รักดั่งเส้นขนาน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักดั่งเส้นขนาน  (อ่าน 117882 ครั้ง)

pickki_a

  • บุคคลทั่วไป
38
 :o7:
“ไม่นั่งหน้าต่อวะ ข้างหลังร้อนนะมึง”
“กูเบื่อข้างหน้าแล้ว” – ไอ้เดชบอกปัด แล้วมันก็หยิบ MD ยัดเข้าหู เข้าสู่โลกส่วนตัวของมัน

รถออกตัวจากปั้มน้ำมัน เพื่อไปสู่จุดหมายที่เราจะไปกันที่แรก นั่นก็คือ ศาลเจ้าพ่อ กรมหลวงชุมพร ฯ ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอเมือง เราขับรถกันไปไกลพอสมควร ประมาณกือบสองชั่วโมงเห็นจะได้ แดดเริ่มร้อนขึ้นทุกที ผมรู้สึกว่าหน้าผมร้อนไปหมด เหงื่อออกทั่วหลัง

ระหว่างทางผมกับเดชไม่มีใครพูดอะไรกันเลย มันก็ยังคงอยู่ในโลกส่วนตัว แม้จะเป็นมันที่ผมอยากให้นั่งข้างหลังกับผม ผมเองอยากจะคุยอะไรกับมัน เหมือนตอนที่ผมอยู่กับมันที่กรุงเทพ แต่ผมก็ไม่ได้คุยอะไรกับมันเลยตลอดทางที่ผมนั่งรถข้างหลังกับมัน

เราเดินทางจนถึงสิบเอ็ดโมงกว่า ๆ ก็มาถึงศาลเจ้าพ่อ กรมหลวงชุมพร ฯ พวกเราซื้อดอกไม้ธูปเทียนไปบูชาเป็นพิธี จากนั้นก็มีการถ่ายภาพเล็กน้อย ระหว่างทางเดชกับผมไม่ได้พูดอะไรกันซักคำ แถมตอนถ่ายรูปรวมมันก็ยังไม่ได้ยืนติดผมอีก ปกติมันเป็นคนที่พูดมาก ไม่ว่าจะอยู่กับผมหรือเพื่อนๆของมันก็ตาม

ทำไมวันนี้มึงเงียบจังอ่ะ เดช

“อากาศมันร้อนมั้ง” – ผมคิดในใจ

เสร็จจากที่นี่ เราก็มีจุดหมายการเดินทางต่อไป นั่นคือ ศาลหลักเมือง จังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ ของการสร้างบ้านสร้างเมือง และเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวชุมพร ไอ้เข้มมันว่าอย่างงั้นนะ เดชไม่พูดอะไรอีกแล้ว มันยังคงอยู่ในโลกส่วนตัวกับ MD ของไอ้เข้ม และมันก็ยังคงไม่มองหน้าผมอยู่ดีในระหว่างทางที่เราเดินทางไป

“มึงคิดถึงต่ายเหรอวะ” – ผมคิดในใจ

หิวแล้ว เที่ยงแล้ว พวกเราแวะพักกินข้าวกันที่ร้านอาหารระหว่างทางแห่งหนึ่ง เป็นเพราะพวกเราหิวกันมากไปมั้งคับ อาหารทุกอย่างจึงอร่อยและหมดไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ ผมแย่งไข่เจียวหมูสับได้คำเดียว และปลาหมึกจากต้มยำน้ำใสได้ชิ้นเดียว ที่เหลือผมต้องกินข้าวกับน้ำแกงเปล่า

ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครสนใจ

“อิ่มป่ะเนี๊ยใหญ่” – ไอ้เต้ ที่นั่งติดผมถาม
“อืม”
“อะไรของมึง กินแค่นี้อ่ะนะ เดินทางอีกนานนะมึง” – ไอ้เข้มเสริม ไอ้เข้มนั่งหัวโต๊ะคู่กับเดช
“เออ กูอิ่มแล้ว” – แล้วผมก็ยกน้ำเปล่าขึ้นมาดื่ม
“มึงเอาปลาหมึกกูไปกินละกัน” – ไอ้เต้ตักแบ่งปลาหมึกในจาน ที่มันกอบโกยมาเยอะให้ผม
“ไม่เป็นไรว่ะ ขอบใจ กูอิ่มจริงๆ” – ผมคืนปลาหมึกให้ไอ้เต้ไป สายตาผมมองไปที่เดช ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ จากเดชทั้งสิ้น
“ถ้ามึงแน่ใจอย่างงั้น แต่ถ้าไม่อิ่มสั่งได้นะเว้ย หารเท่ากันหมด” – ไอ้เต้บอกผม
“ห้องน้ำอยู่ไหนวะ ปวดฉี่” – ผมถามไอ้เข้ม
“ด้านหลัง เดินตรงไป เลี้ยวซ้าย”
“ขอบใจว่ะ” – แล้วผมก็เดินไปห้องน้ำตามที่มันบอก

ผมหาเรื่องปลีกตัวออกจากพวกมัน การอ้างว่าไปห้องน้ำคงจะเป็นเหตุผลที่ดูแล้วเข้าท่าที่สุดแล้ว ผมเดินไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเสร็จแล้ว ผมก็เดินออกมา แต่ผม

ผมไม่ได้เดินกลับไปที่โต๊ะที่ตัวเองนั่งหรอกคับ ผมเดินไปอีกทางหนึ่ง เป็นทางที่จะเดินออกไปที่ทุ่งนา (ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเรียกเป็นทุ่งนาดีหรือเปล่า เพราะไม่มีข้าวซักต้น เอาเป็นว่าเป็นที่ว่างๆ ติดสวนยางละกัน) ผมเดินออกไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงต้องทำอย่างงั้น แต่ที่แน่ๆ ก็คือผมไม่อยากอยู่ตรงนั้น การที่เดชทำตัวเป็นเหมือนว่าผมไม่มีตัวตน มันเป็นอะไรที่เจ็บปวดหัวใจของผม แม้ผมจะยังไม่ได้บอกมันว่าผมรักมัน แต่แค่ให้มันเห็นผมในสายตามันบ้าง ก็คงจะเพียงพอแล้ว แต่วันนี้มันเป็นอะไร มันเงียบอย่างงี๊มาครึ่งวันแล้ว ผมไม่อยากเห็นมันเป็นอย่างงี๊อีก ผมควรจะเข้าไปคุยกับมัน หรือว่าปล่อยให้มันเป็นอย่างงี๊

สมควรกับเวลาซักที ผมควรจะเดินกลับไปหาพวกมันได้แล้ว  ผมดึงตัวเองกลับเข้ามาสู่โลกความจริง

“ไปไหนมาวะ” - ไอ้โสถามผม
“ห้องน้ำไงล่ะ”
“ขี้มาเหรอ ไปซะนาน” – ไอ้เต้กัด ตามด้วยเสียงหัวเราะของคนทั้งโต๊ะ แต่เดชยิ้มให้ผมเล็กน้อยเท่านั้น ผมมองอยู่ก็แอบเสียใจนิดๆ
“อืม ไปขี้ พอใจยัง”
“เออ มากันครบก็ไปได้แล้ว” – ไอ้เข้มหัวหน้าโครงการสั่งการให้ลูกทัวร์ของมันออกเดินทางซักที

จุดหมายของเราต่อไปนั่นคือ การนั่งรถเพื่อไปไหว้พระตามวัดและสถานที่สำคัญ ซึ่งมีเยอะมากแทบจะอธิบายได้ไม่หมด และทุกๆวัดผมก็ขอพรเหมือนๆกันทุกวัด ก็เกี่ยวกับการเรียน ครอบครัว การงาน สุขภาพและก็เรื่องความรักน่ะคับ (คงไม่ต้องถามนะคับว่าความรักที่ขอหมายความว่ายังไง) ตลอดช่วงบ่ายนี้ผมนั่งข้างหลังกับไอ้เดชมาตลอด บางครั้งไอ้โสมันก็มานั่งคุยเป็นเพื่อนผมบ้าง แต่ก็ไม่ได้คุยกันตลอด เพราะเสียงลมมันดัง คุยกันไม่ค่อยได้ยินหรอกคับ เดชก็ไม่สนใจผมอยู่ดี มองโน่นมองนี่เรื่อยเปื่อยตลอดทาง

“มันคงอยากชมวิวมั้ง” – ผมคิดในใจ

จุดหมายสุดท้ายของวันนี้ก็คงการไปเล่นน้ำทะเลกันคับ เราไปเล่นน้ำกันแถวๆ หาดทรายที่ติดกับพวกรีสอร์ทน่ะคับ ไม่ไกลจากบ้านไอ้เข้มมากนัก บรรยากาศจึงค่อนข้างเงียบและส่วนตัว ตามธรรมชาติของวัยรุ่นน่ะคับ ทะเลกับความอยากมักเป็นของคู่กัน ดังนั้นเมื่อพวกเราเดินทางมาถึง พวกเราก็ไม่รอช้าที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อลงเล่นน้ำทะเลกันทันที

แต่...ผมไม่อยากเล่นคับ

ผมไม่มีอารมณ์เล่นน้ำทะเล จริงๆ แล้วผมเตรียมเอาชุดมาด้วยนะคับ แต่เพราะอะไรเหรอคับที่ผมไม่อยากเล่น ก็ไม่รู้ว่ายังไง มันเหมือนมีกำแพงในใจระหว่างผมกับพวกนั้นอยู่ดี ซึ่งก็อย่างว่าผมเป็นเด็กห้อง 6 คนเดียว แล้วอีกอย่างนึงก็คือ เดชมันจะสนใจผมเหรอ ในเมื่อทั้งวันมันก็ทำตัวเงียบแบบนั้นให้ผมเห็น แล้วถ้าผมไปอยู่กับเดช มันจะคุยกับผมหรือเปล่า ปล่อยให้มันเล่นไปกับพวกเพื่อนๆ มันแหล่ะคับ

พวกนั้นชวนผมเล่นน้ำ ผมบอกปฏิเสธ อ้างว่าผมไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยน แต่จริงๆ แล้วผมมีชุดอยุ่ด้านหน้ารถของไอ้เข้มคับ ตอนเตรียมชุดมาน่ะ อยากเล่น แต่ว่าตอนนี้ผมไม่อยากเล่นแล้ว ผมเลือกที่จะนั่งรอพวกมันริมหาดดีกว่า

ผมเขี่ยทรายเล่น ในขณะที่คนอื่นทั้งหมดไปเล่นน้ำทะเลกันหมด ผมมองไปที่ทะเลอันกว้างไกล มองไปเห็นเรือเป็นจุดเล็กๆ เกาะเบื้องหน้าที่แลนจะเลือนลาง เห็นพวกนั้นเป็นจุดเล็กๆ ในทะเล ตอน 5 โมงเย็นอากาศไม่ร้อนมากนัก ผมล้มตัวนอนลงบนทรายขาว สายตามองไปบนท้องฟ้า เห็นก้อนเมฆอยู่บ้าง หมู่นกที่กำลังบินโฉบไปมา

ท้องฟ้ากับทะเลมีสิ่งที่เหมือนกันอยู่สองอย่างคือ มีสีฟ้า และกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา

เหมือนความรักของผมที่มีให้มัน ไอ้เดช มึงคงไม่มีวันมารักคนอย่างกูหรอก กูรู้ตัว กูรู้ดีว่ากูเป็นอะไร ไดอารี่วันนั้นที่กูได้อ่านมันบอกได้อย่างเป็นนัยๆ ว่า มันไม่ได้ชอบผมอย่างที่ผมคิด มันคิดกับผมแค่เพื่อนแน่นอน ไม่ว่าอย่างไงผมก็คงหมดหวัง ระหว่างมึงกับต่าย มึงบอกว่ามึงเป็นหมาวัดที่มองเครื่องบินบนฟ้า แต่กูกับมึงก็อยู่ในสถานะที่ไม่ต่างกัน ไม่สิ กูไม่มีสิทธิ์ในตัวมึงด้วยซ้ำ แล้วผมจะมาเที่ยวกับมันทำไม ทำไมไม่ปฏิเสธ ทีอย่างอื่นล่ะทำได้ ทีอย่างงี๊มึงทำไมไม่ทำ ต่ายเคยเตือนผม แต่ก็ไม่เชื่อ

สมน้ำหน้าตัวเองจริงๆ

“เปลี่ยวไรของมึงอีกเนี๊ย ทำไมไม่ไปเล่นน้ำกับพวกกู” – ภาพท้องฟ้าของผมหายไป ไอ้เต้มายืนบังซะมิดเลย
“กูไม่มีชุดมาเปลี่ยน” - ผมโกหก
“เด๋วกูให้ยืม”
“เล่นไปเหอะว่ะ ขอบใจมาก กูอยากดูวิว”
“เหรอ งั้นกูนั่งเป็นเพื่อนมึงนะ”  - แล้วไอ้เต้ก็นั่งลงข้างๆผมที่นอนอยู่
“...............”
“ไอ้เดชให้มาถามว่ามึงเป็นอะไร” - ไอ้เต้เปิดประเด็น
“ทำไมมันไม่มาถามเองวะ”
“มันกลัวมึง”
“กลัวทำไมวะ”
“มันบอกว่า วันนี้มึงหน้าเครียดทั้งวัน มันพูดด้วยมึงก็ไม่คุยกับมัน”
“หน้ากูก็เป็นอย่างเงี๊ยะ มึงก็เห็นไม่ใช่เหรอไอ้เต้”
“อืม”
“เต้ แล้วมึงไม่ไปเล่นน้ำต่อวะ”
“กูเหนื่อย”
“...............”


“ใหญ่ กูถามไรมึงอย่างนึงดิ”
“เออ ว่ามาดิ”
“มึงชอบไอ้เดชเหรอ”
“ไอ้เชี่ย!!! กูเป็นผู้ชายนะมึง”
“ไม่รู้ว่ะ กูดูออกนะเว้ย”
“มึงจะมามุขอะไรกับกูเนี๊ย” - ผมแกล้งถามมัน
“กูดูออกนะเว้ย ไม่รู้ดิ แต่ว่า ถ้าไม่ใช่ แล้วทำไมมึงต้องทำหน้าบึ้งใส่เดชมันด้วยวะ ถ้ามึงไม่คิดอะไรกับมันจริงๆ”
“กูทำใส่มันตอนไหน มึงก็เห็น วันนี้ทั้งวันมันยังไม่คุยกับกูเลย”
“อืม”
“แล้วอย่างงี๊กูผิดเหรอเต้”
“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะใหญ่”
“กูไม่ได้ทำอะไรใส่มันนะเว้ย มันนั่นแหล่ะไม่คุยกับกู กูเองก็อึดอัดเหมือนกัน”
“อืม........ถ้ามึงไม่คิดอะไรกับมัน ก็ดีไป แต่มึงจำกูไว้นะ มึงจะโกหกใครก็โกหกได้ แต่มึงโกหกใจตัวเองไม่ได้หรอก”
“ตกลงมึงมาซ้ำเติมกูใช่ป่ะเนี๊ย” - ผมย้อนถามมัน
“เพื่อพิสูจน์ว่ามึงไม่คิดอะไรกับมัน มึงไปเล่นน้ำกับพวกกูป่ะ”
“กูไม่ได้เอาชุดมาจริง ๆ กูไม่อยากเปียกกลับไป”
“แสดงว่ามึงชอบเดช”
“.....มึงจะให้กูอธิบายยังไงวะ ว่ากูไม่อยากเปียก กูไม่อยากเล่น....”
“แสดงว่ามึงชอบเดช มึงถึงไม่ไปเล่นน้ำกับพวกกู มึงตั้งใจหลบหน้ามัน”
“กูไม่อยากเปียกจริงๆ”
“มึงหลบหน้ามันทำไม”
“กูไม่ได้หลบ”
“งั้นไปเล่นน้ำกับพวกกู”
“ก็กูไม่อยากเล่น มึงเข้าใจกูหน่อยเหอะ”
“งั้นมึงก็หลบหน้าไอ้เดช”
“กูไม่ได้หลบ”
“งั้นก็ไปเล่นน้ำ”
“เต้ มึงกลับไปเล่นน้ำกับเพื่อนมึงเถอะ กูอยากอยู่คนเดียว กูขอโทษละกัน” – แล้วผมก็เดินไปทางขวา ทิ้งไอ้เต้ไว้ตรงนั้น รู้แค่ว่าตอนนี้ผมอยากจะไปให้ไกลๆจากตรงนี้มากที่สุด

















“มึงบอกกูได้นะ กูไม่บอกมันหรอก” – ไอ้เต้ตะโกนตามหลัง ก่อนที่จะวิ่งลงทะเลไป
----------------

animob

  • บุคคลทั่วไป
 :เฮ้อ: อึดอัดจัง

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
โดนเต้มองออกซะแล้ว ว่าแต่ที่เต้มาสนอกสนใจใหญ่มากๆเนี่ย มันยังไงๆอ๊ะป่าว

คนเขียนบรรยายอารมณ์ใหญ่ที่อึดอัดเพราะมาเที่ยวกับเพื่อนกลุ่มที่ไม่สนิทได้ดีมากเลยค่ะ เราก็เคยมีประสบการณ์ยังงี้มาก่อนเหมือนกัน แต่ไม่ได้มีเคสแอบชอบใครในกลุ่มเหมือนใหญ่ ไม่งั้นคงยิ่งอึดอัด

ว่าแล้วก็รออ่านตอนต่อไปอยู่นะจ๊ะ  :bye2:

marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป

maabbdo

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
^
เห็นด้วยกะรีบน

ตกลงเต้ดูออก เค้าบอกว่าผีเห็นผี เต้เป็นเหรอ...

งงวุ้ย  รออ่านต่อไป  แต่มันจะจบแล้วจริงอ่ะ

ไม่อยากให้จบเลย  รออ่านต่อไปนะ  คนเขียนสู้ๆๆๆ

 :L2: :L2:


ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
รอดูการคลี่คลายปัญหาความรักเกินเพื่อนของใหญ่นะ  :L2:


ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
แล้วอย่างงี้จะมีทางออกยังไงกันละเนี่ย

ไม่แน่นะ  บางทีการลองได้เปิดใจ  ได้พูดคุย

อาจจะได้รับรู้  ได้รู้สึก

หรือแม้กระทั่ง  อาจจะได้เริ่มต้นก็ได้นะ

บางที  นะ  บางที

 :m15:

pickki_a

  • บุคคลทั่วไป
39
 :o12:
ผมเดินออกจากตรงนั้นทันที ตอนที่ผมพูดออกไปกับเต้ ผมไม่อยากอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว ผมอยากจะหนีไปให้สุดทางที่มี

ตอนนี้ผมเดินออกมาจากกลุ่มที่เล่นน้ำทะเลมาไกลพอสมควร ไกลจนไม่น่าจะมีใครตามหาผมเจอ ผมหาร่มเงาจากมะพร้าวแถวนั้น แล้วก็นอนลงบนกองทราย เม็ดทรายติดตามตัวผม เพราะเหงื่อออกมาเยอะระหว่างการเดินมายังที่นี่


ท้องฟ้ากว้างไกล จุดหมายของมันอยู่ที่ไหนไม่มีใครรู้ แต่ที่รู้แน่ๆคือว่า ตอนนี้ผมหนีออกจากความจริง ความจริงที่ผมต้องรับมันให้ได้ และก็ทำไม่ได้ซักที ผมรู้ว่าการแอบรักเพื่อนเป็นสิ่งที่ผิด แม้ผมจะไม่ใช่คนปกติทั่วไป แต่ก็ไม่เคยจะไปประกาศให้คนทั้งโลกรู้ ว่าผมชอบผู้ชาย และก็เป็นเพื่อนของตัวเอง ที่ไปชอบเพื่อนของตัวเองเช่นกัน



นี่เป็นครั้งแรก ครั้งแรกของผมจริงๆ ที่ผมมีความรัก แบบที่ไม่ควรจะเป็น



แล้วทำไมผมต้องหลบหน้า ไม่กล้าพูดความจริงในใจที่ผมมี เหมือนสำนวนที่ว่า “ยังไม่ลงสนามแล้วจะรู้ได้ไงว่าชนะหรือแพ้”

คำตอบมันก็ออกมาอยู่แล้วแหล่ะ คนที่อ่านหนังสือไม่ออก มันก็ควรทำข้อสอบไม่ได้ แล้วจะไปสอบทำไมทั้งๆที่ยังไงก็สอบตกอยู่ดี



ผมควรจะทำอย่างไร ถ้าผมบอกออกไปผมก็ต้องเสียเพื่อนแน่นอน ผมต้องเสียมันไปแน่ๆ ผมคงจะมองหน้ามันไม่ติด แค่วันนี้มันไม่คุยกับผมทั้งวันผมแทบจะเป็นบ้า แล้วถ้าผมต้องเสียมันไปจริงๆ ผมจะไม่บ้าไปมากกว่านี้หรอกเหรอ ผมทนไม่ได้ถ้าผมจะต้องเสียมันไป เพราะการพูดสิ่งที่อยู่ในใจของผม

แล้วทำไมวันนี้ทั้งวัน มันไม่คุยกับผมเลย ปกติมันเป็นคนพูดมากจะตาย วันนี้มันเป็นอะไร มันไปรู้อะไรมา



ผมยังคงอยู่กับความคิดที่วังวนอยู่ตรงนั้นหลายรอบ มองดูท้องฟ้าริมทะเลยามเย็น บรรยากาศชวนให้เงียบเหงามากขึ้น ตอนนี้เริ่มเย็นมากแล้ว นักท่องเที่ยวที่เล่นน้ำทะเลเริ่มขึ้นกันแล้ว บริเวณใกล้ๆก็ไม่มีใครเล่นน้ำทะเลอีกแล้ว เหลือผมคนเดียว

คนเดียวจริงๆ ไม่มีใครเลยอยู่เป็นเพื่อนผม

เย็นมากแล้ว เริ่มมืดซะแล้ว ผมควรจะกลับเข้าไปหาความเป็นจริงซักที บางครั้งความเงียบและความเหงาอาจจะเป็นยารักษาอาการนี้ของผมได้ดีก็ได้ ผมใช้มันมา 2 ครั้งแล้ว แม้มันจะไม่หายขาด แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น

ระหว่างทางเดินกลับ ผมเดินเลาะริมทะเลมาเรื่อยๆ เท้าก็เตะทรายไปมา บางครั้งก็แวะเอาเท้าไปแหย่น้ำทะเล ผมมาทะเลแล้วก็ควรจะได้เล่นน้ำทะเลบ้างสิ ผมไม่ได้เดินอย่างรวดเร็วเหมือนตอนเดินมา เพราะว่าตอนเดินมาผมรู้สึกโกรธ ไม่ใช่โกรธไอ้เต้นะคับ ผมโกรธตัวเอง โกรธที่ไม่กล้ารับความจริงที่กำลังเกิดขึ้น ผมไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วที่ไอ้เดชมันไม่พูดกับผมนั่นมันเป็นเพราะอะไรกันแน่


ผมสรุปความเอาเองโดยที่ผมไม่เคยถามมันซักคำ



ผมเดินทางกลับมาที่เดิมอีกครั้ง พวกมันยังไม่เลิกเล่นน้ำกันอีก ไม่มีใครสนใจว่าผมหายไปไหนมา ทุกคนยังคงสนุกกับการเล่นน้ำ ผมนั่งลงบนหาดทราย สายตามองออกไปในทะเล จากเดิมทะเลสีฟ้ากลายเป็นสีม่วงเข้มแล้ว แสดงว่าฝนคงใกล้จะตกเต็มที

สักพักพวกมันกลับขึ้นมาจากทะเล ตัวนี่เปียกกันทุกคน ไอ้เต้วิ่งเข้ามาหาผมเป็นคนแรก มันจะมากอดผมให้ตัวผมเปียก ผมยิ้มให้มันแล้วผมก็วิ่งหนี ทุกคนต่างขึ้นมาที่รถไอ้เข้ม เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวจะกลับบ้านกัน 


หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จ ผมเข้าไปคุยกับไอ้เข้ม

“มึงมีตังให้กูยืมก่อนป่ะตอนนี้ เดี๋ยวกลับบ้านไปใช้คืนให้” – ผมถามไอ้เข้ม
“เอาเท่าไหร่วะ”
“พอเป็นค่ารถไฟกลับกรุงเทพฯ”
“อ้าว มึงจะยืมทำไมวะ ก็กลับด้วยกันนั่นแหล่ะ”
“กูอยากกลับก่อนว่ะ” - ผมบอกมัน
“มาด้วยกัน ก็กลับด้วยกันนั่นแหล่ะ” – ไอ้เต้เหมือนจะได้ยินเข้ามาสมทบด้วย ตอนนี้เราคุยกันสามคน ที่เหลือกำลังทำธุระส่วนตัวบริเวณใกล้เคียง
“กูอยากกลับว่ะเข้ม กูขอร้องล่ะ”
“เออ ถ้ามึงยืนยันอย่างงั้น เดี๋ยวไปเปลี่ยนตั๋วกัน ตั๋วอยู่หน้ารถพอดี”
“ขอบใจว่ะ เดี๋ยวถึงบ้านเอาเงินคืนให้นะเว้ย” - ผมขอบคุณไอ้เข้ม
“ใหญ่ อยู่ต่อเหอะ พวกเราไม่อยากให้มึงกลับก่อน...” - ไอ้เต้เสริมขึ้น
“แล้วเมื่อกี๊มึงไปไหนมาวะ พวกกูรอมึงมาเล่นน้ำตั้งนาน” - ไอ้เข้มถามผม
“เดินเล่นนิดหน่อยว่ะ” – ผมก้มหน้าหลังจากพูดออกไป
“อืม ไม่เป็นไรก็ดีแล้วมึง” – ไอ้เข้มบอกผม

ที่เหลือกลับกันมาแล้วคับ ทุกคนแย่งจับจองนั่งข้างหน้ากันเหมือนเดิม ผมเดินขึ้นไปนั่งกระบะหลังเหมือนเดิม ที่นั่งเดิมของผม

“มึงมานั่งหน้าเลย” - ไอ้เดชสั่งผม
“กูไม่ไป”
“มึงเป็นเชี่ยไรเนี๊ย”
“ก็กูไม่ไป กูจะนั่งนี่”
“ไปนั่งหน้ากับกูเลย กูสั่ง”
“กูไม่ไป กูนั่งมาทั้งวันกูยังนั่งได้ มึงจะมาสนใจกูทำไม”
“ไอ้เข้ม มึงไม่ต้องออกรถ ถ้าไอ้ใหญ่มันไม่นั่งหน้ากับพวกเรา”
“เข้ม มึงออกรถเหอะ เดี๋ยวฝนตกแล้วจะเข้าบ้านลำบาก” - ผมตะโกนให้ไอ้เข้มได้ยินจากข้างหลัง
“ใหญ่ มานั่งหน้าเหอะ เบียดกันก็ได้นะ ฝนตกแล้วเดี๋ยวมึงจะไม่สบาย” - ไอ้เข้มตะโกนมาจากที่นั่งคนขับ
“มึงดูที่ดิ มึงจะให้กูนั่งตรงไหน เต็มหมดแล้วมึง ข้างหลังน่ะดีแล้ว” ผมตะโกนให้ไอ้เข้มได้ยิน

ไอ้เดชปีนขึ้นมานั่งกับผมข้างหลัง

“ไอ้เดช มึงมานั่งหน้าดิ เดี๋ยวฝนตกนะมึง”
“เพื่อนกูมันไม่ไปนั่ง กูจะนั่งกับมัน”
“พวกมึงจะทะเลาะกันอีกนานป่ะวะ” – ไอ้เล็กเริ่มโมโห หลังจากมันไม่พูดอะไรมานาน
“มึงมานี่....” – ไอ้เดชลากผมลงจากกระบะหลัง เปิดประตูข้างหน้ารถ แล้วก็เบียดผมเข้าไปข้างใน ไอ้เดชนั่งข้างนอก แล้วปิดประตู
“เห็นยัง ว่านั่งได้” - ไอ้เดชพูดกับผม
“ตำรวจไม่จับเหรอวะ” - ผมถามไอ้เข้ม
“นั่งหน้า 2 คน ไม่จับหรอก พ่อกูมีตำแหน่งนะมึง” – ไอ้เข้มหัวเราะ แล้วก็ออกรถเดินทางกลับ
“แวะตลาดซื้อของกินก่อนนะพวกมึง” – ไอ้เข้มบอกสมาชิกในรถ

จากนั้นก็เริ่มเข้าสู้โหมดเฮฮาอีกรอบ ไอ้เข้มเอา CD ที่ไรท์มาเปิด ในรถก็มีทั้งเสียงเพลงและเสียงคุย ไอ้เดชหลังจากที่นั่งข้างผมแล้วก็ไม่พูดอะไรกับผมอีก มันมองออกไปนอกหน้าต่าง ตอนนี้ฝนตกแล้วคับ ตกหนักมากเลยด้วย ขับรถก็ต้องระวังมากขึ้น

ใช้เวลาประมาณเกือบชั่วโมง เราเดินทางมาถึงบริเวณตลาดใกล้ๆกับสถานีรถไฟ แวะซื้อของกินเข้าไปที่บ้าน เพราะที่บ้านจะไม่ทำอะไรให้พวกเรากินกัน อีกอย่างมืดแล้วด้วย ถ้าพวกเราหากินกันเองก็คงจะสะดวกกว่า เราตกลงกินก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำใสร้านหนึ่งในตลาด ผมก็เขี่ยๆ เส้นใหญ่ที่ผมสั่ง กินลูกชิ้น 2-3 ลูก หมูแดงอีก 2-3 ชิ้น อิ่มแล้วคับ ผมกินไม่ลงจริงๆ

ผมสับสนกับความรู้สึกที่ผมมีอยู่ตอนนี้ ไม่รู้ว่าผมพูดออกไปได้ยังไงว่าผมจะกลับก่อน มันอาจจะยั้งเราไว้เป็นมารยาทก็ได้ หรือว่ามันอยากให้เราอยู่ต่อจริงๆ แต่ถ้าผมอยู่ต่อไปผมจะมีความสุขเหรอ ทั้งๆที่เพื่อนคนเดียวที่ชวนมาเที่ยวก็คือไอ้เดช แล้วถ้ามันทำกับผมอย่างงี๊ มันยังคงไม่คุยกับผม ผมจะอยู่ไปทำไม เพื่อนคุยก็ไม่มี ผมควรจะกลับนั่นแหล่ะดีที่สุด

แยกย้ายกันไปซื้อขนมซักพัก เราก็กลับมารวมตัวกันที่รถ ทุกคนนั่งประจำที่เหมือนตอนมา โดยที่ผมนั่งหน้าคู่กับเดช แล้วไอ้เข้มก็เลี้ยวไปทางสถานีรถไฟที่เราลงมา

“มึงเลี้ยวมานี่ทำไมวะ” – ไอ้โสถามขึ้นมา เพราะไอ้เข้มมันไม่ได้เลี้ยวเข้าทางไปบ้านมัน
“พาไอ้ใหญ่มาเปลี่ยนตั๋ว”
“เปลี่ยนไมวะ” - ไอ้โสถามผม
“มันอยากกลับก่อน” – ไอ้เข้มตอบแทนผม ผมไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ผมนั่งก้มหน้าอย่างเดียว เหมือนเป็นความผิดของผมที่ต้องทำให้คนอื่นเขาเสียเวลา

ไอ้เดชหันมามองหนาผมทันทีหลังจากที่ไอ้เข้มพูดจบ

“ทำไมมึงต้องกลับก่อน” - ไอ้เดชถามผมทันที
“.............”
“ทำไมมึงไม่กลับกับพวกกู”
“............”
“ทำไมมึง............”
“ไอ้เดช ไอ้ใหญ่มันคงมีเหตุผลของมันมั้ง” – ไอ้เข้มช่วยผมไว้ ผมทำอะไรไม่ถูก นั่งก้มหน้าอย่างเดียว
“เหตุผลอะไร กูพามันมา กูต้องรู้ อย่างน้อยมันต้องบอกกู” - ไอ้เดชยังคงมองหน้าผม
“ปล่อย กูจะลง” – ถึงสถานีรถไฟแล้วคับ ไม่รอข้าผมผลักไอ้เดชลงออกจากรถ แล้วก็เดินตามไอ้เข้มไปที่ช่องจำหน่ายตั๋วทันที

“มึงรอกูก่อน” – ไอ้เดชตะโกนตามหลัง แต่ผมไม่สนใจ
“บอกให้รอกูไง ไอ้เชี่ยนี่” – มันวิ่งตามผมทัน มันคว้ามือผมไว้ให้ไปหามัน ไอ้เข้มเดินไปรอที่ช่องจำหน่ายตั๋วแล้วคับ
“ปล่อยกูไงล่ะ” – ผมสั่งมัน
“มึงกลับก่อนทำไม”
“.............”
“มึงบอกกูมา ไอ้ใหญ่”
“....................” – ผมยืนก้มหน้า
“ไหนว่ามีอะไรจะบอกกูไงล่ะ แล้วมึงมีอะไรวันนี้ มึงเป็นอะไรทั้งวัน อย่านึกนะว่าที่มึงหายไป 2 ครั้งไม่มีใครรู้”
“…………”– ผมยังยืนก้มหน้า
“มึงยังเห็นกูเป็นเพื่อนอยู่ป่ะวะ ถ้าเห็นมึงบอกกูมาว่าทำไมมึงจะกลับก่อน”
“....................” - ผมก้มหน้าอยู่อย่างงั้น
“ถ้ามึงไม่เห็นว่ากูเป็นเพื่อน มึงเดินไปหาไอ้เข้มได้เลย แล้วมึงกับกูไม่ต้องมาเป็นเพื่อนกันอีก”
“...............” - ผมก้มไปอีก
“กูขอโทษที่พามึงมาละกัน กูไม่น่าบังคับมึง”
“..................” - น้ำตาผมเริ่มไหล
“กูขอโทษที่มายุ่งกับมึงมากไป”
“พอแล้ว เดช พอแล้ว” – เสียงผมสั่นๆ น้ำตาเริ่มไหลมากขึ้น
---------------------

marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป
แล้วเมื่อรู้ว่าใหญ่หายไปทำไมไม่มาหาตั้งแต่ต้น ทำไมไม่ถามตั้งแต่ครั้งแรก แล้วทำไมถึงต้องเงียบไม่พูด ไม่คุย
เป็นอะไร??
รู้ทั้งรู้ว่าเพื่อนที่สนิทที่สุด ก็คือเดช แล้วทำไมไม่ใส่ใจกันมั่ง
อยากรู้ว่าทำไม?????
เป็นเรา เราก็เผ่นว่ะ ขอเผ่นไปตั้งหลักไกลๆ ดีกว่า

maabbdo

  • บุคคลทั่วไป
เง้อ...ไรกันนี่  

นี่ใกล้จะจบแล้วแน่เหรอ

อ่านไปยังคิดไม่ตกเลยว่าจะเป็นไงต่อไป

รออ่านต่อ  ให้กำลังใจคนเขียนน้า  :L2: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
เง้อออ สงสารน้องใหญ่ บางทีบอกความในใจเดชไปเลยดีกว่านะ จะได้รู้ไปเลยว่ามีโอกาสหรือได้เป็นแค่เพื่อน ท่าทางเดชไม่รู้เรื่องความรู้สึกของใหญ่ ก็เลยน้อยใจที่เพื่อนมีอะไรไม่ยอมบอกเหมือนกันนะ  o7


เริ่มหวาดๆกับชื่อเรื่องขึ้นมา "รักดั่งเส้นขนาน"  บรื๋อวส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์  :m29:

DoLeMoN

  • บุคคลทั่วไป

animob

  • บุคคลทั่วไป

pickki_a

  • บุคคลทั่วไป
คุยกัน
 :m23:
กลางสัปดาห์จะเอามาลงอีกซักตอนนะคับ เพิ่มความอึดอัดให้มากขึ้นไปอีก

เดินทางกันมาถึงตอนที่ 39 แล้ว (เลขสวยด้วย) ก็ขอบคุณทุกท่านที่ยังคงติดตาม แม้มันจะ เฮ้อ!! บอกๆไปซักทีเหอะ จะได้จบๆกันไป

จุดจบของเรื่องนี้จะเป็นยังไง ลองเดาเล่นๆดูกันนะคับ (แต่คงยังไม่จบในช่วงนี้หรอก แต่คาดว่าน่าจะเป็นปีนี้คงจะจบ  :laugh:)

ขอบคุณทุกท่านคับผม

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
แอร๊ยยยย์!!! คนเขียนแกล้งคนอ่าน มายั่วกันซะงั้น  :angry2:

แต่อย่างน้อยยังไม่จบเร็วๆนี้ใช่ม้า เท่าที่ติดตามมาเนี่ย ใหญ่กับเดชท่าทางต้องเคลียร์กันหลายเรื่อง ยังไงมาคลายความสงสัยด้วยนะจ๊ะว่าเรื่องนี้จะจบยังไง  :m13: (อิฉันหลงรักน้องใหญ่แล้วนะคะ)

ออฟไลน์ imon

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 902
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-10

marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป
คุยกัน
 :m23:
กลางสัปดาห์จะเอามาลงอีกซักตอนนะคับ เพิ่มความอึดอัดให้มากขึ้นไปอีก

เดินทางกันมาถึงตอนที่ 39 แล้ว (เลขสวยด้วย) ก็ขอบคุณทุกท่านที่ยังคงติดตาม แม้มันจะ เฮ้อ!! บอกๆไปซักทีเหอะ จะได้จบๆกันไป

จุดจบของเรื่องนี้จะเป็นยังไง ลองเดาเล่นๆดูกันนะคับ (แต่คงยังไม่จบในช่วงนี้หรอก แต่คาดว่าน่าจะเป็นปีนี้คงจะจบ  :laugh:)

ขอบคุณทุกท่านคับผม


น๊านน เรื่องไม่ลง มาสปอยกันเล่นเฉย  :เตะ1: ซ่ะดีมั๊ย ...........แต่
แต่ไม่กล้าหรอก :o8:กลัวไม่ได้อ่านต่อ :laugh:

ออฟไลน์ imon

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 902
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-10
กลางสัปดาห์แล้ววุ้ย

pickki_a

  • บุคคลทั่วไป
40
 o12
“มีไรกันป่ะวะ” – ไอ้เข้มเดินเข้ามาหาผมกับเดช
“เปล่า ไม่มีไร” - ผมรีบเช็ดน้ำตาที่มันเริ่มไหลออกมา
“มึงร้องไห้ มึงเป็นอะไร บอกกูมา” – ไอ้เดชเขย่าตัวผม ผมร้องไห้มากขึ้น
“กู..........กูอยากกลับบ้าน” - ผมบอกมันสองคน
“มึงไม่หนุกเหรอ” – ไอ้เต้มันคงจะเห็นผมอยู่นานมากแล้ว เลยเดินเข้ามาถาม แล้วก็เริ่มจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต เมื่อคนอื่นๆ ก็เริ่มเดินตามมาสมทบ
“มึงจะกลับก่อนจริงเหรอ” – ไอ้โสถามผม “เป็นไรวะตาแดงก่ำเลย”
“อยู่ต่อเหอะมึง เพื่อนกันน่า” - ไอ้เล็กสมทบ
“มึงเป็นห้อง 6 แต่พวกกูก็รักมึงนะ กูไม่คิดว่ามึงอยู่ห้อง 6 เลย มึงเป็นเพื่อนกูเหมือนไอ้เชี่ยพวกนี้แหล่ะ” – ไอ้เอกเสริม ยอมรับว่าไอ้พวกนี้เดินเข้ามาปลอบผม มันก็คงทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
“กูขอโทษที่พวกกูดูแลมึงไม่ดี” – ไอ้เล็กบอกผม
“พวกกูสัญญา จะดูแลมึงอย่างดี” - ไอ้เอกเสริม
“มึงเลยไอ้เดช ไอ้ใหญ่มันถึงเป็นอย่างงี๊” – ไอ้เต้หันไปด่าไอ้เดช มันอยู่นอกวงสุด หันมามองผม แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาซักคำ

“กูขอโทษ ถ้ากูทำไรผิด ยกโทษให้กูด้วย” – ไอ้เดชพูดเบาๆ ให้คนอื่นได้ยิน
“ช่างเหอะเข้ม กูขอโทษ กูเรียกร้องพวกมึงมากไป” – ผมขอโทษไอ้เข้ม และทุกๆคน
.
.
.
.
“กูกลับกับพวกมึงก็ได้ กูขอโทษที่กูทำตัวงี่เง่า มึงถือว่าเมื่อกี๊มึงไม่ได้ยินอะไรเลยละกันได้ป่ะ” – ผมบอกทุกคน ทุกคนสีหน้าดีใจ ไอ้เดชยิ้มนิดๆ หันมามองทางผม แต่ผมไม่ได้ยิ้มกลับไป
“ป่ะ กลับบ้านกันเหอะ” - ไอ้เข้มหัวหน้าทีมสั่งการให้ลูกทัวร์ขึ้นรถกลับบ้าน
“มึงไปนั่งหน้ากับพวกเรานะมึง” – ไอ้เอกบอกผม
“แล้วเมื่อกี๊มันไม่เบียดกันไปเหรอวะ” - ผมถาม
“ก็นิดหน่อย ไอ้เอกแม่งอ้วน” – ไอ้เต้หันไปแซวไอ้เอก แล้วก็ได้รับฝ่ามืออรหันต์จากไอ้เอกกลับมา 1 ที
“งั้นกูกลับไปนั่งหลังก็ได้” - ผมบอกมัน
“มึงจะนั่งได้ไง มันเปียกหมดแล้ว นั่งหน้ากับพวกกูนั่นแหล่ะ” – ไอ้เข้มบอกผม

ถึงรถไอ้เข้มกันแล้ว ความรู้สึกของผมตอนนี้ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อตะกี๊ แม้ว่าผมจะไม่ได้กลับบ้านอย่างที่ผมตั้งใจไว้ แต่มันก็ทำให้คนอย่างไอ้เดชคงรู้ตัวขึ้นมาบ้าง ว่าการที่ผมทำอย่างงี๊ลงไปเป็นเพราะอะไร ยอมรับจริงๆ ว่าตัวผมเองก็ไม่ได้อยากจะทำอย่างงั้นลงไปหรอก ผมยังอยากจะเที่ยวต่ออีก ยังมีหลายที่ที่ผมไม่ได้ไป แต่ว่าถ้าการไปเที่ยวจะต้องแลกกับความอึดอัดที่ผมมีอยู่ในใจ ผมก็คงเลือกที่จะกลับบ้านดีกว่า

ขากลับในรถไอ้เข้ม ผมก็คงนั่งติดกับเดชเหมือนเดิม ระหว่างทางเดชไม่ได้พูดอะไรอีก ทั้งรถพอจะมีเสียงคุยกันบ้าง แต่ก็ไม่มาก มีแต่คนชวนผมคุยโน่นคุยนี่ ผมก็คุยๆ ไปบ้าง จริงๆแล้วผมไม่ได้ติดใจอะไรพวกนี้หรอกคับ เพราะผมเองไม่ได้มีอะไรกับพวกนี้ แต่เป็นเพียงแค่ไอ้เดชเท่านั้น

ถึงบ้านกันแล้วคับ วันนี้ทุกคนต่างก็เหนื่อยล้ากันมามาก เดินทางกันทั้งวัน เล่นน้ำทะเลกันจนเหนื่อย พอทุกคนถึงบ้าน ต่างก็วิ่งแย่งห้องน้ำกันอย่างจ้าละหวั่น เสียงอึกทึกครึกโครมที่บ้านกลางป่า หิ่งห้อยที่บินแถวๆนั้นคงตกใจวิ่งหนีไปแล้วมั้งคับ

สุดท้ายก็เหลือเราสองคนที่นั่งอยุ่ในห้อง รอไปอาบน้ำ

“มึงมีไรอยากบอกกูป่ะ”
“มี แต่ไม่อยากบอก แต่อยากถามมึง”
“อะไรวะ ว่ามาดิ”
“ไอ้เดชให้มึงมาถามอะไรกู”
“มึงจะรู้ไปทำไมวะ” - ไอ้เต้ยังซักไม่เลิก
“ก็............เอ่อ ก็เหมือนกับว่า กูเป็นสาเหตุให้พวกมึงต้องเสียเวลา..............ที่ สถานีรถไฟ”
“แล้วเกี่ยวไรกับไอ้เดช”
“ก็มันไม่คุยกับกู ก็นึกว่าไอ้เดชไปบอกอะไรพวกมึง”
“เปล่า ไม่ได้บอกอะไร”
“อืม”

.
..
...
....
.....
“ไอ้ใหญ่ กูถามมึงอย่างนึง มึงตอบกูตรงๆ นะ”
“อืม”
“มึงเป็นเกย์ใช่ป่ะ”
“อะไรทำให้มึงคิดอย่างงั้น”
“อย่างที่บอกเมื่อกลางวันน่ะ ว่ากูรู้”
“แล้วมึงรู้อะไร”
“กูเป็นไบว่ะใหญ่”
“...........................”
“กูเป็นไบ มึงได้ยินไม่ผิดหรอก”
“...........แล้ว แฟนมึง.............”
“อ่อ ตอนนี้กูเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าจริงๆแล้วกูชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“แล้วแฟนมึง..........ตอนนี้”
“คือเขามาจีบกูก่อน กูรู้สึกดีกับเขา เขาก็ชอบกู ก็เลยเป็นแฟนกัน”
“ก็มึงชอบผู้หญิง ทำไมถึงเป็นไบวะ” - ผมถามไอ้เต้
“ก่อนกูย้ายมาเรียนที่นี่ กูเคยมีแฟนเป็นผู้ชาย”
“..............”
“มึงอยากฟังป่ะ ว่าทำไม”
“อืม”
“คืองี๊ ตอนกูอยู่ ม.3 น่ะ ที่โรงเรียนเขาจะมีงานแข่งกีฬาประจำอำเภอ ทีนี้โรงเรียนกูก็ไปแข่งบาส พอดีกูเป็นตัวสำรองของทีมโรงเรียน”
“มึงเล่นบาสเป็นด้วยเหรอ” - ผมถามมัน
“ไอ้เชี่ยนี้ มึงไม่ขัดกูซักนิดได้ป่ะ”
“โทษคับ แฮ่ะๆๆ”
“ก็เออ ทีเนี๊ยมันมีคนนึง มันเป็นสวัสดิการ มันยกน้ำมาให้พวกกู แล้วมันก็สะดุดก้อนหิน กระติกน้ำที่มันถือมาล้มไม่เป็นท่า”
“หน้าตาเป็นไงวะ”
“ก็สีผิวเหมือนไอ้เดช สูงพอๆกับไอ้เดช หน้าก็คล้ายๆ ไอ้เดช”
“...............”
“ทีเนี๊ย มันก็เดินหน้าจ๋อยๆ กลับไป กูก็เลยเดินไปบอกมันว่าไม่เป็นไร แต่มันไม่ยอม”
“แล้วมันทำให้มึงมีแฟนเป็นผู้ชายยังไงวะ”
“ก็หลังจากที่มันกำลังเดินออกไปเอาน้ำให้พวกกูใหม่ กูเห็นมันแผลด้วย เลือดไหลออกมาเป็นทางเลย กูก็เลยช่วยปฐมพยาบาลให้มัน กูวิ่งไปขอน้ำแข็งจากโรงเรียนข้างๆ บอกมันว่าเอาไปทำแผล แล้วกูก็ทำแผลให้มันตามมีตามเกิด จากนั้นกูก็พาไปกองอำนวยการจัดการแข่งขัน”
“แล้วไงต่อวะ” - ผมถามมันอย่างสนใจ
“มันร้องไห้เว้ย ตอนนั้นกูก็ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงร้องไห้ กูถามมัน แล้วมันก็บอกมันร้องไห้เพราะมันดีใจที่กูทำกับมันอย่างงี๊”
“ไอ้ที่ว่าทำแผลแล้วส่งกองอำนายการอ่ะนะ”
“ไอ้เชี่ย มันไม่ใช่แค่นั้น หลังจากตอนสอบปลายภาคเทอมแรก กูก็ไม่ใช่เด็กกรุงเทพอ่ะนะ สอบเสร็จพวกกูก็เล่นบาสเตะบอลแถวๆนั้นแหล่ะ แล้วทีนี้ตอนที่กูเล่นบาสอยู่ กูเห็นไอ้คนเนี๊ยมันนั่งอยู่ข้างสนามบาส ด้วยมารยาทกูก็ยิ้มให้มันทีนึง แล้วกูก็เล่นบาสต่อโดยที่กูเองก็ไม่ได้สนใจอะไร พอเพื่อนๆกูแยกย้ายกันกลับบ้าน กูเห็นมันนั่งทำหน้าเศร้าๆ อยู่ริมสนาม เพื่อนๆกูก็แยกย้ายกันไปหมดแล้ว กูก็เลยเดินเข้าไปหามัน”
“อืม”
“กูถามมันว่ามานั่งทำอะไร ไม่กลับบ้าน มันบอกกูว่ามันมีบ้าน แต่มันไม่มีใครอยู่ มันไม่อยากกลับบ้าน เพราะถึงมันกลับไปก็ไม่มีความหมายอะไรอยู่ดี พ่อแม่มันแยกกัน”
“.............”
“พอดีกูเห็นว่ามันอยู่ ม.3 เหมือนกู กูก็เลยชวนมันไปเที่ยว ก็ไม่ได้เที่ยวอะไรหรอก ก็คือไปเดินเล่นแถวสวนสาธารณะแถวบ้านกูน่ะ มันยิ้มแย้มขึ้น แต่ก็ไม่ได้มากกว่าเดิมเท่าไหร่นัก”
“แล้วไงต่อวะ”
“มันบอกว่ามันเป็นคนที่มีเพื่อนน้อย ที่บ้านก็มีปัญหา มันแค่รอเรียนจบ ม.3 มันก็คงหางานทำ มันขอเป็นเพื่อนกู กูก็ยินดี”
“...................”
“มันก็พอดีว่ะใหญ่ คือช่วงปิดเทอมเพื่อนๆ กูก็อยู่ไกลจากบ้านกูกัน แต่ไอ้นี่มันอยู่บ้านใกล้ๆ กู กูก็เลยไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดปิดเทอม ปิดเทอมที่กูมีความสุข กูทำให้มันยิ้มได้ กูทำให้มันกลับมาเป็นเด็ก ม.3 ที่เหมือนคนอื่นอีกครั้ง”
“แล้ว...............”
“ก็วันแรกที่เปิดเทอม มันบอกว่าตอนเย็นจะพาไปสวนสาธารณะที่กูเคยพามันไป กูก็นึกว่ามันคงอยากไปเที่ยวมั้ง แต่ก็ผิดคาด”
“...........”
“มันบอกกูว่า มันรู้สึกดีกับกู มันบอกว่ากูหมือนให้ชีวิตใหม่กับมัน จะผิดไหมถ้าเราสองคน คือหมายถึงกูกับมัน จะเป็นอะไรที่มากกว่าเพื่อน”
“แล้วมึงบอกไปว่าไง” - ผมถามอย่างตื่นเต้น
“กูไม่แน่ใจ กูเลยไม่ปฏิเสธความรู้สึกที่มันมีให้”
“ทั้งๆที่มึงก็รู้อ่ะนะ ว่าผู้ชายชอบกันมันเรียกว่าเกย์”
“ตอนนั้นกูไม่รู้หรอก ว่าเกย์จริงๆแล้วมันคืออะไร ตอนนั้นกูคิดว่ามันก็คงเป็นพวกตุ๊ดท้ายครัวมั้ง แต่กูไม่ได้เป็นตุ๊ด กูไม่อยากแต่งหญิง กูจึงไม่เป็นเกย์”
“...................”
“มันเองก็บอกว่ามันเองก็สับสน ว่าจริงๆแล้วมันสมควรหรือไม่ที่ควรจะทำอย่างงั้น แต่มันเป็นเรื่องของความรู้สึกที่ดีต่อกันว่ะ ความรู้สึกที่เกินเพื่อน กูกับมันเข้าไปในชีวิตของกันและกัน”
“แล้ว...............”
“กูเองก็รู้สึกดีกับมัน มันเองก็รู้สึกดีกับกู แต่มันมีม่านตรงกลางที่บอกว่า มันไม่ควรจะเกินนี้ จนมันมาบอกกู กูถึงไม่ปฎิเสธมัน ม่านที่สร้างไว้ก็ทลายลง”
“แล้วมึงสองคน..........”
“กูไม่มีอะไรกันหรอก คือตอนนั้นมันเป็นความรู้สึกที่ดีต่อกัน ไปไหนไปด้วยกัน กินข้าวกลางวัน เดินกลับบ้านพร้อมกัน บ่อยครั้งที่มันมานอนกับกู ที่บ้านกูก็ยินดี แต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่เรียกว่าแบบนั้น”
“แล้วมึงคบกันนานแค่ไหนวะ”
“คือกูก็เป็นแฟนกันอย่างเงี๊ยะ 3 เดือน 16 วัน กูจำได้ดี ตั้งแต่วันเปิดเทอมที่กูกับมันไปบอกรักกันที่สวนสาธารณะ วันสุดท้ายมันมาหากูที่บ้าน ไม่มีวี่แววเลยว่ามันจะไปจากชีวิตกู มันมาหากูที่บ้านตามปกติ มันบอกว่าขอกินข้าวเย็นด้วย แม่กูก็ให้กินตามปกติ แล้วกูกับมันก็ขึ้นไปบนห้อง แล้วมันก็พูดขึ้นมา..................”
“มันพูดอะไรล่ะ..............”
















































“ไอ้เชี่ย กูคอแห้ง ให้กูกลืนน้ำลายมั่งดิ”
------------
ปอลอ
ขอโทษคับ เอามาลงแล้วๆ แต่ตอนนี้ไม่มีติดเครื่องแล้วอ่า....งานเยอะมากมาย ไม่มีเวลาพิมพ์เลย
ขอบคุณที่ยังมาตามอ่านนะคับ

maabbdo

  • บุคคลทั่วไป
เง้อ...อะไรกันนี่

สู้ๆนะคนเขียน  เป็นกำลังใจให้ 

+1 ด้วยๆๆๆ

 :L2: :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป
o12 ไอ้เต้ แมร่ง...............เสียรมณ์
อุสาห์ลุ้น ....เซ็งจิตเลย o12

a22a

  • บุคคลทั่วไป
โอ้ย...............ค้างคาอย่างแรง o12 :angry2: :serius2:

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
เอ๊าๆๆๆ

หายค้างจากตอนเก่า  แล้วมาค้างตอนใหม่หนักกว่าเดิม

สงสัยไปอ่านเรื่องคนอื่นมาเยอะแน่เลย  เลยมาทำให้คนอ่านเรื่องนี้ค้างมั่ง

 :m15:

แล้วอย่างงี้เต้จะแอบชอบใหญ่เหมือนกันปะเนี่ย

animob

  • บุคคลทั่วไป
หายอึดอัดขึ้นมานิดนึง แต่เกิดอาการค้าง 5 5555

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ค้าง...มาก มาก มาก   :serius2:

เต้นี่ดูเป็นผู้ใหญ่ดีนะ ว่าแต่จะมาเป็นศิราณีหรือมาดามใจใหญ่กันแน่จ๊ะ  :t2:

ออฟไลน์ imon

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 902
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-10
อยากตายชะมะ   รีบมาต่อเลย 









ปล.ล้อเล่งน่า

angsumalin

  • บุคคลทั่วไป
อ้างถึง
“ไอ้เชี่ย กูคอแห้ง ให้กูกลืนน้ำลายมั่งดิ”

มันน่านักเชียว :เตะ1: :เตะ1: :เตะ1: :เตะ1: :เตะ1: :เตะ1:

pickki_a

  • บุคคลทั่วไป
41
 :angry2:
“มึงจะเล่าต่อได้ยัง” - ผมถามไอ้เต้ หลังจากที่มันลุกไปกินน้ำที่อยู่มุมห้อง
“อะแฮ่มๆๆ” – เสียงไอของไอ้เต้ กวนได้ใจจริงๆ
.
.
.

“มันบอกว่าขอนอนค้างกับกูที่นี่ เสียงมันแปลกๆ ท่าทางมันก็แปลกๆ ด้วย เหมือนมันกำลังมีอะไรปิดกูอยู่ กูเลยถามมัน มันบอกว่าไม่มีอะไร แค่วันนี้มันอยากนอนกับกู”
“แค่นั้นอ่ะนะ”
“ไม่ใช่แค่นั้นอ่ะดิ มันนอนกอดกู มันบอกว่าขอกอดกูแน่นๆ หน่อย กูก็ไม่เคยนอนกอดกับมันด้วย กูก็เกร็งๆ นิดหน่อย แต่ก็ไม่มีอะไรกัน”
“มันไม่พูดอะไรกับมึงเลยเหรอ”
“ก็พูดเรื่อยเปื่อยทั่วไป กูบอกว่ากูเรียน ม.4 ต่อแน่นอน กูอยากเข้าธรรมศาสตร์ให้ได้ แต่มันไม่คุยเรื่องอนาคตของมันเลย มันแค่บอกว่า ถ้ามันยังได้เรียนกูก็คงเห็นมันเองแหล่ะที่โรงเรียนเก่า แล้วมันก็เปลี่ยนเรื่องไป”
“.....................”
“กูกับมันก็นอนกอดกัน คุยๆกัน แล้วก็หลับไป ทีนี้พอตื่นเช้ามา กูก็ไม่เห็นมันแล้ว กูวิ่งหามันทั่วบ้านแต่ก็ไม่เจอ กูวิ่งกลับมาบนห้อง กูเห็นจดหมายฉบับหนึ่ง”
“แล้วมันเขียนว่าไง”
“มันบอกว่า มันจะต้องเดินทางไกล ที่บ้านมันมีปัญหา พ่อกับแม่แยกกัน พ่อไปมีแฟนใหม่ แม่ก็ไปมีแฟนใหม่เหมือนกัน แล้วทีนี้แม่มันได้แฟนฝรั่ง ก็เลยจะเอามันไปอยู่ด้วย”
“แล้วมึงทำไง” – ผมถาม
“กูวิ่งไปหามันที่บ้าน มึงเชื่อป่ะว่ากูมาช้าไป ช้าไปจริงๆ กูเห็นหลังของรถที่ขนของขับออกไปไกลๆ แล้วกูก็เห็นพ่อของมัน พ่อมันบอกว่ามันจะไปอเมริกากับแม่และก็สามีใหม่”
“.....................”
“ตอนนั้นกูร้องไห้มาก กูเดินคอตกกลับไปที่บ้าน กูเล่าให้แม่กูฟัง แม่กูได้แต่ปลอบกูแล้วก็บอกกูว่าเดี๋ยวเขาคงส่งจดหมายมาหากูเอง”
“แล้วเขาส่งมาหามึงป่ะ”
“เชื่อป่ะ ว่ากูรอ รอแล้วรออีก รอจนทั้งปิดเทอมก็ไม่มีจดหมายมาหากูซักฉบับ ตอนนั้นกูเหมือนเป็นโรคซึมเศร้า กูเหมือนคนบ้า กูนั่งรออยู่หน้าบ้านได้ทุกวัน”
.
.
.
.
.
.

“แสดงว่ามึงก็รักมันมาก”
“คือกูก็บอกไม่ถูก เพราะคนอย่างกูสนิทกับใครยาก เพื่อนสนิทก็มีไม่กี่คน และมันนอกจากจะเป็นเพื่อนสนิทกูแล้วมันยังเป็นแฟนกูอีกด้วย มันเป็นรักครั้งแรกของกูน่ะ”
“งั้นแสดงว่ามึงเองก็ชอบผู้ชายมาตั้งแต่ตอนนั้น”
“กูไม่รู้ตัวเองหรอก ว่ากูเป็นเกย์หรืออะไร เพียงแค่ว่าตอนนั้นกูชอบมัน กูรู้สึกดี กูก็ทำตามความรู้สึกที่กูต้องการ”
“แล้วทำไมมึงมาเรียนที่นี่ล่ะ มึงบอกว่าจะขึ้น ม.4 โรงเรียนเก่ามึง”
“คืองี๊ แม่กูไปทำเรื่องให้กูตอนไหนก็ไม่รู้ เหมือนกับแม่กูเขารู้จักผู้ใหญ่คนนึงที่เขามีอุปการะกับโรงเรียนนี้ แม่กูก็เลยพากูไปฝาก แต่กูไม่รู้เรื่องเลย กูอยู่กับอดีตที่มันกลับมาไม่ได้ จนวันนึงแม่กูบอกว่าจะพาไปเที่ยวกรุงเทพฯ มึงคงเข้าใจใช่ป่ะ ว่ากรุงเทพฯสำหรับกูมันคงเป็นสิ่งแปลกใหม่”
“...............”
“แม่กูพากูมาเที่ยวที่บ้านป้า ซึ่งกูก็ไม่รู้หรอกว่ากูมีป้าอยู่กรุงเทพ เพราะเท่าที่กูรู้ ป้ากับแม่กูไม่เคยติดต่อกันเลย แต่สงสัยเขาคงแอบติดต่อกันโดยไม่ให้กูรู้ก็ได้มั้ง ป้ากูต้อนรับแม่กับกูดีมาก”
“..............”
“จากนั้นป้าเขาบอกว่าให้อยู่กับเขา กูก็งงว่าทำไม กูต้องไปเรียน ม.4 ที่เดิม กูจะอยู่กับเขาได้ยังไง และสุดท้ายแม่ก็บอกกูว่า แม่ติดต่อโรงเรียนนี้ให้กูเรียนต่อ”
“มึงได้ถามแม่มึงป่ะว่าทำไม”
“แม่กูให้เหตุผลว่า ถ้าเรียนที่เดิม โอกาสในการสอบเอ็นติดก็คงมีน้อย และอีกอย่างแม่สงสารกู ไม่อยากให้กูอยู่กับอดีต”
“แม่มึงรู้ป่ะว่ามึงกับมันเป็น...........เอ่อ.........แฟนกันน่ะ”
“ไม่อ่ะ แม่กูไม่สงสัยอะไรในตัวกูเท่าไหร่หรอก กูเล่าให้แม่กูฟังทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องที่กูกับมันเป็นแฟนกัน”
.
.
.
“ตอนนี้มึงลืมมันได้ยัง”
“พูดตามตรงเลยนะ ว่ากูไม่เลยลืมมันเลย แม้ตอนนี้กูจะมีแฟนใหม่เป็นผู้หญิง กูก็รู้สึกดีด้วย กูชอบเขา เขาก็ชอบกู แต่ทุกวันนี้ถามกูว่ากูยังลืมมันได้ไหม บอกเลยว่า ลืมไม่ได้ กูยังคิดถึงมัน”
“อืม………….”
.
.
.
“ที่กูเล่ามา กูอยากให้มึงคิดได้ มีอะไรมึงก็บอกไปเลยตรงๆ มึงไม่ต้องกลัวว่าจะเสียใจ” – พูดจบไอ้เต้เอามือมาแตะผม
“งั้นกูไม่ปิดมึงละกัน กูชอบไอ้เดช”
“ก็แค่นั้นแหล่ะ”
.
.
.


“เป็นไง โล่งป่ะมึง” - ไอ้เต้ถามผม
“แต่กูขอร้องว่ะเต้ มึงอย่าไปบอกมันนะ”

“คุยไรกันวะ” – เสียงเปิดประตูเข้าห้อง ไอ้เดชเดินเข้ามาหลังจากอาบน้ำเสร็จ
“เปล่า ไม่มีไร”
“มึงสองคนอาบน้ำกันยัง” - ไอ้เดชถามไอ้เต้กับผม
“งั้นกูไปอาบก่อนนะไอ้ใหญ่” – ไอ้เต้เดินออกไป ขยิบตาให้ผม 1 ที น่าเตะจริงๆ
“มึงไม่ต้องมาทำหน้าตาอย่างงั้น เห็นแล้วหมั่นไส้” – ไอ้เดชด่าไอ้เต้ตามหลัง จากนั้นประตูห้องก็ปิดลง
!
!!
!!!
!!!!
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
.........................
......................
..................
...........
........
...
..
.
“ใหญ่”
“อะไรเหรอ” - ผมหันไปหาที่มาของเสียง
“กูทำไรผิดเหรอ”
“เปล่านี่หว่า มึงก็ไม่ได้ทำอะไรนี่”
“แล้วมึงเป็นไร”
“มึงนั่นแหล่ะเป็นไรเดช”
“กูก็ปกตินั่นแหล่ะ”
“ถ้ามึงปกติแล้ววันนี้ทั้งวันมึงเงียบทำไม” - ผมถามอย่างเริ่มมีอารมณ์
“กู..............กูก็ไม่รู้เหมือนกัน” - เสียงมันเริ่มสั่น
“มึงไม่รู้ก็ไม่เป็นไร” – ผมลดเสียงลง และเดินเข้าไปหามัน
“มึงเข้าใจกูใช่ป่ะ”
“อืม กูเข้าใจ”

เราทั้งคู่เงียบไปซักพัก ผมลงไปนั่งข้างๆมัน

“มึงมีอะไรอยากบอกกูป่ะ” - ไอ้เดชถามผมก่อน
“มี แต่ไม่อยากบอก แต่อยากรู้มากกว่า”
“อะไรล่ะ”
“ทำไมวันนี้มึงไม่คุยกับกู”
“.............” - มันเงียบ
“มึงเป็นคนพากูมาเที่ยวนะ”
“.............” - มันยังคงเงียบ
“มึงเข้าใจกูใช่ป่ะ ว่ามึงเป็นคนพากูมา มึงก็น่าจะคุยกับกูบ้าง”
“.................”
“ที่มึงไม่คุยกับกูวันนี้ กูก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม เพื่อนกูก็ไม่มี นอกจากมึง”
“..............”
“มึงคนเดียวแหล่ะเดช ที่กูยอมมาถึงที่นี่”
“......................”
“ที่สถานีรถไฟ กูก็ไม่ได้อยากทำอย่างงั้นหรอก กูทำให้เพื่อนๆมึงเสียเวลา แต่กูอยากให้มึงรู้”
“รู้อะไรล่ะ” – หลังจากที่ฟังมานาน มันเริ่มพูดออกมาแล้ว
“มึงพากูมา มึงก็ต้องดูแลกูดิ” – ผมเปลี่ยนเสียงให้ร่าเริงขึ้น ทั้งๆที่หัวใจอยากจะบอกให้มันรู้ว่ากูรักมึง
“แล้วมึงจะร้องไห้ทำไม ที่สถานีรถไฟ” - มันถามผม
“กู กูก็ไม่รู้เหมือนกัน” – ผมตอบตัวเองได้ว่าผมร้องไห้เพราะมัน แต่ผมจะบอกมันยังไงล่ะ
“งั้นก็ช่างเหอะ” – มันตัดบทเอาง่ายๆ
“เดช”
“หือ?”
“มึงมีอะไรมึงบอกกูนะ มึงอย่าเงียบอย่างงี๊ดิ”
“มึงก็ด้วยไอ้ใหญ่ มึงก็บอกกูดิ เราเป็นเพื่อนกันใช่ป่ะ”
“ใช่”
“แสดงว่ามึงยังจำได้”
“กูจำได้ตลอดเวลาแหล่ะเดช กูจะเป็นเพื่อนมึงอย่างงี๊ไปตลอด”

แล้วไอ้เดชก็เลื่อนตัวเองเข้ามาชิดผม โอบไหล่ผมเบาๆ

“ขอบใจมาก” - มันพูดกับผม
“เอามือออกไปเหอะ กูยังไม่ได้อาบน้ำ” – ผมบอกมัน
“เชี่ยใหญ่ ทำลายบรรยากาศหมด”

จากนั้นผมก็เดินออกไปอาบน้ำ

ผมรู้สึกว่าผมไม่ค่อยจะเคลียร์ในตัวไอ้เดชซักเท่าไหร่ สรุปแล้ววันนี้มันก็ไม่มีเหตุผลให้กับผมว่าที่มันเป็นอย่างงั้นเพราะอะไร แต่ผมก็ไม่ติดใจอะไรแล้วแหล่ะคับ เพียงแค่ให้มันคุยกับผมเหมือนเดิมก็พอแล้ว สิทธิ์จะหวังอะไรในตัวมันก็ไม่มีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

แต่มันก็อดคิดไม่ได้ ที่มันทำทุกอย่างให้ผมคิดไปเอง ให้ผมคิดไปไกลมาก ให้ผมคิดว่ามันชอบผม มันทำอย่างงั้นทำไม เมื่อมันไม่ได้คิดอะไรกับผม นอกจากเพื่อน และคนที่เป็นพ่อสื่อให้กับต่ายเท่านั้น

“มึงจะอาบให้หมดโอ่งเลยรึไง” – เสียงไอ้เต้ตะโกนจากข้างนอก มันรอแปรงฟันอยู่
“จะเสร็จแล้ว” – ผมรีบนุ่งผ้าเช็ดตัว แล้วก็ออกไปจากห้องน้ำ
“ไปรอที่ห้องนะ” – ผมบอกไอ้เต้
“มึงเคลียร์กับไอ้เดชยัง”
“ก็.....อืม คุยแล้ว”
“มันบอกว่าไงป่ะ”
“มันก็ไม่ได้ว่าอะไร กูเองก็ไม่ติดใจอะไรมันด้วย”
“ยังไง กูงง”
“เอาเป็นว่า ช่างเหอะ แค่มันเหมือนเดิม กูก็พอใจแล้ว” – ผมบอกไอ้เต้ ก่อนจะเดินกลับห้องไป
------------------

maabbdo

  • บุคคลทั่วไป
ไมมันง่ายแบบนี้ล่ะ 

โอ๊ยยยยยยยยย  ไม่เข้าใจเลย

 :a6: :a6:

kanom™cake

  • บุคคลทั่วไป
                          รับรู้ความรู้สึก  เศร้ามาแต่ไกลๆๆเลยอ่ะค่ะ

                     

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด