- - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]=เปิดพรีออเดอร์= (Up!ตอนพิเศษ Men Talks)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]=เปิดพรีออเดอร์= (Up!ตอนพิเศษ Men Talks)  (อ่าน 165750 ครั้ง)

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่26][110359]
«ตอบ #270 เมื่อ11-03-2016 21:03:26 »

น่ารักกกกกกกก.....งานนี้ป๋าคงหลงปูนได้อีกร้อยเท่าพันเท่าเพราะน้องน่ารักจริงๆ

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่26][110359]
«ตอบ #271 เมื่อ12-03-2016 11:25:34 »

โอ้นดิ้นพล่าน อิจฉาาาาาาาา :katai1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่26][110359]
«ตอบ #272 เมื่อ12-03-2016 17:28:40 »

นังเมษอย่าออกมาอีกได้ไหม บรรยากาศกำลังดี  :ling3:

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่26][110359]
«ตอบ #273 เมื่อ12-03-2016 18:33:30 »

ซึ้งมาก น้ำตาจะไหลตามปูนเลยย งื้ออออ ขอหวานๆๆไปก่อนน้า รออ่านค่า

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่26][110359]
«ตอบ #274 เมื่อ13-03-2016 20:13:36 »

ซึ้งมาก ไม่อยากให้มีมาม่าเลย

ออฟไลน์ Yumyumsdoll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่26][110359]
«ตอบ #275 เมื่อ13-03-2016 23:15:13 »

โคตรน่ารักเลยปูนนนนน :ling1:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่27][180359]
«ตอบ #276 เมื่อ18-03-2016 19:52:50 »

 


แตกที่ 27

…ทรยศ...


 

 

 

แม้จะเป็นสิ่งที่ไม่ต้องการ แต่คราวเมื่อมันหายไป

 

ก็ใจหายอยู่ดี...

 

 

 

 

“เฮ้อ”

 

เอมมิกาที่กำลังง่วนอยู่กับกองขนมเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิทที่เอาแต่ถอนหายใจขณะที่เหม่อมองออกไปนอกอาคารเรียนที่ไร้เงาของรถบิ๊กไบค์คันใหญ่มากว่าสองอาทิตย์แล้ว

 

“เป็นอะไรวะพลัส ถอนหายใจอยู่นั่น”

 

หญิงสาวถามออกไปทั้งที่มีคำตอบอยู่แล้วในใจ เธอลอบสังเกตใบหน้าหมดจดของเพื่อนที่แสดงความไม่สบอารมณ์ออกมาแม้จะเพียงครู่เดียวก่อนพลัสจะแสร้งทำเป็นนิ่งเฉย

 

“เปล่า ไม่มีอะไร”

 

“หรอ ฉันนึกว่าแกกำลังรอใครซะอีก”

 

“...!!”

 

“ก็นะ หายไปนานขนาดนี้ ฉันเองยังเหงาเลย”

 

เอมมิกายิ้มกริ่มในขณะที่พลัสทำหน้าเหมือนเหมือนถูกบังคับให้กินยาขม คนที่หงุดหงิดอยู่แล้วเป็นทุนเดิมแย่งถุงมันฝรั่งของตัวเองที่เพื่อนสาวกำลังหยิบไปกินคืนมา จนเอมมิกางงไปหมด

 

“เราไม่ได้เหงา”

 

ร่างบางใช้เสียงกดต่ำที่บ่งบอกถึงอารมณ์และความจริงในคำพูดของตัวเองแต่สำหรับคนฟังเธอไม่รู้สึกเชื่อมันสักนิด เอมมิการู้จักพลัสดีพอๆกับที่รู้จักตัวเอง โดยเฉพาะความแข็งกร้าวที่ถูกซ่อนเร้นไว้ภายใต้รอยยิ้มใสซื่อของเพื่อนจึงทำให้เธอไม่รู้สึกหวั่นกับพลัสในแบบนี้สักเท่าไหร่

 

“หรอ แล้วแกจะเอาแต่มองไปข้างนอกทำไม อย่าบอกนะว่าแกกลัวรถมอเตอร์ไซค์แกหาย”

 

คำพูดประชดของเอมมิกาไม่ได้ซับซ้อน หนำซ้ำมันยังตรงประเด็นเสียจนคนที่ต้องกลับมาใช้รถของตัวเองในการไปไหนมาไหนอดจะคิดถึงช่วงเวลาที่สายลมเย็นๆพัดผ่านผิวกายไม่ได้ พลัสแกะถุงมันฝรั่งออกแล้วหยิบมันเข้าปากไม่พูดอะไร แม้ว่าในหัวจะขบคิดเรื่องต่างๆวุ่นวายไปหมด

 

หากจะถามหาสาเหตุก็คงมีแค่อย่างเดียวคือคนที่ห่างหายไปโดยไม่บอกเหตุผลใดๆ ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้เจอหน้ากันเลย แต่จากปกติที่บอยมาคอยรับส่งเขาทุกวันก็เปลี่ยนเป็นแทบจะไม่ได้เห็นหน้า รถมอเตอร์ใซค์คันเก่าถูกหยิบมาใช้ใหม่ ชีวิตที่เคยมีคนเข้ามาตามใจก็ขาดหายไปจนอดสงสัยไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

“หรือว่าพี่บอยเขาเบื่อแกแล้ววะ”

 

จู่ๆเอมมิกาก็พูดขึ้นเหมือนกับรู้ว่าพลัสกำลังคิดอะไร ปากที่กำลังรับรู้รสเค็มปร่าของขนมชาไปซะดื้อ จนร่างบางต้องรีบหยิบน้ำมาดื่มเพื่อให้ก้อนฝืดคอนี้ถูกผลักเข้าไปในร่างกาย

 

เป็นไปไม่ได้...ไม่มีทาง

 

“เอม...พูดอะไรน่ะ”

 

“เอ้า ก็พูดว่าพี่เขาอาจจะเบื่อแกแล้วไง”

 

“...”

 

“เอาจริงๆนะพลัส ฉันล่ะแปลกใจตั้งแต่แรกแล้วว่าคนอย่างพี่บอยเนี่ยนะจะมาชอบแก ถึงจะไม่รวยแต่เขาก็ดังจะตาย ยิ่งสมัยที่ยังซ่าๆนะได้ข่าวว่าสาวๆที่นี่อยากเป็นของพี่บอยกันทั้งนั้น แล้วนี่อะไร จู่ๆพี่บอยคนนั้นก็ตามจีบแก โอเค เขาอาจจะมีรสนิยมแปลกๆ แต่ถึงจะแปลกยังไงก็คงไม่มีใครอยากยุ่งกับคนที่เอาแต่ใจตัวเองโคตรๆอย่างแกหรอก”

 

“เราเนี่ยนะ เอาแต่ใจตัวเอง?”

 

“ใช่! นี่แกไม่รู้ตัวเลยหรอ”

 

เอมมิกาทำหน้าเหมือนกับว่าพลัสเป็นเด็กเซ่อๆที่ทำซ้ายหันขวาหันไม่ถูก

 

“ให้ตายสิ ฉันล่ะเชื่อแกจริงๆ...นี่พลัส แกรู้ตัวไหมว่าถ้าฉันเป็นพี่บอยนะฉันเลิกยุ่งกับแกไปตั้งนานแล้ว คนอะไรนิดๆหน่อยๆก็จะเอาจากเขาไปซะทุกอย่าง ซื้อของไม่ถูกใจมาให้ก็ไม่เอา แกทำผิดบางครั้งเขาก็ต้องเป็นฝ่ายขอโทษแกเพื่อให้เรื่องมันจบ วันๆนอกจากทำงานก็เอาแต่ตามแกงกๆ แล้วดูที่แกทำสิ...พี่แกทนมาได้ขนาดนี้นี่โคตรเก่งเลย”

 

 ร่างบางรู้สึกเหมือนของกินที่เขาเพิ่งกลืนขึ้นไปย้อนกลับมาจุกอยู่ตรงคอหอย สิ่งที่เอมมิกาพูดคือความจริง...และมันเป็นความจริงที่เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่ได้ตั้งใจให้เกิด พลัสรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนดีแต่เขาก็ไม่เคยอยากสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ยกเว้นแค่คนๆเดียว

 

“...เราก็ไม่เคยขอให้เขาทน”

 

“หึ แน่ใจหรอที่พูดออกมา”

 

“...”

 

“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าระหว่างแกกับพี่เขามีเรื่องอะไร แต่ก็คิดดีๆแล้วกัน”

 

หญิงสาวพูดไว้ให้คิดก่อนจะลุกไปหาเพื่อนอีกกลุ่มที่กำลังคุยกับเรื่องการฝึกงานที่ใกล้เข้ามาทุกที ทิ้งให้พลัสนั่งอยู่กับที่แล้วคิดถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังเป็นอยู่แต่มันก็ป่วยการ...เขาไม่อยากยอมรับ ไม่อยากแม้แต่จะคิดถึงคนคนนั้น เขาจึงทำได้แค่หลับตาลงแล้วพร่ำบอกตัวเองเหมือนอย่างที่ทำทุกๆวัน

 

 

 

อย่านะพลัส...อย่ายอมให้ความศักดิ์ศรีของเรามันเสียเปล่า

 

 

“ผม...ไม่มีวันให้อภัยพี่หรอก”

 

 

 

 

 

 

เลิกเรียนเสร็จพลัสก็กลับมาบ้าน เขาไม่ใช่คนอ่อนแอที่พอมีคนมารับมาส่งเข้าหน่อยจะกลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมของตัวเองไม่ได้ เด็กหนุ่มเลี้ยงรถเข้าไปในบ้านของตัวเองที่วันนี้เงียบเฉียบกว่าทุกครั้ง จริงอยู่ที่พ่อของเขาไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ประจำ แต่อย่างน้อยที่บ้านก็ยังมีน้าพรที่พอตกบ่ายก็ต้องเริ่มเตรียมของสำหรับการออกไปขายอาหารในช่วงค่ำ

 

“น้าพรครับ น้าพรอยู่รึเปล่า”

 

พลัสลองตะโกนถามแต่ก็ไม่มีเสียงใครตอบกลับมา กลอนหน้าบ้านถูกลั่นลง คงไม่มีใครอยู่ที่นี่จริงๆในตอนนี้ซึ่งนั่นเป็นเรื่องนี้ เพราะทั้งบทเรียนและเรื่องไร้สาระเกี่ยวกับบอยมันทำให้เขารู้สึกหนักหัวเสียจนอยากจะนอนหลับยาวๆโดยไม่ต้องมีใครมารบกวนอีก ร่างบางเดินเข้าไปบนห้องของตัวเอง เขาจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยไม่อาบน้ำแล้วล้มตัวลงนอนแทบจะทันทีที่จัดการทุกอย่างเสร็จ ภายในห้องนี้ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่พลัสคุ้นเคยแต่เพราะความเงียบที่แฝงอยู่ในทุกอณูของบ้านทำให้ร่างบางรู้สึกว่าการนอนหลับครั้งนี้ของเขามันน่ากลัวอย่างประหลาด

 

 

 

‘อย่านอนหมอนสูงนักได้ไหม เดี๋ยวก็ปวดหัวหรอก’

 

 

 

เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นในหัว มันเป็นเสียงที่เขาได้ยินบ่อยเหลือเกินก่อนที่มันจะหายไปจนพลัสแทบจะลืมไปแล้วว่าครั้งสุดท้ายที่บอยและเขาหลับนอนด้วยกันมันตั้งแต่เมื่อไหร่ พอรู้ตัวว่าเผลอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีกแล้วก็ได้แต่เจ็บใจ เขารีบข่มตาหลับหวังให้นิทราพรากทุกอย่างออกไปจากหัวตนสักที

 

 

แกร็ก...

 

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่อาหารมึนที่แล่นเข้ามาในหัวทันทีที่พลัสรู้สึกเหมือนกับว่าได้ยินเสียงเปิดประตูดังมาจากหน้าบ้านทำให้ร่างบางต้องกุมหัวตัวเองแน่นแทนที่จะลุกขึ้นนั่ง เขาหรี่ตาขึ้นเล็กน้อย ต่อให้ไม่เห็นว่านาฬิกาที่แขวนอยู่ตรงกำแพงเดินไปถึงเวลาเท่าไหร่แต่จากความมืดรอบๆตัวเด็กหนุ่มก็พอจะเดาได้ว่าเขาคงหลับไปนานโข

 

“ป้าขอบใจมากนะ”

 

เสียงของน้าพร...พลัสได้ยินเสียงภรรยาใหม่ของพ่อดังขึ้นมาจากหน้าบ้าน ถ้าอย่างนั้นเสียงเปิดประตูเมื่อครู่น้าพรก็คงเป็นคนทำมัน พอคิดได้อย่างนั้นร่างบางก็เตรียมจะหลับต่อ แต่ว่า...

 

“ไม่เป็นไรครับป้า อย่าลืมกินยาตามที่หมอสั่งนะครับ”

 

ดวงตาที่ปิดสนิทเมื่อครู่ลืมขึ้นแทบจะทันที ไม่ใช่แค่เพราะใจความในประโยคนั้นหากแต่เป็นน้ำเสียงของชายแปลกหน้าที่เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดแม้จะฟังไม่ชัดเท่าไหร่ พลัสลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างหวังจะดูให้หายสงสัยว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใครแต่ก็ช้าไป เพราะทันทีที่เขาไปถึงน้าพรก็กำลังปิดประตูบ้านแล้วหมุนตัวกลับมาสบตากับพลัสที่ยืนอยู่บนชั้นสองพอดี

 

“พลัส...”

 

พรเรียกลูกบุญธรรมด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งกว่าทุกครั้ง พลัสรีบยกมือไหว้เธอโดยไม่ต้องรอให้ทวงทามก่อนเด็กหนุ่มจะตัดสินใจลงไปข้างล่างเพื่อถามไถ่เกี่ยวกับอาการป่วยของเธออย่างน้อยก็ในฐานะคนที่อยู่บ้านเดียวกัน สายตาเขาเหลือบมองไปยังนาฬิกาอีกอันทันทีที่ไฟตรงชั้นล่างถูกเปิดขึ้น...เกือบสองทุ่มแล้ว นี่เขาหลับไปนานขนาดนั้นเลยหรอ

 

“มาทำอะไรตรงนี้”

 

เสียงของน้าพรทำให้สติของพลัสกลับมา ร่างบางกำลังจะหันไปตอบแต่พอเห็นว่าใบหน้าที่ไร้รอยยิ้มมานานของผู้หญิงตรงหน้ามันดูเคร่งเครียดแค่ไหนเขาก็ได้แต่หุบปากเงียบ...อะไรกัน เขายังไม่ทำอะไรเลยนะ

 

“ฉันถามว่ามาทำอะไรตรงนี้”

 

“ผมแค่...ลงมาข้างล่าง”

 

พลัสละความจริงที่ว่าเขาอยากจะมาถามเรื่องอาการป่วยจากคนตรงหน้าเพราะดูแล้วน้าพรคงไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะคุยดีๆกันได้สักเท่าไหร่ ร่างบางเตรียมจะกลับขึ้นไปตรงชั้นสองแต่จู่ๆคนที่จ้องมองเขาด้วยสายตาที่แข็งกระด้างมาตลอดตั้งแต่แม่ตายก็พูดขึ้น

 

“แล้วเมื่อกี้...แกได้ยินอะไรรึเปล่า”

 

“ครับ?”

 

ไม่ใช่ว่าพลัสจะไม่เข้าใจว่าสิ่งที่น้าพรตั้งใจจะถามคืออะไร แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงใช้น้ำเสียงที่ฟังดูตระหนกแบบทีเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขายังมึนหัวอยู่รึเปล่าพลัสถึงรู้สึกว่าสีหน้าที่น้าพรแสดงออกมาตอนนี้มันดูสั่นไหวอย่างประหลาด...ใช่...ประหลาดเกินไป

 

“เมื่อกี้...ก่อนหน้าที่แกจะเดินลงมา”

 

“อ่า...ถ้าเป็นตอนนั้นก็ได้ยินครับ”

 

“...!!”

 

“ผมได้ยินคนพูดว่าให้น้ากินยาตามที่หมอสั่ง น้าพรป่วยหรอครับ”

 

ทันทีที่พลัสถามจบ ผู้หญิงตรงหน้าเขาก็เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยค้างนิ่งเช่นเดียวกับดวงตาที่เบิกกว้างราวกับว่ามีสิ่งที่น่าตกใจเกิดขึ้น พลัสอยากรู้เรื่องอาการป่วยของน้าพรแต่ความรำคาญนั้นมีมากกว่า ในเมื่อเธอดูเหมือนว่าไม่อยากจะพูดถึงมัน เขาเองก็ไม่อยากมีเรื่องเด็กหนุ่มเลยตั้งใจว่าจะกลับขึ้นไปบนห้องของตัวเอง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ก้าวเดิน หลังของพลัสก็ถูกกำปั้นเล็กๆของน้าพรทุบเข้าเต็มแรง

 

“อย่ามายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่นะ!!!! ใครสั่งใครสอนให้แกเป็นคนแบบนี้!!!”

 

“โอ้ย น้าพร! หยุด! น้าทำอะไรเนี่ย!!”

 

พลัสร้องถามแล้วพยายามปัดป้องมือที่ฟาดเข้ามาหาตัวเองเรื่อยๆโดนบ้างไม่โดนบ้าง แรงของผู้หญิงตัวเล็กๆไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเจ็บสักเท่าไหร่ แต่ความไม่เข้าใจในการกระทำของคนคนนี้นี่แหละที่ทำให้พลัสเกือบจะฉุนขาด

 

“อย่าทำแบบนี้อีกเข้าใจไหม!! อย่ามายุ่งเรื่องของฉันอีก!!”

 

“ใครเขาอยากจะไปยุ่งเรื่องของน้ากันเล่า!!!”

 

มือของพรยกค้างอยู่กลางอากาศตรงกับข้ามกับพลัสที่หลังจากผลักร่างของหญิงที่ตัวเล็กกว่าเขากว่าครึ่งให้ออกห่างจากตัวไปแล้วก็วางมือที่กำกันแน่นลงข้างตัวอย่างคนที่กำลังพยายามสะกดกลั้นอารมณ์

 

“ผมไม่รู้ว่าน้าพรเป็นบ้าอะไร แล้วผมก็ไม่สนด้วยว่าน้าจะป่วยหรือจะเป็นอะไรผมก็แค่ถามตามมารยาท...ผมถามน้าก็เพราะว่าน้าเป็นคนที่พ่อพามาอยู่ในบ้านแม่ผม!!!”

 

“...!!”

 

“ผมไม่รู้ว่าน้าเกลียดอะไรผมนักหนา ผมไม่เคยด่าน้าที่แย่งพ่อไปจากแม่ หรือแม้แต่การที่น้าย้ายมาอยู่ที่นี่ผมก็ไม่เคยชัด แต่ถ้าน้าจะบอกว่าน้าเกลียดผมเพราะผมเป็นลูกแม่ผมก็ขอโทษด้วยแล้วกันที่ผมทำอะไรกับเรื่องนั้นไม่ได้ สิ่งที่ผมจะทำได้แล้วก็อยากให้น้าทำเหมือนกันก็มีแค่อย่างเดียว...”

 

“พะ พลัส...”

 

“อย่ามายุ่งกับชีวิตผมอีก ขอร้องล่ะครับ”




:o12:(มีต่อเม้นต์ล่าง) :o12:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่27][180359]
«ตอบ #277 เมื่อ18-03-2016 19:53:42 »




พลัสไม่คิดจะอยู่ฟังคำบริภาษใดๆจากปากผู้หญิงคนนี้อีก เขาเดินออกไปจากบ้านโดยไม่คิดจะหยิบอะไรติดตัวไปเลยสักชิ้นแม้แต่กุญแจรถที่เขาเผลอหยิบขึ้นห้องไปด้วยร่างบางก็ไม่ได้ขึ้นไปหยิบมันจนทำให้เขาต้องเดินเตร็ดแตร่อยู่ข้างถนนที่มีผู้คนมากมายใช้ชีวิตอยู่แต่ช่างไร้ความหมาย

 

ภายในตัวของพลัสร้อนรุ่มราวกับมีกองโทสะสุมอยู่ในนั้น เขารู้ว่าเขาพูดแรงแต่มันก็สามารถสื่อความรู้สึกในหัวใจของเขาออกไปได้จนหมด เขาทนมาตลอด...ทนจนไม่เข้าใจตัวเองว่าจะแสร้งเป็นยิ้มต่อหน้าคนที่เข้ามาทำลายชีวิตครอบครัวเขาทำไมให้ปวดร้าว แต่สุดท้ายคำตอบเดียวที่ทำให้พลัสฝืนทำแบบนั้นคือพ่อ...ครอบครัวเพียงคนเดียวที่เขาต้องรักษาเอาไว้ให้ได้

 

ทางเดินตรงหน้าทอดยาวราวกับว่าไม่มีที่สิ้นสุด แสงไฟจากร้านค้าต่างๆค่อยๆน้อยลงจนกระทั่งเขาได้ยินเสียงกระทบกันของคลื่นลอยเข้ามาแทนที่ หากเป็นก่อนหน้านี้กลิ่นของทะเลคงทำให้พลัสรู้สึกผ่อนคลายได้บ้าง แต่เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดมันหนักหนาเสียจนความเจ็บปวดตรงฝ่าเท้าที่เกิดจากการสวมเพียงรองเท้าแตะบางๆไม่สามารถหยุดความคิดที่ฟุ้งซ่านของเขาได้ ยกเว้นเพียงแรงสั่นสะเทือนในกระเป๋ากางเกงที่ทำให้เด็กหนุ่มนึกขึ้นได้ว่าเขาเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ในนั้น

 

เขาหยิบมันออกมา รายชื่อที่ปรากฏขึ้นบนนั้นทำให้พลัสแทบจะปาโทรศัพท์ทิ้งแต่ความรู้สึกต่อต้านที่ก่อตัวขึ้นข้างในกลับทำให้เขาหยุดนิ่งก่อนจะตัดสินใจรับเพียงเพราะอยากได้ยินเสียงของใครก็ได้ที่สามารถทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้

 

“มึงอยู่ไหน”

 

“...”

 

“พลัส มึงอยู่ไหน”

 

น้ำเสียงของบอยฟังดูเรียบนิ่งเหมือนกับทุกๆครั้ง แต่มันกลับเจือไปด้วยความเป็นห่วงจนคนฟังรู้สึกได้ พลัสไม่ได้ตอบ เขากำสิ่งที่อยู่ในมือแน่นขณะที่ดวงตากำลังเหม่อมองออกไปยังท้องน้ำกว้างอย่างต้องการหาที่พึ่ง

 

“พี่บอย...มาหาผมที”

 

มันคือประโยคคำสั่งที่อ่อนแรงที่สุดที่พลัสเคยใช้มันกับบอย ร่างบางบอกสถานที่ที่ตัวเองอยู่คร่าวๆก่อนที่โทรศัพท์ของเขาจะดับไปเพราะแบตเตอร์รี่หมดแทบจะทันที พลัสเก็บมันกลับที่เดิมเมื่อมันไร้ประโยชน์ เขาเดินไปยังชายหาดที่แทบจะไร้ผู้คนในวันนี้ ความแสบที่เท้าแล่นเข้ามาเมื่อแผลถลอกสัมผัสกับเม็ดทรายและน้ำทะเลไม่ได้ทำให้เขาสนใจมันเลยสักนิด ผิดกับคนที่รีบวิ่งมาหาพลัสทันทีที่เห็นว่าคนที่ทำหน้าเหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลกกำลังนั่งอยู่ตรงไหน

 

“มึงนี่มัน!”

 

ไม่มีแม้แต่คำทักทาย สิ่งแรกที่บอยทำกับพลัสคือการดันให้คนตัวบางนั่งลงกับพื้นแล้วยกเท้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลมาวางไว้บนตักของตัวเอง บอยส่งสายตาตำหนิไปให้พลัสเหมือนกับหลายๆครั้งแต่ครั้งนี้เด็กหนุ่มกลับรู้สึกได้ว่ามันจริงจังเสียจนเขาต้องเสหน้าหันไปมองที่อื่น แต่ถึงจะมองไม่เห็นพลัสก็ยังคงรู้สึกอยู่ดีว่าฝ่ามือใหญ่ๆของบอยกำลังจับเท้าของเขาด้วยความอ่อนโยนแค่ไหน ร่างใหญ่ค่อยๆปัดเม็ดทรายออกให้แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าที่เหน็บไว้ในกระเป๋าเสื้อมาเช็ดซับตามรอยแดงเพื่อให้ความแซบทุเลาลง

 

“อธิบายมาสิ ว่าทำไมจู่ๆมึงถึงมาทำตัวเป็นพระเอกเอ็มวีอยู่นี่ ว่างมากจนเพี้ยนไปแล้วรึไง”

 

พลัสเงียบไป เขาไม่ได้รู้สึกแย่กับคำพูดประชดประชันของบอยเลยสักนิดกลับกันภายในหัวของเด็กหนุ่มกำลังคิดว่าเขาควรจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจไปหรือไม่ แน่นอนว่าเขาเกลียดคนคนนี้สุดขั้วหัวใจแต่ไม่รู้ทำไมลึกๆแล้วพลัสกลับรู้ดีว่าบอย คือคนที่รับฟังความทุกข์ของเขาได้ดีที่สุด

 

“ผม...ทะเลาะกับที่บ้านมานิดหน่อย”

 

บอยดูไม่แปลกใจเท่าไหร่ คนมีอายุมากกว่าเลือกที่จะเงียบแล้วปล่อยให้พลัสที่ยังคงดูสับสนจัดการกับความคิดแล้วเผยมันออกมาเองเมื่อพร้อม

 

“ผมแค่ถามเขาว่าเป็นอะไรเพราะได้ยินมาว่าเขาป่วย แต่เขากลับตีผมแล้วบอกว่าผมยุ่งไม่เข้าเรื่อง...เลยว่าเขากลับไปแล้วก็หนีออกมา”

 

“อย่าบอกนะว่ามึงเดินจากบ้านมาถึงนี่”

 

“อืม”

 

พลัสคิดว่าบอยจะพูดปลอบ แต่คนตัวโตกลับตบหน้าผากเขาเบาๆแล้วใช้สายตาที่เหมือนกับผู้ใหญ่กำลังดุเด็กตัวเล็กๆมองมา ถ้าเป็นเมื่อก่อนพลัสก็คงกลัวและเกรงใจบอย แต่อย่างที่เอมมิกาว่า บอยตามใจพลัสมามากเกินไป...มากจนร่างบางสามารถตีแขนของบอยกลับไปได้โดยไม่รู้สึกสะทกสะท้าน

 

“มาตีผมทำไม!”

 

“ตีให้หายบ้า มึงคิดว่าจากบ้านมึงมาถึงนี่มันกี่กิโลกัน แล้วถ้ากูไม่โทรมามึงจะทำยังไง แบตโทรศัพท์ก็หมดเงินติดตัวก็ไม่มีแล้วเท้าดันมาเจ็บอีก ถ้ามึงเป็นอะไรขึ้นมาใครจะช่วย มีสมองน่ะหัดคิดซะบ้าง”

 

ว่าเคาะหัวของพลัสเบาๆอีกที แต่คราวนี้ไม่รู้ทำไมพลัสถึงไม่โต้ตอบกลับ ร่างบางปล่อยให้คนตรงหน้าจัดการกับแผลตรงเท้าของเขาโดยที่ไม่พูดอะไร บอยทิ้งเขาไว้ตรงนี้คนเดียวพักหนึ่งก่อนที่ร่างสูงจะวิ่งไปซื้อน้ำเปล่าจากร้านสะดวกซื้อใกล้ๆมาสองขวดใหญ่พร้อมกับเบียร์อีกจำนวนหนึ่งที่พอพลัสเห็นก็รีบหยิบมันมาเปิดแทบจะทันที

 

“ผมกินได้ใช่ไหม”

 

“ที่หลังหัดถามก่อนเปิดนะ เฮ้อ เปิดแล้วก็แดกๆไปเถอะ แต่อย่าให้เมามากเหมือนวันนั้นก็แล้วกัน”

 

พลัสงงว่าบอยหมายถึงวันไหน แต่พอลองนึกย้อนๆไปก็มีอยู่วันเดียวที่คนคนนี้ไม่เห็นเขาในสภาพที่เมามาย ซึ่งก็คือวันที่เขาถูกปูนชงเหล้าให้กินเสียจนเมา ร่างบางจิบเบียร์ในมือเงียบๆมองดูบอยที่ใช้น้ำล้างแผลของเขาจนสะอาดแล้วติดพาสเตอร์ไว้แม้จะไม่เรียบร้อยนักแต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้มันสัมผัสกับเชื้อโรคเหมือนก่อนหน้านี้ พอทำทุกอย่างเสร็จบอยก็หยิบเบียร์กระป๋องที่เหลือขึ้นมากินท่ามกลางเสียงคลื่น รสชาติของแอลกอฮอลล์ข่มๆไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบแต่ความรู้สึกล่องลอยที่เกิดขึ้นเพราะมันกลับทำให้พลัสเลือกที่จะจิบมันไปเรื่อยๆ

 

“เมาแล้วหรอ”

 

ดูเหมือนว่าบอยจะดูออก คนตัวโตลูบหัวของพลัสเบาๆก่อนจะจับมันมาเอนซบลงบนบ่าของตัวเองอย่างเบามือ ไม่รู้ว่าเพราะอาการเมาหรือความในใจอันหนักอึ้งทำให้พลัสไม่ขัดขืนหนำซ้ำยังเอนกายเข้าหาบอยด้วยตัวเองมากขึ้นอีก

 

“พี่บอย...”

 

“อะไร”

 

“พี่เคยเกลียดใครบ้างไหม”

 

“...”

 

“...”

 

“เคยสิ”

 

บอยว่าแล้วก็วางกระป๋องเบียร์ของตนลงกับพื้น มือของทั้งสองคนกอบกุมเข้าหากันโดยอัตโนมัติเหมือนกับว่าทั้งคู่กำลังคิดเรื่องเดียวกันอยู่

 

“ตอนเด็กๆผมเป็นเด็กติดแม่มาก วันหยุดต่อให้เอมมาชวนไปเที่ยวผมก็ไม่ไป จะอยู่กับแม่...ช่วยแม่ทำงานบ้าน แม่จะได้พักผ่อนเยอะๆ แล้วก็มีอีกคนที่ผมติดเขาเหมือนกัน...น้าพร...เพื่อนสนิทของแม่ที่ชอบเลี้ยงโจ้กผมบ่อยๆ ตอนนั้นผมชอบน้าพรมาก”

 

“...”

 

“แต่ตอนนี้...ผมเกลียดเขาที่สุด”

 

พลัสพูดถึงคนที่เกลียดด้วยน้ำเสียงที่สั่นจนน่าใจหาย มือของบอยบีบแน่นเข้ามาอีกแต่มันก็ยังไม่มากพอจนพลัสต้องทำในสิ่งเดียวกันกลับไปเพื่อให้แผลเหวอะหวะในอกนี้ได้รับการเติมเต็มจากความอบอุ่นของคนข้างๆ

 

“ผมรู้...รู้มาตลอดว่าร่างกายแม่ไม่แข็งแรง เพราะรู้แบบนั้นผมกับพ่อเลยไม่อยากให้แม่ทำงานหนัก พ่อขอร้องให้แม่ลาออกจากงานมาอยู่บ้านแต่ก็กลัวจะเหงาเลยชวนน้าพรให้มาอยู่เป็นเพื่อนแม่บ่อยๆ ผมจำได้ว่าแม่มีความสุขมาก แม้ว่าจะป่วยแต่แม่ก็ยังยิ้มให้ผมเสมอแล้วบอกกับผมว่าตัวเองโชคดีที่มีสามีอย่างพ่อ มีลูกอย่างผม แล้วก็มีเพื่อนอย่างน้าพร...แม่พูดอย่างนั้นจนกระทั่งก่อนที่ตัวเองจะตาย แม่บอกผมว่าอย่าร้องไห้ ให้ผมเป็นเด็กดีแล้วยิ้มต่อไป แต่ผมก็ต้องผิดสัญญาตอนที่พ่อเดินเข้ามาบอกผมว่า...น้าพรจะมาเป็นภรรยาของพ่ออีกคน”

 

“...”

 

“ผมโตพอที่จะยอมรับการที่พ่อจะหาใครสักคนมายืนเขียงข้างแทนที่แม่ได้ แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นคนคนนั้น...ทำไมต้องเป็นน้าพรคนที่แม่บอกว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของแม่ ที่ผ่านมามันคืออะไร พวกเขาไปรักกันตอนไหน หลังจากแม่ผมตายหรือว่าตั้งแต่ตอนแม่ผมยังอยู่...ผมสงสัยแต่ก็ไม่อยากรู้ เพราะต่อให้คำตอบมันคืออะไรผมก็เกลียดเขา...เกลียดคนที่ทรยศความไว้ใจของแม่ได้ขนาดนี้”

 

น้ำตาของพลัสไหลออกมาจนบ่าของบอยเปียกชื้นไปหมด ชายหนุ่มเปลี่ยนมากอดพลัสไว้แล้วใช้ความอบอุ่นของตัวเองปลอบประโลมคนที่กำลังเผชิญกับความรู้สึกเลวร้ายที่ถูกเก็บเอาไว้ในหัวใจตลอดมา พลัสไม่ใช่เด็กดีแต่เขาพยายามจะเป็นเด็กดีเหมือนกับที่แม่บอก เขาฝืนยิ้มให้น้าพรต่อหน้าพ่อ ยอมอยู่บ้านร่วมกับคนคนนั้นทั้งที่ข้างในต่อต้าน เขาบอกตัวเองว่าต้องทนได้แต่สุดท้ายแล้วก็ทนไม่ไหวเมื่อวันนี้เขาได้ตระหนักแล้วว่า...น้าพรเองก็คงเกลียดเขาเหมือนกัน

 

“ทุกอย่างอาจไม่ใช่แบบที่มึงคิด”

 

“ใช่สิ มันเป็นแบบนั้นแหละ...เขาทรยศแม่...เขาทรยศผม...เขาเกลียดผม...ผมเองก็เกลียดเขา”

 

“หรอ มึงร้องไห้ให้กับคนที่มึงเกลียดได้ขนาดนี้เลยหรอ”

 

น้ำเสียงของบอยมีความเอ็นดูเจืออยู่ เหมือนกับว่าคนคนนี้สามารถมองทะลุเข้ามาภายในเกราะอันแน่นหนาที่พลัสสร้างไว้เพื่อปิดกั้นความทุกข์ใจของตัวเองไม่ให้คนอื่นได้รับรู้ บอยบอกให้พลัสร้องไห้ ไม่เหมือนกับแม่ที่ขอให้พลัสอย่าร้องซึ่งคราวนี้ร่างบางเลือกที่จะทำตามที่บอยบอกมากกว่าแม่ เขาร้องไห้ออกไปจนหมด ร้องจนเสียงพูดคุยที่ดังอยู่ไกลๆหายไปเหลือแต่ความเงียบ

 

“พลัส...กูขออะไรมึงสักอย่างได้ไหม”

 

“ครับ?”

 

พลัสทวนถามขณะที่กำลังหลับตารับสัมผัสจากมือของบอยอยู่ คนอายุมากกว่าเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่พลัสจะได้ยินเสียงสูดลมหายใจและเสียงของร่างใหญ่พูดตามมา

 

“อย่าใช้อารมณ์ตัดสินทุกอย่าง กูรู้ว่ามึงกำลังโกรธ กำลังเกลียดผู้หญิงคนนั้นแต่กูเชื่อว่ามันต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างซ่อนอยู่แน่ๆ”

 

“พี่หมายความว่ายังไง”

 

ยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจ พลัสถามกลับไปอีกครั้งพร้อมกับจ้องหน้าบอยไปด้วย

 

“สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นทำกับมึงเป็นความจริง แต่ความจริงมันอาจจะไม่ได้มีแค่อย่างเดียวก็ได้ ความรู้สึกคนเรามันซับซ้อนกว่าที่มึงคิด เหรียญมันมีสองด้านแต่หัวใจคนคงมีมากยิ่งกว่า”

 

“คำพูดยากๆของพี่ผมไม่เข้าใจหรอก”

 

ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจ แต่พลัสไม่อยากจะยอมรับ ความคิดโลกสวยแบบนั้นน่ะเขาใช้มันปลอบตัวเองมามากเกินพอแล้ว ไม่ใช่แค่เรื่องของน้าพร แม้แต่เรื่องของบอยเองพลัสก็เคยคิดแบบนั้นเหมือนกัน บอยถอนหายใจอีกครั้ง เขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้าพลัสราวกับเป็นการบอกอะไรบางอย่าง

 

“ไม่เข้าใจก็ช่างเถอะ งั้นกูจะเปรียบเทียบอะไรง่ายๆให้มึงฟัง”

 

“...?”

 

“เขาอาจจะเหมือนกับกู ที่ถึงแม้จะเคยทำร้ายมึงแต่กู...ไม่เคยเกลียดมึงเลยแม้แต่นิดเดียว”

 

บอยจ้องมองเข้ามาในนัยน์ตาของพลัสมันตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเป็นสับสนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มือของบอยยังคงเย็นเฉียบเพราะร่างบางไม่ได้ตอบรับความหวังดีของเขา แต่บอยก็ยังคงรอ...และรอจนกระทั่งคนที่ก้มหน้านิ่งอยู่เมื่อครู่ค่อยๆเงยขึ้นมาแล้วพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป

 

 

 

“ผม...ไม่ใจอ่อนง่ายๆหรอกนะครับ”

.

.

.

.

.

.

.

เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ดังขึ้นพร้อมกับภาพที่รถมอเตอร์ไซด์สีดำคันใหญ่ขับเข้ามาจอดลงตรงหน้าคณะ สร้างความประหลาดใจให้ใครหลายๆคน รวมถึงเอมมิกาที่กำลังนั่งจับกลุ่มกับเพื่อนอยู่ แล้วเธอก็ยิ่งตกใจขึ้นไปอีกเมื่อคนซ้อนที่นั่งอยู่ด้านหลังก้าวลงมาก่อนจะถอดหมวดกันน็อคใบโตออกเผยให้เห็นใบหน้าที่ซ่อนไว้ข้างใน

 

“นั่นมัน ไอ้พลัสนี่”

 

เสียงซุบซิบดังขึ้นไปทั่วว่าวันนี้ไบค์เกอร์รูปหล่อที่หายหน้าไปนานกลับมาอีกครั้งพร้อมกับเด็กหนุ่มอย่างพลัสที่มีท่าทีเปลี่ยนไปเล็กน้อยจนหลายคนสงสัย หากเป็นก่อนหน้าพลัสคงถอดหมวกออกแล้วเดินขึ้นตึกไปทันทีโดยไม่มีการล่ำลา แต่ตอนนี้พลัสยังคงยืนอยู่กับที่แล้วพูดกับบอยในสิ่งที่พวกเขาไม่ได้ยิน

 

“เย็นนี้ว่างรึเปล่า”

 

“มึงถามทำไม”

 

บอยถามด้วยความสงสัย เพราะปกติเด็กนี่ไม่เคยสนใจด้วยซ้ำว่าเขาจะไปไหนหรือทำอะไร มีแต่บอยนั่นแหละที่คอยวิ่งตาม

 

“ผม...อยากกินไอติม...ไอติมรสมะนาว”

 

“...!!”

 

“ไม่ได้กินมานานแล้ว ว่าแต่พี่ว่างรึเปล่าล่ะ หรือว่ามีธุระอะไรอีก”

 

พลัสยังคงไม่ได้ถามว่าบอยหายไปไหนมาในช่วงนี้ แต่เขาก็ไม่สนใจหรอก เขาอยากรู้แค่เย็นนี้บอยจะมีเวลามาตามใจเขาไหมเท่านั้น ด้วยเพราหมวกกันน็อคที่สวมอยู่ทำให้ร่างบางไม่รู้ว่าบอยกำลังทำสีหน้าแบบไหน คนตัวโตยังคงนั่งนิ่ง ปล่อยให้ความเงียบและความคิดในหัวของพลัสวิ่งวุ่นอยู่พักใหญ่

 

“ถ้ามึงอยากกิน กูก็จะพาไป”

 

“แล้วถ้าผมเปลี่ยนใจไม่อยากแล้วล่ะ”

 

“กูก็จะพามึงไปอยู่ดี”

 

มันเป็นคำตอบที่เผด็จการและน่าหมั่นไส้เสียจนพลัสต้องเบ้ปาก แต่ถึงอย่างนั้นร่างบางก็ยังคงยืนอยู่กับที่จนกระทั่งยานพาหนะสีดำสนิทเคลื่อนที่หายไปจนลับตา บอยไม่เคยรู้สึกชอบใจหมวกกันน็อคของตัวเองมากเท่าวันนี้ เพราะถ้าไม่มีมันพลัสคงเห็นไปแล้วว่าเสือยิ้มยากอย่างเขากำลังยิ้มกว้างขนาดไหน ชายหนุ่มพยายามกดความดีใจของตัวเองไว้ข้างในแล้วเพ่งสมาธิไปกับท้องถนน เพราะถ้าเขาเพ้อจนเกิดอุบัติเหตุเด็กคนนั้นคงโกรธแน่ๆที่เขาไม่รักษาสัญญา

 

เขาขับรถไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงโรงแรม The Pilot บอยเลี้ยวรถของตัวเองเข้าไปทางด้านหลังโรงแรมซึ่งเป็นประตูที่พนักงานใช้เข้าออกกันผิดกับรถยนต์หรูคันที่ขับตามมาที่เข้าไปจอดทางด้านหน้าโดยมีคนเข้ามาเปิดประตูให้แทบจะทันที

 

“สวัสดีครับคุณคณิต”

 

“สวัสดีครับ ไอ้เมษมาถึงรึยัง”

 

คณิตเอ่ยทักพนักงานของโรงแรมที่เขาพอจะคุ้นหน้า ก่อนจะถามถึงเมษาที่วันนี้เขาต้องเข้ามาคุยเกี่ยวกับดีลของโรงแรมที่พวกเขาทั้งคู่มีแผนว่าจะจัดร่วมกันสำหรับการท่องเที่ยวช่วงปลายปี พนักงานคนนั้นตอบร่างสูงว่านายของตนมาถึงแล้วและกำลังรอคณิตอยู่บนห้องทำงานที่คณิตสามารถเดินไปเองได้โดยไม่ต้องให้คนมาคอยนำทาง เขาก้าวเข้าไปในลิฟต์พร้อมกับผิวปากไปด้วยอย่างอารมณ์ดี แม้ว่าการต้องมาทำงานทั้งที่เมื่อวานเป็นวันเกิดของตัวเองออกจะน่าเสียดายไปหน่อยก็ตามโดยเฉพาะเมื่อนึกถึงเจ้าของนาฬิกาที่เขากำลังสวมอยู่นี้

 

คณิตมองเครื่องบอกเวลาสีน้ำเงินที่เข้ากับข้อมือและรสนิยมของเขาได้เป็นอย่างดี แม้ว่ามันจะไม่ใช่ยี่ห้อที่แพงมากมายสำหรับฐานะของเขา แต่ถ้าพูดถึงความรู้สึกที่มาพร้อมกับนาฬิกาเรือนนี้มันกลับมากมายเสียจนเขาหยุดยิ้มไม่ได้ เสียงลิฟต์ดังขึ้นบอกคณิตว่าเขาเดินทางมาถึงชั้นที่ต้องการแล้ว เขาเดินไปตามทางเอ่ยทุกคนของฝ่ายบริหารที่รู้จักกันดีรวมไปถึงเลขาของเมษาที่บอกกับเขาว่าคนที่คณิตมาขอพบบอกให้เขาเข้าไปหาได้ทันที

 

“ไอ้เมษ อยู่ป่าววะ”

 

คณิตร้องถามเพราะพอเข้ามาในห้องเขากลับไม่เห็นเพื่อนของตนนั่งอยู่บนเก้าอี้ประจำตัว เขาเดินสำรวจไปรอบๆ แล้วได้ยินเสียงน้ำไหลออกมาจากห้องน้ำ แล้วหลังจากนั้นไม่นานเจ้าของห้องก็เดินออกมาพร้อมผ้าเช็ดมือ

 

“อ้าว ทำไมมาเช้าจังวะ กูนึกว่ามึงจะอยู่ฉลองจนดึกซะอีก”

 

เมษาทักเพื่อนด้วยน้ำเสียงสบายๆพร้อมกับผายมือไปยังโซฟาเป็นการเชิญให้คณิตไปนั่งตรงนั้น คณิตก็เดินไปนั่งแล้วมองเมษาที่เดินไปหยิบเอกสารบางอย่างจากบนโต๊ะ

 

“มึงมานี่ก็ดีแล้ว กูจะได้ไม่ต้องเอาของขวัญไปให้ที่หลัง”

 

“กูบอกแล้วไม่ใช่หรอว่าไม่ต้องซื้ออะไรให้ ของขวัญมึงแต่ละอย่างแม่งแพงจนกูไม่อยากรับ”

 

คณิตพูดพลางส่ายหัวน้อยๆ เมื่อนึกถึงของขวัญวันเกิดปีผ่านๆมา มีทั้งไวน์ราคาเหยียบล้าน กระเป๋ารุ่นลิมิเต็ดที่หาได้ยากมากๆ แต่หนักสุดเห็นจะเป็นของปีที่แล้ว ซึ่งคือห้องพักของโรงแรม The Pilot ที่สาขาเชียงใหม่ ที่เมษาตั้งใจว่าจะยกมันให้เป็นสิทธิขาดของคณิตแต่เพียงผู้เดียว เขาจำได้ดีว่าต้องใช้เวลาแค่ไหนในการเกลี้ยกล่อมให้เมษายอมล้มเลิกความคิดนั้น แล้วยอมเปลี่ยนมาเป็นส่วนลด50% ในการเข้าพักแต่ละครั้งแทน

 

“จะไม่ให้ได้ไงวะ มึงเพื่อนกูนี่หว่า”

 

“ก็เพราะว่าเป็นเพื่อนไงกูถึงเกรงใจ แค่คำอวยพรก็พอแล้ว”

 

ถึงคณิตจะพูดอย่างนั้นเมษาก็ดึงดันจะให้อยู่ดี เจ้าของห้องเดินถือกล่องใบใหญ่ที่ถูกห่อไว้ด้วยกระดาษสีเงินและริบบิ้นสีฟ้ามายื่นให้กับเพื่อน แต่สิ่งที่ทำให้คณิตสนใจหากใช่กล่องของขวัญใบนั้นไม่ แต่เป็นสิ่งที่อยู่บนข้อมือของเมษามากกว่า...มันคือนาฬิกาที่เหมือนกับสิ่งที่คณิตสวมใส่อยู่ทุกประการ

 

 

 

เมษาไม่เคยใส่นาฬิกายี่ห้อนี้ แม้แต่สีก็ไม่ใช่แบบที่เมษาชอบ

 

แล้วทำไม???

 

 

 

“รับไปสิ”

 

คำพูดของเมษาทำให้คณิตได้สติ เขาละสายตาจากมันแล้วหันมารับกล่องของขวัญของเมษาไว้แล้วเปิดออกทันทีอย่างน้อยก็หวังให้มันกลบความสงสัยบางอย่างที่ลอยฟุ้งอยู่ในอก แต่แทนที่จะเป็นอย่างนั้นทันทีที่คณิตเห็นว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องคืออะไร ความคิดของเขากลับขุ่นมัวยิ่งกว่าเดิม

 

“ชอบไหม เด็กปูนนั่นแนะนำมาน่ะ”

 

คณิตมองชุดแก้วไวน์ของ Lucaris และ Wine Decanter ที่ถูกจัดอยู่ในกล่องอย่างสวยงาม เขารู้ว่าเมษาเป็นคนชอบดื่มไวน์แต่มันก็ไม่ใช่คนที่พิถีพิถันขนาดนั้น ต่อให้ไวน์แพงแค่ไหนเมษาก็ไม่เคยใส่ใจเรื่องแก้วไวน์ไม่ต้องพูดถึงเครื่องมือพิเศษอย่าง Decanter  เขารู้เพราะว่าเขาเป็นเพื่อนกับเมษามานาน...แต่เขาไม่เคยรู้เลยว่าเมษากับปูนจะสนิทสนมกันขนาดนี้

 

“กูนึกว่ามึงไม่ถูกกับปูนซะอีก”

 

คณิตพูดเปรยโดยคาดหวังคำตอบที่น่าพอใจ เมษาเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆก่อนจะหัวเราะออกมาพลางหยิบเอกสารสำคัญมาเปิดอ่านไปด้วย

 

“ก็นะ ยังไงเขาก็เคยทำงานกับกู”

 

“แต่ครั้งที่แล้วไม่เห็นมึงจะสนิทกันขนาดนั้น”

 

คณิตประเมินคนตรงหน้า ว่าเมษาจะแสดงพิรุธอะไรออกมาบ้างไหม แต่ชายคนนี้กลับทำตัวเหมือนปกติ หนำซ้ำยังเผยยิ้มมุมปากออกมาน้อยๆเมื่อถูกคณิตถามจี้มาแบบนั้น

 

“ก็ไม่ได้สนิทขนาดนั้น แค่ชั่วครั้งชั่วคราวน่ะ”

 

“...!!”

 

“มึงเองก็ระวังๆไว้บ้าง คนแบบนั้นไม่เหมาะสมกับมึงหรอกนะ”

 

คณิตลุกขึ้นไปจับไหล่ของเมษาทันทีที่ฝ่ายนั้นพูดจบ มันหมายความว่ายังไงที่เมษาพูด...ทำไมมันพูดเหมือนกับว่า...

 

“มึงพูดอะไร”

 

“คำเตือนไง”

 

“...!!”

 

“คำเตือนจากกู”

 

เมษายังคงรักษารอยยิ้มไว้ได้ ผิดกับคณิตที่หน้าถอดสี เขาพยายามบอกตัวเองให้มีสติ แต่มันก็ทำได้ยากเต็มที

 

 

 

 

“ถ้ามึงไม่เชื่อกูก็ลองไปถามเด็กนั่น ว่าที่กูพูดมันจริงไหม”

 

 

“...!!”

 

 

 

“ถ้ามึง...ยอมรับคำตอบของมันได้น่ะนะ”

 

 

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!

มาม่าชามไม่ใหญ่แช่เอาไว้อยู่ในตู้เย็น~~~ เย้! :hao7:

ป.ล. งานยุ่งมากคับ อาจจะมาได้แค่อาทิตย์ล่ะตอน เดือนหน้าเช่ต้องไปช่วยงานรับเสด็จที่มอ ปวดใจ TwT

ป.ล.ล. ขอบคุณทุกเม้นทุกโหวตน้า

 

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่27][180359]
«ตอบ #278 เมื่อ18-03-2016 20:40:25 »

เมษมันร้ายคะ.....มาม่าอะไรละทีนี้...งื้อออออ  เตรียมผ้ารอซับน้ำตาเลยเนี่ย

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่27][180359]
«ตอบ #279 เมื่อ18-03-2016 22:22:40 »


ไอ่คุณเมษ เจตนาร้าย หวังให้ป๋าเข้าใจผิดชัดๆ
นาฬิกาก็จงใจเลือกซื้อตามที่ปูนดูให้ป๋าล่ะสิ
ชุดแก้วไวน์นี่เท่าที่จำได้ปูนก็ไม่ได้มีเอี่ยวด้วยเลยป่ะ?
สำคัญสุดคือ ปูนเคยทำงานในโรงแรมของเมษ
เคยนัดลูกค้ามาบริการที่โรงแรมของเมษ
แต่ปูนไม่เคยนอนกับเมษนะ อันนี้เราค่อนข้างมั่นใจ
เมษพูดจาแบบนั้นคนฟังก็คงคิดไปไกลสุดขอบโลกละมั้ง เหอะๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่27][180359]
« ตอบ #279 เมื่อ: 18-03-2016 22:22:40 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่27][180359]
«ตอบ #280 เมื่อ18-03-2016 23:10:07 »

ไอคุณเมษทิ้งระเบิดไว้อีกแล้ว ฮ่วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!@@@

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่27][180359]
«ตอบ #281 เมื่อ18-03-2016 23:47:20 »

อีเมษษษ อย่าสร้างค.ร้าวฉานให้ป๋าปูนนะ เค้าเพิ่งดีกัน

ออฟไลน์ Yumyumsdoll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่27][180359]
«ตอบ #282 เมื่อ18-03-2016 23:50:22 »

เกลียดเมษษษษษษ

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่27][180359]
«ตอบ #283 เมื่อ19-03-2016 10:45:47 »

ปูนตายแหง่

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่27][180359]
«ตอบ #284 เมื่อ19-03-2016 16:01:35 »

เมษอย่ามาใส่ร้ายปูนนะ ตัวเองไม่ได้ก็จะไม่ปล่อยให้คนอื่นได้เลยรึไง
ป๋าอย่าไปเชื่อนะ ไม่อยากให้ปูนเสียใจอีกแล้ว

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่27][180359]
«ตอบ #285 เมื่อ20-03-2016 10:42:01 »

เมษมีความตอแหลมากค่ะ :fire:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่27][180359]
«ตอบ #286 เมื่อ20-03-2016 11:00:05 »

อดีตมันแก้ไขไม่ได้  และแล้วสิ่งที่ทำประชดรัตติกาลคนที่ไม่เห็นค่าปูนก็กลับมาทำร้ายปูนจนได้
ที่จริงต้องบอกว่าที่ผ่านมา คณิตค่อนข้างใจกว้าง  และยอมรับอดีตที่ผิดพลาดของปูนได้
ทั้ง ๆ ที่คุณสมบัติอย่างคณิต  เลือกได้  และมีให้เลือกเยอะแยะ  ดีกว่าปูนด้วยซ้ำ
แต่คณิตก็เลือกปูน  กรณีนี้  ถ้าคณิตจะรับไม่ได้ก็คงที่เมษเป็นเพื่อนนี่แหละ
หวังว่า คณิตจะใจเย็นมากพอที่จะคุยกับปูน  และหวังว่าปูนคุยด้วยเหตุผลกับข้อเท็จจริง
... ถ้าจะต้องแตกหักกันจริง ๆ คงต้องบอกว่า  สงสารทั้งคู่  ปูนคงคิดว่าชีวิตคงไม่มีทางดีขึ้น
ส่วนคณิตคงแค่เจ็บและเสียใจ  แต่รับรองไม่เท่าปูนกับที่ปูนรู้สึกแน่

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่27][180359]
«ตอบ #287 เมื่อ20-03-2016 13:19:29 »

เมษ ไม่คิดว่าจะเป็นคนแบบนี้

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่27][180359]
«ตอบ #288 เมื่อ22-03-2016 10:34:45 »

ฆ่าทิ้งซะดีไหม หืม? ไม่กล้าบอกรักแต่มาทำให้ป๋าผิดใจกับน้องนี่ ไม่งามนะเมษ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่27][180359]
«ตอบ #289 เมื่อ22-03-2016 18:48:01 »

 :m16:
คนเขียน ทิ้งให้อยาก แล้วจากไป
ทำงี้ได้ไงงงงงงงง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่27][180359]
« ตอบ #289 เมื่อ: 22-03-2016 18:48:01 »





ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่27][180359]
«ตอบ #290 เมื่อ22-03-2016 19:49:01 »

ใครเอาเมษไปเก็บหน่อยค่ะ ตอกประตูลงโลงไปเลยยิ่งดี  :m16:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่28][240359]
«ตอบ #291 เมื่อ24-03-2016 19:27:21 »

 

 
แตกที่ 28

…เหนื่อย...

 

 

 

 

ตั้งแต่รู้จักคณิตมาปูนไม่รู้ว่าเขามีเช้าที่สดใสที่สุดมากี่ครั้งแล้ว ร่างเล็กวางอาหารเช้าง่ายๆลงบนโต๊ะ จัดดอกไม้ในแจกันและไม่ลืมที่จะหันไปอุ่นกาแฟดำสำหรับคนที่กำลังลงมาจากชั้นสองในไม่ช้า เมื่อคืนคณิตกลับดึกแต่ร่างสูงก็ยังคงนอนกอดเขาไว้จนถึงเช้า

 

 

มันคือสิ่งที่ดีที่สุด ที่ได้ตื่นมาภายในอ้อมกอดของคนที่รัก...

 

 

เสียงกุกกักดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของคณิตในชุดสีเขียวเข้มดูน่าภูมิฐาน ปูนยิ้มให้คนรักก่อนจะตรงเข้าไปช่วยจัดคอเสื้อที่ยังไม่เรียบร้อยให้

 

 

“เช้านี้มีข้าวผัดนะ ป๋าหิวไหม”

 

 

“โคตรหิวอ่ะ ขอเยอะๆเลยแล้วกัน”

 

 

คณิตขยี้หัวของปูนก่อนจะกอดคอร่างเล็กเดินไปยังโต๊ะอาหาร ทั้งคู่นั่งตรงข้ามกันทำให้ปูนมีเวลาได้สังเกตใบหน้าของคนรักที่บ่งบอกความเหนื่อยล้าแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงดูดีจนเขาใจสั่น เด็กหนุ่มส่ายหัวให้ความคิดเพ้อๆของตัวเองก่อนจะลงมือกินอาหารตรงหน้าบ้าง และในจังหวะเดียวกันนั้นคณิตก็กำลังลอบสังเกตปูนด้วยสายตาที่บ่งบอกความรู้สึกหลากหลาย

 

 

“วันนี้ผมเรียนแค่ตอนเช้า เดี๋ยวตอนบ่ายจะเข้าไปช่วยงานนะ”

 

 

“เอาสิ วันนี้พวกไอ้โต้งกับไอ้ขิงจะมาเที่ยวกันพอดี เธอก็ช่วยรับมือพวกมันให้หน่อยแล้วกัน”

 

 

“พี่โต้งกับพี่ขิงจะมาหรอ ทำไมอ่ะ อย่าบอกนะว่ามาฉลองวันเกิดป๋า”

 

 

“ไม่รู้สิ คงว่างมั้ง มันไม่ใช่พวกใส่ใจรายละเอียดขนาดนั้นหรอก”

 

 

ปูนพยักหน้าตามก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเขาเห็นอะไรบนโต๊ะรับแขกในตอนเช้า ร่างเล็กวางช้อนส้อมลงก่อนจะวิ่งไปหยิบกล้องใบใหญ่ที่ไม่ได้หนักอย่างที่คิดมาโดยไม่ทันสังเกตสีหน้าที่เปลี่ยนไปของคณิต

 

 

 

“ผมเห็นมันอยู่บนโต๊ะเลยแอบเปิดดู นี่ของป๋าหรอ ป๋ารู้ป่ะว่าผมโคตรชอบแก้วยี่ห้อนี้มากอ่ะ ไหนจะ Decanter นี่อีก โคตรสวยเลย”

 

 

ร่างเล็กว่าเพ้อๆก่อนจะหยิบเอาเครื่องแก้วรูปร่างประหลาดที่มีไว้รีเฟรสไวน์เพื่อให้มีรสชาติที่ดีขึ้นอย่างหลงใหล ในขณะที่คณิตกำลังมองปูนนิ่งๆ

 

 

“ของขวัญวันเกิดจากไอ้เมษน่ะ”

 

 

คำพูดของคณิตพรากรอยยิ้มไปจากใบหน้าน่ารักแทบจะในทันที ปูนหันมาสบตาคนรักก่อนจะหันหลบไปที่อื่นเมื่อรู้ว่าคณิตไปเจอกับใครมา...เมษา คนที่มีความรู้สึกดีๆให้คณิตเหมือนกับเขา

 

 

“หรอ...แล้วคุณเมษเขาว่ายังไงบ้างล่ะ”

 

 

ท่าทางร่าเริงของปูนหายไป ยิ่งเมื่อเด็กหนุ่มบรรจงวางเครื่องมือที่แสนบอบบางนั้นกลับเข้าที่ อยากจะเข้าไปโวยวายเหมือนกันว่าคณิตจะเข้าไปหาคนคนนั้นทำไม เคยรู้บ้างไหมว่าเพื่อนคิดไม่ซื่อกับตัวเอง...แต่ก็เพราะว่าคณิตอาจจะไม่รู้ปูนถึงไม่อยากอาสาเป็นคนบอก

 

 

หากคณิตไม่เคยรู้ก็จงไม่รู้ต่อไป

 

ความรู้สึกของคนอื่นนอกจากเขาน่ะ...ไม่ต้องรับรู้มันหรอก

 

 

 

“มันก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็แค่ของขวัญเหมือนทุกๆปีน่ะ”

 

คณิตว่าก่อนจะตักแฮมของตัวเองใส่ไปในจานของปูนเป็นการบอกว่าให้คนตัวเล็กหันมากินข้าวต่อ  ซึ่งปูนก็ทำตามแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปเป็นเรื่องอื่น ทั้งการเรียนของตัวเอง รายการทีวีที่ดูเมื่อคืนหรืออะไรก็ได้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ชายที่ชื่อเมษา เขารู้ว่าสองคนนี้เป็นเพื่อนกันทั้งในเรื่องธุรกิจและเรื่องส่วนตัวแต่ถ้าเลี่ยงได้ปูนก็อยากจะเลี่ยง

 

ทั้งสองต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง ปูนไปเรียน คณิตไปทำงาน โชคดีว่าบทเรียนที่ยากทำให้ร่างเล็กต้องทุ่มเทสมองไปกับมันจนเขาลืมเรื่องของเมษาไปแล้ว ทันทีที่เรียนเสร็จร่างเล็กก็รีบเก็บกระเป๋าแล้วนั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างไปยังโรงแรมของคณิตทันที แต่พอไปถึงร่างสูงกลับกำลังออกไปพบกับลูกค้า ปูนจึงได้แต่เดินคอตกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมาช่วยงานที่ห้องอาหารเงียบๆ

 

“สวัสดีครับน้องปูน ไม่เจอกันนานน่ารักเหมือนเดิมเลยนะ”

 

ในขณะที่ปูนกำลังง่วนอยู่กับการลองผสมม็อกเทลใหม่ๆอยู่ที่เคาน์เตอร์ เสียงพูดแซวๆที่ฟังคุ้นหูของใครบ้างคนก็ดังขึ้น

 

“พี่ขิง พี่โต้ง!”

 

ร่างเล็กวางน้ำผลไม้ในมือของตนลงแล้วยกมือไหว้คนอายุมากกว่าทั้งสองพร้อมกับโปรยยิ้มไปให้ พอเห็นรอยยิ้มหวานๆขิงก็แสร้งทำท่าเหมือนกับว่าโดนกามเทพแผลงศรมากลางอก จนเรียกเสียงหัวเราะจากทั้งเพื่อนของตัวเองและปูนได้เป็นอย่างดี

 

“ป๋า...เอ่อ...พี่คณิตบอกผมแล้วว่าพวกพี่จะมา แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่นะครับ ออกไปทำธุระข้างนอก”

 

“เรียกอย่างที่เคยเรียกเถอะ พี่ไม่ว่าอะไรหรอก”

 

โต้งบอกปูนพลางลูบหัวกลมๆของเด็กหนุ่มที่เขานึกเอ็นดูอยู่ไม่น้อย ร่างเล็กพอได้ฟังดังนั้นก็ทำหน้าลังเล แต่พอเห็นท่าทางที่ไม่แปลกไปของคนทั้งคู่ก็ยิ้มได้

 

“ส่วนไอ้คณิตมันเพิ่งโทรมาหาพวกพี่เมื่อกี้เองว่ากำลังขับรถกลับมา มันบอกด้วยว่าอยากได้อะไรก็สั่งจากบาร์เทนเดอร์มือทองคนนี้ได้เลย ฮ่าๆ ไม่ต้องเกรงใจท้องไส้พวกพี่เลยนะน้องปูน จัดมาหนักๆ”

 

ปูนยิ้มรับคำขอของขิง เขาจัดการชงเหล้าแบบที่คิดว่าเพื่อนของคณิตน่าจะชอบ พร้อมกับจัดเบียร์เย็นๆให้กับโต้งที่ออกปากว่ายังไม่อยากดื่มเหล้าแรงๆสักเท่าไหร่ ร่างเล็กถือถาดเครื่องดื่มทั้งหมดไปเสิร์ฟให้ทั้งขิงและโต้งด้วยตัวเองตรงริมสระน้ำในมุมที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว แต่แทนที่จะได้กลับไปทำงานต่อปูนกลับต้องนั่งลงอยู่คุยเป็นเพื่อนคนทั้งสองซึ่งปูนก็ได้โอกาสที่จะถามเรื่องราวเกี่ยวกับคณิต

 

“พี่โต้ง สมัยเรียนมหาลัยป๋าเคยมีแฟนมาทั้งหมดกี่คนหรอครับ”

 

โต้งยิ้มกริ่มรับคำถามของปูน เขากะไว้อยู่แล้วว่าเด็กคนนี้จะต้องถาม

 

“ถ้าคบแบบจริงจังก็ไม่มีหรอก แต่ถ้าควงเล่นๆก็มีบ้าง”

 

“แล้ว...เยอะไหมครับ”

 

“ฮ่าๆ ไม่เยอะหรอก นอกจากหน้าตาแล้วก็ฐานะทางบ้านไอ้คณิตมันก็ไม่ตรงทาร์เก็ตของสาวๆเท่าไหร่หรอก”

 

“ยังไงอ่ะพี่ ผมว่าป๋าเขาก็ออกจะ...เป็นคนดีออกนะ”

 

“ก็เพราะว่าเป็นคนดีนี่แหละ บางครั้งมันก็จริงจังเกินไป พี่เคยบอกมันแล้วผู้หญิงเขาอยากได้แฟนนะไม่ใช่พ่อ”

 

ปูนหลุดขำจนเกือบสำลักน้ำที่ดื่มอยู่เพราะสิ่งที่โต้งพูดไม่ต่างจากสิ่งที่เขาคิดเลยสักนิด สำหรับเขาในแง่ของคนรักคณิตน่ะสอบผ่านไปเต็มๆ แต่ก็มีบางมุมเหมือนกันที่ปูนเผลอคิดว่าคณิตทำเหมือนเขาเป็นลูก...แต่ก็ชอบนะ

 

“จะว่าไปมันก็เคยมีแฟนที่คบจริงจังนี่หว่า สมัยมัธยมมั้ง มึงจำได้ป่ะ”

 

ขิงเปรยเมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาหันไปขอคำยืนยันจากเพื่อนแต่โต้งก็ทำเพียงขมวดคิ้วแล้วส่ายหน้า

 

“จำไม่ค่อยได้ว่ะ ไอ้นี่มันไม่ค่อยเล่าเรื่องผู้หญิงให้พี่ฟังกันเท่าไหร่ ว่าแต่ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเรื่องของปูน...มันจะบอกพวกพี่ไหม”

 

มันเป็นคำถามเชิงเย้าแหยที่เรียกสีแดงอ่อนๆให้ขึ้นมาบนผิวแก้มของปูนได้ ขิงหัวเราะเตรียมจะแซวปูนเพิ่มเพราะอยากแกล้ง แต่ก่อนที่จะได้ทำหัวของเขาก็ถูกฝ่ามือหนักๆของใครบางคนประเคนเข้าเต็มรัก

 

“โอ้ยยย ไอ้เชี้ยนิด!!!”

 

คราวนี้เป็นทีของปูนที่ได้หัวเราะบ้าง เขายิ้มให้คณิตที่ยืนมองเพื่อนของตัวเองตาเขียวในข้อหาที่พวกมันถามอะไรไม่เข้าเรื่อง

 

“ไงมึง ทำงานเสร็จแล้วหรอวะ”

 

โต้งหันไปทักเพื่อนก่อนจะชกมือกับคณิตอย่างสนิทสนมทำเป็นไม่สนใจสายตาหงุดหงิดของขิงที่โดนคณิตตบหัวแค่คนเดียว

 

“เออ น่าเบื่อชิบหาย แต่ก็ใกล้จะจบแล้ว”

 

คณิตว่าก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวข้างๆปูนที่ร่างเล็กเว้นไว้ให้ตั้งแต่ก่อนหน้า ปูนยื่นน้ำเย็นๆในแก้วของตัวเองให้คนรักดื่มโดยที่คณิตก็ดื่มมันอย่างไม่คิดอะไร ยกเว้นแต่คนสองคนที่ยิ้มทันทีที่เห็นแบบนั้น

 

“ไอ้โต้ง กูว่าไม่ต้องรอมันบอกหรอกว่ะ ชัวร์แล้วแบบนี้”

 

คราวนี้เป็นคณิตที่เกือบจะสำลักน้ำบ้าง เขาไอคอกแคกพลางส่งแก้วให้ปูนถือต่อขณะที่ถูกเพื่อนทั้งสองมองมาด้วยดวงตาแวววับ ร่างสูงรู้ว่าเพื่อนหมายถึงอะไรเขาจึงหันไปมองใบหน้าด้านข้างของปูนที่ยังคงเหลือร่องรอยของความเขินอายให้เห็น ชายหนุ่มนิ่งไปสักพักก่อนจะถอนหายใจออกมาสั้นๆ

 

“เออ ตามที่มึงคิด”

 

“คิด? ฮ่าๆ กูคิดอะไรวะ”

 

“จิ๊ ก็เรื่องของกูกับปูนไง”

 

คณิตจิ๊ปากขัดใจเมื่อตัวเองกำลังถูกต้อนให้พูด เขาจึงหันไปคว้ามือของปูนมาจับไว้แทนคำตอบทั้งหมด

 

“มึงจะบอกว่า...มึงกับปูนเป็นแฟนกันแล้ว”

 

“ตามนั้น”

 

“...”

 

“...”

 

 

“วู้ววววววว เอาจนได้นะไอ้สัด!!!”

 

 

 

โต้งกับขิงตะโกนออกมาแทบจะพร้อมๆกันจนแขกที่ยืนอยู่ไกลๆหันมามองเป็นตาเดียว จากมุมมองของคนพวกนั้นสิ่งที่พวกเขาเห็นคือภาพของผู้ชายตัวโตสองคนกำลังรุมตบหัวตบหลังชายหนุ่มหน้าจีนที่โวยวายไม่หยุดโดยข้างๆกันนั้นมีเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักกำลังยิ้มและหัวเราะเสียงดังจนทำให้บรรยากาศโดยรอบดูสดใสขึ้นทันตา ปูนมีความสุขที่ขิงและโต้งแสดงความยินดีกับการคบกันของพวกเขาแม้ว่าการแสดงออกกับคณิตจะรุนแรงไปบ้าง แต่ภายในแววตาของคนทั้งคู่ปูนก็สัมผัสได้ถึงความยินดีที่แสดงออกมาอย่างจริงใจ

 

“เพื่อนกูมีเมีย...ใช่ไหม? หรือว่าผัววะ?”

 

“ไอ้เชี้ยขิง...”

 

“ฮ่าๆ โอเคๆ เอาเป็นว่าเพื่อนกูมีเมียทั้งทีจะอวยพรเฉยๆคงไม่ได้ คืนนี้มึงกับน้องห้ามทำงาน เราจะออกไปฉลองกันที่ผับโอเคไหม”

 

“หาเรื่องแดกเหล้าก็บอก”

 

“หรือว่ามึงจะไม่ไป”

 

ขิงยักคิ้วให้คณิตเชิงว่ารู้ดีอยู่แล้วว่าร่างสูงจะตอบตนว่ายังไง คนที่ถูกเพื่อนไล่ต้อนถอนหายใจยาวๆอีกครั้งก่อนจะหันไปตอบเพื่อนด้วยเสียงที่ดังฟังชัด

 

 

“ไม่พลาด...จัดไปอย่าให้เสีย”



(มีต่อเม้นล่าง)

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่28][240359]
«ตอบ #292 เมื่อ24-03-2016 19:28:20 »


ถึงจะบอกว่าเป็นงานฉลองให้คณิตกับเขาก็เถอะ ปูนกลับมองว่าพี่ๆทั้งสองคนแค่อยากจะมาสนุกกันมากกว่า เพราะหลังจากเหล้าแก้วแรกหมดไปทั้งขิงแล้วก็โต้งต่างก็พากันแยกย้ายไปนั่งโต๊ะสาวๆนักศึกษาที่ตัวเองเล็งไว้ตั้งแต่ตอนที่เข้ามาแล้วปล่อยให้คู่รักป้ายแดงอยู่กันแค่สองคน

 

ปูนมองบรรยากาศที่ตัวเองไม่ได้สัมผัสมานานแล้วยิ้มอ่อน เขาไม่ได้รู้สึกดีใจเพราะมันหรอกหากแต่เป็นเพราะในที่แบบนี้การที่เขานั่งจับมือกับคณิตมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ร่างเล็กหันมามองหน้าคนข้างๆที่กลิ้งของเหลวในแก้วของตัวเองไปมาพลางฮัมเพลงสากลที่คุ้นหูไปด้วย

 

“ป๋า”

 

คณิตหลุดจากความคิดของตัวเองแล้วหันมาตามเสียงของปูน

 

“ดีใจไหม ที่เพื่อนป๋ารับได้”

 

ปูนไม่แน่ใจว่าควรถามเรื่องนี้ไหมแต่ก็เพราะว่าเขาดีใจมากเลยอดที่จะพูดมันออกมาไม่ได้ สำหรับเขาที่เป็นเกย์มาแต่แรกมันไม่ใช่เรื่องยากลำบาก เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคนอื่นจะรับได้หรือไม่ได้กับรสนิยมทางเพศของเขา แต่กับคณิตมันไม่ใช่ ปูนรู้ว่าคณิตต่างจากเขาไม่ใช่แค่การรักชอบเพศเดียวกันแต่ยังรวมถึงหน้าตาทางสังคมที่มีมากว่าคนอื่น

 

“ดีใจซิ แต่ก็รู้อยู่แล้วว่าพวกมันต้องไม่ว่าอะไร เธอก็รู้นี่ว่าฉันเรียนอักษร ในกลุ่มเพื่อนของฉันก็เป็นแบบนี้อยู่หลายคน พวกไอ้โต้งมันไม่แปลกใจหรอก”

 

ร่างเล็กยิ้มน้อยๆแม้จะรู้ดีว่ากลุ่มเพื่อนที่คณิตพูดถึงคือใคร เขาซบหน้าลงบนบ่าของคนรักแล้วสูดเอากลิ่นกายหอมๆที่สร้างความมั่นใจให้เขาได้เสมอ

 

“ผมก็ดีใจเหมือนกัน”

 

เสียงฮัมเพลงของปูนช่างต่างกับบรรยากาศวุ่นวายโดยรอบ มันไม่ได้เพราะขนาดนั้นแต่คณิตก็สามารถจับถึงกระแสความสุขที่ไหลเวียนอยู่ในนั้นได้ ปูนเต้นไปรอบๆตัวเขาแล้วหันมายิ้มให้ในทุกๆท่อนที่มีคำว่ารัก คณิตก็ยิ้มกลับแม้ว่ามันจะไม่กว้างดังเดิมก็ตาม

 

เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมงทั้งโต้งและขิงที่ได้เบอร์สาวมาสต็อกเพิ่มกันคนละเบอร์สองเบอร์ก็กลับมานั่งที่โต๊ะด้วยท่าทางที่ไม่แสดงความเมามายให้เห็น และด้วยความที่เป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ดีปูนก็เริ่มคุยอย่างสนิทสนมกับเพื่อนของคณิตทั้งสองคนจนตอนนี้กลายเป็นว่าจากเดิมที่พวกเขาเคยนั่งอยู่ติดกัน ปูนก็เขยิบมานั่งใกล้ๆโต้งเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการชงเครื่องดื่มที่อีกฝ่ายสนใจอยู่ไม่น้อย ส่วนขิงก็นั่งอยู่กับคณิตแล้วคุยเรื่องการลงทุนที่ตัวเองเพิ่งได้ข้อมูลมา

 

“คนแม่งเยอะดีชิบหาย ไอ้คณิตตอนนี้กี่โมงแล้ววะ”

 

โต้งหันไปถามร่างสูงที่กำลังคุยกับเพื่อนอีกคนอย่างออกรสออกชาติ คณิตได้ยินอย่างนั้นก็หยิบเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาดูเวลา และเพราะการกระทำนั้นทำให้ปูนเพิ่งสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

 

“ป๋าไม่ได้ใส่นาฬิกาที่ผมซื้อให้หรอ”

 

ปูนมองข้อมือที่ว่างเปล่าของคณิตแล้วถามด้วยความสงสัย เด็กหนุ่มขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วหันไปหาร่างสูงเพื่อขอคำตอบแต่ทว่ามันกลับไม่มี...คณิตหยุดนิ่ง ไม่มีการชักข้อมือหนีหรือพูดแก้ตัวอะไรทั้งนั้น เขาแค่ไม่พูดแล้วปล่อยให้ความเงียบสร้างความสงสัยแก่ปูนต่อไป

 

“นาฬิกาอะไรหรอปูน”

 

โต้งถามเมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้น

 

“นาฬิกาข้อมือน่ะครับ ผมซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดป๋า แต่ว่า...”

 

ไม่ต้องอธิบายต่อคนฟังอีกสองคนก็พอจะเดาเรื่องราวได้ โต้งหันไปมองหน้าเพื่อน คณิตยังคงนั่งนิ่งแล้วจิบเครื่องดื่มในมือของตัวเองต่อไปอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ในขณะที่คนตั้งคำถามเริ่มถูกความไม่เข้าใจรุมเร้ามากขึ้นเรื่อยๆ

 

ร่างเล็กพยายามนึกย้อนถึงตอนก่อนหน้า เขาไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนว่าเมื่อเช้าคณิตก็ไม่ได้ใส่นาฬิกาที่เขาซื้อให้เหมือนกัน ถ้าจำไม่ผิดนาฬิกาที่อยู่บนข้อมือของคณิตเมื่อเช้าจะเป็นนาฬิกาเรือนเก่าที่หน้าปัดมันเป็นสีขาว...แล้วนาฬิกาของเขาไปไหน...ทำไมคณิตไม่ใส่มัน

 

“ป๋า...นาฬิกาของผมไปไหนหรอ”

 

“...”

 

“ป๋า...”

 

“มันคงไม่เข้ากับชุดมั้งปูน อย่าคิดมากเลย ว่าแต่มึงเมาแล้วใช่ไหมไอ้คณิต นั่งเงียบไม่ยอมตอบเลยนะสัด มานี่เลย มาล้างหน้าล้างตากับกูก่อน”

 

ขิงพูดแก้ตัวให้เพื่อนก่อนจะลากคณิตที่ถ้าประเมินทางสายตาก็ยังเดินได้มั่นคงดีให้ไปห้องน้ำด้วยกัน ปูนมองตามแผ่นหลังของคนรักไปอย่างไม่สบายใจ แต่เพราะถูกโต้งจับบ่าไว้เขาจึงตามไปไม่ได้

 

คณิตยังคงเงียบแม้ว่าคนที่เดินนำหน้าเขาอยู่จะถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่สาม แม้ทางที่พวกเขาเดินมาจะเป็นทางเข้าห้องน้ำแต่มันก็มีประตูเล็กๆที่สามารถทะลุออกไปข้างนอกได้ อากาศที่ปลอดโปร่งกว่าไม่ได้ทำให้ขิงโล่งใจเลยสักนิด เพราะสำหรับคนที่รู้จักคณิตมานานอย่างเขาและโต้งต่างก็รู้ดีว่าอาการที่เพื่อนแสดงออกไปเมื่อครู่มันผิดปกติมากแค่ไหน

 

“เอาล่ะ มึงเป็นอะไรว่ามาสิ”

 

ขิงเปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติในกลุ่มพวกเขา คณิตมองหน้าโต้งอยู่พักหนึ่งก่อนจะเดินนำไปยังม้านั่งที่ไร้ผู้คน ร่างสูงนั่งลงพร้อมกันนั้นก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าสีดำที่ไร้ซึ่งดวงดาว แต่มันก็ดีแล้วที่เป็นแบบนั้น...เพราะแค่นี้หัวเขาก็วุ่นวายจะแย่

 

“แค่สับสนน่ะ”

 

“สับสน? สับสนอะไร?”

 

“สับสนว่าตัวเองจะทำอะไรต่อไปล่ะมั้ง”

 

ขิงไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่แปลกเพราะคณิตก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน คำพูดของเมษาดังก้องอยู่ในหัว ภาพของนาฬิกาสองเรือนนั้น ของขวัญที่คาดไม่ถึงและเรื่องราวระหว่างเขากับปูนที่ผ่านมา...หรืออาจจะมีเรื่องที่เขาไม่เคยรู้ซ่อนอยู่อีก

 

“น้องมันทำอะไรหรอวะ”

 

ขิงสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเรื่องนี้คงมีสาเหตุมาจากปูน เพราะถ้าเรื่องมันเกิดเพราะตัวคณิตเอง เพื่อนของเขาจะไม่มีทางทำตัวแบบนั้น ยิ่งเฉพาะกับคนที่เป็นคนรักกัน การไม่พูดแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายคิดไปเองมันทั้งโหดร้ายและเลือดเย็นเสียจนเขานึกหวั่นแทน

 

“นั่นแหละที่เป็นปัญหา...เพราะกูไม่รู้ว่าปูนทำหรือไม่ได้ทำมันกันแน่”

 

“...?”

 

“ถ้าเขาไม่ได้ทำกูก็สบายใจ แต่ถ้าเขาทำกูก็คงโกรธ...แต่ก็จะหาย”

 

“เอ้า สรุปคือไม่ว่ายังไงมึงก็ไม่โกรธแล้วปัญหามันอยู่ตรงไหนวะ”

 

“ตัวกูเองล่ะมั้ง”

 

รอยยิ้มหยันถูกจุดขึ้นตรงมุมปาก ตั้งแต่เดินทางกลับมาจากโรงแรมของเมษาเขาก็เฝ้าถามตัวเองว่าจะทำกับเรื่องนี้ยังไง ไม่ใช่ว่าไม่รู้...เขารู้มาแต่แรกว่าปูนเคยทำอาชีพแบบไหน แต่เขาก็ค่อนข้างมั่นใจว่าตั้งแต่ที่ข้อตกลงระหว่างเขากับปูนเกิดขึ้นเด็กคนนั้นก็ไม่ได้ไปหลับนอนกับใครอีก

 

เขากอดปูนอยู่ทุกคืน...ทำไมจะไม่รู้

 

“มึงช่วยพูดอะไรที่เข้าใจง่ายๆหน่อยได้ไหมวะ แม่ง ไอ้นิสัยพูดงงๆของเด็กอักษรนี่มันน่ารำคาญจริงๆ นี่ขนาดมึงไม่หนักเท่าไอ้กาลกับไอ้นิลนะกูยังจะบ้า”

 

ชื่อของเพื่อนก๊วนอักษรสองคนถูกอ้างขึ้น เพราะแต่ไหนแต่ไรขิงก็ไม่ค่อยจะเข้าใจความคิดของเด็กคณะนี้สักเท่าไหร่

 

“ถ้าพูดง่ายๆก็...กูมันไม่มั่นคงเองล่ะมั้ง”

 

“...!!”

 

“กูรู้ว่าเขาไม่ได้ทำ กูคิดว่าตัวเองเชื่อใจเขา แต่พอมีอะไรมากระทบเข้าหน่อยกูดันรู้สึกแย่ซะได้...”

 

“แล้วมันแปลกตรงไหนวะ”

 

คณิตหันหน้ามาหาเพื่อนทันทีที่ขิงพูดจบ วิศวกรหนุ่มที่ไม่ละเอียดอ่อนแต่ตรงไปตรงมานั่งลงข้างๆเพื่อนแล้วพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด

 

“ถ้ามีคนมาพูดอะไรแย่ๆเกี่ยวกับคนที่เรารักให้ฟังเป็นใครก็ต้องรู้สึกแย่กันทั้งนั้น แล้วถึงจะบอกว่าเชื่อใจมันก็ไม่มีใครเชื่อใจกันได้ร้อยเปอร์เซ็นหรอก ขนาดตัวของเราเองบางทีเราก็ไม่อยากจะเชื่อในมันเท่าไหร่เลยถูกไหม”

 

“...”

 

“ใจคนนะเว้ย ไม่ใช่ภูเขา จะไหวบ้างเอนบ้างก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร ขอแค่พอรู้ตัวว่ากำลังไม่เชื่อใจเขาก็รีบปรับความเข้าใจแล้วกลับมาอยู่เคียงข้างกันเหมือนเดิมก็พอ”

 

ขิงยักคิ้วให้คณิตแล้วจุดบุหรี่ในมือของตัวเองขึ้นสูบ คราวนี้แม้ว่าจะไม่ชอบกลิ่นของมันเท่าไหร่คณิตกลับไม่ขยับหนีหนำซ้ำยังระบายยิ้มอ่อนออกมาราวกับว่าเมื่อครู่มีอะไรดีๆเกิดขึ้น

 

“มึงแม่ง พูดจาเท่ๆก็เป็นนี่หว่า”

 

“ดูถูกกันนี่หว่า นี่ใครครับๆ นี่พี่ขิงผู้ที่มีหัวใจเหมือนกับท้องทะเลนะครับ”

 

“เหมือนทะเล? ยังไงวะ เค็มเหมือนกันหรอ?”

 

“ไอ้เชี้ยนี่ มือมึงสิเค็ม กูหมายถึงหัวใจที่น่าหลงใหลของกูต่างหาก”

 

“หึ จะบอกว่าใจหล่อว่างั้น”

 

“เปล่า หัวใจกูมันไม่หล่อหรอก เหมือนกับทะเลนั่นแหละ ก็เพราะว่า...”

 

ขิงเก็กหน้าหล่อ เขาจี้บุหรี่ที่ยังไม่หมดมวนดีลงกับที่เท้าแขนของเก้าอี้ก่อนจะหันมามองคณิตด้วยสายตาที่ขิงเข้าใจว่ามันเท่ที่สุด

 

 

 

“ทะเลมันไม่สวยหรอก แต่มันรับฟังมึงได้ทุกเรื่อง”

 

 

 

“...”

 

 

 

“...”

 

 

 

“แดกเกลือผสมไอโอดีนบ้างนะมึง”

 

 

 

.

.

.

.

.

 

คณิตกับขิงไปเข้าห้องน้ำเป็นสิบนาทีแล้วแต่ก็ยังไม่กลับมา ปูนที่ถูกโต้งห้ามไว้ได้แต่ชะเง้อคอมองไปทางนั้น ดนตรีจังหวะเร็วๆไม่ได้ทำให้เขาบันเทิงอีกต่อไป เหล้าในแก้วก็ถูกละลายด้วยน้ำแข็งที่กลายมาเป็นน้ำจนดูไม่เหลือรสชาติ คนที่อายุมากกว่าถอนหายใจ เขาลูบแผ่นหลังเล็กของปูนเบาๆอย่างปลอบโยนพร้อมกันนั้นก็นึกเป็นห่วงเพื่อนตัวเองไปด้วย

 

“ใจเย็นๆน่าปูน เดี๋ยวมันก็กลับมา”

 

ถึงน้ำเสียงของโต้งจะฟังดูอบอุ่นและหนักแน่นแต่ปูนก็ยังไม่คลายความกังวลใจ ใบหน้าน่ารักง้ำงอ ทั้งน้อยใจและสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อยากจะทำตัวเอาแต่ใจเข้าไปเค้นความจริงจากคณิตดูบ้างก็ไม่กล้า ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนที่เขายังไม่รักร่างสูงมันก็ไม่เป็นไรหรอก แต่พอได้วางหัวใจลงไปในมืออีกฝ่ายแล้วจะทำอะไรก็กลัวไปซะหมด

 

“พี่โต้งว่า...ป๋าเขาโกรธอะไรปูนรึเปล่า”

 

ปูนกลั้นใจถาม แม้จะรู้ดีว่าโต้งเองก็คงไม่รู้คำตอบ คนที่โตกว่ามองเด็กชายที่ตกประหม่าแล้วหัวเราะออกมา

 

“ฮ่าๆ อย่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้สิ ยังไม่มีใครว่าอะไรเราสักหน่อย”

 

“แต่ป๋า...”

 

“คณิตมันอาจจะแค่เหนื่อย มันวิ่งงานมาทั้งวันแถมยังโดนพวกพี่ลากมาเที่ยวที่นี่อีกคงล้ากันบ้าง เราก็อย่าคิดมากเลยนะ”

 

“ครับ”

 

ร่างเล็กรับปากแม้จะไม่คิดแบบนั้นเลยสักนิด เขาเริ่มหันกลับมามองเหล้าและมิกเซอร์บนโต๊ะแล้วลงมือชงเหล้าแก้วใหม่ให้กับคณิตแม้จะไม่รู้ว่าคนรักจะกลับเข้ามาเมื่อไหร่ แถมปูนยังใจดีชงเผื่อให้ขิงและโต้งที่คอยให้กำลังใจ แต่ส่วนของตัวเองปูนรู้สึกว่าเขาไม่อยากดื่มมันแล้ว

 

“นั่นปูนนี่ ปูนใช่ไหม”

 

เสียงทักของใครบางคนดังขึ้นขณะที่ปูนกำลังเลื่อนแก้วเครื่องดื่มที่ชงเสร็จเรียบร้อยแล้วไปให้โต้ง เด็กหนุ่มรู้สึกว่ามันฟังคุ้นหูแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินมันมาจากไหน เขาจึงหันไปทางนั้นก่อนจะนิ่งค้าง

 

“ใช่จริงๆด้วย ปูนนี่เอง”

 

“มะ มึง...”

 

โต้งเลิกคิ้วขึ้นเมื่อจู่ๆท่าทางของปูนก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ดวงตากลมเล็กที่ถึงแม้จะหม่นแสดงเพราะความเศร้าไปบ้างแต่ก็ยังคงสดใสอยู่เปลี่ยนเป็นเบิกค้างราวกับว่ากำลังตกใจสุดขีด แก้วของเขาที่อยู่ในมือของปูนสั่นจนเกิดเสียง เหงื่อกาฬเม็ดเล็กผุดขึ้นตามไรผมทั้งๆที่โต๊ะที่พวกเขานั่งมันอยู่ใกล้แอร์

 

ชายหนุ่มหันไปมองแขกไม่ได้รับเชิญที่น่าจะเป็นสาเหตุของอาการผิดปกติเหล่านี้ คนที่กำลังเดินมาดูแล้วน่าจะอายุไม่ห่างจากปูนเท่าไหร่ เป็นเด็กวัยรุ่นชายตัวสูงโปร่งผิวพรรณค่อนข้างดี ดูภายนอกแล้วไม่ได้โดดเด่นอะไรแล้วทำไมพอเห็นคนคนนี้ปูนถึงแปลกไป

 

“ไม่นึกเลยว่าจะมาเจอกันที่นี่ นึกว่าก้อยมันพูดเล่นซะอีก ว่าแต่ปูนไม่ได้เปลี่ยนไปเลยนะ...เคยน่ารักยังไงก็ยังน่ารักเหมือนเดิม”

 

โต้งรู้สึกว่าสถานการณ์ตรงหน้ามันไม่ดีเมื่อคนแปลกหน้าคนนี้เริ่มใช้คำพูดที่คุกคามปูนอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสิ่งยืนยันก็คือแววตาที่สั่นไหว มันมีทั้งความกลัว ความโกรธ และความรู้สึกบางอย่างผสมปนเปกันอยู่ในนั้นอย่างไม่อาจควบคุมได้แม้แต่ตัวของปูนเอง

 

“ปูนจะไม่ทักผมหน่อยหรอ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน หรือว่าลืมกันไปแล้ว”

 

“ออก...ออกไป...”

 

“ว่าไงปูน ยังจำผมได้ไหม”

 

“...”

 

“ยังจำเรื่องวันนั้นได้รึเปล่า”

 

“กูบอกให้ออกไปไงเล่า!!!”

 

ปูนหวีดร้องก่อนจะปัดแก้วใบที่อยู่ใกล้มือที่สุดตกลงพื้นจนเกิดเสียงดังไปทั่ว ทุกการเคลื่อนไหวรอบตัวหยุดนิ่ง ทั้งชายแปลกหน้าและโต้งไม่มีใครกล้าขยับยกเว้นเพียงแต่ร่างเล็กที่พยายามกลั้นน้ำตาของตัวเองจนตัวโยน โต้งที่ตั้งสติได้ก่อนรีบเข้ามาประคองปูนที่สั่นจนเหมือนกับว่าพร้อมจะล้มลงไปกองบนพื้นได้ทุกเมื่อ เขาตวัดสายตาไปมองชายอีกคนแล้วพูดด้วยเสียงกร้าว

 

“มึงออกไปซะ วันนี้ปูนคงไม่พร้อมคุยกับมึงหรอก”

 

“แล้วพี่เป็นใครวะ ทำไมต้องมาเสือกด้วย”

 

“ไอ้เด็กนี่!”

 

“อ่อๆ ผมรู้แล้ว”

 

ชายคนนั้นทำหน้าเหมือนกับเพิ่งเข้าใจอะไรบางอย่าง มันยกยิ้มหยันที่มุมปากพลางกวาดสายตามองไปยังปูนและโต้งสลับกัน ร่างเล็กที่ยังคงสั่นเดาออกว่าหมอนี่กำลังคิดอะไร...ไม่...อย่าพูดนะ

 

“ออกไป ออกไปสิ!”

 

“อะไรกันปูน ได้ลูกค้าใหม่แล้วลืมลูกค้ารายแรกอย่างผมเลยหรอ”

 

“...!!”

 

ปูนรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงบางอย่างแตก...ใช่แล้ว..มันคงเป็นเกราะบางๆในใจของเขาเอง ปูนสะบัดแขนของโต้งออกกแล้วตรงเข้าไปซัดหมัดรุ่นๆใส่ใบหน้าของหมอนั่นอย่างจังจนมันล้มลงไป ความโกลาหนเกิดขึ้นทุกทิศทางเมื่ออีกฝ่ายที่ตั้งตัวได้ไวจนน่าชมเชยลุกขึ้นมาต่อยสวนปูนกลับด้วยหมัดที่แรงจนร่างเล็กรู้สึกถึงรสเลือดเค็มปร่าได้แม้จะโดนเพียงครั้งเดียว

 

โต้งพอเห็นว่าปูนโดนต่อยก็เข้ามาช่วยจนกลายเป็นว่าพวกเขาทั้งสามคนกำลังตะลุมบอนกันอย่างไม่มีใครยอมใคร เสียงกรีดร้องและห้ามปรามดังมาจากทั่วทุกสารทิศ ปูนได้ยินเหมือนใครสักคนพูดว่าให้เรียกตำรวจแต่เขาก็ไม่สนใจ

 

“เชี้ยเอ้ย ไอ้โต้งพอ!”

 

ขิงที่วิ่งกลับเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงคนตะโกนว่าข้างในกำลังมีเรื่องตรงเข้าไปถีบช่วงท้องของคนที่กำลังถูกโต้งซัดหมัดใส่จนเต็มแรง พอแยกจากกันได้คนรอบช้างก็ตรงเข้ามาช่วยกันทั้งสองฝ่ายออกจากกัน โต้งกลายมาเป็นฝ่ายที่จับขิงไว้เพราะกลัวว่าเพื่อนจะเข้าไปซัดกับหมดนั่นอีก ส่วนปูนที่เป็นดั่งวัวสันหลังหวะก็ได้แต่ยืนนิ่งจนกระทั่งคณิตที่เพิ่งมาถึงกระชากเขามากอดด้วยความห่วงใย

 

“เป็นอะไรไหมปูน! เจ็บตรงไหนรึเปล่า!!?”

 

“ป๋า...”

 

เพราะเอ่ยปากพูดทำให้คณิตเห็นแผลที่แตกในช่องปากของปูนอย่างชัดเจน ไฟโทสะถูกจุดขึ้นข้างใน ร่างสูงปล่อยมือจากไหล่ของคนรัก เขาก้าวสามขุมเข้าไปหาคนที่ถูกนักท่องเที่ยวคนอื่นจับตัวไว้ คณิตกำหมัดแน่นพร้อมกับจ้องมองไปยังอีกฝ่ายด้วยดวงตาแบบที่ปูนไม่เคยเห็นมาก่อน แต่โต้งกับขิงรู้จักมันดี

 

“ไอ้คณิตอย่า!”

 

โต้งกับขิงรีบเข้ามาช่วยห้ามคณิตจนทำให้ที่หมัดของร่างสูงเฉียดแก้มของอีกฝ่ายไปจนคนดูเสียวแทน ปูนเองที่พอตั้งสติได้ก็รีบเข้ามาดึงคณิตไว้แล้วพยายามลากชายหนุ่มออกมาเพราะไม่อยากให้ทั้งสองคนเผชิญหน้ากันมากกว่านี้ เขากลัว...กลัวว่าคณิตจะรู้เรื่องที่เขาไม่อยากให้รู้จากปากของคนอื่น

 

“ป๋าไปกัน ขอร้อง...ไปกันเถอะ”

 

“มันทำร้ายเธอขนาดนี้เธอคิดว่าฉันจะยอมหรอปูน!!”

 

คณิตหันมาตะคอกใส่ปูนด้วยเสียงอันดัง แต่พอเขาเริ่มรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปก็เมื่อตอนที่หยดน้ำใสๆกลิ่งหล่นลงมาจากดวงตาของร่างเล็ก สติของคณิตเริ่มกลับมา เสียงกนด่าของคู่กรณีไม่ได้เข้าหูเขาอีกแล้ว โสตประสาทของร่างสูงมีเพียงภาพและเสียงร้องไห้ของปูนเท่าไหร่

 

“ขอร้อง ฮึก ปูนอยากกลับบ้าน”

 

“ปูน...”

 

“นะ พี่นิด ฮึก พี่นิดพาปูนกลับบ้านที”

 

ไม่ต้องรอให้พูดซ้ำอีก คณิตรีบถอดเสื้อคลุมของตัวเองมาใส่ให้กับปูนก่อนจะหันมาบอกเพื่อนอีกสองคนให้อยู่จัดการค่าเสียหายแทนเขา ชายหนุ่มพาปูนที่ยังร้องไห้ไม่หยุดไปที่รถแล้วขับมันออกไปโดยไร้ซึ่งความลังเลใดๆ จะมีก็แต่ความไม่เข้าใจ...และความเสียใจที่เขาปกป้องปูนไม่ได้

 

คณิตเป็นฝ่ายลงไปเปิดประตูรั้วเอง เขาขับรถเข้าไปด้านในแล้วจอดอย่างไม่เรียบร้อยนัก ร่างสูงรีบลงมาพยุงปูนออกจากรถก่อนจะพาเข้าไปในบ้านที่ทำให้ปูนรู้สึกปลอดภัยจนอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ปูนรั้งคณิตไว้ด้วยอ้อมกอดเขาไม่สนใจว่าตัวเองจะเจ็บขนาดไหน ไม่ต้องทำแผลก็ได้เพราะตอนนี้เขาต้องการแค่ความอบอุ่นของคณิตเท่านั้น

 

ความอบอุ่นที่บอกว่าคณิตยังอยู่กับเขา...

 

“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรแล้ว...อยู่ที่นี่จะไม่มีใครมาทำอะไรเธอได้อีก”

 

คณิตกล่อมพร้อมกับลูบแผ่นหลังของปูนเบาๆทำให้แรงสะอื้นค่อยๆคลายลงก่อนจะนิ่งไป ปูนหลับอยู่ในอ้อมแขนของคณิต  ชายหนุ่มนึกแค้นคนที่ทำให้ปูนเป็นแบบนี้เพราะแม้แต่ใบหน้ายามหลับของคนตัวเล็กก็ยังคงโศกเศร้าและทรมานเสียจนเขาอยากฆ่าคนเป็นครั้งแรก ร่างสูงอุ้มปูนขึ้นไปบนชั้นสอง เขาจัดการเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ปูน ก่อนจะนำอุปกรณ์มาทำความสะอาดแผลในจุดที่พอจะทำได้ในตอนนี้ คณิตลูบใบหน้าบวมช้ำของปูนด้วยความรู้สึกหลากหลายแต่มีอยู่หนึ่งเสียงที่เขาสามารถได้ยินมันอย่างชัดเจน

 

เสียงที่บอกว่า เขาจะไม่มีวันให้ใครมาทำร้ายปูนแบบนี้อีก

 

ติ๊งหน่อง!

 

เสียงกดกริ่งดังขึ้นจากหน้าบ้าน ทำให้คณิตต้องยอมละสายตาจากปูนลงมาหาเพื่อนทั้งสองคนที่สภาพดูไม่จืดผิดกับขาไป ร่างสูงบอกเพื่อนว่าอย่าเพิ่งพูดอะไรให้ทุกคนเข้ามาทำแผลก่อน ขิงน่ะไม่เท่าไหร่ แต่แผลของโต้งเนี่ยสิ น่าเป็นห่วงพอๆกับปูนเลย

 

“น้องหลับไปแล้วหรอวะ”

 

ขิงถามคณิตที่กำลังใช้สำลีชุบน้ำเกลือเช็ดแผลให้โต้งอยู่ ร่างสูงพยักหน้ารับโดยที่ไม่เปิดปากพูด ทำให้บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความกดดัน

 

“แล้วก่อนจะหลับน้องได้บอกอะไรบ้างไหม กูเค้นถามจากไอ้เชี้ยนี่แม่งก็ไม่ยอมบอก เอาแต่เงียบอย่างเดียว”

 

คนอารมณ์ร้อนบุ้ยหน้าไปทางโต้งที่ทำหน้าเซ็งๆเมื่อโดนพูดถึงแบบนั้น

 

“ไม่...เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว”

 

“...”

 

“ไอ้โต้ง มึงบอกกูมาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

 

คณิตยอมผันตัวมาเป็นพวกเดียวกับขิงเพราะความอยากรู้มันสุมอยู่ในอกเขาจนไม่อยากรักษามาดนิ่งไว้อีกแล้ว คนถูกถามก็ทำหน้าลำบากใจ โต้งสบตาเพื่อนรักทั้งสองที่กำลังจ้องมองมาแต่ก็ไม่เห็นทางรอดสำหรับเรื่องนี้เลย

 

“กูก็ไม่รู้อะไรมาก...แต่เด็กนั่นมันมาหาเรื่องปูนก่อน”

 

“ยังไงวะ”

 

“ทั้งสองคนคงรู้จักกันเพราะมันเดินมาทักปูนก่อน แต่ดูแล้วปูนไม่น่าจะอยากรู้จักมันเท่าไหร่...น้องสั่นมากตอนที่เห็นมัน น้องดูอึ้งจนพูดไม่ออกจนกระทั่งไอ้เชี้ยนั่นมัน...”

 

“มันทำไม”

 

คณิตถามขึ้นเมื่อจู่ๆโต้งก็หยุดคำพูดของตัวเองไป จิตแพทย์หนุ่มไม่อยากพูดต่อแต่พอโดนเพื่อนจ้องมาอย่างคาดคั้นก็รู้ว่าไม่อยากปิดบังได้

 

 

“มันคงนึกว่ากูกับปูนมีอะไรกัน แล้วมันก็บอกว่า...มันคือลูกค้าคนแรกของปูน”

 

 

“...!!”

 

อาการรอบตัวเย็นขึ้นอย่างฉับพลัน ทุกคนได้แต่นั่งนิ่ง แม้แต่ขิงที่รู้เรื่องน้อยที่สุดก็ไม่กล้าพูดอะไรทั้งที่ในใจจินตนาการไปร้อยแปด ส่วนคณิตกำลังรู้สึกเหมือนมีคนเอาค้อนหนักๆมาทุบเข้าที่กลางหัว

 

“ไอ้คณิต...มึงโอเคไหม”

 

โต้งถามเพื่อนด้วยความห่วงใย ไม่ต้องมีคำอธิบายใดๆเขาก็พอจะเดาเหตุการณ์บางอย่างได้ เพียงแต่มันหนักหนาเกินกว่าจะพูด และมันก็เป็นเรื่องระหว่างคนสองคนที่คนนอกอย่างพวกเขาไม่สมควรเข้าไปเกี่ยว

 

“กูโอเค...มั้ง อยากตอบมึงแบบนั้นเหมือนกัน”

 

คณิตอ่อนล้าเกินกว่าจะยิ้มให้เพื่อนได้อย่างสนิทใจ เขาก้มหน้ามองปลายเท้าของตัวเองก่อนจะหลับตาลงเมื่อเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นมากมายในช่วงนี้ไหลกลับเข้ามาในหัวจนเขาไม่อาจตั้งรับได้ทัน

 

“กูเข้าใจ แต่ถึงจะไม่โอเคมึงก็ต้องมีสตินะเว้ย อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม”

 

โต้งเอ่ยปากเตือนเพราะกลัวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้คณิตน็อตหลุดจนเผลอทำร้ายจิตใจคนที่บอบช้ำพออยู่แล้วอย่างปูน ถึงเขาจะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุแต่เขาก็พอมองออกว่าคณิตรู้สึกกับปูนแบบไหน แต่สำหรับบางครั้งหัวใจที่มีไว้รักและสมองที่มีไว้คิดก็ไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

 

“กูถามมึงอย่างเดียว...มึงรู้มาก่อนแล้วรึเปล่า”

 

ขิงที่เริ่มมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองคิดถามขึ้นด้วยใบหน้าที่แสดงออกถึงความลำบากใจจนคณิตสังเกตได้

 

“รู้...กูกับปูน...เราก็รู้จักกันเพราะแบบนั้น”

 

คำตอบของคณิตทำเอาขิงถอนหายใจออกมายาวๆ ขิงหันมาหาโต้งเพื่อขอให้เพื่อนที่ดูแล้วน่าจะคุมสติได้ดีกว่าเขาเป็นฝ่ายพูดต่อ

 

“ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรรึเปล่าวะ โอเคว่ามันก็คงเสียความรู้สึกกันบ้าง แต่ในเมื่อก่อนมึงจะคบกันมึงก็รู้เรื่องของน้องเขาอยู่แล้ว อดีตมันก็คืออดีตนะเว้ยคณิต...ถ้าน้องเขารู้ว่าวันนี้จะได้เจอมึงก็เชื่อว่าปูนจะไม่ทำ”

 

“กูรู้ กูคิดว่าตัวเองน่าจะเข้าใจและก้าวผ่านอดีตของปูนไปได้ แต่มัน...ก็เหนื่อยเหลือเกินว่ะ...ทั้งกูแล้วก็เขา”

 

“...”

 

“มันต้องมีอีกกี่ครั้งวะที่เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นอีก ถึงแม้ว่าปูนจะเลิกทำไปแล้วแต่ผลจากอดีตพวกนั้นก็จะย้อนกลับมาทำร้ายมันอยู่ดี ครั้งนี้ปูนโดนทำร้ายแล้วถ้าครั้งหน้าคนพวกนั้นทำรุนแรงกว่านี้ล่ะกูจะทำยังไง...กูปกป้องเขาไม่ได้ แม้แต่จะห้ามตัวเองไม่ให้คิดมากก็ยังทำไม่ได้...กูคิดจนไม่อยากจะคิดแล้วว่ะว่าตัวเองควรจะทำยังไง...กูเหนื่อยพวกมึงเข้าใจไหม”

 

ทั้งโต้งและขิงได้แต่ฟังโดยที่ไม่รู้จะพูดอะไร ความใจกว้างเป็นข้อดีของคณิต แต่ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่มีขีดจำกัดด้วยกันทั้งนั้น ขิงเข้าไปกอดคอเพื่อนอย่างปลอบใจส่วนโต้งก็นั่งแหงนหน้าขึ้นไปมองตรงชั้นสอง

 

พวกมึงต้องเข้มแข็งนะคณิต

 

 

ทั้งมึงแล้วก็ปูนเลย...

 

 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!!

บอกได้อย่างเดียวว่า Be Strong ทั้งป๋าและปูนเลยนะ ส่วนพี่เมษทิ้งระเบิดไว้ก็ลอยตัวเลยชิชิ ต้องชดใช้ๆ =_=^^^^

ช่วงนี้เช่มาช้าหน่อยนะคับ งานเยอะหลายสิ่ง ขอบคุณที่รอแล้วก็ขอโทษด้วยนะคับ  :hao5:

 

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่28][240359]
«ตอบ #293 เมื่อ24-03-2016 20:05:03 »

เมษน่ะ เด่งโด่งออกไปจากเรื่องได้เลยยิ่งดีค่ะ
ไม่ได้ให้ปูนเอาคืนบ้างก็ช่างปะไร อย่าได้มาสร้างปัญหาอีกก็พอ  :m16:

แต่ตอนนี้  :hao5: เค้าหน่วง อึดอัด

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่28][240359]
«ตอบ #294 เมื่อ24-03-2016 20:42:55 »

น้องปูนยืนฟังอยู่ที่ชั้นสองใช่มั้ย  T_____T
โอ้ยยย ปมเยอะมากพันกันอีรุงตุงนังไปหมด
ไหนจะอีตาเมษาก็เข้ามาผสมโรงอีก   
ทั้งหมดนี่เพราะไม่เปิดอกคุยกันไง มันเลยรอวันระเบิด
เสร็จเรื่องนี้ไปสเดาะเคราะห์กันนะทั้งสองคนเลย ล้างซวย 55555 

ปล. รักพี่หมอโต้งพี่ขิงมากเลย จริงๆต้องบอกว่ารักเพื่อนพี่คณิตทุกคนอ่ะ
กลุ่มนี้เค้ารักกันเนอะ ปรึกษาก็ได้ แมนๆเตะต่อยก็ใจถึงทุกคนเลย
ปล2. รักเรื่องนี้ .... มากกกกกกกกกกก ( จริงๆนะ : p )

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่28][240359]
«ตอบ #295 เมื่อ24-03-2016 21:41:56 »

น้องปูนแอบยืนฟังอยู่ด้วยรึเปล่าอ่า แงงงง
สงสารป๋า สงสารน้อง แต่มันก็เป็นผลพวงจากอดีตที่ย้อนกลับมาทำร้าย ถ้าป๋าและน้องเข้มแข็งพอ มันก็จะผ่านพ้นไป  :hao5:

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่28][240359]
«ตอบ #296 เมื่อ24-03-2016 21:58:16 »

อดีตเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เรายังเสียดายปูนไม่น่าทำอย่างนั้นเลย เห็นใจป๋านะถึงแม้จะเป็นคนดีและใจกว้างแค่ไหน แต่เจออย่างนี้บ่อยๆ ท้อได้เหมือนกัน ขอให้ทั้งสองผ่านไปได้ เพราะเราเชื่อว่าต้องมีอะไรที่แรงกว่านี้อีกแน่นอน ผลร้ายที่ปูนเคยทำคงเหมือนกับกระจกสะท้อนกลับและโดมิโน่ที่ล้มไม่สิ้นสุด เข้มแข็งๆ สู้ๆ  :L2:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่28][240359]
«ตอบ #297 เมื่อ24-03-2016 22:53:55 »

ลูกค้าคนแรกนั่น  ท่าทางจะมีอะไรมากไปกว่าการเป็นลูกค้าคนแรก
นังก้อยที่ว่านั่นก็จองเวรจองกรรมกันเหลือเกินนะ
เมษนี่ก็จงใจหยอด   ขอให้สะดุดสิ่งที่ตัวเองหยอดไว้ด้วยเถอะ

ความหลังของปูนมันเลี่ยงไม่ได้หรอกค่ะ
ถ้ายอมรับมันไม่ได้ก็ไปต่อข้างหน้าไม่ได้กันทั้งคู่
เหนื่อยนักก็ต้องพัก ก็ต้องหยุด 
ต้องถามตัวเองว่ารักอีกฝ่ายมากพอที่จะแบกรับสิ่งนี้ด้วยกันได้หรือไม่
ปูนน่าจะฟังอยู่  ได้ยินแล้วก็น่าจะหนี

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่28][240359]
«ตอบ #298 เมื่อ24-03-2016 23:36:36 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่28][240359]
«ตอบ #299 เมื่อ25-03-2016 02:15:37 »


อย่างที่เคยเม้นได้ไปแล้ว...
ชีวิตคู่จะไปต่อไม่ได้ถ้าทั้งสองคนไม่ก้าวไปด้วยกัน
นอกจากคำว่าเรียนรู้และอภัย ต้องมีคำว่ายอมรับและเข้าใจด้วย
เราหวังว่าคู่ป๋าปูนจะผ่านวิกฤตไปได้ด้วยดีด้วยกัน
นี่ก็จะสามสิบตอนแล้วนะ ทั้งคู่ควรเปิดเผยปมอดีตและความรู้สึกในใจให้อีกฝ่ายรับรู้ได้แล้ว
คือเรื่องมันมาไกลขนาดนี้แล้ว ถ้าจะปิดไว้แล้วเดินเรื่องต่อเราก็ว่าสุดท้ายปมมันจะพันกันเยอะเกินไปนะ
ถ้าเยอะแล้วมันได้อรรถรสก็ดีไป แต่นิยายบางเรื่องเราอ่านไปอ่านมาปรากฏว่าปมเยอะขึ้นเรื่อยๆ
แถมยังไม่ยอมเฉลย ไประเบิดตู้ม! ดราม่าเอาตอนสองตอนท้าย
กลายเป็นว่าคนอ่านอ่านแล้วไม่อินบ้าง เฟลบ้าง บ่นว่ามันเยอะ มันเกินไปบ้าง
บางคนก็งงๆปมเยอะจนลืมไปบ้างก็มี ซึ่งมันไม่ดีเลยจริงๆนะ
หวังว่าเรื่องนี้คงจะไม่ทำแบบนั้นเช่นกัน..

หวังว่าจะได้เห็นป๋าเปิดอกคุยและแก้ปัญหาแบบผู้ใหญ่ในเร็ววันนะจ๊ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด