คาถาที่ 27 [ครึ่งหลัง] เช้าวันถัดมา เรียวจันทร์ยังคงอยู่ในชุดเดิม และแผลก็ยังคงเดิม นางไม่ยอมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่ได้ทำเพราะทระนงแต่อย่างใด แต่ทำไปเพราะอยากประชดล้วนๆ จอมทัพก็หน้ามึนพอที่จะทำเฉยขอนอนกอดนางตอนนอน แต่เรียวจันทร์ไม่ยอม นางแสดงอารยะขัดขืนด้วยการนอนโซฟาในห้องนอนของเสี่ย
“ฉันจะกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า”
“อาบที่นี่ เปลี่ยนที่นี่ก็ได้ ทำอย่างกับไม่เคย” จอมทัพบอกพลางตักข้าวต้มเข้าปากอย่างสบายๆ เรียวจันทร์ย่นคิ้วมองอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ
“ฉันไม่มีเสื้อผ้า พวกออพชั่นเสริมอาบน้ำฉันอีก”
“อยากได้อะไรไปซื้อเอา” เรียวจันทร์ชักสีหน้าไม่พอใจ
“เสี่ย อย่าเยอะ อย่ามาทำเป็นหวงฉันจะเป็นจะตายได้มั้ย น่ารำคาญ” จอมทัพเหลือบมอง วางช้อนลงอย่างเบามือ เรียวจันทร์จ้องเขม็งอย่างไม่ยอม
“ก็ได้…” เรียวจันทร์ทำหน้าเอือม ยกสองแขนกอดอกออกอาการเอาแต่ใจ
“…เอากุญแจรถให้เรียวจันทร์” เสี่ยหันไปสั่งลูกน้องเรียบๆ ลูกน้องคนนั้นผงกหัวลงหนึ่งทีและเดินเข้ามาหาเรียวจันทร์พร้อมกับยื่นกุญแจรถให้นาง
“ขอบใจที่ยังมีเมตตา” นางว่าอย่างประชด ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วจนหัวเข่ากระแทกกับขอบโต๊ะ หน้าที่เก๊กสวยเชิดทระนงเมื่อครู่ถึงกับทลายลงเพราะความเจ็บจี๊ด จอมทัพหัวเราะหึ เรียวจันทร์พยายามกอบกู้หน้ากลับมา นางค่อยๆ พาร่างตัวเองออกจากเก้าอี้
“ผมจะออกไปข้างนอก กลับมาผมควรจะได้เห็นหน้าคุณ”
“แล้วคุณกลับมากี่โมงล่ะคะ” นางถามเสียงประชด หน้าตาจิกกัดจอมทัพเต็มที่
“ตอบไม่ได้…” จอมทัพมองนิ่งแล้วว่าต่อ “…คุณควรรู้ตัวว่าควรอยู่หรือไม่ควรอยู่ที่ไหน ถ้าคิดจะไปหาไอ้คม…”
“ฉันไม่ได้คิดจะไปย่ะ!” นางแหว ถลึงตามองอย่างหงุดหงิด จอมทัพบึนปากน้อยๆ เลิกคิ้วขึ้นเร็วๆ หนึ่งที
“คุณไม่ใช่คนโง่ คงรู้นะ” คุณนายมองเสี่ยตาขวาง มือขวาที่ไม่ได้ถือกุญแจกำๆ คลายๆ อยู่หลายรอบก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องกินข้าว จอมทัพมองตามด้วยแววตาที่ไม่อาจคาดเดาความคิด
“ให้ผมตามไปมั้ยครับ” จอมทัพสั่นหัวให้ลูกน้องน้อยๆ
“ไม่ต้อง” ว่าจบก็ตักข้าวต้มกินต่อได้อย่างต่อเนื่องราวกับเมื่อกี้ไม่ได้มีอะไรมาขัด
เรียวจันทร์เดินกระแทกเท้าออกมาจากบ้านจอมทัพด้วยอาการหงุดหงิดที่อยากจะกรี๊ดและกระทืบเท้าเร่าๆ ให้พื้นบ้านไอ้เสี่ยพัง แต่ที่ทำได้คือยืนนิ่งสงบสติอารมณ์ สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดและผ่อนออกมาช้าๆ ก่อนจะเปิดประตูรถและเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ สตาร์ทรถปิดประตูได้ก็ขับออกไป เป้าหมายของนางคือฟาร์มอรุณพยัคฆ์
ฉันไม่ได้คิด แต่ฉันไปจริงๆ ย่ะไอ้เสี่ย!
เรียวจันทร์เหยียบเท่าที่จะทำให้ใจที่ร้อนนั้นเย็นลงได้ นางขับแหกการจราจรของไทยมาตั้งแต่กรุงเทพฯ จนกระทั่งเข้าเขตเขาใหญ่ ป่านนี้ตำรวจไม่รู้กี่ด่านคงเข้าแถวเรียงคิวรอพบนางกันยาวเหยียด นางขับมาถึงบริเวณฟาร์มก็รีบเลี้ยวเข้าประตูอย่างรวดเร็ว เพิ่งจากไปเมื่อวานแต่พอกลับมาอีกทีทำไมถึงรู้สึกเหมือนจากที่นี่ไปนานมากก็ไม่รู้
เรียวจันทร์จอดรถที่หน้าบ้านใหญ่ พอลงมาจากรถก็ยืนงงสักแปบว่าจะต้องไปทางไหนเพราะไม่แน่ใจว่าคมเขี้ยวจะอยู่ส่วนไหนของฟาร์ม เรียวจันทร์หันไปมองรอบตัวแบบงงๆ แล้วก็ตัดสินใจเดินเข้าไปดูในบ้านก่อนเป็นที่แรก นางก้าวเท้าขึ้นบันไดอย่างเร็ว พอขึ้นมาบนบ้านก็เจอแต่ความโล่งและความเงียบ ร่างเล็กมองซ้ายมองขวาสักพักแล้วค่อยก้าวเดินไปทางห้องนอนของคมเขี้ยว เปิดประตูเข้าไปก็เจอเจ้าของห้องกำลังพยายามถอดเสื้อยืดที่ไว้ใส่นอนออกจากตัวอย่างทุลักทุเล นางปิดประตูเบาๆ เดินเข้าไปหาร่างสูง และช่วยดึงเสื้อยืดจนหลุดออกจากหัวคมเขี้ยว
วินาทีที่เสื้อหลุดไปอยู่ในมือเรียวจันทร์ ทั้งสองก็มองตากัน เรียวจันทร์มองด้วยสายตาหวาดหวั่น คมเขี้ยวก้มมองใบหน้าสวยที่ตอนนี้มีแผลตรงมุมปากนิ่ง
“เพิ่งตื่นเหรอ” เรียวจันทร์เป็นคนทำลายความเงียบชวนอึดอัดนั้นลง นางเลื่อนสายตาไปมองต้นแขนขวาที่มีผ้าพันแผลสีขาวที่มีเลือดซึมหน่อยๆ แล้วก็กลับมามองหน้าอิดโรยของคมเขี้ยวตามเดิม มือบางยกขึ้นแตะหน้าผากและจับกรอบหน้าคม
“ตัวร้อน นายไม่สบายเหรอ” คมเขี้ยวไม่ตอบ แต่เบี่ยงหน้าหลบมือนุ่มนิ่ม เจ้าของมือใจกระตุกวูบ ลดมือลงไว้ข้างตัวและพยายามประคองสติตัวเองให้อยู่กับร่องกับรอย
“ออกไป” นั่นคือคำแรกที่คมเขี้ยวเอ่ยบอกอย่างเย็นชา เรียวจันทร์เชิดหน้าขึ้นนิดหนึ่งแม้จะรู้สึกร้าวเล็กๆ
“ไม่ จะอาบน้ำใช่มั้ย ฉันจะช่วยอาบ”
“อย่ายุ่ง” ถ้าความหน้าด้านในตัวนางไม่มีมากพอ นางคงต้องน้ำตาคลอกับประโยคเน้นชัดเจนแบบนี้จากผู้ชายที่ตัวเองรักแล้วแน่ๆ แต่แม้จะหน้าด้าน ก็แอบรู้สึกใจสั่นกับอาการเหินห่างแบบนี้อยู่เหมือนกันนะ
“ฉันจะยุ่ง นายห้ามไม่ได้หรอก ฉันมันตัวยุ่ง ตัวขี้เสือกอยู่แล้ว” เรียวจันทร์ว่าอย่างดื้อดึง มองหน้าตายไร้อารมณ์ของคมเขี้ยวและแววตาที่ไม่ตอบสนองใดๆ
“รำคาญ ไปไหนก็ไป” คมเขี้ยวเริ่มหน้าดุเสียงดุขึ้น มองเรียวจันทร์อย่างอดทนอดกลั้น เรียวจันทร์เองก็พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
“เขี้ยวกุด ฉันเป็นห่วงนายนะ…”
“…ผมขอให้คุณอยู่แล้ว แต่คุณก็ไป แล้วจะกลับมาทำไม ไปก็ไปให้ไกล” คมเขี้ยวมองหน้าเรียวจันทร์อย่างไร้ความรู้สึกเกินไปจนเรียวจันทร์ทั้งใจไม่ดีและหงุดหงิดกับท่าทีนี้
“ฉันเป็นห่วง ที่ไปก็เพราะห่วง ที่กลับมาก็เพราะห่วง อย่ามาทำซื่อบื้อจะได้มั้ยเล่า!” นางว่าอย่างโมโหแต่ก็พยายามไม่วีนใส่คนตรงหน้า น้ำตาที่ไม่ทันห้าม หยดแหมะลงบนแก้ม เรียวจันทร์รีบยกมือขึ้นเช็ดออกไป
“ห่วงผมหรือห่วงตัวเอง”
“มันก็ทั้งสองนั่นแหละ! ทำไมถึงพูดจาแบบนี้นะ!”
“ถ้างั้นคงห่วงตัวเองมากกว่า” เรียวจันทร์กัดฟันน้ำตาคลอ มองคมเขี้ยวด้วยความโกรธ หงุดหงิดและน้อยใจที่อีกฝ่ายมีแต่ท่าทีเฉยเมยแบบนี้ให้
“นายจะไม่ให้ฉันห่วงบ้านนั้นเลยเหรอ ฉันสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรง… ฮึก… ฉันสร้างให้พ่อ สร้างตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่… ฮึก… มันคือความภาคภูมิใจ พ่อดีใจแค่ไหนที่ฉันทำได้ รู้บ้างมั้ย…” เสียงเรียวจันทร์กลืนหายไปในลำคอกับก้อนสะอื้นก้อนใหญ่ น้ำตาไหลพรากอย่างไม่มีแอ๊บ มองหน้าคมเขี้ยวด้วยสายตาน้อยอกน้อยใจ คนตัวใหญ่ยืนมองด้วยความนิ่งเหมือนเคย
“แล้วที่นี่ไม่ใช่บ้านคุณรึไง”
“มันไม่เหมือนกัน!...” นางว่าเสียงเหวี่ยง “…บ้านนั้นมันคือความฝัน ระหว่างทาง ฉันมีพ่ออยู่ในความฝันนั้นด้วย เขาเห็นตั้งแต่เริ่มยันจบ มันคือสถานที่สุดท้ายที่ฉันได้อยู่กับพ่อนะ ไอ้เขี้ยว… ฮือ!”
เรียวจันทร์สะอื้นไห้ร้องไห้หนักไม่มีกั๊ก แต่คมเขี้ยวก็ยังมีท่าทีนิ่งเฉย เขาพ่นลมหายใจ ยื่นมือซ้ายไปดึงเสื้อมาจากมือเรียวจันทร์และหมุนตัวเดินออกไปจากห้อง เรียวจันทร์มองอย่างขุ่นเคืองและก้าวเดินตาม
“แล้วทำไมจะต้องเดินหนีแบบนี้ ทำไมไม่คุยกันให้รู้เรื่อง!” เรียวจันทร์ตะโกนลั่นบ้าน เท้าก็ก้าวตามร่างสูงไปเร็วๆ
“จะคุยอะไร หมดเรื่องจะคุย กลับไปคุยกับไอ้จอมทัพเถอะ” เรียวจันทร์กัดฟันด้วยความหงุดหงิด
“หยุดแดกดันฉันสักทีเถอะ ฉันอยากคุยกับนาย ไม่ใช่เจ้าทัพ!”
“ทำไม? เบื่อแล้วเหรอ เมื่อคืนคุยกันจนหมดประเด็นเลยสิ”
“ไอ้เขี้ยวกุด!” เรียวจันทร์ว่าอย่างโมโห วิ่งเข้าไปทุบตีแผ่นหลังของคมเขี้ยวเต็มมือจนเจ้าตัวร้องด้วยความเจ็บและความตกใจ
“เฮ้ย! อะไรเนี่ย พอไม่ได้ดั่งใจก็ใช้กำลัง!” คมเขี้ยวใช้แขนซ้ายตัวเองดันร่างเรียวจันทร์ออกห่างตัวเอง ร่างเล็กหยุดทุบตีเขา
“เออ! นายมันไม่ได้ดั่งใจฉันเลย งี่เง่าเต่าตุ่น รู้บ้างมั้ยเนี่ยว่าฉันรักฉันห่วง ฮะ!!”
“ไม่รู้! ได้ผมไปแล้ว ก็น่าจะพอใจแล้วนี่ ที่ดินก็เป็นของตัวเอง ไม่ต้องมาใช้ผมเป็นตัวล่อ เป็นไอ้โง่ของคุณอีก” คมเขี้ยวพูดด้วยน้ำเสียงกระแทก เรียวจันทร์กัดฟันแน่น มองคมเขี้ยวด้วยความผิดหวังและเสียใจ
“เออ! นายนี่มันโง่จริงๆ โดนฉันหลอกให้รัก…”
“…แต่ผมไม่รัก” คมเขี้ยวสวนทันควัน เรียวจันทร์สะอื้นไห้ น้ำตาร่วงเผาะรัวลงบนแก้ม
“ไม่รักฉันเลยจริงๆ ใช่รึเปล่า” นางถามปนสะอื้น คมเขี้ยวมองนิ่ง เรียวจันทร์มองหน้าหนวดเคราทั้งคราบน้ำตาที่เปรอะเต็มหน้า และแผลเลือดแห้งกรังที่มุมปาก
“…” คมเขี้ยวขมวดคิ้วนิดหนึ่ง
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่านายไม่รักฉัน” เรียวจันทร์เบ้ปาก หน้าตาร้องไห้ตลอดเวลา มองคมเขี้ยวเหมือนเด็กกำลังดื้อ คมเขี้ยวพ่นลมหายใจ นึกโล่งอกที่ได้ยินเรียวจันทร์พูดแบบนี้ แต่ก็เขาก็ยังมีท่าทีไม่หือไม่อือใดๆ ทั้งสิ้น จนความรู้สึกของเรียวจันทร์แอบระส่ำระส่ายเล็กๆ
“แล้วช่วงเวลาที่เรามีความสุขด้วยกันล่ะ นายทิ้งมันไปรึยัง” นางถามด้วยความไม่แน่ใจ ไม่มั่นใจใดๆ ทั้งสิ้น ช่วงเวลานี้นางอ่อนกำลังเกินกว่าจะเข้มแข็ง
“จะให้ทิ้งยังไง มันก็ไม่ไปไหน ก็จำได้เหมือนเหตุการณ์ทั่วไปในชีวิต”
“แล้วเหตุการณ์ระหว่างเราสองคนมันสำคัญสำหรับนายมั้ย” คมเขี้ยวนิ่ง ยกเสื้อพาดบ่า มองหน้าสวยที่มีรอยแผลของเรียวจันทร์ด้วยใบหน้าเดิม
“ตอนแรกก็คิดว่ามันสำคัญ แต่ตอนนี้คิดว่ามันก็แค่เหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็จบไป” เรียวจันทร์น้ำตาคลอเต็มหน่วย มองหน้าคมเขี้ยวด้วยความน้อยใจ พยายามแล้ว นางพยายามแล้วที่จะหน้าด้าน หน้าทน แต่ความเฉยชาของผู้ชายคนนี้ก็ติดลบเหลือเกินแล้ว
เรียวจันทร์เม้มปาก ตอนนี้นางอ่อนแอเกินไปจริงๆ ที่จะตั้งสติให้อยู่กับร่องกับรอย นางเจ็บตัว หัวใจก็เจอเรื่องโหมกระหน่ำเข้าอย่างคลื่นซัดหาดช่วงหน้าฝน นางมาที่นี่เพราะเป็นห่วงคมเขี้ยว แต่นางคงลืมนึกไปว่าควรห่วงสภาพตัวเองก่อน แถมมาแล้วเขายังไม่ได้มีทีท่าเป็นห่วงนางเลยสักนิด
ใช่… เรียวจันทร์ผิดหวังเพราะคิดว่าถ้าคมเขี้ยวเห็นว่านางโดนทำร้ายจะโอบกอดปลอบใจนางบ้าง นางหวังมาเพิ่มแรงกายแรงใจจากคมเขี้ยว แต่เปล่าเลย นางไม่ได้สิ่งที่หวัง กลับได้สิ่งที่พาให้หมดหวังกำลังใจไปอีก
“เราจะเลิกกันใช่มั้ย” คมเขี้ยวส่ายหน้า ริมฝีปากเรียวจันทร์กำลังจะขยับยิ้มแต่ก็ค้างเติ่ง
“จะเลิกได้ไง ยังไม่ได้ทันได้คบกันเลย” เรียวจันทร์อึ้ง มองคมเขี้ยวอย่างเจ็บปวด แล้วสักพักอารมณ์ปรี๊ดก็พุ่งขึ้นมาที่อก และเกินจะห้ามความเคืองของตัวเอง เรียวจันทร์เดินเข้าไปหาคมเขี้ยว ยกมือขวาตบแก้มซ้ายคมเขี้ยวเต็มแรง
“เว้ย!! ตบอีกแล้ว คนนะ ไม่ใช่เป้าล่อ แม่ง!!!” คมเขี้ยวสบถลั่นบ้าน สบถด้วยความหงุดหงิดและโมโห เรียวจันทร์กัดฟันแน่น มองหน้าคมเขี้ยวอย่างผิดหวังและน้อยใจ
“งั้นก็จูบฉันคืนสิ!” นางท้าทั้งน้ำตา ตอนนี้น้ำตาไหลมั่วซั่วไปหมด ไม่รู้ว่าไหลออกมาเพราะอารมณ์ไหน
“จูบไม่ลง!”
“เออ! จูบไม่ลงก็ตบฉันคืนเลย เอาให้มันซ้ำแผลเดิมนี่แหละ ตบสิ!” เรียวจันทร์หายใจแรงจนอกกระเพื่อมเบาๆ ดวงตากวางน้อยจ้องดวงตาละมุนของคมเขี้ยวที่ยามนี้ตาแข็งเหลือเกิน จนนึกว่ากินกาแฟเกินขนาด
แต่สุดท้ายคมเขี้ยวก็ไม่ตบ เขาเบือนหน้าหนีเรียวจันทร์ไปมองทางอื่น คุณนายแกไม่ปิดบัง ไม่อ้อมค้อมเลยว่าอยากให้คมเขี้ยวง้อ แม้จะรู้ว่านั่นไม่มีทางเกิดขึ้น แต่อย่างน้อยโอ๋นางบ้างก็ยังดี
“ถ้ามาแล้วเสียความรู้สึกก็กลับไปเถอะ อย่าอยู่ให้ตัวเองมีแผลในใจแบบผมเลย” เรียวจันทร์มุ่นคิ้วมองใบหน้าด้านข้างของคมเขี้ยวอย่างไม่เข้าใจ
“อะไร” นางถามเสียงแผ่ว คมเขี้ยวหันกลับมาสบตากับนาง
“ถึงคุณบอกเรื่องนี้ด้วยปากตัวเองก่อนแม่คุณบอก ผมก็แน่ใจว่าความรู้สึกผมมันก็ยังคงเสียอยู่ ผมไม่รู้ว่าคุณรู้รึเปล่าว่าเรื่องแบบนี้ทำไปยังไงมันก็ต้องทำให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึก…” คมเขี้ยวมองนิ่ง แต่ไม่ได้มีท่าทีแข็งกระด้างแล้ว
“…ผมมีความสุขที่ได้ใช้เวลาอยู่กับคุณ แต่ความเห็นแก่ตัวของคุณทำลายความสุขนั้นไปแล้ว” เรียวจันทร์ยืนฟังนิ่ง ยกมือเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม
“ผมมั่นใจว่าผมรักคุณมาก คุณทำทุกอย่างเพื่อให้ผมให้ใจคุณ แล้วผมก็ให้ไป แต่ดูคุณทำ”
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าตอนหลังมันไม่ใช่เพราะแผนอะไรแล้ว แต่ฉันรักนายจริงๆ ฉันอยากได้นายเพราะตัวฉันเองไม่ใช่เพราะคนอื่น” เรียวจันทร์บอกปนเสียงสะอื้นน้อยๆ
“ผมรู้ว่าคุณคงรักผมจริงบ้างอย่างที่บอก แต่ความรู้สึกผมมันเสียไปแล้ว” นี่ต่างหากคือประเด็นที่คมเขี้ยวอยากจะบอก
“ผมหนีกลับมา ไม่ใช่ว่าขี้ขลาด แต่ผมฝืนตัวเองไม่ได้ที่จะอยู่ใกล้คนที่ทำร้ายใจผม…” ภาพของน้อยหน่าที่ถูกส่งเข้าคุกไปอย่างง่ายดายทั้งที่ทำงานกับคมเขี้ยวมานานลอยเข้ามาในหัวของเรียวจันทร์ ภาพนั้นและเหตุการณ์นั้นเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้นางไม่กล้าปริปากบอก เพราะมันคือสิ่งที่บอกว่าผู้ชายคนนี้ตัดคือตัด ไม่สนใจว่าใครคนนั้นจะมีความดีแค่ไหน แต่ถ้าเลวครั้งเดียวเขาก็ไม่เลี้ยงไว้เช่นกัน
“…ผมเลยกลับมาคิด และคิดว่าจะลองดูอีกครั้ง ถ้าคุณตามมา ผมจะให้โอกาส แต่คุณก็หนีผมไป”
“ฉันไปเพราะ…” คมเขี้ยวส่ายหัวหน้าตาเรียบเฉย
“…คุณดูถูกความรักผม คิดว่าผมจะปล่อยให้ใครมาทำร้ายคุณกับสิ่งที่คุณรักได้งั้นเหรอ คิดว่าผมอ่อนแอปกป้องคนที่ผมรักเลยไม่ได้รึไง”
“ไม่ใช่! ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้นนะ ฉันแค่อยากให้ทุกคนปลอดภัย ฉันไม่รู้ว่าจอมทัพจะใจร้ายได้ขนาดไหน”
“แต่คงไม่ใจร้ายเท่าคุณหรอก…” เรียวจันทร์สะอึก มองหน้าคมเขี้ยวด้วยสายตาตะลึงเบาๆ
“…คุณคงกะว่าถ้าได้ผมแล้ว ได้ที่ดิน ได้สิ่งที่ต้องการ คุณก็เฉดหัวไอ้โง่คมเขี้ยวคนนี้ไปไกลๆ หรืออย่างดีก็อาจจะเก็บไว้เป็นผู้ชายในคอลเลคชั่นของคุณอีกคน” เรียวจันทร์เม้มปาก อยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็อึกอักพูดออกมาไม่ได้
เพราะที่คมเขี้ยวพูดมาน่ะ มันคือความคิดในขั้นแรกของนางจริงๆ
“เขี้ยว ฉัน… ฉันอาจจะเคยคิด แต่ตอนนี้ฉันไม่เหลือความคิดนั้นเลยนะ ฉันมีนายคนเดียว รักแค่นายคนเดียวจริงๆ” คมเขี้ยวถอนหายใจแผ่วเบา
“ที่ผ่านมา คุณอาจจะเล่นกับความรู้สึกใครต่อใครมากมาย แต่กับผู้ชายคนนี้ เรื่องความรู้สึกไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ผมชัดเจนพอหรือยัง” น้ำตาเรียวจันทร์ร่วงหล่นลงบนแก้มอีกครั้ง มองคมเขี้ยวด้วยความรู้สึกเสียใจ ด้วยความรู้สึกผิด
“ฉันขอโทษ”
“ผมรับไว้ แล้วตอนนี้คุณก็ไปได้แล้ว เพราะคุณคงไม่กล้าพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อหรอก” เรียวจันทร์เบะปากน้ำตาคลอ ขยับเดินเข้าไปหาคมเขี้ยว ร่างสูงมองร่างเล็กนิ่ง คนหน้าสวยเขย่งตัวยื่นหน้าไปจูบแก้มซ้ายของคมเขี้ยวแผ่วเบา
“โอกาสที่นายเคยคิดจะให้ ให้ฉันอีกครั้งได้มั้ย” คมเขี้ยวไม่ตอบ ทำเพียงหันหน้าหนีไปมองทางอื่นไม่สบตาไม่มองหน้าเรียวจันทร์จนเจ้าตัวใจแป้ว รู้สึกหัวใจห่อเหี่ยวถึงขั้นพิกลพิการ
“อ้าว คุณเรียว” เรียวจันทร์หันไปมองดินที่มีผ้าพันแผลตรงต้นแขนเช่นกัน นางกระตุกยิ้มให้ดินน้อยๆ ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปหาหนุ่มร่างยักษ์ผู้ใสซื่อ
“เป็นยังไงบ้างดิน” คนถูกถามยิ้มแฉ่งก่อนตอบเสียงใส
“สบายมากครับ ดินยังแข็งแรงเหมือนเดิม” ดินยกแขนขึ้นเบ่งกล้ามโชว์เรียวจันทร์ แต่สักพักก็ร้องโอ๊ย หน้าตาเหยเกเพราะเจ็บแผล เรียวจันทร์หัวเราะทั้งที่น้ำตาคลอ
“คุณเรียวจะกลับมาอยู่ที่นี่แล้วใช่มั้ย ไม่กลับไปอยู่กับไอ้จอมทัพนั่นอีกใช่รึเปล่า” เรียวจันทร์ยิ้มเศร้า ดินเห็นรอยยิ้มนั้นก็หน้าเจื่อนไปนิด
“ดูแลตัวเองนะดิน ฝากดูแลพี่ชายดินด้วย ตอนนี้ฉันอาจจะยังอยู่ไม่ได้ แต่ฉันจะกลับมาแน่นอน รอฉันนะ” ปฐพีทำหน้าครุ่นคิดพักหนึ่งก่อนที่จะคลี่ยิ้มอ่อนและพยักหน้าลงหนึ่งที
“ครับ ดินจะรอ พี่เขี้ยวและทุกคนที่นี่ก็จะรอคุณเรียวกลับมา” เรียวจันทร์ยิ้มดีใจที่อย่างน้อยดินก็ไม่ได้โกรธนางจนไม่คิดเผาผีต่อกัน
“แล้วคุณป๋ากับคุณแม่ไปไหน”
“ไปดูไร่องุ่นครับ ให้ดินไปตามมั้ย” เรียวจันทร์ส่ายหัว สภาพของนางตอนนี้ห่อเหี่ยวเกินไป
“อ้าว ดินเพิ่งเห็น คุณเรียวไปโดนอะไรมา” ดินชี้มุมปากเรียวจันทร์ที่โดนตบจนเลือดออก เรียวจันทร์ยิ้มนิดหน่อยและส่ายหัวน้อยๆ
“อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ” เรียวจันทร์หันไปมองคมเขี้ยวที่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่ มองนางยืนคุยกับดินอย่างเฉยชา เรียวจันทร์หันกลับมาหาดิน
“กลับก่อนนะดิน แล้วเจอกันเร็วๆ นี้”
“รีบกลับมานะครับ” แค่ประโยคสั้นๆ จากดิน แต่กลายเป็นว่านางรู้สึกมีแรงใจเพิ่มขึ้นมากเหลือเกิน เรียวจันทร์พยักหน้า กอดดินไปหนึ่งทีแล้วเดินออกไปจากบ้าน
คมเขี้ยวมองตามนิ่ง สักพักแววตาชายหนุ่มก็สลดลง ใบหน้ามีความสับสนและความหนักใจ
ดินยืนมองพี่ชายบุญธรรมตัวเองอย่างครุ่นคิด ไอ้ดินรู้ว่ากว่าพี่เขี้ยวจะตกลงปลงใจให้คุณเรียวไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะพี่แกโสดมานาน มีสาวๆ (และหนุ่มบางคน) คอยมาขายขนมจีบให้พี่ชายไอ้ดินก็บ่อยครั้ง แต่พี่เขี้ยวก็ไม่ได้มีท่าทีสนใจใคร ขนาดคุณเอื้องที่ว่าคุยกันมานาน ก็นานซะจนสุดท้ายก็หายไป แล้วคุณเรียวจันทร์ก็แหกโค้งปาดหน้าทุกคนไปแบบม้ามืด พอเจอคุณเรียวทำแบบนี้ พี่แกก็คงเสียใจ เสียความรู้สึกมากโข
อีกอย่างพี่เขี้ยวรักใครรักจริง ไม่ใช่ผู้ชายใช้ใจเปลือง ก็ไม่แปลกถ้าพี่แกจะเคือง แต่อีกใจไอ้ดินก็คิดว่า ถ้าเป็นมัน แม้จะโกรธ จะเคืองยังไง แต่ถ้ารักก็คงโกรธแปบเดียว ไม่อยากยืดเยื้อนาน แต่ก็อย่างว่า นี่มัน นั่นพี่เขี้ยว คนละคนกัน
พี่เขี้ยวก็มีบาดแผลในใจ ขุ่นแม่เองก็ปวดใจที่เรื่องราวออกมาเป็นแบบนี้
พี่เขี้ยวไม่ได้คิดเป็นเชิงว่าตัวเองเสียเหลี่ยมหรอกค่ะ คำตอบและความรู้สึกของพี่เขี้ยว เขาก็ได้ตอบไปแล้วว่าเพราะอะไร ใจน่ะรัก แต่ใจก็เจ็บ และประโยคท้ายจากดินก็น่าจะเป็นคำตอบของความรู้สึกพี่เขี้ยวด้วย
งานนี้ขุ่นแม่อย่าเพิ่งท้อถอดใจไปก่อน ต้องรีบตามมาง้อสามีในเร็ววัน แต่วันนี้ขุ่นแม่อ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ สตรองดั่งตั่งทองเมืองทิพย์ไม่ไหวจริงๆ ค่ะ ขอเวลาตั้งพระสติแปบ
ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่ อดทนเวลาที่ฝนนนนนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง...
จากที่ดูในประเด็นของเสี่ย แอบเห็นมีคนอยากได้เสี่ยเป็นสามี 55555 เอ๊ะ ยังไง
ขอขอบคุณคนอ่านที่ติดตามอ่านเรื่องนี้กันอยู่มากๆ นะคะ ขอบคุณที่รักและสนุกไปกับเรื่องราวในแบบที่เป็น คอมเม้นคือแรงกำลังใจของคนเขียน แม้อาจจะไม่มากแต่ก็ดีใจที่ยังมีคนคอยเม้นเป็นแรงขับเคลื่อนดีๆ ให้อยู่เสมอ
ตอนนี้ขุ่นแม่เรียวกับขุ่นพ่อเขี้ยวกำลังเปิดพรีออเดอร์ตัวเองในรูปแบบหนังสือนะคะ เปิดพรีฯ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 16 พฤษภาคม ตอนพิเศษในเล่มแน่นมาก ผู้ใดสนใจ เข้าไปอ่านรายละเอียดของทั้งสองคนพร้อมรายละเอียดของแถมได้ที่ >
พรีออเดอร์ขุ่นพ่อขุ่นแม่Tag #WorksTheMagic หรือ #คมเขี้ยวเรียวจันทร์