39
ผมเดินออกจากตรงนั้นทันที ตอนที่ผมพูดออกไปกับเต้ ผมไม่อยากอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว ผมอยากจะหนีไปให้สุดทางที่มี
ตอนนี้ผมเดินออกมาจากกลุ่มที่เล่นน้ำทะเลมาไกลพอสมควร ไกลจนไม่น่าจะมีใครตามหาผมเจอ ผมหาร่มเงาจากมะพร้าวแถวนั้น แล้วก็นอนลงบนกองทราย เม็ดทรายติดตามตัวผม เพราะเหงื่อออกมาเยอะระหว่างการเดินมายังที่นี่
ท้องฟ้ากว้างไกล จุดหมายของมันอยู่ที่ไหนไม่มีใครรู้ แต่ที่รู้แน่ๆคือว่า ตอนนี้ผมหนีออกจากความจริง ความจริงที่ผมต้องรับมันให้ได้ และก็ทำไม่ได้ซักที ผมรู้ว่าการแอบรักเพื่อนเป็นสิ่งที่ผิด แม้ผมจะไม่ใช่คนปกติทั่วไป แต่ก็ไม่เคยจะไปประกาศให้คนทั้งโลกรู้ ว่าผมชอบผู้ชาย และก็เป็นเพื่อนของตัวเอง ที่ไปชอบเพื่อนของตัวเองเช่นกัน
นี่เป็นครั้งแรก ครั้งแรกของผมจริงๆ ที่ผมมีความรัก แบบที่ไม่ควรจะเป็น
แล้วทำไมผมต้องหลบหน้า ไม่กล้าพูดความจริงในใจที่ผมมี เหมือนสำนวนที่ว่า “ยังไม่ลงสนามแล้วจะรู้ได้ไงว่าชนะหรือแพ้”
คำตอบมันก็ออกมาอยู่แล้วแหล่ะ คนที่อ่านหนังสือไม่ออก มันก็ควรทำข้อสอบไม่ได้ แล้วจะไปสอบทำไมทั้งๆที่ยังไงก็สอบตกอยู่ดี
ผมควรจะทำอย่างไร ถ้าผมบอกออกไปผมก็ต้องเสียเพื่อนแน่นอน ผมต้องเสียมันไปแน่ๆ ผมคงจะมองหน้ามันไม่ติด แค่วันนี้มันไม่คุยกับผมทั้งวันผมแทบจะเป็นบ้า แล้วถ้าผมต้องเสียมันไปจริงๆ ผมจะไม่บ้าไปมากกว่านี้หรอกเหรอ ผมทนไม่ได้ถ้าผมจะต้องเสียมันไป เพราะการพูดสิ่งที่อยู่ในใจของผม
แล้วทำไมวันนี้ทั้งวัน มันไม่คุยกับผมเลย ปกติมันเป็นคนพูดมากจะตาย วันนี้มันเป็นอะไร มันไปรู้อะไรมา
ผมยังคงอยู่กับความคิดที่วังวนอยู่ตรงนั้นหลายรอบ มองดูท้องฟ้าริมทะเลยามเย็น บรรยากาศชวนให้เงียบเหงามากขึ้น ตอนนี้เริ่มเย็นมากแล้ว นักท่องเที่ยวที่เล่นน้ำทะเลเริ่มขึ้นกันแล้ว บริเวณใกล้ๆก็ไม่มีใครเล่นน้ำทะเลอีกแล้ว เหลือผมคนเดียว
คนเดียวจริงๆ ไม่มีใครเลยอยู่เป็นเพื่อนผม
เย็นมากแล้ว เริ่มมืดซะแล้ว ผมควรจะกลับเข้าไปหาความเป็นจริงซักที บางครั้งความเงียบและความเหงาอาจจะเป็นยารักษาอาการนี้ของผมได้ดีก็ได้ ผมใช้มันมา 2 ครั้งแล้ว แม้มันจะไม่หายขาด แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น
ระหว่างทางเดินกลับ ผมเดินเลาะริมทะเลมาเรื่อยๆ เท้าก็เตะทรายไปมา บางครั้งก็แวะเอาเท้าไปแหย่น้ำทะเล ผมมาทะเลแล้วก็ควรจะได้เล่นน้ำทะเลบ้างสิ ผมไม่ได้เดินอย่างรวดเร็วเหมือนตอนเดินมา เพราะว่าตอนเดินมาผมรู้สึกโกรธ ไม่ใช่โกรธไอ้เต้นะคับ ผมโกรธตัวเอง โกรธที่ไม่กล้ารับความจริงที่กำลังเกิดขึ้น ผมไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วที่ไอ้เดชมันไม่พูดกับผมนั่นมันเป็นเพราะอะไรกันแน่
ผมสรุปความเอาเองโดยที่ผมไม่เคยถามมันซักคำ
ผมเดินทางกลับมาที่เดิมอีกครั้ง พวกมันยังไม่เลิกเล่นน้ำกันอีก ไม่มีใครสนใจว่าผมหายไปไหนมา ทุกคนยังคงสนุกกับการเล่นน้ำ ผมนั่งลงบนหาดทราย สายตามองออกไปในทะเล จากเดิมทะเลสีฟ้ากลายเป็นสีม่วงเข้มแล้ว แสดงว่าฝนคงใกล้จะตกเต็มที
สักพักพวกมันกลับขึ้นมาจากทะเล ตัวนี่เปียกกันทุกคน ไอ้เต้วิ่งเข้ามาหาผมเป็นคนแรก มันจะมากอดผมให้ตัวผมเปียก ผมยิ้มให้มันแล้วผมก็วิ่งหนี ทุกคนต่างขึ้นมาที่รถไอ้เข้ม เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวจะกลับบ้านกัน
หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จ ผมเข้าไปคุยกับไอ้เข้ม
“มึงมีตังให้กูยืมก่อนป่ะตอนนี้ เดี๋ยวกลับบ้านไปใช้คืนให้” – ผมถามไอ้เข้ม
“เอาเท่าไหร่วะ”
“พอเป็นค่ารถไฟกลับกรุงเทพฯ”
“อ้าว มึงจะยืมทำไมวะ ก็กลับด้วยกันนั่นแหล่ะ”
“กูอยากกลับก่อนว่ะ” - ผมบอกมัน
“มาด้วยกัน ก็กลับด้วยกันนั่นแหล่ะ” – ไอ้เต้เหมือนจะได้ยินเข้ามาสมทบด้วย ตอนนี้เราคุยกันสามคน ที่เหลือกำลังทำธุระส่วนตัวบริเวณใกล้เคียง
“กูอยากกลับว่ะเข้ม กูขอร้องล่ะ”
“เออ ถ้ามึงยืนยันอย่างงั้น เดี๋ยวไปเปลี่ยนตั๋วกัน ตั๋วอยู่หน้ารถพอดี”
“ขอบใจว่ะ เดี๋ยวถึงบ้านเอาเงินคืนให้นะเว้ย” - ผมขอบคุณไอ้เข้ม
“ใหญ่ อยู่ต่อเหอะ พวกเราไม่อยากให้มึงกลับก่อน...” - ไอ้เต้เสริมขึ้น
“แล้วเมื่อกี๊มึงไปไหนมาวะ พวกกูรอมึงมาเล่นน้ำตั้งนาน” - ไอ้เข้มถามผม
“เดินเล่นนิดหน่อยว่ะ” – ผมก้มหน้าหลังจากพูดออกไป
“อืม ไม่เป็นไรก็ดีแล้วมึง” – ไอ้เข้มบอกผม
ที่เหลือกลับกันมาแล้วคับ ทุกคนแย่งจับจองนั่งข้างหน้ากันเหมือนเดิม ผมเดินขึ้นไปนั่งกระบะหลังเหมือนเดิม ที่นั่งเดิมของผม
“มึงมานั่งหน้าเลย” - ไอ้เดชสั่งผม
“กูไม่ไป”
“มึงเป็นเชี่ยไรเนี๊ย”
“ก็กูไม่ไป กูจะนั่งนี่”
“ไปนั่งหน้ากับกูเลย กูสั่ง”
“กูไม่ไป กูนั่งมาทั้งวันกูยังนั่งได้ มึงจะมาสนใจกูทำไม”
“ไอ้เข้ม มึงไม่ต้องออกรถ ถ้าไอ้ใหญ่มันไม่นั่งหน้ากับพวกเรา”
“เข้ม มึงออกรถเหอะ เดี๋ยวฝนตกแล้วจะเข้าบ้านลำบาก” - ผมตะโกนให้ไอ้เข้มได้ยินจากข้างหลัง
“ใหญ่ มานั่งหน้าเหอะ เบียดกันก็ได้นะ ฝนตกแล้วเดี๋ยวมึงจะไม่สบาย” - ไอ้เข้มตะโกนมาจากที่นั่งคนขับ
“มึงดูที่ดิ มึงจะให้กูนั่งตรงไหน เต็มหมดแล้วมึง ข้างหลังน่ะดีแล้ว” ผมตะโกนให้ไอ้เข้มได้ยิน
ไอ้เดชปีนขึ้นมานั่งกับผมข้างหลัง
“ไอ้เดช มึงมานั่งหน้าดิ เดี๋ยวฝนตกนะมึง”
“เพื่อนกูมันไม่ไปนั่ง กูจะนั่งกับมัน”
“พวกมึงจะทะเลาะกันอีกนานป่ะวะ” – ไอ้เล็กเริ่มโมโห หลังจากมันไม่พูดอะไรมานาน
“มึงมานี่....” – ไอ้เดชลากผมลงจากกระบะหลัง เปิดประตูข้างหน้ารถ แล้วก็เบียดผมเข้าไปข้างใน ไอ้เดชนั่งข้างนอก แล้วปิดประตู
“เห็นยัง ว่านั่งได้” - ไอ้เดชพูดกับผม
“ตำรวจไม่จับเหรอวะ” - ผมถามไอ้เข้ม
“นั่งหน้า 2 คน ไม่จับหรอก พ่อกูมีตำแหน่งนะมึง” – ไอ้เข้มหัวเราะ แล้วก็ออกรถเดินทางกลับ
“แวะตลาดซื้อของกินก่อนนะพวกมึง” – ไอ้เข้มบอกสมาชิกในรถ
จากนั้นก็เริ่มเข้าสู้โหมดเฮฮาอีกรอบ ไอ้เข้มเอา CD ที่ไรท์มาเปิด ในรถก็มีทั้งเสียงเพลงและเสียงคุย ไอ้เดชหลังจากที่นั่งข้างผมแล้วก็ไม่พูดอะไรกับผมอีก มันมองออกไปนอกหน้าต่าง ตอนนี้ฝนตกแล้วคับ ตกหนักมากเลยด้วย ขับรถก็ต้องระวังมากขึ้น
ใช้เวลาประมาณเกือบชั่วโมง เราเดินทางมาถึงบริเวณตลาดใกล้ๆกับสถานีรถไฟ แวะซื้อของกินเข้าไปที่บ้าน เพราะที่บ้านจะไม่ทำอะไรให้พวกเรากินกัน อีกอย่างมืดแล้วด้วย ถ้าพวกเราหากินกันเองก็คงจะสะดวกกว่า เราตกลงกินก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำใสร้านหนึ่งในตลาด ผมก็เขี่ยๆ เส้นใหญ่ที่ผมสั่ง กินลูกชิ้น 2-3 ลูก หมูแดงอีก 2-3 ชิ้น อิ่มแล้วคับ ผมกินไม่ลงจริงๆ
ผมสับสนกับความรู้สึกที่ผมมีอยู่ตอนนี้ ไม่รู้ว่าผมพูดออกไปได้ยังไงว่าผมจะกลับก่อน มันอาจจะยั้งเราไว้เป็นมารยาทก็ได้ หรือว่ามันอยากให้เราอยู่ต่อจริงๆ แต่ถ้าผมอยู่ต่อไปผมจะมีความสุขเหรอ ทั้งๆที่เพื่อนคนเดียวที่ชวนมาเที่ยวก็คือไอ้เดช แล้วถ้ามันทำกับผมอย่างงี๊ มันยังคงไม่คุยกับผม ผมจะอยู่ไปทำไม เพื่อนคุยก็ไม่มี ผมควรจะกลับนั่นแหล่ะดีที่สุด
แยกย้ายกันไปซื้อขนมซักพัก เราก็กลับมารวมตัวกันที่รถ ทุกคนนั่งประจำที่เหมือนตอนมา โดยที่ผมนั่งหน้าคู่กับเดช แล้วไอ้เข้มก็เลี้ยวไปทางสถานีรถไฟที่เราลงมา
“มึงเลี้ยวมานี่ทำไมวะ” – ไอ้โสถามขึ้นมา เพราะไอ้เข้มมันไม่ได้เลี้ยวเข้าทางไปบ้านมัน
“พาไอ้ใหญ่มาเปลี่ยนตั๋ว”
“เปลี่ยนไมวะ” - ไอ้โสถามผม
“มันอยากกลับก่อน” – ไอ้เข้มตอบแทนผม ผมไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ผมนั่งก้มหน้าอย่างเดียว เหมือนเป็นความผิดของผมที่ต้องทำให้คนอื่นเขาเสียเวลา
ไอ้เดชหันมามองหนาผมทันทีหลังจากที่ไอ้เข้มพูดจบ
“ทำไมมึงต้องกลับก่อน” - ไอ้เดชถามผมทันที
“.............”
“ทำไมมึงไม่กลับกับพวกกู”
“............”
“ทำไมมึง............”
“ไอ้เดช ไอ้ใหญ่มันคงมีเหตุผลของมันมั้ง” – ไอ้เข้มช่วยผมไว้ ผมทำอะไรไม่ถูก นั่งก้มหน้าอย่างเดียว
“เหตุผลอะไร กูพามันมา กูต้องรู้ อย่างน้อยมันต้องบอกกู” - ไอ้เดชยังคงมองหน้าผม
“ปล่อย กูจะลง” – ถึงสถานีรถไฟแล้วคับ ไม่รอข้าผมผลักไอ้เดชลงออกจากรถ แล้วก็เดินตามไอ้เข้มไปที่ช่องจำหน่ายตั๋วทันที
“มึงรอกูก่อน” – ไอ้เดชตะโกนตามหลัง แต่ผมไม่สนใจ
“บอกให้รอกูไง ไอ้เชี่ยนี่” – มันวิ่งตามผมทัน มันคว้ามือผมไว้ให้ไปหามัน ไอ้เข้มเดินไปรอที่ช่องจำหน่ายตั๋วแล้วคับ
“ปล่อยกูไงล่ะ” – ผมสั่งมัน
“มึงกลับก่อนทำไม”
“.............”
“มึงบอกกูมา ไอ้ใหญ่”
“....................” – ผมยืนก้มหน้า
“ไหนว่ามีอะไรจะบอกกูไงล่ะ แล้วมึงมีอะไรวันนี้ มึงเป็นอะไรทั้งวัน อย่านึกนะว่าที่มึงหายไป 2 ครั้งไม่มีใครรู้”
“…………”– ผมยังยืนก้มหน้า
“มึงยังเห็นกูเป็นเพื่อนอยู่ป่ะวะ ถ้าเห็นมึงบอกกูมาว่าทำไมมึงจะกลับก่อน”
“....................” - ผมก้มหน้าอยู่อย่างงั้น
“ถ้ามึงไม่เห็นว่ากูเป็นเพื่อน มึงเดินไปหาไอ้เข้มได้เลย แล้วมึงกับกูไม่ต้องมาเป็นเพื่อนกันอีก”
“...............” - ผมก้มไปอีก
“กูขอโทษที่พามึงมาละกัน กูไม่น่าบังคับมึง”
“..................” - น้ำตาผมเริ่มไหล
“กูขอโทษที่มายุ่งกับมึงมากไป”
“พอแล้ว เดช พอแล้ว” – เสียงผมสั่นๆ น้ำตาเริ่มไหลมากขึ้น
---------------------