดกระเด็น
ทว่าบรูคลินไม่ทำอะไร เอาแต่พูดพล่ามเท่านั้น
“ฉันเฝ้ามองท่านผู้พิทักษ์มานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่จะอพยพมายังดาวของนายอีก แล้วก็รอคอยวันที่จะเป็นโฮสต์ให้เขามานานแล้วเช่นกัน ฉันจะไม่ยอมให้มนุษย์โลกอย่างนายชุบมือเปิบเด็ดขาด”
ชุบมือเปิบอะไรวะ เค้าเรียกว่าใครดีใครได้เว้ยของแบบนี้น่ะ!
ผมไม่ตอบอะไรกลับไป มองบรูคลินเดินเข้ามาหาผมนิ่งๆ พอมันเดินมาหยุดตรงหน้าผม มันก็ว่าขึ้น
“อย่ามายุ่งแล้วกันเควิน ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันใจร้าย” พูดจบก็เปิดประตูห้องน้ำแล้วทิ้งท้ายไว้ “ฝากดูแลร่างเก่าของท่านผู้พิทักษ์จนกว่าจะสลายด้วย เดี๋ยวมีคนมาเห็นจะเป็นเรื่องใหญ่ ฉันไปที่โรงแรมก่อน”
สิ้นเสียง มันก็เดินออกไปเลย ผมมองตามมันด้วยอารมณ์แบบ... อะไรวะ! โดนมันขู่แล้วยังโดนมันใช้อีก กูนี่ใช่ขี้ข้ามึงมั้ยเนี่ย!
ผมอยากจะวิ่งไปกระโดดถีบมันเหลือเกิน ถ้าไม่ติดว่าร่างที่แท้จริงของมันเป็นอุปสรรคล่ะก็ ผมคงจะไม่รีรอทำไปแล้ว และผมก็นึกเกลียดตัวเองขึ้นมาด้วยที่ดันเชื่อฟังไอ้เปรตวัดสุทัศน์อย่างบรูคลิน ยืนเฝ้าศพไอ้เวรคีธอยู่เป็นชั่วโมงเพราะกลัวว่าจะมีคนอื่นมาเห็น
ตอนนี้รู้เลยว่าฟีลเมียหลวงที่ไอ้ริชาร์ดมันรู้สึกน่ะมันเป็นยังไง
พอร่างเก่าของคีธสลาย ผมก็จัดการเก็บเสื้อผ้าของมันแล้วพาตัวเองออกมาจากห้องน้ำด้วยอารมณ์บูดสุดๆ ออกมาก็เจอริชาร์ดที่ทำหน้าเป็นตูดลิงแบบประจวบเหมาะพอดี ในมือมันหอบเสื้อผ้าของแอสตันเหมือนกับผมเด๊ะ ผมเดาได้เลยว่าแอสตันมันก็คงจะเลือกวางไข่ใส่เบนเหมือนกัน และพอมันเห็นหน้าผม มันก็โยนเสื้อผ้าแอสตันทิ้งโครม ก่อนออกปากกับผมด้วยน้ำเสียงเครียด
“ขอบุหรี่คืนด้วย”
“เอ้า ไหนว่าจะเลิกแล้วไง” ผมเลิกคิ้วสูง รู้เลยว่ามันจะเอาไปดูดคลายเครียดเรื่องแอสตัน แต่มันไม่ยอมพูด นอกจากแบมือจะเอาบุหรี่คืนอย่างเดียว
“เอามาเถอะน่า ฉันอยากดูด”
“ไม่ดีต่อเด็กในท้องนะเว้ย บุรุษมีครรภ์ไม่ควรดูด” ผมแสร้งว่าเย้า
หัวคิ้วริชาร์ดกระตุกยิกทันใด ก่อนมันจะว่าเสียงดังเล็กน้อย
“ช่างแม่งเถอะ เอาบุหรี่มา!”
ผมพยักหน้ารับแล้วล้วงมือลงไปควานหาบุหรี่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ก่อนส่งให้มัน พอได้บุหรี่ไปอยู่ในมือปุ๊บ ริชาร์ดก็มี่รอช้า จุดสูบๆ จนหมดไปหลายมวน ผมมองมันแล้วก็ส่ายหน้าน้อยๆ
ในที่สุดมึงก็กลับมาเป็นไอ้เจ๊กเมากัญชาเหมือนเดิมแล้วสินะ ดีละ เห็บหมาแอ๊บแบ๊วน่ะไม่เหมาะกับมึงหรอกกูพูดเลย
ถึงผมจะคิดอย่างนั้น แต่เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้สนุกอะไรหรอกนะ ออกจะสงสารมันมากกว่าที่ต้องสละผัวไปให้เด็กอย่างจำยอม
มึงนี่ชะตากรรมเดียวกันกับกูแท้ๆ อุตส่าห์เสนอตัว โดนเทมาทั้งคู่ สมควรแล้วล่ะที่เป็นเพื่อนกู นี่แหละโบราณถึงได้เรียกพูดว่าเพื่อนแท้ต้องไม่ทิ้งกัน แต่ผมไม่บอกมันหรอกว่าผมก็โดนมาแบบมัน ไม่อย่างนั้นมันต้องล้อผมแน่ที่เมื่อเช้าเอาแต่ปฏิเสธว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับคีธ
ไม่รู้สึกบ้าบออะไรล่ะ ชอบไปแล้วชัดๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่มาเฟลแบบนี้หรอก!
 

 
 

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 20: Kawin vs Brooklyn for Keith[2]
คืนนั้นผมกับริชาร์ดนอนกันแทบไม่หลับ ไม่ใช่ว่าผมเป็นห่วงคีธจนนอนไม่หลับนะ นอนไม่หลับเพราะไอ้ริชาร์ดแม่งพลิกตัวไปมา ไม่ก็นั่งๆ นอนๆ เพราะเป็นห่วงผัวทั้งคืน
มึงนี่ไม่เห็นใจคนทำงานมาเหนื่อยๆ เลยนะ กูอยากจะนอน เลิกพลิกตัวมาชนกูสักที!
ผมโคตรอยากจะด่ามันเลย แต่พอเห็นมันสูบบุหรี่จัดหนักผิดปกติ ผมก็ไม่พูดอะไร ดูท่าทางมันคงจะเครียดจริงๆ เลยยอมอดนอนเพราะมัน พอรุ่งเช้า ผมก็กลายสภาพเป็นผีตายซาก เดินไปที่เต็นท์ทำงานอย่างอ่อนระโหยโรยแรง แต่แล้วก็ต้องตาสว่างทันควันเมื่อคนแรกที่ผมเจอในเต็นท์นั้นไม่ใช่ผู้กำกับวิลล์หรือด็อกเตอร์มาร์ตินที่มาเตรียมพร้อมสั่งงาน ทว่าเป็นซีเลนในชุดลำลองที่กำลังยืนท่องบทสำหรับฉากวันนี้ต่างหาก
เวรเอ๊ย เมื่อวานอุตส่าห์รอดตัวจากมันอย่างหวุดหวิดได้แล้ว ยังจะมาเจอมันนอกเวลาถ่ายทำอีก (ถ้าเป็นเวลาถ่ายทำ ผมยังเบาใจได้ว่ามันไม่กล้าทำอะไรเพราะมีคนอยู่ด้วยเยอะไง) ถ้าเกิดต่อมหื่นมันกำเริบขึ้นมา ได้มีซวยขนานใหญ่แน่!
ผมทำท่าจะหมุนตัวหนีทันที แต่ซีเลนก็ดันตาดี มองเห็นผมซะก่อน
“อรุณสวัสดิ์กวินทร์”
ผมชะงักกึก หันกลับไปมองมันแล้วทำหน้าแหย
“อะ...อรุณสวัสดิ์” ทำหน้าแหยอย่างเดียวไม่พอ มองหาริชาร์ดด้วย แต่มันไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว มันเดินลิ่วไปอีกทางโดยที่ผมไม่รู้ตัวเรียบร้อยทั้งที่ตอนแรกเดินตามกันมาติดๆ แท้ๆ
จำไว้เลยนะไอ้เพื่อนเวร วันหลังมึงโดนไอ้ซีเลนปล้ำ กูจะไม่ช่วยมึง!
ผมว่าเดี๋ยวซีเลนจะต้องถามว่าทำไมริชาร์ดถึงเดินหนีแน่ๆ แต่ผิดคาด ซีเลนไม่ถาม พึมพำอยู่คนเดียวเท่านั้น
“กลิ่นของริชาร์ด...” พึมพำแล้วก็หลับตาพลางสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มแรง
ผมนี่ขนลุกชันเลย
มึงยังไม่เลิกดมชาวบ้านเค้าอีกเหรอวะ! กูว่ามึงไม่ธรรมดาแล้วว่ะซีเลน โรงพยาบาลประสาทมั้ย ไปตรวจหน่อยเถอะกูขอ
สูดได้ฟอดใหญ่เสร็จ มันก็ลืมตาแล้วมองมายังผม ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้
“นายเองก็กลิ่นแรงขึ้นกว่าเดิมเหมือนกัน”
“กะ...ก็เมื่อวานฉันไม่ได้อาบน้ำ” ผมว่าตะกุกตะกักไปทันใดเมื่อซีเลนโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้แล้วหลับตา
“ไม่ใช่กลิ่นตัว กลิ่นอย่างอื่น”
อย่างอื่นอะไรของมึงเนี่ย! เลิกดมกูซะที!
“โดยเฉพาะตรงนี้” แล้วมันก็เลื่อนปลายจมูกมาชนกับริมฝีปากผม
ผมสะดุ้งเฮือก ตกใจนึกว่ามันจะจูบเลยถอยไปชนกับเสาเต็นท์ซะเต็มแรง ในจังหวะที่ผมชนนั่นเอง เสาเต็นท์เหล็กก็โยกคลอนจนโค่นล้มลงมา ผมหลับตาปี๋ นึกว่าจะเจ็บตัวแต่เช้าเพราะถูกไอ้หื่นซีเลนดมซะแล้ว แต่พอล้มลงไปนอนราบกับพื้น ผมก็เห็นใบหน้าของซีเลนอยู่ใกล้เพียงคืบขณะที่ตัวมันทาบทับผมอยู่ใต้ผ้าใบเต็นท์นั้น
ผมรู้ทันทีว่ามันใช้ตัวเองเป็นเกราะกำบังให้ผมอยู่ ก่อนจะได้สติอีกครั้งเมื่อมันปริปากออกมา
“เป็นอะไรมั้ยกวินทร์”
ใจผมเต้นเลย... ไอ้ซีเลนภาคมนุษย์ปกติ ไม่หื่นกาม ไม่ลามก ไม่ทะลึ่ง โคตรจะสุภาพบุรุษจนผมไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นคนเดียวกัน ท่าทางนิ่มนวลอย่างนั้นทำเอาหน้าหล่อๆ ของมันดูหล่อกว่าเดิมหลายเท่าทันตา
“มะ...ไม่เป็นไร”
“ดีแล้ว”
มันว่า แล้วก็จัดการถลกผ้าใบเต็นท์ที่คลุมเราทั้งคู่อยู่ออก ก่อนที่เสียงโวยวายของทีมงานคนอื่นๆ ที่เห็นเหตุการณ์จะดังขึ้นและพากันกรูเข้ามาดึงผมกับซีเลนให้ลุกขึ้น พร้อมถามไถ่ว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
ผมสบายดี ยังมีอวัยวะครบทั้งสามสิบสองประการเช่นเดิม แต่ซีเลนไม่ ดูท่าทางตอนเต็นท์ล้มแล้วหมอนั่นเข้ามาคร่อมกำบังผม เหล็กขาเต็นท์จะกระแทกเข้ากับหัวไหล่ซ้ายไปหน่อยนึงด้วย หากแต่มันบอกกับทีมงานคนอื่นๆ ว่าไม่เป็นไรเหมือนกัน แถมยังโชว์ควงแขนทั้งสองข้างให้ดูว่ายังสบายดี ก็เลยไม่ถูกตอแย มีแต่ผมนี่แหละที่เดินเข้าไปถามมันเพื่อความแน่ใจอีกครั้งด้วยกลัวว่าผมจะเป็นต้นเหตุทำให้พระเอกของหนังฮอลลีวูดเรื่องนี้ได้รับบาดเจ็บ
“นายโอเคแน่นะ”
“แล้วมีตรงไหนที่นายคิดว่าฉันไม่โอเคล่ะ”
ผมปรายตาสำรวจดูแล้วก็ยังเห็นมันปกติดีเลยไม่ได้เซ้าซี้อะไร ก่อนจะพูดขึ้น
“เอาเป็นว่าขอบใจแล้วกันที่ช่วยฉัน”
“ไม่เป็นไร ฉันเป็นพระเอกนี่นา แถมเป็นซูเปอร์ฮีโร่ด้วย จะช่วยคนก็ไม่แปลก ฉันเป็นคนดีนี่” มันว่าพลางยักคิ้วแล้วยิ้มเผล่
มึงจะดีกว่านี้มากถ้ามึงลดความหื่นลงได้สักเก้าสิบเปอร์เซ็นต์น่ะไอ้ซีเลน!
ถึงผมจะคิดอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้พูด และไม่คิดจะพูดด้วยเพราะกลัวว่าถ้าพูดออกมา มันจะไปกระตุ้นความจำว่ามันสมควรจะหื่นแล้วหันมาปล้ำผมแทน กอปรกับซีเลนถูกผู้กำกับวิลล์เรียกให้ไปแต่งหน้าแต่งตัวด้วย บทสนทนาเลยจบลงแค่นั้น
“ไว้ว่างแล้วค่อยคุยกันใหม่นะกวินทร์ ฉันมีเรื่องจะคุยกับนายเยอะแยะเลย” ซีเลนทิ้งท้ายไว้โดยไม่ถามผมสักคำว่าอยากจะคุยกับมันมั้ย
คุยกันครั้งใหม่ มึงต้องหาเรื่องปล้ำกูแน่ๆ กูเชื่อ!
ซีเลนหันหลังให้ผมแล้วเดินออกไป จังหวะนี้เองที่ผมสังเกตเห็นว่าข้อศอกข้างหนึ่งของหมอนั่นแตก คงจะกระแทกกับเศษหินตอนที่ตะครุบตัวบังผมไว้แน่ๆ และผมเกือบจะร้องทักมันแล้วถ้าเกิดว่าสายตาไม่เห็นของเหลวสีเขียวใสไหลซึมผ่านออกมาจากผิวหนังนั่น
ของเหลวสีเขียวใส... สีเหมือนเลือดของคีธที่ผมเคยเห็นในวันที่เจอกับหมอนั่นครั้งแรก...
ระ...หรือว่า...ไอ้ซีเลนจะเป็น...
ไม่สิ เป็นไปไม่ได้ ถ้ามันเป็นมนุษย์ต่างดาว คีธกับแอสตันก็น่าจะได้กลิ่นเหมือนตอนที่คีธได้กลิ่นของอาแปะลีโอนาร์โดนี่ อาจจะเป็นคลอโรฟิวล์ของใบไม้ที่อยู่บนพื้นก็ได้...อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้...
ก็ได้บ้านมึงไอ้กวินทร์ คลอโรฟิวล์ใบไม้มันคงไม่ไหลโจ๊กเป็นน้ำตกอย่างนั้นหรอก!
ผมไม่กล้าคิดต่อ ได้แต่มองแผ่นหลังกว้างที่เดินห่างออกไปด้วยใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ถ้าซีเลนเป็นมนุษย์ต่างดาวอีกตัวนึงล่ะก็ รับรองเลยว่าไม่ต้องหวังว่าโลกจะปลอดภัยอีกต่อไปเลย
ดาวกูเป็นเมืองขึ้นของมนุษย์ต่างดาวไปโดยไม่รู้ตัวแล้วเนี่ยแม่งเอ๊ย!
----------------------------------------
กวินทร์หึงแรงมากกก ยอมรับแล้วสินะว่าชอบเค้า แต่ยังปากหนัก ไม่ยอมพูดเหมือนเดิม
บรูคลินนี่เห็นเงียบๆ ร้ายนะจ๊ะ มาขู่กวินทร์น้อยซะได้ ฟีลเมียหลวงปะทะเมียน้อยมาก ฮาาา ส่วนซีเลนนี่อะไรยังไงไว้จะค่อยมาเฉลยเนอะ สงสารสุดคือริชาร์ดอ่ะ เมียหลวงสุดอะไรสุด ยิ่งกว่ากวินทร์อีก 555
อยากจะบอกว่าใครที่ลุ้นให้คีธกินหัวกินหางกวินทร์ ให้รอตอนหน้านะคะ มาพรุ่งนี้เน้อ


ออฟไลน์ nadty27

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ
ปล.คนแต่งใส่ชื่อตอนผิดป่าว จาก20เป็น10 อ่า

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
แก้เรียบร้อยค่า ขอบคุณที่เตือนน้า ^^

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
ศึกเมียหลวงเมียน้อยใหญ่หลวงนัก

ออฟไลน์ farfarneenee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
#ทีมเมียหลวง

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
เอาล่ะจ้า ทีมเมียหลวงได้ฤกษ์ออกโรงและจ้า  :interest:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 21: Relationship between both ‘K’[1]
เอเลี่ยนสี่ตัวนั่นกลับมาที่กองถ่ายดังเดิมหลังครบยี่สิบสี่ชั่วโมง พอกลับมาถึงปุ๊บ เบนขอตัวกลับก่อนเพราะมีเรียนในวันถัดไป มีคนถามบรูคลินนิดหน่อยว่าทำไมน้องชายถึงได้มารับงานพาร์ทไทม์แค่วันเดียว บรูคลินก็โกหกเนียนๆ ไปว่าเบนไม่มีเวลา ทั้งที่ความจริงแล้วแม่งก็แค่มาให้แอสตันวางไข่แล้วก็คลอดออกมาเท่านั้นแหละ
พอเบนหายหัวไป แอสตันก็เริ่มปฎิบัติการง้อเมียทันที แน่นอนว่าริชาร์ดอยู่ในโหมดเมียหลวงโกรธมาก ทำเป็นสะบัดสะบิ้ง ไม่ยอมให้แอสตันเข้าหน้า ผมเห็นแล้วนี่ยิ้มเลย ผมจะได้มีเพื่อนเพราะผมก็ตั้งใจว่าจะไม่คุยกับไอ้เวรคีธเหมือนกัน โทษฐานที่ผมอุตส่าห์พลีกายให้มันแต่มันดันบ้วนผมทิ้งอย่างไม่ไยดี
ทว่าพอเผลอละสายตาจากไอ้ริชาร์ดแป๊บเดียว มันก็ควงหายไปในที่ลับสายตากับแอสตันเป็นที่เรียบร้อย โผล่มาอีกที มันก็ทรานส์ฟอร์มจากริชาร์ดเมากัญชากลายมาเป็นเห็บหมาแอ๊บแบ๊วเหมือนเดิม
มึงนี่โดนผัวง้อแบบสิบแปดบวกทีไร ใจอ่อนทุกทีเลยนะไอ้เจ๊กใจง่าย!
เห็นแล้วก็หงุดหงิดที่ไม่เพียงจะถูกไอ้มนุษย์ต่างดาวโฮโมฯ เท ยังโดนเพื่อนสนิทตัวเองเทเมื่อผัวมันมาอีกต่างหาก
ช่างแม่ง กูอยู่ของกูคนเดียวก็ได้!
พอเป็นแบบนั้น ผมก็เลยถมึงทึงหนักเข้าไปอีกแม้ว่าคีธจะพยายามเข้าหาผมเพื่อพูดคุยเรื่องที่ผมรับปากว่าจะเป็นโฮสต์ให้ในครั้งต่อไปก็ตาม แต่ขอโทษเถอะ กูเปลี่ยนใจตั้งแต่มึงคายกูทิ้งเมื่อวานนี้แล้ว!
และคีธก็เข้าหน้าผมไม่ติดต่อเนื่องยาวกระทั่งเราถ่ายฉากที่ต้องใช้ป่าเสร็จสิ้น จนถึงเวลายกกองกลับฮอลลีวูด การถ่ายทำครั้งนี้ดำเนินไปด้วยดีจนผู้กำกับวิลล์ต้องออกปากชมความตั้งใจและความร่วมมือของทีมงาน และคนที่ถูกชมหนักกว่าใครเพื่อนก็คือซีเลนที่จู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าผีบ้าอะไรเข้า เปลี่ยนจากไอ้หื่นกามมาเป็นสุภาพบุรุษเสียอย่างนั้น แม้แต่ผมเองยังแปลกใจเลยที่มันดูเป็นมนุษย์ปกติ ไม่ไปไล่ปล้ำชาวบ้านอย่างที่ควรจะเป็น จะมีก็อย่างเดียวที่เห็นแล้วยังคิดว่ามันโรคจิตก็คือการที่มันเที่ยวไล่ดมคนอื่นไปทั่วนี่แหละ โดยเฉพาะการดมไอ้ริชาร์ดกับบรูคลิน ผมก็โดนบ้างนิดหน่อยแต่หลังๆ ก็หยุดไป ไปเน้นดมสองคนนั้นแทน
กูว่าถ้ามึงไม่เป็นมนุษย์ต่างดาวที่มีจมูกดี มึงก็ต้องป่วยทางจิตแน่ๆ เลยไอ้ซีเลน
ถึงผมจะแอบคิดว่าซีเลนเป็นมนุษย์ต่างดาวอีกตัวแต่ก็ไม่พูดไป เพราะเห็นว่าบรูคลิน คีธกับแอสตันไม่ได้พูดอะไร เลยนึกว่าพวกนั้นรู้แล้ว ถึงพวกมันจะยังไม่รู้ ผมก็ไม่พูดหรอก ไอ้แอสตันมันก็คงไม่มีเวลามาพูดกับผมเพราะมันเอาแต่เกาะติดริชาร์ดแจ ไอ้บรูคลินนี่ไม่พูดด้วยอยู่แล้ว หมั่นน้ำหน้ามัน ส่วนไอ้คีธ...
บอกเลยว่ากูงอนแรง!
พอรถบัสของกองถ่ายมาถึงที่สตูดิโอในฮอลลีวูด ผมก็ไม่รอช้า คว้ากระเป๋าสัมภาระ เดินดุ่มๆ ออกมาว่าจะเรียกแท็กซี่กลับห้องโดยไม่รอริชาร์ดที่ยังพร่ำพรรณาบอกลากับผัวมันไม่เลิกแต่อย่างใด ทว่าเดินมายังไม่ทันจะพ้นสตูดิโอดี มือใหญ่ของใครบางคนก็คว้ากระเป๋าที่ผมกำลังลากไว้ ผมรู้เลยว่าเป็นฝีมือใคร พอหันไปก็ใช่จริงๆ ด้วย
ไอ้คีธ...
ผมหันไปมองด้วยสายตาขุ่นๆ โดยไม่พูดอะไรออกไปสักคำ มีแต่มันเท่านั้นที่เรียกชื่อผมเสียงเรียบ
“กวินทร์... ยังโกรธอยู่อีกเหรอ”
เห็นหน้ากูแล้วก็ไม่น่าถาม หน้ากูยู่ขนาดนี้คงจะดีใจมั้ง!
“อย่าโกรธนะกวินทร์ บอกแล้วนี่ว่าครั้งหน้าจะวางไข่ใส่นาย” พอเห็นผมไม่พูด มันก็พูดขึ้นมาอีก
มึงอย่ามาคิดว่าคำพูดว่าจะวางไข่ใส่กูมันโรแมนติกได้มั้ย!
“จะไปวางไข่ใส่ใครที่ไหนก็เอาเถอะ เพราะฉันจะไม่เป็นโฮสต์ให้นายแล้ว ปล่อย ฉันจะกลับไปพัก” ผมว่าออกมานิ่งๆ แล้วกระชากกระเป๋าออกจากการเกาะกุมของมัน
คีธย่นคิ้วนิดหน่อยก่อนจะละมือจากกระเป๋า แต่แทนที่มันจะยอมปล่อยให้ผมไปง่ายๆ มันดันเดินเข้ามาคว้าต้นแขนผมเสียอย่างนั้น
“กวินทร์”
“อะไรอีก” ผมแหวใส่ทันใด
“อย่าโกรธ”
กูจะโกรธเพราะมึงตื๊อกูไม่เลิกเนี่ย!
“เออๆ ไม่โกรธ แต่ไม่เป็นโฮสต์ให้โอเคมั้ย แล้วก็ปล่อยสักที ฉันจะได้กลับ เหนื่อย” ผมตัดบทเอาดื้อๆ
คีธยอมปล่อยผม ยืนมองผมเดินจากมานิ่งๆ ผมแอบเหล่ไปมองข้างหลังแล้วก็ย่นคิ้ว
มึงง้อกูแค่นี้เองเหรอวะ! แล้วมึงก็ดันมาเชื่อกูอีกว่ากูไม่โกรธแล้ว มะ...มึงนี่มันมึนจริงๆ เลย!
ผมบ่นกระปอดกระแปดเล็กน้อยที่มันง้อก็ไม่ง้อให้สุด หากแต่พอผมจะเดินต่อ เสียงของริชาร์ดก็ดังเรียกผมไว้ให้ผมหันไปมองพอดี
“เฮ้เควิน คืนนี้แอสตันจะไปนอนกับฉันนะ”
แล้วมึงจะมาบอกกูทำไมว่ามึงจะไปนอนด้วยกันฮะ! ไอ้คนอวดผัว!
ผมเบ้หน้าด้วยความหมั่นไส้ทันทีที่เห็นมันควงกับแอสตันมากระหนุงกระหนิง โถ... ไอ้เห็บหมา อยากจะด่ามันต่ออีกเยอะๆ ฉิบเป๋ง แต่ตอนนี้เพลียกับความมึนของไอ้คีธมากกว่าเลยได้แต่ปล่อยไป
พอเห็นผมพยักหน้ารับเนือยๆ ริชาร์ดก็ว่าขึ้นมาด้วยสีหน้าระรื่นอีก
“คีธก็จะไปด้วย ฝากหมอนั่นไปนอนห้องนายคืนนึงนะ”
อะไรของมึงวะ จะเอาผัวไปนอนก็เอาแค่ผัวไปสิ ขี้ข้าผัวเอามาด้วยทำไม!
“ไม่ต้องเลย วันนี้ฉันเหนื่อย ฉันอยากพักผ่อนเงียบๆ” ผมรีบปฏิเสธ ทว่าริชาร์ดก็เสนอหน้ามาประจบผมทันใด
“เอาน่า ปกติคีธมันก็เป็นคนเงียบๆ อยู่แล้ว นายก็พักผ่อนไปสิ มันไม่กวนนายหรอก”
“แล้วทำไมมันต้องตามมาด้วยวะ ลำบากคนอื่นเห็นมั้ยเนี่ย”
“ไม่ลำบากหรอก นิดหน่อย”
นิดหน่อยป้ามึงไอ้ริชาร์ด มึงไม่เห็นเหรอว่ากูกำลังโกรธมันอยู่เนี่ย!
ผมไม่พูด เอาแต่มองหน้าริชาร์ดอย่างเคืองๆ จนแอสตันต้องรีบออกปากช่วยเมีย
“คีทาเยไม่รบกวนนายหรอก เรารับประกันได้”
“แล้วทำไมนายไม่มาคนเดียว” ผมสวนคืนแทบจะในทันใด ก่อนแอสตันจะยิ้มร่าตอบ
“ก็คีทาเยเป็นผู้พิทักษ์ของเรา เวลาเราไปไหนก็ต้องไปด้วย ตามไปพิทักษ์เราไง”
ทีตอนมึงยังไม่เจอมัน มึงยังอยู่ของมึงได้ พอมาตอนนี้ทำมาเป็นบอบบางเชียวนะไอ้เจ้าชายลามก!
“นะ แค่คืนเดียว” ริชาร์ดร่วมวงอ้อนผมกับผัวเป็นพัลวัน
ผมเห็นท่าทางแอ๊บแบ๊วของมันแล้วก็รำคาญ เลยรับปากส่งๆ ไป
“เออ แค่คืนนี้นะ แต่ถ้ามันวุ่นวายเมื่อไหร่ ฉันจะเฉดหัวกลับไปทันที โอเคนะ”
แอสตันกับริชาร์ดพยักหน้ารับกันรัวๆ ผมถอนหายใจ เหลือบไปมองคีธที่ยังยืนอยู่ที่เดิมและยังทำสีหน้านิ่งเรียบเหมือนเดิมอย่างเหนื่อยใจ
ทำไมมึงไม่เข้ามาขอร้องไปค้างที่ห้องกูเหมือนไอ้พวกนี้บ้างวะ แม่ง มึงนี่มันจะเฉยชาเกินไปละ
 

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 21: Relationship between both ‘K’[2]
สรุปผมก็ยอมให้มนุษย์ต่างดาวสองตัวนั่นตามมายังที่พักจนได้ พอมาถึงที่หมายปุ๊บ แอสตันกับริชาร์ดก็หายหัวเข้าห้องไปประหนึ่งล่องหน ผมนี่มองตามมันสองคนที่จูบกันตั้งแต่ยังไม่เปิดประตูอย่างระอา พอหายเข้าไปในห้องก็ตามมาด้วยเสียงประหลาดๆ อีก เห็นแล้วก็อยากจะวิ่งลงไปซื้อยาคุมให้มันถ้าไอ้ริชาร์ดเป็นผู้หญิง
พวกมึงนี่มันขยันทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันจริง!
“เมื่อไหร่จะเปิดประตูล่ะกวินทร์” คีธว่าขึ้นเมื่อเห็นว่าผมเอาแต่ยืนจ้องประตูห้องของริชาร์ด
ผมเหลือบมองหน้ามันเล็กน้อยแล้วก็ล้วงหาคีย์การ์ดจากในกระเป๋าเสื้อออกมา ก่อนจะเดินเข้ามาในห้องเป็นคนแรก
“ห้องกวินทร์นี่ ไม่ได้มานานแล้วนะ”
คีธพยายามจะชวนผมคุยล่ะ แต่ผมทำเป็นไม่สน รื้อเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าแล้วจัดการเอาโน้ตบุ๊กมาวางบนโต๊ะ พลันสายตาก็เหลือบเห็นโน๊ตบุ๊กอีกเครื่องซึ่งเป็นของริชาร์ดอยู่ในกระเป๋าด้วย ผมนึกออกในตอนนี้นี่เองว่าหมอนั่นฝากโน้ตบุ๊กไว้กับผมตอนเราแพ็กกระเป๋ากลับฮอลลีวูด เพราะกระเป๋าเป้ของมันเต็มไปด้วยเสื้อผ้าใส่แล้ว ผมอยากจะเอาไปคืนมันตอนนี้ชะมัด แต่คิดว่ามันคงจะไม่มีอารมณ์มาเปิดประตูให้ผมแล้วล่ะ นัวเนียกับไอ้แอสตันตั้งแต่หน้าประตูซะขนาดนั้นน่ะ
ผมเลยเดินเนือยๆ เอาโน้ตบุ๊กของมันมาวางไว้บนโต๊ะด้วย ก่อนจะเปิดโน๊ตบุ๊กของตัวเอง ตั้งใจว่าจะเช็คคิวนักแสดงกับสตั๊นแมนของคิวถ่ายทำใหม่ในวันมะรืนให้เสร็จๆ เพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุด ผมจะได้พักผ่อนเต็มวันโดยไม่ต้องทำอะไร
“กวินทร์ ทำไมไม่คุยกับฉันเลยล่ะ” แล้วไอ้คีธมันก็ทำลายความเงียบขึ้นมาอีกเมื่อเห็นว่าผมเอาแต่วุ่นวายกับอย่างอื่น
ผมหันไปมองมันแล้วก็ว่าออกมาด้วยน้ำเสียงประหนึ่งรำคาญ
“ก็ไม่อยากคุย”
“ทำไมไม่อยากคุย”
“ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลหรอกเว้ย”
“กวินทร์ยังโกรธล่ะสินะ” มันว่า
ผมจ้องมันนิ่ง... ก็รู้ตัวนี่หว่า แล้วมึงจะมาถามซ้ำซากทำซากอ้อยอะไร
“กวินทร์ อย่าโกรธ”
“ฉันจะไปอาบน้ำ” ผมเปลี่ยนเรื่องเอาดื้อๆ พลันพุ่งเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยให้คีธมองตามอย่างงุนงง
ผมใช้เวลาในการชำระล้างคราบเหงื่อไคลจากร่างกายตัวเองไม่นานนัก พอออกมาจากห้องน้ำได้ ก็จัดการโยนผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ให้คีธที่ยืนรอผมกลับออกมาอยู่หน้าประตูห้องน้ำ แล้วสั่งมัน
“นายก็ไปอาบน้ำ ฉันไม่ให้คนที่ซักแห้งมาเป็นอาทิตย์นอนเตียงเดียวกับฉันหรอกนะ”
คีธพยักหน้า แล้วหายเข้าไปในห้องน้ำบ้าง พอมันเข้าไปอาบน้ำ ผมก็หาเสื้อผ้าใส่นอนให้มัน แต่ก็อย่างว่า เสื้อผ้าผมตัวเล็กเกินกว่าจะให้คีธใส่ได้ จะมีก็แต่กางเกงขาสั้นที่ยางยืดที่เอวเสื่อมนี่แหละที่ดูแล้วน่าจะพอให้มันใส่ได้ ส่วนเสื้อน่ะเหรอ... ช่างหัวมึงเถอะ ถอดเสื้อนอนก็แล้วกัน
ผมจัดการสวมชุดนอนแล้วก็มานั่งประจำที่โต๊ะ เลื่อนเม้าส์เช็คงานโน่นนี่ไปเรื่อยกระทั่งคีธอาบน้ำเสร็จและเดินออกมาในสภาพหยาดน้ำพร่างพราวทั้งตัว
มันทำท่าจะเรียกผม แต่ผมขัดขึ้นมาก่อน
“กางเกงอยู่บนเตียง เช็ดตัวแล้วก็ไปใส่เสื้อผ้าซะ”
มันพยักหน้า เดินไปสวมกางเกงแล้วก็ซับน้ำบนตัว แต่ก็ครู่เดียวเท่านั้นแหละ มันก็เรียกผมขึ้นมาอีก
“กวินทร์ จะนอนหรือยัง...”
“ยังไม่นอน ฉันจะทำงาน” ผมตอบก่อนที่มันจะถามจบด้วยซ้ำเพราะรู้ว่ามันจะถามอะไร
และผมก็คิดว่าเดี๋ยวมันก็ต้องหาเรื่องคุยขึ้นมาอีก แล้วก็จริงเสียด้วยเมื่อมันปริปากขึ้นมา
“แล้วกวินทร์จะทำงานถึง...”
“เสร็จเมื่อไหร่ก็จะนอน ไม่ต้องถาม รำคาญ!” ปลายประโยค ผมกระแทกเสียงไปเล็กน้อย แอบเหล่มองหน่อยนึงก็เห็นคีธส่งสายตาเป็นลูกหมามาให้
แต่บอกเลยว่าสายตาลูกหมาของมึงใช้กับกูตอนนี้ไม่ได้หรอก กูยังโกรธแรงมาก โกรธโทษฐานที่มึงง้อก็ไม่ง้อให้สุด ไอ้ง้อหักใน!
“กวินทร์...” แต่มันยังไม่หยุด ผมก็เลยหันไปมองมัน คว้าโน๊ตบุ๊กริชาร์ดขึ้นมาแล้วโยนไปให้มันที่นั่งไพล่ขาอยู่บนเตียงทันใด
“อย่ามาชวนฉันคุยอะไรตอนนี้ ฉันจะทำงาน ดูหนังฟังเพลงไปคนเดียวเงียบๆ อารมณ์ดีเมื่อไหร่จะคุยเอง”
คีธพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ พลันก้มหน้าก้มตาเปิดโน้ตบุ๊กขึ้นมา แล้วก็เทความสนใจทั้งหมดไปที่หน้าจอนั่นทันใด
นี่ไง... เห็นมั้ยล่ะ พอมีอะไรมาดึงความสนใจได้ กูก็เป็นกวินทร์หัวเน่าทันทีเลยนะ!
ผมหงุดหงิดขึ้นมาอีกนิดหน่อย ทว่าก็ทำเป็นเมินมัน เดินกลับมานั่งที่แล้วจัดการกับงานของตัวเอง งานที่ต้องทำค่อนข้างจะวุ่นวายสักเล็กน้อยตรงที่มันมีนักแสดงหลายคนเข้าฉากพร้อมกัน ผมเลยต้องใช้สมาธิเช็คความถูกต้องมากเป็นพิเศษ หากแต่ครู่เดียว สมาธิผมก็กระเจิดกระเจิงเมื่อคีธเปิดหนังขึ้นมาดังลั่น และเสียงของหนังเรื่องนั้นก็ทำให้ผมแทบเป็นบ้าเพราะมันไม่ใช่หนังปกติ... แต่เป็นหนังโป๊!
ผมตวัดสายตาไปมองมันที่จ้องหน้าคอโน๊ตบุ๊กนิ่งๆ ลุกขึ้นเดินไปยืนกอดอกมองมันอยู่ข้างเตียง แต่มันก็ยังไม่รู้ตัวว่าผมเดินมา จนผมต้องสูดลมหายใจเข้าปอดราวกับรวบรวมสติ ก่อนจะเปล่งเสียงเรียกมันออกมา
“คีธ”
‘อาห์...อือ...อาห์...’
“คีธ”
‘อือ...โอ้ว...อาห์...’
“ไอ้คีธ!”
คีธละสายตาจากจอโน้ตบุ๊กหันมามองผมช้าๆ ก่อนจะเลิกคิ้วสูงเล็กน้อย
“มีอะไรเหรอกวินทร์”
มึงยังมีหน้ามาถามอีก! กูต่างหากที่สมควรถามว่ามึงจะดูหนังโป๊ทำไม! กูบอกให้มึงดูหนังรอไปก่อนนี่คือดูหนังธรรมดาปกติที่ชาวบ้านสามัญชนเค้าดูกันเว้ย! แล้วนี่มึงจะเปิดทำไมซะเสียงดัง ป่านนี้ข้างห้องที่ไม่ใช่ห้องไอ้ริชาร์ดนึกว่ากูเป็นไอ้หื่นกามไปแล้วมั้งเนี่ย!
“ปิดหนังนั่นเดี๋ยวนี้” ผมพยายามข่มความหงุดหงิด ออกปากสั่งมันอย่างมีสติ ไม่บุ่มบ่ามอะไรเพราะไม่งั้นมันจะต้องถามแน่ๆ ว่าให้ปิดทำไม
ใช่ มันไม่ถาม แต่มันไม่ทำตาม
“ฉันอยากดู กวินทร์ทำแต่งาน ไม่มีเวลาให้ ฉันเบื่อที่จะนั่งอยู่เฉยๆ”
มึงก็ดูหนังเรื่องอื่นที่ไม่ใช่หนังโป๊สิวะ!
“งั้นก็เปลี่ยนไป” ผมโบกมือไล่อย่างระอา
คีธพยักหน้ารับ ก่อนจะเลื่อนนิ้วไปบนทัชสกรีนบนตัวโน้ตบุ๊ก ผมเกือบจะเดินกลับไปนั่งทำงานต่อแล้ว ถ้าหนังเรื่องต่อไปที่มันเปิดขึ้นมาไม่ส่งเสียงประหลาดๆ ออกมา
‘อาห์...โอ้ว...เยส...’
มึงจะเปิดหนังโป๊อีกเรื่องขึ้นมาทำป้ามึงเหรอ!
ที่สำคัญ หนังโป๊เรื่องใหม่ดันไม่ใช่หนังโป๊ชายหญิงซะด้วย แต่เป็นหนังโป๊เกย์ ผมรู้เพราะได้ยินเสียงผู้ชายดังเข้ามาในโสตประสาท แล้วนั่นก็ทำให้ผมรีบพุ่งไปที่เตียง คว้าฝาโน้ตบุ๊กที่วางอยู่บนตักมัน ตั้งใจว่าจะเอามาปิดทันใด
แต่คีธมันรู้ทันว่าผมจะทำอะไร เหลือบมองผมแล้วก็ชิงคว้ามือผมที่กำลังเอื้อมไปจับโน้ตบุ๊กไว้ ก่อนจะวางโน้ตบุ๊กลงบนเตียง แล้วดึงให้ผมไปนั่งบนตักมันแทน
“อะไรของนายเนี่ย!” ผมโวยวายทันใด หากแต่คีธไม่ตอบ สายตาเอาแต่จับจ้องไปยังผู้ชายสองคนที่กำลังเคลื่อนไหวเล่นบทรักอยู่บนหน้าจอนิ่ง
ผมหันไปมองบ้างแล้วหน้าก็ร้อนฉ่าทันทีที่เห็นว่าไอ้บ้าสองคนนั้นกำลังแสดงบทรักชนิดฮาร์ดคอร์กันอยู่ ก่อนที่เสียงจะดังขึ้นเรื่อยๆ
‘โอ้ว...เยสๆ...โอ้ว... คัมมอนแมน...คัมมอน...โอ้ว...’
พวกมึงก็จะถึงพริกถึงขิงกันไปไหนโว้ย!
ผมทนมองไม่ไหวอีกต่อไป รีบเบือนหน้าหนี ทว่าพอคีธเห็นผมเสมองไปทางอื่น มันก็จับคางผมให้หันกลับไปมองหน้าจอเหมือนเดิม
“สนใจมั้ยกวินทร์”
สะ...สนใจอะไรของมึง!?
ผมสะบัดหน้าหนี ไม่ยอมตอบ รู้นั่นแหละว่าคีธมันหมายความว่าไง และเพราะผมไม่ตอบ มันก็เลยพูดขึ้นอีกครั้ง
“ตกลงสนใจมั้ย”
“สนใจอะไร” ผมแสร้งว่าเสียงเครียด ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้ามันแม้แต่น้อย แล้วมันก็ทำให้ต้องใจเต้นหนักขึ้นไปใหญ่เมื่อมันโน้มหน้ามาใกล้หูผมจากทางด้านหลังแล้วกระซิบเสียงพร่า
“ทำแบบในนั้น”
นะ...นี่มึงจะฮาร์ดคอร์กับกูเหรอฮะ!?
“ไม่!” ผมเสียงดังแทบจะในทันใด ที่สำคัญ... มึงคงจะลืมไปแล้วสินะว่ากูกำลังโกรธมึงอยู่เนี่ย!
“แต่ฉันอยากจะผูกพันกับกวินทร์”
ดูท่าทางมันคงจะลืมจริงๆ ด้วยเพราะมันไม่พูดถึงเรื่องที่ผมโกรธแต่อย่างใด พูดเอาแต่เรื่องความต้องการของมัน ยิ่งไปว่านั้น ผมยังรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ดุนดันอยู่แถวบั้นท้ายผมขณะที่ผมยังนั่งอยู่บนตักมัน
ระ...หรือว่า...ดาบเลเซอร์!?
“บอกแล้วไงว่าไม่เอา! ไม่ท้อง! ไม่ผูกพัน! ไม่เป็นโฮสต์อะไรให้นายทั้งนั้น!” ผมโวยวายสุดเสียงก็ในตอนนี้ พยายามจะลุกขึ้นจากตักไอ้บ้านี่ แต่คีธกลับล็อกตัวผมไว้แน่น
“ก็บอกแล้วไงว่านายเป็นโฮสต์คนแรกของฉันบนดาวดวงนี้ และจะเป็นตลอดไป” พูดจบ มันก็ซุกหน้าลงมาที่ซอกคอผมจากทางด้านหลังทันที
ผมสะดุ้งเล็กน้อย พยายามเบี่ยงคอหลบแต่ก็ไม่พ้นเพราะตอนนี้มันไม่เพียงแค่พรมจูบ แต่มีขบกัดตามมาด้วย แถมมือทั้งสองข้างที่กอดผมอยู่ก็เริ่มซุกซน ล้วงเข้ามาใต้เสื้อ ลูบไล้ไปทั่วจนความร้อนวาบแล่นพล่านขึ้นมาทั่วตัวผมอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ยะ...หยุด...” ผมพยายามคุมสติตัวเอง สั่งเสียงพร่า แต่ก็ไม่ได้ทำให้มันหยุดได้เลย
ร้ายกว่านั้นคือพอมันเหลือบเห็นสองหนุ่มบนหน้าจอโน้ตบุ๊กเริ่มบุกเข้าหากันอย่างไร้ปราณี แบบว่า... ฝ่ายรุกจับฝ่ายรับคว่ำหน้าลงบนเตียง แล้วฉีกทึ้งเสื้อผ้าน่ะ แต่ในหนังมันเป็นเสื้อผ้าวาบหวิว อารมณ์แบบชุดตาข่ายบางๆ อะไรงี้
เท่านั้นแหละ คีธมันก็เหล่มามองผม ขณะที่ผมกลืนน้ำลายเอื้อก
มะ...มึง... หยุดความคิดที่จะทำตามหนังโป๊เดี๋ยวนี้!   
แต่ไม่ทันแล้ว แค่ผมจะออกปากห้ามมัน มันก็ทุ่มผมลงบนเตียงในท่าคว่ำหน้าทันใด
“เดี๋ยว!” ผมร้องลั่น ทว่าไอ้บ้าคีธมันก็เริ่มปฏิบัติการฉีกเสื้อผ้ากวินทร์ด้วยมือเปล่า
แคว่ก! แคว่ก! แคว่ก!
มึงมันไอ้มนุษย์ต่างดาวโฮโมฯ ป่าเถื่อนและเอสเอ็ม!
ผมนี่แทบจะร้องไห้เลยที่เห็นเศษเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายตัวเองถูกโยนทิ้งไปบนพื้นข้างเตียง เห็นกันอยู่หลัดๆ แท้ๆ มึงนี่จะถอดเสื้อผ้ากูก็ให้เวลากูเตรียมใจหน่อยก็ไม่ได้!
ตอนนี้ผมก็เลยอยู่ในสภาพเปลือยกายล่อนจ้อนทั้งตัวโดยมีคีธจับมือทั้งสองข้างของผมไพล่หลังไว้ด้วยมือเดียว ไม่ต่างจากในหนังโป๊แม้แต่น้อย และนรกก็ร้องเรียกผมมากยิ่งขึ้นเมื่อหูผมได้ยินเสียงประหลาดๆ ดังออกมาจากลำโพงโน้ตบุ๊ก
หึ่งๆๆ...
สะ...เสียงอะไรวะ...
หึ่งๆๆ...
ยะ...อย่าบอกนะว่า...
ผมรีบพลิกหน้าเหลียวกลับไปมองน้ตบุ๊กที่อยู่ปลายเท้าทันที ก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อเห็นแท่งซิลิโคนสีชมพูใสกำลังขยับไปมาจากพลังงานของถ่านขนาด AA สองก้อน ก่อนมันจะหายเข้าไปในตัวของนักแสดงที่นอนคว่ำหน้าอยู่ ขณะที่คีธมองภาพในจอนิ่งแล้วพูดออกมา
“กวินทร์มีมั้ย”
ใครมันจะไปมีวะไอ้ของแบบนั้นน่ะ! มึงคิดว่ากูจะซื้อดิลโด้มาทำเตี่ยอะไร!
“ปล่อยกูเดี๋ยวนี้...” ผมเผลอหลุดพูดออกมาเป็นภาษาไทยทันควัน สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเมื่อตระหนักได้ว่าไอ้คีธมันจะทำตามอย่างในหนัง
และเพราะผมพูดภาษาไทย มันก็เลยพูดภาษาไทยตอบกลับมา
“ข้าประสงค์จะเสพสังวาสกับเจ้าก็เพราะมันเป็นปรารถนาอันแรงกล้าของข้า หากเจ้ามิค้านอันใด ข้าก็อยากจะเชยชมเจ้าให้สมใจหมาย”
มึงไม่ต้องมากระแดะพูดภาษาไทยตามกูเลย!
ผมดิ้นพล่านก็ในตอนนี้ ปากก็ร้องโวยวายกลับมาเป็นภาษาอังกฤษไปด้วยทั้งๆ ที่ถูกมันจับอยู่ในท่าเดิม
“อยากทำก็ทำแบบนุ่มนวลสิโว้ย! ไม่เอาฮาร์ดคอร์! ไม่เอา!”
คีธเลิกคิ้วสูงเล็กน้อย ก่อนจะถามกลับ
“เจ้ามิชอบแบบถึงพริกถึงขิงรึ?”
กูบอกให้เลิกพูดภาษาไทย!
“เอาแบบคนปกติเค้าทำกันสิเว้ย! ไม่ใช่พระเอกหนังโป๊นะเว้ย ไม่ต้องทำตาม!”
พอได้ยินผมพูดอย่างนั้น คีธก็ยอมปล่อยมือออกจากผม พร้อมกับดึงผมขึ้นให้นั่งหันหน้าไปทางมัน
“พูดอย่างนี้ แสดงว่ากวินทร์ยอมจะผูกพันกับฉันแล้วสินะ” ว่าจบก็ยิ้มเผล่อย่างเจ้าเล่ห์
ผมรู้ตัวขึ้นมาเอาตอนนี้ว่าเมื่อกี้พูดอะไรออกไป พลันเบิกตาโพลงทันใด
วะ...เวรแล้ว พูดไปไม่ทันคิด ซวยแน่ไอ้กวินทร์!
“มะ...ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” ผมรีบปฏิเสธ หลบตาคนตรงหน้าทันใด หากแต่ถูกคีธช้อนปลายคางให้หันไปสบตา
“สัญญาว่าจะให้นายเป็นโฮสต์คนแรกและคนสุดท้าย ผูกพันกับฉันเถอะ ฉันอยากมีลูกกับนาย”
ผมใจสั่นก็ในตอนนี้ ทั้งตื่นเต้น ทั้งรู้สึกดีในคราวเดียวกันที่ได้ยินคีธพูดแบบนี้ มิหนำซ้ำ สายตาที่มันมองผมก็ดูจริงจังมาก เด็กอนุบาลดูยังรู้เลยว่ามันไม่ได้พูดเล่น จนผมลืมความกรุ่นโกรธเรื่องที่มันไปวางไข่กับบรูคลินไปเสียสนิท
“ตะ...แต่ผูกพันกันมันไม่ได้หมายความว่าจะมีลูกได้นี่หว่า”
ผมว่าอ้อมแอ้มไปตามความจริง เพราะจากที่แอสตันอธิบายมา การผูกพันมันเป็นแค่การตีตราเป็นเครื่องหมายว่าชาวยูนิกม่าอยากได้เป็นแม่พันธุ์ แต่ไม่ได้หมายความว่าการผูกพันจะทำให้ท้องได้ ต้องวางไข่ที่ผสมน้ำเชื้อแล้วผ่านทางปากต่างหากถึงจะเรียกว่าท้อง
“ตอนนี้ยังไม่มี แต่จะขอทำสัญญาไว้ก่อนว่าจะมีนายเป็นโฮสต์คนแรกบนดาวดวงนี้ และเป็นแม่พันธุ์คนแรกด้วย”
ผมคิ้วกระตุกทันใด
เป็นคนแรก... แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนเดียวและคนสุดท้ายนี่หว่า!
“นายคิดว่ามันใช่คำพูดที่ควรเอามาหว่านล้อมให้ฉันยอมมีอะไรกับนายมั้ยวะ เป็นแม่พันธุ์เนี่ยนะ น่าดีใจตาย” ผมว่าเสียงขุ่น คีธนิ่งคิดไปนิด ก่อนจะพูดมาอีก
“ขอทำสัญญาไว้ก่อนว่าจะมีนายเป็นโฮสต์คนแรกบนดาวดวงนี้และเป็นแม่พันธุ์คนแรกและคนเดียว”
“ไม่โรแมนติก” ผมว่า ให้คีธนิ่งคิดไปอีก
“ขอทำสัญญาไว้ก่อนว่าจะมีนายเป็นโฮสต์คนแรกบนดาวดวงนี้ แม้จะไม่ใช่คนเดียว แต่จะเป็นคนสุดท้าย”
“...”
“แม่พันธุ์ก็เช่นกัน นายจะเป็นแม่ของลูกฉันคนแรก คนเดียว และคนสุดท้าย”
“...”
“คนที่ฉันผูกพันด้วยก็เช่นกัน... นายจะเป็นคนแรก คนเดียว คนสุดท้าย และตลอดไป”
“...”
“โรแมนติกหรือยัง”
กะ...กูเขิน!
โอเค คำว่าแม่พันธุ์นี่ไม่โรแมนติกเลย แต่ทำให้ผมใจเต้นแรงชะมัด และแค่ใจเต้นแรงอย่างเดียวคงจะไม่เป็นอะไร ผมดันเอนอ่อนไปตามคำพูดของมันด้วย
“อะ...อืม”
“งั้นผูกพันกันได้แล้วใช่มั้ย”
“อืม...”
เกลียดตัวเองจริงโว้ย! มึงไปตอบรับมันทำไมเนี่ยไอ้กวินทร์! อย่าใจง่ายตามไอ้ริชาร์ดไปสิวะ!
ถึงจะด่าตัวเองอย่างนั้น แต่ก็ไม่ทันแล้ว เพราะทันทีที่ผมครางตอบรับ คีธก็จัดการปิดโน้ตบุ๊กแล้วดันผมนอนราบลงบนเตียง ก่อนจะโถมตัวขึ้นมาคร่อมทับ ผมใจเต้นจนแทบอกจะแตกเมื่อมันประทับริมฝีปากหยักลงมาบนเรียวปากผม ดูดกลืนความหอมหวานอยู่เนิ่นนาน ผมเกือบจะหายใจไม่ทันเมื่อถูกลิ้นนุ่มบุกรุกในโพรงปาก พอคีธผละออกมาได้ ผมก็หายใจหอบโยนทันที
“ชอบนะกวินทร์” ผมชะงักเมื่อได้ยินเสียงของคีธ มันจ้องหน้าผมนิ่ง ให้ผมได้หลบสายตา
“ระ...รู้แล้ว” ผมไม่บอกมันหรอกว่าผมก็ชอบมัน ขืนบอกไปล่ะก็ เสียหน้าตายเพราะไม่กี่ชั่วโมงก่อนเพิ่งจะทำท่าทางรังเกียจมันอยู่เลย
แต่มันคงไม่สนใจหรอก นอกจากเรือนร่างของผมตรงหน้า พอสิ้นเสียง มันก็ระดมจูบลงมายังซอกคอ แล้วค่อยๆ ไล่ต่ำไปตามแผงอก ไล่ขบเม้มไปทั่วจนผมกำผ้าปูที่นอนไว้แน่น และผมก็เกือบทำผ้าปูที่นอนขาดเมื่อความอุ่นร้อนจากริมฝีปากนุ่มเข้าครอบครองยังยอดอก
“พะ...พอแล้ว” ผมพยายามร้องห้ามด้วยรู้สึกแปลกๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำแทนที่จะเป็นฝ่ายกระทำอย่างครั้งก่อนๆ
หากแต่คีธไม่หยุด เห็นผมร้องปรามก็เหมือนได้ยินว่าให้ทำมากขึ้น ไม่เพียงแต่วุ่นวายอยู่ที่ยอดอกผม มือที่ยังว่างอยู่ยังไปวุ่นวายกับช่วงล่างด้วย คราวนี้แหละที่ผมครางออกมาไม่ได้ศัพท์ สติสัมปชัญญะแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง มารู้ตัวอีกทีตอนที่คีธละออกจากหน้าอกผม พรมจูบไล่ไปตามหน้าท้องและไล่ต่ำลงไปยังจุดอ่อนไหว
ผมผงกหัวขึ้นมาทำท่าจะดันมันออก แต่ก็ถูกมันผลักให้ลงนอนตามเดิม ก่อนที่มันจะไปจัดการกับส่วนนั้น ผมไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองพูดภาษาอะไรอยู่เพราะมันฟังไม่ได้ศัพท์เลยแม้แต่นิดเดียว เนิ่นนานทีเดียวกว่าคีธจะละความสนใจออกมาได้ ก่อนมันจะมาประกบปากจูบอีกครั้งพร้อมกระซิบข้างหู
“ผูกพันกันนะกวินทร์”
มาถึงขั้นนี้ก็คงต้องผูกพันแล้วล่ะ...
ผมพยักหน้าน้อยๆ ขณะที่คีธจัดการเปลื้องพันธนาการบนตัวของตัวเองแล้วโถมกายเข้ามาหาผม หากแต่ไม่ทันที่จะได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียว จิตใต้สำนึกของผมก็ร้องดังขึ้นมา
ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็... ชื่อเสียงในฐานะเพลย์บอยที่สั่งสมมาหลายปีได้ป่นปี้เพราะถูกไอ้มนุษย์ต่างดาวนี่กดแน่ๆ!
“เดี๋ยว!” เท่านั้นผมก็รีบร้องห้าม คีธชะงัก มองหน้าผมอย่างสงสัยทันใด
“ฉันไม่อยากอยู่ข้างล่าง” ผมว่า ในใจตอนแรกคิดว่าคีธจะปฏิเสธ แต่ผิดคาดเพราะมันพยักหน้ารับแล้วทิ้งกายลงนอนข้างผมแทน
“มาสิ”
ผมเลยลุกขึ้นนั่ง ทว่าไม่ทันจะได้ทรงตัวดี มือใหญ่ก็คว้ามาที่เอวผมแล้วออกแรงยกให้ผมมานั่งคร่อมบนตัวมันหน้าตาเฉย
“ชอบอยู่ข้างบนก็ไม่บอก”
กูไม่ได้จะออนท็อป! กูหมายถึงกูอยากเป็นฝ่ายรุกเว้ย!
“ไม่เอาแล้ว!” ผมขืนตัว พยายามจะลงไปนอนเหมือนเดิม คีธหัวเราะออกมาเบาๆ ก็ในตอนนี้ ผมเลยรู้เลยว่าจริงๆ มันรู้ว่าผมหมายถึงอะไร แต่มันแกล้งโง่
หน็อย... มึงนี่ไม่ใช่แค่หน้ามึนกับหน้าด้านอย่างเดียวละ ยังเจ้าเล่ห์ด้วย กูพลาดจริงๆ ที่ไปสมยอมมึงเนี่ย!
“อยู่ข้างล่างแหละดีแล้ว ครั้งแรกไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวจะบาดเจ็บ” แล้วมันก็ว่าออกมาอย่างรู้ทันว่านี่เป็นครั้งแรกของผมกับผู้ชาย
ผมถอนหายใจพรืด ก่อนจะกลับมาหอบหายใจหนักอีกครั้งเมื่อคีธเตรียมความพร้อมให้ผมก่อนที่มันจะโถมร่างกายเข้ามา อึดใจเดียว ผมก็ต้องเกร็งตัวอีกครั้งเมื่อสัมผัสวาบไหวแล่นพล่านไปทั่วสพางค์กาย คีธค่อยๆ ขยับตัวทีละน้อยในช่วงแรกและมากขึ้นเมื่อเห็นว่าผมเริ่มเอ็นจอย
“คะ...คีธ...” ผมเผลอครางเรียกชื่อมันออกมานับครั้งไม่ถ้วน
คีธตระกรองกอดผมแน่นจนกระทั่งแสงสีขาวสว่างวาบขึ้นมาในหัวผมเมื่อผมยื่นมือไปแตะขอบอวกาศ
ขอใช้คำว่าขอบอวกาศ ขอบสวรรค์ยังน้อยไปสำหรับมนุษย์ต่างดาวอย่างมัน
พอเห็นผมไปรออยู่ที่ทางช้างเผือกแล้ว คีธก็ตามมาติดๆ พลันทิ้งตัวลงมาบนร่างผม จูบพรมไปทั่วใบหน้าจนผมชักจะรำคาญ
“พอได้แล้ว” ผมดันหน้าหมอนั่นออกห่าง คีธยิ้มมุมปากแล้วว่าเสียงเรียบ
“พูดจาไม่เป็นภาษามนุษย์โลกเลยนะ”
หน้าผมร้อนขึ้นมาทันควัน มะ...มึงหมายถึงเสียงของกูเมื่อกี้ล่ะสินะ!
“มะ...มันใช่เรื่องเอามาล้อกันเล่นมั้ยวะ” ผมว่าพึมพำ ก่อนที่คีธจะจูบลงมาบนเรียวปากผมอีกครั้ง
“นายเป็นว่าที่แม่ของลูกฉันแล้ว ฉันสัญญาว่าจะจงรักและภักดีกับนายคนเดียวตลอดไป”
ผมเบือนสายตามามองหน้าคีธที่อยู่ห่างกันเพียงคืบแล้วพยักหน้า
“เป็นโฮสต์ด้วยใช่มั้ย”
“ใช่ แต่ต้องรอจนกว่าฉันจะสร้างร่างใหม่อีกครั้งก่อนนะ ถึงวันนั้นฉันจะวางไข่ใส่นาย”
“ทำไมวะ แล้วผูกพันนี่คือยังไม่ได้เป็นโฮสต์อีกเหรอ” ผมถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว เพราะริชาร์ดก็มีอะไรกับแอสตันไปแล้ว แต่สุดท้าย แอสตันก็ยังต้องไปพึ่งพาเบนอยู่ดี
“ใช่ ยังไม่ได้เป็นโฮสต์ การผูกพันเป็นแค่การสาบานตนของชาวยูนิกม่าว่าจะจงรักภักดี และเป็นการเลือกแม่พันธุ์พ่อพันธุ์ในการสร้างทายาทเท่านั้น ซึ่งพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์จะมีเพียงคนเดียวตลอดชีวิตของชาวยูนิกม่า ส่วนการเป็นโฮสต์ จะมีกี่คนก็ได้ แต่จะต้องมีครั้งละคน และการเป็นโฮสต์ ทุกอย่างจะต้องเริ่มต้นจากการวางไข่ ไม่ว่าจะวางไข่เพื่อสร้างร่างใหม่ หรือเพื่อสร้างทายาท หากถูกวางไข่แล้ว จะเรียกว่าโฮสต์ ต่างกันเล็กน้อยตรงที่โฮสต์ที่ถูกพึ่งพาในการสร้างร่างใหม่และกินสารอาหารไม่จำเป็นต้องเป็นแม่พันธุ์ แต่โฮสต์ที่ถูกวางไข่เพื่อสร้างทายาทนั้นจำเป็นต้องเป็นแม่พันธุ์และเป็นคนรัก” คีธอธิบายยาว
ผมเข้าใจได้ก็ในตอนนี้เองว่าความสัมพันธ์ระหว่างชาวยูนิกม่ากับโฮสต์มันเป็นยังไง ใจเต้นนิดหน่อยตอนได้ยินคำว่า ‘คนรัก’ หลุดออกมาจากเรียวปากคู่สวย
นี่ก็หมายความว่าผมเป็นคนที่คีธรักแล้วล่ะสินะ
ผมรีบเก็บความตื่นเต้นนั้นลงไป เลี่ยงไปถามเรื่องอื่นแทน
“แล้วทำไมนายไม่วางไข่มีลูกไปเลยวะ”
ที่ถามแบบนี้ไม่ใช่ว่าผมอยากจะมีลูกกับมันจนตัวสั่นหรอกนะ บอกเลยว่าผมน่ะยังไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตใครทั้งนั้นแหละ แค่สงสัยเท่านั้นเพราะมันตะล่อมขอให้ผมท้องลูกมันอยู่เนืองๆ แต่พอได้กันแล้วกลับไม่ทำซะอย่างนั้น ริชาร์ดกับแอสตันเองก็ด้วย เห็นพูดกันมาตั้งนานละว่าจะท้องๆ แต่ก็ไม่เห็นแอสตันมันจะทำอะไรสักที
“ใจจริงก็อยากจะทำ แต่ภารกิจของฉันยังไม่เสร็จสิ้น” คีธให้คำตอบ ผมเข้าใจได้ว่าภารกิจที่ว่านั่นก็คือการตามหาพรรคพวกนั่นเอง
“นั่นสินะ มีลูกแล้วคงจะทำภารกิจลำบาก กวนตัวกวนใจ” ผมว่าลอยๆ หากแต่คีธส่ายหน้า
“ไม่ใช่เรื่องนั้น แต่ฉันกลัวว่าลูกของเราจะได้รับอันตรายต่างหาก”
ผมขมวดคิ้วยุ่งทันที
“หมายความว่าไง”
“ก็หมายความว่าตราบใดที่ฉันยังไม่เจอพรรคพวก และยังไม่มั่นใจว่าเราจะอยู่ที่ดาวเคราะห์สีน้ำเงินได้อย่างปลอดภัยจากการไล่ล่าของพวกเซนไทน์ ถ้าพวกเรามีลูกก่อน ก็จะไม่ใช่แค่พวกเราที่ได้รับอันตราย แต่ลูกของพวกเราเองก็ด้วย”
ผมร้องอ๋อทันใด เหตุผลนี้ล่ะสินะที่แอสตันถึงได้ไม่วางไข่สร้างทายาทกับริชาร์ดสักที
“แต่สักวันฉันจะทำแน่” แล้วคีธก็ว่าขึ้นมาอีก
ผมเลยทุบมันดังอั้ก
“แค่ยอมผูกพันกับนายก็แย่มากพอแล้ว ฉันไม่ยอมให้นายวางไข่ขยายพันธุ์อีกหรอก” ว่าจบ ผมก็ทำท่าจะลุกขึ้นจากเตียง
คีธคว้าแขนผมไว้ทันควัน
“ผูกพันไปแล้ว สาบานตนไปแล้วว่าจะจงรักและภักดีตลอดชีวิต ยังไงนายก็ปฏิเสธไม่ได้”
“งั้นฉันจะหนี”
“ฉันก็จะตามล่าตัวนายแม้ว่านายจะหนีไปไกลสุดขอบอวกาศ” คีธว่าเสียงเรียบ
ผมก็รู้อยู่แล้วล่ะว่ายังไงก็หนีมันไม่รอดถ้าจะหนีจริงๆ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ
“เออๆ เอาไงก็เอา อยากทำอะไรก็ทำเลยตามใจนาย ตามสบาย”
คีธยิ้มออกมาก็ในคราวนี้
“กวินทร์พูดจริง?”
“หน้าฉันดูเหมือนพูดเล่นหรือไง”
“งั้นก็มาผูกพันกันต่อเถอะ”
ผมถึงกับถลึงตาเมื่อได้ยินคำพูดนั้น พลันรู้ตัวทันทีว่าพลาดที่พูดอะไรส่งเดชไป
มะ...มึงนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ ด้วย!
“ไม่เอา!” ผมรีบพลิกตัวหนี แต่ไม่ทันแล้ว คีธคว้าตัวผมมานั่งคร่อมบนตัวมันไว้ทันควัน พลันหยักยิ้ม
“คราวนี้อยู่ข้างบนนะ”
มึงเป็นโรคหอบหื่นหรือไง! กูบอกแล้วไงว่ากูไม่ได้อยากจะออนท็อป! ไอ้มนุษย์ต่างดาวลามก!
 ------------------------------------------
มาแล้วจ้าาาา อ่านทอล์คแล้วรับเลือดกันรัวๆ คีธหื่นมาก 555 ได้กันสักทีนะ
ตอนนี้ยาวมากๆ เพราะคนเขียนหื่นมาก เขียนไป 11 หน้าแน่ะ ฮาาา
ปีใหม่นี้ไม่อัพตอนปกตินะคะ อัพตอนพิเศษเน้อ

ออฟไลน์ heroza

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
จะมีวิธีไหนมั้ยที่จะหลุดจากพวกสองพี่สองมนุษย์ต่างดาวร่างยักษ์เร็วๆ :sad4: สองตัวนี้ไม่ใช่ร้ายแบบสร้างสีสันนะแต่แอบร้ายแบบกวนรมณ์มาก :katai1:

ออฟไลน์ nadty27

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เย้ๆ ได้กันแล้ว
ที่เหลือก็อิเมียน้อยสินะ
จัดการมัน กวินท์!! ริชาร์ด!!

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
รอฉากเมียหลวงเมียน้อยประจันบาน

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
แหมๆ เจ้าเล่ห์ไปไหนเนี่ย คีธคุง  :laugh:
รอได้เสมอจ้าคนแต่งจ๋า จุบุๆ  :mew1:

ออฟไลน์ shannara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
เดาไม่ผิดเบย ท้องตอนท้ายแน่นวล เสียดาย แต่ ม ป ร

ซีเลน เป็นองค์รักษ์อีกคนรึเปล่าอ่าาาา

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Special Episode [New Year]: Let bind Kawin tight and give Keith as a gift[1]
[Keith’s Part]
เทศกาลบนดาวเคราะห์สีน้ำเงินมีมากมายจนนับไม่ถ้วน แต่เทศกาลไหนก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่าเทศกาลครบ 365 วันที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน บางปีก็มี 366 วันแล้วแต่การโคจรของดวงจันทร์ ชาวดาวเคราะห์สีน้ำเงินเรียกเทศกาลนี้ว่า ‘วันปีใหม่’ มันเป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่มาก ชาวดาวเคราะห์สีน้ำเงินทั้งดาวจะพร้อมใจกันนับถอยหลังในวันสุดท้ายของวันที่ 365 เข้าสู่วันแรกของปีใหม่พร้อมๆ กัน
ช่างเป็นธรรมเนียมแปลกประหลาด ต่างจากชาวยูนิกม่าอย่างผมเหลือเกิน ชาวยูนิกม่าแทบจะไม่มีเทศกาลเลยก็ว่าได้ ไม่สิ...อย่าเรียกว่าแทบไม่มี เรียกว่าไม่มีเลยจะดีกว่า ขนาดวันสำคัญของเหล่าเชื้อพระวงศ์ยังไม่เคยจัดขึ้นในระยะหลังนี้เลยด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะพวกเราใช้เวลากว่าค่อนชีวิตในการอพยพร่อนเร่ไปทั่วอวกาศก็ได้ที่ทำให้พวกเราลืมสิ้นความสำคัญของวันเหล่านี้ไป
ตัวผมเองก็ไม่ได้สนใจอะไรนักหรอก จะมีหรือไม่มีเทศกาลก็ไม่สำคัญเท่ากับการได้เห็นพวกอยู่กันอย่างสงบสุขในดาวบ้านเกิดของตัวเอง แต่องค์ชายกับพระชายาที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมและกำลังช่วยกันห้องในที่พักแห่งหนึ่งสำหรับใช้นับถอยหลังเข้าปีใหม่กันนั้นแลดูตื่นเต้นกันเป็นพิเศษเหลือเกิน องค์ชายที่ทำเหมือนไม่สนใจในตอนแรกก็พลอยเป็นไปกับพระชายาด้วย และทั้งคู่ก็ไม่สนใจผมกับกวินทร์ที่โดนพระชายาเรียกตัวมาที่บ้านเลยแม้แต่น้อย เอาแต่ใช้เวลากันอยู่สองพระองค์ แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะนั่นเป็นช่วงเวลาแห่งความเกษมสำราญ ในฐานะผู้พิทักษ์ก็ได้แต่เฝ้ามองเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น พอผมเห็นท่าทางของทั้งคู่ จากที่ไม่ค่อยได้สนใจงานรื่นเริงนั้น ผมก็เริ่มสนใจขึ้นมาน้อยๆ แล้ว
ดูท่าทางจะสนุกแฮะ อยากลองทำอะไรแบบนี้กับกวินทร์บ้างจัง
แต่เหมือนกวินทร์จะไม่อยากเท่าไหร่ เพราะตั้งแต่มาถึง กวินทร์ก็เอาแต่นั่งหน้ายู่ พอเห็นองค์ชายกับพระชายาทรงเกษมสำราญด้วยกันก็ยิ่งแสดงสีหน้าไม่พอใจหนัก ก่อนจะเปรยเสียงแข็งขัดทั้งคู่ขึ้นมา
“พวกนายไม่ต้องเว่อร์ขนาดนั้นก็ได้ แค่เคาท์ดาวน์ปีใหม่ ไม่ได้ไปฮันนีมูนนะเว้ย ทำไมต้องถึงขนาดระเห็จไปถึงมัลดีฟส์วะ”
“ก็แอสตันไม่เคยไป แถมนี่ยังเป็นปีใหม่ครั้งแรกของแอสตันตั้งแต่อยู่ที่นี่ด้วย ฉันก็อยากทำให้มันพิเศษน่ะสิ แถมไอ้ไปมัลดีฟส์นี่ ฉันก็ตั้งใจจะไปอยู่นานแล้ว ได้โอกาสก็เลยจองตั๋วเผื่อแอสตันด้วยน่ะ” พระชายาตรัสอย่างสบายๆ สีพระพักตร์ยังคงยิ้มแย้มจนทำให้กวินทร์เบ้ปากไม่น่าดูขึ้นมา ซ้ำยังว่าด้วยคำไม่น่าฟังอีกต่างหาก
“เว่อร์ฉิบหาย ไอ้คนเห่อผัว”
“กวินทร์ อย่าจาบจ้วงพระชายา” ผมออกปากปรามกวินทร์ไว้อย่างอดไม่ได้ เลยกลายเป็นว่าผมถูกสายตาขวางๆ ของคนข้างกายตวัดมองอย่างไม่พอใจทันที
“ไม่ต้องไปเข้าข้างมันเลยไอ้คีธ คดีเก่าเมื่อวันคริสมาสต์ยังไม่หายนะเว้ย” ว่าจบก็ส่งกำปั้นหลุนๆ เข้ามาที่ต้นแขนผมเต็มแรงทีหนึ่ง ผมไม่เจ็บหรอก คนที่เจ็บดูท่าทางน่าจะเป็นกวินทร์มากกว่าเพราะพอต่อยผมเสร็จก็ทำหน้าเหยเกไปเลย
ทว่าอะไรก็ไม่สะกิดใจผมเท่ากับคำพูดของกวินทร์ประโยคเมื่อครู่
“ตกลงกวินทร์โกรธจริงๆ เหรอ” ถามแบบนี้เพราะผมไปทำเรื่องไว้นั่นแหละ กวินทร์หาว่าผมไปทำแผนฉลองคริสมาสต์ของเขาเสียด้วยผมไปร่วมแผนการของพระชายาที่หวังจะเซอร์ไพรส์กวินทร์ ตอนแรกก็ไม่เห็นว่าจะโกรธ แต่พอหลังวันคริสมาสต์ก็นึกโกรธอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้
“โกรธสิวะ ฉันอุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตาคอย แล้วจู่ๆ นายก็มาทำแผนเสีย เป็นใครก็โกรธทั้งนั้นแหละ” กวินท์แผดเสียงใส่ผมน้อยๆ
อืม...ดูท่าคงจะโกรธจริงๆ แหละ แต่ไม่น่าจะโกรธเพราะผมเป็นต้นเหตุ น่าจะหงุดหงิดที่เห็นพระชายามีความสุขมากกว่า
“นายอย่าโทษคีธเลยน่า คีธก็แค่อยากจะให้ของขวัญนายเท่านั้นเอง เนอะซานต้าคีธ” พระชายาตรัสขึ้นมา หันมาพยักเพยิดให้ผมด้วย ผมเลยก้มศีรษะน้อมรับน้อยๆ หากแต่ถูกกวินทร์ต่อยเข้ามาที่แขนอีก
“ของขวัญบ้าบอคอแตกแบบนั้น ฉันไม่อยากได้หรอกเว้ย!”
“ขอโทษนะกวินทร์” ก่อนที่กวินทร์จะโกรธไปมากกว่านี้ ผมเลยชิงขอโทษตัดหน้าไปก่อน แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะกวินทร์เอาแต่ทำหน้างอ ยกมือขึ้นกอดอกแล้วก็ไม่ยอมพูดกับผมจนพระชายาต้องตรัสขึ้นมาอีก
“ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปน่า นายก็มีความสุขดีไม่ได้เหรอวะได้มีเซ็กส์กับซานต้าคีธ เอ้ย...ซานต้าคลอสทั้งคืนน่ะ ถ้าอยากจะมีค่ำคืนดีๆ ด้วยกันตามแผนของนาย นายก็ใช้โอกาสในคืนท้ายปีซะเลยสิ” ฟังก็รู้ว่าพระชายาแสร้งตรัสผิด แต่ก็ทำให้กวินทร์หน้าแดงเรื่อขึ้นมาน้อยๆ เมื่อได้ยินคำว่าซานต้าคีธ พลันคว้าเอากระป๋องเบียร์เปล่าๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะง้างขึ้นสูง
“หุบปากไปเลยไอ้ริชาร์ด นายน่ะตัวดี”
พระชายาทรงไม่สะทกสะท้าน เอาแต่พระสรวล กวินทร์เองก็ดูท่าทางจะขว้างกระป๋องใส่แน่ถ้ายังได้ยินเสียงนั้นอยู่ ผมก็เลยจัดการแย่งกระป๋องเบียร์มาก่อนที่พระชายาจะโดนประทุษร้าย ทว่าผมกลับโดนกวินทร์หันมาแหวใส่ด้วยภาษาบ้านเกิดเสียอย่างนั้น
“มึงก็อีกตัว! เห็นดีเห็นงามกับมันไปหมดเลยนะ!”
ผมย่นหัวคิ้วเล็กน้อย ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นักที่ได้ยินกวินทร์พูดแทนตัวเองอย่างนั้น ฟังดูไม่น่ารักเลย แต่ไม่เป็นไร กวินทร์กำลังโกรธ ถ้าไปห้ามอะไรตอนนี้ เดี๋ยวจะโกรธหนักขึ้นไปใหญ่
“ใจดีกับคีธหน่อยน่า คีธหวังดีกับนายนะ แล้วก็รักนายมากด้วยถึงได้ยอมทำตามแผนฉันแบบนั้น ไม่รักไม่ทำให้นายแบบนั้นหรอก” พระชายาก็ทรงไม่หยุด ตรัสออกมาเรื่อยๆ ปล่อยให้องค์ชายเลือกที่พักไปตามลำพัง มีหันมาแย้มพระโอษฐ์ให้บ้างครั้งสองครั้ง แต่ก็ไม่ได้ทำให้กวินทร์อารมณ์ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย
“นายก็พูดได้สิวะ แผนของนายมันสำเร็จไปด้วยดีนี่ไอ้เจ๊ก” แย่กว่านั้นคือการดูถูกเชื้อชาติพระชายากลายๆ อีก
ผมทำท่าจะห้าม ทว่าองค์ชายก็ส่งสายพระเนตรมาให้กลายๆ ว่าให้ปล่อย ผมเลยได้แต่เงียบปาก ปล่อยให้พระชายากับกวินทร์คุยกันต่อไป
“พูดอย่างนี้ อิจฉาฉันล่ะสิ ถ้าอิจฉาฉันมากล่ะก็ จองตั๋วแล้วก็พาคีธไปเที่ยวมัลดีฟส์ด้วยกันสิ” พระชายาทรงพระสรวลลั่น
กวินทร์ส่งเสียงจึ๊ในลำคออย่างไม่พอใจ พลันเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ครู่ใหญ่ทีเดียวกว่าจะเปล่งเสียงออกมา
“จองตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว อีกไม่กี่วันก็จะปีใหม่แล้ว ป่านนี้คงหาตั๋วไม่ได้แล้วล่ะ ห้องก็เต็มหมดแล้วมั้ง”
“ก็ถูก ตั๋วเครื่องบินนี่ฉันก็จองล่วงหน้าก่อนหลายเดือนถึงได้มา โรงแรมก็เหมือนกัน มีแต่เลือกห้องนี่แหละที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาห้องสวีทแบบไหน” พระชายาตรัสลอยๆ ยิ่งทำให้แก้มของกวินทร์ดูป่องขึ้นมาอย่างน่ารัก และน่ารักยิ่งขึ้นเมื่อกวินทร์เหลือบมามองผมแล้วพึมพำ
“อยากไป”
“กวินทร์อยากไปไหน” ผมถาม
“ไปไหนก็ได้ที่ไปกับนายแค่สองคน แต่ตอนนี้ที่ไหนๆ ก็คงจะเต็มหมดแล้ว คนแย่งกันเที่ยวอย่างกับได้ของแจกฟรี ดูท่าจะได้อยู่แต่ที่ห้อง” กวินทร์พูดแล้วก็หน้าแดงกว่าเดิม ทำเอาผมใจเต้นขึ้นมาน้อยๆ
อืม... น่ารักชะมัด ใช้ห้องบรรทมพระชายาตอนนี้ พระชายาจะทรงอนุญาตมั้ยนะ?
ผมเกือบจะเอ่ยปากขอพระราชทานจากพระชายาอยู่แล้วหากพระชายาไม่ตรัสแทรกขึ้นมาก่อน
“งั้นแผนการไปเคาท์ดาวน์กับฉันแล้วก็แอสตันที่มัลดีฟส์คงต้องยกเลิกไป แต่ถ้าเคาท์ดาวน์กลางมหานครนิวยอร์กก็ไม่แน่”
“ฉันก็อยู่กลางนิวยอร์กอยู่แล้วเปล่าวะ” กวินทร์ว่าเสียงหวัดๆ ขณะที่พระชายายกนิ้วโบกไปมา
“จุ๊ๆ ไม่เอากลางนิวยอร์กแบบปกติสิ ฉันหมายถึงกลางนิวยอร์กแบบอยู่ในห้องสวีทของตึกสูงระฟ้าต่างหาก”
“นายหมายความว่า...?”
กวินทร์พูดยังไม่ทันจบ พระชายาก็หันไปตรัสบอกองค์ชายว่าจะใช้โน้ตบุ๊ก พอองค์ชายหันหน้าจอมาให้ก็จัดการเข้าเว็บไซต์ของโรงแรมแห่งหนึ่ง กรอกยูเซอร์เนมกับรหัสผ่านเข้าไปเสร็จก็หันหน้าจอมาทางกวินทร์
“ตึกระฟ้าแบบนี้ต่างหาก”
“อะไรของนายวะ” กวินทร์ย่นคิ้วเมื่อเห็นวอเชอร์การจองห้องของโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งด้วยไม่เข้าใจที่พระชายารับสั่งนัก แต่ผมพอจะเข้าใจละว่าพระชายาทรงหมายความว่าอะไร
“ก็ให้นายกับคีธไปเคาท์ดาวน์กันที่นี่ไงล่ะ” นั่นแหละ พระชายาทรงหมายความว่าอย่างนั้น
กวินทร์ยังงงอยู่ แสดงออกมาทางสีหน้าชัดเจนจนพระชายาต้องอธิบายยาว
“ก่อนหน้าที่จะซื้อตั๋วเครื่องบินไปมัลดีฟส์ ฉันกะว่าคงจะไม่ได้ไปเพราะหาที่พักที่นั่นไม่ได้เพราะเต็มหมดก็เลยจองโรงแรมนี้ไว้ก่อนน่ะ แต่บังเอิญทางโรงแรมที่นั่นที่ฉันติดต่อไปเมล์กลับมาว่ามีแขกแคนเซิลการจอง ฉันก็เลยรีบตอบรับแล้วก็ซื้อตั๋วเครื่องบิน ห้องที่จองไว้ก็เลยดูท่าจะไม่ได้ใช้ ตอนแรกก็กะว่าจะแคนเซิลแล้วเอาเงินคืน แต่ถ้านายอยากจะใช้ ฉันก็ยินดีขายต่อในราคาถูกนะ ลดยี่สิบเปอร์เซ็นต์จากราคาเต็มเป็นไง”
กวินทร์ร้องอ๋อ ก่อนจะเบะปากใส่ “ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ไม่เรียกว่าถูกนะไอ้ริชาร์ด”
“แล้วนายจะเอาเท่าไหร่”
“ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ขาดตัว”
“โอเค้ เห็นเป็นเพื่อนกันหรอกถึงยอม ห้าสิบก็ห้าสิบ” พระชายาเลิกพระขนงขึ้นสูงขณะตรัส แล้วก็ทรงหยอกกวินทร์ขึ้นมาอีก “จ่ายผ่านบัตรหรือเงินสดดีครับมาดาม”
“เงินสด เดี๋ยวไปกดให้” กวินทร์ว่าส่งๆ
ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้เลยเมื่อได้เห็นท่าทางแบบนี้ของกวินทร์
“ยิ้มอะไรไอ้คีธ ที่ฉันยอมซื้อจองต่อจากริชาร์ดไม่ใช่เพราะอยากอยู่ข้ามปีกับนายหรอกนะเว้ย แค่เสียดาย มันอุตส่าห์จองได้เลยซื้อจองต่อ”
“เมื่อกี้กวินทร์ยังบอกว่าอยากไปที่ไหนก็ได้กับฉันสองคนอยู่เลยไม่ใช่เหรอ” ผมว่าอย่างรู้ทัน
กวินทร์เลิ่กลั่กไปเล็กน้อย พวงแก้มแดงแจ๋ขึ้นมาก่อนจะหันไปทางอื่น แล้วว่าสั้นๆ
“เมาเบียร์ก็พูดไปเรื่อยเปื่อย”
ผมรู้ว่ากวินทร์ไม่ได้เมาหรอก นิสัยของกวินทร์ก็อย่างนี้แหละ ปากไม่ตรงกับใจเท่าไหร่ แต่น่ารักที่สุดในจักรวาลแล้วล่ะ น่ารักจนผมชักจะอดใจไม่ไหวแล้วสิ
“ถ้ากวินทร์เมา... อยากกลับห้องไปนอนมั้ย” ผมเอนตัวไปโอบไหล่กวินทร์เบาๆ กระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงที่ไม่ใช่เสียงกระซิบเท่าไหร่เพราะองค์ชายกับพระชายาได้ยินสิ่งที่ผมพูดได้อย่างชัดเจนดี และทั้งสองพระองค์ก็คงจะเข้าใจความหมายด้วยว่าผมหมายถึงอะไร
ก็ไม่ได้หมายถึงนอนจริงๆ หรอก แต่เป็นนอนใต้ร่างผมน่ะ
“ตะ...ตอนนี้ไม่เมาแล้ว!” กวินทร์แผดเสียงใส่ผมอีกครั้ง ใบหน้าตอนนี้แดงเรื่อยิ่งกว่าเมื่อครู่อีก
ดีที่ก่อนกวินทร์จะได้ปฏิเสธผมไปมากกว่านี้ พระชายาก็ตรัสโพล่งขึ้นมา
“ถ้าเมาก็ไม่ต้องระเห็จกลับไปที่ห้องหรอก ตอนนี้หิมะตกด้วย ถ้าไม่ไหวก็ขึ้นไปนอนที่ห้องฉันน่ะ วันนี้พ่อแม่ฉันไม่อยู่ เดี๋ยวฉันกับแอสตันย้ายไปนอนห้องพ่อแม่” ตรัสผมก็ยักพระขนงให้ผมเล็กน้อย ผมรู้เลยว่านั่นเป็นแผนการของพระชายา มิหนำซ้ำ องค์ชายยังช่วยเปิดทางให้อีก
“เดี๋ยวเราจะออกไปข้างนอกหน่อยนะคีทาเย เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพระชายาของเราบอกไว้ว่าอยากกินกีวี”
“เออ นั่นสิเนอะ ลืมไปเลย งั้นเราไปซูเปอร์ฯ กันเถอะ ให้สองคนนี้เฝ้าบ้าน” พระชายาเออออเห็นด้วย ก่อนจะลุกขึ้นพรวด “ฝากบ้านหน่อยนะเควิน เดี๋ยวอีกสักสามชั่วโมงจะกลับมา สามชั่วโมงพอใช่มั้ยคีธ” ปลายประโยคหันมาตรัสถามผมซะได้ กวินทร์เลยรู้หมดเลยว่าที่ทั้งสองพระองค์ตรัสว่าจะไปข้างนอกนั้นก็เพื่อเปิดโอกาสให้ผมได้ผูกพันกับกวินทร์
แต่เอาเถอะ ผมพยักหน้ารับพระชายาไปเรียบร้อยแล้วล่ะ
“ไม่ต้องเลยไอ้ริชาร์ด ไม่ต้องทำมาเป็นไปข้างนอกเลยนะเว้ย!” กวินทร์โวยวายน้อยๆ
แต่ไม่ทันแล้ว พระชายาตรงไปหยิบกุญแจรถพร้อมลากองค์ชายไปที่หน้าบ้านแล้วล่ะ แถมยังทิ้งท้ายด้วยประโยคตรงๆ อีก
“ถุงยางไม่มีนะ แต่เหมือนพวกนายคงจะไม่ต้องใช้ อยู่บ้านกันดีๆ แล้วกัน อย่าทำเตียงหัก”
“ไอ้ริชาร์ด!” กวินทร์แหวใส่ ทว่าพระชายากับองค์ชายก็ผลุบหายไปจากบ้านแล้ว เหลือแต่ผมกับกวินทร์ที่ยังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นที่เดิม
กวินทร์บ่นไม่เลิกที่ถูกทิ้งให้อยู่กับผมสองต่อสองกะทันหัน ผมเห็นแล้วก็อดหัวเราะในลำคอไม่ได้
กวินทร์นี่ตลอดแหละ เวลาอายหรือประหม่าทีไรก็แสร้งทำเป็นก่นด่าไปเรื่อย
“หัวเราะอะไรไอ้คีธ” แล้วตอนนี้ก็เริ่มหันมาเล่นงานผมแล้วล่ะ
“ก็กวินทร์น่ารักดี” ผมบอกตามจริง
ใบหน้าของกวินทร์ยังเจือสีเลือดฝาดขณะฟังผมพูด จนผมต้องโน้มหน้าลงไปประทับจูบบนพวงแก้มนั่นเบาๆ ทีหนึ่งอย่างอดใจไม่ไหว อดใจไม่ไหวหนักยิ่งกว่าเมื่อกวินทร์ที่มองผมตาเขียวเริ่มเม้มปากแน่นด้วยความเขินอาย
น่ารัก... น่ารักที่สุด
รุกเลยก็แล้วกัน...
ผมดันกวินทร์เอนตัวนอนราบไปกับโซฟา โถมตัวเข้าหาแล้วพรมจูบลงบนซอกคอระหงอย่างกระหาย กวินทร์เผลอส่งเสียงหวานออกมาเล็กน้อยแต่ก็ครู่เดียว แล้วก็ผลักผมออก
“เดี๋ยว”
“หืม?” ผมละใบหน้าออกมามองใบหน้ายุ่งๆ ของคนใต้ร่างทันควัน ใจจริงไม่อยากหยุดเลย แต่ถ้าไม่หยุด เดี๋ยวกวินทร์จะโกรธเอา
แต่กวินทร์ก็ทำให้ผมยิ้มออกเมื่อเขาพูดขึ้นมาแบบไม่มองหน้าผม
“ขึ้นไปทำข้างบน เดี๋ยวพวกมันกลับมาเห็น”
ก็นึกว่าจะขัดขืน ที่แท้ก็เสนอสถานที่ให้นี่เอง
ผมไม่พูดอะไร ลุกขึ้นแล้วช้อนตัวกวินทร์ขึ้นอุ้มแทน ก่อนตรงไปยังห้องบรรทมของพระชายาชั้นบนทันใด พอเปิดประตูเข้าไปและวางกวินทร์ลงบนเตียงได้ กวินทร์ก็ว่าออกมาอีก
“ออมแรงไว้บ้างนะ เผื่อไว้คืนเคาท์ดาวน์บ้าง”
ผมหลุดหัวเราะออกมาเลย คิดว่าผมเป็นใครกันถึงจะได้ไม่มีเรี่ยวแรงเหลือสำหรับวันนั้น
“กวินทร์ไม่ต้องห่วง สำหรับกวินทร์ ฉันมีแรงให้เหลือเฟืออยู่แล้ว”
“เออ รู้ว่านายมีแรงเหลือเฟือ แต่คิดถึงสุขภาพฉันบ้างสิเว้ย หลังเดาะหรือสะโพกครากขึ้นมา บอกไว้เลยว่านายอดแน่”
“อืม จะอ่อนโยนนะ” ผมตอบรับ แล้วจัดการเปลื้องปราการที่ขัดขวางสายตาของกวินทร์ออกทีละชิ้น ก่อนจะลิ้มรสหวานจากร่างตรงหน้าไปทุกสัดส่วนอย่างเบามือกว่าปกติ
ฮืม... ไม่อยากจะเบามือเลย แต่ถ้าไม่ทำตาม เดี๋ยวกวินทร์โกรธ อดใจไว้จนกว่าจะถึงคืนข้ามปีก็แล้วกัน
 
หลังจากวันนั้น กวินทร์ก็บ่นไม่เลิกว่าไม่ได้อยากไปเคาท์ดาวน์กับผมที่โรงแรมนั่น แต่ที่ยอมซื้อจองก็เพราะเสียดายแทนพระชายาที่ทรงจองห้องได้ แล้วก็ว่าผมไม่เลิกด้วยว่าผมตื่นเต้นเกินตัวกับแค่การเคาท์ดาวน์ทั้งที่ผมถามแค่คำถามเดียวเองว่าถ้าไปที่นั่น กวินทร์อยากทำอะไรบ้าง ผมก็เลยไม่ได้ถามต่อเพราะไม่อยากทำให้กวินทร์รำคาญใจ
แต่เท่าที่ผมเห็นนะ มีแต่กวินทร์นี่แหละที่ตื่นเต้น ยิ่งก่อนวันเคาท์ดาวน์วันเดียว กวินทร์ก็รีบโทรไปจองมื้ออาหารเย็นที่จะให้ทางโรงแรมมาเสิร์ฟที่ห้อง ซ้ำตอนนี้ยังนั่งเลือกเพลงที่จะเอาไปเปิดที่นั่นตอนเราผูกพันกันด้วย ส่วนผมก็ได้แต่นั่งมอง มีความสุขแปลกๆ ที่ได้เห็นกวินทร์กระตือรือร้นอยากอยู่กับผมขนาดนี้
“นายว่าเอาเพลงแจ๊ซหรือบลูดี แบบไหนมันโรแมนติกกว่ากันวะ”
“แบบไหนก็ได้ แล้วแต่กวินทร์” ผมตอบรับพลางเท้าคางมองหน้ากวินทร์ที่เอาแต่จ้องจอโน้ตบุ๊กตั้งแต่เมื่อชั่วโมงก่อนไปด้วย
กวินทร์ละสายตามามองผมดุๆ เล็กน้อยก่อนว่า “ฉันให้นายช่วยเลือกเว้ย ไม่ได้ให้นายเออออตามไปทุกอย่าง”
“กวินทร์เลือกอะไรมันก็ดีสำหรับฉันหมดนั่นแหละ เลือกเถอะ ฉันชอบทุกอย่างที่มาจากกวินทร์” ผมก็เลยว่าเอาใจหน่อย
กวินทร์พ่นลมหายใจแรงๆ ใส่ผมทีหนึ่ง ก่อนจะบ่นมุบมิบ
“ไอ้บ้าคีธ” หน้าแดงด้วย น่ารักจัง...
น่ารักจนผมอดใจขยับไปใกล้ๆ เพื่อจะจูบหน้าผากไม่ได้ พอกวินทร์ไม่ว่าอะไร เอาแต่ยกมือแตะหน้าผากบริเวณที่ผมจูบอย่างเดียว ผมก็ได้ใจ เลื่อนเก้าอี้เข้าไปใกล้แล้วเริ่มคลอเคลียพรมจูบไม่ห่างตั้งแต่พวงแก้มไล้ลามไปยังลำคอ มือไม้เริ่มลูบไล้ไปยังแผงอกของกวินทร์ด้วย ตอนนี้แหละที่กวินทร์เริ่มชักสีหน้าใส่ผม
“เลือกเพลงอยู่ อย่าวุ่นวาย”
“กวินทร์ก็เลือกไปสิ” ผมว่าขณะที่ใบหน้ายังซุกอยู่ยังซอกคอ กวินทร์เลยผลักหน้าผมออกห่าง
“ก็อย่ากวนสิวะ!”
“กวินทร์น่ารักนี่” ผมเลยรีบส่งสายตาอ้อนวอนให้ จากการเรียนรู้พฤติกรรม เหมือนกวินทร์จะแพ้ทางกับสายตาประมาณนี้ของผมนะ ทำทีไร เห็นใจอ่อนทุกที
ครั้งนี้ก็เหมือนกัน กวินทร์จ้องตาผมได้แวบเดียวก็หันหนี แล้วเอ่ยปากขึ้นมา
“งั้นก็มานั่งที่ฉัน เดี๋ยวฉันนั่งตักนาย จากนั้นจะทำอะไรก็ตามใจ”
ผมไม่รอช้า เปิดทางให้ขนาดนี้ก็ลุกพรวดจากเก้าอี้ตัวเองขณะที่กวินทร์ลุกขึ้นยืนให้ผมมานั่งแทนที่ของเขา พอผมนั่งปุ๊บ กวินทร์ก็ทรุกตัวลงมานั่งบนตักอย่างที่ว่า ทีนี้ผมก็ได้ทำตามใจกับร่างกายของกวินทร์เลย
“อืม... ตรงนั้นมันเซ้นซิทีฟ เบาๆ หน่อย” กวินทร์ส่งเสียงอือออออกมาเมื่อผมเลื่อนฝ่ามือเข้าไปลูบแผ่นอกใต้เสื้อแล้วขยับนิ้วหยอกเย้ากับยอดนูนเล็กๆ บนหน้าอกข้างหนึ่ง
แล้วผมฟังเหรอ... ฟังครับ แต่ไม่ทำตาม ชอบที่สุดเลยเวลากวินทร์ทำท่าทางเหมือนทนไม่ไหวแบบนี้เนี่ย
“กวินทร์เลือกเพลงไปสิ” ผมแสร้งว่า สิ้นเสียง ปากก็งับใบหูเล็กแล้วขบกัดเบาๆ
กวินทร์เกร็งสุดตัว จากที่นั่งอยู่บนตักผมก็เริ่มอยู่ไม่สุขแล้ว เอนไปตามแนวราบของโต๊ะขณะที่ผมก็ยังไม่หยุดมือ
“บะ...แบบนี้ใครจะไปเลือกต่อได้วะ” ตามด้วยเสียงกระเส่าเบาๆ
ใบหน้าของกวินทร์แดงเรื่อกระตุ้นให้ผมเกิดความต้องการขึ้นมา ผมเลยละมือมาปลดกระดุมเสื้อของกวินทร์ออก เลื่อนมือลงไปยังขอบกางเกงยีนส์แล้วลูบส่วนที่ดุนดันเนื้อผ้าออกมาอย่างเบามือด้วย กวินทร์สะดุ้งเฮือกก่อนเด้งตัวลุกขึ้นจากตักผมโดยเร็ว
“ไม่เลือกแล้ว! ช่างหัวเพลงแม่ง!”
ผมไม่ปล่อยให้กวินทร์หลุดมือ พอกวินทร์เด้งตัวขึ้นยืน ผมก็คว้าเอวเขาไว้หมับ ดึงกลับมาหาตัวเองด้วย แต่ครั้งนี้ไม่ได้ดึงให้มานั่งตักแบบหันหลังให้ แต่ดึงมานั่งคร่อมแล้วหันหน้าเข้าหาผมแทน
“ไม่ต้องเลือกก็ได้ ไม่จำเป็นเท่าไหร่” ผมบอกขณะดึงแขนของกวินทร์ข้างหนึ่งพาดบนไหล่ตัวเอง
กวินทร์ย่นจมูก จ้องตาผมขวางๆ “ก็แน่ล่ะสิ นายมันหื่นได้ตลอดเวลานี่หว่า จะมีเพลงประกอบหรือไม่มีก็เท่านั้น”
“อืม แค่เสียงกวินทร์คนเดียวก็พอแล้ว” ผมว่าไปตามตรง ยิ้มน้อยๆ ให้ด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่ากวินทร์อายอะไร พอสิ้นเสียงผม ก็ทุบอกผมดังอั้ก
“ไอ้หื่นคีธ”
ไม่ได้หื่นสักหน่อย แค่ชอบฟังเสียงกวินทร์เวลาอยู่ใต้ร่างผมเฉยๆ ...แต่ถ้ากวินทร์อยู่บนร่างผม ผมก็ชอบฟังเหมือนกัน
ผมไม่พูดอะไร เอาแต่ยิ้มให้แล้วจัดการยื่นใบหน้าเข้าไปครอบครองยอดอกสีชมพูเรื่อที่อยู่ในระดับสายตาทันที กวินทร์ที่ทำท่าเหมือนจะลุกอีกครั้งรีบคว้าลำคอผมยึดตัวเองไว้แน่น เสียงหวานที่ดังจากลำคอเหมือนถูกเจ้าของสะกดกลั้นประหนึ่งไม่อยากเปล่งออกมา ผมเลยดุนลิ้นเปียกนุ่มไปบนส่วนแข็งขันนั่นเบาๆ ก่อนจะออกแรงดูดและขบกัดตามมาสลับกัน เสียงนั้นก็เลยดังขึ้นกว่าเดิม ตามด้วยเสียงเรียกชื่อผม
“อา...คีธ...”
ใบหน้าหวานดูเย้ายวนและเชิญชวนกว่าปกติ ผมเหลือบมองแล้วก็ชักอดใจไม่ไหว วันนี้จะรุนแรงได้มั้ยนะ กวินทร์จะโกรธหรือเปล่าถ้าทำกวินทร์สะโพกคราก ฮืม... ไม่เอาดีกว่า อ่อนโยนแล้วกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะอด
แต่ถึงตั้งใจไว้แล้วว่าจะอ่อนโยน ผมก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้อยู่ดี ยิ่งกวินทร์ส่งเสียงครวญครางกระตุ้นอารมณ์ไม่หยุด ผมก็ประคองกวินทร์ขึ้นยืนด้วยแขนข้างเดียว มืออีกข้างก็ดันโน้ตบุ๊กตรงหน้าออกห่างแล้ววางกวินทร์ลงนั่งบนโต๊ะแทน
“จะทำอะไรเนี่ย” กวินทร์ถามเสียงขุ่น ผมไม่สนใจแล้ว ดันกวินทร์ลงนอนหงายบนโต๊ะนั่นแล้วกระซิบข้างหูเบาๆ
“ผูกพันกับกวินทร์ไง”
“บนโต๊ะเนี่ยนะ” กวินทร์ย่นคิ้วให้ผมพยักหน้า
“ไม่เอา ไปที่เตียง” พอได้คำตอบ กวินทร์ก็ชี้นิ้วสั่งเลย
กวินทร์นี่เป็นพวกชอบการผูกพันแบบปกติสามัญ อะไรที่โลดโผน กวินทร์จะไม่ชอบเท่าไหร่ แต่ผมชอบไง ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ ถ้ามัวแต่รอไปที่เตียงแล้วถ้าเกิดอยากจะผูกพันตอนไม่มีเตียงล่ะจะทำยังไง เปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ไม่เป็นอะไรหรอก กวินทร์โกรธแล้วค่อยง้อทีหลัง
“ไอ้คีธ บอกให้ไปที่เตียง” กวินทร์โวยวายขึ้นมาน้อยๆ เมื่อเห็นผมดื้อแพ่งและเอาแต่วุ่นวายกับการลิ้มรสยอดอกเขาไม่เลิก
ผมไม่สนใจ ไล่จูบลงต่ำไปยังหน้าท้อง มือข้างหนึ่งยังคลึงเคล้นยอดอกกวินทร์ไม่เลิก อีกข้างก็จัดการปลดเข็มขัดกางเกงของกวินทร์ออกจนเหลือแต่ชั้นใน แล้วจัดการลูบคลำส่วนแข็งขันที่ปรากฏให้เห็นน้อยๆ ผ่านเนื้อผ้าอย่างเบามือ กวินทร์สะดุ้งเฮือก เสียงที่ห้ามผมอยู่เริ่มกระเส่าขึ้นมา
“ปะ...ไปที่เตียง อา...”
ไม่ไปแล้ว ที่โต๊ะนี่แหละ
ผมดึงกางเกงชั้นในของกวินทร์ลง หยอกล้อกับแก่นกายอุ่นร้อนด้วยอุ้งมือ ครู่หนึ่งร่องเล็กที่ส่วนปลายสีเรื่อก็เริ่มมีน้ำสีใสไหลซึมออกมาเล็กน้อยจนผมอดใจที่จะชิมรสหวานนั่นไม่ได้ แต่เพียงแตะริมฝีปากเบาๆ กวินทร์ก็เกร็งตัวจนแผ่นหลังอยู่ไม่ติดโต๊ะ ผมเลยลากเก้าอี้มานั่ง กดบั้นเอวเล็กให้แนบติดกับโต๊ะแล้วทำท่าจะจับส่วนบอบบางนั้นเข้าโพรงปาก
หากแต่แค่ตั้งท่าเท่านั้น เพียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของกวินทร์ซึ่งอยู่ในกระเป๋ากางเกงที่กองอยู่บนพื้นก็ดังขึ้น เรียกให้กวินทร์เด้งผึงขึ้นมานั่งทันใด
“ส่งโทรศัพท์มา”
“อืม” ผมขานรับ แต่ไม่อยากให้รับเลย ทำเป็นไม่สนใจไปก็แล้วกัน
ผมโน้มใบหน้าลง กะจะจัดการอยู่แล้ว ทว่ากวินทร์ดันเอามือมาจิกผมของผมไว้แน่น
“ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์หรือไงวะ บอกให้ส่งมา!”
ผมเงยหน้าขึ้นมองกวินทร์ที่ทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อย อยากถอนหายใจใส่จัง แต่เดี๋ยวโดนกวินทร์ด่า เสียงโทรศัพท์นั่นก็ดังไม่หยุดจนชวนให้รำคาญซะด้วย ให้รับไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวค่อยผูกพันทีหลัง
ผมยอมผละจากกวินทร์ ก้มลงไปหยิบโทรศัพท์ให้กวินทร์แต่โดยดี กวินทร์รับไปถือ พึมพำชื่อคนที่โทรเข้ามาเล็กน้อยให้ได้ยิน
“ด็อกเตอร์มาร์ติน...”
อาจารย์ของกวินทร์สินะ
“ครับ?” กวินทร์กดรับแล้วกรอกเสียงลงไป เสียงของอีกฝ่ายดังขึ้นมายาวเหยียด สีหน้าที่ย่นยู่ของกวินทร์ดูย่นยู่หนักขึ้นไปอีก ทำเอาผมอดสงสัยไม่ได้ว่าทั้งคู่คุยอะไรกัน ผมเลยตั้งสมาธิแล้วใช้ประสาทสัมผัสของตัวเองให้เป็นประโยชน์เพื่อแอบฟังบทสนทนาทันใด
[นะเควิน นอกจากนายแล้ว ฉันก็ไม่รู้จะไปหาใครที่ไหนมาช่วยอีกแล้ว ริชาร์ดก็ไม่อยู่แล้ว แค่พรุ่งนี้วันเดียวเอง]
มีเอ่ยพระนามของพระชายาที่เพิ่งจะบินไปมัลดีฟส์เมื่อวานขึ้นมาด้วย ดูท่าทางคงอยากจะให้ไปช่วยงานแน่ๆ
“แต่ว่า...” กวินทร์ดูมีสีหน้าลำบากใจขึ้นมา ทว่าอีกฝ่ายก็โพล่งขึ้นมาก่อนกวินทร์จะพูดจบ
[แค่มาช่วยดูคิวตัดต่อเองน่า เสร็จไม่ดึกหรอก ก่อนเที่ยงคืนแน่นอน รับรองว่านายได้เคาท์ดาวน์แน่ ฉันกับทีมงานมีแพลนจัดการปาร์ตีเคาท์ดาวน์ไว้แล้ว]
อย่างที่คิดจริงๆ ด้วย ขอให้ไปช่วยงานจริงๆ
“แต่ผมมีนัดแล้วน่ะครับ”
[เถอะนะเควิน ฉันไม่รู้จะพึ่งใครแล้วจริงๆ ไม่มีใครที่ฉันไว้ใจได้เท่านายกับริชาร์ดเลย งานนี้ได้เงินด้วยนะ จริงๆ ถ้านายมาล่ะก็ ฉันสัญญาเลยว่าจะคุยเรื่องทุนเทอมหน้าของนายให้เลย เดี๋ยวจะพานายไปแนะนำให้โปรดิวเซอร์ดังๆ เพื่อนฉันรู้จักด้วย จะได้ปูทางในอนาคตดีมั้ย มาเถอะ โอกาสแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วนะ]
ผมเห็นความลังเลฉายวาบขึ้นมาในแววตากวินทร์เล็กน้อย ผมรู้ว่ากวินทร์อยากเป็นโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์หลังจากเรียนจบ ต่างจากพระชายาที่อยากเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ พอมีคนมาเสนอโอกาสแบบนี้แล้วก็อดลังเลไม่ได้ ถึงการประกอบอาชีพของชาวดาวเคราะห์สีน้ำเงินจะไม่สำคัญกับผมนัก แต่สำหรับกวินทร์มันสำคัญ ผมก็เลยวางมือลงบนขาของกวินทร์แล้วออกแรงบีบเบาๆ
กวินทร์เหลือมามองผมขณะที่ผมพยักหน้าให้เป็นสัญญาณว่าให้ตกปากรับคำไป กวินทร์เลยบอกอีกฝ่ายว่าให้รอเดี๋ยวแล้วหันมาพูดกับผม
“นายโอเคเหรอ”
“โอกาสของกวินทร์ในอนาคต ฉันโอเคหมด”
กวินทร์ทำหน้าไม่เชื่อ หัวคิ้วย่นยู่ทันควัน
“ถ้านายไม่โอเคก็บอกมาตอนนี้เลย ฉันจะได้ยกเลิกฝั่งนั้นไป”
“โอเคสิกวินทร์”
“แต่พรุ่งนี้มันเป็นวันส่งท้ายปีเก่าครั้งแรกของนายนะ... ของเราด้วย”
“ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ปีเดียวสักหน่อย อยู่ไปตลอดชีวิต ไม่เป็นไรหรอก เอาที่ใจกวินทร์ต้องการเถอะ”
กวินทร์ดูเหมือนจะผ่อนคลายลงมาบ้าง ก่อนจะตัดสินใจในทันที
“งั้นไว้หลังปีใหม่จะชดเชยให้แล้วกัน”
ผมพยักหน้ารับ พอจะรู้อยู่แล้วล่ะว่ากวินทร์จะเลือกแบบนี้ แต่ก็ดีแล้ว โอกาสแบบนี้ไม่ได้มาง่ายๆ ส่วนผมอยู่กับกวินทร์ทุกวัน เมื่อไหร่ก็เป็นวันสำคัญทั้งนั้น ไม่ใช่แค่วันส่งท้ายปีใหม่อย่างเดียว ไม่ได้นับถอยหลังด้วยกันก็ไม่เป็นไร
“ตกลงครับ งั้นไว้เจอกันนะครับด็อกเตอร์” กวินทร์รับปากฝ่ายนั้นเรียบร้อย นัดแนะสถานที่และเวลากันด้วยก่อนจะวางสายไป
วางสายเสร็จ สีหน้าของกวินทร์ก็ดูสำนึกผิดขึ้นมา ก่อนเขาจะมองหน้าผมนิ่งแล้วว่าเสียงแผ่ว

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-01-2016 14:09:04 โดย NooDangzz »

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Special Episode [New Year]: Let bind Kawin tight and give Keith as a gift[2]
“ขอโทษนะคีธ ไว้จะชดเชยให้ยาวๆ เลย ไม่เป็นไรนะ”
ผมพยักหน้าอีกครั้ง ไม่เป็นอะไรอย่างที่บอกนั่นแหละ ผมไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอย่างกวินทร์ วันไหนๆ ก็เหมือนกันทั้งนั้น ที่สำคัญคือตอนนี้ต่างหาก... จะต่อจากเมื่อกี้ได้หรือยังนะ?
อยากจะถามกวินทร์เหลือเกิน แต่กวินทร์ไม่อยู่ให้ถาม ทิ้งตัวลงจากโต๊ะแล้วยกโน้ตบุ๊กไปต่อกับปริ๊นท์เตอร์ ปริ๊นท์เอาวอเชอร์การจองโรงแรมออกมายื่นให้ผม
“ฉันคงไม่ได้ไปแล้ว แต่จะทิ้งหรือแคนเซิลไปก็เสียดาย พรุ่งนี้นายไปคนเดียวนะ ฉันจัดการจองอาหารอะไรไว้ให้หมดแล้ว ชุดดีลักซ์เลยนะ”
ผมรับมาถือ จริงๆ ผมไม่ได้สนใจเรื่องอาหารอะไรเท่าไหร่ถึงตอนนี้ผมจะกินอาหารได้เหมือนชาวดาวเคราะห์สีน้ำเงินเพราะยาของเจเนซิสแล้วก็ตาม ก็สิ่งที่ผมอยากกินน่ะคือกวินทร์ต่างหาก ไม่ใช่อาหารหรูๆ นี่สักหน่อย
แต่อะไรก็ไม่ทำให้ผมสนใจได้เท่ากับสิ่งที่กวินทร์พูดต่อมา
“ฉันคงต้องไปค้างที่บ้านด็อกเตอร์คืนนี้เลย ด็อกเตอร์ขอมาน่ะว่าให้มาเร็วหน่อย”
อืม... ผมได้ยินจากบทสนทนาทางโทรศัพท์นั่นแล้วล่ะ
“กวินทร์ไปเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วง” แล้วผมก็ตอบรับไป
กวินทร์ไม่ยอมไป ยืนมองหน้าผมนิ่งๆ อยู่อย่างนั้นก่อนจะว่าออกมาเบาๆ
“ขอโทษนะคีธ”
ขอโทษอีกแล้ว กวินทร์จะรู้มั้ยนะว่าเรื่องแค่นี้ไม่ทำให้ผมเสียความรู้สึกหรอก แค่เสียดายหน่อยๆ ที่ไม่ได้สานต่อกับกวินทร์จากที่ค้างไว้เมื่อกี้อย่างเดียว งั้นเอามาต่อรองเลยแล้วกัน
“ถ้ากวินทร์อยากจะขอโทษ ก็ขอโทษด้วยการต่อจากเมื่อกี้กันเถอะ”
สีหน้าสำนึกผิดของกวินทร์ดูหงุดหงิดขึ้นมาเลย แต่ครู่เดียวเท่านั้น กวินทร์ก็พ่นลมหายใจออกมา
“ก็ได้ จะรุนแรงแค่ไหนก็ตามสบาย ถือว่าชดเชยล่วงหน้าแล้วกัน ไว้กลับมาแล้วจะชดเชยให้อีกที แต่มีข้อแม้อยู่อย่างนึง”
ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ครู่หนึ่งกวินทร์ก็ตอบกลับมา
“ทำที่เตียง โต๊ะมันแข็ง เจ็บหลัง”
ผมหลุดหัวเราะน้อยๆ ทันใด แล้วก็พยักหน้ารับไปตามเรื่อง
“งั้นไม่ออมแรงนะ”
กวินทร์พยักหน้า ผมเลยตรงเข้าไปอุ้มกวินทร์แล้วพาเข้าไปในห้องนอน วันนี้จะไม่ออมแรงแล้ว กวินทร์ทำผิดทีไรยอมตามใจผมทุกที อยากให้กวินทร์ทำผิดอีกบ่อยๆ จัง

‘ไปก่อนนะคีธ ถ้ามีอะไรหรือขาดเหลืออะไรก็โทรมาหาฉันนะเข้าใจมั้ย แล้วก็อย่าลืมไปที่โรงแรมด้วย อย่าให้เสียของ’
กวินทร์สั่งผมยาวเหยียดก่อนจะออกไปหาด็อกเตอร์มาร์ตินในตอนกลางคืน ผมก็พยักหน้ารับส่งๆ ไป กะจะไม่ไปอยู่แล้วล่ะถ้ากวินทร์ไม่ยื่นคำขาดส่งท้ายมา
‘ถ้าฉันมารู้ทีหลังว่านายเอาแต่อุดอู้อยู่ในห้อง ไม่ยอมไปที่โรงแรมให้ฉันเสียเงินฟรีล่ะก็ งดเซ็กส์เดือนนึง!’
นั่นแหละ ผมก็เลยมายืนอยู่ที่ล็อบบี้ของโรงแรมที่ว่านั่นในคืนวันส่งท้ายปี ผมเลือกมาตอนช่วงหัวค่ำเพราะไม่อยากจะใช้เวลาอยู่ที่นี่คนเดียว แต่คิดดูดีๆ แล้ว อยู่ที่ห้องของกวินทร์ก็ใช้เวลาอยู่คนเดียวเหมือนกัน ทว่ามันก็ต่างกันนั่นแหละ ที่ห้องของกวินทร์ยังมีกลิ่นกายของกวินทร์ ผิดกับที่นี่ที่ไม่มี ถึงจะไม่อยากมาก็ต้องมา งดผูกพันหนึ่งเดือนนี่ ฆ่าผมทิ้งยังจะดีซะกว่า
ผมถูกบริกรของโรงแรมพามายังห้องที่จองไว้ มันเป็นห้องสวีทก็จริง ทว่าก็ไม่ได้หรูที่สุดในโรงแรมแห่งนี้ ทว่าก็หรูพอตัว ตอนแรกผมก็แอบกังวลเรื่องค่าห้องที่กวินทร์จ่ายไปเหมือนกัน แต่พอกวินทร์บอกว่าจะมาเก็บเงินที่ผมทีหลัง ผมก็เลยเบาใจไป ผมน่ะได้เงินจากการเป็นสตั๊นแมนค่อนข้างเยอะ ยิ่งช่วงนี้ไปรับงานถ่ายแบบเดินแบบอะไรที่พระชายาแนะนำให้แล้วด้วย ยิ่งมีมากกว่าเดิมหากแต่ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่นัก ให้กวินทร์ใช้นั่นแหละดีแล้ว
ผมปิดประตูห้อง เดินเข้าไปยังบานกระจกใสแทนที่กำแพงที่ทอดตัวยาวเกือบจะครึ่งห้องแล้วมองวิวทิวทัศน์เบื้องหน้าจากความสูงในระดับชั้นที่สามสิบนิ่งๆ มันไม่ได้สูงพอที่จะทำให้เห็นทิวทัศน์ของนิวยอร์กทั้งหมด แต่ทิวทัศน์ที่ได้เห็นก็สวยงามไม่น้อย ยิ่งอยู่ในช่วงกลางคืน มีแสงไฟประดับประดาด้วยแล้วก็ยิ่งดูสวย ตัวผมไม่ได้สนใจมากนักหรอก ทิวทัศน์ที่เห็นจากอวกาศน่ะสวยกว่านี้เยอะ แต่ผมอยากให้กวินทร์ได้มาเห็นมากกว่า เพราะที่ผมอยากเห็นน่ะไม่ใช่ทิวทัศน์พวกนี้ ทว่าเป็นสีหน้าของกวินทร์ที่ได้เห็นมันต่างหาก
ตอนแรกที่คิดว่าไม่เป็นไรถ้ากวินทร์ไม่ได้มาด้วย ตอนนี้ก็ชักเป็นแล้วแฮะ อยากรู้จังว่ากวินทร์จะทำหน้าตื่นเต้นได้น่ารักขนาดไหนเวลาเห็นวิวของนิวยอร์ก
ผมยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่ หัวก็จินตนาการภาพสีหน้าของกวินทร์ไปด้วย ใจอยากจะตั้งสมาธิแล้วแอบฟังเสียงพูดคุยของกวินทร์ระหว่างทำงานเหมือนกันว่าคุยอะไรกับใครบ้าง แต่เกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาท ปล่อยให้กวินทร์ตั้งใจทำงานไปดีกว่า กลับมาแล้วค่อยคุยกัน
แต่นี่มัน... เหงาจังเลยแฮะ ถ้ากวินทร์มาอยู่ตรงนี้ด้วยก็ดี
ผมเผลอคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย รู้สึกตัวอีกที เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้นแล้ว คนโทรมาเป็นกวินทร์... ก็เป็นกวินทร์คนเดียวนั่นแหละ โทรศัพท์เครื่องนี้ไม่มีใครรู้เบอร์ คนที่ติดต่อผมมีแค่กวินทร์คนเดียว ส่วนพวกที่โทรมาติดต่อเรื่องงานก็โทรเข้าหากวินทร์หมด ก็เขาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของผมนี่นา
[ว่าไงคีธ ตกลงไปที่โรงแรมหรือยัง] พอกดรับสาย กวินทร์ก็กรอกเสียงลงมาเลย
“อืม ตอนนี้อยู่ในห้องสวีทที่กวินทร์จองไว้” ผมบอกไปตามความจริง สายตายังทอดมองไปยังวิวด้านนอกเหมือนเดิม
[แล้วเป็นไง นายชอบมั้ย]
“ชอบ สวยมาก แต่จะชอบกว่านี้ถ้ากวินทร์อยู่ด้วย” ผมหลุดปากพูดความในใจไปจนได้ นี่ก็นิสัยเสียของผมล่ะ เก็บความต้องการไม่ค่อยอยู่
กวินทร์เงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนจะพูดออกมา
[เอาน่า บอกแล้วไงว่าจะชดเชยให้ทีหลัง อ๊ะ เดี๋ยวฉันต้องไปก่อนนะ ใกล้จะห้าทุ่มแล้ว ต้องรีบทำงานให้เสร็จก่อนเคาท์ดาวน์ ไม่อยากทำงานข้ามปี แค่นี้ก่อน]
ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าปลายประโยค กวินทร์ดูรนๆ แปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร คงจะยุ่งจริงๆ เลยขานรับแล้ววางสายไป
ใกล้ห้าทุ่มแล้ว... อีกไม่นานก็จะได้เวลาเข้าสู่ปีใหม่แล้วสินะ
ยิ่งคิด ความเสียดายที่ไม่ได้อยู่กับกวินทร์ในเวลานี้ก็เข้ามากัดกินใจผม ผมเริ่มเข้าใจความรู้สึกกวินทร์ในคืนวันคริสมาสต์อีฟแล้วล่ะว่าตอนนั้นกวินทร์รู้สึกยังไง แต่ผมไม่โกรธกวินทร์หรอก มันเป็นเหตุสุดวิสัยนี่
ทว่าในระหว่างที่ผมคิดอะไรเพลินๆ เสียงกดกริ่งจากหน้าห้องก็ดังขึ้น เรียกความสนใจจากผมไป พอผมส่องช่องตาแมวก็เห็นบริกรสองคนพร้อมกับรถเข็นที่มีอาหารอยู่เต็มอยู่ตรงหน้าประตูก่อนที่ใครคนหนึ่งจะร้องบอกขึ้น
“อาหารมาเสิร์ฟครับ”
ผมเปิดประตูให้ทั้งคู่เข้ามา ทั้งคู่จัดการจัดโต๊ะอาหารใต้เชิงเทียนให้ นี่ก็เป็นสิ่งที่กวินทร์เตรียมไว้ฉลองกับผมเหมือนกัน เสียดายจังเลยแฮะ ไปลากกวินทร์มาตอนนี้เลยได้มั้ยนะ หรือผมจะไปหากวินทร์ดี กวินทร์จะโกรธมั้ยถ้าผมทิ้งห้องสวีทนี้มา?
ในหัวผมยังคงมีคำถามมากมายเต็มไปหมด ตาก็เหลือบมองนาฬิกาข้อมือไปด้วย ตอนนี้ห้าทุ่มครึ่งแล้ว อีกครึ่งชั่วโมงก็จะได้เวลาเคาท์ดาวน์แล้วสินะ
“ทานให้อร่อยนะครับ” บริกรคนหนึ่งว่าขึ้นหลังจากจัดโต๊ะอาหารเสร็จ ผมพยักหน้า ทำท่าจะเดินไปส่งสองคนนั้นออกจากห้อง ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อมีบริการอีกจำนวนหนึ่งเข็นรถเข็นเข้ามา
ผมเอียงคอมองของที่อยู่บนรถเข็นนั่น มันเป็นกล่องของขวัญใบใหญ่ทีเดียว กะจากสายตาก็น่าจะสูงเกือบเอวผมได้มั้ง ไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยปากถามอะไร บริกรที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้าจากบริการชุดใหม่ก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
“เซอร์วิสพิเศษจากทางโรงแรมน่ะครับ ของขวัญปีใหม่สำหรับลูกค้าคนพิเศษของเราครับ”
ผมพยักหน้ารับไป บริกรพวกนั้นบอกลาผมแล้วก็ออกจากห้องไป ผมแทบไม่ได้สนใจสิ่งของที่ทางโรงแรมขนมาให้เลยแม้แต่น้อย แต่ครู่เดียวก็ต้องสนใจขึ้นมาเมื่อกลิ่นคุ้นเคยของใครบางคนลอยแตะเข้ามาในจมูกอย่างจัง
กลิ่นนี่มัน... กลิ่นของกวินทร์...
ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้คิดถึงกวินทร์จนเผลอได้กลิ่นของเขา แต่มั่นใจว่าเขาจะต้องอยู่ใกล้ๆ นี้แน่ เลยเดินตามกลิ่นหาต้นตอ พลันสะดุดใจเข้ากับกล่องของขวัญใบใหญ่นั่น พอยื่นหน้าไปดมใกล้ๆ กลิ่นก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
หรือกวินทร์จะอยู่ในนี้? ไม่หรอกมั้ง คนอย่างกวินทร์คงไม่คิดทำอะไรแปลกๆ แบบเอาตัวเองใส่กล่องของขวัญมาเซอร์ไพรส์ผมหรอก นั่นกวินทร์นะ ไม่ใช่ผม ถ้ากวินทร์ทำแบบที่ผมคิดขึ้นมาจริง ดาวดวงนี้คงถึงกาลอวสานแน่
ผมยืนชั่งใจเล็กน้อย ถึงจะคิดว่ากวินทร์คงไม่ทำแบบนั้น แต่ในใจก็ภาวนาไปแล้วว่าขอให้ข้างในเป็นกวินทร์จริงๆ ก่อนเอื้อมือไปดึงริบบิ้นที่ผูกอยู่บนกล่องออกแล้วจัดการเปิดฝากล่องทันใด
เท่านั้นผมก็ต้องเบิกตาโตเมื่อเห็นกวินทร์นั่งคุดคู้งอตัวอยู่ในนั้น ที่เบิกตาโตไม่ใช่เพราะเห็นกวินทร์มาเซอร์ไพรส์แบบนี้ แต่เบิกตาโตเพราะกวินทร์ที่อยู่ในนั้นไม่ได้สวมเสื้อผ้าสักชิ้น มีแต่ผ้าแดงๆ ลักษณะคล้ายริบบิ้นพันตัวอยู่แล้วก็ผูกกันเป็นโบว์ใหญ่ๆ ที่หน้าอก เขาไม่แม้แต่จะมองหน้าผมเลยแม้แต่น้อย เอาแต่ก้มหน้างุดอย่างเดียว
“กวินทร์?” พอตั้งสติได้ ผมก็เปรยชื่อเขาออกมา เขาเหลือบมองหน้าผมเล็กน้อยแล้วก็กอดเข่า ก้มหน้าลงไปอีก
“ก็ฉันน่ะสิ คิดว่าใคร” ตามมาด้วยเสียงอู้อี้ ผมรู้แหละว่าเขาอาย ก็ควรอายอยู่หรอก คิดทำอะไรอยู่เนี่ย แก้ผ้าแบบนี้ไม่หนาวหรือไงนะ?
และเพราะผมกลัวว่าเขาจะหนาว ผมก็เลยค้อมตัวไปดึงกวินทร์ให้ยืนขึ้น ตอนนี้แหละที่ผมได้เห็นรูปร่างของกวินทร์เต็มสองตา ปกติแล้วเวลากวินทร์อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าก็น่ารักจนผมอดใจไม่ไหวอยู่แล้ว แต่พอมาอยู่ในผ้าเส้นๆ ที่ผูกกันเป็นโบว์อย่างนี้แล้ว ผมก็ยิ่งใจเต้นหนัก ถึงจะอยู่ในสภาพกึ่งเปลือยและไม่ได้เห็นทุกสัดส่วนชัดเจน ทว่ากลับทำให้ผมร้อนที่หน้าขึ้นมาอย่างประหลาด
นะ...น่ารักชะมัด
ผมเผลอปล่อยมือจากกวินทร์ ดึงมือมาปิดปากแทน สายตาก็พินิจพิเคราะห์การแต่งตัวของกวินทร์ในวันนี้ไปด้วย ลืมสิ้นไปสนิทเลยว่าจะถามว่ากวินทร์มาได้ยังไง ส่วนกวินทร์ก็ก้มหน้างุดอีกครั้งเมื่อเห็นผมเอาแต่จ้อง ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
“มะ...มองอะไรเล่า พูดอะไรบ้างสิ”
แสงไฟสีส้มจากในห้องทำให้ผมเห็นได้ไม่ชัดเจนนักว่ากวินทร์หน้าแดงขนาดไหน แต่คงจะแดงมากนั่นแหละเพราะแม้แต่ลำคอขาวนั่นยังเปลี่ยนสีเลย
“กวินทร์อยากให้พูดอะไรล่ะ” ผมถาม กวินทร์ตวัดหางตามามองผมเคืองๆ ทันที
“ก็ถามฉันสิว่าฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วแต่งตัวแบบนี้ทำไมน่ะ!”
อ๋อ... ที่แท้ก็อยากให้ถามเรื่องนี้ อุตส่าห์มองข้ามไปแล้วแท้ๆ แต่อยากให้ถามก็จะถามก็ได้
“กวินทร์มาที่นี่ได้ยังไง”
“มาเซอร์ไพรส์นายไง พอดีงานเสร็จเร็วก่อนกำหนด เสร็จตั้งแต่สามทุ่มแล้ว ฉันก็เลยขอด็อกเตอร์มาร์ตินกลับมาก่อน แล้วก็โทรมาเตรี๊ยมกับพนักงานที่นี่ไว้อย่างที่นายเห็นนั่นแหละ”
ผมพยักหน้ารับ ถามอีกคำถามขึ้นมา
“แล้วกวินทร์แต่งตัวแบบนี้ทำไม”
กวินทร์สะดุ้งน้อยๆ ไม่ยอมตอบในทันที มือทั้งสองข้างดึงผ้าส่วนที่ปกปิดส่วนล่างให้ลงต่ำเมื่อเห็นว่ามันร่นขึ้นมาน้อยๆ
“กะ...ก็...ชะ...ชุดนอนไม่ได้นอน ริชาร์ดมันแนะนำมา”
ชุดนอนไม่ได้นอนนี่คืออะไร?
ใช้เวลาคิดไปครู่ก็นึกขึ้นได้ เหมือนองค์ชายจะเคยตรัสให้ฟังว่าพระชายาชอบใส่ชุดแบบนี้เวลาทั้งสองพระองค์ผูกพันกัน ว่ากันว่าเร้าอารมณ์นัก
ก็จริงอย่างที่องค์ชายว่า เร้าอารมณ์จริงๆ ด้วย ผูกมาซะเป็นโบว์ขนาดนี้ กวินทร์คิดจะเอาตัวเองมาให้ผมเป็นของขวัญปีใหม่แน่ๆ
“ของขวัญปีใหม่เหรอ” ถึงจะมั่นใจ แต่ผมก็ถามไป
กวินทร์พยักหน้ารับ ผมเลยยิ้มออก ถลาเข้าไปกอดกวินทร์แน่นทันที
“อะ...อะไรของนายเนี่ย!” แล้วกวินทร์ก็โวยวายใส่ ดันตัวออกจากผมด้วย แต่ผมไม่ปล่อยหรอก ก็ให้ผมแล้วนี่ของขวัญชิ้นนี้น่ะ
“ก็กวินทร์น่ารัก” ผมว่ายิ้มๆ จรดริมฝีปากลงบนเรียวปากนุ่มเบาๆ กวินทร์ยังไม่หยุดดิ้น ผมเลยจูบอีกครั้ง
คราวนี้ไม่ใช่จูบผ่านๆ แต่ผมยังลิ้มรสกลีบปากบางอย่างอ้อยอิ่งอีกด้วย กวินทร์เรี่มหยุดดิ้น ตอบสนองต่อการรุกล้ำของผม ผมเลยดันลิ้นเข้าไปในโพรงปาก ตวัดชิมความหวานล้ำจากโพรงปากเล็กของคนตรงหน้าจนกวินทร์หายใจหอบหนัก ใบหน้าแดงอยู่แล้วแดงมากกว่าเดิม เนื้อตัวก็อ่อนระทวยแทบหยัดยืนไม่อยู่ ผมต้องประคองไว้ในอ้อมแขนแน่น
“ปะ...ไปที่เตียงกันเถอะ” กวินทร์ว่าเสียงพร่า
ผมไม่ปฏิเสธ ช้อนกวินทร์ขึ้นอุ้มแล้วพาไปที่เตียงไซส์คิงเบดก่อนวางลงเบาๆ สายตายังคงชื่นชมของขวัญชิ้นงามภายใต้โบว์สีแดงไม่เลิก กระทั่งกวินทร์เอ่ยขัดออกมา
“มองอยู่ได้ จะทำอะไรก็ทำสักที”
“เดี๋ยวสิ ขอชื่นชมก่อน ของขวัญชิ้นแรกที่กวินทร์ให้ฉันเลยนะ” ผมหยอก กวินทร์หันหน้าหนีทันใด ปากเม้มแน่นเป็นเส้นตรงด้วย เห็นแล้วก็ไม่อยากแกะของขวัญชิ้นนี้เลย กลัวจะไม่ได้อีก ถ่ายรูปหรือถ่ายวิดีโอเก็บไว้ได้มั้ยนะ?
ไม่ทันได้ขออนุญาตกวินทร์ ผมก็ล้วงมือเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายรูปแล้ว กวินทร์หันขวับมามองผมด้วยสายตาดุๆ ทันที
แชะ!
“ทำอะไรของนายน่ะ!”
“ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก”
แชะ!
สองรูปคงไม่พอ อีกสักหน่อยแล้วกัน อืม... น้อยไป สักสิบ... หรือจะทำเป็นคอลเล็คชันเลยดี?
แชะ! แชะ! แชะ!
“พอได้แล้วเว้ย! คิดจะแบล็คเมล์กันหรือไงวะ!” กวินทร์โวยวาย พุ่งเข้ามาแย่งโทรศัพท์จากมือผม แต่ผมไวกว่า เอี้ยวตัวหลบแล้วชูขึ้นสูง แล้วอีกมือหนึ่งก็คว้ากวินทร์เอาไว้
“เอามานะเว้ย! ลบทิ้งไปเดี๋ยวนี้เลย!”
ผมไม่ฟัง ยิ้มให้อย่างเดียว กวินทร์เลยทำท่าทางกระฟัดกระเฟียด ลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่กล่องเมื่อครู่ คว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพาย ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าในกล่องนั่นมีกระเป๋าเป้อยู่ในนั้นด้วย คงจะเป็นกระเป๋าเสื้อผ้าล่ะมั้ง
“งั้นฉันกลับแล้ว แม่ง!”
ใครจะปล่อยให้กลับล่ะ ผมรีบเก็บโทรศัพท์ลงที่เดิม ก้าวเร็วๆ เข้ามาโอบเอวกวินทร์แล้วพากลับมาที่เตียงอีกครั้ง
“อะไรอีกเล่า!” กวินทร์แผดเสียงลั่น ผมเลยจูบปิดปากไปทีนึง
“อยู่เคาท์ดาวน์ด้วยกันก่อนสิ”
“ไม่เอาแล้ว! จะกลับ!”
“ฉันยังไม่ได้แกะของขวัญเลย จะกลับได้ยังไง” ผมว่าพลางลูบฝ่ามือไปตามแผ่นอกของกวินทร์ด้วย อ๊ะ...ลูบแรงไปหน่อย ผ้าที่คาดปิดยอดอกนูนเปิดออกเลย อืม... ผมจงใจนั่นแหละ
“งะ...งั้นก็แกะสิ” กวินทร์ผ่อนเสียงลง หน้ากลับมาแดงอีกครั้งแล้ว สายตาก็เว้าวอน น่ารักเป็นบ้า ทำเลยแล้วกัน
ผมเลื่อนมือไปยังปลายริบบิ้นที่อยู่บนหน้าอก พินิจจากปมของมันแล้วดูท่าแค่กระตุก ริบบิ้นที่พันอยู่รอบตัวกวินทร์ก็น่าจะหลุดออกทั้งหมด งั้นยังไม่ดึงดีกว่า ขอเล่นก่อน
ผมก้มหน้าลงชิมริมฝีปากสีชมพูอ่อน ค่อยๆ ไล้ปลายลิ้นไปทั่วเรียวปากก่อนจะบุกรุกเข้าไปด้านใน กวินทร์เองก็จูบตอบผมเช่นกัน สองมือโอบรัดรอบลำคอผม ส่งเสียงฮืมในลำคอทุกครั้งที่ถูกผมรุกเร้า ปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้เร้าให้ความต้องการของผมทวีรุนแรงมากขึ้นเป็นเท่าตัวจนผมต้องเตือนตัวเองว่าให้ใจเย็นๆ เล่นให้หนำใจก่อนแล้วค่อยจัดการ
เท่านั้นผมก็ผละจากริมฝีปาก เลื่อนไปหน้าไปขบเม้มใบหูเล็ก กวินทร์กระตุกน้อยๆ เมื่อถูกฟันคมๆ จู่โจม ก่อนผมจะไล้ปลายลิ้นต่ำลงมายังลำคอและไหปลาร้า ผิวขาวๆ ทำให้ผมอดใจอยากรังแกไม่ไหว เผลอดูดเสียแรงจนเกิดเป็นรอยจ้ำแดงขนาดใหญ่หลายรอย กวินทร์ทำท่าจะร้องท้วงแต่ผมไม่ได้สนใจนัก เลื่อนต่ำลงมายังส่วนแข็งนูนบนหน้าอกข้างหนึ่งที่โผล่ออกมายั่วเย้าสายตา
ผมไม่รอช้า เข้าครอบครองทันที ไออุ่นจากโพรงปากผมทำให้กวินทร์แอ่นตัวขึ้นตอบรับ เสียงคราญครางดังออกมาอย่างไม่อาจสะกดกลั้น แต่มันยังไม่พอ ผมอยากได้ยินอีก อยากได้ยินดังกว่านี้เลยตวัดปลายลิ้นไล้หยอกเย้าไปทั่ว มืออีกข้างก็ซุกซน ดึงผ้าที่ปกปิดยอดอกอีกข้างให้หลุดพ้นแล้วละเลงปลายนิ้วบนส่วนนั้นไปมา
“อือ...คีธ...”
กวินทร์ส่งเสียงเรียกชื่อผมไม่หยุดก็ตอนนี้ ช่วงหน้าท้องผมสัมผัสได้ถึงแก่นกายแข็งขืนของกวินทร์จากใต้ผ้าที่ดุนดันอยู่ทันใด ผมรู้ว่ากวินทร์พร้อมแล้ว แต่ผมยังไม่ทำตอนนี้หรอก ยังเล่นไม่พอ
กว่าจะผละจากยอดอกได้ กวินทร์ก็ส่งเสียงหวานเสียจนแหบแห้ง ผมไม่อยากให้เสียงนั้นหายไปเลยผละมาไล่พรมจูบลงบนหน้าท้องเป็นลอนสวยแทน และค่อยๆ ลงต่ำเรื่อยๆ จุมพิตผ่านเนื้อผ้าบางในส่วนอ่อนไหว กวินทร์กระตุ้งเฮือก สองมือคว้าผมของผมไว้แน่นเหมือนจะดึงออก แต่ผมไม่สน เป็นฝ่ายที่ดึงมือเขาออกแล้ววนเวียนอยู่ตรงนั้นไม่หยุด
“อา... มะ...ไม่ไหวแล้วคีธ แกะของขวัญสักที”
กวินทร์ขอร้องผมเสียงกระเส่า เห็นใบหน้าแดงดุจดวงอาทิตย์แล้วผมก็ยิ้มกริ่ม ละจากบริเวณกลางลำตัวขึ้นมาดึงริบบิ้นออกตามคำขอ พอเรือนร่างขาวเนียนเปลือยเปล่า ความกำหนัดในกายผมก็ทวีรุนแรงมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว แต่ผมยังอยากเล่นอยู่ โดยเฉพาะการเล่นกับบริเวณที่ทำให้ของขวัญชิ้นนี้เปล่งน้ำเสียงหวานได้
ผมเลยเลื่อนมือไปยังส่วนแข็งขันอีกครั้งแล้วกอบกุมไว้เต็มอุ้งมือ พลันค่อยๆ ขยับช้าๆ ส่วนปลายนิ้วโป้งแตะลงบนยอดปลายที่มีน้ำสีใสไหลซึมออกมาและค่อยๆ ขยับเร็วขึ้นเมื่อทุกอย่างเข้าที่ กวินทร์บิดเร่า ส่งเสียงออกมาไม่หยุด ถึงตอนนี้จะแหบแห้งไปเล็กน้อย ทว่าก็ยังไพเราะสำหรับผมไม่น้อยจนผมอยากจะมอบรางวัลให้
ผมเลื่อนใบหน้าลงต่ำ ดันส่วนที่อยู่ในมือเข้าปากมาชิมรส คราวนี้ไม่รู้เลยว่ากวินทร์ร้องว่าอะไร ชื่อผมที่หลุดออกจากปากกวินทร์ก็ฟังเหมือนไม่ใช่ชื่อผมแล้ว เหมือนภาษาต่างดาวที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น และเพราะกวินทร์พูดไม่เป็นภาษา ผมก็เลยอยากแกล้งมากขึ้นไปอีก ละริมฝีปากออก แล้วใช้มือข้างหนึ่งคว้าข้อเท้าเล็กทั้งสองข้าวรวบขึ้น ดันขาเรียวให้หัวเข่าติดหน้าอก เผยให้เห็นผิวเนื้อบอบบางด้านหลังแก่นกายที่กระตุกยั่วยวนไม่หยุด ก่อนที่ผมจะยื่นปลายนิ้วไปสัมผัสวนไล้เบาๆ
“อื้อ... จะ...จะทำอะไรก็ทำสักที...มะ...ไม่ไหวแล้ว...” กวินทร์ออกปากสั่ง
แต่สั่งผมไม่ได้หรอก วันนี้เป็นวันของผม ของขวัญของผม ผมจะทำอะไรก็ได้
ผมจัดการส่งปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อน ส่วนนั้นคับแน่นจนผมต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง ยิ่งเห็นใบหน้าเหยเกของกวินทร์ด้วยแล้ว ผมก็เกรงว่าจะทำให้กวินทร์เจ็บขึ้นมาจนต้องเอ่ยปากถาม
“กวินทร์โอเคมั้ย”
“อะ...อื้ม...อา...”
ตอบมาอย่างนี้ก็คงจะโอเคนั่นแหละ พอเข้าไปได้นิ้วหนึ่ง ผมก็ขยับช้าๆ กระทั่งช่องทางนั้นเริ่มเปิดกว้างให้อีกนิ้วหนึ่งสอดเข้าไปได้สะดวกกว่าเดิม พอผมขยับเร็วขึ้นทีละน้อย แผ่นหลังของกวินทร์ก็อยู่ไม่ติดเตียงอีกต่อไป เอวบางแอ่นรับสัมผัสคับแน่นตามจังหวะจนส่งสัญญาณให้ผมรู้ว่ากวินทร์พร้อมแล้ว ผมเลยผละมาปลดเปลื้องพันธนาการบนร่างกายตัวเอง แล้วดึงกวินทร์ลุกขึ้นนั่ง
ลุกขึ้นนั่งอย่างเดียวไม่พอ ดึงให้ลงมายืนบนพื้นด้วย กวินทร์ทำหน้างงไปทันที
“อะ...อะไร ไม่ทำต่อแล้วเหรอ”
“ทำสิ แต่ไม่ใช่บนเตียง” ผมว่า กวินทร์อ้าปากจะท้วง แต่ผมไม่รอให้ได้ท้วงหรอก ดึงกวินทร์ไปที่หน้าต่างบริเวณที่มองเห็นวิวได้ชัดที่สุด แล้วดึงมือกวินทร์ทั้งสองข้างวางแนบบนกระจกทันใด
“ดะ...เดี๋ยว จะทำตรงนี้เนี่ยนะ” กวินทร์เริ่มโวยวายอีกครั้ง แล้วก็เริ่มขัดขืนเมื่อเห็นผมพยักหน้า
“ไม่เอา จะทำบนเตียง”
“ตรงนี้วิวสวย อยากให้กวินทร์เห็น” ผมว่า ดันแผ่นหลังกวินทร์ให้หันไปทางกระจกอีกครั้งเพราะกวินทร์ทำท่าจะหนี แล้วจัดการแทรกกายเข้ามาในตัวกวินทร์
กวินทร์ที่พยศเมื่อครู่เกร็งตัวแน่นขึ้นมา ไม่ขัดขืนแล้วแต่ตอบรับกับสัมผัสแทน ผมค่อยๆ ขยับตัวทีละน้อย ดูท่าทางของกวินทร์ไปด้วย พอเห็นกวินทร์เริ่มคุ้นชินกับการรุกล้ำ ผมก็ค่อยๆ เร่งจังหวะขึ้น มือข้างหนึ่งจับสะโพกคอดไว้มั่น อีกข้างก็รุกรานส่วนแข็งขืนของคนตรงหน้าไปด้วย
เสียงฝ่ามือเล็กรูดกับกระจกระคนเสียงกระเส่าจากริมฝีปากคู่สวยทำให้ผมไม่อาจยับยั้งชั่งใจได้เลย กระทั่งเสียงนาฬิกาจากโทรศัพท์ที่ถูกตั้งเวลาให้ปลุกตอนเที่ยงคืนดังขึ้นพร้อมกับแสงไฟสว่างวาบของพลุที่แล่นสู่ฟากฟ้าปรากฏให้เห็น ผมจึงผ่อนกำลังลง สายตาจับจ้องไปยังสีสันสวยงามบนฟ้าวิกาลนิ่งขณะที่กวินทร์เองก็จ้องมองไม่ต่างกันขณะหายใจหอบหนักๆ
“สวัสดีปีใหม่นะกวินทร์” ผมโน้มใบหน้าไปกระซิบข้างหูพลันจุมพิตลงบนข้างแก้มชื้นเหงื่อด้วย
กวินทร์พยักหน้ารับ หันมามองผมแล้วว่ายิ้มๆ
“สวัสดีปีใหม่นะคีธ บ้าชะมัดเลย ตั้งใจมากินอาหารอร่อยๆ แล้วเคาท์ดาวน์กับนายเข้าปีใหม่แท้ๆ แล้วดูตอนนี้ ทำบ้าอะไรเข้าปีใหม่ก็ไม่รู้”
ผมหัวเราะในลำคอ เห็นท่าทางของเราทั้งคู่ก็รู้อยู่ ผิดแผนของกวินทร์อีกแล้ว แต่ไม่เป็นไรหรอกมั้ง ดูกวินทร์เองก็เหมือนจะชอบ ผมก็เลยเริ่มเร่งจังหวะขึ้นอีกครั้งขณะที่แสงไฟจากพลุยังส่องประกายให้เห็นไม่หยุด ไม่เว้นแม้แต่พลุของกวินทร์ที่ถูกจุดประกายวาบออกมาเมื่อกวินทร์กระตุกเฮือกเต็มแรงหลายครั้งติดกัน ผมเองก็ตามกวินทร์ไปติดๆ เช่นกัน ก่อนค่อยๆ ผ่อนแรงลง ตระกรองกอดร่างเล็กไว้ในอ้อมแขนแน่นทันทีที่เห็นว่าเริ่มไหลไปตามแรงโน้มถ่วง
“คืนนี้ฟ้าสวยนะ” กวินทร์ครางบอกเสียงแผ่ว สายตาของเราทั้งคู่ยังคงจับจ้องพลุบนน่านฟ้า
ผมไม่มีความเห็น พลุสวยก็จริง แต่สีหน้าเหนื่อยอ่อนของคนในอ้อมแขนผมน่าดูยิ่งกว่า น่าดูจนผมอดใจไม่ได้ที่จะกอดแน่นๆ สักที
“รักนะกวินทร์” แล้วก็ตามด้วยจูบบนใบหูพร้อมกระซิบแผ่วเบา
“อืม รักเหมือนกัน” กวินทร์ตอบรับให้ผมได้จูบใบหูอีกที
“ปีนี้ก็ขอฝากตัวด้วยนะ” ผมว่า กวินทร์หัวเราะร่วนออกมาเลย
“ขอฝากตัวด้วยเหมือนกัน”
ฮืม... น่ารัก ชักอยากจะผูกพันอีกรอบขึ้นมาแล้วสิ
“กวินทร์”
“หืม?”
“ผูกโบว์ใหม่แล้วให้ฉันแกะของขวัญอีกรอบได้มั้ย” ในที่สุด ผมก็ถามออกไป
หัวคิ้วของกวินทร์ย่นยู่ทันที แต่ก็แวบเดียวเท่านั้นก่อนตามมาด้วยน้ำเสียงแผ่วราวกระซิบ
“ได้ แต่ช่วยฉันผูกนะ ผูกคนเดียวมันลำบาก”
ผมพยักหน้ารับ เกือบจะถลาไปเอาโบว์มาผูกอยู่แล้วถ้ากวินทร์ไปพูดขึ้นมาอีก
“แล้วคราวนี้ก็ไปที่เตียง ตรงนี้มันเมื่อย”
กวินทร์นี่ติดเตียงจังนะ เมื่อกี้ก็เริ่มที่เตียงไปแล้วถึงมาตรงนี้นี่ เหมือนเดิมอีกรอบแล้วไม่ตื่นเต้นเลยแฮะ ถ้างั้น...
“ถ้าจะทำที่เตียง ขอเปลี่ยนจากผูกโบว์ที่ตัวกวินทร์ เป็นผูกกวินทร์ติดกับเตียงได้มั้ย”
“นายซาดิสม์หรือไงวะไอ้มนุษย์ต่างดาวลามก!” กวินทร์ทุบผมเต็มแรงเลย ผมไม่รู้ว่าผมผิดอะไร แค่อยากผูกกวินทร์ไว้ที่หัวเตียงแล้วก็เล่นสนุกเฉยๆ เอง
แต่ครู่เดียว รอยยิ้มบนใบหน้าของกวินทร์ก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับพวงแก้มแดงๆ
“ผูกก็ได้ ของใหม่ก็ดี แต่ห้ามรุนแรงเข้าใจมั้ย”
“อืม”
ครับ... รับรองว่าไม่รุนแรง แต่ถ้าไม่รุนแรง ขอหลายๆ รอบจะได้มั้ยนะ? จะได้ฉลองปีใหม่ยาวๆ ไปเลยทั้งคืน กวินทร์น่าจะยอมมั้ง?
ช่างเถอะ ไม่ยอมก็ไม่เป็นไร มัดติดกับเตียงไว้แล้ว จัดการเลยก็แล้วกัน ก็กวินทร์เป็นของขวัญปีใหม่ของผมแล้วนี่
จะมัดให้แน่นจนดิ้นหลุดไม่ได้เลยเชียว...



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-01-2016 14:13:50 โดย NooDangzz »

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
วันนี้อัพตอนพิเศษปีใหม่ค่ะ เทศกาลหน้าไม่มีละ เดี๋ยวหนังสือจะเกินงบดุล ฮาา
ตอนนี้กวินทร์แรดมาก อย่าด่ากวินทร์แรงนะ เดี๋ยวเสียใจ แรดหนักกว่าเดิม 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
คีทเอ้ยเราควรสงสารกวินท์ดีไหม

ออฟไลน์ nadty27

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไม่รุ้จะว่ายังไง
แต่พออ่านจบ ทำไมรู้สึกเขิลลล

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
น่ารักจริงๆเลย

ออฟไลน์ Chompooiriza

  • ~ Good Morning Sunshine ~
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-0
ว๊ายยยยยยยย~~~

ออฟไลน์ JK

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
มารายงานตัวว่าตามอ่านอยู่นะคะ สนุกมากเลยย  :mew3:

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
เป็นการให้ของขวัญแบบทุ่มสุดตัวจริงๆ 5555

Happy New Year  :mew1:

ออฟไลน์ imfckwn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
โอ้วววววววววว มดขึ้นจอออ

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Episode 22: Do not make Keith jealous
คืนนั้นผมแทบไม่ได้นอน...
อย่าถามว่าทำไมไม่ได้นอน ก็น่าจะรู้ๆ กันอยู่แล้วเปล่าวะว่าทำไม มีไอ้คีธอยู่ข้างๆ แบบนี้ทั้งคืน น่าจะเดากันได้อยู่แล้ว ผมนี่หมดแรงเลย ที่ใครเคยว่าเป็นเพลย์บอยพันธุ์อึดหรืออะไรยังไง มาเจอไอ้บ้าที่นอนกอดผมอยู่นี่เข้าไป บอกเลยว่ามีร้อง...
ร้องไห้!
ไม่รู้ว่ามันแม่งไปตายอดตายอยากมาจากไหน หายเหนื่อยหน่อยไม่ได้ หายเหนื่อยปุ๊บ มันจับกดตลอด ยิ่งพอวันใหม่มาถึงแล้วมันรู้ว่าเป็นวันหยุดผม มันก็จ้องจะเล่นงานผมตั้งแต่วินาทีที่ลืมตาตื่น ดีนะที่ผมปรามมันไว้ได้โดยการยกเอางานที่ต้องทำก่อนไปทำงานวันพรุ่งนี้มาอ้างได้ ผมเลยรอดจากปากไอ้คีธมาได้หวุดหวิด
แต่ถึงจะรอดมาได้ มันก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะได้อยู่อย่างปกติสุข ก็คือทำงานอยู่หน้าจอโน้ตบุ๊กนั่นแหละ แต่ไม่ได้นั่งทำที่โต๊ะเพราะถูกคีธเกาะติดแจยิ่งกว่ากาวดักหนูด้วยมันไม่ยอมให้ผมนั่งทำงานที่โต๊ะ ทว่าให้ยกโน้ตบุ๊กมาที่นั่งทำที่เตียง ผมยอมทำตามง่ายๆ ด้วยเห็นว่าถ้าไม่ยอมมัน งานการคงจะไม่เดินแน่ๆ และการนั่งทำงานบนเตียงก็คงจะไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่นัก ถ้าเกิดว่าผมไม่ยกโน้ตบุ๊กมาวางบนเตียงเพื่อทำงานแล้ว ผมดันถูกไอ้คีธดึงตัวให้ไปนั่งบนตักมันแทนเก้าอี้น่ะ ที่สำคัญ ทั้งผมทั้งมันยังคงเปลือยเปล่ากันทั้งคู่ ผมนี่ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าทำงานอยู่ดีๆ แล้วจู่ๆ มันเกิดอารมณ์เปลี่ยวขึ้นมา งานการผมจะเป็นยังไง
มันก็ต้องไม่เดินน่ะสิถามได้! โน่น ไอ้ที่เดินน่ะมันโน่น! เดินหน้าบุกทะลวงป้อมปราการกวินทร์จนจะซูบกรอบไปทั้งตัวหมดแล้วเนี่ย!
และดูท่าทางมันคงจะกำลังหาโอกาสเดินหน้าบุกผมอยู่แน่ เพราะระหว่างที่ผมทำงานอยู่ มันก็เอาหน้าเอาปลายจมูกโด่งมาชอนไชซอกคอผมไม่เลิก จนผมชักจะรำคาญ หันไปตวาดมันสุดเสียง
“เลิกดอมๆ ดมๆ ฉันได้แล้ว รำคาญ!”
แต่ตวาดไปก็เท่านั้นแหละเพราะนอกจากจะไม่ทำให้มันเลิกดมซอกคอผมแล้ว ยังทำให้มือมันกลายเป็นปลาหมึก เลื่อนมาลูบไปมาบนหน้าอกของผมอีก ผมนี่แทบอยากจะยกโน้ตบุ๊กทุ่มใส่มันเลยถ้าไม่ติดว่างานที่อยู่ในเครื่องมันสำคัญและผมก็ไม่มีตังค์มากพอที่จะซื้อใหม่น่ะ
“บอกว่ารำคาญไง! ไม่ได้ยินหรือไงวะ!” ผมตวาดขึ้นมาอีกรอบพร้อมกับผลักหน้ามันออกห่างจากตัวด้วย
คราวนี้คีธหยุดชะงัก ก่อนเหลือบมามองผมด้วยสีหน้าเนือยๆ
“ได้ยิน”
“ได้ยินแล้วทำไมไม่หยุดวะ จะต้องรอให้ฉันอารมณ์เสียก่อนทำไม”
“ไม่ได้อยากให้กวินทร์อารมณ์เสีย แต่...”
“แต่อะไร”
“แต่มันหยุดไม่ได้”
ก็มึงมันหื่นไงไอ้เวรคีธ! ทั้งคืนเกือบฟ้าเหลืองที่ผ่านมานี่ยังไม่พออีกหรือไงวะ!
ผมพ่นลมหายใจใส่มันเต็มแรงอย่างระอา ก่อนจะทิ้งตัวลงจากตักมันด้วยเห็นว่าขืนนั่งไปนานกว่านี้ ผมคงจะไม่รอดถูกมันจับกดลงบนเตียงแน่ และเพราะผมลุก มันก็เลยคว้าแขนผมไว้แน่น
“จะไปไหน ไม่ทำงานแล้วเหรอ”
“ไม่ทำแล้ว ไม่มีอารมณ์” ผมว่าเสียงขุ่น เกือบจะทิ้งตัวนอนอยู่แล้วเชียวถ้ามันไม่พูดขึ้นมาให้คิ้วกระตุกเสียก่อน
“แล้วกวินทร์อยากมีอารมณ์มั้ย”
มึงเลิกพูดจาหื่นกามใส่กูสักที! ถูกมึงโจมตีทั้งคืนนี่ยังไม่สาแก่ใจมึงอีกเหรอฮะ!
“ถ้ากวินทร์อยากมีอารมณ์ ฉันช่วยได้นะ” มันว่าขึ้นมาอีก ก่อนจะขยับตัวมาใกล้
ผมรีบเอี้ยวตัวหลบทันใด ก่อนจะรีบคว้าโน้ตบุ๊กมาใกล้ๆ แล้วรีบเปิดไฟล์หาหนังขึ้นมาเบี่ยงความสนใจมัน เพราะไม่อย่างนั้น มันคงได้หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องแบบนี้แน่
“ดูหนังกันเถอะ” ผมว่ารัวๆ
คีธหยุดกึกไปนิด พลันพยักหน้า
“ถ้ากวินทร์อยากดูก็เอาสิ”
ไม่อยากก็ต้องอยากแล้วล่ะ มึงเล่นจ้องจะกินกูทุกวินาทีที่กูหายใจขนาดนี้ กูต้องรีบเบี่ยงเบนความสนใจมึงแล้ว!
ผมใช้เวลาไม่นานก็ได้หนังไทยมาเรื่องนึง ที่เลือกดูหนังไทยเพราะตระหนักได้ว่าภาษาไทยของไอ้มนุษย์ต่างดาวบ้านี่ยังอยู่ในยุคพ่อขุนรามฯ อยู่เลย แต่หนังไทยที่ผมเลือกมา ดูแล้วก็ไม่น่าจะช่วยอะไรได้มากนักเพราะมันไม่ได้หนังไทยร่วมสมัย แต่เป็นหนังไทยกึ่งพีเรียดอย่างเรื่อง ‘บ้านทรายทอง’
ทำไงได้ล่ะ ผมไม่ค่อยพิสมัยกับการดูหนังสัญชาติตัวเองเท่าไหร่นี่นา ดูแล้วมันไม่ใช่แนว แค่มีอยู่ในเครื่องก็ถือว่าดีถมถืดแล้ว
ผมไม่รอช้า กดดับเบิลคลิกเล่นหนังทันที ก่อนจะผละมานั่งอิงกับหมอนที่หัวเตียง พอหนังเริ่ม ความหื่นของคีธก็อันตรธานหายไปทันตา ...เห็นมั้ย ผมบอกแล้วว่าหนังพวกนี้น่ะช่วยลดความหื่นของมันได้
จริงๆ แล้วหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้ใช้ภาษาโบราณอะไรสักเท่าไหร่นัก แต่ติดอย่างเดียวตรงที่เนื้อหาของหนังมันน่าเบื่อ ชวนให้ผมหาวหวอดๆ จะหลับให้ได้เสียเหลือเกิน อาจเป็นเพราะผมรู้เรื่องราวมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ แล้วก็ได้มั้ง ก็แน่ล่ะ เอามารีเมคทำทั้งภาพยนตร์ ทั้งละครไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว ไม่รู้ก็แปลกละ
มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่หนังเล่นไปได้ครึ่งเรื่องและคีธถามผมขึ้นมานี่แหละที่ทำให้ผมหันไปสนใจจอโน้ตบุ๊กอีกครั้ง
“กวินทร์มีพี่น้องมั้ย”
“ถามทำไม”
“อยากรู้”
ผมว่ามันถามคงเพราะเห็นตัวละครในเรื่องมีพี่น้องนี่แหละ
“มีพี่สาว” ผมว่าไปตามความจริง ให้คีธได้มองหน้าอย่างสงสัย
“กี่คน”
“สองคน”
“พี่หญิงใหญ่กับพี่หญิงเล็กเหรอ” คราวนี้มันพูดออกมาเป็นภาษาไทย
ผมหลุดขำออกมาเลยกับสรรพนามของพี่สาวที่อยู่ในเมืองไทยทั้งคู่ ก่อนพยักหน้าตอบมันเป็นภาษาไทยบ้าง
“เออ พี่หญิงใหญ่กับพี่หญิงเล็กนั่นแหละ พี่หญิงใหญ่ชื่อว่าแก้ว ส่วนพี่หญิงเล็กชื่อกิ่ง” ไม่รู้ทำไมผมถึงได้บอกชื่อพี่สาวตัวเองไป อาจเป็นเพราะผมเริ่มรู้สึกผ่อนคลายเวลาคุยกับคีธแล้วก็ได้มั้ง
แต่ผ่อนคลายได้แป๊บเดียวเท่านั้น ผมก็ต้องย่นคิ้วขึ้นมาอีกเมื่อคีธพูดขึ้นมา
“งั้นกวินทร์ก็เป็นชายน้อย”
มึงเห็นกูเป็นง่อยหรือไงวะ!
“ชายน้อยบ้านเตี่ยมึงสิ หล่อๆ อย่างกูต้องเป็นชายกลาง” ผมยังคงพูดภาษาไทยอยู่ คีธย่นคิ้วทันใด ก่อนว่าสวน
“ชายน้อยพูดไม่เพราะเลยนะคะ พูดจาเพราะๆ สิคะชายน้อยของพี่”
มึงไม่ต้องมาเลียนแบบคำพูดของไอ้ชายกลางเลย! นี่ไม่ใช่บ้านทรายทองแห่งตระกูลสว่างวงศ์นะเว้ย!
“บอกว่าไม่ใช่ชายน้อย!” ผมแผดเสียงขึ้นมา รู้สึกคิดผิดชะมัดที่ให้มันดูหนังภาษาไทย ให้มันดูทีไร มันเอาภาษาไทยมาพูดมั่วทุกที
“ถ้ากวินทร์ไม่ใช่ชายน้อย งั้นพี่จะเรียกว่าชายกวินทร์ก็แล้วกัน ดีมั้ยคะ?”
เลิกคะๆ ขาๆ กับกูสักที! บอกแล้วไงว่ามึงไม่ใช่ชายกลาง!
“หยุดเลียนแบบไอ้ชายกลางในหนังเลย ฉันขนลุก” ผมว่าไปตามจริง
คีธเลิกคิ้วสูงพลันว่ายิ้มๆ
“ชายกวินทร์ไม่ชอบที่พี่พูดเพราะกับชายเหรอคะ”
“บอกให้หยุดไงเว้ย!” ผมตวาดใส่ เอาจริงๆ ก็ชอบนั่นแหละ แต่มันฟังแล้วทะแม่งๆ ยังไงไม่รู้ที่จู่ๆ มนุษย์ต่าวดาวหน้าตาฝรั่งจ๋ามาพูดภาษาไทยคะๆ ขาๆ ใส่แบบนี้ ที่สำคัญ ผมไม่ใช่ผู้หญิง ไม่ต้องมาหวานแหววอะไรใส่แบบนี้ มันรู้สึกแปลก!
ทว่าการตวาดของผมเมื่อครู่ก็ทำให้คีธยอมหุบปากเงียบไปได้ ก่อนที่มันจะเหลือบไปมองหน้าจอโน้ตบุ๊กที่กำลังเล่นฉากหญิงเล็กเม้งแตกใส่พจมานด้วยเสียงแหลมๆ พลันหันกลับหาผมอีกครั้งพร้อมกับภาษาไทยประโยคใหม่
“งั้นฉันจะพูดแบบนี้กับหล่อนก็แล้วกัน นังกวินทร์”
หญิงเล็กก็ไม่ต้องไปเลียนแบบมันเว้ย! มึงกลับไปพูดภาษาอังกฤษเถอะกูขอร้อง!
ผมส่ายหน้าอย่างระอาพลันตรงไปพับฝาโน้ตบุ๊กปิด คีธมองตามผมอย่างงุนงงก่อนถาม
“ปิดทำไมล่ะนังกวินทร์ ไม่ดูต่อแล้วเหรอยะ”
กูบอกให้มึงเลิกเลียนแบบหญิงเล็กไง ไม่เข้าใจหรือไงวะ!
“พูดภาษาอังกฤษ” ผมว่าเสียงเรียบ สองมือนี่แทบจะประนมก้มกราบขอให้มันหยุดพูดเลย
คีธหัวเราะออกมาในจังหวะนี้ พลันดึงตัวผมเข้าไปกอด แล้วพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษดังเดิม
“ก็นึกว่ากวินทร์จะชอบซะอีก”
“ถ้านายจะเลียนแบบหญิงเล็กล่ะก็ ไปเลียนแบบไอ้ชายกลางจะดีกว่า” ผมบอกเสียงอู้อี้เพราะถูกมันกอดแน่นจนหายใจไม่ถนัดนัก
และเพราะผมพูดอย่างนั้น คีธก็เลยปล่อยให้ผมล้มตัวนอนข้างๆ แล้วมันก็ตะแคงหน้ามาถามผม
“ชอบให้พี่พูดคะขากับชายเหรอคะ”
กูปลงก็ได้เรื่องภาษาไทยของมึงเนี่ย อยากพูดอะไรก็เอาเลย ตามสบาย!
ผมกลอกตา ถอนหายใจตามไปด้วย คีธเอื้อมมือมาบีบแก้มผมเบาๆ ทันใด
“ถอนหายใจแบบนี้ระวังหน้าจะแก่เร็วนะคะชายกวินทร์”
“ฉันจะงีบสักหน่อย อย่ากวน” ผมตัดบทเอาดื้อๆ ด้วยชักจะรำคาญขึ้นมา พลันพลิกตัวหนีไปอีกฝั่ง
หากแต่คีธไม่ยอมปล่อยให้ผมได้นอนสมใจหมาย ตวัดวงแขนมาโอบรอบเอวแล้วฝังหน้าลงมาบนหัวไหล่ผม
“ชายกวินทร์น่ารักจัง”
มึงพูดอย่างนี้ แสดงว่ามึงจะบุกกูอีกแล้วใช่มั้ย!
“ไม่เอาแล้วนะ ฉันเหนื่อย อยากนอน” ผมรีบดักคอ แต่เหมือนมันจะไม่เข้าใจ
พอสิ้นเสียงผมปุ๊บ มันก็จับผมพลิกมานอนหงาย แล้วลุกขึ้นมาคร่อมผมไว้ ผมย่นคิ้วเลยที่เห็นหน้าหล่อๆ ของมันบนตัว
“บอกแล้วไงว่าเหนื่อย! จะนอน!” ผมแหวใส่แทบจะในทันที แต่ก็ต้องเก็บความกรุ่นโกรธลงไปอย่างรวดเร็วเช่นกันเมื่อคีธฉกจูบลงมาบนริมฝีปากผมเบาๆ แล้วว่าขึ้น
“ถ้าชายกวินทร์เหนื่อยก็นอนเฉยๆ นะคะ เดี๋ยวพี่ชายคีธจะจัดการเอง” พูดจบก็ตามด้วยหยักยิ้มมุมปากน้อยๆ
ผมโคตรอยากจะด่ามันเลย แต่พอเห็นสีหน้าแบบนั้นแล้วก็ใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
“นะคะชายกวินทร์ นะ” มันยังคงพูดไม่หยุด ผมถึงกับต้องหลบตาเมื่อเห็นสายตาแพรวพราวของมัน
นะ...น่ารักฉิบหาย... ยะ...ยอมก็ได้แม่ง
“ครั้งสุดท้ายนะ ไม่เอาแล้ว” ผมว่าอุบอิบ
คีธพยักหน้ารัวๆ ก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติการกินหัวกินหางผมอีกครั้ง
 
สะโพกครากและเอวเดาะคือปัญหาสุขภาพที่ตามมาติดๆ หลังจากหมกตัวอยู่ในห้องกับคีธทั้งวัน พอถึงเวลามาทำงาน ผมก็แทบจะลากสังขารตัวเองมาที่สตูดิโอ ก่อนออกมาจากอพาร์ตเม้นต์ เจอหน้าริชาร์ดกับแอสตัน พวกมันก็มองผมอย่างกะลิ้มกะเหลี่ยทันทีที่เห็นผมพยายามจะไต่บันไดลงมาด้วยความยากลำบาก แล้วก็ตามด้วยเสียงแซวไม่หยุดจนผมอยากจะจับพวกมันทุ่มลงมาจากบันไดให้รู้แล้วรู้รอด และผมก็เพิ่งมารู้ในตอนนี้นี่แหละว่าที่พวกมันมานอนค้างด้วยกันโดยเอาคีธมาฝากผม นั่นเป็นเพราะแผนของพวกมันที่ต้องการให้ผมหายโกรธคีธ
บอกเลยว่ากูจะโกรธให้หนักกว่าเดิมอีก โกรธพวกมึงด้วย เกือบทำกูเป็นอัมพาตแล้วเนี่ยเห็นมั้ย!
ดีที่เรี่ยวแรงที่เหือดหายไปได้รับการเติมเต็มด้วยการกินสารอาหารจากนิ้วชี้ของคีธ ผมเข้าใจในตอนนี้นี่เองว่าที่ริชาร์ดแวบหายไปกับแอสตันบ่อยๆ แล้วกลับมาโดยไม่มีอาการเหนื่อยอ่อนใดๆ เป็นเพราะแอสตันเองก็ให้สารอาหารฟื้นฟูพละกำลังเหมือนกัน
แต่ผมไม่ได้สนใจอะไรมาก นอกจากงานที่รอให้ผมเริ่มอยู่ตรงหน้าทันทีที่ผมมาถึงสตูดิโอ งานในวันนี้ค่อนข้างเป็นงานวุ่นวายอย่างที่ผมเคยเกริ่นไว้ เพราะวันนี้นอกจากจะมีนักแสดงเข้าร่วมฉากเยอะแล้ว ยังมีสตั๊นแมนทีมใหม่ที่ผมจะต้องคอยดูแลบอกคิวระหว่างการถ่ายทำด้วย
พอคีธถูกพาไปแต่งตัวหลังจากที่บรูคลินมาตาม หมอนั่นถามคีธนิดหน่อยว่ากินอะไรมาหรือยัง ผมได้ยินแล้วก็รู้เลยว่ามันกำลังจะชวนคีธไปดูดปาก แต่ผมทำเป็นนิ่ง ขณะที่คีธเหลือบมามองหน้าผมแล้วปฏิเสธที่จะกินสารอาหารจากบรูคลิน ผมรู้ว่าคีธคงจะเกรงใจที่ต้องไปจูบกับบรูคลินอย่างนั้น ผมก็รู้สึกดีแหละที่มันแคร์ความรู้สึกผมขึ้นมาบ้าง แต่!
...ได้เวลาเอาคืนแบบนี้ ผมคงต้องยอมปล่อยให้พวกมันไปดูดปากกันแล้วล่ะ
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ถือ ไปกินเถอะ” ผมว่าหน้าระรื่น คีธย่นคิ้วเล็กน้อยราวกับไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงยอมง่ายๆ
มันคงจะไม่รู้สินะว่าผมรู้ว่าพวกไบโทปอย่างบรูคลินมันไวต่อการรับรสน่ะ
และพอผมคะยั้นคะยอให้พวกมันไปอีกครั้ง คีธถึงยอมเดินตามบรูคลินไปที่ห้องแต่งตัว ผมยืนรอดูผลงานอยู่อึดใจหนึ่ง พอเห็นบรูคลินเดินกลับออกมาพร้อมกับคีธด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ผมก็แสยะยิ้มทันที
เป็นไงล่ะมึงรสชาติของกู เข้มข้นดีมั้ยล่ะ!?
แล้วบรูคลินก็มองผมด้วยสายตาหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนจะชวนคีธไปแต่งหน้าแต่งตัว คีธทำท่าอิดออดแต่พอถูกผมโบกมือไล่ก็ยอมไปแต่โดยดี พอสองคนนั้นหายตัวไป ผมก็จัดการเริ่มงานของตัวเองทันทีโดยการตรงเข้าไปบอกคิวกับสตั๊นแมนทีมใหม่พวกนั้น และไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าสายตาที่สตั๊นแมนพวกนั้นมองมายังผมขณะที่ผมกำลังอธิบายงาน มันเหมือนสายตาของราชสีห์จ้องมองเหยื่อยังไงไม่รู้ สัญชาตญาณบอกผมทันทีว่าไอ้พวกนี้ต้องคิดอะไรกับผมแน่ แล้วก็จริงเสียด้วยเมื่อผมบอกคิวกับพวกนั้นเสร็จ แต่พวกนั้นไม่ยอมจบ เดินเข้ามาคุยกับผมขณะที่ผมกำลังอ่านคิวนักแสดงในฉากต่อไปอยู่
“เฮ้” ใครบางคนเรียกความสนใจผมขึ้น ผมหันไปมองก็เห็นว่าเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่ผมเพิ่งจะบอกคิวไปเมื่อกี้
“ครับ?”
“นายชื่ออะไรเหรอ” แล้วมันก็เริ่มปฏิบัติการวุ่นวายกับชีวิตกวินทร์ทันที
“เควินครับ” ผมก็ตอบไปตามมารยาทนั่นแหละ แต่ใจนี่รำคาญมันขึ้นมาตงิดๆ เลย ยิ่งหันไปเห็นพวกเพื่อนมันที่ยืนอยู่เยื้องๆ ทางด้านหลังด้วยแล้ว ผมก็โคตรอยากจะเดินหนีไปชะมัด ขืนยืนคุยนานกว่านี้ มีหวังได้งานงอกยาวแน่
“เควินเหรอ... ฉันชื่อเดวิดนะ ยินดีที่ได้ร่วมงาน” คนตรงหน้าผมพูดขึ้นมาอีกครั้งก่อนเอื้อมมือมาให้ผมจับทักทาย
ผมเหลือบมองแล้วเอื้อมมือไปจับอย่างช่วยไม่ได้ ทว่าพอจับมือมันปุ๊บ เดวิดก็จับมือผมแน่นจนผมต้องเป็นฝ่ายชักออก มันยิ้มเผล่แล้วยกมือข้างที่จับขึ้นมาดม พลางส่งสายตากะลิ้มกะเหลี่ยให้
“หอม...”
หอมเตี่ยมึงสิ! นี่มึงเป็นโฮโมฯ หรือไงวะ!
ก็คงจะเป็นโฮโมฯ นั่นแหละ ไม่อย่างนั้นจะมาก้อร่อก้อติกกับผมเหรอ ผมรีบมองหาทางหนีทีไล่ทันควันก่อนที่พวกมันจะเริ่มปฏิบัติการเกี้ยวผมอีก เพราะแค่นี้พวกเพื่อนมันข้างหลังก็ส่งเสียงโห่แซวกันเกรียวแล้ว
“เดี๋ยวฉันขอตัวไปทำงานต่อก่อน...” ผมรีบตัดบท หากแต่พูดยังไม่ทันจบ เดวิดก็แทรกขึ้นมา
“มีแฟนหรือยังน่ะ”
นั่นไง จีบกูจริงๆ ด้วย!
“มะ...มีแล้ว” ผมตอบเสียงแผ่วด้วยไม่แน่ใจว่าคีธจะเรียกว่าเป็นแฟนได้หรือไม่ แต่ก็พูดไปด้วยหวังว่าเดวิดจะเลิกยุ่งกับผมแล้วปล่อยผมไปสักที
หากแต่มันไม่เลิก ยังถามต่ออีก
“ผู้ชายหรือผู้หญิงล่ะ” พูดอย่างเดียวไม่ว่า ยังเดินเข้ามาใกล้อีก
ผมถอยหลังหนีทีละก้าว เกือบจะตอบออกไปแล้วหากไม่มีเสียงของใครบางคนดังขึ้นมาก่อน
“ผู้ชาย”
ทุกคนหันไปมองก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงคือคีธในสภาพที่แต่งตัวพร้อมถ่ายทำแล้ว
“อย่าบอกนะว่าแฟนของเควินก็คือนาย?” เดวิดถาม ขณะที่คีธพยักหน้าน้อยๆ ด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่แววตานี่ดูก็รู้เลยว่าไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง
“งั้นก็ขอโทษแล้วกันเพื่อน ไม่นึกว่าจะมีเจ้าของแล้ว ฉันก็แค่มาทักทายเฉยๆ” ว่าจบ เดวิดก็ตบบ่าคีธเบาๆ แล้วก็เดินจากไปทันใด
ผมมองตามแล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่รอดพ้นจากการถูกผู้ชายด้วยกันตามตื๊อมาได้ แต่ก็ต้องกลืนน้ำลายเอื้อกเมื่อเห็นว่าคีธยังจ้องหน้าผมเขม็งไม่เลิก
“อะไร” ผมถามออกมาแทบจะในทันใด ก่อนที่คีธจะว่านิ่งๆ
“เมื่อมีการผูกพันกับชาวยูนิกม่าเป็นครั้งแรก ฟีโรโมนในร่างกายของนายจะฟุ้งกระจาย”
“ถึงจะไม่มีอะไรกับนายมาก่อน ปกติฉันก็ฟีโรโมนฟุ้งอยู่แล้ว” ผมว่า ก็จริงอย่างที่ผมพูดนั่นแหละ ถึงจะไม่เคยมีอะไรกับคีธ ผมก็ถูกผู้ชายด้วยกันมาจีบบ่อยๆ
หากแต่คำพูดของผมทำให้หัวคิ้วของคีธกระตุก ก่อนมันจะเรียกผมเสียงเข้ม
 “กวินทร์”
ผมหันไปมองแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไรขณะที่กำลังจะเดินไปทำงานต่อ แต่มันไม่พูดนอกจากเรียกชื่อผมเท่านั้น
“กวินทร์”
“อะไร” ผมย่นคิ้วอย่างหงุดหงิดเล็กน้อยที่มันเอาแต่เรียก ทว่าไม่พูดสักที
แต่คีธไม่ตอบผมว่ามีอะไรถึงได้เรียกนักหนา นอกจากจะตรงเข้ามาคว้าต้นแขนผมไว้แล้วเรียกชื่อผมอีกครั้ง
“กวินทร์”
อะไรของมึงล่ะเว้ย! มีอะไรก็พูดมาสิ!
ผมเกือบจะแหวใส่มันด้วยความรำคาญแล้ว ถ้าหากว่าไม่เห็นดวงตาสีเทาสว่างคู่สวยประกายวาบก่อนจะแปรเปลี่ยนมาเป็นสีดำทั้งเบ้า ผมกลืนน้ำลายเอื้อกทันที สัญชาตญาณบอกว่าผมไปทำอะไรให้มันไม่พอใจขึ้นมาซะแล้ว
แต่อะไรล่ะ!? ผมไปทำอะไรให้มันไม่พอใจวะ!? หรือจะเป็นเพราะผมคุยกับสตั๊นนั่นเมื่อกี้?
ดูท่าคีธก็คงไม่พร้อมจะบอกในตอนนี้ด้วยว่าผมไปทำอะไรให้ขุ่นเคือง เอาแต่จ้องหน้าผมนิ่ง ผมโคตรอยากจะบอกมันเลยว่าให้ทำตาให้เป็นปกติเพราะเดี๋ยวจะถูกคนรอบข้างที่เดินพล่านไปมาเห็นเข้า แต่ไม่ทันจะได้พูด คีธก็บีบแขนผมแน่น ก่อนจะเรียกชื่อผมขึ้นมาอีกครั้ง
“กวินทร์...”
“มีอะไรก็พูดสิวะ!” ผมแผดเสียงใส่มันอย่างหมดความอดทนที่มันไม่พูดสักที ก่อนจะเงียบไปเมื่อประโยคถัดไปหลุดออกมาจากริมฝีปากหยักสวย
“ไม่ชอบให้ไปคุยกับคนอื่น... ผู้ชายคนอื่น”
อ๋อ ที่แท้ก็หึงกูล่ะสินะ
“แล้ว?” ผมเอียงคอ ปั้นสีหน้าท้าทายขณะที่คีธจ้องหน้าผมตาไม่กะพริบ
“ฉันไม่ชอบ”
หึงก็บอกว่าหึง ไม่ใช่บอกว่าไม่ชอบ แล้วก็ไม่ต้องเลยมึงน่ะ ทีมึงไปดูดปากกับไอ้บรูคลิน กูยังไม่ว่าอะไรเลย มึงก็ไม่มีสิทธิมาว่ากูเหมือนกัน ที่สำคัญ กูไม่ได้เป็นฝ่ายเข้าไปคุยกับพวกมันนะเว้ย พวกมันมาคุยกับกูเองต่างหาก!
ผมว่าคีธมันไม่สนใจหรอกว่าผมจะเป็นฝ่ายเข้าไปคุยหรือพวกนั้นจะเป็นฝ่ายมาคุยกับผม เพราะทันทีที่สิ้นเสียง มันก็จัดการลากผมลอยหวือไปตามทางเดินทันใด ผมเกือบจะถามมันแล้วว่าจะลากผมไปไหน แต่รู้สึกตัวอีกทีก็ถูกเหวี่ยงเข้ามาในห้องแต่งตัวซึ่งเป็นห้องที่ผมเคยพลาดท่าเสียทีให้มันครั้งแรก ก่อนจะได้ยินเสียงล็อคประตูดังกริ๊กตามมา
ระ...หรือว่าไอ้คีธมันคิดจะเอาท์ดอร์!?
ไม่ต้องถามก็รู้ได้จากการกระทำ เพราะพอมันล็อคประตูเสร็จ มันก็หันมาจับผมที่กำลังจะแหกปากด่ามันให้หมุนตัวเข้าหากำแพง ก่อนจะดันให้เข้าไปแนบชิด พร้อมใช้มือข้างหนึ่งจับข้อมือผมทั้งสองข้างไพล่หลังเอาไว้ ขณะที่อีกมือจัดการดึงรั้งเสื้อผ้าบนตัวผมเต็มแรง
มึงอย่าฉีกเสื้อผ้ากูด้วยมือเปล่าสิโว้ย! ถูกมึงฉีกขาดไปหลายตัวแล้วเนี่ย กูยิ่งเอาเสื้อผ้ามาไม่เยอะอยู่ เห็นใจกูหน่อย!
โชคดีที่มันไม่ได้ฉีก แต่กระชากให้หลุดออกจากกายเท่านั้น ผมจะไม่ตกใจเลยถ้าเสื้อผ้าในส่วนที่มันกระชากให้หลุดจากเรือนร่างผมมันไม่ใช่กางเกง
“เดี๋ยว!” ผมฝืนตัวเอง พยายามจะหันหลังกลับมา แต่ก็โดนมันดันให้ชิดกับกำแพงอีก
แล้วมันก็ทำให้ผมต้องเบิกตาโตเมื่อมันเลื่อนใบหน้าเข้ามาข้างหูผม พร้อมว่าเสียงเรียบ
“กวินทร์เสียวดังไปเลย ทุกคนจะได้รู้ว่ากวินทร์เป็นของฉัน”
เดี๋ยวก่อนสิมึง! อย่าบอกกูนะว่ามึงจะสแตนด์ดิ้งเอาท์ดอร์แบบนี้จริงๆ!? ถามความสมัครใจกูบ้างสิโว้ย!
แต่ถามไปก็เสียแรงเปล่า ถึงผมจะไม่สมัครใจ ถ้าคีธมันจะทำ มันก็ไม่สนใจผมอยู่แล้ว และผมก็เกลียดตัวเองมากด้วยที่รู้ทั้งรู้ว่าจะถูกมันกระทำอย่างนั้น ก็ดันไปยอมมันเมื่อฝ่ามืออุ่นร้อนคลายจากข้อมือผมแล้วย้ายมาแตะยังส่วนอ่อนไหว
“ไม่ชอบให้กวินทร์ไปยุ่งกับคนอื่น กวินทร์เป็นของฉัน” คีธว่าเสียงเบาขณะที่ฝ่ามือเคลื่อนไหวอยู่บนช่วงล่างของผม
ผมเม้มปากแน่น พยายามไม่ให้มีเสียงเล็ดลอดออกไป คีธเห็นอย่างนั้น มันก็ยิ่งกระตุ้นผมมากขึ้นไปอีกจนผมเผลอส่งเสียงออกมา พอได้สติ ผมก็รีบดึงเม้มปากอีกครั้ง
“อย่ากลั้นไว้สิกวินทร์”
กูต้องกลั้นสิ! นี่มันกองถ่ายนะเว้ย แถมในห้องแต่งตัวที่เป็นเพียงผนังบางๆ อีก คนเดินผ่านไปผ่านมาเยอะแยะ ถ้ากูส่งเสียงไป เค้าก็รู้กันทั้งบางสิวะว่ามึงกับกูทำอะไรกัน!
ผมเลยได้แต่อดทน ไม่ยอมส่งเสียงใดๆ ออกมา คีธเลยเล่นใหญ่ จัดการแทรกกายเข้ามาในตัวผมให้ผมได้เกร็งตัวหนักขึ้นไปอีก
“ทำให้ทุกคนรู้ว่านายเป็นของฉัน” คีธว่าเสียงแผ่วก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวทีละน้อย
ไม่นาน จังหวะการเคลื่อนไหวของคีธก็เริ่มหนักหน่วงขึ้น ผมถึงกับแนบใบหน้าเข้ากับกำแพง มือข้างหนึ่งหาที่ยึดเป็นพัลวัน ขณะที่มืออีกข้างดึงมาปิดปากตัวเองไว้ไม่ให้ส่งเสียงดังออกมา แต่มือทั้งสองก็ถูกคีธดึงไปขึงไว้กับกำแพงด้วยมือข้างเดียวขณะที่อีกมือนึงของมันยังคงวนเวียนกับส่วนล่างของผมอยู่ เลยกลายเป็นว่าผมไม่สามรถเก็บกลั้นเสียงอะไรหรือขัดขืนใดๆ ได้เลย มิหนำซ้ำ ไอ้ห้องแต่งตัวนี่ก็ไม่ใช่ห้องแต่งตัวแบบบิวท์อินกับสตูดิโอ แต่เป็นห้องแต่งตัวที่ถูกประกอบขึ้นด้วยผนังสมาร์ทบอร์ดซึ่งเป็นแผ่นไม้อัดซีเมนอเนกประสงค์ ที่ทางสตูดิโอใช้ห้องแต่งตัวแบบนี้เป็นเพราะมันง่ายต่อการรื้อถอนในกรณีที่ไม่ต้องการใช้งานอีก แต่ข้อเสียของมันก็คือ มันไม่เก็บเสียง และก็ไม่ได้แข็งแรงทนทานอะไรมากเมื่อถูกแรงกระเทือนปะทะ
แน่นอนว่าผนังที่ผมเกาะเป็นตุ๊กแกอยู่มันสั่นคลอนไปทั้งยวง ผมพยายามจะเกร็งตัวไว้ไม่ให้ทิ้งน้ำหนักลงไปบนผนังมาก แต่ก็เท่านั้นแหละ มันฝืนความวาบไหวที่เข้ามารุกรานร่างกายผมได้ซะทีไหน และคีธก็ทำให้ผมต้องระทวยหนักกว่าเดิมเมื่อมันเริ่มงับใบหูผมสลับกับพรมจูบทั่วลำคอไปด้วย
ผมเผลอครางออกมาอย่างไร้สติก็ตอนนี้ กล้ามเนื้อทุกส่วนเกร็งไปหมดก่อนความวาบหวามจะจู่โจมหนักขึ้นจนผมรู้ตัวเลยว่าทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
“คีธ...” ผมครางเรียกชื่อคนข้างหลังก่อนที่ทุกความรู้สึกที่อัดอั้นจะถูกปลดเปลื้อง
คีธเองก็คงจะได้รับการผ่อนคลายเช่นกันถึงได้หยุดขยับกายได้ ก่อนจะตะกรองกอดผมไว้แน่นเมื่อเห็นว่าผมทำท่าจะทรุดลงไปบนพื้น
“กวินทร์เป็นของฉัน... คนเดียวเท่านั้น อย่าไปคุยกับใครอีกถ้าฉันไม่อนุญาต”
ผมพยักหน้ารับอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนที่ขมับจะกระตุกขึ้นมา
“อย่าทำให้ฟีโรโมนในตัวนายฟุ้งกระจายด้วย ฉันไม่ชอบให้ใครมาเกาะแกะนาย”
มึงก็หยุดทำให้ฟีโรโมนกูฟุ้งกระจายยิ่งกว่าเดิมสิวะ!
ผมหันไปมองหน้าหล่อนั่นตาเขียว พลันผลักมันออก รีบแต่งเนื้อแต่งตัวอย่างรวดเร็ว
“นายก็หยุดทำอะไรบ้าๆ แบบนี้ด้วย มีอะไรก็ให้กลับไปคุยกันที่ห้อง” ผมเลี่ยงจะไม่พูดว่า ‘ให้กลับไปทำที่ห้อง’ เพราะไม่อย่างนั้นไอ้คีธมันได้ใจแน่
แต่คำพูดของผมก็ทำให้คีธยิ้มออกมาหน่อยๆ ผมมองมันที่อยู่ในสภาพกึ่งเปลือยแล้วชี้นิ้วส่งๆ
“แต่งตัวซะ จะได้ออกไปทำงานต่อ”
คีธใช้เวลาไม่นานในการแต่งตัวให้เรียบร้อยเหมือนเดิม พอมันจัดการกับเครื่องแต่งกายตัวเองเสร็จ ผมก็เปิดประตูห้องแต่งตัวออกไป พลันผงะทันควันเมื่อเห็นว่าบริเวณหน้าห้องนั้นคลาคล่ำไปด้วยทีมงานในกองถ่ายที่พากันเงี่ยหูฟังเสียงจากในห้องที่ผมอยู่กันถ้วนหน้า บางคนก็หนัก ถึงขั้นเอาหูแนบ และพอเห็นผมโผล่หน้าออกมา ก็รีบทำท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แยกย้ายกันไปทำงานหน้าตาเฉย ปล่อยให้ผมยืนมองอย่างอึ้งๆ เท่านั้น
พะ...พวกมึงรู้กันทั้งกองถ่ายเลยใช่มั้ยเนี่ย!?
ได้สติอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงริชาร์ดที่ยืนกอดอกมองอยู่กับแอสตันไม่ไกลนักว่าขึ้น
“ดุเดือดมาก เป็นเอาท์ดอร์ที่ร้อนแรงเลยทีเดียว” พูดจบมันก็ยกนิ้วโป้งให้เป็นเชิงบอกว่า ‘เยี่ยมจริงๆ’
ผมยกมือลูบหน้าตัวเองทันทีที่พลาดไปทำอะไรอย่างนั้น ขณะที่คีธซึ่งเดินตามหลังออกมาหยักยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดเบาๆ ข้างๆ ผม
“กวินทร์เป็นของฉัน”
มึงไม่พูด เค้าก็รู้กันไปทั้งหมู่บ้านแล้วโว้ย! มึงนี่มันจริงๆ หื่นกามได้ไม่ดูเวลาและสถานที่เลยไอ้คีธ กูตกเป็นจำเลยของสังคมเลยเห็นมั้ยเนี่ย!
“คราวหน้าถ้ากวินทร์คุยกับผู้ชายอื่นอีก ฉันจะประกาศความเป็นเจ้าของอีก” คีธว่าขึ้นเนือยๆ พลางหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าตาย ไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่เกิดขึ้นใดๆ ทั้งสิ้น
ผมมองมันตาเขียวก่อนจะทุบไปที่ไหล่เต็มแรง
ไม่มีครั้งหน้าแล้วกูพูดเลย ขืนมีอีก กูคงได้เอาท์ดอร์กับมึงอีกแน่ ไอ้หึงโหดเอ๊ย!
------------------------------
สงสารกวินทร์มาก ตกเป็นจำเลยของสังคมโดยไม่ได้ตั้งใจ 555
อย่าทำให้คีธหึงบ่อยๆ นะ เดี๋ยวสุขภาพเสีย เป็นอัมพาตขึ้นมาแล้วเดี๋ยวแม่ยกเสียใจ XD

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
ฮาตอนคีธเรียนภาษาไทยจากหนัง  :jul3:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
หึงหื่นมาก เอ้ยยยย  หึงโหดมาาากกกก 5555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด