ถึงจะบอกว่าเป็นงานฉลองให้คณิตกับเขาก็เถอะ ปูนกลับมองว่าพี่ๆทั้งสองคนแค่อยากจะมาสนุกกันมากกว่า เพราะหลังจากเหล้าแก้วแรกหมดไปทั้งขิงแล้วก็โต้งต่างก็พากันแยกย้ายไปนั่งโต๊ะสาวๆนักศึกษาที่ตัวเองเล็งไว้ตั้งแต่ตอนที่เข้ามาแล้วปล่อยให้คู่รักป้ายแดงอยู่กันแค่สองคน
ปูนมองบรรยากาศที่ตัวเองไม่ได้สัมผัสมานานแล้วยิ้มอ่อน เขาไม่ได้รู้สึกดีใจเพราะมันหรอกหากแต่เป็นเพราะในที่แบบนี้การที่เขานั่งจับมือกับคณิตมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ร่างเล็กหันมามองหน้าคนข้างๆที่กลิ้งของเหลวในแก้วของตัวเองไปมาพลางฮัมเพลงสากลที่คุ้นหูไปด้วย
“ป๋า”
คณิตหลุดจากความคิดของตัวเองแล้วหันมาตามเสียงของปูน
“ดีใจไหม ที่เพื่อนป๋ารับได้”
ปูนไม่แน่ใจว่าควรถามเรื่องนี้ไหมแต่ก็เพราะว่าเขาดีใจมากเลยอดที่จะพูดมันออกมาไม่ได้ สำหรับเขาที่เป็นเกย์มาแต่แรกมันไม่ใช่เรื่องยากลำบาก เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคนอื่นจะรับได้หรือไม่ได้กับรสนิยมทางเพศของเขา แต่กับคณิตมันไม่ใช่ ปูนรู้ว่าคณิตต่างจากเขาไม่ใช่แค่การรักชอบเพศเดียวกันแต่ยังรวมถึงหน้าตาทางสังคมที่มีมากว่าคนอื่น
“ดีใจซิ แต่ก็รู้อยู่แล้วว่าพวกมันต้องไม่ว่าอะไร เธอก็รู้นี่ว่าฉันเรียนอักษร ในกลุ่มเพื่อนของฉันก็เป็นแบบนี้อยู่หลายคน พวกไอ้โต้งมันไม่แปลกใจหรอก”
ร่างเล็กยิ้มน้อยๆแม้จะรู้ดีว่ากลุ่มเพื่อนที่คณิตพูดถึงคือใคร เขาซบหน้าลงบนบ่าของคนรักแล้วสูดเอากลิ่นกายหอมๆที่สร้างความมั่นใจให้เขาได้เสมอ
“ผมก็ดีใจเหมือนกัน”
เสียงฮัมเพลงของปูนช่างต่างกับบรรยากาศวุ่นวายโดยรอบ มันไม่ได้เพราะขนาดนั้นแต่คณิตก็สามารถจับถึงกระแสความสุขที่ไหลเวียนอยู่ในนั้นได้ ปูนเต้นไปรอบๆตัวเขาแล้วหันมายิ้มให้ในทุกๆท่อนที่มีคำว่ารัก คณิตก็ยิ้มกลับแม้ว่ามันจะไม่กว้างดังเดิมก็ตาม
เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมงทั้งโต้งและขิงที่ได้เบอร์สาวมาสต็อกเพิ่มกันคนละเบอร์สองเบอร์ก็กลับมานั่งที่โต๊ะด้วยท่าทางที่ไม่แสดงความเมามายให้เห็น และด้วยความที่เป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ดีปูนก็เริ่มคุยอย่างสนิทสนมกับเพื่อนของคณิตทั้งสองคนจนตอนนี้กลายเป็นว่าจากเดิมที่พวกเขาเคยนั่งอยู่ติดกัน ปูนก็เขยิบมานั่งใกล้ๆโต้งเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการชงเครื่องดื่มที่อีกฝ่ายสนใจอยู่ไม่น้อย ส่วนขิงก็นั่งอยู่กับคณิตแล้วคุยเรื่องการลงทุนที่ตัวเองเพิ่งได้ข้อมูลมา
“คนแม่งเยอะดีชิบหาย ไอ้คณิตตอนนี้กี่โมงแล้ววะ”
โต้งหันไปถามร่างสูงที่กำลังคุยกับเพื่อนอีกคนอย่างออกรสออกชาติ คณิตได้ยินอย่างนั้นก็หยิบเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาดูเวลา และเพราะการกระทำนั้นทำให้ปูนเพิ่งสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
“ป๋าไม่ได้ใส่นาฬิกาที่ผมซื้อให้หรอ”
ปูนมองข้อมือที่ว่างเปล่าของคณิตแล้วถามด้วยความสงสัย เด็กหนุ่มขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วหันไปหาร่างสูงเพื่อขอคำตอบแต่ทว่ามันกลับไม่มี...คณิตหยุดนิ่ง ไม่มีการชักข้อมือหนีหรือพูดแก้ตัวอะไรทั้งนั้น เขาแค่ไม่พูดแล้วปล่อยให้ความเงียบสร้างความสงสัยแก่ปูนต่อไป
“นาฬิกาอะไรหรอปูน”
โต้งถามเมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้น
“นาฬิกาข้อมือน่ะครับ ผมซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดป๋า แต่ว่า...”
ไม่ต้องอธิบายต่อคนฟังอีกสองคนก็พอจะเดาเรื่องราวได้ โต้งหันไปมองหน้าเพื่อน คณิตยังคงนั่งนิ่งแล้วจิบเครื่องดื่มในมือของตัวเองต่อไปอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ในขณะที่คนตั้งคำถามเริ่มถูกความไม่เข้าใจรุมเร้ามากขึ้นเรื่อยๆ
ร่างเล็กพยายามนึกย้อนถึงตอนก่อนหน้า เขาไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนว่าเมื่อเช้าคณิตก็ไม่ได้ใส่นาฬิกาที่เขาซื้อให้เหมือนกัน ถ้าจำไม่ผิดนาฬิกาที่อยู่บนข้อมือของคณิตเมื่อเช้าจะเป็นนาฬิกาเรือนเก่าที่หน้าปัดมันเป็นสีขาว...แล้วนาฬิกาของเขาไปไหน...ทำไมคณิตไม่ใส่มัน
“ป๋า...นาฬิกาของผมไปไหนหรอ”
“...”
“ป๋า...”
“มันคงไม่เข้ากับชุดมั้งปูน อย่าคิดมากเลย ว่าแต่มึงเมาแล้วใช่ไหมไอ้คณิต นั่งเงียบไม่ยอมตอบเลยนะสัด มานี่เลย มาล้างหน้าล้างตากับกูก่อน”
ขิงพูดแก้ตัวให้เพื่อนก่อนจะลากคณิตที่ถ้าประเมินทางสายตาก็ยังเดินได้มั่นคงดีให้ไปห้องน้ำด้วยกัน ปูนมองตามแผ่นหลังของคนรักไปอย่างไม่สบายใจ แต่เพราะถูกโต้งจับบ่าไว้เขาจึงตามไปไม่ได้
คณิตยังคงเงียบแม้ว่าคนที่เดินนำหน้าเขาอยู่จะถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่สาม แม้ทางที่พวกเขาเดินมาจะเป็นทางเข้าห้องน้ำแต่มันก็มีประตูเล็กๆที่สามารถทะลุออกไปข้างนอกได้ อากาศที่ปลอดโปร่งกว่าไม่ได้ทำให้ขิงโล่งใจเลยสักนิด เพราะสำหรับคนที่รู้จักคณิตมานานอย่างเขาและโต้งต่างก็รู้ดีว่าอาการที่เพื่อนแสดงออกไปเมื่อครู่มันผิดปกติมากแค่ไหน
“เอาล่ะ มึงเป็นอะไรว่ามาสิ”
ขิงเปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติในกลุ่มพวกเขา คณิตมองหน้าโต้งอยู่พักหนึ่งก่อนจะเดินนำไปยังม้านั่งที่ไร้ผู้คน ร่างสูงนั่งลงพร้อมกันนั้นก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าสีดำที่ไร้ซึ่งดวงดาว แต่มันก็ดีแล้วที่เป็นแบบนั้น...เพราะแค่นี้หัวเขาก็วุ่นวายจะแย่
“แค่สับสนน่ะ”
“สับสน? สับสนอะไร?”
“สับสนว่าตัวเองจะทำอะไรต่อไปล่ะมั้ง”
ขิงไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่แปลกเพราะคณิตก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน คำพูดของเมษาดังก้องอยู่ในหัว ภาพของนาฬิกาสองเรือนนั้น ของขวัญที่คาดไม่ถึงและเรื่องราวระหว่างเขากับปูนที่ผ่านมา...หรืออาจจะมีเรื่องที่เขาไม่เคยรู้ซ่อนอยู่อีก
“น้องมันทำอะไรหรอวะ”
ขิงสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเรื่องนี้คงมีสาเหตุมาจากปูน เพราะถ้าเรื่องมันเกิดเพราะตัวคณิตเอง เพื่อนของเขาจะไม่มีทางทำตัวแบบนั้น ยิ่งเฉพาะกับคนที่เป็นคนรักกัน การไม่พูดแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายคิดไปเองมันทั้งโหดร้ายและเลือดเย็นเสียจนเขานึกหวั่นแทน
“นั่นแหละที่เป็นปัญหา...เพราะกูไม่รู้ว่าปูนทำหรือไม่ได้ทำมันกันแน่”
“...?”
“ถ้าเขาไม่ได้ทำกูก็สบายใจ แต่ถ้าเขาทำกูก็คงโกรธ...แต่ก็จะหาย”
“เอ้า สรุปคือไม่ว่ายังไงมึงก็ไม่โกรธแล้วปัญหามันอยู่ตรงไหนวะ”
“ตัวกูเองล่ะมั้ง”
รอยยิ้มหยันถูกจุดขึ้นตรงมุมปาก ตั้งแต่เดินทางกลับมาจากโรงแรมของเมษาเขาก็เฝ้าถามตัวเองว่าจะทำกับเรื่องนี้ยังไง ไม่ใช่ว่าไม่รู้...เขารู้มาแต่แรกว่าปูนเคยทำอาชีพแบบไหน แต่เขาก็ค่อนข้างมั่นใจว่าตั้งแต่ที่ข้อตกลงระหว่างเขากับปูนเกิดขึ้นเด็กคนนั้นก็ไม่ได้ไปหลับนอนกับใครอีก
เขากอดปูนอยู่ทุกคืน...ทำไมจะไม่รู้
“มึงช่วยพูดอะไรที่เข้าใจง่ายๆหน่อยได้ไหมวะ แม่ง ไอ้นิสัยพูดงงๆของเด็กอักษรนี่มันน่ารำคาญจริงๆ นี่ขนาดมึงไม่หนักเท่าไอ้กาลกับไอ้นิลนะกูยังจะบ้า”
ชื่อของเพื่อนก๊วนอักษรสองคนถูกอ้างขึ้น เพราะแต่ไหนแต่ไรขิงก็ไม่ค่อยจะเข้าใจความคิดของเด็กคณะนี้สักเท่าไหร่
“ถ้าพูดง่ายๆก็...กูมันไม่มั่นคงเองล่ะมั้ง”
“...!!”
“กูรู้ว่าเขาไม่ได้ทำ กูคิดว่าตัวเองเชื่อใจเขา แต่พอมีอะไรมากระทบเข้าหน่อยกูดันรู้สึกแย่ซะได้...”
“แล้วมันแปลกตรงไหนวะ”
คณิตหันหน้ามาหาเพื่อนทันทีที่ขิงพูดจบ วิศวกรหนุ่มที่ไม่ละเอียดอ่อนแต่ตรงไปตรงมานั่งลงข้างๆเพื่อนแล้วพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด
“ถ้ามีคนมาพูดอะไรแย่ๆเกี่ยวกับคนที่เรารักให้ฟังเป็นใครก็ต้องรู้สึกแย่กันทั้งนั้น แล้วถึงจะบอกว่าเชื่อใจมันก็ไม่มีใครเชื่อใจกันได้ร้อยเปอร์เซ็นหรอก ขนาดตัวของเราเองบางทีเราก็ไม่อยากจะเชื่อในมันเท่าไหร่เลยถูกไหม”
“...”
“ใจคนนะเว้ย ไม่ใช่ภูเขา จะไหวบ้างเอนบ้างก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร ขอแค่พอรู้ตัวว่ากำลังไม่เชื่อใจเขาก็รีบปรับความเข้าใจแล้วกลับมาอยู่เคียงข้างกันเหมือนเดิมก็พอ”
ขิงยักคิ้วให้คณิตแล้วจุดบุหรี่ในมือของตัวเองขึ้นสูบ คราวนี้แม้ว่าจะไม่ชอบกลิ่นของมันเท่าไหร่คณิตกลับไม่ขยับหนีหนำซ้ำยังระบายยิ้มอ่อนออกมาราวกับว่าเมื่อครู่มีอะไรดีๆเกิดขึ้น
“มึงแม่ง พูดจาเท่ๆก็เป็นนี่หว่า”
“ดูถูกกันนี่หว่า นี่ใครครับๆ นี่พี่ขิงผู้ที่มีหัวใจเหมือนกับท้องทะเลนะครับ”
“เหมือนทะเล? ยังไงวะ เค็มเหมือนกันหรอ?”
“ไอ้เชี้ยนี่ มือมึงสิเค็ม กูหมายถึงหัวใจที่น่าหลงใหลของกูต่างหาก”
“หึ จะบอกว่าใจหล่อว่างั้น”
“เปล่า หัวใจกูมันไม่หล่อหรอก เหมือนกับทะเลนั่นแหละ ก็เพราะว่า...”
ขิงเก็กหน้าหล่อ เขาจี้บุหรี่ที่ยังไม่หมดมวนดีลงกับที่เท้าแขนของเก้าอี้ก่อนจะหันมามองคณิตด้วยสายตาที่ขิงเข้าใจว่ามันเท่ที่สุด
“ทะเลมันไม่สวยหรอก แต่มันรับฟังมึงได้ทุกเรื่อง”
“...”
“...”
“แดกเกลือผสมไอโอดีนบ้างนะมึง”
.
.
.
.
.
คณิตกับขิงไปเข้าห้องน้ำเป็นสิบนาทีแล้วแต่ก็ยังไม่กลับมา ปูนที่ถูกโต้งห้ามไว้ได้แต่ชะเง้อคอมองไปทางนั้น ดนตรีจังหวะเร็วๆไม่ได้ทำให้เขาบันเทิงอีกต่อไป เหล้าในแก้วก็ถูกละลายด้วยน้ำแข็งที่กลายมาเป็นน้ำจนดูไม่เหลือรสชาติ คนที่อายุมากกว่าถอนหายใจ เขาลูบแผ่นหลังเล็กของปูนเบาๆอย่างปลอบโยนพร้อมกันนั้นก็นึกเป็นห่วงเพื่อนตัวเองไปด้วย
“ใจเย็นๆน่าปูน เดี๋ยวมันก็กลับมา”
ถึงน้ำเสียงของโต้งจะฟังดูอบอุ่นและหนักแน่นแต่ปูนก็ยังไม่คลายความกังวลใจ ใบหน้าน่ารักง้ำงอ ทั้งน้อยใจและสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อยากจะทำตัวเอาแต่ใจเข้าไปเค้นความจริงจากคณิตดูบ้างก็ไม่กล้า ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนที่เขายังไม่รักร่างสูงมันก็ไม่เป็นไรหรอก แต่พอได้วางหัวใจลงไปในมืออีกฝ่ายแล้วจะทำอะไรก็กลัวไปซะหมด
“พี่โต้งว่า...ป๋าเขาโกรธอะไรปูนรึเปล่า”
ปูนกลั้นใจถาม แม้จะรู้ดีว่าโต้งเองก็คงไม่รู้คำตอบ คนที่โตกว่ามองเด็กชายที่ตกประหม่าแล้วหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆ อย่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้สิ ยังไม่มีใครว่าอะไรเราสักหน่อย”
“แต่ป๋า...”
“คณิตมันอาจจะแค่เหนื่อย มันวิ่งงานมาทั้งวันแถมยังโดนพวกพี่ลากมาเที่ยวที่นี่อีกคงล้ากันบ้าง เราก็อย่าคิดมากเลยนะ”
“ครับ”
ร่างเล็กรับปากแม้จะไม่คิดแบบนั้นเลยสักนิด เขาเริ่มหันกลับมามองเหล้าและมิกเซอร์บนโต๊ะแล้วลงมือชงเหล้าแก้วใหม่ให้กับคณิตแม้จะไม่รู้ว่าคนรักจะกลับเข้ามาเมื่อไหร่ แถมปูนยังใจดีชงเผื่อให้ขิงและโต้งที่คอยให้กำลังใจ แต่ส่วนของตัวเองปูนรู้สึกว่าเขาไม่อยากดื่มมันแล้ว
“นั่นปูนนี่ ปูนใช่ไหม”
เสียงทักของใครบางคนดังขึ้นขณะที่ปูนกำลังเลื่อนแก้วเครื่องดื่มที่ชงเสร็จเรียบร้อยแล้วไปให้โต้ง เด็กหนุ่มรู้สึกว่ามันฟังคุ้นหูแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินมันมาจากไหน เขาจึงหันไปทางนั้นก่อนจะนิ่งค้าง
“ใช่จริงๆด้วย ปูนนี่เอง”
“มะ มึง...”
โต้งเลิกคิ้วขึ้นเมื่อจู่ๆท่าทางของปูนก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ดวงตากลมเล็กที่ถึงแม้จะหม่นแสดงเพราะความเศร้าไปบ้างแต่ก็ยังคงสดใสอยู่เปลี่ยนเป็นเบิกค้างราวกับว่ากำลังตกใจสุดขีด แก้วของเขาที่อยู่ในมือของปูนสั่นจนเกิดเสียง เหงื่อกาฬเม็ดเล็กผุดขึ้นตามไรผมทั้งๆที่โต๊ะที่พวกเขานั่งมันอยู่ใกล้แอร์
ชายหนุ่มหันไปมองแขกไม่ได้รับเชิญที่น่าจะเป็นสาเหตุของอาการผิดปกติเหล่านี้ คนที่กำลังเดินมาดูแล้วน่าจะอายุไม่ห่างจากปูนเท่าไหร่ เป็นเด็กวัยรุ่นชายตัวสูงโปร่งผิวพรรณค่อนข้างดี ดูภายนอกแล้วไม่ได้โดดเด่นอะไรแล้วทำไมพอเห็นคนคนนี้ปูนถึงแปลกไป
“ไม่นึกเลยว่าจะมาเจอกันที่นี่ นึกว่าก้อยมันพูดเล่นซะอีก ว่าแต่ปูนไม่ได้เปลี่ยนไปเลยนะ...เคยน่ารักยังไงก็ยังน่ารักเหมือนเดิม”
โต้งรู้สึกว่าสถานการณ์ตรงหน้ามันไม่ดีเมื่อคนแปลกหน้าคนนี้เริ่มใช้คำพูดที่คุกคามปูนอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสิ่งยืนยันก็คือแววตาที่สั่นไหว มันมีทั้งความกลัว ความโกรธ และความรู้สึกบางอย่างผสมปนเปกันอยู่ในนั้นอย่างไม่อาจควบคุมได้แม้แต่ตัวของปูนเอง
“ปูนจะไม่ทักผมหน่อยหรอ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน หรือว่าลืมกันไปแล้ว”
“ออก...ออกไป...”
“ว่าไงปูน ยังจำผมได้ไหม”
“...”
“ยังจำเรื่องวันนั้นได้รึเปล่า”
“กูบอกให้ออกไปไงเล่า!!!”
ปูนหวีดร้องก่อนจะปัดแก้วใบที่อยู่ใกล้มือที่สุดตกลงพื้นจนเกิดเสียงดังไปทั่ว ทุกการเคลื่อนไหวรอบตัวหยุดนิ่ง ทั้งชายแปลกหน้าและโต้งไม่มีใครกล้าขยับยกเว้นเพียงแต่ร่างเล็กที่พยายามกลั้นน้ำตาของตัวเองจนตัวโยน โต้งที่ตั้งสติได้ก่อนรีบเข้ามาประคองปูนที่สั่นจนเหมือนกับว่าพร้อมจะล้มลงไปกองบนพื้นได้ทุกเมื่อ เขาตวัดสายตาไปมองชายอีกคนแล้วพูดด้วยเสียงกร้าว
“มึงออกไปซะ วันนี้ปูนคงไม่พร้อมคุยกับมึงหรอก”
“แล้วพี่เป็นใครวะ ทำไมต้องมาเสือกด้วย”
“ไอ้เด็กนี่!”
“อ่อๆ ผมรู้แล้ว”
ชายคนนั้นทำหน้าเหมือนกับเพิ่งเข้าใจอะไรบางอย่าง มันยกยิ้มหยันที่มุมปากพลางกวาดสายตามองไปยังปูนและโต้งสลับกัน ร่างเล็กที่ยังคงสั่นเดาออกว่าหมอนี่กำลังคิดอะไร...ไม่...อย่าพูดนะ
“ออกไป ออกไปสิ!”
“อะไรกันปูน ได้ลูกค้าใหม่แล้วลืมลูกค้ารายแรกอย่างผมเลยหรอ”
“...!!”
ปูนรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงบางอย่างแตก...ใช่แล้ว..มันคงเป็นเกราะบางๆในใจของเขาเอง ปูนสะบัดแขนของโต้งออกกแล้วตรงเข้าไปซัดหมัดรุ่นๆใส่ใบหน้าของหมอนั่นอย่างจังจนมันล้มลงไป ความโกลาหนเกิดขึ้นทุกทิศทางเมื่ออีกฝ่ายที่ตั้งตัวได้ไวจนน่าชมเชยลุกขึ้นมาต่อยสวนปูนกลับด้วยหมัดที่แรงจนร่างเล็กรู้สึกถึงรสเลือดเค็มปร่าได้แม้จะโดนเพียงครั้งเดียว
โต้งพอเห็นว่าปูนโดนต่อยก็เข้ามาช่วยจนกลายเป็นว่าพวกเขาทั้งสามคนกำลังตะลุมบอนกันอย่างไม่มีใครยอมใคร เสียงกรีดร้องและห้ามปรามดังมาจากทั่วทุกสารทิศ ปูนได้ยินเหมือนใครสักคนพูดว่าให้เรียกตำรวจแต่เขาก็ไม่สนใจ
“เชี้ยเอ้ย ไอ้โต้งพอ!”
ขิงที่วิ่งกลับเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงคนตะโกนว่าข้างในกำลังมีเรื่องตรงเข้าไปถีบช่วงท้องของคนที่กำลังถูกโต้งซัดหมัดใส่จนเต็มแรง พอแยกจากกันได้คนรอบช้างก็ตรงเข้ามาช่วยกันทั้งสองฝ่ายออกจากกัน โต้งกลายมาเป็นฝ่ายที่จับขิงไว้เพราะกลัวว่าเพื่อนจะเข้าไปซัดกับหมดนั่นอีก ส่วนปูนที่เป็นดั่งวัวสันหลังหวะก็ได้แต่ยืนนิ่งจนกระทั่งคณิตที่เพิ่งมาถึงกระชากเขามากอดด้วยความห่วงใย
“เป็นอะไรไหมปูน! เจ็บตรงไหนรึเปล่า!!?”
“ป๋า...”
เพราะเอ่ยปากพูดทำให้คณิตเห็นแผลที่แตกในช่องปากของปูนอย่างชัดเจน ไฟโทสะถูกจุดขึ้นข้างใน ร่างสูงปล่อยมือจากไหล่ของคนรัก เขาก้าวสามขุมเข้าไปหาคนที่ถูกนักท่องเที่ยวคนอื่นจับตัวไว้ คณิตกำหมัดแน่นพร้อมกับจ้องมองไปยังอีกฝ่ายด้วยดวงตาแบบที่ปูนไม่เคยเห็นมาก่อน แต่โต้งกับขิงรู้จักมันดี
“ไอ้คณิตอย่า!”
โต้งกับขิงรีบเข้ามาช่วยห้ามคณิตจนทำให้ที่หมัดของร่างสูงเฉียดแก้มของอีกฝ่ายไปจนคนดูเสียวแทน ปูนเองที่พอตั้งสติได้ก็รีบเข้ามาดึงคณิตไว้แล้วพยายามลากชายหนุ่มออกมาเพราะไม่อยากให้ทั้งสองคนเผชิญหน้ากันมากกว่านี้ เขากลัว...กลัวว่าคณิตจะรู้เรื่องที่เขาไม่อยากให้รู้จากปากของคนอื่น
“ป๋าไปกัน ขอร้อง...ไปกันเถอะ”
“มันทำร้ายเธอขนาดนี้เธอคิดว่าฉันจะยอมหรอปูน!!”
คณิตหันมาตะคอกใส่ปูนด้วยเสียงอันดัง แต่พอเขาเริ่มรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปก็เมื่อตอนที่หยดน้ำใสๆกลิ่งหล่นลงมาจากดวงตาของร่างเล็ก สติของคณิตเริ่มกลับมา เสียงกนด่าของคู่กรณีไม่ได้เข้าหูเขาอีกแล้ว โสตประสาทของร่างสูงมีเพียงภาพและเสียงร้องไห้ของปูนเท่าไหร่
“ขอร้อง ฮึก ปูนอยากกลับบ้าน”
“ปูน...”
“นะ พี่นิด ฮึก พี่นิดพาปูนกลับบ้านที”
ไม่ต้องรอให้พูดซ้ำอีก คณิตรีบถอดเสื้อคลุมของตัวเองมาใส่ให้กับปูนก่อนจะหันมาบอกเพื่อนอีกสองคนให้อยู่จัดการค่าเสียหายแทนเขา ชายหนุ่มพาปูนที่ยังร้องไห้ไม่หยุดไปที่รถแล้วขับมันออกไปโดยไร้ซึ่งความลังเลใดๆ จะมีก็แต่ความไม่เข้าใจ...และความเสียใจที่เขาปกป้องปูนไม่ได้
คณิตเป็นฝ่ายลงไปเปิดประตูรั้วเอง เขาขับรถเข้าไปด้านในแล้วจอดอย่างไม่เรียบร้อยนัก ร่างสูงรีบลงมาพยุงปูนออกจากรถก่อนจะพาเข้าไปในบ้านที่ทำให้ปูนรู้สึกปลอดภัยจนอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ปูนรั้งคณิตไว้ด้วยอ้อมกอดเขาไม่สนใจว่าตัวเองจะเจ็บขนาดไหน ไม่ต้องทำแผลก็ได้เพราะตอนนี้เขาต้องการแค่ความอบอุ่นของคณิตเท่านั้น
ความอบอุ่นที่บอกว่าคณิตยังอยู่กับเขา...
“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรแล้ว...อยู่ที่นี่จะไม่มีใครมาทำอะไรเธอได้อีก”
คณิตกล่อมพร้อมกับลูบแผ่นหลังของปูนเบาๆทำให้แรงสะอื้นค่อยๆคลายลงก่อนจะนิ่งไป ปูนหลับอยู่ในอ้อมแขนของคณิต ชายหนุ่มนึกแค้นคนที่ทำให้ปูนเป็นแบบนี้เพราะแม้แต่ใบหน้ายามหลับของคนตัวเล็กก็ยังคงโศกเศร้าและทรมานเสียจนเขาอยากฆ่าคนเป็นครั้งแรก ร่างสูงอุ้มปูนขึ้นไปบนชั้นสอง เขาจัดการเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ปูน ก่อนจะนำอุปกรณ์มาทำความสะอาดแผลในจุดที่พอจะทำได้ในตอนนี้ คณิตลูบใบหน้าบวมช้ำของปูนด้วยความรู้สึกหลากหลายแต่มีอยู่หนึ่งเสียงที่เขาสามารถได้ยินมันอย่างชัดเจน
เสียงที่บอกว่า เขาจะไม่มีวันให้ใครมาทำร้ายปูนแบบนี้อีก
ติ๊งหน่อง!
เสียงกดกริ่งดังขึ้นจากหน้าบ้าน ทำให้คณิตต้องยอมละสายตาจากปูนลงมาหาเพื่อนทั้งสองคนที่สภาพดูไม่จืดผิดกับขาไป ร่างสูงบอกเพื่อนว่าอย่าเพิ่งพูดอะไรให้ทุกคนเข้ามาทำแผลก่อน ขิงน่ะไม่เท่าไหร่ แต่แผลของโต้งเนี่ยสิ น่าเป็นห่วงพอๆกับปูนเลย
“น้องหลับไปแล้วหรอวะ”
ขิงถามคณิตที่กำลังใช้สำลีชุบน้ำเกลือเช็ดแผลให้โต้งอยู่ ร่างสูงพยักหน้ารับโดยที่ไม่เปิดปากพูด ทำให้บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความกดดัน
“แล้วก่อนจะหลับน้องได้บอกอะไรบ้างไหม กูเค้นถามจากไอ้เชี้ยนี่แม่งก็ไม่ยอมบอก เอาแต่เงียบอย่างเดียว”
คนอารมณ์ร้อนบุ้ยหน้าไปทางโต้งที่ทำหน้าเซ็งๆเมื่อโดนพูดถึงแบบนั้น
“ไม่...เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว”
“...”
“ไอ้โต้ง มึงบอกกูมาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
คณิตยอมผันตัวมาเป็นพวกเดียวกับขิงเพราะความอยากรู้มันสุมอยู่ในอกเขาจนไม่อยากรักษามาดนิ่งไว้อีกแล้ว คนถูกถามก็ทำหน้าลำบากใจ โต้งสบตาเพื่อนรักทั้งสองที่กำลังจ้องมองมาแต่ก็ไม่เห็นทางรอดสำหรับเรื่องนี้เลย
“กูก็ไม่รู้อะไรมาก...แต่เด็กนั่นมันมาหาเรื่องปูนก่อน”
“ยังไงวะ”
“ทั้งสองคนคงรู้จักกันเพราะมันเดินมาทักปูนก่อน แต่ดูแล้วปูนไม่น่าจะอยากรู้จักมันเท่าไหร่...น้องสั่นมากตอนที่เห็นมัน น้องดูอึ้งจนพูดไม่ออกจนกระทั่งไอ้เชี้ยนั่นมัน...”
“มันทำไม”
คณิตถามขึ้นเมื่อจู่ๆโต้งก็หยุดคำพูดของตัวเองไป จิตแพทย์หนุ่มไม่อยากพูดต่อแต่พอโดนเพื่อนจ้องมาอย่างคาดคั้นก็รู้ว่าไม่อยากปิดบังได้
“มันคงนึกว่ากูกับปูนมีอะไรกัน แล้วมันก็บอกว่า...มันคือลูกค้าคนแรกของปูน”
“...!!”
อาการรอบตัวเย็นขึ้นอย่างฉับพลัน ทุกคนได้แต่นั่งนิ่ง แม้แต่ขิงที่รู้เรื่องน้อยที่สุดก็ไม่กล้าพูดอะไรทั้งที่ในใจจินตนาการไปร้อยแปด ส่วนคณิตกำลังรู้สึกเหมือนมีคนเอาค้อนหนักๆมาทุบเข้าที่กลางหัว
“ไอ้คณิต...มึงโอเคไหม”
โต้งถามเพื่อนด้วยความห่วงใย ไม่ต้องมีคำอธิบายใดๆเขาก็พอจะเดาเหตุการณ์บางอย่างได้ เพียงแต่มันหนักหนาเกินกว่าจะพูด และมันก็เป็นเรื่องระหว่างคนสองคนที่คนนอกอย่างพวกเขาไม่สมควรเข้าไปเกี่ยว
“กูโอเค...มั้ง อยากตอบมึงแบบนั้นเหมือนกัน”
คณิตอ่อนล้าเกินกว่าจะยิ้มให้เพื่อนได้อย่างสนิทใจ เขาก้มหน้ามองปลายเท้าของตัวเองก่อนจะหลับตาลงเมื่อเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นมากมายในช่วงนี้ไหลกลับเข้ามาในหัวจนเขาไม่อาจตั้งรับได้ทัน
“กูเข้าใจ แต่ถึงจะไม่โอเคมึงก็ต้องมีสตินะเว้ย อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม”
โต้งเอ่ยปากเตือนเพราะกลัวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้คณิตน็อตหลุดจนเผลอทำร้ายจิตใจคนที่บอบช้ำพออยู่แล้วอย่างปูน ถึงเขาจะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุแต่เขาก็พอมองออกว่าคณิตรู้สึกกับปูนแบบไหน แต่สำหรับบางครั้งหัวใจที่มีไว้รักและสมองที่มีไว้คิดก็ไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
“กูถามมึงอย่างเดียว...มึงรู้มาก่อนแล้วรึเปล่า”
ขิงที่เริ่มมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองคิดถามขึ้นด้วยใบหน้าที่แสดงออกถึงความลำบากใจจนคณิตสังเกตได้
“รู้...กูกับปูน...เราก็รู้จักกันเพราะแบบนั้น”
คำตอบของคณิตทำเอาขิงถอนหายใจออกมายาวๆ ขิงหันมาหาโต้งเพื่อขอให้เพื่อนที่ดูแล้วน่าจะคุมสติได้ดีกว่าเขาเป็นฝ่ายพูดต่อ
“ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรรึเปล่าวะ โอเคว่ามันก็คงเสียความรู้สึกกันบ้าง แต่ในเมื่อก่อนมึงจะคบกันมึงก็รู้เรื่องของน้องเขาอยู่แล้ว อดีตมันก็คืออดีตนะเว้ยคณิต...ถ้าน้องเขารู้ว่าวันนี้จะได้เจอมึงก็เชื่อว่าปูนจะไม่ทำ”
“กูรู้ กูคิดว่าตัวเองน่าจะเข้าใจและก้าวผ่านอดีตของปูนไปได้ แต่มัน...ก็เหนื่อยเหลือเกินว่ะ...ทั้งกูแล้วก็เขา”
“...”
“มันต้องมีอีกกี่ครั้งวะที่เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นอีก ถึงแม้ว่าปูนจะเลิกทำไปแล้วแต่ผลจากอดีตพวกนั้นก็จะย้อนกลับมาทำร้ายมันอยู่ดี ครั้งนี้ปูนโดนทำร้ายแล้วถ้าครั้งหน้าคนพวกนั้นทำรุนแรงกว่านี้ล่ะกูจะทำยังไง...กูปกป้องเขาไม่ได้ แม้แต่จะห้ามตัวเองไม่ให้คิดมากก็ยังทำไม่ได้...กูคิดจนไม่อยากจะคิดแล้วว่ะว่าตัวเองควรจะทำยังไง...กูเหนื่อยพวกมึงเข้าใจไหม”
ทั้งโต้งและขิงได้แต่ฟังโดยที่ไม่รู้จะพูดอะไร ความใจกว้างเป็นข้อดีของคณิต แต่ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่มีขีดจำกัดด้วยกันทั้งนั้น ขิงเข้าไปกอดคอเพื่อนอย่างปลอบใจส่วนโต้งก็นั่งแหงนหน้าขึ้นไปมองตรงชั้นสอง
พวกมึงต้องเข้มแข็งนะคณิต
ทั้งมึงแล้วก็ปูนเลย...
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คุยกับเช่!!
บอกได้อย่างเดียวว่า Be Strong ทั้งป๋าและปูนเลยนะ ส่วนพี่เมษทิ้งระเบิดไว้ก็ลอยตัวเลยชิชิ ต้องชดใช้ๆ =_=^^^^
ช่วงนี้เช่มาช้าหน่อยนะคับ งานเยอะหลายสิ่ง ขอบคุณที่รอแล้วก็ขอโทษด้วยนะคับ