พิมพ์หน้านี้ - รักดั่งเส้นขนาน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: pickki_a ที่ 25-06-2008 23:56:50

หัวข้อ: รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 25-06-2008 23:56:50
เปิดเรื่อง

เรื่องเล่านี้เป็นเรื่องราวของผู้เขียน สมัยที่ยังอยู่ชั้น ม.5 (ตอนนี้ก็ 5 ปีผ่านมาแล้ว) ซึ่งเป็นประสบการณ์รักครั้งแรกของตัวเอง แล้วมันก็ยังคงอยู่ในความทรงจำ ที่นับวันมันก็เลือนลางลงไปทุกที ถ้าได้เขียนออกมาเป็นเรื่องเล่าก็คงจะมีคนอ่าน จึงได้เอามาลงที่นี่กันคับ

เนื้อเรื่องและตัวละครในเรื่องนี้แต่งขึ้นเพิ่อความบันเทิง โดยมีบางส่วนที่มาจากเรื่องจริง เรื่องนี้ยังไม่ได้คิดว่าจะมีกี่ตอน เพราะเรื่องราวจะค่อนข้างมีความละเอียดพอสมควร และที่แตกต่างกันไปก็คือ จะมีบทสนทนาอยู่ด้วยซึ่งมีเยอะมาก บางอันเราก็จำได้ บางอันเราก็จำไม่ได้ จึงต้องมีการแต่งเติมกันบ้างเล็กน้อย แต่ก็ยังมีพื้นฐานบางส่วนมาจากเรื่องจริงอยู่ดี

นี่เป็นงานเขียนครั้งแรกของผม ลองอ่านดูนะคับ มันอาจไม่ซึ้ง ไม่หนุก ก็โพสReplyเอาไว้ จะได้ปรับปรุงเนื้อหาและทักษะการเขียนให้มันดีกว่านี้คับ

--------------------------------------

ตอนที่ 1 จะทักทำไม
“เฮ้ย นายนาย คนนั้นน่ะ มานี่หน่อยดิ”
ผมไม่ได้ยินเสียงนี้ครั้งแรกในชีวิตผมหรอกคับ ผมเคยได้ยินเสียงมันมาก่อน แต่ก่อนหน้านั้นมันไม่ได้พูดกับผมนี่หว่า มันเป็นหัวหน้ากองร้อยตอนเรียน ร.ด.ปี1 (ม.4) น่ะคับ ดังนั้นเวลาจะทำความเคารพครูฝึกก็ต้องได้ยินเสียงมันเป็นธรรมดา

ผมชื่อใหญ่คับ อายุตอนนั้นก็16ปี อยู่ชั้น ม.5 ของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง (ติดอันดับ1ใน100ด้วย) ผมเองหน้าตาก็พอใช้อ่ะคับ ไม่หล่อ ไม่ขาว ไม่เตี๊ย ไม่ผอมแต่ไม่อ้วนคับ แต่สิ่งหนึ่งที่รู้อยู่แก่ใจก็คือ ผมชอบผู้ชายคับ ดูข้างนอกก็ดูไม่รู้เพราะไม่แสดงออก แต่ตอนนั้นก็ยังไม่มีแฟนเป็นผู้ชายซักที และก็ไม่คิดจะมีด้วยตอนนั้น ไม่มีใครถูกชะตาซักคน คบกันเป็นเพื่อนกันน่ะดีแล้วคับ มิตรภาพของเพื่อนอยู่ได้ยาวนานกว่าอยู่แล้ว

แล้วไอ้คนที่มันเรียกผมอ่ะใคร มันชื่อเดชคับ เรียนอยู่คนละห้องกับผม มันเป็นหัวหน้ากองร้อยคับ เป็นตั้งแต่มันอยู่ ม.4 เป็นผู้ชายที่แบบว่าไงล่ะ ขี๊เก๊ก เตี๊ยแต่ไม่เจียม หมั่นใส้ ชอบโชว์พาเวอร์ตอนเรียน ร.ด. เสียงดังน่ารำคาญโคตรๆ อยู่ใกล้ๆยังพูดดังๆ กลัวเขาไม่รู้รึไงว่าคุยไรกันน่ะ ลักษณะภายนอกหน้าตาก็ไม่ดีซักเท่าไหร่หรอกคับ เตี๊ยกว่าผม แต่รูปร่างสมส่วนกำลังดี ขาวกว่าผมแต่ไม่ได้ขาวเว่อร์ เดชมีเพื่อนสนิทอยู่ 3 คนคับ ชื่อเต้ เข้ม แล้วก็เอก

ชั่วโมงนั้นเป็นชั่วโมงพิเศษคับ เป็นคาบวิชาเคมี ที่อาจารย์ให้รุ่นพี่ที่จบไปแล้วมาสาธิตการทำสื่อการสอน (ตั้งแต่ ม.5 อ่ะนะ) แล้วห้องที่เรียนกับอาจารย์คนนี้ทั้งหมดก็เข้าไปฟัง แต่ว่าใครว่างก็เข้าไปฟัง ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร แล้วเราก็ว่างกับเพื่อนในห้องอีก 10 กว่าคนก็เข้าไปฟัง >>> จะได้ทำเป็นไงล่ะ แล้วห้องเดช เดชกับเพื่อนห้องมันก็เข้ามาฟังอยู่ 10 กว่าคนเช่นกัน

หลังจากรุ่นพี่สาธิตเสร็จก็เป็นการตอบข้อสงสัย แต่เราก็ไม่เคยจะสงสัยหรอก หันไปคุยกับเพื่อนตามปกติ แล้วตอนนั้นมันก็แหกปากเรียกผมดังสนั่น ไม่รู้จะเรียกทำไมดังอย่างงั้น อายคนเขาบ้างเซ่ะ คนมันก็ไม่ใช่น้อย หลังจากสิ้นสุดคำเรียกผมก็เดินไปหา หน้าตาหงุดหงิดเล็กน้อยถึงปานกลาง รู้จักกันก็ไม่ ทำไมต้องเดินไปหามันด้วยอ่ะ

“มีไรเหรอ”
“โห เราอุตส่าห์ทักดีดีนะเนี๊ย”
“อ๋อ นี่เหรอเรียกว่าดี แหกปากให้เขารู้กันทั้งห้องอ่ะนะ”

แต่ทั้งห้องก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะว่ามันจบการสาธิตแล้ว เหมือนปล่อยพักอ่ะ

“เราจะจีบต่ายน่ะ”
“แล้วไง”
“นายช่วยหน่อยเด่ะ นะนะ เห็นนายก็สนิทกับต่าย”
สวนกลับไปทันที “ไม่ แล้วมีไรอีกป่ะ”
“โห ไรวะ ยังไม่ทันจะคุยกันเลย ปฏิเสธซะละ”
“อ้าว ในเมื่อรู้ชื่อว่าต่ายแล้ว ทำไมไม่ไปจีบเองล่ะ”
“ก็ไม่กล้า ก็นายก็อยู่ห้องเดียวกับต่าย ก็ช่วยเราหน่อยเถอะ”
“ทำไมต้องช่วย”
“เออเออ จำไว้ ไม่ช่วยนะ เออเออ จำไว้”
“อย่าให้จำไว้นานล่ะ รกสมอง” (ต่อปากต่อคำเก่งเหมือนกันนี่หว่า)
 “ปากดีเหมือนกันนี่หว่านายอ่ะ”
“แน่นอน มีไรอีกป่ะ”

ไม่ทันฟังคำตอบ ผมก็เดินออกมาจากตรงนั้นเลย กลับมาเข้ากลุ่มเพื่อนๆเช่นเดิม จนจบการสาธิตก็เดินออกจากห้องไป กลับไปที่ห้องเรียนของตัวเองเพื่อเอากระเป๋า จะไปเรียนพิเศษ เพราะตอนนั้นก็ 4 โมงกว่าแล้วด้วย เด๋วไปสยามไม่ทัน แต่ระหว่างที่จะเดินออกไปนอกโรงเรียนอ่ะดิ ผมก็เดินไปกับเพื่อนตามปกติแหล่ะคับ แล้วเดชมันก็เดินมาหา บอกว่ามีธุระจะคุยด้วย ให้เพื่อนเราเดินไปก่อน
 
“มีไร” เราเริ่มถามก่อน เพราะว่ารีบ
“เราชื่อเดชนะใหญ่”
“ไปรู้ชื่อเรามาจากไหน” – แน่ะยังจะต่อปากต่อคำกับมันอีก
“เออน่า ขอเบอร์ต่ายหน่อย”
“ไม่ให้ ถ้าเพื่อนไม่อนุญาต”
“นะนะ ขอหน่อยดิ”
“มี 0 กับ 2 สองตัว ที่เหลือไปหาเอาเอง”
“ไรเนี๊ย รู้ว่า 02-......... แล้วอะไรต่อเล่า”
“โทษนะ เรารีบ เราจะไปสยาม เพื่อนเรารออยู่”
“ไปทำไร”
“ทำไมต้องบอกแกล่ะ”
“เออ ก็แค่ถามดู”
“เออ ขอเบอร์ใหญ่ได้ป่ะ”
“ไม่”
“เอาไว้โทรคุยกันไงล่ะ”
“ไม่ ไปล่ะ”

แล้วผมก็วิ่งไปเลย เพื่อนมันรอผมคนเดียว รู้สึกผิด แล้วหนึ่งในนั้นก็ถาม

“ใครวะใหญ่”
“แฟนคลับของต่ายน่ะ จะมาจีบต่าย แต่อยู่อีกห้องนึงอ่ะ เขาเห็นกรูสนิทกับต่ายมั้ง ก็เลยจะใช้กรูเป็น...พ่อสื่อมั้ง”
“ได้ไงวะ มรึงก็รู้ว่าไอ้ไม้มันก็จีบต่ายอยู่ แล้วมรึงว่าไง ไอ้ไม้รู้ยัง”
“กรูก็ไม่ได้ว่าไรไปหรอก มันมาขอเบอร์แต่ก็ไม่ได้ให้ไป แล้วกรูก็รู้ว่าไอ้ไม้มันก็จีบต่ายอยู่ กรูไม่หักหลังเพื่อนหรอกน่า ยังไงก็อย่าไปบอกไอ้ไม้ละกัน เด๋วมันรู้แล้วมันจะไม่สบายใจเพราะคู่แข่งมันจะเพิ่มขึ้น”

แล้วผมกับเพื่อนก็เดินทางไปสยามเพื่อไปเรียนพิเศษกัน เกือบไปสายแหน่ะ เพราะเดชคนเดียว วันหลังเจอหน้ากรูจะด่า
-------------------------------

*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 01-07-2008 22:14:39
 :a12:
ไม่มีคนมาเม้นเลยอ่า...
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 03-07-2008 22:53:37
ตอนที่ 2 กว่าจะได้ เล่นเอาเหนื่อย
 :m29:
“เฮ้ย ใหญ่ หวัดดี”
“เป็นใครมาหวัดดีเราน่ะ”
“ทักไม่ได้ใช่ป่ะ หยิ่งเหรอ”
“ได้ แต่ไม่ใช่แก มันไม่คู่ควรกับการทักทาย”
“ขอเบอร์ต่ายหน่อยดิ”
“บอกไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าถ้าต่ายไม่อนุญาตก็ให้ไม่ได้”
“ต่ายไม่รู้หรอกน่า”
“ไม่ ก็คือไม่”
ด่ากันจบก็เดินเข้าห้องเรียนทันทีอย่างไม่มีการเหลียวหลังหันมามอง

นี่เป็นบทสนทนาในเช้าวันที่สอง หลังจากที่เมื่อวานเราได้คุยกัน แบบไม่สบอารมณ์ เพราะโดยพื้นฐานแล้วเราไม่ชอบไอ้เดชมันอยู่แล้ว แล้วมันจะยังมาตามตื้ออีก มีเหรอที่คนอย่างเราจะเอาไว้ ห้องเรียนของเรากับของเดชใกล้กันคับ อยู่ถัดกันไป 2 ห้องเอง ผมอยู่ห้องริมสุดติดบันได ส่วนห้องเดชก็อยู่เลยไปอีก 2 ห้อง ซึ่งเวลาเดชมันจะเดินไปไหนมันก็ต้องผ่านห้องผมเป็นเรื่องธรรมดา  แต่โชคดีอยู่อย่างนึงคือ เวลาเข้าแถวเคารพธงชาติ จะไม่เจอห้องเดช เพราะจะเข้าแถวเป็น Blockๆ ละ 6 ห้อง แล้วห้องสุดท้ายของBlockแรกก็คือห้องผมพอดี ห้องเดชจะเป็นBlockที่สอง ดังนั้นตอนเข้าแถวผมจึงไม่เห็นห้องมัน

กิจกรรมการเรียนการสอนดำเนินไปอย่างปกติ จนถึงเวลาพักกลางวัน วันนี้ไม่รู้ทำไมผมถึงไปกินข้าวกับต่าย เพราะผมมีเรื่องอยากจะคุยกับต่ายซะหน่อย เรื่องเดชนั่นแหล่ะ แต่โดยปกติกลุ่มของผมกับต่ายก็มักจะนั่งโต๊ะใกล้ๆกันอยู่แล้ว ดังนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ผมจะไปนั่งกับต่าย เพื่อคุยอะไรบางอย่าง ในขณะกำลังเดินจากโรงอาหารเพื่อกลับไปที่ห้องเรียน ผมก็ขอคุยกับต่ายเป็นการส่วนตัว

“ต่าย ถามไรอย่างนึงดิ”
“เรื่องเดชใช่ป่ะ”
“รู้ได้ไงอ่ะ”
“ไม้มันบอก มันบอกว่าเห็นแกอ่ะไปคุยกับเดช”
“ไอ้ไม้มันรู้ได้ไง”
“ไอ้รักษ์มันบอก มันบอกว่าแกคุยกับมันเมื่อวาน เรื่องนี้”
“อืมๆ ใช่แหล่ะ จริงๆก็ใช่ ว่าแต่จะให้เราทำยังไงล่ะ”
“ทำยังไง อะไร”
“เรื่องที่ว่ามันจะขอเบอร์แกอ่ะ”
“ไม่ให้นะ ขอร้องเหอะ เราไม่อยากมีภาระตอนนี้ เราไม่อยากมีแฟน”
“นี่แกรวมถึงไอไม้ด้วยป่ะ”
“ใช่ๆ ขอร้องเหอะนะ ถ้าคบเป็นเพื่อนน่ะเรายินดี แต่ถ้าจะมาเป็นแฟนน่ะ เราขอเถอะ นะนะ ใหญ่ อย่าให้เบอร์เรากับเดชเลยนะ”
“เออเออ ไม่ให้ก็ไม่ให้”
แล้วเราก็เดินมาถึงห้องเรียนกันอย่างสงบ กับเพื่อนกลุ่มเราและก็กลุ่มต่าย โดยนิสัยส่วนตัวต่ายเป็นคนที่ขยัน ดังนั้นเมื่อมีเวลาว่างต่ายก็จะเอาหนังสือมาอ่าน เอาการบ้านที่สงสัยมาถามคนนั้นคนนี้ บางทีก็เอาการบ้านจากที่เรียนพิเศษมานั่งทำ บางทีก็เอามาถามเราบ้าง ถามคนอื่นบ้าง นับว่าต่ายก็เป็นคนขยันที่สุดในห้องคนนึงก็ว่าได้ รองจากไอ้เด็กเทพที่มันได้แต่ 4.00 มาตลอดชีวิต แต่ผมน่ะ พักกลางวันก็คือเวลาพักคับ พักจริงจัง เล่นโน้นเล่นนี้ ตั้งแต่เตะบอล เล่นน้ำเต้าปูปลา โบราณเรียกชื่อ จนถึงการ์ดที่มี 52 ใบ แจกคนละสองใบให้มีแต้มรวมกันใกล้ๆเก้า

กิจกรรมการเล่นของผมก็ดำเนินไปตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็คือ มันมีเสียงเรียกชื่อผม ไม่ใช่เพื่อนเรียกหรอก แต่เป็นเสียงไอ้เดช มันเรียกผมจากห้องมันเอง คิดดูละกันว่าผมอยู่ห่างกับมัน 2 ห้องแต่ผมได้ยิน ใครได้ยินก็คงรำคาญใช่ป่ะล่ะ เมื่อผมได้ยินตอนแรกผมก็ไม่สนใจ เพราะผมคิดว่ามันคงเรียกเพื่อนในห้องมันเองแหล่ะมั้ง ซักพักมันก็เงียบคับ แล้วก็ส่งตัวแทนเพื่อนมันมาเรียกผมแทนถึงที่ห้องเรียนผมเลย ผมบอกกลับไปบอกว่าเด๋วจบตานี้ผมเดินไปหามันเอง แล้วก็บอกขอบคุณที่อุตส่าห์เดินมาบอก (นึกในใจ วันหลังไม่ต้องก็ได้นะ) ผมทำตามคำพูดคับ จบตานั้นผมก็เดินไปหามันที่ห้อง

“เรียกตั้งนานไม่ยินเหรอ”
“ได้ยิน แต่ไม่คิดนี่หว่าว่าจะเรียกเรา”
“แหกปากซะลั่น หูตึงรึไงล่ะ เรียก ใหญ่ๆๆๆ”
“จะรู้ไม๊ล่ะ นึกว่าเรียกเพื่อนห้องตัวเอง ว่าแต่มีไรล่ะ กำลังมือขึ้น จะไปเล่นต่อ”
“เมื่อตอนไปกินข้าว เราเห็นแกคุยกับต่าย”
“เพื่อนกันคุยกันไม่ได้หรือไง”
“จะไม่ถียงซักครึ่งนาทีได้ไม๊ว้า....”
“....เออ เออ ก็คุยเรื่องแกอ่ะ บอกว่าแกจะจีบเขา แล้วก็บอกว่าแกอ่ะจะขอเบอร์ แต่เสียใจด้วยนะ เขาไม่ให้ว่ะ”
“จริงอ่ะ โห่ย ช่วยหน่อยเหอะ ตื้อเยอะๆเดชะ เด๋วต่ายก็ใจอ่อนเองแหล่ะ”
“เราคงช่วยไม่ได้จริงๆแหล่ะนะ เพราะขนาดเพื่อนห้องเรา เขายังไม่อยากจะเป็นแฟนด้วยเลย ต่ายเขาบอกว่าเขาไม่พร้อมตอนนี้ เขายังไม่อยากมีแฟน”
“ไอ้ไม้ใช่ป่ะ แต่ถึงยังไง ไอ้ไม้ก็มีเบอร์ต่ายอ่ะ แกเอาเบอร์ต่ายมาให้หน่อยเหอะน่า”
“โทษทีนะ เราไม่อยากผิดสัญญาเพื่อนว่ะ ขอโทษจริงๆ แล้วมีอะไรอีกป่ะ เด๋วจะเรียนคาบบ่ายแล้ว”
“ตอนเย็นหลังเลิกเรียน นายมาหาเราที่ห้องเรียนหน่อยดิ มีเรื่องจะคุยด้วย”
“เออเออ” - -ผมตอบรับมันด้วยความจำเป็นก่อนที่ผมจะเดินกลับห้องไป

แล้วตอนเย็นหลังเลิกเรียนผมก็เก็บกระเป๋าอะไรเรียบร้อย วันนี้ไม่ต้องไปเรียนพิเศษ ผมเลยอยู่เย็นได้ แล้วก็พอดีเพื่อนผมชวนไปกินน้ำปั่น แล้วพวกมันจะไปเล่นเกมกันต่อ ผมบอกว่าเด่วจะไปกินน้ำปั่นด้วยละกัน แล้วเด๋วจะกลับบ้านเลย เมื่อตกลงกันเรียบร้อยผมก็เดินไปหาเดชที่ห้องเรียนของมัน เดชกำลังเดาะบอลเล่นอยู่ เมื่อมันเห็นผมมันก็ทัก

“มาเร็วดีนี่”
“มีไรว่ามา เร็วๆ เพื่อนรอ”
“จะมีซักวันไม๊ที่ไม่รีบไปกับเพื่อน”
“อะไรล่ะ ว่ามาเซ่ะ ถ้าไม่มีจะไปละนะ”
“ขอเบอร์นายหน่อยดิ”
“ไม่ให้”
“ไว้โทรคุยกันไงล่ะ”
“โรงเรียนก็มีให้คุยกัน เจอกันก็ทักกันได้”
“อย่างกับแกเคยทักเราดีดีงั้นแหล่ะ”
(คิดไปก็จริง) “เออ ต่อไปจะทักดีดีก็ได้”
“นะนะ ขอเบอร์นายหน่อยดิ”
“02-XXXXXXX อย่าโทรก่อน 6 โมงเย็น เพราะยังไม่กลับ และอย่าโทรหลัง 4 ทุ่มเพราะนอนแล้ว”
“เรื่องมากจริงๆ ขอบใจเว้ย”
“เรียกมาแค่นี้ใช่ป่ะ”
“โห เพื่อนรัก ขอบคุณค้าบ...ที่มาหา”
(คิดในใจ เป็นเพื่อนรักกับมันตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ) “เออ ไปละ เพื่อนรอ บายๆ”

แล้วผมก็เดินกลับห้องไปเอากระเป๋า แล้วก็เดินออกจากโรงเรียนไปกับเพื่อน กินน้ำปั่นตามแผนที่ได้วางไว้ แล้วผมก็กลับบ้านคับ
---------------------
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: joypluss ที่ 06-07-2008 14:48:43
มาให้กำลังใจค่ะ

 สนุกดีค่ะ...รออ่านต่ออยู่นะค่ะ

 :bye2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 07-07-2008 12:03:10
ตอนที่ 3 โทรศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย

ผมก็กลับบ้านไม่ค่อยจะเหมือนทุกวันแหล่ะคับ ทางกลับบ้านผมบางวันเปลี่ยวๆ ก็เดินเอา บางวันเพื่อนเยอะ ก็ขึ้นรถเมล์ บางวันผมจะไปเล่นเกม ก็นั่งรถเมล์กลับบ้านคับ วันนี้ก็เหมือนเคย ไปกินน้ำปั่นแล้วก็นั่งรถกลับบ้าน พอดีวันนี้ไม่มีอารมณ์เล่นเกม เลยขอกลับละกัน เมื่อกลับถึงบ้านผมก็กินข้าว อาบน้ำ ดูทีวีตามปกติ แล้วสิ่งที่ไม่ปกติก็เกิดขึ้น เมื่อมีโทรศัพท์มาถึงผม ซึ่งปกติมันก็ไม่ค่อยจะมีหรอก แม่เราก็เดินไปรับ แล้วก็บอกว่าให้เราไปคุย บอกว่ามีธุระสำคัญ ไอ้เราก็นึกว่าสงสัยจะเป็นเรื่องรายงานภาษาไทยล่ะมั้ง

“ฮัลโหล ไอ้ใหญ่เหรอ”
“เออ ใครน่ะ”
“เดชไงล่ะ”
“เออ มีไรเหรอ”
“คุยเฉยๆไม่ได้เหรอว้า...... (เสียงออดอ้อนเต็มที่)”
“คุยไรล่ะ โรงเรียนเจอกันก็คุยกันก็ได้”
“อยากคุยตอนเนี๊ยะ”
“มีไรจะคุยล่ะ”
“ถามเรื่องไอ้ไม้น่ะ ที่มันจะจีบต่าย”
“เออ ทำไม ก็รู้ เห็นว่าจะจีบมานานแล้วด้วย”
“นั่นแหล่ะ นั่นแหล่ะ ใหญ่คับ ช่วยเดชด้วยนะ เดชอยากจีบต่ายจริงๆ”
“แกไปบอกเขาเองเหอะปะ เราช่วยไม่ได้ว่ะ ก็อยากช่วยอ่ะนะ แต่แกคิดดู ต่ายเองก็ไม่อยากมีใครเป็นแฟนเขาตอนนี้ แล้วไหนจะมีไม้ที่จะจีบอีกล่ะ แล้วคนอื่นๆอีกล่ะที่เราไม่รู้ แล้วจะแกอีกล่ะ”
“ใหญ่ ก็นายไงล่ะที่จะเข้าไปช่วยให้เราเป็นแฟนต่าย”
“แกคิดดีดีนะ ไม้มันเป็นเพื่อนห้องเรานะ ถ้าต่ายจะได้เป็นแฟนใคร มันก็น่าจะมาเป็นแฟนกับไม้ไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ใครที่ไหนก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่เพื่อนของตัวเอง เพราะอย่างน้อยเราก็สามารถเชื่อใจไม้ได้ว่ามันไม่ทำอะไรต่ายแน่นอน”
“เราก็ไม่ทำอะไรต่ายหรอกนะ เขาเป็นผู้หญิงที่น่ารักนะเว้ยเฮ้ย”
“แล้วเราจะเชื่อได้ยังไงล่ะ”
“ขอเบอร์ต่ายหน่อยดิ”
“อ่ะโธ่ สุดท้ายก็วนมาเรื่องนี้ นี่คือเรื่องหลักที่โทรมาใช่ป่ะ”
“อย่าว่างั้นดิ ใหญ่เพื่อนรัก” (น้าน....ไปรักกันตอนไหนวะน่ะ)
“เอางี๊ ไว้เราไปถามต่ายอีกที ถ้าต่ายให้ก็จะให้ ถ้าต่ายไม่ให้ก็ไม่ให้ โอเคนะ”
“ไม่ แกต้องเอาเบอร์ต่ายมา ไม่ว่ายังไง เรารู้นะแกมีเบอร์ต่าย”
“เราคุยกันไปแล้วไม่ใช่เหรอว่า ถ้าต่ายไม่อนุญาตเราก็ให้ไม่ได้น่ะ”
“เออน่า ต่ายไมรู้หรอกเอาจากใคร”
“รู้แน่นอน เพราะเราบอกต่ายแล้วนี่นาว่าแกจะจีบเขา แล้วก็ใช้ให้เราไปขอเบอร์”
“เอางี๊ เราจะบอกว่า ใหญ่เผลอทำสมุดภาษาไทยร่วง แล้วเราก็เก็บขึ้นมา พอดีเห็นเบอร์เลยโทร นายว่าเจ๋งป่ะ”
“แทบจะทั้งห้องเขารู้นิสัยเราหรอกน่า ว่าเราไม่ซุ่มซ่ามขนาดนั้น เรื่องสมุดตกน่ะไม่มีทางเลย แล้วเราก็ไม่เคยเขียนเบอร์โทรเพื่อนลงสมุดเลย”
“สรุปว่า ไม่ให้ ใช่ป่ะ”
“เออ ไม่ให้”
“เออ ว่าแต่แกทำไรอยู่วะใหญ่”
“ตั้งนานเพิ่งจะมาถาม ดูทีวีอยู่ เสียอารมณ์หมดเลยแ_ร่ง”
“เออ ขอโทษ ก็อยากคุยด้วยนี่นา”
“โรงเรียนก็มีทำไมไม่คุย”
“ก็ตอนอยู่โรงเรียนนายคุยไม่ถูกชะตาเลยอ่ะ เราเกือบโมโหใส่นาย แต่เราก็อดทนไว้ เพราะเราจะจีบเพื่อนนาย ยังไงก็ต้องใช้นายอยู่ดี”
“โห ตรงดีเนอะ วันหลังไม่ต้องมาเรียกเลยนะ เห็นเราเป็นสะพาน ว่างั้นเถอะ”
“อย่าว่าอย่างงั้น เรียกว่า กามเทพดีกว่า”
“โคตรลิเก - มีไรอีกไม๊จะไปดูทีวีต่อ”
“ขอไรอย่างดิ เวลาคุยกับเรา คุยกันดีดีหน่อยได้ป่ะ ถึงเราจะจีบต่าย แต่นายก็เป็นเพื่อนเรานะ เราอยากคุยกับนายดีดีดูบ้าง อย่าดุใส่เราดิ”
“เออๆ จะพยายาม”
“โชคดีใหญ่ ฝันดีนะ”
“เออๆ เช่นกัน”
พูดจบก็วางโทรศัพท์ไป ไม่วางเปล่าล่ะซิ ใจมันก็คิดโน่นคิดนี่ เรื่องเดชนั่นแหล่ะ เราไม่เคยพูดดีๆกับมันเลยตั้งแต่รู้จักมันมา 2 วัน มันก็คงจะน้อยใจเป็นแหล่ะ อยากเป็นเพื่อนกันแต่ก็ไม่เคยพูดดีดี สงสัยเราคงต้องคุยดีดีกับมัน คบมันเป็นเพื่อน แม้จะคงละห้องก็คงไม่เสียหายอะไรหรอกมั้ง

เช้าวันศุกร์ ตื่นเช้ามาเราก็ไปโรงเรียนเป็นปกติ (สายเป็นปกติ แล้วทั้งโรงเรียนก็ต้องรอเราไปเชิญธงชาติ สรุปเช้านั้นเข้าห้องเรียนคาบแรกสายไป 10 นาที เพราะเรา)  เรียนคาบเช้าแล้วก็พักกลางวันเช่นกับทุกวัน พอเรากินข้าวเสร็จระหว่างทางกลับห้องเราก็คุยกับต่ายเรื่องเดชนั่นแหล่ะ บอกไปว่ามันโทรหาเราแล้วก็ออดอ้อนที่จะขอเบอร์ต่าย และต่ายก็ยังคงยืนยันที่จะไม่ให้เบอร์ อืม ไม่ให้ก็ไม่ให้ ไม่อยากขัดใจเพื่อน ไม่อยากให้เพื่อนไม่สบายใจ แล้วพักกลางวันนั้นก็โดนเดชเข้าไปเรียกพบเช่นเดิมที่ห้องของมัน คราวนี้มันไม่แหกปาดกเรียกแล้ว มันให้เพื่อนเดินาเรียกเราที่ห้อง แล้วก็ถามเรื่องเบอร์โทรเหมือนเดิม เราก็บอกว่าต่ายไม่ให้เหมือนเดิม เสียใจด้วยนะ (คราวนี้เราคุยกับมันดี) แล้วก็ขอกลับห้องไปอย่างสุภาพ

หลังเลิกเรียนเรากำลังเก็บกระเป๋าหนังสือ พยายามเอาของกลับบ้านให้น้อยที่สุด เพราะมันหนักและยังต้องไปเรียนพิเศษอีก ระหว่างกำลังเก็บของเข้ากระเป๋าก็มีคนมาเรียกข้างหลัง ใครล่ะ เดชนั่นเอง มันก็กล้าเนอะที่มันมาเรียกเราด้วยตัวเอง เพื่อนๆในห้องก็หันมามองแต่ก็ไม่สนใจอะไรมากมาย มันเดินจูงมือเราไปที่ห้องเรียนของมัน ในมุมที่ไม่ค่อยจะมีคนสังเกตได้จากภายนอก เดชจูงมือเราเดินไปหาเพื่อนของเดชอีก 3 คน สายตาที่เพื่อนเดชมองเราอย่างกับเป็นนักโทษ แล้วก็เริ่มเปิดฉากบทสนทนาขึ้น โดยเพื่อนของเดชคนหนึ่ง

“ใหญ่ ไอ้เดชมันชอบต่ายจริงๆนะ ตั้งแต่อยุ่กับมันมาปีนึง ไม่เคยเห็นมันเพ้อถึงใครมากมายอย่างงี๊มาก่อน”
 “ใช่ๆ”อีกคนเสริมขึ้น
“ให้เราทำไงล่ะ”
“ใหญ่ แกไม่ต้องทำไรมากเว้ย เอาเบอร์ต่ายให้ไอ้เดชมัน”
“เราทำงั้นไม่ได้ว่ะ เรารักเพื่อน เราอยากเห็นเพื่อนมีความสุขในสิ่งที่เพื่อนมันจะมี อะไรที่เพื่อนเราสบายใจเรายินดีทำ และสิ่งที่เพื่อนเราสบายใจก็คือ การที่เราไม่ให้เบอร์โทรของเขากับคนอื่น”
“ใหญ่ค้าบ......” เดชพูดพร้อมกับกุมมือของเราไปที่หน้าอกของมัน “ถือว่าช่วยหมาวัดอย่างผมละกันนะ”
“อืม เอาเบอร์ให้เดช แค่นั้นก็จบ” เพื่อนเดชเสริม
“เอางี๊ ถ้าใหญ่เอาเบอร์ให้เดช เดชมันจะยอมแกทุกอย่างเลยอ่ะ” เพื่อนเดชอีกคนเสริม แล้วก็หันไปมองหน้าเดช “เอาน่า รักคือการลงทุน”
“เราไม่ได้หวังขนาดนั้น เอางี๊ เสาร์-อาทิตย์ต่ายจะไปเรียนพิเศษ เด๋วเราลองแวะไปถามให้ละกัน เผื่อต่ายเขาใจอ่อน”
“ขอบใจมาก ใหญ่” แล้วเดชก็เข้ากอดเราซะแน่น จนเราอายคนในห้องเดชที่ยังอยู่ “แล้วคืนนี้จะโทรหานะ”

แล้วผมก็กลับมาที่ห้องคับ กลับมาพร้อมกับความรู้สึกบอกไม่ถูก ผมไม่เคยถูกเพื่อนกอดเลยคับ ถ้าไม่นับวันจากเหย้า หรืองานอำลาอะไรเนี๊ย ผมไม่เคยไปกอดใคร หรือมีใครมากอดผมเลยคับ และส่วนใหญ่เพื่อนในห้องผม พวกผู้ชายมันก็ไม่กอดกันหรอกคับ แม้กอดคอกันก็ยังไม่เคย แต่เมื่อผมถูกกอดครั้งนี้ ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมมันอบอุ่นอย่างนี้ ทั้งๆที่ผมกับเดชก็เพิ่งจะรู้จักกันไม่นานนี้เอง ผมก็เหม่อๆ จนเพื่อนบอกว่าสี่โมงครึ่งแล้ว เด๋วไปเรียนพิเศษไม่ทัน เอากับเขาสิ อยุ่ห้องคิง เรียนกับเด็กระดับเทพ ผมก็ต้องปฏิบัติตามเทพด้วย (เผื่อจะได้เป็นเทพกับเขามั่ง) แต่ก็ดีนะคับ เรียนก็เรียน เล่นก็เล่นคับเพื่อนห้องผม

ชีวิตของเด็ก ม.ปลายในเมืองหลวงนี่ก็เหนื่อยนะคับ เช้าไปโรงเรียน ไปคุย เย็นๆไปเรียนพิเศษกัน ซึ่งผมก็ไม่ต่างจากเด็กพวกนี้หรอกคับ ต้องไปเรียนพิเศษ ทั้งๆที่ก็ไม่ค่อยอยากเรียนซักเท่าไหร่คับ ตามเพื่อนมากกว่า ที่ไหนเพื่อนมากก็ลากกันไป ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ถูๆไถๆกันไป ผมเป็นคนที่รักเพื่อนมากคับ ผมจึงไม่ค่อยจะอยู่คนเดียว (ฟังเพลง – เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อย จะได้อารมณ์มาก) เมื่อผมกลับถึงบ้านก็มีเบอร์โทรศัพท์อันนึงวางบนโต๊ะ (ตอนนั้นมือถือยังไม่แพร่หลายขนาดนี้นะคับ) แม่บอกว่าคนชื่อเดชให้โทรกลับด้วย ผมก็ล้างหน้าถอดเสื้อและกางเกงออก นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว แล้วก็มาโทรศัพท์หาเดช

“ขอสายเดชคับ” – เราบอก
 “ใหญ่เหรอ กำลังรออยู่เลย ไปไหนมาน่ะ”
“เรียนพิเศษ ที่สยาม”
“ต่ายไปด้วยป่ะ”
“ไม่ได้ไป ต่ายเรียนวันอาทิตย์”
“เหรอเหรอ จดไว้ก่อนนะ”
“จดไปทำไม” – เราถาม
“ก็...นะ เผื่อเราได้เป็นแฟนต่าย จะได้ไปรับถูกวันและเวลา แล้วรู้ป่ะว่าเรียนรอบกี่โมง”
“ไม่รู้ ไม่เคยถาม”
“มีไรอีกไม๊ จะไปอาบน้ำ”
“ตอนนี้นุ่งชุดไรอยู่” – น้าน ถามมาได้
“ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว”
“เซ็กซี่เว้ยเห้ย”
“คิดไรอยู่น่ะ”
“คิดว่า ใหญ่ในชุดผ้าเช็ดตัวผืนเดียว มันจะสยองยังไง”
“มีไรอีกป่ะ” – เราถาม
“พรุ่งนี้เราจะไปสุพรรณ เอาไรป่ะ”
“ไปทำไรอ่ะ”
“เอาของไปให้พ่อที่สุพรรณ เออลืมบอก เราเป็นคนสุพรรณ”
“อ่ะเหรอ”
“ใหญ่เป็นคนจังหวัดไรล่ะ”
“กรุงเทพ”
“ดำอย่างงั้นน่ะนะ อยู่กรุงเทพ” – แล้วเดชก็หัวเราะ
“ขำไรวะ จะไปอาบน้ำแล้วนะ ร้อนๆ”
“แก้ผ้าเลยดิ”
“ตลกละ” (ใจไม่กล้าพอ)
“เออใหญ่ไปอาบน้ำเหอะ ว่าแต่ไม่เอาอะไรใช่ป่ะ”
“ไม่อ่ะ ขอบคุณ”

ร่ำลากันซักพัก ผมก็ไปอาบน้ำ ระหว่างอาบน้ำไปก็คิดว่า ไอ้เดชนี่มันก็ขำๆเนอะ แม้ภายนอกมันจะไม่น่าคบก็ตาม แต่มันก็เป็นคนดีเลยทีเดียว ไม่รู้ดิ เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ว่าเพราะอะไรถึงเป็นอย่างงั้น พออาบน้ำเสร็จผมก็หลับไปเลย โดยเรื่องของเดชก็วนเวียนในหัวก่อนจะหลับ ก่อนจะนึกในใจว่า  “โชคดีในการเดินทางนะ”
----------------------

ปล. ดีใจจังมีคนเม้นแล้ว :oni2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: joypluss ที่ 07-07-2008 21:41:13
มาทักทายและให้กำลังใจอีกค่ะ

     หนูว่าพี่น่าจะย้ายกระทู้นะค่ะจะได้มีคนไปเม้นให้เยอะๆ
 
    จะได้มีกำลังใจมากกว่านี้ย้ายไปหน้านิยายเลยน้า
 
    จะติดตามอ่านตอนต่อไปนะค่ะ ....  สู้   :a2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 07-07-2008 22:13:37
ขอบคุณคับ
 :m23:
ว่าแต่ผมจะย้ายไปยังไงอ่ะคับ
ต้องบอกใครหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รัก&#
เริ่มหัวข้อโดย: joypluss ที่ 08-07-2008 22:22:44
คงไม่ต้องบอกใครหรอกค่ะ
การย้ายก็น่าจะต้องลบกระทู้นี้ออกแล้วไปลงใหม่ในหน้านิยายนะค่ะ

ปล.ไม่รู้เหมือนกันนะค่ะ :m23:

ลองปรึกษาพี่ๆ (Moderators: oaw_eang, THIP, Poes) ดูค่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 09-07-2008 02:24:58
ย้ายมาแล้วนะ เดี๋ยวจะมาตามอ่านจ้า  :m4:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 09-07-2008 06:14:35
 :a6: โธน้องขราาาาาาา เอานิยายไว้ผิดที่พี่เลยไม่รู้ไงฮ่ะ

ไม่งั้นก็มาลงทะเบียนนานแล้ว สู้ๆๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 09-07-2008 07:16:10
 :mc4: มาเจิมนิยายใหม่ด้วยคน
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 09-07-2008 10:58:56
ตอนที่ 4 ได้มาซักที

เช้าวันเสาร์ผมก็ตื่นนอนในเวลาปกติ มันก็เป็นเรื่องปกติแหล่ะคับ เพราะเช้าผมต้องไปเรียนภาษา บ่ายๆก็ต้องไปเรียนเคมี แทบจะไม่ได้พักกันเลย วันหยุดสุดสัปดาห์ของเด็ก ม.ปลายมันช่างโหดร้ายได้เพียงนี้ ทุกทีผมจะถูกปลุกโดยนาฬิกาปลุกคับ จากนั้นจะตามมาด้วยเสียงแม่ แต่เช้านี้ผมถูกปลุกขึ้นมาด้วยเสียงโทรศัพท์คับ พอดีที่บ้านไม่มีคนอยู่ แม่ไปตลาด พ่อไปซื้อของตั้งแต่เช้า ผมก็เลยต้องมารับโทรศัพท์ด้วยเสียงอันสลึมสลือ เพราะไม่คิดว่าโทรศัพท์นั้นจะโทรมาหาผม

“ใหญ่เหรอ เดชนะ”
“เออ มีไร” – เสียงง่วงนอนเต็มที่
“ถึงสุพรรณแล้วนะ ตอนเช้าอากาศดีมากเลย”
“อ๋อเหรอ อืม” - ตอนนั้นคิดว่าอยากนอนต่อเหลือเกิน
“วันนี้จะไปไหนมั่งล่ะ” – เดชเริ่มถาม
“ก็ไปเรียนภาษาตอนเช้า บ่ายก็ไปเรียนเคมี”
“ต่ายล่ะ ไปเรียนกับใหญ่หรือเปล่า”
“เปล่า ไม่ได้เรียน ต่ายเรียนวันอาทิตย์ทั้งหมด ส่วนเราเรียนวันเสาร์ทั้งหมด”
“ก็คงจะไม่เจอต่ายใช่ป่ะวันนี้”
“ก็คงงั้น”
“ไหนบอกว่าจะถามต่ายให้ไง เรื่องให้เบอร์โทรเรา”
“เราโทรถามต่ายก็ได้”
“นี่ใหญ่ยังไม่ตื่นใช่ป่ะ เฮ้ย ตื่นได้แล้ว อากาศตอนเช้าสดชื่นนะเฟ้ย”
“เออ ขอนอนอิ่มๆซักวันนึงเหอะ มีไรอีกป่ะ”
“เรียนเสร็จโทรหาเบอร์มือถือเราได้ป่ะ 01-xxxxxxx” – ตอนนั้นใครมีมือถือ ถือว่ามีฐานะดี และตอนนั้นยังไม่มี 8
“มือถือแกเหรอเดช”
“เปล่า ของพ่อเราน่ะ ยืมพ่อมาใช้ เออ เรียนเสร็จโทรหาเราด้วยนะ”
“เออ เออ แค่นี้นะ”

หลังจากนั้นผมก็นอนไม่หลับดิคับ เสียงมันแว่วในหัวผม ไม่รู้ทำไม หกโมงครึ่งเป็นเวลาที่ผมไม่เคยตื่น ก็ต้องตื่นซะแล้ว แต่ก็ดี อากาศตอนเช้ามันดีจริงอย่างที่เดชมันว่าจริงแหล่ะ ผมออกไปเดินเล่นข้างนอก ทั้งๆที่ไม่เคยทำมาก่อน เดินเล่นซักครึ่งชั่วโมงก็กลับเข้าบ้าน กินข้าว แล้วก็ไปเรียนภาษา เช้าวันนั้นผมก็เรียนไปตามปกติ ผมไปเรียนภาษาคนเดียวคับ เพราะที่ที่ผมเรียนมันเป็นอาจารย์จากต่างประเทศมาสอน ผมได้เจอเพื่อนใหม่เยอะเหมือนกัน ตั้งแต่วัยเดียวกัน จนถึงวัยประมาณ 40 ซึ่งสถานที่เรียนก็อยู่แถวๆสวนลุมอ่ะคับ พอเรียนภาษาเสร็จก็ไปสยาม เพื่อไปเรียนเคมี เป็นเรื่องที่แปลกว่า ต่ายมาเรียนเคมีวันนี้ ปกติต่ายเรียนวันอาทิตย์ แต่ไม่รู้ทำไมถึงมาเรียนวันเสาร์แทน ถามไปถามมาต่ายบอกว่า ตอนนี้การบ้านมันเยอะ กะว่าบ่ายวันอาทิตย์จะกลับไปทำการบ้าน (ผมไม่เคยรู้สึกว่ามีการบ้านเลยคับ จะส่งค่อยลอกคนอื่นเอา) วันนั้นผมก็เลยนั่งเรียนเคมีกับต่าย แต่ก็ไม่ได้ชวนคุยกันหรอกนะ ผมค่อนข้างที่จะรู้กาลเทศะดี นอกโรงเรียนผมไม่ทำอะไรที่มันไม่ควรทำหรอก

พอเลิกเรียนผมก็กะว่าจะไปเล่นเกมตู้ที่มาบุญครองซักหน่อย ตามประสาเด็กผู้ชายอ่ะคับ แต่ต่ายบอกว่าจะไปซื้อหนังสือคู่มือที่ศูนย์หนังสือจุฬา ให้ผมช่วยเลือกหนังสือให้ต่ายหน่อย ผมเลยไม่ได้ไปเล่นเกมเลยคับ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก นานนานจะได้เดินกับต่ายแค่ 2 คน ถ้ามองข้างนอกเขาคงนึกกันว่าผมกับต่ายเป็นแฟนกัน –ไม่ใช่หรอกคับ ผมเป็นเพื่อนกับต่ายแค่นั้น และผมก็ไม่ชอบผู้หญิง เราเดินเลือกหนังสือ ซึ่งผมเองก็ไม่ค่อยจะซื้อหนังสือคู่มือหรอกคับ เปลืองเงิน และอีกอย่างผมเปิดได้สามวันผมก็เบื่อแล้ว ก็นั่นแหล่ะคับผมจึงให้คำแนะนำกับต่ายไม่ได้ แต่ก็เดินเลือกหนังสือกัน คุยกันไปเพลิน อยู่ดีดีต่ายก็ถามเรื่องเดชกับเรา

“ใหญ่ เดชยังมาคุยกับแกอยู่ป่ะ”
“คุยอยู่ ไมเหรอ”
 “เดชมันนิสัยไม่ค่อยจะดีนะ เราได้ยินข่าวมา”
“ใครบอกมาอ่ะ”
“เพื่อนห้องมันน่ะแหล่ะ เขารู้จักกับเราที่เรียนพิเศษ บอกว่าเดชนิสัยแปลกๆ เหมือนนักเลงประจำห้อง”
 “อันนี้เราก็ดูออกนะ มันเสียงดังอ่ะ แล้วอีกอย่างนึง มันจะจีบแก เราก็เลยไม่ค่อยอยากให้มันจีบแกหรอก เราสงสารแกว่ะ มันไม่เหมาะสม”
“เหรอ ใหญ่ เราก็ยังไม่อยากมีแฟนตอนนี้”
“เรารู้น่า”
“แต่แกลำบากใจป่ะล่ะใหญ่ แกต้องมารับโทรศัพท์มันทุกวัน”
“เพิ่งจะ 2-3 วันเอง อีกอย่างน่ะ เราไม่คิดอะไรจริงจังอยู่แล้ว ทุกอย่างมันอยู่ที่แกนะต่าย แกอยากจะคุยกับมันหรือเปล่า”
“แต่ถ้ามันต้องมาทำให้แกลำบากใจ ที่ต้องมาทนเดช เพียงแค่จะขอเบอร์เรา เราให้เบอร์กับเดชก็ได้นะ มันจะได้ไม่โทรมาหาแกอีกไง”
“แล้วแต่แกนะ แกคิดดีดี”
“เราว่าเราคิดดีแล้วล่ะ ใหญ่ แกไม่ต้องมาลำบากเพื่อเราก็ได้ ชีวิตของเรา เขาชอบเรา เราก็ควรจะเป็นผู้ที่บอกว่าจะคบหรือไม่”
“ซึ่งคำตอบก็คือ.....” “ไม่”
“ใช่… ใหญ่ แกก็รู้นี่นา ว่าเราไม่อยากมีแฟนตอนนี้”
  “เออ เรารู้น่า” “ตกลงให้เบอร์ ใช่ป่ะ”
  “เราตัดสินใจแล้วใหญ่”

แล้วเราก็คุยกันเรื่องอื่นๆ ต่อ จนถึงป้ายรถเมล์กลับบ้าน เรานั่งรถสายเดียวกัน แต่เราลงก่อน ต่ายบอกว่าคืนนี้จะโทรหาเรา เพราะมีเรื่องจะคุยเหมือนกัน เรื่องของเดช แต่เราบอกว่าไม่ต้องก็ได้ อ้างว่าแกจะทำการบ้านไม่ใช่เหรอ ไว้ที่โรงเรียนค่อยคุยกัน

การตัดสินใจของต่ายที่จะให้เบอร์โทรศัพท์กับเดช ถือว่าเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ เท่าที่เรารู้มาโดยปกติต่ายจะไม่ให้เบอร์โทรกับผู้ชายคนไหนเลย แม้กระทั่งเพื่อนผู้ชายก็บอกว่าอย่าโทรไปนานนัก เพราะที่บ้านของต่ายเขาไม่ชอบให้ผู้ชายโทรมา  แต่ไม่รู้ว่าครั้งนี้ทำไมต่ายถึงให้ และยังบอกว่าจะโทรหาเราด้วย ความสงสัยเริ่มเกิดขึ้น แต่การตัดสินใจของต่ายตอนนั้นแทบจะว่างเปล่า เพราะสุดท้ายเดชก็เอาเบอร์โทรของต่ายมาได้อยู่ดี เรารู้ได้จากโทรศัพท์ที่เดชโทรหาเราเมื่อตอนเย็นวันนั้น

  “เราได้เบอร์ต่ายมาแล้ว 02-*******”
  “ไปเอามาจากใครล่ะ”
  “เดชเป็นใคร เป็นถึงหัวหน้ากองร้อย เรื่องแค่นี้ทำไมจะไม่รู้”
  “ใครให้แก”
  “ทำไมต้องดุด้วยล่ะ”
  “ใครให้แก ตอบมา เราว่าเราไม่ได้ให้”
  “ก็...เราให้เพื่อนห้องเราไปสืบมาให้ แบบว่ารอนายอย่างเดียวนายก็ไม่ช่วยเราซักที”
ผมเกือบจะบอกเรื่องที่ผมคุยกับต่ายเรื่องที่ว่าต่ายยอมให้เราบอกเบอร์โทรแล้ว แต่พอมันรู้แล้วผมก็ไม่บอกดีกว่า
  “เงียบไมวะใหญ่”
  “เปล่า เออนี่ ในเมื่อได้เบอร์ต่ายไปแล้ว แกก็ไม่ต้องโทรหาเราอีกนะ”
  “ทำไมล่ะ เราเป็นเพื่อนกันนะ ไรว้า...”
  “ก็ได้เบอร์ต่ายไปแล้ว จะโทรหาเราอีกทำไม”
  “หน้าที่แกยังไม่หมด ใหญ่ แกต้องโทรไปบอกต่ายว่า เดี๋ยวเดชจะโทรไปหา”
  “ทำไมต้องบอก แกก็โทรไปดิ บอกเขาไปเลยว่าแกไปเอาเบอร์มาจากไหน”
  “โห ใจร้ายว่ะใหญ่ นะค้าบ สงสารเดชน้อยเหอะ นะนะ ใหญ่ กิ้วๆๆ” – น้ำเสียงอ้อนเต็มที่
  “เออเออ จะโทรบอกละกัน ไม่ประกันผลทีจะเกิดขึ้นนะเฟ้ย” – สุดท้ายเราก็ใจอ่อน
  “ใหญ่ แกจะไม่ถามเราซักคำเลยเหรอว่าเรากำลังทำไร”
  “ไม่ได้อยากรู้”
  “เอาอีกละ พูดดีๆได้ป่ะ”
  “ไม่ได้อยากรู้นี่ครับ ไม่รู้ว่าใหญ่จะถามทำไมครับ”
  “อยากรู้หน่อยเหอะ เรากำลังจะอาบน้ำ นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวคุยโทรศัพท์กับนายอยู่เนี๊ย”
  “เลียนแบบเราวันนั้นเหรอเฮ้ย”
  “เปล่า ก็เรารอนายโทรมาจนเย็นนายก็ไม่โทรมาซักที เราก็เลยจะอาบน้ำ แล้วก็ลองโทรหานายดู”
  “เราไปเรียนพิเศษมา” - เกือบบอกว่าไปกับต่ายแล้ว
  “ทำไมเลิกเย็นจัง”
  “ไปซื้อหนังสือกับเพื่อน”
  “เหรอ เออวันหลังนายมาห้องเราดิ หนังสือคู่มือเราเยอะเลย ใหญ่นายเอาไปอ่านได้นะ เราไม่หวง”
  “เราไม่ได้ซื้อ เพื่อนซื้อ เราแค่ไปเป็นเพื่อนมัน” (เพื่อนที่ว่า ก็ต่ายนั่นแหล่ะ) “แกไปอาบน้ำเหอะเดช เหม็นเข้าโทรศัพท์แล้ว”
“ไอ้ใหญ่เว่อร์” เดชหัวเราะ “เราอาบน้ำกินข้าวเสร็จเราจะโทรหานายนะ”
 
แล้วผมก็วางโทรศัพท์แล้วก็ไปอาบน้ำ กินข้าว แล้วเดชก็โทรมาคุยเล่นอีกแป๊บนึงแล้วก็นอนคับ

--------------------
ปล.ขอบคุณทุก comment คับ และขอบคุณพี่ๆที่ย้ายมาห้องนี้ให้คับ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 09-07-2008 17:00:33
เห็นชื่อเรื่องแล้ว  o7 เศร้าปะเนี่ย จบไม่แฮปปี้แน่เลย ทำไมเป็นเส้นขนานล่ะ น่าจะทำมุมฉากนะ จะได้มาบรรจบพบกัน  :laugh: :laugh:

แล้วจะมาเม้นท์ใหบ่อยๆจ้า  :a2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 09-07-2008 18:46:02
เรื่องสนุกคับ  แต่.................................


เศร้าแน่เรยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: joypluss ที่ 09-07-2008 19:44:41
 :m4:

เย้ๆย้ายมาแล้ว...เห็นมะมีคน เม้น เต็มเลย
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 09-07-2008 21:01:58


ไอ้พวกหัวหน้ากองร้อน รด. มันขี้เก็ก กันทุกโรงเรียนเลยน่ะเนี่ยๆๆๆๆ เหอๆ

อ่านแร้วคิดถึงเมื่อครั้งปางบรรพ์ :a11: :a11: :a11:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 10-07-2008 00:47:08
มาต้อนรับนิยายเรื่องใหม่คับ สงสัยจะเศร้าแน่เลย o7 :o12:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 10-07-2008 01:08:41
อย่าเพิ่งเดาดิคับ
 o2
อ่านไปเรื่อยๆนะ ลุ้นดีออก
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 10-07-2008 01:53:56
ลงให้ต่อเนื่องนะ อย่าดองล่ะ แล้วพี่จะตามอ่านจ้า  :m1:

ก็ชื่อเรื่องมันออกมาในทางเศร้านิขอเดาไว้ก่อน  :laugh:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 10-07-2008 09:15:10
เห็นชื่อเรื่องแล้วไม่กล้าอ่าน :m21:


กลัวเศร้าอ่ะ แต่อ่านแล้วชอบอ่ะ :m23:


รอลุ้นต่อไป :a1:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 10-07-2008 09:23:41
เดชจะจีบใครกันแน่เนี่ย หุหุ  :oni2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 10-07-2008 11:02:38

เข้ามาทักทายนิยายใหม่  อิอิ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 10-07-2008 15:45:31
เจิมเรื่องใหม่ครับผม :oni2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 11-07-2008 10:34:31
ตอนที่ 5       รายงานตัว
 o13
เช้าวันอาทิตย์คับ ไม่มีใครอยากจะตื่นเช้าๆหรอกคับ เมื่อนานนานจะได้ตื่นสายซักที เป็นโอกาสอันดีที่ผมจะได้นอนยาว เพราะเมื่อวานผมต้องมาตื่นเช้า เพราะโทรศัพท์ของเดช ก็คิดว่าเช้านี้ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ จนโทรศัพท์ดังอีกแล้ว เวลาเดิมเป๊ะ แต่...ไม่ใช่หรอกคับ เพื่อนแม่โทรมาคับ ก็เลยนอนต่อไปจนถึงแปดโมง โทรศัพท์ก็เป็นของผม ผมถูกปลุกมาด้วยเสียงอันสดใสของเดช

“เฮ้ย ใหญ่ หวัดดี”
 “อะไรอีกล่ะ”
“แปดโมงแล้ว ตื่นๆ นอนกินบ้านกินเมืองหรือไง”
 “ไปหนักตรงไหนของมรึงเดช”
“โห ไอ้ใหญ่ เดี๋ยวนี้ก้าวหน้าเรียกมรึงกับผมเหรอ”
 “ไม่ชอบคำหยาบเหรอ”
“เปล่าหรอก จริงใจดี เราชอบ”
 “อ่อเหรอ เออโทรมามีไร”
“อ๋อ เราจะบอกว่า วันนี้เราต้องขับรถไปส่งของให้พ่อน่ะ ทั้งวันเลยแหล่ะ”
“เหรอ แล้วไงล่ะ”
 “จะบอกว่า วันนี้คงไม่ได้โทรหาต่ายนะ แต่จะโทรหานายแทน”
“เพื่อ”
 “เพื่อเราเป็นเพื่อนกันไงใหญ่ ใหญ่เป็นเพื่อนเดช เดชไปไหนเดชก็ต้องโทรบอกใหญ่ดิ”
ผมอึ้งไปซักพัก แล้วเดชก็พูดต่อ
“วันนี้ไม่ไปไหนเหรอ”
“ไม่อ่ะ ไม่ได้ไปไหน อยู่บ้านให้ที่บ้านชื่นใจบ้างเถอะ”
“รู้ป่ะว่าต่ายไปไหนมั่งวันนี้”
“เรียนพิเศษ” – ผมโกหกเดชคับ เพราะว่าต่ายบอกไว้เมื่อวานว่าวันนี้ต่ายจะอยู่บ้าน
“รอบไหนล่ะ ใหญ่รู้ไม๊ ”
“ไม่ได้ถาม”
“เป็นเพื่อนกันนี่ไม่รู้เลยเหรอ”
 “อ่อ บางเรื่องเราก็ไม่ได้อยากรู้น่ะ เช่นเรื่องเวลาเรียนพิเศษ เราว่ามันไม่จำเป็นต้องรู้ว่าต่ายจะเรียนวันไหน เวลาไหน เพราะเราก็เป็นแค่เพื่อนต่าย ไม่ได้เป็นแฟนต่ายซักหน่อย”
“ก็ถ้าเราเป็นแฟนต่าย ใหญ่ แกก็ต้องรู้”
 “เหรอ เฮ้อ แต่!! ยากหน่อยนะ แกอย่าลืมว่ามีไอ้ไม้ที่ห้องเราอีกนะ”
“นั่นไงล่ะ แกก็ช่วยเราจีบต่ายดิใหญ่”
 “อ่ะเหรอ เออ เด๋วคิดดูก่อนละกัน”
“ไม่ต้องคิด ทำเลย เพื่อเรา”
“อ่อ เออมีไรอีกไม๊ เราปวดท้อง”
“อยู่บ้านทั้งวันใช่ป่ะใหญ่”
“ใช่ๆ ทำไมเหรอ”
“เผื่อเราจะได้โทรหานายไง จำไว้นะ ถ้าวันนี้นายออกไปไหน ให้โทรบอกเราด้วยนะ”
“เออ ไปละ ปวดท้อง”
ผมก็วางสายโทรศัพท์ไปคับ ไปเข้าห้องน้ำจริง ผมไม่ได้อ้างเพื่อวางสายหรอกคับ แต่ผมเองก็ขี้เกียจคุยคับ ง่วงอยู่เลยไม่อยากคุยกับใคร

เช้าวันอาทิตย์ อะไรจะสุดยอดเท่ากับการตื่นสายอีกล่ะคับ แต่ในเมื่อผมต้องถูกปลุกมาตอน 8 โมง เพราะโทรศัพท์เจ้ากรรม ผมก็เลยมาดูการ์ตูนแก้เซงคับ ก็นับว่าแก้เซงได้ดีทีเดียว ผมชอบดูการ์ตูนคับ ตั้งแต่จำความได้ผมก็ดูการ์ตูนแล้วคับ แต่ขึ้น ม.ปลายมาผมไม่ค่อยจะได้ดูแล้วคับ เพราะว่าผมต้องตื่นเช้าวันเสาร์ แล้วตื่นสายวันอาทิตย์ กว่าจะตื่นการ์ตูนก็จบพอดี แต่วันนี้ผมได้ดูคับ ดูจนจบก็อาบน้ำ กินข้าวเช้า+กลางวันในมื้อเดียว แต่ผมยังไม่ทันจะเอาข้าวเข้าปากโทรศัพท์ก็ดังอีกแล้วคับ พ่อผมไปรับสายแล้วก็บอกว่าคนชื่อเดชโทรมา ผมก็เดินไปรับอย่างหมดอารมณ์

“เดชมีไร”
“ตอนนี้เราขับรถอยู่ ไปส่งของให้พ่ออ่ะ” – ตอนนั้นยังไม่มีกฏหมายที่ว่าต้องใช้ Smalltalk ตอนขับรถคับ
“ส่งไรเหรอ”
“เสื้อผ้าทหาร แม่เราเป็นคนตัดชุดพวกทหารอ่ะ”
“งี๊ชุด ร.ด. ของแกก็ไม่ต้องซื้อดิ”
“ใช่ นอกจากไม่ต้องซื้อแล้ว บ้านเรายังมีอุปกรณ์เกี่ยวกับทหารภาคสนามอีกด้วยนะ สนเปล่า”
“ไว้เรียนปีสามค่อยซื้อละกัน”
“อะไรกัน ซื้อไว้เลยเนี๊ย เด่วปีหน้ามันขึ้นราคา”
“ไม่รู้จะรีบซื้อไปทำไม”
“เออ ว่าแต่ใหญ่ทำไรอยู่ล่ะ”
“กำลังจะกินข้าว ข้าวคำแรกยังไม่เข้าปากเราเลย”
“อ่อเหรอ ข้าวเช้าหรือกลางวัน”
“ข้าวเช้าบวกกลางวัน เช้าตื่นไม่ทัน”
“เฮ้ย มันไม่ดีต่อสุขภาพนะเว้ย”
จากนั้นผมโดนเดชสวดเรื่องอาหารเช้าที่จำเป็นต่อสุขภาพ ประมาณ 10 นาที
“แล้วต่ายทำไรอยู่รู้ป่ะ”
“จะไปรู้เหรอ อยากรู้ก็โทรไปถามดิ เบอร์ก็มี”
“ไม่อ่ะ เราบอกแล้ววันนี้จะโทรหานายคนเดียว”
“เออ ให้เราไปกินข้าวเถอะ”
“อ่อ เออ ขอโทษ อย่าลืมนะเว้ย วันหลังมาโรงเรียนเช้าๆดิ เด๋วเราพาไปกินข้าว”
“อ่อเหรอ คงไม่อ่ะ ไปโรงเรียนทุกวันก็สายอยู่แล้ว – เออ แค่นี้นะ”
ผมก็ได้กินข้าวซักทีคับ แต่กับข้าวเย็นหมดแล้ว พ่อกับแม่ก็เลิกกินแล้วคับ สุดท้ายผมก็กินกับข้าวเย็นชืดอยู่คนเดียว คิดแล้วมันแค้น มาทำลายความสุขตอนกินข้าวไปลงคอ

บ่ายๆวันอาทิตย์ ผมก็ไม่รู้จะทำอะไรคับ การบ้านมีนะ แต่ไฟไม่ลนก้นไม่ทำหรอกคับ การบ้านต้องทำขณะร้อนๆ ถึงจะดี ความรู้จะได้สดใหม่ ดังนั้นบ่ายวันอาทิตย์ผมจึงตัดสินใจนอนอยู่บ้านเฉยๆ แต่...ผมก็นอนเฉยๆไม่ได้หรอกคับ โทรศัพท์มันมาอีกแล้ว

“อะไรอีกล่ะ” – ผมถามอย่างหงุดหงิด กำลังเคลิ้มๆอยู่เลย
“บ่ายนี้เราต้องไปส่งของให้พ่ออีก เมื่อเช้าคิดว่าหมดแล้ว แต่ยังเหลืออีกตั้งเยอะ”
“อ่อเหรอ แล้วเราช่วยไรได้ไม๊”
“ช่วยให้เราหายเหงาไงล่ะ ขับรถไปคนเดียว เหงาออก”
“เพื่อนห้องแกก็มีไมไม่โทรหาวะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าวันนี้อยากโทรหานายคนเดียว”
“คิดไรกับเราป่ะเนี๊ย”
“คิด” เดชหยุดไปซักพัก “คิดว่าเราเป็นเพื่อนกัน”
“เออกูรู้ ไม่ต้องเน้นบ่อยๆก็ได้”
“คนสุพรรณ จริงใจเว้ย เพราะฉะนั้นเราก็จะจริงใจกับต่าย แต่ต่ายจะเห็นคุณค่าหนือเปล่าเนี๊ย”
“เออ คงเห็น”
“นั่นไง ใหญ่ นายต้องช่วยเรานะ”
“เออ ทำตัวให้มันน่าช่วยหน่อยละกัน” - ผมบอกปัด
“เออ ว่าแต่นายไม่สนใจอุปกรณ์สนามเหรอ”
“หัวการค้าเชียวนะ ไม่ ไม่สน ถึงเวลาค่อยซื้อ”
“ลดพิเศษเพื่อใหญ่เลยนะ”
“ถ้าฟรีแล้วค่อยมาคุยกันละกันนะ”
“ไอ้งก”
“เออ งก จะทำไม”
“ไม่ทำไมหรอกคร้าบ....” - น้ำเสียงเดชยียวนกวนประสาทเหลือเกิน
“ทำมานานยังเนี๊ย”
เดชเล่าประวัติตัวเองและครอบครัวให้ฟังประมาณ 10 นาที (ขับรถไปด้วย) เราก็ได้แต่เออๆ ตามไป เพราะไม่รู้นี่นา แต่ว่าไปเราก็ไม่เคยรู้ประวัติเพื่อนเราในห้องเลยนะเนี๊ย พ่อเป็นใคร อยู่กันยังไง
“ท่าทางบ้านแกคงน่าอยู่เนอะ” - ผมพูดกับเดช
“วันหลังไปเที่ยวบ้านเราดิ”
“แต่เรามี.....”
“...เรียนพิเศษ ใหญ่ แกจะไม่เรียนซักสัปดาห์ได้ไม๊ว้า... แกก็เก่งอยู่แล้วแหล่ะ ไม่ต้องไปเรียนหรอก”
“เออ ไม่เรียนก็โง่ดิ เทพห้องเราเยอะจะตาย”
“ใหญ่ ถ้าแกมาอยู่ห้องเรา แกจะไม่เครียดเลยเว้ย เพราะเดชจะสร้างความสนุกสนานให้ห้องเอง”
“ตัวป่วนล่ะไม่ว่า” – ผมพูดเบา แต่ตั้งใจให้มันได้ยิน
เดชถึงที่หมายที่ส่งของแล้ว แล้วก็บอกว่าถ้าส่งของเสร็จจะโทรมาอีก ผมบอกว่าไม่ต้องก็ได้ เปลืองค่าโทรศัพท์เปล่า แค่เดชบอกว่าไม่เป็นไร เพราะพ่อมันจ่าย (โห ไรเนี๊ย)

ผมวางโทรศัพท์ 15 นาทีผ่านไป เดชโทรมาอีกครั้ง คราวนี้เดชคุยเรื่องของตัวเดชเองว่าเพราะอะไรถึงมาเรียนที่นี่ ตอนแรกก็มาสอบ ร.ร.เตรียม แต่สอบไม่ติด เลยมาเข้าที่นี่แทน แล้วก็มาถามผมว่าทำไมผมเลือกจะอยู่โรงเรียนนี้ เราคุยกันอยู่นานพอควร พอดีเดชถึงบ้านแล้ว เลยขอตัวก่อน ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร

วันอาทิตย์นี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว หมดไปกับการคุยโทรศัพิ์กับเดชไปเกือบจะทั้งวัน จนกระทั่งตอนค่ำ ก็มีโทรศัพท์มาอีกแล้ว คราวนี้เดชกำลังกลับกรุงเทพฯ

“ใหญ่เหรอ”
“เออ ว่าไง”
“ต่ายชอบอะไร”
“ของฟรี” - เป็นพื้นฐานของเด็กห้องผมคับ
“ของกินล่ะ รู้ป่ะ”
“ไม่รู้ อะไรก็ได้มั้ง ถามทำไมเหรอ”
“ซื้อของฝากให้ต่ายน่ะ”
“แกอยากรู้แกก็โทรไปถามต่ายดิ”
“ไม่เอาอ่ะ งั้นซื้อขนมสาลี่ดีกว่า แล้วแกอ่ะใหญ่ แกชอบกินไร”
“อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่มะระ”
“กินง่ายดีเนอะ เหมือนเราเลย”
“เออ ไม่ต้องซื้อมาให้เราหรอกนะ บ้านเราไม่ค่อยกินกัน”
“ก็เอาไปกินที่โรงเรียนก็ได้นิ เอาไปกินกับไอ้ไม้ก็ได้”
“คู่แข่งจีบต่ายอ่ะนะ มันรู้มันจะคิดยังไง”
“แกก็อย่าให้มันรู้ดิ เอาน่า เด๋วเราซื้อขนมไปฝากนายนะ”
“แล้วแต่แกละกัน อย่ากลับมาให้มันดึกล่ะ เด๋วพรุ่งนี้มาโรงเรียนสาย”
“ก็ดีดิ มาสายจะได้เจอกับนาย”
“คงเป็นไปได้ยาก เพราะเราต้องเชิญธงชาติน่ะ ยังไงเราก็ไม่ต้องเข้าแถวกับนักเรียนมาสายอยู่แล้ว”
“งี๊มันก็ไม่แฟร์ดิ”  - เดชสวนขึ้นมา
“เราเป็นคณะกรรมการนักเรียนนะ”
“นี่เลย ใช้อำนาจในทางมิชอบ”
“งั้นเหรอ...เออว่ะ”
“ใหญ่ นายช่วยเส้นเราหน่อยดิ ให้เราไม่ต้องเข้าแถวกับพวกมาสายเวลาเรามาสาย”
“ถ้าแกมาโรงเรียนเช้าๆมันก็จบแล้ว ไม่ต้องไปดิ้นรนให้มาสายหรอก”
“ไรวะเนี๊ย ทีตัวเองล่ะ” - เดชค้อน
“มาเช้าๆ น่ะดีแล้ว ไหนว่านายจะพาเราไปกินข้าวเช้าไงล่ะถ้าเรามาโรงเรียนเช้า”
“เออใช่ว่ะ”
 “ว่าแต่เดชแกอยู่ไหนน่ะ”
“ร้านขายของฝากไงล่ะ ตกลงเอาอะไรก็ได้ใช่ป่ะ”
“เออ”
“โอเค เด๋วเราคิดเงินก่อน แล้วไม่ต้องมาให้เงินเราทีหลังนะ เราซื้อมาฝากนาย”
“เออเออ”
“ใหญ่ เด๋วเราเหงาๆ จะโทรไปหาอีกนะ”
“แกอย่าลืมนะ 4 ทุ่มเรานอนแล้ว”
“โอเคคับ”

วันนี้ทั้งวันเหมือนผมนั่งอยู่กับเดชตลอดเวลา ผมรู้เกือบทุกอย่างเกี่ยวกับเดช ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว นิสัยส่วนตัวของเดช จริงๆแล้วมันก็เป็นคนดีนะ แต่แค่ภายนอกมันเถื่อนๆไปนิด แต่จริงใจ แล้วก็เดชเป็นที่ความรู้สึกอ่อนไหวเหมือนกันนะ ผมรู้สึกได้จากการคุยกันทั้งวันนี้ แม้ผมจะไม่ได้เห็นหน้ามันก็ตามทีเหอะ ผมก็รู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนของมัน ซึ่งผมว่า ถ้าผู้หญิงคนไหนได้มันเป็นแฟนน่าจะดีใจนะ แม้มันหน้าตาไม่ดีแต่มันก็จริงใจ

โทรศัพท์ดังอีกครั้ง เป็นครั้งสุดท้ายของวันอาทิตย์นี้ เดชบอกผมว่าเดชอยู่แถวปทุมธานีแล้ว อีกไม่นานเดชก็คงจะถึงหอ ผมก็บอกมันว่าขับรถดีดีแล้วกัน อย่าไปเฉี่ยวใครล่ะ แล้วคืนนั้นผมก็นอนหลับไปพร้อมกับความรู้สึกดีๆระหว่างผมกับเดช แม้จะไม่เห็นหน้ากันก็เหอะ
------------------
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 11-07-2008 14:18:12
ระวังคุยไปคุยมาจะหลงรักเขาแล้วเจ็บปวดเองนะครับ :o12:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: กิมตี๋หัดขับ ที่ 11-07-2008 16:27:48


ตามมาเชียร์คับ จะมาอ่านเรื่อยๆน่ะ  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: KATHAE* ที่ 11-07-2008 20:22:06
มาดัน .. อิอิ

ชื่อเรื่องมันน่าเศร้า แต่ก็ลุ้นไปอีกแบบจริงๆ

ว่าแต่ เดช ..คลุมเครือ นะเนี้ย

จะจีบต่ายจริงใช่ปะเนี้ย? ..  :a4:

แต่พฤติกรรมการโทร ไม่ใช่เลยง่า  :a11:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: joypluss ที่ 11-07-2008 22:57:57
เดชนี่พูดเก่งจังเลยเนอะ.... :angry2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 12-07-2008 20:55:27
ยังไม่เคลียกับเดชเท่าไร เอาไงแน่ จะติดตามต่อไปคับ :a4:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 12-07-2008 23:26:08
เดี๋ยวก็รู้คับ
 o2
(ปล่อยให้อยากแล้วจากไป)
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 14-07-2008 11:08:04
เดี๋ยวก็รู้คับ
 o2
(ปล่อยให้อยากแล้วจากไป)

เข้ามาเจออย่างงี้ :sad2:สลบไปสองตลบครับ :sad2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 14-07-2008 23:00:22
ตอนที่ 6     ความสับสนในใจ
 :serius2:
วันนี้เป็นวันจันทร์คับ วันที่ผมต้องไปเรียน ร.ด. ผมจึงต้องตื่นเช้ากว่าเดิม เพราะกว่าจะแต่งชุด ร.ด.  มันยากกว่าชุดนักเรียนเยอะเลยคับ กว่าจะใส่เสื้อซับ เสื้อนอก กางเกง รองเท้า โอย เรื่องมากเลยคับ ซึ่งก็จะเป็นวันที่ผมมาโรงเรียนเช้าที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่เช้าของผมก็เกือบจะพอดีเรียกเข้าแถวล่ะคับ ตามประสาคนบ้านใกล้โรงเรียน ผมกำลังเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้อง เดชมันก็เดินมาหาผมพอดี

“ใหญ่ กินข้าวยัง”
“ยัง”
“ไปกินกัน ป่ะ” ว่าแล้วเดชมันก็จูงมือผมไปโรงอาหารกับเพื่อนมัน
“เฮ้ย จะเข้าแถวอยู่แล้วนะ”
“กินทันน่า 5 นาที เคยบอกแล้วไงว่าข้าวเช้าสำคัญ”

เดชมันไม่ให้ผมได้พูดอะไรทั้งนั้นเลยคับ มันจูงมือผมเดินไปที่โรงอาหาร ที่โรงอาหารมีเพื่อนมันนั่งรออยู่แล้ว รวมผมแล้วก็เพื่อนเดชทั้งหมดก็ 5 คน มันให้ผมไปซื้อข้าวแล้วก็บอกว่าจะนั่งรอตรงนั้น ผมก็ว่าง่ายคับ เดินตามมันสั่งทุกประการ

“อ่ะ ของฝาก”
“ให้ต่ายเหรอ”
“เปล่า นี่น่ะของแก ส่วนของต่ายน่ะ อันนี้เว้ย...” แล้วมันก็หยิบของต่ายให้ผมดู เหมือนกับของผมเลยคับ ขนมสาลี่ “อ่ะ ฝากให้ต่ายด้วย” ผมก็รับมาแต่โดยดี
“เออ ต่ายมายัง” เดชถามผมต่อ
“ก็ยังไม่ได้ขึ้นห้อง จะรู้ได้ไง ก็แกลากเรามาโรงอาหารแบบไม่ให้เราพูดไรซักคำ”
“อ่อเหรอ เออ ก็เราเคยบอกนายนี่หว่า ว่าจะพานายมากินข้าวเช้ากับเรา ถ้านายมาเช้า”
“แกมาดักรอเราเหรอเดช” ผมถามอย่างสงสัย
“ก็เออ เรามองลงมาจากห้อง เห็นนายกำลังเดินมา ก็เลยลงไปดัก”
“นี่แกมีอะไรจะคุยกับเราหรือเปล่าเนี๊ย”
“เด๋วออกไปเรียน ร.ด. กับเรานะ ห้ามปฏิเสธ เรามีเรื่องอยากคุยกับแกเยอะเลยใหญ่”
“โทรคุยก็ได้มั้ง คือเรา...ปกติเราไปกับเพื่อนห้องเราตลอด”
“ใหญ่ แกก็บอกไปดิ ว่าไปกับหัวหน้ากองร้อย รับรองไม่กล้าหือ”
“เอาเป็นว่า เราไม่ไปกับแกนะ มีไรก็คุยตรงนี้แหล่ะ ไม่งั้นก็โทรคุยละกัน”
“แกกลัวไอ้ไม้มันรู้เรื่องที่แกมาช่วยเราจีบต่ายเหรอ”
“เราไม่ได้ช่วยแกจีบต่าย แกเคยถามเราซักคำป่ะล่ะว่าเราอยากช่วยหรือเปล่า”
“............” - -เดชเงียบไปซักพัก
“เอ่อ….เราขอโทษละกัน” – ผมพูด แต่เดชมันก็เงียบไปจริงๆ หน้าเปลี่ยนสีเลย “เออขอโทษคร้าบ ผมจะไปกับท่านก็ได้คร้าบ”
 “จริงเหรอ แต่แกไม่ต้องทำอย่างงั้นก็ได้นะ แกไปกับเพื่อนแกเหอะ เราเข้าใจ เรามันมาทีหลัง ไม่ว่ายังไงเราก็คงชนะใจต่ายไม่ได้ แล้วนายก็ไม่ช่วยเราอีกด้วย เราเข้าใจ” – เดชพูดอย่างเจือน ๆ

ผมรีบกินข้าวแล้วก็ขอตัวจากโต๊ะนั้น ออดดังแล้ว ผมต้องไปเชิญธงชาติตามปกติคับ

คาบเช้าวันนั้นผมเรียนไม่รู้เรื่องเลยคับ คำพูดที่เดชมันพูดมันวนเวียนในหัว ผมไม่สามารถจะทรยศเพื่อนเอาคนที่เพื่อนชอบไปให้คนอื่นได้หรอก แต่ตอนนี้เดชมันก็เป็นเพื่อนผมเหมือนกัน ผมได้รู้จักมันมากขึ้นกว่าคนอื่น มันก็เป็นคนดีคับ จริงใจ (แบบบ้านๆของมัน) ก็ถูกของมันนะคับว่ามันเป็นคนมาทีหลัง ไม้เป็นคนที่เริ่มจีบต่ายก่อน แต่ต่ายก็ยังไม่ใจอ่อน ความคืบหน้าระหว่างไม้กับต่ายก็ถือว่าไม่ได้เปรียบไปกว่าคนอื่นทั้งสิ้น ไม้ได้เปรียบอย่างเดียวคือไม้อยู่ห้องเดียวกับต่าย แล้วก็มีแบกอับอย่างผมและเพื่อนๆช่วยเหลือกันอยู่คับ ดังนั้นเดชจึงถือว่าไม่มีแบกอับเลยก็ว่าได้ สิ่งนี้คงเป็นสิ่งที่เดชเสียเปรียบในการที่จะจีบต่าย ผมควรจะช่วยใครล่ะคับ คิดอะไรเพลินๆ หมดไปสองคาบแล้วคับ ไม่ได้เรียนเลย

ระหว่างเปลี่ยนคาบรออาจารย์มา ผมเอาของฝากให้ต่ายคับ บอกว่ามาจากเดช แต่ไม่ได้ให้ไม้มันเห็นหรอกคับ กลัวมันไปสืบแล้วรู้ว่ามาจากเดช ต่ายก็รับไว้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ตอนแรกจะไม่รับ เกรงใจ ผมก็บอกว่าถ้าแกไม่รับผมจะเดือดร้อนคับ (เดือดร้อนเพราะไอ้เดชนั่นแหล่ะ) ต่ายก็เลยรับไว้ คาบต่อไปต่ายเลยย้ายมานั่งข้างผมคับ ผมกะว่าจะเรียนซักหน่อย

“เดชโทรหาแกอยู่อีกป่ะ”
“โทร เมื่อวันอาทิตย์โทรมาหลายรอบเลย” - ผมบอกต่ายไปตรงๆ
“แล้วแกก็ยังคุยกับมัน”
“ก็ใช่ดิ...คุยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
“ทำไมแกไม่บอกว่า ทำการบ้าน หรือว่ายุ่งอยู่วะ”
“เออว่ะ ลืมคิด” – ผมลืมคิดจริงๆคับ ผมน่าจะบอกว่าเมื่อวันอาทิตย์ผมไม่อยู่ เดชจะได้ไม่โทรมา
“แล้วเดชเอาสาลี่มาจากไหน”
“ซื้อมาจากสุพรรณ” – แล้วผมก็เล่าเรื่องที่เดชไปสุพรรณ ไปทำอะไรบ้าง แล้วก็เรื่องโทรศัพท์ที่เดชโทรหาผม
“ใหญ่ เราขอบคุณแกมากเลยนะ ที่แกต้องมาลำบากเพื่อเรา”
“ลำบากไรกัน ไม่เป็นไรหรอกแค่โทรศัพท์ อีกอย่างเราก็ไม่ได้อะไรอยู่แล้ว เรารู้ว่าแกยังไม่อยากมีแฟน แม้กระทั่งไอ้ไม้แกก็ไม่อยากเป็นแฟนมัน ทั้งที่มันทำดีกับแกสารพัด”
“ใหญ่อย่าทำให้เรารู้สึกผิดดิ” - ต่ายตีแขนเราแล้วก็ทำเป็นอายๆ
“แล้วมันจริงป่ะล่ะ”

ผมรู้สึกว่าคาบนั้นผมถูกจับตามองคับ ปกติต่ายไม่เคยเป็นคนแบบนี้ ต่ายจะตั้งใจเรียน ไม่เคยมาแอบคุยกันหลังห้อง และยิ่งกว่านั้น ไอ้ไม้มันมองผมตลอดเวลาเลยคับ ผมรู้ได้จากเพื่อนที่นั่งถัดจากผมไปสะกิดให้ผมมอง ผมยิ้มไปทางไอ้ไม้เล็กน้อยแล้วผมก็หันไปเรียน ปากผมก็พูดอยู่กับต่ายคับ ผมขอให้ต่ายรับของของเดชไว้คับ อย่างน้อยเวลามันเห็นมันจะได้ดีใจคับ

หลังหมดคาบ ผมกำลังจะไปกินข้าวกับเพื่อนๆของผมคับ ผมพยายามเก็บกระเป๋าให้ช้าที่สุด เพื่อให้เพื่อนผมรอแล้วจะได้เดินไปด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ จะได้ไม่ต้องเจอเดชคับ ผมไม่อยากตอบคำถามมัน ไม่อยากคุยกัยมัน ระหว่างทางไปกินข้าว ไม้ก็มาขอคุยกับผมคับ

 “แกคุยอะไรกับต่ายเมื่อเช้าวะ”
“หึงเหรอ” - ผมแหย่มัน
“เออ ถ้ากูไม่รู้จักมึงมาก่อน กูก็หึง แต่พอดีกูรู้ว่ามึงเป็นไง ก็เลยไม่”
“นั่นแน่” - - ผมแหย่มันอีกรอบ
“แล้วตกลงคุยไรกัน”
“การบ้านที่สอนพิเศษ ต่ายเอามาถามเรา” – ผมโกหกคับ ไม่อยากให้ไม้มันไม่สบายใจ
“จริงเหรอ” - ไม้ถามเหมือนรู้
“เออ”
“ไม่เห็นหนังสือเรียนพิเศษสักเล่ม”
“ต่ายเขาจดใส่กระดาษมาถาม เขาจะเอาหนังสือมาให้มันหนักทำไม”
“แล้วของที่ต่ายถือวันนี้มันคืออะไร”
“ไม่รู้” – ผมโกหกคับ
“ไม่รู้ได้ไง ในเมื่อ เมื่อเช้ามันอยู่กับแก แล้วมันก็ไปอยู่กับต่าย”
“ถุงเหมือนกันหนือเปล่า เมื่อเช้าเราเอาถุงนั้นมาใส่ของที่ห้องปกครอง”
“ของนั้นคือไรอ่ะ บอกเราได้ป่ะ”
“ของที่ยึดมาจากไอ้พวกเด็ก ม.1 น่ะ จะเอาไปบริจาคให้เด็กเล็ก”
“ตกลงแกก็ไม่รู้ใช่ป่ะว่าในถุงของต่ายที่ถือคือไร”
“ไม่รู้จริงๆ ให้บอกกี่รอบว้า....”
“แล้วแกคุยอะไรกับต่าย ตั้งนาน” - (ท่าทางไอ้ไม้มันจะจิตตกเรื่องต่าย ถามซ้ำไปซ้ำมา)
“ก็...เมื่อวันเสาร์ต่ายไปสยามกับเรา...”
“ทำไมไม่บอกกรู” - ไอ้ไม้เริ่มขึ้นเสียง
“เราเจอต่ายแบบบังเอิญ ปกติต่ายเรียนพิเศษวันอาทิตย์ ใช่ป่ะล่ะ”
“ว่าไปก็จริง ต่ายเรียนวันอาทิตย์ แล้วทำไมต้องย้ายไปเรียนวันเสาร์วะ”
“เขาจะทำการบ้านวันอาทิตย์ การบ้านเขาเยอะ มรึงคงไม่เคยสินะว่าต้องทำการบ้าน ก็ลอกต่ายเขาเป็นประจำนี่หว่า”
“สาด..แ_ร่ง หลอกด่า”
“ก็นั่นแหล่ะ กูไม่คิดว่าจะเจอเขาด้วยซ้ำ เรียนเสร็จเขาก็ไปศูนย์หนังสือกับเรา”
“2 คน?” – ไม้ถาม
“เออ”
“ต่ายคุยอะไรถึงเราป่ะ” – ไม้ถามอีกรอบ
“ไม่ ต่ายคุยโน่นนี่ เกี่ยวกับแผนการเรียนของเขา”
“ทำไมไม่คุยเรื่องอนาคตของเรากับต่ายวะ”
“เข้าข้างตัวเองเต็มที่เลยนะมรึงไอ้ไม้”
“เห็นพักนี้แกคุยกับต่ายบ่อยจังวะใหญ่”
“ช่วยไม่ได้นี่หว่า ก็เราเก่งกว่าแก มีอะไรเขาก็ถามเราดิ”
“แกช่วยเชียร์ให้ต่ายเขาใจอ่อนได้ป่ะละ”
“จะพยายามละกัน มันขึ้นกับต่ายนะเว้ยไม่ใช่ขึ้นกับเรา”
ผมถึงโรงอาหารซักทีคับ รั้งท้ายกันสองคนกับไอ้ไม้ ผมรีบกินข้าวแล้วก็ไปเรียน ร.ด. คับ

ผมเริ่มคิดมากแล้วคับ สับสนว่า ผมจะช่วยใคร ไม้มันก็เป็นเพื่อนห้องผม เป็นคนดี แทคแคร์ต่ายดี แล้วผมก็เห็นมันตลอดเวลาที่มันอยู่ที่โรงเรียนคับ ถ้าเพื่อนในห้องเป็นแฟนกันผมว่ามันก็โอเค อีกคนก็เดช เพิ่งรู้จักกันไม่นานแต่คุยกันอย่างกับรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ เดชเป็นคนตรงๆคับ แต่เรื่องผู้หญิงเนี๊ย มันไม่กล้า มันจึงต้องให้ผมช่วยเหลือ
--------------
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: jeng_jey ที่ 14-07-2008 23:40:53
จิ้มๆๆๆคับ
แล้วเมื่อไหร่
เดชจะหันมาชอบใหญ่ซะทีอะคับ
หวันไหวนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 15-07-2008 16:49:01
 :m32:

แอบมาอ่านครั้งแรก


 :laugh:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: joypluss ที่ 15-07-2008 17:08:11
จะช่วยใครกันละทีนี้   o2
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 16-07-2008 21:52:20
ตอนที่ 7       ก็เราเป็นเพื่อนกัน
 :a1:
สุดท้ายผมก็ไปเรียน ร.ด. กับเพื่อนห้องผมคับ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อเช้าเดชโกรธผมจริงหรือเปล่า ผมไม่กล้าไปเรียนกับมันหรอกคับ ผมกินข้าวเสร็จก็เลยไปเรียนเลยคับ ไม่ได้รอเดชแต่อย่างใด ทุกอย่างยังคงเป็นไปอย่างปกติ มันก็ยังคงเป็นหัวหน้ากองร้อยอันแสนจะขี้เก๊กในสายตาพวกผมอยู่ดี แต่สิ่งที่แปลกไป ผมเคยมองมันในแง่ลบตลอดเวลา วันนี้ผมได้มองมันอย่างที่ผมเคยมอง วันนี้ผมมองว่า มันเป็นเพื่อนของผมคนหนึ่งเช่นกัน

ระหว่างที่เรียน ร.ด. ก็จะมีพักเบรกกันบ้าง ไม่ให้ฝึกหนักกันจนเกินไป ระหว่างพักผมกำลังกินน้ำเปล่าอยู่เดชก็เดินเข้ามาทัก
“ไหนว่าจะมากับเราไงล่ะ”
 “ก็แกบอกเองไม่ใช่เหรอว่ามากับเพื่อนที่ห้องก็ได้ เราก็เลยไม่ได้รอ” “แกรอเราอยู่เหรอ”
“ก็ซักพัก พอรู้ว่านายออกไปแล้วก็เลย....”
“อ่อ งั้นเราขอโทษละกันนะ”
 “ไม่เป็นไรใหญ่ เราเป็นเพื่อนกันนะ”
“แกไม่โกรธเรื่องเมื่อเช้าหรอกเหรอ”
“น้อยใจมากกว่าอ่ะใหญ่ ก็นะ... ไอ้ไม้มันได้จีบต่ายเต็มๆ แต่เรากลับทำไรไม่ได้เลย”
 “ต่ายเขาก็ไม่ได้ชอบใครนี่หว่า เขายังไม่เปิดใจรับใคร”
“อืม”
“แกว่าตอนนี้ต่ายทำไรอยู่วะ”
 “จะรู้ไม๊ล่ะ ไม่ได้เป็นอะไรกับต่ายซักหน่อย”
“ก็อยากรู้อ่า....”
“เมื่อไหร่แกจะโทรไปหาต่ายซักทีวะ เบอร์ก็มี”
 “กลัวโดนต่ายด่า”
“กลัวก็ไม่ต้องจีบ โอเคมั้ย”

สัญญาณออดดังขึ้น หมดเวลาพักแล้ว ผมเลยขอลากับเดชตรงนั้น จากนั้นพวกผมก็ฝึกกันต่อคับ ฝึกกันจนหมดเวลา ทีนี้ก่อนกลับบ้าน ก็จะต้องมีแบบว่า สวนสนามอ่ะคับ เดินแถวอย่างเป็นระเบียบออกไปจากศูนย์ฝึก ผมเป็นหัวหน้าหมวด (ที่มันปักสีแดงอ่ะคับ - แต่ผมไม่เก๊กนะ) ผมก็ต้องกล่าวรายงานว่าวันนี้ในหมวดขาดกี่คน อะไรประมาณนั้นน่ะ แล้วก็เดินออกจากศูนย์ฝึก เพื่อมารอรถเมล์กลับบ้าน ถ้านึกสภาพออก รถเมล์ที่ผ่านตรงนั้นเมื่อมี ร.ด. เลิกเรียน จากรถว่างๆ จะกลายเป็นรถไม่มีที่นั่งได้ในพริบตา เล่นขึ้นกันไปยี่สิบว่าคนอ่ะคับ แล้วผมนั่งไกลซะด้วย ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะเดินช้า ๆ กับเพื่อนอีก 2 คน (เขาคิดเหมือนผมคับ ให้รถแน่นๆ มันไปก่อน เหลือว่างๆ ให้เรานั่งกัน) ผมทำอย่างงี๊มานานแล้วคับ แต่ก็อีกนั่นแหล่ะ พอผมรู้จักเดช ทำไมผมต้องเจอกับมันแทบจะทุกอิริยาบท แม้กระทั่งผมจะกลับบ้าน ผมไม่เคยเห็นหน้ามันเลย วันนี้ผมก็เห็นมันคับ เดินอยู่กับเพื่อนกลุ่มของมัน กลุ่มเดิมที่มันเคยแนะนำให้ผมรู้จักคับ

“ใหญ่กลับสายไร”
“ปอ.23”
“กลับด้วยดิ”
“ปกติแกกลับสายนี้เหรอ”
“เปล่า วันนี้จะไปลงหน้าโรงเรียน แล้ว ปอ.23 มันถึงบ้านใหญ่ป่ะ”
“ไม่อ่ะ ปกติก็ลงหน้าโรงเรียน แล้วก็นั่งรถจากหน้าโรงเรียนกลับอีกมี” – “แล้วหอแกอยู่ไหนอ่ะเดช”
“ปกติเรานั่งสาย 117 กลับหอ พอดีวันนี้มีธุระแถวโรงเรียน เลยนั่งรถตามแก”
“บอกได้ป่ะธุระอะไร”
“ได้... จะไปบ้านต่าย เรารู้ว่าเขาอยู่ตรงไหน เขาอยู่ใกล้ๆโรงเรียน”
“นึกว่านั่งตามเราซะอีก” – ผมแซวมันเล่น
ผมทิ้งเพื่อนที่เหลือไว้เลยคับ ลืมแนะนำให้รู้จัก กับเดช แล้วผมก็ทำหน้าที่พูตคับ แนะนำว่านี่คือเดชและผองเพื่อน และผมก็บอกเดชว่านี่ก็คือเพื่อนของผม ทักกัน 3-4 คำเดชมันก็คุยกับเราต่อ
“จริงๆ เราก็นั่งรถสายนี้ตามแกแหล่ะใหญ่”
“ทำไมล่ะ”
“ก็...เอ่อ...คือว่าเราอยากคุยกับแกเยอะๆ”
“แต่บางที...เอ่อ...เราไม่ต้องคุยกันตลอดเวลาก็ได้นะ”
“คนสุพรรณมันพูดมาก” - เพื่อนเดชเสริม
“ไอ้เวรนี่ขายกรูซะงั้น” - เดชหันไปด่าเพื่อนมัน
“ใหญ่พูดถูก   เดช มรึงน่ะพูดมาก มากมากจนบางทีพวกกรูก็รำคาญ” – เพื่อนอีกคนเสริม

จากนั้นเป็นการทะเลาะกันระหว่างเดชกับเพื่อนของมันคับ ทะเลาะกันเจ็บๆ คัน ๆ แล้วรถเมล์ก็มาพอดี ทุกอย่างจึงยุติ เพื่อนผม 2 คนมันนั่งที่นั่งคู่กับ (ปกตินั่งที่นั่งหลังสุด มันนั่งได้เยอะ แต่ทำไมวันนี้มันทำกับผมอย่างงี๊อ่ะ) ผมเลยเดินไปที่ที่นั่งคู่ที่ติดกับเพื่อนของผม เออผมนั่งคนเดียวก็ได้ (ผมคิดในใจ) เพื่อนเดชก็นั่งกันไป เดชมันก็อิดออดคับ สงสัยปกติเดชมันต้องนั่งกับเพื่อน แต่เหมือนเพื่อนแกล้งให้มันนั่งคนเดียว ผมนั่งไปซักพักเดชมันก็มานั่งกับผมคับ มันบอกว่าเหงา จริงๆผมว่าผมจะนอนซักหน่อย เพราะกว่าผมจะลงมันก็ไกลน่าดู แต่เมื่อเดชมานั่งข้าง ๆ  ผมคงไม่ได้นอนซะแล้ว มันชวนผมคุยคับ ตลอดทางเลยตั้งแต่เรื่องเรียนของมัน เรื่องไอ้ผองเพื่อนของมัน มันแฉหมดเลยคับใครเป็นยังไง แล้วมันก็ชวนผมไปบ้านต่ายคับ ผมเองยังไม่รู้จักบ้านต่ายเลย ผมเลยบอกว่าไม่ไปละกัน อีกอย่างก็เย็นแล้วด้วย (ตอนนั้น 6 โมงเย็นก็ถือว่าเย็นนะคับ) แต่ทว่ามันเอาของกินมาล่อผม แน่นอนดิคับ ผมก็เลยต้องเดินตามมันไป อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จริงๆแล้วถึงมันจะไม่เอาของกินมาล่อ ผมก็ต้องไปกับมันอยู่ดี มันบังคับผมอ่ะคับ มันบอกเพื่อนผมว่า ผมกับมันสนิทกันมาก แล้ววันนี้ผมจะไปที่หอมันคับ ก็เลยนั่งรถมาด้วยกัน (คิดในใจ อะไรวะ ไม่ได้ถามกรูซักคำ - ผมว่าพรุ่งนี้เตรียมตัวแก้ข่าวแน่เลย) สุดท้ายผมเลยต้องลงรถป้ายแถวบ้านต่าย (ก็อีก 2 ป้ายก็ถึงโรงเรียนแล้ว)

ผมเดินไปกับเดชและเพื่อนกลุ่มมันคับ มันก็คุยอะไรเรื่อยเปื่อยกับเพื่อนมัน ทิ้งผมให้เดินคนเดียวคับ พอดีเพื่อนมันคนนึงเห็นผมเดินคนเดียว ก็เลยมาคุยด้วย มันบอกว่าแกไม่ต้องเกรงใจ เพื่อนเดชก็เพื่อนเราเหมือนกัน จำไว้ว่าเราเป็นเพื่อนกัน จะว่าไปเพื่อนเดชทั้งหมดเป็นคนต่างจังหวัดหมดเลยคับ ซึ่งเด็กผู้ชายต่างจังหวัดมันจะมีนิสัยตรงๆ จริงใจ และดูเถื่อนๆ ผมไม่เคยมีเพื่อนแบบนี้คับ ผมเลยรู้สึกตื่นเไม้(มั้ง) เพราะปกติห้องผมเป็นเด็ก กทม. เป็นส่วนใหญ่ ผมเลยไม่ค่อยจะเจอบรรยากาศกลุ่มเพื่อนแนวนี้อ่ะคับ

เดินไปก็ไกลแล้ว ยังไม่ถึงซักที เจอร้านน้ำปั่นร้านนึงคับ เดชก็เลยซื้อเลี๊ยงผม ผมกล่าวขอบคุณก่อนที่จะรับมากินอย่างชื่นใจ นอกจากจะชื่นใจเพราะฝึก ร.ด. มาจนเหนื่อยแล้ว น่ำปั่นแก้วนี้ฟรีคับ ระหว่างกำลังรอน่ำปั่นของเพื่อนๆเดชกัน สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ต่ายออกมาซื้อกับข้าวไปกินตอนเย็นพอดี ต่ายแวะมาหาผมที่ร้านน้ำปั่น ตอนนั้นเดชทำอะไรไม่ถูกเลยคับ จากเดิมเป็นคนพูดมาก มันกลับไม่พูดอะไรเลยคับ

“ใหญ่มาทำไร แล้วเพื่อนๆเราล่ะ”
“มาซื้อน้ำปั่นน่ะ” - ผมโกหก
“เรามาซื้อกับข้าวเย็น”
“เพื่อนๆเราล่ะ แล้วพวกนี้ใครเหรอ”
“ต่าย คนนี้ชื่อเดช คนนี้ชื่อ เต้ เข้ม แล้วก็เอก”

ต่ายพยักหน้ารับคำทักทายของคนทั้งสาม (จริงๆแล้วต่ายรู้มานานแล้วว่าคนนั้นชื่อเดช) แล้วต่ายก็เรียกผมออกมาคุย

“แกมากับเดชได้ไง”
“ก็...เอ่อ จะว่าไงดีล่ะ แบบว่าหิวน้ำปั่น แล้วเพื่อนเราก็แยกกันกลับบ้านแล้วอ่ะ ก็เลย...มาคนเดียว แล้วพอดีเจอพวกนี้ ก็เลยเดินมาด้วยกัน ก็แค่นั้น”
“เรารู้นะใหญ่ว่าแกโกหก เหตุผลไม่ค่อยน่าเชื่อ ปกติแกต้องไปกับห้องเราดิ แล้วแกมาที่นี่ได้ไง”
“ก็มาซื้อน้ำปั่น” – ผมยังคงโกหก แต่ยิ่งบอกไปเท่าไหร่ต่ายก็ไม่เชื่อ
“ที่อื่นก็มีขาย ทำไมแกต้องมาซะถึงที่นี่”
“เรื่องนั้น....เออคือ ยังไงดีล่ะ ก็ไอ้ไม้มันบอกว่าน้ำปั่นแถวบ้านแกอร่อย ก็เลย...มาลองชิมดู” - – ผมก็ยังคงโกหก
“ไม้เคยมาแถวนี้ด้วยเหรอ”
“ไม่รู้ ก็มันบอกมาว่าอย่างงั้น”
“พรุ่งนี้เราคงต้องมีเรื่องคุยกันยาวนะใหญ่”
“แกจะคุยอะไรก็ตรงนี้ก็ได้ ถ้าเรื่องมันสำคัญ”
“เราอยากรู้ว่าแกมากับพวกนั้นได้ยังไง”
“คืองี๊ ..........” – ผมเล่าเหตุการณ์ที่ผมเจอมันที่ป้ายรถเมล์หน้าศูนย์ฝึก โดยละเอียด รวมถึงการที่ผมตามเดชมาก็เพราะเดชจะเลี๊ยงน้ำปั่นผม ผมเลยเดินตาม
“เห็นแก่ของกิน ว่างั้น” - ต่ายถาม
“ก็...ไม่ใช่อย่างงั้นซะทีเดียว มันบอกว่าจะมาดูแค่ปากซอยบ้านแก เราเห็นว่ามันก็ไม่น่าจะรบกวนแก ก็เลยให้มา”
“ดูปากซอยบ้านเราเนี๊ยนะ ตลกเนอะ”
“เราคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไร ก็เลย....”
“อ่ะอ่ะ งั้นเราไปก่อนนะ ที่บ้านรอกับข้าว”
“ต่าย เราขอไรอย่างได้ป่ะ สมมุติว่าถ้าเจอกับเดช แกก็ช่วยทักมันหน่อยเถอะ”
“แต่ว่า....”
“เรารู้ว่าแกไม่อยากมีแฟน แต่แกก็อย่าทำให้ชีวิตมันเฉาตายหน่อยเลย ถ้าเจอกับมันก็ทักๆมันบ้าง มันจะได้สดชื่น แล้วอีกอย่าง มันจะได้ไม่ต้องมาตามเราอีก”
“แล้วถ้าไม้รู้ล่ะ”
“เราก็รู้สึกผิดกับไม้มันนะ แต่ก็เอาเถอะ ในเมื่อแกยังไม่เลือก ก็มีโอกาสทั้งคู่ แกก็อย่าเพิ่งทำลายความหวังของเดชเลย จริงๆแล้วเราคารจะมาเชียร์ไม้มากกว่าเดชนะ”
“ไม้รู้แกจะทำไงล่ะใหญ่”
“เราเองมาพูดอะไรอยู่แล้วต่าย แกก็อย่าให้ไม้มันรู้ละกัน”

แล้วผมกับต่ายก็เลิกคุยกันคับ ผมพาต่ายไปบอกลากับเดชและเพื่อนๆ แล้วต่ายก็เดินกลับไปที่บ้าน หลังจากนั้นเดชก็ย้อนทางเดิมเพื่อกลับหอมันบ้าง ระหว่างนั้น....

“ต่ายคุยไรกับแกวะ”
“ก็...ถามว่าเพื่อนเราไปไหน มากับพวกแกได้ไง”
“แล้วตอบไปว่าไง”
“ตอบไปตามตรง ว่าแกบังคับเรามา”
“เสร็จกัน !! โธใหญ่...อย่างงี๊ต่ายก็เห็นเราเป็นคนป่าเถื่อนดิ”
“ไม่ทันแล้วแหล่ะ ฮ่าๆๆๆ” - ผมแซวเดชเล่นๆ
“แกพูดไรกับต่ายบ้างวะ”
“ก็...เอ่อ หลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่อง.....” – ผมเว้นช่องว่างให้มันอยากรู้
“เรื่องไรล่ะ เร็ว...ๆๆ”
“เรื่องที่แกรู้ว่าน้ำปั่นร้านนี้อร่อย”
“จริงเหรอ”
“เออ แล้วก็อีกเรื่อง ถ้าเจอต่ายก็ทักได้นะ เราบอกต่ายแล้ว”
“จริงเหรอ ใหญ่ เพื่อนรัก ขอบคุณๆๆ” – พูดไปมันก็กอดผมจนแน่น ทามกลางสายตาของคน
“เออ แต่ตอนนี้ แกช่วยปล่อยเราออกก่อนเถอะ อายคน”
“อ่อ...ขอโทษๆๆ”

แล้วผมก็ขอตัวกลับบ้านคับ เดชและเพื่อนเดินไปส่งผมที่ป้ายรถเมล์ ผมรออยู่นานพอควร ทำไงได้สายนี้ไม่ค่อยมีคับ (แต่นั่งจริงๆ ก็ไม่กี่ป้าย) ก็เลยคุยกันนานพอควร แล้วผมก็ได้ขึ้นรถเมล์กลับบ้านคับ
----------
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: joypluss ที่ 16-07-2008 22:05:01
ต้องมีเศร้าแน่ๆเลยเรื่องเนี่ย   o7
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 16-07-2008 23:37:43
 :m32:
ชอบชื่อเรื่องนะ...แม้ลักษณะการเขียนจะใช้สำนวนไม่สละสลวยสวยงามมากมาย
แต่ออกไปแนววัยรุ่น ดูทันสมัย และเนื้อเรื่องก็ชวนติดตามดี +1 ให้เป็นกำลังใจ...

ต่ายนี่น้องโดนัทป่าวเนี่ย...สวยเลือกได้  :m20:

แล้วตกลงเดชจะชอบใครว้า...แต่ที่แน่ ๆ ใหญ่ของเราชอบเดชแหง๋ ๆ
 :a2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 17-07-2008 02:22:29
คือเพิ่งจะหัดเขียนอ่ะคับ

มันเลยเป็นเรื่องที่เล่ามาจากปาก มากกว่าจะเป็นภาษาเขียนอ่ะคับ มันก็เลยดูหยาบๆไปบ้าง
 :pig4:
ขอบคุณสำหรับคำติชมคับ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 18-07-2008 07:26:28
  :oni1: มารอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 18-07-2008 22:10:29
ตอนที่ 8       ขอบคุณกันและกัน
 :a11:
“ใหญ่หวัดดี”
“เออ มีไร”
“รู้แล้วเหรอว่าใครโทรมา”
“เสียงแบบนี้มีอยุ่คนเดียว ไอ้เดช ใช่ป่ะล่ะ”
“รู้ใจจริงๆใหญ่”
“แล้วโทรมามีไร”
“เรายังไม่กล้าโทรหาต่ายอ่า... ทำไงดีใหญ่”
“หยิบโทรศัพท์มา กด 02-******* รอคนมารับสาย แล้วก็บอกว่าขอสายต่าย” - ผมตอบอย่างกวนๆ
“ไอ้นี่แมร่งกวนว่ะ”
“ก็แกถามว่า ทำไงดี ก็เลยบอกวิธีใช้โทรศัพท์ไงล่ะ”
“คือ กรูน่ะไม่กล้า”
“ก็กล้าซะเซ่ะ บอกต่ายให้ก็แล้ว ที่เหลือก็เป็นเรื่องของแกแล้ว”
“เรื่องมันยังไม่หมดแค่นั้น วันอาทิตย์นี้แกว่างป่ะ”
“ไม่ว่าง ไปค่าย”
“ค่ายอะไร ของใคร”
“ค่ายรับน้อง ม.1 ที่คณะกรรมการนักเรียนต้องจัดให้น้อง ม.1”
“ก็ไม่ว่างไปกับเราอ่ะดิ”
“แล้วจะให้ไปไหน”
“เฝ้าต่ายเรียนพิเศษ”
“ต่ายด่าแน่ๆ ถ้าต่ายรู้” - ผมเตือนมัน
“ไม่เป็นไร แกไม่ว่าง ไว้แกว่างก็ไปด้วยกัน”
“เออเออ” – ผมบอกปัด
“แล้วค่ายเกี่ยวกับไรวะใหญ่”
“รับน้อง ม.1 ไงล่ะ ม๊ะกี๊ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ”
“เตรียมงานกันยัง”
“ก็ พี่ ม.6 เขาเตรียมกันไว้แล้ว เดี๋ยวเราไปรับงานจากเขามาอีกที แค่นั้นเอง”
“ให้ไปช่วยป่ะล่ะ” – เดชถาม
“ไม่เป็นไรหรอก น่าจะทำกันได้”
“คณะกรรมการมีน้อยไม่ใช่เหรอ”
“ก็ อืม...10 กว่าคน”
“จะไปทำไรได้วะ ม.1 มีตั้งกี่คน”
“เออน่า...ทำได้ละกัน”
บทสนทนาของผมกับเดชในโทรศัพท์ เย็นหลังจากที่ผมไปเรียน ร.ด. แวะกินน้ำปั่นคับ เมื่อผมถึงบ้านได้ซักพักใหญ่ๆ ก่อนที่ผมจะคุยอะไรกับเดชอีกมากมาย เดชรับปากว่าค่ายรับน้องถ้ามีอะไรให้ช่วยก็จะยินดีช่วยเต็มที่ ผมบอกขอบคุณแต่ว่าถ้าจะใช้งาน เพื่อนห้องผมก็ใช้งานมันได้คับ
สัปดาห์นั้นผมก็ยังคงดำเนินชีวิตไปตามปกติของเด็ก ม.ปลายแหล่ะคับ เย็นวันอังคาร กับศุกร์ก็ต้องไปเรียนพิเศษ ระหว่างนั้นก็ต้องเตรียมงานรับน้อง ม.1 เข้าไปด้วยคับ วันไหนที่ผมไม่ต้องไปเรียนพิเศษ ผมก็ต้องไปประชุมเตรียมงานกันกับพวกพี่ ม.6 กันคับ ในคณะกรรมการนักเรียนผมสนิทกันทั้ง ม.4 ม.5 และ ม.6 เลยคับ นั่นก็เป็นเหตุผลที่พวก ม.6 มันใช้งานผมอย่างหนัก แต่ก็ฝีปากผมแหล่ะคับที่ต่อรองให้ผมไม่ต้องทำงานหนักเท่าที่ควร เดชโทรหาผมทุกวันเลยคับ แต่ก็ยังไม่โทรหาต่ายซักที ไม่รู้ว่าไม่กล้าหรือยังไง แต่ผมก็คุยได้ไม่นานมาก เพราะกว่าผมจะกลับบ้านก็ 2 ทุ่มกว่าแล้วคับ เหนื่อยด้วยก็เลยคุยกันไม่นาน เรื่องที่คุยกับเดชก็เป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไป เรื่องของต่าย รื่องของมันและเรื่องของผมคับ

เย็นวันศุกร์ วันที่ผมต้องประชุมใหญ่เพื่อเตรียมค่ายรับน้อง ก็มีอาจารย์มานั่งฟังด้วย แล้วก็มาซื้อขนมให้ผมกิน ช่วยออกความคิดนิดหน่อย ระหว่างที่ผมกำลังประชุมกันอยู่ ผมเห็นเดชกับเพื่อนของมันเดินผ่านมาทางห้องคณะกรรมการนักเรียน ซึ่งอยู่ติดกับทางออกประตูโรงเรียนคับ ผมก็นึกว่ามันกำลังจะกลับบ้าน ผมก็เลยขอตัวออกจากวงประชุมไปทักทายก่อนกลับบ้านน่ะคับ

“เฮ้ย ไม่ไปเรียนพิเศษเหรอวันนี้”
“แกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าพรุ่งนี้มีค่ายรับน้อง ม.1”
“แล้วแก....”
“ประชุมกันอยู่ เดี๋ยวประชุมเสร็จก็ต้องจัดของ อื่นๆอีก เยอะไปหมด”
“ให้ช่วยป่ะใหญ่”
“ไม่เป็นไร เกรงใจพวกแกอ่ะ เด๋วไอ้เต้ลูกคุณหนูจะกลับบ้านช้า แล้วหม่อมแม่จะห่วง” – ผมแซวเต้เพื่อนของเดชคับ
“ไม่เป็นไรใหญ่ อีกอย่างหม่อมแม่ไม่ตามเท่าไหร่หรอก ฮ่าๆๆ”  - เต้พูดไปหัวเราะไป
“เห็นป่ะใหญ่ ทุกคนไม่เป็นไร ให้พวกเราช่วยเหอะนะ” – เดชบอกกับผม
“แล้วเข้มกับเอกอ่า...”
“ไม่เป็นไร” – ทั้งสองคนแทบจะพูดพร้มกัน
“งั้นแกรอเราตรงนี้แป๊บนึง” – ผมบอกพวกมัน แล้วก็พาพวกมันเข้าไปในห้องคณะกรรมการ
“พี่ๆคับ อันนี้เพื่อนผมคับ เอามาช่วยงานคับ มันรนหาที่เองคับ” – ผมบอกกับที่ประชุม
“ชื่อไรกันมั่ง” – พี่ ม.6 คนนึงถาม
“ผมชื่อเดชคับ อีกคนชื่อเต้ คนนี้เข้ม สุดท้ายชื่อเอกคับ” – เดชจัดแจงแนะนำคนครบ
“ท่าทางเราจะพูดมากนะ” – พี่ ม.6 คนนึงแซวเดช ทำเอาเดชหน้าแดงเล็กๆ พร้อมกับเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง
“เพื่อนพี่ใหญ่ แต่ทำไมอยู่คนละคณะสีกันล่ะ” – น้องคนนึงถาม
“คนละห้องอ่ะ” – ผมตอบไป

จากนั้นเราก็ประชุมกันต่อซักพัก แล้วก็เริ่มทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย ผมได้รับมอบหมายในการจัดเรียงเอกสารของน้องค่ายและของใช้กองกลางของค่ายคับ ซึ่งมันอยู่ในห้องนั้นอยู่แล้วแค่จัดให้มันเป็นกลุ่มๆ แค่นั้นเอง ปัญหาอยู่ที่ของมันเยอะมากเลยคับ ผมทำคนเดียวคงไม่ไหวแน่ ตอนแรกจะมีน้อง ม.4 คนนึงมาช่วยผม (คงยังไม่ลืมนะคับว่า ผมอยู่ ม.5) แต่พอพวกเดชเข้ามาพี่ก็เลยเอาน้อง ม.4 คนนั้นไปที่อื่นคับ ตอนนี้ในห้องที่จัดของจึงมีแค่ผม เดช แล้วก็พวกเพื่อนๆเดชคับ พวกเราคุยกันสนุกสนานเสียงดังมากๆ จนพี่ ม.6 ที่อยู่ข้างนอกตะโกนแซวข้ามห้องออกมา ผมก็เลยเงียบๆไปบ้าง แต่ก็ยังไม่หยุดคุยกันซะทีเดียวเลยคับ

เราจัดของกันไปได้เยอะแล้วแหล่ะคับ เหลือก็อีกไม่มาก ผมบอกว่ากลับกันไปก่อนก็ได้ ตอนนั้นเวลาก็เกือบสามทุ่มแล้วคับ จริงอย่างว่าแหล่ะคับ ไอ้เต้มันกระวนกระวายมาตั้งแต่ทุ่มกว่าๆ แล้ว เพราะมันกลัวโดนแม่มันด่าว่ากลับบ้านช้า (อันนี้เดชเล่าให้ฟัง) ส่วนเอกกับเข้มก็บ้านอยู่ตั้งไกล (ไกลกว่าผม) ดึกเกินก็อาจจะไม่มีรถเข้าบ้าน ดังนั้นทั้งสามคนจึงขอตัวกลับบ้านไปก่อน อ้าว....เดชยังไม่กลับคับ บอกว่าผมทำงานเสร็จเมื่อไหร่แล้วค่อยกลับ ผมบอกว่ามันก็อาจจะดึกนะ เดชก็จะรอคับ ดังนั้นเราสองคนก็เลยรีบๆ จัดของให้เสร็จคับ พอผมทำงานเสร็จก็ลาพี่ๆกลับบ้านคับ พี่บอกขอบคุณเดชแล้วก็เพื่อนๆ และเน้นย้ำเราว่า 6 โมงเช้าต้องถึงโรงเรียน โห่ย...ทรมานตัวเองจัง

ผมกับเดชเดินออกมาจากโรงเรียน ตอนนั้นก็เกือบสี่ทุ่มแล้วคับ ผมบอกว่าจะไปส่งเดชที่หอก่อนแล้วค่อยนั่งแท๊กซี่กลับบ้าน ระหว่างทางกลับเดชก็คุยกับผม

“แกจะตื่นทันป่ะน่ะ”
“ไม่ทันก็ต้องทัน ไม่มีทางเลือก”
“แกจะตื่นได้เหรอใหญ่” - มันถามย้ำ
“ให้เราทำไงล่ะ”
“เด๋วเราโทรไปปลุกเอาป่ะ”
“ไม่เป็นไร เด๋วที่บ้านเราด่าเอา” – (ตอนนั้นยังไม่มีมือถือ การโทรเข้าโทรศัพท์บ้านก็เท่ากับการปลุกคนทั้งบ้านเลย)
“หรือแกจะมานอนหอเรา” – เดชเสนอทางเลือก
“ไม่อ่ะ ขอบคุณ”
“หิวว่ะใหญ่ หาไรกินกันนะ”
“เอาดิ กินไรดี หิวเหมือนกัน”
“ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ เจ้านี้อร่อยมาก” – เดชบอก “เคยมากินกับไอ้เข้ม”
“ก็ดีๆๆ เฮ้ยเด๋วเราเลี้ยงเอง นะนะ”
“ก็ดี ขอบใจว่ะ” – พูดไปเดชก็เอามือกอดไหล่เราไป
ระหว่างกินก๋วยเตี๋ยว
“แกว่าควรโทรหาต่ายดีป่ะตอนนี้” – เดชถาม
“ต่ายน่าจะนอนแล้วไม่ใช่เหรอ”
“กินเสร็จแกลองโทรให้หน่อยละกัน” - เดชทำสายตาวิงวอนเต็มที่
“อ่ะอ่ะ เออ ก็ได้”
“เอ้ยใหญ่ เศษพริกแกติดปากอ่ะ” – แล้วมันก็ส่งทิชชู่มาให้
ทำเอาผมอึ้งไปซักพัก ก่อนที่ผมจะรับมาอย่างหน้าตางง แล้วก็เอามาเช็ดปากของผม
“ใหญ่เป็นไรไปป่ะ” – เดชถามผม เมื่อเห็นผมอึ้งๆไป
“เปล่าๆ ไม่มีไร อร่อยดีเนอะ ไม่เสียแรงที่แกแนะนำ” – ผมกลบเกลื่อนไป

พอกินเสร็จจ่ายเงิน แล้วก็เดินออกจากร้านมาที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะอ หยอดเหรียญไปบาทนึง ผมกดเบอร์ต่ายอย่างรวดเร็ว มันอยู่ในสมองของผมอยู่แล้ว ต่ายรับสายพอดี แทบจะเป็นไปไมได้ว่าต่ายยังไม่นอน

“ใหญ่เหรอ มีไร”
“ยังไม่นอนอีกเหรอ”
“พรุ่งนี้วันเสาร์นะ ตื่นสายได้ ก็เลยนอนดึกนิดนึง”
“อ่อเหรอ”
“โทรมามีไรเปล่าใหญ่ เสียงแกดูกังวล” – กังวลจริงแหล่ะคับ เดชยืนประกบหลังเราไว้
“แก มีคนจะคุยกับแกอ่ะ” – ผมส่งโทรศัพท์ให้เดชคับ
“หวัดดีคับ เราเดชนะต่าย.....”
………
………
……..
คุยกันไปซักพัก 3-4 ประโยค เดชก็ส่งโทรศัพท์มาให้เรา บอกว่าต่ายจะขอคุยกับเราด้วย
“พรุ่งนี้มีค่ายเหรอใหญ่”
“แกรู้ได้ไง”
“เดชบอกเราม๊ะกี๊ว่าไปช่วยแกเตรียมของ ทำไมแกไม่บอกพวกไอ้ไม้ให้มันไปช่วยแกอ่ะ”
“ไม่อยากไปกวนพวกมัน เห็นว่ามันจะไปเรียนก็เลยไม่กล้าใช้พวกมัน...”
“แกก็เลยไปกวนเดช” - ต่ายสวนขึ้นมาทันที
“ก็แบบว่าพอดีเจอกัน เดชมันอาสามาช่วยเอง เราไม่ได้ขออ่ะ เราก็เลยมาเลี้ยงข้าวมันเป็นการขอบคุณ”
“งั้นแสดงว่าพรุ่งนี้ก็ไม่ไปเรียนพิเศษอ่ะดิ”
“ใช่ๆ”
“เราว่าจะไปเรียนพรุ่งนี้กับแกซักหน่อย แต่แกไม่ต้องบอกใครนะ เราอยากไปแบบสงบ”
“เออรู้แล้ว”
“ว่าแต่เดชอยู่กับแกแค่ 2 คนอ่ะนะ”
“ก็เออดิ”
“สองคน กลางคืน ระวังนะจ๊ะ” - ต่ายแซวผม
“แกจะบ้าเหรอไอ้ต่าย - เพราะแกนั่นแหล่ะที่มาเป็นอย่างงี๊”
“จ้าๆ เด๋วเราไปอ่านหนังสือต่อนะ”
“แกจะขยันไปถึงไหนวะ เรายังไม่อ่านเลย โน่น ใกล้สอบน่ะ”
“ก็ใหญ่ แกเก่งอยู่แล้ว ไม่ไปเรียนซักวันสองวันไม่เป็นไรหรอก”
“เหอๆๆ เออ แค่นี้นะ”

ผมวางหูโทรศัพท์แล้วก็เดินไปกับเดช ผมไปส่งเดชที่หอ ระหว่างนั้นเดชก็พูดกับผมบ้าง แต่พูดไม่มากเหมือนปกติ ไม่รู้ว่าเดชพูดอะไรกับต่าย ต่ายพูดอะไรกับเดช แล้วพอถึงหอผมก็ขอตัวกลับ บอกเดชว่าไม่ต้องโทรหาเราแล้วนะคืนนี้ เดชรับรู้แล้วก็ขึ้นหอไป
--------------------
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: MoD_els ที่ 19-07-2008 00:26:50
เหอๆ เพื่อนเรามาเล่นบอร์ดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย
แถมมีเรื่องมาลงก่อนเราซะอีก มารีไว้ให้เพื่อนก่อนละกัน
ไว้เดี๋ยวจะมาตามอ่านนะ ไปทำรายงานต่อละ
ปล. ห้าปีแล้วแต่ยังพอเขียนได้เยอะแฮะ ไว้ว่างๆต้องเอามาลองลงบ้างละ ไงก็เอาใจช่วยนะ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 19-07-2008 00:49:20
เจอเพื่อนเลย อิอิ

มะไหร่เดชจะสร้างตำนานหลงรักพ่อสื่อซะที  :oni2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: KATHAE* ที่ 19-07-2008 11:55:37
อ่า ..
กำลังลุ้น

ว่าแต่ เดชคุยไรกะต่าย แล้วต่ายคุยไรกะเดช บ้างเนี้ย

งุงิ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: joypluss ที่ 19-07-2008 13:33:06
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: Pikachu ที่ 19-07-2008 18:27:31
สนุกมากครับ ว่างๆมาต่ออีกนะคร้าบบ

เป็นกำลังใจให้นะครับบบบบบบบบบบ

 :oni2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 19-07-2008 21:03:01
อ่านจากชื่อเรื่อง ใหญ่น่าจะเกิดความรู้สึกกับเดช  :กอด1:

แต่ก็ยังหวังไว้ว่าที่เดชไม่ค่อยเคลียเนี่ยคงจะชอบใหญ่

ตามลุ้นๆต่อไปค๊าบบบ มาต่อไว้ๆ กำลังลุ้นๆ :a4:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 20-07-2008 11:01:15
ตอนที่ 9
 :c5:
งานรับน้อง ม.1 ได้เริ่มขึ้นคับ หลังจากที่ผมและคณะกรรมการนักเรียนเตรียมงานมาได้นาน 2 สัปดาห์ ก็เป็นวันที่น้อง ม.1 ต้องมาร่วมชะตากรรมตามโปรแกรมที่ได้วางแผนงานกันไว้คับ วันนี้น้อง ม.1 มากันแทบจะทุกคน หลังจากรับลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องมีการเรียกรวม ผมทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงประจำกลุ่มคับ เป็นกับเพื่อนคณะกรรมการนักเรียนด้วยกัน กิจกรรมดำเนินไปตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยง ระหว่างที่ผมกำลังกินข้าวกลางวัน มีรุ่นน้องคณะกรรมการนักเรียนมาถามผมคับ เรื่องเมื่อวาน

“มีไรวะ” – ผมถามรุ่นน้อง
“เรื่องเมื่อวานอ่ะพี่”
“ทำไมเหรอ”
“คนที่มาช่วยพี่ pack ของอ่ะ ใครเหรอ”
“เพื่อนพี่อ่ะ –ถามไมเหรอ”
“เปล่าพี่ ไม่มีไรคับ”
“ไม่มีไรแล้วถามทำไมวะ มันต้องมีไรแน่ๆเลย”
“ก็คือว่า เขาฝากจดหมายอันนี้ให้พี่อ่ะคับ ตอน10โมงกว่า ตอนที่พี่กำลังเข้าซุ้ม”

ผมรับจดหมายมาแต่โดยดี เนื้อความข้างในจดหมายบอกว่า วันนี้เดชมาที่โรงเรียน จะมาอ่านหนังสือคนเดียว ตอนแรกจะมาช่วยเราทำกิจกรรม แต่ว่ากลัวรุ่นพี่ด่า ก็เลยฝากจดหมายให้รุ่นน้องคนนี้ แล้วก็ยังเขียนอีกว่า เที่ยงๆ จะซื้อของกินมาฝากผมคับ ให้ผมไปรอที่หน้าห้องคณะกรรมการ

ผมอ่านจบ ผมก็เดินไปที่ห้องคณะกรรมการเลยคับ ทั้งๆข้าวก็ยังกินไม่หมด แต่ปรากฏว่าผมใม่เจอใครเลยคับ ผิดหวังเล็กน้อย แล้วผมก็เดินกลับมาที่บริเวณที่กินข้าวม๊ะกี๊นี้ เพื่อนผมกับรุ่นน้องมันยังกินข้าวไม่เสร็จหรอกคับ แต่กล่องข้าวผมหาย ผมก็โวยวายดิคับ กล่องข้าวผมไปไหน เพื่อนผมบอกว่าโยนทิ้งไปแล้ว มันบอกว่าก็เห็นแกเดินออกไปก็นึกว่าไม่กินแล้ว ผม...จะโกรธก็ไม่ได้ เพราะผมเองไม่ได้บอกว่าผมจะไม่กินแล้ว อีกใจก็โกรธ กินไปได้ 3 คำเอง แถมอร่อยซะด้วย จะไปแย่งน้อง ม.1 กินก็ไม่ดี กับข้าวมันไม่อร่อย ผมก็เลยใส้แห้งไปคับมื้อกลางวัน

“เฮ้ย” – เสียงเดชตะโกนมาแต่ไกล ระหว่างที่ผมกำลังเดินไปกินน้ำเปล่าแก้หิว “อ่ะ รู้ว่าหิว ของโปรดแก”
“อะไรอ่ะ อ่อ ข้าวเหนียวหมูปิ้ง เนี๊ยนะของโปรดเรา”
“อุตส่าห์ไปซื้อมายังจะมาปากหมาใส่อีก”
“อ่ะอ่ะ ขอบคุณ” – ผมรับมาแล้วก็กินอย่างอร่อย ทั้งๆที่ผมก็ไม่ได้ชอบกินมันซักเท่าไหร่
“เย็นนี้เสร็จงานกี่โมง”
“5 โมงกว่าๆ น้องเสร็จกิจกรรม บ่าย 3 โมง แล้วเราก็เก็บของอะไรอีก ก็ 5 โมงแหล่ะ”
“ไปกินข้าวกัน เด๋วเราออกมารับ”
“เออ” – ผมบอกปัด “ไปก่อนนะ เฮ้ย ขอบคุณสำหรับหมูปิ้งว่ะเดช”


กิจกรรมตอนบ่ายก็ยังดำเนินไปตามปกติ น้อง ม.1 ดูจะเหนื่อยกว่าเมื่อเช้า เพราะอากาศค่อนข้างจะร้อน น้องก็เลยเหนื่อยกันง่าย แล้วก็มาถึงกิจกรรมสุดท้าย คือการให้น้องมอบดอกไม้ให้กับรุ่นพี่คนไหนก็ได้ เพื่อแสดงความขอบคุณที่เสียสละเวลามาจัดกิจกรรมให้น้อง ผมเองก็ได้ดอกไม้มาเยอะพอสมควร ส่วนหนึ่งเพราะหน้าตาดี อีกส่วนหนึ่งผมยิ้มง่ายมั้งคับ เลยเป็นที่รักของน้องในกลุ่ม มีน้องผู้หญิงคนนึงแอบหอมแก้มผมด้วย ถูกแซวไปยกใหญ่เลย ผมล่ะอายเขาจริงๆ

เสร็จงานรับน้อง ม.1 ซักทีคับ เป็นไปตามที่ผมคิด 5 โมงเย็นจริงๆ ผมก็ช่วยรุ่นพี่เก็บของไปเรื่อยๆ พี่บอกผมว่าเดชมารอผมหน้าห้องคณะกรรมการ บอกผมว่าไปเถอะ เดี๋ยวที่เหลือพี่เก็บกันเองก็ได้ ผมบอกขอบคุณกับพี่แล้วก็ออกไปจากห้อง นับว่าโชคดีทีเดียวที่เดชมา ไม่งั้นผมคงต้องอยู่เย็นกว่านี้ เดชพาผมไปกินข้าวคับ ร้านที่เดชพาไปเป็นร้านที่อยู่แถวบ้านของต่าย เดชเองไม่เคยมากินหรอกคับ แต่ศึกษาข้อมุลมาอย่างกับเป็นกูรูกันเลย เดชตกลงเลือกร้านอาหารตามสั่งร้านหนึ่ง

“สั่งไรวะใหญ่”
“มีไรแนะนำมั่งล่ะ”
“ก็ผัดมักกะโรนีขี้เมา แล้วก็สปาเกตตี้ราดซอส แล้วก็...”
“พอๆ” – ผมบอก รำคาญมันบรรยาย ในเมนูมันก็มีบอกคับ ไม่น่าโง่ถามมันเลย
“แล้วแกจะกินไรวะใหญ่”
“กระเพราไก่ไข่ดาวคับ” – ผมบอกกับพนักกงานเสริฟ
“เอาผัดมักกะโรนีขี้เมา น้ำแข็งเป่า 2 แก้ว โค้กขวดใหญ่แก้วนึง” - เดชสั่งบ้าง
“มีไรถึงได้มาเลี้ยงเราอ่ะ” - ผมถามด้วยความสงสัย
“ก็แบบว่า อยากมาบ้านต่าย แต่ไม่มีเพื่อนมา ก็เลย....”
“ชวนเรา” - ผมสวนไปอย่างทันที
“ก็ใช่ละ เรารู้ว่ายังไงแกก็อยู่ที่โรงเรียนแน่ๆวันนี้ ก็เลยไปรอ จะได้มาบ้านต่าย และเราก้รู้ว่านายชอบของฟรี”
“มันก็ไม่แน่นะ บางครั้งเราก็ไม่อยากกินฟรีมั่งน่ะ ละอายตัวเอง”
“อืมๆ วันนี้เหนื่อยป่ะ” – เดชถามอย่างสนใจ
“ก็เหนื่อยนะ ไม่ใช่นั่งอ่านหนังสือเฉยๆเหมือนแกนี่หว่า”
“เฮ้ย เราว่านายเองเป็นพี่เลี้ยงได้ดีนะ ในกลุ่มเนี๊ยะ เด็กติดนายกันเยอะเลย เราเห็น”
“ไปเห็นตอนไหนวะ”
“ตอนที่เดินผ่านโรงพละ เรานั่งอ่านหนังสือแถวนั้น”
“ทำไมแกต้องไปอ่านแถวโรงพละวะ ที่อ่านอื่นๆก็มี เงียบกว่าตั้งเยอะ และก็โรงพละเป็นที่จัดกิจกรรม”
“จะได้มาดักเจอนายได้ทัน เด๋วนายเบี๊ยวไม่มากับเรา”
“แกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าเรารักษาสัญญา”
“ก็นะ...ตอนที่นัด นายไม่ค่อยเต็มใจจะมาเท่าไหร่นี่นา”
“ตอนนั้นเราคงเหนื่อยมั้ง ถ้าเราเหนื่อยเราจะไม่ค่อยอยากคุย อีกอย่างข้าวกลางวันเราก็ถูกทิ้งไปซะงั้น เป็นใครก็โมโหแหล่ะ”
“อืมๆ นายว่าต่ายอยู่บ้านป่ะตอนนี้ เราว่าต่ายต้องออกมาซื้อกับข้าวแถวนี้แน่เลย”
“อ่อ พอจะรู้แล้ว ที่แกชวนเรามากินข้าวเวลานี้ ต่ายก็จะออกมาซื้อกับข้าวแถวนี้พอดี แกก็จะได้เจอต่าย ถูกป่ะ”
“ก็นะ...ถูกของนาย”

อาหารที่สั่งมาแล้วคับ เราลืมเรื่องต่ายไปชั่วคราว เราอร่อยกับการกินอาหารตรงหน้ามากเลบคับ เป็นเพราะว่าผมหิวหรือว่าอย่างอื่น

 “พรุ่งนี้ว่างใช่ม๊ะ” - เดชเริ่มถามก่อน
“เออ ก็ว่าง ตอนแรกคิดว่าค่ายมี 2 วัน ก็ดีมีแค่วันเดียว”
“ไปเรียนพิเศษกับเรานะ”
“ทำไมต้องไปเรียนกับแกวะ เรียนที่เดียวกันเหรอ” – ผมถามอย่างงง ผมไม่รู้ว่าเดชเองก็เรียนพิเศษ
“นายเรียนที่ไหนล่ะ”
“สยาม ที่เดียว”
“แล้วที่ว่าเรียนภาษาอ่ะ...”
“อ๋อ ไม่เรียนแล้ว เรียนสดอ่ะ มีวันเดียวรอบเดียว”
“พรุ่งนี้ไปเรียนกับเราที่เสาวรีย์นะ”
“เราไม่ได้เรียนที่นั่น แล้วเราจะไปทำไม” – ผมถาม อย่างงง อีกแล้ว
“ก็เราเรียนที่นั่นไง”
“แล้วไงอ่ะ ก็เราไม่ได้เรียนที่นั่น แล้วเราจะไปทำไม” – ผมยังคงถาม อย่างงง อีกครั้ง
“ก็เราเรียนตอนเช้า แล้วต่ายเรียนรอบสาย ก็เดียวเราจะนั่งรอต่าย”
“อ่อ คือให้เราไปนั่งรอต่ายเป็นเพื่อนแก ว่างั้นเถอะ”
“ฉลาดมากๆไอ้หนู”
“แล้วเราไม่ต้องไปเรียนที่สยามรึไง” – ผมย้อนถามมัน
“สยามมันมีหลายรอบ เรารู้มา แกไปเรียนตอนเย็นก็ได้ เด๋วเราไปเป็นเพื่อน”
“ซะงั้นอ่ะ มาเปลี่ยนรอบเรียนคนอื่นตามใจชอบได้ไงวะ”
“เออน่า นายไปเรียนตอนเย็นกับเรา”
“แล้วแก.....”
“เออน่า เราก็เรียนที่สยามเหมือนกัน แต่เรียนวันพฤหัสน่ะ บางทีก็ไป บางทีก็ไม่ไป”
“เสียเงินเปล่าประโยชน์ว่ะ” - ผมด่ามัน
“เออน่ะ บางวันไม่ว่างนี่หว่า” - มันค้อนใส่ผมคับ
“ไม่ว่างไรวะ เห็นตอนเย็นทุกทีก็เรียกเราไปหาที่ห้อง นั่งคุยเรื่อยเปื่อย แล้วมาบอกว่าไม่ว่าง เราว่า แกเองเวลาที่เรียกเราไปหาที่ห้องอ่ะ ไปเรียนตามที่แกลงเรียนไว้เถอะ สงสารพ่อแม่ที่หาเงินว่ะ เงินแต่ละบาท....” - ผมเริ่มเทศน์ใส่มัน
“พอพอ ไอ้ใหญ่ เด๋วจะได้บุญ”
“ก็มันจริงนี่หว่า”
“แล้วจะให้ไปหาที่ไหน” - ผมถาม
“แสดงว่าแกตกลง ใช่ป่ะ”
“อ้าวอ้าว ก็แกบอกให้ไป ตกลงเราไม่ไปก็ได้ใช่ป่ะ”
“เจอกันที่ (สถาบันXXX) ตอนเก้าโมงเช้า”
“ทำไมต้อง 9 โมงวะ”
“ก็เราเลิกเรียน 10 โมงอ่ะลงมาจะได้เจอนายพอดี จะได้ไม่เสียเวลารอ”
“แกนัดเรา 10 โมงก็ได้นะ เราไปไม่สายหรอกน่า”
“เออ มาให้ทันเราเลิกละกัน”

เป็นไปตามที่เดชคิดไว้จริงๆคับ ต่ายเดินออกมาซื้อกับข้าวเย็นแถวนั้นจริงๆ พอดีผมเห็นผมก็เลยเดินไปเรียกต่าย ผมถามต่ายเรื่องไปเรียนพิเศษคับ ต่ายบอกว่าวันนี้ไม่ได้ไปเรียน เพราะว่าวันนี้ต่ายจะเคลียร์การบ้าน (เอ๊ะยังไง ไหนบอกว่าจะทำวันอาทิตย์ อันนี้ก็ไม่รู้นะ เหตุผลของเขา) ก็เลยจะไปเรียนวันอาทิตย์ ตั้งแต่เช้าเป็นวิชาฟิสิกส์ สายเป็นวิชาเลข ตอนเย็นจะไปเรียนเคมีที่สยาม ผมก็เลยบอกต่ายว่าผมก็ไปเรียนรอบนั้นพอดี ยังไงเอาไว้เจอกันที่สยามแล้วกัน ต่ายไม่ได้ถามว่าเพราะอะไรผมถึงมาเรียนวันอาทิตย์คับ ต่ายคงรู้ว่าผมมีกิจกรรมรับน้อง แต่ว่าจริงๆแล้วที่ผมต้องไปเรียนเพราะถูกบังคับไปเรียนกับเดชคับ ผมคุยกับต่ายได้ซักพักก็ขอแยกตัวกลับไปหาเดชที่นั่งรออยู่ ต่ายบอกว่าจะไปหาเดชที่โต๊ะด้วย พอไปถึงที่โต๊ะ เดชแทบจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยคับ พูดน้อย พูดเพราะ ไม่เห็นจะเหมือนตอนที่อยู่กับผมเลยคับ ต่ายพยายามชวนเดชคุย และก็บอกว่าเคยเห็นเดชที่เรียนพิเศษรอบเช้านั่นแหล่ะ (ก็คือรอบที่เดชมันเรียนอ่ะคับ ต่ายก็เรียนรอบนี้ด้วย) คุยกันประมาณ 10 นาทีต่ายก็ขอตัวกลับ

หลังกินข้าว ผมกับเดชก็เดินกลับบ้าน เดชเดินไปส่งผมที่ป้ายรถเมล์
 
“น่ารักจังว่ะ” – เดชเริ่มเพ้อ “เขาคุยกับเราด้วยใหญ่” แล้วก็จับมือเรามาเขย่า
“ต่ายเขามารยาทดี เขาคุยดีกับทุกคน รวมถึง....”
“ไอ้ไม้” - เสียงเดชอ่อนลง
“ก็ทุกคนจริงๆที่หว่า ต่ายเขาเป็นคนดี ถ้าแกได้เป็นแฟนเขา แกต้องดูแลเขาดีดีนะ ไม่งั้นจะทวงคืนมาเป็นของตัวเอง” – ผมแหย่มันเล่น
“ไม่มีทาง เดชคนนี้จะรักษาต่ายเท่าชีวิต”
“เน่ายิ่งกว่าละครหลังข่าวอีก” - ผมประชด
“ใหญ่ แกเดินให้มันใกล้ๆกับเราได้ป่ะวะ เดินซะห่างอย่างกับเจอ...”
“เจอไร”
“ขี้”
“กวน__ สาด แมร่ง” – ผมด่ามันพร้อมกับเตะที่น่องมัน
“ไอ้ใหญ่ทำกรูก่อนเรอะ นี่....” – มันเตะถึงตูดผมเลยคับ แต่เบาคับ แล้วมันก็หัวเราะที่ผมต้องวิ่งหนี

ผมกับเดชหัวเราะกันจนเหนื่อย เล่นเอาจุกไปเลยคับ ข้าวที่กินมาตอนนี้แทบจะออกมาอยุ่ที่คอ ผมก็เลยนั่งพักตรงฟุตบาทข้างวัดคับ (ระหว่างทางกลับบ้านผมจะมีวัดอยู่ด้วยคับ) แล้วมันก็วิ่งมานั่งข้างผม

“แค่นี้เหนื่อย” - มันตบหัวผมเบาๆคับ
“ใครเขาจะถึกเหมือนแกล่ะ”
“เด๋วก็ได้เอาไปปล่อยในวัดซะนี่”
“ปล่อยไรวะ”
“ตัวเฮ้และหมาในปากแกอ่ะเด่ะ” - ผมหัวเราะ
“ไอ้ใหญ่นี่กวนว่ะ”
“เฮ้ย ไปได้แล้วแหล่ะ ป้ายรถเมล์อยู่ใกล้แค่นี้เอง”
“อย่าพูดมาก เด๋วเดินไปส่ง”
“แต่...”
“ไม่ขัดซักครั้งจะได้ป่ะวะ”
“เราไปขัดอะไรแกตอนไหน”
“เยอะแยะ”
“ก็เกรงใจอ่ะ อีกอย่างมันก็ไม่ใช่ทางกลับหอแกด้วย”
“ไม่เป็นไร”
“เออ ตามมาดิ”

มันเดินตามผมอย่างว่าง่ายคับ ซักพักเราก็ถึงป้ายรถเมล์ ไม่นานผมก็ได้ขึ้นรถเมล์ ก่อนขึ้นมันบอกว่าอย่าลืมพรุ่งนี้ 10 โมงนะ ลงมาต้องเจอ ถ้าไม่เจอเสียค่าปรับ ผมก็เออออกับมันไป
-------------
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: KATHAE* ที่ 20-07-2008 12:11:49
ได้จิ้มตูดด้วยง่ะ

ฮ่าๆๆ

แฮ่  :m4:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 20-07-2008 20:09:57
รักวัยเยาว์...ยังหาทิศทางเรื่องไม่เจอเลยแฮะ  :m23:
แต่ก็นะ..สู้ ๆ
 :a1:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า - รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 22-07-2008 00:54:38
ตอนที่ 10
 :a5:
“ฮัลโหล” – ผมเดินไปรับโทรศัพท์
.................
.................
“ฮัลโหล”
“ฮัลโหล ไม่พูดจะวางหูนะคับ” – ผมจะวางหูจริงๆ
“รู้แล้วๆ แค่นี้ถึงกับต้องวางหูกันเลยเหรอ” - เดชตะโกนออกมาจากโทรศัพท์
“โรคจิต รับแล้วทำไมไม่พูดวะ”
“ก็...อยากฟังเสียง”
“กูไม่ใช่ต่าย”
“ไม่ใช่ก็อยากฟังอ่ะ”
“แล้วโทรมามีไร รบกวนเวลาความสุขเราจริงๆแกอ่ะ”
“ทำไรอยู่”
“ดูทีวี”
“งั้นก็คุยได้”
“อ้าวไอ้นี่ รายการโปรดนะเว้ย”
“คุยกับเพื่อนคนโปรดก็เหมือนกันล่ะน่า”
“อ้าว...เฮ้ย แล้วมีอะไรเล่า” – ผมเริ่มมีอารมณ์...โมโห
“โทรมาย้ำว่าพรุ่งนี้ 10 โมง”
“เออรู้แล้วล่ะน่าไม่ต้องย้ำหรอก ตรงเวลาแน่”
“อย่าลืมนะว่าถ้าสายจะโดนค่าปรับ”
“อะไรล่ะ เผื่อจะสาย”
“ไม่บอก ปล่อยให้ลุ้นเอา ยังไงก็อย่าสายละกัน”
“โทรหาต่ายยัง” - ผมถามบ้าง
“ก็ยังอ่ะ จากวันที่นายให้เราคุยกับต่ายทางโทรศัพท์ ก็ไม่ได้โทรคุยเองเลย”
“ก็โทรไปดิ ต่ายเองก็ไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย”
“แกอยากรู้ป่ะวันนั้นต่ายบอกอะไรกับเรา”
“อืม...”
“ต่ายบอกว่า ถ้าเป็นไปได้ก็พยายามอย่าโทรหาเราบ่อยนัก รบกวนเขาอ่านหนังสือ แล้วก็ที่บ้านก็ไม่ค่อยชอบให้ผู้ชายโทรไปที่บ้าน”
“ก็เลยโทรมากวนเราซะงั้น”
“แกอ่านหนังสือป่ะล่ะ”
“ถ้าเราบอกว่าเราอ่านหนังสือ แกจะโทรมากวนป่ะล่ะ”
“โทร”
“อ้าว ทีต่ายบอกว่ากวน แกก็ไม่โทรหาเขา ทีเราบอกว่ากวน เสือกโทรหา”
“ก็รู้ไง ว่ายังไงแกก็ไม่อ่าน แกอ่านใกล้สอบ เรารู้ เราก็ทำอย่างงั้น”

“แล้วเมื่อวันนี้แกมาอ่านหนังสือที่โรงเรียนทำไม ทั้งๆที่แกก็รู้ว่าวันนี้โรงเรียนมีกิจกรรม”
“ก็...จะมาชวนแกไปกินข้าวตอนเย็น”
“เหรอ”
“ทำไมอ่ะ”
“เปล่า ไม่ได้ว่าอะไร แต่จะให้ดี ควรมาช่วยเราทำงานด้วยนะ”
“แต่เราไม่ได้.....”
“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าแกจะช่วย เอางี๊ วันหลังถ้ามีงานอะไรให้ช่วยจะบอกละกันนะ กรรมการนักเรียนไม่เก็กเหมือนหัวหน้ากองร้อยหรอกน่า”
“เราเก๊กขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
“เออดิ”
คุยกันเล่นๆซักพักใหญ่ ผมก็ขอตัวคับ ง่วงนอน เหนื่อยด้วย

เช้าวันอาทิตย์คับ ปกติวันอาทิตย์เป็นวันที่ผมอยู่บ้านไม่ไปไหน เพราะว่าวันนี้ไม่มีเรียนพิเศษคับ แต่ว่าเมื่อวานผมไปจัดกิจกรรม วันอาทิตย์จึงต้องไปเรียนพิเศษแทน ผมเรียนตอนไหนก็ได้คับ Plan ของผมก็คือเรียนวันอาทิตย์ตอนสายคับ ไปกับเพื่อนที่เป็นคณะกรรมการ ม.5 ด้วยกัน แต่ว่าพอเดชมันนัดผมอย่างงี๊ผมก็ต้องไปกับมันคับ ผมตื่นสายกว่าปกติมากเลย เก้าโมงเช้าแล้วผมยังคงอยู่บนที่นอน แม่มาปลุกผมไปกินข้าวคับ ผมก็ไปอย่างว่าง่าย ไม่ได้รู้สึกเร่งรีบแต่อย่างใดว่า 10 โมงผมต้องไปให้ทันนัดเดช บ้านผมกับอนุเสาวรีย์มันก็ใกล้ๆคับ แต่ก็ไม่ใกล้ขนาดเดินไปได้ ผมจึงออกบ้านประมาณเก้าโมงห้าสิบซึ่งกะว่า 10 นาทีต้องถึงอย่างแน่นอน เป็นไปตามคาดคับ 10 นาทีผมก็ถึงที่หมายของผม แต่ว่า ผมมาสาย

“ไหนว่าไม่สาย”
“ก็เนี๊ยะ 10 โมงดูนาฬิกาเด่ะ” – ผมชี้ไปที่นาฬิกาของสถาบันกวดวิชา
“นาฬิกาเรามัน 10โมง 6 นาที”
“แต่ว่า...”
“ไม่รู้แหล่ะ นายมาสาย ต้องจ่ายค่าปรับ”
“อ้าวเฮ้ย” – ในใจคิดว่า ไม่ได้อยากจะมาเลยนะ ยังต้องมาทำอะไรอีกล่ะ
“ไม่รู้แหล่ะ ต้องเลี้ยงไอติมเรา”
“อ่อเนี๊ยะเหรอค่าปรับ”
“ไม่ใช่แค่นั้น วันนี้นายต้องตามใจเรา ไม่เถียง ไม่ปฏิเสธ”
“เราไปเป็นทาสแกตอนไหนวะ”
“ก็นายมาสาย ไม่รู้ล่ะ วันนี้ห้ามเถียงเราด้วย บอกอะไรต้องทำ”
“งั้นกลับบ้านดีกว่า” – ผมเดินออกไปจากมันคับ มันก็ฉุดแขนผมไว้
“โห ไม่ก็ได้ แต่วันนี้นายต้องอยู่เป็นเพื่อนเรานะ นะนะ”
“เออก็ได้”
“งั้นไปกินไอติมกัน”
“แล้วพวกไอ้เข้มไปไหนอ่ะ” - ผมถามหาเพื่อนกลุ่มห้องมัน
“ไปหาแฟนแล้ว เหลือแต่เราอ่ะ ที่ไม่มีแฟน”
“ต่ายน่ะเหรอ อืม ยากหน่อยนะ เขาใจอ่อนยาก”
“เราเข้าใจ เรามันต่ำต้อย ดอกฟ้าจะไปคู่ควรกับหมาวัดได้ยังไง”

ไอติมที่ไปกินกันน่ะ ไม่ใช่สเวนเซ่น บาสกิ้นรอบบิ้น หรืออะไรแพงๆ หรอกคับ เป็นไอติมเนสเล่ธรรมดาลูกละ 10 บาทที่ทางสถาบันกวดวิชาจัดจำหน่ายเป็นอาหารว่าง ที่สถาบันนี้มีที่นั่งเอาไว้สำหรับรอเรียน แล้วก็มีที่นั่งในมุมขายขนมด้วยคับ ถ้าใครที่ไม่มีเรียนหรือคนนอกก็สามารถเข้ามานั่งรอที่นี่ได้ อันนี้ผมไม่รู้คับ เดชเป็นคนพาผมเข้ามา

“รสนี้อร่อยว่ะ” – เดชพูดไปก็มาตักของผมไปกิน
“อร่อยก็ไปซื้อเองเดชะ อันนี้เลี้ยงเว้ย ไม่เกี่ยวกัน”
“แย่งแกกินน่ะอร่อย”
“แกเคยไปแย่งอะไรพวกไอ้เข้มกินมั่งป่ะ”
“ก็เยอะอยู่”
“ไม่อายเลยเนอะ”
“หลอกด่าเรอะ”
“โอ่ย” – ผมเจ็บเล็กๆคับ จากฝ่ามือของเดชที่ตบลงบนหัวผม หลังจากที่ผมหลอกด่ามัน
“เออไอ้ใหญ่มีเรื่องจะถามว่ะ”
“ว่ามา”
“คือถ้าธาตุตัวหนึ่งมีอัตราส่วน......” - เป็นคำถามวิชาเคมีคับ ผมถนัดอยู่แล้ว ผมก็เลยตอบมันไป
“แล้วอัตราส่วนความรักเดชในหัวใจต่ายล่ะ รู้ป่ะ”
“0” - ผมตอบไม่คิด
“ไอ้นี่” - ผมโดนตบหัวอีกครั้ง
“เราเป็นเพื่อนสนิทกันเร็วนะ” – อยู่ดีดีเดชก็พูดกับผมเรื่องนี้
“ทำไมอ่ะ”
“เพื่อนห้องเราบางคนยังไม่สนิทเท่านายเลยใหญ่”
“เหรอ”
“แล้วนายสนิทกับใครเป็นพิเศษป่ะ”
“ไม่นะ ก็เพื่อนกันก็สนิทกันทุกคน”
“ดีว่ะ ก็แกท่าทางเป็นมิตรกับทุกคน”
“ใครดีมาเราก็ดีด้วย ใครร้ายมาเราก็ร้ายด้วย ใครเฉยๆมาเราก็เฉยๆด้วย เนี๊ยะ...นิสัยเรา ถ้าเขาไม่คุยกับเราก่อนเราก็ไม่คุยกับเขาก่อนเหมือนกันแหล่ะ”
“หยิ่งว่ะ”
“ก็มันจริงนี่หว่า”
“เรายังคาใจว่ะใหญ่ เราขี๊เก๊กจริงเหรอ”
“จริง เก๊กแบบหมั่นใส้ว่ะ”
“ยังไงอ่ะ”
“อธิบายไม่ถูกว่ะ แบบว่าเห็นหน้าก็ไม่ชอบ เข้าใจป่ะ คนไรขี้เก๊ก โชว์พาว”
“เราเป็นคนอย่างงั้นจริงเหรอ”
“ก็เราเห็นอย่างงั้น เราไม่รู้จักแก ก็คิดไปก่อนว่าแกเป็นคนอย่างงั้น”
“แล้วตอนนี้อ่ะ”
“ก็...” – ผมลากเสียงยาวๆ แกล้งมัน
“เอาดีดี ก็ไร”
“ก็พอรู้จริงๆ นายก็เป็นคนดีนะ คงต้องมารู้จักอ่ะ คนนอกไม่มีทางรู้หรอก ทุกคนก็มองนายเหมือนที่เรามองตอนแรกนั่นแหล่ะ”
“เราควรปรับปรุงตัวยังไงมั่งอ่ะ”
“ก็เลิกทำเสียงเก๊กตอนเป็นหัวหน้ากองร้อย เลิกเดินแอ่นอก เลิกพูดเสียงดัง”
“มันก็ต้องเสริมบุคลิกภาพของหัวหน้ากองร้อย”
“เออเรื่องของแก ไหนบอกจะปรับปรุงตัว”
“อ่ะนะ”

ผมก็คุยเล่นกับเดชไปเรื่อยๆคับ ผมต้องรอต่ายตั้ง 2 ชั่วโมงกว่าจะถึงเที่ยง เดชชวนผมไปเดินห้างแถวๆนั้น แต่ว่าผมขี้เกียจคับ ก็เลยบอกว่าขอนั่งเฉยๆละกัน ระหว่างที่กำลังรอผมก็ไม่ค่อยได้คุยอะไรกันมากมายคับ คุยกันทุกวันบางครั้งก็เบื่อ เดชมันเอาหนังสือเรียนพิเศษมาอ่านคับ ขยันเหมือนกันนะ ส่วนผมก็นั่งดูทีวีที่เขาเปิดให้ดู ซักพักเดชมันก็ง่วง ก็เลยมานั่งฝั่งเดียวกับผมแล้วก็บอกว่า

“เกาหัวให้หน่อยดิ”
“ทำไมอ่ะ”
“ตอนเด็กๆ แม่ชอบเกาหัวให้ตอนนอน ตั้งแต่ย้ายเข้ามากรุงเทพ ก็ไม่มีใครเกาหัวให้เลย”
“เราไปเป็นแม่แกตั้งแต่เมื่อไหร่” - ผมย้อนถาม
“ตั้งแต่วันที่รู้จักกับนายอ่ะ”
“เหรอ เออ นอนไป” – ผมบอกแกมบังคับให้มันนอน ผมจะได้เกาหัวให้มัน
“คับแม่” - เดชย้อนกวนๆ
“ไอ้ห่า....”

เดชนอนฟุบลงไปบนโต๊ะคับ ผมก็ว่าง่าย ทำไมง่ายอย่างงี๊ เพื่อนในห้องผมยังไม่เคยทำอะไรอย่างงี๊เลย มันเป็นใคร ทำไมมันสั่งผมต้องทำตามอย่างไม่มีเหตุผล ผมคิดเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ เพราะอะไรเราทำให้มัน ผมชอบมันเหรอ ไม่หรอกน่า ผมทำตามหน้าที่เฉยๆแหล่ะ ไม่มีทางหรอกที่ผมจะชอบมัน ไอ้ไม้เท่านั้นแหล่ะที่จะได้ต่ายไปเป็นแฟน ไอ้เดชน่ะเหรอ ไม่มีทาง ผมไม่ทรยศเพื่อนหรอก แต่...ไอ้เดชก็นิสัยดีนะ ถ้าต่ายได้เป็นแฟนเดชมันก็ดีไม่น้อย ผมว่าเดชมีความเป็นบุรุษมากกว่าไม้ ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าไอ้ไม้ แต่...ไอ้ไม้ไม่เคยต้องมาขอร้องให้เพื่อนทำอะไร มันสามารถจีบได้ด้วยตัวเอง ใช้เพื่อนบ้างเป็นบางครั้ง แต่เดชล่ะ ทำไมมันไม่กล้าเหมือนไอ้ไม้  ถ้าเดชมันกล้าจีบต่ายเอง ผมก็คงไม่ต้องมานั่งที่นี่ วันนี้ ตอนนี้ ซึ่งวันนี้ ตอนนี้ผมควรอยู่ที่สยาม ไม่ใช่ที่นี่ ทำไมผมต้องมา เดชมันมามีอำนาจอะไรกับผม ผมตอบตัวเองไม่ได้ จนกระทั่ง....
--------------
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน 10ตอนแล้วคับ
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 22-07-2008 01:09:35
จิ้ม  อิอิ :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน 10ตอนแล้วคับ
เริ่มหัวข้อโดย: εїзป่วงน้อยεїз™ ที่ 22-07-2008 01:16:07
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน 10ตอนแล้วคับ
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 22-07-2008 11:09:03
 :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน 10ตอนแล้วคับ
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 22-07-2008 23:07:41
คุยกันหน่อยคับ
 :m23:
คือ ว่าเรื่องเล่าอันนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง แบบว่าเรื่องมันมีความยาวค่อนข้างมาก มีความสลับซับซ้อน แม้จะมีตัวละครหลักเพียง 4 คน ก็คือใหญ่ เดช ไม้ และต่าย แต่ว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันค่อนข้างที่จะซับซ้อน (เอ๊ะพูดซ้ำทำไมน่ะ) เหตุผลที่ผมต้องดำเนินเรื่องซะยาวขนาดนั้น เพราะว่าผมไม่อยากจะตัดตอนไหนออกไปเลยคับ ไม่อยากรวบรัดไปแม้แต่เหตุการณ์เดียว ทุกเหตุการณ์ในเรื่องนี้มันสำคัญและมีที่มาทั้งนั้นน่ะคับ ผมเองก็ไม่อยากลืมมันไปด้วย

ในแต่ละตอนที่ผมเอามาลงแต่ละตอนจะค่อนข้างยาว เพราะไม่รู้ว่าผมควรจะตัดตรงไหนยังไง ให้มันมีความต่อเนื่องของเรื่องราว และชวนติดตาม อย่าเพิ่งท้อนะคับ ผมเองยังรู้สึกท้อและก็ขี้เกียจพิมพ์เลยบางที เเต่ก็นึกถึงว่า ไหนๆจะทำอะไรเเล้ว ไม่น่าจะทำค้างๆคาๆ น่าจะทำให้มันเสร็จไปซะทีเดียว ดังนั้นผมจึงตั้งหน้าตั้งตาแต่งไปเรื่อยๆเลยคับ ตามกำลังที่ผมจะมีความสามารถในการพิมพ์

เรื่องราวที่เกิดขึ้นค่อน ข้างจะมีความซับซ้อน(อีกแล้ว พูดบ่อยจัง) เรื่องราวจึงมีความยาวมากๆ ดังนั้นในช่วงแรกๆ จะยังไม่รู้หรอกคับ ว่าใึีครรู้สึกยังไงกับใคร

-ใหญ่จะรู้สึกยังไงกับเดช
-แล้วเดชคิดอะไรอยู่ ชอบต่ายจริงๆเหรอ
-แล้วไอ้ไม้ล่ะ ไม้คิดอะไรกับใหญ่หรือเปล่า
-แล้วใหญ่คิดกับไม้ยังไง

ถ้า เปรียบกับเรื่องจริงก็เป็นเหมือนกำลังดูเชิงกันอยู่น่ะคับ ว่าใครจะมาชอบใคร แต่ที่แน่ๆ 10 ตอนแรกผ่านไป ไม้กับเดชต้องมาแข่งกันว่าใครจะจีบต่ายสำเร็จ อยากให้คนอ่านลองอ่านกันดูน่ะคับว่าจริงๆแล้วใครจะชอบใคร โดยใช้ข้อมูลจาก 10 ตอนแรกมาช่วยพิจารณา

ทนอ่านกันซักหน่อยนะคับ อย่าเพิ่ง:seng2ped:ไปซะก่อน ใครอาจจะลองเดาดูเล่นๆก็ได้นะคับ

ช่วงนี้ผมยังว่าง ก็เลยจะนั่งพิมพ์ไปเรื่อยๆละกัน มีอะไรติชมก็เม้นกันได้นะคับ
ขอบคุณคับ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน 10ตอนแล้วคับ
เริ่มหัวข้อโดย: joypluss ที่ 22-07-2008 23:58:53
 :o  ไม้จะชอบใหญ่หรอ แล้วเดชล่ะ คุยกันทุกวันนี่นา หรือว่าเดชจะชอบต่ายจริงๆ   :เฮ้อ:

ไม่เดาละรออ่านต่อไปดีกว่า  ... 555+   

+1 ให้ จขกท. น้า เป็นกำลังใจให้    :bye2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน 10ตอนแล้วคับ
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 23-07-2008 07:18:55
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน 10ตอนแล้วคับ
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 23-07-2008 22:04:21
10ตอนผ่านไปแล้วคับ ยังจับทิศทางของเรื่องไม่ถูกกันเลย มาต่อตอนที่ 11 ละกันคับ เผื่อจะจับอะไรได้มั่ง  :a5:

ตอนที่ 11
 :o12:
“โอ๊ย!!! เจ็บๆ” - เดชร้องขึ้นมา
“เหรอ เฮ้ย ขอโทษ” - ผมขอโทษเดช
“เกาไรของแกวะ โคตรแรงเลย”
“โทษว่ะ คิดไรเพลินๆ”
“คิดไรอยู่วะ” - เดชถาม
“เรื่อยเปื่อย”
“บอกเราได้ป่ะ”
“ก็งานวันสถาปนาโรงเรียนอ่ะ เสาร์หน้า มีแขกผู้ใหญ่มาเยอะเลย เราคงจะวุ่นวายอีกแล้ว”
“เฮ้ย โทดว่ะใหญ่ เราช่วยนายงานนี้ไม่ได้นะ”
“ไม่เป็นไร”
“ก็เราสัญญาว่าถ้ามีอะไรช่วยได้ก็จะช่วย”
“ไม่เป็นไรหรอก เข้าใจ” – ผมพูดให้เดชมันสบายใจ
“ก็วันนั้นเราก็ต้องไปช่วยงานโรงเรียนเหมือนกัน”
“งานอะไรวะ”
“เป็นโชว์ยิงปืนในสนามรบ”
“เขามาเลือกแกเหรอ” - ผมถาม
“ก็เขาเห็นเราเป็นหัวหน้ากองร้อย ก็เลยเลือกเรา แล้วก็ให้เราหาเพื่อนอีก 5 คน ตอนแรกว่าจะชวนนาย แต่เขาบอกว่ากรรมการนักเรียนต้องช่วยงาน ก็เลยไม่ได้ชวน”
“เออดีแล้ว เราไม่ถนัดแนวแบบนั้น ทำงานกับพิธีการดีกว่า”
“โห ไอ้พวกเอาหน้า” - เดชกัดผม
“เออ เรามันเป็นคนเอาหน้า” - ผมกัดมันมั่ง
“แล้วไม่นอนแล้วเหรอ” – ผมถามเดช ตื่นมาก็กัดกันเลย
“ก็นายเกาหัวเราซะแรง ใครก็ต้องตื่นล่ะวะ กะว่าเกาเพลิน แมร่ง เกายังกับเกาแผล”
“เออ แล้วต้องเกาไงวะ” – ผมถาม ผมไม่เคยเกาหัว
“อย่างงี๊ไง”  - เดชเอามือผมไป แล้วก็เกาหลังมือผม ผมไม่ได้รู้สึกอะไรหรอกคับ
“ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย” – ผมบอก
“งั้นก้มหัวลงไป” – เดชสั่งให้ผมก้มหัว ผมก็ก้มอย่างว่าง่าย แล้วมันก็เกาหัวผม จริงๆคับ ทำเอาผมเคลิ้มเลย
“เก่งว่ะ ทำเอาเคลิ้มเลย” - ผมบอก
“แม่ทำตั้งแต่เด็กน่ะ บอกว่าเกาหัวบ่อยๆแล้วหัวจะดี”
“เกี่ยวกันด้วยเหรอ” - ผมถาม
“ไม่น่าเกี่ยวมั้ง”
 “อ่ะนะ” – เราทั้งคู่หัวเราะพร้อมกัน

คุยกันไปเล่นกันไป เวลามันก็ช่างผ่านไปรวดเร็วคับ เที่ยงแล้ว ต่ายก็เลิกเรียนพอดี เพื่อนที่ห้องผมเรียนที่นี่กันเยอะคับ ดังนั้นผมจึงเห็นไอ้ไม้และเพื่อนๆผมเดินลงมากับต่ายด้วย เป็นไปตามคาดคับ ทุกคนต่างสงสัยว่าผมมาที่นี่ทำไม ผมบอกว่าพอดีมาซื้อของก็เลยแวะมา แล้วเพื่อนห้องเดชคนนึงก็เดินมาด้วย ดังนั้นผมจึงแยกกับเดชตั้งแต่ตรงนั้นคับ ตามแผนที่ได้ตกลงกันไว้ ต่ายและเพื่อนๆก็ไปกินข้าว เดชก็ไปกินข้าวกับเพื่อน ไม่ได้กินร้านเดียวกันหรอกนะคับ

ก่อนที่ต่ายจะเลิกเรียน เดชตกลงกับผมคับ บอกว่าถ้าเพื่อนห้องผมเดินลงมากับต่าย ให้ผมไปกับเพื่อนห้องผม แล้วไปเจอกับเดชที่หน้าสยามตอนบ่าย 3 โมง ทำไงก็ได้ให้ต่ายเดินออกมาที่ป้ายรถเมล์ตรงโรงหนังสยาม แล้วเดชจะไปกับเพื่อนเดช ทำทีว่าไม่ได้นัดกันมา เหมือนบังเอิญเจอกัน ผมตกลงคับ เพราะว่าผมคิดไม่ออกถึงเหตุผลที่ผมควรจะมาที่นี่ เพราะเพื่อนๆจะรู้นิสัยของผมว่า ถ้าไม่มีธุระผมไม่มาให้มันเสียเวลาหรอก

ผมไปกินข้าวกับเพื่อนๆห้องผมคับ ไอ้ไม้ก็ไม่ลืมที่จะจงใจนั่งข้างต่าย คนอื่นๆก็เห็นคับ เป็นภาพชินตา ดังนั้นเพื่อกันเขินและกันหมา จึงเอาผมเข้าไปนั่งอีกข้าง เท่ากับว่าตอนนี้ต่ายก็นั่งอยู่ท่ามกลางชายหนุ่ม 2 คน คือไอ้ไม้กับผมคับ ระหว่างกินข้าวไอ้ไม้บอกว่าจะไปเฝ้าต่ายเรียนด้วยคับ ต่ายก็บอกว่าเกรงใจไม้ ไม่ต้องไปก็ได้ ไม้รับปากต่ายคับว่าจะไม่ไป เพราะต่ายท่าทางจะไม่อยากให้ไปจริงๆ แต่ไม้มันก็กำชับผมว่าดูแลต่ายดีดี แล้วเด๋วจะโทรหาผมหลังจากเรียนเสร็จ ผมตบปากรับคำจากมัน แล้วไอ้ไม้กับเพื่อนๆก็แยกย้ายกันไป เหลือผมกับต่าย 2 คนที่จะต้องเดินทางไปสยาม

“ใหญ่ ดูเด๋วนี้แกสนิทกับเดชจังนะ” - ต่ายเปิดประเด็น
“ก็เพื่อนกัน แล้วก็อีกอย่าง ก็เพราะว่าแกแหล่ะเราถึงมารู้จักมัน”
“แล้วมันยังโทรหาแกป่ะ”
“แกเปลี่ยนคำถามเหอะ ว่าวันไหนเดชไม่โทรมามั่งดีกว่า”
“มันโทรหาแกทุกวันเลยเหรอ”
“เออ บางวันก็ 2 รอบ ถ้าเรานอนดึก”
“คุยไรกันอ่ะ”
“เรื่องของแกแหล่ะต่าย บอกว่าถ้าเป็นแฟนต่ายจะอย่างงั้นอย่างงี๊ แล้วก็ถามว่าต่ายชอบอะไร บ้านต่ายดุไม๊ อะไรประมาณนั้น”
“เรื่องอื่นล่ะ”
“ก็เป็นเรื่องของตัวมัน เพื่อนมัน ที่บ้านของมัน บางวันมันร้องเพลงให้เราฟังด้วย”
“ร้องยังไง”
“ก็ร้องไปเกลากีต้าร์ไป เพลงประมาณลุกทุ่ง โลโซ ประมาณนั้น”
“แล้วแกก็ว่างฟังมันอ่ะนะ การบ้านก็มี”
“คือไม่ฟังมันก็โกรธเราอีกอ่ะ ขนาดวันนั้นไม่ไปเรียน ร.ด. กับมันยังโกรธแทบเป็นแทบตาย”
“ยังไง”
ผมเล่าวันที่เกิดขึ้นที่โรงอาหารให้ต่ายฟัง ที่ว่าผมจะไม่ช่วยมันจีบต่าย
“แล้วแกก็เลยต้องยอมมันเหรอ” - ต่ายถาม
“ก็ไม่ได้ยอมซะทีเดียวหรอก ประมาณว่าไงดีล่ะ แบบว่า...”
“แกชอบมันเหรอใหญ่” – ต่ายถาม จ้องหน้าเราอีกต่างหาก
“แกจะบ้าเหรอ คนพันธุ์นั้น”
“ดีแล้วแก เราว่าเดชอ่ะเห็นแก่ตัว”
“ยังไงวะ”
“ก็ที่มันคุยกับแกอ่ะ ถามแต่เรื่องของเรา แล้วก็คุยเรื่องตัวเอง ผู้ชายอย่างงี๊เราไม่เอามาเป็นแฟนหรอก”
“แต่มันก็ดูจริงใจดีนะ ถ้าแกเป็นแฟนมัน...ก็คง...”
“ไม่มีทางแน่นอน เดชมันเห็นแก่ตัว”
“ยังไงที่ว่าเห็นแก่ตัววะ ไม่เคลียร์เลย” - ผมถาม
“ก็ดูดิ มันไม่ถามแกซักคำเลยนะว่าแกเป็นไง ลำบากใจไหมที่ต้องคุย มันไม่เห็นถามถึงตัวแกเลย เดชถามแต่เรื่องของเรา แล้วก็แกก็ไม่รู้จักปฏิเสธเลยนะ”
“เคยแล้ว แต่มันไม่ฟัง”
“แกบอกไปว่าไง”
“ทำการบ้าน แต่มันไม่เชื่อ วันนั้นเราทำการบ้านจริงๆ เราก็เลยต้องมาลอกแกไงล่ะวันนั้น”
“อย่างงี๊เดือดร้อนนะ การบ้านไม่เสร็จ เอางี๊วันหลังแกให้ที่บ้านรับสาย บอกว่าไม่อยู่”
“ไม่มีทางหรอก เดชมันฉลาด มันให้เบอร์โทรกลับ แล้วก็โทรมาเช็คเป็นระยะ เคยลองแล้ว”
“แสดงว่ามันก็มีความพยายามมากๆ”
“อ่ะนะ”
“แล้วทำไมวันนี้ถึงมานั่งกับเดช”
“ก็อย่างที่บอกไงล่ะ ว่ามาซื้อของที่เสาวรีย์ บังเอิญเจอกัน มันก็เลยชวนเข้ามารอเพื่อนมัน” - ผมโกหกดิคับ
“อืม จริงเหรอ”
“จริงๆ” – ผมยืนยัน

ระหว่างทางไปสยามด้วยรถไฟฟ้า มันช่างรวดเร็วนัก ไม่ถึงบ่าย 2 โมงเราถึงสยามกันแล้ว ผมกับต่ายก็ไม่รู้จะไปที่ไหนกัน ก็เลยไปนั่งที่เรียนพิเศษกันเลย เหลือเวลาอีกตั้งชั่วโมงครึ่ง ต่ายไม่ปล่อยเวลาให้มันเสียเปล่า เอาหนังสือที่กำลังจะเรียนมานั่งอ่านรอเวลา เอาการบ้านที่ไม่เข้าใจมาถามผม จริงๆแล้วผมน่ะขี้เกียจคับ ขี้เกียจอ่านหนังสือ แต่เวลาสอบคะแนนก็มักจะออกมาดี แม้จะเทียบกับระดับเทพของห้องไม่ได้ก็ตามทีเหอะ ดังนั้นผมที่ว่าจะนอนซักงีบก็เลยไม่ได้นอนแล้วคับ

เวลาล่วงเลยมาถึงบ่าย 3 โมงแล้ว ถึงเวลาที่เดชนัดแนะไว้กับผมให้พาต่ายออกไปเจอ ที่ป้ายรถเมล์ที่โรงหนังสยาม แต่ผมไม่ทำตามคำสั่งมันหรอกคับ มันมาเป็นนายของผมเหรอ แต่ถ้าผมไม่ทำตามอะไรจะเกิดขึ้น แล้วมันจะกล้าทำไรผม ผมตัวสูงกว่ามันประมาณ 10 เซนได้ ไม่งั้นจะชื่อใหญ่ได้เหรอ ผมจึงไม่พูดอะไรกับต่ายและก็ไม่พาต่ายออกไปไหนด้วย  ปล่อยให้เวลาเข้าเรียนมาถึง ผมกับต่ายจึงขึ้นไปเรียนกัน

เมื่อเวลาเลิกเรียนมาถึง ตอนนั้นก็ประมาณ 6 โมงเย็น เด็กจะเยอะมาก เยอะจนตาลาย ผมก็เลยบอกต่ายว่ารอคนให้ไปกันก่อนแล้วค่อยเดินออกไป แต่เมื่อผมเดินออกไป ผมเห็นคนอยู่ 2 คน คนแรกคือไอ้ไม้ คนที่สองคือเดชคับ อยู่กันคนละฝั่งของที่เรียนพิเศษ ต่ายก็ต้องเลือกแหล่ะคับว่าต่ายจะไปกับใคร มันแน่นอนอยู่แล้วคับว่าต่ายจะต้องเลือกไปกับ.... ไปกับไม้ดิคับ เหตุผลที่ไปกับไม้ ผมคิดว่าไม้เป็นเพื่อนในห้องดียวกัน แล้วอีกอย่างผมก็เดินลงมาด้วยกัน ถ้าผมจะไปกับเดชมันก็คงจะแปลก ไม้เองเคยเห็นเดชก็ตอนที่เรียน ร.ด. แหล่ะคับ แต่ก็ไม่เคยที่จะได้คุยกัน แต่ไม้รู้คับว่าเดชก็มาเป็นคู่แข่ง ดังนั้นพวกเราสามคนจึงเดินไปด้วยกัน แต่ผมน่ะก็รู้ตัวว่าผมเองก็ไม่ควรที่จะยืนตรงนั้น แม้ต่ายกับไม้ก็เป็นเพื่อนกันก็จริง แต่เขากำลังจีบกันน่ะ ผมก็ควรที่จะเดินออกไปอย่างห่างๆ จะดีกว่า แต่ก็ไม่ทิ้งระยะห่างมากนัก ผมทำเป็นซื้อไอติมที่ป้ายรถเมล์ เพื่อให้ต่ายกับไม้ได้อยู่ด้วยกัน แต่ต่ายก็หยุดรอผมคับ เฮ้อ อุตส่าห์จะให้อยู่ด้วยกันแล้วเชียว ไอ้ไม้...ทำแต้มเดชะ (ผมคิดในใจ)

“รสไหนอร่อยวะใหญ่” – เสียงมาจากข้างหลังของผมคับ คุ้นหูแน่นอน
“อ้าว นึกว่าไปแล้ว”
“แกอยากให้เราไปใช่ป่ะล่ะ” - เดชตัดพ้อใส่ผม
“ก็มาถึงก็สามโมงจะครึ่งแล้ว ก็เลย...เอ่อ ไม่ได้ไป” – ผมโกหกคับ โกหกเก่งจัง
“แล้วไอ้ไม้มาได้ไง”
“ไม่รู้ มันบอกว่าจะไปเล่นเกมตั้งแต่บ่าย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมาอยู่ที่นี่”
“.........อ่ะ ซื้อให้ ค่าปรับที่เรามาสายไป 6 นาที เมื่อเช้าไง” – ผมยืนไอติมให้เดช “เอาน่า วันพระไม่ได้มีหนเดียว วันหน้าอาจจะเป็นแกน่ะเดช” - ผมปลอบมัน
“อย่าให้รู้ทีหลังนะว่าแกหักหลังเราอ่ะ เราไม่ชอบ และไม่เคยมีใครมาหักหลัง”
“บังเอิญจริงๆวะ วันนี้คงจะยังไม่ใช่วันของแก”

ไม้กับต่ายมองเห็นเหตุการณ์ตลอดเลยคับ แต่ก็นับว่าโชคดีที่ว่ารถเมล์กลับบ้านมาก่อน ผมก็เลยขอตัวกลับจากเดชไปขึ้นรถกับต่าย ไอ้ไม้ไม่ได้พูดอะไรกับผมแล้วก็ต่ายเลยคับ สีหน้าผมตอนนั้นตกใจมาก ไม่คิดว่าหลังจากที่แยกกันจากหน้าที่เรียนพิเศษแล้วก็ยังตามมาอีก เหมือนโรคจิตกลายๆ ต่ายทักผมว่าเป็นไรหรือเปล่า ผมบอกไม่เป็นไร ก่อนผมจะลง ไอ้ไม้กระซิบข้างหูผมแล้วบอกว่า...
“สามทุ่มจะโทรหานะ”
-------------------
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน 10ตอนแล้วคับ
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 24-07-2008 08:26:51
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน 10ตอนแล้วคับ
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 24-07-2008 10:26:30
รออ่านตอนต่อไปครับผม

 :o :o :o :o
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน 10ตอนแล้วคับ
เริ่มหัวข้อโดย: TaEnIaE_CoLi ที่ 25-07-2008 01:10:45
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้คับ

อยากบอกว่าถ้าชมแล้ว ต้องมาเขียนต่อนะ

คือแบบว่าพอชมเรื่องไหนแล้วคนเขียนชอบเล่นตัวไม่มาต่ออ่ะ

จริงๆนะ

ปลื้มมากกกกกก  รู้สึกเหมือนกับว่าเจอเหตุการณ์กับตัวเองอ่ะ

เขียนได้ต่อเนื่องไม่ติดขัด แต่ก็แอบอยากรู้เร็วๆเหมือนกันนะว่าคัยอารัยกะคัย

ปล.ขอเชียร์เดชอ่ะ เดชน่าร๊ากกกก
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน 10ตอนแล้วคับ
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 25-07-2008 05:26:44
เห่อ ๆ ๆ ใหญ่เอ๊ย ตายแหง๋ม ๆ ไอ้ไม้เอาเรื่องแน่ๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน 10ตอนแล้วคับ
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 25-07-2008 16:26:47
ตอนที่ 12
 o2
ผมตกใจมากคับ ที่อยู่ดีดีไอ้ไม้ก็แวะมาหาต่าย ทั้งๆที่ต่ายก็ขอร้องไว้ว่าไม่ต้องมา ไปทำธุระของไม้เถอะ ต่ายเป็นคนขี้เกรงใจอ่ะคับ รวมถึงผมก็ด้วย เห็นไอ้ไม้มันบอกผมว่าจะไปเล่นเกมตั้งแต่บ่าย แต่ทำไมมันถึงมาอยู่ที่สยามได้นะ กำลังคิดอยู่เพลินๆ โทรศัพท์บ้านก็ดัง พักนี้โทรศัพท์บ้านก็มักจะเป็นสายของผมแหล่ะคับ ผมจึงตรงไปที่โทรศัพท์

“ไอ้ใหญ่เหรอ” – สายปลายทางพูดขึ้นก่อน
“เออ ใครน่ะ”
“จำเสียงกูไม่ได้เหรอ”
“ไอ้ไม้ ทำมาเล่นตัว ไอ้เวร กูรู้น่าว่าเป็นมึง”
“รู้แล้วจะถามทำไมวะ” - ไอ้ไม้มันย้อนผมคับ
“จะคุยอะไรกับกูวะ เรื่องวันนี้ใช่ม๊ะ”
“สมกับเป็นเพื่อนกูจริงๆ” – ไอ้ไม้มันชมผมคับ ไม่รู้จะน่าดีใจยังไงที่ผมเดาเรื่องนี้ถูก
“มรึงอยากรู้ไรวะ กูตอบได้จะตอบ” - ผมถามมัน
“มรึงตอบตามความจริงนะเว้ย อย่าโกหกกู”
“เออ ว่ามา”
“วันนี้มรึงมาอยู่กับไอ้เดชได้ไง”
“ก็บอกต่ายไปเมื่อกลางวันแล้ว ต่ายไม่ได้เล่าให้ฟังเหรอ”
“เล่า ต่ายบอกว่า แกไปซื้อของที่เสาวรีย์ แล้วบังเอิญเจอไอ้เดช มันจะมารอเพื่อน เลยชวนมารอด้วยกัน”
“ก็เออดิ ตามนั้นเลย สงสัยไรวะ”
“กูแอบเห็นว่าพักนี้มรึงดูสนิทกับไอ้เดชจังวะ”
“ก็...ยังไงล่ะ มรึงก็รู้ว่าเดชจะจีบต่าย ก็เลยมาใช้กูเป็นสะพานไงล่ะ ว่าง่ายๆก็คือ พ่อสื่อนั่นแหล่ะ”
“แล้วทำไมมรึงต้องไปที่ห้องมันด้วยวะ”
“กูคิดว่า มันก็คงไม่กล้ามาเจอต่ายพร้อมกับมรึงในห้องไง เพราะที่โรงเรียนน่ะ มรึงน่ะแทบจะตามต่ายทุกนาที เว้นแต่ตอนต่ายเข้าห้องน้ำนั่นแหล่ะ”
“ก็จริงว่ะ แต่ทำไมต่ายเขาไม่ใจอ่อนซักทีวะ”
“อันนี้กูก็ไม่รู้ มรึงก็ไปถามเขาดูดิ”
“แล้วไอ้เดชให้มรึงช่วยจีบต่ายนานยัง”
“ประมาณ 2 สัปดาห์แล้ว ตั้งแต่วันที่อาจารย์สั่งทำสื่อ CAI น่ะ”
“ตอนไหนวะ”
“ก็ที่พวกมรึงต้องมารอกูไปเรียนพิเศษกันน่ะ มีอยู่วันนึงที่ไปกันสายอ่ะ จำได้ป่ะ วันนั้นแหล่ะที่ไอ้เดชมันเริ่มมาคุยกับกู”
“ก็นานเหมือนกันนะ”
“เออดิ”
“กูถามมรึงจริงๆเถอะ ทำไมมรึงต้องไปหามันที่ห้องมันบ่อยๆด้วย”
“ไอ้ไม้ กูถามมึงบ้างนะ ไอ้โอที่อยู่คนละห้องกับมึง ทั้งๆที่รู้จักกับมรึงก็เมื่อไม่นานมานี่เอง มันมาชวนมรึงไปเตะบอล มรึงต้องไปหามันที่ห้องป่ะ” – (ไอ้โอเป็นเพื่อนคนละห้องคับ มันอยู่ที่นี่ตั้งแต่ ม.1 หมือนผม ผมไม่เคยได้อยู่ห้องเดียวกับมันเลยซักครั้ง แต่มันรู้จักพวกผมเหมือนรู้จักกันมานานเลยคับ)
“ก็ไปหามันที่ห้องดิ ถามได้”
“นั่นแหล่ะ ที่กูไปหาไอ้เดช มันก็ไม่มีอะไรหรอก มันก็เรียกไปตามประสาเพื่อนกันน่ะ”
“หรือมึงไปชอบมัน” - ไอ้ไม้แหย่ผม
“มรึงจะบ้าเหรอวะ ไอ้สาด...เด๋วกูก็วางหูไม่ช่วยมรึงซะงั้น”
“โอ๋ๆ เออแล้วทำไมพักนี้ต่ายเดินกับแกบ่อยจังวะ”
“ก็ปรึกษาบางเรื่องที่เขาปรึกษาคนอื่นไม่ได้”
“เรื่องไรวะ”
“ไม่บอก...” - ผมกวนไอ้ไม้
“ใหญ่จ๋า .... บอกหน่อยน้า....”
“เรื่องเรียนน่ะ มรึงช่วยต่ายเขาได้ป่ะล่ะ”
“ไม่ได้จริงด้วย แต่เรื่องรัก กูช่วยเขาได้นะ”
“ไอ้เวน ไม่เจียมอีกน่ะ” - ผมแซวไอ้ไม้มั่ง
“เห็นพักนี้มรึงไปกับต่ายบ่อยเหลือเกิน กูก็เลย...”
“หึงกู ว่างั้นเถอะ” - ผมสวนไปทันที
“เออดิ พอดีเป็นมรึง เลยไม่เป็นไร แต่ว่ามรึงต้องช่วยกูนะ”
“ช่วยไรวะ”
“จีบต่ายไง”
“แล้วทุกวันนี้ที่มรึงทำล่ะ แทบจะปรนนิบัติอย่างกับแฟนกัน นี่ก็ยังไม่ใจอ่อนอีกเหรอ” - ผมถามไอ้ไม้
“ยัง ก็เขายังบอกว่าเพื่อนกัน”
“กูว่ามรึงอย่าเพิ่งเซงเลยว่ะ วันนึงต่ายเขาคงใจอ่อนเองแหล่ะ”

สายเรียกซ้อนดังขึ้น ผมบอกไอ้ไม้ไปรับสายเรียกซ้อนนั้นก่อน

“หวัดดีคับ” – ผมพูดกับปลายสาย
“ไอ้ใหญ่ทำไร รับช้าจัง” – ปลายสายเป็นเสียงเดชคับ ร่าเริงเชียว
“คิดสายซ้อนน่ะ แกนั่นแหล่ะมาเป็นสายซ้อน”
“คุยกับใครอยู่วะ”
“เพื่อนที่ห้อง บอกไปมรึงก็คงไม่รู้จัก”
“ไอ้ไม้หรือเปล่า”
“เปล่า” - ผมโกหก
“งั้นไปคุยก่อนก็ได้ เด๋วเราโทรไปหาใหม่”
“โทรหาเราดิ ไปโทรหาใหม่ทำไม” - ผมกวนเดชเล่นๆ
“เออ อย่าคุยนานนักล่ะ เด๋วเราไม่ได้คุย”
“เออ”

ผมตัดสายเดชไป กลับมาคุยกับไอ้ไม้

“ใครวะใหญ่” - ไอ้ไม้ถามผม
“เพื่อนพ่อโทรมาว่ะ บอกว่ามีธุระ เอางี๊ มีอะไรก็เด๋วไปคุยที่โรงเรียนก็ได้ โอเคนะ” – ผมโกหก รีบตัดบทเต็มที่
“เออได้ๆ แต่อย่าลืมนะเว้ย มรึงต้องช่วยกู อย่าให้จับได้นะว่าไปช่วยไอ้เดช”
“อ่ะนะ รู้แล่วล่ะน่า”

ผมวางสายโทรศัพท์ไปคับ การโกหกก็เหนื่อยเหมือนกัน นอกจากรู้สึกผิดกับเพื่อนแล้ว ยังผิดศีลต่างหาก เฮ้อ บาปแน่เลย เดชก็คงยังไม่โทรมาตอนนี้หรอกน่า แต่...

“หวัดดีคับ”
“ไอ้ใหญ่...” - เดชลากเสียงซะยาวเลย
“คิดถึงเราเหรอ รีบโทรหาน่ะ ตะกี๊ยังวางหูไปไม่ถึง 5 นาทีเลย”
“เออ อยากคุยอ่ะ”
“เพิ่งแยกกันไม่กี่ชั่วโมงเองอ่ะนะ”
“เออ ก็เราอยากคุยอ่ะ”
“แกจะไม่ถามเราซักนิดเหรอว่าเราอยากคุยไม๊ ว่างไม๊ อ่ะไรอย่างงั้น”
“อ่ะอ่ะ ถามก็ได้ ว่างไม๊.....ว่าง โอเค” - เดชถามเองตอบเอง
“เวร วันหลังไม่ต้องถามก็ได้นะ”
“ใหญ่ ทำไมเมื่อตอนบ่ายแกไม่พาต่ายออกมาที่ป้ายรถเมล์”
“ก็อย่างที่บอกไงล่ะว่าเราถึงสยามกันตอนสามโมงครึ่ง”
“แกโกหก เราเห็นนะ แกมากันตั้งนานแล้วตั้งแต่บ่ายสองกว่าๆ”
“แล้วแกทำไมไม่เดินเข้าไปอ่ะนะ แล้วทำไมต้องให้เราเดินออกไปหาด้วยวะ ร้อนว้อย ต่ายเขาไม่อยากออกไปด้วย เขาจะทำการบ้าน” – ผมใส่เป็นชุด ทำเอาเดชอึ้งไปชั่วครู่
“เหรอ ไม่รู้ว่าไปรบกวนต่ายเขา”
“แล้วก็รบกวนเราด้วย” – ผมพูดต่อ
“อย่างแกไม่ถือว่ารบกวน เขาเรียกว่า เพื่อนกัน”
“อ่ะนะ”
“แล้วไอ้ไม้มายังไง”
“ไม่รู้ มันบอกว่าจะไปเล่นเกม จะไปรู้ได้ไงว่ามันจะมารับต่าย”
“เออ วันนี้ไม่ใช่วันของเรา”
“วันหน้าไงล่ะ” - ผมปลอบ
“แกทำไรอยู่วะ”
“คุยโทรศัพท์” - ผมย้อนมัน
“พรุ่งนี้ไปเรียน ร.ด. กับเราได้ป่ะ”
“เออๆ ไปก็ไป”
“เลิกหาข้ออ้างแล้วเหรอ”
“ถ้าไม่อยากไปกับแก ก็คงจะมีข้ออ้างเองแหล่ะ”
“แสดงว่าอยากไปกับเรา”
“อืม” - ผมพูดเบา
“ชัดๆหน่อย ไม่ได้ยิน”
“เออ พรุ่งนี้กูจะไปเรียน ร.ด. กับมรึง พอใจยัง” - ผมพูดเสียงดังเลยคับ
“เออรู้แล้ว แล้วพรุ่งนี้ไปเรียนเช้าป่ะ”
“คงเช้าแหล่ะ”
“ดีเลย ไม่ต้องขึ้นตึกมานะ ไปหาเราที่โรงหาอาหาร”
“ทำไมอ่ะ”
“ก็เด๋วนายขึ้นตึก เข้าห้องไป กว่าจะออกมาก็คงจะเข้าแถวพอดี นายก็จะไม่ได้กินข้าว เราเป็นห่วงกลัวนายเป็นลมตอนเรียนแล้วจะไม่มีใครพาส่งหมอ”
 “ตอนเรียนคงไม่เป็นลมหรอก เพราะไม่ค่อยจะเรียน”
“เออ เก่งแล้วนี่”
“ตลกแล้วแก เก่งตรงไหน เทพห้องเรามีเป็นสิบ”
“ต่ายเป็นเทพป่ะวะ”
“ก็เป็นได้นะ เทพแห่งความขยัน คนไรวะขยันโคตร แบบฝึกหัดทำล่วงหน้า”
“แล้วตอนนี้แกอยู่กับใครวะใหญ่”
“พ่อกับแม่ แล้วแกล่ะ”
“คนเดียว”
“อิสระดีเนอะ อยากอยู่มั่ง”
“ใกล้สอบมาอยู่กับเราป่ะล่ะ อยู่ฟรี จ่ายค่ากินเองก็พอ”
“จริงเหรอ เออ คิดดูอีกที”
“ไม่ต้องคิด เด๋ววันไหนแกมาที่หอเราดิ”
“หอแกเดือนเท่าไหร่วะ”
“อยู่ฟรี เจ้าของหอเป็นลุงเราเอง อยู่ฟรี แต่น้ำ-ไฟ เสียตัง”
“ไมวะ”
“แม่บอกว่าอย่าไปรวบกวนลุงเขา แค่อยู่ฟรีก็ดีแล้ว”
“ดี เกรงใจซะบ้าง”
“ใหญ่เรามีอะไรจะบอกแกอ่ะ”
“อะไรล่ะ พรุ่งนี้บอกก็ได้”
“คือว่า....เอ่อ...คือ ยังไงดีล่ะ แบบว่าเรา.....”
---------

ต่อตอนหน้าคับ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน 10ตอนแล้วคับ
เริ่มหัวข้อโดย: KATHAE* ที่ 25-07-2008 16:29:22
.
.
.
.
 จิ้มตูด แล้วไปอ่าน คิกๆ :oni1:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน 10ตอนแล้วคับ
เริ่มหัวข้อโดย: ronger ที่ 25-07-2008 16:43:21
เพิ่งได้แวะมาอ่าน สนุกมาก ลำดับเรื่องราวได้เข้าใจง่ายดี o13 
รอติดตามต่อไปนะจ้ะ :a1:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน 10ตอนแล้วคับ
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 27-07-2008 16:24:00
ตอนที่ 13
 o7
“คือว่า....เอ่อ...คือ ยังไงดีล่ะ แบบว่าเรา.....” – เดชมันมัวแต่เป็นน้องอ้ำอึ้งคับ
“อะไรล่ะ”
“เด๋วเราบอกพรุ่งนี้ละกัน อย่าลืมมาเช้าๆนะ”
“บอกไรวะ บอกมาเลย ขี้เกียจ เด๋วก็ไม่อยากรู้ซะนี่”
“พรุ่งนี้เราจะบอก นะ”

แล้วมันก็ไม่บอกคับ ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรที่มันจะบอกผม ผมก็ไม่รู้เมือนกันคับ จนผมนอนคิดอยู่ทั้งคืน ผมเป็นอะไรก็ไม่รู้คับ ความคิดผมตอนนั้นมันมีแต่เรื่องของเดช เดช และก็เดช ทำไมผมต้องคิดถึงมันด้วย มันมาทำอะไรให้ผมต้องคิด ไม่มีทาง ผมไม่มีวันจะไปชอบมันแน่ๆ

เช้าวันจันทร์ วันที่ผมต้องไปเรียน ร.ด. คับ ผมก็มา ร.ร. เช้าเป็นปกติ (ปกติของวันจันทร์) ผมเดินไปหาเดชที่โรงอาหารตามที่มันสั่งเอาไว้ พอไปถึงมันก็นั่งรอผมกับเพื่อนมันคนนึง หน้าตาเดชไม่สดใสเลยคับ ผมก็ทักเพื่อนมันเป็นพิธี แล้วเพื่อนมันก็ขอตัว(ไปหาแฟนมัน) แล้วก็ยิ้มให้ผมทีนึง ก่อนที่มันจะเดินออกไป ที่โต๊ะนั้นจึงเหลือเดชกับผมสองคน

“แกมานั่งฝั่งเดียวกับเราได้ป่ะวะ” - เดชสั่ง
“ทำไมเราต้องทำตามแกด้วยวะ”
“ก็...มีเรื่องอยากคุยด้วย”
“นั่งตรงข้ามกันก็คุยกันได้ เห็นหน้ากันด้วย” - ผมบอก
“ขอร้องเหอะ เราอาย”
“เออ เออ” – ผมว่าง่ายคับ เดินไปนั่งข้างๆมัน
“เฮ้ย” – เดชเอามือมาจับมือของผมคับ ผมตกใจ
“ชู่ๆ อย่าร้อง”- มันเอามืออีกข้างมาปิดปากผม
“ปล่อย” - ผมสั่ง
“ไม่ปล่อย”
“จะปล่อยดีดีป่ะ” - ผมขู่
“เออ ปล่อยก็ปล่อย แต่นายต้องอย่าไปไหนนะ”
“เออ ไม่ไปไหนหรอกน่า ไหนมีอะไรล่ะ ว่ามาดิ”
“คือไงดีล่ะ ใหญ่ เราท้อว่ะ เราคงสู้ไอ้ไม้ไม่ได้ ยังไงไอ้ไม้คงได้เป็นแฟนต่าย” - เดชพูดไปน้ำตาเริ่มไหล
“….”
“แล้วแก...แกก็จะไม่สนใจเรา ใช่ป่ะ ถ้าต่ายได้เป็นแฟนไม้จริง แกก็จะไม่สนใจเราอีก แกก็จะไม่เป็นเพื่อนเราอีก” - ทีนี้มันร้องไห้ใหญ่เลยคับ
“แกเอาอะไรมาพูด เพื่อนก็คือเพื่อน เป็นเพื่อนกันเราไม่ทิ้งเพื่อนหรอก” - ผมส่งผ้าเช็ดหน้าให้เดชแล้วก็ปลอบ
“แต่ว่า แกต้องมาเป็นเพื่อนเราก็เพราะ..ต่าย”
“มันจะเพราะอะไรก็ช่างเถอะที่เราได้มารู้จักกัน แต่เมื่อรู้จักกันแล้ว ก็รักษามันไว้เถอะ ใครจะได้ต่ายไปเป็นแฟนมันขึ้นกับตัวของต่ายนะเว้ย”
“แต่เราทำให้แกอึดอัดว่ะ เราไม่สบายใจ เราต้องแยกนายออกมาจากพวกไอ้ไม้...”
“จะอะไรก็ช่างเถอะ เรื่องแค่นี้ไอ้ไม้น่าจะเข้าใจ เรารู้จักคนเยอะ จะรู้จักแกอีกคนก็คงไม่แปลกอะไร”
“แต่ว่า...”
“แกไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ปัจจุบันนี้เราเป็นเพื่อนแก เราจะทำตามที่แกขอทุกอย่างถ้าเราทำได้ เข้าใจป่ะ”
“....”

ทีนี้มันร้องไห้หนักกว่าเดิมคับ แล้วมันก็มาซบที่บ่าผม ผมทำอะไรไม่ถูกเลยคับ ผมลูบหัวมันไป มันก็ซบบ่าของผม เราอยู่กันอย่างงี๊นานพอสมควร พอมันเริ่มดีขึ้น ผมเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาให้มัน มันอายคับ มันก็เลยขอเช็ดเอง

“แกกินข้าวยัง” – ผมถาม
“กินแล้วอ่ะ แกยังไม่ได้กินใช่ไม๊ เรารู้”
“อืม แต่ไม่เป็นไรหรอก”
“อ่ะนี่” – มันล้วงเข้าไปในกระเป๋าของมัน ข้าวเหนียว 1 ห่อ หมูปิ้ง 3 ไม้ มันซื้อมาให้ผม
“อะไรล่ะ”
“ข้าวเหนียวหมูปิ้ง กินซะ เราจะนั่งดูนายกิน”
“....แล้วเราจะกล้ากินไม๊ คนซื้อเพิ่งจะร้องไห้” – ว่าแล้วผมก็ส่งหมูให้มันไม้นึง แล้วก็ข้าวเหนียวหน่อยนึงให้มัน
“กินด้วยกันเถอะ เรากินไม่ลงว่ะ ถ้าเห็นแกเป็นอย่างงี๊” – ผมบอกเดช ตามันแดงก่ำ มันรับไว้ จะว่าไปตอนที่มันเศร้า ผมทำไรไม่ถูกเลยคับ เหมือนเงียบๆไป เฮ้อ

ออดเข้าแถวดังแล้วคับ ผมพาเดชไปล้างหน้า แล้วก็บอกว่าอย่าคิดมาก ผมจะไม่ทิ้งมันแน่นอน แต่ว่า...มันไปเอาความคิดนี้มาจากไหนอ่ะคับ ที่ว่าผมจะทิ้งมัน เฮ้อ คนปล่อยข่าวก็ช่างปัญญาอ่อนเหลือเกิน

เดี๋ยวนี้วันจันทร์ ผมกับต่ายก็มักจะนั่งด้วยกัน สายตาไอ้ไม้มันก็มองผมอีกดิคับ แต่...ผมก็ไม่สนใจมันหรอก มันรู้อยู่แล้วว่าผมไม่คิดอะไรกับต่าย ผมเอาเรื่องที่เดชร้องไห้ไปเล่าให้ต่ายฟัง ก็เหมือนเดิมแหล่ะคับ ต่ายเป็นคนที่อ่อนไหวง่าย ต่ายรู้สึกผิดมากที่ทำให้คนอื่นร้องไห้เพราะตัวเอง

“เราไม่สบายใจว่ะใหญ่” – หลังจากผมเล่าจบต่ายก็พูดขึ้นมา ตามองกระดานไม่ให้อาจารย์รู้ว่าเราแอบคุยกัน
“นั่นมันก็ เรื่องของแก” – ผมแหย่ต่าย ต่ายมามือมาตีไหล่ผม
“แก จริงๆนะ เราว่าเราคงต้องไปคุยกับเดชเองดีป่ะ”
“เรื่องของแก” - ผมไม่ออกความคิดใดๆทั้งสิ้น
“แกช่วยเราคิดหน่อยเหอะนะ เราทำอะไรไม่ถูก ไม่เคยมีผู้ชายมาจีบเรา เราทำตัวไม่ถูก”
“อ่อนต่อโลกจริงๆ เฮ้อ” – ว่าแต่เขา ผมเองก้ยังไม่เคยมีแฟนเหมือนกันแหล่ะน่า
“แล้ววันนี้แกจะมาจาก ร.ด. กับเดชป่ะ”
“มั้ง”
“มั้งนี่คือ กลับกับเดชใช่ป่ะ”
“ถ้าเราเจอมัน เราก็ต้องกลับกับมัน ถ้าเราไม่เจอ เราก็กลับกับเพื่อนเราแหล่ะ”
“เราจะออกมาซื้อกับข้าวที่เดิมนะ ถ้าแกจะพาเดชมา....”
“วันนั้นเดชมันลากเรามา เราไม่ได้เต็มใจ” – ผมสวนขึ้นไป
“เออน่ะ เราอยากคุยกับเดชให้มันรู้เรื่อง”
“เออ ถ้าเราเจอมันเราจะพามันมาหาแกละกัน” – ผมบอกปัด
“ขอบใจ แต่แกอย่าให้ไม้รู้นะ”
“มันก็แน่อยู่แล้ว ถ้าไอ้ไม้รู้ เราจะซวยมากกว่าแกอีก เมื่อคืนวานไอ้ไม้โทรหาเราด้วย”
“เหรอ โทรว่าไรมั่ง”
………….. - ผมเล่าเรื่องโทรศัพท์ที่ไม้โทรหาผมคับ
“เรารู้สึกว่า เราเองก็ไม่ได้สวยอะไรนะ ใหญ่ว่าป่ะ”
“ก็สวยอยู่หรอกแก ถ้าสมมุติเราชอบแกจริง แกจะรับรักเราป่ะ” - ผมแหย่ต่าย
“มาดิ ฮ่าๆๆ แต่เรารู้แกไม่ชอบเราหรอก”
“ก็รู้นี่หว่า แกมันไม่ใช่สเปกเรา” – ผมหัวเราะ ต่ายเอามือมาตบไหล่ผมอีกรอบ

คาบเช้า 4 คาบผ่านไป ไม่ได้เรียนซักกะวิชาเลยคับ คุยกันอยู่นั่นแหล่ะ แต่ก็ไม่เสียงดังเหมือนไอ้ไม้หรอกคับ เวลาคุยกับมัน ได้ยินถึงหน้าห้อง อาจารย์เลยด่า พอเลิกเรียนแล้วผมบอกเพื่อนผมว่า ผมจะไปธุระ ไปกันก่อนเลยไม่ต้องรอ แล้วเดี๋ยวเจอกัน ผมบอกเสร็จก็เดินไปหาเดชที่ห้อง มันนั่งอยู่คนเดียวคับ หันหน้าออกไปที่หน้าต่าง จิตใจเหมือนล่องลอยไปไหนต่อไหนแล้ว

“เฮ้ย มาแล้ว” - ผมทักเดช
“มานานยังวะ”
“นานจนเห็นแกทำ MV อยู่อ่ะ”
“เออ ไปกินข้าวกัน”
“เพื่อนแกไปไหนหมดวะ” – ผมถามอย่างสงสัย ปกติมันจะอยู่กับเพื่อนมัน
“หาแฟนมันกันหมด ไอ้เข้มไปหาแฟนที่ห้อง ไอ้เต้ไปหาแฟนรุ่นน้อง ไอ้เอกไปหาแฟนรุ่นพี่”
“เหลือแต่แกที่ไม่มีแฟน ว่างั้น”
“ใหญ่ ตอนนี้เราแทบจะไม่มีใครแล้วว่ะ เพื่อนเราคนเก่าๆหายไปหมด ตอนนี้ก็เหลือแต่แกแล้วแหล่ะที่เป็นเพื่อนเรา” – แล้วมันก็กอดผมคับ โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ในห้อง มีผมกับมัน 2 คน
“แกอย่าไปคิดมากดิ เพื่อนน่ะ ยังไงเพื่อนมันก็ยังอยู่กับแกนะเว้ย”
“ก็เมื่อเช้าอ่ะ ที่เราร้องไห้ เพราะเรากลัว ว่าแกจะทิ้งเราไป”
“กลัวทำไมวะ”
“ก็ทีเพื่อนเรายังทิ้งเราไปได้เลย แล้วทำไมแกจะทิ้งเราไม่ได้” – เดชเริ่มจะร้องไห้อีกแล้ว
“ไม่หรอกน่า มันก็เป็นอย่างงี๊แหล่ะ ซักพักเดี๋ยวมันก็กลับมาหาแก มันก็คงเห่อแฟนเป็นฤดูกาลก็แค่นั้นแหล่ะ”
“แกอย่าทิ้งเราไปไหนนะเว้ย” – ทีนี้มันร้องไห้จริงจังเลยคับ กอดผมเอาไว้ด้วย
“.......” – ผมทำไรไม่ถูกคับ ได้แค่ปลอบมัน ลูบหัวมัน แล้วก็เอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาให้มัน
“เราจะอยู่กับแกเอง ถ้าใครไม่อยู่ก็ช่าง” – ผมบอกมัน
“ขอบใจว่ะ ใหญ่ นายน่าจะมาอยู่กับพวกเราเนอะ เสียดายเรารู้จักนายช้าไปปีนึง”
“มันก็คงดีกว่ารู้จักกันตอน ม.6 นะ”

แล้วเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก เราก็ยังคงอยู่อย่างงั้น จนผมเห็นว่ามันก็สมควรแก่เวลาจะกินข้าวแล้ว ผมจึงพามันลงไปล้างหน้า แล้วก็ไปกินข้าว

“แกยังจะช่วยเรื่องต่ายอยู่ป่ะวะ” – เดชถามผมคับ
“ไม่ช่วยเพื่อนแล้วจะช่วยใครล่ะ”
“ขอบใจว่ะ”
“เราว่าพวกเรารีบกินเหอะว่ะ ไปสายเดี๋ยวโดนวิ่งรอบศูนย์ฝึก” – ผมเร่งมัน ท่าทางมันไม่อยากกิน
“เฮ้ย กินไปนิดเดียวเองอ่ะ” – ผมว่ามัน ปกติมันจะกินข้าวเร็วกว่าผม และก็กินเยอะกว่าผม
“ไม่หิว”
“ถือว่าเราขอร้องเหอะ กินนะเว้ย ถ้าแกไปเป็นลม เราไม่แบกแกกลับนะ”
“ใจดำว่ะ”
“บางเรื่องมันก็...น่าจะคิดเองได้นะ”
“ไอ้ห่าใหญ่ เออ กินก็ได้วะ”
“มันต้องอย่างงั้นดิเดช”

ผมกับมันกินข้าวกันแค่ 2 คนคับ สงสารมันจัง เพื่อนทิ้งไปหาแฟนกันหมด แต่เรื่องเย็นนี้ที่ต่ายบอกว่าจะคุยกับเดช ไม่รู้ว่ามันเรื่องอะไรที่ต่ายอยากเคลียร์ ผมกลัวว่าสิ่งที่ต่ายจะพูดมันจะทำให้เดชไม่สบายใจเข้าไปอีก วันนี้มันเปลี่ยวอะไรของมัน จิตใจมันหวั่นไหวเหลือเกิน สงสารมันคับ กินข้าวกันเสร็จ ผมกับเดชก็ขึ้นรถเมล์ไปเรียน ร.ด. กันคับ ตอนนั้นคนไม่เยอะแล้ว เพราะเขาไปกันหมดแล้ว

“เย็นนี้…” - เราพูดพร้อมกัน
“แกก่อน” - ผมบอกเดช
“เย็นนี้รอเราด้วยนะ” – เดชบอกผมคับ
“จะพาเราไปไหนล่ะเย็นนี้”
“ไปที่หอเรา เราอยากให้นายไป ทุกคนที่เป็นเพื่อนเราเคยไปหอเราหมดแล้ว มีแต่นายที่ยังไม่เคยได้ไป”
“เออ ก็ได้” - ผมตกลง
“แล้วแกจะพูดไรวะใหญ่”
“ไม่มีไรละ”
“อ้าว...”
“คือจะถามแค่ว่า จะให้ออกมารอหรือเปล่า ถ้าจะให้รอก็เด๋วจะได้บอกเพื่อนเราว่าให้กลับไปกันก่อน”
“อ่อ อืม”

ผมไม่ได้บอกเรื่องต่ายที่อยากจะเคลียร์กับเดชให้เดชรู้หรอกคับ วันนี้ผมสงสารมันมาก ไม่รู้มันไปช้ำมาจากไหน แต่ผมจะไม่ทำให้มันช้ำอีก ไม่อยากซ้ำเติมมัน ผมคงให้ไอ้ไม้โทรบอกต่ายว่า ผมมาตามที่ต่ายบอกไม่ได้แล้วแหล่ะ ไว้วันหลังละกัน แต่ผมก็ไม่รู้ว่าต่ายอยากคุยอะไรกับเดชกันแน่ แล้วผมจะบอกให้ไม้โทรหาต่ายยังไง ในเมื่อถ้าผมเจอไอ้ไม้ มันก็ต้องสงสัยผมแน่นอนว่า ผมกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมต้องบอกต่ายด้วย คิดมากเลยคับ คิดจนผมหลับ ส่วนเดชก็นั่งตัวตรงอยู่ริมหน้าต่าง สายตามองผ่านไปเหมือนคนที่ความคิดเลื่อนลอยคับ เฮ้อ!! สงสารมันว่ะ
-----------------
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่13แล้วคับ
เริ่มหัวข้อโดย: joypluss ที่ 27-07-2008 22:58:27
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่13แล้วคับ
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 28-07-2008 16:07:26
ตอนที่ 14
 :o8:
ผมกับเดชมาถึงศูนย์ฝึก ร.ด. สายคับ มันแน่นอนเลยคับ ว่าพวกผมจะต้องถูกทำโทษ แต่พอดีที่ว่า เดชเป็นหัวหน้ากองร้อยคับ ผมจึงไม่ถูกทำโทษ ก็เพราะว่าหัวหน้ากองร้อยจะต้องเป็นคนนำสวดมนต์ก่อนจะเรียนทุกครั้ง ผมเลยได้อานิสงส์จากเดชไปด้วย เวลาผมเรียน ร.ด. ผมจะไม่ได้อยู่กับมันหรอกคับ ผมป้ายสีแดง เดชป้ายสีฟ้า ซึ่งมันคนละตำแหน่ง ผมก็อยู่กับเพื่อนผม (มันก็เป็นลิ่วล้อผมดิคับ ผมป้ายสีแดง พวกมันป้ายธรรมดา ผมจึงมักจะมีอภิสิทธิ์เล็กๆ กว่าเพื่อนผม) พอจะเลิกเรียน ก็เหมือนเดิมคับ หน.หองร้อยจะต้องกล่าวอะไรไม่รู้ แล้วพวกเราก็เดินออกจากศุนย์ฝึกไปคับ ผมคิดว่า ผมจะพยายามเดินให้ช้าที่สุด เพราะว่าผมอยู่หมวดสุดท้าย เดชจะอยู่หมวดแรก 

ออกไปที่ป้ายรถเมล์กัน เพื่อนผมบางส่วนก็กลับกันไปแล้ว บางส่วนที่เคยกลับบ้านด้วยกันกับผมก็ยังคงรอผมอยู่ ผมบอกว่าถ้ารถมาก็ไปกันเลย ไม่ต้องรอ วันนี้ไม่กลับทางนั้น เพื่อนผมเชื่อคนง่ายคับ เพราะมันเป็นเทพ เรียนเก่งโคตรแต่เรื่องอื่นๆน่ะหลอกง่ายมาก บางวันหลอกว่าผมทำน้ำหกใส่สมุดมัน มันยังเชื่อเลยคับ ว่าแล้วผมก็ส่งเทพของผมขึ้นรถไป ที่ป้ายรถเมล์ตอนนั้นไม่มีเพื่อนผมอยู่แล้ว เหลือแค่ผมคนเดียว แต่แล้วเดชก็ยังไม่มา ไปไหนวะน่ะ บอกให้รอก็หายไปซะงั้น

รถคันแรกผ่านไป 15 นาที คันที่สองผ่านไป คันที่สามผ่านไป ทำไมมันนานอย่างงี๊ มันไปไหน ใจจึงก็ห่วงกลัวว่ามันจะไปทำไรบ้าๆ มันยิ่งอารมณ์เปลี่ยวๆด้วย หรืออีกใจก็คิดว่า มันลืมป่ะวะ แล้วมันก็ย่องมาด้านหลังผมคับ
 
“รอนานป่ะ”
“เกือบชั่วโมง ไม่นานหรอก ถ้ารถมาอีกคันจะกลับบ้าน”
“ไปหาของกินให้นาย อ่ะ...” – เดชยื่นขนมตาลโรยหน้ามะพร้าวให้ผม
“แกไปไหนมาวะ” - ผมถาม
“ไปหาขนมกิน กว่าแกจะออกมา แกอยู่หมวดสุดท้าย เราก็เลยไปหาของกินแถวนี้ เลยซื้อมาฝาก”
“ขนมตาลอ่ะนะ”
“จะกินไม่กิน หา”
“กิน กิน กินก็ได้” – ผมยัดขนมตาลเข้าปาก ยอมรับว่า หิวเหมือนกัน
“ไปยังไงอ่ะหอแก”
“ก็ นั่งสาย117 ไป เด๋วถึงแล้วบอก”
“เออ”
“แล้วทำไมไปหาของกินนานจังล่ะ” - ผมถาม
“ก็มันไม่ค่อยมีน่ะ เดินไปเกือบบางโพถึงจะเจอ”
“เออ ไกล วันหลังไม่ต้องก็ได้นะ”
“รถเมล์มาแล้ว”

รถเมล์มาแล้วคับ ว่างด้วย ดีจัง ปกติแน่นมากคับ แน่นไปด้วยพวกเรานั่นแหล่ะ ปต่ตอนนั้นไม่มีพวกเราที่เรียน ร.ด. กันแล้ว ก็เลยได้นั่งคับ ที่นั่งสองคน ผมนั่งข้างในคับ เดชนั่งข้างนอก แล้วผมก็หลับไป นานแค่ไหนไม่รู้ นานจนถึงหอเดชคับ มันปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์  ผมถูกลากลงรถเมล์อย่างรวดเร็วก่อนที่จะบอกว่า

“ไม่ลากซะแขนเราหักไปเลยล่ะ” – ผมด่ามัน ด่าเล่นๆแหล่ะคับ
“ขอโทษ ไม่คิดว่าจะขี้เซาอย่างงั้น”
“เออเออ เดินไปไกลป่ะ”
“ไม่ไกล” – แล้วมันก็คว้าแขนผมไปคับ “เดินให้มันไวๆหน่อย”
“ก็ง่วงอ่ะ”
“ให้มันว่อง” – เดชมันกระฉับกระเฉงจังวะ
“แกช่วยปล่อยมือเราก่อนได้ป่ะ”
“ก็นายเดินช้าอ่ะ ไม่ทันใจเรา”
“เออ เราจะเดินให้เร็ว ปล่อยได้แล้ว” – ผมบอกมันให้ปล่อยมือผมซักที มันก็ทำตามคับ
“ก็แค่นั้น” - ผมบอกมัน
“มาเดินใกล้ๆดิ” – แน่ะ มันสั่งผมอีก
“เออรู้แล้ว” – ผมว่าง่ายคับ
“ก็แค่นั้น” - มันย้อนผมคับ
“ย้อนกูเหรอ” – ผมเริ่มมีศัพท์พ่อขุนรามกับมันแล้วคับ
“เออ”

จริงๆ แล้วทางจากปากซอยมันก็ไกลนะคับ แต่ก็เพราะคุยกันไปเพลินๆ ระยะทางมันก็ใกล้นิดเดียวเอง ถ้าให้ผมเดินเอง ไม่ไหวหรอกคับ มันทักลุงยามหน้าหออย่างสบายใจ แล้วก็พาผมขึ้นไปที่ห้องของมัน ห้องพักของมันก็รกแหล่ะคับ ตามประสาเด็กผู้ชาย ม.ปลาย รกจริงจัง แต่ของมีไม่เยอะคับ ก็เลยดูกว้างๆ 

“ห้องรกป่ะวะ” - มันถามผม
“รกกว่าบ้านกูอ่ะ แต่ก็ไม่รกมาก” –ห้องไอ้ไม้รกกว่านี้อีก
“เออ ไม่คิดเหมือนกันว่าวันนี้แกจะมาใหญ่”
“เออ”

เดชจัดแจงปัดกวาด ทำความสะอาดห้อง มันคงจะอายมั้งคับ เพื่อนใหม่มาห้องมันแต่สุดจะรก ห้องมันมีเตียง 1 เตียง ขนาดที่นอนได้ 2 คนแล้วเบียดกันนิดๆ แล้วก็มีโต๊ะหนังสือ ชั้นวางหนังสือ ตู้เสื้อผ้าเล็กๆ แล้วก็ชั้นวางของ แค่นั้นเลยคับ ของน้อยมากๆ ผมเริ่มเดินสำรวจห้องระหว่างที่เดชกำลังทำความสะอาด ชั้นวางหนังสือและโต๊ะหนังสืออยู่ติดกัน เป็นเรื่องแปลกๆคับที่มันไม่มีการ์ตูนซักเล่ม ถามมันบอกว่า มันไม่ชอบอ่านการ์ตูนคับ บอกว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน อ่านไปก็งั้นๆ มันก็เลยไม่อ่านการ์ตูน มีแต่หนังสือเรียนและหนังสือที่เกี่ยวกับการเรียน หนังสือที่มีความรู้ และหนังสือเกี่ยวกับทหารคับ

ซักพักเดชส่งอัลบัมรูปมาให้ผมดูคับ ผมก็รับมาดู มันถามว่าคนไหนคือมัน ผมชี้ผิดคนคับ (แฮ่ะๆ) หน้ามันเปลี่ยนอ่ะ ผมเลยไม่รู้ว่าคนไหนเป็นมัน รูปนั้นเป็นรูปที่เดชถ่ายกับเพื่อนที่สุพรรณตอน ม.3 ก่อนที่จะเข้ามาเรียนที่กรุงเทพ ในรูปมีคนอยู่ 4 คนยืนกอดคอกันคับ มันบอกผมว่า การที่เรามีเพื่อนเยอะๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะหาความจริงใจได้จากเพื่อนได้ทั้งหมด มันเลือกที่จะมีเพื่อนน้อยๆ แต่จริงใจให้กัน และสามารถร่วมทุกข์ร่วมสุขกับมันได้ก็พอคับ มันไม่ขออะไรอีก แตกต่างกับผมคับ ผมเป็นคนที่เพื่อนเยอะมาก เพื่อนผมมีหลายสังกัด เพื่อนในห้อง เพื่อนกรรมการนักรียน เพื่อนในค่าย เยอะแยะมากๆคับ แต่ก็จริงนะ ผมไม่สามารถหาความจริงใจได้จากเพื่อนได้ซักคน เวลาผมมีปัญหา(แต่มักจะไม่ค่อยมี) ที่พึ่งของผมก็คือ ตัวของผมเอง ผมเลือกที่จะไม่ปรึกษาใคร แม้ผมจะไว้ใจเขาก็ตาม แต่ก็ไม่รู้ทำไมว่า เวลาใครมีปัญหา ที่พึ่งแรกๆ ก็คือผม

“มานั่งนี่ดิ” – เดชเรียกผมไปหามันที่เตียง มันนอนเล่นอยู่บนเตียงของมัน
ผมเดินไปหามันอย่างว่าง่าย แล้วก็ไปนั่งปลายเตียง หันหน้าไปหามัน ในมือผมถืออัลบัมรูปที่มันให้ผมดู
“อีกไม่นานแกก็จะมาอยู่ในอัลบัมนี้เว้ยใหญ่”
“เราให้ถ่ายรูปยากนะ หน้าตาเราไม่ดี”
“เพื่อนน่ะ ไม่มีคำว่าหน้าตาหรอก จำไว้”
เราทั้งคู่ดูรูปกันอยู่ เดชนอนคว่ำบนเตียง ในสภาพที่ท่อนบนเปลือยคับ ผมนั่งอยู่ปลายเตียงในชุด ร.ด. เต็มยศ
“.... แกไม่ร้อนเหรอวะ” –เดชถามผม
“ร้อน”
“ไม่ต้องอายเราก็ได้ เสื้อน่ะถอดออกไปเหอะน่า ชุด ร.ด. มันร้อน เรายังทนไม่ได้เลย”
“อายเว้ย ไม่เคยไปถอดให้ใครเขาดู”
“เออน่า อยู่กับเดชไม่ต้องอาย เวลาพวกไอ้เข้มมันมามันยังไม่อายเลย”
“แต่เราอายว่ะ ช่างเหอะ เราทนได้”
“ตามใจแก”
ผมถอดเสื้อนอกออกคับ เหลือแต่เสื้อคอกลมข้างใน มันร้อนจริงๆแหล่ะคับ แต่ผมก็อายมันเหมือนกัน
“ใหญ่ เรามีอะไรอยากให้แกดู”
“อะไรวะ”
“ไดอารี่” - มันส่งไดอารี่ให้ผม
“แกเขียนเป็นกับเขาด้วยเหรอ” – ผมถามอย่าง งง งง
“คนเรามันก็มีโลกส่วนตัวบ้าง”
“หน้าตาเหี๊ยมอย่างแกอ่ะนะ”
“อย่าดูถูก อ่านซะก่อนค่อยวิจารณ์”

ผมรับไดอารี่มา แล้วก็สุ่มมาเป็นบางหน้า อ่านไม่รู้เรื่องคับ อย่างแรกก็คือ ลายมือมันแย่มาก อย่างที่สองก็คือ เรื่องราวที่มันเขียน ผมแทบจะไม่รู้เรื่องเลยคับ ใครคือไอ้ไผ่ ไอ้สัง ถามมันบอกว่า แกเล่นไปอ่านช่วงที่มันเป็น ม.3 แกจะไปรู้จักได้ไง ไอ้ไผ่กับไอ้สังเป็นเพื่อนมันในรูป 4 คนที่มันให้ผมดูแหล่ะคับ

ผมเลยเปิดไปที่หน้าสุดท้ายที่มันเขียน เป็นไดอารี่ของวันอาทิตย์คับ วันอาทิตย์ที่ผมกับต่ายไปสยาม แล้วไอ้ไม้ตามไป ไดอารี่หน้านั้นมีรอยยับมากมาย มีรอยเป็นดวงๆอยู่ด้วย ถ้าเปรียบเทียบกับความยาวของเนื้อหาที่เขียน ตอนแรกๆ มันจะเขียนแค่ว่า วันนั้นมันทำอะไรกับใครที่ไหน แต่ช่วงหลังๆ จะมีความยาวมาก ยิ่งวันสุดท้ายมีความยาว 3 หน้ากว่า เนื้อหาในนั้นนอกจากเรื่องของต่ายแล้ว ก็มีเรื่องของผมด้วยคับ

“...ตอนบ่ายหลังจากที่แยกไปกับไอ้ใหญ่ กูไปกินข้าวกับพวกไอ้เข้มมา กูปรึกษามันบอกว่า เมื่อไหร่ต่ายจะใจอ่อนวะ มันบอกกูว่า กูว่า ยังไงก็ไม่สำเร็จหรอกว่ะ ดูต่ายเขาสนิทกับไอ้ไม้จะตาย ก็ว่ามึงน่ะไม่มีวันหรอก กูก็เถียงว่า ไอ้ใหญ่มันช่วยกูอยู่ มันบอกกูอีกว่า ไอ้ใหญ่น่ะ อย่าไปหวังอะไรกับมัน มึงอย่าลืมว่าไอ้ใหญ่ก็เพื่อนไอ้ไม้ มีเหรอว่ามันจะมาช่วยคนอย่างมึง กูเสียใจมากที่มันว่าไอ้ใหญ่ กูก็เลยบอกมันว่า คนอย่างไอ้ใหญ่น่ะจริงใจ มันก็เป็นเพื่อนกูเหมือนพวกมึงนั่นแหล่ะ ถึงกูรู้ว่ามันอยู่ห้องเดียวกับไอ้ไม้ แล้วไงล่ะ กูจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้เหรอ....”

ข้ามไปอีกประมาณ 2 ย่อหน้า มีเรื่องของผมอีกแล้วคับ

“…กูรอไอ้ใหญ่ รอตั้งแต่บ่ายสองถึงหกโมง แต่แมร่งก็เดินไปกับต่ายแล้วก็ไอ้ไม้ กูรู้ว่ามันเห็นกู แต่แกล้งทำเป็นไม่เห็น ถ้ากูเป็นไอ้ใหญ่ กูคงเข้าใจว่ะที่มันต้องทำอย่างงั้น กูทำให้ไอ้ใหญ่มันไม่สบายใจว่ะ ไอ้เข้มมันก็บอกกูเมื่อกลางวันว่า ที่ไอ้ใหญ่มันมารู้จักมึงก็เพราะต่าย ถ้าไม่มีต่ายไอ้ใหญ่ก็คงไม่มารู้จักคนอย่างมึงหรอก แล้วมึงก็อย่าเชื่อในตัวไอ้ใหญ่มันมาก ถ้ามันเลิกช่วยมึงมันก็คงเลิกคบกับมึง กูเลยทะเลาะกับไอ้เข้มไป กูเสียใจนะไอ้เข้ม เสียใจที่มึงมาดูถูกไอ้ใหญ่  กูเองก็ไม่คิดว่ากูจะต้องมาทะเลาะกับมึงเพราะเรื่องต่ายและไอ้ใหญ่ กูเป็นเพื่อนไอ้ใหญ่ กูจะไม่ยอมให้ใครดูถูกเพื่อนกู”

“กูโทรหาไอ้ใหญ่ กูอยากบอกว่า กูรักมันนะ แต่มันจะอยากที่จะรักกูหรือเปล่า กูรักมันเป็นเพื่อนนะเว้ย กูคุยกับมันแล้วกูรู้สึกดีว่ะ รู้สึกดีกว่าพวกไอ้เข้มอีก แมร่งไม่เคยช่วยแถมจะซ้ำเติม ใช่ดิ แมร่งมีแฟนแล้ว มันจะไปเข้าใจอะไรกู ตอนนี้เพื่อนกูก็เหลือไอ้ใหญ่คนเดียวแหล่ะที่มันจะเข้าใจกู แม้มันดูข้างนอกเป็นคนแข็งๆ กระด้าง ไม่ค่อยแสดงออกว่ามันเป็นคนจริงใจ แต่กูรู้สึกได้ กูโชคดีที่สุดแล้วที่ได้ไอ้ใหญ่มาเป็นเพื่อนกู”

อ่านจบแล้วผมถาม
“แกเขียนไปร้องไห้ไปด้วยเหรอ” – ผมถาม
“เออ เราผิดตรงไหนที่จะเขียนแล้วร้องไห้”
“ไม่คิดว่า แกจะเขียน.....ถึงเราด้วย”
“เฮ้ย เอาน่า เราอยากให้แกได้อ่าน อันนั้นแหล่ะที่เราจะบอกแก”
“แกวางแผนอะไรไว้หรือเปล่าน่ะ”
“เรารู้สึกอย่างงั้นจริงๆ เพื่อน ไม่ง่ายนะเว้ยที่เราจะเลือกใครซักคนมาเป็นเพื่อน แต่ถ้าเราเลือกเขาแล้ว เราจะรักเขาเท่าที่เราจะรักได้ และตอนนี้มันก็เป็น....แก ไอ้ใหญ่” – เดชพูดไปมันมองหน้าผมแล้วก็โอบไหล่ผมคับ
“ขอบคุณนะ เรารู้จักคนมาเยอะ แต่ก็ไม่มีใครที่เขาจะมาเป็นเพื่อนเราอย่างจริงๆ นายก็เป็นเพื่อนรักเรา คนแรกจริงๆ” – ผมเขินๆ นิดหน่อย เดชเองก็ยังคงโอบไหล่ผมเอาไว้ “แต่ว่า แกช่วยเอามือออกไปจากไหล่เราเถอะ เราไม่ชิน”
“เรารักกัน มันก็ต้องแสดงออกกันบ้าง แกมันเป็นคนที่แข็งกระด้าง ไม่มีความรู้สึก”
“เออ เรามันไม่มีความรู้สึก ก็...เราไม่เคยมีเพื่อนแบบแก”
“งั้นก็มีซะ นี่ๆ” – มันแกล้งผมคับ ตบหัวผมแล้วก็กอดผมแรงขึ้นกว่าเดิม ผมไม่อยากจะขัดขืนมันแล้วคับ

มันกอดผมอยู่ได้สักครู่ มันก็ปล่อยคับ เรานอนดูรูปกันต่อ มันก็เล่นหัวผมคับ เกาหัวผมอยู่นั่นน่ะ มันบอกว่ามันชอบเล่นหัวเพื่อน แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกดีกับมันอย่างงี๊ ผมไม่เคยรู้สึกอย่างงี๊กับเพื่อนคนไหนมาก่อนเลย จนได้มาเจอมัน เพื่อนผมมีเป็นร้อย เราเล่นกัน เราคุยกันธรรมดา แต่เพื่อนอย่างมัน ถือว่า เป็นเพื่อนที่พิเศษมากเลยคับ 
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่14[28-07-08]
เริ่มหัวข้อโดย: KATHAE* ที่ 28-07-2008 17:17:13
แล้วใหญ่ ก้อ....


หลงรัก เดช เสียที สิ .........  :L2:


ติดตามต่อ ไป สู้ๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่14[28-07-08]
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 28-07-2008 17:26:44
รออ่านตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่14[28-07-08]
เริ่มหัวข้อโดย: joypluss ที่ 28-07-2008 17:43:31
 :a2:   ใกล้ชิดและเข้าใจกัน ขึ้นอีกขั้น 
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่14[28-07-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 28-07-2008 22:42:28
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านกันนะคับ
 :m4:
+1 ให้แล้วเป็นการตอบแทน comment นะคับ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่14[28-07-08]
เริ่มหัวข้อโดย: PakBeob ที่ 29-07-2008 01:41:53
สนุกดีฮะ  :m1:

รอตอนต่อไป :oni1:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่14[28-07-08]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 29-07-2008 07:43:44
 :a5: รึว่า ความรู้สึกใหญ่กำลังจะเปลี่ยนไป  :a11:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่14[28-07-08]
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 29-07-2008 11:12:01
 o2
จะเป็นเส้นขนานระหว่างใครกับใครนะ...
เดชจะคิดแค่เพื่อนกับใหญ่จริงเหรอ ???  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่14[28-07-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 29-07-2008 21:39:40
ตอนที่ 15
 :a2:
“หิวข้าวว่ะใหญ่”
“กินไรดีล่ะ”
“เดี๋ยวพาทัวร์ ตลาดใกล้บ้าน ของกินอร่อย” – เดชแนะนำ
“เลี้ยงปะล่ะ”
“ไรวะ ชอบแต่ของฟรี ไอ้ใหญ่”
“ล้อเล่น เราเลี้ยงก็ได้ เพื่อนคนเดียว เรามีปัญญาเลี้ยง” – ผมบอก

เราสองคนเดินออกมาจากซอย ประมาณทุ่มกว่าๆ แล้วคับ สองข้างทางก็มืดเหมือนกัน เดชขอเดินจับมือผมด้วยคับ มันบอกว่าเพื่อนกันไม่มีใครเขาคิดอะไรหรอก ผมก็เชื่อมันคับ ยอมให้มันจับมือแต่โดยดี จนถึงปากซอย ข้ามถนนไปก็เป็นตลาดแล้วคับ ผมก็ไม่ยักจะสังเกตว่า ตอนผมลงรถเมล์ ฝั่งตรงข้ามมันเป็นตลาด มันบอกผมว่าผมน่ะขี้เซา เลยไม่รู้เรื่องอะไร ถ้าหลอกไปขายก็คงว่าง่าย เราตกลงกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตกคับ เดชมันสั่งเส้นใหญ่พิเศษ ผมสั่งเส้นหมี่หมูธรรมดา เมื่อสั่งเสร็จแล้วก็นั่งคุยกัน

“เราต้องซ้อมงานโรงเรียน ทั้งสัปดาห์เลยว่ะ”
“ซ้อมไรวะ”
“งานวันสถาปนาโรงเรียนไง”
“อ่อ จำได้ละ ที่ว่ายิงปืนในสนามรบใช่ป่ะ”
“ความจำดีมากไอ้ใหญ่”
“เออ แล้วไงล่ะ”
“อยู่เย็นเป็นเพื่อนกับเราได้ป่ะ”
“ได้แหล่ะมั้ง เราเองก็ต้องมีประชุมเตรียมงานกับอาจารย์ด้วย เห็นว่าปีนี้จะเชิญผู้ใหญ่มาดูงานกันมากกว่าปีก่อน สงสัยคงได้อยู่เย็น”
“ดีเลย งั้นแกประชุมเสร็จแกมาหาเรานะ”
“แล้วพวกไอ้เข้ม... อ่อเออ ลืมไป แกทะเลาะกับมัน”
“เห็นป่ะล่ะ ว่าแกน่ะใส่ใจเพื่อนมาก”
“พอดีอ่านไดอารี่แล้วจำได้อ่ะ”
“เราเสียใจมากเลยที่ไปทะเลาะกับมัน เพื่อนๆก็ไปเชื่อมันกันหมด”
“ไม่หรอกน่า เดี๋ยวมันก็เข้าใจแก เราเชื่ออย่างงั้น”
“จริงเหรอวะ แต่ว่า เราทะเลาะกันแรงนะ ไม่รู้ดิ ก็ไม่เคยต้องทะเลาะกับมัน แล้วพรุ่งนี้ยังจะต้องซ้อมกับพวกมันอีก ไม่อยากซ้อมเลยอ่ะ อยากลาออก”
“ใจเย็นดิเดช ถ้าขาดแกเขาก็ซ้อมกันไม่ได้ อย่างี่เง่าเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้เราไปช่วยเคลียร์กับไอ้เข้มให้ป่ะ”
“ขอบใจว่ะ แต่ ไม่ดีกว่า มันเป็นเรื่องของเรากับมัน ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องของเรา”
“เราเข้าใจไอ้เข้มนะ มันห่วงแก มันไม่อยากให้แกคิดเรื่องต่ายต่อไปอีก...”
“เรื่องต่ายน่ะไม่เท่าไหร่ แต่มันว่าแก เราทนไม่ได้ว่ะ”
“...ก็ไม่ผิด ที่ไอ้เข้มจะคิดอย่างงั้น เราเองมันก็แค่สิ่งที่จำเป็นในการที่แกจะไปหาต่าย ถ้าแกไม่มีเราแกอาจจะใช้คนอื่นก็ได้ แล้วเราก็คิดเสมอ ว่าถ้าไม่มีต่าย เราก็คงไม่รู้จักแก แล้วก็เมื่อไหร่ที่แกได้ต่ายไปเป็นแฟน แกก็จะไม่เป็นเพื่อนเราอีก เรายอมรับว่าเราก็คิด”
“ไอ้ใหญ่ หยุดเดี๋ยวนี้ ไม่มีทาง แม้เราจะไม่ได้ต่ายเป็นแฟน แต่เราก็ยินดีที่จะเป็นเพื่อนกับแก”
“เออ ยังไงพรุ่งนี้จะรอฟังข่าวดีนะเว้ย”
“แล้วต่ายล่ะ ตอนนี้ทำไรอยู่แกรู้ป่ะ” - นึกว่ามันจะไม่ถามเรื่องต่ายซะแล้ว
“กินข้าวมั้ง อ่านหนังสือ อยากรู้ก็โทรไปหาเขาดิ”
“เอ่อ คือว่า....”
“มามุขนี้อีกละ อ่ะอ่ะ เดี๋ยวเราโทรไปให้ก็ได้”
“ใหญ่จ๋า....ขอบคุณมาก” – มันจะมากอดผม :กอด1:อีกแล้ว ผมหยุดมันไว้ตรงนั้น

ชิมไปบ่นไป ไม่ใช่บ่นอาหารนะคับ แต่เดชมันก็บ่นๆ บ่นโน่นบ่นนี่ ถ้าเป็นเพื่อนผมล่ะก็ ผมด่าไปแล้วคับ แมร่งจะบ่นไรนักหนา แต่เป็นเดช ไม่รู้ว่าทำไมผมไม่ด่ามันอ่ะคับ ผมฟังมันบ่นแล้วผมเองก็มีความสุขแบบว่า บอกไม่ถูก

จบจากร้านก๋วยเตี๋ยว ไปต่อกันที่ร้านขายขนมปังนึ่ง ผมน่ะเริ่มอิ่มๆแล้วคับ แต่เดช ไม่รู้ไปตายอยากมาจากไหน มันซัดซะอย่างกับพายุ ทั้งๆที่มันก็ตัวเล็กกว่าผม แต่มันก็ไม่อ้วนนะคับ กินเสร็จเราก็เดินออกมารอขึ้นรถ

“ลืมไรป่ะ” – เดชทวง
“ไม่นะ ไม่น่าลืมไรนี่หว่า”
“โทรหาต่าย”
“เออว่ะ แฮ่ะๆ” :m23:

ผมกดโทรศัพท์หาต่ายคับ แต่ไม่รู้ทำไมว่าตอนนั้นมันไม่ค่อยอยากจะกดซักเท่าไหร่ ไม่เหมือนกับวันที่เราไปกินก๋วยเตี๋ยวเมื่อคืนวันศุกร์ตอนนั้นเลย ตอนนั้นผมมีความรู้สึกว่า ผมอยากกดโทรศัพท์หาต่ายมากๆ อยากให้มันไปพ้นๆผมซักที แต่มาวันนี้ผมไม่ค่อยอยากจะกดไปหาต่ายเพื่อให้มันคุยเลยคับ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ผมแกล้งทำเป็นถามเดชว่าต่ายเบอร์โทรอะไร มันบอกมาอย่างกับจับวางเลยคับ ผมก็กดไปตามระเบียบ

“ฮัลโหล” - สายปลายทางพูดก่อน
“ขอสายต่ายคับ”
“พูดอยู่ค่ะ”
“ใหญ่เองนะ”
“เออใหญ่ว่าไง วันนี้เราก็อุตส่าห์เดินไปซื้อกับข้าวแถวนั้น เผื่อเจอ”
“อ่อเหรอ เราขอโทษละกัน”
“ไม่เป็นไรหรอก”
“แล้วตอนนี้แกอยู่ไหนใหญ่”
“เออ มีคนจะคุยกับแก” – ผมตัดบท ยื่นโทรศัพท์ให้เดช
“ต่ายเหรอ เดชนะ”
…….
…….
…….
……..
คุยกันซัก 3-4 ประโยค (อีกแล้ว) แล้วเดชก็ส่งโทรศัพท์มาให้ผม
“แกไปทำไรกับเดช”
“มาที่หอมัน”
“แล้วมันก็บังคับแกให้โทร...”
“อืม ถูกของแก”
“แกเป็นไรวะ เสียงดูเหนื่อยๆ”
“ฝึก ร.ด. หนักไปมั้ง สักพักคงหาย” :เฮ้อ:
“ปกติแกไม่ค่อยจะเหนื่อยนะ พลังแกมันเหลือล้น”
“วันนี้มันเหนื่อยนี่หว่า”
“แล้วทำไมแกต้องไปที่หอมัน” – ต่ายถาม
“มันชวน” - ผมตอบเรียบๆ
“แล้วแกไปทำไม”
“ก็มันชวน” – ผมตอบเรียบๆ อีกแล้ว คราวนี้เดชมันมายืนในตู้โทรศัพท์เลยคับ อึดอัดจริงๆ
“แกก็ปฏิเสธได้นี่ ใช่ป่ะ”
“ก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง” – เสียงผมเบาลง
“แกรู้ป่ะว่า ทุกครั้งที่แกอยุ่กับมัน เราลำบากใจนะเว้ย เรารู้ว่าแกไม่ได้เต็มใจ แกถูกบังคับทุกครั้ง แล้วเราก็ทำให้แกต้องเป็นอย่างงี๊” – ต่ายบ่น
“เหรอ”
“ก็เออดิ หรือแกไม่ลำบากใจ”
“เออ” - ผมพูดแบบไม่ค่อยจะเต็มเสียง
“เดชอยู่ตรงนั้นป่ะ”
“อยู่ ข้างๆเนี๊ย” – ผมหันไปมองหน้ามัน “มีไรกับมันป่ะ”
“ไมมี แต่เรามีธุระกับแก”
“งั้นพรุ่งนี้ไปคุยที่โรงเรียนก็ได้” - ผมบอกต่าย
“อยากโทรหาแกมากกว่า อยู่โรงเรียนคุยไม่สะดวก”
“ทำไมอ่ะ ทำไมไม่สะดวก”
“แกนั่นแหล่ะ กลางวันก็กินข้าวแล้วก็ชอบแว่บไปไหนไม่รู้” – จริงแหล่ะคับ ก็วันนี้ผมแวบไปหาเดช
“เออเออ พรุ่งนี้จะนั่งให้แกเห็นหน้าทั้งวัน เอาป่ะ”
“แกอย่าประชดดิใหญ่”
“ไม่ได้ประชด จริงๆ”
“จ้าจ้า งั้นเราวางหูก่อนนะ”
“เดี๋ยว เดชมันจะขอคุยด้วย” – มันสะกิดผมตั้งนานแล้วคับ ผมก็เลยส่งโทรศัพท์ให้มัน
“ฝันดีนะต่าย”
……….
……..
……..
แล้วก็วางหูไป

เราเดินออกมาจากตู้โทรศัพท์กันคับ ผมดูซึมๆ ไป เดชมันทัก มันถามว่าผมเป็นไรหรือเปล่า ผมบอกว่าไม่มีไร คงเหนื่อยมั้ง ผมคงเหนื่อยจริงๆ แหล่ะคับ

“ตะกี๊แกยังไม่เป็นอย่างงี๊เลยไอ้ใหญ่ แกเป็นไร”
“ไม่เป็นไรซักหน่อย” - ผมตอบเรียบๆ
“กูไม่เชื่อ ใหญ่ มรึงบอกกูมานะ มรึงเป็นไร” – มันเดินไปข้างหน้า เขย่าแขนผม
“ปล่อย ก็บอกว่าไม่เป็นไร ไม่มีไรหรอกน่า” - ผมพยายามทำเสียงให้เป็นปกติที่สุดแล้วคับ
“จริงเหรอ ไม่ว่ะ แกไม่เคยอารมณ์ขึ้นๆลงๆ”
“เหรอ”
“ก็เออดิ แกเป็นคนอารมณ์ดีตลอดเวลานะไอ้ใหญ่”
“วันนี้แกก็อาจจะเห็นอารมณ์เราไม่ดีบ้าง แกอาจจะอยากเลิกคบเราก็ได้นะเดช”
“แกเป็นอะไรวะ” – มันเขย่าไหล่ผมคับสายตามันจริงจัง “เราทำให้แกลำบากใจใช่ป่ะ” - มันถาม
“เปล่า”
“แล้วอะไรล่ะ ที่ต่ายคุยม๊ะกี๊”
“ต่ายบอกว่า.....พรุ่งนี้ต่ายขอคุยด้วย”
“คุยกับเราน่ะเหรอ”
“เออ”
“เฮ้ย ใหญ่ ดีใจว่ะ ขอบคุณมากๆ” – มันดีใจ ผมก็อมยิ้มให้มันคับ
“แล้วมะกี๊แกเป็นไร”
“หลอกแกเล่นน่ะ” - ผมบอกมัน
“หลอกซะกูเปื่อยเลย”
“เออเหรอ ไม่คิดนี่หว่า ว่าจะหลอกง่าย”
“ไอ้ใหญ่ แก แมร่ง...เลว แกล้งกู” – มันก็เริ่มไล่เตะตูดผมคับ ผมวิ่งหนีจนถึงป้ายรถเมล์หน้าปากซอยหอมัน
“ตกลงเมื่อกี๊แกไม่ได้เป็นไรใช่ป่ะ”
“เออ” – ผมหันไปบอกมัน พยายามทำตัวเป็นปกติที่สุด
“ไอ้ห่า กูตกใจหมด นึกว่าเพื่อนรักกูถูกแฟนกูด่า”
“ต่ายเขายังไม่ได้เป็นแฟนใครเว้ย” - ผมย้ำ
“วันนึง เขาก็จะต้องเป็นแฟนกู กูจะให้มึงเลือกว่าอยากเป็นเพื่อนเจ้าสาวหรือเพื่อนเจ้าบ่าว”
“.....”

รถเมล์มาแล้ว ผมขอตัวขึ้นรถกลับบ้านผม ก่อนจะขึ้นมันบอกว่า สามทุ่มทำตัวให้ว่าง จะโทรหา แต่มันไม่ดูเวลาตอนนี้เลย สองทุ่มครึ่งแล้ว ให้เวลาครึ่งชั่วโมง ถึงบ้านปุ๊บให้โทรคุยปั้บ เฮ้อ เกิดเป็นไอ้ใหญ่ เหนื่อยจริงๆ
----------------
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่15[29-07-08]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 29-07-2008 22:05:45
ดูแล้วท่าจะส่อแววเศร้ามาลางๆ  :serius2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่15[29-07-08]
เริ่มหัวข้อโดย: ranaways ที่ 30-07-2008 18:34:34
มันผูกพันกันอ่ะ

มันเริ่มลึกซึ้ง อาจจะเกินเลยกว่าเพื่อนไปได้
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่15[29-07-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 30-07-2008 23:20:51
พักนี้ผมว่างคับ เลยUpdateทุกวัน วันละตอนก็พอคับ มีอะไรก็ comment ไว้นะคับ จะตามอ่านทุกอันเลยคับ
 :oni3:

ตอนที่ 16
 :m29:
ถึงบ้านแล้วคับ แฮ่ะๆ แต่ก็เหนื่อยเหมือนกัน ผมไม่อยากพูดอะไรมากคับ ผมเหนื่อยจริงๆ ทั้งๆที่วันนี้ ร.ด. ก็เรียนไม่หนักเท่าไหร่ แล้วผมเสียพลังงานไปไหนหมดน่ะ กลับมาถึงบ้านผมอาบน้ำเลยคับ แล้วก็กำลังจะเข้านอน

“ฮัลโหล”
“ไอ้ใหญ่เหรอ”
“เออ มีไรอีกล่ะ เมื่อกี๊ก็เพิ่งแยกจากกัน”
“โห โทรมาคุยเล่นไม่ได้เหรอวะ”
“วันนี้เราง่วง”
“แกเป็นไรป่ะเนี๊ย ตั้งแต่เมื่อกี๊แล้ว”
“ไม่ได้เป็นอะไรเว้ย จริงๆ”
“ท่าทางแกไม่สดใสเหมือนทุกวัน”
“คนเราจะอารมณ์ดีได้ทุกวันยังไงล่ะ มันก็ต้องมีบ้างแหล่ะ แต่เราไม่เป็นอะไรจริง”
“หรือแกลำบากใจ...”
“เรื่องอะไรล่ะ”
“ก็เรื่องที่ เราให้แกโทรหาต่าย”
“ทำไมต้องลำบากใจ เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อน ก็เรื่องปกติ เราก็ช่วยเพื่อนทุกคนแหล่ะถ้าเราทำได้”
“เออ ใหญ่ พรุ่งนี้อ่ะ…”
“ทำไมเหรอ”
“อย่าลืมนะ นายประชุมงานเสร็จต้องรอเราด้วย”
“เออ แล้วมีไรอีกป่ะ”
“กูรักมึงนะใหญ่”
“เออ กูรู้แล้ว เพื่อนกัน แค่นี้นะ” - ผมตัดบทคับ

ผมเตรียมตัวเข้านอนคับ แต่ก็ไม่รู้ทำไม ผมยังไม่ง่วง การบ้านก็มี แต่ไม่ทำหรอกคับ เรามีต่ายไว้ให้ลอกการบ้าน ผมคิดอะไรอยุ่เนี๊ย ตอนนี้ในหัวสมองผม มีแต่เดช เดชกับสมุดไดอารี่ที่มันให้ผมอ่าน มันต้องการบอกอะไรผม ต้องการบอกว่า มันรักผม อย่างงั้นเหรอ หรือมันจะบอกอย่างอื่น รู้งี๊ผมน่าจะถามมันตรงๆว่า มันจะบอกอะไรกับผม ใจความในนั้นรู้แค่ว่า ไอ้เข้มมันว่าผม ไอ้เดชมันปกป้องผม เพราะมันรักผม สรุปแล้วก็คือ มันรักผม เป็นเพื่อน เพื่อนแค่นั้นแหล่ะ ไม่มีอะไรที่มันควรจะเกินเลยไปกว่านี้แล้ว แต่การรักเพื่อนเนี๊ย ผมก็เคยได้ยินเพื่อนคนอื่น ไอ้ไม้มันก็เคยบอกผมคับ ผมเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับไอ้ไม้หรอก ยังจำได้เลยตอนที่ไอ้ไม้มันบอกรักกับผม ผมยังไล่เตะตูดมันอยู่เลย บอกว่าสยอง กูไม่เอามึงหรอก แต่พอมาวันนี้ คำที่มีความหมายคล้ายๆกัน ออกมาจากคนละคน แต่ทำไมผมถึงรู้สึกแปลกอย่างบอกไม่ถูก ผมรู้สึกดีกับเดช – ใช่, ผมอยากให้มันโทรหาผม – ไม่ค่อยเท่าไหร่, ผมต้องถูกมันบังคับให้ทำโน่นทำนี่ – ใช่, ผมเต็มใจทำให้มัน – บางครั้ง, บางครั้งที่ทำอะไรกับเดชก็รู้สึกดีใช่ป่ะ – ใช่, แล้วตอนที่มันกอดผมล่ะ – อบอุ่น รู้สึกดี, ผมชอบเดชแล้วเหรอ – ยังไม่แน่ใจว่ะ ไม่เคยมีความรัก

ถ้าผมชอบเดชจริง แล้วที่เดชจีบต่ายล่ะ เดชชอบต่ายไม่ใช่เหรอ แม้ต่ายเขาจะไม่เห็นคุณค่าของเดชก็ตาม เดชก็ยังพยายาม พยายามแม้จะรู้ว่าสู้ไอ้ไม้ไม่ได้  แล้วผมก็เลือกที่จะอยู่ข้างเดช ทั้งที่ผมเป็นเพื่อนไอ้ไม้ ผมชอบทิ้งไอ้ไม้ไปหาเดช ผมทำตามที่เดชมันขอร้องเกือบทุกอย่าง แต่ผมเองก็ไม่เคยที่จะเชียร์ต่ายให้เลือกเดช ผมยังคงเป็นเพื่อนไอ้ไม้ ผมเป็นเพื่อนเดช ความรู้สึกตอนนี้ผมสับสน ผมรู้สึกอะไรกันแน่ ผมไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ

เช้าขึ้นมาผมตื่นสายคับ มาไม่ทันสัญญาณเรียกแถว แต่ก็ยังมาทันเชิญธงชาติอยู่ดี เพราะเขาต้องรอผมไปเชิญธงชาติแหล่ะคับ ผมโยนกระเป๋าไว้ข้างๆเสาธง แล้วก็เชิญธงชาติตามปกติ ระหว่างที่ผมกำลังเดินถือกระเป๋ากลับมาที่แถว ผมผ่านไปที่แถวที่เดชเข้าแถวอยู่ด้วย มันอยู่หลังสุดของแถว ไม่ได้ยืนติดไอ้เข้มและเพื่อนๆหรอกคับ มันยืนคนเดียว ผมเดินไปหามันที่แถว กะว่าจะไปขยิบตาใส่มันซักนิดแล้วค่อยไปที่แถวตัวเอง มันคว้ามือผมแล้วก็บอกว่า หลังเลิกแถวไปหาที่ห้องเรียนด้วย คับ ผมก็ปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย

ผมเดินไปหาเดชที่ห้องเรียนของมันคับ มันก็ออกมานั่งหน้าระเบียง

“อ่ะ เรารู้ นายยังไม่ได้กินข้าว” – อีกแล้วคับ มันส่งข้าวเหนียวหมูปิ้งมาให้ผมอีกแล้ว
“ให้เรากินแต่หมูปิ้งทุกวัน”
“เออ กินไป ข้าวเช้าดีต่อสุขภาพ”
“หลับคาโต๊ะอ่ะดิไม่ว่า ยิ่งเป็นข้าวเหนียว หลับแน่ๆ”
“กินไป อย่าเรื่องมาก” – แล้วมันก็จับหมูปิ้งยัดปากผม
“แล้วแกกินมายัง” – ผมกำลังเคี้ยวหมูปิ้งที่มันยัดปากผม
“เรียบร้อยแล้ว”
“เออ ดี”
“เพราะแกแหล่ะไอ้ใหญ่ที่ทำให้วันนี้ขึ้นห้องช้า”
“เกี่ยวไรกับเราวะ”
“ก็แกมาสาย เขาเลยเชิญธงชาติขึ้นช้ากว่าเดิม”
“ไม่เกี่ยวแล้วมั้ง วันนี้ ผ.อ. เขามีเรื่องงานวันสถาปนาโรงเรียนมาแจ้งให้ทราบ”
“ส่วนหนึ่งก็เพราะแกด้วยแหล่ะไอ้ใหญ่”
“เออ เราผิด เราผิด”
“เฮ้ย ล้อเล่นน่า”
“เหอะๆ” - เราหัวเราะกันทั้งคู่
“เรายังไม่คุยกับไอ้เข้มเลยว่ะ” – เดชเอ่ยขึ้นก่อน
“ให้เราช่วยไรได้ป่ะวะ”
“ไม่เป็นไร เรื่องของเรา เราจัดการได้”
“ให้ช่วยไรบอกได้นะ”
“ช่วยไรอย่างนึงดิ เย็นนี้รอเราด้วยนะ”
“แกบอกเรารอบที่ 100 แล้วมั้ง รู้แล้ว อยู่รอก็อยู่”
“เออ ดีๆ ขากลับบ้านจะได้ไปหาไรกินกันอีก”
“เฮ้ย ‘จารย์มาแล้วว่ะ ไปก่อนนะ”

คาบช่วงเช้าผ่านไป ไม่มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นหรอกคับ จะมีก็คือ รายงานไดอารี่วิชาภาษาอังกฤษน่ะคับ คือว่าอาจารย์ให้เขียนไดอารี่เป็นภาษาอังกฤษ ระยะเวลา 1 เดือน ขนาดไดอารี่ภาษาไทยผมยังไม่เคยเขียนเลยคับ แล้วให้มาเขียนไดอารี่ภาษาอังกฤษอีก ผมตายแน่ๆ จะลอกใครดี ศัพท์ยิ่งโง่ๆอยู่ (แต่ไวยากรณ์ได้นะ) ผมนึกถึงเดช (แล้วทำไมต้องนึกถึงมัน) เพราะมันเขียนไดอารี่อยู่ ผมเคยอ่านคับ ที่มันเขียนถึงผม แล้ววันที่ผมได้อ่าน ก็เป็นวันที่ผมรู้สึกแปลกๆไปกับมัน ผมพยายามทำตัวไม่ให้มันมีอะไรเกิดขึ้น ผมทำได้คับ ภายนอกผมทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ข้างใน ใครจะมารู้ใจของผมล่ะ นอกจากตัวของผมเอง

คาบบ่ายมาเยือน ผมนั่งเหม่อมองออกไปนอกประตู คิดว่า บางทีเดชอาจจะเดินผ่านห้องผมก็ได้ เดชมันชอบเดินผ่านห้องผมอยู่บ่อยๆ คงจะมามองต่ายมากกว่าเราแหล่ะ ใช่ดิ เดชชอบต่าย ไม่ได้ชอบเรา เพื่อนแหล่ะว่ะ เพื่อนเท่านั้นที่เราคิดกับมัน และมันก็คงคิดกับเราแค่นั้น เราจะไม่คิดอะไรกับมันนอกเหนือจากคำว่าเพื่อนแน่นอน เหม่อจนได้เรื่อง อาจารย์เรียกผมตอบ ผมตอบไม่ได้ แปลกว่าคราวนี้ไอ้ไม้ที่มาช่วยผมให้รอดจากอาจารย์ ถามมันอีกทีบอกว่า ไปลอกต่ายมา อ้าวซะงั้นเพื่อนกรู

ไม่อยากให้ถึงตอนเย็นเลยคับ เวลาที่ผมจะต้องไปประชุมเตรียมงานกับอาจารย์ หลังเลิกเรียนเสร็จ ผมเก็บกระเป๋า แต่ก็ไม่ได้รีบแต่อย่างใด ผมเก็บไปเรื่อยๆ คิดอยู่นั่นแหล่ะว่าจะเอาอะไรกลับบ้านให้ได้น้อยที่สุด ปกติต่ายจะกลับบ้านเร็ว ไม่รู้ว่ากลับบ้านหรือว่าไปเรียนพิเศษกันแน่ แต่แปลกที่ว่าวันนี้ต่ายอยู่เย็น ต่ายเดินมาหาผม

“คุยไรหน่อยดิ” – ต่ายบอกผม ผมพยักหน้า
“เมื่อเช้าเราเห็นนะ ที่หน้าห้อง”
“เห็นไรล่ะ”
“แกนั่งคุยไรกับเดช”
“คุยอะไรแล้วมันเกี่ยวอะไรกับแกวะ” - น้ำเสียงผมจริงจัง
“ก็.....” – ต่ายถึงกับอึ้งไปซักพัก
“เออ ล้อเล่น มันซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งมาให้เรากิน”
“ไม่ได้คุยอะไรถึงเราใช่ป่ะ”
“ไม่นะ ก็เมื่อวันก่อนมันทะเลาะกับไอ้เข้ม เพื่อนมันน่ะ แล้วทีนี้มันก็เปลี่ยว ไม่มีเพื่อน ก็เลยลากเราไปอยู่กับมันด้วย”
“แล้วทำไมแกต้องไปอยู่กับมันล่ะ”
“เราสงสารมันอ่ะต่าย เพื่อนทิ้งมัน”
“คือที่เราอยากจะเคลียร์กับเดช ก็เพื่อแกแหล่ะใหญ่ ที่จะไม่ต้องมาลำบากเพื่อเราอีก”
“เอางี๊ ต่าย เราเองไม่ได้ลำบากอะไร โอเคป่ะ แกจะได้สบายใจ”
“แต่ว่า...”
“เรื่องของเดชกับแก มันก็คงเป็นเรื่องของแกที่แกจะต้องตัดสินใจ แต่เรื่องของเรากับเดช เราไม่ได้ลำบากใจอะไร ดีซะอีก เราได้เพื่อนเพิ่มขึ้น ขอบคุณแกมากๆนะต่าย”
“ตกลงแกยอมเป็นเพื่อนกับเดชแล้วเหรอ”
“อืม ยิ่งกว่าเพื่อนซะอีกตอนนี้”
“อะไรกันเนี๊ย แกไปชอบเดชเหรอ”
“แกจะบ้ารึไงวะ ฮ่าๆๆ ไม่มีทางหรอก”
“แล้วไป อย่าให้รู้นะเว้ยว่าแกไปชอบมัน” – ต่ายยังคงแซวผม
“เกิดเราไปชอบมันจริงๆ แกต้องรับผิดชอบ” - ผมแหย่ต่ายเล่นๆ
“ยังไง”
“แกต้องมาเป็นแฟนเรา แก้ข่าว ไอ้ไม้ไอ้เดชอะไรน่ะ ไม่ต้อง ไอ้ใหญ่เนี๊ยแหล่ะจะต้องเป็นแฟนต่าย” – ผมพูดจบ ต่ายหัวเราะ

ผมดูเวลาอีกที อ้าว อีก 10 นาทีจะต้องไปประชุมแล้วคับ ผมเลยรีบเก็บของอย่างรวดเร็ว แล้วก็ลาเพื่อนๆห้องผม บอกว่าจะไปประชุม พวกมันชวนผมไปเล่นเกมคับ ผมบอกปัด มันบอกว่าผมไม่ได้เล่นเกมกับพวกมันนานแล้ว อืม ก็จริง ไปกับไอ้เดชตลอดเลยคับช่วงนี้ ผมก็เลยบอกพวกมันว่าสัปดาห์หน้าจะไปเล่นกับพวกมัน สัปดาห์นี้ต้องเตรียมงานวันสถาปนาโรงเรียน

แล้วผมก็เดินออกจากห้องผมไป แล้วก็ไปทางห้องเดชคับ ในห้องเหลือมันกับพวกไอ้เข้มนั่งคุยกันอยู่ มันเห็นผมก็เลยเรียกเข้ามา ผมบอกว่าผมรีบ ถามมันว่าไปซ้อมที่ไหน มันบอกซ้อมที่สนามบอล ประมาณ 6 โมงเย็นถึงเลิก ผมรับรู้แล้วก็เดินจากพวกมันไปโดยที่ไม่ได้ถามว่า เข้มกับเดชคุยกันแล้วตอนไหน

ถึงที่ประชุมแล้วคับ ผมไปแบบว่า พอดีเวลาเป๊ะ อาจารย์มารอพวกเราอยู่ก่อนแล้ว อาจารย์บรี๊ฟงานให้พวกเราฟังอย่างคร่าว แล้วก็ขอความเห็นจากพวกผมไปเล็กน้อย จากนั้นพวกผมจึงประชุมกันต่อ จนเวลาล่วงเลยไปถึง 6 โมงเย็น ผมเริ่มกระสับกระส่ายแล้วคับ พี่ ม.6 เขาถามว่าเป็นอะไร ผมบอกไปว่าเด๋วผมมา ประชุมไปก่อน แล้วผมก็วิ่งไปหาเดชที่สนามบอลคับ กำลังเลิกพอดี เดชกับเพื่อนๆกำลังเปลี่ยนเป็นชุดนักเรียน
 
“แกกลับกันไปก่อนก็ได้นะ” – ผมบอกเดช
“ทำไมวะ”
“ก็เรายังประชุมไม่เสร็จ”
“ใหญ่ เรารอแกได้”
“ก็แกคงจะเหนื่อย เราก็เลยวิ่งมาบอกแกก่อน กลัวแกรอ”
“ก็รออยู่จริงๆแหล่ะ แกก็ไม่มาซักที ประชุมไรนานวะ”
“กับอาจารย์น่ะเสร็จแล้ว แต่ตอนนี้คุยกับพี่ ม.6 ว่ะ ท่าทางจะนาน”
“เรารอแกได้ เดี๋ยวเราออกไปส่งพวกไอ้เข้มก่อน แล้วเดี๋ยวจะกลับมา”
“รอหน้าห้องกรรมการนะ เราอยู่ในนั้น”
“หิวป่ะ” - มันถาม
“นิดหน่อย แต่เดี๋ยวก็คงเลิกมั้ง ค่อยไปกินทีเดียว”
-------------
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่16[30-07-08]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 31-07-2008 08:32:03
ไม่ใช่ต่ายมารับรักเดชนะ สงสัยคงกลายเป็นรักสามเศร้าแน่เลย

รออ่านตอนต่อไปจ้ะ  :L2:

หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่16[30-07-08]
เริ่มหัวข้อโดย: PakBeob ที่ 31-07-2008 12:12:41
^
เรากัวต่ายแอบรักใหญ่มากก่าม้างงงง o2
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่16[30-07-08]
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 31-07-2008 12:48:03
อ้างถึง
ไม่ใช่ต่ายมารับรักเดชนะ สงสัยคงกลายเป็นรักสามเศร้าแน่เลย

รออ่านตอนต่อไปจ้ะ   :L2:

เออแฮ่ะ หวั่น ๆ อยู่เหมือนกันเนี๊ย เกิดต่ายเห็นความพยายามเดชขึ้นมาล่ะก้อ ซวยกันทั้งแถบแน่ :laugh:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่16[30-07-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 01-08-2008 13:42:48
ตอนที่ 17
 :laugh:
“ไปไหนกันดี” – ผมถามมันก่อน
“เออน่า เดี๋ยวพาไป”

แล้วเราสองคนก็เดินออกจากโรงเรียน ประชุมอะไรน่ะ ยังไม่เสร็จหรอกคับ ผมรำคาญ พูดซ้ำซากอยู่นั้นแหล่ะ ผมบอกว่า เพื่อนมารอกินข้าว พี่ก็เลยให้ผมออกไปได้ เรื่องของเรื่องก็คือ ผมเบื่อที่จะต้องประชุมมากกว่าคับ แล้วก็ ผมก็อยากไปกับเดชด้วยแหล่ะ เราเดินออกไป โดยที่ผมเองก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับเดช ผมก็เลยเดินเงียบ แล้วมันก็ทำลายความเงียบโดยการเดินจับมือ แล้วก็เดินกอดคอกับผม

“แกปล่อยเราเถอะ”
“เป็นไรวะใหญ่ ดูซึมๆ เหมือนหมาหงอย”
“หน้าเราไปเหมือนหมาตรงไหนวะ”
“ตอนนี้ไงล่ะ ฮ่าๆๆ” :laugh:
“แกเคลียร์กับพวกไอ้เข้มแล้วเหรอ”
“เรียบร้อยแล้ว เราคุยกันแล้ว มันก็บอกว่าเสียใจที่มันว่าแกเหมือนกัน”
“ก็ดีแล้ว แกจะได้สบายใจ ไม่ต้องมาเดือดร้อนเราอีก”
“ไอ้ใหญ่ ถามจริงเหอะ ตั้งแต่เราเข้ามาในชีวิตแก แกรู้สึกไรมั่งป่ะ”
“ไม่รู้สึกอะไร ก็แค่...” – ผมลากเสียงยาวๆ
“อะไรล่ะ”
“แค่ มีเพื่อนเพิ่มขึ้นมาอีก 4 คน” – ผมหมายถึงเดชและเพื่อนๆของมันอีก 3 คน
“แกรำคาญเรามั่งป่ะ”
“ใครจะกล้าไปรำคาญท่านล่ะคับ”
“ไอ้ใหญ่ เอาดีดี”
“ก็ไม่หรอก มันเหมือนว่า แกมาเติมอะไรบางอย่างให้มันดีขึ้น”
“เช่น...”
“เล่าไปแล้วมันจะยาว เอาเป็นว่า แกทำให้ชีวิตเราดีขึ้นละกัน เข้าใจป่ะ”
“อืม ก็ดี แกก็เหมือนกันนะไอ้ใหญ่ แกช่วยเหลือเรามาตลอด แต่...เราไม่เคยทำอะไรให้แกเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก เห็นเพื่อนมีความสุขเราก็ดีใจ”
“รักแกว่ะ...ไอ้ใหญ่” - มันก็กอดคอผมซะ
“เราว่าแกปล่อยคอเราเหอะ เราไม่ค่อยชิน เวลาใครมาเกาะคอ”
“ทำไมวะ จะเกาะ จะทำไม”
“เราสงสารคนที่จะต้องมาเกาะคอเราว่ะ เราตัวสูง ใครๆก็เกาะคอเราไม่ถึงหรอก แล้วยิ่งแกแขนสั้นๆ มันคงลำบากแกแย่”
“ป้าบ!! โอ่ย” เสียงตบหัวคับ เดชตบหัวผมเบาๆแล้วก็ลูบหัว
“ตบตัวกูทำไม”
“ด่ากรูเตี๊ย ไอ้ใหญ่”
“ฮ่าๆ หลอกด่าไม่รู้ตัว”

เราหัวเราะกัน เล่นกัน กอดคอกันมั่ง จับมือกันมั่ง จนมาถึงแถวหอเดช ตลาดเมื่อวานแหล่ะคับ ผมก็นึกว่ามันจะพาไปกินที่อื่นซะอีก แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกคับ เดชไปไหนผมก็ไปได้ทั้งนั้นแหล่ะ เราไปกินข้าวหมูแดงคับ ผมว่ามันก็ธรรมดานั่นแหล่ะ ไม่รู้มันมีดีอะไรมันถึงพามากินถึงนี่ จริงๆแล้วแถวโรงเรียนก็มีขายนะคับ

กินกันเสร็จแล้ว มันชวนผมไปหอมันคับ “อีกแล้วเหรอ” เออไปก็ได้ พักนี้ผมมักจะว่าง่ายกับเดช พาไปไหนก็ไป เฮ้อ กรูเป็นอะไรเนี๊ย พวกไอ้ไม้ผมยังชอบปฏิเสธมัน มันยังไม่ว่า แต่ไม่รู้ทำไม เวลาผมคิดจะปฏิเสธเดชมั้ง ผมกลับทำไม่ได้ กลัวว่ามันจะเสียใจ คับ ถึงหอพอดี มันทักทายลุงยามหน้าหอ แล้วก็ขึ้นไปที่ห้อง วันนี้ไม่ต้องทำความสะอาดคับ เมื่อวานทำแล้ว ไปถึงห้องมันวางกระเป๋าแล้วก็ถอดเสื้อเลยคับ มันคงไม่คิดว่า ผมอยู่ในห้องเดียวกับมันด้วย ถอดเสื้อเสร็จแล้วมันก็หันหน้ามาหาผม แล้วบอกให้ผมถอดมั่ง ผมอายอ่ะ ก็เลยบอกปัดๆ ว่าผมหุ่นไม่ดี มันก็บอกว่าไม่เป็นไร ถ้าไม่ถอดมันจะมาถอดให้ผม ผมเลยยอมจำนน กลัวว่าถ้ามันมาถอดให้ผมแล้วจะเกิดอารมณ์  ก็เลยถอดไปตามระเบียบ

“ถอดเสร็จแล้วเปลี่ยนกางเกงด้วย” - มันยื่นกางเกงบอลตัวนึงมาให้ผม
“ทำไมต้องเปลี่ยนวะ”
“เออน่า” – แล้วมันก็ถอดกางเกงหน้าผมเลยคับ เหลือแต่ กกน.สีดำ หุ่นมันก็ดีด้วย ผมเห็นแล้วยังเกิดอารมณ์ (คิดไรเนี๊ย) จากนั้นมันก็หยิบกางเกงบอลจากตะกร้ามาใส่
“ไม่ถอดกูถอดให้นะมึง ไอ้ใหญ่” –มันทำท่าจะวิ่งมา
“เออ เออ” – ผมว่าง่ายจริงๆคับ ทำตามมันสั่งทุกอย่าง
“ต้องงี๊ดิ ลูกพ่อ”
“กูเป็นลูกมึงตอนไหน” -เริ่มมีอารมณ์มั่งละ
“น่ารักจริงๆ ไอ้ใหญ่ มีพุงด้วย”
“ใครเขาจะเฟริ์ม เหมือนมึงล่ะ”
“ต้องออกกำลังกายทุกวัน ไม่งั้นมันจะโย้” – แล้วมันก็มาเล่นพุงผม ผมไม่ให้มันเล่นหรอกคับ
“มึงให้กูเปลี่ยนชุดพร้อมรบอย่างงี๊ทำไมวะ”
“พูดกูมึงได้แล้วเหรอไอ้ใหญ่”
“เออ ไม่ใช่ว่ากูพูดไม่เป็น บางทีเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันเขาอาจจะรับกูไม่ได้ ก็ก็เลยพูดเพราะๆ แต่ว่ามึงรับกูได้แล้ว กูก็เลยจะพูดกูมึงกับมึงนั่นแหล่ะ”
“อ่อ เรียกว่า วางตัว ว่างั้น”
“เออ แล้วมึงให้กูเปลี่ยนชุดอย่างงี๊ทำไมวะ” - ผมยังคงถามไอ้เดช
“กูมีบางอย่างให้มึงทำ”
“แล้วให้กูทำไรวะ”
“มึงเข้าไปในห้องน้ำก่อน เดี๋ยวกูตามไป”
“มึงจะปล้ำกูเหรอ”
“กูไม่คิดสั้นขนาดนั้นหรอก”
“โห่ อุตส่าห์ดีใจ”

ผมเดินเข้าห้องน้ำไปคับ ในห้องน้ำมันก็มีอุปกรณ์อาบน้ำทั่วไป อุปกรณ์ล้างห้องน้ำที่มีแต่เป็ดโปรกับแปรงขัดส้วม แล้วก็มีกะละมังแช่ผ้าไว้อยู่ 2 กะละมัง กะละมังแรกเป็นผ้าขาวที่ส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อนักเรียน แล้วก็เสื้อใส่เล่นที่เป็นสีขาว อีกกะละมังเป็นผ้าสีคับ แล้วมันก็ยื่นแปรงซักผ้าให้ผม

“เอามาทำไรวะ” - ผมถาม
“ซักผ้าให้หน่อยดิ ซักไม่ทันแล้ว พรุ่งนี้ไม่มีชุดนักเรียนใส่แล้ว”
“แทนที่มึงจะซักเอง มาเดือดร้อนกูทำไม”
“เอาน่า ช่วยกัน กูก็ไม่ได้เอาเปรียบมึง กูก็ซักด้วยกันกับมึงนั่นแหล่ะ” – แล้วมันก็นั่งข้างๆกะละมัง เริ่มขยี๊เสื้อมันตัวแรก
“เออ ก็ได้วะ ถึงว่า ให้กูเปลี่ยนเป็นชุดพร้อมรบ แมร่งใช้กูซักผ้า”
“เออน่า อย่าบ่น กูรู้ว่ามึงน่ะไม่เคยซักผ้า”
“รู้ได้ไงวะ ว่ากูไม่เคยซักผ้าเอง กกน. กูซักเองนะเว้ย”
“มึงมาหัดไว้ เผื่อที่บ้านมึงเขาเป็นอะไร มึงจะได้ทำเป็น”
“กูก็โยนลงเครื่องซักผ้า ก็จบ”
“มึงรู้ป่ะ ว่าโยนลงเครื่อง มันทำให้ผ้ามึงเสื่อมเร็ว”
“ถ้ามันเสื่อม แล้วทำไมเขาขายเครื่องซักผ้าได้วะ”
“ไม่รู้ว่ะ กูไม่ชอบ กูก็เลยซักมือ วันนี้ผ้าเยอะเป็นพิเศษ ไอ้ใหญ่มึงช่วยกูหน่อยละกันนะ”
“กูมาถึงขนาดนี้ละ”
“กกน. ไม่ต้องซักนะเว้ย เดี๋ยวกูซักเอง”
“กูก็ไม่ซักให้มึงหรอกไอ้เดช ไข่มึงน่ะเหม็น” - ผมเริ่มกัดมันคับ
“แล้วไข่มึงล่ะไอ้ใหญ่”
“ไข่กูไม่เหม็นโว้ย กูพ่นน้ำหอมก่อนมาโรงเรียน”
“น้ำหอมกลิ่นเยี่ยวอ่ะดิ”
“ปากเหรอแมร่ง” – ผมตีฟองผงซักฟอกแล้วก็ป้ายหน้ามันคับ แล้วมันก็แกล้งผมคืน

ผมซักผ้ากับมันไป เล่นกันไป คุยโน่นคุยนี้ บางทีมันก็ร้องเพลงเป็นพี่เสกโลโซ (จริงๆคับ หน้าคล้ายๆกันอยู่) กะลามั่งล่ะ เพลงอารมณ์ว่าหมาเห่าเครื่องบินน่ะคับ

“มึงชอบแนวนี้เหรอ” - ผมถามเดช
“ก็มันตรงกับชีวิตกู”
“ยังไง”
“ต่ายเขาอยู่บนฟ้า กูมันก็แค่หมาวัดธรรมดา ไม่มีทางที่กูจะได้ต่ายเขามาเป็นแฟน”
“แล้วกูล่ะ”
“มึงน่ะเป็นหมาวัดที่เพิ่งเอามาปล่อย ทำอะไรไม่เป็นซักอย่าง”
“อย่ามาปากดี ต่ายเป็นนางฟ้า กูก็เป็นเทวดาล่ะวะ เราอยู่ที่ระดับเดียวกัน มึงน่ะคนละชนชั้น นี่กูลดตัวมาคุยกับมึงก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
“โห ไอ้เทวดาตกมาบนยอดเสาไฟฟ้าอ่ะดิ” - มันหัวเราะ
“แล้วไงวะ กูมันเป็นเทวดาตกยาก ให้หมาวัดมันหลอกใช้”
“กูไปหลอกใช้มึงทำไรวะใหญ่”
“ตลอดอ่ะ ให้กูเป็นไม้กันไอ้ไม้มั่งล่ะ เป็นเพื่อนมึงตอนมึงทะเลาะกับเพื่อนมั่งล่ะ ให้กูจีบต่ายให้มึงมั่งล่ะ แล้วก็ให้กูซักผ้าเนี๊ย เกิดมากูยังไม่เคยซักเลย มึงอ่ะบังคับกู”
“กูขอโทษ” – เดชสีหน้าเปลี่ยนไป
“ล้อเล่นเว้ย กูก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก กูเต็มใจ”

1 ชั่วโมงผ่านไป เราซักผ้ากันเสร็จ ผมไม่เคยซักผ้าอย่างงี๊เลยคับ ปวดหลังเอาการ มันเอาผ้าไปตากที่ระเบียงห้อง ผมเก็บล้างอุปกรณ์ซักผ้าในห้องน้ำ ผมเก็บเสร็จแล้วจะไปช่วยมันตากผ้า มันบอกว่าไม่ต้อง ระเบียงมันแคบ เออดี ไม่เหนื่อย แต่ผมปวดหลังมากเลยคับ ก็เลยนอนไปบนเตียงมัน

“ใครให้มึงนอนเตียงกู”
“กูเองแหล่ะ กูจะนอน ปวดหลัง”
“มึงเอาตะกร้าไปไว้ในห้องน้ำหน่อย แล้วก็เอาผ้าถูพื้นในห้องน้ำมาด้วย กูจะเช็ดระเบียง”
“ครับ พ่อ” - ผมตะโกนใส่มัน
“ประชดกูเหรอ”
“เออ” – แล้วผมก็เดินไปเอาผ้าถูพื้นในห้องน้ำมันมาให้มันคับ

หลังจากมันตากผ้าเสร้จมันก็มานอนบนเตียงกับผมคับ ผมกำลังดูอัลบัมรูปของมันอยู่

“ทำไมห้องมึงไม่มีการ์ตูน”- ผมถาม
“การ์ตูนเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ กูเคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
“เออว่ะ แมร่งมีแต่หนังสือยากๆ”
“ใกล้สอบมานอนกับกูนะใหญ่”
“ถ้ากูขอที่บ้านกูได้ กูจะมานอนกับมึงนะ”
“กูอยากให้มึงมาติวหนังสือให้กู”
“คู่มือมึงมีเยอะกว่ากูอีก มึงยังจะมาให้กูติว กูว่ากูยังจะมาขอให้มึงติวให้กูยังจะดีกว่า”
“กูไม่เก่งเหมือนมึงนะเว้ย กูล่ะอิจฉามึงว่ะใหญ่”
“อิจฉาไรวะ คนอย่างกู”
“เรียนเก่ง ทำกิจกรรมเยอะ เพื่อนก็รัก หน้าตาก็ใช้ได้”
“มึงชอบกูเหรอ” - ผมแหย่มัน
“กูก็ปลื้มๆว่ะ กูอยากเป็นเหมือนมึง”
“มึงอย่ามาเป็นกูเลย กูเองก็ไม่ได้คนดีอะไรหรอก”
“ที่สำคัญคือ มึงรู้จักกับต่าย”
“..........” – ผมเงียบไปคับ
“เป็นไรวะใหญ่”
“เปล่า ไม่มีไร” – ผมนอนลืมตา มองไปบนเพดานห้องมันคับ มันก็นั่งพิงหัวเตียง มองดูผมอยู่ข้างๆ
----------------

ปล. แต่งไปก็ซึมๆไปคับ แม้ว่ามันจะผ่านมานานแล้ว แต่ผมไม่เคยลืมฉากนี้เลยคับ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่17[01-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 01-08-2008 14:44:03
 :L2:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่17[01-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: joypluss ที่ 01-08-2008 16:51:08
เศร้าด้วย.... :sad2:

 :bye2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่17[01-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: -~iK@iZ_KunG~- ที่ 01-08-2008 17:59:50
เป็นกะลังใจให้คนเขียนค้าบ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รัก$
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 01-08-2008 18:07:38
อ๊ากกกกกกกกกกกกก เหมือนจามีความสุข  แต่ ....เศร้า
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่17[01-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: PakBeob ที่ 01-08-2008 18:28:12
 :เฮ้อ: แอบเศร้า
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่17[01-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: chatnaha ที่ 01-08-2008 20:48:38
 :m16: :m31: :m15:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่17[01-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 01-08-2008 23:33:16
ต่อกันเลยนะคับ พอดีพรุ่งนี้อาจจะไม่ได้แวะมาลง ขอบคุณทุกคอมเม้นต์สำหรับกำลังใจนะคับ

ตอนที่ 18
 o7
“ต่ายนอนยังวะ” – เดชถามผม ระหว่างที่เรากำลังนอนคุยกัน
“อยากรู้ก็โทรหาเขาดิ” - ผมบอกปัด
“มึงเต็มใจป่ะเนี๊ย”
“เออ”
“มึงคุยก่อนนะ เหมือนเดิม”
“เออ กูรู้แล้ว”

เดชจัดแจงกดโทรศัพท์อย่างกระตือรือร้น แล้วก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ผม

“ขอสายต่ายคับ” – ผมบอกสายปลายทาง
“พูดอยู่ค่ะ”
“ใหญ่นะ”
“เออใหญ่ พอดีเลย กำลังอยากจะคุยด้วย”
“แต่มีคนเขากำลังอยากคุยกับแกมากกว่าเราอีก” - แล้วผมก็ส่งโทรศัพท์ให้เดช
“ต่าย นี่เดชนะ”
……….
………….
……………
……………….
คุยอะไรกันไม่รู้ ผมไม่ได้สนใจหรอกคับ เป็นธรรมดาที่ว่า เวลาใครคุยโทรศัพท์ผมจะไม่ค่อยสนใจ เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเขาคับ ไม่ว่าใครก็ช่าง แต่ถ้าคุยกันดังๆ ผมก็คงจะได้ยิน ผมก็เลยหันหลังให้เดช แต่ก็ยังนอนอยู่บนเตียงเดียวกับมันแหล่ะคับ ซักพักมันก็ส่งโทรศัพท์มาให้ผม

“มีไร”
“แกไปอยู่นั่นได้ไง”
“เรื่องมันยาว”
“เล่ามาเดี๋ยวนี้”
“ไปเล่าที่โรงเรียนได้ป่ะ”
“คร่าวๆก็ได้ เราเป็นห่วงแก จะ 4 ทุ่มแล้วยังไม่กลับบ้านอีก”
“ก็ไปกินข้าวกับมัน แล้วก็ไปนั่งเล่นหอมัน แค่นั้นเอง”
ถึงตอนนี้เดชมันมากระแซะผมอย่างกับ....(นั่นแหล่ะคับ ไม่อยากบรรยาย)
“แกอย่าทำให้เรารู้สึกผิดไปกว่านี้ได้ป่ะใหญ่” - ต่ายบอกผมอย่างซีเรียส
“เราบอกแกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าเราไม่เป็นไร”
“แต่ว่า...ตอนนี้ ใหญ่ แกควรอยู่บ้าน...ทำการบ้าน”
“ถึงเราจะไม่ได้อยู่ที่นี่ เราก็ไปเล่นเกมกับไอ้ไม้อยู่ดี ไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไรจริงๆ”
“แต่...”
“ช่างเหอะ แกไม่ต้องมารู้สึกผิดเพราะเรื่องนี้หรอกน่า” ผมถามต่อ “แล้วแกคุยอะไรกับมันมั่งวะ”
“ทั่วไปล่ะ กินข้าว อาบน้ำยัง ทำไรอยู่ แล้วเดชก็บอกอีกว่าอยู่กับแกตั้งแต่ทุ่มกว่าๆ”
“แล้วแกอยากคุยกับมันป่ะล่ะ เวลามันโทรไป”
“เฉยๆอ่ะ คุยเป็นเพื่อนกัน แต่ก็อย่าโทรมาบ่อยนักนะ แกบอกมันด้วย เราไม่ค่อยชอบคุยโทรศัพท์นานนาน”
“เออ เดี๋ยวบอกให้”
“กลับบ้านไงล่ะใหญ่”
“รถเมล์แหล่ะ”
“กลับดีดีล่ะ”
“เดี๋ยวนะ เดชจะคุยด้วย” – ผมส่งโทรศัพท์ให้เดช
“ฝันดีนะต่าย”

วางโทรศัพท์เสร็จแล้ว มันหันมากอดผมคับ ในสภาพชุดพร้อมรบเหมือนเดิม

“มีความสุขจังเว้ย” - เดชกอดผมแน่น
“กูยินดีด้วยนะ” - ผมบอกเบาๆ
“ใหญ่ มึงมาอยู่กับกูทุกวันได้ป่ะ กูมีความสุขมากเลย”
“กูคงทำไม่ได้หรอก กูไม่อยากกลับบ้านดึกทุกวัน”
“กูเข้าใจว่ะ บ้านมึงน่ะคงจะเคี่ยว”
“มึงก็รู้นี่หว่า กูทำให้เพื่อนได้เกือบทุกเรื่อง แต่บางเรื่องกูก็ต้องดูตัวกูเองด้วย”
“กูเข้าใจ แค่นี้กูก็ขอบคุณมากพอแล้ว”
“อืม”
“รู้ป่ะ ตั้งแต่กูรู้จักมึง กูมีความสุขมากเลยไอ้ใหญ่ กูจะไม่ยอมเสียมึงไปแน่นอน”
“เออ เกิดวันนึงกูรถชนตาย มึงก็ต้องเสียกูไปอยู่ดี”
“มึงอย่าปากไม่เป็นมงคล มึงจะต้องอยู่ข้างกูตลอดไป”
“...........” – ผมเงียบไปคับ มันก็ยังคงกอดผมอยู่อย่างงั้น
“กูอยากกลับบ้านแล้วว่ะ 4 ทุ่มแล้ว เดี๋ยวรถเมล์หมด”
“เดี๋ยวกูออกไปส่ง”

ผมหยิบเสื้อกับกางเกงนักเรียนของผมที่ผมกองไว้กับกระเป๋ามาใส่คับ เดชก็หยิบเสื้อนักเรียนมาใส่เหมือนกัน แล้วเราทั้งคู่ก็เดินลงมาข้างล่างคับ เราเดินคุยอะไรเรื่อยเปื่อยจนถึงป้ายรถเมล์ อยู่ดีดีมันก็พูดขึ้นมา

“มึงไม่มีแฟนเหรอไอ้ใหญ่”
“ไม่ว่ะ ไม่มี”
“กูว่ามึงน่ะนิสัยดีนะ”
“กูอยู่โรงเรียน กูก็นิสัยไม่ค่อยจะดีหรอก ปากหมา ด่าเพื่อน คนอย่างกูใครจะมาเอาเป็นแฟน”
“มึงน่ะชอบด่าตัวเอง”
“หรือว่ามันไม่จริง แรกๆกูด่ามึงเป็นไฟ”
“แล้วตอนนี้มึงไม่ด่ากูแล้วเหรอ”
“หมดอารมณ์ด่าแล้วว่ะ หรืออยากให้กูด่า ได้นะ กูยินดี”
“พอเลย ไอ้ใหญ่” - มันเอามือมาปิดปากผม
“อึง...ออ่อย.....อู (มึงปล่อยกู)” – ผมบอกให้ปล่อย เดชหัวเราะลั่น
“ให้กูหาแฟนให้มึงป่ะใหญ่” - เดชถามผมอีกครั้ง
“ขอบใจว่ะ กูไม่พร้อม”
“เฮ้ย กูว่ามึงน่ะนิสัยดีจะตาย มรึงออกจะ gentleman”
“ฮ่าๆ เหรอวะ ถ้ากูอยากจีบต่าย มึงจะให้กูป่ะ” – ผมแซวมัน ทั้งๆที่ผมเองก็ไม่มีอารมณ์ที่จะแซว
“ไม่ให้เว้ย อย่ามาหักหลังกูดิ”
“ถ้าเขาบอกว่า เขาชอบกู มึงจะยกต่ายให้กูป่ะล่ะ”
“ถ้าต่ายเขาเลือกมึง กูก็ยินดี”
“กูล้อเล่น ไม่หรอก กูกับต่ายเป็นเพื่อนกันเฉยๆ”
“เออ ให้มันจริงนะมึง กูเหมือนฝากปลาย่างไว้กับแมวเลยว่ะ”
“แล้วมึงถามกูทำไมวะ”
“กูเห็นบางทีดูมึงลอยๆ นึกว่าคิดถึงใครอยู่”
“เออ กูมันคนอารมณ์เปลี่ยว”
“มึงมีไรมึงบอกกูนะ ถ้ากูช่วยได้ กูยินดี”
“เออ ไว้กูจะบอกมึง ถ้ากูเป็นอะไร”

รถเมล์มาแล้วคับ ผมเลยบอกมันก่อนขึ้นรถว่าไม่ต้องโทรมาแล้วนะ มันก็รับคำ แล้วผมก็ขึ้นรถเมล์จากหน้าปากซอยหอมันจนถึงบ้านผม ตลอดทางผมพยายามจะตอบความรู้สึกที่ผมมีอยู่ในใจให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผมสับสน เฮ้อ!!ชีวิตผม ผมคิดอะไรอยู่ ในหัวมีแต่เรื่องของเดช เดช และเดช

ทำไมผมถึงรู้สึกดีเวลาที่ผมอยู่กับเดชสองคน มันเอาใจใส่ผมมาก อย่างที่ผมไม่เคยได้รับจากใคร มันก็เป็นเพื่อนผม เพื่อนแค่นั้นเอง มันคงไม่คิดกับผมเป็นอย่างอื่นหรอกมั้ง ผมเข้าใจว่าเดชเป็นคนต่างจังหวัด เวลาคนต่างจังหวัดจะแสดงความจริงใจจะแสดงออกมาอย่างชัดเจนมาก แต่คนกรุงเทพอย่างผม มักจะเก็บความรู้สึกอะไรต่างๆ ไว้ภายใน หรือเพราะบ้านผมสอนมาอย่างงี๊ หรือเพื่อนที่โรงเรียนเวลามีอะไรน่ายินดี เราก็ไม่ค่อยแสดงท่าทางออกมากันหรอกคับ ผมยังไม่เคยเห็นเพื่อนๆเดินกอดคอกันเลย จนถึงปัจจุบัน ผมก็มีกลุ่มเพื่อนคับ เราก็ไม่เคยที่จะกอดคอกันซักที ไม่รู้ดิคับ เป็นเพราะว่า  การกอด ในความคิดผมน่าจะเป็นการแสดงออกถึงความรักล่ะมั้งคับ รักแบบหนุ่มสาวทั่วไป และเพื่อนๆผมก็คงคิดอย่างงั้น 

ผมยอมรับว่าช่วงเวลาที่ผมได้รู้จักมัน มันทำให้ผมมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องความรู้สึกขึ้นมาเยอะ แต่ก่อนผมจะไม่แคร์ใคร อยากพูดอะไรก็พูด ผมไม่สนใจด้วยว่าเขาจะคิดยังไง และรู้สึกยังไงในสิ่งที่ผมพูด เดชมันดูผมออกตั้งแต่แรกๆเลยคับว่าผมเป็นคนยังไง ผมเป็นคนตรงๆ มีอะไรในใจก็พูดออกไป สิ่งนี้ล่ะมั้งคับที่มันเป็นจุดแข็งของผม ผมจึงเลือกที่จะอยู่บนความแข็งกระด้างอย่างงี๊มาตลอด แต่พอผมมาเจอมัน ผมเปลี่ยนไปคับ ความรู้สึกที่เคยเข้มแข็งมันกลับอ่อนลงไปอย่างไม่มีเหตุผล ทุกครั้งผมจะต้องหาเหตุผลให้กับทุกการกระทำของตัวเองเสมอ (แม้กระทั่งการเดินทาง ผมต้องเดินทางแบบนี้ เพราะจะไม่เสียเวลา ถ้าผมจะต้องเปลี่ยนทาง ผมจะต้องมีเหตุผลที่จะต้องมายืนยันว่า ถ้าผมเปลี่ยนแล้วจะดีกว่ายังไง) นั่นแหล่ะคับ ผมอยู่บนพื้นฐานของเหตุและผลมาตลอด แต่มาวันนี้ วันที่ผมได้รู้จักเดช ผมไม่เคยต้องถามถึงเหตุผล ผมอยากไปผมก็ไป ผมอยากกินก็กิน ผมอยากคุยอะไรก็คุย

เดชเป็นคนขี้น้อยใจคับ (สังเกตได้จากหลายๆตอน) แต่โกรธง่ายหายเร็ว บางครั้งผมจึงต้องคอยดูแลความรู้สึกของคนอื่นด้วย ทั้งๆ ที่ผมไม่เคยต้องไปแคร์ใคร มันทำให้ผมเปลี่ยนไปมาก

สรุปแล้ว ผมเปลี่ยนไป เพราะมัน ไอ้เดช

ถึงบ้านแล้วคับ ผมโดนสวดตามระเบียบ โทษฐานว่าผมกลับบ้านดึกโดยที่ไม่บอกที่บ้าน โดนไปซะหูชาเล็กน้อย ลำพังน่ะถ้าผมกลับดึกจะโดนด่าอย่างอ่วม แต่นี่มีโทรศัพท์มาหาผม แม่ผมเองก็ไม่รู้ว่าผมไปไหน แต่พอได้รับโทรศัพท์ก็อุ่นใจคับ โทรศัพท์บอกว่าใหญ่กำลังกลับบ้าน สงสัยคงเป็นเดชโทรมาบอกที่บ้านผมแน่ๆเลย แม่ผมเลยไม่ว่าอะไรมากคับ แต่ว่าแม่บอกให้โทรกลับไปหาเขาด้วยนะ ผมวางกระเป๋าแล้วก็ไปโทรหาเดช

“มึงฟ้องไรแม่กู”
“เปล่า กูแค่ลืมบอกมึง ว่าถึงบ้านแล้วโทรหาด้วย กูบอกมึงไม่ทัน ก็เลยโทรหาที่บ้านมึง”
“มึงบอกแม่กูไปดิ ว่ามึงให้กูทำไรบ้างที่หอมึงน่ะ”
“อยากให้บอกเหรอ”
“พอเลย กูถึงบ้านแล้ว สุขสบายครบ 32 พอใจยัง”
“กูเป็นห่วงมึง ก็เลยโทร มึงจะไม่ขอบคุณกูซักคำเหรอวะ”
“ขอบคุณครับพ่อ”
“ไอ้ใหญ่ แมร่งกวนไม่เลิก”
“เออ ขอบคุณมากนะเว้ยที่ห่วง”
“เออ แล้วจะนอนเลยป่ะ”
“คงงั้นแหล่ะ”
“การบ้านล่ะ ไม่ทำเหรอ”
“กูไปลอกเพื่อนเอาก็ได้”
“เออ มึงเก่ง กูลืม”
“...........” - ผมเงียบไปซักพัก
“ไอ้ใหญ่ ฝันดีนะเว้ย”
“เช่นกัน แค่นี้นะ จะไปอาบน้ำ”
“เออ หวัดดี”

ผมอาบน้ำเรียบร้อย จัดการกับเอกสารในกระเป๋าผมซักพัก ผมก็เริ่มง่วงแล้วคับ เลยปิดไฟนอน แต่เอาเข้าจริง ผมนอนไม่หลับแล้วคับ คิดไปโน่น เรื่องวันนี้แหล่ะคับ เรื่องที่ผมคิดมาตลอดทางกลับบ้าน สรุปแล้วผมเปลี่ยนไป เพราะเดช ผมตอบตัวเองไม่ได้ซักที คิดไป-มาอยู่นั่นแหล่ะ คิดจนผมแน่ใจแล้วว่า ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ สุดท้ายก่อนตาผมจะปิดลง ผมพูดประโยคนี้เบาๆ ให้ตัวเองได้ยิน
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“กูชอบมึงว่ะไอ้เดช”
------------
ปล. พรึ่าเพ้อๆ หน่อยนะคับตอนนี้
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่18[01-08-08]23.33น.
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 02-08-2008 13:48:22
น่านนนน... ในที่สุดใหญ่ก็เผลอใจชอบเดชซะแล้ววว

จะเป็นยังไงต่อละเนี้ย รอลุ้นอยู่จ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่18[01-08-08]23.33น.
เริ่มหัวข้อโดย: joypluss ที่ 02-08-2008 18:01:29
นั่นไงงง  ...... เผยออกมาแล้ว  :o8:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่18[01-08-08]23.33น.
เริ่มหัวข้อโดย: KATHAE* ที่ 04-08-2008 15:09:47
มาแล้วๆ


เค้าลางของความเศร้า ...


เดชอ่า รู้มั้ยเนี้ยๆๆๆ .. ใหญ่เค้าเผลอใจแล้ววว ว
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่18[01-08-08]23.33น.
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 04-08-2008 22:50:14
ตอนที่ 19
 :a6:
เช้าวันใหม่ สดใส (หรือเปล่าก็ไม่รู้) เป็นปกติสุขของผมที่ผมจะตื่นสาย สายได้สายเอา บ้านก็ใกล้โรงเรียนนะ แต่ก็ไม่ได้ใกล้เกินไป นั่งรถเมล์ไปแป๊บนึงก็ถึงแล้วคับ แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมมาสายและต้องเชิญธงชาติ หลังจากปฏิบัติภารกิจผ่านไปเรียบร้อย เช่นเดิมที่ผมก็ต้องเดินกลับไปที่แถว ผ่านแถวของเดช แล้วมันก็บอกว่าให้ไปหา (อีกแล้ว)

“อะไรล่ะ” - ผมถามมัน
“อ่ะ” - มันยื่นซองถุงกระดาษที่ผมคุ้นตาที่สุด
“อีกแล้วเหรอ อย่างอื่นก็ได้นะ”
“มันขายหน้าโรงเรียน ก็นึกไม่ออกว่าคนอย่างมึงจะกินอะไรได้”
“กินจนหน้ากูจะเป็นข้าวเหนียวหมูปิ้งแล้ว มึงเล่นซื้อมาให้กูติดๆกันทุกวัน”
“ถ้ามึงไม่อยากกินข้าวเหนียวหมูปิ้งอีก มึงมาเช้าๆ จะได้มากินข้าวกับกู”
“มึงก็น่าจะรู้ว่ากูมาเช้าได้วันเดียว ที่เหลือกูตื่นสาย”
“หัดตื่นให้มันเช้าๆเดชะ พรุ่งนี้ให้โทรปลุกป่ะ”
“ไม่ต้อง กูตื่นเองได้”
“หรือเมื่อคืนมึงทำการบ้านหนัก”
“มึงนั่นแหล่ะให้กูทำ”
“กูไปให้มึงทำไรมั่ง”
“ซักผ้า ถูพื้น สารพัดอ่ะ กูเหนื่อย เลยตื่นสาย”
“มึงรีบๆกินได้ป่ะไอ้ใหญ่ มัวแต่คุย”
“ใครชวนกูคุยวะ”
“ขอโทษค้าบบบ......”
“เฮ้ย พรุ่งนี้ไม่ต้องซื้อมาแล้วนะ กูจะพยายามมาเช้า เพื่อมึง”
“เพื่อกูเลยเหรอ ขอบคุณ”
“กูเกรงใจ แต่ถ้ามึงไม่ถือสากูก็ดี เพราะกูชอบของฟรี”
“เย็นนี้รอกูอีกนะใหญ่”
“แล้ววันนี้มึงเลิกกี่โมงวะ” - ผมถามเดช
“6โมงเย็นเหมือนเดิม”
“กูว่าวันนี้กูดึกแน่เลยว่ะ พี่แม่งท่าทางจะเครียดๆ เมื่อเช้ากูไปเอาพานไปเชิญธงชาติ ดูวันนี้แม่งอารมณ์ไม่ดี”
“เออ ดึกยังไงกูก็จะรอ ตกลงนะ”

เช้า เที่ยง เย็นผ่านไป ผมเรียนไปตามปกติคับ ไม่มีเรื่องอะไรให้คิดอีกแล้วคับ เพราะเรื่องที่คิดทั้งหมด ผมหาคำตอบให้มันได้แล้วคับ ตั้งแต่เมื่อคืน ผมคิดอยู่หลายรอบ หลายรอบจริงๆ หลายวันที่ผ่านมาผมไม่แน่ใจกับความรู้สึกที่ผมเองมีให้กับเดช จนวันนี้ เดี๋ยวนี้ และตอนนี้ ผมมั่นใจในสิ่งที่ผมคิดแล้ว ว่าผมชอบเดช คับ ผมชอบเดช ไม่ผิดหรอกคับ ผมเองไม่ได้ชอบผู้หญิงมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพื่อนบางคนเท่านั้นที่รู้นะคับว่าผมชอบผู้ชาย แต่ผมไม่ได้แสดงออกอะไรให้รู้ว่าผมเป็นเกย์ แล้วผมก็คิดว่า เดชเองก็คงจะไม่ได้รู้อะไรเรื่องนี้ เรื่องที่ผมชอบผู้ชาย และเรื่องที่ว่า ผมชอบมันแล้ว

ผมคงจะไม่บอกความรู้สึกที่ผมมีให้กับเดชหรอกคับ สำหรับผมคิดว่า การที่ผมได้มองเดชอยู่ตรงนี้ ผมเองก็มีความสุขพอแล้วคับ ผมดีใจมากๆที่หาคำตอบให้ตัวเองได้แล้ว สิ่งต่างๆ ที่ผมทำด้วยกันกับเดช ที่ผ่านมา เป็นเพราะผมชอบมันนั่นเอง และผมเลือกที่จะทำให้มันเป็นอย่างงี๊ ผมจะช่วยเหลือเดชให้มากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ และผมจะไม่มีทางที่จะบอกมันเด็ดขาดว่าผมชอบมัน ผมกลัวว่าถ้ามันรู้แล้วมันจะกลัวผม และไม่สนใจผมอีก มันเคยบอกผมว่าเราจะไม่ทิ้งกัน ซึ่งนั่นมันเป็นในฐานะเพื่อน แต่ถ้าผมคิดกับมันมากกว่าเพื่อน มันอาจจะทิ้งผมก็ได้ ถ้ามันได้รู้

“ใหญ่ ไอ้ใหญ่ ไอ้ใหญ่เว้ย” - ไอ้ไม้ตบหัวผม
“มึงตบหัวกูทำไม”
“เหม่อไปโน่น เลิกเรียนแล้วเว้ย”
“อ้าวเหรอ ไอ้ไม้ กูลอกที่จดวันนี้หน่อยดิ แป๊บนึง กูไม่ได้ฟัง”
“เออ เออ” – ไอ้ไม้ส่งสมุดมาให้ผมลอก ปกติผมไม่เคยลอกไอ้ไม้หรอกคับ วันนี้มันจำเป็นจริงๆ
“มึงเป็นไรวะ วันนี้มึงเหม่อทั้งวัน” – ไอ้ไม้ถามผม
“กูคิดเรื่อยเปื่อยว่ะ”
“คิดเรื่องต่ายอยู่อ่ะดิ”
“เชี่ยแล้วมึง ถ้ากูคิดเรื่องต่าย กูเอาต่ายเป็นแฟนกูดีกว่า กูไม่ช่วยมึงหรอก” – ปากพูดไปผมก็ลอกงานไป นี่เป็นความสามารถเฉพาะตัวของผม
“กูรู้หรอกน่า ว่ามึงไม่ชอบต่าย”
“เออดิ รู้แล้วจะถามทำไมวะ”
“แล้ววันนี้มึงเป็นไร”
“เปล่า ไม่ได้เป็นไร”
“งั้นกูถามไรมึงอย่างดิ ตอบตรงๆนะเว้ย”
“ถามเรื่องไอ้เดชอีกอ่ะดิ มาคำพูดแบบเนี๊ยะ มีไรล่ะว่ามาดิ”
“มึงดูสนิทกับเดชจังวะพักนี้”
“กูต้องคุยงานผ่านมัน เรื่องงานวันสถาปนาโรงเรียน” – ผมโกหก
“งานไรวะ”
“มันกับเพื่อนมันได้ไปแสดงโชว์ยิงปืนในสนามรบในวันสถาปนาโรงเรียน อาจารย์เขาเลือกพวกมัน”
“แล้วมันเกี่ยวไรกับมึงวะ”
“กูก็ต้องดูคิวลำดับพิธีการเด่ะ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการแสดงของไอ้เดช”
“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจารย์เขาให้กูดูแลเรื่องการแสดง ตั้งแต่รำถวายพระพรจนถึงการกล่าวสุนทรพจน์ของ ผ.อ. ”
“เออช่างเหอะ พูดไปกูก็ไม่รู้อยู่ดี แล้วไอ้เดชไม่ได้ถามอะไรเรื่องต่ายใช่ป่ะ”
“คงงั้นแหล่ะ”
“ไอ้ใหญ่ มึงรู้ใช่ป่ะ ว่ากูชอบต่ายมากๆ”
“กูรู้แล้ว ตากูไม่ได้บอด”
“มึงต้องอย่าให้ไอ้เดชมันมายุ่งกับต่ายนะเว้ย เข้าใจป่ะ”
“เข้าใจคับนายท่าน”

ต่ายเดินเข้ามาทันที หยุดบทสนทนาระหว่างผมกับไอ้ไม้

“คุยอะไรกันสองหนุ่ม” - ต่ายทักทาย
“ไอ้ใหญ่มันไม่เรียน มันลอกเรา” - ไม้ฟ้องต่าย
“กูจดไม่ทันนี่หว่า แมร่ง กูเรียนนะเว้ย” - ผมเถียง
“ใหญ่น่ะมันไม่เรียนมันก็ยังสอบได้คะแนนเยอะกว่าเราอีก” - ต่ายหันมามองหน้าผม
“เหอะๆ...ขอบคุณ นี่จะชมหรือด่าน่ะต่าย” - ผมถาม
“ชมจ๊ะ ชม คนเก่ง เสาร์นี้ไปเรียนพิเศษกับเรานะ” - ต่ายชวน
“อยากไปกับใคร มีสองคน เลือกเอา คนหล่ออย่างใหญ่ หรือหน้าตาเหมือนปลิงถูกน้ำเกลือสาดอย่างไอ้ไม้” – ผมมองไปทางต่าย แซวไอ้ไม้ ไอ้ไม้ค้อนเล็กน้อย
“คนหล่ออย่างใหญ่สิจ๊ะ ควงได้ไม่อายใคร”
“เขาเลือกกูว่ะไม้ เสียใจด้วยนะ” – ผมเย้ยไอ้ไม้
“มึงเอาสมุดกูคืนมา กูไม่ให้ลอกแล้ว”
“ขอบคุณมากๆ กูลอกเสร็จแล้ว” – ผมส่งสมุดไปให้ไอ้ไม้ “วันพระไม่ได้มีหนเดียวว่ะ แต่ก็ไม่เป็นไร” แล้วผมกระซิบบอกมัน “ถ้ามึงอยากตามไปดูแลต่าย กูจะเปิดไฟเขียวให้ ตกลงป่ะ”
“มึงร้ายว่ะใหญ่ แต่ก็ขอบใจมาก.......เลยเว้ย” – ไอ้ไม้ขอบคุณ กอดคอผมเป็นการขอบคุณ
“คุยไรกันน่ะ” - ต่ายถามผมกับไอ้ไม้
“เปล่า” - ไอ้ไม้บอกต่าย
“กูรู้ละกูเหมาะกับอาชีพอะไร” - ผมพูดขึ้นมา
“อะไรวะ” - ต่ายกับไม้ถามเกือบพร้อมกัน
“บริษัทจัดหาคู่”
“ไอ้บ้า” – ต่ายบอกผม แล้วก็เดินออกไป

โดนไปอีก 1 ดอกเลยคับ ต่ายด่า นี่แหล่ะคับความสุขของผม

อ่ะ 5 โมงเย็นแล้ว ถึงเวลาที่ผมจะต้องไปประชุมซักที พูดไปแล้วก็ไม่อยากจะไปเลยคับ ผมเดินไปที่ห้องคณะกรรมการ อ้าว ไม่มีใครอยู่ ถามน้อง ม.4 ที่เฝ้าห้องบอกว่าวันนี้พี่ส้มไม่อยู่ ไปธุระ พรุ่งนี้คงจะคุยกันยาว ชดเชยของวันนี้ สรุปแล้วคือ รีบไปก็เท่านั้น ก็ดีคับ นานนานทีจะได้กลับบ้านเร็วๆ ไม่ได้คับ เดชรอผมอยู่ที่สนามบอล ผมจึงเดินไปหาเดชที่สนาม ซื้อน้ำเปล่าไปให้มัน 2 ขวด ไปถึงพวกมันกำลังพักพอดี ผมยื่นน้ำเปล่าให้มันกิน

“มีกัน 5 คนน่ะ ซื้อมา 2 ขวดเองเหรอ” - ไอ้เต้ปากหมาเริ่มแซวก่อนเพื่อน
“รู้จักป่ะ แบ่งกันกิน พวกแกก็ขอมันกินดิ” – ผมสวนไอ้เต้ มันนิ่งสนิท ม้วนตัวเป็นเกลียว
“ก็นึกว่าจะซื้อให้แต่เดช” - ไอ้เข้มกัดผมต่อ
“ก็เรารักกันนี่หว่า” – ผมกัดไอ้เข้ม ไปกอดตอกับเดช มันรับมุขผมได้ดี กอดผมตอบมั่ง
“ประชุมเสร็จแล้วเหรอ” - เดชถามผม
“รุ่นพี่ไม่อยู่ ไปธุระ ก็เลยไม่ได้ประชุม”
“ทำไมลงมาช้าจัง”
“ลอกงานเพื่อนอยู่น่ะ จดไม่ทัน”
“มัวแต่คัดลายมืออยู่อ่ะดิ”
“พอดีเขียนสายสือไทยไม่เป็น”
“วันหลังสอนให้ เอาป่ะ”
“กูพอใจในลายมือตัวเอง”
“กูอยากเห็นลายมือมึงบ้างอ่ะใหญ่”
“วันหลังเอาให้ดูละกัน”
“เฮ้ย คู่นั้นน่ะ แยกกันได้แล้ว ไอ้เดช มึงอย่าอู้ มานี่” - ไอ้เต้มันปากหมาอีกแล้ว
“รอกูตรงนี้นะ”- เดชบอกผม

มันวิ่งไปซ้อมยิงปืนต่อคับ ไม่ได้ซ้อมกับปืนจริงหรอก เป็นท่อPVCสีฟ้าๆอ่ะคับ ทำให้เหมือนปืน แล้วก็มีการกลิ้ง ลุก หมอบด้วย ผมว่าอาจารย์เลือกถูกคนแล้วคับ ถ้าอาจารย์มาเลือกผม เหอะๆ ผมคงทำไม่เป็นหรอกคับ ไม่มีเชื้อสายทหารเลยแม้แต่น้อย ระหว่างรอมันให้ผมเฝ้าของให้พวกมันด้วย ผมก็เลยถือวิสาสะดูโน่นดูนี่ ตามประสาผมอ่ะคับ หยิบเสื้อนักเรียนขึ้นมาดู ตัวนี้ของเดชคับ เห็นจากชื่อจริง (ขอสงวนชื่อจริงไว้คับ) เอามากางกู เหม็นเหงื่ออ่ะ แต่ก็ยังไปดม เฮ้อ!! รู้ว่าเหม็นยังจะไปดมอีก เป็นเอามากนะนั่น แต่ของคนอื่นที่อยู่ใกล้ๆกัน ผมไม่หยิบมาดูเลยคับ ไม่รู้ทำไม แอบเห็นเสื้อตัวนึง นามสกุลเพราะมาก (สงวนไว้อีกคับ) เด๋วผมคงจะได้รู้ว่ามันเป็นเสื้อของใคร 

6 โมงเย็น เลิกฝึกกันแล้วคับ พวกมันเดินมาที่กระเป๋าที่ฝากผมไว้ พวกมันไม่ค่อยคุยกันคับ มันคงจะเหนื่อย ถ้าเป็นผมฝึกอย่างงั้นคงตายอ่ะคับ พวกมันกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเป็นชุดนักเรียน ผมมองมันอยู่ข้างๆ ผมถามขึ้นมา

“นามสกุล xxxxxx นี่ของแกเหรอเต้”
“เออ ผิดตรงไหน”
“สมควร นามสกุลคุณหนู แต่ปากหมา”
“ใหญ่กัดเราอีกแล้ว เดช แกดูเพื่อนแกดิ กัดเรา สงสัยในปากมีหมาตายเป็นครอก” - ไอ้เต้ฟ้องเดช
“น้อยไป เรามีหมาเป็นฟาร์มเว้ย กัดได้ตลอด” - ผมบอกไอ้เต้
“เอาน่า เพื่อนใหม่กู มันเป็นคนอย่างงี๊แหล่ะ มันก็น่ารักดีนะเว้ย” - เดชบอกเต้
“เหอะๆ แต่มันหล่อน้อยกว่ากู”
“เราหล่อน้อยกว่าแก เราก็ไม่คุณหนูนะเฟร้ย” - ผมบอกไอ้เต้
“คำก็คุณหนู สองคำก็คุณหนู”
“ไม่รู้ เดชมันบอกเราอย่างงั้นอ่ะ มันฟ้องแกว่าแกเป็นคุณหนู” – ผมบอกไอ้เต้

เกิดศึกการทะเลาะกันระหว่างเต้กับเดชเล็กน้อย แล้วพวกเราทั้งหมด 5 คนก็เดินออกมาจากสนามบอล เต้มีแม่มารับ (คุณหนูป่ะล่ะ) เข้มกับเอกไปหาแฟน เพื่อนอีกคน(ไม่รู้ว่าใคร รู้อีกที มันชื่อเล็ก) มันกลับบ้านเอง ก็เหลือผมกับเดชสองคน เดชชวนผมดูพระอาทิตย์ตกดิน เดชบอกว่าเห็นเมื่อวานแล้วสวยดี อยากให้ผมเห็น ผมเคยเห็นบรรยากาศตะวันตกดินแถวโรงเรียนมาแล้ว สวยงามมากๆเลยคับ แต่ผมก็ไม่ปฏิเสธคำชวนของเดชหรอกคับ ผมกับเดชเดินกันไปจนมาถึงที่นั่งตรงสนามบอล ที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกดินอย่างชัดเจน
---------------
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่19[04-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 04-08-2008 22:59:54
 :oni2:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า-รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่19[04-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: PakBeob ที่ 05-08-2008 12:05:17
 :กอด1: ขอบคุณคับ

รออ่านต่อ อิอิ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่20[05-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 06-08-2008 13:46:27
ตอนที่ 20
 :o
“เฮ้ย ไอ้ใหญ่เป็นไงมั่ง”
“ก็ดีว่ะ สวยดี กูเคยเห็นแล้วแหล่ะตอนกูอยู่ ม.2”
“ไม่บอกกูวะ จะได้ไม่พามา กูนึกว่ามึงยังไม่เคยเห็น”
“กูไม่อยากขัดว่ะ เห็นมึงตั้งใจ”
“ถ้าตอนนี้กูอยู่กับต่ายก็คงจะดีเนอะ”
“อืม” – ผมรู้สึกเสียวแปล๊บในใจอย่างบอกไม่ถูก แล้วผมก็เงียบไป
“มึงว่ากูควรโทรไปหาต่ายทุกวันป่ะวะ”
“อยากโทรมึงก็โทรไปดิ เกี่ยวไรกับกู”
“อ้าว ไอ้นี่ กูปรึกษานะเฟร้ย กูควรทำไงให้ถูกใจต่าย”
“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“มึงเป็นเพื่อนต่ายไม่ใช่เหรอไอ้ใหญ่”
“ก็แค่เพื่อนน่ะ ไม่ได้สนิทอะไรเท่าไหร่ ก็พอมามีเรื่องมึงน่ะกูถึงเริ่มมาสนิทกับต่ายมากขึ้น”
“กูนึกว่ามึงสนิทกันมากๆ”
“อืม” – ผมเงียบ อีกแล้วล่ะคับ
“กลับเหอะว่ะไอ้ใหญ่ พระอาทิตย์ตกไปแล้วว่ะ”
“เออ”
“มึงเป็นไรป่ะวะ มึงดูเงียบๆ”
“เปล่านี่หว่า”
“กินไรกันดีอ่ะ” - เดชถามผมขึ้นมา
“กูขอกลับบ้านได้ป่ะ วันนี้กูไม่อยากไปไหน” - ผมโกหกอีกแล้ว
“เหรอ มึงแน่ใจนะเว้ยว่าไม่เป็นไร”
“กูไม่เป็นไรจริงๆ กูคงนอนน้อยละมั้ง”
“มึงพักผ่อนเยอะๆนะเว้ย มึงน่ะชอบทำกิจกรรมเยอะๆ มึงจะไม่มีเวลาเรียนและก็เวลาพักผ่อน”
“เออ ขอบคุณมาก”
“ให้กูไปส่งที่ป้ายรถเมล์นะเว้ย”
“ไม่เป็นไร กูกลับเองได้ว่ะ”
“มึงอย่าปฏิเสธกูได้ป่ะไอ้ใหญ่”
“ตามใจมึงละกัน”

ผมหยิบกระเป๋าเดินออกมาเลยคับ ไม่ได้รอเดชเลย แต่ผมเดินช้าๆนะคับ ให้มันเดินตามผมทัน ระหว่างทางที่ออกโรงเรียนมันพยายามชวนผมคุยโน่นคุยนี่ ผมก็เออๆ กับมันไป ไม่รู้เหมือนกันคับว่าทำไมเวลาเดชพูดถึงต่าย ผมถึงได้มีอาการแบบนี้ ทีแต่ก่อนล่ะไม่เป็น แต่ก่อนน่ะอยากให้มันไปๆจากผมซักที แต่เดี๋ยวนี้เวลาผมอยู่กับมัน ผมไม่อยากให้มันพูดถึงต่ายเลยคับ แต่นั่นก็เป็นจุดมุ่งหมายของมันตั้งแต่แรกอยู่แล้วล่ะคับที่มารู้จักกับผม ไม่น่าเลยคับ ไม่น่าไปชอบมันเลยจริงๆ

“มึงไหวป่ะใหญ่”
“กูยังไม่ตายน่า”
“มึงแน่ใจนะว่าจะไม่ไปกินข้าวกับกู”
“กูอยากกลับบ้านว่ะ”
“แล้วกูจะไปกินกับใครอ่ะ”
“ก่อนรู้จักกู มึงไปกินกับใคร ก็ไปกินกับคนนั้นดิ”
“กูกินคนเดียว กูเหงา กูอยากให้มึงไปกับกู”
“เหรอ”
“เออดิ ไม่งั้นกูไม่ง้อมึงขนาดนี้หรอก”
“ไปก็ได้วะ แต่อย่านานนะเว้ย ที่บ้านกูเริ่มด่ากูแล้ว” – โกหก อีกแล้วผม
“ให้กูโทรไปเคลียร์กับที่บ้านมึงป่ะ”
“ไม่ต้องว่ะ ขอบคุณ”
“กูให้มึงหาร้านนะวันนี้ ตกลงป่ะ”
“มึงเป็นคนชวนกูกินข้าว แต่ให้กูหาร้านให้”
“ก็อยากเอาใจมึงอ่ะ”
“เออ”

ผมก็ตกลงที่จะไปกินข้าวกับมันคับ ทั้งๆที่ผมไม่มีอารมณ์กินแม้แต่น้อย ผมหิวนะคับ แต่ผมไม่อยากเห็นหน้ามันอ่ะ กลัวว่าผมจะชอบมันมากขึ้น แล้วก็จริงอย่างที่ผมคิดคับ ผมชอบมันมากขึ้นกว่าเมื่อวาน มันทำดีกับผมสารพัด สรุปแล้วก็คือผมแพ้ความดีของมันล่ะคับ ผมถึงชอบมัน ผมไม่รู้ว่ามันจะคิดกับผมยังไง ครั้นจะถามมันผมก็ไม่กล้าพอหรอกคับ มันชอบต่าย นั่นก็คงจะเป็นเครื่องที่พิสูจน์ได้แล้วว่ามันไม่ได้เป็นเกย์คับ แล้วผมจะมีสิทธิ์อะไรกับมันถ้าจะคิดกับมัน เกินเพื่อน

“มึงเป็นเชี่ยไรเนี๊ยะ เดินเหม่อมาตั้งแต่ม๊ะกี๊แล้ว” - เดชบอกผม
“ให้กูบอกกี่รอบวะ ว่ากูไม่ได้เป็นไร”
“กูเมื่อย เมื่อไหร่จะหาร้านซักที”
“เอาร้านเดิมนะ ก๋วยเตี๋ยวที่กูเคยพามึงไปกินตอน 4 ทุ่มอ่ะ”
“เออ ก็ได้ๆ กำลังอยากกินพอดี”

เข้าไปในร้าน สั่งอาหารเรียบร้อย ร้านนี้รอนานมากคับ ตอนเย็นลูกค้าจะเยอะ ปกติร้านนี้จะเป็นร้านประจำของพวกไอ้ไม้กับผมแหล่ะคับ เลิกเล่นเกมดึกๆ หิว ก็แวะกันร้านนี้ ดึกๆ ก็จะไม่ค่อยมีคนคับ สั่งแล้วจะได้เร็ว

“มึงมีไรบอกกูได้นะใหญ่”
“มึงช่วยกูไม่ได้หรอก”
“ทำไมจะช่วยไม่ได้ มึงยังไม่ทันจะเล่าให้กูฟัง แล้วรู้เหรอว่ากูจะช่วยมึงไม่ได้”
“เล่าไปก็ช่วยไม่ได้อยู่ดี”
“มันจะทำให้มึงสบายใจขึ้นนะเว้ย มึงเล่าให้กูฟังดิ”
“อยากรู้จริงๆ ใช่ป่ะ”
“เออ เพื่อมึงกูทำได้”
“กูไปมีเรื่องกับรุ่นพี่มาว่ะ” – ผมโกหกเก่งโคตรๆ
............
.........

(เป็นเรื่องโกหกที่ผมแต่งขึ้นมาคับ จริงๆแล้วผมกับพี่คนนี้สนิทกันมากๆคับ) คือจะให้ผมเล่าเรื่องที่ว่าผมชอบมันได้ไงอ่ะ - มันก็บอกว่าอย่าไปคิดมาก ยังต้องร่วมงานกันอีกนาน  ดีที่ว่าก๋วยเตี๋ยวมาตรงหน้าแล้ว ผมเลยไม่ต้องเล่าต่อ

กินกันเสร็จเรียบร้อย จ่ายเงิน แล้วก็เดินออกจากร้าน มันเดินไปส่งผมที่ป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียน ระหว่างทาง

“งานวันอาทิตย์นี้แกทำไรมั่งวะ” - เดชถามผม
“ก็ตั้งแต่รับแขกผู้ใหญ่ แล้วก็จัดลำดับการแสดงอ่ะ”
“ทำไมแกไม่ได้เป็นพิธีกรวะ”
“อาจารย์เป็นพิธีกร”
“เห็นแกพูดเก่ง”
“พูดเก่งต่อหน้าเพื่อนเว้ย พอเป็นพิธีการ ไม่ได้เรื่องว่ะ มันเกร็ง”
“ใหญ่แกรู้ป่ะว่าพิธีทั้งหมดเสร็จกี่โมง”
“ไม่เกินเที่ยง”
“งั้นตอนบ่ายไปกับกูนะ”
“ไปไหนวะ”
“ไปซื้อของกับกูหน่อย ที่เสาวรีย์”
“เออ ถ้ากูไม่ติดอะไร กูจะไป”
“มึงรับปากกูดิใหญ่ ว่ามึงจะไม่ติดอะไร”
“กูบอกว่า ถ้ากูไม่ติด กูไม่ได้ตกลงจะไปกับมึง”
“อืม กูเข้าใจ กูมันก็...คนอื่น” - ไอ้เดชมามุขนี้อีกแล้ว
“เออ เออ กูไปกับมึงก็ได้ โอเคมั้ย”
“เพื่อนรักเดช ต้องให้ได้อย่างงี๊ดิ” - กอดผมซะแน่นเลย
“เพื่อมึงกูทำได้” – ผมพูดเบาๆ
“อะไรนะ ไม่ได้ยิน”
“กูไปกับมึงก็ได้ โอเคยัง” – ผมตะโกนใส่หูมัน
“ดูมึงสบายใจกว่าม๊ะกี๊” - เดชบอกกับผม
“รู้ได้ไง ว่ากูสบายใจ”
“มึงได้เล่าให้กูฟังไง ถ้ามึงได้ระบายมันออกมา มันจะทำให้มึงดีขึ้น”
“เออ ขอบใจว่ะ” – (ไม่ได้รู้เลยว่าผมโกหก)
“จำไว้นะไอ้ใหญ่ มึงอย่าทำตัวเป็นหมาหงอยอีก มีไรมึงบอกกู กูช่วยมรึงได้ ถ้าช่วยไม่ได้ กูก็จะฟังมึง กูจะอยู่ข้างมึงเข้าใจป่ะ”
“เออ”
“มึงน่ะโลกส่วนตัวสูง ชอบแบกโลกไว้คนเดียว”
“เออ”
“แบกไม่ไหวมึงบอกกูนะ กูจะช่วยมึงแบก”
“เออ”
“กวนตรี๊นส์กู พูดแต่ เออ”
“ก็เออเด่ะ พ่อสอนลูก ลูกจะกล้าเถียงพ่อเหรอ” - ผมกัดมัน
“ถ้ามึงเห็นกูเป็นพ่อ พ่อสั่งอะไรลูกต้องทำตาม เข้าใจป่ะ” - มันกัดผมมั่ง
“กูไม่ใช่ลูกมึง กูมีพ่อคนเดียว”

เนี๊ยแหล่ะคับ เวลาที่ผมอยู่กับมัน ผมจะมีความสุขไปกับมุขของมันและการกระทำของมัน ผมอยากจะหยุดเวลาไว้อย่างงี๊ล่ะคับ ไม่อยากให้มันพูดถึงต่ายอีกแล้ว แต่มันก็คือความจริงคับ ผมไม่อยากหลอกตัวเองว่าที่มันมาอยู่ตรงนี้ก็เพราะผม

“กูอยากไปบ้านมึง” - เดชบอกผม
“บ้านกูไกล”
“ไอ้เต้บอกกูว่ามึงอยู่แถวบ้านมัน”
“มันไกลจากหอมึงอ่ะ กูเกรงใจ อีกอย่างบ้านกูแคบ”
“มึงไม่อยากให้กูไปขนาดนั้นเลยเหรอ”
“วันนี้กูไม่พร้อม”
“ทำอย่างกับมีประจำเดือน”
“สาด....” - ผมเตะตูดมันทีนึง
“แค่กูจะไปบ้านมึง มึงต้องลงมือกับกูเลยเหรอ ไอ้....” – วิ่งไล่เตะตูดกัน จนถึงป้ายรถเมล์

นั่งพักเหนื่อยกันที่ป้ายรถเมล์
“มึงไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร วันหลัง กูต้องไปบ้านมึงให้ได้”
“ไม่มีทาง กูไม่ให้มึงไปบ้านกูหรอก”
“บ้านมึงมีอะไรวะ”
“หมาดุ”
“กูมั่นใจว่ากูดุกว่าหมาบ้านมึงแน่นอน”
“เออ กูเชื่อ”
“พรุ่งนี้มึงมาแต่เช้าได้ป่ะ”
“ทำไมวะ มีไรป่ะ”
“เห็นมึงเบื่อหมูปิ้ง ก็เลยว่าจะให้มึงมาเลือกกินเอาเอง”
“ถ้ากูตื่นได้ กูจะมาแต่เช้าละกัน”

รถเมล์มาพอดีคับ ผมเลยลากับเดช
“กูจะรอมึงนะ” - เดชบอกผมก่อนที่ผมจะขึ้นรถเมล์
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่20[05-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 06-08-2008 14:09:20
 :เฮ้อ: หลงรักความมั่นน่ารักของเดชอ่ะ ขอได้ไหมเนี๊ย :laugh:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่20[05-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 07-08-2008 00:20:12
ตอนที่ 21
 :sad2:
ตั้งแต่ผมรู้จักกับเดช ผมรู้สึกว่าผมถูกดูดวิญญาณยังไงไม่รู้คับ ผมรู้สึกว่าวันนึงของผมมันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมต้องฟังมันพูดจนผมรู้สึกเหนื่อยมาก จนรู้สึกว่าเหมือนโดนดูดวิญญาณ แต่ทุกครั้งที่ผมได้อยู่กับมันแล้วผมเองก็มีความสุขมากๆ เลยคับ

วันนี้ผมกลับถึงบ้าน 2 ทุ่ม ก็ไม่ดึกมากคับ ที่บ้านรอกินข้าว ผมก็กินอีกคับ ทั้งๆที่กินมาแล้วนะเนี๊ย แบบว่าโดนบังคับกินอ่ะคับ ช่วยไม่ได้เพราะนานนานผมจะได้กลับมากินข้าวที่บ้านซักทีนึง ก็เลยนั่งกินกันพร้อมหน้า กินไปได้ซักพัก โทรศัพท์ดังแล้วคับ

“ใหญ่หวัดดี” - ปลายสายทักขึ้น
“ใครอ่ะ”
“มึงจำกูไม่ได้เหรอ น้อยใจนะเฟร้ย”
“ไอ้เดช มีไร”
“มึงทำไรอยู่”
“กินข้าว”
“กินอีกละ ไอ้อ้วน”
“กูไม่อ้วนเว้ย กูเรียกว่าสมบูรณ์”
“อย่ามาหลอกตัวเอง”
“ที่บ้านบังคับกูว่ะ กูเลยต้องกิน แล้วโทรมามึงมีไร”
“กูอยากโทรหามึง”
“ไว้กูทำธุระส่วนตัวก่อนได้ป่ะวะ” - ผมบอก
“ได้ๆ เสร็จแล้วโทรหากูนะ กูจะรอ”
“ได้คับ”

ผมรีบจัดการตัวเองให้เสร็จโดยเร็ว ทั้งกินข้าว อาบน้ำ แปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็กดโทรศัพท์หามัน ในเวลาครึ่งชั่วโมง

“ขอสายเดชคับ” - ผมบอก
“ไม่อยู่คับ”
“มึงอย่ามาโกหกกู เสียงมึงชัดๆ”
“ม๊ะกี๊ยังจำเสียงกูไม่ได้อยู่เลย”
“ก็...ตอนนี้กูจำได้แล้ว เสียงแหบๆ คอทองแดง มีมึงคนเดียว”
“ดีใจจังมีคนสนใจกูด้วย”
“อยากคุยอะไรกับกู” - ผมถาม
“กูไม่กล้าโทรหาต่าย”
“...........” - ผมเงียบไปซักพัก
“มึงยังอยู่ป่ะวะไอ้ใหญ่”
“อยู่ เออ เมื่อกี๊ว่าไรนะ” - ผมแกล้งถามมัน
“กูไม่กล้าโทรหาต่าย”
“มึงโทรไปเลย ต่ายเขาไม่ว่าอะไรหรอก”
“มึงก็รู้ว่ากูไม่กล้า”
“ลูกผู้ชายน่ะ กล้าป่ะล่ะ” - ผมท้ามัน
“กูกล้าที่จะทำทุกอย่าง แต่เรื่องนี้ มึงจะด่าว่ากูเป็นกระเทยกูก็ยอม”
“มึงจะให้กูทำไงล่ะ” - ผมถามมัน
“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ กูลองกดเบอร์ต่ายแล้วนะ แต่กูก็วางหู กูไม่กล้าว่ะใหญ่ถ้าไม่มีมึง”
“กูคงไม่ออกไปหามึงตอนนี้หรอกนะ”
“เหรอ กูนึกว่ามึงจะออกมาหากูได้ซะอีก”
“เสียใจว่ะ การบ้านกูมี”
“กูช่วยมึงได้ป่ะการบ้านเนี๊ย” - มันถาม
“ไม่ได้หรอก”
“อืม กูเข้าใจ วันนี้ไม่ใช่วันของกู”
“มึงเป็นจิตตกอะไรอีกน่ะ” - ผมถามมัน
“กูอยากให้มึงมาอยู่กับกู กูไม่มีมึง กูไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงว่ะ”
“มึงก็..........”
“มึงไม่เข้าใจหรอกไอ้ใหญ่ ถ้าไม่มีมึง ต่ายเขาก็ไม่คุยกับกู เข้าใจป่ะว่า กูขาดมึงไม่ได้”
“แต่ว่า .......”
“กูขาดมึงไม่ได้ มึงเข้าใจป่ะ” - มันย้ำ
“มึงฟังกูนะ ถ้ามึงไม่มีกู มึงต้องทำได้เว้ย มึงจะมาหวังให้กูช่วยมึงตลอดเวลา มันก็คงเป็นไปไม่ได้ กูก็อยากมีโลกส่วนตัวบ้าง กูก็อยากช่วยมึงนะตอนนี้ แต่วันนึงถ้ามึงไม่มีกู มึงจะทำไง”
“กูเข้ามาในชีวิตมึงมากไปใช่ป่ะ” - มันถามผม
“...........”
“ว่าไงล่ะ มึงตอบคำถามกูมาดิ”
“กูขอร้องล่ะ มึงอย่าเซ้าซี้กูอีกเลยนะ” - ผมบอกมัน
“กูทำผิดไรวะใหญ่ มึงบอกกูดิ กูเข้ามาในชีวิตมึงนี่กูผิดใช่ป่ะ”
“มันไม่เกี่ยวกันเว้ย” - ผมบอกมัน
“กูเข้าใจ ใหญ่ กูเข้าใจ จริงๆ” - น้ำเสียงมันหดหู่ลง
“กูขอโทษ เดช กูขอโทษ กูอยากช่วยมึงนะ แต่กูออกไปหามึงตอนนี้ไม่ได้”
“มึงบอกกูดิ ว่าเพราะอะไร”
“ที่บ้านไม่ให้ออก” – ผมโกหก (จริงๆ แล้วจะออกไปก็ได้นะ)
“ให้กูบอกแม่มึงป่ะ ว่ามาขอนอนหอเพื่อน จะติวการบ้านกัน”
“อย่าเลยว่ะ มึงไม่เข้าใจที่บ้านกูหรอกเดช” – ผมบอกต่อ ไม่อยากคุยกับมันแล้ว “แค่นี้ก่อนนะ จะไปทำการบ้าน”

ผมเสียใจมากเลยคับ ที่มันถามผมอย่างนั้น แต่ก็ถูกของมันนะคับ มันเข้ามาในชีวิตของผมมากเกินไปแล้ว มันเป็นนายของผมไปแล้ว มันสั่งอะไรผมต้องทำตามมันตลอด ไม่เคยขัด แต่ผมกลับรู้สึกดีที่จะทำ เพื่อมัน เนี๊ยแหล่ะคับ ความรักสามารถทำได้ทุกสิ่ง แต่พอผมจะต้องปฏิเสธในสิ่งที่มันขอ ผมยอมรับว่าผมทำไม่ลง ผมอยากจะไปหามันใจจะขาด ไม่รู้ทำไมว่าผมถึงเอาที่บ้านมาอ้าง เหมือนผมจะรู้ว่าถ้าผมไปหามันแล้วมันจะขอให้ผมทำอะไรอีก ผมก็จะทำ ผมไม่อยากเป็นทาสมันมากไปกว่านี้ ผมว่าตอนนี้ผมรักมันไปแล้วคับ

ผมตัดสินใจโทรกลับไปหาเดช
“กูขอโทษนะเว้ย” - ผมขอโทษเดช
“มึงผิดอะไรวะ” - เสียงมันแปลกๆไป
“กูปฏิเสธคำขอของมึง กูไม่สบายใจ”
“ไม่เป็นไรหรอก” – เอาแล้วคับ มันร้องไห้ ผมรู้เลย “งั้นวันนี้กูไม่โทรหาต่ายก็ได้วะ”
“ตะกี๊กูขอโทษนะ” – ผมยังคงขอโทษเดช ที่มันร้องไห้ คงเป็นเพราะเรื่องนี้
“ใหญ่ มึงไม่ผิด กูแหล่ะที่ขอมึงมากไป”
“ไม่เว้ยเดช วันหลังมึงขออะไร กูจะทำเพื่อมึงทุกอย่างเลย”
“เหรอ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก กูทำเองได้”
“แต่ว่า....กูผิด ที่กูปฏิเสธมึง”
“เออน่า ใหญ่ แกอย่าคิดมากเลย เรื่องของกู กูจัดการเองได้ ขอบคุณนะเว้ยที่มึงช่วยกูมาตลอด”
“กูขอโทษ มึงจะให้กูทำอะไรก็ได้ มึงกลับมาเป็นคนเดิมเถอะเดช กูขอร้องล่ะ”
“ใหญ่ กูขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่มึงทำให้กูนะ”
“มึงพูดอย่างงี๊แล้วมึงจะทำอะไร มึงบอกกูมานะ”
“กูไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น กูเหนื่อยเรื่องต่าย กูอยากคิดว่า จริงๆ แล้วกูชอบต่ายจริงหรือเปล่า”
“เหรอ มึงแน่ใจนะ ว่ามึงจะไม่คิดจะทำอะไรนอกจากคิดอย่างเดียว” - ผมกลัวมากเลยคับว่ามันจะคิดสั้น
“เออ”
“ตอนนี้มึงอยู่ที่หอใช่ป่ะ”
“เออ”
“รอตรงนั้น อย่าไปไหน เดี๋ยวกูไปหา”
“เห้ย แต่ที่บ้านมึง...”
“เออ มึงช่วยไรกูหน่อยดิ บอกที่บ้านว่ากูต้องไปติวหนังสือที่หอมึง”
“ตกลงตามนี้ มึงเรียกแม่มึงมาดิ”

ผมเรียกแม่มาคุยโทรศัพท์คับ ได้เรื่องดิคับ ตามแผนที่วางไว้เลยคับ ผมไม่ได้เอาอะไรไปทั้งนั้นนอกจากหนังสือสองสามเล่ม แล้วก็ชุดนอนที่ผมใส่อยู่ รอรถเมล์เพื่อไปหอมัน ตอนนี้ผมไม่คิดอะไรนอกจากว่า ผมจะไปอยู่กับมัน ที่หอมันคืนนี้ ผมจะได้อยู่กับคนที่ผมรัก แต่มันก็ไม่รู้ว่าผมรักมัน ผมกลัวมันจะคิดอะไรที่มันไม่ควรน่ะคับ ก่อนเข้าหอมันผมแวะตลาดซื้อขนมไปให้มันกินสองสามอย่าง กลัวมันหิว แล้วผมก็ขึ้นหอไปหามัน มนกำลังร้องไห้กับไดอารี่ที่มันเขียน

“มึงเป็นไรเดช มึงบอกกู” - ผมถามมัน
“ใหญ่ กูรักมึง กูขอบคุณที่มึงมาหากู” – มันเข้ามากอดผม ผมก็กอดมัน ลูกหัวมัน
“เออ แล้วมึงร้องไห้ทำไม”
“กูสับสน กูทำอะไรไม่ถูก กูชอบต่าย มึงได้ยินป่ะ”
“เออ”
“แต่กูขาดมึงไม่ได้ ใหญ่ ขาดมึงไม่ได้ กูไม่มีมึง กูทำอะไรไม่ถูกเลย”
“เออ”
“มึงอย่าทิ้งกูไปไหนนะเพื่อน”
“เออ”
“เมื่อกี๊ที่มึงปฏิเสธกู กูทำใจไม่ได้ว่ะ เหมือนมึงจะทิ้งกู”
“เออ กูอยู่นี่แล้ว กูไม่ทิ้งมึง”
“กูขอโทษที่กูเข้ามาในชีวิตมึง”
“เออ ไม่เป็นไร”
“กูขอโทษที่ทำให้มึงต้องมาวุ่นวายเรื่องของกู”
“เออ ไม่เป็นไร กูยินดี”
“กูรักมึงนะใหญ่”
“เออ กูก็รักมึง”
“มึงสัญญานะ ว่าเราจะเป็นเพื่อนกันไปตลอด”
“เออ สัญญา”
“มึงอย่ากลับคำนะเว้ยใหญ่”
“เออ กูรู้แล้ว” – เรายังกอดกันอยู่คับ ผมยังคงเกาหัวให้เดชไปเรื่อยๆ เดชยังคงร้องไห้อยู่
“ลูกผู้ชาย เขาไม่ร้องไห้กันหรอก กูมาอยู่กับมึงแล้ว เลิกร้องได้แล้ว” – ผมปลอบมัน แต่เหมือนจะไม่ปลอบ
“คนใจแข็งอย่างมึงจะไปเข้าใจอะไรไอ้ใหญ่ คนอย่างมึงน่ะไม่เคยมีความรัก”
“....................” – ผมเงียบไป เจ็บดิคับ เสียวแปล๊บถึงหัวใจเลย ผมเนี๊ยแหล่ะรักมัน - “เออ กูมันไม่มีความรัก ถ้ามีแล้วเป็นอย่างมึง กูไม่มีดีกว่า” – นั่น ปากผมยังแข็ง

เราเงียบกันไปชั่วครู สักพักเดชก็รู้สึกดีขึ้นแล้ว เรานอนกอดกันอยู่อย่างงั้น สายตาผมอยากอ่านไดอารี่มันเหลือเกิน แต่มันปิดเอาไว้ สงสัยที่มันร้องไห้เพราะว่าเขียนไดอารี่แน่ๆเลย ผมถามมันว่ากินขนมไรกันป่ะ ซื้อมาตั้งหลายอย่าง ได้ผลคับ มันเลิกร้องไห้แล้ว ว่าไปแล้วมันก็เหมือนกับเด็กๆเลยคับ พอมีขนมมาล่อ ก็อารมณ์ดี ผมเดินไปแกะขนมปังนึ่งให้มัน

“กูรู้ว่ามึงชอบ” - ผมบอกมัน
“มึงรู้ได้ไง”
“มึงบอกกูเมื่อวันก่อน กูจำได้”
“อ่อเหรอ เออ กูชอบ ขอบใจว่ะใหญ่”
“เออ” – แล้วเราก็มีความสุข....กับขนมปังนึ่งของโปรดของมัน
-------------
ปล.
1.แต่งไปก็ร้องไห้ไปด้วยคับ (แม้มันจะผ่านมานานแล้วก็ตาม)
2.ถ้าฟังเพลง "อยากรู้...แต่ไม่อยากถาม" จะได้อารมณ์มากๆเลยคับ
3.ผมอาจจะหายไปบ้างนะคับ แวะไปอ่านนิยายเรื่องอื่น เดือนนี้ Launch เยอะเหลือเกิน นิยายเก่าที่ผมอ่านค้างไว้ก็เยอะอีก แต่ก็จะพยายามแต่งเรื่องของตัวเองไปเรื่อยๆ ละกัน
4.เข้ามาแล้วช่วย comment กันเยอะๆนะคับ เป็นกำลังใจ(สำหรับผม)ในการแต่งไปเรื่อยๆ ขอบคุณทุก comment นะคับ ผมอ่านทุกข้อความเลยคับ ขอบคุณมากๆคับ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่21[07-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: TaEnIaE_CoLi ที่ 07-08-2008 00:43:49
เง้อ

รู้สึกเหมือนกับว่าเดชมันแอบชอบใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย

แต่มันคงงงว่าเป็นผู้ชายด้วยกันจะชอบกันได้งัย

ประมาณนั้นมั้ง

ท่าจะเศร้ามากนะเนี่ย :o12:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่21[07-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: TaEnIaE_CoLi ที่ 07-08-2008 00:46:18
แล้วก็ขอบคุงมากนะคับ

ที่มาต่อให้ยาวๆเกือบทุกวัน

ขอบคุงจริงๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่21[07-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 07-08-2008 03:15:44
เหนื่อยใจแทนใหญ่อ่ะ ...เจอดอกนี้เข้าไปจุกอ่ะดิ
โดนบอกรัก แต่ไม่ใช่รักอย่างที่ต้องการ
สามารถบอกรัก แต่เค้าไม่เข้าใจในความรัก  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่21[07-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: KATHAE* ที่ 07-08-2008 12:34:51
เหนื่อยจัง .... แต่ยังไหวอยู่
ประมาณนี้เลยหรือเปล่าใหญ่

โธ่ ..เพื่อเดช ทำได้ทุกอย่าง เพื่อคนที่เรารัก ...


ฮึ่กๆ ....  แล้วเดชก็คลุมเครือ  :sad2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่21[07-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 07-08-2008 23:23:32
ต่อกันเลยนะคับ ลงทุกวันอย่างงี๊แหล่ะคับ ตอนนี้แต่งไปเยอะแล้วล่ะคับ แต่เอาเป็นว่าทยอยลงละกัน (เรียกความอยาก...วันละนิด)

ตอนที่ 22
 :o8:
เดชดูเงียบๆ ไปอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ทำไม อาจเป็นเพราะมันคงเพิ่งจะร้องไห้ไปมั้งคับ ผมเลยเลือกที่จะไม่พูดอะไรดีกว่า เรากินขนมกันเสร็จผมก็เตรียมเก็บชามไปล้าง มันบอกว่าไม่ต้อง ห้องมันเดี๋ยวมันทำเอง

ระหว่างที่มันกำลังล้างจาน ผมก็เผลออีกแล้วคับ ไดอารี่ของมันที่วางอยู่บนเตียงก่อนผมจะมา ผมอยากรู้อ่ะคับว่าข้างในมันเขียนอะไรบ้าง

“เดช ขอกูอ่านไดอารี่ได้ป่ะวะ” - ผมตะโกนถามมัน
“อย่าเพิ่ง”- มันวิ่งออกมาจากห้องน้ำ
“ทำไมวะ”
“กูอาย”
“วันก่อนมึงยังหยิบให้กูอ่านเลยน่า”
“กูยังเขียนไม่เสร็จ” - มันบอก
“งั้นไว้เขียนเสร็จค่อยอ่านก็ได้” - ผมบอกมัน
“อย่าแอบอ่านนะเว้ย”
“เออ กูรู้แล้ว”

ทำธุระทุกอย่างเสร็จแล้วคับ เดชมานั่งบนพื้นข้างๆเตียง ขณะที่ผมก็นอนอย่างสบายใจบนเตียงของมัน ตกลงคืนนี้ผมต้องอยู่ที่นี่ ค้างที่หอมันจริงเหรอเนี๊ย ตื่นเไม้จังคับ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยไปนอนค้างที่อื่น (ถ้าไม่นับเรื่องไปเข้าค่ายลูกเสือตอนประถมกับมัธยมนะคับ) วันนี้จะเป็นครั้งแรกที่ผมจะต้องมานอนที่อื่น แต่เป็นที่ที่ผมอยากมามากที่สุด

จากการมาที่หอเดช 2 ครั้ง ทำให้ผมทราบว่านิสัยของเดชจริงๆแล้วายนอกเป็นคนที่โผงผาง รุนแรง แต่ข้างในเป็นคนที่อ่อนไหวได้ง่ายมากเลยคับ ดูจากของที่แต่งห้องแล้ว ไม่น่าเชื่อนะคับว่านี่เป็นห้องเด็กผู้ชาย ทำไมมันสะอาดอย่างนี้ แล้วก็ที่โต๊ะมีรูปที่มันวาดเองด้วยคับ แปะเอาไว้ มันบอกผมว่ามันวาดตั้งแต่มันอยู่ ม.1 ที่โรงเรียนแถวสุพรรณน่ะคับ อาจารย์ชมว่ารูปนี้สวยดี และก็ยังบอกอีกว่ามันน่ะมีพรสวรรค์ในการวาดรูป แต่ผมดูแล้วก็งั้นๆน่ะคับ ในรูปนั้นเป็นรูปเด็กผู้ชาย 2 คนยืนกอดคอกัน คนนึงถือลูกบอล อีกคนนึงถือถ้วยรางวัล ไม่รู้ว่ามันจะสื่ออะไรกับูปวาดใบนี้ มันมีความหมายอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่าที่มันเอารูปใบนี้มาแปะเอาไว้  หรือบางที...ผมอาจจะคิดมากไปเอง

“มึงเขียนอะไรอยู่วะ” - ผมถามมันในขณะที่มันกำลังทำอะไรไม่รู้อยู่ข้างๆเตียง
“ทำการบ้าน”
“กูช่วยมึงได้ป่ะเดช”
“ไม่ได้หรอก”
“เหรอ”
“กูไม่ทำละ มึงช่วยกูไม่ได้ ทำวิชาที่มึงจะช่วยกูได้ดีกว่า”
“วิชาไรวะกูช่วยมึงได้น่ะ?”
“เคมีไง มึงน่ะเก่งเคมี”
“เออ ไม่เก่งหรอก แต่ถามกูได้นะ ถ้ากูรู้กูจะตอบมึง”
“เออ” – ผมรับปากมันไปงั้นๆแหล่ะคับ มันเองก็ไม่ได้ถามอะไรผมเลย มันก็เก่งประมาณนึงล่ะคับ
“แล้วที่บ้านมึงไม่ด่าเหรอใหญ่”
“ไม่หรอก มึงบอกแม่กูแล้วไม่ใช่เหรอ แม่กูก็ไม่ได้ว่าอะไร”
“เออ ดีแล้ว”
“แต่มึงอย่าเล่นกับกูอย่างงี๊อีกนะเว้ย กูคงออกมานอนข้างนอกบ่อยๆไม่ได้”
“แค่มึงมาหากู กูก็ดีใจแล้วแหล่ะใหญ่ กูขอบคุณมาก”
“เออ”
“มึงว่าต่ายนอนยังวะ” – เดชถามผม ทำเอาผมสะอึกเล็กๆ
“กูว่าตอนแล้วแหล่ะ นี่ก็ 5 ทุ่มกว่าแล้วนะ”
“ก็คงจริงแหล่ะ ถ้ามึงมาเร็วกว่านี้ กูเองก็ได้คุยกับต่ายแล้ว เพราะมึงเลยใหญ่” - มันจะพยายามโทษผม
“ไอ้นี่ มึงไม่โทรเองวะ ถ้ามึงโทรหาต่าย มึงก็ไม่ต้องเรียกให้กูมานอนกับมึงหรอก”
“ใหญ่ ตอนมึงออกมาหากู มึงคิดอะไรอยู่”
“ก็...ไม่ได้คิดอะไร”
“มึงเป็นห่วงกูเหรอ”
“ไอ้บ้า ใครห่วงมึง”
“มึงอย่ามาปากแข็งไอ้ใหญ่ กูรู้ว่ามึงห่วงกู กลัวกูคิดอะไรที่ไม่ควรใช่ป่ะ”
“เออดิ”
“สรุปแล้ว มึงเป็นห่วงกู”
“เออ เออ กูเป็นห่วงมึง พอใจยัง”
“ทำไมมึงปากแข็งจังวะ”
“ใครปากแข็ง กูคิดไรกูก็พูดอย่างงั้น”
“ไม่จริงเว้ย มึงปากแข็ง ปากบอกจะไม่มาหากู แต่แล้วมึงก็มาหากู ปากบอกว่าไม่ห่วงกู จริงๆแล้วมึงก็ห่วงกู”
“.........” – ผมเงียบไป อึ้งกับสิ่งที่มันพูด
“ใหญ่ ถ้ามึงเป็นอย่างเงี๊ยะ เมื่อไหร่มึงจะมีแฟน”
“กูไม่มีหรอกน่า แฟนน่ะ”
“ปากแข็งอีกแล้ว มึงเจอใครถูกใจ มึงบอกไปเลยว่ามึงชอบเขา”
“กูยังไม่เจอ”
“ไม่เชื่อหรอกน่า กูว่ามึงน่ะต้องมีคนที่มึงชอบแหล่ะใหญ่”
“..........”
“เงียบไมวะ” - มันถาม
“การบ้านมึงเสร็จยัง เสร็จแล้วจะได้นอน กูง่วง”
“เสร็จแล้ว แต่กูยังไม่ให้มึงนอน”
“มึงจะให้กูทำไรอีกล่ะ”
“เออน่า” - มันไปหยิบไดอารี่มา
“เอามาทำไม”
“มึงอยากอ่านไม่ใช่เหรอ”
“ตอนนี้กูไม่อยากอ่านแล้ว กูง่วง”
“ปากแข็งอีก เอาไป” -มันยัดใส่มือผม
“ของวันนี้มึงเขียนเสร็จแล้วเหรอ”
“ยัง”
“แล้วให้กูอ่านทำไม”
“เออน่า”

ผมรับไดอารี่มันมาอ่าน ยอมรับว่าอยากรู้เรื่องที่มันเขียนเหมือนกันนะคับ เรื่องราวในไดอารี่วันนี้มันบอกว่า

“…วันนี้กูอยากโทรไปหาต่าย กูไม่กล้า ที่พึ่งหนึ่งเดียวก็คือไอ้ใหญ่ กูโทรมามัน มันไม่ช่วยกู กูเข้าใจมันว่ะ ถ้ากูเป็นมันกูก็คงไม่ออกมา กูเสียใจมาก ร้องไห้ ไม่ได้ร้องเพราะต่าย กูร้องเพราะไอ้ใหญ่ มันไม่ช่วยกู แล้วทำไมกูต้องร้องไห้ให้มันด้วยวะ”
..
..
“แต่กูก็ดีใจอีกรอบ ไอ้ใหญ่โทรมา มันบอกว่าจะมานอนหอกู กูดีใจจริงๆ แต่ไหนบอกว่ามันจะไม่มาวะ เอาเถอะ เท่านี้กูก็ดีใจละ อย่างน้อยมันก็ห่วงคนอย่างกู แล้วตอนนั้นใจมันคิดอะไรอยู่วะที่มันออกมาหากูเนี๊ย”

ผมอ่านจบก็ถามมัน

“แล้วไง”
“กูถามมึงไง กูจะให้มึงตอบ”
“ตอบไรวะ”
“ตอนที่มึงออกมาหากู ตอนนั้นมึงคิดอะไรอยู่”
“กูบอกมึงไปแล้วไง”
“มึงปากแข็ง เอาที่มึงคิดจริงๆดิ มึงคิดอะไรอยู่”
“กูเป็นห่วงมึง พอใจยัง” – ผมตะโกนบอกมัน
“เอาดีดีดิใหญ่”
“กูเป็นห่วงมึง เดช กูห่วงมึงมาก กูกลัวมึงคิดอะไรไม่ดี”
“แสดงว่ามึงรักกู”
“เออ กูรักมึงเดช”
“กูก็รักมึงใหญ่ เพื่อนอย่างมึงกูก็ไม่เคยหาจากที่ไหนมาก่อน พอมาเจอมึง เพื่อนแท้เป็นยังไงกูก็เพิ่งรู้จากมึงนั่นแหล่ะ”
“เออ” – โล่งอกไปทีคับ เหมือนมันจะไม่รู้
“มึงเขียนประโยคนั้นลงไดอารี่กูหน่อยดิ”
“ประโยคไหนวะ” 
“ประโยคที่ว่ามึงห่วงกูอ่ะ”
“แต่ว่านี่มันไดอารี่มึงนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า”

ผมเขียนประโยค  “กูเป็นห่วงมึงนะเดช” ในไดอารี่ของมัน มันมองผมเขียนอยู่คับ ผมเขียนเสร็จผมก็ส่งคืนไปให้มัน

“ลายมือมึงสวยว่ะ”
“เห็นป่ะล่ะ อ่านง่ายกว่าลายสือไทยของมึงอีก”
“ลายมืออย่างกู เขาบอกว่า อนาคตจะได้เป็นเจ้าคนนายคนเว้ย”
“แล้วไง”
“เอาเหอะ อนาคตก็เป็นเรื่องของอนาคต แค่ปัจจุบันกูมีมึงเป็นเพื่อน กูก็ดีใจมากๆแล้ว”
“เออ กูรู้แล้ว มึงไม่ต้องย้ำกูหรอก”
“มึงเอาแปรงสีฟันมาป่ะ” – อ้าวอยู่ดีดีมันก็เปลี่ยนเรื่อง
“ไม่ได้เอามา กูรีบออกจากบ้าน ไม่ได้เอาอะไรมาเลย”
“แม้แต่กางเกงใน” - มันแซวผม
“เออดิ กกน. กูก็ไม่ได้ใส่มา”
“ฮ่าๆ ไอ้ใหญ่ มึงเสร็จกูแน่” – มันทำท่าจะมาปล้ำผม
“มึงอย่าเข้ามานะเว้ย ไม่งั้นมึงเจอ....แน่” – (ไม่น่าเลยผม น่าจะสมยอมมันไปเนอะ)
“ไปแปรงฟันได้แล้วป่ะ จะได้นอน”
“กูไม่มีแปรง กูจะแปรงได้ไง”
“กูแปรงเสร็จ เอาของกูไปใช้ต่อก็ได้”
“แต่ว่า...”
“ไม่เป็นไร กูไม่ถือ”

เราแปรงฟันกันเสร็จก็มานอนด้วยกัน จริงๆ แล้วเตียงมันเป็นเตียงขนาดคนเดียว แต่พอผมมาอยู่ด้วยก็ต้องนอนเบียดกัน ตอนแรกผมบอกว่าจะนอนพื้น มันไม่ยอม มันจะให้ผมนอนกับมัน นิสัยของมันแล้วมันเป็นคนที่ไม่ใส่เสื้อเวลามันอยู่ในห้อง ผมก็ไม่รู้ว่าต่อหน้าเพื่อนๆมัน มันจะอายหรือเปล่า แต่ตอนที่ผมมาที่ห้อง มันไม่ใส่เสื้อตั้งแต่แรกแล้วคับ หุ่นมันก็ดีนะคับ มีกล้ามนิดๆ ผมก็มองมันอยู่ตลอด(แอบหื่นเล็กๆ) พอปิดไปปุ๊บมันก็มากอดผม

“มึงกอดกูทำไม”
“กูกอดเพื่อนกู กูผิดด้วยเหรอ” - มันกอดแน่นยิ่งกว่าเดิมอีกคับ
“มึงปล่อยเถอะ กูไม่ชิน” – ผมบอกมัน
“กูรู้ว่ามึงชอบ” – แน่ะ มันยังมารู้ดีอีกว่าผมชอบ
“ไอ้บ้า มึงปล่อยกู”
“ไม่เป็นไรหรอก เพื่อนกัน ตอนกูอยู่สุพรรณกูก็กอดเพื่อนกูอย่างเงี๊ยะ”
“แล้วพวกไอ้เข้มล่ะ”
“ไม่เคย ไม่กล้า”
“แล้วมึงก็มากล้ากอดกู มึงรู้จักไอ้เข้มก่อนกูนะเว้ย”
“แล้วไง กูจะกอดคนที่เป็นเพื่อนรักกู แล้วตอนนี้มึงก็เป็นเพื่อนรักกูด้วย”
“เออ ตามใจมึงละกัน”
“มีบ้างป่ะใหญ่ ที่มึงจะไม่ปฏิเสธก่อน แล้วมึงก็มาทำทีหลัง”
“ไอ้เชี่ยเดช มึงนอนได้แล้ว เที่ยงคืนกว่าแล้วมึง กูง่วง”
“ทำไมมึงไม่ถอดเสื้อนอน” - มันถามผม
“แล้วทำไมมึงไม่ใส่เสื้อนอน” - ผมย้อนถามมันบ้าง
“มันไม่ชิน” – มันบอกผม “แล้วมึงล่ะใหญ่”
“กูก็ไม่ชินเหมือนกัน”
“งั้นมึงก็ลองถอดเสื้อนอนดู ไอ้ใหญ่”
“ทำไมกูต้องเชื่อมึงด้วยวะ ก็บอกแล้วว่ากูไม่ชิน”
“กูแค่เสนอทางเลือกที่ดีให้มึง ถ้าไม่ถอดกูถอดให้นะเว้ย” - มันทำท่าจะมาถอดเสื้อให้ผม
“เออ เออ กูถอดก็ได้”
“ก็แค่นั้น ต้องให้ลงไม้ลงมือ”

ผมถอดเสื้อเสร็จผมก็ลงไปนอนกับมันเหมือนเดิม

“ต้องอย่างงี๊ดิ ว่าง่ายดีว่ะใหญ่”
“เออ”
“มึงอายไรวะ มึงไม่ค่อยถอดเสื้อ”
“กูบอกมึงแล้วไม่ใช่เหรอว่ากูหุ่นไม่ดี”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย น่ารักดีออก” –มันเอามือที่กอดผมไปเล่นพุงของผม ผมปัดออกไป (ไม่น่าเลยกู)
“มึงเลิกเล่นพุงกูได้แล้ว กูจะนอน มึงจะชวนกูคุยไปถึงไหน”
-----------------
ต่อพรุ่งนี้คับ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่22[08-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 08-08-2008 19:01:42
จิ้ม

เฮ้อ  :เฮ้อ: อ่านแล้วเหนื่อยอ่า


ไม่ค่อยชัดเจนเล้ยเดช
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่22[08-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: TaEnIaE_CoLi ที่ 08-08-2008 22:06:08
มะไหร่จาเปิดเผยความในใจกันละเนี่ย

คนอ่านลุ้นตัวโก่งแว้วว :serius2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่22[08-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 09-08-2008 00:42:30
--มาแล้วคับ มาแล้ว วันละตอนคับ กำลังดีเนอะ ลงมากไม่ดี เดี๋ยวไม่ลุ้น--

ตอนที่ 23
 o13
ผมนอนคุยกันซักพัก ก็ถึงเวลาแล้วคับที่ผมจะได้นอนซักที ผมนอนไม่หลับหรอกคับ มันแปลกที่ ผมก็เลยครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่ ในขณะเดียวกันไอ้เดชมันหลับเอาเป็นเอาตายเลยคับ ถ้าผมจะแอบหอมแก้มมันผมก็คงทำได้นะเนี๊ย แต่ผมไม่ทำหรอกคับ คนที่ผมรักย่อมมีคุณค่ากับผมเสมอ ผมขอเก็บมันไว้อย่างงี๊นั่นแหล่ะคับดีแล้ว ผมไม่อยากให้มันช้ำทั้งร่างกายและจิตใจเลยคับ ผมมองดูมันนอนหลับ ดูๆไปมันก็น่ารักดีนะคับ ไม่รู้ดูยังไงผมก็เลยหลับไปกับมันด้วย

มีอยู่ตอนนึงคับ รู้สึกว่าประมาณตีห้ากว่าๆ มันนอนตะแคงข้าง หันหน้ามาหาผม แล้วก็กอดผมอย่างจัง คงนึกว่าผมเป็นหมอนข้างมันมั้งคับ กอดไปอย่างจัง แถมเอาหน้ามาซุกบนหน้าอกผมต่างหาก แล้วมือมันก็มาจับน้องชายของผม น้องชายของผมนี่สะดุ้งเลยคับ ผมพยายามที่สุดว่าจะไม่คิดอะไร แต่แล้วด้วยสัญชาติญาณ มันก็คงเป็นไปไม่ได้ล่ะคับ น้องชายผมคงอยากจะออกมารับอรุณกับเขามั่ง แต่มันก็คงจะเป็นไปได้แค่นั้นแหล่ะคับ เพราะว่ามันหันหน้าไปทางอื่นแล้ว ผมก็เลยได้หลับอย่างสงบซักที

“ใหญ่เว้ย ไอ้ใหญ่ ตื่นๆ ติ่นได้แล้ว เช้าแล้วมึง”
“อือ.........” ผมง่วงเต็มที เพราะเมื่อคืนผมนอนไม่ค่อยหลับ “กี่โมงแล้ววะ”- ผมถามมัน
“หกโมงสิบห้า”
“ขอกูนอนต่ออีกครึ่งชั่วโมงได้ป่ะ เหงมๆๆ”
“ถ้ากูอาบน้ำเสร็จแล้วมึงยังไม่ตื่น มึงตายแน่ไอ้ใหญ่”
“เออ” – ผมรับปากแบบสลึมสลือ แล้วมันก็อาบน้ำเสร็จ
“เมื่อไหร่มึงจะตื่นวะใหญ่”
“ขออีก 10 นาทีน่า นะนะ” - ผมเป็นโรคอย่างงี๊แหล่ะคับ
“กูไม่ให้มึงนอนแล้ว ตื่น ตื่นเดี๋ยวนี้” - มันตะโกนใส่หูผม
“เชี่ย แมร่ง ตื่นก็ได้วะ”
“ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยป่ะ นั่นผ้าเช็ดตัวกู ใช้ไปก่อน”

ผมไปอาบน้ำอย่างว่าง่าย แต่ผมจะเป็นโรคที่อาบน้ำนานคับ ประมาณ 15 นาทีเป็นอย่างน้อย

“ไมมึงอาบน้ำนานจังวะ” - เดชถามผม
“เรื่องของกู”
“เปลืองน้ำกูเว้ย”
“ถ้ามึงกลัวเปลืองน้ำ วันหลังก็ไม่ต้องให้กูมานอนที่ห้องมึง โอเคป่ะ”
“ไอ้ใหญ่นี่ กูล้อเล่นเว้ย”
“แล้วชุดนักเรียนกูล่ะ ตายห่า กูต้องกลับไปเอาที่บ้านเหรอวะ กูสายแน่ๆไอ้เดช” – ผมนึกเรื่องชุดนักเรียนได้ ผมไม่ได้เอาอะไรมาเลยนอกจากหนังสือสองสามเล่ม ที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย
“มึงเอาชุดนักเรียนกูไปก่อนก็ได้ วันนี้กูเรียนพละ”
“กูจะใส่ของมึงได้เหรอ” – (แน่แหล่ะคับ ผมตัวใหญ่กว่ามัน และสูงกว่ามันด้วย)
“กูเดี๋ยวกูหาตัวใหญ่ๆ ให้มึง”
“เออ ขอบคุณ แต่ว่า ชุดนักเรียนมึง มันก็...ชื่อมึงดิ”
“ก็เออดิ ถามได้ ชุดของกูมันก็ต้องชื่อกูเดชะ”
“แต่กู......”
“หรือมึงจะกลับไปบ้าน แล้วมาโรงเรียนสาย”
“เออ ก็ได้ วันนี้กูจะเป็นมึง วันนึงละกัน” – ผมบอกมัน มันท่าทางดีใจเล็กๆ แล้วผมก็หยิบชุดนักเรียนของมันมาใส่
“พอดีเป๊ะ” - มันบอก
“กูว่ามันสั้นๆว่ะ กางเกงอ่ะ”
“ก็กูเตี๊ยอ่ะ กางเกงกูก็สั้นอย่างงี๊แหล่ะ”
“เออ แต่ก็แปลกๆดี กูไม่เคยใส่กางเกงสั้นๆ ขอบใจนะเว้ยเดช”
“ไปได้ยัง จะ 7 โมงแล้ว”
“เออ ไปก็ได้ป่ะ เฮ้ย แล้วมึงมีกระเป๋าไปโรงเรียนเหรอ”
“กูก็เนียนๆเอา ไม่เป็นไรหรอก ฝ่ายปกครองกับกูสนิทกัน”
“กูว่ามึงเอาใบนี้ถือๆไปเหอะว่ะ เดี๋ยวมึงจะเดือดร้อน” – มันส่งกระเป๋าลายทหารสีเทาดำมาให้ผมถือ
“ขอบใจว่ะ”
“งั้นก็ไปได้แล้ว เดี๋ยวสาย”

เราสองคนเดินออกมาจากหอ ผ่านตลาดหน้าปากซอย ตอนเช้าเป็นตลาดสดคับ ขายแต่ของสด ผมก็ไม่รู้จะกินของพวกนี้ยังไง (ล้อเล่นคับ) เราตกลงกันว่าจะไปกินที่โรงเรียนละกัน เราใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็ถึงโรงเรียนแล้วคับ ก่อนเข้าโรงเรียนมันชี้ร้านหมูปิ้งให้ผมดูด้วยคับ คนต่อคิวซื้อเยอะเหมือนกัน ผมถามมันว่ามันมาต่อคิวซื้อให้ผมเหรอ “ใช่แล้ว” แต่วันนี้ผมทำสัญญาที่ให้กับมันได้แล้วคับ ผมจะมาเช้าเพื่อมัน ใช่ดิ ผมไปนอนกับมันนี่หว่า

เข้าผ่านประตูโรงเรียนไป ผ่านฝ่ายปกครองก่อน ผมแวะเข้าไปรายงานตัวว่าวันนี้ผมมาไม่สายแล้ว ผมคงได้ทันมาเอาพานไปเชิญธงชาติแน่ๆ อาจารย์ทักผมว่ากางเกงน่ะสั้นไปนะ เหมือนจะเป็นกางเกงผิดระเบียบ แต่อาจารย์ก็ไม่ได้ว่าอะไรผมอีกหรอกคับ เห็นป่ะล่ะเส้นใหญ่ขนาดไหน หลังจากนั้นผมกับเดชก็พากันไปที่โรงอาหาร เพื่อไปกินข้าวเช้ากัน

“ปกติมึงมาโรงเรียนกี่โมง” - ผมถามมัน
“7 โมง”
“ตอนนี้มัน 7 โมงจะครึ่งแล้วอ่ะนะ”
“เพราะวันนี้มีมึง ก็เลยมาสาย”
“มึงจะว่ากูเป็นไม้เหตุใช่ป่ะ”
“ไม่หรอกน่า ช่างเหอะ รีบกินรีบไปเข้าแถวเหอะ เพลงโรงเรียนดังแล้วมึง” – มันเร่งให้ผมกินข้าวเร็วๆ
“แล้วหลังเข้าแถวกูต้องไปหามึงที่ห้องป่ะ” - ผมถามมัน
“มาดิ กูอยากให้มึงดูอะไร”
“เออ”

แล้วอะไรล่ะที่มันจะให้ผมดู ผมคิดอยู่ในใจ สติผมหลุดลอยไปกับเสียงประกาศเรียกแถวของอาจารย์แล้วคับ ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยจนเพลงชาติขึ้น เพื่อนที่เชิญธงบอกว่าเพลงชาติขึ้นแล้ว สติผมถึงได้กลับมานั่นแหล่ะคับ ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงได้อยากรู้เรื่องของคนที่ผมรักทุกเรื่องเลยคับ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรที่ไหน หรือแม้แต่เขาจะคิดจะทำอะไร มันทำให้ผมอยากรู้ไปซะหมด นี่แหล่ะมั้งคับ รักข้างเดียวก็สุขใจ

ผมเดินกลับไปที่แถวหลังผมเชิญธงชาติเสร็จ เป็นธรรมเนียมแล้วคับที่ผมจะต้องเดินผ่านแถวของเดช มันบอกผมว่าวันนี้ผมหล่อเป็นพิเศษ แล้วมันก็ชี้ไปที่หน้าอกตัวเอง สงสัยจะภูมิใจว่าผมใส่เสื้อมันแล้วคงจะดูดี คือจริงๆแล้วผมชอบใส่เสื้อที่ใหญ่กว่าตัวเองหน่อยนึงอ่ะคับ แบบว่าซื้อเผื่อโต ดังนั้นชุดที่ผมใส่จะเป็นชุดที่โคร่งๆ นิดหน่อย แต่พอผมมาใส่ชุดของเดช (ซึ่งมันคงจะหาขนาดใหญ่สุดที่มันมีแล้วแหล่ะคับ) มันเลยทำให้ผมดูสูง เพราะว่าผมใส่ชุดของมันแล้วพอดีตัว ก็เลยส่งเสริมความสูงของผมที่ผมมีอยู่มากแล้ว ให้มันมากไปกว่าเดิมอีกคับ พวกไอ้ไม้ยังไม่เห็นคับ เพราะมันมาสายเป็นประจำ ดังนั้นที่แถวของผมจึงมีเพื่อนแค่ 7-8 คนเอง (ผู้ชายห้องผมมีน้อยคับ) มันทักผมว่าไปเอาเสื้อใครมาใส่ ไม่ได้ดูตัวเองเลย บางคนก็บอกว่าเท่ห์ดี ผมควรจะเชื่อใคร

หลังจากแยกแถวเข้าชั้นเรียนแล้ว ผมไปหามันที่ห้อง

“มึงมีไร” - ผมถามมัน
“ฟังเพลงนี้ดิ” – มันยื่นเครื่องเล่น MD (ของไอ้เข้ม) ให้ผมฟัง เพลง “คนไม่สำคัญ” ของพลพล ผมฟังจนจบ
“ให้กูฟังทำไม”
“มึงช่วยไปบอกต่ายหน่อยเหอะ ว่ากูมันเป็นคนที่ไม่สำคัญ”
“.............” – ผมเงียบไป อีกแล้วคับ ไม่อยากให้มันพูดถึงต่ายเลยจริงๆ
“มึงเป็นไรว่ะ”
“เปล่าๆ อะไรนะ”
“กูเขียนเนื้อเพลงนี้ไว้ ตั้งแต่เมื่อวาน มึงเอาไปให้ต่ายหน่อยดิ”
“ต่ายเขาเคยฟังเพลงนี้หรอกน่า”
“เออน่า มันเป็นคุณค่าทางจิตใจ มึงช่วยกูหน่อยละกัน”
“เออ”
“แล้วเย็นนี้มึงก็ต้องมารอกูเหมือนเดิมนะ”
“ทำไมวะ”
“มึงจะเอาชุดนักเรียนของกูไปให้ที่บ้านมึงดูเหรอ ยังไงมึงต้องกลับไปเอาของของมึงที่หอกูอยู๋ดีนั่นแหล่ะ”
“เออ กูรู้แล้ว”

ผมเอากระดาษเขียนเนื้อเพลงไปให้ต่าย ก่อนจะเริ่มเรียนคาบแรก

“ใหญ่ แกเอาเสื้อใครมาใส่น่ะ” - ต่ายถามผมก่อนที่จะเอากระดาษเพลงให้อีก
“ของเพื่อน”
“เพื่อนชื่อเดชใช่ป่ะ”
“แกรู้ได้ไง” - ผมถามอย่างสงสัย
“ชื่อจริงของเดช เรารู้ชื่อจริงของเดช”
“ไปรู้มาจากไหนวะ”
“ก็เราเคยเห็นนี่นา เอาเป็นว่า ทำไมแกไปเอาเสื้อเดชมาใส่”
“แน่ใจนะว่าแกอยากรู้”
“มันมีอะไรเหรอ”
ผมเล่าเรื่องเมื่อคืน ที่ผมต้องออกไปหาเดชให้ต่ายฟัง
“แกก็ทำ เพื่อเดช” - ต่ายบอกผม
“อืม”
“ทำไมล่ะใหญ่ ทำไมแกต้องทำให้เดชขนาดนี้”
“ก็มันเป็นเพื่อนเรา”
“ถ้าเดชให้แกไปตาย แกจะไปป่ะ”
“มันไม่ทำอะไรอย่างงั้นหรอกน่า”
“แกอย่าลืมนะ ว่ามันจีบเรา”
“เรารู้ต่าย เรารู้ดี มากๆด้วย”
“แล้วทำไมแกต้องทำเพื่อมันขนาดนี้”
“ก็...........ยังไงล่ะ เอ่อ...... คือว่า............”
“แกชอบมันเหรอ”
“เปล่าซักหน่อย แกจะบ้าเหรอ มันใช้เราเพื่อมาจีบแกนะต่าย แล้วเราจะไปชอบมันได้ยังไง”
“เราว่าแกแปลกๆว่ะใหญ่”
“ยังไง”
“ไม่รู้ดิ เหมือนว่าเดชสั่งอะไรแกก็ทำตาม”
“มันสั่งเรื่องของแกทั้งนั้นแหล่ะต่าย”
“เหรอ แต่บางอย่างแกก็ไม่ต้องทำก็ได้นี่หว่า เรียกแกออกไปกลางคืน ดึกๆ ถ้าใครทำอะไรแก แกจะทำไง”
“แกห่วงเราเหรอต่าย”
“เออดิ เพื่อนกันนะ แล้วยิ่งมาเกี่ยวกับคนที่จีบเราด้วย ถ้าแกเป็นอะไรที่เกี่ยวกับเดชเราจะไม่ให้อภัยตัวเองเลยล่ะ”
“แกอย่าเว่อร์ไปหน่อยเลย เราไม่เป็นไรหรอก อ่ะ อันนี้เดชฝากมา อย่าให้ไอ้ไม้เห็นนะ” - ผมส่งกระดาษเพลงให้ต่าย “ไปอ่านที่บ้านนะ เราว่ามันไม่น่าจะอ่านที่นี่ว่ะ”
“ขอบใจมากใหญ่”
“อืม”
“แต่แกแต่งตัวแนวแบบนี้ มันไม่ชินตาเราอ่ะ”
“ทำไมเหรอ”
“แกดูหล่อขึ้น สูงขึ้น ไม่รู้ดิ มันเท่ห์”
“ชอบเราเหรอ เราไม่ชอบแกหรอกนะ เสียใจด้วย เราคงเป็นได้แค่เพื่อน กร๊ากๆๆๆ” - ผมแซวต่าย
“เพื่อนก็เอา กร๊ากๆๆ” – ต่ายแซวกลับมั่ง
อาจารย์มาแล้วคับ ลากผมกลับเข้าไปที่นั่งของตัวเอง เราไม่ได้คุยอะไรกันอีกจนหมดคาบพักกลางวัน
-------------
ต่อพรุ่งนี้ค้าบ.........
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่23[09-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: KATHAE* ที่ 09-08-2008 00:52:21
ไม่ชัดเจนๆๆ


ไม่ชัดเจน

เดชไม่ เคลียร์
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่23[09-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: TaEnIaE_CoLi ที่ 09-08-2008 13:27:40
ถอนตัวยังทันนะ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่23[09-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 09-08-2008 22:17:54
-พรุ่งนี้หยุด 1 วันนะคับ เจอกันวันจันทร์นะคับ-

ตอนที่ 24
 o2
ผมโดนถามเรื่องเสื้อของเดชทั้งวันเลยคับ ก็ไม่ได้อะไรหรอกคับผมก็ตอบไปว่าของเพื่อน และผมก็คิดว่าไอ้ไม้ก็คงจะไม่รู้ชื่อจริงของเดชด้วยหรอกคับ เพราะมันมาทักผมว่าวันนี้เสื้อผมแปลกๆ ก็แค่นั้นเองคับ ก็ดีแล้วคับผมไม่ต้องคอยตอบคำถาม

คาบบ่ายหมดไป เย็นแล้วผมก็ไปประชุมเตรียมงานโรงเรียนคับ วันนี้ต้องอยู่เย็นเป็นพิเศษ เมื่อวานพี่ส้มไม่ได้ประชุมคับ วันนี้ก็เลยทบต้นคิดดอกเบี๊ย ผมล่ะนั่งหลังอาน (ไม่ใช่หมาน้า...) หิวด้วย ตอนที่ผมดูนาฬิกาก็ทุ่มนึงแล้วคับ ผมกระวนกระวายมาก เดชบอกให้ผมรอ ผมจะไปหามันตอน 6 โมง แล้วตอนนี้มันทุ่มนึงแล้วอ่ะ มันจะโกรธผมหรือเปล่า มันจะโดนยุงกัดไหม มันกินอะไรหรือยัง ผมห่วงแทนมันทุกอย่างเลยคับ

พอดีมีรุ่นน้อง ม.4 คนนึงเดินเข้ามาหาผม

“พี่ใหญ่ แฟนพี่มารอน่ะ” – รุ่นน้องบอกผม แน่ะ กวนซะด้วย
“พี่ไม่มีแฟนเว้ย แล้วใครมารอพี่วะ”
“พี่คนที่มาช่วยจัดของวันนั้นน่ะ”
“เหรอ เขาอยู่ไหนวะ”
“หน้าห้องน่ะ พี่ไปหาเขาหน่อยเหอะ เขาฝากบอกผมมาว่าเขางอนพี่แล้ว ให้เขารอตั้งนาน”
“แกเป็นแฟนมันเหรอใหญ่ ถึงว่า วันนี้แกแต่งตัวแปลกๆ” – เอาแล้ว พี่ส้มล้อผม เฮ้อ!!!
“เปล่าพี่ เพื่อนกัน เมื่อวานผมไปนอนหอมัน แล้วผมยืมชุดมันมาใส่”
“แก้ตัวเสร็จเรียบร้อย แฟนกันแน่ๆ” – พี่ส้มยังไม่หยุด
“ผมไม่ชอบมันหรอก เพื่อนกันคับพี่”
“เอางี๊ พี่ให้แกไปเคลียร์ก่อน แล้วค่อยกลับมาประชุม”
“คับพี่ ขอบคุณคับ”

ผมรีบวิ่งไปที่ประตู เห็นมันนั่งตบยุงอยู่ข้างหน้า

“มึงไม่ออกมาพรุ่งนี้เลยล่ะ” - มันประชดผม
“กูขอโทษ พี่เขาประชุมนาน”
“แล้วจะเสร็จยัง”
“ยังว่ะ มึงไปรอข้างในก็ได้นะเว้ย”
“อย่าดีกว่า กูเกรงใจ”
“เอาน่า พี่เขาก็รู้จักแกแล้ว ไม่เป็นไรหรอก”- ผมจูงมือมันเข้าไปข้างใน
“พี่ส้มให้เพื่อนผมอยู่ข้างในนะคับ”
“เออ ไม่เป็นไรหรอก แฟนกัน พี่เข้าใจ” – เอาแล้วพี่ส้ม มันยังไม่รู้เลยว่าพวกพี่แซวมันกับผมเป็นแฟนกัน ผมล่ะไม่อยากให้มันรู้เลย ซวยแน่ผม
“ผมเป็นเพื่อนกันคับพี่ส้ม” – ผมยังคงแก้ตัว แบบว่า น้ำขุ่นๆ
“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจใหญ่ ชื่อที่เสื้อเหมือนกัน”
“ประชุมต่อเหอะพี่ ถึงไหนแล้ว ลำดับพิธีการ งานของผมแล้วนี่ บลาบลา.....” – ผมทำเป็นเปลี่ยนเรื่องคับ ให้ทุกคนดึงกลับมาสู่วงประชุม ผมอายดิคับ ลำพังผมอยู่กับพวกนี้ยังโดนซะขนาดนั้น แล้วยิ่งเอามันเข้ามานั่งด้วยอีก
“จบแล้ว งานของแก ใหญ่”
“ผมกลับบ้านได้ยังคับพี่”
“ก็จะกลับเลยก็ได้นะ ที่เหลือก็เป็นงานของผู้ใหญ่อ่ะ เดี๋ยวพวกพี่ประชุมกันต่อ พวกแกกลับกันไปเลย โอเคค่ะ” - พี่ส้มสั่งรุ่นน้อง ม.4 – ม.5 ให้กลับได้เลย
“ไอ้ใหญ่ดูแลแฟนแกด้วยนะ” – นั่นไง พี่ส้มยังไม่เลิก
“แฟนผม ผมดูแลได้น่าพี่” - ผมเริ่มหมดความอดทนกับการปิดบังแล้วคับ อยากล้ออะไรก็เอา

แล้วผมกับเดชก็เดินออกมานอกโรงเรียน สองทุ่มแล้วคับ ผมหิวข้าวมากๆเลย ระหว่างทางเดชก็คุยโน่นคุยนี่เหมือนเดิมคับ ไม่รู้ว่าพระเจ้าเอาปากมันให้มาพูดหรือไง

“ร้านไหนใหญ่วันนี้” - มันถามผม
“เมื่อวานเราพาไปแล้ว วันนี้แกพาไปมั่งดิ”
“โอเค”

มันพามาที่ร้านจิ้มจุ่มอีสาน ใกล้ๆกับหอของมันคับ

“มึงเคยกินป่ะใหญ่”
“เคย”
“นึกว่าคนกรุงอย่างแกจะไม่เคยกิน”
“อย่ามาดูถูก ของอะไรแปลกๆ ใหญ่กินมาหมดแล้ว”
“แล้วมีอะไรมั่งที่ยังไม่เคยกิน”
“แฟนเพื่อน” – ผมพูดเบาๆ อ้าปากน้อยๆ กลัวมันจับได้
“อะไรนะ”
“ขนมปนเปื้อน”- เข้าใจคิดเนอะ
“อย่าเลย มันอันตราย ไม่เคยเรียนเหรอ ต้องกินที่มี อ.ย. รับรอง”
“อืม....”

มาแล้วคับจิ้มจุ่ม เราสองคนหิวมาก ไม่ได้คุยอะไรกันซักคำเลย กินอย่างกับแร้งลง ไม่ถึง 10 นาทีหมดแล้วคับ เราสองคนตกลงจะไปกินบัวลอยกันอีก ซักไปซะเยอะจนอิ่มแปร่ จนเดชต้องเดินเกาะคอผมกลับหอ

“กูเมาว่ะใหญ่จ๋า...”
“เป็นเชี่ยไรของมึง”
“เมาบัวลอย” - มันยังดินเกาะคอผม
“เออ เข้าใจเมาว่ะ”
“เมารักด้วย”
“.................”
“กูเมารักว่ะใหญ่”
“รักต่ายอ่ะนะ”
“กูรักเขา กูอยากเป็นแฟนเขา แต่กูก็ขาดมึงไม่ได้เหมือนกัน”
“..........”
“หรือกูชอบมึงวะใหญ่”
“อย่ามาชอบกู กูสยอง” - ปากผมมันมักจะไม่ตรงกับใจคับ
“กูว่ากูต้องรู้สึกดีกับมึง”
“เหรอ”
“กูก็รู้นะว่ามึงรู้สึกยังไงกับกู”
“...........” – เอาแล้วคับ มันจะรู้ป่ะเนี๊ยว่าผมชอบมันอยู่
“มึงไม่เคยมีเพื่อนแบบกูไงใหญ่ พอมึงมีเพื่อนแบบกู มึงเลยดีใจ อยากเอาใจเพื่อนคนนี้ไง”
“เออ กูดีใจมาก ที่มีคนอย่างมึงเป็นเพื่อน” – โล่งอก แต่ก็เจ็บในใจน่ะคับ
“เออ นี่มึงเมาจริงป่ะเนี๊ย มึงดูเพ้อๆนะ” - ผมถามมัน
“ไอ้บ้า คนอะไรจะมาเมาบัวลอย”
“กูก็ว่าอย่างงั้นแหล่ะ”
“ใหญ่จ๋า ตู้โทรศัพท์อยู่ข้างหน้าน่ะ”
“ทำไมเหรอ”
“โทรหาต่ายกันนะ”
“เออ กูรู้แล้ว.............” – ผมหยิบเหรียญบาทมาสองสามเหรียญ หยอดตู้ แล้วก็กดเบอร์

“มึงจำเบอร์ต่ายได้เหรอ” - มันถามผม
“อืม จำได้ .............ติดแล้ว” - “ขอสายต่ายคับ” - ผมพูดกับปลายสายก่อน
“พูดอยู่ค่ะ ใหญ่ใช่ป่ะ” – ไม่ต้องรอให้พูดอะไรต่อ ผมส่งโทรศัพท์ให้เดชทันที แล้วผมก็ออกมายืนพิงตู้โทรศัพท์ข้างนอก
“เดชนะต่าย”
.....
...........
..............
...................
ครั้งนี้ก็คุยกันเหมือนเดิมแหล่ะคับ ไม่ถึงนาที แล้วก็...
“อ่ะ ต่ายอยากคุยด้วย” – ผมรับโทรศัพท์จากเดช
“มีไรต่าย” - ผมถาม
“เมื่อไหร่แกจะกลับบ้านซักที”
“เดี๋ยวก็กลับแล้ว มาเอาของที่หอเดช แล้วก็นั่งรถเมล์กลับ”
“เออ รีบกลับนะ เป็นห่วง”
“ห่วงคนอย่างเราเนี๊ยนะ”
“เออดิ แกเป็นเพื่อนเรานะ ที่แกต้องเป็นอย่างงี๊ ก็เพราะฉัน”
“บอกแล้วว่าเลิกโทษตัวเองซักที เลิกคิดได้แล้วว่าตัวเองต้องมาทำให้เพื่อนเดือดร้อน”
“ก็.........”
“แกสัญญาได้ป่ะ ว่าจะไม่พูดอย่างงี๊อีก”
“ก็ได้ แต่เราไม่สบายใจ เวลามีโทรศัพท์แกกับเดช”
“เออน่า เอาเหอะ วันหลังเราจะให้มันโทรหาแกเองแล้ว เดือดร้อนเราทุกวัน”
“อืมๆ งั้นแค่นี้ก่อนนะ”

แล้วผมกับมันก็เดินกลับไปยังหอมัน มันก็ยังเหมือนเดิมกับผมคับ คุยโน่นนี่กอดคอผมจนถึงหอ ผมรีบเก็บของที่ผมเอามา ก็แค่หนังสือสองสามเล่มที่ถือมาอย่างงั้นๆ แหล่ะคับ

“จะไปจริงๆเหรอใหญ่” - มันถามผม
“เออ ไปแน่ กูไม่ได้เป็นอะไรกับมึงนี่หว่า”
“นึกว่าคืนนี้จะยู่ด้วยกันอีก”
“ไอ้บ้า”
“คิดไรอยู่อ่ะไอ้ใหญ่” - มันถามเหมือนมันรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่
“ไม่ได้คิดไรซักหน่อย” – สายตาดูลอกแล่ก แปลกๆ
“เหรอ”
“เดี๋ยวที่บ้านกูจะว่าเอาว่ะเดช เดี๋ยวไว้กูขอใหม่แล้วกูจะมานอนกับมึงนะ”
“กูรอมึงอยู่นะใหญ่”
“เออ สั่งเสียอย่างกับกูจะไปตาย”
“ก็อยากให้อยู่ด้วยกัน มันก็ดึกแล้วอ่ะ 3 ทุ่มกว่าแล้วนะ”
“กูกลับได้ รถเมล์ยังมี”
“ให้กูไปส่งมึงนะ”
“อย่าเลยว่ะ กูว่ามึงเก็บของที่ห้องมึงเหอะ นะนะ กูกลับได้ จริงๆ”
“แน่ใจนะเว้ย”
“เออ กลับได้”
“แต่กูอยากไปส่งมึงอ่า......”
“กูกลับได้ ให้กูบอกกี่ครั้งวะ”
“เออ ถ้ามึงต้องการอย่างงั้น”- เสียงมันดูหดหู่ลง
“พรุ่งนี้เจอกันนะ”
“มาเช้าๆนะเว้ย กูรออยู่”
“เออ”
“กลับดีดีนะ ระวังพวกจิ๊กโก๋ด้วย มึงยิ่งหน้าตาจะไปหาเรื่องมันอยู่”
“เออ”
“ถึงบ้านแล้วโทรบอกกูด้วยนะ”
“เออ”
“มึง............”
“เออ กูรู้แล้ว มึงจะสั่งอะไรกันนักหนาวะ เออ ถึงบ้านแล้วกูจะโทรบอกมึง โอเคป่ะ ไปนะเว้ย”
“โชคดีนะใหญ่” – มันมาส่งผมที่ประตูห้อง แล้วมันก็ผิดประตูห้อง
................






















.
..
...
“กูรักมึงนะเดช”  - ผมพูดเบาๆ กับประตูห้องมัน แล้วผมก็เดินออกจากหอมันเพื่อกลับบ้านผม
-------------
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่24[09-08-08]22.19
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 09-08-2008 22:30:28
ตอบคำถามคับ
จิ้ม

เฮ้อ  :เฮ้อ: อ่านแล้วเหนื่อยอ่า


ไม่ค่อยชัดเจนเล้ยเดช

ไม่ชัดเจนๆๆ


ไม่ชัดเจน

เดชไม่ เคลียร์

คือว่ามันจะคงยังไม่เคลียร์ อีกนานเลยคับ เพราะผมเล่าเรื่องในมุมมองของผม ซึ่งผมไม่รู้จริงๆว่าที่เดชทำกับผมแล้วจริงๆแล้วตัวเดชเองคิดอะไรอยู่ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันจะเคลียร์ตัวเองได้แหล่ะคับ เมื่อไหร่ ลุ้นเอาละกัน

ถอนตัวยังทันนะ

ผมว่ามันไม่ทันแล้วมั้งคับ รักไปแล้วนี่หว่า

แล้วก็ขอบคุณที่มาเม้นกันด้วยนะคับผม พรุ่งนี้หยุด 1 วันคับ เจอกันวันจันทร์นะคับ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่24[10-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 10-08-2008 17:31:31
คำว่า "รัก" อ่ะ อยากให้พูดดังๆ จังเลย   

รอตอนต่อไปจ้า :L2:

หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่24[10-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 10-08-2008 17:40:43
กว่าจะรู้เรื่องทั้งหมด  อึดอัดตายก่อนแน่เยย

 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่24[10-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: chatnaha ที่ 10-08-2008 23:54:40

บอกไปเลยป่ะ จะได้ไม่ต้องมาอึมครึมแบบนี้ รู้ๆกันไปเลย

หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่24[10-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: ronger ที่ 11-08-2008 15:45:38
บรรยากาศอึมครึมจังเลย o7 o7 o7
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่24[10-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 11-08-2008 17:04:24
สุขปนเศร้า  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่24[10-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 11-08-2008 18:54:51
ผมละอึดอัดแทนจริงๆไม่เคลียร์ๆ  :เฮ้อ:

แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่กับคนที่รักถึงแม้จะพูดออกมาไม่ได้   :m15:

รอลุ้นต่อไป  :a2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่24[10-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 11-08-2008 22:37:08
มาแล้วคับมาแล้ว เมื่อวานไปพักผ่อน 1 วันคับ วันนี้เอามา 1 ตอนเหมือนเดิม

ตอนที่ 25
 o2
ผมกลับบ้านไปด้วยความคิดสองอย่าง อย่างแรกก็คือ ที่บ้านจะว่าผมหรือเปล่า เล่นหายไปโดยไม่ได้โทรบอกเลยตั้งแต่ผมออกมาจากบ้าน เบาะแสเดียวที่รู้ก็คือมาติวหนังสือก็แค่นั้นเอง ความคิดอย่างที่สองก็คือ ดูเหมือนว่าเดชจะไม่รู้ว่าผมคิดอะไรกับมัน มันยังทำตัวกับผมเหมือนเดิม ซึ่งผมก็ดีใจและก็คิดว่า แค่นั้นก็คงจะพอแล้วแหล่ะคับที่ผมจะขอจากมัน มันบอกรักผมทุกวันเลยคับตั้งแต่เราเริ่มสนิทกัน แต่ก็...แค่ฐานะของเพื่อนแหล่ะคับ ผมไม่รู้จริง ๆ คับว่าใจมันจริงๆแล้วมันคิดอะไร ได้แต่แอบเข้าข้างตัวเองไปวันๆ ว่ามันมาหาผมก็เพราะเอาเรื่องของต่ายมาเป็นข้ออ้าง ซึ่งในความเป็นจริง มันกลับกันคับ

กลับถึงบ้านแล้วคับ หูชาเล็กน้อยว่าทำไมไม่โทรบอก รู้หรือเปล่าว่าที่บ้านเขาเป็นห่วง วันหลังไปไหนโทรบอกด้วยนะ นั่นไงล่ะ แต่นั่นก็เป็นข้อดีของการโดนด่านะคับ เพราะที่บ้านบอกว่าจะซื้อโทรศัพท์ PCT ให้ผมเครื่องนึง เอาไว้โทรตาม ลึกๆผมน่ะอยากได้มานานแล้วคับ เพื่อนมีกันเยอะแล้ว ผมยังไม่มีเลย แต่คิดอีกที ก็เป็นเครื่องมือให้โทรตามกลับบ้านได้ง่ายขึ้นน่ะดิ เฮ้อ!!! แต่ก็ดีแหล่ะคับ มีโทรศัพท์ เอาไว้โทรหาใครก็สะดวกขึ้น (แต่ก็อย่างว่าล่ะคับ PCT สัญญาณดีมีคุณภาพ ก่อนโทรต้องเขย่าหาคลื่นก่อนทุกครั้ง)

ผมลืมอะไรไปบางอย่างแหล่ะคับ เหมือนว่าถึงบ้านแล้วต้องทำอะไรอีกอย่างนึง แต่ผมก็จำไม่ได้ว่าต้องทำอะไร จนกระทั่ง....

“ไหนบอกถึงบ้านจะโทรหา” – นั่นไง ผมจำได้แล้ว ไอ้เดชโทรหาผม
“กูลืม กูขอโทษ”
“มัวแต่ทำไรอยู่วะ”
“อาบน้ำ แล้วก็จัดของไปโรงเรียน”
“ให้กูนั่งรอโทรศัพท์ตั้งนาน”
“ชั่วโมงกว่าๆ เองอ่ะนะ ธรรมดาน่า” – แน่ะ ยังไปเถียงมันอีกนะผม
“ถึงบ้านปลอดภัยก็ดีแล้ว รู้ป่ะว่ากูเป็นห่วง”
“ไม่รู้” - ผมแกล้งมัน
“มึงอย่ามากวนตรี๊นส์กู”
“ใครกวนก่อน”
“มึงนั่นน่ะ ใหญ่ มึงเลย”
“กูไปกวนตึงตอนไหน”
“ตอนนี้ไง กูเป็นห่วงมึง มึงก็กวนตรี๊นส์กู”
“งั้น ขอบคุณมากๆที่เป็นห่วง”
“เออ”
“กูมีบางอย่างจะบอกมึงว่ะเดช”
“อะไรวะ”
“ที่บ้านเขาจะซื้อ PCT ให้กูว่ะ”
“เหรอ เออ ดีใจด้วยว่ะใหญ่”
“อืม เพราะมึงนั่นแหล่ะเดช”
“ทำไมเพราะกูวะใหญ่”
“ก็กูหายไปวันนึง กูไม่ได้โทรกลับบ้าน กลับมากูโดนด่า เขาก็เลยจะซื้อโทรศัพท์ไว้ให้กู เอาไว้โทรตาม”
“ดีดี กูจะได้โทรหามึงดึกๆได้”
“ดึกๆ กูจะนอน มึงไม่ต้องโทรมา”
“โห่ย รีบนอนทำไมวะ”
“แค่นี้กูก็ตื่นสายแล้วมึง”
“ไอ้ขี้เซา” – แมร่ง ด่ากู
“ด่ากูเหรอ เออ งั้นกูไปขี้เซาแล้วกัน กูง่วงแล้ว เมื่อคืนไม่ได้นอนเลย”
“อย่ามาอำกู กูปลุกมึงยังไม่ตื่นเลยเมื่อคืนน่ะ”
“กว่ากูจะหลับลง เชี่ย กูไม่คุ้นสถานที่เว้ย”
“เออเออ งั้นมึงไปนอนเหอะ ฝันดีเว้ยใหญ่”
“เออ ฝันดีว่ะเดช”

เช้าขึ้นมา ผมก็เหมือนเดิม ตื่นสายดิคับ แต่วันนี้ผมรีบทำธุระส่วนตัวเร็วเป็นพิเศษ เพื่อจะได้ไปโรงเรียนทันเข้าแถว และที่สำคัญ ผมจะไปกินข้าวกับเดชคับ แล้วถ้าผมได้เจอเดช ผมจะบอกว่าวันนี้ผมบังเอิญมาเช้าคับ ทั้งที่จริงแล้วผมจงใจที่จะมาเช้าเพื่อเจอมันคนเดียว เมื่อผมถึงโรงเรียนผมไม่รอช้าเดินตรงไปที่โรงอาหาร แต่กลับพบว่าโรงอาหารนั้นแทบจะไม่มีคน

ก็ใช่ดิคับ ผมมาพอดีเรียกแถวแล้วล่ะ ใครเขาจะมารอล่ะถ้าเรียกแถวแล้วก็ต้องไปเข้าแถวดิคับ สรุปแล้ววันนี้ความพยายามของผมสูญเปล่า ที่ผมพยายามที่จะมาเช้า ก็เพื่อที่จะได้เจอเดชแล้วก็ได้กินข้าวกับเดช

ในเมื่อผมไม่เห็นเดชที่โรงอาหารแล้ว ผมจึงตัดสินใจเดินไปที่แถวของผม ซึ่งในความเป็นจริงผมไม่ต้องเดินไปก็ได้ จริงๆแล้วผมจะไปดูว่าเดชไปเข้าแถวแล้วหรือยัง แล้วผมก็ยังไม่เห็นเดชคับ แล้วเดชไปไหนล่ะ เมื่อวานมันไม่ได้บอกอะไรผมเลยว่ามันไปไหน ปกติมันมาเช้าเป็นประจำ สัญญาณเรียกเข้าแถวแล้วจะต้องเห็นมันทุกครั้ง แล้ววันนี้มันไปไหนล่ะ

ไม่ได้แล้วคับ ผมรอไม่ได้ หน้าที่ของผมที่จะต้องไปทำ เชิญธงชาติไงคับ ผมเดินคอตกไปเอาพานและเอาธงชาติมาผูกไว้ โดยปกติแล้วผู้เชิญธงชาติเขาให้ผมผูกขาดเป็นผู้เชิญฝ่ายชาย จะเป็นผมคนเดียว ส่วนฝ่ายหญิงก็แล้วแต่คับ บางวันก็เป็นรุ่นน้องคณะกรรมการ บางวันก็เพื่อนผมเอง แล้งแต่ผมจะไปตกลงกับเขา แล้ววันนี้ก็เป็นวันที่ต่ายจะต้องมาเชิญธงชาติกับผม

ระหว่างรอเชิญธงชาติ
“เมื่อวานถึงบ้านกี่โมงอ่ะ” - ต่ายถาม
“เกือบๆ 4 ทุ่ม”
“โล่งอก รู้ป่ะว่าเป็นห่วง”
“อืม ขอบคุณมากๆ”
“แล้วเดชล่ะ”
“ทำไมเหรอต่าย”
“เดชมาส่งแกป่ะใหญ่”
“ไม่อ่ะ เราบอกมันว่าไม่ต้องมาหรอก”
“อ่อเหรอ”
“มีไรป่ะต่าย”
“เดชมันเอาเปรียบแกอยู่รู้ป่ะ”
“เหรอ”
“แกรู้ตัวมั่งป่ะเนี๊ยใหญ่”
“เหรอ”
“นี่แกไม่รู้ตัวเหรอว่ามันกำลังเอาเปรียบแก”
“เรายินดีว่ะต่าย” - ผมพูดเบาๆ
“ว่าไงนะ”
“ช่างมันเหอะ เราว่านะมันคงทำงี๊ได้อีกไม่นานหรอก เดี๋ยวมันก็เลิกไปเองแหล่ะ”
“ให้มันจริงเถอะ”
“อืม แต่ตั้งแต่มันเข้ามารู้จักเรา มันก็ดีเหมือนกันนะต่าย”
“ยังไง ไม่เห็นจะดีตรงไหน มันทำให้แกเดือดร้อน”
“ช่างเหอะ ไม่เป็นไรหรอก”

บทสนทนายุติลง เมื่ออาจารย์สั่งเคารพธงชาติ ผมเชิญธงชาติตามปกติ หลังจากเรียบร้อยแล้วผมเอาพานไปเก็บที่ห้องปกครอง แล้วก็เดินกลับไปที่แถวพร้อมกับต่าย อ้าว คราวนี้ผมเห็นเดชแล้วคับ คราวนี้มันส่งยิ้มให้ผมแทน มันเหมือนจะอายๆ ตอนที่ต่ายเดินมากับผมด้วย สังเกตว่าหลังจากมันยิ้มเสร็จแล้วมันก็ก้มหน้า ผมให้ต่ายเดินไปก่อน ต่ายก็ว่าง่ายเนอะ แล้วเดชก็คว้าแขนผมไว้ แล้วบอกผมว่า “ที่เดิม” ผมรู้แหล่ะคับว่าที่เดิมคือที่ไหน

หลังแยกแถวเข้าชั้นเรียนผมไปหามันตามที่นัดเอาไว้ มันส่งถุงกระดาษหน้าตาคุ้นตาอีกแล้วมาให้ผม

“ตื่นสายล่ะดิวันนี้” - มันบอกผม
“รู้ได้ไง”
“รอตั้งนาน จนเข้าแถว”
“รอที่ไหนวะ”
“โรงอาหาร”
“วันนี้กูมาทันเข้าแถวนะเว้ย กูไปหามึงที่โรงอาหาร แต่ก็ไม่เห็นมึง”
“กูรอมึง รอจนสัญญาณเข้าแถวดัง กูก็เลยวิ่งออกไปซื้อหมูปิ้งให้มึง”
“วันหลังไม่ต้องนะเว้ย กูเกรงใจ”
“เดี๋ยวมึงจะเป็นลมคาห้องเรียนมึง แล้วใครจะช่วยกูจีบต่าย”
“เออ กูรู้ดีหรอกน่า มึงมาคบกับกูเพราะอะไร” – (คือตอนผมพูด ผมไม่ได้คิดอะไรจริงๆนะคับ)
“มึงอย่าพูดแบบนั้นอีกนะใหญ่ กูขอร้อง”
“.............”
“ไม่ว่าจะยังไงก็ช่าง วันนี้กูรู้จักมึง กูมีมึงเป็นเพื่อน กูมีความสุขที่สุด กูพอใจแล้ว”
“แต่ว่า..............”
“ไม่มีแต่ วันนี้ พรุ่งนี้ วันไหนๆ กูก็จะรักมึงอย่างงี๊แหล่ะใหญ่”
“แต่ว่า...........”
“มึงจะแต่อะไรวะใหญ่ หรือว่ามึงไม่รักกู”
“แต่ว่ากูเบื่อหมูปิ้ง จริงๆนะ ถ้าวันหลังกูมาสาย มึงไม่ต้องซื้อมันมาแล้วนะเว้ย”
“อ้าว...เหรอ ก็แล้วมึงจะกินอะไรล่ะ”
“วันหลังกูจะมาให้เช้ากว่านี้ เพื่อมึงนะเดช”
“เพื่อกู เพื่อกูต้องทำขนาดนั้นเลยเหรอใหญ่ กูขอบคุณจริงๆ”
“มึงอย่าเว่อร์ ถ้ากูมาสายกูก็ต้องกินหมูปิ้งทุกวัน กูเบื่อ กูก็จะมาเช้าๆ ประหยัดค่าหมูปิ้งมึงด้วย”
“อืม ดีดี”
“เย็นนี้กูต้องรอมึงป่ะเดช” - ผมถาม
“อยู่แล้วแหล่ะใหญ่ มึงก็ต้องรอกู”
“ถ้ากูประชุมเสร็จช้ากว่ามึงอ่ะ”
“กูก็จะรอมึง”
“อืม ได้ๆ ถ้ามึงยืนยัน เอางี๊ ถ้ากูเสร็จก่อน กูจะไปหามึงที่สนามบอล แต่ถ้ามึงเสร็จก่อน มึงมาหากูที่ห้องกรรมการนักเรียนนะเว้ย”
“เออ” - มันรับปากผม
“งั้นกูไปละนะ”
“เพื่อนรัก ไปเหอะ เดี๋ยวเข้าห้องเรียนช้า”

ผมเดินก้มหน้ากลับห้องตัวเองไป มันก็วิ่งเข้าห้องตัวเองไปแล้ว






















“ตั้งใจเรียนนะคับ ที่รักของผม” - ผมพูดเบาๆให้ตัวเองได้ยิน
----------------
ต่อพรุ่งนี้คับ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่25[11-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: TaEnIaE_CoLi ที่ 12-08-2008 13:46:35
เง้อ มันช่างคลุมเครืออารายเช่นนี้

"...หมอกจางจางและควัน คล้ายกันจนบางทีไม่อาจรู้

อยากจะถามดูว่าเธอเป็นอย่างหมอกหรือควัน..."
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่25[11-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: TaEnIaE_CoLi ที่ 12-08-2008 13:47:55
ปล.ถอนตัวออกมาเถ๊อะ เชื่อผม
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่25[11-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 12-08-2008 22:41:36
....ใกล้ๆจะได้งานทำแล้วคับ ผมจะพยายามแต่งล่วงหน้าจนจบเลยละกัน เดี๋ยวทำงานแล้วไม่มีเวลาเอามาลงคับ-

ตอนที่ 26
 :laugh:
ใกล้งานวันสถาปนาโรงเรียนแล้ว ทุกคนต่างต้องเตรียมงานกันอย่างหนัก ทั้งอาจารย์ ซึ่งปกติแล้วจะต้องสอนกันอย่างบ้าระห่ำ แต่ช่วงสองวันนี้อาจารย์งดคาบเป็นว่าเล่นเลยคับ ต้องไปช่วยงานโน่นงานนี้ ก็สบายพวกผมเลยคับที่จะได้ไม่ต้องเรียน เวลาว่างๆ ของผมก็จะหมดไปกับการเล่นในห้อง เล่นไพ่บ้าง น้ำเต้าปูปลา (เพราะออกไปเตะบอลในคาบเรียนไม่ได้คับ) บางทีก็นั่งคุยกันเรื่อยเปื่อย

บ่ายวันศุกร์ ขณะที่ผมกำลังนั่งอ่านการ์ตูนอย่างสบายใจเชิบ กับเพื่อนผม 2-3 คน ที่เหลือมันไปไหนไม่รู้คับ

“ไอ้ใหญ่” - เดชแหย่ผม
“มึงเข้ามาห้องกูได้ไง”
“เดินเข้ามาดิ”
“ถ้าไอ้ไม้อยู่ล่ะมึงจะเข้ามาป่ะ”
“เดินมาให้โง่เหรอ”
“แล้วมาหากูถึงนี่มีไรเนี๊ยะ” – ผมถามมันอย่าง งง งง
“คิดถึงมึง”
“พวกไอ้เข้มไปไหนล่ะ”
“อาจารย์สอนภาษาไทยใช้มันไปเก็บของที่หมวด”
“แล้วมึงไม่ไปกับมันอ่ะ”
“กูบอกมันว่ากูปวดหัว มันก็เลยไม่ว่าอะไร งั้นมึงไปอ่านการ์ตูนที่ห้องกูละกัน กูจะได้มีเพื่อนคุย” -มันจัดแจงเสร็จสรรพ
“เอ๊ะ!!! ก็ตอนนี้กูจะอ่านการ์ตูน กูไม่อยากคุยกับมึง”
“การ์ตูนน่ะ เมื่อไหร่ก็อ่านได้ แต่เพื่อนอย่างเดช มีวันนี้วันเดียวนะมึง” - ยังจะมาเล่นสำนวนกับผมอีก
“เออ กูไม่อ่านก็ได้วะ เพื่อนอย่างมึง มีครั้งเดียวในชีวิต” – ผมโยนการ์ตูนให้เพื่อนผม บอกมันว่าไม่อ่านแล้ว เดี๋ยวจะไปเช่าเองละกัน แล้วก็เดินออกจากห้องไปกับเดช

ที่ห้องเรียนของเดช มีคนอยู่ไม่มากเช่นกัน

“เฮ้ย พวกมึง นี่เพื่อนกู ชื่อใหญ่ อยู่ห้อง 6”- เดชแนะนำผมให้เพื่อนในห้องที่เหลืออยู่รู้จักผม ผมก้มหัวเล็กน้อยเป็นการแนะนำตัว
“เด็กห้องคิง เขายอมมาเป็นเพื่อนมึงเหรอวะ” - เพื่อนคนนึงในห้องพูดขึ้นมา
“มึงไม่รู้เหรอว่ามันสองคนคบกันอยู่น่ะ” – ไอ้เต้ปากหมา ป่าวประกาศให้คนทั้งห้องเขารู้หมดแล้ว
“ถ้ากูสองคนคบกัน แล้วใครจะทำไม” - ไอ้เดชหันไปด่าไอ้เต้
“ไม่ทำไมหรอกคับ ใครจะกล้ามีเรื่องกับคนอย่างมึง สาด....” - ไอ้เต้กัดไอ้เดช
“ไอ้ใหญ่ เพื่อนกูก็อย่างงี๊แหล่ะ อย่าไปถือสา”
“เออ กูไม่ถือหรอก”
“ดีแล้วมึง มึงนี่น่าจะมาอยู่ห้องกูเนอะ”
“กูอยู่ห้อง 6 ก็ดีอยู่แล้วมึง”
“ห้องคิงอ่ะ มีแต่เด็กเรียน ไม่เฮฮาหรอก”
“ใครบอก พวกกูนั่นแหล่ะทำห้องคิงให้มันมีสีสัน”
“ห้องเรียนกูนี๊ใหญ่ จริงใจ ไม่มีเม้ม” - อะไรของมันวะ
“เออ ให้กูทำเรื่องย้ายห้องมาเลยป่ะ”
“มาเลย เดี๋ยวกูจัดโต๊ะไว้ให้มึง”
“มึงให้กูนั่งตรงไหน”
“ข้างกูเลย นี่นี่” - มันปัดที่นั่งข้างๆมันให้ผมดู
“แล้วตรงนั้นใครนั่งอยู่วะ”
“ไอ้เอก เดี๋ยวให้แม่งไปนั่งกับน้องเตยสุดสวยแทน” - น้องเตยเป็นกระเทยสุดสวยของห้องไอ้เดชคับ
“เหอะๆ……..” - ผมหัวเราะ
“เดชกูถามไรมึงหน่อยดิ” - ผมถามมัน
“อะไรวะ”
“คือว่า.......มึงรู้สึกยังไงวะ เวลาที่ เอ่อ.....คือ...แบบว่า... มันยังไงอ่ะ”
“ไอ้เชี่ยนี่ มึง ไปเรียนภาษาไทยใหม่ป่ะ เรียบเรียงคำพูดยังไม่ถูกเลย” – ไอ้เดชด่าผม
“เออ กูรู้แล้ว”
“แล้วมึงจะถามอะไรกู”
“เอาตามตรงนะ มึงชอบต่ายใช่ป่ะตอนนี้”
“ใช่ มึงก็รู้อยู่แล้วไม่น่าถาม”
“ชอบมากป่ะวะ”
“มากเลยมึง เพ้อถึงต่ายทุกคืน อยากให้เขาเป็นแฟนกูไว้ๆ”
“ถ้ามีคนเขามาชอบมึง แต่มึงชอบต่าย มึงจะเลือกใครวะ”
“..........”




“กูแค่ถามเล่นๆนะ อย่าไปซีเรียส” – ผมบอกมัน ท่าทางมันจะคิดนานเอามากๆ
“ใครจะมาชอบคนอย่างกูวะใหญ่” - มันถามผม
“สมมุติเฉยๆ ว่ามีคนมาชอบมึง แล้วมึงชอบต่ายอยู่แล้วใช่ป่ะล่ะ”
“เออ”
“แล้วมึงจะเลือกใคร”
“เอ่อ.......ตอบยากว่ะใหญ่ กูเองไม่เคยมีประสบการณ์คนที่เขามาชอบกู”
“มึงไม่ต้องรีบตอบก็ได้ว่ะเดช” - ผมบอกมัน
“แล้วมึงจะอยากรู้ไปทำไมวะ”
“ก็.............เอ่อ กูไม่มีอะไรจะคุยกับมึงนี่หว่า กูก็เลย ถามเล่นๆ” - ผมบอกมัน
“ถ้าคนที่เขามาชอบกูนิสัยดี กูก็อาจจะพิจารณาว่ะ”
“มึงไม่สนใจหน้าตาเขาหน่อยเหรอวะ”
“ไม่ว่ะ ความรักมันก็เหมือนทุเรียนล่ะวะ ข้างนอกแม่งดูโหดร้าย แต่ข้างในแม่งอร่อยชิบ”
“แต่ต่ายเขาสวยนะมึง”
“ถึงเวลาจริงๆ กูอาจจะไม่ได้เป็นแฟนต่ายก็ได้”
“ยังไงของมึงวะ กูงง”
“ก็ต่ายอาจจะเป็นแฟนกับไอ้ไม้ แล้วกูก็แห้วกระป๋อง”
“แต่ว่าตอนนี้ต่ายก็ยังไม่ได้เอาใครไปเป็นแฟนซักหน่อย”
“ก็เออดิ กูจะแข่งโว้ย แข่งจนวินาทีสุดท้าย ถ้าต่ายเลือกใครก็อีกเรื่องนึง”
“สรุปก็คือ.......”
“ใช่ กูจะพยายามเอาชนะใจต่ายให้ได้ แล้วกูก็ต้องมีโค้ชที่ดีเช่นมึงอยู่ข้างกู” - มันเอามือมากอดไหล่ผม
“อืม” - ซึมเลยผม
“แล้ววันอาทิตย์หลังงานโรงเรียน มึงว่างใช่ป่ะ”
“มึงบังคับให้กูไปตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่หว่า”
“เออ ลืมไป” - คิดดูละกันเรื่องของผมมันยังลืม
“แล้วมึงจะพากูไปทำไร”
“ซื้อของขวัญให้ต่าย”
“ต่ายเกิดวันไหนวะ” – ผมถามมัน ผมเป็นเพื่อนกับต่ายผมยังไม่รู้วันเกิดต่ายเลย
“16 พ.ย.”
“อีกเป็นชาติ มึงจะรีบซื้อทำไมวะ”
“ก็กูอยากซื้อให้ต่ายอ่ะ กูผิดเหรอ”
“เออ ไม่ผิด”
“ต่ายชอบไรวะใหญ่”
“ไม่รู้ กูไม่เคยถาม แต่กูว่าต่ายชอบเหมือนกูว่ะ”
“อะไรวะ”
“ของฟรีไง ต่ายชอบมาก โดยเฉพาะหนังสือคู่มือน่ะ” – ผมเดาส่งๆไป ผมไม่รุ้จริงๆคับ
“เหรอ เหรอ เออ ดีดีว่ะ” - เดชดูตื่นเไม้มากๆ
“ไอ้คู่นั้นน่ะ แยกกันได้แล้วมึง ชาวบ้านเขาอิจฉา” – เสียงไอ้เต้คับ แม่งขัดความสุขผม
“กูรักไอ้ใหญ่ พวกมึงจะทำไม” – มันเล่นบทเกย์กับผมซะงั้น ลากผมเข้าไปกอด ผมก็ดิ้นๆนิดหน่อยเป็นพิธี
“เดช มึงเปลี่ยนแนวเหรอวะ” - เพื่อนคนนึงตะโกนถาม
“เออ กูรักไอ้ใหญ่ที่สุดในโลกเลย”

ผมก็ได้แต่นั่งเป็นจำเลยให้พวกมันพูดกันไป ทั้งๆที่จริงแล้วมันไม่ใช่อย่างที่พวกมันคิด แต่ผมก็อยากให้เดชคิดกับผมอย่างงั้นจริงๆ แต่มันก็คงจะไม่มีทางหรอกคับ มันชอบต่าย ยังไงก็ชอบต่าย ไม่มีทางมาชอบผมเป็นอันขาด แต่นิสัยไอ้เดชผมว่าคนในห้องมันก็คงจะรู้ดีนะคับ ว่ามันเป็นคนที่ขี้เล่นพอควร ใครว่ามันก็เหมือนยุมัน แล้วมันก็ยุขึ้นด้วย

สัญญาณบอกเวลาโรงเรียนเลิก

“กูกลับห้องก่อนนะ”
“มึงอย่าลืมเย็นนี้” - มันคว้ามือผมก่อนที่ผมจะเดินออกไป
“กูรู้แล้ว”

ตั้งแต่มีเรื่องงานโรงเรียนมา ผมไม่ได้ไปเรียนพิเศษเลยคับ และเย็นนี้เราประชุมกันหนักมากๆ เพราะมันคงเป็นการประชุมเตรียมงานกันครั้งสุดท้าย พี่ส้มดูโหดเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าแกไปกินอะไรที่มันผิดสุขลักษณะมาหรือเปล่า หน้าแกบูดๆตั้งแต่เริ่มประชุมจนจบการประชุม กินเวลาไปกว่า 4 ชั่วโมง เฮ้อ กว่าจะเลิกประชุม 2 ทุ่มครึ่งแล้ว แล้วไอ้เดชมันจะยังรอผมหรือเปล่า ผมรีบเปิดประตูห้อง หวังจะเจอเดช แต่แล้วก็.........
.
.
.
.
“นานจังวะวันนี้ กูหิวจนอิ่มแล้วหิวอีกรอบแล้วมึง”
“โทษว่ะ วันนี้มีการเปลี่ยนแปลงลำดับพิธีการเยอะเหมือนกัน”
“รีบไปเหอะใหญ่ กูหิว”

ผมลาพี่ส้มและรุ่นพี่คนอื่นๆ แล้วก็รุ่นน้องด้วย มารยาทดีจังผม แล้วก็เดินออกจากโรงเรียนไปกับเดช ระหว่างทาง เราไม่ได้คุยกันมากนัก เมื่อความเงียบเข้ามาปกคลุม ผมจึงเริ่มที่จะถามคำถามนี้ขึ้นมา

“กูถามไรมึงอีกอย่างได้ป่ะ”
“อะไรวะ ว่ามาดิ”
“เวลามึงโดนแซวกับกู มึงรู้สึกไรมั่งป่ะวะ”
“ก็ไม่นิ กูไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว”
“แล้วเมื่อบ่ายที่ห้องมึงอ่ะ มึงเล่นกับกูอย่างงั้น มึงไม่กลัวเพื่อนมึงเข้าใจมึงผิดเหรอวะ”
“ก็ช่างเขา แต่ว่าเพื่อนที่ห้องกูก็รู้แหล่ะว่ากูเป็นคนอย่างงี๊”
“เหรอ........”
“กูคิดมาตั้งแต่วันที่พี่ส้มแซวมึงกับกูอ่ะ กูกลัวมึงคิดมาก แต่กูก็ไม่กล้าถามมึง”
“กูไมคิดอะไรอยู่แล้วใหญ่ มึงเป็นเพื่อนกูนะ มึงไม่ได้ชอบผู้ชายไม่ใช่เหรอวะ แล้วมึงจะมาถามอะไรเรื่องนี้วะ”
“อืม................ก็ใช่ สงสัยกูคิดมากไปเอง” – ผมเงียบๆไป ซึมดิคับ แต่ก็ดีแล้วที่มันยังไม่รู้
“กูรักมึงนะไอ้ใหญ่ กูรักมึงเพราะมึงเป็นเพื่อนรักกู กูคงไม่คิดกับมึงเป็นอย่างอื่นหรอก”
“เหรอ............................” - จิตตกไปเลยผม
“หรือมึงคิดกับกู........เฮ้ย”
.
.
.
.
“ไอ้บ้า สยองว่ะ” – สายตาลอกแลก ปากไม่ตรงกับใจ นี่เลยตัวผม
“มึงรักกูไม๊ไอ้ใหญ่”
“กูรักมึง มาก มาก ไอ้เดช” – ผมมองมัน สายตาจริงจัง การบอกรักของผมจะผ่านประโยคนี้ทุกวัน โดยที่มันเองก็คงไม่รู้ตัว
“เราจะรักกันไปตลอดนะเว้ย มึงห้ามทิ้งกู กูก็จะไม่ทิ้งมึง”
“เออ”






























“กูก็จะรักมึงแบบนี้ไปเรื่อยๆนะไอ้เชี่ยเดช” – ผมพูดกับตัวเองเบาๆ ไม่ให้มันได้ยิน
-------------------
ต่อตอนหน้าคับ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่26[12-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 13-08-2008 08:15:16
อ่านแล้วก็อึดอัดอีกหงะ

แล้วอย่างงี้มันจะไปต่อยังไงละเนี่ย

เฮ้อออออ...
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่26[12-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 13-08-2008 22:42:08
ตอนที่ 27
 :m30:
งานวันสถาปนาโรงเรียนมาถึงแล้วคับ หลังจากที่ทางโรงเรียนเตรียมจัดงานนี้มาเป็นระยะเวลากว่าหลายเดือน เป็นภาระทั้งอาจารย์และเด็กที่ช่วยงานอาจารย์ และคณะกรรมการนักเรียนอย่างพวกผม ถึงเวลาแล้วที่จะได้แสดงศักยภาพให้ผู้ใหญ่ที่ทางโรงเรียนได้เชิญมา เห็นซักทีว่า เดี๋ยวนี้โรงเรียนของเราได้พัฒนาอะไรไปเยอะ

แล้วก็มาถึงลำดับการแสดงของนักเรียนกันบ้างคับ ก็จะมีหลายชุดตั้งแต่รำอวยพร แปลอักษรของเด็ก ม.1 วงโยธวาธิต แล้วก็เป็นการโชว์ยิงปินในสนามรบ ซึ่งเป็น Highlight ของการแสดงเลยก็ว่าได้ ผมคิดเอาเองมั้งคับ แต่ก็จริงแหล่ะ เพราะเดชอยู่ในโชว์ชุดนี้นี่หว่า

ระหว่างการแสดงชุดของเดช ทุกคนดูตั้งใจมาก ผมเคยไปดูพวกมันซ้อมแค่ครั้งเดียวเองคับ ตอนนั้นมันไม่เห็นจะพร้อมเพรียงอะไรกันอย่างงี๊เลย พอมาวันนี้ มันดูแข็งแรง พร้อมเพรียงกัน และดูเท่ห์ มีความเป็นสง่ามากเลยคับ ไม่ได้พูดเว่อร์ไปนะคับ แต่มันก็จริงแหล่ะคับโรงเรียนของผมเป็นโรงเรียนที่สืบเชื่อสายทหาร เรื่องอย่างงี๊มันก็ต้องให้ลูกทหารอย่างเดชนั่นแหล่ะคับ เหมาะที่สุดแล้ว สายตาของผมส่วนใหญ่จะมองที่เดชเพียงคนเดียว ก็แน่แหล่ะ ผมรักมันนี่นา

หลังจากการแสดงของเดชจบ ก็จะเป็น ผ.อ. กล่าวถึงผลงานโรงเรียนในด้านต่างๆ แล้วก็เรื่องอื่นๆ ของโรงเรียน แล้วก็เชิญผู้ใหญ่คนหนึ่งที่เป็นศิษย์เก่าขึ้นมากล่าวอะไรไม่รู้ แล้วพิธีการก็เสร็จสิ้นลง แต่งานของผมก็ยังไม่จบลง ผมยังต้องคอยต้อนรับผู้ใหญ่พวกนี้อยู่อีกซักพัก เมื่องานของพวกผมจบลง อาจารย์กล่าวขอบคุณพวกผม แล้วก็บอกว่าวันอังคารจะเลี้ยงอาหารนักเรียนที่มาช่วยงานทั้งหมด แง่ะๆ ก็ลาบปากผมดิคับ ดีเลยไม่ต้องเสียเงินซื้อข้าวกิน

ผมเสร็จธุระทั้งหมดแล้วผมก็เก็บของ ผมอยุ่ในชุดนักเรียน(ของผม) แล้วก็เดินมาหาเดช เดชอยู่ในชุดกางเกงยีนส์ขายาว เสื้อยืดสีขาว รองเท้าผ้าใบสีขาว

“มึงจะกลับไปเปลี่ยนชุดป่ะว่ะไอ้ใหญ่” - มันถามผม
“ไม่ว่ะ ไปงี๊แหล่ะ”
“เออ มึงไม่กลัวโรงเรียนอื่นมาตีกับมึงเหรอวะ”
“กูเดินกับมึง ใครจะกล้ามาหาเรื่องวะ” - ผมกวนมัน
“สาด...คนหล่อเว้ย คนหล่อ”
“เออ - แล้วจะไปไหนล่ะ”
“หาข้าวกินก่อนเหอะว่ะ”
“เมื่อกี๊มึงไม่ได้กินเหรอวะ”
“ตอนไหน”
“อาจารย์เอาข้าวกล่องมาแจกอ่ะ”
“แจกแต่พวกมึงน่ะดิ กูไม่เห็นได้เลย” - ไอ้เดชค้อนใส่ผม
“สงสัยจะเป็นอย่างงั้น เออ ก็ได้ เดี๋ยวกูไปกินข้าวเป็นเพื่อนมึง” - ผมจัดแจงเสร็จสรรพ
“หาไรกินที่เสาวรีย์ก่อนนะ แล้วค่อยไปสยามกัน”
“กินไรดีวะ”
“ข้าวมันไก่ ตกลงนะไอ้ใหญ่”

ผมหรือจะปฏิเสธ แม้ผมจะกินข้าวมาแล้วก็เหอะ ข้าวกล่องน่ะไม่ค่อยจะอร่อยหรอกคับ ผมก็เลยกินข้าวมันไก่เป็นเพื่อนมันอีกจาน คราวนี้ผมละอิ่มแปร่เลย ระหว่างรออาหารในกระเพาะของผมย่อย

“มึงจะไปสยามทำไมวะ” - ผมถามมัน
“มึงเรียนพิเศษวันนี้ไม่ใช่เหรอ”
“เปล่า เมื่อวาน”
“อ้าวเหรอ แต่กูรู้ว่ามึงเรียนวันนี้นะ”
“นั่นมันสัปดาห์ก่อน ที่มึงบังคับให้กูมารอมึงอ่ะ แล้วมึงก็ให้กูไปเรียนกับต่ายที่สยาม มึงจำได้ป่ะ”
“ปกติมึงไม่ได้เรียนรอบวันอาทิตย์เหรอวะ”
“เปล่า กูเรียนวันเสาร์อยุ่แล้ว”
“ไม่เป็นไร ช่างเหอะ”
“แล้วมึงจะไปสยามทำไม” – ผมยังคงถามมัน ผมยังไม่ได้รับคำตอบจากมันเลย
“ก็ว่าจะไปซื้อของให้ต่าย แล้วจะฝากให้มึงเอาไปให้”


“...............” - เงียบไป



“เป็นไรวะใหญ่”
“อ่อ เปล่าๆ เออ กูว่านะ มึงก็มาให้กูวันจันทร์ แล้วก็ฝากเอาไปให้ต่ายวันจันทร์ก็ได้”
“ไม่เอา ไม่เอา วัยรุ่นใจร้อน”
“เออ เออ ก็ได้”

จริงๆ แล้วผมรู้ตั้งแต่แรกแล้วคับว่า ต่ายจะไม่มาเรียนวันอาทิตย์ เพราะต่ายมาเรียนกับผมเมื่อวันเสาร์แทน วันนี้เหมือนต่ายจู้ว่าจะต้องมีรถไฟชนกัน ก็เลยหลีกรถไฟทั้งสองขบวนไม่ให้ชนกัน โดยต่ายเปลี่ยนวันเรียนโดยไม่ให้ผมบอกใคร แต่ผมก็บอกไอ้ไม้ไปแล้ว (ตอนที่ 19 คับ ย้อนไปอ่านดู) หลังจากไอ้ไม้กลับไปแล้ว ต่ายโทรมาหาผมแล้วผมก็โดนสวดไปหลายตลบ เพราะต่ายอยากเรียนแบบมีความสุข ไม่ชอบให้มีใครมารบกวน

แล้ววันนี้ผมจะทำไงอ่ะคับ ผมจะบอกเดชยังไงว่า วันนี้ต่ายไม่ได้เรียนวันนี้ ตอนนี้ต่ายจะต้องอยู่ที่บ้านแน่ๆ สับสนจริงๆ จะบอกมันยังไงอ่ะ มันตั้งใจมากๆ เลยด้วยที่มันจะซื้อของให้ต่าย ถ้าผมบอกไปจะเกิดอะไรขึ้น หรือผมควรจะให้มันเลยตามเลยดีล่ะ สับสนไปหมดแล้ว ทำไงดีไอ้ใหญ่ ช่วยด้วย ผมควรจะพึ่งใครดีล่ะ

“มึงเป็นไรใหญ่”- ไอ้เดชถามผม
“กินเยอะไปหน่อย ปวดท้องละมั้ง” - ผมโกหก
“ให้กูพาไปห้องน้ำป่ะ”
“เออ ดีว่ะ ขอบใจ” – เราสองคนจ่ายเงินเสร็จก็ไปห้องน้ำห้างที่ใกล้ที่สุด เดชยืนอยู่คร่อมโถฉี่ ผมเข้าห้องส้วมไป


ทำไงดีว้า.......
.
.
.
.
.
.
“กูรอข้างนอกนะเว้ยใหญ่” - ไอ้เดชเคาะประตูห้องน้ำบอกผม
“เออ”
.
.
.
ถ้าผมบอกเดชตรงๆ ว่าต่ายไม่ไปเรียน เดชจะเสียใจหรือเปล่า หรือถ้าไม่บอก เลยตามเลย แล้วเราทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น อันนี้อาจจะดีกว่า แต่มันก็จะเสียใจอยู่ดี ไม่ว่าจะยังไง วันนี้มันต้องเสียใจแน่ๆ ที่ไม่ได้เอาของที่มันจะซื้อให้ต่าย

“ไปกันได้ยัง เสร็จแล้ว” – ผมบอกเดช
“เออ ไปดิ”
“ไปยังไง รถเมล์นะ” - ผมเสนอ
“ไม่เอา ไปรถไฟฟ้า เร็วดี”
“ไม่ต่างกันหรอก เชื่อกู ไม่งั้นกูไม่ไปกับมึง”
“เออ ไอ้ใหญ่งก”
“กูงก กูจะได้มีเงินเก็บไว้เลี้ยงข้าวมึงไงเดช”
“ขอบคุณมากๆ ไอ้งก”
“สาย 54 มาน่ะ ไปเหอะ”

ผมบอกกระเป๋ารถเมล์  “2 คนคับ”

“มึงมาออกค่ารถให้กูทำไม” - มันถามผม
“ถ้าเป็นรถไฟฟ้า กูก็ไม่ออกให้มึงหรอกไอ้เดช”
“เออ ขอบใจว่ะ”

จริงๆก็อย่างว่าล่ะคับ รถไฟฟ้ามันเร็วกว่ามากๆ (แต่ก็ไม่มากกว่ากันเท่าไหร่ อันนี้ผมเคยลองมาแล้วนะคับ) ที่ผมเลือกนั่งรถเมล์ เพราะผมอยากอยู่กับมันนานนาน นานพอที่ว่าผมจะได้มองหน้ามัน แล้วก็บอกรักมัน (ในใจ) อย่างที่ผมทำทุกวัน ท่าทางมันคงจะเหนื่อยมาหลายวันน่ะคับ ขึ้นรถเมล์ได้ไม่นานมันก็หลับไป รถติดอยู่นานเหมือนกัน อากาศวันนั้นไม่รู้จะเอาใจแม่บ้านกันไปถึงไหน ร้อนได้ร้อนดี ผมหยิบเศษกระดาษจากกระเป๋าของผมมาพัด ไม่ได้พัดให้ตัวเองหรอกคับ แต่........ผมพัดให้เดช แม้มันจะไม่รู้ตัวก็ตามทีเหอะ แต่ผมสังเกตว่าเหงื่อมันเริ่มไหล แสดงว่ามันก็คงร้อนเหมือนกัน ผมเลยพัดให้มัน หวังว่ามันคงจะเย็นขึ้น แล้วตัวผมล่ะ? – ช่างเถอะคับ ผมมีความสุขมากพอแล้วที่ผมจะได้ดูแลมัน แม้มันจะไม่รู้เลยก็ตาม ผมยินดีที่จะทำคับ

ถึงที่หมายซักที ป้ายรถเมล์หน้าห้างสยามเซนเตอร์ ผมเขย่าตัวมันเบาๆ แล้วก็บอกว่าถึงแล้ว

“เห็นป่ะ ถ้ามารถไฟฟ้า ป่านนี้ถึงนานแล้ว” - มันด่าผมเล็กน้อย
“เออ กูขอโทษ”
“ไม่เป็นไรว่ะ ช่างเหอะ ถือว่ากูมาชมเมือง”
“เออ หลับเนี๊ยนะ ชมเมืองตรงไหนของมึง”
“เออน่า แม้กูหลับกูก็เห็นนะเว้ย” – เอาแล้วสิ มันจะเห็นสิ่งที่ผมทำกับมันหรือเปล่า
“แล้วจะไปซื้ออะไรวะ” - ผมถามมัน
“ศูนย์หนังสือจุฬา ป่ะ”
“ไปทำไรที่นั่นวะ ที่นั่นมีของ gift shop ขายเหรอ”
“กูไปซื้อหนังสือเว้ย มึงน่ะใหญ่ ไปช่วยกูเลือกเลย”
“เออ”

แล้วเราสองคนก็เดินไปที่ศูนย์หนังสือจุฬา ผมเองไม่ได้เลือกอะไรหรอกคับ อันไหนเดชว่าดีผมก็ว่าดี เดชหยิบหนังสือเยอะมากๆ ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือพวกคู่มือเตรียมสอบอ่ะคับ มันบอกว่า แต่ละสำนักพิมพ์ก็เขียนไม่ค่อยเหมือนกันหรอก ต้องอ้างอิงหลายๆที่ ความรู้ถึงจะน่าเชื่อถือ (อะไรของมันวะ) แล้วเดชก็มาหยุดที่โซนหนังสือแนวรักๆ ของวัยรุ่น มันหยิบหนังสือรักใสๆ น่ารักๆ มาเล่มหนึ่ง แล้วหันมาทางผม

“มึงว่าต่ายเขาจะอ่านป่ะวะ”
“มั้ง”
“ไอ้ใหญ่ มึงอย่ามากวนกูดิ”
“ก็กูไม่รู้นี่หว่า กูเห็นเขาอ่านแต่หนังสือเรียน”
“อ่านมากๆ ระวังเครียดนะเว้ย กูต้องซื้อนิยายหนุกๆ ให้ต่ายอ่านแก้เครียด ดีป่ะ”
“แล้วในตระกร้าของมึงล่ะ ไม่เรียกว่าเครียดเหรอ” - ผมย้อนถามมัน
“เห้ย อย่างกูน่ะเรียกว่า เพิ่มพูนความรู้ สร้างเสริมประสบการณ์ทำโจทย์ว้ย”
“กูว่ามึงมาสร้างประสบการณ์จีบต่ายให้ติดเหอะ อะไรวะ รู้จักต่ายมาจะเดือนนึงละ แม่งยังจีบไม่ติด”
“เออ กูมันไม่มีน้ำยา กูมันป๊อด”
“นี่ มานี่เลยไอ้เดช กูแนะนำ “คู่มือพิชิตใจเพื่อนต่างเพศ” กูว่าเหมาะกับมึงแน่นอน มึงซื้อดิ”
“เชี่ยใหญ่ แม่ง”
“ซื้อเลย เชื่อกู”
“กูไม่ซื้อหรอกใหญ่”- มันจับมือผม กอดคอผม “ก็กูมีเพื่อนที่รักกูอย่างมึงช่วยกูอยู่น่ะ”



“.................”
.
.
.
.
“เห้ย ตกลงมึงว่าไงวะใหญ่ เล่มนี้ชอบป่ะวะ”
“ชอบ” – ผมไม่รู้หรอกคับว่าสิ่งที่ผมตอบ คือผมตอบแทนต่าย หรือตอบออกไปจากใจตัวเอง สติผมขาดไปแล้วคับ
“เออดี” – มันหยิบหนังสือรักใสๆ เล่มนั้นลงตะกร้า
“...........”
.
.
.
.
.
“ใหญ่ ไอ้ใหญ่ ใหญ่โว้ย”
“หา ไรเหรอ” - มันดึงสติผมให้กลับมาที่ตัวเองแล้ว
“ป่ะ จ่ายตังกัน”
“เออ”

ผมเดินตามมันไปที่เคาเตอร์จ่ายเงิน แล้วก็เดินออกไปจากศูนย์หนังสือจุฬา เพื่อเดินทางไปยังที่เรียนพิเศษ ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เดชบอกผมว่าจะนั่งรออยู่ข้างล่าง แล้วจนกว่าต่ายจะมา แล้วมันจะให้ผมเอาหนังสือเล่มนั้นให้ต่าย ก็โอเคคับ แผนของมัน แต่ผมรู้คำตอบล่วงหน้าแล้วคับ ว่ายังไงวันนี้ต่ายจะไม่มาที่นี่แน่นอน แล้วผมจะนั่งอยู่นี่ทำไมล่ะ


























คับ ผมนั่งกับคนที่ผมรัก แต่มันคงจะไม่รุ้หรอกว่าผมรักมัน
---------------
กะว่าพรุ่งนี้ลงสองตอน ดีป่ะคับ
มีplotเรื่องใหม่มาแล้วอ่ะคับ เครื่องร้อน แต่เรื่องนี้ยังไม่จบเลย
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่27[13-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 14-08-2008 10:04:30
อ่านไปก็แอบคิดไปนะ

ดีจิงๆ เลยที่สักครั้งหนึ่งเราจะได้เจอคนที่เรารักจิงๆ

แต่อีกใจก็คิดนะ  เฮ้ออออ  เรารักเขาข้างเดียวนี่หว่า

มันสุขก็จริง  แต่มันก็ทุกข์ด้วยนี่สิ

เฮ้อออออ เหนื่อยใจ   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่27[13-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: TaEnIaE_CoLi ที่ 14-08-2008 10:33:53
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกอึดอัดแทนอ่ะ

มะไหร่จะรู้กันไปซักทีนะ :sad2:

รู้สึกว่าเรื่องมันค่อนข้างยืดๆอ่ะคับ

ถ้าเขียนกระชับกว่านี้ก็จะดีนะคับ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่27[13-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 14-08-2008 10:47:06
ตอนที่ 28
 :oni3:
เรามาถึงที่เรียนพิเศษ เวลาประมาณบ่าย 3 โมงล่ะคับ ก็ตามรอบเรียนปกติจะเริ่มเรียนบ่ายสามโมงครึ่ง เราสองคนนั่งรอต่ายอยู่ ระหว่างที่รอผมง่วงมากคับ ก็เลยขอนอนซักนิดนึง เดชบอกว่าเดี๋ยวต่ายมาจะปลุก

แล้วเวลาก็ผ่านไป

4 โมง ตรง
.
.
.

4 โมง 15
.
.
.
4 โมง 20
.
.
.
4 โมง ครึ่ง
.
.
.
.
.
.
4 โมง 40

“ไอ้ใหญ่ ไอ้ใหญ่” - เดชเขย่าตัวผม
“อะไรวะ แม่ง กำลังนอน”
“กลับบ้าน”
“ทำไมวะ”
“ต่ายไม่มาแล้วมึง”
“เหรอ แล้วหนังสือที่จะให้เขาล่ะ”
“ฝากมึงเอาไปให้พรุ่งนี้ละกัน”
“เออ ได้ๆ”
“กูไปนะ”

มันเดินออกไปจากที่เรียนพิเศษเลยคับ ไม่รอผมเลย ผมวิ่งตามมันจนทัน

“มึงรีบไปไหนน่ะ” - ผมถามมัน
“เปล่า”
“แล้วมึงรีบออกมาทำไม กูวิ่งตามเกือบไม่ทัน”
“เปล่า”
“แล้วมึงจะไปไหน”
“กลับหอกูดิ อยู่ให้โง่ทำไม ต่ายเขาหลอกกู เมื่อวานกูโทรไปหาเขา เขาบอกกูว่าเขาจะเรียนวันนี้ กูก็เลยมารอ”
“................”
“แล้วไง กูมันก็ไอ้โง่คนนึงให้เขาหลอกว่ะ”
“............”
“เขาคงเห็นว่าคนบ้านนอกอย่างกู เป็นของเล่นล่ะมั้ง”
“..............”
“กูคงไม่มีหน้าไปหาต่ายแล้วล่ะใหญ่”
“ใจเย็นเด่ะวะ”
“ต่ายคงไม่รู้หรอกว่ากูทำทุกอย่างเพื่อเขา” – มันพูดไปเริ่มร้องไห้ ผมส่งผ้าเช็ดหน้าให้มัน
“ใจเย็นเดชะ” – ผมปลอบมัน
.
.
“มึงเคยรักใคร แล้วเขาโกหกมึงป่ะ” – ผมสะอึกเลยคับ ผมนั่นแหล่ะที่รักมัน
“ไม่เคย มึงก็รู้ กูรักใครไม่เป็น”
“กูจะสอนให้นะเว้ย ........!!”
“พอพอ มึงไม่ต้องพูดไรละ ยิ่งพูดยิ่งฟังไม่รุ้เรื่อง” – มันร้องไห้มากๆเลยคับ
“..+.๑..๔ภ*-*52--/%” – เดชพูดไม่เป็นภาษาคนเลยคับ มันคงเสียใจมากๆ
“เดี๋ยวกูพาไปเลี้ยงไอติม ไปกับกูนะ”

มันพยักหน้าหงึกๆ เอาผ้าเช็ดหน้าผมเช็ดน้ำตามัน แล้วเราก็เดินกันไปที่ร้านไอติมชื่อดังแถวสยาม

“ขอบใจว่ะใหญ่”
“เออ”
“ทำไมมึงดีกับกูอย่างงี๊วะ” – ตามันยังแดงๆ อยู่
“กู ก็...........ก็กูเป็นเพื่อนมึงนี่หว่า”
“มึงยังไม่ตอบคำถามกูเลยใหญ่”
“คำถามไรวะ”
“มึงเคยรักใคร แล้วเขาโกหกมึงป่ะ กูเสียใจมากที่ต่ายเขาโกหกกู”
“ใจเย็นเด่ะ บางทีต่ายอาจติดธุระก็ได้นะมึง”
“อย่างน้อยก็น่าจะบอกกูก่อน จะได้ไม่มานั่งรอ”
“ธุระด่วนไงมึง บางทีเขาอาจจะไม่ได้บอกมึงก็ได้”
“ช่างเหอะใหญ่ ยังไง กูฝากเอาหนังสือให้เขาด้วยล่ะ”
“เออ”
“กูดีใจที่มีมึงเป็นเพื่อนกูนะใหญ่”


“..............”


“กูว่านะ ใครซักคน ถ้าเขาได้เป็นแฟนมึง กูว่าแม่งโชคดีสุดๆ” – ไอ้เดช มึงไม่ต้องเอางานเข้ามาให้กูก็ได้นะ
.
.
“............. กูยังไม่พร้อมว่ะ” - ผมบอกปัด
“มึงเป็นคนดีมากอ่ะใหญ่”
“เออ มึงเลิกยอกูได้หรือยัง กูลอยไปดาวอังคารแล้วมึง” – ผมแซวมัน มันหัวเราะได้เล็กน้อย แค่นี้ผมก็ดีใจแล้วคับ
“กูขอบใจมึงมากนะ”
“ถ้ากูไปมีแฟน กูก็คงไม่ได้มานั่งกับมึงที่นี่หรอก ฮ่าๆๆ”
………
……..
……

กินไอติมกันเรียบร้อย เดชกับผมไม่ได้คุยอะไรกันมากหรอกคับ เพราะเดชอยู่ในอาการที่เศร้าอยู่ แล้วผมก็เป็นประเภทที่ว่า ปลอบใครไม่เป็นด้วยล่ะสิ แต่การที่เดชเป็นอย่างงี๊ เพราะผมหรือเปล่า ผมไม่ยอมบอกสิ่งที่ผมรู้

แต่......ถึงผมจะบอกไปเดชจะเชื่อผมเหรอ ไม่รู้สิคับ ยังไงวันนี้เดชต้องเสียใจ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้ เดชร้องไห้เมื่อไหร่ หัวใจผมแทบจะสลายไปตรงหน้าเลยคับ ผมอยากให้คนที่ผมรักมีความสุข ไม่อยากให้มันทุกข์ และเสียใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ที่ถ้าจะทำให้มันร้องไห้ ผมจะไม่มีวันทำให้มันเกิดขึ้นได้อีก

“กลับบ้านเหอะใหญ่”
“กลับไงวะ”
“รถเมล์”
“เออดี มาแล้วนั่นน่ะ ป่ะ” - ผมจูงมือมันขึ้นรถเมล์ที่เข้าป้ายมาเมื่อกี๊

“2 คนคับ”  - ผมบอกกระเป๋ารถเมล์
“มึงออกค่ารถให้กูอีกแล้วนะ”
“เอาน่า กูเลี้ยง”
“แต่กู...........”
“ช่างเหอะ กูอยากให้มึงสบายใจ”
“กู..........ไม่รู้ว่าจะขอบคุณมึงยังไงว่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ก็..............เราเป็น............อืม เพื่อนกันนี่นา” – สายตาลอกแลก ไม่มองหน้าเดช กลัวมันจับได้

รถเมล์ไม่ถึงกับแน่นมากหรอกคับ แต่เราสองคนไม่ได้นั่ง ที่นั่งเต็มทุกที่ แล้วก็มีคนยืนกับเราแค่ 2 -3 คนเอง เราสองคนยืนใกล้กันมาก ผมพยายามขยับตัวเข้าไปหาเดชให้มากที่สุด ดูเหมือนว่าเดชเองก็รู้ตัว แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด มันก็ยังคงยืนแบบเหม่อๆ ไม่รู้ว่าตอนนั้นมันคิดไรอยู่

“มึงลงไหนใหญ่” - มันถามผม
“ป้ายตลาดกลางอ่ะ มึงอ่ะ” – ผมถามมัน ทั้งๆที่ผมก็รู้ว่ามันต้องนั่งไปถึงไหน
“กูนั่งสุดสายว่ะ แล้วเดินไปอีกนิดก็ถึงหอกูแล้ว”
“อืม”
“การบ้านมึงเสร็จยังวะ”- มันถามผม
“ยังหรอก ช่วงนี้งานเยอะ กะว่าคืนนี้เคลียร์ทีเดียว แล้วมึงล่ะ”
“ก็อีกนิดหน่อย เดี๋ยวก็คงเสร็จ กูไม่ดินพอกหางหมูเหมือนมึงหรอก” - ยังมีอารมณ์กัดกูอีกเน้อ
“เออ กูมันขี้เกียจ แต่อยู่ห้องคิง”
“กูอยากเป็นมึงว่ะใหญ่ ถ้ากูเป็นมึง สาวๆกรี๊ดตรึมแน่”
“เหอๆๆ ก็มีบ้าง รุ่นน้องชอบมาแอบมองกู” – จริงๆคับ มีรุ่นน้องผู้หญิงคนนึงเขาบอกว่าชอบผมด้วย แต่ผมบอกเขาไปว่าผมคงเป็นได้แค่พี่ชายแหล่ะคับ เพราะผมไม่ชอบผู้หญิงนี่นา
“ไม่เอาเป็นแฟนไปวะ”
“กูไม่พร้อมว่ะ เป็นพี่น้องกันดีกว่า”
“คนอย่างมึง กูยากที่จะเข้าใจ”
“เออ คนอย่างกุมันก็เป็นอย่างงี๊แหล่ะ มึงไม่เข้าใจกูหรอกเดช”
“กูอยากจะเข้าใจมึงนะใหญ่ ทุกวันนี้มึงคิดอะไรอยู่”
“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทุกวันนี้กูคิดอะไร กูจะอยู่ไปทำไม นอกจากทำความฝันให้พ่อกับแม่กูเป็นจริงก็แค่นั้น”
“พ่อกับแม่มึงอยากให้มึงเป็นไร”
“หมอ”
“มึงคงเป็นได้แหล่ะมั้งใหญ่ มึงเก่งจะตายห่า”
“มึงจะมาเข้าใจกูยังไงวะ ก็กูไม่อยากเรียน กูอยากเรียนสิ่งที่กูชอบ ซึ่งตอนนี้ กูยังไม่เจอ แต่ไม่ใช่หมอแน่นอน”
“............”
“แล้วพ่อกับแม่มึงเขาอยากให้มึงเรียนไรวะเดช”
“วิศวะ”
“เห็นป่ะล่ะ”
“แต่กูชอบ กูอยากเรียน แต่หัวกูไม่ดี กูจะพยายาม”
“ดีแล้วมึง มึงชอบ มึงรัก มึงคงทำได้ดี” - ผมบอกมัน
“มันก็เหมือนความรักแหล่ะไอ้ใหญ่ วันนึงมึงก็คงจะเจอความรักดีดี รักที่มึงชอบ แล้วกูว่ามึงต้องมีความสุขกับมัน”
“.....................กูคงจะเจอซักวันแหล่ะ แล้วกูจะบอกมึงนะเดช”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“เห้ย เชี่ยเลยป้ายกูแล้ว” – ผมบอกมัน
“ทำไงดีล่ะ” - มันถาม
“กูไม่ลงก็ได้วะ แม่งอีกป้ายแม่งไกล”
“งั้นมึงไปหอกูนะ” – มันยิ้มเล็กน้อย
“อืม”











จริงๆ แล้ว ผมตั้งใจนั่งรถเลยป้ายแหล่ะคับ
ผมอยากอยู่กับมันนานนาน แต่ก็ไม่คิดว่าจะชวนไปที่หอมัน
--------------
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่27[13-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 14-08-2008 10:53:14
ตอนที่ 29
 :a1:
ผมคิดแค่ว่า ผมนั่งรถเลยป้าย ก็แค่จะอยู่กับเดชนานนาน แต่ก็ไม่คิดว่าผมจะได้ไปที่หอมันอีกครั้ง แล้วตอนนี้ผมก็พาตัวเองมาที่หอของเดช เดชเข้าห้องไปอยากแรกที่เดชทำก็คือ การถอดเสื้อกับกางเกงยีนส์ของมัน มันเหลือกางเกงในตัวเดียวอีกแล้ว มันก็คงลืมอีกแล้วว่าผมอยู่ในห้องมันด้วย แถมมันยังบอกผมให้ถอดตามมันอีก ผมก็เลยถอดแค่เสื้อนักเรียนวางไว้ที่กระเป๋าของผม แล้วมันยื่นไม้แขวนเสื้อมาให้ บอกว่าเดี๋ยวมันยับ (ไม่เป็นไรหรอกน่า เย็นแล้ว จะกลับบ้านแล้ว)

หลังจากที่เราสองคนทำธุระกันเสร็จแล้ว ธุระในที่นี้หมายถึงธุระของเดชนะคับ ก็คือเมื่อมันถึงห้องแล้วมันจะต้องเก็บของอะไรของมันไม่รู้ แล้วมันก็บอกให้ผมไปนั่งรอบนเตียง ผมว่าง่ายทันทีเลยคับ ไปนอนรอในสภาพที่ไม่ใส่เสื้อ ระหว่างที่ผมรอผมก็เอาหนังสือรักใสๆ ที่เดชมันจะซื้อให้ต่ายมาอ่านคับ อ่านไปแค่คำนำเอง ขี้เกียจอ่านแล้ว วันหลังค่อยไปยืมต่ายอ่านแล้วกัน แล้วหลังจากที่เราสองคนทำธุระกันเสร็จ มันก็หยิบไดอารี่ของมันขึ้นมาเขียนข้างๆ เตียง

“เขียนไรวะ”
“เรื่องของคนเจ็บ โดนคนรักหักหลัง”
“กูว่าเรื่องอย่างงั้นอย่าไปเขียนเลยว่ะ” - ผมเสนอความเห็น
“ไม่ว่ะ กูเขียนทุกเรื่อง”
“เออ เรื่องของมึง”

ระหว่างที่มันกำลังเขียนไดอารี่ ผมจ้องหน้ามัน จ้องอยู่นานมาก แต่มันเองก็ไม่รู้ตัว แล้วความรู้สึกที่ต้องการของผมมันก็หยุดไม่ได้ ผมหยุดไม่ได้ที่จะเป็นได้แต่ผู้มองเท่านั้น ผมเอาหน้าของผมไปใกล้ ใกล้ และใกล้กับหน้าของมัน จริงๆแล้วหน้ามันก็ไม่ได้ใสเหมือนนายแบบวัยรุ่นอะไรหรอกคับ มีสิวนิดๆ แต่ก็น่ารักไปอีกแบบนะคับ ผมจ้องมันใกล้มาก......ใกล้เกินไปแล้ว

“อะไรติดหน้ากูวะใหญ่”
“เปล่า ไม่มีไร กูมองสิวมึง”
“เออเนี๊ย ทำไงให้หายวะ กูรำคาญ หน้าแม่งไม่หล่อเลย”
“ไปซื้อผงพิเศษตราร่มชูชีพมาละลายน้ำแล้วทาก่อนนอน” - ผมอธิบายเสร็จสรรพ
“ขอบใจว่ะ”

แล้วมันก็ก้มไปเขียนไดอารี่ต่อ ผมก็ยังคงจ้องหน้ามันต่อไป ผมจ้องหน้ามันด้วยความรักที่ผมมีให้กับมัน และมันก็ไม่เคยได้รู้ว่าผมรักมัน ผมได้รักมันฝ่ายเดียวก็สุขใจแล้วคับ

หลังจากที่ผมจ้องหน้ามันมานาน ผมเริ่มลงไปจ้องอย่างอื่นมั่งแล้วคับ เริ่มตั้งแต่เม็ดลูกเกดของมัน มันก็เป็นคนที่ผิวไม่ได้ขาวมากนัก ลูกเกดของมันจึงเป็นสีน้ำตาล มีขนาดเกือบเท่าเหรียญสลึงเลย น่ากัดมากๆ Six pack ของมันก็น่าหมั่นเคี่ยวมากๆคับ แล้วยิ่งมองตรงนั้น อารมณ์ของผมก็เริ่มบังเกิดขึ้นมาแล้วล่ะคับ ผมจึงเอื้อมมือของผมเข้าไป

“ใหญ่ หิวป่าว”- อยู่ดีดีมันก็เงยหน้าขึ้นมาถามผม ผมรีบเอามือกลับมาอยุ่ที่หน้าตักตัวเอง
“นิดหน่อย”
“เดี๋ยวไปหาไรกินกันก่อนมึงกลับบ้านนะ”
“เออ ก็ดี”

มันเก็บไดอารี่ ที่มันเพิ่งจะเขียนเสร็จใส่ลงในโต๊ะเขียนหนังสือของมัน แล้วมันก็หยิบกีต้าร์มานอนบนเตียง ผมนอนอยู่ มันก็นั่งพิงหัวเตียง บอกผมว่าหยิบหนังสือเพลงข้างๆ เตียงอีกฝั่งให้มันด้วย

“มึงอยากฟังเพลงไร” - มันถามผม
“อะไรก็ได้”
“งั้น นี่เลย เพลง “รอ” ของกะลา กูชอบมาก แม่งเข้ากับชีวิตกู”
“เออ เอาดิ กูฟังอยู่” – ผมพูดแล้วมองหน้ามันไปด้วย

ปิดตัวเองให้มืดมน อย่างคนที่ไร้ความคิด
ปล่อยชีวิต ยึดติดกับคำว่ารอ
ในความรัก ในความหวัง
มีความช้ำคอยซ้ำรอยต่อ
ตอกย้ำว่าต้องรอ เรื่อยไป

กับความรักที่เลื่อนลอย ที่ลดน้อยลงทุกที
เท่าที่มี ข้างกายคือความเงียบเหงา
อยากมีเธอ เคียงข้างกาย ไขว่คว้าได้เพียงแค่เงา
อ้างว้างและเหน็บหนาว เหงาในหัวใจ

เหนื่อยจนท้อ ต้องรออีกนานเท่าไหร่
ความรัก ของเรามันคงสุดทาง
เหนื่อยเพียงไหน
เมื่อมันยิ่งรอ ยิ่งหมดความหวัง
ความฝัน คงไม่มีวันเป็นจริง
เหนื่อยและท้อ ต้องรอไปจนเมื่อไหร่
ยิ่งหวัง ยิ่งไกลออกไปทุกที เหนื่อยและล้า
ไขว่คว้าเท่าไหร่ ไม่ถึงเธอซักที
สิ่งที่เจอวันนี้ ฉันมีแต่ความว่างเปล่า

จะวันนี้ จะวันไหน จะยังเฝ้ารออย่างนี้
กี่เดือนปีเลยผ่าน จะรอเรื่อยไป
ด้วยดวงใจที่มั่นคง จะนานแสนนานเท่าไร
แต่หัวใจ ยังย้ำทุกวันว่ารอ

เหนื่อยจนท้อ ต้องรออีกนานเท่าไหร่
ความรัก ของเรามันคงสุดทาง
เหนื่อยเพียงไหน
เมื่อมันยิ่งรอ ยิ่งหมดความหวัง
ความฝัน คงไม่มีวันเป็นจริง
เหนื่อยและท้อ ต้องรอไปจนเมื่อไหร่
ยิ่งหวัง ยิ่งไกลออกไปทุกที เหนื่อยและล้า
ไขว่คว้าเท่าไหร่ ไม่ถึงเธอซักที
สิ่งที่เจอวันนี้ ฉันมีแต่ความว่างเปล่า

สิ่งที่รู้วันนี้ ฉันมีแต่คำว่ารอ

“เพราะดีว่ะ กูชอบเพลงนี้เหมือนมึงเลยเดช” - ผมบอกมัน
“ทำไมชอบเพลงนี้วะ เพลงนี้มันเศร้านะเว้ย”
“กูชอบที่มันร้องได้อารมณ์ดี” – ผมบอกมัน จริงๆแล้วที่ผมชอบด้วยเหตุผลเดียวกับเดชแหล่ะคับ เดชร้องเพลงนี้ให้ต่าย ส่วนผมก็ร้องเพลงนี้ให้เดชเช่นกัน
“มึงเล่นกีต้าร์เป็นป่ะใหญ่”
“ไม่เป็น สอนกูหน่อยดิ”
“เออ เดี๋ยวกูสอนให้”

แล้วมันก็สอนผมจับคอร์ดกีต้าร์พื้นฐานสองคอร์ดคับ C กับ D (ทุกวันนี้ผมยังจำได้เลยคับว่ามันจับยังไง และก็จับเป็นแค่ 2 คอร์ดนี้เท่านั้นนะคับ) มันจับมือผมจับคอร์ด ด้วยมือผมที่ไม่เคยจับเครื่องดนตรีมาก่อน มือผมเลยเก้ๆกังๆ ไม่ค่อยถนัด จากตอนแรกเราสองคนนั่งหันหน้าตรงข้ามกันกลายเป็นว่าตอนนี้เดชนั่งซ้อนด้านหน้าผมแล้วคับ ทำให้ผมได้สัมผัสแผ่นหลังของเดช ผมแอบเอาจมุกไปดมอยู่บ่อยๆ เวลามันเผลอ มันก็ไม่รู้ตัวหรอกคับ มือผมที่จับคอกีต้าร์แทบอยากจะโอบโหล่มันใจจะขาด แต่ผมทำไม่ได้คับ ผมไม่กล้า

ระหว่างที่มันกำลังสอนผมจับคอร์ดกีต้าร์อยู่นั้น ตอนนั้นผมนั่งอยู่ข้างหลังมันทางด้านขวาของมัน ขณะที่ผมกำลังเอาหน้าจ้องไปที่ไหล่ของมัน มันดันหันมาทางขวาพอดี เป็นจังหวะที่ผมก้มหัวพอดี เกิดอะไรขึ้นเหรอคับ ผมก็เลยได้เอาจมูกของผมสัมผัสแก้มนุ่มๆของมัน เหมือนว่าโลกหยุดหมุน เราสองคนค้างอยู่ในสภาพนี้ซักพัก ผมก็ดึงเอาหน้าตัวเองออกมา


















“ไหนล่ะ จับยังไง ยังตีคอร์ดไม่ได้เลย” - ผมบอกมัน
“เออ ก็ตามเนี๊ยะ ไปหัดเอาเองละกัน กูจะร้องเพลงให้มึงฟัง”
“ไรวะแม่ง อุตส่าห์จะเล่นเป็น”
“กูว่าคนอย่างมึงเรียนเก่ง กับทำกิจกรรมเก่งๆ ก็พอแล้ว”
“มึงจะฟังเพลงอะไร” - มันถามผม
“อะไรก็ได้”
“ฝนตกที่หน้าต่าง ละกันนะ”
……..
……..
……….
………….








“กูรักต่ายโว้ย” - อยู่ดีดีมันก็ตะโกนหลังจากร้องเพลงจบ
“เบาๆ ดิ ข้างห้องเดี๋ยวเขาก็มาด่ามึงหรอก”
“เออ กูขอโทษ”
“ขอโทษกูทำไม คนเดือดร้อนน่ะมึง ไม่ใช่กู”
“ขี้เกียจเล่นแล้ว นอนเล่นกับมึงดีกว่าไอ้ใหญ่” – แล้วมันก็เก็บกีต้าร์ของมัน แล้วก็ล้มตัวนอนข้างๆผม
“............”
“โตขึ้นมึงอยากเป็นอะไรวะ” - อยู่ดีดีก็ถามเรื่องนี้
“คนดีว่ะ”
“เออ ดีแล้วมึง”

จากการนอนหงาย มันก็นอนตะแคงข้าง หันหน้ามาทางผม

“อะไรของมึงเดช”
“กูมองหน้าเพื่อนรักกู กูผิดเหรอ”
“ไม่ผิด”
“ถ้ากูอยากจับแก้มเพื่อนรักกู กูจะผิดป่ะวะ”
“............” - แล้วมันก็จับแก้มของผม




“ถ้ากูอยากบีบจมูกเพื่อนรักกู กูจะผิดป่ะวะ”
“............” – แล้วมันก็บีบจมูกผม




“กูรักมึงนะใหญ่”
“กูก็รักมึงว่ะเดช”
“มึงรู้ป่ะ มึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับกู”
“กูยินดีว่ะเดช” – ผมพูดจบก็เอื้อมือไปลูบหัวมัน แล้วก็เกาหัวให้มัน อย่างที่มันชอบ
“ดีว่ะ กูอยากให้ต่ายเขามาทำอย่างงี๊กับกูมั่งจัง ใหญ่ มันจะเป็นไปได้ป่ะวะ”
“......................”
“เฮ้ย ฟังกูป่ะเนี๊ย”
“เป็นไปได้ มั้ง”
........
.........
..........
..............
“อืม................กูเริ่มปลงแล้วว่ะ”
------------------
พรุ่งนี้อาจจะไม่ได้แวะมานะคับ ถ้าได้มาจะมาลงให้อีก 1 ตอนละกัน
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่28,29[14-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 14-08-2008 11:05:55
ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกอึดอัดแทนอ่ะ

มะไหร่จะรู้กันไปซักทีนะ :sad2:

รู้สึกว่าเรื่องมันค่อนข้างยืดๆอ่ะคับ

ถ้าเขียนกระชับกว่านี้ก็จะดีนะคับ

คือว่า ตอนผมแต่งออกมา ผมยังอึดอัดตัวเองเลยคับ ทำไมไม่บอกไปซักที ท่าทีมันก็โคตรจะคลุมเครือ แต่ก็อย่างที่บอกอ่ะคับ รักเขาข้างเดียว บอกอะไรไปมันก็คงไม่เข้าใจ เพราะมันไม่ได้คิดว่าผมเป็นเกย์ ส่วนเรื่องที่มันยืดๆ น่ะเหรอคับ แบบว่าไงดีอ่ะั คือมันเป็นเรื่องจริงเป็นส่วนใหญ่น่ะคับ เรื่องจริงๆที่ผมรู้จักมัน ใช้เวลาประมาณ 1 ปีกว่าๆ เนื้อเรื่องมันก็เลยยาวและยืดๆ แล้วก็จะมีเรื่องของระยะเวลาของตัวละครอยู่บ้าง เอาอย่างงี๊ละกันในตอนหลังจากนี้ ผมอาจจะตัดบางเหตุการณ์ที่มันไม่ค่อยจะสำคัญบ้างละักัน จะได้กระชับมากขึ้นนะคับ

(แต่จริงๆแล้วผมไม่ค่อยอยากตัดเท่าไหร่หรอกคับ ผมจำมันได้แทบจะทุกอันเลย แต่เพื่อความไม่เย่นเย้อ ผมจะลองทำดูละกันคับ)

ขอบคุณมากๆเลยคับ (+1 แถมให้)

อ่านไปก็แอบคิดไปนะ

ดีจิงๆ เลยที่สักครั้งหนึ่งเราจะได้เจอคนที่เรารักจิงๆ

แต่อีกใจก็คิดนะ  เฮ้ออออ  เรารักเขาข้างเดียวนี่หว่า

มันสุขก็จริง  แต่มันก็ทุกข์ด้วยนี่สิ

เฮ้อออออ เหนื่อยใจ   :เฮ้อ:

คับ ผมเองยังเหนื่อยใจเองเลย ตอนนั้น เฮ้อ!! เจ็บลึกๆ แต่พูดไม่ได้ (+1) อีกละกันนะคับ

อ่านแล้วก็อึดอัดอีกหงะ

แล้วอย่างงี้มันจะไปต่อยังไงละเนี่ย

เฮ้อออออ...

ลองดูละกันคับว่าจะต่อยังไง แต่บอกละกันว่าหลังสอบกลางภาคเสร็จ ใหญ่จะเริ่มปฏิบัติการแล้ว เป็นยังไง ลุ้นละกันคับ

หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่28,29[14-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 14-08-2008 16:10:09
^
^
^
^
^
จิ้มค๊าบ  :laugh:


ไปอ่านก่อน :oni1:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่28,29[14-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 14-08-2008 22:21:08
ทั้งสุข ทั้งเศร้าได้ในเวลาเดียวกัน  o7

รอลุ้นปฏิบัติการของใหญ่ต่อไป   :pig4:



หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่28,29[14-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: chatnaha ที่ 14-08-2008 23:42:10
อ่านแล้วคิดถึงตัวเอง :sad2:

ตอนนั้น เรามองอะไรไม่ออกหรอก o2

แต่มันผ่านแล้วมองย้อนไป เราจะรู้ว่า o7

เรารักคนอื่นน้อยกว่ารักตัวเองอย่างนั้นได้ยังไง <<<<<<<<ฮ่า ฮ่า แอบมีสาระ(หรือเปล่า)

 :laugh: :serius2: :o12:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่28,29[14-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 15-08-2008 09:33:55
งั้นจารอตอนที่ใหญ่เริ่มปฏิบัติละกันนะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่28,29[14-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: joypluss ที่ 15-08-2008 19:31:40
แล้วตอนนี้พี่ใหญ่เรียนหรือว่าทำงาน  อะไรหรอค่ะ
พี่เดชล่ะได้เป็นวิศวะอย่างที่อยากเป็นรึเปล่า 

เป็นกำลังใจให้ค่ะ ... ตามอ่านทุกตอน   :bye2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่28,29[14-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 15-08-2008 22:10:15
แล้วตอนนี้พี่ใหญ่เรียนหรือว่าทำงาน  อะไรหรอค่ะ
พี่เดชล่ะได้เป็นวิศวะอย่างที่อยากเป็นรึเปล่า 

เป็นกำลังใจให้ค่ะ ... ตามอ่านทุกตอน   :bye2:

เดชเป็นวิศวะสมใจอยากมันเลยคับ
ส่วนผมเองก็ได้งานทำแล้วคับ(สดๆ วันนี้เลย) อาจจะไม่ได้มา Update บ่ิอยๆ แล้วล่ะ แต่ก็จะพยายามมาลงให้มากที่สุดละกัน

ขอบคุณทุกท่านนะคับ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่28,29[14-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 15-08-2008 22:16:20
ตอนที่ 30
 :laugh:
หลังงานวันสถาปนาโรงเรียน ก็เป็นเทศกาลของการสอบกลางภาคกันแล้ว ตอนนี้ทุกคนดูเหมือนจะต้องขยันเรียนมากขึ้น โดยเฉพาะผมเองที่เดิมทีก็ไม่ค่อยจะเรียนอยู่แล้ว แถมดองงานเอาไว้อีกมากมาย กำหนดส่งก่อนสอบกลางภาค ซึ่งมันก็อีกแค่ 2 สัปดาห์ กับงานที่มันมหาศาล ผมจะทำทันป่ะเนี๊ย โชคยังดีอยู่บ้างที่ผมได้อยู่ห้องคิง บรรดาเทพทั้งหลายก็ได้ลงมาช่วยผมทำงาน ทั้งแนะนำหนังสือ เวบไซต์ แหล่งอ้างอิงต่างๆ ในรายงานส่วนตัวของผม แทบจะขอบคุณมากๆเลย จริงๆแล้วมันคงสงสารผมมากกว่า ถ้าผมไม่มีใบขอเวลาเรียนนะ รับรอง ป่านนี้ผมไม่มีสิทธิ์สอบแล้วล่ะ

ก็เพราะงานที่ผมค้างมามากมายเนี๊ยแหล่ะคับ ทำให้บางทีผมต้องอยู่เย็น ในขณะที่เพื่อนผมบางคนก็กลับบ้านไปก่อน บางคนก็ไปเล่นเกม แต่ผมก็ต้องมาสะสางงานที่มันค้างๆมาทั้งหมด แต่ก็ดีนะคับที่ว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียว มีอีกคนอยู่เป็นเพื่อนผมด้วย

“เมื่อไหร่จะเสร็จวะ” - เดชถามผม
“ซักพักว่ะ”
“ให้กูช่วยตรงไหนได้มั่ง”
“มึงตัดรูปให้กูหน่อยดิ แล้วก็ใส่ในแฟ้มอันนั้นน่ะ”
“แฟ้มลายน่ารักเชียวมึง” – มันกัดผม แฟ้มผมลายเป็ดน้อยคับ
“มันก็เหมาะกับคนอย่างกูอยู่แล้ว”
“ใช้ของขัดกับหน้าตาว่ะมึง ไอ้ใหญ่”

มันตัดรูปให้ผมไปเรื่อยๆคับ ตัดไปคุยไป ผมก็ลอกงานไป ว่าง่ายๆ ห้องไม่เงียบหรอกคับ ลืมบอกไปว่าผมไปทำงานที่ห้องเรียนมันนะคับ มีหวังทำที่ห้องเรียนตัวเอง อยู่กับผีแน่ๆ ไม่มีคนเลยคับ ห้องมันมีคนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่สนใจผมหรอกคับ ก็เดี๋ยวนี้ผมเดินเข้าออกห้องมันอย่างกับเป็นห้องตัวเอง ไอ้เต้มันยังบอกเลยคับว่า มันไปบอกอาจารย์ที่ปรึกษาห้องมันให้แล้วว่ามีนักเรียนย้ายมาจากห้องคิงแล้ว

ระหว่างเดชตัดกระดาษอยู่ดีดี คงจะเมามันกับการพูดมากของมันล่ะคับ
-
-

จึ๊ก!!!
.
..
...
....
.....
.....

“โอ๊ย+++!!!! ไอ้ใหญ่”

คัดเตอร์เฉือนนิ้วมือมันคับ เลือดออกเป็นสายเลย ผมไม่รู้ว่าผมจะทำยังไง สิ่งแรกที่ผมคิดได้ก็คือ เอานิ้วของมันที่เลือดออกเข้าปากผม ผมดูดเลือดให้มัน ผมทำอะไรลงไปเนี๊ย ผมไม่กล้ามองหน้ามัน ผมอายมากๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ที่รู้คือมันเงียบ ไม่ร้อง ไม่พูดอะไรทั้งนั้น หลังผมดูดเลือดให้มันซักพัก ผมก็อมเลือดมาปล่อยที่ถังขยะ แล้วจึงเดินออกไปหาน้ำสะอาดให้มันล้างแผล

“ระวังหน่อยเด่ะวะ” – ผมบอกมัน
“ขอบใจว่ะใหญ่”
“ไม่เป็นไรวะ เล็กน้อย ปฐมพยาบาลแค่นี้เอง”
“เออ”
“อีกอย่างถ้ากูไม่ให้มึงตัดกระดาษ มึงก็คงไม่เจ็บตัว” - ผมพูดออกไปเพราะรู้สึกผิด
“ช่างเหอะไอ้ใหญ่ มา ตรงไหนต่อ แผ่นไหนอีก”
“เดี๋ยวกูไปตัดเองที่บ้านก็ได้ ไม่เป็นไรว่ะ ขอบใจ”
“ได้ไงวะ ภารกิจยังไม่ลุล่วง เสียชื่อเดชหมด”
“มึงตัดไหวแน่นะ” - ผมถามย้ำเพื่อความมั่นใจ
“อืม”
“ก็ที่เหลือน่ะ แล้วก็ที่ติดกระดาษแถบสีเหลือง สามแผ่น พอแล้ว”
“อืม............”

จากห้องเรียนของมันที่มีคนอยู่ประมาณ 10 คน เป็นผู้ชายทั้งห้อง ตอนนี้ก็ได้เริ่มหายไปทีละคน สองคน จนเหลือแค่ผม เดช แล้วก็ไอ้เต้ ไอ้เต้กำลังจะกลับบ้าน มันก็บอกผมกับเดชก่อนกลับว่า “ถ้าจะทำอะไรก็เบาๆหน่อย โรงเรียนไม่ใช่หอ” ไอ้เต้พูดจบเดชก็เลยสนองไอ้เต้ด้วยการเตะตูด 1 ที จากนั้นเราอยู่ด้วยกันอีกซักพัก ผมเขียนรายงาน เดชตัดรูปภาพให้ จนได้เวลาตึกปิด ถึงเวลาซักทีที่ผมจะออกจากที่นี่
 
เราสองคนเดินออกจากโรงเรียนไป เดี๋ยวนี้ผมกลับบ้านกับเดชทุกวันแล้วคับ ถ้ามองจากภายนอก เราสองคนจะเป็นคู่ที่ใครมองข้างนอกก็คงคิดว่าเราเป็นแฟนกัน หรือว่าเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆ แต่จริงๆแล้วเราคิดกันคนละอย่างกันคับ เดชคิดกับผมแค่เพื่อน แต่ผมคิดกับเดชมากกว่าเพื่อน ทำไงดีล่ะ

“สอบเสร็จมึงไปเที่ยวไหนป่ะวะ” - เดชถามผม
“ก็คงเซ็นทรัลแหล่ะ ที่ประจำ”
“กูหมายถึงต่างจังหวัด”
“ไม่ว่ะ ไม่เคย”
“ไปกับกูนะ”
“ไปที่ไหน”
“บ้านไอ้เข้ม ที่ชุมพร”
“ไกลว่ะ เดี๋ยวกูขอที่บ้านก่อนนะ”
“เดี๋ยวกูโทรขอให้ป่ะ”
“ไม่ต้อง กูมีปาก กูขอเองได้ แต่ก็ไม่ประกันนะเว้ย ว่ากูจะได้ไปหรือเปล่า”
“มึงต้องไปให้ได้นะไอ้ใหญ่ กูอยากให้มึงไป”
“ใครไปมั่งวะ” - ผมถามมัน
“ก็มีกู แล้วก็แก๊งพวกกู แล้วก็มีอีก 2-3 คน”
“มีแต่ห้องมึงอ่ะ กูห้อง 6 คนเดียว กูไปจะสนุกเหรอวะ”
“มึงอย่าคิดดิว่าไปกับห้องอื่น มึงคิดว่าไปกับกู”
“แต่มันก็อดคิดไม่ได้นะมึง ก็กูไม่ค่อยรู้จักใครในห้องมึง”
“เอาน่า ไปสนุกด้วยกัน นะนะ ใหญ่จ๋า ไปเหอะ กูอยากให้มึงไปนะ”
“เดี๋ยวกูบอกมึงละกัน”
“มึงต้องบอกกูว่าไปนะเว้ย”
“............”
“กูกลับก่อนนะ รถมาแล้วว่ะ”
“มึงอย่าลืมนะเว้ย”
“เออ”

รถเมล์กลับบ้านผมมาแล้วคับ จริงๆ แล้วเดี๋ยวนี้เดชจะเดินมาส่งผมทุกวัน แต่ก็จะผ่านหมู่บ้านที่ต่ายอยู่ก่อน เอาเป็นว่าไม่ได้เห็นหน้าบ้าน เห็นหมู่บ้านก็ยังดี แต่ผมชินแล้วแหล่ะคับ เดินทางอ้อมโลกกว่าจะถึงบ้าน แต่ก็ได้อยู่กับคนที่ผมรัก

มาถึงตอนนี้ ผมได้รู้จักกับเดชก็เดือนกว่าๆ แล้วคับ ตั้งแต่ผมรู้จักมัน เท่าที่รู้ ผมไม่รู้ตัวเองหรอกคับว่ารักมันไปตอนไหน ช่วงเวลาไหนที่ผมเกิดไปหลงรักมัน แต่ในเมื่อผมรู้ตัวเองแล้วว่าผมรัก ผมจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด บางครั้งก็มีบ้างเวลาเดชอยุ่ที่หอ ผมอยากที่จะทำอะไรอย่างงั้นกับเดช แต่ผมก็ไม่กล้า แม้แต่จะเอ่ยปาก เราพูดว่า “กูรักมึง” ทุกวัน แต่ในความหมายของมันกับผมมันเป็นคนละความหมายคับ สำหรับมันคงหมายถึงรักของเพื่อนที่บริสุทธิ์ แต่สำหรับผมหมายถึงความรักที่ผมพร้อมจะเป็นผู้ให้ทั้งตัวและก็หัวใจ

แล้วผมจะทนอยู่อย่างงี๊ได้อีกซักเท่าไหร่ ทุกวันนี้ผมรู้สึกอึดอัด เหมือนแบกโลกเอาไว้คนเดียว ผมมีเพื่อน แต่เพื่อนผมก็ปรึกษาอะไรอย่างงี๊ไม่ได้หรอกคับ จริงอยู่ว่าเพื่อนรู้ว่าผมเป็นเกย์ แต่มันก็คงจะตอบผมไม่ได้หรอกคับว่ารักแบบของผม มันจะมีทางออกยังไง ทุกครั้งที่ผมได้เจอกับเดช อยู่ใกล้ๆเดช ใจนึงก็ดีใจมากๆ ที่ได้อยู่กับคนที่เรารัก แต่อีกใจก็เจ็บ ว่าเขาไม่เคยได้รับรู้ว่าผมรักเขาแค่ไหน มันก็ยังคงชอบต่าย และตามจีบต่ายอย่างไม่ย่อท้อ




























ถ้าผมบอกเดชว่าผมคิดยังไงกับเดชล่ะ?
-----------
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่30[15-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 17-08-2008 21:07:43
ตอนที่ 31
 :oni3:
วันสอบกลางภาคเข้ามาทุกทีแล้วคับ หนังสือก็อ่านไม่ทัน (จะบอกว่าจริงแล้วไม่เคยคิดจะอ่านเลยมากกว่า – คือผมอ่านรอบเดียวก็พอทำข้อสอบได้แล้วคับ แต่มันจะออกแนวไม่ชัวร์) แต่เดชก็ช่วยผมได้เยอะเหมือนกัน เพราะผมตกลงจะไปนอนหอเดชสองวันก่อนสอบ เพราะมันบอกว่ามันอยากติวเคมีกับผม ก็โอเคคับ ผมไม่ปฏิเสธ ออกแนวจะเต็มใจด้วยซ้ำ

มีอยู่ช่วงหนึ่ง ขณะที่เราอ่านหนังสือกันอย่างบ้าระห่ำ ยามบ่ายสองโมงวันเสาร์ อยู่ดีดีเดชก็พูดขึ้นมา
 
“พรุ่งนี้ไปข้างนอกกับกูครึ่งวันนะ”
“ไปไหน”
“ที่เดิมน่ะ”
“ที่เดิมมันที่ไหนวะ”
“ก็ 000000 ไง (ชื่อสถาบันกวดวิชา)”
“ให้กูไปทำไมล่ะ กูไม่ได้เรียนที่นั่น”
“เหอะน่า ไปอ่านที่นั่นกัน”
“ไอ้ห่า ที่อื่นมีเยอะแยะ”
“ก็กูเรียนตอนเช้าไง แล้วก็รอต่ายเลิกเรียนตอนเที่ยง แล้วก็ไปกินข้าวกัน โอเคป่ะ”
“.....................”
“เฮ้ย!! โอเคป่ะเนี๊ย”
“อืมๆ............” – ผมก้มลงไปอ่านหนังสือของผมต่อ

นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกอึดอัด ผมควรทำไงล่ะ อยากตะโกนบอกฟ้าว่าผมรักมันแค่ไหน แต่บอกไปแล้วถ้ามันไม่เหมือนเดิมล่ะ ผมกลัวมากคับ กลัวว่ามันจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม และกลัวว่ามันจะห่างจากผมไป แม้สายตาผมอยู่ที่หนังสือแต่ผมไม่ได้อ่านมันซักนิด

เราก็ยังคงทำตัวสนิทกันเหมือนทุกที เราสองคนไม่ใส่เสื้อเวลาอยู่ที่หอเดช เดี๋ยวนี้ผมเริ่มกล้าบ้างแล้ว บ่อยครั้งที่ผมชอบเอามือไปหยิกหัวนมของเดช มันน่าหมั่นเคี่ยวนี่คับ นมสีสำตาลอ่อนๆ ขนาดเกือบเท่าเหรียญสลึง กล้ามท้องนิดๆของมัน โอ่ย มันเองก็ใช่ย่อย มาเล่นพุงผมมั่งล่ะ หยิกหัวนมผมคืนมั่งล่ะ แต่ทุกครั้งมันเริ่มเล่นกับผมก่อนนะ แต่ที่ผมเล่นอย่างงี๊ ผมมีความสุข แต่ไม่รู้ว่ามันสุขด้วยหรือเปล่า

คืนวันเสาร์ เดชชวนผมขึ้นไปบนดาดฟ้าของหอมัน เป็นครั้งแรกที่ผมได้ออกมาดูวิวยามค่ำคืนของเมืองหลวง จริงๆแล้วผมไม่มีอารมณ์จะดูนักหรอกคับ หนังสือยังอ่านไม่จบเลยซักกะวิชา แต่เดชบอกว่าพักผ่อนซักนิด ก็ดีเหมือนกันคับ

เราสองคนเปิดประตูดาดฟ้าของหอ ลมพัดค่อนข้างแรง ทางเดินค่อนข้างจะมืด แต่ก็มีแสงจากตึกข้างๆ ให้เราเห็นอยู่บ้าง เราสองคนเดินไปจนสุดขอบกำแพงที่สูงแค่เอว ตรงนั้นมีเก้าอี้เก่าๆ อยู่ 3-4 ตัว แต่เราก็ไม่เลือกที่จะนั่งเก้าอี้ เราสองคนยืนอยู่เงียบๆ เลือกที่จะเป็นอย่างงั้น เพราะที่ผมสังเกตดูรู้ว่าตอนนี้เดชดูอารมณ์ปลดปล่อยไปกับสายตาที่ทอดยาว ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เดชคิดอะไรอยู่ แล้วเดชจะรู้ไหมว่ามีใครยืนอยู่ตรงนี้ด้วย

“เวลากูมีเรื่องอะไร ก็จะชอบมานั่งตรงนี้ว่ะ” - เดชพูดขึ้น
“กูว่าบรรยากาศดี” - ช่างสรรหาคำได้ไม่เหมาะสมซะจริงๆ
“มึงเคยป่ะใหญ่ คนอย่างมึงน่ะ เวลามีเรื่องที่ไม่สบายใจ มึงชอบไปไหนวะ”
“ที่นอนกู กูก็หนีเข้าห้องนอน”
“เหรอ แสดงว่ามึงเป็นพวกชอบหนีความจริง”
“มึงรู้ได้ไง”
“กูก็เดาๆ น่ะ”
“ใครเขาจะไปอารมณ์ติ๊สเหมือนมึงล่ะไอ้เดช” – ผมเขกหัวมัน 1 ทีเบาๆ
“ไอ้ห่า เขกหัวกูไม” – มันขยี้หัวผม
“หัวกูยุ่งหมด ไอ้ห่า กูยิ่งหล่อๆอยู่” – ผมด่ามัน จากนั้นเราสองคนก็หัวเราะพร้อมกัน
“ใหญ่ มึงรู้ป่ะ ที่นี่มันเป็นที่ที่ทำให้กูเติมพลังชีวิตเลยน่ะ”
“ยังไง”
“เวลากูมีอะไร ไม่ว่าจะดีใจหรือเสียใจ กูชอบขึ้นมาที่นี่”
“....................อืมๆ” - ผมพยักหน้า
“บางครั้งกูก็พูดคนเดียว เหมือนคนบ้า”
“อืม....................” – ผมพยักหน้าต่อ
“จริงๆแล้วกูอ่อนแอกว่าที่มึงเห็นเยอะอ่ะใหญ่ มึงน่ะเห็นมุมที่มันไม่ค่อยจะเป็นตัวกูซักเท่าไหร่หรอก”
“.............”
“มันก็เหมือนหัวโขนแหล่ะใหญ่ เวลากูออกบ้านกูก็ต้องใส่ ให้คนเขาคิดว่ากูเป็นอย่างงั้นอย่างงี๊”
“..........”
“แต่จริงๆ แล้วกูอยากเป็นมึง”
“ยังไง” – ผมสงสัย เลยถามมัน
“กูเห็นมึงง่ายๆ สบายๆ อย่างที่กูเคยบอกว่า กูแอบปลื้มมึงอยู่”
“ยังไง” – ผมยังคงสงสัยไม่เลิก
“ชีวิตมึง ไอ้ใหญ่ มึงมีแต่ความสวยงาม เหมือนโรยด้วยกุหลาบเลยว่ะ”
“ไม่หรอก กูก็มีแหล่ะเรื่องเครียดๆ”
“มึงน่ะเพื่อนเยอะ มีคนมาชอบมึง ทำกิจกรรมก็เยอะ เรียนก็เก่ง”
“มึงพอเถอะ เดี๋ยวกูลอยไปดาวอังคาร” - ผมแซวมัน
“มึงรู้ป่ะ ก่อนที่กูจะมาเรียนที่นี่ พ่อกูบอกว่า ให้กูตั้งใจเรียน”
“พ่อกูก็บอก”
“ไม่ใช่อย่างงั้นน่ะดิ พ่อกูทำงานได้อีกไม่มากแล้วมึง พ่อกูจะเกษียณอายุ กูอยากให้ที่บ้านกูสบาย”
“แม่มึงทำไรวะเดช”
“ก็เป็นแม่บ้าน ช่วยดูแลงานที่บ้าน”
“ที่ว่าอุปกรณ์ของทหารภาคสนามนั่นป่ะ”
“อืม”
“..............”
“กูอยากเรียนจบเร็วๆ กูจะได้ทำงาน หาเงินให้ที่บ้านกูซักที”
“มึงทำได้อยู่แล้วน่า ไอ้เดช มึงเชื่อกู” - ผมตบไหลมันเบาๆ
“ขอบใจว่ะใหญ่” – มันเอาหัวมาซบไหล่ผม ผมลูบหัวมัน

เราปล่อยให้ความเงียบคอบปลอบมัน เราสองคนไม่พูดอะไรอีก ผมเลือกที่จะอยู่เฉยๆ ลูบหัวมันไปอย่างงี๊เรื่อยๆ ไม่รู้ว่าอยู่ดีดี ทำไมมันถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา มันเคยบอกผมว่า ตอนนี้ผมเป็นคนที่รู้เรื่องส่วนตัวมันมากที่สุดไปแล้ว ใช่ดิ มันเล่นเล่าให้ผมฟังแทบจะทุกวัน จริงๆ แล้วผมก็ชอบฟังนะคับ แฮ่ะๆ คือเรื่องของคนที่ผมรัก ยังไงมันก็น่าฟังเสมอแหล่ะ

ยิ่งผมอยู่ใกล้เดชแค่ไหน ผมก็ยิ่งรักมันไปมากขึ้นเท่านั้น ผมอยากเห็นมันมีความสุข ไม่ใช่เป็นอย่างงี๊ ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมทำอยู่มันสมควรหรือไม่ ผมเข้ามาในชีวิตมันมากไปแล้ว มากพอที่ผมจะยอมทุกอย่าง เพียงเพื่อให้มันมีความสุข

ผมเลิกเกาหัวมันแล้ว ลดมือลง สายตาของผมจากเดิมที่มองอะไรอยู่ก็ไม่รู้กลับมามองที่มัน มันก็ยังคงมองอะไรไม่รู้อย่างไร้จุดหมาย เหมือนคนเลื่อนลอย


.
.
.
กูเองเดชที่จะเอามึงกลับมาตรงนี้



ผมค่อยๆเลื่อนใบหน้าของตัวเองลงบนหูของเดช แล้วบอกกับเดชเบาๆ ว่า

“มึงเป็นไงบ้าง”
“ไม่เป็นไรหรอก กูคิดถึงที่บ้านน่ะ”
“เหรอ แล้วมึงรู้สึกดีขึ้นยัง”
“ดีแล้วแหล่ะใหญ่ ไปเหอะ”
“แต่กูยังอยากอยู่ที่นี่” - ผมบอกมัน
“งั้นเดี๋ยวกูมานะ”

มันไปไหนล่ะ อ้าว ซะงั้นน่ะ ผมอุตส่าห์ว่าอยากอยู่กับมันซักหน่อย บรรยากาศดาดฟ้ายามค่ำคืน ลมเย็นๆ มันก็โรแมนติกอยู่หรอกคับ ผมอยากอยุ่กับมันให้นานกว่านี้หน่อย นานพอที่ผมจะได้บอกอะไรกับมันบ้าง

“อ่ะ ไอ้ใหญ่ มึงจะยืนอีกนานป่ะ กูเมื่อย” – อ่อ มันไปเอาเสื่อมาปูให้นั่งนี่เอง
“เมื่อกี๊มึงไปเอาเสื่อมาเหรอ”
“เออดิ กูเมื่อย มึงมาซักทีดิ”
“ขอบใจว่ะ” – ผมบอกมัน

มันเอาเสื่อมาปูที่ลานตรงกลางดาดฟ้าคับ ตรงกลางดาดฟ้าไม่มีอะไรอยู่เลย ตรงนั้นค่อนข้างมืดกว่าที่ที่ผมอยู่ตอนแรก พอมันปูเสื่อเสร็จ มันก็ล้มตัวลงนอนทันที ผมก็นั่งอย่างเขินๆ เล็กน้อย

“นอนเดชะใหญ่ หรือจะให้กูจับมึงนอน”
“เออ นอนก็ได้ๆ” – ผมล้มตัวลงนอน สาตาอยู่ที่ดวงดาวบนท้องฟ้า
“มึงดูดาวเป็นป่ะ” - มันถามผม
“ไม่เป็น นอกจากดูเฉยๆ น่ะได้ แต่ดวงไหน กลุ่มไหน ชื่ออะไรเนี๊ย ดูไม่เป็นว่ะ”
“เหรอ เออไม่เป็นไร”
“..............” – สายตาของเราสองคนกำลังจ้องที่เป้าหมายเดียวกัน ก็คือ ท้องฟ้าและดวงดาวยามค่ำคืน
“มึงคิดไรอยู่วะใหญ่”
“เปล่า เรื่อยเปื่อย” - ผมคิดว่าผมโชคดีที่สุดแล้วที่ได้มาดูดาวกับมัน
“เหรอ มึงรู้ป่ะเวลาคนดูดาวจะมี 2 อารมณ์”
“อารมณ์ยังไงวะ”
“อารมณ์ปกติ กับอารมณ์ตกอยู่ในความรัก”
“...................”
“มึงอยู่ในอารมณ์ไหนวะใหญ่”
“แล้วมึงละเดช” – ผมไม่ตอบก่อนหรอกคับ เดี๋ยวเสียเชิง
“อารมณ์รัก แต่รักอย่างหม่นๆว่ะ”
“ยังไง”
“มึงยังจะให้กูอธิบายอีกเหรอ ต่ายเขาอยู่บนโน้น กูก็อยู่แค่ตรงนี้ เราห่างไกลกันมาก จนเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมาชอบกู” - เอาอีกแล้วมันวนเข้าเรื่องนี้อีกแล้ว
“...................”
“แล้วมึงอ่ะใหญ่ มึงยังไม่บอกกูเลย มึงดูดาวอารมณ์ไหนอยู่”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“อารมณ์รัก”
--------------
ปล. ผมจะหายไปซัก 1 สัปดาห์นะคับ แบบว่าไงอ่ะ เพิ่งจะได้งานทำอ่ะคับ คงไม่ได้มาอับให้บ่ิอยๆ นะคับ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่31[17-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 18-08-2008 08:20:58
1 สัปดาห์  :o   :serius2:

 :m23:  รอได้เสมอ

ตั้งใจทำงานนะ  :a2:

เป็นกำลังใจเหมือนเดิม  :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่31[17-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 18-08-2008 11:22:48
1 อาทิตย์   :a5:

แต่ก็จารอคร้าบบบ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่31[17-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 18-08-2008 17:08:03
 :m4:
เอาใจช่วยพนักงานใหม่ค๊าบบบบ  :oni1:
ตั้งใจทำงานแล้วรีบกลับมา up นิยายต่อ
 :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่31[17-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 20-08-2008 18:42:26
จะติดตามต่อไปนะ

ขอเป็นกำลังใจให้ในการเขียนต่อไปนะ สู้ๆ....สู้ตาย
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่31[17-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 22-08-2008 13:02:13
อ่านไปก็กดดันไป  มันจะเป็นไปในทางไหนเนี่ย :a5:

มันดูคลุมเคลือในทุกทางเเละทุกคนเลยอ่ะ o2

เป็นกำลังใจให้คนเขียนเเล้วกันเนอะ

ทั้งเรื่องการงานเเละความรัก

 :L2: :L2: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่31[17-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 22-08-2008 17:02:01
^
^
^

จิ้มพี่อ้อ


รอต่อไปคับ  อ่านแล้วอึดอัดดี

เมื่อใรจะถึงวันที่บอกเดชน้า
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่31[17-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: bishonen ที่ 23-08-2008 13:25:57
มาเต๊อะ.....มาต่อ :serius2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่31[17-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 23-08-2008 22:53:34
ตอนที่ 32
 o7
วันสอบกลางภาคมาถึงแล้วคับ ระหว่างที่สอบกลางภาค ผมอยู่ที่บ้านตัวเอง โรงเรียนของผมจะสอบวันเว้นวันคับ ดังนั้นวันที่ผมอยู่บ้าน ผมก็จะอ่านหนังสือ แต่ผมก็ไม่ค่อยจะได้อ่านหรอกคับ หมดเวลาไปกับการนอน และการคุยโทรศัพท์กับเดชเป็นส่วนมาก ซึ่งมันก็โทรมาเช่นเดียวกับทุกวันที่มันเคยโทรแหล่ะคับ

สอบกลางภาคเสร็จ มันก็เป็นธรรมเนียมของห้องผม ก็คือการไปเดินห้างเพื่อคลายความเครียด โดยปกติแล้วจะไปกันแต่เพื่อนที่สนิทๆ เท่านั้นแหล่ะ แต่ห้องผมเหรอ ไปกันทีแทบจะทั้งห้อง เดินไปอย่างกับคณะทัวร์ไปทัศนศึกษา คิดแล้วก็ตลกดีคับ ผมเดินห้างกับเพื่อนมากที่สุดถึง 30 คนกันเลย

ไอ้ไม้ก็ยังคงเดินตามต่ายอยู่เสมอ ตั้งแต่ออกจากโรงเรียน ราวกับว่าต่ายเป็นสัตว์เลี้ยงที่ต้องถนุถนอมไว้ตลอดเวลา ห่างไม่ได้ ต่ายก็ไม่ได้แสดงท่าทีที่รำคาญแต่อย่างใด เพื่อนกันนี่นา จะไล่ออกไปก็น่าเกลียด เห็นต่ายเขาว่าอย่างงั้น

ถ้ายังจำเรื่องหนังสือรักใสๆ ที่เดชซื้อมาจากศูนย์หนังสือจุฬานั่นน่ะ ผมยังไม่ได้ให้ต่ายหรอกคับ เดชบอกว่าให้สอบเสร็จก่อนแล้วค่อยให้ก็ได้ เดี๋ยวต่ายจะไม่มีสมาธิอ่านหนังสือสอบ ก็ดีคับ ผมจะได้อ่านก่อน (อ่านไปนิดเดียวเองคับ น่าเบื่อ แล้วต่ายจะชอบแนวนี้เหรอ) ผมจึงส่งไอ้ไม้บอกว่าต่ายหิวน้ำ ไปซื้อน้ำให้ต่ายหน่อย ไม่รู้ซะแล้วว่ากูหลอกมึง จากจากที่ไอ้ไม้โดนหลอกไปซื้อน้ำ ผมส่งหนังสือเล่มนั้นให้ต่าย

“อะไรน่ะ” - ต่ายถาม
“แกเห็นเป็นอะไรล่ะ กล้วยแขกเหรอ” – พักนี้ผมกับต่ายเริ่มจะสนิทกันมั่งแล้วล่ะคับ ก็มีเรื่องของเดชมาให้ต่ายปวดหัวร่วมกับผม
“ไอ้บ้า ............. อืม รักใสๆ ชื่อเรื่องน่าสนใจ แกซื้อให้เราเหรอ”
“เดช”
“หา เดชซื้อให้เรา” - ต่ายทำท่าแปลกใจ
“แปลกตรงไหน ก็เออดิ มันซื้อให้แก”
“ฝากขอบใจมันด้วยนะ”
“เออ แล้วอ่านด้วยนะ เดี๋ยวมันถามเรา เราจะตอบไม่ได้ เราไม่ได้อ่าน”
“งั้นแกเอาไปอ่านก่อนก็ได้ใหญ่”
“อย่าเลย อ่านไปแล้วแหล่ะ ไม่ค่อยชอบอ่ะ อะไรไม่รู้ งง”
“แล้วเราจะอ่านรู้เรื่องป่ะเนี๊ย”
“เฮ้ย!! ต่าย เก็บๆ ไอ้ไม้มาแล้ว แล้วแกอย่าบอกไอ้ไม้นะว่าหนังสือเล่มนี้เดชซื้อให้แก”
“อืม....”

ไอ้ไม้มาเร็วเกินคาด ไม่รู้ว่ากลัวต่ายหายหรือยังไง

หลังจากเดินห้างกันจนพวกผู้หญิงเบื่อกันแล้ว ถึงเวลาแล้วสิที่พวกผู้ชายจะไปหาความสำราญกันต่อ อย่าคิดไปไกลนะคับ ร้านเกมส์นั่นเอง ไอ้ไม้กับพวกห้องผมแทบจะเป็นขาประจำกันแล้ว ผมก็ไปเล่นอยู่บ้างแต่ก็ไม่บ่อยนัก แล้วก็ตั้งแต่ขึ้น ม.5 มาเนี๊ย ผมยังไม่ได้ไปเล่นกับพวกมันเลย มีทั้งงานโรงเรียน สอบกลางภาค รายงานท่วมหัว เวลาของผมจึงถูกแบ่งไปให้พวกนั้นมากกว่าการเล่นเกมส์

“มึงยังคุยกับไอ้เดชป่ะวะ” - ไอ้ไม้ถาม
“อืม คุยอยู่บ้าง” – ไม่กล้าบอกความจริงมัน เดี๋ยวหาว่าผมเป็นสปาย
“แล้วไอ้เดชให้มึงทำอะไรมั่งป่ะเนี๊ย”- ไอ้ไม้ยังคงซักผม
“ก็ไม่ค่อยว่ะ โทรมาคุยกับกูบ้าง”
“อืมๆ แต่ที่กูรู้มา มึงไปไหนกับไอ้เดชตลอดเลยนะเดี๋ยวนี้”
“ก็ เอ่อ..........ก็กูต้องทำงานกับมันนี่หว่า”
“งานไรวะ” – ซักกูไม่เลิก ไอ้ไม้
“งานโรงเรียนที่ผ่านมาน่ะ ที่กูชอบหายไปบ่อยๆ น่ะ”
“เออ”
“ทำไมเหรอ มึงสงสัยอะไรกู”
“ก็วันก่อน เมื่อช่วงสอบ ก็ไอ้ตินมันเห็นมึงไปกินข้าวกับไอ้เดชที่แถวห้วยขวาง”
“อ่อ แปลกตรงไหนวะ” - ผมเริ่มไม่มีข้ออ้างแล้ว
“ไม่หรอก มึงรู้จักคนเยอะ แต่มึงอย่าลืม ต่ายจะต้องเป้นแฟนกู ไม่ใช่คนอื่น”
“กูรู้น่า”

แล้วสมาธิของผมก็กลับไปอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์อีกครั้ง เมื่อถึงตาที่ผมต้องเล่นแล้ว

ผมเล่นเกมส์ได้ไม่นาน (6  ชั่วโมงเนี๊ยนะเรียกว่าไม่นาน) ผมขอตัวพวกมันกลับบ้าน ก็สองทุ่มแล้วแหล่ะคับ พวกมันยังคงไม่กลับกันง่ายๆ เพราะเป็นวันศุกร์ด้วย วันเสาร์ก็ไม่ต้องทำอะไร แต่ผมง่วงแล้วดิ เฮ้อ!!! นอนดีกว่า

“ไอ้ใหญ่” – เสียง PCT ผมดังนั้น ผมได้โทรศัพท์ PCT มาตอนช่วงก่อนสอบคับ
“เออ ว่าไง”
“อยู่ไหนน่ะ”
“ร้านเกมส์”
“กลับบ้านยัง”
“เออ กำลังกลับอยู่เนี๊ย”
“แล้วมึงขอแม่มึงยัง”
“ขอเรื่องไรวะ” – ผม งง งง
“ที่ว่าไปทะเล ที่บ้านไอ้เข้มน่ะ”
“...................” - ผมลืมไปเลยคับ
“สงสัยยังไม่ได้ขอ”
“เออ”
“เดี๋ยวกูไปขอให้เอาป่ะ”
“กูขอเองได้”
“จะบอกมึงว่า เดินทางวันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม นะเว้ย”
“อาทิตย์หน้าอ่ะดิ”
“เออดิ”
“เออ เดี๋ยวกูขอที่บ้านได้แล้วกูจะโทรบอกมึง”
“ไม่ทันแล้วแหล่ะ ยังไง มึงต้องไปกับกู กูซื้อตั๋วมาให้มึงแล้ว”
“เกิดกูไปไม่ได้ขึ้นมาล่ะ”
“กูรู้ว่ามึงไม่มีทางปฏิเสธกู ไอ้ใหญ่”
“ไปกันกี่คนวะ” – ผมถามมัน
“7 คน รวมมึงด้วย”
“เออ กูรู้แล้ว กูจะขอให้ได้ละกัน”
“กูอยากให้มึงไปนะ เดี๋ยวกูดูแลมึงเองใหญ่”
“ยังไงวะ”
“เออน่า กูดูแลมึงเอง”

ผมถึงบ้านแล้วคับ ผมอ่อนแม่อยู่นานกว่าจะอนุญาตให้ผมไปเที่ยว เขาคงจะกลัวแหล่ะคับว่าเด็กวัยรุ่นไปเที่ยวกันเองแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น แต่ความพยายามบวกกับนิสัยของผม แม่จึงปล่อยไปแต่โดยดี พ่อบอกว่าอย่าไปเถลไถลอะไรนะลูก “คับๆ” ผมรับปากแต่โดยดี

แต่ถ้าผมไปมันจะสนุกเหรอวะ เพื่อนห้องผมก็ไม่มีซักคน ไปกับใครก็ไม่รู้อีกหลายคน แม้ผมจะรู้จักพวกเขาอยู่บ้าง ก็ไม่กี่คน จริงๆ จะไม่ไปก็ได้นะ แต่มันอยากให้ไปเหลือเกิน

“กูไม่ไปได้ป่ะวะ” – ผมโทรไปหาเดช ไม่ต้องรอให้มันโทรหาหรอกคับเดี๋ยวนี้
“มึงมีเหตุผลอะไร”
“ก็ กูเป็นห้อง 6 คนเดียวอ่ะ แต่พวกมึงน่ะห้อง 8 หมดเลย”
“ถ้าเป็นเรื่องนี้ มึงไม่ต้องห่วง กูจะดูแลมึงเอง”
“...................”- -ซึ่งดิคับ  “ไปก็ไป”
“ดีมากๆ”
“.....................”
“มึงเอาหนังสือให้ต่ายยัง”
“ให้แล้ว”
“เขาว่าไงมั่งวะ”
“ก็ไม่ว่าไงหรอก ก็รับไว้ เดี๋ยวเขาคงไปอ่าน”
“กูว่าจะไปซื้ออีกเล่มดีป่ะ”
“เพื่ออะไรวะ??”
“ก็เผื่อต่ายถาม จะได้ตอบได้ไงล่ะ”
“แล้วแต่มึงละกัน”
“ดีดี งั้นวันอาทิตย์นี้ไปซื้อหนังสือกับกูอีกนะ”
“เออ”

คุยกันอีกนิดหน่อยก็วางหูกันไป

คืนนี้ทั้งคืนผมนอนไม่หลับเท่าไหร่หรอกคับ คิดมากอยู่นั่นน่ะ ไปทะเล จะสนุกไม๊วะเนี๊ย ผมพร้อมที่จะบอกอะไรกับเดชแล้วหรือยัง บอกไปแล้วมันจะรู้สึกยังไง มันจะเปลี่ยนไปหรือเปล่า  แล้วก็คิดไปถึงฉากหวามๆ ของผมกับเดช ซึ่งมันก็คงเป็นไปไม่ได้

เช้าวันจันทร์ (ข้ามเสาร์ อาทิตย์ไปละกัน มันก็ไม่มีอะไร) ผมมาโรงเรียนแต่เช้า กินข้าวกับเดช แทบจะเรื่องปกติของผมไปแล้ว ผมถามเรื่องที่จะไปทะเลกันว่าเราจะไปไหนกันบ้าง มันก็ยังคงบอกว่าไม่ต้องห่วง สนุกแน่นอน

วันเวลาผ่านไป ล่วงเลยไปจนถึงกลางสัปดาห์ ท่ามกลางความอึดอัดของผมที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะเป็นบ้าไปแล้ว ถ้าไม่ได้ปล่อยออกไปคงตายแน่ ผมคิดว่า วันนี้ ยังไง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะบอกเขา คนนั้น ให้รับรู้ถึงสิ่งที่ผมคิดอยู่ตอนนี้ ผมรู้สึกยังไง นานแค่ไหนแล้ว และจะเป็นยังไงต่อไปหลังจากนี้ ผมคงไม่รู้อนาคตของผมกับมันหรอกคับ หลังจากที่ผมได้บอกความในใจไป

หลังเลิกเรียน ผมเดินไปหาคนคนนั้น เพื่อที่จะบอกความในใจที่ผมมีมาตลอดเกือบ 2 เดือน
.
..
...
....
.....
......
.......
........
.........
..........
.........
........
.......
.....
....
...
..
.















“เรารักเดชว่ะ”
-----------

ปล. ขอบคุณทุกๆท่านที่มาเม้นเป็นกำลังใจนะคับ

งานที่ได้ทำก็ไม่ได้เยอะมากมายหรอกคับ เพียงแค่ว่าต้องนอนเร็วๆ แล้วก็ตื่นเช้ามืด และที่ทำงานก็ไม่มีคอมให้ใช้ด้วย วิธีแก้เหงาก็คือผมก็ print นิยายเรื่องที่ผมอ่านตามอยู่ในบอร์ดนี้เอาไปอ่านตอนผมเบื่อๆน่ะคับ ซึ่งตอนนี้ก็มีหลายเรื่องเลยคับ (ถ้าบางคนอาจจะเห็นชื่อผมไปอยู่ในนิยายเรื่องอื่นๆ เยอะแยะมากมาย)
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ผมไม่มีเวลามาลงนิยายอ่ะคับ

ยังไงพรุ่งนี้จะเเวะมาอีกซักตอนนะคับ ตอนนี้พิมพ์แบบตอนชนตอนเลยคับ แทบไม่ทันแล้วคับ

ขอบคุณมากๆนะคับ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่31[17-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 23-08-2008 22:54:37
ไม่มีคำบรรยาย ............ขอเงียบซัึกพัก .....เคลียด
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่32[23-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 23-08-2008 22:57:12
ไม่มีคำบรรยาย ............ขอเงียบซัึกพัก .....เคลียด

เครียดไรอ่ะ บอกหน่อยดิ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่32[23-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 24-08-2008 01:15:44
จะบอกรักกันเเล้วเหรอ  เเล้วจะเป็นำงต่ออ่ะเนี่ย

 :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่32[23-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: bishonen ที่ 24-08-2008 22:04:55
ต่อสิคะ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่32[23-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 25-08-2008 08:41:06
แอบเดาว่าไม่ได้ไปบอกกับเดช

เริ่มงานใหม่  ตั้งใจทำงานนะครับ

เป็นกำลังใจให้  สู้ๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่32[23-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 30-08-2008 16:02:00
มาให้กำลังใจคนแต่งจ๊ะ   :L2:
ถึงจะอ่านไปอึดอัดใจไปมั่ง  แต่แค่นี้(ศรี)ทนด๊ายยยยย    :laugh:
รออ่านตอนต่อไปน้า......
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่32[23-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 30-08-2008 23:55:58
ตอนที่ 33


“แกว่าอะไรนะ”
“เรารักเดช แกหูไม่ฝาดหรอก”







 :o12:








……..
……..
………
……….
“แกหลอกเราป่ะ”
“ไม่หลอก เรื่องจริง”
“มันเกิดขึ้นนานหรือยัง”
“ก็ซักพักแล้วแหล่ะ เราไม่รู้หรอกว่าเริ่มรักตอนไหน รู้ตัวอีกที ก็รักมันไปแล้ว”
“แต่แกก็รู้ทั้งรู้ ว่ามันไม่ได้ชอบแกอ่ะนะ”
“อืม เรารู้ทั้งรู้ แต่เราก็รัก แค่เข้าใจป่ะ ว่ามันสุขใจที่ได้รักน่ะ แม้จะเป็นรักเขาข้างเดียวก็เหอะ”
“ถึงว่า เราก็สังเกตอาการแกแปลกๆ เวลาพูดถึงเดช ที่แท้ แกก็ชอบมันนี่เอง”

คนที่ผมคิดว่าผมจะบอกสิ่งที่ผมคิด ก็คือ ต่ายแหล่ะคับ เพราะอะไรถึงเลือกต่าย อยากแรกก็คือ อย่างน้อยผมก็ได้ระบายความอัดอั้นตันใจที่ผมมีมานานออกไปบ้าง และอย่างที่สอง ต่ายเป็นคู่กรณีที่เดชมาชอบนั่นเอง การที่ผมจะบอกให้ต่ายรู้ ผมคงไม่ผิดหรอกมั้งคับ

“ฉันขอโทษ ที่ทำให้แกต้องมาเป็นอย่างงี๊”
“ไม่เป็นไรหรอก”
“แล้วแกจะทำไงต่อไปวะ”
“ไม่รู้ดิ เรายังไม่กล้าบอกมันอยู่ดีแหล่ะ เอาไว้ไปทะเลกลับมาก่อนแล้วค่อยคิด”
“เอางี๊ป่ะ เดี๋ยวเราไปคุยกับเดชให้ เราว่าเดชน่าจะฟังเรานะ”
“อย่าเลยว่ะต่าย เราว่านะ ให้เรามีความสุขเล็กๆกับการแอบรัก ก็พอเหอะ”
“แต่ว่า..............”
“เอางี๊ ถ้าถึงเวลาที่สมควรจะบอกกับเดช เราจะบอกให้แกช่วยเองแหล่ะ”
“อืม แล้วไปทะเลกันเมื่อไหร่ล่ะ”
“9 – 11 ส.ค. กลับเช้าวันอังคาร”
“นานจัง ไปนานอย่างงี๊ระวังนะจ๊ะ”
“อ่ะนะ เดี๋ยวเราซื้อของมาฝากละกัน”

ต่ายแซวผมเล็กน้อย ก่อนเดินออกไปจากห้อง ไอ้ไม้ตามติดต่ายเหมือนเดิม

ผมเดินไปที่ห้องเรียนของเดช เดชยังไม่กลับบ้านหรอกคับ

“เดช แฟนมึงมาน่ะ” – ไอ้เต้ อีกแล้ว เดชชูนิ้วที่ยาวที่สุดให้ไอ้เต้ 1 ที
“มึงมานี่เลยไอ้ใหญ่”
“เออ กูรู้แล้ว”
“อ่ะ ตั๋วรถไฟ”
“หกโมงสิบห้า สถานีสามเสน ทำไมมึงไม่ไปหัวลำโพงวะ” - ผมถามมัน
“ไกลเกิน” – มันบอก (ตอนนั้นยังไม่มีใต้ดินนะคับ มีแต่ BTS)
“แล้วกูจะมาทันไม๊เนี๊ย” - ผมถามมัน
“มึงก็มานอนหอกู ก่อนไป มึงจะได้มาทัน แน่นอน”
“เออดี วางแผนเก่งนะมึง” – ผมบีบจมูกมัน 1 ทีเพราะความหมั่นใส้ เดี๋ยวนี้เราเล่นอย่างงี๊บ่อยๆคับ
“แล้วมึงจะกินไรวันนี้” – มันถามผม ทีงี๊ล่ะมาให้ผมคิด
“กินมึงอ่ะ” - ผมหยอกมัน
“อะไรนะ กินกูเหรอ กูไม่อร่อยหรอก” – ไม่คิดว่ามันจะมารับมุขผม แต่ผมคิดงั้นจริงๆนะ

ผมออกไปหาอะไรกินกับมันแหล่ะคับ เป็นประจำ

“มึงจะไปไหนกันบ้างวะ” - ผมถาม
“เออน่า สนุกแน่ๆ”
“กูก็ยังกลัวๆว่ะ กูไม่ได้รู้จักเพื่อนมึงทุกคน”
“ทีมึงยังเป็นเพื่อนกูได้ นับประสาอะไรกับเพื่อนกู”
“แล้วมึงคิดหรือยังว่ามึงจะไปไหนกันมั่ง” - ผมถามอย่างสนใจ
“กูก็ไม่รู้หรอก เดี๋ยวไอ้เข้มมันก็จัดเองแหล่ะ มีเวลาตั้งอีกหลายวัน”
“หลายวันห่าไรวะ มะรืนแล้วนะมึง ไอ้นี่”
“เออน่า หนุกหนานแน่นอนไอ้ใหญ่ เชื่อไอ้เดชคนนี้เถอะ”
“...............”
“แล้วมึงก็อย่าลืมล่ะ เก็บเสื้อผ้ามึงมาด้วยตั้งแต่พรุ่งนี้ เอากระเป๋ามาไว้ที่ห้องกู แล้วก็ชุดนักเรียนของมึงด้วยนะเว้ย เดี๋ยวมึงไม่มีชุดนักเรียนใส่ไปเรียน กูไม่ให้ยืมอีกนะมึง”
“คับๆ นายท่าน” – ผมปลกๆ ใส่เดช มันยิ้มเล็กน้อย

อีกเพียงสองวันแค่นั้นเองคับ ผมจะได้ไปเที่ยวทะเลกับเดช แต่ก็ไม่ได้ไปกันสองคนหรอกคับ เพื่อนมันอีกเป็นสิบ (ไม่ถึงหรอก แค่ 7 คนเองคับ) ผมคิดว่าผมก็คงสนุกกับมันและเพื่อนๆ ของมัน ผมก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงตอนที่มันไปเล่นน้ำทะเล หุ่นที่กำยำ สมส่วนของมัน โอ่ย!!! ตาลายแล้วผม คิดไรอยู่เนี๊ย

ผมหลุดจากพะวังที่ผมกำลังคิดไปไกล ด้วยโทรศัพท์ PCT ของผมที่ดังขึ้น

“หวัดดีคับ” – ผมทักทายสายปลายทาง ที่ก็ไม่รู้ว่าใคร
“ต่ายนะคะใหญ่” – ตกใจเล็กน้อย ปกติเธอไม่เคยโทรหาใครง่ายๆ หรอก
“พูดซะเพราะเชียว มีไรเหรอ” - ผมถาม
“ตอนนี้อยู่ไหนอ่ะ”
“ร้านข้าว แถวๆหมู่บ้านแกน่ะ”
“ไปทำไรแถวนั้น”
“มากินข้าวกับเพื่อน”
“ใครล่ะ บอกได้ป่ะ” – ต่ายถาม เหมือนท่าทางอยากรู้
“คนที่เราบอกแกไปเมื่อเย็นนี้อ่ะ”
“เหรอ” – เหมือนต่ายจะช็อก น้ำเสียงดูอึ้งๆ “………………….”
“ทำไมเงียบไปล่ะ มีไรเปล่า” – ผมถาม เมื่อผมรู้สึกว่าต่ายเงียบไปนาน
“แกมากินกันบ่อยป่ะ”
“ก็เกือบทุกวันอ่ะ”
“ฉันหมายถึง แกกินข้าวกับเดชบ่อยป่ะ”
“ก็เออ เกือบทุกวัน”
“...............” - เหมือนต่ายจะอึ้งไปอีกรอบ
“ตกลงแกมีอะไรวะต่าย”
“ขอคุยกับเดชหน่อยดิ”

ผมส่งโทรศัพท์ให้เดช
…….
………
……….
…………..
(ผมไม่ได้ฟังอะไรหรอกคับ ออกแนวว่าผมทนฟังไม่ได้)  คุยกันไม่นาน เดชก็ส่งโทรศัพท์ให้ผม

“อะไรอีกล่ะ”
“เราบอกเดชไปแล้วนะ” – ต่ายบอกผม เอาแล้วไอ้ใหญ่ ซวยแน่ๆ
“บอกไรไป” – ผมถามอย่างร้อนรน ตอนนี้จิตผมตกไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว
“บอกแค่ว่า ดูแลแกดีๆล่ะ”
“จริงเหรอ แน่ใจนะว่าแกไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น” – ผมยังคงถามต่าย
“อืม แกเห็นเราเป็นคนยังไงล่ะจ๊ะ”
“ก็.....เปล่า”
“งั้นกินข้าวไปเหอะ ไม่กวนแล้วนะจ๊ะ”
“เออๆ รู้แล้ว”

กินข้าวกันอิ่มหนำสำราญกระเพาะอาหารแล้ว คงได้เวลาที่ผมจะกลับบ้านแล้วล่ะคับ ระหว่างทางที่กลับบ้าน ผมก็รวบรวมความกล้า ที่จะถามมันว่า........

“เมื่อกี๊ต่ายคุยไรกับแกวะ”
“ก็ ทั่วๆไป ทำอะไรอยู่ ที่ไหน อยู่กับใครมั่ง”
“ไม่ได้คุยะไรนอกจากนี้ใช่ป่ะ”
“ก็มีบอกว่า ฝากดูแลไอ้ใหญ่ด้วย”
“อืม........................” ผมเงียบไป
“ไม่เอาน่า ก็กูก็ดูแลมึงอยู่แล้วนี่ไง ยังไงมึงก็ต้องอยู่กับกูนี่แหล่ะ”
“..............” - ผมเงียบไปอีกแล้ว
“มึงมีอะไรเปล่าเนี๊ย”
























“ไม่มีไรหรอก ช่างเหอะ” – แล้วผมก็ขึ้นรถกลับบ้าน
---------------
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่33[30-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 31-08-2008 00:27:52
^
^
^
^
จิ้มมมมมมมมมมม

นึกว่าจะไปบอกกะเดชซะอีก  ไหนได้บอกต่าย

อยากรู้ตกลงต่ายนี่ยังไง

 o2 o2 o2 o2
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่33[30-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: PakBeob ที่ 31-08-2008 02:25:59
เล่นเอาซะใจหายวาบเลย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่33[30-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 31-08-2008 22:54:53
ตอนที่ 34

อีกแค่สองวัน ผมก็จะได้ไปเที่ยวกับเดชและเพื่อนๆแล้วคับ เหมือนผมเองก็ต้องเตรียมตัวหลายอย่างเหมือนกัน แต่ไม่ใช่เตรียมพวกเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวนะคับ แต่เป็นเรื่องของ การเตรียมใจมากกว่า ก็เลยดูเหมือนว่าสองวันที่เหลือผมจะดูเหม่อลอยมากกว่าปกติ ก็ใจผมลอยไปอยู่โน่นแล้วคับ คิดว่าผมควรวางตัวยังไงดี ทำยังไงจะใกล้ชิดเดชมากกว่านี้ และคิดถึงไปจนถึง การบอกว่าผม........เอ่อ คือ..

ความเหม่อลอยของผมถูกขั้นโดยไอ้ไม้

“ได้ข่าวว่ามึงจะไปเที่ยว” – ไอ้ไม้เริ่มก่อน ทำเอาผมอึ้งไปเล็กน้อย
“อืม........เอ่อ.......แล้ว แล้วมึง ไป...ไปรู้จากไหน”
“ต่ายบอกกู”
“อืม...............”
“มึงไปกับไอ้เดชใช่ป่ะ”
“ชะ..เออ  ใช่ๆ ไปกับเดช”
“มึงเป็นไรมากป่ะ” - ไอ้ไม้ถามผม
“อ่อ .......เออ เปล่าๆ ไม่มีไร”
“อย่าให้กูรู้นะมึงว่า มึงกำลังเล่นตุกติกกับกู”
“ตุกติกอะไรของมึง ไอ้ไม้ ก็กูไปเที่ยวเฉยๆ ไม่มีไรหรอกน่า มันชวนกู กูก็ไป หรือมึงจะไปกับกู เอาป่ะ”
“ห่า กูไปมันก็กระทืบกูอ่ะดิ”
“มึงอย่าเว่อร์ ไอ้ไม้”
“มึงอย่าลืมนะเว้ย มึงอยู่ห้องนี้ มึงเป็นเพื่อนกู อย่าให้กูรู้นะมึงว่ามึงแอบช่วยใส้ศึก”
“เออ กูรู้แล้ว ไอ่ห่า ดูหนังมากไปป่ะมึง”
“…ก็มันน่าคิดเอาไว้ก่อน ใช่ป่ะล่ะ” - ไอ้ไม้บอกผม
“คิดมากน่า เออแล้วต่ายบอกอะไรมึงอีกป่ะ”
“เปล่า นอกจากว่าบอกเรื่องมึงจะไปเที่ยวกับไอ้เดช ก็ไม่ได้บอกไรอีก”
“เหรอ”
“วันหลังมึงจะไปไหนมึงก็บอกกูมั่งเดชะ ตั้งแต่มึงขึ้น ม.5 มึงห่างๆ กับพวกกูจัง ชวนไปไหนแม่งก็ไม่ไป งานเยอะเหรอมึง”
“เออ กูขอโทษละกัน แต่งานกูเยอะจริง”
“เออ ไม่เป็นไร กูเข้าใจนักกิจกรรม”
“..............”

วันศุกร์มาถึงแล้วคับ  วันที่ผมจะต้องเดินทางไปเที่ยวกับไอ้เดช และเพื่อนๆ เรานัดกันที่หอของเดชตอนสี่โมงครึ่ง แต่ผมเก็บเสื้อผ้ามาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ผมก็เลยกลับมาพร้อมกับเดชตั้งแต่โรงเรียนเลิก มันบอกให้ผมอาบน้ำก่อนเดินทาง ก็ดีคับ เหนียวตัวอยู่ด้วย
 


“อาบด้วยกันนั่นแหล่ะ เสียเวลา” - ไอ้เดชบอกผมก่อน
“ไอ้บ้า มึงนั่นแหล่ะอาบก่อนเลย เดี๋ยวมึงต้องออกมารอเพื่อนมึงไม่ใช่เหรอ”- ผมบอกมัน
“ไรวะ ก็กู............”
“มึงรีบอาบเลยป่ะ เร็วๆด้วย” – ผมผลักมันเข้าห้องน้ำ มันก็อาบน้ำไปตามเรื่องราวของมัน


“ใหญ่จ๋า เอากกน. ที่อยู่ในตะกร้าผ้ามาให้กูหน่อยดิ” – มันตะโกนจากห้องน้ำ ผมเดินไปเอากกน. มาจากตะกร้าให้มัน
“อ่ะ” – ผมแง้มประตูห้องน้ำเล็กน้อย แต่มันเปิดประตูซะกว้างเลย ผมก็เลยเห็น
เห็น…
เห็น…..











เห็นว่ามันใส่ กกน. อาบน้ำนั่นเอง

“ไอ้ใหญ่ มึงเข้ามาอาบกับกูเหอะ”
“เอาเหอะ เดี๋ยวกูค่อยอาบ” - ผมบอกปัด
“มึงอายอะไรกูวะ ไอ่ห่า ผู้ชายด้วยกัน”
“กูอาบน้ำนาน กูต้องฟอกน้องชายกูให้สะอาด” - ผมบอกมัน
“มึงจะอาบดีๆ หริอให้กูใช้กำลัง” – มันวิ่งออกจากห้องน้ำมา ผมที่ถอดเสื้อนุ่งผ้าขนหนูอยู่แล้วก็ต้องปลดผ้าขนหนูออก ตอนนี้ผมก็เหลือ กกน. ตัวเดียวเหมือนมัน
“ก็แค่นั้น ต้องบังคับอยู่เรื่อย”

สุดท้ายการที่ผมบ่ายเบี่ยงมัน ผมก็ต้องมาตกอยู่ในสภาพที่จำยอมของมันอีกจนได้ มันอาบน้ำไปร้องเพลงไปด้วย ผมก็อาบไปดูหุ่นอันน่าฟัดของมันไปด้วย น้องชายของผมที่เคยสงบนิ่งอยู่ใน กกน. เริ่มจะเจริญเติบโตตามสิ่งเร้าที่อยู่ตรงหน้าของผม สายตาของผมจากเดิมที่จ้องที่บริเวณหน้าท้องของมัน และลูกเกดของมัน ก็เริ่มไล่สายตาต่ำลงเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันเป้าของผมค่อยๆ นูนขึ้นมา นูนขึ้นมา เป็นนัยบอกว่าน้องชายของผมพร้อมแล้วที่จะออกมาเผชิญโลกกว้าง ผมเองก็สังเกตเป้ากกน. ของเดชเองก็มีความนูนอยู่บ้าง แต่ก็คงไม่มากเท่าผมละมั้งคับ

ซักพักมันขอทำความสะอาดน้องของมันบ้าง มันหันหลังให้ผม แล้วก็เอาสบู่ฟอกๆ น้องของมันอย่างเมามัน แต่ด้วยความว่า ห้องน้ำมันเปิดไฟ แล้วก้ต้องมีแสงและเงาที่ทอดมายังที่พื้นล่าง ด้วยสายตาอันว่องไวของผม ผมเลยได้เห็นเงาของน้องชายไอ้เดช แต่ว่าก็ไม่ชัดเท่าไหร่หรอกคับ ผมมองอยู่จนมันหันหลังกลับมาหาผมอีกครั้ง ผมก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“เป้าของมึงทำไมมันนูนกว่าของกูวะ” – ไอ้เดชถามผม มึงจะอยากรู้ไปทำไม
“ของมันมีคุณภาพเว้ย” – ใครจะกล้าบอกล่ะคับ ว่าเห็นมันแล้วเกิดอารมณ์ขึ้นมา
“พิสูจน์หน่อยเด่ะ” – แล้วมันก็เอามือมาตบตรงน้องชายผมเบาๆ โดนเข้าอย่างจังๆ เลยคับ ทำเอาน้องชายผมสะดุ้งเล็กน้อย
“ไอ้เชี่ยนี่ แม่ง” – ผมแกล้งไปตบน้องชายของมันคืน มันหันตูดให้ผมซะงั้น “มึงรีบอาบให้มันเสร็จเลยเร็วๆไอ้เดช”
“เออ แต่แม่งคุณภาพดีว่ะ” – ยังแซวผมไม่เลิก ผมเริ่มอายแล้วนะเนี๊ย

“……….”


“ฝึกไว้ จะได้ชิน ไปเที่ยวกับพวกกูน่ะ มึงต้องอาบน้ำรวมกับพวกกู เข้าใจป่ะ”
“อ้าวไม่ใช่ห้องน้ำแยกเหรอ”
“แยกแหล่ะ แต่มันเสียเวลา คนตั้ง 7 คนมาแยกกันอาบน้ำ มาอาบด้วยกันน่ะดีแล้ว”

เล่นกันอยู่ซักพัก แล้วก็ต่างคนต่างอาบของตัวเองไป เดชอาบเสร็จก่อน เพราะมันเข้าไปอาบก่อนผม ผมซักกางเกงในที่ผมใส่อาบน้ำไว้ที่นี่ เช้าวันที่ผมกลับมาจะได้แห้งพอดี เอาไว้ใส่ไปโรงเรียนได้ ผมตากกางเกงในของผมไว้ใกล้ๆกับกางเกงในของมัน ซึ่งเป็นยี้ห้อเดียวกัน และสีเหมือนกันอีก

“คู่นั่นน่ะ เปิดประตูให้กูหน่อยเด่ะ” – เสียงไอ้เต้เคาะประตู เดชวิ่งไปเปิดประตูแต่โดยดี
“มึงสองคนทำไรกัน” - ไอ้เต้เห็นผมกับเดชในสภาพที่ไม่ได้ใส่เสื้อกันทั้งคู่
“อาบน้ำ” - ไอ้เดชตอบไอ้เต้ไป
“มึงแน่ใจนะว่ามึงไม่ได้ทำอย่างอื่นกันน่ะ”
“สราดดดดดดดดดดดด..................” – เดชลากเสียงยาวๆ ชูนิ้วที่ยาวที่สุดให้ไอ้เต้ 1 ที
“คนอื่นล่ะเต้” - ผมถามมัน
“เดี๋ยวก็มากันแหล่ะ เนี๊ยะแหล่ะเด็กห้อง 8 นัดสี่โมงครึ่ง สรุปแล้วกูมาตรงเวลาแต่กลายเป็นว่ากูมาคนแรกซะงั้น” - ไอ้เต้บ่น
“เอาน่ามึง รีบมาจะได้มีเวลาทำอย่างอื่น” - ไอ้เดชบอกไอ้เต้
“มึงสองคนกินไรกันยัง” - ไอ้เต้ถาม
“ยังว่ะ พอดีรีบพาไอ้ใหญ่มันมาอาบน้ำ”
“งั้นกูไปซื้ออะไรกิน มึงฝากซื้ออะไรป่ะ”
“เดี๋ยวกูไปซื้อกับมึงดีกว่าไอ้เต้ ใหญ่ไม่เอาไรเหรอ” - เดชถามผม
“เอาหนมปังกับชาเขียวกล่องนึง 20 บาทคงพอ” – ผมยื่นธนบัตรใบละ 20 บาทให้เดช
“งั้นมึงเฝ้าห้องให้กูก่อนนะ กูไปซื้อของกับไอ้เต้ก่อน”
“เออ”

เดชออกไปซื้อของกับเต้ งี๊ผมก็ต้องอยู่เฝ้าห้องคนเดียวดิคับ



ความคิดที่ไม่ค่อยจะซื่อของผมเริ่มทำงาน ผมเริ่มที่จะอยากรู้ว่ามันเขียนอะไรลงในไดอารี่มันบ้าง ผมรู้ที่เก็บของไดอารี่ว่ามันเก็บไว้ไหน เมื่อเดชออกจากห้องไป ผมจึงไม่รอช้า รีบไปเปิดลิ้นชัดเพื่อเอาไดอารี่มันมาอ่าน ก็ผมอยากรู้นี่คับว่า มันคิดอะไรอยู่ แต่แล้ว...........



มันก็ไม่มี หายไปไหนหว่า ซะงั้นน่ะ อุตส่าห์ว่าจะได้อ่าน สงสัยคงอยู่ในกระเป๋าเดินทางของมัน

ความพยายามของผมยังไม่สิ้นสุด ผมเปิดกระเป๋าของเดช หาว่าไดอารี่ของมันอยู่ที่ไหนในกระเป๋าหรือเปล่า ระหว่างที่ค้นไปก็ต้องฟังเสียงประตูไปด้วยว่าจะมีใครมาหรือเปล่า เกิดเดชมาหรือเพื่อนมันมาก็จบเห่เลยสิคับ คงจะหาว่าผมเป็นขโมย แต่ไม่ใช่ขโมยทรัพย์สินนะคับ แต่ขโมยความลับ

ช่องแล้วช่องเล่า ผมก็ยังคงหาไม่เจอ กระเป๋าของเดชทำไมมันช่างซับซ้อนอย่างงี๊ แต่ผมทำได้อย่างเนียนๆ แหล่ะคับ ผมไม่ได้ค้นแบบกระจุยกระจาย แต่ว่าจะค่อยๆ รื้อ แล้วเมื่อค้นเสร็จก็จะจัดไว้เหมือนเดิมราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมคิดว่า ยังไงเดชก็คงไม่มีทางจับผมได้แน่นอน

แล้วการค้นของผมก็มาถึงช่องสุดท้ายซักที ช่องที่ซ่อนอยู่ในส่วนของกระเป๋าใส่เสื้อผ้า มีของแข็งลักษณะคล้ายหนังสืออยู่ด้วย ผมตื่นเไม้มาก ผมรีบเปิดซิบขึ้นมาทันที ผมหยิบสิ่งที่มันมีรูปร่างเหมือนหนังสือขึ้นมาดู มันก็คือ







....
...
..
.






คู่มือนำเที่ยวจังหวัดชุมพร

เซ็งสิคับ ความพยายามของผมที่อยากจะรู้ความลับของเดชสลายไปแล้ว ผมจัดแจงเก็บข้าวของที่ผมรื้อมาไว้ในสภาพเดิมให้มากที่สุด แล้วก็เอากระเป๋าเดินทางของมันไปไว้ที่เดิม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ใจเย็น มันต้องอยู่ในนี้แหล่ะ”

เมื่อผมคิดได้ ผมจึงค่อยๆตั้งสติ ค่อยๆคิดว่ามันควรจะเอาไดอารี่ไว้ตรงไหนได้บ้าง ผมเริ่มสำรวจบนโต๊ะหนังสือ ชั้นวางหนังสือ ก็ไม่มี ขนาดว่าไปหาที่ชั้นวางรองเท้า ก็ยังไม่มีอีก (มาคิดอีกที ใครจะเอาไดอารี่ไปวางไว้ที่ชั้นรองเท้าวะ) ความพยายามของผมเริ่มหมดลง ผมล้มตัวลงนอนบนที่นอนบนเตียงเดช

อ้าว !!! มันวางไว้ข้างๆ หมอนของมันนี่เอง

ผมหยิบไดอารี่ สมุดความลับของเดช ที่ผมจะได้รู้ความลับและความในใจของเดช เดชคิดอะไรอยู่ ผมกำลังจะได้รู้แล้วล่ะคับ แม้มันอาจจะไม่ช่วยให้มันมารักผมก็ตาม แต่ก็อยากรู้ว่า มันเป็นยังไงบ้างวันๆหนึ่งหลังจากที่เราแยกจากโรงเรียน

ผมเริ่มเปิดไดอารี่ จากหน้าที่ผมเขียน “กูเป็นห่วงมึงนะเดช” (ถ้ายังจำได้ ตอนที่ 22 คับ) ซึ่งต่อจากนั้นก็หลายวันอยู่เหมือนกัน ก่อนหน้านั้นผมคิดว่าเดี๋ยวค่อยกลับไปอ่านก็ได้มั้ง

ผมเริ่มเปิดไดอารี่จากหน้านั้น.................
-----------

ปอลอ.
ช่วงนี้คงจะได้มาลงสัปดาห์ละ 1-2 ตอนนะคับ งานเข้าจริงๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่34[31-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: konan6688 ที่ 01-09-2008 00:39:50
ขอยาวๆ  ได้ป่าวครับ ชอบ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่34[31-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 01-09-2008 09:13:52
เสี่ยงนะนั่น  ไปแอบอ่านไดอารี่ของเค้าเนี่ย 

โดนจับได้ละยุ่งแน่เลย 

แต่ว่านะ  ไม่เป็นไรหรอกมั้ง  อยากรู้ด้วยอะ 555+
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่34[31-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 02-09-2008 10:13:37
อยากรู้ด้วยคน อิอิ  :m4:

หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่34[31-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 02-09-2008 14:47:04
:o เข้ามาทำให้ค้าง แ้ล้วจะหายไปเป็นอาทิตย์เนี๊ยน่ะ o12

อยากรู้เหมือนกันน่ะว่าเดชเขียนไรไว้มั่งอ่ะ มีเรื่องของนายใหญ่มั่งรึเปล่า หรือว่ามีแต่เรื่องน้องต่ายสุดสวย หุหุหุ
แต่ก็หวัุงแต่ว่าเดชจะกลับมาไม่ทันน่ะ กลัวจัง กลัวเสียงประตูเปิดพลั๊วเข้า่มาจ๊ะเอ๋พอดีอ่ะดิ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่34[31-08-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 03-09-2008 23:04:54
ตอนที่ 35 (ไดอารี่ของเดช)

ไดอารี่ระบุวันที่ 20 มิถุนายน ใจความมีอยู่ว่า
เมื่อวานไอ้ใหญ่มานอนที่นี่ กูก็ดีใจที่มันมา กูยอมรับตัวกูเองว่ากูอ่อนแอเกินไป เรื่องแค่นี้กูถึงกับต้องร้องไห้ ไม่สมกับเป็นเด็กสุพรรณเลยว่ะ คนสุพรรณต้องเข้มแข็ง แล้วกูเป็นลูกทหารแล้วล่ะก็ จะมาอ่อนแออย่างงี๊ไม่ได้ แต่กูก็ดีใจที่ไอ้ใหญ่มันมาหากู เหมือนมันเป็นที่พึ่งสุดท้ายของกูล่ะมั้งเรื่องต่าย
ตลกมันอย่างนึงว่ะ ตอนที่มันเอาชุดนักเรียนกูไปใส่ มันบอกว่ามันลืมเอาทุกอย่างมาจากบ้าน สงสัยมันคงรีบจัด กูเลยให้มันใส่ชุดกู เออ เท่ดีว่ะแม่ง
ก็ไม่มีอะไรมาก วันนี้กูกับไอ้ใหญ่ก็แวะไปหน้าหมู่บ้านต่าย ไอ้ใหญ่มันก็อิดออดเล็กน้อย เป็นห่าอะไรวะอิดออดได้ทุกวัน แล้วก็ลงเอยด้วยกูก็ต้องไปกินข้าวกับมันอีก
สรุปแล้วกูพร้อมที่จะรักต่ายหรือยังวะ


ผมเปิดต่อไป วันรุ่งขึ้น 21 มิถุนายน ใจความมีอยู่ว่า
วันนี้กูก็ตื่นปกติ กูนั่งรอใหญ่ที่โรงอาหาร ไหนบอกแม่งจะมาเร็วๆวะ สุดท้ายกูก็ต้องวิ่งไปซื้อหมูปิ้งให้มัน เกือบมาเข้าแถวไม่ทัน แล้วทำไมกูไม่ซื้อให้ต่ายวะ ของอย่างงี๊ต่ายเขาจะกินเหรอวะ ไม่หรอก เขามันนางฟ้า กูนั้นหมาวัด เจียมตัวซะบ้างไอ้เดช
พักนี้กูคงเขียนน้อยไปหน่อย มันเหนื่อยวะ ต้องซ้อมงานโรงเรียน แถมยังต้องมารอไอ้ใหญ่อีก แม่งกว่าจะประชุมเสร็จ ยุงหามเลือดกูไปกินหมดแล้ว
ทำไมกูถึงไม่กล้าทำกับต่ายเหมือนที่กูทำกับไอ้ใหญ่บ้างวะ

เสียงประตูดังขึ้น ผมรีบเก็บไดอารี่ลงไปไว้ที่เดิม
แล้วมันก็คือ....


















ปล.
วันนี้ว่างคับ เลยแวะมาลงให้นิดหน่อยก่อนถึงวันเสาร์ กลัวคนอ่านขาดใจไปก่อนคับ
 :bye2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่35(ไดอารี่ของเดช)[03-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 03-09-2008 23:47:42
น๊านน ว่าแล้ว ไอ้เสียงประตูเนี๊ย .......

แต่ทำไมต้องทำให้ค้างด้วยอ่ะ ต้องเครียดข้ามวันป่ะเนี๊ย
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่35(ไดอารี่ของเดช)[03-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 04-09-2008 08:20:15
เครียดเลยยย

ลุ้นจาตายแล้วเนี่ยยย

 :m31:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่35(ไดอารี่ของเดช)[03-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 06-09-2008 10:40:30
35(ไดอารี่ของเดช : จบ)


แล้วมันก็คือ....






















โธ่เอ๋ย
เสียงลมตีประตู

"อ่านต่อดีกว่า"

วันที่ 22 มิถุนายน
ก็เหมือนเมื่อวานว่ะ ไม่รู้ว่าให้เขียนอะไรทุกวัน ต่ายก็เหมือนเดิม น่ารัก ว่าที่แฟนเดช

วันที่ 25 มิถุนายน
วันศุกร์สุดสบาย วันสุดท้ายที่กูเรียนในอาทิตย์นี้  วันนี้กูซ้อมหนักมาก แมร่งกูเป็นนักเรียนนะเฟ้ยไม่ใช่ทหาร อย่างกับให้กูไปออกรบจริง
เออวันนี้ไอ้ใหญ่มันถามอะไรกูอย่างนึงว่ะ กูก็อึ้งๆเหมือนกัน มันถามว่ารู้สึกยังไงเวลาใครมาแซวว่ากูกับมันเป็นแฟนกัน ไอ้บ้า แม่งคิดได้ไงวะ ผู้ชายสองคนเป็นเพื่อนกัน ไปไหนไปด้วยกันเลือดคนสุพรรณเว้ย
อีกอันนึง มันถามกูว่า ถ้ามีคนเขามาชอบมึง แต่มึงชอบต่าย มึงจะเลือกใคร แม่ง ไม่รุ้ว่ะ ใครเขาจะมาชอบคนอย่างกู ไม่มีหรอก
สรุปก็คือ ตอนนี้ กูเป็นเพื่อนไอ้ใหญ่ แต่ถ้ากูได้แต่งงานกับต่าย กูจะให้ไอ้ใหญ่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว

วันที่ 30 มิถุนายน
กูขี้เกียจเขียนหลายวัน ก็เหมือนเดิม  เดี๋ยวไดอารี่กูจะเน่า ไม่มีไรเขียน
ทำไมพักนี้กูชอบโทรหาไอ้ใหญ่จังวะ ทำไมไม่เอาเวลาที่โทรหาไอ้ใหญ่ไปโทรหาต่ายวะ เผื่อมันจะคืบหน้ามั่ง ก็กูไม่กล้า อ่ะ สรุปให้เลย
วันนี้กูก็หลับคาโทรศัพท์ คุยกับไอ้ใหญ่จนหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ แปลกนะแม่งไม่ด่ากูเลย ถ้ากูเป็นมันนะ เชี่ย แค่ชั่วโมงแรกกูก็รำคาญแล้ว

วันที่ 4 กรกฎาคม
วันนี้กูไปซื้อหนังสือ ตอนเช้ามีงานโรงเรียน กูบอกต่ายให้มาดูด้วย ต่ายบอกว่ามีเรียนพิเศษตอนบ่าย กูก็เลยคิดว่ากูอยากซื้อของให้ต่าย แต่กูไม่รุ้จะซื้อไรให้ต่ายดี เลยชวนไอ้ใหญ่ไปเลือก
แล้วไง สุดท้ายกูก็โดนหลอก ต่ายไม่ได้มาเรียน ต่ายเขาหลอกกู เห็นกูเป็นอะไรวะ ไม่รักไม่ว่านะเว้ย บอกกันดีๆได้ป่ะ อย่าหลิกกันอย่างงี๊ดิ
กูอยากขอโทษใหญ่มันด้วยว่ะ แมร่งมันไม่รุ้อะไรเลย กลับต้องมาเจอกูเป็นอย่างงี๊ เฮ้ย กูขอโทษมึงจริงๆ มึงให้อภัยกูนะ
= _ =
ดีมาก เพื่อนรัก

11 กรกฎาคม
วันนี้ไอ้ใหญ่มันมานั่งเล่นที่ห้องเรียนกู เกิดเป็นมันก็ดีอย่างนึงว่ะ เขากับคนง่าย แม่งรู้จักเพื่อนกูกันหมดแล้ว
วันนี้กูชวนมันไปซื้อเสื้อที่สะพานพุทธ แม่งว่าง่ายว่ะ ไปไหนก็ไป นี่นี่ กูไปดูแหวนมาวงนึงด้วย แหวนเงิน เขาบอกว่าสลักชื่อฟรี กูก็เลย...
ไม่เอาดีกว่า กูไม่ชอบใส่แหวน
สรุปแล้วกูได้ของอยู่คนเดียว ไอ้ใหญ่ไม่ได้ แล้วแม่งจะมาทำไมวะ

13 กรกฎาคม
ทำไมกูกับต่ายมันไม่คืบหน้าไปมากกว่านี้เลยวะ ป่านนี้ไอ้ไม้ทำคะแนนไปหมดแล้วมั้ง แต่อย่าลืมว่า กูมีไอ้ใหญ่อยู่ มันช่วยกูอยู่แล้วล่ะน่า
“เหนื่อยจนท้อ ต้องรอไปจนเมื่อไหร่”

17 กรกฎาคม
วันนี้วันจันทร์ ไอ้เชี่ยใหญ่แม่งคงมาเช้า ไปดักรอมันที่หน้าโรงเรียนเหมือนเดิม มันถืออะไรมาด้วย อ้าว ของฝาก เสร็จโจร มันก็บ่นๆ บอกว่าเอามาให้เพื่อนมันกิน แต่กูก็เป็นเพื่อนมัน  ข้าวตังห่อนั้นจึงเป็นของกู กูเอาไปให้เพื่อนๆ กูที่ห้องกิน
อยู่ดีๆไอ้เชี่ยเต้ถามกูว่า พักนี้มึงจะสนิทกับไอ้ใหญ่มากไปแล้ว ก็แล้วทำไมอ่ะ กูเป็นเพื่อนมัน กูเป็นเพื่อนมึงด้วยไอ้เต้ สงสัยแม่งจะน้อยใจ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ไปไหนกับมันเลย สงสัยกูต้องไปเที่ยวกับมันซะหน่อยแล้ว
ต่ายครับ เดชรักต่ายนะคับ

20 กรกฎาคม
ไอ้เข้มวางโปรแกรมแล้ว หลังสอบจะไปเที่ยวที่บ้านมันที่ชุมพร มันก็ชวนพวกเราในกลุ่มกันหมดนั่นแหล่ะ พวกกูตกลงว่าจะไป กูถามมันว่าเอาไอ้ใหญ่ไปได้ เออดี ท่าทางแม่งจะไม่เคยไปเที่ยวกับเพื่อน
วันนี้แสนสุขใจ ต่ายยิ้มให้กูด้วย สงสัยว่าไอ้ใหญ่ไปทำแต้มให้กูแหงๆ
กูรักมึง ขอบใจมากไอ้ใหญ่เพื่อนเลิฟ

22 กรกฎาคม
ไม่มีเชี่ยไรทำเลย วันเสาร์ กูโคตรเบื่อ แต่ก็มีนะมึง ใกล้สอบแล้ว อีกสัปดาห์เดียวเอง ไมมันเร็วงี๊วะ กูยังไม่ทันจะเรียนรู้เรื่องเลย สงสัยต้องนัดไอ้ใหญ่มาติว ก็แม่งอยู่ห้องคิงนี่หว่า
พรุ่งนี้กูก็จะได้ไปเจอต่ายอีกแล้ว ที่เรียนพิเศษ แต่ก็คงไม่มีโอกาสได้คุยหรอกว่ะ ไอ้ไม้กับเพื่อนมันแม่งคุมต่ายอย่างกับนักโทษ กูก็คงได้ไอ้ใหญ่เป็นเพื่อนปลอบใจอีกตามเคย
กูจะรอวันที่ต่ายเขามาชอบกูให้ได้ ว่าแต่ เมื่อไหร่ล่ะ

23 กรกฎาคม
ก็เป็นไปอย่างที่กูคิด แถมแม่งไอ้ไม้ยังมองหน้ากูอีก หาเรื่องกูเหรอ สงสัยแม่งอยากมีเรื่อง ต่ายยังไม่ใช่ของมึงนะไอ้ไม้มึงรู้ไว้ซะด้วย มึงอย่ามามีเรื่องกับกูก่อนละกัน กูไม่ทำใครก่อนหรอก
รู้ทั้งรู้ว่าวันอาทิตย์ ยังไงมันก็ต้องเป็นอย่างงี๊ แล้วทำไมกูยังทนได้อยู่วะ สงสารก็แต่ไอ้ใหญ่ต้องมานั่งฟังกูทุกที
กูขอโทษนะไอ้ใหญ่ ที่กูต้องเดือดร้อนมึงอยู่เรื่อย
เพื่อนรักของกู

25 กรกฎาคม
พักนี้ไม่ค่อยเขียนเท่าไหร่เลย เขียนสั้นมาก ใกล้สอบแล้วนี่หว่า กูขอไปอ่านหนังสือสอบก่อนนะเว้ย

29 กรกฎาคม
ไอ้ใหญ่ยอมมาติวหนังสือกับกูแล้ว อ้อนอยู่นานเลย เอาน่า กูจะได้คะแนนดีดีกับเขามั่ง มันมานอนกับกูคืนนี้ ตอนนี้แม่งก็นอนหลับไม่รู้เรื่องบนเตียง คนเชี่ยไรวะ หลับง่ายชะมัด
ย้อนไปตอนค่ำ กูไปเปิดเผยมุมลับของกู โลกส่วนตัวที่กูไม่เคยบอกใคร แต่กูก็บอกมัน ไม่รู้ดิกูไว้ใจมันว่ะ กูอยู่กับมันแล้วกูรู้สึกดีมากๆ
มึงไปรักใครวะ ไอ้ใหญ่ มึงบอกกูหน่อย กูอยากรู้ กูได้ยินตอนมึงนอนดูดาวกับกู
หรือกูรักไอ้ใหญ่วะ
ไม่หรอก กูไม่ใช่เกย์ กูจะไปรักมันได้ไง

30 กรกฎาคม
พรุ่งนี้สอบแล้ว สู้ๆ นะเดช พ่อแม่กูรอฟังข่าวดีจากกูอยู่ แต่สอบยังไงวะ วันแรกสอบแต่สังคม ไทย อังกฤษ พระพุทธ แล้วก็เลข อย่างงี๊วันที่สอง กับวันที่สาม กูก็ตายห่าไปเลยดิ
สอบเสร็จกูก็ได้เที่ยวแล้วโว้ย จะเที่ยวเผื่อต่ายด้วยนะที่รักของเดช

5 สิงหาคม
สอบเสร็จแล้ว ดีใจ@#$#@$#@$23++62

กูจะได้เที่ยวแล้ว ไอ้เข้มบอกว่าไปช่วงวันแม่ จะได้เที่ยวเยอะ ๆ เพราะหยุดยาว
เออก็ดี จะได้มีเวลาเตรียมตัวนานๆ
พักนี้ต่ายเป็นไงมั่งเนี๊ย ไม่ได้แวะไปถามเลย รักเหมือนเดิมนะคนดีของเดช

8 สิงหาคม
พรุ่งนี้กูจะไปเที่ยวแล้ว
เอาไรไปดีล่ะ ไม่น่าถามเลย เสื้อผ้าดิ (มุขไอ้ใหญ่มัน)
แต่ดูเหมือนไอ้ใหญ่มันไม่ค่อยอยากไปมั้ง กูเข้าใจนะ ว่ามันไม่มีเพื่อน ถึงมันจะสนิทกับกู แต่มันก็คงเกร็งๆ กับเพื่อนกูเหมือนกันละมั้ง


ผมอ่านจบลง ที่หน้าสุดท้าย มันเขียนไว้เมื่อวานนี้ ผมเก็บไดอารี่มันไว้ที่เดิมของมันที่เคยอยู่ แล้วก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ นอนรอบนเตียงของเดชต่อไป รอมันกลับมาจากซื้อของกับไอ้เต้

ถ้าไม่คิดแบบเข้าข้างตัวเองนะ


















“มึงคิดอะไรกับกูหรือเปล่าไอ้เดช” – ผมพูดกับไดอารี่ของมัน “แต่กูรักมึงนะไอ้หมาวัด”
---------------
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่35(ไดอารี่ของเดช:จบ)[06-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 06-09-2008 15:16:51
ลุ้นๆๆๆๆๆๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่35(ไดอารี่ของเดช:จบ)[06-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 08-09-2008 09:56:18
มีลุ้นรึเปล่าเนี่ย   :t2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่35(ไดอารี่ของเดช:จบ)[06-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 09-09-2008 08:36:42
 :เฮ้อ:

ไปเที่ยวคราวนี้จะคืบหน้ามั๊ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่35(ไดอารี่ของเดช:จบ)[06-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 09-09-2008 15:51:21
เพิ่งได้ตามอ่านตั้งแต่บทที่ 1 โอย น่ารัก ชอบมากๆ เคยผ่านช่วงเวลานี้มาก่อนเหมือนกัน แอบชอบเพื่อนแต่เพื่อนมันเจือกมาขอคำแนะนำเพื่อไปจีบคนที่มันชอบ  :o12: แต่มาคิดตอนนี้ ก็ดีแล้วที่เป็นเพื่อนกันต่อมา นึกภาพตอนเป็นแฟนกันไม่ออก

แต่ไม่อยากให้คู่นี้จบแบบเศร้าอะ ดูๆแล้วท่าทางน้องเดชจะรักใหญ่แหละ แต่ยังไม่รู้ว่าจริงๆแล้วความรู้สึกที่ตัวเองมีให้ใหญ่มันเกินเพื่อนไปแล้ว ว่าแล้วก็เอาตอนต่อไปมาลงให้ป้าอ่านด่วนเลยนะจ๊ะ ชอบแนวใสๆแบบนี้มากๆ  :m1:  :m1:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่35(ไดอารี่ของเดช:จบ)[06-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 09-09-2008 21:14:39
มาแล้วคับ ปั่นซะร้อนเลย :oni2:
------------------------------------


ตอนที่ 36
 :a2:
“ไมมึงไปนานจังวะ” - ผมถามเดช
“ไอ้เดชนั่นแหล่ะ เลือกของนาน ไม่รู้แม่งจะเลือกไรนักหนา” – ไอ้เต้บอกผม เป็นการฟ้อง
“เชี่ยละ มึงเลยไอ้เต้ มัวแต่เลือกสบู่อยู่นั่นแหละ กูน่ะเสร็จตั้งนานแล้ว”

เสียงเคาะประตูดังขึ้น คราวนี้เพื่อนมันเข้ามาอีก 4 คน ก็ครบ 7 คนแล้วดิคับ กว่าจะรวมตัวครบก็เกือบ 5 โมงแล้ว แล้วจะไปทันขึ้นรถไฟกันป่ะเนี๊ย เราทั้ง 7 คนลงมาจากห้องของเดชทันที เรียกแท๊กซี่เพื่อไปสถานีรถไฟสามเสน ก็อย่างว่านะคับว่า การจราจรในกรุงเทพฯ ตอนเย็นๆ มันก็ช่างติดเหลือเกิน แล้วยิ่งเป็นเย็นวันศุกร์แล้วล่ะก็ ไม่อยากจะคิดเลยคับ แยกที่ผมจะต้องผ่านได้ชื่อว่าเป็นสี่แยกที่ค่อนข้างจะมีรถติดนานมากด้วย

แท๊กซี่พาเรามาถึงสถานีรถไฟตอนหกโมงสิบนาที แทบว่าเส้นยาแดงผ่าแปดกันเลยทีเดียว เป็นโชคดี(หรือเปล่า) ที่รถไฟเข้าสถานีช้ากว่ากำหนด เกือบสิบนาที เพราะฉะนั้นเราจึงพอมีเวลาทำธุระส่วนตัว เข้าห้องน้ำ ซื้อขนมที่สถานี แล้วก็มานั่งรอรถไฟที่ชานชลา

“ที่นี่ สถานีสามเสน ที่นี่ สถานีสามเสน รถไฟเข้าเทียบชานชลาที่ 1 เป็นรถเร็วขบวนที่ 167 เดินทางออกจากสถานีกรุงเทพ ปลายทางสถานีกันตัง ผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางไปกับขบวนรถไฟสายนี้ โปรดตรวจสอบสัมภาระของท่านให้เรียบร้อยก่อนขึ้นขบวนรถครับ”
“รถเร็วขบวน 167 ออกจากสถานีสามเสน และจะแวะรับส่งผู้โดยสารที่สถานีบางซื่อเป็นสถานีถัดไปครับ”

พวกเราไม่ต้องรอให้สิ้นสุดเสียงของนายสถานีหรอกคับ เราทั้ง 7 คนต่างรีบขึ้นไปจับจองที่นั่ง ซึ่งเป็นที่นั่งที่ได้จองไว้ตั้งแต่แรก ปกติรถไฟชั้น 3 ถ้าเดินทางระยะใกล้ๆ จะไม่มีการเลือกที่นั่ง แต่ถ้าเดินทางไกล จะต้องมีการเลือกที่นั่ง เพราะถ้าไปไกลๆ คงจะยืนไปไม่ไหวหรอกคับ

ที่นั่งที่ได้จองไว้เป็นที่นั่งสำหรับ 6 คน นั่งหันหน้าฝั่งละ 3 คนทั้งสองฝั่ง และมีที่นั่งติดกันแต่อยู่ด้านหน้าอีก 1 ที่นั่ง ผมเป็นคนขึ้นช้าที่สุด และผมก็เป็นเพื่อนต่างห้องด้วย ผมจึงยินดีที่จะนั่งที่นั่งคนเดียว เรื่องของเรื่องก็คือผมจะได้นั่งดูโน่นดูนี่ไปด้วย และอีกอย่างผมก็ขึ้นรถไฟครั้งแรก (เท่าที่จำความได้ตั้งแต่เด็กๆ เคยขึ้นอยู่บ้าง แต่ไม่เคยมาขึ้นกับเพื่อนเลย) อออออ

รถไฟเริ่มออกวิ่งแล้ว จากสถานีสามเสน ยอมรับว่าตื่นเต้นเหมือนกัน ผมจะได้มาเที่ยวต่างจังหวัดครั้งแรกกับเพื่อน ผมมองโน่นนี่ตลอดเวลา มองวิวที่ผมเคยเห็น(จริงๆแล้วก็เป็นวิวเดิมๆแหล่ะคับ เพียงแต่มันมองจากรถไฟ) 

“มึงเป็นไรใหญ่” - เดชตะโกนข้ามหัวเพื่อนมันมา
“เปล่า ดูวิว”
“มึงไม่เคยเห็นเหรอวิวในกรุงเทพน่ะ”
“เคย แต่ไม่เคยมองจากรถไฟ” – ผมตอบมัน เสร็จแล้วมันก็หันหลังไปคุยกับเพื่อนเหมือนเดิม
“เข้ม กูยืม MD หน่อยดิ” – ผมขอยืมเครื่องเล่น MD จากไอ้เข้ม มันก็ส่งมาให้ผมโดยดี ตอนนี้ผมกำลังเข้าสู่โหมดโลกส่วนตัว

เพลงใน MD เพลงแรกชื่อเพลง “รอ” ของกะลา คุ้นหูผมเหลือเกิน
ระหว่างกำลังชมวิวข้างทาง พร้อมฟังเพลงที่เป็นแนวรักที่ไม่สมหวังอีกหลายเพลง

“เฮ้ย+++!!!”
“เป็นอ่ะไรล่ะมึง เปลี่ยวเชียวนะ” – ไอ้เดชมานั่งกับผม
“เปล่า ไม่ได้เป็นไร” – ผมบอกมัน ผมไม่ได้เป็นไรจริงๆนะตอนนั้น คงจะเป็นความรู้สึกแปลกแยกล่ะมั้งคับที่ผมเป็นเด็กต่างห้องคนเดียวที่มาเที่ยวกับพวกมัน
“งั้นกูนั่งกับมึงนะ” - ไอ้เดชบอกผม
“แล้วถ้าคนขึ้นมาจะทำไง”
“ค่อยย้ายกลับ แล้วมึงก็ต้องไปนั่งกับพวกกูด้วย อย่ามานั่งเปลี่ยวอย่างงี๊” - มันสั่งผม
“กูนั่งตรงนี้ได้ ไม่เป็นไร” – ผมยืนยันที่จะนั่งตรงนี้
“มึงอย่าทำตัวอย่างงี๊ดิ”
“กูทำอะไร”
“มึงมาเที่ยวกับพวกกูนะเว้ย มึงก็ช่วยไปนั่งกับพวกกูหน่อยเหอะ”
“แล้วที่นั่งตรงนี้ล่ะ”
“ช่างมันดิ มาด้วยกันก็ต้องนั่งด้วยกัน”
“..............”
“มึงอย่าทำตัวอย่างงี๊อีกนะเว้ย”
“........อืม”
“มึงฟังเพลงไรอยู่วะใหญ่” – มันถามผม ไม่ถามเปล่า ดึงหูฟังข้างขวาไปจากผมด้วย
“อ้า...........”
“กูขอนั่งกับมึงก่อนนะใหญ่”
“เอ่อ.......ก็ ...... ก็เอาดิ”

เราสองคนนั่งด้วยกัน โดยไม่ได้พูดอะไรกันอีก เรานั่งฟังเพลงใน MD กันไปเรื่อยๆ ส่วนข้างหลังของผมก็มีเพื่อนอีก 5 คน ซึ่งคุยกันเสียงดังมาก เพราะต้องคุยแข่งกับเสียงรถไฟ ซึ่งมันดังเหลือเกิน แต่ความดังของรถไฟก็ไม่เท่าเสียงคุยของพวกมันหรอกคับ ดีนะว่าคนยังขึ้นมาไม่เยอะ ไม่งั้นคงรำคาญแย่

ถึงสถานีนครปฐมแล้วคับ ตู้ของพวกเราเริ่มมีคนขึ้นมาหนาแน่นมากขึ้น รวมถึงที่นั่งข้างผมก็มีคนมานั่งแล้วด้วย เดชจึงชวนผมกลับไปนั่งกับเพื่อนๆมัน ตอนนี้ก็มีกัน 7 คน แต่มี 6 ที่นั่ง ทำไงดีล่ะ ตอนแรกพวกเราก็ยอมนั่งเบียดกัน 4  คน โดยผมก็ต้องนั่งเบียดกับเดช เพราะพวกมันลงความเห็นว่าเราสองคนสนิทกันมากเกินพอดี

เมื่อครบองค์ประชุม เดชแนะนำเป็นทางการซักที ก็ผมรู้จักก็แค่เข้ม เอก แล้วก็ไอ้เต้ปากหมาแหล่ะคับ ที่เหลืออีก 3 คนไม่รู้จักหรอก สามคนที่เหลือก็มีเล็ก (คนที่ซ้อมการแสดงตอนงานโรงเรียนน่ะคับ) แล้วก็ โส รวมผมกับเดชก็เป็น 7 คนพอดี เล็กเป็นคนที่ค่อนข้างจะไม่ถูกชะตาเท่าไหร่เมื่อเห็นตอนแรกๆ แต่ตอนนี้ก็คุยกันดี ส่วนโสเป็นคนผิวขาว สูงพอประมาณ แต่ก็เตี๊ยกว่าผมอยู่ดี ผอม หน้าตาก็โอเคนะคับ

เราทั้งหมดก็คุยกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา จนรู้สึกว่าเวลาผ่านไปจนถึงเกือบๆ สี่ทุ่มแล้ว ผมคงเหนื่อยมากไปละมั้งคับ หาวมาตั้งแต่นครปฐมแล้ว จนผมเคลิ้มๆไปนิดหน่อย หัวเริ่มโงนเงน ไม่อยู่ในแนวตรงกลางแล้ว
“เดช กูง่วง”
“นอนดิ”
“นอนไงล่ะ ไอ้ห่า”
“มึงพิงไหล่กูเด่ะ กูยังไม่ง่วง”
“อืมๆๆ” – ผมก็เอาหัวของผมไปพิงไหล่เดช ตอนนั้นนอกจากง่วงแล้ว ผมไม่ได้คิดอะไรอย่างอื่นจริงๆ
“เดช”
“อะไรวะ”
“อีกไกลป่ะวะ”
“ก็ถึงประมาณตีสองครึ่งน่ะ”
“ถ้ามึงเมื่อยมึงบอกกูนะเดช กูจะได้ไปนั่งที่เดิมกู”
“มึงนั่งตรงนี้แหล่ะไอ้ใหญ่”
“ขอบใจว่ะ”

แล้วผมก็หลับไป ตอนนี้สภาพของแต่ละคนก็งัวเงียไม่ต่างกัน ไอ้เข้มขอ MD คืน มันจะฟังมั่ง ที่เหลือก็หลับกันไปแล้ว พิงกันไปพิงกันมาแหล่ะคับ เหลือแต่ไอ้เดชกับไอ้เข้มที่มันยังไม่ง่วงกัน จะว่าไปเพื่อนๆมันดูรักกันมากนะคับ ไม่รู้ดิผมยังรู้สึกได้ถึงความรักแบบเพื่อนที่พวกมันมี พวกมันไม่ต้องปรุงแต่งอะไรทั้งสิ้น ขนาดผมเป็นคนที่เป็นเด็กต่างห้องคนเดียว พวกมันก็คุยกับผมอย่างกับเป็นเพื่อนที่อยู่กันมานานแล้ว ส่วนใหญ่ก็ถามเกี่ยวกับเรียนห้องคิงเป็นไง ยากป่ะ กดดันไม๊ แล้วก็จบลงที่การชวนมาอยู่ห้องของพวกมัน

“เดชๆ”
“อะไรวะมึงไอ้ใหญ่”
“กูมีไรจะบอกมึงว่ะ”
“อ่ะไรล่ะ ว่ามาดิ”






























“ห้องน้ำบนรถไฟอยู่ตรงไหนวะ กูปวดฉี่”

“เชี่ยใหญ่ กูนึกว่ามีอะไร”
“ก็เอ่อ ไม่เคยเข้าห้องน้ำรถไฟอ่ะดิ”
“มึงเห็นอ่างล้างมือตรงหัวตู้ป่ะ” - มันชี้ไปที่หัวตู้
“อืม”
“ข้างๆ มันจะมีห้องน้ำอยู่น่ะ”
“เหรอ”
“เออ ขอบใจว่ะ”

การเดินทางด้วยรถไฟชั้น 3 อันสุดแสนจะทรมานใกล้จะสิ้นสุดลง ดูเหมือนว่าผมจะเอาเปรียบเดชมาตลอดทาง ผมพิงไหล่มันมาตลอด แต่มันไม่ได้นอนเลย แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยังง่วงอยู่ดี เราลงที่สถานี “ปะทิว” แม่ไอ้เข้มมารอพวกเราตั้งแต่ตีสองแล้ว พวกเรามาถึงที่นี่กันตอนเกือบตีสามครึ่ง สงสัยเป็นเพราะมัน late มาตั้งแต่แรกที่เรามากันแล้ว

ไม่พูดพร่ำทำเพลง พวกเราขึ้นรถแม่ไอ้เข้มกันทันที อากาศตอนนั้นหนาวพอสมควร แต่ไม่ถึงกับหนาวมาก รถแม่มันเป็นรถกระบะที่เอาไว้ขนผลไม้ออกจากสวนของมัน (มันเล่าให้ฟังระหว่างเดินทางไปที่บ้านมัน) จากสถานีรถไฟไปบ้านมันตอนแรกยังพอมีความเจริญอยู่บ้าง แต่จากนั้นพบว่าความเจริญได้หายไปในระยะทางไม่ถึง 5 กิโลเมตร เสาไฟฟ้าไม่มีซักเสา ไฟส่องสว่างตอนนั้นมีเพียงไฟจากรถกระบะคันนี้เท่านั้น ผมได้รับเกียรติไปนั่งข้างหน้ากับไอ้เข้มและไอ้เต้ ส่วนที่เหลือต้องไปนั่งข้างหลังกันตามระเบียบ จริงๆถ้าจะเบียดก็คงพอ

เราแวะกันที่ร้านขายของชำร้านหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าจะตั้งอยู่กลางป่า มีถนนลาดยางความกว้าง 2 เลนใหญ่อยู่หน้าบ้าน (คิดว่าที่เป็นเลนใหญ่เพราะรถบรรทุกต้องวิ่งผ่านมั้งคับ) รอบข้างเป็นป่ามืดทึบ มองด้านข้างไม่เห็นอะไร แต่เมื่อมองไปบนท้องฟ้าเห็นดาวเยอะแยะสวยงามมาก แต่ผมก็ไม่ค่อยตั้งใจดูเท่าไหร่หรอกคับ มันหนาวนี่นา ไม่เห็นใครบอกผมเลยว่าอากาศตอนตีสามมันจะหนาวอะไรอย่างงี๊ ร้านขายของชำนั้นเป็นของครอบครัวไอ้เข้มมันคับ มันมีบ้านสองหลัง หลังนี้เอาไว้เผื่อพ่อค้ามาติดต่อซื้อของ ส่วนบ้านอีกหลังที่เราจะไปพักอยู่ลึกไปด้านในอีก

หลังจากที่พวกเราแวะร้านขายของชำ เพื่อเอาเสบียงและของใช้ที่จำเป็นเรียบร้อย ก็ขับรถเข้าบ้านกันต่อ แม้ไอ้เข้มเลี้ยวรถเข้าซอยเล็ก ๆ ที่ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นซอยได้ ทุกอย่างมืดสนิท มีเพียงแสงไฟจากรถเท่านั้น บางครั้งก็เห็นหิ่งห้อยบินด้วย เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็น ส่วนเสียงก็มีแต่เสียงเครื่องยนต์เท่านั้น ไม่มีเสียงคุยกันเลย สงสัยจะหนาวกันละมั้ง หนาวจนอ้าปากกันไม่ออก แม่ไอ้เข้มพาเราขับเข้ามาลึกพอสมควร จากปากซอยจนถึงตอนนี้ผมเห็นบ้านไม่ถึง 5 หลังเลย

แล้วเราก็มาถึงบ้านไอ้เข้มกัน บ้านมันเป็นบ้านปูน 2 ชั้น ที่ค่อนข้างใหญ่ แต่ก็ไม่ใหญ่แบบในหนังนะคับ มีบริเวณกว้างเหมือนกัน ที่บ้านมันมีหมาอยู่ 2 ตัวคับ เมื่อพวกเราลงรถไปมันก็เห่าต้อนรับ จากนั้นพวกเราก็ขนสัมภาระจากรถเข้าบ้านกัน

“ใครไปนอนห้องกูบ้าง”  ไอ้เข้มถามเพื่อนๆ
“กู”
“กูอ่ะ”
“มั่งดิ”
“อ่ะ งั้นไอ้เอก ไอ้เล็ก ไอ้โสนอนกับกูข้างบนนะมึง”
“เฮ้ยแล้วที่เหลือล่ะ” ไอ้เต้ถาม
“ข้างล่าง”
“เฮ้ย ไม่เอาน้า....” ไอ้เต้โอดครวญ
“ห้องเนี๊ยะ” – ไอ้เข้มพาไปที่ห้องที่อยู่ข้างล่าง เป็นห้องสีขาว มีเตียงขนาดใหญ่ 1 เตียง มันบอกว่าห้องนี้สำหรับเวลาแขกมาที่บ้านจะให้นอนห้องนี้ “ก็พวกมึงสามคน ไอ้เดช ไอ้เต้ แล้วก็ไอ้ใหญ่”
“เออ กูนอนนี้แหล่ะ เย็นดี” – ไอ้เดชบอก แล้วก็โยนกระเป๋าไปที่มุมห้องทันที ไอ้เต้เหมือนกำลังปรับสภาพให้ยอมรับว่าต้องนอนที่นี่ ส่วนผมก็เดินเอากระเป๋าไปวางที่มุมห้องเช่นเดียวกัน
“ห้องน้ำอยู่ด้านหลังนะ ตรงข้างๆ เครื่องซักผ้า” - ไอ้เข้มชี้ไปที่เครื่องซักผ้าที่อยู่ห้องถัดไป
“แล้วพรุ่งนี้พวกมึงต้องตื่นกัน 7 โมงนะเว้ย จะไปทำบุญกัน”
“เออ ยังไงมึงลงมาปลุกกูด้วยละกัน” – ไอ้เต้บอกไอ้เข้ม พยักหน้าหงึกๆ
“หลับสบายๆนะมึง คิดว่าเป็นบ้านพวกมึงละกัน”
“เออ กูไม่เกรงใจมึงหรอกเพื่อนรัก” – ไอ้เดชบอก มันหยิบเสื้อยืด ร.ด. มาตัวนึงจากกระเป๋า แล้วก็ถอดทันทีโดยไม่อายใครทั้งสิ้น
“……….”

แล้วไอ้เข้มกับเพื่อนอีก 3 คนก็เดินจากห้องนี้ไป เหลือผม ไอ้เดช แล้วก็ไอ้เต้ รวมแล้ว 3 คน แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นป่ะเนี๊ย นั่น ผมยังคิดไปถึงโน่น























แต่ไม่ไหวแล้ว ง่วงเหลือเกิน ขอนอนก่อนละกันนะ

“กูนอนกลาง” – ไอ้เต้บอก พร้อมกับโยนของส่วนตัวหนึ่งชิ้นไปบนที่นอนเพื่อการจับจองสถานที่
“กูเลย มึงอย่ามาเนียน” – ไอ้เดชด่าไอ้เต้ พร้อมกับปัดของไอ้เต้ออกมาไว้ริมขวา ซึ่งผมกำลังจะก้มลงนอน
“กูว่าพวกมึงตกลงกันให้เรียบร้อยก่อนละกัน” – ผมบอกพวกมัน ก่อนผมจะเดินไปห้องน้ำเพื่อไปแปรงฟัน
“ใหญ่ ไปด้วยดิ” – ไอ้เต้บอกให้ผมรอมัน
“เดช มึงไม่ไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนนอนเหรอ” – ผมถามมัน หน้าตาง่วงนอนเต็มที่
“เหอะๆ.......” – แล้วมันก็ยึดที่ตรงกลางไปนอนเรียบร้อย

แล้วผมกับไอ้เต้ก็เดินออกมาล้างหน้าแปรงฟันกันที่ห้องน้ำ ซักพักไอ้เล็กกับไอ้โสก็เดินลงมาสมทบ

“แมร่งหนาววะ” – ไอ้เล็กบ่น
“.......อืม” – ผมยิ้มให้มันทั้งที่ในปากก็ยังคงมียาสีฟันอยู่เต็ม
“มึงรีบๆ เลย กูหนาว” – ไอ้เล็กบอกผม ผมจึงรีบๆ แปรงให้เสร็จ
“ข้างบนไม่มีห้องน้ำเหรอ” - ไอ้เต้ถาม
“ไอ้เอกมันเข้าไปขี้” – โสบอกพวกเรา
“เชี่ย ถึงว่า แมร่งเหม็นมาถึงข้างล่าง” – ไอ้เต้หันขึ้นไปด่าไอ้เอก
“กูเสร็จแล้ว ไปยัง” –  ผมหันไปถามไอ้เต้
“ป่ะ เฮ้ยพวกมึง นอนฝันดีล่ะ” – ไอ้เต้บอกกับทุกๆคน

เมื่อกลับมาถึงห้อง ไอ้เดชนอนหลับไปเรียบร้อยแล้ว ผมกับไอ้เต้จึงต้องนอนริมกันคนละฝั่ง เก็บของกันเรียบร้อยแล้ว ผมจึงลุกไปปิดไฟ แล้วอยู่ดีๆ

“ใหญ่” - ไอ้เต้พูดขึ้นมา
“อะไรเหรอ”






“เปล่า แค่อยากบอกว่า ฝันดีนะเมิง”
“เออ เช่นกันเต้”
---------------------
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่36[09-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 09-09-2008 21:29:18
เอ่อ...เต้เค้ามีไรจะถามใหญ่เหรอ ...ความข้องใจในความสัมพันธ์ระหว่างใหญ่กะเดช ยังคงค้างอยู่อะดิ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่36[09-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 10-09-2008 09:57:41
ตอนใหม่รวดเร็วทันใจ แหมๆ เดชขอนอนกลางเพราะกลางคืนได้นอนกอดใหญ่ง่ายๆอะดิ้ ฮี่ๆๆ  :m12:

อ่านตอนนี้แล้วอยากลางาน แบ็คแพคขึ้นรถไฟไปเที่ยวตจว.มั่งจังเล้ย (อยู่ดีๆก็นึกถึงฉากในหนังเรื่อง Final Score ขึ้นมาซะงั้น  :oni1: )
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่36[09-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 10-09-2008 10:50:44
มีบอกฝันดีด้วยอะ

ยังไงละเนี่ย
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่36[09-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 10-09-2008 12:07:28
อะไรกัน  ตกลงเต้นี่คิดไรป่ะ  เห็นล้อจังเลย

 :man1:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่36[09-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 10-09-2008 19:27:05
^
^
^
จิ้มพี่อ้อ  :laugh:


สงสัยจะเสร็จพี่เต้

ลายเซ็นของพี่อ่านแล้วทำไมมันรู้สึกเศร้า ๆ เหงา ๆ ไงไม่รู้อ่ะ  :m15:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่36[09-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 10-09-2008 22:19:09
โอ๊ะๆ :laugh: 36 ตอน มันค้างคา มันคับอกคับใจ
จะค้อน กรรไกร กระดาษ มันจะออกมาแบบไหนเนี่ย
ลุ้นทุกตอนที่อ่าน มาต่อไวๆ น่ะค๊าบบ :serius2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่36[09-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 11-09-2008 11:40:37
คืนนี้สงสัยจะมีกอดกันคลายหนาวนะเนี่ย  :man1:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่36[09-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 11-09-2008 11:59:04
รอลุ้นด้วยคน   :m29:
ว่าจะเกิดไรขึ้นที่ชุมพรอ๊ะป่าว 
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่36[09-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 13-09-2008 21:22:25
37
 :serius2:
ก๊อกๆๆ
.
.
.
.
.
.
.
.

.

“ไอ้ใหญ่ไปเปิดหน่อยดิ” - ไอ้เดชสั่งผม
“อืม” – ผมเอามือออกจากตัวมัน ลุกไปเปิดประตู

(เอ๊ะ!!! ยังไง ทำไมมือผมไปอยู่บนตัวมันล่ะ)

“มีไรวะเข้ม” - ผมถามเข้ม
“หลับสบายดีป่ะ”
“ก็สบายว่ะ อากาศเย็นๆดี”
“คืนนี้เดี๋ยวเอาผ้าห่มลงมาให้ละกัน”
“ขอบใจว่ะ”
“แล้วเพื่อนกูตื่นกันยัง”
“ยังเลย มึงเข้าไปปลุกก็ดีนะ” – ผมเสนอ ไอ้เข้มก็เดินตามผมเข้าไป
“เห้ย ตื่นได้แล้วพวกมึง” – ไอ้เข้มตะโกน แต่เหมือนเสียงผมพูดปกติ มันชื่อว่านุ๋นคับ แต่มันปัญญาอ่อนขัดกับหน้าตาของมัน ก็เลยได้ชื่อว่า ไอ้เข้ม ที่มานี้มาจากไอ้เดชนั่นเอง
“ไอ้เต้ ไอ้เดช ตื่นๆ ตื่นได้แล้ว” – ไอ้เข้มเดินไปปลุกทีละคนอย่างมารยาทดี แล้วมันจะตื่นป่ะเนี๊ย
“โอ่ย เช้าแล้วเหรอมึง” – ไอ้เต้งัวเงียถาม
“เขาตื่นกันหมดบ้านแล้วมึง เหลือมึงสองตัวน่ะ”
“กี่โมงแล้ว” – ไอ้เต้ถาม
“หกโมงครึ่ง อีกครึ่งชั่วโมงพวกมึงต้องออกบ้านแล้ว เร็วๆเลย ปลุกไอ้เดชด้วยนะมึง กูไปละ” – ไอ้เข้มสั่งเป็นชุด แล้วก็เดินออกจากห้องไป
“กูไปอาบน้ำก่อนนะ” – ผมบอกไอ้เต้
“ไปด้วยดิ” – ว่าแล้วมันก็หยิบอุปกรณ์ที่มีแชมพูราคาแพงที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อชื่อดัง ครีมอาบน้ำที่นางเอกชื่อดังเป็นนางแบบโฆษณา และแปรงสีฟันที่บานเหมือนดอกทานตะวัน

“เออ กูรอที่ห้องน้ำนะมึง” – ผมบอกไอ้เต้ แล้วก็เดินออกจากห้องไป

น้ำตอนเช้าที่นี่สุดแสนจะเย็นสะใจ เหมือนว่ามีคนเอาน้ำแข็งละลายน้ำไว้ เป็นเพราะเมื่อคืนอากาศหนาว และหลังจากที่พวกเราถึงที่บ้านไม่นาน ฝนก็ตกลงมาด้วย อากาศตอนเช้าจึงเย็นสบายและน่านอนเป็นอย่างยิ่ง

“มียาสีฟันป่ะ” – ไอ้เต้ถามผม ผมส่งยาสีฟันไปให้มัน
“เมื่อคืนหลับเป็นไงมั่งวะ” - ผมถาม
“นอนไม่หลับเท่าไหร่ว่ะ เสียงไอ้เดชแม่งกรน”
“เหรอ แต่กูไม่รู้สึกว่ะ กูหลับลึก”
“…….”

ผมกำลังเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่ออาบน้ำ ปล่อยให้ไอ้เต้แปรงฟันต่อไป

“อาบด้วยดิใหญ่”
“ไม่ต้องเลย กูจะขี้ด้วย”
“เดี๋ยวก็ไม่ทันไอ้เข้มหรอก”
“กูไม่เคยอาบน้ำรวมกับคนอื่นเว้ย” – โกหกเต็มๆ ก่อนมาผมยังอาบกับไอ้เดชอยู่เลย
“อ่ะ…….”

ไม่ทันแล้วคับ ผมปิดประตูห้องน้ำไปแล้ว

ผมทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วคับ ใช้เวลาไม่นานมากนัก แล้วผมก็เดินกลับห้อง ไอ้เต้ไม่อยู่แล้ว ไปไหนไม่รู้ สงสัยจะไปอาบข้างบนมั้งคับ เพราะพวกที่นอนข้างบนก็ออกมาเดินเล่นนอกบ้านกันแล้ว สงสัยมาสูดอากาศบริสุทธิ์ละมั้งคับ

ไอ้เดชยังไม่ตื่นเลยคับ ไม่รู้มันไปอดหลับอดนอนมาจากไหน แต่มาคิดอีกที ก็เพราะผมแหล่ะคับที่ทำให้มันไม่ได้นอนเมื่อคืนบนรถไฟ ดังนั้นเพื่อการไถ่บาปที่ผมทำไว้ ผมจึงต้องปลุกเดช ตามหน้าที่เพื่อนที่ดี

“เดช”
“............”
“เดช ตื่นๆ ตื่นได้แล้ว” - ผมเขย่าตัวมัน
“อือ....... แจ๊บๆๆ”
“เดช ตื่นๆ นี่เจ็ดโมงจะครึ่งแล้วนะ”
“..........”
“ตื่นเด่ะ ไม่ตื่นกูโดดทับมึงนะ”
“.............”
“กูนับ 1 ถึง 3 นะ”
“...........”
“1.....2......3”


“ป๊าบ” – ผมเอาตัวผมที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จทับลงบนตัวมัน

“ไอ้เชี่ย รุนแรงแต่เช้าเชียวนะมึง” - เดชมันด่าผมต้อนรับอรุณเลย
“ตื่นได้แล้วมึง ทั้งบ้านเขารอมึงคนเดียว” ผมบอกมัน
“เออๆ สิบนาทีเสร็จ” แล้วมันก็หยิบอุปกรณ์อาบน้ำ ถอดเสื้อออก เหลือแค่กางเกงบอลที่มันใส่เมื่อคืน ผมไม่กล้ามองคับ กลัวน้องผมตื่นแต่เช้าแล้วจะยุ่ง
“..........”

“ใหญ่”
“อะไรเหรอเต้”
“เดชไปไหนแล้วล่ะ”
“อาบน้ำ ตะกี๊มันเพิ่งออกจากห้องไปแกไม่เห็นหรอกเหรอ” ผมพูดไปไม่ได้มองไอ้เต้หรอกคับ เพราะแต่งตัวอยู่
“ไม่อ่ะ”
“เพื่อนแกนั่งเล่นกันหน้าบ้านแล้วอ่ะ แกจะไปนั่งกับพวกมันป่ะ” – ผมถามมัน
“ไปดิ แกไปป่ะใหญ่ ไปนั่งด้วยกัน”
“ก็ดี งั้นเดี๋ยวรอแกแต่งตัวก่อนก็ได้ แล้วออกไปด้วยกัน” – ผมเสนอไป ไอ้เต้ตกลง

จริงๆ แล้วผมเองก็แต่งตัวเกือบเสร็จแล้ว กำลังเก็บของอยู่ที่มุมห้อง แต่มุมห้องตรงที่ผมอยู่นั้นมันมีโต๊ะเครื่องแป้งและก็มีกระจกอยู่ จังหวะที่สายตาผมก้มขึ้นมามองกระจกพอดี ผมก็ได้เห็นไอ้เต้ถอดเสื้อ ยอมรับจริงๆว่า นอกจากมันจะเป็นคนที่ตัวสูงแล้ว หุ่นมันก็ยังดีอีกด้วย (แต่ก็ไม่ดีเท่าไอ้เดชของผมหรอก) มันมีเชื้อจีนอยู่บ้าง มันเลยมีสีผิวขาวนิดๆ มีกล้ามหน่อยๆ แต่ไม่ชัดมาก หน้าท้องไม่มีกล้ามเป็นลอน แต่ก็ไม่มีพุงยื่นออกมา หน้าอกไม่ได้ขึ้นเป็นกล้าม แต่ก็น่าฟัดน่าเหวี่ยงมาก หัวนมมันเล็กกว่าไอ้เดช แต่ออกสีน้ำตาล-ชมพู น่ากัดเล่นจริง

ไม่พออีก มันเริ่มถอดกางเกงขาสั้นของมัน หัวใจผมจะวายตายอยู่แล้ว ขาของมันไม่ใหญ่ สรุปแล้วกระจกที่ผมส่องอยู่นั้น ผมมองแต่มันคนเดียว แล้วมันก็หันมาถามผม

“เป็นไรใหญ่”
“อะไร...ใครเป็นไร”
“มึงน่ะ นั่งนิ่งอยู่หน้ากระจกนานนะมึง”
“ส่องกระจกบีบสิวอยู่” ผมโกหกมัน จะให้บอกยังไงล่ะ ว่าแอบมองมันอยู่
“นึกว่ามองกูอยู่”
“กูจะมองมึงทำไม ไอ้เชี่ย ผู้ชายด้วยกัน”
“ถ้ามึงมองกู กูคิดตังนะมึง” – แล้วมันก็เดินมายั่วผม ให้ผมดูหุ่นมันแบบใกล้ๆ   “เป็นไง สูสีไอ้เดชป่ะ”
“กูไม่มีความเห็น” – แต่จริงๆ แล้วมันดีกันคนละแบบนะคับ ไอ้เดชมันล่ำ มีกล้าม หน้าบ้านๆ แต่ไอ้เต้มันคุณหนู ตี๋ สูง น่ารักไปอีกแบบ แล้วมันก็รีบใส่เสื้อผ้าโดยเร็ว
“เสร็จยังไอ้ใหญ่ สิวของมึงน่ะ”
“เออ เสร็จแล้ว”

ผมกับไอ้เต้ก็เดินออกมานั่งหน้าบ้าน มานั่งคุยกับเพื่อนๆคนอื่นที่เหลือ มันคุยกันเรื่องของเพื่อนมัน และก็เรื่องของแฟนของแต่ละคน ไอ้เอก ไอ้เข้มกับไอ้เต้น่ะมีแล้วคับ ส่วนที่เหลือก็ยังไม่มี ผมก็คงได้แต่นั่งฟังเฉยๆ แหล่ะคับ เพราะพูดๆกันมาผมก็ไม่รู้จักใครสักคนที่พวกมันพูดถึง

เรารอไอ้เดชกันไม่นานมากนัก ก็ครบองค์ประชุมพอดี แม่ไอ้เข้มล่วงหน้าไปก่อนแล้วที่วัด ก็เหลือแต่พวกเราที่จะต้องขับรถกันไปเอง ไอ้เข้มพาพวกเราไปที่รถ อ้าว!!! ไม่ใช่คันที่เรานั่งกันมาเมื่อคืนนี่หว่า  คันนี้เป็นรถปิกอับที่มีห้องโดยสารกว้างขวาง และดูสภาพใหม่กว่าเมื่อวาน พวกเราทั้งหมดก็ยัดกันไปข้างหน้า แต่!!! มันไปไม่หมดหรอกคับ เรามีกัน 6 คน (ไม่รวมไอ้เข้มที่เป็นคนขับ) แต่ที่นั่งมันไม่ได้เอื้ออำนวยขนาดนั้น ดังนั้นจะต้องมีคนเสียสละไปนั่งข้างหลัง 2 คน ไม่ต้องคิดมากคับ ผมแน่นอน 1 คนที่ไปนั่งข้างหลัง แล้วคนที่ไปนั่งข้างหลังอีกคนเป็นเพื่อนผมก็คือ

















ไอ้โส

คับ ไอ้โส มันเป็นคนเสียสละมานั่งเป็นเพื่อนผม จริงๆ แล้วผมก็บอกพวกมันไปนะคับว่านั่งข้างหน้ากันก็ได้ เดี๋ยวผมนั่งหลังเอง (ประมาณว่าเสียสละน่ะคับ) แต่ไอ้โสมันจะมานั่งข้างหลังกับผมด้วย มันให้เหตุผลว่าอยากสูดอากาศตอนเช้า และก็มานั่งเป็นเพื่อนผมด้วย


จริงๆ แล้วผมแอบหวังว่าจะเป็นเดช

เราไปถึงวัดกันตอน 8 โมง พระท่านกำลังทำวัตรเช้าพอดี พวกเราก็เข้าไปฟังพระทำวัตรกัน บางส่วนก็ไปช่วยแม่ไอ้เข้มจัดภัตตาหารเช้าเพื่อถวายพระ ผมเข้าไปช่วยแม่ไอ้เข้มจัดภัตตาหาร เพราะดูแล้วไอ้เข้มท่าทางมันจะทำไม่เป็น แม่มันก็เลยไล่ให้ไปฟังพระท่านทำวัตรเถอะ

หลังจากที่พระท่านฉันภัตตาหารเช้าเสร็จ ก็เป็นหน้าที่พวกเราที่จะต้องรับประทานอาหารเช้ากันซักที กับข้าวที่นำมาถวายภัตตาหารก็เป็นอะไรที่ไม่ยุ่งยาก เป็นอาหารพื้นเมืองของคนแถวนั้นแหล่ะคับ ผมเรียกไม่ถูกเหมือนกัน แต่เป็นแกงที่มีรสจัดมาก และก็มีขนมสังขยา ที่มีสังขยาเป็นหม้อ และข้าวเหนียวเป็นหม้อเช่นกัน เวลากินก็ตักใส่ถ้วยกินเอาเอง ไม่มีใบตองห่อให้ พวกเราส่วนใหญ่ก็กินกันแต่ข้าวเหนียวสังขยากัน เพราะกินแกงที่ว่านั้นไม่ได้

ทำบุญเป็นสิริมงคลกับชีวิตเสร็จแล้ว พวกเราก็กลับบ้านกัน เอาของไปเก็บที่บ้าน แล้วค่อยออกไปเที่ยวกันข้างนอก ไอ้เข้มบอกพวกเราให้เตรียมอุปกรณ์ไปเล่นทะเลด้วย เดี๋ยวตอนเย็นมันจะพาไปเล่นน้ำ

พวกเราใช้เวลาไม่นาน อุปกรณ์ต่างๆ ก็พร้อมทันที ทุกคนโยนอุปกรณ์ไว้หลังรถ แล้วก็กรูกันเข้ามานั่งข้างหน้าอีกแล้ว ไอ้เข้มขับตามเคย 2 คนสุดท้ายที่เหลือก็ยังคงเป็นผมและไอ้โสเหมือนเดิม ผมบอกไอ้โสว่าไปเบียดๆ ข้างหน้าก็ได้นะ มันก็ยังยืนยันว่าอยากสูดอากาศบริสุทธิ์อยู่ดี แต่มัน 10 โมงแล้วนะ ออกแนวร้อนนะนั่น ก่อนออกตัวไอ้เข้มโยนผ้าขนหนูให้ผมกับไอ้โสคนละผืน บอกว่าเอาไว้คลุมตัว เวลานั่งรถแล้วแดดมันจะร้อน

รถเริ่มออกตัวไปตามถนน สองข้างทางมีแต่ไม้ยางพาราปลูกเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ ผมนั่งหันหลังให้กับเส้นทางข้างหน้า เพราะลมจะได้ไม่ตีหน้าผม ผมมองเส้นทางที่ได้ผ่านมา ทิวเขาแนวยาวที่ทอดตัวอยู่ด้านหลังค่อยๆ ห่างออกไปทุกที บางครั้งรถวิ่งผ่านช่องหุบเขา ผมอดไม่ได้ที่จะมองถึงความยิ่งใหญ่ของมัน

เราสองคน หมายถึงไอ้โสนะคับ เราสองคนก็ไม่ได้คุยอะไรกันมาก เพราะเสียงลมมันดัง เวลาผมหรือมันจะคุยกันแต่ละทีก็ต้องตะโกน ซึ่งผมขี้เกียจตะโกนแข่งกับรถเพื่อไปคุยกับมัน ผมเลยนั่งเฉยๆ มองวิวสองข้างทางที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไอ้โสก็เช่นกัน

ไอ้เข้มขับรถออกมาเรื่อยๆ ตอนนี้รถของพวกเราอยู่ที่ถนนใหญ่ เราแวะกันที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งก่อนที่เราจะเดินทางไปยังจุดหมายแรกของเรา พอถึงปั้มน้ำมัน ทุกคนจะมีจุดหมายเดียวกันก็คือ ห้องน้ำและมินิมาร์ท ส่วนไอ้เข้มเอาเงินเติมน้ำมันอยู่คับ (ตอนนั้นน้ำมันดีเซลลิตรละ 24 บาทเองคับ ฉะนั้น 1000 บาทก็จะได้เต็มถังกันเลย) เติมน้ำมันเสร็จ ทุกคนก็จะต้องจัดตำแหน่งใหม่ แล้วผมก็ไม่ทันอีกตามเคย ผมก็ต้องมานั่งข้างหลังอีก จริงๆแล้วผมเลือกจะนั่งตั้งแต่แรกอยู่แล้วแหล่ะคับ เพียงแต่ใครอีก 1 คนที่จะมานั่งกับผม และรอบนี้ก้คือ




ไอ้เดช
---------------
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่37[13-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 13-09-2008 21:35:46
^
^
^
เต้นี่มันยังไงจริงๆๆด้วย

เอ่อ...ดีนะที่รอบนี้เดชมานั่ง  รอบหน้าจะเป็นเต้เปล่าเนี่ย

 :laugh:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่37[13-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 14-09-2008 21:52:01
คุยกัน คุยกัน
 :m23:
สัปดาห์นี้คงลงได้ตอนเดียวนะคับ เพราะรู้สึกว่างานเยอะเหลือเกิน แล้วก็คงจะใกล้ถึงโค้งสุดท้ายแล้วของเรื่องนี้ แม้ทุกอย่างจะดูคลุมเคลือ ทุกอย่างยังคงไม่ชัดเจน

-ใหญ่จะต้องต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองอีกนานแค่ไหน
-เดชจะรู้หรือไม่ เมื่อไหร่เดชจะรู้ความรู้สึกแบบนี้ซักที
-แล้วไอ้เต้ล่ะ มาเกี่ยวอะไรด้วย
-ไอ้ไม้หายไปแล้วไหนล่ะ
-แล้วการไปเที่ยวชุมพร มันจะมีความคืบหน้าอะไรหรือไม่
-แล้วหลังจากกลับมาจากไปเที่ยวแล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่

ขอบคุณคนอ่าน (แม้จะมีอยู่น้อยเหลือเกิน) ที่สละเวลามาอ่านเรื่องนี้นะคับ ยอมรับจริงๆ ว่านำเสนอออกมาได้ไม่ดีนัก เมื่อลองไปอ่านเรื่องอื่นๆ ในเล้าดู เขาใช้สำนวน และการดำเนินเรื่องในแต่ละตอนค่อนข้างดีกว่าเรื่องนี้เยอะ

ไม่รู้ว่าเรื่องหน้าถ้าแต่งออกมา จะยังมีใครอ่านหรือเปล่า แต่มาถึงเรื่องนี้ ตอนนี้ ตอนที่ 37 แล้ว คงจะแต่งจนจบแหล่ะคับ ความทรงจำที่มีก็เริ่มเหลือน้อยเต็มที ใกล้จะจบแล้วจริงๆแหล่ะคับ

ขอบคุณคนอ่าน อีกครั้งคับผม :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่37[13-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: Shumi ที่ 14-09-2008 22:28:21
 :a4:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่37[13-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-09-2008 15:02:25
มาต่อให้จบละกันนะ ไม่งั้นมันคาใจ เป็นกำลังใจให้ค่า :man1:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่37[13-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 16-09-2008 20:51:32
38
 :o7:
“ไม่นั่งหน้าต่อวะ ข้างหลังร้อนนะมึง”
“กูเบื่อข้างหน้าแล้ว” – ไอ้เดชบอกปัด แล้วมันก็หยิบ MD ยัดเข้าหู เข้าสู่โลกส่วนตัวของมัน

รถออกตัวจากปั้มน้ำมัน เพื่อไปสู่จุดหมายที่เราจะไปกันที่แรก นั่นก็คือ ศาลเจ้าพ่อ กรมหลวงชุมพร ฯ ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอเมือง เราขับรถกันไปไกลพอสมควร ประมาณกือบสองชั่วโมงเห็นจะได้ แดดเริ่มร้อนขึ้นทุกที ผมรู้สึกว่าหน้าผมร้อนไปหมด เหงื่อออกทั่วหลัง

ระหว่างทางผมกับเดชไม่มีใครพูดอะไรกันเลย มันก็ยังคงอยู่ในโลกส่วนตัว แม้จะเป็นมันที่ผมอยากให้นั่งข้างหลังกับผม ผมเองอยากจะคุยอะไรกับมัน เหมือนตอนที่ผมอยู่กับมันที่กรุงเทพ แต่ผมก็ไม่ได้คุยอะไรกับมันเลยตลอดทางที่ผมนั่งรถข้างหลังกับมัน

เราเดินทางจนถึงสิบเอ็ดโมงกว่า ๆ ก็มาถึงศาลเจ้าพ่อ กรมหลวงชุมพร ฯ พวกเราซื้อดอกไม้ธูปเทียนไปบูชาเป็นพิธี จากนั้นก็มีการถ่ายภาพเล็กน้อย ระหว่างทางเดชกับผมไม่ได้พูดอะไรกันซักคำ แถมตอนถ่ายรูปรวมมันก็ยังไม่ได้ยืนติดผมอีก ปกติมันเป็นคนที่พูดมาก ไม่ว่าจะอยู่กับผมหรือเพื่อนๆของมันก็ตาม

ทำไมวันนี้มึงเงียบจังอ่ะ เดช

“อากาศมันร้อนมั้ง” – ผมคิดในใจ

เสร็จจากที่นี่ เราก็มีจุดหมายการเดินทางต่อไป นั่นคือ ศาลหลักเมือง จังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ ของการสร้างบ้านสร้างเมือง และเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวชุมพร ไอ้เข้มมันว่าอย่างงั้นนะ เดชไม่พูดอะไรอีกแล้ว มันยังคงอยู่ในโลกส่วนตัวกับ MD ของไอ้เข้ม และมันก็ยังคงไม่มองหน้าผมอยู่ดีในระหว่างทางที่เราเดินทางไป

“มึงคิดถึงต่ายเหรอวะ” – ผมคิดในใจ

หิวแล้ว เที่ยงแล้ว พวกเราแวะพักกินข้าวกันที่ร้านอาหารระหว่างทางแห่งหนึ่ง เป็นเพราะพวกเราหิวกันมากไปมั้งคับ อาหารทุกอย่างจึงอร่อยและหมดไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ ผมแย่งไข่เจียวหมูสับได้คำเดียว และปลาหมึกจากต้มยำน้ำใสได้ชิ้นเดียว ที่เหลือผมต้องกินข้าวกับน้ำแกงเปล่า

ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครสนใจ

“อิ่มป่ะเนี๊ยใหญ่” – ไอ้เต้ ที่นั่งติดผมถาม
“อืม”
“อะไรของมึง กินแค่นี้อ่ะนะ เดินทางอีกนานนะมึง” – ไอ้เข้มเสริม ไอ้เข้มนั่งหัวโต๊ะคู่กับเดช
“เออ กูอิ่มแล้ว” – แล้วผมก็ยกน้ำเปล่าขึ้นมาดื่ม
“มึงเอาปลาหมึกกูไปกินละกัน” – ไอ้เต้ตักแบ่งปลาหมึกในจาน ที่มันกอบโกยมาเยอะให้ผม
“ไม่เป็นไรว่ะ ขอบใจ กูอิ่มจริงๆ” – ผมคืนปลาหมึกให้ไอ้เต้ไป สายตาผมมองไปที่เดช ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ จากเดชทั้งสิ้น
“ถ้ามึงแน่ใจอย่างงั้น แต่ถ้าไม่อิ่มสั่งได้นะเว้ย หารเท่ากันหมด” – ไอ้เต้บอกผม
“ห้องน้ำอยู่ไหนวะ ปวดฉี่” – ผมถามไอ้เข้ม
“ด้านหลัง เดินตรงไป เลี้ยวซ้าย”
“ขอบใจว่ะ” – แล้วผมก็เดินไปห้องน้ำตามที่มันบอก

ผมหาเรื่องปลีกตัวออกจากพวกมัน การอ้างว่าไปห้องน้ำคงจะเป็นเหตุผลที่ดูแล้วเข้าท่าที่สุดแล้ว ผมเดินไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเสร็จแล้ว ผมก็เดินออกมา แต่ผม

ผมไม่ได้เดินกลับไปที่โต๊ะที่ตัวเองนั่งหรอกคับ ผมเดินไปอีกทางหนึ่ง เป็นทางที่จะเดินออกไปที่ทุ่งนา (ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเรียกเป็นทุ่งนาดีหรือเปล่า เพราะไม่มีข้าวซักต้น เอาเป็นว่าเป็นที่ว่างๆ ติดสวนยางละกัน) ผมเดินออกไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงต้องทำอย่างงั้น แต่ที่แน่ๆ ก็คือผมไม่อยากอยู่ตรงนั้น การที่เดชทำตัวเป็นเหมือนว่าผมไม่มีตัวตน มันเป็นอะไรที่เจ็บปวดหัวใจของผม แม้ผมจะยังไม่ได้บอกมันว่าผมรักมัน แต่แค่ให้มันเห็นผมในสายตามันบ้าง ก็คงจะเพียงพอแล้ว แต่วันนี้มันเป็นอะไร มันเงียบอย่างงี๊มาครึ่งวันแล้ว ผมไม่อยากเห็นมันเป็นอย่างงี๊อีก ผมควรจะเข้าไปคุยกับมัน หรือว่าปล่อยให้มันเป็นอย่างงี๊

สมควรกับเวลาซักที ผมควรจะเดินกลับไปหาพวกมันได้แล้ว  ผมดึงตัวเองกลับเข้ามาสู่โลกความจริง

“ไปไหนมาวะ” - ไอ้โสถามผม
“ห้องน้ำไงล่ะ”
“ขี้มาเหรอ ไปซะนาน” – ไอ้เต้กัด ตามด้วยเสียงหัวเราะของคนทั้งโต๊ะ แต่เดชยิ้มให้ผมเล็กน้อยเท่านั้น ผมมองอยู่ก็แอบเสียใจนิดๆ
“อืม ไปขี้ พอใจยัง”
“เออ มากันครบก็ไปได้แล้ว” – ไอ้เข้มหัวหน้าโครงการสั่งการให้ลูกทัวร์ของมันออกเดินทางซักที

จุดหมายของเราต่อไปนั่นคือ การนั่งรถเพื่อไปไหว้พระตามวัดและสถานที่สำคัญ ซึ่งมีเยอะมากแทบจะอธิบายได้ไม่หมด และทุกๆวัดผมก็ขอพรเหมือนๆกันทุกวัด ก็เกี่ยวกับการเรียน ครอบครัว การงาน สุขภาพและก็เรื่องความรักน่ะคับ (คงไม่ต้องถามนะคับว่าความรักที่ขอหมายความว่ายังไง) ตลอดช่วงบ่ายนี้ผมนั่งข้างหลังกับไอ้เดชมาตลอด บางครั้งไอ้โสมันก็มานั่งคุยเป็นเพื่อนผมบ้าง แต่ก็ไม่ได้คุยกันตลอด เพราะเสียงลมมันดัง คุยกันไม่ค่อยได้ยินหรอกคับ เดชก็ไม่สนใจผมอยู่ดี มองโน่นมองนี่เรื่อยเปื่อยตลอดทาง

“มันคงอยากชมวิวมั้ง” – ผมคิดในใจ

จุดหมายสุดท้ายของวันนี้ก็คงการไปเล่นน้ำทะเลกันคับ เราไปเล่นน้ำกันแถวๆ หาดทรายที่ติดกับพวกรีสอร์ทน่ะคับ ไม่ไกลจากบ้านไอ้เข้มมากนัก บรรยากาศจึงค่อนข้างเงียบและส่วนตัว ตามธรรมชาติของวัยรุ่นน่ะคับ ทะเลกับความอยากมักเป็นของคู่กัน ดังนั้นเมื่อพวกเราเดินทางมาถึง พวกเราก็ไม่รอช้าที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อลงเล่นน้ำทะเลกันทันที

แต่...ผมไม่อยากเล่นคับ

ผมไม่มีอารมณ์เล่นน้ำทะเล จริงๆ แล้วผมเตรียมเอาชุดมาด้วยนะคับ แต่เพราะอะไรเหรอคับที่ผมไม่อยากเล่น ก็ไม่รู้ว่ายังไง มันเหมือนมีกำแพงในใจระหว่างผมกับพวกนั้นอยู่ดี ซึ่งก็อย่างว่าผมเป็นเด็กห้อง 6 คนเดียว แล้วอีกอย่างนึงก็คือ เดชมันจะสนใจผมเหรอ ในเมื่อทั้งวันมันก็ทำตัวเงียบแบบนั้นให้ผมเห็น แล้วถ้าผมไปอยู่กับเดช มันจะคุยกับผมหรือเปล่า ปล่อยให้มันเล่นไปกับพวกเพื่อนๆ มันแหล่ะคับ

พวกนั้นชวนผมเล่นน้ำ ผมบอกปฏิเสธ อ้างว่าผมไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยน แต่จริงๆ แล้วผมมีชุดอยุ่ด้านหน้ารถของไอ้เข้มคับ ตอนเตรียมชุดมาน่ะ อยากเล่น แต่ว่าตอนนี้ผมไม่อยากเล่นแล้ว ผมเลือกที่จะนั่งรอพวกมันริมหาดดีกว่า

ผมเขี่ยทรายเล่น ในขณะที่คนอื่นทั้งหมดไปเล่นน้ำทะเลกันหมด ผมมองไปที่ทะเลอันกว้างไกล มองไปเห็นเรือเป็นจุดเล็กๆ เกาะเบื้องหน้าที่แลนจะเลือนลาง เห็นพวกนั้นเป็นจุดเล็กๆ ในทะเล ตอน 5 โมงเย็นอากาศไม่ร้อนมากนัก ผมล้มตัวนอนลงบนทรายขาว สายตามองไปบนท้องฟ้า เห็นก้อนเมฆอยู่บ้าง หมู่นกที่กำลังบินโฉบไปมา

ท้องฟ้ากับทะเลมีสิ่งที่เหมือนกันอยู่สองอย่างคือ มีสีฟ้า และกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา

เหมือนความรักของผมที่มีให้มัน ไอ้เดช มึงคงไม่มีวันมารักคนอย่างกูหรอก กูรู้ตัว กูรู้ดีว่ากูเป็นอะไร ไดอารี่วันนั้นที่กูได้อ่านมันบอกได้อย่างเป็นนัยๆ ว่า มันไม่ได้ชอบผมอย่างที่ผมคิด มันคิดกับผมแค่เพื่อนแน่นอน ไม่ว่าอย่างไงผมก็คงหมดหวัง ระหว่างมึงกับต่าย มึงบอกว่ามึงเป็นหมาวัดที่มองเครื่องบินบนฟ้า แต่กูกับมึงก็อยู่ในสถานะที่ไม่ต่างกัน ไม่สิ กูไม่มีสิทธิ์ในตัวมึงด้วยซ้ำ แล้วผมจะมาเที่ยวกับมันทำไม ทำไมไม่ปฏิเสธ ทีอย่างอื่นล่ะทำได้ ทีอย่างงี๊มึงทำไมไม่ทำ ต่ายเคยเตือนผม แต่ก็ไม่เชื่อ

สมน้ำหน้าตัวเองจริงๆ

“เปลี่ยวไรของมึงอีกเนี๊ย ทำไมไม่ไปเล่นน้ำกับพวกกู” – ภาพท้องฟ้าของผมหายไป ไอ้เต้มายืนบังซะมิดเลย
“กูไม่มีชุดมาเปลี่ยน” - ผมโกหก
“เด๋วกูให้ยืม”
“เล่นไปเหอะว่ะ ขอบใจมาก กูอยากดูวิว”
“เหรอ งั้นกูนั่งเป็นเพื่อนมึงนะ”  - แล้วไอ้เต้ก็นั่งลงข้างๆผมที่นอนอยู่
“...............”
“ไอ้เดชให้มาถามว่ามึงเป็นอะไร” - ไอ้เต้เปิดประเด็น
“ทำไมมันไม่มาถามเองวะ”
“มันกลัวมึง”
“กลัวทำไมวะ”
“มันบอกว่า วันนี้มึงหน้าเครียดทั้งวัน มันพูดด้วยมึงก็ไม่คุยกับมัน”
“หน้ากูก็เป็นอย่างเงี๊ยะ มึงก็เห็นไม่ใช่เหรอไอ้เต้”
“อืม”
“เต้ แล้วมึงไม่ไปเล่นน้ำต่อวะ”
“กูเหนื่อย”
“...............”


“ใหญ่ กูถามไรมึงอย่างนึงดิ”
“เออ ว่ามาดิ”
“มึงชอบไอ้เดชเหรอ”
“ไอ้เชี่ย!!! กูเป็นผู้ชายนะมึง”
“ไม่รู้ว่ะ กูดูออกนะเว้ย”
“มึงจะมามุขอะไรกับกูเนี๊ย” - ผมแกล้งถามมัน
“กูดูออกนะเว้ย ไม่รู้ดิ แต่ว่า ถ้าไม่ใช่ แล้วทำไมมึงต้องทำหน้าบึ้งใส่เดชมันด้วยวะ ถ้ามึงไม่คิดอะไรกับมันจริงๆ”
“กูทำใส่มันตอนไหน มึงก็เห็น วันนี้ทั้งวันมันยังไม่คุยกับกูเลย”
“อืม”
“แล้วอย่างงี๊กูผิดเหรอเต้”
“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะใหญ่”
“กูไม่ได้ทำอะไรใส่มันนะเว้ย มันนั่นแหล่ะไม่คุยกับกู กูเองก็อึดอัดเหมือนกัน”
“อืม........ถ้ามึงไม่คิดอะไรกับมัน ก็ดีไป แต่มึงจำกูไว้นะ มึงจะโกหกใครก็โกหกได้ แต่มึงโกหกใจตัวเองไม่ได้หรอก”
“ตกลงมึงมาซ้ำเติมกูใช่ป่ะเนี๊ย” - ผมย้อนถามมัน
“เพื่อพิสูจน์ว่ามึงไม่คิดอะไรกับมัน มึงไปเล่นน้ำกับพวกกูป่ะ”
“กูไม่ได้เอาชุดมาจริง ๆ กูไม่อยากเปียกกลับไป”
“แสดงว่ามึงชอบเดช”
“.....มึงจะให้กูอธิบายยังไงวะ ว่ากูไม่อยากเปียก กูไม่อยากเล่น....”
“แสดงว่ามึงชอบเดช มึงถึงไม่ไปเล่นน้ำกับพวกกู มึงตั้งใจหลบหน้ามัน”
“กูไม่อยากเปียกจริงๆ”
“มึงหลบหน้ามันทำไม”
“กูไม่ได้หลบ”
“งั้นไปเล่นน้ำกับพวกกู”
“ก็กูไม่อยากเล่น มึงเข้าใจกูหน่อยเหอะ”
“งั้นมึงก็หลบหน้าไอ้เดช”
“กูไม่ได้หลบ”
“งั้นก็ไปเล่นน้ำ”
“เต้ มึงกลับไปเล่นน้ำกับเพื่อนมึงเถอะ กูอยากอยู่คนเดียว กูขอโทษละกัน” – แล้วผมก็เดินไปทางขวา ทิ้งไอ้เต้ไว้ตรงนั้น รู้แค่ว่าตอนนี้ผมอยากจะไปให้ไกลๆจากตรงนี้มากที่สุด

















“มึงบอกกูได้นะ กูไม่บอกมันหรอก” – ไอ้เต้ตะโกนตามหลัง ก่อนที่จะวิ่งลงทะเลไป
----------------
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่38[16-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: animob ที่ 16-09-2008 21:04:02
 :เฮ้อ: อึดอัดจัง
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่38[16-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 16-09-2008 22:49:21
โดนเต้มองออกซะแล้ว ว่าแต่ที่เต้มาสนอกสนใจใหญ่มากๆเนี่ย มันยังไงๆอ๊ะป่าว

คนเขียนบรรยายอารมณ์ใหญ่ที่อึดอัดเพราะมาเที่ยวกับเพื่อนกลุ่มที่ไม่สนิทได้ดีมากเลยค่ะ เราก็เคยมีประสบการณ์ยังงี้มาก่อนเหมือนกัน แต่ไม่ได้มีเคสแอบชอบใครในกลุ่มเหมือนใหญ่ ไม่งั้นคงยิ่งอึดอัด

ว่าแล้วก็รออ่านตอนต่อไปอยู่นะจ๊ะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่38[16-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 17-09-2008 14:54:04
(http://widget.sanook.com/static_content/full/text/71c04c9f8f7e1c129cf246125b946ad9_1208768455.gif)
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่38[16-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 18-09-2008 20:36:14
^
^
^
^
เห็นด้วยกะรีบน

ตกลงเต้ดูออก เค้าบอกว่าผีเห็นผี เต้เป็นเหรอ...

งงวุ้ย  รออ่านต่อไป  แต่มันจะจบแล้วจริงอ่ะ

ไม่อยากให้จบเลย  รออ่านต่อไปนะ  คนเขียนสู้ๆๆๆ

 :L2: :L2:

หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่38[16-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 19-09-2008 07:58:48
รอดูการคลี่คลายปัญหาความรักเกินเพื่อนของใหญ่นะ  :L2:

หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่38[16-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 19-09-2008 09:07:13
แล้วอย่างงี้จะมีทางออกยังไงกันละเนี่ย

ไม่แน่นะ  บางทีการลองได้เปิดใจ  ได้พูดคุย

อาจจะได้รับรู้  ได้รู้สึก

หรือแม้กระทั่ง  อาจจะได้เริ่มต้นก็ได้นะ

บางที  นะ  บางที

 :m15:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่38[16-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 19-09-2008 23:29:28
39
 :o12:
ผมเดินออกจากตรงนั้นทันที ตอนที่ผมพูดออกไปกับเต้ ผมไม่อยากอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว ผมอยากจะหนีไปให้สุดทางที่มี

ตอนนี้ผมเดินออกมาจากกลุ่มที่เล่นน้ำทะเลมาไกลพอสมควร ไกลจนไม่น่าจะมีใครตามหาผมเจอ ผมหาร่มเงาจากมะพร้าวแถวนั้น แล้วก็นอนลงบนกองทราย เม็ดทรายติดตามตัวผม เพราะเหงื่อออกมาเยอะระหว่างการเดินมายังที่นี่


ท้องฟ้ากว้างไกล จุดหมายของมันอยู่ที่ไหนไม่มีใครรู้ แต่ที่รู้แน่ๆคือว่า ตอนนี้ผมหนีออกจากความจริง ความจริงที่ผมต้องรับมันให้ได้ และก็ทำไม่ได้ซักที ผมรู้ว่าการแอบรักเพื่อนเป็นสิ่งที่ผิด แม้ผมจะไม่ใช่คนปกติทั่วไป แต่ก็ไม่เคยจะไปประกาศให้คนทั้งโลกรู้ ว่าผมชอบผู้ชาย และก็เป็นเพื่อนของตัวเอง ที่ไปชอบเพื่อนของตัวเองเช่นกัน



นี่เป็นครั้งแรก ครั้งแรกของผมจริงๆ ที่ผมมีความรัก แบบที่ไม่ควรจะเป็น



แล้วทำไมผมต้องหลบหน้า ไม่กล้าพูดความจริงในใจที่ผมมี เหมือนสำนวนที่ว่า “ยังไม่ลงสนามแล้วจะรู้ได้ไงว่าชนะหรือแพ้”

คำตอบมันก็ออกมาอยู่แล้วแหล่ะ คนที่อ่านหนังสือไม่ออก มันก็ควรทำข้อสอบไม่ได้ แล้วจะไปสอบทำไมทั้งๆที่ยังไงก็สอบตกอยู่ดี



ผมควรจะทำอย่างไร ถ้าผมบอกออกไปผมก็ต้องเสียเพื่อนแน่นอน ผมต้องเสียมันไปแน่ๆ ผมคงจะมองหน้ามันไม่ติด แค่วันนี้มันไม่คุยกับผมทั้งวันผมแทบจะเป็นบ้า แล้วถ้าผมต้องเสียมันไปจริงๆ ผมจะไม่บ้าไปมากกว่านี้หรอกเหรอ ผมทนไม่ได้ถ้าผมจะต้องเสียมันไป เพราะการพูดสิ่งที่อยู่ในใจของผม

แล้วทำไมวันนี้ทั้งวัน มันไม่คุยกับผมเลย ปกติมันเป็นคนพูดมากจะตาย วันนี้มันเป็นอะไร มันไปรู้อะไรมา



ผมยังคงอยู่กับความคิดที่วังวนอยู่ตรงนั้นหลายรอบ มองดูท้องฟ้าริมทะเลยามเย็น บรรยากาศชวนให้เงียบเหงามากขึ้น ตอนนี้เริ่มเย็นมากแล้ว นักท่องเที่ยวที่เล่นน้ำทะเลเริ่มขึ้นกันแล้ว บริเวณใกล้ๆก็ไม่มีใครเล่นน้ำทะเลอีกแล้ว เหลือผมคนเดียว

คนเดียวจริงๆ ไม่มีใครเลยอยู่เป็นเพื่อนผม

เย็นมากแล้ว เริ่มมืดซะแล้ว ผมควรจะกลับเข้าไปหาความเป็นจริงซักที บางครั้งความเงียบและความเหงาอาจจะเป็นยารักษาอาการนี้ของผมได้ดีก็ได้ ผมใช้มันมา 2 ครั้งแล้ว แม้มันจะไม่หายขาด แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น

ระหว่างทางเดินกลับ ผมเดินเลาะริมทะเลมาเรื่อยๆ เท้าก็เตะทรายไปมา บางครั้งก็แวะเอาเท้าไปแหย่น้ำทะเล ผมมาทะเลแล้วก็ควรจะได้เล่นน้ำทะเลบ้างสิ ผมไม่ได้เดินอย่างรวดเร็วเหมือนตอนเดินมา เพราะว่าตอนเดินมาผมรู้สึกโกรธ ไม่ใช่โกรธไอ้เต้นะคับ ผมโกรธตัวเอง โกรธที่ไม่กล้ารับความจริงที่กำลังเกิดขึ้น ผมไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วที่ไอ้เดชมันไม่พูดกับผมนั่นมันเป็นเพราะอะไรกันแน่


ผมสรุปความเอาเองโดยที่ผมไม่เคยถามมันซักคำ



ผมเดินทางกลับมาที่เดิมอีกครั้ง พวกมันยังไม่เลิกเล่นน้ำกันอีก ไม่มีใครสนใจว่าผมหายไปไหนมา ทุกคนยังคงสนุกกับการเล่นน้ำ ผมนั่งลงบนหาดทราย สายตามองออกไปในทะเล จากเดิมทะเลสีฟ้ากลายเป็นสีม่วงเข้มแล้ว แสดงว่าฝนคงใกล้จะตกเต็มที

สักพักพวกมันกลับขึ้นมาจากทะเล ตัวนี่เปียกกันทุกคน ไอ้เต้วิ่งเข้ามาหาผมเป็นคนแรก มันจะมากอดผมให้ตัวผมเปียก ผมยิ้มให้มันแล้วผมก็วิ่งหนี ทุกคนต่างขึ้นมาที่รถไอ้เข้ม เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวจะกลับบ้านกัน 


หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จ ผมเข้าไปคุยกับไอ้เข้ม

“มึงมีตังให้กูยืมก่อนป่ะตอนนี้ เดี๋ยวกลับบ้านไปใช้คืนให้” – ผมถามไอ้เข้ม
“เอาเท่าไหร่วะ”
“พอเป็นค่ารถไฟกลับกรุงเทพฯ”
“อ้าว มึงจะยืมทำไมวะ ก็กลับด้วยกันนั่นแหล่ะ”
“กูอยากกลับก่อนว่ะ” - ผมบอกมัน
“มาด้วยกัน ก็กลับด้วยกันนั่นแหล่ะ” – ไอ้เต้เหมือนจะได้ยินเข้ามาสมทบด้วย ตอนนี้เราคุยกันสามคน ที่เหลือกำลังทำธุระส่วนตัวบริเวณใกล้เคียง
“กูอยากกลับว่ะเข้ม กูขอร้องล่ะ”
“เออ ถ้ามึงยืนยันอย่างงั้น เดี๋ยวไปเปลี่ยนตั๋วกัน ตั๋วอยู่หน้ารถพอดี”
“ขอบใจว่ะ เดี๋ยวถึงบ้านเอาเงินคืนให้นะเว้ย” - ผมขอบคุณไอ้เข้ม
“ใหญ่ อยู่ต่อเหอะ พวกเราไม่อยากให้มึงกลับก่อน...” - ไอ้เต้เสริมขึ้น
“แล้วเมื่อกี๊มึงไปไหนมาวะ พวกกูรอมึงมาเล่นน้ำตั้งนาน” - ไอ้เข้มถามผม
“เดินเล่นนิดหน่อยว่ะ” – ผมก้มหน้าหลังจากพูดออกไป
“อืม ไม่เป็นไรก็ดีแล้วมึง” – ไอ้เข้มบอกผม

ที่เหลือกลับกันมาแล้วคับ ทุกคนแย่งจับจองนั่งข้างหน้ากันเหมือนเดิม ผมเดินขึ้นไปนั่งกระบะหลังเหมือนเดิม ที่นั่งเดิมของผม

“มึงมานั่งหน้าเลย” - ไอ้เดชสั่งผม
“กูไม่ไป”
“มึงเป็นเชี่ยไรเนี๊ย”
“ก็กูไม่ไป กูจะนั่งนี่”
“ไปนั่งหน้ากับกูเลย กูสั่ง”
“กูไม่ไป กูนั่งมาทั้งวันกูยังนั่งได้ มึงจะมาสนใจกูทำไม”
“ไอ้เข้ม มึงไม่ต้องออกรถ ถ้าไอ้ใหญ่มันไม่นั่งหน้ากับพวกเรา”
“เข้ม มึงออกรถเหอะ เดี๋ยวฝนตกแล้วจะเข้าบ้านลำบาก” - ผมตะโกนให้ไอ้เข้มได้ยินจากข้างหลัง
“ใหญ่ มานั่งหน้าเหอะ เบียดกันก็ได้นะ ฝนตกแล้วเดี๋ยวมึงจะไม่สบาย” - ไอ้เข้มตะโกนมาจากที่นั่งคนขับ
“มึงดูที่ดิ มึงจะให้กูนั่งตรงไหน เต็มหมดแล้วมึง ข้างหลังน่ะดีแล้ว” ผมตะโกนให้ไอ้เข้มได้ยิน

ไอ้เดชปีนขึ้นมานั่งกับผมข้างหลัง

“ไอ้เดช มึงมานั่งหน้าดิ เดี๋ยวฝนตกนะมึง”
“เพื่อนกูมันไม่ไปนั่ง กูจะนั่งกับมัน”
“พวกมึงจะทะเลาะกันอีกนานป่ะวะ” – ไอ้เล็กเริ่มโมโห หลังจากมันไม่พูดอะไรมานาน
“มึงมานี่....” – ไอ้เดชลากผมลงจากกระบะหลัง เปิดประตูข้างหน้ารถ แล้วก็เบียดผมเข้าไปข้างใน ไอ้เดชนั่งข้างนอก แล้วปิดประตู
“เห็นยัง ว่านั่งได้” - ไอ้เดชพูดกับผม
“ตำรวจไม่จับเหรอวะ” - ผมถามไอ้เข้ม
“นั่งหน้า 2 คน ไม่จับหรอก พ่อกูมีตำแหน่งนะมึง” – ไอ้เข้มหัวเราะ แล้วก็ออกรถเดินทางกลับ
“แวะตลาดซื้อของกินก่อนนะพวกมึง” – ไอ้เข้มบอกสมาชิกในรถ

จากนั้นก็เริ่มเข้าสู้โหมดเฮฮาอีกรอบ ไอ้เข้มเอา CD ที่ไรท์มาเปิด ในรถก็มีทั้งเสียงเพลงและเสียงคุย ไอ้เดชหลังจากที่นั่งข้างผมแล้วก็ไม่พูดอะไรกับผมอีก มันมองออกไปนอกหน้าต่าง ตอนนี้ฝนตกแล้วคับ ตกหนักมากเลยด้วย ขับรถก็ต้องระวังมากขึ้น

ใช้เวลาประมาณเกือบชั่วโมง เราเดินทางมาถึงบริเวณตลาดใกล้ๆกับสถานีรถไฟ แวะซื้อของกินเข้าไปที่บ้าน เพราะที่บ้านจะไม่ทำอะไรให้พวกเรากินกัน อีกอย่างมืดแล้วด้วย ถ้าพวกเราหากินกันเองก็คงจะสะดวกกว่า เราตกลงกินก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำใสร้านหนึ่งในตลาด ผมก็เขี่ยๆ เส้นใหญ่ที่ผมสั่ง กินลูกชิ้น 2-3 ลูก หมูแดงอีก 2-3 ชิ้น อิ่มแล้วคับ ผมกินไม่ลงจริงๆ

ผมสับสนกับความรู้สึกที่ผมมีอยู่ตอนนี้ ไม่รู้ว่าผมพูดออกไปได้ยังไงว่าผมจะกลับก่อน มันอาจจะยั้งเราไว้เป็นมารยาทก็ได้ หรือว่ามันอยากให้เราอยู่ต่อจริงๆ แต่ถ้าผมอยู่ต่อไปผมจะมีความสุขเหรอ ทั้งๆที่เพื่อนคนเดียวที่ชวนมาเที่ยวก็คือไอ้เดช แล้วถ้ามันทำกับผมอย่างงี๊ มันยังคงไม่คุยกับผม ผมจะอยู่ไปทำไม เพื่อนคุยก็ไม่มี ผมควรจะกลับนั่นแหล่ะดีที่สุด

แยกย้ายกันไปซื้อขนมซักพัก เราก็กลับมารวมตัวกันที่รถ ทุกคนนั่งประจำที่เหมือนตอนมา โดยที่ผมนั่งหน้าคู่กับเดช แล้วไอ้เข้มก็เลี้ยวไปทางสถานีรถไฟที่เราลงมา

“มึงเลี้ยวมานี่ทำไมวะ” – ไอ้โสถามขึ้นมา เพราะไอ้เข้มมันไม่ได้เลี้ยวเข้าทางไปบ้านมัน
“พาไอ้ใหญ่มาเปลี่ยนตั๋ว”
“เปลี่ยนไมวะ” - ไอ้โสถามผม
“มันอยากกลับก่อน” – ไอ้เข้มตอบแทนผม ผมไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ผมนั่งก้มหน้าอย่างเดียว เหมือนเป็นความผิดของผมที่ต้องทำให้คนอื่นเขาเสียเวลา

ไอ้เดชหันมามองหนาผมทันทีหลังจากที่ไอ้เข้มพูดจบ

“ทำไมมึงต้องกลับก่อน” - ไอ้เดชถามผมทันที
“.............”
“ทำไมมึงไม่กลับกับพวกกู”
“............”
“ทำไมมึง............”
“ไอ้เดช ไอ้ใหญ่มันคงมีเหตุผลของมันมั้ง” – ไอ้เข้มช่วยผมไว้ ผมทำอะไรไม่ถูก นั่งก้มหน้าอย่างเดียว
“เหตุผลอะไร กูพามันมา กูต้องรู้ อย่างน้อยมันต้องบอกกู” - ไอ้เดชยังคงมองหน้าผม
“ปล่อย กูจะลง” – ถึงสถานีรถไฟแล้วคับ ไม่รอข้าผมผลักไอ้เดชลงออกจากรถ แล้วก็เดินตามไอ้เข้มไปที่ช่องจำหน่ายตั๋วทันที

“มึงรอกูก่อน” – ไอ้เดชตะโกนตามหลัง แต่ผมไม่สนใจ
“บอกให้รอกูไง ไอ้เชี่ยนี่” – มันวิ่งตามผมทัน มันคว้ามือผมไว้ให้ไปหามัน ไอ้เข้มเดินไปรอที่ช่องจำหน่ายตั๋วแล้วคับ
“ปล่อยกูไงล่ะ” – ผมสั่งมัน
“มึงกลับก่อนทำไม”
“.............”
“มึงบอกกูมา ไอ้ใหญ่”
“....................” – ผมยืนก้มหน้า
“ไหนว่ามีอะไรจะบอกกูไงล่ะ แล้วมึงมีอะไรวันนี้ มึงเป็นอะไรทั้งวัน อย่านึกนะว่าที่มึงหายไป 2 ครั้งไม่มีใครรู้”
“…………”– ผมยังยืนก้มหน้า
“มึงยังเห็นกูเป็นเพื่อนอยู่ป่ะวะ ถ้าเห็นมึงบอกกูมาว่าทำไมมึงจะกลับก่อน”
“....................” - ผมก้มหน้าอยู่อย่างงั้น
“ถ้ามึงไม่เห็นว่ากูเป็นเพื่อน มึงเดินไปหาไอ้เข้มได้เลย แล้วมึงกับกูไม่ต้องมาเป็นเพื่อนกันอีก”
“...............” - ผมก้มไปอีก
“กูขอโทษที่พามึงมาละกัน กูไม่น่าบังคับมึง”
“..................” - น้ำตาผมเริ่มไหล
“กูขอโทษที่มายุ่งกับมึงมากไป”
“พอแล้ว เดช พอแล้ว” – เสียงผมสั่นๆ น้ำตาเริ่มไหลมากขึ้น
---------------------
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่39[19-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 20-09-2008 00:06:13
แล้วเมื่อรู้ว่าใหญ่หายไปทำไมไม่มาหาตั้งแต่ต้น ทำไมไม่ถามตั้งแต่ครั้งแรก แล้วทำไมถึงต้องเงียบไม่พูด ไม่คุย
เป็นอะไร??
รู้ทั้งรู้ว่าเพื่อนที่สนิทที่สุด ก็คือเดช แล้วทำไมไม่ใส่ใจกันมั่ง
อยากรู้ว่าทำไม?????
เป็นเรา เราก็เผ่นว่ะ ขอเผ่นไปตั้งหลักไกลๆ ดีกว่า
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่39[19-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 20-09-2008 00:13:18
เง้อ...ไรกันนี่  

นี่ใกล้จะจบแล้วแน่เหรอ

อ่านไปยังคิดไม่ตกเลยว่าจะเป็นไงต่อไป

รออ่านต่อ  ให้กำลังใจคนเขียนน้า  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่39[19-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 20-09-2008 11:02:50
เง้อออ สงสารน้องใหญ่ บางทีบอกความในใจเดชไปเลยดีกว่านะ จะได้รู้ไปเลยว่ามีโอกาสหรือได้เป็นแค่เพื่อน ท่าทางเดชไม่รู้เรื่องความรู้สึกของใหญ่ ก็เลยน้อยใจที่เพื่อนมีอะไรไม่ยอมบอกเหมือนกันนะ  o7


เริ่มหวาดๆกับชื่อเรื่องขึ้นมา "รักดั่งเส้นขนาน"  บรื๋อวส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์ส์  :m29:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่39[19-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: DoLeMoN ที่ 20-09-2008 12:49:36
 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่39[19-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: animob ที่ 20-09-2008 13:27:51
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่39[19-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 21-09-2008 21:59:37
คุยกัน
 :m23:
กลางสัปดาห์จะเอามาลงอีกซักตอนนะคับ เพิ่มความอึดอัดให้มากขึ้นไปอีก

เดินทางกันมาถึงตอนที่ 39 แล้ว (เลขสวยด้วย) ก็ขอบคุณทุกท่านที่ยังคงติดตาม แม้มันจะ เฮ้อ!! บอกๆไปซักทีเหอะ จะได้จบๆกันไป

จุดจบของเรื่องนี้จะเป็นยังไง ลองเดาเล่นๆดูกันนะคับ (แต่คงยังไม่จบในช่วงนี้หรอก แต่คาดว่าน่าจะเป็นปีนี้คงจะจบ  :laugh:)

ขอบคุณทุกท่านคับผม
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่39[19-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 22-09-2008 09:49:05
แอร๊ยยยย์!!! คนเขียนแกล้งคนอ่าน มายั่วกันซะงั้น  :angry2:

แต่อย่างน้อยยังไม่จบเร็วๆนี้ใช่ม้า เท่าที่ติดตามมาเนี่ย ใหญ่กับเดชท่าทางต้องเคลียร์กันหลายเรื่อง ยังไงมาคลายความสงสัยด้วยนะจ๊ะว่าเรื่องนี้จะจบยังไง  :m13: (อิฉันหลงรักน้องใหญ่แล้วนะคะ)
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่39[19-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 22-09-2008 10:23:10
 :m15: :m15:

 :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่39[19-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 22-09-2008 11:20:14
คุยกัน
 :m23:
กลางสัปดาห์จะเอามาลงอีกซักตอนนะคับ เพิ่มความอึดอัดให้มากขึ้นไปอีก

เดินทางกันมาถึงตอนที่ 39 แล้ว (เลขสวยด้วย) ก็ขอบคุณทุกท่านที่ยังคงติดตาม แม้มันจะ เฮ้อ!! บอกๆไปซักทีเหอะ จะได้จบๆกันไป

จุดจบของเรื่องนี้จะเป็นยังไง ลองเดาเล่นๆดูกันนะคับ (แต่คงยังไม่จบในช่วงนี้หรอก แต่คาดว่าน่าจะเป็นปีนี้คงจะจบ  :laugh:)

ขอบคุณทุกท่านคับผม

น๊านน เรื่องไม่ลง มาสปอยกันเล่นเฉย  :เตะ1: ซ่ะดีมั๊ย ...........แต่
แต่ไม่กล้าหรอก :o8:กลัวไม่ได้อ่านต่อ :laugh:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่39[19-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 24-09-2008 20:51:43
กลางสัปดาห์แล้ววุ้ย
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่39[19-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 24-09-2008 21:00:53
40
 o12
“มีไรกันป่ะวะ” – ไอ้เข้มเดินเข้ามาหาผมกับเดช
“เปล่า ไม่มีไร” - ผมรีบเช็ดน้ำตาที่มันเริ่มไหลออกมา
“มึงร้องไห้ มึงเป็นอะไร บอกกูมา” – ไอ้เดชเขย่าตัวผม ผมร้องไห้มากขึ้น
“กู..........กูอยากกลับบ้าน” - ผมบอกมันสองคน
“มึงไม่หนุกเหรอ” – ไอ้เต้มันคงจะเห็นผมอยู่นานมากแล้ว เลยเดินเข้ามาถาม แล้วก็เริ่มจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต เมื่อคนอื่นๆ ก็เริ่มเดินตามมาสมทบ
“มึงจะกลับก่อนจริงเหรอ” – ไอ้โสถามผม “เป็นไรวะตาแดงก่ำเลย”
“อยู่ต่อเหอะมึง เพื่อนกันน่า” - ไอ้เล็กสมทบ
“มึงเป็นห้อง 6 แต่พวกกูก็รักมึงนะ กูไม่คิดว่ามึงอยู่ห้อง 6 เลย มึงเป็นเพื่อนกูเหมือนไอ้เชี่ยพวกนี้แหล่ะ” – ไอ้เอกเสริม ยอมรับว่าไอ้พวกนี้เดินเข้ามาปลอบผม มันก็คงทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
“กูขอโทษที่พวกกูดูแลมึงไม่ดี” – ไอ้เล็กบอกผม
“พวกกูสัญญา จะดูแลมึงอย่างดี” - ไอ้เอกเสริม
“มึงเลยไอ้เดช ไอ้ใหญ่มันถึงเป็นอย่างงี๊” – ไอ้เต้หันไปด่าไอ้เดช มันอยู่นอกวงสุด หันมามองผม แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาซักคำ

“กูขอโทษ ถ้ากูทำไรผิด ยกโทษให้กูด้วย” – ไอ้เดชพูดเบาๆ ให้คนอื่นได้ยิน
“ช่างเหอะเข้ม กูขอโทษ กูเรียกร้องพวกมึงมากไป” – ผมขอโทษไอ้เข้ม และทุกๆคน
.
.
.
.
“กูกลับกับพวกมึงก็ได้ กูขอโทษที่กูทำตัวงี่เง่า มึงถือว่าเมื่อกี๊มึงไม่ได้ยินอะไรเลยละกันได้ป่ะ” – ผมบอกทุกคน ทุกคนสีหน้าดีใจ ไอ้เดชยิ้มนิดๆ หันมามองทางผม แต่ผมไม่ได้ยิ้มกลับไป
“ป่ะ กลับบ้านกันเหอะ” - ไอ้เข้มหัวหน้าทีมสั่งการให้ลูกทัวร์ขึ้นรถกลับบ้าน
“มึงไปนั่งหน้ากับพวกเรานะมึง” – ไอ้เอกบอกผม
“แล้วเมื่อกี๊มันไม่เบียดกันไปเหรอวะ” - ผมถาม
“ก็นิดหน่อย ไอ้เอกแม่งอ้วน” – ไอ้เต้หันไปแซวไอ้เอก แล้วก็ได้รับฝ่ามืออรหันต์จากไอ้เอกกลับมา 1 ที
“งั้นกูกลับไปนั่งหลังก็ได้” - ผมบอกมัน
“มึงจะนั่งได้ไง มันเปียกหมดแล้ว นั่งหน้ากับพวกกูนั่นแหล่ะ” – ไอ้เข้มบอกผม

ถึงรถไอ้เข้มกันแล้ว ความรู้สึกของผมตอนนี้ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อตะกี๊ แม้ว่าผมจะไม่ได้กลับบ้านอย่างที่ผมตั้งใจไว้ แต่มันก็ทำให้คนอย่างไอ้เดชคงรู้ตัวขึ้นมาบ้าง ว่าการที่ผมทำอย่างงี๊ลงไปเป็นเพราะอะไร ยอมรับจริงๆ ว่าตัวผมเองก็ไม่ได้อยากจะทำอย่างงั้นลงไปหรอก ผมยังอยากจะเที่ยวต่ออีก ยังมีหลายที่ที่ผมไม่ได้ไป แต่ว่าถ้าการไปเที่ยวจะต้องแลกกับความอึดอัดที่ผมมีอยู่ในใจ ผมก็คงเลือกที่จะกลับบ้านดีกว่า

ขากลับในรถไอ้เข้ม ผมก็คงนั่งติดกับเดชเหมือนเดิม ระหว่างทางเดชไม่ได้พูดอะไรอีก ทั้งรถพอจะมีเสียงคุยกันบ้าง แต่ก็ไม่มาก มีแต่คนชวนผมคุยโน่นคุยนี่ ผมก็คุยๆ ไปบ้าง จริงๆแล้วผมไม่ได้ติดใจอะไรพวกนี้หรอกคับ เพราะผมเองไม่ได้มีอะไรกับพวกนี้ แต่เป็นเพียงแค่ไอ้เดชเท่านั้น

ถึงบ้านกันแล้วคับ วันนี้ทุกคนต่างก็เหนื่อยล้ากันมามาก เดินทางกันทั้งวัน เล่นน้ำทะเลกันจนเหนื่อย พอทุกคนถึงบ้าน ต่างก็วิ่งแย่งห้องน้ำกันอย่างจ้าละหวั่น เสียงอึกทึกครึกโครมที่บ้านกลางป่า หิ่งห้อยที่บินแถวๆนั้นคงตกใจวิ่งหนีไปแล้วมั้งคับ

สุดท้ายก็เหลือเราสองคนที่นั่งอยุ่ในห้อง รอไปอาบน้ำ

“มึงมีไรอยากบอกกูป่ะ”
“มี แต่ไม่อยากบอก แต่อยากถามมึง”
“อะไรวะ ว่ามาดิ”
“ไอ้เดชให้มึงมาถามอะไรกู”
“มึงจะรู้ไปทำไมวะ” - ไอ้เต้ยังซักไม่เลิก
“ก็............เอ่อ ก็เหมือนกับว่า กูเป็นสาเหตุให้พวกมึงต้องเสียเวลา..............ที่ สถานีรถไฟ”
“แล้วเกี่ยวไรกับไอ้เดช”
“ก็มันไม่คุยกับกู ก็นึกว่าไอ้เดชไปบอกอะไรพวกมึง”
“เปล่า ไม่ได้บอกอะไร”
“อืม”

.
..
...
....
.....
“ไอ้ใหญ่ กูถามมึงอย่างนึง มึงตอบกูตรงๆ นะ”
“อืม”
“มึงเป็นเกย์ใช่ป่ะ”
“อะไรทำให้มึงคิดอย่างงั้น”
“อย่างที่บอกเมื่อกลางวันน่ะ ว่ากูรู้”
“แล้วมึงรู้อะไร”
“กูเป็นไบว่ะใหญ่”
“...........................”
“กูเป็นไบ มึงได้ยินไม่ผิดหรอก”
“...........แล้ว แฟนมึง.............”
“อ่อ ตอนนี้กูเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าจริงๆแล้วกูชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“แล้วแฟนมึง..........ตอนนี้”
“คือเขามาจีบกูก่อน กูรู้สึกดีกับเขา เขาก็ชอบกู ก็เลยเป็นแฟนกัน”
“ก็มึงชอบผู้หญิง ทำไมถึงเป็นไบวะ” - ผมถามไอ้เต้
“ก่อนกูย้ายมาเรียนที่นี่ กูเคยมีแฟนเป็นผู้ชาย”
“..............”
“มึงอยากฟังป่ะ ว่าทำไม”
“อืม”
“คืองี๊ ตอนกูอยู่ ม.3 น่ะ ที่โรงเรียนเขาจะมีงานแข่งกีฬาประจำอำเภอ ทีนี้โรงเรียนกูก็ไปแข่งบาส พอดีกูเป็นตัวสำรองของทีมโรงเรียน”
“มึงเล่นบาสเป็นด้วยเหรอ” - ผมถามมัน
“ไอ้เชี่ยนี้ มึงไม่ขัดกูซักนิดได้ป่ะ”
“โทษคับ แฮ่ะๆๆ”
“ก็เออ ทีเนี๊ยมันมีคนนึง มันเป็นสวัสดิการ มันยกน้ำมาให้พวกกู แล้วมันก็สะดุดก้อนหิน กระติกน้ำที่มันถือมาล้มไม่เป็นท่า”
“หน้าตาเป็นไงวะ”
“ก็สีผิวเหมือนไอ้เดช สูงพอๆกับไอ้เดช หน้าก็คล้ายๆ ไอ้เดช”
“...............”
“ทีเนี๊ย มันก็เดินหน้าจ๋อยๆ กลับไป กูก็เลยเดินไปบอกมันว่าไม่เป็นไร แต่มันไม่ยอม”
“แล้วมันทำให้มึงมีแฟนเป็นผู้ชายยังไงวะ”
“ก็หลังจากที่มันกำลังเดินออกไปเอาน้ำให้พวกกูใหม่ กูเห็นมันแผลด้วย เลือดไหลออกมาเป็นทางเลย กูก็เลยช่วยปฐมพยาบาลให้มัน กูวิ่งไปขอน้ำแข็งจากโรงเรียนข้างๆ บอกมันว่าเอาไปทำแผล แล้วกูก็ทำแผลให้มันตามมีตามเกิด จากนั้นกูก็พาไปกองอำนวยการจัดการแข่งขัน”
“แล้วไงต่อวะ” - ผมถามมันอย่างสนใจ
“มันร้องไห้เว้ย ตอนนั้นกูก็ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงร้องไห้ กูถามมัน แล้วมันก็บอกมันร้องไห้เพราะมันดีใจที่กูทำกับมันอย่างงี๊”
“ไอ้ที่ว่าทำแผลแล้วส่งกองอำนายการอ่ะนะ”
“ไอ้เชี่ย มันไม่ใช่แค่นั้น หลังจากตอนสอบปลายภาคเทอมแรก กูก็ไม่ใช่เด็กกรุงเทพอ่ะนะ สอบเสร็จพวกกูก็เล่นบาสเตะบอลแถวๆนั้นแหล่ะ แล้วทีนี้ตอนที่กูเล่นบาสอยู่ กูเห็นไอ้คนเนี๊ยมันนั่งอยู่ข้างสนามบาส ด้วยมารยาทกูก็ยิ้มให้มันทีนึง แล้วกูก็เล่นบาสต่อโดยที่กูเองก็ไม่ได้สนใจอะไร พอเพื่อนๆกูแยกย้ายกันกลับบ้าน กูเห็นมันนั่งทำหน้าเศร้าๆ อยู่ริมสนาม เพื่อนๆกูก็แยกย้ายกันไปหมดแล้ว กูก็เลยเดินเข้าไปหามัน”
“อืม”
“กูถามมันว่ามานั่งทำอะไร ไม่กลับบ้าน มันบอกกูว่ามันมีบ้าน แต่มันไม่มีใครอยู่ มันไม่อยากกลับบ้าน เพราะถึงมันกลับไปก็ไม่มีความหมายอะไรอยู่ดี พ่อแม่มันแยกกัน”
“.............”
“พอดีกูเห็นว่ามันอยู่ ม.3 เหมือนกู กูก็เลยชวนมันไปเที่ยว ก็ไม่ได้เที่ยวอะไรหรอก ก็คือไปเดินเล่นแถวสวนสาธารณะแถวบ้านกูน่ะ มันยิ้มแย้มขึ้น แต่ก็ไม่ได้มากกว่าเดิมเท่าไหร่นัก”
“แล้วไงต่อวะ”
“มันบอกว่ามันเป็นคนที่มีเพื่อนน้อย ที่บ้านก็มีปัญหา มันแค่รอเรียนจบ ม.3 มันก็คงหางานทำ มันขอเป็นเพื่อนกู กูก็ยินดี”
“...................”
“มันก็พอดีว่ะใหญ่ คือช่วงปิดเทอมเพื่อนๆ กูก็อยู่ไกลจากบ้านกูกัน แต่ไอ้นี่มันอยู่บ้านใกล้ๆ กู กูก็เลยไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดปิดเทอม ปิดเทอมที่กูมีความสุข กูทำให้มันยิ้มได้ กูทำให้มันกลับมาเป็นเด็ก ม.3 ที่เหมือนคนอื่นอีกครั้ง”
“แล้ว...............”
“ก็วันแรกที่เปิดเทอม มันบอกว่าตอนเย็นจะพาไปสวนสาธารณะที่กูเคยพามันไป กูก็นึกว่ามันคงอยากไปเที่ยวมั้ง แต่ก็ผิดคาด”
“...........”
“มันบอกกูว่า มันรู้สึกดีกับกู มันบอกว่ากูหมือนให้ชีวิตใหม่กับมัน จะผิดไหมถ้าเราสองคน คือหมายถึงกูกับมัน จะเป็นอะไรที่มากกว่าเพื่อน”
“แล้วมึงบอกไปว่าไง” - ผมถามอย่างตื่นเต้น
“กูไม่แน่ใจ กูเลยไม่ปฏิเสธความรู้สึกที่มันมีให้”
“ทั้งๆที่มึงก็รู้อ่ะนะ ว่าผู้ชายชอบกันมันเรียกว่าเกย์”
“ตอนนั้นกูไม่รู้หรอก ว่าเกย์จริงๆแล้วมันคืออะไร ตอนนั้นกูคิดว่ามันก็คงเป็นพวกตุ๊ดท้ายครัวมั้ง แต่กูไม่ได้เป็นตุ๊ด กูไม่อยากแต่งหญิง กูจึงไม่เป็นเกย์”
“...................”
“มันเองก็บอกว่ามันเองก็สับสน ว่าจริงๆแล้วมันสมควรหรือไม่ที่ควรจะทำอย่างงั้น แต่มันเป็นเรื่องของความรู้สึกที่ดีต่อกันว่ะ ความรู้สึกที่เกินเพื่อน กูกับมันเข้าไปในชีวิตของกันและกัน”
“แล้ว...............”
“กูเองก็รู้สึกดีกับมัน มันเองก็รู้สึกดีกับกู แต่มันมีม่านตรงกลางที่บอกว่า มันไม่ควรจะเกินนี้ จนมันมาบอกกู กูถึงไม่ปฎิเสธมัน ม่านที่สร้างไว้ก็ทลายลง”
“แล้วมึงสองคน..........”
“กูไม่มีอะไรกันหรอก คือตอนนั้นมันเป็นความรู้สึกที่ดีต่อกัน ไปไหนไปด้วยกัน กินข้าวกลางวัน เดินกลับบ้านพร้อมกัน บ่อยครั้งที่มันมานอนกับกู ที่บ้านกูก็ยินดี แต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่เรียกว่าแบบนั้น”
“แล้วมึงคบกันนานแค่ไหนวะ”
“คือกูก็เป็นแฟนกันอย่างเงี๊ยะ 3 เดือน 16 วัน กูจำได้ดี ตั้งแต่วันเปิดเทอมที่กูกับมันไปบอกรักกันที่สวนสาธารณะ วันสุดท้ายมันมาหากูที่บ้าน ไม่มีวี่แววเลยว่ามันจะไปจากชีวิตกู มันมาหากูที่บ้านตามปกติ มันบอกว่าขอกินข้าวเย็นด้วย แม่กูก็ให้กินตามปกติ แล้วกูกับมันก็ขึ้นไปบนห้อง แล้วมันก็พูดขึ้นมา..................”
“มันพูดอะไรล่ะ..............”
















































“ไอ้เชี่ย กูคอแห้ง ให้กูกลืนน้ำลายมั่งดิ”
------------
ปอลอ
ขอโทษคับ เอามาลงแล้วๆ แต่ตอนนี้ไม่มีติดเครื่องแล้วอ่า....งานเยอะมากมาย ไม่มีเวลาพิมพ์เลย
ขอบคุณที่ยังมาตามอ่านนะคับ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่40[24-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 24-09-2008 22:09:08
เง้อ...อะไรกันนี่

สู้ๆนะคนเขียน  เป็นกำลังใจให้ 

+1 ด้วยๆๆๆ

 :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่40[24-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 25-09-2008 00:03:22
o12 ไอ้เต้ แมร่ง...............เสียรมณ์
อุสาห์ลุ้น ....เซ็งจิตเลย o12
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่40[24-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: a22a ที่ 25-09-2008 00:32:12
โอ้ย...............ค้างคาอย่างแรง o12 :angry2: :serius2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่40[24-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 25-09-2008 09:30:39
เอ๊าๆๆๆ

หายค้างจากตอนเก่า  แล้วมาค้างตอนใหม่หนักกว่าเดิม

สงสัยไปอ่านเรื่องคนอื่นมาเยอะแน่เลย  เลยมาทำให้คนอ่านเรื่องนี้ค้างมั่ง

 :m15:

แล้วอย่างงี้เต้จะแอบชอบใหญ่เหมือนกันปะเนี่ย
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่40[24-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: animob ที่ 25-09-2008 09:59:59
หายอึดอัดขึ้นมานิดนึง แต่เกิดอาการค้าง 5 5555
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่40[24-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 25-09-2008 10:11:36
ค้าง...มาก มาก มาก   :serius2:

เต้นี่ดูเป็นผู้ใหญ่ดีนะ ว่าแต่จะมาเป็นศิราณีหรือมาดามใจใหญ่กันแน่จ๊ะ  :t2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่40[24-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 25-09-2008 13:50:08
อยากตายชะมะ   รีบมาต่อเลย 


(http://i23.photobucket.com/albums/b370/terranne_13/527361959_01cfb2ce17.jpg)






ปล.ล้อเล่งน่า
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่40[24-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: angsumalin ที่ 27-09-2008 09:34:34
อ้างถึง
“ไอ้เชี่ย กูคอแห้ง ให้กูกลืนน้ำลายมั่งดิ”

มันน่านักเชียว :เตะ1: :เตะ1: :เตะ1: :เตะ1: :เตะ1: :เตะ1:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่40[24-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 27-09-2008 20:59:52
41
 :angry2:
“มึงจะเล่าต่อได้ยัง” - ผมถามไอ้เต้ หลังจากที่มันลุกไปกินน้ำที่อยู่มุมห้อง
“อะแฮ่มๆๆ” – เสียงไอของไอ้เต้ กวนได้ใจจริงๆ
.
.
.

“มันบอกว่าขอนอนค้างกับกูที่นี่ เสียงมันแปลกๆ ท่าทางมันก็แปลกๆ ด้วย เหมือนมันกำลังมีอะไรปิดกูอยู่ กูเลยถามมัน มันบอกว่าไม่มีอะไร แค่วันนี้มันอยากนอนกับกู”
“แค่นั้นอ่ะนะ”
“ไม่ใช่แค่นั้นอ่ะดิ มันนอนกอดกู มันบอกว่าขอกอดกูแน่นๆ หน่อย กูก็ไม่เคยนอนกอดกับมันด้วย กูก็เกร็งๆ นิดหน่อย แต่ก็ไม่มีอะไรกัน”
“มันไม่พูดอะไรกับมึงเลยเหรอ”
“ก็พูดเรื่อยเปื่อยทั่วไป กูบอกว่ากูเรียน ม.4 ต่อแน่นอน กูอยากเข้าธรรมศาสตร์ให้ได้ แต่มันไม่คุยเรื่องอนาคตของมันเลย มันแค่บอกว่า ถ้ามันยังได้เรียนกูก็คงเห็นมันเองแหล่ะที่โรงเรียนเก่า แล้วมันก็เปลี่ยนเรื่องไป”
“.....................”
“กูกับมันก็นอนกอดกัน คุยๆกัน แล้วก็หลับไป ทีนี้พอตื่นเช้ามา กูก็ไม่เห็นมันแล้ว กูวิ่งหามันทั่วบ้านแต่ก็ไม่เจอ กูวิ่งกลับมาบนห้อง กูเห็นจดหมายฉบับหนึ่ง”
“แล้วมันเขียนว่าไง”
“มันบอกว่า มันจะต้องเดินทางไกล ที่บ้านมันมีปัญหา พ่อกับแม่แยกกัน พ่อไปมีแฟนใหม่ แม่ก็ไปมีแฟนใหม่เหมือนกัน แล้วทีนี้แม่มันได้แฟนฝรั่ง ก็เลยจะเอามันไปอยู่ด้วย”
“แล้วมึงทำไง” – ผมถาม
“กูวิ่งไปหามันที่บ้าน มึงเชื่อป่ะว่ากูมาช้าไป ช้าไปจริงๆ กูเห็นหลังของรถที่ขนของขับออกไปไกลๆ แล้วกูก็เห็นพ่อของมัน พ่อมันบอกว่ามันจะไปอเมริกากับแม่และก็สามีใหม่”
“.....................”
“ตอนนั้นกูร้องไห้มาก กูเดินคอตกกลับไปที่บ้าน กูเล่าให้แม่กูฟัง แม่กูได้แต่ปลอบกูแล้วก็บอกกูว่าเดี๋ยวเขาคงส่งจดหมายมาหากูเอง”
“แล้วเขาส่งมาหามึงป่ะ”
“เชื่อป่ะ ว่ากูรอ รอแล้วรออีก รอจนทั้งปิดเทอมก็ไม่มีจดหมายมาหากูซักฉบับ ตอนนั้นกูเหมือนเป็นโรคซึมเศร้า กูเหมือนคนบ้า กูนั่งรออยู่หน้าบ้านได้ทุกวัน”
.
.
.
.
.
.

“แสดงว่ามึงก็รักมันมาก”
“คือกูก็บอกไม่ถูก เพราะคนอย่างกูสนิทกับใครยาก เพื่อนสนิทก็มีไม่กี่คน และมันนอกจากจะเป็นเพื่อนสนิทกูแล้วมันยังเป็นแฟนกูอีกด้วย มันเป็นรักครั้งแรกของกูน่ะ”
“งั้นแสดงว่ามึงเองก็ชอบผู้ชายมาตั้งแต่ตอนนั้น”
“กูไม่รู้ตัวเองหรอก ว่ากูเป็นเกย์หรืออะไร เพียงแค่ว่าตอนนั้นกูชอบมัน กูรู้สึกดี กูก็ทำตามความรู้สึกที่กูต้องการ”
“แล้วทำไมมึงมาเรียนที่นี่ล่ะ มึงบอกว่าจะขึ้น ม.4 โรงเรียนเก่ามึง”
“คืองี๊ แม่กูไปทำเรื่องให้กูตอนไหนก็ไม่รู้ เหมือนกับแม่กูเขารู้จักผู้ใหญ่คนนึงที่เขามีอุปการะกับโรงเรียนนี้ แม่กูก็เลยพากูไปฝาก แต่กูไม่รู้เรื่องเลย กูอยู่กับอดีตที่มันกลับมาไม่ได้ จนวันนึงแม่กูบอกว่าจะพาไปเที่ยวกรุงเทพฯ มึงคงเข้าใจใช่ป่ะ ว่ากรุงเทพฯสำหรับกูมันคงเป็นสิ่งแปลกใหม่”
“...............”
“แม่กูพากูมาเที่ยวที่บ้านป้า ซึ่งกูก็ไม่รู้หรอกว่ากูมีป้าอยู่กรุงเทพ เพราะเท่าที่กูรู้ ป้ากับแม่กูไม่เคยติดต่อกันเลย แต่สงสัยเขาคงแอบติดต่อกันโดยไม่ให้กูรู้ก็ได้มั้ง ป้ากูต้อนรับแม่กับกูดีมาก”
“..............”
“จากนั้นป้าเขาบอกว่าให้อยู่กับเขา กูก็งงว่าทำไม กูต้องไปเรียน ม.4 ที่เดิม กูจะอยู่กับเขาได้ยังไง และสุดท้ายแม่ก็บอกกูว่า แม่ติดต่อโรงเรียนนี้ให้กูเรียนต่อ”
“มึงได้ถามแม่มึงป่ะว่าทำไม”
“แม่กูให้เหตุผลว่า ถ้าเรียนที่เดิม โอกาสในการสอบเอ็นติดก็คงมีน้อย และอีกอย่างแม่สงสารกู ไม่อยากให้กูอยู่กับอดีต”
“แม่มึงรู้ป่ะว่ามึงกับมันเป็น...........เอ่อ.........แฟนกันน่ะ”
“ไม่อ่ะ แม่กูไม่สงสัยอะไรในตัวกูเท่าไหร่หรอก กูเล่าให้แม่กูฟังทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องที่กูกับมันเป็นแฟนกัน”
.
.
.
“ตอนนี้มึงลืมมันได้ยัง”
“พูดตามตรงเลยนะ ว่ากูไม่เลยลืมมันเลย แม้ตอนนี้กูจะมีแฟนใหม่เป็นผู้หญิง กูก็รู้สึกดีด้วย กูชอบเขา เขาก็ชอบกู แต่ทุกวันนี้ถามกูว่ากูยังลืมมันได้ไหม บอกเลยว่า ลืมไม่ได้ กูยังคิดถึงมัน”
“อืม………….”
.
.
.
“ที่กูเล่ามา กูอยากให้มึงคิดได้ มีอะไรมึงก็บอกไปเลยตรงๆ มึงไม่ต้องกลัวว่าจะเสียใจ” – พูดจบไอ้เต้เอามือมาแตะผม
“งั้นกูไม่ปิดมึงละกัน กูชอบไอ้เดช”
“ก็แค่นั้นแหล่ะ”
.
.
.


“เป็นไง โล่งป่ะมึง” - ไอ้เต้ถามผม
“แต่กูขอร้องว่ะเต้ มึงอย่าไปบอกมันนะ”

“คุยไรกันวะ” – เสียงเปิดประตูเข้าห้อง ไอ้เดชเดินเข้ามาหลังจากอาบน้ำเสร็จ
“เปล่า ไม่มีไร”
“มึงสองคนอาบน้ำกันยัง” - ไอ้เดชถามไอ้เต้กับผม
“งั้นกูไปอาบก่อนนะไอ้ใหญ่” – ไอ้เต้เดินออกไป ขยิบตาให้ผม 1 ที น่าเตะจริงๆ
“มึงไม่ต้องมาทำหน้าตาอย่างงั้น เห็นแล้วหมั่นไส้” – ไอ้เดชด่าไอ้เต้ตามหลัง จากนั้นประตูห้องก็ปิดลง
!
!!
!!!
!!!!
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
.........................
......................
..................
...........
........
...
..
.
“ใหญ่”
“อะไรเหรอ” - ผมหันไปหาที่มาของเสียง
“กูทำไรผิดเหรอ”
“เปล่านี่หว่า มึงก็ไม่ได้ทำอะไรนี่”
“แล้วมึงเป็นไร”
“มึงนั่นแหล่ะเป็นไรเดช”
“กูก็ปกตินั่นแหล่ะ”
“ถ้ามึงปกติแล้ววันนี้ทั้งวันมึงเงียบทำไม” - ผมถามอย่างเริ่มมีอารมณ์
“กู..............กูก็ไม่รู้เหมือนกัน” - เสียงมันเริ่มสั่น
“มึงไม่รู้ก็ไม่เป็นไร” – ผมลดเสียงลง และเดินเข้าไปหามัน
“มึงเข้าใจกูใช่ป่ะ”
“อืม กูเข้าใจ”

เราทั้งคู่เงียบไปซักพัก ผมลงไปนั่งข้างๆมัน

“มึงมีอะไรอยากบอกกูป่ะ” - ไอ้เดชถามผมก่อน
“มี แต่ไม่อยากบอก แต่อยากรู้มากกว่า”
“อะไรล่ะ”
“ทำไมวันนี้มึงไม่คุยกับกู”
“.............” - มันเงียบ
“มึงเป็นคนพากูมาเที่ยวนะ”
“.............” - มันยังคงเงียบ
“มึงเข้าใจกูใช่ป่ะ ว่ามึงเป็นคนพากูมา มึงก็น่าจะคุยกับกูบ้าง”
“.................”
“ที่มึงไม่คุยกับกูวันนี้ กูก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม เพื่อนกูก็ไม่มี นอกจากมึง”
“..............”
“มึงคนเดียวแหล่ะเดช ที่กูยอมมาถึงที่นี่”
“......................”
“ที่สถานีรถไฟ กูก็ไม่ได้อยากทำอย่างงั้นหรอก กูทำให้เพื่อนๆมึงเสียเวลา แต่กูอยากให้มึงรู้”
“รู้อะไรล่ะ” – หลังจากที่ฟังมานาน มันเริ่มพูดออกมาแล้ว
“มึงพากูมา มึงก็ต้องดูแลกูดิ” – ผมเปลี่ยนเสียงให้ร่าเริงขึ้น ทั้งๆที่หัวใจอยากจะบอกให้มันรู้ว่ากูรักมึง
“แล้วมึงจะร้องไห้ทำไม ที่สถานีรถไฟ” - มันถามผม
“กู กูก็ไม่รู้เหมือนกัน” – ผมตอบตัวเองได้ว่าผมร้องไห้เพราะมัน แต่ผมจะบอกมันยังไงล่ะ
“งั้นก็ช่างเหอะ” – มันตัดบทเอาง่ายๆ
“เดช”
“หือ?”
“มึงมีอะไรมึงบอกกูนะ มึงอย่าเงียบอย่างงี๊ดิ”
“มึงก็ด้วยไอ้ใหญ่ มึงก็บอกกูดิ เราเป็นเพื่อนกันใช่ป่ะ”
“ใช่”
“แสดงว่ามึงยังจำได้”
“กูจำได้ตลอดเวลาแหล่ะเดช กูจะเป็นเพื่อนมึงอย่างงี๊ไปตลอด”

แล้วไอ้เดชก็เลื่อนตัวเองเข้ามาชิดผม โอบไหล่ผมเบาๆ

“ขอบใจมาก” - มันพูดกับผม
“เอามือออกไปเหอะ กูยังไม่ได้อาบน้ำ” – ผมบอกมัน
“เชี่ยใหญ่ ทำลายบรรยากาศหมด”

จากนั้นผมก็เดินออกไปอาบน้ำ

ผมรู้สึกว่าผมไม่ค่อยจะเคลียร์ในตัวไอ้เดชซักเท่าไหร่ สรุปแล้ววันนี้มันก็ไม่มีเหตุผลให้กับผมว่าที่มันเป็นอย่างงั้นเพราะอะไร แต่ผมก็ไม่ติดใจอะไรแล้วแหล่ะคับ เพียงแค่ให้มันคุยกับผมเหมือนเดิมก็พอแล้ว สิทธิ์จะหวังอะไรในตัวมันก็ไม่มีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

แต่มันก็อดคิดไม่ได้ ที่มันทำทุกอย่างให้ผมคิดไปเอง ให้ผมคิดไปไกลมาก ให้ผมคิดว่ามันชอบผม มันทำอย่างงั้นทำไม เมื่อมันไม่ได้คิดอะไรกับผม นอกจากเพื่อน และคนที่เป็นพ่อสื่อให้กับต่ายเท่านั้น

“มึงจะอาบให้หมดโอ่งเลยรึไง” – เสียงไอ้เต้ตะโกนจากข้างนอก มันรอแปรงฟันอยู่
“จะเสร็จแล้ว” – ผมรีบนุ่งผ้าเช็ดตัว แล้วก็ออกไปจากห้องน้ำ
“ไปรอที่ห้องนะ” – ผมบอกไอ้เต้
“มึงเคลียร์กับไอ้เดชยัง”
“ก็.....อืม คุยแล้ว”
“มันบอกว่าไงป่ะ”
“มันก็ไม่ได้ว่าอะไร กูเองก็ไม่ติดใจอะไรมันด้วย”
“ยังไง กูงง”
“เอาเป็นว่า ช่างเหอะ แค่มันเหมือนเดิม กูก็พอใจแล้ว” – ผมบอกไอ้เต้ ก่อนจะเดินกลับห้องไป
------------------
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่41[27-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 28-09-2008 15:03:37
ไมมันง่ายแบบนี้ล่ะ 

โอ๊ยยยยยยยยย  ไม่เข้าใจเลย

 :a6: :a6:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่41[27-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: kanom™cake ที่ 28-09-2008 15:21:28
                          รับรู้ความรู้สึก  เศร้ามาแต่ไกลๆๆเลยอ่ะค่ะ

                     
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่41[27-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 28-09-2008 15:32:46
อ่านเรื่องของเต้แล้วได้ฟีลเพลงความจริงในใจของ Crescendo เลย

เท่าที่อ่านมา น้องเดชก็ท่าทางจะสับสนในความรู้สึกของตัวเองอยู่เหมือนกันนะนี่ แต่พอดีเรื่องนี้เล่าผ่านมุมมองของใหญ่คนเดียว เลยต้องลุ้นว่าเดชจะพัฒนาความรู้สึกให้ใหญ่ไปมากกว่าความเป็นเพื่อนไหม

ชอบๆๆ รออ่านต่อ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่41[27-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 28-09-2008 22:25:28
ตัวอย่างตอนที่ 42 คับ

“ไอ้ใหญ่ มึงตื่นได้แล้ว แปดโมงแล้วมึง”

“ใหญ่”
“อะไรเหรอ”
“กูเครียด”

“ไอ้เชี่ย แม่งไม่มีเหตุผลเอาซะเลย o2”
“………..”
“แล้วมึงจะถามทำไมเนี๊ย”

“รักเพื่อนมันผิดป่ะวะ o12”

----------------
ติดตามตอนที่ 42 กลางสัปดาห์นะคับ
 :m23:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่41[27-09-08] + ตัวอย่างตอนต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 28-09-2008 23:22:10
ตัวอย่างตอนที่ 42 คับ

“กูเครียด”


“รักเพื่อนมันผิดป่ะวะ o12”


^
^
^
ไมถามงี้อ่ะ  :a5:

อยากอ่านๆ  :serius2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่41[27-09-08] + ตัวอย่างตอนต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: popper ที่ 01-10-2008 00:26:24
 :sad2: :sad2: :sad2:

ต้องสู้อย่างเดียวเท่านั้นจิงๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่41[27-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 01-10-2008 09:58:23
ตัวอย่างตอนที่ 42 คับ

“ไอ้ใหญ่ มึงตื่นได้แล้ว แปดโมงแล้วมึง”

“ใหญ่”
“อะไรเหรอ”
“กูเครียด”

“ไอ้เชี่ย แม่งไม่มีเหตุผลเอาซะเลย o2”
“………..”
“แล้วมึงจะถามทำไมเนี๊ย”

“รักเพื่อนมันผิดป่ะวะ o12”

----------------
ติดตามตอนที่ 42 กลางสัปดาห์นะคับ
 :m23:


เล่นมายั่วกันงี้เลยเหรอ เดี๋ยวป้าไปทำพรีวิวตอนต่อไปที่นิยายป้ามั่งดีมะ   :t2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่41[27-09-08] + ตัวอย่างตอนต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 01-10-2008 14:15:39
เด๋วนี้มีแกล้งเอามายั่วด้วยเหรอ

ใจร้ายวะ   :m15:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่41[27-09-08] + ตัวอย่างตอนต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 01-10-2008 15:55:42
(http://i191.photobucket.com/albums/z37/brandon34515/2716_Naruto.gif)


รอนานแล้วโว้ย
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่41[27-09-08] + ตัวอย่างตอนต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 01-10-2008 16:22:01
42 [part1]
 :m31:
“เฮ้ย!!! ตื่นๆดิ”
“................”
“ตื่นซักทีดิ”
“...............”
“ไอ้ใหญ่ มึงตื่นได้แล้ว แปดโมงแล้วมึง”
“เฮ้ย!!” - ผมตกใจลุกขึ้นมา
“อาบน้ำได้แล้วมึง”
วันนี้ผมตื่นสายคับ แฮ่ะๆ อากาศดีอย่างงี๊ แถมเมื่อคืนผมยังนอนดึกอีกต่างหาก ว่าแล้วขอบิดขี้เกียจซักรอบก่อนที่จะลุกไปอาบน้ำหน่อยเหอะ

เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเรานอนกันดึกเหลือเกิน จริงๆแล้วหลังจากเมื่อคืนที่เราอาบน้ำแปรงฟันกันเสร็จ พวกเราก็ออกมานั่งเล่นที่ระเบียงหน้าบ้าน ผมก็ออกไปด้วยตามมารยาท ไปนั่งฟังพวกมันคุยกันซะมากกว่า  เรื่องที่คุยกันก็จะเป็นเรื่องที่เที่ยวมาวันนี้เป็นส่วนใหญ่ แล้วก็วางแผนว่าวันพรุ่งนี้จะไปเที่ยวไหนกันต่อ ก็มีอีกหลายที่ที่จะไป เช่นไปถ้ำ แล้วก็ไปน้ำตก ตอนเย็นจะไปเล่นทะเลอีกที่หนึ่งด้วย อ่ะ สรุปกันได้แล้วว่าจะไปกันสามที่นี้ แล้วก็นัดรวมพลกันตอนแปดโมงเช้า

หลังจากที่ตกลงกันแล้ว ก็ถึงเวลาคืนค่ำก็ฮัมเพลง หนังสือเพลงที่เอามา กีต้าร์โปร่ง 1 ตัว ตึ๊งๆๆๆ เฮ้วๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ ร่วมชั่วโมง ผมก็นั่งร้องนั่งฟังไปกับพวกมันด้วย ความรู้สึกเรื่องความแตกต่างระหว่างห้องเรียนเริ่มลดลง ทุกคนเล่นกับผม คุยกับผมเหมือนเพื่อนคนอื่น ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปนอน เพราะเวลาล่วงเลยมาเที่ยงคืนแล้ว

“มึงเดินเล่นกับกูก่อนได้ป่ะ” – ไอ้เดชเอ่ยปากชวนผม
“อืมเอาดิ”
“งั้นกูไปเอาไฟฉายจากไอ้เข้มก่อนนะ” – แล้วมันก็เดินไปเอาไฟฉายจากไอ้เข้ม
----------------
ปล. คืนนี้ผมจะไปกินข้าวกับเพื่อนคับ เพื่อนที่.........เอ่อ ยังไงดีล่ะ แบบว่าก็ชอบมันอยู่อ่ะ แฮ่ะๆๆ
แต่ตอนนี้ยังพิมพ์ไม่เสร็จเลย  :serius2: เลยเอา้เท่าที่มีมาลงก่อนละกันนะคับ ถ้าคืนนี้ผมกลับมาทัน ผมจะมาลงส่วนที่เหลือให้คับ
อย่าด่ากันนะคับพี่น้อง
  :m23:

หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่42 part1 [01-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: animob ที่ 01-10-2008 16:59:42
ง่ะ จะรอนะครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่42 part1 [01-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 01-10-2008 18:08:12
:m29: แค่เนี๊ย!
รมณ์เสีย..... o12



พี่ค๊าฟฟฟ ทำมันสั้นงี้อ่ะ ..มันอึดอัดน่ะเพ่!  :sad2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่42 part1 [01-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 01-10-2008 18:37:24
ต่างคนต่างไม่พูด :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่40[24-09-08]
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 01-10-2008 19:21:15
อย่าให้รอนานเด๋วรมณ์เสีย แม่ยิงใส้แตกเลย

(http://i23.photobucket.com/albums/b370/terranne_13/527361959_01cfb2ce17.jpg)






ปล.ล้อเล่งน่า
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่42 part1 [01-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 01-10-2008 20:16:39
สั้น









มันช่างสั้น







สั้นจริงๆ


ไปสวีทกับกิ๊กเสร็จก็มาต่อได้แล้ว!! :angry2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่42 part1 [01-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 01-10-2008 21:20:13
สั้น....ได้อีก

รอต่อไป

หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่42 part1 [01-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 01-10-2008 22:06:25
ว้าวววววววว มีออกไปกินข้าวกันด้วย ไปต่อกันนาน ๆ เลยก็ได้นะ  :o8:

ไว้จะรออ่านต่อจ้า  :a4:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่42 part1 [01-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 02-10-2008 10:17:01
โห...

สั้นจริงๆ วะ555+

ทานข้าวใหอร่อยนะคร้าบบบ

ยังรอตามผลงานต่อปายยยย

 :t2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่42 part1 [01-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 02-10-2008 16:39:38
42
 :m12:
“เฮ้ย!!! ตื่นๆดิ”
“................”
“ตื่นซักทีดิ”
“...............”
“ไอ้ใหญ่ มึงตื่นได้แล้ว แปดโมงแล้วมึง”
“เฮ้ย!!” - ผมตกใจลุกขึ้นมา
“อาบน้ำได้แล้วมึง”

วันนี้ผมตื่นสายคับ แฮ่ะๆ อากาศดีอย่างงี๊ แถมเมื่อคืนผมยังนอนดึกอีกต่างหาก ว่าแล้วขอบิดขี้เกียจซักรอบก่อนที่จะลุกไปอาบน้ำหน่อยเหอะ

.
.
.
.
.
เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเรานอนกันดึกเหลือเกิน จริงๆแล้วหลังจากเมื่อคืนที่เราอาบน้ำแปรงฟันกันเสร็จ พวกเราก็ออกมานั่งเล่นที่ระเบียงหน้าบ้าน ผมก็ออกไปด้วยตามมารยาท ไปนั่งฟังพวกมันคุยกันซะมากกว่า  เรื่องที่คุยกันก็จะเป็นเรื่องที่เที่ยวมาวันนี้เป็นส่วนใหญ่ แล้วก็วางแผนว่าวันพรุ่งนี้จะไปเที่ยวไหนกันต่อ ก็มีอีกหลายที่ที่จะไป เช่นไปถ้ำ แล้วก็ไปน้ำตก ตอนเย็นจะไปเล่นทะเลอีกที่หนึ่งด้วย อ่ะ สรุปกันได้แล้วว่าจะไปกันสามที่นี้ แล้วก็นัดรวมพลกันตอนแปดโมงเช้า

หลังจากที่ตกลงกันแล้ว ก็ถึงเวลาคืนค่ำก็ฮัมเพลง หนังสือเพลงที่เอามา กีต้าร์โปร่ง 1 ตัว ตึ๊งๆๆๆ เฮ้วๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ ร่วมชั่วโมง ผมก็นั่งร้องนั่งฟังไปกับพวกมันด้วย ความรู้สึกเรื่องความแตกต่างระหว่างห้องเรียนเริ่มลดลง ทุกคนเล่นกับผม คุยกับผมเหมือนเพื่อนคนอื่น ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปนอน เพราะเวลาล่วงเลยมาเที่ยงคืนแล้ว

“มึงเดินเล่นกับกูก่อนได้ป่ะ” – ไอ้เดชเอ่ยปากชวนผม
“อืมเอาดิ”
“งั้นกูไปเอาไฟฉายจากไอ้เข้มก่อนนะ” – แล้วมันก็เดินไปเอาไฟฉายจากไอ้เข้ม

ท่ามกลางเสียงจั๊กจั่น และหิ่งห้อย 2-3 ตัว ผมเดินไปเรื่อยๆ กับไอ้เดช

“ใหญ่”
“อะไรเหรอ”
“กูเครียด”
“เครียดไรวะ บอกกูได้ป่ะ”
“ต่ายอ่ะดิ กูติดต่อเขาไม่ได้ทั้งวัน”
“กลางวันเขาก็ไปเรียนพิเศษอ่ะดิ”
“ตะกี๊กูก็โทรไป ก็ไม่รับโทรศัพท์”
“มึงรู้ได้ไง”
“ไม่มีคนรับสายที่บ้าน”
“...................”
“กูเหนื่อยแล้วว่ะใหญ่”
“มึงอยากให้กูช่วยอะไรมึงอีกป่ะ”
“ขอบใจว่ะใหญ่” - มันเอามือมาโอบหลังผมเบาๆ
“...................”
“กูว่ากูจะหยุดแล้วว่ะ”
“มึงแน่ใจเหรอ” – ในใจก็นึกดีใจ แต่แสดงออกมาไม่ได้
“กูว่ากูคิดดีแล้วนะ” – น้ำเสียงมันเรียบๆ เหมือนอากาศตอนนี้เลย
“กูยังไม่อยากให้มึงเลิกหวัง......”
“ทั้งๆที่รู้ว่า ยังไงก็ไม่มีหวังนั่นน่ะเหรอ”
“มึงเคยสู้แบบ แบบสุดๆยังล่ะ”
“มึงก็เห็น ว่ากูทำขนาดไหน แต่ทุกครั้งที่กูทำ ต่ายก็ไม่เคยสนใจกูอยู่ดี”
“...........”
“กูว่าเขาไม่พร้อมว่ะ และตัวกูเองก็คงไม่พร้อมจะไปรักเขาด้วย”
“ถ้ามึงไม่พร้อม แล้วมึงไปชอบเขาทำไม”
“มึงเข้าใจใช่ป่ะ ว่าต่ายเป็นคนสวย เห็นครั้งแรกใครๆก็ชอบ และถ้าเป็นแฟนด้วย ก็คงจะดี”
“...................”
“กูน่าจะเชื่อพวกไอ้เข้มมันเนอะ ไม่น่าถลำตัวเข้ามาเลย”
“..................”
“ที่มึงเห็นกูเมื่อกลางวันนี้น่ะ กูกำลังทำใจ กำลังคิดว่ากูควรจะทำไงต่อไป กูจะตัดใจจากต่ายยังไง”


.
.
.
.
.
.
.
ความเงียบเข้าปกคลุมเราสองคนซักพัก

“เดช”
“หือ?”
“ถ้ามึงจะเลิกชอบต่าย กูกับมึงก็คงจะเลิกคบกัน ใช่ป่ะ”
“ทำไมมึงคิดอย่างงั้น”
“มันเห็นๆอยู่แล้ว ว่ากูเป็นตัวช่วยให้มึง แต่ถ้ามึงไม่ต้องการแล้ว ตัวช่วยจะมีประโยชน์อะไรล่ะ”
“ใหญ่ มันไม่เกี่ยวกัน”
“เกี่ยวกันดิ เกี่ยวกันตรงๆเลย ถ้ามึงเลิกชอบต่าย กูก็หมดประโยชน์อยู่ดี กูก็คงไม่ไปไหนกับมึงอีก”
“ใหญ่ มึงอย่าเอามาปนกันดิ”
“เดช มึงพูดได้ ว่าตอนนี้มึงกับกูเป็นเพื่อนกัน”
“จะตอนไหนกูก็เป็นเพื่อนมึง ไอ้ใหญ่ กูสัญญา”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“กูมีอะไรจะบอกมึงว่ะเดช”
“อะไรล่ะ”
“มึงจำวันแรกที่เราเจอกันได้ป่ะ”
“จำได้ดิ แม่ง มึงอ่ะไม่เคยคุยดี ๆ กับกูเลย”
“ใช่ กูไม่เคยคุยดี ๆ กับมึง เพราะอะไรรู้ป่ะ”
“ไม่รู้”
“เพราะกูไม่ชอบขี้หน้ามึง”
“แล้วตอนนี้ล่ะ”
“ก็ยังไม่ชอบเหมือนเดิม”  :m20: “กูล้อเล่นน่า” – สีหน้ามันดีขึ้น
“มึงอยากรู้ป่ะว่าทำไมตอนนี้กูถึงมายืนอยู่กับมึงตรงนี้”
“อืม”









“มึงเป็นคนดีไงเดช มึงเป็นคนดีมาก”
เพราะกูชอบมึงไงล่ะเดช – ทำไมไม่พูดออกไปวะ







“มันเกี่ยวอะไรกันวะ”
“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน”
กูรู้ดี เพราะกูชอบมึงไงล่ะ – พูดออกไปเดชะไอ้ใหญ่ ไอ้ใหญ่ แค่มึงพูดออกไป แค่นั้นเอง.......






“ไอ้เชี่ย แม่งไม่มีเหตุผลเอาซะเลย”
“………..”
“แล้วมึงจะถามทำไมเนี๊ย”
“เออว่ะ ถามทำไมเนี๊ย แฮ่ะๆๆ” – ผมหัวเราะ ไอ้เดชเกาหัว o12 มันก็คงจะงงกับคำถามของผม ผมเองยังงงอยู่เลย

.
.
.
.
.
.
.
“กลับเหอะเดช เดินมาไกลแล้ว เดี๋ยวหลง”
“ก็ดี กูก็หนาว ง่วงด้วย”

ระหว่างทางกลับ

“เดช”
“อะไรเหรอวะ”
“มึงจะเลิกชอบต่ายจริงๆเหรอ”
“กูเหนื่อยว่ะใหญ่ กูว่ากูเองอยากกลับไปคิดดีๆ เผื่อบางทีกูไม่ได้ชอบต่ายก็ได้”
“กูว่ากูอยากขอบคุณต่ายว่ะ ถ้าไม่มีต่าย กูกับมึงก็คงไม่เจอกัน” - ผมพูดออกไป
“..............” - มันหันหน้ามามองผม
“กูอยู่คนละห้องกับมึง ห้องกูเองก็ไม่ชอบหน้ามึงอยู่ รวมถึงกูด้วย”
“................”
“เวลาว่ะ เวลาที่ให้เรามาเจอกันไงล่ะ”





“ใหญ่”
“อะไรเหรอ”
“กูขอเดินจูงมือเพื่อนกูได้ป่ะ”
“................”
“จากวันนี้ไป กูไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่วันนี้กูจะพาเพื่อนกูเดินกลับบ้าน เพื่อนกูสับสนเหลือเกิน”
“ใครสับสนอะไร งง”
“มึงนั่นแหล่ะ พูดอะไรวกไปวนมา”
“กูไม่ได้เป็นไร”
“งั้นก็เอามือมา เป็นหลักประกัน ว่าวันนี้กูจะอยู่กับมึง”
“อืม” – ผมส่งมือไปให้มันจูง แล้วเราสองคนก็เดินจูงมือไปด้วยกัน แต่ความรู้สึกดีๆไม่ได้ถูกส่งผ่านไปถึงกันหรอกคับ ผมกลัวจริงๆ ว่าถ้ามันจะต้องไปจากผมจริงๆ แล้วผมจะทำไง








“ใหญ่”
“อะไรเหรอ”
“แล้วมึงร้องไห้ทำไม”
“กูตอบมึงไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
“มึงตอบกูว่า มึงเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“......................”
“ตอนนี้มึงอยากเปลี่ยนคำตอบป่ะวะ”
“................” – น้ำตาผมเริ่มไหลอีกรอบ ไม่รู้ทำไม ผมแหงนหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า เพื่อให้น้ำตาไหลกลับเข้าไปที่เดิม แต่ยิ่งทำอย่างงั้น เหมือนมันยิ่งรู้ว่าผมกำลังร้องไห้





ความเหงามันคงจะกลับมาผมอีกครั้ง รักครั้งแรกของผม จะต้องเป็นอย่างงี๊เหรอ






“ร้องไห้อีกแล้วเพื่อนกู” – ไอ้เดชเอามือปล่อยจากผม แล้วมันก็เอามือตบบนบ่าของมัน “มึงเช็ดน้ำตาของมึงซะที่นี่ แล้วกลับเข้าบ้านไป มึงอย่าให้ใครเห็นว่ามึงร้องไห้อีก”
“กูเองก็.......ไม่รู้........ทำไม.........เหมือนกัน” - ผมป้ายน้ำตาที่ร่วงลงมากับเสื้อตัวเอง
“มึงไม่บอกกูก็ไม่เป็นไรนะ มึงร้องไห้ให้พอ แล้วมึงก็ไม่ต้องร้องออกมาอีก”

เราสองคนนั่งกันที่ม้านั่ง ห่างจากหน้าบ้านไอ้เข้มไม่ไกลนัก แต่ก็มีแสงไฟจากบ้านไอ้เข้มสาดมาให้เราเห็นแสงอยู่บ้าง ผมร้องไห้ เอาหัวพิงบนบ่าไอ้เดช เรานั่งกันอยู่ซักพักจนเวลาล่วงเลยมามากแล้ว

“เดช”
“อืม”
“ง่วงยัง”
“นิดหน่อย”
“มึงคิดอะไรอยู่เหรอ”
“ต่าย”
“เดช”
“อะไรล่ะ”
“รักเพื่อนมันผิดป่ะวะ”
“ไม่ผิด”
“ไม่ผิดใช่ป่ะ”
“ไม่ผิดหรอก ทำไมเหรอ”
“กูรักมึงนะ” – ความกล้าที่ผมมีหายไปหมดแล้ว หลังจากที่ถูกใช้ในการพูดประโยคเมื่อกี๊ไป












































“กูก็รักมึง เพื่อนรัก” - มันพูดเบาๆ เราสองคนยังคงนั่งอยู่อย่างงั้น
----------------
ปล. เมื่อวานผมไปกินข้าวกับคนที่ผมเคยชอบ (แต่ไม่ใช่ไอ้เดชนะคับ  :m1:) ไปที่แถวถนนพระอาทิตย์ แล้วก็นั่งเล่นกันที่สวนสันติชัยปราการ (ไม่รู้ว่าเขียนชื่อถูกหรือเปล่า) ไปกันสองคนแหล่ะคับ แล้วผมก็เล่าเรื่องที่ผมค้างคาในใจของผมกับมันตลอด 6 ปี (นานเนอะ)

ไว้ว่าถ้าจบเรื่องนี้แล้ว ผมจะแต่งเรื่องของเพื่อนคนนี้ต่อนะคับ

ขอโทษด้วยคับ  :m23: ที่เอามาสั้นเกิน เดี๋ยวว่างๆจะมา Review ตอนที่ 43 ให้นะคับ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่42 (แบบเต็มๆแล้วคับ) [02-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 02-10-2008 18:04:05
เอิ่มมมม...ตกลงเดชเข้าใจปะเนี่ยว่าใหญ่บอกรักในความหมายไหน ประโยคตอบรับเหมือนยังไม่รู้แฮะ o2

ว่าแต่ไปนั่งกินข้าวแถวไหนกันมาอะ แถวท่าพระอาทิตย์ป้าก็ชอบไปกับเพื่อนบ่อยๆตอนยังเรียนแถวท่าพระจันทร์  :t2:

หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่42 (แบบเต็มๆแล้วคับ) [02-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 02-10-2008 18:50:38
บอกรักไปแล้ว  แล้วต่อไปจะเป็นไงเนี่ย

อยากรู้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่42 (แบบเต็มๆแล้วคับ) [02-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 03-10-2008 11:02:11
บอกไปแล้ววว

 :o

ไม่รู้ว่าเดชไม่เข้าใจ  หรือแกล้งไม่เข้าใจกันแน่

แต่อย่างน้อยก็ได้บอกออกไป  เฮ้ออออออ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่42 (แบบเต็มๆแล้วคับ) [02-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 03-10-2008 14:18:02
“กูก็รักมึง เพื่อนรัก”
มัีนคนละเรื่องเดียวกันแล้วน่ะเดชเอ๊ย.... :เฮ้อ:

แต่ที่หนักกว่านั้นอีก กะเดชเนี๊ยแค่ตอนม.ปลาย ไม่กี่ปี
แต่เรื่องใหม่นี่ 6 ปีเชียวน่ะท่าน นี่กะจะให้เศร้ากันทั้งบอร์ดเลยใช่ป่ะเนี๊ย
เว้นช่วงให้หายใจกันมั่งเห๊ออ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่42 (แบบเต็มๆแล้วคับ) [02-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 03-10-2008 23:50:20
คุยกันมั่งดีกว่า

marchmenlo - ตามแทบทุกตอนเลย ขอบคุณคับ เรื่องใหม่ที่ว่า 6 ปีน่ะ .....>>> อ๊ะๆ o12 ยังไม่บอกดีกว่า

Just let it be - ตามแทบทุกตอนเลยเช่นกัน

maabbdo - ถ้าอยากรู้ก็รอวันเสาร์นี้นะคับ

bellbomb - ป้าๆ คราวนี้ผมรอเรื่องของป้าก่อน ถ้าป้าอับเรื่องของป้า แล้วผมก็จะอับเรื่องนี้มั่ง (รู้สึกว่าคราวที่แล้วป้าอับวันเดียวกับผมเลย)

nOn†ღ  - คนนี้ก็เจอกันแทบทุกตอนเช่นกัน เห็นกันตั้งแต่แรกๆเลย

uno - ผมเกือบตายเพราะท่าน หลายครั้งแล้ว  :angry2:

ที่เหลือที่ไม่ได้อ้างถึง ก็ขอบคุณไว้ด้วยเช่นกันนะคับ พรุ่งนี้(มั้ง) จะเเวะเอาตอนที่ 43 มาลงนะ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่42 (แบบเต็มๆแล้วคับ) [02-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 04-10-2008 20:30:02
นี่ก็วันเสาร์แล้ว

เมื่อไหร่จะมาหน๋อ....

อยากรู้ๆๆๆ  แล้วเพื่อนที่ไปเจอกัน

เม้าท์อะไรกันไปบ้างอยากรู้ๆๆ  อดใจรอกะเรื่องหน้าไม่ไหว

 :oni1:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่42 (แบบเต็มๆแล้วคับ) [02-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 04-10-2008 23:00:37
43
 :sad2:
ผมปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมซักพัก มันเอามือเข้ามาโอบไหลผม ผมเลือกที่จะอยู่อย่างงั้น
.
.
.
.
หมายความว่าสิ่งที่ผมบอกไป มันไม่ได้เข้าใจซักนิด ตลอดเวลาที่ผมทำอะไรต่าง ๆ เพื่อมัน มันคงจะไม่เคยเข้าใจเลย ว่าสิ่งที่ผมทำให้มัน มันเป็นสิ่งที่เกินคำว่าเพื่อน ผมยอมมันทุกอย่าง แต่สิ่งที่มันมองในมุมมองของมัน นั่นคือ มันคิดกับผม แค่เพื่อน
.
.
.
.
.
.
.
“ใหญ่”
“หือ?”
“เข้าบ้านเหอะ”
“สรุปแล้วมึงเรียกกูมาเดินเล่นกับกูทำไม” – ผมถามมัน
“ปรับทุกข์น่ะ”
“อืม”

มึงรู้ตัวป่ะว่ามึงทำให้กูทุกข์ยิ่งกว่าเดิมอีก

ผมกับมันเดินเข้าห้องไป ไอ้เต้นอนหลับแล้ว ไอ้เดชขึ้นไปนอนตรงกลางที่เดิม ส่วนผมก็นอนริมเช่นเดิม

“เดช ฝันดีนะ”
“อืม”

ผมหันหลังให้มัน
นับ
1............




2................






3................






 :o12:
น้ำตาเจ้ากรรมไหลพรากเลยคับ ความอึดอัดใจทั้งหมดที่ผมมี ผมได้รวมความกล้า และบอกมันออกไปแล้ว ด้วยประโยคเดียว “กูรักมึงนะ” แต่มันก็ไม่เคยจะเข้าใจ ทำไมนะ เพราะอะไร มันไม่เคยเจอความรักอย่างงั้นเหรอ หรือว่าเพราะอะไร มันดูไม่มีเหตุผลเอาซะเลย มันเหมือนเส้นขนาน ที่ผมได้แต่มองหน้ามัน ได้แต่แอบรู้สึกไปข้างเดียว รู้สึกโดยที่มันไม่เคยมารับรู้ ไม่เคยมารู้สึกกับผม

ผมคิดไปถึงอนาคต เมื่อมันไม่มีสิ่งที่ต้องมาข้องเกี่ยวกับผม มันไม่ต้องการที่จะจีบต่ายอีก มันก็คงมาคุยกับผมน้อยลง มันก็คงจะค่อยๆ เดินออกห่างจากผมไป ห่างไปเรื่อย แล้วก็เข้าสู่ชีวิตของตัวเองก่อนที่จะมารู้จักกัน แม้มันจะพูดอย่างงั้นก็ตามทีเหอะ แต่ก็อดคิดไม่ได้
.
.
.
ผมไม่น่าไปทักมันเลยวันนั้น ไม่น่าเลยจริงๆ
.
ผมไม่น่าใจอ่อน อ่อนไหว ในการกระทำของมัน
.
ผมไม่น่ารับปาก ว่าจะช่วยจีบต่าย แล้วสุดท้าย ตัวเองก็มารักเขาซะเอง
.


ยิ่งคิด ยิ่งร้องไห้เข้าไปมากกว่าเดิม ผมลุกออกไปข้างนอก นั่งที่ริมระเบียงหน้าบ้าน แล้วก็ร้องไห้ออกมา ถึงตอนนั้นใครจะมาถามอะไรผมจะไม่ปิดบังอีกแล้วว่าทำไมผมต้องร้องไห้

เมื่อพอใจแล้ว ผมก็เข้าไปนอน

ไม่รู้นานแค่ไหนที่ผมนอนอยู่ตรงนั้น ผมจำอะไรไม่ได้อีกจนกระทั่งมันมาปลุกผมเมื่อเช้านั่นแหล่ะ
------------
ปล.
สั้นไปหน่อยนะคับ ก็นะ............ ตอนที่ 43 part2 ต่อพรุ่งนี้นะคับ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่43 part1 [04-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 04-10-2008 23:27:51
00.01 น. ก็นับเป็นวันพรุ่งนี้แล้วนะตะเอ๊ง  :m13:

ป้าก็กำลังคิดๆอยู่ว่าจะอัพตอนใหม่ที่นิยายป้ามั่งอยู่เหมือนกัน เอ หรือรออ่านตอนที่ 43 ครึ่งหลังก่อนค่อยอัพดีกว่าแฮะ  กะลังอินกับเรื่องของนู๋ใหญ่ :laugh:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่43 part1 [04-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 04-10-2008 23:36:09
00.01 น. ก็นับเป็นวันพรุ่งนี้แล้วนะตะเอ๊ง  :m13:

ป้าก็กำลังคิดๆอยู่ว่าจะอัพตอนใหม่ที่นิยายป้ามั่งอยู่เหมือนกัน เอ หรือรออ่านตอนที่ 43 ครึ่งหลังก่อนค่อยอัพดีกว่าแฮะ  กะลังอินกับเรื่องของนู๋ใหญ่ :laugh:

ป้าคับ งั้นผมไปนอนก่อนเที่ยงคืนดีกว่า
จะได้ยังไม่ต้องอับ เพราะ  :serius2: ยังพิมพ์ไม่เสร็จ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่43 part1 [04-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 05-10-2008 16:15:22
เหอๆๆๆ  รออยู่ :m22:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่43 part1 [04-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 05-10-2008 17:51:44
43[part2]
 :m2:
โปรแกรมวันนี้ก็อย่างที่วางแผนไว้เมื่อวานแหล่ะคับ ว่าเราจะไปถ้ำ แล้วก็ไปน้ำตก และไปเล่นทะเลกัน ทุกคนประจำที่กันเรียบร้อย ผมบอกว่าจะอยู่ท้ายกระบะ ด้วยเหตุผลที่ว่า เมื่อคืนผมไม่ได้นอน สังเกตได้จากลูกตาที่บวมกว่าเมื่อวาน

แต่ลูกตาที่บวมไม่ได้เกิดจากการนอนดึก แต่เกิดจากการร้องไห้

การไปเที่ยววันนี้ผมรู้สึกดีกว่าเมื่อวาน มีคนมานั่งข้างหลังกันมากขึ้น มันให้เหตุผลว่าอยากสูดอากาศต่างจังหวัดดูบ้าง ดังนั้นวันนี้ผมที่ว่าจะนอนก็เลยไม่ได้นอนเลย พวกมันทั้งคุย ร้องเล่นเพลง เฮฮากันได้ตั้งแต่เช้ายันบ่าย

ตอนบ่ายพวกเราไปแวะเล่นน้ำตกกันที่อุทยานแห่งหนึ่ง นักท่องเที่ยวที่ไปก็เยอะพอสมควร เป็นเพราะเทศกาลวันแม่ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นชาวบ้านแถวๆนั้นมากินอาหารที่ไม่เข้ากับภูมิภาคเลย [อยู่ภาคใต้ตอนบนแต่กินข้าวเหนียวส้มตำไก่ย่างน้ำตกเนี๊ยะ เข้ากันป่ะล่ะ]

เมื่อพวกเราจอกรถกันเสร็จ ก็ถึงเวลาที่พวกผมจะเริงร่า หลังจากที่ตอนเช้าได้ไปเที่ยวสถานที่สำคัญของจังหวัดมาหลายแหล่ง ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะมาเล่นน้ำกันอีกแล้ว ก็อย่างว่าแหล่ะคับ เด็กวัยรุ่นกับน้ำตกมักจะเป็นของคู่กัน

พวกเราเดินเลาะขึ้นไปยังน้ำตกชั้นรองลงมา น้ำตกที่นี่เปิดให้ขึ้นแค่ 2 ชั้นเท่านั้น เพราะลึกเข้าไปจะเป็นเขตอุทยาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไปได้ ดังนั้นผู้คนจึงรวมดัวกันอยู่ที่น้ำตก 2 ชั้นล่างเท่านั้น

พวกเราเดินเลาะขอบน้ำตกกันไปเรื่อยๆ เป็นแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง เนื่องจากกลัวลื่น และอีกอย่าง ถ้าล้มลงไปทางด้านขวาก็ยังพอทน แต่ถ้าลื่นไปทางซ้ายนี่ไม่ต้องเกิดกันอีกเลย ก้อนหินทั้งนั้น ดังนั้นความเร็วในการเดินของพวกเราจึงค่อยๆ เดินกันไปจนถึงจุดกึ่งกลาง

“เฮ้ย พร้อมนะ”
“เออ”
“นับน้า........

หนึ่ง...........

สอง...........

สาม - แช๊ะ”

เสียงกดชัตเตอร์จากกล้องไอ้เข้ม และไอ้เข้มผู้ที่ถ่ายรูปให้พวกเราอยู่ริมอีกด้านหนึ่งของน้ำตก มันใช้การ Zoom ของกล้องในการถ่ายภาพพวกเราที่นั่งหน้าเป็นกระดานเรียงหนึ่งบนน้ำตก ใครๆที่ผ่านไปแถวนั้นก็มองพวกแล้วแล้วก็อดยิ้มไม่ได้

“เฮ้ย โดดน้ำกันซักทีสิวะพวกมึง” – เสียงไอ้เข้มตะโกนจากริมอีกฝั่ง มันพร้อมที่จะบันทึกภาพของพวกเราทีละคนแล้ว ตอนนั้นยังเป็นกล้องถ่ายรูปแบบฟีล์มอยู่นะคับ กล้อง Digital อะไรนั่นน่ะ ยังไม่มีหรอกคับ ดังนั้นถ้าพลาดแล้วก็คือพลาดเลย ไม่มีการกลับมาถ่ายใหม่

“งั้นไอ้โส มึงไปก่อน” - ไอ้เดชสั่ง
“มึงเลย ไอ้เอก” - ไอ้โสปัด
“พวกมึงป๊อด มา กูเอง” – ไอ้เล็กผู้กล้าหาญ gentleman first จริงๆ
“เฮ้ยไอ้เข้ม ถ้ากูชูนิ้ว มึงค่อยกดนะ”
“เออ”
“นับ 1............2................3”
“ตูม” - เสียงน้ำแตกกระจาย
“เป็นไงมั้งวะ” - ไอ้เล็กตะโกนจากพื้นน้ำเบื้องล่าง
“โอเค ใช้ได้เลย” – ไอ้เข้มบอก แล้วไอ้เล็กก็ว่ายไปสมทบกับไอ้เข้ม



“เอา ต่อไปใคร”
“กูเอง” – ไอ้เอกเป็นคนที่สอง ที่จะกระโดด
“ตูม” – เสียงน้ำแตกกระจายอีกหน




จากนั้นก็ตามไปด้วยไอ้เดช ไอ้โส ไอ้เต้ และผมก็เป็นคนสุดท้ายที่จะกระโดด

เอาแล้วสิ ความสูงน่ะไม่ค่อยกลัวหรอก น้ำก็ว่ายเป็น ผมเป็นถึงนักกีฬาว่ายน้ำของสีเขียวเชียวนะ แต่การโดดน้ำตกครั้งแรกของผม ก็มีความกลัวอยู่บ้าง กลัวหลายอย่างเหลือเกิน

กลัวว่าจะถีบตัวขึ้นมาไม่ทัน – “มึงโดดไปแล้วย่อตัว แล้วมึงก็ถีบขึ้นมา” - ไอ้เอกแนะนำ

กลัวว่าจะหายใจไม่ได้ – “มึงก็เอาอากาศเข้าไปก่อนเลย แล้วค่อยปล่อยออกมาตอนอยู่ในน้ำ” – ไอ้เล็กแนะนำ

กลัวว่าจะกระโดดไปโดนก้อนหิน แล้วหัวจะแตก – “มึงโดดไปตรงกลาง น้ำมันลึก ไม่มีก้อนหิน” – ไอ้เอกแนะนำ
กลัวว่า
.
.
.
.
“มึงโดดซักทีดิ” - เสียงไอ้เต้ท้าผม
“เออ”
ผมชูนิ้วเป็นสัญญาณให้ไอ้เข้มเตรียมตัวถ่ายรูป

1..........

2..................

3...........................

เหมือนตอนนี้ผมหลุดออกจากฐานที่ตั้งอันมั่นคง จิตใจที่เคยได้สติกลับลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม พื้นน้ำเริ่มเข้าใกล้ผมเข้ามาเรื่อยๆ

“ตูม” – เสียงน้ำแตกกระจาย
“โอ่ย” – ผมเผลอพูดออกมา อากาศที่เก็บไว้ออกมาหมดเลยคับ

เบื้องหน้าผมตอนนี้มีแต่สีดำ ผมหลับตา พยายามดำดิ่งลงไปให้ลึกที่สุด เพื่อจะเจอพื้นใต้น้ำ แล้วผมจะได้ถีบตัวขึ้นมาได้

แต่ยิ่งผมดิ่งลงสู่พื้นใต้น้ำ ทำไมน้ำมันเริ่มเย็นขึ้น ผมไปไม่ถึงพื้นใต้น้ำสักที อากาศในปอดผมหมดลงอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะสติของผมไม่มีเหลืออยู่แล้ว ผมต้องรีบกลับตัวขึ้นไปสู่พื้นน้ำเบื้องบนให้ได้ ผมถีบตัวขึ้นไปอย่างแรง

“โอ่ย”

เกิดอะไรขึ้นกับขาของผม อยู่ดีๆ ตระคริวก็รับประทานขาข้างซ้ายของผม การเป็นตระคริวในน้ำเย็น มันจะยิ่งทำให้ผมควบคุมตัวเองลำบากมากขึ้น แต่ผมต้องเอาชนะให้ได้ อากาศผมใกล้หมดแล้ว

ผมสามารถบังคับตัวขึ้นสู่พื้นน้ำได้ แต่ก็ได้แค่แป๊บเดียวผมก็จมน้ำลงไปอีก ผมเสียการควบคุมไปแล้ว ทำไปตัวของผมหนักอย่างนี้


เสื้อผ้านั่นเอง ผมไม่ได้ถอดเอาไว้ตั้งแต่แรก

ตระคริวก็อีกอัน มันทำให้ผมจมน้ำลงไปเรื่อยๆ


ผมพยายามจะถีบขาตัวเองอีกครั้ง แต่ยิ่งถีบมันก็ทำให้ผมหมดแรงลงไปเร็วเท่านั้น แต่ถ้าไม่ถีบ ผมก็จะจมน้ำ เสื้อผ้าผมอุ้มน้ำได้อย่างดี ทำให้ผมมีน้ำหนักตัวมากขึ้น นอกจากขาที่เป็นตระคริวแล้ว น้ำหนักเสื้อผ้าที่ผมใส่ก็ยังเป็นอุปสรรค์อีกเหรอ

ผมขึ้นมาสู่ผิวน้ำได้อีกรอบ ปากตะโกนคำแรกออกมาว่า “เฮ้ย ช่วยกูด้วย” แล้วผมก็จมลงน้ำอีกครั้ง ผมพยายามถีบขาเหมือนท่าลูกหมาตกน้ำ ได้แต่เพียงว่ามันจะทำให้ผมลอยขึ้นมาได้ เพราะผมไปว่ายน้ำที่ไหน การถีบขาเหมือนลูกหมาตกน้ำมันก็ทำให้ผมลอยได้ทุกครั้ง

แต่ทำไมคราวนี้มันถึงไม่ได้ผล

ผมถีบขึ้นมาได้อีกครั้ง ผมตะโกน “ช่วยด้วย” แล้วผมก็จมลงไปอีก คราวนี้ผมหมดแรงแล้ว แต่มือผมยังคงอยู่ด้านบน แม้ผมจะพูดไม่ได้ผมก็ขอโบกมือ ให้พวกมันรู้ว่าผมกำลังขอความช่วยเหลือจากพวกมันอยู่ ผมพยายามตะกายขาอีกรอบ เพื่อให้มาอยู่ในท่าที่ผมสามารถว่ายน้ำได้

แต่ยิ่งดิ้นรนแค่ไหน ผมก็ยิ่งหมดแรงไปมากเท่านั้น ไม่เป็นประโยชน์อะไรเลย ตระคริวก็ยังไม่หายไป

ถ้ารอบนี้ไม่มีใครโดดลงมาช่วยอีก ผมว่า




ผมตายแน่ๆ
--------------------
ปล. เจอกันใหม่นะคับ แวบไป :m22: อ่านเรื่องอื่นมั่ง แล้วก็แวะไป Vote เซ็งเป็ดอว๊อดกันด้วยคับ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่43 part1+2 [05-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: nartch ที่ 05-10-2008 19:07:04
 :a5:
ตายแล้ววววววว ใครก็ได้ช่วยด้วยยยยย  :o
ใหญ่จะจมน้ำแล้ววววว  :serius2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่43 part1+2 [05-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 05-10-2008 20:35:40
น่าน....จะจมน้ำอยู่แล้ว เดชชชชชชไปไหนอ่ะ

ไม่มาช่วยเลย

 :oni1:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่43 part1+2 [05-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 05-10-2008 22:49:48
รอดใช่มั้ย  :m29:


ทำไมจบได้ค้างขนาดเน้~~  :m31:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่43 part1+2 [05-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: TaEnIaE_CoLi ที่ 06-10-2008 01:16:25
คัยจาเป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยหว่า

อยากให้เป็นเต้อ่ะ

เชียร์เต้ :t2:

ปล.ช่วงนี้รู้สึกคนแต่งเนี่ยตัดฉับบ่อยๆเนอะ

ฮึ่ม ๆ  :m16:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่43 part1+2 [05-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 06-10-2008 13:46:07
รอดมาได้ชัวร์  เพราะยังมานั่งเล่าเรื่องอยู่  แหะๆๆๆ

 :o

เอ๊ะ  หรือว่าไม่ใช่  งั้นที่เล่าเรื่องอยู่นี่เป็น......

ว้ากกกกกก

จิตฟุ้งซ่าน
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่43 part1+2 [05-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 08-10-2008 12:15:34
จะติดตามต่อไปนะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่43 part1+2 [05-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 09-10-2008 07:21:13
มารอลุ้นว่าใครจะช่วยผายปอดให้ใหญ่  :t2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่43 part1+2 [05-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 10-10-2008 23:48:14
กราบเรียนท่านผู้อ่านที่เคารพ

ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิมพ์ตอนที่ 44 - .....
คาดว่าจะใช้เวลาอีกหลายวัน (แบบไม่มีกำหนด แต่คงไม่เกินพุธหน้าล่ะมั้งคับ)

ขอน้อมรับคำต่อว่าในทุกข้อกล่าวหา :angry2: อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง

จึงขอแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันครับ
pickki_a
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่43 & แจ้งให้ทราบ [10-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: TaEnIaE_CoLi ที่ 11-10-2008 03:11:53
 :jul1:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่43 & แจ้งให้ทราบ [10-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 11-10-2008 06:04:15
:a6:ข่าวดี









ซ่ะที่ไหนเนี๊ย ได้ไงอ่ะ o7
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่43 & แจ้งให้ทราบ [10-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 11-10-2008 16:01:25
โอ้วววววววววว  ยังไงก็จะรอนะ

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่43 & แจ้งให้ทราบ [10-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 12-10-2008 15:17:55
 :m30: ค้างงงงงง
ใหญ่จมน้ำนานแล้วนะ  รีบมาต่อด่วน
อยู่ในน้ำนานๆ เด๋วตัวซีดหมด   :laugh:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่43 & แจ้งให้ทราบ [10-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 12-10-2008 21:54:55
44
 :dont2:
“อึ๊ก” ผมกลืนน้ำลงไปอึกใหญ่
ผมกำลังจะจมน้ำอีกครั้งหนึ่ง ไม่ไหวแล้ว ผมต้องตายแน่ๆ

แต่ไอ้คนข้างบนมันคงนึกว่าผมเล่นแน่ๆ มันนั่งดูผมอย่างเฉยๆ บางคนก็หัวเราะไปด้วย
 
“ช่วยด้วย” – ผมตะโกนออกไปเฮือกใจสุดท้าย ก่อนที่จะจมลงไป

“ตูม” – ไอ้เล็กกระโดดลงน้ำมา มันค่อยๆ ว่ายน้ำเข้ามาหาผม แล้วมันก็เข้ามาทางด้านหลังของผม บล็อกคอของผม
“มึงทำไรเนี๊ย กูหายใจไม่ออก”
“....................” มันไม่พูดอะไร
“โอ่ย ไม่ไหวแล้ว” – ผมดิ้นออกมา
“เชี่ย กดกูทำไม” – ไอ้เล็กตะโกน
“.....................” – ผมกดหัวไอ้เล็กลงไป แต่ก็กลัวมันจม เลยเกาะเบาๆ

สุดท้ายด้วยความทุลักทุเล ผมและไอ้เล็กก็กลับมาถึงบริเวณที่ผมยืนถึง ยอมรับเลยว่าการเป็นนักกีฬาว่ายน้ำของผม ไม่ได้ช่วยทำให้ผมว่ายน้ำยามขับขันได้เลย ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับการตั้งสติ ถ้าคนเรามีสติ เหตุการณ์ทุกอย่างมันคงผ่านไปได้ด้วยดี และอีกอย่างที่ผมค้นพบก็คือ ต่อให้ว่ายน้ำเก่งแค่ไหน เมื่อขาเป็นตะคริว ก็ไปไหนไม่รอดอยู่ดี

“มึงเป็นไงมั่ง” – ไอ้เต้วิ่งเข้ามาถามผมเป็นคนแรก หลังจากที่ผมขึ้นจากน้ำ
“ขากูเป็นตะคริว ก็เลยว่ายน้ำไม่ได้”
“พวกกูก็ตกใจ กลัวมึงจมน้ำ” - ไอ้เอกเสริม
“ก็เกือบล่ะวะ แม่ง ขาเป็นตะคริวก็ทำไรไม่ได้เลย”
“กูนึกว่ามึงเล่นๆ ซะอีก” – ไอ้เดชพูดออกมาแล้ว มันนั่นแหล่ะเป็นคนที่หัวเราะออกมาตอนผมกำลังจมน้ำ
“เล่นเชี่ยไรล่ะ ร้องว่าช่วยด้วยอ่ะนะ”
“ดีไอ้เล็กแม่งเห็น” - ไอ้เดชพูดต่อ
“แม่ง ไอ้ใหญ่แรงเยอะชิบเป๋ง กดหัวกูลงน้ำสองหน กูเกือบตาย”
“กูขอโทษ แฮ่ะๆ” - ผมขอโทษไอ้เล็ก
“แทนที่มันจะจมน้ำ กูนี่ดิ เกือบจม” – ไอ้เล็กยังบ่นต่อไป ผมก็ได้แต่ยิ้มเจือนๆ
“ไหนว่าเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ” - ไอ้เดชพูดกับผม
“........................”
“ก็เพราะงี๊แหล่ะที่กูว่ายน้ำไม่เป็น” – ไอ้เข้มพูดขึ้นมา

ผมตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ขนาดผมพอมี skill ที่ช่วยตัวเองได้ ยังเป็นขนาดนี้ ถ้าคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นล่ะ จะเป็นยังไง

พอสติของผมกลับมา ผมก็นั่งเล่นที่โขดหินฝั่งตรงข้าม ที่ไอ้เข้มมันยืนถ่ายรูปนั่นแหล่ะ ผมนั่งกับมัน ส่วนคนอื่นน่ะเหรอ ด้วยความติดใจก็ไปกระโดดเล่นรอบสองรอบสาม ผมก็นั่งดูคนอื่นโดดน้ำไป ใจผมเองก็ไม่ได้คิดอะไร ตอนนั้นมันเหมือนกับว่าโล่งและตกใจมากกว่า

“เป็นไงมั่งวะ” - ไอ้เข้มถาม
“ก็ไม่เป็นไรแล้วแหล่ะ”
“กูหมายถึง วันนี้มึงเป็นไงมั่ง”
“ยังไง” - ผมถามด้วยความสงสัย
“มึงโอเคขึ้นหรือยัง จากเมื่อวาน”
“อ๋อ เออ ก็ไม่เป็นไรหรอก เมื่อวานกูก็แค่น้อยใจน่ะ”
“ไอ้เดชใช่ป่ะ”
“อืม” – ผมตอบมันโดยที่ผมไม่ได้มองหน้า
“กูเข้าใจไอ้เดชมันนะ มันก็ปรึกษากูเรื่องนี้เหมือนกัน”
“เรื่องไรวะ”
“เรื่องของต่ายที่ว่า มันจะเลิกจีบต่ายแล้ว มันบอกว่ามันเหนื่อย”
“มันบอกมึงนานยัง” - ผมถาม
“ก็ก่อนมานั่นแหล่ะ”
“..................”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องของมึงวะใหญ่”
“ก็มันไม่คุยกับกู มันเป็นคนพากูมา ทั้งๆที่มันก็ไม่มีเหตุผล แต่กูก็รู้เหตุผลแล้วเมื่อคืน”
“ตอนที่ไอ้เดชมันยืมไฟฉายไปใช่ป่ะ”
“ใช่”
“มันเคลียร์กับมึงเรียบร้อยยัง ?” - ไอ้เข้มถามอย่างสงสัย
“ก็เรียบร้อยนะ ไม่ได้มีอะไรติดค้าง”

แล้วบทสนทนาของผมกับไอ้เข้มก็ยุติลง ไอ้เข้มก็เพลิดเพลินกับการถ่ายรูป ส่วนผมก็นั่งอยู่ที่โขดหินเฉยๆ ปล่อยใจตัวเองให้ว่าง เพราะหลังจากที่ผมขึ้นมาจากน้ำได้ ผมกลายเป็นคนกลัวน้ำไปเลย

สถานที่ถัดไป เป็นที่สุดท้ายของวันนี้ คือไปเล่นทะเล(อีกแล้ว) แต่ไม่ใช่ที่เดิมเหมือนเมื่อวาน แต่เป็นที่ใหม่ คราวนี้อยู่ใกล้ๆ กับทางไปบ้านมัน อยู่ห่างจากบ้านมันไม่ไกล ไอ้เข้มขับรถออกจากน้ำตกไปไม่นาน ประมาณครึ่งชั่วโมงเราก็ถึงที่หมายกัน

ถ้าจะบอกว่าผมกลัวน้ำมาจากการเล่นน้ำเมื่อกี๊ มันก็คงแปลกๆ เพราะน้ำทะเลไม่ได้ลึกเหมือนน้ำตก ถ้าผมจะเล่นน้ำทะเลก็คงจะไม่เป็นอะไร แต่ก็ด้วยความกลัวที่ว่าผมจะเป็นตะคริวอีก ก็เลยนั่งอยู่ที่ริมหาดดีกว่า

ไอ้พวกนั้นก็เหมือนเมื่อวาน น้ำกับเด็กวัยรุ่นมักเป็นของคู่กัน พอไอ้เข้มจอดรถ พวกมันก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็วิ่งลงทะเลกันไปเลย ผมก็เหมือนเดิม ไม่กล้าลง เลยนั่งรอพวกมันอยู่ริมหาดดีกว่า

การนั่งริมหาดวันนี้ไม่เหมือนกับเมื่อวาน เมื่อวานผมมีแต่ความ เศร้า เหงา และความกว้างใหญ่ของผืนฟ้าและท้องทะเล แต่วันนี้มุมมองเปลี่ยนไป ผมกลับมีความสุขเล็กๆ การที่ผมได้บอกอะไรไปกับไอ้เดช ทำให้รู้สึกโล่งขึ้นมา แม้ว่ามันก็ยังคงไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมสื่อไปก็ตาม

ผมนั่งเขี่ยทรายเล่นไปมา แล้วก็ล้มตัวลงนอนบนพื้นทราย เบื้องหน้าของผมมีท้องฟ้าสีครามที่กว้างใหญ่ วันนี้แดดไม่แรงเกินไป ปริมาณเมฆปานกลาง

“นั่งทำเชี่ยไรอีกล่ะ” – ไอ้เดชวิ่งขึ้นมาบนหาด มานั่งข้างผม
“ดูท้องฟ้า” - ผมตอบทั้งๆที่ก็ไม่ได้หันไปมองหน้ามัน
“มึงโลกส่วนตัวสูงเนอะไอ้ใหญ่”
“กูก็เป็นของกูอย่างเงี๊ยะแหล่ะ”
“.........................” – มันเงียบไป ปล่อยให้ความเงียบปกคลุมซะบ้างเหอะ
“แล้วมึงไม่ลงไปเล่นเหรอวะ” - ผมถามมัน
“กูเหนื่อย”
“เหนื่อยเป็นด้วยเหรอ นึกว่ามึงจะบ้าพลังได้ตลอดเวลา” – ผมหัวเราะขึ้นมา มันก็ยิ้ม
“แล้วทำไมมึงไม่ไปเล่น” - มันถามผมกลับบ้าง
“กูกลัวน้ำ ตะกี๊กูจะจมน้ำ มึงยังไม่ลงมาช่วยกูเลย”
“ใครจะไปรู้ว่ามึงว่ายน้ำไม่เป็น”
“กูเป็นตะคริวเว้ย” – ผมเถียงมัน
“นั่นแหล่ะ กูก็นึกว่ามึงโบกมือเล่นๆ”
“......................”
“แต่กูก็ตกใจตอนไอ้เล็กมันโดดลงไปช่วยนั่นแหล่ะ กูไม่คิดว่ามึงจะจมน้ำจริงๆ”
“ถ้าสมมุติกูจมน้ำไปจริงๆ มึงจะทำไง”
“บอกไม่ถูกว่ะ ก็........มันไม่ได้เกิดขึ้นนี่หว่า”









“เดช”
“อะไรเหรอ”
“มึงเป็นห่วงกูมั่งป่ะ”
“ก็....ห่วงนะ ทำไมเหรอ”
“ถ้าสมมุติวันนึงกูต้องไปไหนไกลๆ”
“มึงจะไปไหนไอ้ใหญ่”
“สมมุติไงล่ะ ว่าถ้ากูต้องไปไหนซักที่ ที่มึงจะไปกับกูไม่ได้ มึงจะห่วงกูป่ะ”
“ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะให้ห่วงหรือเปล่า ถ้ามึงไปสบายๆ กูก็ไม่ห่วง”
“เหรอ”
“แล้วมึงจะไปไหน”
“เดช”
“อะไรล่ะ”
“ถ้ามึงเลิกจีบต่าย มึงจะยังเป็นเพื่อนกูอยู่ใช่ป่ะ”
“ใช่”
“แล้วที่มึงทำกับกูอยู่ทุกวัน มึงจะยังทำอย่างงั้นป่ะ”
“กูทำอะไรกับมึงทุกวัน”
“............................”
“ใหญ่ กูก็ไม่รู้หรอกว่าจริงๆ แล้วรักของเพื่อนกับรักของคนเป็นแฟนมันต่างกันหรือเปล่า แต่ที่กูรู้สึกกับมึง กูรักมึงเหมือนเพื่อน แล้วมึงรักกูแบบไหนเหรอ”...













“แบบเพื่อนแหล่ะเดช” – ผมพูดเบาๆ หันไปมองหน้ามันแล้วก็ยิ้ม
“....................”







“เดช”
“มึงอยากไปเล่นน้ำทะเลใช่ป่ะ”
“ก็ใช่”
“งั้นมึงไปเหอะ กูนั่งรอที่นี่ละกัน”
“มึงรีบตามลงไปนะเว้ย” – แล้วมันก็วิ่งลงทะเลไป
-----------

เฮ้อ!!!! มาแล้วคับ นี่แอบเอาเวลาส่วนตัวมาพิมพ์นะเนี๊ย แบบว่ายังไงดีล่ะ ความหลังครั้งเก่า เมื่อ 6 ปีก่อน มันตามมาหลอกหลอนผมคับ ผมก็เลย  :serius2: มากๆ

สำหรับตอนหน้า จะพยายามให้ทันวันพุธนะคับ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่44 [12-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 12-10-2008 22:05:06
จิ้มๆๆๆ  :oni2:

ได้แค่เพื่อนเองหรอออออออ  :sad2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่44 [12-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 12-10-2008 22:21:54
โอ้ว แค่เพื่อนเท่านั้น กระแทกใจจริงๆใหญ่เอ๊ย  o7


เรื่องนี้เกิดเมื่อหกปีที่แล้วเหรอ เอ๊ะเพื่อนอีกคนที่บอกว่าเพิ่งไปเคลียร์ความรู้สึกกันมาก็บอกว่าหกปีเหมือนกันใช่มะ ใช่หนึ่งในเพื่อนกลุ่มนี้ปะ ที่จะเอามาเขียนอีกเรื่องอะ  :m13:


ปล. เพื่อนในกลุ่มเดชนี่เป็นคนดีเอาใจใส่คนอื่นกันทุกคนเลยนิ ชอบๆ :m1:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่44 [12-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 12-10-2008 22:32:09


เรื่องนี้เกิดเมื่อหกปีที่แล้วเหรอ เอ๊ะเพื่อนอีกคนที่บอกว่าเพิ่งไปเคลียร์ความรู้สึกกันมาก็บอกว่าหกปีเหมือนกันใช่มะ ใช่หนึ่งในเพื่อนกลุ่มนี้ปะ ที่จะเอามาเขียนอีกเรื่องอะ  :m13:


คือ ก็คนที่เพิ่งไปเคลียร์มานั่นแหล่ะป้า ที่ว่า 6 ปีน่ะ แต่ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นอีก จนวันนี้... :serius2:
ส่วนเรื่องรักดั่งเส้นขนานนี้เกิดตอน ม.5 คับป้า มันก็ประมาณ 7 ปีแหล่ะ (คนนั้นกับไอ้เดช ห่างกัน 1 ปีคับ)

ส่วนจะยังไง ก็เรื่องหน้าละกัน เนอะ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่44 [12-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 12-10-2008 23:02:16
แค่เพื่อน

เฮ้อ  :เฮ้อ:

อยากรู้เรื่อง 6 ปีด้วย  อยากรู้ๆๆๆๆ :serius2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่44 [12-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 13-10-2008 10:41:41
แค่เพื่อน

เฮ้ออออ  รู้สึกอยู่เต็มใจ  แต่บอกไปตรงๆ ไม่ได้

 :m15:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่44 [12-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 14-10-2008 22:42:49
เพราะว่าง แต่ก็ยังพิมพ์ไม่เสร็จ เลยแวะมาสปรอยก่อน
-------------------
ตัวอย่างตอนที่ 45 คับ

ใครจะถามก็ได้ ไม่ถามก็ได้ แต่ถามได้แค่ครั้งเดียว เล่นกันทั้งหมด 5 รอบ (ก็จะมี 2 คนที่ไม่ได้เล่น)

“ก็เขาสวย น่ารัก เรียนเก่ง ผู้หญิงอะไร perfect _ :m1: _ หาย”

แสดงว่าไอ้เต้ไม่ได้ตอบตามความจริง ทั้งหมด – ผมคิดในใจ :angry2:

“กูนอนก่อนนะ :a12:” – ผมบอกกับทุกคน แล้วผมก็หลับตาลง
------------------------
ติดตามกันได้เร็วๆ นี้นะคับ

หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่44&ตัวอย่างตอนต่อไป [14-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 14-10-2008 22:51:21
เร็ว เร็ว เร็ว มาเร็วๆเลย ป้ารออยู่   :a11:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่44&ตัวอย่างตอนต่อไป [14-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 14-10-2008 22:56:53
กีสสสสสสสสสสสสสส

มาให้งงทำไมเนี่ย

มาต่อเร็วๆเลยน้า

 :oni1:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่44&ตัวอย่างตอนต่อไป [14-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 15-10-2008 12:33:12
ให้ว่องเลยคับ อยากเต็มแก่แล้ว :laugh:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่44&ตัวอย่างตอนต่อไป [14-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 18-10-2008 17:27:59
มาต่อให้ไวๆสิจ๊ะน้องใหญ่จ๋า
ยังมีคนที่6ปีต้องเล่าต่ออีกนะ   :t2:
มัดมือชกซะเลย  :m12: ว่าต้องเล่าต่อ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่44&ตัวอย่างตอนต่อไป [14-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 19-10-2008 12:41:00
เด๋วคืนนี้หรือคืนพรุ่งนี้นะคับจะแวะมา
 :m4:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่45 [19-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 19-10-2008 16:30:26
45
 :m17:
สำหรับผม มันคงจบแล้วจริงๆ โดยที่มันก็ไม่เข้าใจความรักที่ผมมีให้มัน

ผมปล่อยตัวเองสักพัก แล้วผมก็วิ่งลงทะเล ไปสมทบกับพวกมันที่เล่นน้ำทะเลกันอยู่แล้ว ถึงตอนนี้ผมไม่วางฟอร์มอะไรแล้วแหล่ะ ผมจะมาหลบหน้ามันก็คงไม่ได้ สู้ว่าเจอหน้ากันตรงๆเลย

พวกเราเล่นน้ำกันจนเย็น วันนี้เป็นวันที่ผมเที่ยวแล้วมีครบทุกรสชาติ รสชาติแห่งความเศร้า เกิดขึ้นตอนเช้า รสชาติของความกลัว เกิดขึ้นเมื่อกลางวัน และรสชาติของความสนุกสนาน เกิดขึ้นตอนเย็น

พรุ่งนี้คือกำหนดการที่พวกเราจะต้องเดินทางกลับกันแล้ว คืนนี้พวกเราจึงมีปาร์ตี้เล็กๆ จัดขึ้น แต่พวกมันก็เป็นคนดีนะคับ ไม่มีแอลกอฮอล์ให้กวนใจ เป็นเพราะผู้ใหญ่ก็อยู่ด้วยล่ะมั้งคับ เด็ก ม.5 กับแอลกอฮอล์ มันคงจะไม่เหมาะสมละมั้ง

พวกเรานั่งเล่นกันที่หน้าบ้าน พร้อมด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่า ขนม และ น้ำอัดลม โดยรับการสนันสนุนจากเจ้าของบ้าน พวกเรานั่งกินกันซักพักก็เริ่มมีเสียงกีต้าร์ขึ้นมา ต่างคนก็ต่างร้องเพลงที่ตัวเองพอร้อง ร้องได้มั่ง ไม่ได้มั่ง แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเพลงมาตรฐานล่ะคับ เช่น ก่อนตายของ Bigass ใจสั่งมาของ Loso และอื่นๆ โดยเฉพาะเพลงรอของกะลา ไอ้เดชจะร้องดังเป็นพิเศษ ผมรู้ทันทีเลยคับ ว่ามันร้องให้ใคร ผมมองหน้ามันตลอดที่ร้องเพลงเลย

หลังจากที่พอมันเลิกร้องเพลงกันซักพัก ก็มีกิจกรรมกัน กติกาคือนั่งเป็นวงกลม แล้วก็มีการแกว่งขวด ปากขวดหันไปทางใคร คนนั้นจะต้องตอบคำถามจากคนรอบวง ใครจะถามก็ได้ ไม่ถามก็ได้ แต่ถามได้แค่ครั้งเดียว เล่นกันทั้งหมด 5 รอบ (ก็จะมี 2 คนที่ไม่ได้เล่น)

รอบที่ 1
เกร๊งๆๆๆๆ............
.
..
“มึงเลย ไอ้เอก”
“อ้าวซวยกูละ” - ไอ้เอกหันมาค้อน
“งั้นกูถามก่อน.................. (บร้าๆๆๆๆๆ - เป็นคำถามแล้วก็โต้ตอบกัน)”
“ใหญ่มึงถามไรกูป่ะ”
“ไม่ว่ะ”
“งั้นกูใช้สิทธิ์ไอ้ใหญ่นะ งั้นกู............” – ไอ้เต้ยัดเยียดทันที แล้วก็โดนกรรมการกลาง คือไอ้เดชปราบไปเรียบร้อย


รอบที่ 2, 3, 4 ก็เป็นของไอ้โส ไอ้เล็ก และไอ้เข้ม ตามลำดับ ผมก็ยังคงใช้สิทธิ์เดิม คือไม่ถามอะไร เพราะผมเองก็ไม่ได้รู้จักอะไรมันมาก


“รอบสุดท้ายแล้วมึง อ่ะ ใครหมุน”
“กู” – ไอ้เข้มคลานไปตรงกลาง แล้วก็หมุน

ตอนนี้เหลือกัน 3 คน คือ ไอ้เต้ ผม และไอ้เดช
.
.
.
.
.
“ฮ่าๆๆ เสร็จกู” – ไอ้เข้มร้องออกมาด้วยความดีใจ ผลที่ออกมาคือ ไอ้เดช
“ใครถามก่อนดี” – ไอ้เล็กถามสมาชิกในวง
“งั้นกูถามก่อนเลย” – ไอ้เอกถามเป็นคนแรก “เดช ทำไมอยากจีบต่าย”
“ก็เขาสวย น่ารัก เรียนเก่ง ผู้หญิงอะไร perfect _ _ หาย”
“แล้วมึงบอกรักต่ายเขาไปยัง” - ไอ้โสถามเป็นคนที่สอง
“ยังว่ะ กูไม่กล้านี่หว่า”

(เหมือนกูเลย - ผมคิดในใจ)

“แล้วถ้ามึงเป็นแฟนต่าย มึงจะฟันต่ายเมื่อไหร่” – คำถามที่สามเป็นของไอ้เล็ก
“เชี่ยมึง กูยังไม่ได้เป็นแฟนเขา ถึงจะเป็นแฟน กูก็ไม่ทำหรอก มันไม่ควร เรื่อง อย่างงั้นรอให้โตขึ้นดีกว่า”
“พระเอกลิเกชิบ” - ไอ้เล็กบ่น
“เดช มึงเป็นเกย์ป่ะวะ” – คำถามที่สี่ จากไอ้เต้
“อ้าวไอ้เต้ ไมถึงถามเงี๊ยะล่ะ ผู้ชายทั้งแท่งเว้ย”
“ไม่ไรหรอก กูดูว่าพักหลังๆ เดินกับไอ้ใหญ่มันบ่อยๆ นึกว่ามึงชอบมัน”
“เชี่ยนี่ มันเพื่อนกูนะ” – ไอ้เดชหันมามองทางผม ผมก็นั่งจ้องหน้ามัน แต่ก็ไม่พูดอะไรกัน
“แล้วทำไมมึงจะเลิกจีบต่ายแล้วล่ะ” – คำถามที่ห้าจากไอ้เข้ม
“กูว่ากูเหนื่อยในการตามจีบเขาว่ะ ไอ้ไม้ตามติดต่ายตลอดเวลา อีกอย่างกูไม่แน่ใจว่ากูชอบจริงหรือเปล่า”
“สุดท้าย ไอ้ใหญ่ จะผ่านป่ะ”

“....................”

“ว่าไง” - ไอ้เดชย้ำ
“อืม ถามก็ได้”
“ว่ามาดิ”
“ถ้าสมมุติวันนึง เราสองคน เอ่อ......หมายถึงกูกับมึงน่ะเดช ถ้าเราไม่คุยกัน มึงจะโกรธกูป่ะวะ” - นึกยังไงผมถึงถามคำถามที่ไม่เข้าท่าอย่างงั้นออกไป
“กูไม่คิดอะไรหรอก แต่มึงนั่นแหล่ะที่คิดไปเอง”


“จบแล้วมึง เหลือไอ้เต้กับไอ้ใหญ่ นอกเหนือกติกา ถามได้ไม่อั้น”

อ้าว+!!!!! - ผมคิดในใจ

“อ้าว ทำไมซวยงี๊วะ” - ไอ้เต้บ่น
“เต้ มึงเป็นเกย์ป่ะวะ” - ไอ้โสถามเป็นคนแรก
“เชี่ยพวกมึง ถามไรงี๊เนี๊ย”
“ก็ที่มึงถามไอ้เดชอ่ะ” – ไอ้เอกสมทบ ทุกคนต่างสนใจรอฟังคำตอบ แต่ผมรู้อยู่แล้ว
“มึงก็รู้ว่ากูมีแฟนอยู่ห้อง 14 น่ะ”
“เออเนอะ” – ไอ้เดชนึกขึ้นได้

แสดงว่าไอ้เต้ไม่ได้ตอบตามความจริง ทั้งหมด – ผมคิดในใจ

“ใหญ่”
“อะไรเหรอ”
“มึงคิดอะไรกับกู” – ไอ้เดชเปิดประเด็น เหมือนกับว่าทุกคนก็สนใจฟังเช่นกัน
“คิดอะไร หมายความว่าไง” – ผมแกล้งทำเป็นถาม ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร
“ตอนที่นั่งริมทะเลวันนี้ มึงพูดอะไรแปลกๆ”
“เหรอ”
“อย่าบอกนะว่ามึง.........”
“อะไร กูงง”
“มึงชอบกูน่ะ”
.
.
.
“ชอบเชี่ยไรล่ะ คนอย่างมึง” – ผมปฏิเสธตัวเอง ผมหลอกตัวเอง ผมโกหกตัวเอง
.
.
.
“แล้วเมื่อวานที่มึงบอก เมื่อวานที่มึงออกมาร้องไห้”
“...................” – ผมคิดไม่ออกว่าจะตอบยังไง

“กูนอนไม่หลับ แล้วเมื่อวานกูก็ไม่ได้ร้องไห้ด้วย” - ผมโกหก
“แล้วที่กูเห็นล่ะ”
“ตาฝาดล่ะสิ” – นั่นๆๆๆ ยังไปบอกอีกว่ามันตาฝาด

“ใหญ่ นึกไงถึงมาเที่ยว” - จากไอ้โส
“ไอ้เดชชวนมา” – ผมตอบสั้นๆ
“พวกกูดีใจนะมึงที่มึงมา ถึงมึงจะไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับพวกกู แต่มึงมีไรมึงมาหาพวกกูได้นะเว้ย” – ไอ้โสบอก ทุกคนพยักหน้างืมๆ
“ขอบใจมาก” – ผมก้มหน้า พยักหน้าให้ทุกคนรับทราบ ผมดีใจมากๆ ที่แม้ว่าพวกเราก็เพิ่งจะรู้จักกัน แต่ก็มีมิตรภาพให้กันอย่างล้นเหลือ

การไปเที่ยวชุมพรเดินทางมาถึงวันสุดท้าย ก่อนจะกลับก็เป็นตามธรรมเนียมที่เด็กๆ ก็จะไปไหว้ผู้ใหญ่เพื่อร่ำลา ก่อนกลับพวกเรายังแวะไปซื้อของฝากกันตอนกลางวันกันด้วย ไอ้พวกนั้นก็ซื้อกันประมาณว่าจะไปเลี้ยงกันทั้งห้องเลยทีเดียว

พวกเราเดินทางออกจากบ้านเวลาประมาณ 3 ทุ่ม เพราะพวกเราต้องไปขึ้นรถไฟกันตอนประมาณ 5 ทุ่ม ก่อนกลับก็มีการชักภาพกันเล็กน้อยที่ป้ายสถานี พวกเรานั่งเรียงกันทั้งหมด โดยมีแม่ของไอ้เข้มมาส่งพวกเรานั่งอยู่ตรงกลาง และที่เหลือก็ล้อมรอบไปด้วยพวกเรา โดยมีนายสถานีรถไฟเป็นผู้ถ่ายให้ ที่สถานีไม่มีผู้โดยสารพลุกพล่าน เป็นเพราะว่าเป็นสถานีรถไฟเล็กๆ ในอำเภอปะทิว ซึ่งตอนนั้นก็มีแต่พวกเราเท่านั้นที่อยู่กันที่สถานี และเป็นกลุ่มที่ส่งเสียงครึกโครม

รถไฟผ่านไปขบวนแล้วขบวนเล่า แต่ก็ยังไม่จอดซักที รู้อีกที มันไม่จอดนี่หว่า !!!!




รถไฟเทียบชานชลาที่ 2 ตอนเวลา 23.40 ช้ากว่าเวลาที่ระบุไว้ในตั๋วประมาณครึ่งชั่วโมง เมื่อรถไฟเทียบเข้าชานชลา พวกเรารีบขึ้นรถทันที แต่ก็คงจะเสียงดังเหมือนตอนมาไม่ได้ เพราะเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว ผู้โดยสารคนอื่น ๆ ก็หลับกันไปบ้างแล้ว ดังนั้นพวกเราจึงเดินกันไปอย่างเงียบ ๆ ไปยังที่นั่งของตัวเอง


“เฮ้ย ที่กู” – ไอ้เอกบอกเป็นนัยว่า ริมหน้าต่างเป็นที่นั่งของมัน เหมือนตอนขามา
“สราดด.....กูถึงก่อน” ไอ้เล็กไม่ฟังเสียง แทรกตัวเข้าไปที่นั่งริมหน้าต่าง
“เชี่ยพวกมึง เกรงใจคนอื่นมั่ง” – ไอ้เข้มปรามไว้ ผมเดินไปถึงคนสุดท้ายยังอดขำไม่ได้
“ใครจะไปนั่งคนเดียว ข้างนั้นน่ะ” – ไอ้เอกถาม พร้อมกับชิ้นิ้วไปที่นั่งฝั่งตรงข้ามที่ติดกัน


“กูเอง” – ไอ้เข้มแทรกตัวลงไปนั่งตรงนั้นเรียบร้อย สุดท้ายก็เหลือที่นั่งเดียวให้ผมนั่ง ก็คือ ที่นั่งริมทางเดิน ที่ตรงข้ามกับผมเป็นไอ้เดช

“กูนอนก่อนนะ” – ผมบอกกับทุกคน แล้วผมก็หลับตาลง

“แม่งหลับง่ายฉิบ” – ไอ้เล็กบอก ไม่รู้ว่ามันจะอิจฉาอะไร แต่ผมได้ยินนะ แค่หลับตาเฉยๆ น่ะ จริงๆ แล้วไม่ได้ง่วงหรอก แต่ว่าผมไม่อยากมองหน้าไอ้เดช ก็แค่นั้นเอง ว่าง่าย ๆ คือหลบหน้านั่นแหล่ะ

เสียงอะไรแกร๊ก ๆ ไม่รู้ เหมือนผมจะได้ยิน มีแสงสีแดงเข้าตาผมด้วย จากนั้นก็มีแสงเหมือนไฟกระพริบ

ผมไม่สนใจหรอกคับ ไม่อยากลืมตาแล้วเห็นคนตรงหน้า เห็นแล้วผมหงุดหงิด
------------

ปล. มาช้าไปนิด ขอโทษนะคับ  :m5:กำลังจะเคลียร์เรื่องนี้ให้มันจบไปก่อนนะคับ
เรื่องหน้า (ถ้าผมขยันพอ) จะมาิลงให้อ่านนะคับ

ขอบคุณผู้อ่านเจ้าประจำที่ยังคงทนกับเืรื่องนี้อยุ่นะคับ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่45 [19-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 19-10-2008 16:43:58
หึๆๆๆๆ ใหญ่เอ้ย ทำไมประสบการณ์โดนใจป้างี้ว้า คุ้นๆว่าเคยเจออะไรแบบนี้ตอนมัธยมมาก่อน (ขอละว่ากี่ปีมาแล้วในฐานที่เข้าใจ  :laugh: )

เรื่องปกติน้า หัวใจคนเราบังคับไม่ได้ คนที่เราชอบอาจไม่ได้ชอบเราตอบ แต่อย่างน้อยได้เป็นเพื่อนกันต่อไปแล้วเก็บความรู้สึกที่เคยมีไว้เป็นความทรงจำก็พอ

ว่าแต่ ถ้าไม่มาลงเรื่องหน้า ป้ามีโวย!!!!  :angry2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่45 [19-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 19-10-2008 23:55:11
อืม เรื่องของจิตใจ  มันช่างลำบากยากเย็นนัก

จะเป็นยังไงต่อไปล่ะเนี่ย

 :sad2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่45 [19-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 20-10-2008 10:25:53
หงะ

เสียดายที่ไม่ได้บอกไปแฮะ  555+

ความรักไม่ได้สูญหาย  ความรักไม่ได้หมดไป

แต่ความรักยังคงติดตรึงอยู่ตรงนี้  ตรงที่เรียกว่าหัวใจอยู่ตลอดเวลา
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่45 [19-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 20-10-2008 12:26:49
 :เฮ้อ:  ถึงจะเสียดายที่ไม่ได้สารภาพความในใจ
แต่ตามความคิดของพี่อ่ะนะ 
เรื่องบางเรื่องก็ขอเก็บไว้ในใจดีกว่า    o7
ให้มันเป็นความทรงจำดีๆครั้งหนึ่งในชีวิตของเราก็พอแล้ว
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่45 [19-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 22-10-2008 00:33:54
แพ้ตั้งแต่ยังไม่ลงแข่งเลยยยย  :เฮ้อ:

หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่45 [19-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 23-10-2008 16:40:36
จะติดตามต่อไปนะ

รออ่านตออยู่นะ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 46 [24-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 24-10-2008 15:07:36
46
 :o11:
ผมนอนไม่ค่อยหลับเลยคับ ก็รถไฟชั้นสามนี่นา กึ่งหลับกึ่งตื่นตลอกเวลา ดังนั้นผมจึงรู้สึกปวดเมื่อย เลยออกไปเดินเล่นแถว ๆ ท้ายขบวนซักหน่อย

อากาศตอนเช้ามืดก็ถือว่าดีนะคับ เป็นเพราะสถานีที่เพิ่งออกมามันเป็นสถานีที่อยู่ในหมู่บ้านด้วยล่ะมั้งคับ สองข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งหญ้าและต้นไม้ ผมปล่อยตัวเองอยู่ตรงนั้นซักพัก

“มานั่งเล่นเหรอ” – เสียงนั้นเอ่ยทักผมขึ้นมาก่อน ผมจึงหันขึ้นไปมองหน้ามัน
“อืม” – ผมตอบกับเสียงนั้น แล้วจึงหันกลับไปยังริมหน้าต่างอีกครั้ง
.
.
.
“นั่งด้วยกันป่ะ” – ผมเอ่ยชวนอีกฝ่าย
“อืม ก็ดี แม่งเมื่อยว่ะ นั่งเบียด ๆ กันเนี๊ย เราขอนั่งสบาย ๆ ดูบ้างเหอะ”
“แล้วเราจะถึงกี่โมงวะไอ้เข้ม”
“ประมาณแปดโมงมั้ง”
“เฮ้ย งี๊ก็ไปโรงเรียนสายอ่ะดิ”
“ไม่เป็นไรหรอก วันเดียว”
“กูยิ่งไม่เคยมีประวัติว่าสายอยู่” – ผมอวดไอ้เข้มเล็กน้อย มันหัวเราะ
“ใหญ่”
“หือ??” - ผมหันไปตามเสียง
“เป็นไงมั่ง”
“อะไรเป็นไง”
“กูหมายถึง มาเที่ยวสนุกป่ะ”
“หนุกว่ะ วันหลังจัดไปไหนบอกกูด้วยนะ”
“อืม”
“กูอิจฉาบ้านมึงว่ะ นั่นน่ะ บ้านในฝันกูเลยนะนั่น”
“ยังไงวะ”
“บ้านมึงน่าอยู่มาก ๆ ไม่รู้ดิ กูว่า กูชอบบ้านมึง”
“ขอบใจว่ะ”
.
.
.



.
.
“แดดส่องแล้ว กลับไปที่เหอะ” – ผมบอกไอ้เข้ม มันกำลังเคลิ้มๆ

เมื่อพวกเราถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ แท๊กซี่ที่เราได้เรียกไปที่หอไอ้เดช 1 คัน ก็แออัดไปด้วยสมาชิก 7 คน และเสียงอันอึกทึกครึกโครม (ถ้าผมเป็นคนขับแท๊กซี่ ผมคงไม่รับไอ้พวกนี้เด็ดขาด เด็กอะไรคุยได้ตลอดทาง) และเมื่อถึงหอไอ้เดช ทุกคนต่างแย่งห้องน้ำ อย่างกับไม่เคยเห็นกันมาก่อน

ผมเป็นคนสุดท้าย ที่ออกจากห้องน้ำ จากนั้นพวกเราก็สะพายกระเป๋า เตรียมพร้อมจะไปโรงเรียน ตอนสิบโมง

“สิบโมงอ่ะนะมึงยังจะไปกันอีกเหรอ” - ไอ้เล็กถามเป็นคนแรก
“ดีกว่าไม่ไปไม่ใช่เหรอ” – ไอ้เดชแย้งขึ้นมา แล้วสุดท้ายทุกคนก็ฟังไอ้เดช

พวกเราเรียกสามล้อ แบ่งออกเป็น 2 คัน มาถึงโรงเรียนได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่ที่ยากกว่านั้นก็คือ พวกเรามีเหตุผลอะไรที่จะเข้าโรงเรียน เพราะการมาโรงเรียนสายแล้วตามระเบียบจะไม่เกินคาบที่ 1 ก็คือตอนแปดโมงห้าสิบ ยกเว้นมีธุระสำคัญอะไร หรือไปหาหมอ อาจารย์จะอนุญาตเป็นกรณีไป แต่นี่พวกเรามาซะคาบสามแล้ว เหตุผลก็ไม่มีด้วย จะบอกว่าไปเที่ยวมาเหรอ ไม่ได้หรอก

“อ้าวใหญ่ ทำไมเพิ่งมา” – เสียงทักของอาจารย์ที่ปรึกษาผมตอน ม.4 ทักผม (ผมกับอาจารย์ที่ปรึกษาสนิทกันคับ) วันนั้นอาจารย์ที่ปรึกษาผมเฝ้าเวรห้องปกครอง
“ไปหาแม่เพื่อนมาคับ” - ผมตอบกลับไป
“แต่นี่ไม่ใช่ห้องเรานี่นา” - อาจารย์ยังคงถามผม
“อันนี้เพื่อนห้อง 8 ไงคับ อาจารย์เคยสอนพวกมันไม่ใช่เหรอ”
“แล้วเธอไปทำอะไรกับห้อง 8 ล่ะ”
“ก็เพื่อนผมนี่คับ สนิทกัน”
“แล้วไปหาทำไมเหรอ” – อาจารย์หันไปถามพวกมัน มันทำอะไรไม่ถูก
“ก็วันแม่ไงคับ”
“แล้วแม่ตัวเองล่ะ”
“อยู่ด้วยกันจนเบื่อแล้วคับ เลยไปหาแม่เพื่อนบ้าง” – ผมยังคงเถียงแบบว่า ไม่ขึ้นน่ะ
“งั้นรอครูตรงนี๊แป๊บนึง”
.
.
.
“เก่งว่ะใหญ่ ทำได้ไงวะ” – ไอ้เต้หันมาถามผม
“ฝีปากกูเว้ย เก่งป่ะล่ะ”
“มากับไอ้ใหญ่ ก็ง่ายดีเนอะ แม่งเป็นกรรมการนักเรียน” – ไอ้เต้ชมผมเล็ก ๆ

“อ่ะ ใหญ่ ของเธอใบนึง แล้วก็ของพวกนี้ใบนึง เขียนชื่อพวกเธอรวมกันเลยนะ ส่วนใหญ่ของเธอไม่ต้อง”
“ยังไงคับ”
“ครูเขียนให้เธอแล้ว” – หันมาขยิบตาเล็ก ๆ ให้ผม ผมรู้ทันที
“ขอบคุณคับอาจารย์” – พวกเรายกมือไหว้ แล้วก็เดินไปที่ห้องเรียนของตัวเอง

“คาบนี้มึงเรียนไรกันวะ” - ผมถามไอ้เต้
“ภาษาไทย มึงอ่ะ”
“อังกฤษ ไม่เป็นไรหรอก อาจารย์ใจดี”

แล้วผมก็เดินไปยังอาคารเรียนพร้อมกับพวกห้อง 8 จากนั้นก็แยกย้ายกันเข้าห้องตอนสิบโมงครึ่งพอดี เพราะหมดคาบ 3 กำลังจะเปลี่ยนเป็นคาบที่ 4 ผมกับพวกมันแยกกันตรงบันได แล้วผมก็เดินเข้าห้องไป

“ไปไหนมาวะใหญ่ โทรไปที่บ้านบอกมึงไม่อยู่” – เพื่อนสนิทผมคนนึงถาม ผมไม่ได้บอกมันว่าผมจะไปเที่ยวบ้านเข้ม
“ไปเที่ยวมาว่ะ”
“ไปไหนมาวะ” - เพื่อนอีกคนอยากรู้
“ชุมพร”
“ไม่บอกกูเลย ไอ้เชี่ยนี่ – ป้าบ” – สิ้นสุดคำด่า มันเอามือมาตบหัวผมทีนึง ผมเกาหัวเล็ก ๆ
“เฮ้ย อาจารย์มาแล้วน่ะ” – เสียงรองหัวหน้าห้องร้องเตือน ทุกคนเข้าที่

แล้วพวกเราก็เรียนวิชาภาษาอังกฤษ อาจารย์คนนี้สอนดีมากเลยด้วย แต่เนื่องจากเป็นเพราะการเดินทาง ทำให้ผมเหนื่อยล้า และก็ งีบหลับไปในช่วงท้ายชั่วโมง

“ใหญ่ ตื่นเว้ย หมดคาบแล้ว”
“อืม…แง่มๆ กินข้าวแล้วเหรอ”
“เออดิ กูมีเรื่องจะคุยกับมึงด้วย” – ไอ้ไม้ดูเอาใจผมเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าทำไม แต่ก็คงพอจะรู้ล่ะ ว่าเรื่องอะไรที่มันจะถามผม
.
.
.
.
.
.
.

“สนุกป่ะวะ” - ไอ้ไม้เปิดประเด็นก่อน
“หมายถึงใครหนุกวะ”
“มึงน่ะ”
“ก็ดีว่ะ ก็ไม่เคยไปนี่หว่า อะไรๆ ก็ตื่นเต้นไปหมด”
“เหรอ แล้วไอ้เดชล่ะ”
“กูคิดไว้แล้วแหล่ะว่ามึงต้องถามเรื่องนี้” - ผมหัวเราะ
“เชี่ยนี่ ทำมาเป็นรู้ดี เป็นอับดุลเหรอมึง อย่าลีลา ตอบกูมา ไอ้เดชเป็นไง”
“ก็ไม่เป็นไง ก็ปกติดี”
“กูหมายถึง มันพูดอะไรถึงต่ายป่ะ”
“ก็นิดนึง บอกว่ามันคิดถึงต่าย” - ผมแกล้งแหย่ไอ้ไม้เล่น





“.............”
“เป็นเชี่ยไรเนี๊ยไอ้ไม้”
“ต่ายเขายังไม่เป็นแฟนกับกูเลยว่ะ”
“แล้วไง มึงพยายามหรือยังไอ้ไม้”
“มึงก็เห็น ตอนที่หยุดหลายวัน เขาไปเรียนพิเศษ กูน่ะตามไปส่งทุกวัน แต่เขาก็ด่ากู บอกว่างานการตัวเองไม่ไปทำหรือไง”
“กูว่าต่ายคงหวังดีในตัวมึงมั้ง คงอยากให้มึงตั้งใจเรียน”

ผมเห็นไอ้เดชเดินมาในระยะสายตาที่ผมพอจะมองเห็นได้

“ไอ้ไม้”
“ไรวะ”
“มึงพยายามเข้านะเว้ย คู่แข่งตอนนี้เขาไม่ค่อยจะพร้อมซักเท่าไหร่” – ผมหันไปมองทางไอ้เดช มันก็เห็นผมเหมือนกัน แต่มันก็ไม่เข้ามาทักผม
“มึงหมายความว่าไงวะ”
“หมายความว่าอย่างที่กูพูดแหล่ะ มึงเต็มที่นะเว้ย จีบต่ายให้ติด กูช่วยมึงอยู่แล้ว วันนึงต่ายคงใจอ่อนเองแหล่ะ” – ผมพูดดังเป็นพิเศษ กะว่าให้ไอ้เดชได้ยิน มันก็เดินสวนผมกับไอ้ไม้ไป



“เมื่อกี๊มึงพูดดังๆ ทำไมวะ หูกูไม่ตึง”
“อ้าว ก็ก็... กูย้ำมึงไง ให้จีบให้ติด” – ผมลดเสียงลงเป็นปกติ ไอ้เดชเดินผ่านไปแล้ว

พักกลางวัน หลังจากที่ผมกินข้าวเสร็จ พวกผมก็เดินกลับมาที่ห้อง ก่อนที่ผมจะเดินเข้าห้องเรียนของผม ผมก็แอบชำเลืองมองหน้าห้องไอ้เดช มันนั่งอยู่ริมระเบียงคนเดียว

“เป็นไรวะ แล้วคนอื่นไปไหนกันหมด” - ผมเอ่ยถามไอ้เดชก่อน
“ก็ไม่เป็นไร” – สายตาไม่ได้มองที่ผม แต่มองไปยังระเบียงหน้าห้อง
“มึงง่วงป่ะ กูโคตรง่วงเลย มะกี๊กูหลับในห้องด้วย” – ผมชวนไอ้เดชคุย
“ไม่” – มันยังคงมองไปที่ระเบียงตามเดิม
“มึงจะกลับหอกี่โมงวะเดช”
“เลิกเรียนก็คงกลับ”
“กูว่าจะไปซื้อของแป๊บนึง แล้วค่อยไปเอาของที่หอมึงนะ”
“อืม”
“ประมาณหกโมงเย็นนะ มึงรอกูที่หอด้วยนะ”
“.....................”
“มึงเป็นไรป่ะเดช”
“เปล่า กูไม่เป็นไร” – มันหันมามองหน้าผม แล้วก็หันกลับไป

เลิกเรียนแล้วคับ สี่โมงเย็น เวลาอันดีที่ผมและเพื่อนๆ จะออกไปทำกิจกรรมร่วมกัน เพราะผมเคยบอกพวกมันว่าผมไม่ได้ไปเล่นกับพวกมันนานแล้ว แล้ววันนี้ผมก็คงไม่มีข้ออ้างที่จะปฏิเสธอีกแล้ว อีกอย่างก็ไม่ได้เล่นมานานแล้วด้วย ดังนั้น winning จึงรอพวกผมอยู่ที่ร้านเกมส์

ห้าโมง
หกโมง
สองทุ่มแล้วเหรอ

ผมต้องได้เวลากลับบ้านแล้วดิ แล้วผมนัดไอ้เดชไว้หกโมงเย็นนี่หว่า มันจะด่าผมป่ะเนี๊ย ผมจึงนั่งมอเตอร์ไซด์ไปยังหอไอ้เดชทันที

“เข้ามาดิ” - ไอ้เดชเอ่ยเชิญผมเข้าห้อง
“คนอื่นล่ะ มาเอาของกลับไปแล้วเหรอ”
“อืม”
“ทำไรอยู่วะเดช”
“อ่านหนังสือ” - น้ำเสียงเรียบๆ เหมือนชาที่ทิ้งไว้ให้เย็น
---------------

หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 46 [24-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 24-10-2008 16:42:59
 :เฮ้อ:  สงสัยคงไม่พอใจมั้ง

เข้าใจยากจริงๆๆ 
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 46 [24-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 25-10-2008 11:31:54
อ่าฮ้า เดชน้อยใจที่ใหญ่พูดเมื่อกลางวันเหรอ  :m12:
ว่าแต่ จบได้ค้างมาก โฮก!! ป้าไม่อยากกินชาเย็น อยากกินกาแฟร้อน!  :m31:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 46 [24-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 25-10-2008 11:40:04
 :เฮ้อ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 46 [24-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 25-10-2008 20:13:44
เดชเป็นอะไรอีกละเนี่ย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 46 [24-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 26-10-2008 00:36:02
อืม คงไม่พอใจจริง ๆ นั้นแหล่ะ นี่จะเป็นชนวนให้ผิดใจกันรึเปล่าเนี๊ย
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 46 [24-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 27-10-2008 15:33:06
แล้วเดชจะไม่พอใจเรื่องไรหล่ะ 

จีบต่ายสำเร็จไม๊  ก็ต้องขึ้นอยู่กะต่ายนะ

ใหญ่จะไปบังคับใจต่ายได้ไง
เบื่อเดชอ่ะ   :seng2ped:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 46 [24-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 27-10-2008 22:44:42
ตัวอย่างตอนที่ 47

“มึงมีไรกับมันป่ะ” - ไอ้เต้ถามผม

“กูไม่ได้เป็นไรซักหน่อย”

“ถ้ามึงจะคิดอย่างงั้น”

“ถ่ายมากี่ม้วนวะ”
“4 ม้วน” - ไอ้เข้มตอบ”

“สนสิ เพื่อนเราทั้งคน”

“แล้วเราจะทำอะไรได้มากกว่านี้ล่ะ”
----------

พอละ เดี๋ยวเยอะเกิน คนอ่านจับได้
น่าจะภายในวันศุกร์นี้นะคับคงได้ลง
 :laugh:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 46 & ตัวอย่างตอนต่อไป [27-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 28-10-2008 09:29:02
โอ้ย มายั่วกันซะขนาดนี้ จะให้รออีกสี่วันเชียวเร้อ เย็นๆนี้หรือพรุ่งนี้ก็มาได้แล้นใหญ่เอ้ยยยยยย  :t3:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 46 & ตัวอย่างตอนต่อไป [27-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 28-10-2008 10:21:48
เบื่อชา

ขอเป็นอย่างอื่นแทนได้มะ  มะคต่อยชอบเลยจิงๆ นะเนี่ย

แหงะ

 :o11:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 46 & ตัวอย่างตอนต่อไป [27-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 28-10-2008 15:07:48
:a5:
l
l
l
l
l
l
l
V
V

 :a14: :a14: :a14:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 46 & ตัวอย่างตอนต่อไป [27-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 28-10-2008 20:47:42
 :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 47 [28-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 28-10-2008 21:38:47
47
 :m17:
ผมคิดว่า มันคงไม่อยากพูดกับผมละมั้ง คงเป็นเพราะเหนื่อยจากการเดินทาง ผมจึงไปหยิบของที่มุมห้อง
“กูกลับก่อนนะ”
“อืม”
“มึงโกรธอะไรกูป่ะ”
“เปล่านี่”

มันจะต้องมีอะไรแน่ๆ แต่ผมจะไม่มีทางได้รู้เลย เพราะมันคงไม่บอก จากวันนี้ไปผมคงถึงตัวมันได้ไม่ง่ายอีกแล้ว ความสนิทที่เราเคยมี แม้ตอนนี้ความเป็นเพื่อนก็คงไม่เหลืออีกแล้ว ผมคิดในใจ

แต่มันอาจจะเหนื่อยมั้ง ก็เลยพูดกับผมน้อย ดังนั้นผมเดินออกมาจากหอไอ้เดช โดยที่ไม่ได้ถามอะไรอีก

ผมออกมารอรถเมล์กลับบ้าน โดนแม่สวดไปตามระเบียบ ข้อหาหายไปหลายวันแล้วยังไม่รีบกลับบ้าน อาบน้ำกินข้าวเสร็จผมเข้านอนทันที เพราะผมเหนื่อยจากการเดินทาง

เช้าวันรุ่งขึ้น ผมทำทุกอย่างเป็นปกติ ผมพยายามชะเง้อมองหามัน ทั้งตอนเข้าแถว และตอนพักกลางวัน ปรากฏว่าผมไม่เห็นมันเลยแม้แต่เงา มันไปไหนก็ไม่รู้ ปกติอย่างน้อยมันจะต้องเดินออกมาให้ผมเห็นหน้าอยู่บ้าง แม้ว่าก่อนที่ผมตะรู้จักมัน มันเองก็มาเดินให้ผมเห็นหน้าอยู่บ่อย ๆ

หลังเลิกเรียน ผมเดินไปหามันที่ห้อง หวังว่าจะได้เจอมันมั่ง แต่แล้วก็เจอแค่ไอ้เต้

“เต้ เดชไปไหนวะ” - ผมถามไอ้เต้
“กลับไปแล้ว”
“นานยังวะ”
“ก็ตั้งแต่โรงเรียนเลิก”
“เหรอ”
“มึงมีไรกับมันป่ะ” - ไอ้เต้ถามผม
“อ่อเปล่า แล้ววันนี้มันพูดอะไรกับมึงป่ะ”
“ไม่เลยว่ะ มันดูซึม ๆ ยังไงไม่รู้ บอกไม่ถูก”
“เหรอ”
“เออใหญ่ เดี๋ยวไอ้เข้มไปล้างรูปวันนี้ แล้วพรุ่งนี้มึงมาดูรูปกันนะ”
“เออ ขอบใจว่ะ มึงยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ” - ผมถามไอ้เต้
“เดี๋ยวว่าจะกลับแล้วแหล่ะ กลับด้วยกันเปล่า”
“ไม่เป็นไรว่ะ เดี๋ยวว่าจะไปเล่นเกมส์”
“เออโชคดีไอ้ใหญ่”

หมายความว่า วันนี้ทั้งวันมันก็ไม่พูดกับใคร มันตั้งใจจะหลบหน้าใครซักคนงั้นเหรอ คนนั้นเป็นใคร ต่าย หรือ ผมเอง สิ่งที่มันกำลังคิดอยู่ตอนนี้คืออะไร 

“มึงคิดอะไรอยู่วะเดช” – ผมพูดกับตัวเอง



“ใหญ่ ไปยังวะ”
“ไปดิ โทษทีที่ให้รอ”
“เออ” – ผมเก็บของที่เหลือทั้งหมดใส่ลิ้นชักใต้โต๊ะ แล้วเดินตามไอ้ไม้ไป
“มึงไปทำไรที่ห้อง 8 เมื่อกี๊วะ” - ไอ้ไม้ถามผม
“ไปหาไอ้เดช กูจะไปถามว่าได้รูปหรือยัง” – ผมโกหกไอ้ไม้
“ไปหามันบ่อย ๆ นี่มึงชอบมันป่ะเนี๊ย” - ไอ้ไม้แซว แต่ทำไมใคร ๆ ก็ชอบแซวผมเรื่องนี้จังวะเนี๊ย
“ป้าบ...........” – เสียงรองเท้านันทางประทับลงบนตูดไอ้ไม้
“ไอ้เดชมันยอมแพ้แล้วเหรอ” - ไอ้ไม้ถามผม
“ไม่รู้มัน ทำไมเหรอ”
“ก็มึงบอกกูเมื่อวานว่า คู่แข่งไม่ค่อยพร้อม”
“ก็.........ยังไงดีล่ะคือ.............. (ผมเล่าเรื่องที่เดชมันจะถอนตัวให้ไอ้ไม้ฟัง)”
“จริงเหรอวะ”
“กูจะโกหกทำเชี่ยไรล่ะ ไอ้ไม้”

ผมเล่นเกมส์กับพวกมันซักพัก ก็กลับบ้าน ผมทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยผมจึงโทรไปหาไอ้เดช

“เดชเหรอ ใหญ่นะมึง”
“มีไรวะ”
“มึงเป็นไรป่ะวะ วันนี้กูไปถามไอ้เต้ มันก็บอกว่ามึงซึม ๆ”
“กูไม่ได้เป็นไรซักหน่อย”
“แล้วเดชคนเดิมไปไหนซะล่ะ”
“ก็คุยกับมึงนี่ไง แล้วมึงมีธุระอะไรกับกูป่ะ”
“ธุระน่ะเหรอ ไม่มีหรอก แต่กูอยากโทรหาเพื่อนกู”
“กูเป็นเพื่อนมึงเหรอ”
“อ้าวยังไงล่ะเนี๊ย”
“กูเป็น....กับมึง อืม คงงั้นมั้ง”
“หรือมึงไม่อยากเป็นเพื่อนกับกู”
“ถ้ามึงจะคิดอย่างงั้น”
“....................”
“แล้วที่โทรมานี่ไม่มีธุระอะไรใช่ป่ะ”
“ใช่ ไม่มีแล้ว เราไม่มีอะไรจะพูดกับนายอีก”

บางครั้งคำพูดคำเดียว ที่บ้างครั้งเจ้าตัวอาจจะตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตาม มันก็ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งคิดได้ไปไกลเหมือนกัน ผมไม่รู้ว่าการที่มันพูดว่า “ถ้ามึงจะคิดอย่างงั้น” มันหมายความว่า มันไม่อยากเป็นเพื่อนกับผมจริง ๆ หรือว่าแค่อารมณ์ตอนนั้นที่ทำให้มันพูดออกไป ผมพยายามจะคิดเป็นอย่างหลัง แต่ผมทำไม่ได้

เท่านั้นแหล่ะ น้ำตาก็เริ่มไหลออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ

หมายความว่าตลอดเวลา 3 เดือนกว่า ๆ ที่เรารู้จักกัน มันเป็นเพียงฝันของผมงั้นเหรอ ผมฝันว่าผมมีเพื่อนที่ดีที่สุด ฝันว่าผมได้รักกับมัน ฝันว่าวันนึงมันจะเห็นคุณค่าของผมบ้าง ไม่ต้องการให้รักตอบ แต่เมื่อความจริงคือ มันกำลังจะไปจากผม เพราะมันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคุยอะไรกับผมอีก คิดไปก็เหมือนกับทางผ่านแหล่ะ

วันนั้นทุกอย่างไม่ควรเกิดขึ้น อดีตมันกลับไปแก้ไขไม่ได้ ถ้ารู้อย่างงี๊ผมไม่น่ายุ่งกับมันเลย

เช้าวันรุ่งขึ้น ผมไปโรงเรียนตามปกติ เมื่อผมมาถึงหน้าห้อง เพื่อนผมมันก็บอกว่า ไอ้เข้มให้ไปหาที่ห้อง ผมรับคำแล้วก็วางกระเป๋า เดินไปห้อง 8 ทันที

“ไอ้ใหญ่ มาเลย มาดูรูป” – ไอ้โสเอ่ยปากชวนผม
“ถ่ายมากี่ม้วนวะ”
“4 ม้วน” - ไอ้เข้มตอบ”
“เชี่ย มึงดูรูปนี้ เทพ ๆ ลอยน้ำได้” – เสียงไอ้เดชเอ่ยชื่นชมรูปตัวเองที่ถ่ายตอนกระโดดจากหลังเพื่อนกลางทะเล
“ตัวแม่งก็หนัก ให้กูเป็นฐานโดดน้ำอีก” - ไอ้เล็กบ่น
“เชี่ย บ่นจังมึงน่ะ” – ไอ้เดชบ่นๆ

ผมนั่งดูรูปของผมไปเรื่อย ๆ รูปของผมมีน้อยคับ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นรูปพวกมันที่ชอบเสนอหน้า (กันหมด) เว้นแต่ผมกับไอ้โสที่ไม่ค่อยจะมีรูปกับเขามากนัก ดูรูปไปก็หันไปมองพฤติกรรมของไอ้เดชไป ไอ้เดชกลายเป็นคนปกติเรียบร้อยแล้วคับ แต่ว่ามันก็ยังไม่สนใจผมอยู่ดี

ผมดูรูปเสร็จก็กลับไปที่ห้อง ไม่ได้สนใจอะไรอีก

ผมรู้สึกปั่นป่วนมาทั้งวัน ก็ไม่ใช่อะไรหรอกคับ อาจารย์เล่นสั่งงานอย่างกับจะไปออกรบอย่างงั้นแหล่ะ ภาษาไทย อังกฤษ แม้กระทั่งวิชาที่ไม่ควรจะมีงานมากมาย เช่นสุขศึกษา ยังมีงานเข้ามาเลย

ถึงตอนเย็นแล้ว ได้เวลาที่ผมจะกลับบ้านซักที แต่วันนี้ผมต้องไปเรียนพิเศษ กับใครน่ะเหรอคับ ก็ต่ายล่ะสิ คือต่ายบอกผมตั้งแต่กลางวันแล้วคับว่าวันนี้ต่ายจะไปเรียนพิเศษด้วย อ่ะ...อยากไปก็ไป ดังนั้นพอถึงตอนเย็นผมต่าย และก็เพื่อนผมอีก 2 คนก็นั่งรถไปด้วยกันที่สยาม ระหว่างทางผมขอแยกกับเพื่อนไปซื้อขนม เหมือนโบวืจะรู้หรือยังไงก็ไม่รู้ ต่ายขอตัวมาคุยกับผม

“ยังไม่เล่าเรื่องที่ไปเที่ยวมาเลยนะ”
“ก็...เห็นต่ายยุ่ง ๆ แล้วเราก็ไม่รู้ว่าต่ายจะสนใจฟังหรือเปล่า”
“สนสิ เพื่อนเราทั้งคน”
“ก็หนุกดีนะ ถ้าไม่ติดว่าไอ้เดชมันงี๊เง่าไปบ้าง” – คือจริง ๆ แล้ว trip นั้นน่ะผมงี๊เง่ากว่ามันอีก
“ยังไง”
“ต่าย เดชมันจะเลิกจีบแกแล้วนะ”
“ว่าไงนะ !!!!!!!!!”
“เออ ไอ้เดชมันจะไม่จีบแกแล้ว”
“แกอย่าบอกนะว่า มันจะจีบแกแทนน่ะ” - ต่ายพูดพร้อมกับหัวเราะ
“ไอ้บ้า” – ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้หญิง ต่ายโดนผมเตะตูดไปแล้ว
“ล้อเล่น ๆๆ แล้วสรุปว่ายังไงเนี๊ย” - ต่ายถาม
“ก็อย่างที่บอก ว่าไอ้เดชมันเลิกจีบแกแล้วแหล่ะ”
“มันบอกป่ะว่าทำไม” – ต่ายถามด้วยความสนใจ ความสวยของต่ายคงไปทำร้ายใครหลายๆ คน
“มันบอกว่าเหนื่อย เห็นไอ้ไม้ตามแกทุกที แกก็ยังไม่ยอมใจอ่อน”
“แสดงว่า มันเองก็ไม่ค่อยจะตั้งใจจีบเราซักเท่าไหร่”
“คงงั้นมั้ง”

“ใหญ่ แล้วตัวแกล่ะ”
“ตัวเรา ยังไง” – ผมงง เลยถามต่ายกลับไป
“แกยังชอบเดชอยู่ใช่ป่ะ”
“ตอนนั้นน่ะใช่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วว่ะ”
“ทำไมล่ะ”
“เรารักมันแล้วอ่ะดิ”
“เฮ้ย!!!!!” - ต่ายตกใจเล็กน้อย
“อืม เรารักมัน แต่มันไม่ได้รักเราอย่างที่เราคิดกับมันหรอก”
“.............”
“เราคงจะเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นแหล่ะ”
“แกไม่เจ็บเหรอ” - ต่ายถามอย่างเป็นห่วง
“แล้วเราจะทำอะไรได้มากกว่านี้ล่ะ”
“เราไปบอกมันให้ป่ะ”
“แกกับไอ้เดชคุยกันไม่กี่ครั้งนั่นน่ะนะ จะไปคุยกับมัน เฮ้อ!!!!”
“เออว่ะ ลืมไป” – ต่ายเกาหัวเล็ก ๆ ผมก็อดหัวเราะไม่ได้
-----------------
ปอลอ.
เดี๋ยวละลงแดงไปกันซะก่อน  :m23:
เอาเป็นว่า ก็คงจะเกือบ ๆ โค้งสุดท้ายแล้วนะคับท่านผู้อ่านที่เคารพ
2-3 ตอนหน้าก็คงจะถึงบทสรุปซักที
คิดว่าจบยังไงก็เดากันเล่น ๆ นะคับ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 47 [28-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 28-10-2008 21:54:48
55555555 สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหวเอาตอนใหม่มาลงจนได้ เฮ้อ เดชนี่จะเอาไงแน่เนี่ย มาทำนู๋ใหญ่ของป้าเจ็บหัวจาย เดี๋ยวเต๊อะ  :angry2:

ไม่อยากเดาตอนจบอะ แค่ชื่อเรื่องก็ทำเสียว(?)มาตั้งแต่แรกละ รออ่านตอนต่อไปดีก่า  o7
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 47 [28-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 28-10-2008 22:15:40
ยังไงกันนี่  เดชทำไมทำแบบนี้ล่ะ

 o2 :a5: :a6:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 47 [28-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 29-10-2008 06:13:55
อ้างถึง
บางครั้งคำพูดคำเดียว ที่บ้างครั้งเจ้าตัวอาจจะตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตาม มันก็ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งคิดได้ไปไกลเหมือนกัน

เห็นด้วยกับประโยคนี้น่ะ ถ้าเป็นเรา เราก็จะคิดว่าเราหมดประโยชน์ไปแล้ว เมื่อมันไม่ได้จีบต่ายต่อ เราก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพูดด้วย .........เจ็บโคตร o12
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 47 [28-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 29-10-2008 11:05:04
ตายๆๆ

 :a6:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 47 [28-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 29-10-2008 15:29:50
:o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 48 [30-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 30-10-2008 22:47:02
48
 :undecided:
“ใหญ่ แล้วแกจะทำไงต่อไป” - ต่ายถามผม
“ก็ไม่รู้ว่ะ ต่าย พูดตรงๆ ว่าตอนนี้มันเลวร้ายมาก ๆ มันไม่พูดกับเรามาหลายวันแล้ว โทรไปก็ไม่ค่อยคุยด้วย อ้างโน่นนี่”
“แกรักเดช หรือแกหวงเดชวะ”
“ก็ไม่รู้สินะ เพราะเหมือนว่า ยิ่งรักมาก ก็ยิ่งหวงมาก ห่วงก็ห่วง”
“............”
“คือเหมือนมันเคยมาเป็นส่วนหนี่งของชีวิตว่ะต่าย เคยคุยโทรศัพท์กันนานนาน เคยเดินเล่น อยู่โรงเรียนจนเย็น ๆ กินข้าวทุกเย็น แล้วอยู่ดีๆ มันก็มาเป็นอย่างงี๊น่ะ เราเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม เราก็เลยเหมือนกับว่ามันขาดอะไรไป”
“แกก็กลับไปอยู่กับพวกไอ้ไม้เหมือนเดิมดิ”
“เราพยายามแล้วนะต่าย เวลาอยู่กับไอ้ไม้ พยายามไม่คิด พยายามไม่นึกถึงเวลาเราเดินผ่านห้อง 8 แต่เราก็ทำไม่ได้ เล่นเกมส์กับไอ้ไม้ ไอ้บอล แต่ทำไมก็ไม่รู้ สมาธิมันไม่มี นึกถึงตลอดเวลาว่าเวลานี้ตอนนั้นเรากำลังทำอะไรอยู่กับมัน”
“เราช่วยอะไรแกได้มั่งป่ะ” - ต่ายถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ล่ะต่าย ขอบคุณ เราว่าปล่อยให้มันเป็นอย่างงี๊เหอะ”



แล้วสุดท้ายเวลาก็ผ่านไป ผ่านไปจนถึงต้นเดือนกันยายน เป็นเวลาที่ผมจะต้องไปสอบคัดเลือกเข้าค่ายโอลิมปิกวิชาการ แบบว่าโดนอาจารย์เลือกโดยไม่เต็มใจไปนัก ซึ่งก่อนไปมันก็ควรจะมีการเตรียมตัวเตรียมใจด้วย เพราะข้อสอบมันก็คงจะยากพอสมควร แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่ว่าจะต้องไปเรียนพิเศษเพื่อให้สอบติดอะไรหรอก เอาเป็นว่าไปเพื่อโรงเรียนมากกว่า

เช้าวันอาทิตย์ เป็นวันที่ผมต้องไปสอบ ผมนัดกับเพื่อนอีกคนที่อนุเสาวรีย์ชัยเพื่อจะเดินทางไปสนามสอบแถวหน้า ม.ราม เช้าวันนั้นเป็นวันที่ไม่ต้องรีบร้อนอะไรมาก ผมจึงไปถึงที่นัดกันเร็วกว่าปกติ มาก่อนตั้งครึ่งชั่วโมง ผมไม่รู้จะไปไหนเลยนั่งรอที่ป้ายรถเมล์เลยแล้วกัน

เมื่อรถเมล์คันหนึ่งเทียบเข้าป้ายตรงหน้าผม รถเปิดประตู ผู้โดยสารต่างก็แย่งกันลง ตอนแรกผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากหรอกคับ ก็แค่คนรถเมล์ แต่ด้วยจังหวะที่ผมหันไปมองผมเห็นคนรู้จักคนหนึ่ง

ไอ้เดช



ใช่แล้วคับ ไอ้เดชลงจากรถเมล์สายนั้น เพื่อไปเรียนพิเศษรอบเช้าวันอาทิตย์ที่อนุเสาวรีย์ ผมกำลังจะเดินเข้าไปทักมัน สายตาแวบหนึ่งของมันก็เหลือบมามองเห็นผมพอดี แล้วมันก็วิ่งหนีผมไป

“สงสัยจะรีบ” – ผมคิดในใจ แต่นิสัยของมันไม่ใช่คนแบบนี้นะ เท่าที่ผมรู้ ถ้ามันเจอใครรู้จัก มันจะทักอย่างเสียงดังและนานมาก “แสดงว่ามันจงใจหนีกู” – ผมคิดในใจอีก แต่ก็เป็นไปได้ เวลาผ่านไปครึ่งเดือนแล้วเราไม่เคยโทรหากันอีกเลย ตั้งแต่มันเลิกจีบต่าย มันก็ไม่มาสนใจผมอีก สิ่งที่มันเคยบอกว่า ต่ายกับผมเป็นคนละคน จะไม่เอามาเกี่ยวข้อง

สุดท้ายมันก็ไม่จริง คนเราถ้าไม่มีผลประโยชน์จะมายุ่งด้วยทำไม

สรุปแล้วผมรักมัน จนอยากเป็นเจ้าของมัน อย่างที่ต่ายว่าจริงๆ ด้วย

เวลาสอบสิ้นสุดลงที่เวลาเที่ยงตรง สรุปแล้ววันนั้นผมไปสอบ แต่ไม่มีจิตใจจะสอบแม้แต่น้อย ฝนกระดาษคำตอบให้มันจบ ๆ ไป ดูแตกต่างจากคนอื่นที่เขามีความมุ่งมั่นในการสอบแข่งขันครั้งนี้

“มึงทำได้มั่งป่ะวะ” - ผมถามเพื่อนที่ไปสอบด้วยกัน
“ไม่เลย มึงอ่ะใหญ่”
“เช่นกัน”
“กูว่าโรงเรียนเลือกคนผิด ทำไมไม่เอาที่ 1 ของห้องมาสอบวะ มาเอาพวกเรามาสอบทำไม” – เพื่อนผมเสนอความคิด ก็ถูกของมันนะ ทำไมไม่เอาไอ้ที่ 1 ของห้องผมมาสอบล่ะ มันน่าจะสอบได้มากกว่าผมอีก



“คลายเครียดเหอะมึง” - ผมชวน
“ไปไหนดีวะ”
“เดี๋ยวกูโทรหาไอ้ไม้ ให้มันชวนคนอื่นออกมาเล่นวินนิ่งกัน”
“ดีดี ไปไงวะ”
“ก็เดี๋ยวกลับเสาวรีย์ก่อน แล้วค่อยไปโรงเรียน” – ผมเสนอ



แล้วเราสองคนก็จับรถเมล์สายหฤโหดมายังอนุเสาวรีย์ นึกสภาพว่าตอนนั้นก็มีรถยูโรนะ แต่มันน้อยเหลือเกิน และตอนนั้นค่ารถร้อนก็แค่ 4 บาท แล้วมันก็มาแบบว่าถี่ยิบเลย กะว่าจะรอรถยูโรแต่ก็เอาเป็นว่าไปรถร้อนเหอะ เดี๋ยวจะหมดอารมณ์เล่นเกมไปซะก่อน

รถเข้าป้ายที่อนุเสาวรีย์แล้ว คนก็แย่งกันลงแย่งกันขึ้น (ใครใช้รถเมล์สาย ม.ราม - อนุเสาวรีย์คงนึกออกนะคับ) กว่าผมจะเบียดลงมาได้ก็ใช้เวลาพอสมควร จังหวะที่ผมหันไปลง มองทางขวา หวังว่าจะมีรถเมล์ที่ผ่านหน้าโรงเรียน

ทางขวาผมไม่ใช่รถเมล์ไปโรงเรียน แต่เป็นไอ้เดช ผมขอตัวจากเพื่อนผมเดินเข้าไปทัก

“กลับบ้านเหรอมึง”
“เออ”
“ไม่ไปเที่ยวไหนเหรอ”
“ไม่ล่ะ”
“จะสอบปลายภาคแล้วนี่ อ่านหนังสือยังล่ะ”
“ยัง”
“มีไรให้กูช่วยเหมือนตอนกลางภาคป่ะ”
“ไม่มี”
“งั้นกูขอตัวก่อนละกัน”
“................”



แม้แต่จะพูดมันยังไม่หันมามองหน้าผมเลยคับ ผมก็ไม่รู้จะดื้อด้านคุยกับมันต่อไปทำไม เลยขอตัวเดินออกไปหาเพื่อนที่รออยู่ดีกว่า





.
.
.
กาลเวลาล่วงเลยผ่านไปจนถึงสอบปลายภาค วันสุดท้ายของการสอบปลายภาคมาถึง เมื่อผมสอบวิชาสุดท้ายเสร็จ อิสระของผมและเพื่อน ๆ จึงเกิดขึ้น ไอ้ไม้และเพื่อน ๆ ก็พากันไปเล่นเกมกัน แต่ก่อนหน้านั้นจะต้องไปเดินห้างแก้เครียดกับเพื่อนผู้หญิงก่อน ก็เช่นเดิมคือ ไอ้ไม้ก็จะตามติดต่ายไม่เลิก

ระหว่างที่กำลังชุลมุน กับการเดินดูโน่นนี่

“ใหญ่ๆ แกคุยกับเดชมั่งป่ะ” – ต่ายถามผม
“ไม่เลย”
“ตอนนี้เดชมันมาคุยกับเราแล้วนะ”
“มันกล้ามาคุยกับแกเองเลยเหรอ” – ผมงงสิ เพราะไม่คิดว่าไอ้เดชจะกล้า
“ใช่”
“อืม...........ก็ดีแล้วนี่” – ผมบอกต่ายอย่างเรียบๆ
“แต่มันไม่ได้จีบเราแล้วนะ มันแค่อยากเป็นเพื่อนกับเราน่ะ”
“เหรอ”
“ใช่ๆ มันแค่จะเป็นเพื่อนเรา”
“ก็คงจะดีแล้วล่ะต่าย มีเพื่อนเยอะๆ”
“จ้า........พระเอก”
“อย่ามาแซว ไม่มีอารมณ์ว้อย” – ผมค้อยใส่ต่ายไปทีนึง
.
.
.
“ต่าย มันเป็นเพื่อนกับแกนานยัง” - ผมถามต่าย
“ก็เกือบสองอาทิตย์แล้ว”
“อืม”
“ทำไมเหรอ”
“ไม่มีไรหรอกต่าย”
“เอาจริง ๆ มีไรหรือเปล่าใหญ่”
“เปล่า ก็แค่คิดดู มันก็เป็นช่วงที่เราเริ่มไม่คุยกับมัน ก็เป็นช่วงเดียวกับที่มันเริ่มคุยกับแก”
“แกโกรธเราป่ะใหญ่”
“จะโกรธทำไมล่ะ เราเป็นเพื่อนแกนะ”
“แล้วเดชล่ะ”
“เดชเหรอ เอ่อ คือ เราคงหยุดไว้แค่นั้นแหล่ะ ให้มันเป็นเส้นขนานไปตลอดเถอะ เราไม่อยากฟื้นความหลังอะไรอีกว่ะ”
“............”
“ชีวิตเราถือว่าเราได้เรียนรู้ความรักก็แล้วกัน”
“โห ซึ่งอ่ะใหญ่ แสดงว่าแกรักเดชมาก”
“ก็รักมาก ก็เจ็บมาก เป็นแกก็คงลืมไม่ลงง่าย ๆ หรอก”
“เราเองก็ยังไม่สบายใจนะใหญ่”
“ไม่เกี่ยวกับแกเลยต่าย เราต่างหากที่พลาดเอง ไปรักคนอย่างมัน ทั้ง ๆ ที่แกก็เห็น แต่เราก็แพ้มัน”
“เราขอโทษ”
“ไม่หรอกต่าย แกไม่ผิด”
“แต่เราก็...............”
“มีไรกันวะ” - ไอ้ไม้เดินเข้ามาเหมือนหมาหวงก้าง
“ไม่มีไม้ ไม่มี” – ต่ายตอบไอ้ไม้ไป ผมยืนอยู่นิ่ง ๆ

ต่ายเป็นคนที่แคร์ความรู้สึกของคนรอบข้างมาก ๆ แสดงว่าการที่ผมห่างจากไอ้เดชไป ต่ายเองก็ไม่สบายใจเช่นกัน แต่ผมเองก็ไม่คิดหรอกว่าต่ายผิด ผมเองที่ผิด  ผิดที่ไปรักคนที่มันเป็นไปไม่ได้
------------------
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 48 [30-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 31-10-2008 00:01:39
ผมเองที่ผิด  ผิดที่ไปรักคนที่มันเป็นไปไม่ได้

o7  กำลังจะไปนอนแล้วเชียว ดันมาเจอประโยคชวนปวดใจซะก่อน 

ถ้าคืนนี้ป้าหลับฝันร้ายจะไปเข้าฝันใหญ่ โทษฐานมาลงบทโศกให้อ่าน หึๆ o3
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 48 [30-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 31-10-2008 01:05:57
สงสารใหม่จังเลยอะคราบ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 48 [30-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 31-10-2008 01:22:22
 :a6:
 :เฮ้อ:

หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 48 [30-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 31-10-2008 10:24:10
รักก็คือรัก

รักใครไม่ใช่ความผิด

 :m15:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 48 [30-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 31-10-2008 10:41:16
:เฮ้อ: ก็ได้แต่หวังว่าคงไม่เป็น เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดก็แล้วกัน
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 48 [30-10-08]
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 01-11-2008 22:28:43
เรียนท่านผู้อ่านที่เคารพ :m23:

ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายแล้วนะคับ
คาดว่าอีกไม่นานจะเอามาปล่อยนะคับ :a5:

จะไม่เอามาเป้นตัวอย่างตอนต่อไปนะคับ เพราะเดี๋ยวรู้ไต๋
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 48 [30-10-08]:ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 01-11-2008 22:53:16
รอคับรอ :oni2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 48 [30-10-08]:ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 02-11-2008 11:14:07
เรียนท่านผู้อ่านที่เคารพ :m23:

ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายแล้วนะคับ
คาดว่าอีกไม่นานจะเอามาปล่อยนะคับ :a5:

จะไม่เอามาเป้นตัวอย่างตอนต่อไปนะคับ เพราะเดี๋ยวรู้ไต๋


แอร๊ยยยยยยยส์ จะจบแล้วจริงๆเหรอ แง้ว ต่อไปป้าก็คิดถึงแย่เลยดิ  :m15:
(ไม่อยากทำร้ายจิตใจผู้สูงอายุกว่้าก็รีบเอาตอนต่อไปมาลง และต่อด้วยเรื่องใหม่ด้วย ขออย่างไว!!!! :a1:)
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 48 [30-10-08]:ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 02-11-2008 15:10:02
รอตอนจบของเรื่องนี้ 

 :oni1:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 48 [30-10-08]:ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 03-11-2008 16:54:49
 :เฮ้อ: เซ็งเดชอย่างแรง
ตอนหน้าจะจบแล้วเหรอน้องใหญ่   :serius2:
แล้วจะเคลียร์ไม๊เนี่ย  คาใจอ่ะ
เดชมานคิดไรอยู่กันแน่ว้า.....
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 49 [05-11-08]:จบแล้วคับ(อาจมีตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 05-11-2008 22:23:16
49
 :freeze:
ปิดเทอม 1 เดือนที่ผ่านมา ผมพยายามที่จะลืมทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเดช ผมตื่นเช้าขึ้น ไปเรียนพิเศษเช้ายันเย็นในช่วงแรก ส่วนช่วงหลังผมได้รับข่าวดี ว่าที่ผมไปสอบโอลิมปิกวิชาการนั้น ผมสอบติด (ตอนที่ประกาศผลสอบ ผมเองกับเพื่อนก็งงเหมือนกันว่าติดได้ไง ต่างคนก็ทำไม่ได้ทั้งคู่ แล้วเราก็หัวเราะ) ดังนั้นผมจึงต้องไปเข้าค่ายเก็บตัวรอบที่ 1 เพื่อสอบเข้ารอบที่ 2 เป็นเวลา 20 วัน ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาที่จะได้เจอเพื่อนใหม่ สถานที่ใหม่ และต้องตื่นเช้ากลับเย็น ดังนั้นเรื่องไอ้เดชจึงไม่มารบกวนหัวใจผมอีก

หลังจากผมกลับจากค่าย ซึ่งโรงเรียนเปิดไปแล้ว 3 วัน ผมจึงกลับมาที่โรงเรียน สิ่งแรกที่ผมเห็นที่โรงเรียน และเป็นสิ่งที่ผมเสียใจมากที่สุดก็คือ ผมเห็นเดชเดินลงมาจากตึกที่เรียนกับพวกไอ้เต้ และเพื่อนๆ ทุกคนยังคงทักผมเช่นเดียวกับปกติ ยกเว้นไอ้เดช ที่มันเองก็ยังไม่มองแม้แต่หน้า ผมมองเข้าไปแล้วผมไม่อยากจะคิดอะไรถึงมันอีก ภาพเก่า ๆ มันย้อนกลับมา ภาพที่ผมเคยเดินกับมัน สิ่งที่เราเคยบอกว่าเราจะเป็นเพื่อนกันไปตลอด

บัดนี้มันไม่มี ไม่มีอีกแล้ว

“คิดไรวะ รกสมอง” – ผมพูดคนเดียว




หลังจากที่ผมขึ้นห้องเรียน ทุกคนต่างถามเช่นเดียวกันว่า แกไปสอบติดได้ไง แล้วไปทำอะไรบ้าง ผมก็เล่า ๆ ไปตามเรื่องตามราว แต่ไอ้หัวหน้าห้องมันสนใจเป็นพิเศษ มันถามทุกรายละเอียดจริง ๆ แม้กระทั่งตอนที่ผมไปอยู่ค่าย ก็โทรหาเกือบทุกวัน ผมก็ต้องเหนื่อยเล่าให้มันฟังอีกแล้ว

หลังจากคาบพักกลางวัน ผมเดินลงไปกินข้าวกับพวกไอ้ไม้ ก็คงเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว กินด้วยกันมากี่ปีแล้วล่ะ แต่พักกลางวันนั้นไม่เหมือนพักกลางวันอื่น ๆ ตรงที่หลังจากพักเสร็จ ผมเดินขึ้นมาบนห้อง และสิ่งที่ผมเห็นตรงหน้าห้องเรียนของผมก็คือ ต่ายนั่งคุยอยู่กับเดช

“หมายความว่าไงวะใหญ่ ตรงหน้ากูน่ะ” – ไอ้ไม้ถามผม อย่างมีอารมณ์โมโห
“กูเองก็ไม่รู้” - ผมก็โมโหเช่นกัน
“ไหนบอกว่ามันจะไม่ยุ่งกับต่ายแล้วไง”
“กูเองก็ไม่รู้ มึงเข้าใจป่ะ กูไม่รู้” – ผมโมโหมาก เผลอพูดเสียงดังออกไป
“มึงเป็นไรวะใหญ่” - ไอ้ไม้ถาม
“เปล่า”

ผมเดินผ่านไป ก่อนที่ผมจะเดินเข้าห้อง

“ใหญ่”
“อะไรเหรอ”
“เดชจะคุยกับแก” - ต่ายยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี
“แต่เราไม่มีอะไรจะคุยกับมัน” – ผมพูดจบก็เดินหันหลังเข้าห้องทันที สังเกตสีหน้ามันครั้งสุดท้ายก่อนเข้าห้อง มันเปลี่ยนจากสีหน้าที่มีความหวังเป็นหน้าสลด แต่ผมเองก็ใม่สนใจมันหรอกคับ

“ไอ้ไม้ ไอ้เชี่ยไม้” – ผมตะโกนเสียงดัง กะให้หน้าห้องได้ยิน
“อะไรวะ” – มันเองก็เสียงดังเช่นกัน เพราะมันนั่งพิงกำแพงหน้าห้องอยู่
“ถ้าจะแดกก็รีบ เดี๋ยวหมามันคาบไปแดกหมดแล้วมึงจะอด” – ผมพูดเสียงดังมาก ๆ พูดไปก็มองไอ้สองคนนั้นที่นั่งอยู่หน้าห้อง





หลังจากที่ผมพูดจบซักพักต่ายก็เดินเข้ามาหาผม
“ใหญ่ แกทำอย่างงี๊ทำไม” - ต่ายถามผม
“เราทำไรล่ะ”
“เรื่องเดช”
“ก็ไม่มีอะไรจะคุยกับมันนี่หว่า”
“มันมาปรึกษาเรา ว่าทำไมแกไม่คุยกับมัน” – ต่ายออกแนวเป็นห่วงเดชเล็ก ๆ
“แกห่วงมันเหรอ”
“ก็เปล่าหรอก ตอนนี้เรากับมันก็เป็นเพื่อน แล้วเพื่อนกับเพื่อนไม่คุยกัน เราก็ไม่สบายใจ”
“ก็ต่ายไม่ลองถามมันดูล่ะ ที่ว่ามันไม่คุยกับเราก่อน เพราะอะไร”
“มันบอกว่า ก็แกไม่คุย”
“เราคุยกับมันก่อนนะต่าย แต่ว่าตอนนั้นน่ะ ทำไมไม่คุยกับเรา”
“มันบอกว่า มันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“อืม งั้นเราก็คงบอกได้ว่า เราเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“มันเครียดมากเลยนะใหญ่” - ต่ายยังคงแสดงความเห็นใจให้เดช
“แล้วทีเราล่ะ มันเคยคิดบ้างป่ะ”
“เราไม่รู้นะว่ามันทำไรแกไว้ แต่แกจะยกโทษให้มันได้ป่ะ”
“ขอไม่ตอบตอนนี้แล้วกันนะต่าย”
.
.
.
.
ตอนเย็นหลังเลิกเรียน
“ใหญ่ ใหญ่ รอด้วย” – ไอ้เดชเรียกผม ผมแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
“..............”
“ไอ้ใหญ่ แฮ็ก ๆ  ๆ ” - มันคงเหนื่อยจากการวิ่งตามผม
“มีธุระอะไรกับเรางั้นเหรอ” – ผมถามเสียงเรียบ ๆ
“จะไปไหนเหรอ”
“ธุระ”
“ธุระอะไรล่ะ”
“ธุระส่วนตัว” - พูดเสร็จผมกำลังจะเดินหนี
“แกเป็นอะไรวะ”
“ไม่นี่ ไม่ได้เป็นไร”
“แล้วแกทำอย่างงี๊ทำไม”
“เราทำอะไรเหรอ”
“ไหนบอกว่าเราจะเป็นเพื่อนกันไงล่ะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
“เหรอ เหมือนว่า...เราจำไม่ได้”
“เพราะ............”
“แกทำอย่างงี๊กับเราก่อนนะ”
“เราขอโทษ ไม่รู้ตอนนั้นเราเป็นอะไร เราสับสน เหมือนว่า บางที.......เราเองก็เหมือนจะรักเพื่อนอย่างแกมากเกินไป”
“เหรอ”
“แกจะให้อภัยเพื่อนคนนี้ได้ป่ะ”
“แกไปคิดดูดี ๆ ก่อนละกันนะ บางที คนอย่างเราไม่สมควรจะเป็นเพื่อนแกหรอก ไม่สมควร จริง ๆ”
“เอ่อ..............”
“ขอตัวก่อนนะ” – ผมเดินออกจากตรงนั้นทันที





ผมเสียใจมากที่พูดอย่างงั้นออกไป แต่อย่างน้อยสิ่งที่ผมอยากให้มันรู้ก็คือ ช่วงที่มันทำกับผม อยากให้รู้ว่าผมรู้สึกยังไง แม้ว่ามันอาจจะไม่เท่ากับที่ผมรู้สึก เพราะมันไม่ได้รักผม แต่ผมรักมัน

และสิ่งที่ผมทำ ก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมคุยกับมัน เพราะหลังจากวันนั้น เราสองคนก็เหมือนคนที่ไม่รู้จักกัน ยอมรับว่าช่วงนั้นผมร้องไห้บ่อยมาก บอกตัวเองทุกครั้งว่าพอแล้ว พอซักที แต่พอเห็นหน้ามันอีกครั้ง ผมก็ทำใจไม่ได้ เดินก้มหน้าก้มตา แล้วก็เก็บเอามาคิดมากคนเดียว

คาบเรียนวิชาคณิตศาสตร์
“เป็นไรใหญ่” - ต่ายถาม
“..............”
“เป็นไร เงยหน้ามาหน่อย” – ต่ายคะยั้นคะยอ ผมเงยหน้ารับคำ
“เปล่า เราไม่ได้เป็นไร” – นัยน์ตาผมแดง สายน้ำไหลออกจากตา
“ใครทำไรแก”
“เปล่า”
“บอกเรามาดิ”
“แกจะไปทำไรได้วะต่าย”
“ได้สิ เราจะไปบอกมันเอง”
“บอกอะไร”
“ทำไมใหญ่ ทำไมแกต้องทำอย่างงี๊”
“เราทำไร”
“แกร้องไห้เพราะเดชใช่ไม๊”
“ใช่ต่าย”
“แล้วทำไมแกไม่คุยกับมันซักที”
“ให้มันจบเหมือนตอนเริ่มต้นเถอะ จะได้ไม่หลงทางอีก”
“...............”




แล้วการเรียนในระดับชั้น ม.5 ก็ใกล้จะสิ้นสุดลง ด้วยการเลือกประธานคณะสี เพื่อทำงานให้กับคณะสีในปีหน้า ซึ่งผมเองอยู่สีเขียว ไอ้เดชอยู่สีฟ้า ต่างคนต่างก็ได้รับเลือกในการเป็นประธานทั้งคู่ วันที่เรียกประชุมประธานคณะสีที่ห้องคณะกรรมการนักเรียนวันแรก ซึ่งเป็นวันที่ยังไม่ปิดเทอม ม.5 เลย เราใช้ห้องคณะกรรมการนักเรียนในการประชุม (โรงเรียนนี้ถือว่า ประธานคณะสีจะต้องเป็นคณะกรรมการนักเรียนไปโดยบริยาย)

ผมเดินเข้าไปห้องคณะกรรมการนักเรียนตามปกติ ซึ่งห้องนั้นผมก็รู้จักกันดี

“มารับตำแหน่งเหรอ” - พี่ส้มเจ้าเก่าแซว
“ตำแหน่งไร ผู้มาสายแห่งชาติอ่ะดิ”
“รู้ตัวด้วยเหรอว่าสายน่ะ”
“ไอ้ยอมันยังไม่มาเลยพี่” – ผมหาข้ออ้าง ไอ้ยอมันเป็นคณะกรรมการเช่นเดียวกับผม และมันก็ได้รับเลือกเป็นประธานสีแสดด้วย
“ไปนั่งกับเพื่อนมึงเลยป่ะ มันมานั่งนานแล้ว” – พี่กลอ์ฟบอกให้ผมไปนั่งกับไอ้เดช ผมเห็นมันเองก็มองหน้าผมเช่นเดียวกัน
“เดี๋ยวผมไปห้องน้ำก่อนนะ ไปตามไอ้ยอมัน”
“ไม่ต้องเลย เดี๋ยวแกก็หายไปอีก ประชุมไม่ได้” – พี่ส้มดักทาง กลัวผมชิ่ง
“พี่เดี๋ยวผมไปเก็บของผมมุมโน่นก่อนนะ” – ผมบอกกับพี่ส้ม ในเมื่อผมหาข้ออ้างไม่ได้ ผมก็อยู่ในห้องนั้นนั่นแหล่ะ แต่อยู่ด้วยกันคนละมุม

แล้วก็เริ่มประชุมกันซักที โดยที่ผมกับมันไม่พูด แม้แต่จะมองหน้ากันก็ยังไม่ทำ จนจบการประชุม เราก็ไม่ได้พูดอะไรกัน

จน ม.6 ครั้งสุดท้ายที่ต้องเจอกัน ก็คืองานกีฬาสี ที่ ม.6 จะต้องส่งท้าย แต่ละสีต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเอง ส่วน ม.6 เองก็ไม่ได้ทำอะไรมาก นอกจากประสานงาน และก็เป็นหน้าที่ประธานสีอย่างผมที่จะต้องไปดูแลกิจการงานต่าง ๆ


พอถึงวันแข่งกีฬาสี ประธานแต่ละสีจะต้องถือธงประจำสี แล้วก็เดินสวนสนามแฟนซีกันอย่างสวยงาม และก็มีตอนที่จะต้องให้ประธานสีแต่ละสีมารวมกันตรงกลาง แล้วก็กล่าวคำปฏิญาณ ว่าข้าพเจ้าเป็นนักกีฬาสมัครเล่น อะไรประมาณนั้นน่ะ  แล้วด้วยตำแหน่งอะไรก็ไม่รู้ ผมเองก็ต้องยืนติดกับไอ้เดช

แต่ผมก็ไม่มองหน้ามันหรอก ผมไม่กล้าขนาดนั้น








จนกระทั่งวันสุดท้ายของ ม.6 ผมก็ไม่เห็นมัน แม้แต่เงา


1 ปีกว่า ๆ ที่ผ่านมา ผมไม่เคยลืมแม้แต่วันเดียว แต่ทำไมก็ไม่รู้ คำว่า “ขอโทษ” จากปากมัน ผมเองก็ยังไม่เคยได้ยินเลยจากมัน แม้ว่าผมเองก็รอให้มันมาพูดกับผมตรง ๆ แต่มันก็ไม่ทำ ไม่รู้เพราะผมหรือมันที่ไม่กล้า

ช่วงเวลาสุดท้ายที่เราจะได้เป็นเพื่อนกัน ผมก็ยังทำไม่ได้  เพราะทิฐิของผมเอง





ห้องผมจบ ม.6 ต่างก็แยกย้ายกันไปเรียนตามคณะที่ตัวเองไฝ่ฝัน ผมเองก็สอบเอ็นเข้ามหาลัยของรัฐชื่อดังแห่งหนึ่งได้ ส่วนต่ายก็ไปเป็นวิศวะกรหญิงรั้วเหลืองแดง ไอ้ไม้ก็เตร็ดเตร่แถวมหาลัยใกล้บ้านมัน ส่วนไอ้เดช เท่าที่มีคนบอกมา ก็เข้าไปเรียนวิศวะลาดกระบัง สรุปแล้วมันก็ทำตามความฝันของมันได้ ส่วนเพื่อน ๆ ห้อง 8 ผมไม่รู้ข่าวของใครอีกเลย




ทุกคนต่างก็มีความฝันเป็นของตัวเอง บางครั้งก็อาจจะมีความรัก ความสุข ความเศร้า ความเหงาในวัยเรียนบ้าง แต่เมื่อโตขึ้น ก็จะรู้เองว่าสิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร บางครั้งมาลองนั่งนึกเรื่องราวเก่า ๆ ที่เคยเกิดขึ้นตอนนี้ ก็ยังคิดว่าตัวเองอยู่ ว่าทำไมตอนนั้นไม่คุยกับมันวะ ทุกอย่างจะได้จบ ปล่อยให้ทิฐิครอบงำอยู่ได้  แต่ก็อย่างว่านั้นแหล่ะคับ ตอนนั้นเป็นวัยรุ่น คึกคะนอง ความคิดความอ่านอะไรก็คงไม่เข้าที่หรอกคับ มามองตอนนี้ ก็กว่า 6 ปีแล้ว

“เดช แกยังคงเป็นเพื่อนรักของกูเสมอ”



------------------------------------
ขออุทิศเรื่อง รักดั่งเส้นขนาน ให้กับเพื่อน ๆ ทุกๆคน ที่มีตัวตนอยู่ในโลกของความจริง แม้เขาจะไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ที่ถูกนำมาแต่งเป็นนิยาย แต่ขอบอกไว้ว่า ทุกครั้งที่เรานัดเจอกัน ผมก็ยังคงคิดถึงเรื่องนี้เสมอ เพราะมันเป็นประสบการณ์ และความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิตของผม
-------------------------------

ปล. กำลังคิดว่าอาจจะมีตอนพิเศษ ดีป่ะคับ แต่คงไม่ยาวมากนักนะคับ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 49 [05-11-08]:จบแล้วคับ(อาจมีตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 06-11-2008 00:17:42
 :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 49 [05-11-08]:จบแล้วคับ(อาจมีตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 06-11-2008 00:32:56
เอามาลงเถอะ  ตอนพิเศษ  ถึงจะไม่ยาวก็เอามาลงนะ

อยากอ่าน

จบไปแล้วความรักของใหญ่กับเดช

แล้วความรักปัจจุบันล่ะ เป็นยังไงบ้าง

มาบอกเล่าเก้าสิบบ้างนะ 

หรือจะเป็นเรื่องใหม่เลยก็ได้

 :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 49 [05-11-08]:จบแล้วคับ(อาจมีตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 06-11-2008 10:07:26
+1 ให้ไปเป็นของขวัญกับการจบลงอย่างสวยงามของเรื่องเล่าที่น่ารักและน่าจดจำอีกหนึ่งเรื่อง ตอนแรกหวั่นๆว่าจะได้เสียน้ำตาให้แล้วนะเนี่ย (แค่ซึมๆที่ขอบตา ไม่ว่ากันนะจ๊ะนู๋ใหญ๋  :t2: )  เออเนอะ กลับไปคิดถึงสมัยอยู่มัธยม บางทีเราก็ทำอะไรแบบไม่ทันคิด ตัดสินใจอะไรด้วยอารมณ์แบบนี้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าตอนนี้ใหญ่เจอกับเดชและพูดคุยกันเหมือนเมื่อก่อนได้หรือยัง ยังไงมิตรภาพก็เป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตนะ

ว่าแต่ หัวหน้าห้องคนนั้นนี่ตกลงยังไงอะ โทรหาทุกวันช่วงเข้าค่ายเลยเหรอ มาหยอดขนาดนี้ตกลงตานี่คิดไรปะเนี่ย  :m13: (ลุ้นเว้ยลุ้น)

ตอนพิเศษก็อยากอ่าน เรื่องใหม่ก็น่าสน เอาเรื่องเพื่อนอีกคนที่เพิ่งไปเคลียร์กันมาดีมะ หรือเขียนเรื่องแต่งมั่งดี ว่าแต่เอายังไงก็ได้ มาลงเร็วๆละกันป้ารออ่านจ้า

รักคนเขียนเน้ :man1:

หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 49 [05-11-08]:จบแล้วคับ(อาจมีตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 06-11-2008 14:10:50
เส้นขนานคู่นี้  เหมือนว่าช่วยกันสร้างขึ้นมาไงไม่รู้อะ

ทั้งๆ ที่มันจะบรรจบกันได้อยู่แล้วเชียว

เฮ้ออออ

ชอบคุณสำหรับเรื่องราวที่เล่ามานะครับ

 :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 49 [05-11-08]:จบแล้วคับ(อาจมีตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 06-11-2008 22:12:07
 :m23:
ตอนพิเศษคิด plot แล้วคับ ไม่ยาวมาก แต่ว่า ยังไม่ได้พิมพ์เลยคับ
ดังนั้นประมาณ 1 สัปดาห์น่าจะได้อ่านกันนะคับ

ขอบคุณทุกท่านที่เป้นกำลังใจกับเรื่องนี้นะคับ โอกาสหน้า(ไม่มีกำหนด)คงจะได้แต่งเรื่องใหม่ แต่ว่าแนวไหน ลุ้นเอานะคับ
 :bye2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 49 [05-11-08]:จบแล้วคับ(อาจมีตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: crazykung ที่ 06-11-2008 23:28:26
มันก็ ยังงี้แหละ ม.ปลาย

พอเราทำตามความฝัน และก้าวเดินต่อไป

สิ่งที่เรา ทำไว้คิดย้อนหลัง ก็มีคำถามเต็ม ไปหมด ว่าทำไมไม่ทำยังงั้น ยังงี้

ขนาดป๋มยังไม่ จบ ม.ปลาย ยัง คิดก่าตัวเองทำไม ตูไม่เรียนให้ดีกว่านี้วะจได้สบายกว่านี้  :เฮ้อ:

เรื่องนี้ให้ข้อคิดได้หลากหลาย ดีงับ ชีวิต วัยใส คิคิ

รอตอนพิเศษคับ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 49 [05-11-08]:จบแล้วคับ(อาจมีตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 07-11-2008 15:37:37
มันเป็นการจบที่อึมครึมและ เป็นสิ่งที่ค้างคา แต่ก็อย่างว่า แค่อีโก้คำเดียวที่ทำให้เรื่องนี้ไม่สามารถจบลงด้วยคำว่าเข้าใจ และจากกันด้วยดี
การจากลากันในลักษณะแบบนี้มันจะเป็นหนามที่คอยยอกในใจตลอดเวลา

แต่ก็ขอบคุณอีกครั้งสำหรับเรื่องราวที่ชวนให้ติดตาม ยอมรับประทับในเรื่องนี้มาตลอด ตั้งแต่ต้นจนจบ
ขอบคุณอีกครั้ง
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนที่ 49 [05-11-08]:จบแล้วคับ(อาจมีตอนพิเศษ)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 08-11-2008 11:50:32
 :ped149:  :ped149:  :ped149:

ใหญ่หายไปหนาย รอตอนพิเศษอยู่เน้ออออ ~
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนพิเศษ:จบแล้วจริงๆคับ
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 11-11-2008 22:24:40
ตอนพิเศษ
 :m4:

ตึ่งๆๆ ตึ่งๆๆ (เสียงโทรศัพท์)
 “สวัสดีครับ” – ผมรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล”
“ใครล่ะครับ” – ผมถามปลายสาย
“เดาสิจ๊ะ”
“รู้ว่าเป็นผู้หญิง แค่นั้นแหล่ะ”
“ไม่คิดจะเดาต่อเหรอจ๊ะ”
“ไม่เดา จะบอกป่ะ ไม่บอก แค่นี้นะ”
“ต่ายเอง”
“ก็แค่นั้น”
..
..
..
..
..
“หา ต่ายห้อง 6ใช่ป่ะ”
“ใช่สิจ๊ะ แหม ให้เดาก็ไม่เดา”
“เป็นไงมั่งอ่ะแก” – ผมเริ่มถามสารทุกข์สุขดิบ
“อยากรู้เหรอจ๊ะ”
“ไม่ก็ได้นะ เล่นตัวเหมือนตอน ม.ปลายเลย” – ผมเริ่มระอา ต่ายไม่เปลี่ยนไปเลยจริง ๆ
“แหม ก็กะว่าจะโทรมาถามว่าคืนวันพรุ่งนี้ว่างป่ะ”
“ว่างแหล่ะ ทำไมเหรอ”
“ไปเที่ยวกัน”
“เอาสิ ที่ไหนล่ะ”
“สลิม RCA สะดวกป่ะ”
“ได้ๆ กี่โมงล่ะ”
“สามทุ่ม โดยประมาณ เอาแฟนมาด้วยก็ได้นะ”
“ยังไม่มีเลยว่ะต่าย ว่าแต่แกเหอะ ผ่านไปกี่คนแล้ว”
“20”
“จริงเหรอ”
“ไอ้บ้า ฉันล้อเล่น ตอนนี้เพิ่งจะโสด”
“แสดงว่าเพิ่งเลิกกับแฟน แล้วก็มาชวนเพื่อนไปกินเหล้า” – ผมเบรกต่าย เพราะรู้ทัน
“ใช่เลย”
“ใครไปมั่งล่ะ”  - ผมถาม
“ก็พวกใหม่อ่ะ แล้วก็ไอ้ไม้”
“โอเค” – อย่างน้อยผมก็มีไอ้ไม้ลากกลับบ้านล่ะวะ
“เจอกันพรุ่งนี้นะจ๊ะ”

ผมล่ะแปลกใจ เพราะปกติหลังจากจบ ม.ปลายมา ผมได้คุยโทรศัพท์กับต่ายแค่ 2 ครั้ง แล้ว 2 ครั้งนั้นก็เอาเบอร์บ้านโทรมาด้วย โดย 2 ครั้งนั้นเป็นการโทรมาหาผมเพื่อนัดติวหนังสือกัน เพราะผมเก่ง (ไม่ค่อยหลงตัวเองเลย เหอๆ :m23:) แล้วก็หายไปประมาณ 3 ปี จนผมเรียนจบแล้ว รับปริญญา ก็ไม่เจอกัน จนวันนี้แหล่ะ

คิดไปคิดมาทำไมไอ้ไม้มันไม่โทรชวนผมวะ

ตึ่งๆๆ ตึ่งๆๆ (เสียงโทรศัพท์)
“ว่าไงมึง ตายยากฉิบ” – ผมรับโทรศัพท์
“บ่นไรถึงกูล่ะ” - ไอ้ไม้ถาม
“ก็เปล่า กำลังคิดถึงพวกมึง” – ผมก็โกหกเก่ง ไม่เลิก
“สัด อย่ามาโกหก กูรู้”
“โทรมามีไรวะ แดกเหล้าเหรอ” – ผมรู้แล้วแหล่ะ แค่จะแกล้งมัน
“รู้ได้ไงวะ”
“กูมี six sense”
“อย่ามามั่วนิ่ม ใครโทรบอกมึงล่ะ”
“มึงว่าใครโทรบอกกูล่ะ”
“ไอ้บอย”
“ต่ายโทรบอกกูโว้ย” - เหมือนมีชัยชนะเหนือไอ้ไม้ยังไงไม่รู้
“เอาเหอะ จะบอกว่า 3 ทุ่มนะมึง ไปด้วย มึงน่ะไม่ค่อยจะไปเลย”
“เออ มีคนโทรชวนตั้งสองคน ไปอยู่แล้วล่ะน่า”
“แล้วต่ายบอกอะไรถึงกูป่ะ”
“ไม่นี่”
“เออ เอาไว้เจอกันนะมึง”

ปกติแล้วผมไม่ใช่คนที่เที่ยวบ่อย ๆ หรอกคับ นานนานที ถ้าทนแรงตื้อไม่ไหว ก็ออกไปเองแหล่ะคับ แต่งานนี้คงพลาดไม่ได้ มันก็เหมือนเป็นงานรวมรุ่นห้อง 6 เลย แต่แค่ไม่ได้นัดกันที่ร้านอาหาร แต่ไปร้านเหล้าเลย

เมื่อถึงเวลาผมก็แต่งตัวสไตล์เดิม ๆ ก็คือเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ ใส่แว๊กซ์นิดหน่อย หล่อแล้วคับ พร้อมที่จะไปออกหาเหยื่อ ที่เผื่อจะได้มาบ้าง(ในผับทั่วไป)

ถึงหน้าร้าน ผมโทรหาต่าย

“อยู่ไหนอ่ะ” - ผมถามต่าย
“อยู่ตรงไหนล่ะจ๊ะ”
“ตรงทางแยกระหว่างโซนเล่นสดกับโซนเปิดเพลงป่ะ”
“เออเดี๋ยวไปรับ”
..
..
..
“ต่าย”
“ใหญ่ ไม่เจอกันนาน ผอมลงไปเยอะเลย”
“เรียนหนักอ่ะ”
“ดูแลตัวเองมั่งนะจ๊ะ”
“อ่ะนะ ใครมาแล้วมั่งอ่ะ” - ผมเปลี่ยนคำถาม
“ก็ค่อย ๆ ทยอยมา”
“อืม”

ต่ายพาผมเดินไปที่โต๊ะ แล้วสิ่งที่ผมเห็นตรงหน้าก็คือ เพื่อนๆ ห้องผม พวกไอ้ไม้ยังมาไม่ครบกัน ว่าง่าย ๆ วันนี้เราสามารถรวมตัวกันได้เกือบ 20 คนทีเดียว

แต่สิ่งที่ผมเห็นหลังจากนั้น เป็นพวกไอ้เดช และกลุ่มคนจากห้อง 8 ที่ไปเที่ยวที่ชุมพรคราวนั้นแทบทั้งสิ้น แต่ไอ้เข้มไม่มา (ไม่ได้ถามว่าทำไม)

“ไอ้ใหญ่เป็นไง” - ประโยตแรกจากไอ้เดช
“ก็ดี แกล่ะ”
“ก็สบายดี”
“อืม”

“ตอนนี้ทำงานไรอ่ะใหญ่”
“เรียนต่อว่ะ”
“ขยันเนอะ เหมือนตอน ม.ปลายเลย”
“ไม่หรอก แล้วแกล่ะ ทำไรอยู่”
“เป็นวิศวะกรอ่ะ”
“ดีใจด้วยว่ะ ฝันมึงเป็นจริงแล้ว”
“มึงยังจำได้”
“ใช่”
“มึงจำไอ้พวกนี้ได้ป่ะ” - ไอ้เดชก็ชี้ไปที่ไอ้พวกข้างหลังที่ยืนกันสลอน
“ได้มั้ง”
“ไอ้เต้ไง แล้วนี่ก็ไอ้เอก สองคนนี้ไอ้บอลกับไอ้โส”
“ว่าไงวะ” - ไอ้โสทักขึ้น
“สบายดีว่ะ”
“ผอมไปเยอะเลยนะ เรียนหนักเหรอ”
“ประมาณนั้น”
“ทำงานไรล่ะ”
“เรียนต่อว่ะโส”
“จบเร็วๆนะ” – ไอ้โสเอามือตบไหล่ผม 2 ที
“แล้วแกทำไรอยู่วะ”
“ก็เรียนMBA น่ะ ว่าจะไปช่วยที่บ้าน”
“เออก็ดี”
“ไอ้ใหญ่ไม่ทักกูเลยนะ” – ไอ้เต้เริ่มค้อน ผมเริ่มถูกดึงออกห่างจากเพื่อนห้องผมเรื่อย ๆ
“ใครจะกล้าลืมคนอย่างท่านล่ะครับ คุณชายเต้”
“แม่งแค่ผอม แต่ปากแม่งเหมือนเดิม”
“เออ กูยังปากดี แล้วสบายดีป่ะมึง”
“ก็ดีว่ะ”
“ช่วงนี้ทำไรอยู่วะไอ้เต้”
“รอเรียนจบ ปีสุดท้ายแล้ว”
“ที่ไหนวะ”
“หอการค้า”
“ทำไมมึงสูงกว่าเก่าวะ” – ผมเริ่มจะสนใจไอ้เต้
“กูหล่อขึ้นใช่ป่ะล่ะ”
“ใช่ มึงหล่อ กูชอบ”
“เห้ย อย่ามายุ่งกับกู” (ถ้ายังจำได้ ไอ้เต้เป็นคนเดียวที่รู้เรื่องผมกับเดช)
“กูไม่เอามึงหรอก ถ้าจะเอา กูเอาไปนานแล้ว ไปหาไอ้เดชโน่นป่ะ”



“ไปกับกูนอกร้านหน่อยดิ ในนี้คุยไม่รุ้เรื่อง” - ไอ้เดชลากผมออกไปคุย
.
.
.
“มึงเป็นไงบ้าง” - ไอ้เดชเปิดถามผมก่อน
“ก็สบายดี”
“แล้วตอนนั้นมึงเป็นอะไร”
“กูก็ไม่รู้ว่ะเดช”
“กูขอโทษละกัน ถ้ากูทำอะไร”
“ไม่เป็นไรว่ะเดช แล้วไปแล้ว ช่างมันเหอะ”
“ตอนนั้นกูเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าอยู่ดี ๆ ทำไมถึงไม่อยากคุยกับมึง”
“เดช กูมีเรื่องอยากบอกมึงว่ะ”
“อะไรล่ะ”
“ตอนนั้นกูชอบมึง”
“เหรอ กูน่ารักตรงไหนวะมึงถึงมาชอบกู”
“กูว่ามึงก็คงดูรู้ว่ากูไม่ชอบผู้หญิง กูพยายามให้มึงรู้ว่ากูชอบมึง กูทำทุกอย่า แต่มึงก็ไม่เคยรู้ หรือว่ามึงรู้”
“ตอนแรกกูก็ไม่รู้ แต่ตอนหลังกูเริ่มสงสัย หลังกลับจากทะเล กูเลยไปถามไอ้เต้”
“ถามตอนไหนวะ”
“ก็วันที่กลับจากทะเลมานั่นแหล่ะ”
“แล้วมึงถามอะไรมัน”
“กูถามมันว่า ไอ้ใหญ่มันเป็นอะไร เหมือนมันงอน ๆ กู”
“แล้วมันบอกว่าไง”
“มันบอกกูว่า มึงน่ะชอบกู”
“.................”
“ตอนนั้นกูตกใจ กูทำไรไม่ถูก กูเลยไม่ได้คุยกับมึง กูถึงบอกมึงไงว่ากูก็ไม่รู้เหมือนกัน แบบว่าไม่เคยมีคนมาชอบกู แล้วอีกอย่าง ก็เป็นเพื่อนที่กูรัก แต่กูรักมึงแบบเพื่อน ไม่ใช่อย่างอื่น”
“..............”
“แต่มึงก็ทำเหมือนมันไม่มีอะไร มึงพยายามทำให้เหมือนเดิม กูจำได้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กูกับมึงก็ยังคงเป็นเพื่อนกัน แต่สุดท้าย กูเองที่ผิดสัญญาที่ให้ไว้”
“ช่างมันเหอะเดช ผ่านไปแล้ว”
“แล้วกูก็คิด คิดว่าทำไม ทำไมกูต้องทำร้ายความรู้สึกของมึง กูกับมึงเป็นเพื่อนกัน กูก็เลยพยายามจะไปคุยกับมึง”
“..................”
“แต่มึงก็ไม่คุยกับกูอีกแล้ว มึงทำให้ทุกอย่างมันจบเหมือนตอนเริ่มต้น เหมือนเราไม่รู้จักกัน มึงเชื่อป่ะว่าตอน ม.6 เวลากูเดินผ่านห้องมึง กูก็อดไม่ได้ที่กูจะมองมึง ไม่ใช่เพราะกูชอบมึงนะ แต่กูเป็นห่วงมึง”
“มึงมองต่ายมากกว่ามั้ง”
“ก็มองด้วยกันนั่นแหล่ะ กูเคยหวังว่ะตอนกีฬาสีเราได้ทำงานร่วมกัน จะได้คุยกันบ้าง แต่มึงก็ไม่คุยกับกู กูอยากเคลียร์กับมึงก่อนจบ ม.6 แต่มึงก็ไม่เปิดโอกาสให้กู”
“....................”
“มึงเชื่อป่ะ ว่าชีวิตนี้ กูไม่เคยโกรธใครที่เป็นเพื่อนรักกู และกูไม่เคยทำให้ใครโกรธ มึงเป็นคนแรก กูก็ไม่สบายใจ กูจะโทรไปหามึงตั้งหลายครั้ง แต่กูก็ไม่กล้า”
“เดช เอาเป็นว่า ทุกอย่างที่เคยผ่านมา ทั้งเรื่องที่กูชอบมึง กูโกรธมึง กูทำให้มึงไม่พอใจ กูขอโทษ”
“ใหญ่”
“อะไรเหรอ”
“มึงหายโกรธกูแล้วใช่ป่ะ”
“เออ เอ๊ะไอ้นี่”
“จริงๆ วันนี้กูก็รู้ว่าพวกมึงจะมา กูก็เลยมา กะว่ามาสนุกกับเพื่อนห้องมึง”
“ก็เอาดิ ไม่ว่ากันอยู่แล้ว”
“ปกติมึงออกเที่ยวบ่อยป่ะวะใหญ่”
“ไม่ค่อยนะ กูเรียนเยอะ นานนานทีถึงออกมา”
“ดูแลตัวเองด้วยนะมึง ผอมแห้งกว่าตอนนั้นเยอะเลย”
“เดช”
“อะไรเหรอ”
“กูขอกอดมึงหน่อยได้ป่ะ แบบว่า ยังไงล่ะ....”




ไม่ทันขาดคำ มันก็กอดผมก่อน

“ขอบใจมากใหญ่”
“เช่นกันเพื่อน”

“มีเบอร์ป่ะใหญ่ ไว้ชวนกินเหล้า”
“081- _ _ _ _ _ _ _”
“อันนี้ของกูนะ 08* - *******”
“เข้าไปในร้านเหอะ เดี๋ยวพวกมันถามหา” – ผมชวนไอ้เดชเข้าร้าน

ผมเองก็ไม่คิดว่าผมจะมาเจอกับมันที่นี่ เหมือนต่ายจงใจ หรือว่าบังเอิญกันแน่ แต่เอาเป็นว่า ความค้างคาตลอด 5 ปีของผม มันก็จบลงแล้ว ผมได้เคลียร์กับเดช สุดท้ายแล้ว มันก็ไม่มีอะไร จริงๆ

“ฮัลโหล” – ผมรับโทรศัพท์
“กลับไปตอนไหนวะ”
“เที่ยงคืนกว่า ๆ ว่ะ พรุ่งนี้มีงานพิเศษ เลยรีบกลับ”
“ไม่บอกกูเลยนะ”
“ขอโทษๆๆ”
“เออไม่เป็นไร วันหลังไว้ชวนกินเหล้าอีกนะไอ้ใหญ่”
“OK งั้นมึงไปหนุกหนานต่อเหอะ ฝากลาไอ้พวกนั้นด้วยนะ”
“ได้ๆ”
“อย่ากลับดึกล่ะ ฝันดีนะมึง ไอ้เดช”
“เช่นกัน ไอ้ใหญ่เพื่อนรัก”
----------------------------

จบบริบูรณ์แล้วครับ
 :m23:
เรื่องหน้ายังไงขอเวลาแต่งก่อนนะคับ แนวไหน ก็ยังคิดไม่ออก
ขอไปอ่านเรื่องอื่น ๆ ดูแนวทางการเขียนก่อนนะคับ ก่อนมาฝึกฝีมือในเรื่องถัด ๆ ไป

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านมากๆคับ
 :bye2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนพิเศษ:จบแล้วจริงๆคับ
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 11-11-2008 23:05:40
 :m12: แหม้ๆ เรียนจบแล้วหนูใหญ่เปิดเผยขึ้นนะ แต่ดีแล้วน่ารักดี โชคดีที่ยังได้เจอเดชและได้เคลียร์กันนะ จนป่านนี้ป้ายังตามหาคนที่ป้าจะเคลียร์ด้วยไม่เจอเลยอะ  o6

+1 ให้กับตอนพิเศษ แล้วจะรอติดตามเรื่องต่อไปนะจ๊ะ  :bye2:

:00210030:
   
ไปลอยกระทงด้วยกันม้ายยยยย ฮิๆๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนพิเศษ:จบแล้วจริงๆคับ
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 12-11-2008 08:24:47
กว่าจะได้รู้เรื่องกัน

ต้องใช้เวลายาวนานจริงๆ

อิอิ

แต่อย่างน้อย  ก็ได้บอกไปซะทีเนอะ  ว่าใหญ่ชอบเดชชช
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนพิเศษ:จบแล้วจริงๆคับ
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 12-11-2008 08:43:59
งี่แหล่ะ เวลามันเยียวยาได้ทุกสิ่งเน๊อะ ถือว่าจบแบบเคลียร์ ๆ
หมดปัญหาคาใจ
สบายใจที่ได้อ่าน ถึงไม่สมหวัง แต่อ่านแล้วก็ไม่สะเทือนในดี
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนพิเศษ:จบแล้วจริงๆคับ
เริ่มหัวข้อโดย: Silent_Y ที่ 12-11-2008 22:11:44
ตามซุ่มอ่านมานานแระ

อ่านตอนพิเศษ แล้วรู้สึกดีอ่ะ ในที่สุดก็ได้เพื่อนรักคืนมาเนอะ

+1 สำหรับมิตรภาพที่ยั่งยืน   :n1:

รอซุ่มอ่านเรื่องใหม่นะ แหะๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนพิเศษ:จบแล้วจริงๆคับ
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 15-11-2008 16:18:52
 :pig4: น้องใหญ่นะจ๊ะสำหรับเรื่องราวดีๆ
ถึงจะเป็นคนรักไม่ได้  แต่ก็ยังเป็นเพื่อนรักกันได้ก็ไม่เลวนะ
แอบสงสัยอ่ะ  ว่าที่ใหญ่เคยเล่าว่าไปเคลียร์กะเพื่อน ก็คือเดชใช่ป่ะ   :really2:
ถึงจะผ่านไปหลายปีกว่าจะได้ทำความเข้าใจกัน
แต่ก็คุ้มนะ  ถ้าได้เพื่อนรักคนเดิมกลับมา    o13
เป็นกำลังใจให้เสมอค่า   :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนพิเศษ:จบแล้วจริงๆคับ
เริ่มหัวข้อโดย: maabbdo ที่ 15-11-2008 16:55:38
 :เศร้า1: :เศร้า1:

จบซะแล้ว เศร้า

หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนพิเศษ:จบแล้วจริงๆคับ
เริ่มหัวข้อโดย: ||WiTHOuT_YoU|| ที่ 15-11-2008 22:15:58
 :really2: เพิ่งอ่านจบ หุหุ ดีแล้วที่สามารถกลับมาพูดคุยและทำความเข้าใจกันได้ ดีกว่าต้องค้างคากะความรู้สึกต่อไป ขอให้รู้สึกดีต่อกัน คงอยู่ตลอดไปนะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนพิเศษ:จบแล้วจริงๆคับ
เริ่มหัวข้อโดย: MonsterP ที่ 29-11-2008 18:41:30
เศร้าดีเนอะ  เฮ้อ น่าจะง้อกันได้สำเร็จเนอะ ทีใหญ่ เข้าไปทักตั้งหลายรอบ ที เดชทักไม่กี่ที ก็เงียบหายเลย เฮ้ออออ  :o12:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนพิเศษ:จบแล้วจริงๆคับ
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 01-12-2008 02:53:42
ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องประสบการณ์รักให้อ่านกัน

ถึงแม้ไม่สมหวัง แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำ

ขอให้เจอคนที่ใช่ไว ๆ นะจ้ะ

แล้วจะรออ่านผลงานต่อ ๆ ไปจ้า  :L2:

หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนพิเศษ:จบแล้วจริงๆคับ
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaelover ที่ 03-12-2008 09:59:37
นึกว่าจบไม่เคลียร์ซะอีก เรื่องนี้

ตอนแรกไม่กล้าอ่านกลัวเศร้า

แต่ก็ไม่เศร้าเท่าไหร่ รักครั้งแรก กับเพื่อนสนิท

คงเป็นพรมลิขิตละมั้ง อยากน้อยก็เข้าใจกัน เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

แล้วจะตามอ่านเรื่องต่อไปนะค่ะ

******************
ขอบคุณค่ะ  :กอด1:

หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนพิเศษ:จบแล้วจริงๆคับ
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 29-01-2009 01:38:37
มาตามอ่านตอนจบ

หลังจากหายไปนานนน

และแล้วก็เข้าใจกันซะที่  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องเล่า รักดั่งเส้นขนาน ตอนพิเศษ:จบแล้วจริงๆคับ
เริ่มหัวข้อโดย: Nichdia ที่ 22-03-2009 23:46:36
อ่านจบภายในสองวัน

สนุกดีนะครับ

แบบว่า บางที ความรักที่ไม่สมหวัง

เมื่อมองกลับไปมันก้อให้ความสุขได้เหมือนกัน ^^ 
หัวข้อ: Re: รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 08-04-2013 21:47:40
ตอนนี้อยู่ช่วงตามอ่านเรื่องในเล้าอยู่
และเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่เศร้า
เพื่อนรักเพื่อน ไม่ว่าแบบไหนก็เศร้า
ไม่ว่าจะ ชช หรือ ชญ
แต่ผ่านมาตั้งหลายปีแระ
ตอนนี้ใหญ่คงพบคนที่ใจตรงกันแล้วล่ะ

อย่างไรก็ตามมีความสุขมาก ๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 12-04-2013 13:38:38
ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวดีๆนะฮ๊าฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: l6duh ที่ 13-06-2013 02:06:42
อ่านแล้วโดนเลย มันจี๊ดที่ใจเลย

เรื่องราวจะคล้าย ๆ กันเลยคือชอบเพื่อนคนหนึ่ง อยู่ห้องเดียวกันมาตั้งแต่ ม.1 เริ่มชอบตั้งแต่เรียนปรับพื้นฐานแต่จะเริ่มชอบจริงจังรู้สึกน่าจะเป็น ม.2 แต่อาจจะต่างกันตรงที่พยายามเข้าไปสนิทบ้าง อยากจะมีเพื่อนที่คอยรับฟังเรื่องที่เขาไม่สบายใจ ทำยังไงก็ได้ให้เขาสบายใจ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ชอบเรา พยายามให้ของไปบ้าง แต่ก็ดันขี้อาย ไม่กล้าเข้าไปคุยซะเอง แต่ก็มีความรู้สึกดี ๆ ไปจนกระทั่ง ม.ปลาย ก็ยังอยู่ห้องเดียวกันอีก ช่วงที่เขามีแฟนเป็นผู้หญิงเราก็เริ่มที่จะถอยห่างบ้างและ แต่ก็ยังไม่ได้ตัดใจไปหมดซะทีเดียว ถึงแม้เคยคิดอยากจะเป็นคนที่เขาจะนึกถึงเป็นคนแรกเวลาต้องการใครซักคนมารับฟังปัญหาของเขา แต่เราเองก็ดันไม่กล้าที่จะไปทำความคุ้นเคยกับเขาก่อน ก็เลยอยู่ห่าง ๆ ทั้งที่อยู่ห้องเดียวกันแท้ ๆ แต่เหมือนไม่ค่อยได้คุยกันเลย ห่างซะจนเริ่มคิดไปเองว่าเขาคงไม่อยากจะคุยกับเราล่ะมั้ง

เริ่มจะคิดไปเองคนเดียว จนช่วงนั้นเริ่มมีโลกส่วนตัวและมีอารมณ์หงุดหงิดง่ายแล้วเผลอไปพาลใส่ตอนที่อารมณ์ไม่ดี และก็ดันถือทิฐิเอาไว้ ไม่(กล้า)เข้าไปคุยทั้งที่อยากคุยใจจะขาด ด้วยทิฐิที่ตัวเองถือไว้ทำให้ไม่ได้คุยกันจนจบ ม.ปลาย ทั้งที่เราเองมีความรู้สึกชอบมาตั้งแต่ ม.ต้น เพิ่งจะมามีทิฐิก่อนจบ ม.ปลายแค่เทอมเดียวด้วยเพียงแค่อารมณ์หงุดหงิดกลับทำให้เราไม่ได้คุยกับเขาเลย ไม่เคยบอกเขาด้วยปากเปล่าด้วยซ้ำว่าเราชอบเขา เคยให้บอกเป็นทางอ้อมผ่านสิ่งของ,ข้อความ,อื่น ๆ และก็เขาก็น่าจะรู้แต่ก็ไม่ได้อะไรกับเรา

เศร้าเลย พออ่านเรื่องนี้แล้วมันกลับเข้ามาจี๊ดอีกครั้ง อย่างน้อยพี่ใหญ่ก็ยังโชคดีที่ได้บอกความรู้สึกนั้นไป รู้งี้น่าจะบอกบ้างดีกว่า 55555 แต่ก็นะ มันผ่านมาแล้ว ก็เก็บเอาไว้เป็นความรู้สึกที่ดี ขอบคุณพี่ใหญ่มากเลยนะครับที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของพี่ออกมา ถึงแม้จะมาขอบคุณช้าไปแต่ก็ขอบคุณครับ ^_^
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: evz ที่ 14-09-2013 16:14:50
อ่านจบแล้ว ขอบคุณคนเขียนมากๆค่ะ
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกลุ้นตามตลอดเพราะคยเขียนบอกว่ามาจากเรื่องจริง
อ่านแล้วจะให้ความรู้สึกว่าคงจะจบไม่เหมือนนิยายทั่วไปแน่ๆ
เป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุการ์หวือหวามากนัก แต่จะรู้สึกไปกับใหญ่ตลอดเวลาเพราะเราไม่มีทางจะรู้ความรู้สึกอีกฝ่ายได้เลยถ้าใหญ่ไม่รู้
ตอนที่ทั้งคู่ไม่คุยกันแล้วนี่ พอนึกย้อนไปก่อนหน่านี้แล้วแอบเสียดายที่ทั้งคู่เป็นแบบนี้ใส่กันทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็เป็นช่วงอวลาที่ดีแท้ คนเขียนเองก็คงเสียดายเช่นกัน
พอจบม.6ไปทั้งอย่างนั้นแอบสงสารใหญ่มากๆเหมือนหลายอย่างมันค้างคา แต่พอเห็นว่าได้กลับมาเคลียร์กันแล้วก็คุยกันได้อย่างเดิมแล้วก็ดีใจด้วยค่ะ  :mew3:
หัวข้อ: Re: รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 23-09-2013 02:44:23
ตอนจบ เหมือนจะจบดีน้า แต่ก็แอบเศร้าเล็กๆอ้ะ
หัวข้อ: Re: รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 14-11-2014 12:28:34
เฮ้อ ..... เศร้า  ขอบคุณนะครับ
หัวข้อ: Re: รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: top_fy ที่ 19-02-2017 11:57:25
อ่านจบแล้วขอบคุณมากๆครับ ปัจจุบันนี้ก็ขอให้มีความสุขมากๆนะครับพี  :mew1:
หัวข้อ: Re: รักดั่งเส้นขนาน
เริ่มหัวข้อโดย: DarkCat_BK ที่ 17-04-2017 20:43:19
พึ่งได้มาอ่านจนจบ เป็นมิตรภาพที่ดีนะคะดีใจด้วยที่ได้เพื่อนคนเดิมกลับมา ขอบคุณค่ะที่มาแบ่งปันประสบการณ์ดีๆให้ได้อ่าน ได้ข้อคิดมาบ้างแล้วค่ะ ^ ^ สุขแบบหน่วงๆ :pig4: