- - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]=เปิดพรีออเดอร์= (Up!ตอนพิเศษ Men Talks)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]=เปิดพรีออเดอร์= (Up!ตอนพิเศษ Men Talks)  (อ่าน 165719 ครั้ง)

ออฟไลน์ lolata

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่20][200259]
«ตอบ #210 เมื่อ21-02-2016 18:37:06 »

เมษาจ๊ะ ลายพึ่งจะมาออกเหรอ
เธอต้องการอะไร๊

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่20][200259]
«ตอบ #211 เมื่อ22-02-2016 18:02:21 »

จัดคู่ให้เฮียแกสักคน

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่21][220259]
«ตอบ #212 เมื่อ22-02-2016 18:32:08 »

 

 

แตกที่ 21

…สายเกินไป...

 

 

 

 

 

เป็นอย่างที่เมษาว่า เที่ยงคืนกว่าหมอนั่นยังไม่กลับมาห้องของตัวเอง ส่วนปูนก็ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยที่ดี เชื่อฟังเจ้านายด้วยการหอบข้าวของมาไว้ห้องของคณิตตั้งแต่พวกเขาเดินทางกลับมาถึงห้อง

 

ชายหนุ่มที่โดนความเครียดรุมเร้าจนนอนไม่หลับกำลังนั่งพิงหัวเตียงแล้วอ่านหนังสือในมือโดยอาศัยแสงจากโคมไฟเล็กๆ โดยมีบ้างบางครั้งที่คณิตจะละสายตาจากสิ่งที่น่าสนใจในมือนั้นลงแล้วหันมามองปูนที่นอนหลับอยู่ข้างๆ

 

“นอนได้น่าอร่อยเหมือนเคยเลยนะ”

 

เขาพูดขึ้นมาเบาๆเมื่อเห็นว่าปูนกำลังสบายแค่ไหนในห้วงแห่งความฝัน มือที่เล็กกว่าเขานิดหน่อยกำชายเสื้อของคณิตไว้ไม่ยอมปล่อย และถึงแม้แสงจะแยงตาไปบ้างปูนก็ยังคงหันหน้ามาทางนี้จนทำให้ร่างสูงเหมือนโดนจับจ้องตลอดเวลา แต่มันก็ไม่ได้อึดอัดหรอกนะกลับกันเขารู้สึกสบายใจมากขึ้นด้วยซ้ำ

 

นึกถึงตอนหัวค่ำที่เกือบเล่าเรื่องของตัวเองให้ปูนฟังไป ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังแต่คณิตคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ใครจะเข้าใจเขาได้ง่ายๆมากกว่า อีกอย่างมันก็เป็นเพียงความกดดันที่เข้ามาจู่โจมเขาเป็นพักๆ แน่ล่ะตอนนี้อายุของเขาก็ปาไปเกือบสามสิบแล้ว ไม่ใช่เด็กๆที่จะมาอ่อนไหวกับความเครียดแค่นี้

 

“อื้อ...ป๋า...”

 

คนที่หลับใหลคงเกิดหนาวขึ้นมาจึงขยับมาหาเขาทั้งที่ไม่ได้สติ แขนขาวๆของปูนยกขึ้นมาคว้าเองของคณิตมากอดไว้อาการคล้ายลูกแมวเวลาอ้อนอยากได้อะไรบางอย่าง คณิตหลุดขำความคิดของตัวเองก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาถ่ายรูปนั้นไว้แล้วโพสมันลงไปในไอจีส่วนตัวที่มีเพียงแค่คนสนิทเท่านั้น

 

 

ติ๊ง!

 

 

แต่ลงแค่ไม่ถึงนาทีก็มีคนมาคอมเม้นต์แล้ว

 

 

 

 

Mossine : เกินไปล่ะ ทำร้ายจิตใจคนโสดอย่างกูเกินไปล่ะ

 

KGinger : วู้วววว ยังไงครับยังไง เปิดตัวแล้วหรอไอ้สัด

 

Tooong : ดูท่าจะเพลียน่าดู ถนอมๆหน่อยเพื่อน

 

 

คณิตนั่งขำกับข้อความที่เพื่อนพิมพ์มาให้ไม่ขาดสาย เวลาป่านนี้แล้วพวกมันยังตอบมากันได้ แสดงว่าพวกที่อยู่กรุงเทพคงรวมหันกันไปนั่งดื่มอยู่ที่ไหนสักที่นั่นแหละ คณิตตอบข้อความเหล่านั้นไปบ้าง บางทีก็ด่ากลับไปจนคอมเม้นต์ใต้รูปภาพที่มีแคปชั่นธรรมดาๆว่า ‘กินอิ่มนอนหลับ’ ยาวเป็นหางว่าว และในขณะที่เขากับไอ้ขิงกำลังด่ากันอย่างเมามันนั่นเอง ก็มีคนๆหนึ่งมากดไลค์ที่รูปภาพ

 

 

 

 

‘Rattikarn_n  liked your photo’

 

 

 

 

“ไอ้กาลมันยังไม่นอนอีกหรอวะ”

 

ร่างสูงขมวดคิ้วน้อยๆ เพราะไม่บ่อยครั้งนักที่เพื่อนคนนี้จะมาเล่นโซเชียลมีเดียดึกๆ ไม่สิ มันแทบจะไม่เล่นเลยมากกว่า รูปสุดท้ายที่รัตติกาลเคยอัพก็เป็นรูปถ่ายที่สนามบินเหมือนกับกำลังจะไปเที่ยวที่ไหนสักแห่งเท่านั้น คณิตกำลังจะทักเพื่อนกลับไปแต่จู่ๆคนที่นอนอยู่ข้างๆก็ตื่นขึ้น

 

“ป๋ายังไม่นอนอีกหรอ”

 

เสียงติ๊งๆที่ดังอยู่เป็นพักๆปลุกร่างเล็กให้ตื่นขึ้นจากนิทราแสนหวาน ปูนว่าพลางขยี้ตาเป็นเด็กๆ แถมคณิตยังแอบเห็นว่าอีกฝ่ายแอบปาดน้ำลายที่ไหลย้อนตรงมุมปากออกไปด้วย

 

“คุยกับเพื่อนอยู่น่ะ”

 

“ไม่ต้องคุยแล้ว...นอนเถอะปูนง่วง”

 

“ง่วงก็นอนก่อนเลย เดี๋ยวปิดไฟให้”

 

“ไม่เอา ป๋าไม่นอนด้วยปูนนอนไม่หลับ”

 

อื้อหือ...นอนไม่หลับเลยเนอะ รอยน้ำลายเป็นดวงๆนั่นยังกองให้เห็นอยู่ทนโท่ คณิตส่ายหน้าน้อยๆแต่ก็ไม่ได้พูดให้ปูนอาย เขามองแอคเคาท์ของรัตติกาลอีกครั้งแต่ก็ยอมตัดใจปิดมันลงพร้อมกับโคมไฟตรงหัวเตียง คณิตล้มตัวลงนอนหันมาหาปูนที่ยิ้มแป้นก่อนจะโอบคนตัวเล็กให้เขยิบเข้ามาใกล้ๆ แสงไฟเพียงเล็กน้อยที่ส่องมาจากข้างนอกทำให้คณิตเห็นว่าปูนกำลังทำหน้าตาเป็นสุขแค่ไหน

 

ให้ตายสิ ไม่เหลือคราบเด็กร้ายๆให้เห็นเลยแฮะ...

 

“ฝันดีนะปูน”

 

 

.

.

.

.

.

.

.

 

 

น่าเบื่อชะมัด...ปูนบ่นกับตัวเองแบบนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน

 

ถึงจะบอกว่ามาอยู่ที่นี่เพราะคณิตแต่ข้อแลกเปลี่ยนที่ทำกับเมษานั้นก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เด็กหนุ่มปั้นยิ้มแล้วหันไปโปรยมันใส่นายทหารคนที่นั่งอยู่ข้างๆปล่อยให้เจ้านายเจรจาธุรกิจกับท่านพิเชษฐ์ที่เขาเคยได้ยินเพียงแค่ชื่อต่อไปโดยไม่ปริปากออกความคิดเห็นใดๆ...เพียงแต่คราวนี้เขาค่อนข้างจะตั้งใจฟังมัน

 

“ลุงไม่ว่าอะไรอยู่แล้วถ้าจะมีโรงแรมดังๆมาเปิดที่นี่ตั้งสองที่ ดีซะอีก ชาวบ้านแถวนี้เขาจะได้มีรายได้เพิ่ม”

 

“ขอบคุณนะครับ ที่คุณลุงให้โอกาส”

 

“ไม่เป็นไรหรอก เพียงแต่มันก็มีข้อจำกัดบางอย่างนะ ที่แถวนี้จะทำอะไรสักอย่างเรื่องมันค่อนข้างยุ่งยาก ว่าแต่ได้คุยกับคณิตบ้างไหมคิดจะทำในเวลาไล่เลี่ยกันแบบนี้ลุงไม่อยากให้มีปัญหา”

 

แม้จะเป็นคนแก่ที่ยิ้มง่ายแต่สายตาไม่ได้ฝ้าฟางลงไปเลยสินะ ปูนเหลือบมองหน้าของท่านพิเชษฐ์แล้วคิดแบบนั้นในใจ ส่วนเมษาก็ยังยิ้มอย่างเคย

 

“ผมกับคณิตเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มอปลาย ถึงจะไม่ถึงขั้นสนิทสนมแต่ก็คิดว่าเรารู้จักกันพอสมควร”

 

“จริงหรอ ลุงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย”

 

“ครับ ถึงช่วงมหาลัยคณิตจะเลือกเรียนคณะอักษรก็เถอะ แต่ด้วยฐานะของเราทั้งคู่ยังไงสักวันเราก็ต้องเผชิญหน้ากันอยู่ดี”

 

มือที่เคยกุมกันไว้หลวมๆเผลอปล่อยออกจากกันเมื่อเมษาพูดเรื่องนั้นออกมา เด็กหนุ่มหันไปมองหน้าฝ่ายนั้นที่เอาแต่มองไปยังนายทหารยศใหญ่หาใช่คนธรรมดาที่มีแต่คำถามอยู่ในหัวอย่างเขา

 

 

 

อักษร...ป๋าเรียนคณะอักษรงั้นหรอ

 

 

“ลุงเข้าใจความรู้สึกนี้ดี ถึงได้เป็นห่วงอย่างนี้ไง”

 

“ขอบคุณนะครับ”

 

“ไม่เป็นไร ว่าแต่ไปกินข้าวด้วยกันไหม จะเที่ยงแล้ว”

 

เมษาตอบรับข้อตกลงนั้นส่วนปูนกลับไม่อยากไปเลยสักนิด แต่ก็ต้องพับความสงสัยนั้นลงกระเป๋าไปพร้อมเอกสารบางจำนวนหนึ่งที่เมษาส่งมาให้ก่อนจะเดินตามร่างสูงไปยังรถอีกคันของท่านพิเชษฐ์ที่ส่งมารับพวกเขาตั้งแต่เช้า

 

“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จฉันจะไปทำธุระบางอย่างก่อน เธอจะกลับไปหาคณิตที่โรงแรมก็ได้นะ”

 

“ธุระอะไรครับ เกี่ยวกับงานรึเปล่า”

 

“ไม่เกี่ยวหรอก ทำไม ถ้าเกี่ยวจะขอตามมาด้วยรึไง”

 

ปูนเบ้ปาก เบื่อคนคนนี้ทำเหมือนจะรู้ความคิดเขาไปเสียทุกอย่าง

 

“ใช่ ถึงผมจะมาที่นี่เพราะว่าเพื่อนคุณก็เถอะ แต่ถ้าคุณมีงานที่อยากให้ผมช่วยผมก็ควรจะต้องทำมันไม่ใช่รึไง”

 

เมษาหรี่ตาลงอย่างไม่เชื่อคำพูดของปูนเท่าไหร่

 

“เธอนี่นะจะช่วยฉัน”

 

“อืม ถ้าเป็นงานง่ายๆล่ะก็”

 

“แล้วถ้าฉันบอกให้ทรยศคณิตล่ะเธอจะทำไหม”

 

คำถามของเมษาเหมือนอะไรสักอย่างที่มาจุกอยู่ในลำคอของปูนทำให้พูดไม่ออก ร่างเล็กเดาไม่ออกจริงๆว่าคำถามนี้เป็นเพียงคำถามที่ไร้ความหมายหรือมีความนัยอะไรแฝงอยู่ในนั้น

 

“ถ้าคุณสั่งให้ผมทรยศเขา ก็เท่ากับว่าคุณทรยศเพื่อนตัวเอง”

 

“ก็ใช่ แต่เธอรู้ไหมว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับคณิตน่ะ...มันพิเศษ”

 

คราวนี้เมษาเป็นฝ่ายที่เงียบไป นิ้วที่สามารถชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ได้เคาะไปตรงที่วางแขนเป็นจังหวะจนเกิดเป็นเสียงน่ารำคาญที่ปูนไม่ชอบเอาซะเลย

 

 

“รู้ไหมปูนนอกจากมิตรที่ไว้ใจได้แล้วคนเราต้องการอะไรอีก”

 

 

“...”

 

 

“ศัตรูที่เท่าเทียม...นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการ”

 

 

 

ชายหนุ่มหลับตาลงแล้วนึกถึงภาพการแข่งขันระหว่างเขาและคณิตที่เกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วนในสมัยเด็กๆ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องเล่น และแม้แต่เรื่องผู้หญิง คณิตก็เป็นคนที่ทำให้เมษาสามารถใช้ศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่เสมอมา จนกระทั่ง...ตอนที่คณิตตัดสินใจเลิกเป็นคู่แข่งกับเขา

 

“ฉันคาดหวังกับเธอไว้สูงนะปูน”

 

“ครับ?”

 

“ช่างเถอะ ว่าแต่ฉันขอถามอะไรเธอสักอย่างได้ไหม”

 

เมษายิ้มพรายในขณะที่ปูนรู้สึกแปลกๆเพราะดวงตาคู่นั้นมันไม่ได้ยิ้มไปด้วย เขาเงียบไปไม่ตอบรับหรือว่าปฏิเสธอาจจะเพราะความรู้สึกข้างในที่ร้องตะโกนออกมาว่า คำถามที่เมษากำลังจะถามออกมานั้น...อาจจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตเขาก็ได้

 

.

.

.

.

.

.

.

 

ถึงวันนี้จะไม่มีนัดกับท่านพิเชษฐ์แต่คณิตก็ต้องออกมาทำงานด้วยการลงมาสำรวจพื้นที่และหาข้อมูลจากชาวบ้านที่ส่วนใหญ่ก็เป็นลูกหลานทหาร บ้างก็เป็นพ่อค้าแม่ค้าที่ทำกินอยู่แถวนี้ตั้งแต่สมัยก่อน ชายหนุ่มมาในชุดลำลองสบายๆ สิ่งที่พกไปก็มีเพียงแค่กล้องและสมุดบันทึกเล่มเล็กๆที่เขาใช้จดวิถีชีวิตที่น่าสนใจของคนแถบนี้ รวมถึงจุดเด่นของพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีใครสังเกตเห็น

 

“พ่อหนุ่มๆ ซื้อทองม้วนไหมจ๊ะ”

 

คณิตลงกล้องในมือลงแล้วหันไปมองยายแก่คนหนึ่งในชุดคอกระเช้าที่ถือตะกร้าหวายใบเขื่องเอาไว้โดยที่ในนั้นมีขนมไทยมากมายแต่ที่มากที่สุดเห็นจะเป็นทองม้วนของดีของสัตหีบนี่แหละ

 

“ขายยังไงครับยาย”

 

“ห่อล่ะสามสิบจ๊ะ อย่างอื่นก็มีนะ ยายทำเองอร่อยๆทั้งนั้น”

 

คณิตยิ้มรับเขาเลือกเอาทองม้วนห่อใหญ่และขนมไทยอีกสองสามอย่าง โดยไม่วายคิดถึงลูกชายแม่ค้าขนมหวานอย่างปูนไม่ได้

 

“ขอบใจนะจ๊ะ ว่าแต่พ่อหนุ่มมาเที่ยวหรอ แปลกจังทำไมมาคนเดียว”

 

ยายแก่พูดกับคณิตหลังจากทอนเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอมองชายหนุ่มที่อ่อนวัยกว่ามากด้วยความเอ็นดู แถมยังชื่นชมผิวพรรณขาวๆที่ค่อนข้างจะผิดไปจากคนทะเลแถวนี้

 

“เปล่าหรอกครับ พอดีผมมาทำงานน่ะยาย”

 

“งานอะไรรึ”

 

“จะมาสร้างโรงแรมครับ ที่ที่ให้คนต่างถิ่นเขามาพักกันน่ะ”

 

คณิตอธิบายเพิ่มกลัวยายแกจะไม่เข้าใจ

 

“อ่อ ไอ้ที่ใหญ่ๆโตๆหน่อยใช่ไหม ยายเคยเห็นตอนหลานมันพาไปเดินเที่ยวแถวพัทยา”

 

“ประมานนั้นแหละครับ พอดีมีผู้ใหญ่เขาอยากให้สร้างไว้ สัตหีบคนจะได้มาเที่ยวกันมากขึ้น ยายจะได้ขายของได้เยอะๆไง”

 

“ขายของได้เยอะๆมันก็ดีหรอก แต่ยายไม่ค่อยชอบตึกใหญ่ๆพวกนั้นเลย”

 

“อ้าว ทำไมล่ะครับ”

 

“ยายว่ามันไม่เหมาะกับที่นี่ คนสัตหีบเราอยู่กันง่ายๆ เช้าทำงานเย็นก็กลับบ้านนอน สถานที่เที่ยวมันก็พอมีอยู่หรอกแต่มันก็เงียบๆไม่อึกทึกเหมือนที่อื่น”

 

คณิตฟังแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย เพราะเท่าที่สังเกตมา วิถีชีวิตของชาวบ้านแถบนี้ค่อนข้างสงบ ติดจะเงียบๆเลยด้วยซ้ำ

 

“ส่วนใหญ่คนเขามาเที่ยวก็จะมานั่งริมทะเลกัน แต่ยายก็ไม่อยากให้คนมาเยอะๆหรอกนะ คนเยอะเงินเยอะจริง แต่ขยะมันก็เยอะด้วย หาดเมื่อก่อนที่ว่าขาวน้ำที่ว่าใสก็มีแต่ขยะเต็มไปหมด นี่ก็มีอยู่หาดหนึ่ง ทีวีเขามาถ่ายพอออกอากาศคนก็แห่มาเที่ยวแล้วตอนนี้เป็นไง สกปรกไม่เหลือเค้าเดิม”

 

ยายแก่บ่นไปตามความรู้สึกของตัวเองที่เห็นที่นี่มาตั้งแต่เด็กๆ ร่างสูงรับฟังถ้อยคำเหล่านั้นแล้วคิดตาม แล้วลองนึกภาพว่าหากวันหนึ่งทะเลที่เงียบสงบแถบนี้กลายมาเป็นทะเลที่วุ่นวายเหมือนกับที่อื่นคงน่าเสียดายไม่น้อย

 

ทั้งสองคนนั่งคุยกันอยู่นานจนคณิตแกะขนมที่ซื้อจากยายแกมากินเสียหมดเลยต้องซื้อใหม่อีกรอบ โดยที่คราวนี้ยายแกก็ใจดีแถมขนมอย่างอื่นมาอีกจนคณิตตัดสินใจจะกลับไปที่โรงแรมก่อน เพราะเริ่มรู้สึกล้าๆแล้วเหมือนกัน

 

ทันทีที่กลับมาถึงคณิตก็เดินตรงขึ้นไปยังห้องพักของตัวเองที่ยังไม่ทันเปิดประตูเขาก็สัมผัสถึงไอเย็นที่ลอดออกมาได้ ชายหนุ่มส่ายหัวน้อยๆเมื่อเปิดเข้าไปแล้วเห็นคนตัวเล็กที่ออกไปกับเมษาตั้งแต่เช้ากำลังนอนหลับสบายโดยที่ในมือยังถือรีโมททีวีค้างไว้อยู่เลย

 

“ปูน ตื่นได้แล้ว อย่านอนตอนเย็น”

 

ชายหนุ่มสะกิดแก้มของปูนเบาๆ แต่ดูเหมือนว่าร่างเล็กจะหลับไม่ลึกมากดวงตากลมๆนั้นจึงค่อยๆลืมขึ้นแล้วมองไปรอบๆจนมาหยุดอยู่ที่ตัวเขา

 

“อื้อ...ป๋ากลับมาแล้วหรอ”

 

“อืม แล้วเธอล่ะ ทำไมไม่อยู่กับไอ้เมษ”

 

“เขาไปทำธุระน่ะเลยเอาผมมาปล่อยไว้ที่นี่ก่อน”

 

ปูนยันกายขึ้นนั่งพลางขยี้ตาน้อยๆเพราะยังมึนๆอยู่ คณิตก็ยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู ไม่รู้สิ สำหรับเขาเวลาปูนเพิ่งตื่นใหม่ๆน่ะ ดูน่ารักไม่มีพิษมีภัยที่สุดแล้ว คณิตยื่นมือไปข้างหน้าหวังจะช่วยจัดทรงผมยุ่งๆนั่นให้เข้าที่ แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำมัน ปูนก็สะดุ้งและเผลอปัดมันออก

 

เพี้ยะ!

 

“...”

 

“เฮ้ย ขอโทษๆ ผมแค่ตกใจนิดหน่อยน่ะ”

 

เด็กหนุ่มพูดแก้ตัวก่อนจะจับเอามือของคณิตที่แรงเพราะโดนตนตีมาลูบเบาๆแล้วแกล้งเป่าเหมือนกับเวลาปลอบเด็กๆ คณิตเองก็คิดว่าปูนคงแค่ยังมึนๆเพราะโดนปลุกก็ไม่ว่าอะไร

 

“ช่างเถอะ ว่าแต่เย็นนี้เธอต้องออกไปไหนไหม ไอ้เมษมันบอกไว้รึเปล่า”

 

“ก็ไม่นะ เห็นเขาบอกว่าจะไปไหนก็ไม่รู้กับท่านพิเชษฐ์เนี่ยแหละ”

 

“งั้นดีเลย เดี๋ยวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วไปที่หนึ่งกับฉันนะ”

 

ปูนเอนคอน้อยๆด้วยความสงสัย จนคณิตอดใจไม่ไหวก้มลงมาจูบแก้มของคนตัวเล็กเบาๆก่อนจะตอบ

 

“ไปเดินงานวัดกัน”



:mc4:(มีต่อเม้นต์ล่าง) :mc4:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่21][220259]
«ตอบ #213 เมื่อ22-02-2016 18:34:50 »



ลานวัดหลวงพ่ออี้ที่ตั้งอยู่ใจกลางตลาดสัตหีบในยามนี้นั้นเต็มไปด้วยแสงสีและผู้คนผิดกับตอนกลางวัน จากลานกว้างๆถูกแบ่งออกเป็นซอยย่อยๆตามแนวเต็นท์ที่ทางวัดจัดมาให้ หลอดไฟที่ถูกแปลงให้เป็นสีต่างๆก็ประดับอยู่เรียงรายเป็นเส้นยาวเช่นเดียวกับร้านค้าที่ไม่เปลี่ยนไปเลยจากอดีต

 

“เห็นยายแกบอกว่าสมัยแกสาวๆพวกร้านขายของก็ตั้งแบบนี้นะ เดินกี่ปีๆก็เหมือนเดิม จะมีเปลี่ยนไปบ้างก็ไม่เยอะ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พอมีงานทีไรก็ต้องมาเดินอยู่ดี”

 

คณิตพูดกับเด็กหนุ่มข้างกายโดยที่ไม่มองหน้า แต่สองมือที่จับกันไว้นั้นทำให้ร่างสูงอุ่นใจว่าเขาจะไม่มีทางพลัดหลงกับปูนต่อให้ต้องเดินไปท่ามกลางฝูงชนแบบนี้ก็เถอะ ส่วนปูนที่ไม่ได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้มานานก็เอาแต่มองไปรอบๆด้วยความสนใจ ไม่ใช่ว่าไม่เคยเที่ยวงานวัดนะ เขาก็ไม่ใช่คนเมืองอะไร สมัยเด็กๆก็เคยสัมผัสงานพวกนี้มามากเหมือนกัน

 

“นึกถึงตอนเด็กๆเลยป๋า จำได้ว่าถ้าแถวบ้านมีงานแม่ผมต้องเอาขนมมาขายแล้วผมก็ต้องอยู่ช่วยทุกที แถมต้องขยันช่วยด้วยนะ เพราะแม่จะแบ่งเงินจากที่ขายได้เอามาให้ผมไปยิงปืนเล่น”

 

ปูนหันมาเล่าเรื่องของตัวเองบ้างด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแบบที่คณิตชอบที่สุด มันดูเป็นธรรมชาติ และชวนมองเสมอสำหรับร่างสูงที่เผลอยิ้มไปตามๆกัน คณิตพาปูนเดินไปรอบๆงานเพื่อหาอะไรมารองท้องก่อนถึงคนตัวเล็กจะซัดขนมไปซะเต็มคราบแล้วก็เถอะ เขาเปิดโอกาสให้ปูนเลือก เพราะโซนอาหารของที่นี่มันเยอะจนเขาตัดสินใจไม่ถูก เด็กหนุ่มเองก็มองของกินทุกอย่างอย่างชั่งใจ แต่สุดท้ายเขาก็เลือกนั่งลงที่ร้านนี้

 

“ป้าครับ ผัดไทยสอง หอยทอดใส่ถั่วงอกเยอะๆหนึ่ง”

 

คณิตเดินไปสั่งอาหารโดยที่ก่อนจะกลับมาที่โต๊ะเขาก็เดินไปรินน้ำดื่มมาสองแก้วด้วย ส่วนปูนก็ถูกคณิตสั่งให้นั่งอยู่เฉยๆ มองคนตัวโตเดินไปเดินมาด้วยความรู้สึกหลากหลาย

 

“จะว่าไป พวกเราไปที่ไหนก็กินผัดไทยหอยทอดกันตลอดเลยนะ”

 

ร่างสูงพูดขึ้นหลังจากหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้พลาสติกที่ไม่แข็งแรงมากนัก ปูนมองหน้าคณิตแล้วก็ยิ้มออก มันนึกถึงวันเก่าๆ ตอนที่ร่างสูงยอมไปนั่งกินผัดไทยข้างทางกับเขาที่กรุงเทพครั้งแรก...

 

“ลองเปิดร้านขายผัดไทยที่บางแสนเลยเป็นไง ท่าทางจะรุ่งนะ”

 

“รุ่งริ่งน่ะสิไม่ว่า ทอดไข่ยังไหม้มีหน้าจะไปขายผัดไทย ฮ่าๆ หรือว่าเธอจะช่วยฉันขาย”

 

คณิตแกล้งพูดเหย้า ปูนจึงทำได้แค่หัวเราะโดยที่ในหัวดันนึกภาพนั้นตามไปด้วยอย่างไม่อาจห้ามใจ

 

 

 

 

 

นั่นสินะ...ถ้ามันเป็นไปได้ก็คงดี

 

 

 

รอไม่นานผัดไทยร้อนๆสองจานและหอยทอดก็ถูกนำมาเสิร์ฟถึงที่ ปูนจัดการปรุงให้ทั้งคณิตและของตัวเอง ส่วนคณิตก็หยิบช้อนแล้วก็แกะตะเกียบวางลงบนจานของปูนก่อนทั้งคู่จะกินไปคุยกันไปจนมันหมด

 

หลังจากนั้นคณิตก็พาปูนตะลอนเดินจนทั่วงาน พวกเขาเดินดูของที่ไม่เคยเห็นและซื้อกลับมาเฉพาะชิ้นที่อยากได้ คนตัวเล็กได้เล่นยิงปืนหลังจากที่ไม่ได้ทำมันมานาน ยิงผิดบ้างพลาดบ้างก็มีคณิตคอยช่วยจนปูนได้ตุ๊กตาควายตัวใหญ่มากอดไว้ แม้ของที่ทั้งซื้อและได้มาจะมีมาก แต่ทั้งคู่ก็เหมือนรู้ใจกัน...พวกเขาถือของเหล่านั้นด้วยมือเพียงข้างเดียวแล้วปล่อยให้อีกมือที่เหลือจับกุมมือของกันและกันไว้ไม่ยอมห่าง

 

“ปูน ไหว้พระกันไหม”

 

 คณิตพูดขึ้นเมื่อพวกเขาเดินมาถึงสถานที่สุดท้ายที่ทุกคนในงานจะต้องมา โบสถ์หลังใหญ่ที่ผู้คนเดินเข้าไปสักการะไม่ขาดสายตั้งอยู่ตรงหน้า ทันทีที่ปูนพยักหน้ารับปูนก็บอกให้เด็กหนุ่มเดินไปรอเขาอยู่ที่มุมหนุ่มก่อนร่างสูงจะอาสาไปซื้อดอกไม้ธูปเทียนรวมถึงใบอนุโมทนาบุญมาด้วย

 

พวกเขาเดินไปฝากของที่มีอยู่เต็มสองมือไว้กับซุ้มประชาสัมพันธ์ก่อนจะพากันเดินเข้าไปยังหน้าโบสถ์ที่มีชาวบ้านกำลังไหว้พระประทานด้วยความนอบน้อม ปูนกับคณิตค่อนๆคลานเข่าเข้าไปจุดเทียนและธูปจนเสร็จเรียบร้อยแล้วถอยออกมาเพื่อให้คนอื่นได้ทำบ้าง พวกเขาหันมามองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะละสายตาจากกันแล้วเริ่มท่องบทสวดบูชาตามพิธีทางศาสนา

 

แต่ในขณะที่จิตของคณิตกำลังตั้งมั่น หัวใจของปูนกลับสั่นไหวจนแม้กระทั่งบทสวดง่ายๆเขาก็ไม่อาจท่องมันได้อย่างเคย ปูนนั่งนิ่งแล้วหลับตาอยากให้ดินแดนที่แสนสงบนี้กลบลดความรุ่มร้อนในใจของเขาได้

 

 

...

 

 

 

 

“เธอรักคณิตรึเปล่า”

 

เมษาถามปูนด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนไป ในขณะที่เด็กหนุ่มที่ปั้นยิ้มมาตลอดกลับเบิกตาขึ้นราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง

 

“ทั้งเธอและคณิตบอกว่าไม่ใช่คนรักของกันและกัน แต่การกระทำที่แสดงออกมามันสวนทางกับคำพูดอย่างเห็นได้ชัด”

 

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกัน”

 

“...”

 

“คุณจะมายุ่งกับความรู้สึกของเราทำไม”

 

พอตั้งสติได้ปูนก็ถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่เหลือความเป็นมิตร เมษายิ้มมุมปากก่อนจะหันไปมองวิวนอกหน้าต่างทำเหมือนกับว่าเรื่องที่กำลังพูดอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ผิดกับอีกคนที่รู้สึกเหมือนถูกคำพูดของคนคนนี้แทรกเข้ามาตรงกลางตัวแล้วควานหาบางสิ่งบางอย่าง

 

“ก็ไม่มีอะไรมาก ฉันแค่หวังดี”

 

“หวังดี?”

 

“ใช่”

 

“...”

 

“ฉันรู้นะ ว่าเธอเคยมาทำอะไรไว้ที่โรงแรมของฉัน”

 

ปูนรู้สึกเหมือนหัวใจของเขาถูกเมษาจับเอาไว้ได้แล้วออกแรงบีบมันน้อยๆด้วยรอยยิ้มที่ไม่คลายลงไปแม้แต่นิด เขารู้...รู้ได้ยังไง

 

“จริงอยู่ที่มีไอ้บอยคอยช่วยไว้ แต่อย่าลืมสิว่าฉันคือใครและมันเป็นใคร ต่อให้พยายามปกปิดมากแค่ไหนมันก็เปล่าประโยชน์

 

“พี่บอย...เขาไม่เกี่ยว”

 

“เรื่องไอ้บอยน่ะช่างเถอะ ฉันยังไม่คิดจะขยี้มันตอนนี้ เธอก็เหมือนกัน”

 

“...”

 

“ดูเหมือนว่าพักหลังนี้เธอจะไม่ได้มาหากินในโรงแรมของฉันอีก ขอเดาว่ามันเป็นเพราะคณิตใช่ไหม”

 

“...”

 

“ใช่สินะ”

 

ถ้ารู้อยู่แล้วจะถามทำไมกัน ให้ตายเถอะ ปูนอยากให้ไอ้รถนี่ไปถึงร้านอาหารเร็วๆ รถก็ใหม่ทำไมถึงได้ขับช้าอย่างนี้นะ

 

“แล้วมันยังไงครับ...การที่ผมกับเขาจะมีความสัมพันธ์กันไม่ว่าจะแบบไหนก็เถอะ มันทำให้คุณเดือดร้อนรึไง”

 

“เธอพูดถูก ฉันไม่เดือดร้อนอะไรหรอก แต่คณิตน่ะไม่...”

 

“...?”

 

“ในฐานะทายาทโรงแรมดังอย่างคณิตน่ะ...การจริงจังกับเธอมันไม่ใช่เรื่องดีหรอกนะ”

 

ปูนรู้สึกชาไปทั้งร่าง เขาเห็นเหมือนว่าปากของเมษาค่อยๆขยับชาลงจนถ้อยคำเสียดแทงเหล่านั้นแทงทะลุไปทั้งอก เมษาที่เห็นปูนนิ่งไปก็หันมามองด้วยความสงสัยก่อนที่เด็กหนุ่มที่หัวใจเต้นเร็วจนเจ็บจะถามเขาย้ำอีกครั้ง

 

"เมื่อกี้คุณว่าไงนะ...ใคร...ใครเป็นทายาท"

 

"นี่มัน...อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้"

 

ปูนเงียบซึ่งนั่นก็แทนคำตอบทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยในเรื่องนี้แต่เขาก็ยังใจดี พูดให้ร่างเล็กฟังอีกครั้งถึงฐานะและตำแหน่งที่แท้จริงของเพื่อน

 

" 'คณิต เจริญวัฒนะ' ลูกชายของคุณลุงบรรพต เจ้าของโรงแรม The Next นั่นไง"


 

 

 



 

 

 

 

“ปูน! เป็นอะไรรึเปล่าปูน!”

 

 

 

เด็กหนุ่มที่หลับตาอยู่สะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงของคณิตร้อนรนของคณิตดังอยู่ข้างๆหู แล้วพอเขาหันไปมองก็เห็นใบหน้าที่แสดงความเป็นห่วงออกมาอย่างไม่ปิดบัง

 

 

“ปะ ป๋า...”

 

 

“เป็นอะไรนั่งนิ่งเชียว แล้วนี่ร้องไห้ทำไมน่ะ”

 

 

 

คณิตว่าก่อนจะใช้มือปาดน้ำตาออกจากแก้มของปูนเบาๆ ร่างเล็กถึงเพิ่งจะรู้ตัวว่าเมื่อครู่เขากำลังจมอยู่กับความรู้สึกแบบไหน ธูปที่ถูกจุดไว้ไหม้ไปเกือบครึ่ง เสื้อยืดคอวีสีฟ้าตัวที่คณิตซื้อให้ก็มีขี้เถ้าตกอยู่เต็มไปหมดจนคนตัวสูงต้องคอยปัดมันออกให้อีกแล้ว

 

 

 

“แพ้ควันธูปหรือยังไง เห็นนั่งหลับตาฉันก็นึกว่าเธอเผลอหลับซะอีก”

 

 

“บ้า ใครจะมาหลับตรงนี้กัน”

 

 

“ถ้าไม่หลับก็รีบไหว้เร็วๆเข้า คนอื่นเขาต่อคิวอยู่เห็นไหม”

 

 

ปูนหันไปมองก็เห็นเหมือนที่คณิตบอก เขาจึงรีบยกมือไหว้นำดอกไม้ไปวางแม้เรื่องทุกข์ใจในอกยังไม่คลายลงไปเลยแม้แต่น้อย คณิตพาปูนมาสวมรองเท้าแล้วเดินจูงมือกันออกมาเขียนใบอนุโมทนาบุญเพื่อขอให้ผลบุญกุศลที่ธรรมนั้นตกแก่คนที่ถูกเขียนชื่อลงไปในนั้น

 

 

“เธอพกกระเป๋าเงินมาไหม”

 

 

 

“อืม”

 

 

“งั้นใช้เงินตัวเองนะ ใบนี่ก็เขียนชื่อตัวเองกับพ่อแม่ลงไป”

 

 

คณิตยื่นมันให้กับปูนส่วนอีกใบเขาก็เอามันมาเขียนในส่วนของตัวเอง เพราะปากกาที่ทางวัดจัดไว้เป็นแบบผูกติดอยู่กับโต๊ะ คณิตและปูนจึงจำเป็นต้องแยกกันเขียนซึ่งนั่นถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับร่างเล็กที่มือสั่นจนแทบเขียนไม่ออก

 

 

ปูนมองใบหน้าของคณิตด้วยความรู้สึกที่ผิดไปจากทุกครั้ง เพราะความทรงจำครั้งเก่าต่างก็ย้อนเข้ามาเพื่อทำให้ปูนตระหนักว่าคนที่เพิ่งปาดหยดน้ำแห่งความเศร้าออกจากแก้มของเขาเมื่อครู่...เป็นไร

 

 

 

 

“เพื่อนพี่สมัยมหาลัยเป็นลูกเจ้าของโรงแรมนี้น่ะ”

 

“เพื่อนสนิทหรอครับ?”

 

“สนิทไหมก็สนิทนะ มันเป็นเพื่อนที่ดีมากสำหรับพี่เลย”

 

 

 

 

“ทำไม...ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย”

 

ปูนเขียนชื่อของคณิตซ้ำๆเพราะหมึกของปากการาคาถูกมันจางลงได้ง่ายแค่เจอรอยน้ำตา ไม่ว่าปูนจะพยายามเขียนมันมากเท่าไหร่ชื่อของคณิตก็มีแต่พร่าเลือนไปทุกๆครั้ง

 

“เป็นแค่ป๋าไม่ได้หรอ...เป็นแค่ป๋าของผม ไม่ใช่คณิตของคนอื่น”

 

 

“...”

 

 

“ทำไมป๋าต้อง...เป็นเพื่อนกับคนคนนั้นด้วย”

 

 

ปูนก้มหน้าลงเพื่อซ่อนรอยน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น ทั้งอดีตที่เขาเคยมี และปัจจุบันที่เขาเป็น เขาอยากลบมันออกไปให้หมดสิ้น

 

 

วันนั้น...

 

ถ้าปูนรู้ว่าคณิตเป็นใคร ปูนจะไม่เข้าไปยุ่ง

 

ถ้าปูนรู้ว่าคณิตอบอุ่นแค่ไหน ปูนจะไม่ปล่อยให้กอด

 

และถ้าปูนรู้ว่าความอบอุ่นของคณิตจะทำให้เขาเจ็บปวดขนาดนี้

 

ปูน....จะไม่รัก

 

 

 

 

แต่ตอนนี้มัน...สายเกินไปแล้ว

 

 

 

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!!

ปล่อยระเบิดดังตู้ม! ผิดคาดล่ะซี่ คิดว่าป๋าจะรู้เพราะว่าพี่กาลบุกใช่ไหม  :katai3: เอาน่าๆ ทามไลน์ในเรื่องพี่กาลอยู่เมืองนอกแล้วคับ แถมค่าตัวแพ๊งแพง ไม่โผล่มาง่ายๆหรอก

รอบนี้มาเร็ว เพราะมีช่วงว่างอยู่นิดนึง (จริงๆก็ไม่ว่างหรอกคับ แต่แกล้งทำตัวว่าว่าง) ตอนต่อไปเช่อาจจะมีการใช้มุมมองตัวละครเล่าเรื่องบ้างในส่วนของความรู้สึกของปูนว่าไปรักป๋าตอนไหนอะไรยังไงนะคับ คิดว่าไม่น่าจะทิ้งช่วงนานมาก รออ่านกันเนอะ :mew3:

ป.ล. ขอบคุณทุกเม้นต์ทุกโหวตเลย มีแต่คนอยากเห็นพี่เมษมีคู่ เอาจริงๆไม่ได้กะจะมีให้เลยคับ แค่คู่รองก็เอี๊ยดแล้ว มีใครคิดถึงพลัสบอยบ้างไหมเนี่ย 5555555 คู่รองที่โลกไม่ต้องการ โอ๋ๆ  :man1: :กอด1:

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่21][220259]
«ตอบ #214 เมื่อ22-02-2016 20:15:03 »

สงสารปูน แต่อย่าเพิ่งคิดมากดิหนู ป๋าอาจจะไม่อะไรเลยก็ได้ กับกาลก็จบไปแล้วตั้งนาน ใจเย็นๆ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่21][220259]
«ตอบ #215 เมื่อ22-02-2016 20:23:04 »

สงสารน้องปูนนนน ไม่อยากให้น้องปูนเจ็บอีกแล้วค่ะ เมษาต้องการอะไรจากป๋าอีก ปล่อยป๋าไปเถอะ อย่าเห็นเป็นคู่แข่งเลย  :mew5:

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่21][220259]
«ตอบ #216 เมื่อ22-02-2016 22:52:21 »


ปูนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!
งือ ใจเย็นๆนะ ไม่ว่าเรื่องจะดำเนินไปทางไหนต่อปูนก็อย่าฝืนตัวเองนะ
ปูนเป็นคนที่พูดน้อย แต่โคตรคิดมาก
ดูเหมือนไม่ค่อยแคร์อะไรนะ แต่ปูนเล่นกดดันตัวเองจนเค้ากลัวว่าปูนจะรับไม่ไหวแล้วเนี่ย
ถ้าปูนยังเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ สักวันปูนต้องเป็นโรคหัวใจไม่ก็ไม่เกรนแน่เลย แง้

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่21][220259]
«ตอบ #217 เมื่อ22-02-2016 23:14:49 »

 :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ Yumyumsdoll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่21][220259]
«ตอบ #218 เมื่อ22-02-2016 23:46:42 »

 :a5: ค้างแรงมาก สงสารปูน สงสารป๋า ด้วย :ling2:

ออฟไลน์ nutty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่21][220259]
«ตอบ #219 เมื่อ23-02-2016 00:06:04 »

มันใกล้ตัวเกินไปถึงเจ็บแบบนี้
ผชแสนดีแบบพี่นิดทำให้เผลอใจ

ปล คุณเมษต้องได้แฟนแบบแรงๆ สู้คน ไม่ยอมกัน แตกอีกเรื่องเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่21][220259]
« ตอบ #219 เมื่อ: 23-02-2016 00:06:04 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Fujung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่21][220259]
«ตอบ #220 เมื่อ23-02-2016 19:01:20 »

เป็นเรื่องจนได้สิน่า แต่ยังไงสักวันปูนก็ต้องรู้อะนะ :hao4:
เป็นกำลังใจให้นุงปูน จะสู้หรือจะหนี ก็เลือกเอานะลูกโตแล้ว
คือแปลกใจกับเมษ เหงาเหรอลูกวุ่นวายชีวิตชาวบ้านไปเรื่อย o22 o22

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่21][220259]
«ตอบ #221 เมื่อ23-02-2016 20:17:11 »

เมษาจะกลายเป็นบอสตัวสุดท้ายในเกมหรือเปล่า

ด่านที่หินที่สุด คือ คนที่เหมือนจะอยู่ข้างตัวเองมานาน

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่21][220259]
«ตอบ #222 เมื่อ24-02-2016 18:57:15 »

น้องคิดมากเกินไปแล้ว

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่22][250259]
«ตอบ #223 เมื่อ25-02-2016 18:42:46 »

แตกที่ 22

…ผีเสื้อ กับ ดอกไม้...

 







คุณเคยตกหลุมรักใครไหม?







ผมเคยดูในทีวี เขาบอกว่าเวลาคนเราตกหลุมรักเราจะรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อเป็นพันๆตัวบินอยู่ในท้อง ตอนนั้นผมฟังแล้วก็นั่งขำ มันคงเป็นความรู้สึกที่จั๊กกะจี้น่าดู แต่ก็นั่นสินะ...จั๊กกะจี้...ความรักมันอาจเป็นแบบนั้นก็ได้



ตั้งแต่เกิดมาผมเคยตกหลุมรักอยู่สองครั้ง ตอนที่ผีเสื้อมาบินอยู่ในท้องของผมครั้งแรก...หมายถึง  การตกหลุมรักครั้งแรกของผมน่ะเกิดขึ้นกับชายที่ชื่อว่า ‘รัตติกาล’ ที่แปลว่ากลางคืน ความรู้สึกเวลาอยู่ด้วยก็เหมือนกับชื่อของเขานั่นแหละ





น่าหลงใหล...แต่ก็น่ากลัว





พี่กาลเป็นผู้ชายแบบที่ผมชอบทุกประการ เขาสุภาพ ใจดี อ่อนโยนกับผมเสมอแม้ว่าบางครั้งเขาจะเผลอแสดงความดิบเถื่อนออกมาเวลาเราอยู่บนเตียงด้วยกันแต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรเมื่อเทียบกับเรื่องที่เขามีครอบครัวแล้ว



ตอนนั้นผมรักพี่กาลมาก ถึงใครจะบอกว่ามันเป็นแค่ความหลงผมก็ทำเป็นไม่สนใจ ผมบอกตัวเองว่าสามารถยืนในที่ว่างเล็กๆที่เขาเจียดไว้ให้ได้ และผมก็หลอกตัวเอง...ว่าผมมีความสุขกับมัน จนกระทั่งผมทนไม่ไหวนั่นแหละ



ผมก้าวออกมาจากชีวิตเขา (แต่ความจริงคือเขาเดินออกไปจากชีวิตผมก่อนต่างหาก) แล้วใช้ชีวิตต่อไปโดยปราศจากความรัก ผมยินดีมีเซ็กซ์กับใครก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีมัน ขอเพียงแค่มีของตอบแทนกลับมาผมก็ยอมทำให้ทุกอย่างถ้าหากมันจะทำให้ผมลืมคืนวันร้ายๆไปได้





ผมเชื่อว่าความรักมีอยู่จริง...แต่มันคงไม่เหมาะกับผมสักเท่าไหร่





ถ้าการที่เราจะต้องทุ่มเททุกอย่างให้เขาไปแต่สิ่งที่ได้กลับมานั้นไม่คุ้มค่า ผมก็ขออยู่ห่างจากมันซะยังดีกว่า แม้ในหนังหลายๆเรื่องจะพร่ำบอกกับเราว่ารักคือการให้ แต่ในกรณีของผมคงให้ไปจนไม่เหลืออะไรจะให้แล้ว







ผมคิดแบบนั้นจนกระทั่ง...ผมได้ตกหลุมรักเป็นครั้งที่สอง







ไม่มีผีเสื้อมากระพือปีกในท้องของผม จะมีก็แต่กามอารมณ์ที่เราป้อนมันให้แก่กันแม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจในทีแรกก็ตาม





ใช่...คณิตเป็นหนึ่งในลูกค้าที่ได้ผมมาด้วยความบังเอิญ





ผมไปนั่งรอคนในโรงแรมของเขา และเขาก็เข้ามาคุยกับผมแค่จะเทคแคร์ลูกค้าแล้วก็ ตู้ม! เราฟัดกันมันแหลกอยู่บนเตียงนอนนุ่มๆของห้องสวีทก่อนที่เขาจะจากไปโดยไม่ได้จ่ายเงินผมเลยสักแดง ให้ตายสิผมเพิ่งเคยโดยชักดาบเป็นครั้งแรก (แถมเป็นดาบที่มีอรรถรสมากๆด้วย) ผมจำได้ว่าผมโกรธมากตอนเราเจอหน้ากันอีกครั้งด้วยความบังเอิญผมจึงหยิบเอาถุงยางที่เขานั่นแหละทิ้งไว้ให้คืนให้เขาไปด้วยการยัดมันลงไปในปากบอนๆๆนั่น แล้วเรื่องราวแสนวุ่นวายของเราก็เริ่มต้นขึ้น



คณิตเป็นผู้ชายที่ตรงข้ามกับพี่กาลแทบจะทุกอย่าง เขายิ้มง่าย หัวเราะเก่ง ชอบดุชอบสั่งสอนผม ส่วนเรื่องความใจดีนั้นเหมือนกันแต่เชื่อไหม ผมมักจะมีความสุขมากเวลาได้ออดอ้อนขอให้เขาทำอะไรให้  แรกๆเขาก็ไม่ยอมหรอก แต่ผมมั่นใจว่าเขาก็คงชอบผมเหมือนกับที่ผมชอบเขา







ใช่...ผมชอบเขา แต่มันยังไม่ใช่ความรัก





เหมือนกับเวลาเราอยู่กับใครแล้วสบายใจ เราก็มักจะอยากอยู่กับเขาต่อไปเรื่อยๆนั่นคงเป็นสิ่งที่อธิบายความสัมพันธ์ของผมกับคณิตได้ดีที่สุด ไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียงนอน แต่เป็นการกระทำเล็กๆน้อยๆที่เราต่างก็พอใจกับมัน



เขาเอาใจผม ผมอ้อนเขา



เขาดูแลผม ผมก็ดูแลเขาเหมือนกัน



เราอยู่กันมาแบบนั้นโดยที่ยังไม่ก้าวเข้าไปในเส้นของความรัก ในกรณีของผมนั้นคือความกลัว แต่ในมุมมองของคณิตผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาจึงไม่เคยเอ่ยปากขอเป็นอะไรที่มากกว่าแค่คู่นอน แต่ผมก็ไม่เดือดร้อนอะไรหรอก เพราะไม่ว่าเราจะเป็นอะไรกันแค่ตื่นนอนขึ้นมาผมเห็นหน้าเขาแค่นั้นผมก็มีความสุขแล้ว



มันเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นยามที่มีคนอยู่ข้างๆ รับรู้การมีตัวตนของเรา ความสุขของเราและความเศร้าของเรา ผมกับเขาเราอยู่กันมาแบบนั้น เถียงกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง มีความสุขกันบ้าง และแม้แต่ในเวลาที่ผลจากอดีตอันเลวร้ายของผมสะท้อนกลับมา...คณิตก็คือคนที่อยู่ข้างๆ คอยดุด่าและกอดผมไว้ในตอนสุดท้าย...แบบที่ไม่เคยมีใครทำให้ผมมาก่อนแม้แต่พี่กาล



แม้ว่าเราจะบอกตัวเองว่าเราไม่ได้รักกัน แม้ว่าจะไม่มีผีเสื้อสักตัวในท้องของผม แต่ในหัวใจของผมมีดอกไม้...ที่คณิตนำมันมาปลูกไว้ทีละดอก...ทีละดอก จนในท้องของผมมีทุ่งดอกไม้บานอยู่เต็มไปหมด ทั้งแดด ทั้งฝน หล่อหลอมให้มันค่อยๆเติบโตขึ้นแล้วผีเสื้อก็เข้ามาทำให้ผมตระหนักได้ว่าผมกำลังรู้สึกยังไง



ผมรักเขา...ปูนรักป๋า



ผมตอบคำถามของคุณเมษาในใจตั้งแต่ตอนที่เขาเอ่ยถึงมัน



แต่หลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งนาที...ดอกไม้ในใจของผมก็ค่อยๆถูกผีเสื้อกัดกิน









คณิต...เป็นเพื่อนของรัตติกาล







บนโลกนี้มีผีเสื้อตั้งมากมาย ทำไมตัวที่บินเข้ามาในทุ่งดอกไม้ของผมถึงเป็นตัวเดียวกับที่เคยอยู่ในท้องของผมไปได้ โรงแรมในบางแสนก็มีเป็นร้อย ทำไมคณิตถึงไม่เป็นลูกเจ้าของโรงแรมอื่นนะ จะเล็กหน่อยก็ได้ หรือจะเป็นแค่ป๋า...แค่ป๋าของปูนที่ไม่ต้องเป็นทายาทของอะไรทั้งนั้น มันเป็นครั้งแรกที่ผมด่าตัวเองว่าทำไมถึงไม่ยอมเรียนให้จบ เพราะไม่อย่างงั้นผมคงฉลาดกว่านี้



จะมีผู้จัดการโรงแรมที่ไหนมีห้องหรูๆเป็นสวัสดิการ ไหนจะการเคารพจากพนักงานที่ดูเกินจะพอดีนั่นอีก แล้วที่เห็นได้ชัดที่สุดก็เป็นการมาคุมเรื่องสร้างสาขาใหม่เนี่ยแหละ ไม่ว่ามองมุมไหนก็เป็นสิ่งที่เจ้าของโรงแรมต้องทำทั้งนั้น ผมอาจจะเคยสังเกตแต่ก็ทำเป็นไม่เห็นมันมาตลอด ทำเป็นไม่รู้ หลอกตัวเองว่าเขาเป็นแค่คนธรรมดาที่ผมสามารถยืนอยู่เคียงข้างได้ แต่สุดท้ายมันก็เท่านั้น



เขาเป็นเพื่อนกัน...เขาเป็นเพื่อนกับคนที่รับรู้อดีตของผมเกือบทุกอย่าง



และที่สำคัญกว่านั้น



ผมรู้ว่าคณิตให้ความสำคัญกับเพื่อนมากแค่ไหน



ผมจะทำยังไงถ้าหากเขารู้ว่าครั้งหนึ่งผมเคยเป็นเด็กที่ตามถวายตัวให้เพื่อนของเขาแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายมีครอบครัวแล้ว หนำซ้ำยังขายตัว...หึ...ผมคงไม่หลงเหลือด้านดีๆให้เขาได้มองได้ชื่นชมอีก ระหว่างเดินทางมาถึงงานวัดผมก็ถามตัวเองนะว่าควรจะลองบอกเขาไหม เขาใจดีอยู่แล้ว แค่อดีตเน่าๆของผมเขาคงรับมันได้ไม่ใช่รึไง แต่ก็ไม่...ผมไม่กล้าหรอกครับ









เพราะผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขารู้สึกเหมือนผมบ้างไหม




.

.

.

.

.

.

.



หลับไปแล้ว...



คณิตเหลือบมองคนตัวเล็กข้างๆอยู่พักหนึ่งก่อนจะเบนสายตากลับไปจับจ้องถนนที่พอพ้นช่วงตลาดไปแล้วรถราก็น้อยลงตามไปด้วย เขาไม่รู้ว่าการไปทำงานกับเมษาวันนี้ปูนไปพบเจออะไรมาบ้าง ถึงจะไม่พูดถึงแต่คณิตก็สังเกตเห็นอาการแปลกๆที่ปูนแสดงออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ทั้งการกัดริมฝีปากที่เหมือนกับอยากพูดอะไรสักอย่างแต่ลังเลที่จะทำมัน อาการเหม่อลอย รอยยิ้มเศร้าๆ หรือแม้แต่ดวงตาแดงก่ำหลังจากที่เกิดขึ้นหลังจากทำบุญกันเสร็จ



ร่างสูงไม่คิดว่าตัวเองรู้จักปูนดีพอ แม้จะอยู่ใกล้ชิดกันแต่สิ่งพวกเขาแสดงออกให้อีกฝ่ายเห็นมันก็เป็นเพียงแค่ความสุขและความสบายใจ แต่คณิตรู้ดีทั้งที่ไม่อยากรู้ว่าเบื้องหลังรอยยิ้มที่ปูนมอบมันให้กับเขานั้นคนตัวเล็กคงกำลังแบกรับอะไรที่เกินตัวไว้บนบ่า เช่นเดียวกับเขา...ที่ต่อให้ชีวิตมันจะเหนื่อยจะหนักก็อยากจะกลับมายิ้มเมื่อได้อยู่ข้างเด็กคนนี้



“ปูน ตื่นเร็วขึ้นไปนอนบนห้องกัน”



เขาปลุกเด็กขี้เซาที่ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย ปูนดูเหนื่อยมาก เหนื่อยเสียจนเขาต้องตัดใจแล้วอุ้มคนที่ตัวเล็กกว่าเดินขึ้นห้องไปด้วยตัวเอง ถามว่าหนักไหมก็คงต้องตอบว่าหนักมาก ถึงจะพอมีกล้ามแต่การอุ้มคนทั้งคนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยแต่เขาก็ต้องทำมัน ยิ่งเมื่อคนที่ไม่ได้สติเริ่มเพ้อออกมาเหมือนคนทุกข์หนัก คณิตก็ยิ่งพยายามเร่งฝีเท้าให้ไว้ขึ้น



“ไม่เอา...ฮึก...ไม่เอาแบบนี้”



คณิตวางปูนลงบนเตียง จัดการปลดรองเท้าและเสื้อผ้าออกให้เรียบร้อย เขาเช็ดตัวให้ปูนลวกๆจัดการหาเสื้อผ้าสบายๆมาใส่ให้ แต่ถึงจะทำขนาดนี้ปูนก็เอาแต่นอนร้องไห้แล้วไม่ยอมตื่นมาสักที



“มีเรื่องอะไรให้คิดมากนักหนา หื้ม...ตื่นเช้ามาตาบวมแน่ๆ”



เขาพูดพลางลูบไปบนเปลือกตาบอบช้ำ แล้วเหมือนความเคยชิน เมื่อรู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นๆปูนก็เขยิบเข้ามาใกล้ๆแล้วซุกหน้าลงกับอกของคณิตที่นอนอยู่เคียงข้างกัน ร่างสูงก็คอยลูบหัวปูนอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งอาการของคนตัวเล็กค่อยๆสงบลง...ปูนเลิกร้องไห้ ลมหายใจที่ติดขัดก็เริ่มเข้าที่ เช่นเดียวกับคณิตที่ค่อยๆปรือตาลงคล้ายจะหลับ แต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือของร่างสูงก็ดังขึ้น



ตื๊ด...ตื๊ด...



คณิตรีบหยิบมันมาปิดเสียงก่อนที่คนตัวเล็กจะตื่น เขาอยากด่าคนที่โทรมานิทราแสนหวานของตัวเองแต่พอเห็นชื่อที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอร่างสูงก็รีบเด้งตัวขึ้นจากเตียงแล้วออกไปทางระเบียงที่มีลมทะเลพัดเอื่อยๆ



“สวัสดีครับป๊า โทรมาซะดึกเลย”



คณิตเอ่ยทุกบิดาของตัวเองก่อน และรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่อีกฝ่ายโทรมาตอนนี้อย่างที่ไม่เคยทำ



“โทษที หรือว่าแกนอนแล้ว”



“ยังครับ แต่ก็กำลังจะ ป๊ามีเรื่องอะไรด่วนหรอ”



“มีคนบอกฉันว่าวันนี้เจ้าเมษเข้ามาพบกับท่านพิเชษฐ์”



เสียงของบรรพตไม่ได้แสดงความหงุดหงิด แต่ก็ไม่ได้พอใจ



“มันมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ พักอยู่ที่เดียวกันเนี่ยแหละ”



“แล้วทำไมแกไม่บอกป๊า”



“เพราะผมเห็นว่ามันไม่สำคัญ”



“คู่แข่งเร่งทำคะแนนอยู่แบบนี้แกยังพูดว่ามันไม่สำคัญอีกหรอ คณิต”



“ป๊าครับ ผมกับเมษาเราไม่ใช่คู่แข่งกันนะครับ”



ร่างสูงพูดถึงความคิดเห็นของตัวเองแล้วเสียงปลายสายก็เงียบไปแทบจะทันที เขาไม่รู้หรอกว่าพ่อจะผิดหวังไหมกับความคิดนี้ แต่คณิตก็ทบทวนมันมาหลายปี จนตัดสินใจเรื่องจุดยืนของตัวเองได้



“จริงอยู่ที่โรงแรมของเรากับเขาเป็นคู่แข่งกัน แต่สำหรับผมเมษาเป็นเพื่อนและผมก็ไม่อยากมองเพื่อนตัวเองด้วยความรู้สึกชิงดีชิงเด่นตลอดเวลา ทั้งผมและมันกำลังพยายามกันอย่างหนัก ไม่ว่าจะรูปแบบไหนเราก็แค่ทำงานของตัวเองไม่มีเวลาไปกีดกันคนอื่นหรอกครับ”



“แกมองโลกง่ายไปแล้วคณิต แกอาจจะไม่ทำแต่เจ้าเมษล่ะ...แกแน่ใจได้ยังไงว่ามันจะไม่ใช่พวกหน้าซื่อแต่ใจคด”



คนเป็นพ่อเองก็พูดเตือนตามประสาคนผ่านโลกมามากกว่า แม้จะรู้ว่าเมษาเป็นเพื่อนกับลูกชายมานาน แต่ความเป็นนักธุรกิจที่เมษามีมากกว่าคณิตนั้นเขาก็ตระหนักถึงมันดี



“ไอ้เมษมันไม่ใช่พวกหน้าซื่อหรอกป๊ส อย่างมันน่ะคดทั้งใจคดทั้งหน้า”



คณิตพูดแล้วก็หัวเราะคนอย่างเมษาถูกเรียกว่าหน้าซื่อใจคด มันออกจะเป็นคำชมมากกว่าคำด่านะ



“ยังจะมาหัวเราะอีก แกก็เป็นแบบนี้จะให้ป๊าวางใจได้ยังไง”



“เอาน่าป๊า เอาเป็นว่าผมกำลังพยายามทำงานของตัวเองอยู่ ไม่ต้องห่วงหรอก ส่วนเรื่องไอ้เมษยังไงซะผมกับมันก็มีวิธีทำงานไม่เหมือนกัน แล้วที่สำคัญไม่ว่าผลของมันจะออกมาเป็นยังไงผมก็ทำเต็มที่แล้ว”



“...และป๊าจะต้องไม่ผิดหวัง เข้าใจไหมคณิต”



“ครับๆ ผมจะพยายามแล้วกันนะ”



พวกเขาคุยกันอีกสองสามนาที คณิตบอกลาบิดาโดยไม่ลืมที่จะฝากความคิดถึงไปให้แม่และน้องสาว รวมถึงอาม่าที่ไม่กี่วันนี้คงจะกลับมาจากเมืองจีนหลังจากที่ไปเที่ยวที่นู้นได้อาทิตย์กว่าๆ ร่างสูงกลับเข้ามาในห้องเห็นปูนยังคงหลับสบายดีเขาก็สบายใจ เขาจัดการปิดเสียงโทรศัพท์ทั้งของตัวเองและของปูนเพื่อไม่ให้โทรเข้ามาขัดจังหวะอีกในคืนนี้





:man1:(มีต่อเม้นต์ล่าง) :man1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-02-2016 19:34:01 โดย vivacestory »

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่22][250259]
«ตอบ #224 เมื่อ25-02-2016 18:44:38 »



นับตั้งแต่วันที่เมษาถามคำถามนั้นกับปูน ทายาทเจ้าของโรงแรมดังก็ไม่เคยเรียกใช้ร่างเล็กในฐานะผู้ช่วยอีกเลย ปูนใช้เวลาในแต่ละวันอย่างไร้ค่า แต่ถ้าไม่มีคำสั่งเขาก็ยังกลับไปที่บางแสนไม่ได้ บางทีก็นอนเล่น ออกไปเดินเที่ยวบ้าง ซื้อของบ้าง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ปูนไม่ทำ...คือการตามติดคณิตอย่างเคย

 

“แน่ใจหรอว่าไม่ไปด้วยกัน เธออยู่โรงแรมแบบนี้มาหลายวันแล้วนะ”

 

คณิตเอ่ยถามขณะที่ตักไข่ดาวและไส้กรอกชิ้นใหญ่ลงไปในจานของปูนที่มีเพียงขนมปังปิ้งแห้งๆสองแผ่นวางอยู่ ปูนมองมันอยู่พักหนึ่งแต่สุดท้ายก็ยอมตักน้ำใจของอีกฝ่ายเข้าปากไปทั้งที่ในใจยังสับสน

 

“ผมไปด้วยไม่ได้หรอก เราเป็นคู่แข่งกันนะอย่าลืมสิ”

 

คำพูดของปูนทำเอาคนตัวโตรู้สึกได้ว่ากาแฟมันขมผิดปกติ เขาวางถ้วยกระเบื้องในมือลงกับโต๊ะก่อนจะสบตากับปูนที่หันหน้าหนีแทบจะทันที

 

“ฉันไปเป็นคู่แข่งของเธอตั้งแต่ตอนไหน”

 

“...”

 

“แม้แต่กับไอ้เมษฉันก็ไม่ใช่ ปูน...ฉันไม่รู้หรอกนะว่าสองสามวันมานี้เธอเป็นอะไรแต่อย่าพูดแบบนี้อีก”

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คณิตดุเขา แต่เป็นครั้งแรกที่ปูนอยากร้องไห้ให้กับมัน เขาไม่อยากเป็นอย่างนี้ แต่ความคิดที่ตีรวนกันอยู่ในอกทำให้ปูนไม่อยากอยู่ใกล้ชิดกับคนที่สั่นไหวหัวใจเขาได้อย่างร้ายกาจในขณะที่สมองกำลังร่ำร้องอยากให้ปูนไป

 

“ขอโทษครับ...”

 

ปูนพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด คณิตก็ได้แต่ถอนหายใจ เขาไม่ได้อยากได้คำขอโทษจากใครเพียงแค่ไม่อยากให้ปูนสร้างกำแพงที่ไม่จำเป็นขึ้นมาเท่านั้น

 

“ช่างเถอะ เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว”

 

คณิตเอื้อมมือไปลูบแก้มปูนเบาๆก่อนจะลูบหัวแล้วค่อยหันมาให้ความสนใจกับอาหารเช้าของตัวเองต่อ ส่วนร่างเล็กก็ได้แต่กำช้อนในมือของตัวเองแน่นอยากยิ้มออกมากว้างๆแต่มันก็ทำได้ยากจริงๆ

 

“แต่ที่ที่ฉันจะไปวันนี้ ฉันอยากให้เธอไปด้วยจริงๆนะ เพราะคงไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวแบบนี้บ่อยๆ”

 

“คุณจะไปที่ไหนหรอ”

 

“เกาะขาม...เคยได้ยินชื่อบ้างไหม”

 

ปูนส่ายหน้า ในขณะที่คณิตยิ้มกริ่มเมื่อรู้ว่าตัวเองสามารถสร้างความทรงจำแปลกใหม่ให้ร่างเล็กได้อีก...ถ้าปูนยอมไปกับเขาด้วย

 

“มันเป็นเกาะเล็กๆอยู่ใกล้กับเกาะแสมสารน่ะ ถึงจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปได้แต่ธรรมชาติที่นั่นก็ยังสมบูรณ์มากเพราะจำกัดจำนวนคนที่จะให้เข้าไปต่อวัน แถมไม่ได้เปิดเกาะตลอดทั้งปีด้วยเพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นฟูตัวเอง ตอนนี้ทางกองทัพเรือก็สั่งปิดเกาะอยู่”

 

“อ้าว แล้วแบบนี้จะเข้าไปได้ยังไงล่ะ”

 

ถึงจะมีเหตุผลทำให้ไม่อยากไป แต่พอได้ฟังที่คณิตพูดมาปูนก็เริ่มจะตื่นเต้นเล็กๆ

 

“ลืมไปแล้วรึไงว่าคนที่เรามาด้วยเขาเป็นใคร”

 

 

 

 

ก็นะลืมไปจริงๆนั่นแหละ

 

จนกระทั่งเรือประมงลำเบ่อเริ่มมาอยู่ตรงหน้าเขา...

 

 

 

“สวัสดีครับคุณคณิต พอดีเลยครับ มาวันนี้คลื่นไม่สูงมาก”

 

คนขับเรือผิวกร้านแดดเดินมาทักร่างสูงที่อยู่ในชุดเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นแถมด้วยแว่นกันแดดเท่ๆอย่างกับนักท่องเที่ยวมากกว่าคนที่จะลงมาเก็บข้อมูล ส่วนปูนน่ะหรอ...ไม่มีการเตรียมตัวอะไรทั้งนั้น รู้ตัวอีกทีเขาก็มายืนอยู่ที่ท่าเรือทั้งๆสภาพที่เพิ่งตื่นนอน น้ำก็ยังไม่ได้อาบ

 

“อย่างน้อยขออาบน้ำก่อนก็ยังดี”

 

คณิตหันมามองคนที่ยืนบ่นอุบตั้งแต่โดนเขาลากมาที่นี่ แต่จะให้ทำไงได้ถ้าปล่อยให้คนตัวเล็กมีเวลาคิดมีหวังได้ปฏิเสธแน่ๆ

 

“ช่วยไม่ได้ ฉันบอกแต่เช้าแล้วนะว่าให้อาบน้ำก่อนกินข้าว”

 

“ก็ตอนนั้นผมไม่ได้กะออกมาเที่ยวแบบนี้ ให้ตายสิ คนมองกันหมดแล้ว”

 

ร่างสูงหัวเราะ ที่คนเขามองน่ะไม่ใช่เพราะสภาพสะลึมสะลือของปูนหรอกหากแต่เป็นเสื้อยืดตัวโคร่งลายสติชของร่างเล็กต่างหาก แถมมันยังเปื่อยซะขนาดที่ว่าถ้าตกลงไปในน้ำปลาตอดนิดเดียวก็คงขาด ยังดีนะที่ท่อนล่างเป็นกางเกงขาสั้นเสมอเข่า ไม่ใช่บ็อกเซอร์เน่าๆแบบที่ใส่นอนทุกคืน

 

“งั้นก็ใส่นี่ไว้ซะ คนจะได้ไม่เห็นหน้า”

 

ร่างสูงหยิบเอาหมวกแก็ปที่แขวนไว้ตรงกระเป๋ากล้องมาให้ปูนใส่ ทัศนวิสัยรอบตัวมืดลงแต่ภาพของคณิตในสายตาของปูนกลับเจิดจ้าเสียจนต้องหันหน้าเบี่ยงหนี เพราะรอยยิ้มแบบนี้แท้ๆ...เขาถึงอยากห่างออกมาก่อนเพื่อทบทวนตัวเอง

 

หลังจากคณิตขอตัวเดินไปคุยกับคนขับเรือเสร็จ ทั้งสองคนก็ก้าวขึ้นไปบนเรือที่ไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นเลยนอกจากพวกเขา คณิตเล่าให้ปูนฟังว่าถ้าหากไม่ใช่เพราะคำสั่งของท่านพิเชษฐ์พวกเขาคงไม่มีโอกาสได้มาเที่ยวที่เกาะนี้ในสภาพที่ไร้ซึ่งนักท่องเที่ยวคนอื่น ร่างสูงพูดไปก็ถ่ายรูปไป โดยที่ปูนยังคงจับจ้องไปยังชายหนุ่มที่แสดงออกถึงความตื่นเต้นแบบเด็กๆที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นนัก กลิ่นของทะเลและสายลมอ่อนๆทำให้เหมือนเวลาหยุดนิ่ง โดยเฉพาะในยามที่สายตาของคณิตและปูนเคลื่อนที่มาสบกัน

 

“เป็นอะไร ร้อนหรอ”

 

คณิตถามพร้อมกับกระชับหมวกที่อยู่บนหัวปูนไปด้วย

 

“เปล่า...แค่สงสัยว่าคุณไม่เบื่อทะเลบ้างรึไง”

 

ปูนเบี่ยงประเด็นเพราะสิ่งที่เขาอยากรู้จริงๆนั้นจะพูดออกมาไม่ได้ คณิตทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะถามปูนกลับมาแทน

 

“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ”

 

“ก็คุณอยู่กับทะเลแทบจะตลอดเวลา แล้วทำไมถึงได้ตื่นเต้นทั้งๆที่ทะเลที่นี่กับที่บางแสนมันก็เหมือนๆกัน”

 

คณิตร้องอ่อก่อนจะส่ายหน้า เขาเก็บกล้องในมือลงในกระเป๋าให้เรียบร้อยแล้วค่อยหันมามองหน้าปูนยิ้มๆ

 

“ก็นะ อันที่จริงก็อยู่กับมันมาตั้งแต่เด็กๆเลยล่ะ ได้เล่นน้ำทะเลทุกอาทิตย์จนตอนหลังแม่ของฉันต้องขอให้ลดลงเพราะตัวไหม้ไปหมด พอโตมาหน่อยก็ไม่ค่อยได้ลงไปเล่นแต่ก็ได้เห็นมันทุกวัน”

 

ปูนนึกภาพของเด็กชายคณิตที่ซนเป็นลิงและตัวดำกว่านี้กำลังว่ายน้ำอยู่ในทะเลผืนใหญ่...คงจะเป็นเด็กที่สดใสไม่ต่างจากพระอาทิตย์กลางฤดูร้อนแน่ๆ

 

“และถึงแม้จะไม่ตื่นเต้นเหมือนกับเมื่อก่อนแต่ฉันก็ไม่เคยเบื่อมันสักครั้ง เพราะไม่ว่าครั้งไหนที่ฉันมองเห็นทะเล ฉันก็มักจะคิดถึงความสุขตอนที่ฉันเป็นเด็ก ตอนที่ยังเป็นคณิต...ที่ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น”

 

เสียงของร่างสูงเบาลงในท้ายประโยค คณิตยังคงยิ้มแต่ปูนก็รู้สึกได้ถึงความอึดอัดที่แสดงออกมา...เหมือนกับว่าคนคนนี้กำลังอดทนอยู่

 

“แล้วชีวิตตอนนี้ล่ะ คุณไม่มีความสุขหรอ”

 

“ก็มีนะ แต่จะว่ายังไงดีล่ะ ฉันยังมีความสุขแต่ชีวิตมันก็ยากขึ้น คงเป็นความหมายของการเป็นผู้ใหญ่ล่ะมั้ง โตมาเธอคงเข้าใจ”

 

คณิตยิ้มแล้วก็จับมือของปูนไว้หลวมๆ ร่างเล็กไม่ได้ขัดขืนแต่ก็ไม่ได้จับมือของคณิตตอบ ปูนหันไปมองทะเลด้านนอกที่กว้างใหญ่จนเหมือนกับว่าไม่มีที่สิ้นสุด แล่นมาได้สักพักเรือลำใหญ่ก็หยุดลงกลางทะเล คณิตบอกให้ปูนลุกขึ้นแล้วตัวเองก็หยิบเอาสัมภาระที่มีอยู่มาถือเอาไว้เองเพราะพวกเขาต้องเปลี่ยนเรือกัน

 

 

 

 

“เปลี่ยนเรือกลางทะเล...เอาจริงดิ”

 

 

 

ปูนหันมาถามคณิตหน้าเสีย เพราะเพิ่งมารู้ว่าเรือที่จะเข้าไปเทียบท่าที่เกาะขามได้นั้นต้องเป็นเรือท้องแบนเท่านั้นเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับแนวปะการังรอบๆเกาะ คณิตพยักหน้าแล้วสาธิตการข้ามเรือที่ว่าด้วยการก้าวทีเดียวร่างสูงใหญ่ที่แบกของไว้เต็มสองแขนก็ไปยืนยิ้มแป้นอยู่ที่เรืออีกลำ

 

"ตามมาเร็วปูน ไม่เป็นไรหรอก”

 

ไม่เป็นไรกับผีน่ะสิ...ไอ้ที่คนขับเรือบอกว่าวันนี้คลื่นไม่สูงมากแต่สำหรับการต้องข้ามไปยังเรืออีกลำด้วยคลื่นแค่นี้มันโคตรจะน่ากลัวเลย พื้นทั้งสองฝั่งไม่มีความมั่นคง และด้วยเพราะตัวคลื่นทำให้ระยะห่างระหว่างเรือมันเปลี่ยนไปตลอดเวลา ถึงคนขับเรือจะพยายามจอดมันให้ชิดกันมากแค่ไหนมันก็กว้างมากพอที่จะทำให้คนตัวเล็กๆแบบปูนตกลงไปได้ง่ายๆหากก้าวพลาดแม้แต่นิดเดียว

 

“มะ ไม่ไหว...ผมกลัว”

 

ขาของปูนสั่นเหมือนกับน้ำเสียง ยิ่งเขาจับจ้องไปที่ช่องว่างระหว่างเรือมากเท่าไหร่ก็เหมือนกับการสะกดจิตตัวเองให้ตื่นกลัวมากขึ้นเท่านั้น เด็กหนุ่มพึมพำด่าท่านพิเชษฐ์ ถ้ามันจะต้องใช้เรือท้องแบนเข้าไปในเกาะเท่านั้นทำไมไม่ให้ขึ้นมันตั้งแต่ทีแรกล่ะวะ จะลำบากเปลี่ยนเรือทำซากอะไร!

 

“อย่าไปมองพื้นสิ กระโดดข้ามมาเลย”

 

ปูนเงยหน้าขึ้นมองคณิตจิกๆ เออสิ! ไอ้คนขายาวมันก็พูดง่าย แต่ไอ้คนขาสั้นๆแบบเขาขืนกระโดดข้ามไปโดยไม่มองพื้นมาหวังร่วงไปเป็นอาหารปลาแน่ๆ แถมกลางทะเลน้ำก็โคตรลึก มันเป็นสีฟ้าเข้มๆมองไม่เห็นแม้แต่พื้นทรายข้างล่าง

 

“ไม่เอาแล้ว ผะ ผมจะกลับ”

 

“เฮ้ย ไม่เอาดิ มาถึงขนาดนี้แล้ว”

 

“แต่มันไปไกลกว่านี้ไม่ได้แล้ว ไม่เข้าใจรึไง!”

 

สาบานว่าพูดถึงเรื่องเปลี่ยนเรืออยู่...ปูนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เกือบจะเป็นการตะโกน เสียงรอบตัวเงียบไป คนขับเรือได้แน่นั่งนิ่งมองคนสองคนที่กำลังประจันหน้ากันบนเรือคนละลำ

 

“แล้วเธอจะทำยังไง จะยอมกลับไปง่ายๆแบบนี้น่ะหรอ”

 

“ใช่ ก็ในเมื่อข้ามไปไม่ได้...ผมก็ต้องถอย”

 

ปูนพูดแล้วก็ถอยหลังออกมาจากตรงนั้น มาหยุดอยู่ตรงจุดที่คิดว่าตัวเองจะปลอดภัยที่สุด...ใช่...เขาจะออกไปเสี่ยงให้ตัวเองเจ็บตัวทำไมกัน

 

“แล้วเธอไม่อยากไปเห็นมันกับฉันหรอปูน”

 

“...!!”

 

คำพูดของคณิตทำให้ปูนที่กำลังก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของคณิตมันช่างแน่วแน่ไม่ต่างจากดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงอยู่เบื้องหลัง

 

 

 

 

อยากไปสิ...ทำไมจะไม่อยากไป

 

แต่ว่าผมเดินต่อไปไม่ได้...

 

 

 

คณิตมองปูนที่เอาแต่ส่ายหน้าไปมาแล้วตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง เขาวางของทั้งหมดที่ตัวเองแบกอยู่ลง แล้วกระโดดกลับไปยังเรือประมงที่มีคนตัวเล็กกำลังมองมาทางเขาด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าไม่อยากเชื่อ

 

“คุณ...กลับมาทำไม”

 

“ฉันมาที่นี่ก็เพราะอยากเห็นมันพร้อมกับเธอ ถ้าจะไปก็ต้องไปด้วยกัน”

 

“แต่ว่าผม...”

 

“เธอกลัว ฉันรู้”

 

“...”

 

“แต่เธอคงไม่รู้ว่านอกจากเธอแล้ว ฉันเองก็เป็นคนเอาแต่ใจเหมือนกัน”

 

ยังไม่ทันที่ปูนจะได้พูดอะไร คนตัวเล็กก็ถูกคณิตจับมาอุ้มพาดบ่า ปูนร้องเสียงหลงเพราะจู่ๆวิวที่ตัวเห็นก็เปลี่ยนจากท้องทะเลกว้างมาเป็นเสื้อกล้ามสีขาวของคณิตและพื้นไม้ของเรือ

 

“ปล่อย! ปล่อยผมนะ!!”

 

“เงียบซะ แต่อย่าหลับตาล่ะ”

 

“คุณจะทำอะไร มะ ไม่นะ ไม่!!!”

 

 

แล้วพื้นไม้ที่ปูนเห็นก็เปลี่ยนมาเป็นน้ำทะเลสีครามอีกครั้ง ตัวของคณิตและปูนไม่มีส่วนใดสัมผัสกับพื้น มันเป็นเพียงเสี้ยววินาทีที่พวกเขาทั้งสองคนบินได้และเป็นช่วงเวลาที่ความคิดฟุ้งซ่านทุกอย่างหายไปจนหมด หัวใจของปูนเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็น เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะขัดคำสั่งของคณิตด้วยการหลับตา เด็กหนุ่มมองแผ่นน้ำนั้นก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นพื้นไม้คนละสี แล้วตัวของเขา...ก็นอนหงายเก๋งอยู่บนเรือท้องแบนลำที่ไม่เคยคิดว่าจะมาเหยียบมันได้

 

 

“ขอโทษที อึก! พอดีว่าเธอหนักเกินไปหน่อย”

 

“...”

 

“กลับไปลดของหวานบ้างก็ดีนะ ช็อคโกแลตน่ะเผลาๆบ้าง เหลือวันละแค่สองแท่งจากสี่แท่งก็ยังดี”

 

 

 

 

แหมะ...

 

 

คณิตที่กำลังนวดไหล่ของตัวเองเบิกตาโพลงเมื่อคนที่ช็อคเป็นหินไปแล้วจู่ๆก็ลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย ร่างสูงทำตัวไม่ถูก รู้สึกผิดที่ตัวเองไม่แข็งแรงพอที่จะพาปูนข้ามมาโดยไม่เจ็บตัวแต่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจ คณิตค่อยๆเขยิบเข้าไปใกล้หวังจะพูดปลอบ แต่แล้วเสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้น

 

 

เพี้ยะ!!

 

 

 

“ไอ้เชี้ยป๋าแม่ง กูกลัวนะเว้ย!!!”

 

ปูนปาดมื้อเข้าไปที่แขนของคณิตเต็มแรง จนคนขับเรือทั้งสองคนสะดุ้งตาม ส่วนคณิตได้แต่นั่งนิ่ง เพราะหลังจากตีเขาเสร็จคนตัวเล็กก็ร้องไห้จ้ายิ่งกว่าครั้งไหนๆที่เขาเคยเห็น ตัวปูนสั่นเพราะแรงสะอื้น ดวงตาเล็กๆที่เคยสะท้อนแต่ความสับสนออกมารื้นไปด้วยน้ำตา...แต่คณิตกลับสบายใจที่ได้เห็นมัน

 

“ฉันขอโทษ”

 

“ฮือ ทำไมเป็นคนแบบนี้ ฮึก! ก็บอกแล้วว่าไม่เอาๆ”

 

“แต่ฉันอยากให้เธอมาด้วย”

 

“แล้วทำไมไม่ฟังกันบ้าง! กูบอกว่ากลัวๆ แม่งก็ไม่เคยฟัง ฮึก ไอ้ป๋าบ้า ไอ้เผด็จการ ไอ้เลว!! ฮือ...”

 

ยิ่งปูนด่าเขาแรงเท่าไหร่ คณิตก็ยิ่งหัวเราะดังขึ้นเท่านั้น ร่างสูงโอบกอดคนตัวเล็กไว้แล้วพรำบอกว่าขอโทษด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีความสำนึกผิดเลยสักนิด มันเต็มไปด้วยความดีใจ ที่สุดท้ายเขาก็สามารถพาปูนก้าวไปข้างหน้าด้วยกันได้

 

และที่สำคัญ

 

 

 

 

 

เด็กคนนี้ก็ยอมกลับมาเรียกเขาว่า ‘ป๋า’ สักที...

 

 

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!!

รู้สึกว่านิยายเช่นี่มันมีแต่เรื่องกินกับเรื่องเที่ยวเนอะ  :hao3:=w= เห็นไลฟ์สไตล์คนเขียนเลยให้ตายสิ อันนี้เอามาแก้ช้ำจากตอนที่แล้วหน่อยคับ เรตติ้งน้องปูนพุ่งพรวดในขณะที่พี่เมษมีแต่คนแช่งให้มีผัวกันใหญ่ 5555555555 บางคนอาจจะไม่เข้าใจคนนิสัยแบบนี้แต่เช่ยืนยันว่ามีจริงๆนะคับ คนที่เก่งมากๆแล้วไม่มีคู่แข่งเนี่ย พอเจอใครที่พอจะสู้กับตัวเองได้กลายเป็นว่าเกาะแจเลย ไม่สนด้วยว่าอีกฝ่ายจะแข่งด้วยไหม จริงๆตัวละครตัวนี้มีอะไรให้เล่นเยอะมาก อยากแต่งเรื่องของพี่แกดูเหมือนกันแต่ขอคิดดูก่อนนะคับ เพราะตอนนี้คิวเยอะจริงๆที่คิดไว้  :เฮ้อ:

รูปวาดปกป๋าปูนเสร็จทั้งสองปกแล้ว (หวังว่ามันจะจบในสองเล่ม) แต่ยังไม่ได้ทำเป็นอาร์ตเวิร์คงานปกนะคับ ยุ่งมากกกกก และยังขี้เกียจอยู่ อีกสักพักเช่จะเปิดสำรวจความคิดเห็นรวมเล่มแล้วนะคับ ขอดูเสียงคนอยากได้boxsetหน่อยเนอะ  :ruready

ป.ล. ขอบคุณทุกเม้นต์ทุกโหวตนะคับ ตอนหน้า(หรืออาจจะตอนต่อไปอีก)เจอกับบอยพลัสบ้างล่ะ :katai3:

 

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่22][250259]
«ตอบ #225 เมื่อ25-02-2016 19:27:33 »

น้องปูนจะตัดสินใจยังไงล่ะทีนี้   :hao5:

“ป๊าครับ ผมกับคณิตเราไม่ใช่คู่แข่งกันนะครับ”

ดูเหมือนตรงนี้ต้องเป็นเมษานะคะ   :mew1:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่22][250259]
«ตอบ #226 เมื่อ25-02-2016 19:33:27 »

น้องปูนจะตัดสินใจยังไงล่ะทีนี้   :hao5:

“ป๊าครับ ผมกับคณิตเราไม่ใช่คู่แข่งกันนะครับ”

ดูเหมือนตรงนี้ต้องเป็นเมษานะคะ   :mew1:


ขอบคุณนะคับ แก้แล้วๆ งานเบลอต้องมา5555

ออฟไลน์ noina

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่22][250259]
«ตอบ #227 เมื่อ25-02-2016 20:19:48 »

น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกก :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่22][250259]
«ตอบ #228 เมื่อ25-02-2016 21:03:22 »

ในที่สุดป๋าก็ติดใจคำว่าป๋า :hao7:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่22][250259]
«ตอบ #229 เมื่อ25-02-2016 21:12:05 »

สงสารปูนสับสนจังเลยนะ
แต่ก็อย่างว่าแหละชีวิตจริง
ก็คงมีเหตุการณ์แบบนี้อยู่แล้ว
อ่านแล้วรู้สึกตัวเองเหนื่อย ๆ ยังไงไม่รู้
 :mew6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่22][250259]
« ตอบ #229 เมื่อ: 25-02-2016 21:12:05 »





ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่22][250259]
«ตอบ #230 เมื่อ25-02-2016 22:19:08 »



ป๋าจะดราม่าเรื่องปูนมั้ยอ่ะ?
ป๋าเป็นผู้ใหญ่แล้วเนอะ โตแล้ว คิดอะไรคงมีเหตุผล
แต่เพราะความมีเหตุผลนี่แหล่ะที่ทำให้เรากลัวใจป๋าเหลือเกิน
คือการที่คนเราเป็นผู้ใหญ่ มันก็ดีตรงที่อยู่ในวัยที่คิดเป็นแล้ว
แต่ผู้ใหญ่หลายคน พอคิดเป็นแล้ว ก็กลายเป็นคนที่คิดมากเกินไป
ต่อให้ป๋ารับได้ แต่ทั้งคู่ก็คงไปไกลกว่านี้ไม่ได้ถ้าหากว่าป๋ายึดความรู้สึกเพื่อน ความคิดของครอบครัว และภาพพจน์ทางสังคมมากเกินไป

ออฟไลน์ Yumyumsdoll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่22][250259]
«ตอบ #231 เมื่อ25-02-2016 23:34:54 »

 :impress2: :impress2:ดีใจที่ก้าวข้ามผ่านมาแล้วนะ สู้ๆนะปูนนนนน

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่22][250259]
«ตอบ #232 เมื่อ25-02-2016 23:49:53 »

ป๋าช่วยจับมือประคองปูนให้ก้าวผ่าวความกลัวในใจให้ตลอดเลยนะ

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่22][250259]
«ตอบ #233 เมื่อ26-02-2016 03:39:56 »

งานดราม่าต้องมา  :sad4:

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่22][250259]
«ตอบ #234 เมื่อ26-02-2016 18:57:39 »

น้องน่ารักมากเลย งุ้ยยยยยยยย :-[

ออฟไลน์ numay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่22][250259]
«ตอบ #235 เมื่อ26-02-2016 23:34:04 »

ยิ่งอ่านยิ่งชอบ ลุ้นมาก รอตอนต่อไปคะ

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่22][250259]
«ตอบ #236 เมื่อ27-02-2016 20:53:02 »

แหมป๋าชอบอะดิ ปกติบอกไม่ให้เรียก คิคิ

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่23][280259]
«ตอบ #237 เมื่อ28-02-2016 18:56:29 »




แตกที่ 23

…ได้ยิน...

 

 

สับสน...สับสนไปหมด

 

 

เด็กหนุ่มเจ้าของใบหน้าง้ำงอและเสื้อลายสติชนั่งกอดเข่ามองปลาตัวเล็กที่กรูกันเข้ามาหาทันทีที่เจอสิ่งแปลกปลอมอย่างเขา มันก็น่ารักดีหรอกนะแต่ปูนตอนนี้ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่สุนทรีย์สักเท่าไหร่ ผิดกับอีกคนที่ทันทีที่เท้าแตะพื้นทรายก็รีบเดินไปถ่ายรูปจากมุมนั้นมุมนี้ไม่สนใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

 

“คนบ้า...ชอบทำตัวแบบนี้อยู่เรื่อย”

 

ปูนบ่นงุบงิบแถมยังนึกโกรธคณิตที่เล่นพิเรนทร์จนเขาใจหายใจคว่ำ แต่ก็ยังดีที่เพราะการกระทำนั้นทำให้ปูนได้ระบายความในใจด้วยการร้องไห้ออกไปบ้าง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็หนักหนาเกินกว่าจะลบออกไปได้ง่ายๆ

 

ร่างเล็กคิดไม่ตก รู้สึกอยากปรึกษาใครสักคนแต่พอในเวลาที่ต้องการมันเขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเป็นพวกไร้มิตรสหายแค่ไหน เมื่อก่อนก็พอมีอยู่หรอกเพื่อนฝูงที่พอคบหากันมาได้ แต่หลังจากเกิดเรื่องวุ่นวายที่กรุงเทพ...คนพวกนั้นก็หายหน้าไปไวกว่าปูลมที่วิ่งฉิวๆอยู่บนพื้นทรายนี่เสียอีก

 

ในเมื่อไม่มีทางให้เลือกมากนัก ปูนเลยจำเป็นต้องติดต่อหาคนที่จะเรียกว่าเป็นมิตรก็ไม่เชิงอย่างบอย ที่ช่วงนี้เงียบหายไปโดยที่เขาก็รู้ดีว่ามันเป็นเพราะอะไร โชคดีที่ถึงที่นี่จะเกาะแต่เพราะว่าอยู่ไม่ไกลจากชายฝั่งมากนักอีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทำให้เขาสามารถใช้โทรศัพท์ได้ ปูนรอสายอยู่พักใหญ่เสียงเรียบๆของชายหนุ่มรุ่นพี่ก็ดังขึ้น

 

“มีเหี้ยอะไร”

 

ชิ...ก็เพราะแบบนี้ไงเลยเหมาว่าหมอนี่เป็นมิตรไม่ได้

 

“พูดดีๆหน่อยก็ได้พี่”

 

“อย่ามาลีลาไอ้ปูน มีอะไรก็ว่ามากูยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่”

 

“ไม่ต้องบอกก็รู้ หึ ไอ้พลัสมันทำอะไรอีกล่ะ”

 

“พูดให้มันดีๆหน่อย”

 

ปูนเบ้ปาก ทีกับเขายังเรียกอีเรียกไอ้ แต่พอเป็นคนที่ตัวเองชอบเขาหน่อยนี่แตะไม่ได้เชียวนะ

 

“เออ ไม่เสือกก็ได้ แต่ที่โทรมาเนี่ย...ผมมีเรื่องจะปรึกษา”

 

“เฮ้อ เออๆ มีอะไรก็ว่ามา กูมีเวลาไม่มากนัก”

 

บอยถอนหายใจอย่างนึกรำคาญแต่ก็ยอมเปิดโอกาสเพราะรู้ดีว่าถ้าปฏิเสธไปปูนก็คงรบเร้าไม่เลิก ฝ่ายปูนที่มีแต่เรื่องสับสนในใจพอได้รับอนุญาตกลับพูดไม่ออกซะอย่างนั้นจนต้องเงียบไปพักหนึ่ง

 

“คือ...พี่เคยสับสนบ้างป่ะ”

 

“เรื่องอะไรล่ะ”

 

“ก็แบบเวลาที่ไม่รู้ว่าควรทำตัวแบบไหน ควรเลือกอะไร...จะเดินต่อหรือว่าจะถอยดี”

 

ปลายสายเงียบไปก่อนที่ปูนจะได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างรำคาญของบอยดังขึ้นแทนที่

 

“มีเรื่องอะไรอีกล่ะ ไอ้คุณป๋าของมึงดีแตกแล้วรึไง”

 

“หัวพี่สิจะแตก คุณคณิตเขาไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย”

 

“แล้วปัญหามันอยู่ที่ตรงไหน”

 

“คงอยู่ตรงที่...เขาเป็นคนดีล่ะมั้ง”

 

คำตอบของปูนทำให้บอยต้องขมวดคิ้วเป็นปม ส่วนปูนก็ทำได้เพียงหยิบเปลือกหอยที่อยู่ใกล้มือมาบีบไว้เพื่อไล่ความประหม่าของตัวเอง

 

“คุณคณิต...เป็นเพื่อนกับเขา”

 

“เขา?”

 

“พี่กาล”

 

ร่างเล็กได้ยินเหมือนปลายเสียงของตัวเองสั่น ความจริงที่ทำเอาเขาคิดหนักมาหลายวันนั้นสร้างบาดแผลให้ไม่น้อยเมื่อต้องพูดมันออกมาให้คนที่รับรู้เรื่องระหว่างเขากับรัตติกาลพอสมควร

 

“เขาบอกมึง?”

 

“เปล่า ผมบังเอิญรู้ ส่วนคุณคณิต ผมไม่รู้ว่าเขารู้รึเปล่า...เรื่องที่ผมเคยเป็นอะไรกับเพื่อนของเขา”

 

ความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้งอาจจะเพราะบอยเองก็ตกใจในความบังเอิญที่ร้ายกาจนี่ พอนึกย้อนไปตอนที่ปูนเคยมารับจ็อบที่นี่เขาก็เคยพาร่างเล็กไปส่งที่โรงแรมนั้นโดยที่ไม่รู้เลยว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับชายที่ชื่อว่ารัตติกาลอย่างไร

 

“มึงอยากเลิกงั้นหรอ”

 

บอยถามออกไปตรงๆเพราะพอจะรู้จักนิสัยคิดมากของปูนดี และรู้ด้วยว่าคำว่า ‘เลิก’ ที่เขาพูดออกไปนั้นเสียดแทงในคนฟังมากแค่ไหน ปูนเม้มปากของตัวเองแน่นแล้วหัวเราะออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้งยิ่งกว่าเม็ดทรายที่อยู่รอบๆตัวเขาเสียอีก

 

“เลิกอะไรกันล่ะพี่...ผมกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”

 

“แล้วมึงจะเครียดทำไม มึงบอกกูเองไม่ใช่หรอว่าไม่ได้จริงจังกับเขา”

 

“....!!”

 

“มึงบอกว่าถึงเวลามึงจะหยุด ถ้างั้นเวลาของมึงก็มาถึงแล้วปูน”

 

น้ำเสียงของบอยไม่ได้ฟังดูประชดประชันแต่ในความของมันนั้นไม่ได้หมายความตามที่พูดแน่ๆ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มรุ่นน้องคนนี้เผลอใจกับคนที่ไม่สมควรไปมากขนาดไหน เขาถึงได้เตือนมันตั้งแต่แรกว่าให้ระวังหัวใจ...เพียงแต่บอยก็ไม่คิดเลยว่าสาเหตุที่ทำให้เรื่องของสองคนนี้สั่นคลอนคือรัตติกาล

 

“ผม...อึก...ผม”

 

ปูนพยายามกลั้นน้ำตาของตัวเองไว้ เขาร้องไห้มามากเกินพอแล้วตอนอยู่บนเรือและเวลาที่อยู่คนเดียว ปูนกล่อมตัวเองเสมอว่าให้ถอยออกมา แต่ทุกๆครั้งที่คิดแบบนั้นก็จะมีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นว่ารักจนไม่อาจทำอย่างนั้นได้

 

“กูว่ามึงคงมีคำตอบที่ตัวเองอยากได้ยินอยู่แล้ว ว่าควรทำยังไงกับเรื่องนี้”

 

“คำตอบผมน่ะมี แต่ความกล้าที่จะทำมันน่ะ...ไม่”

 

“...”

 

“ถ้าผมบอกเขาไปว่าผมรักเขาเรื่องมันจะเป็นยังไงวะ ถึงเกิดโชคดีเขารักผมเหมือนกันแต่เกิดว่าวันหนึ่งเรื่องนี้มันแดงขึ้นมา...คนแบบเขาจะทำยังไง”

 

ร่างเล็กบอกสิ่งที่ตัวเองกลัวที่สุดออกไป นั่นก็คือความไม่รู้...ไม่รู้ว่าควรทำอะไร ไม่รู้ว่าควรรับมือแบบไหน และไม่รู้ว่าอนาคตมันจะเกิดอะไรขึ้น

 

“กูก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วคุณคณิตเขาเป็นคนยังไง แต่ในฐานะพี่กูอยากจะเตือนอะไรมึงอยู่อย่าง”

 

“...”

 

“ความรักมันก็ใช้อารมณ์อย่างเดียวไม่ได้ จะทำอะไรก็คิดให้มันดีๆ...อย่าพลาดเหมือนที่กูพลาดเข้าใจไหม”

 

คนที่กำลังเศร้าอยู่แปลกใจในคำพูดและน้ำเสียงของบอยที่จู่ๆก็สั่นไหวขึ้นมาจนปูนสงสัยว่าระหว่างร่างใหญ่กับเด็กคนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ถาม บอยก็ตัดบทและชิงตัดสายไปทิ้งหัวใจที่ยังสับสนของปูนไว้กับผืนทรายที่ถูกน้ำซัดเข้าหาเรื่อยๆไม่หยุด

 

ปูนมองปลายเท้าตัวเองและคลื่นเบื้องหน้าด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เขาไม่รู้จะทำยังไง เลยตัดสินใจลุกขึ้นไปสำรวจรอบๆเกาะที่พอไม่มีคณิตคอยพูดคุยอยู่ใกล้ๆแล้วมันก็เงียบไม่ต่างจากเกาะร้าง เขาลัดเลาะผ่านผ่านทรายไปยังทางเดินไม้ที่ถูกสร้างไว้รอบๆภูเขาและตัดผ่านทะเลดูสวยงามแบบที่ปูนไม่เคยเห็นมาก่อน มันคงดีกว่านี้ถ้าหากเขาได้มาที่นี่ด้วยหัวใจที่เป็นสุข ไม่ใช่ทุกข์เหมือนอย่างตอนนี้

 

แชะ!

 

เสียงแปลกปลอมดังขึ้นจนปูนต้องหันไปมองคนตัวสูงที่กำลังยกกล้องมาทางนี้แล้วยังรัวชัตเตอร์ไม่หยุดซะด้วยจนเขาเริ่มทำหน้างอ

 

“อย่าทำหน้าบึ้งสิ”

 

คณิตบอกขำๆในขณะที่ปูนยิ่งได้ฟังอย่างนั้นก็ยิ่งทำปากคว่ำหนักเข้าไปอีก น่าโมโหชะมัด ไม่รู้ตัวเลยใช่ไหมว่าทำคนเขาวุ่นวายใจแค่ไหน แถมเมื่อกี้ตอนอยู่บนเรือท้องแบนที่ลำเล็กกว่าเรือประมงพอสมควร พอเจอคลื่นลูกกลางๆเข้าไปเล่นเอาปูนคลื่นไส้จนได้ให้อาหารปลาไปสองรอบ คนตัวโตแทนที่จะสงสารกลับหัวเราะซะอย่างนั้น พอขึ้นฝั่งมาได้ก็ยังทิ้งกันไปอีก

 

“จะทำ มีปัญหาอะไรไหม”

 

ปูนว่าเสียงเขียวก่อนจะหันหน้าเดินต่อไป ไอ้โกรธน่ะไม่ค่อยแล้วแต่ยังไม่อยากเห็นหน้าคณิตตอนนี้เสียมากกว่า ทั้งเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นและเรื่องที่ยังไม่สะสางตีรวนจนเด็กหนุ่มเกิดอาการอยากหลบไปคิดอะไรคนเดียว ติดอยู่ที่ว่าคนที่เดินตามหลังมาคงไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้น

 

“ยังโกรธฉันเรื่องบนเรือนั่นอีกหรอ”

 

“...”

 

“ปูน”

 

“เออ โกรธ! ได้ยินแบบนี้พอใจรึยัง”

 

ดูท่าคณิตจะพอใจมาก เพราะร่างสูงเล่นหัวเราะเสียงใสแล้วอาศัยช่วงขาที่ยาวได้เปรียบกว่าสืบเท้ามาใกล้ๆจนสามารถกอดคอปูนได้โดยแทบจะไม่ต้องใช้ความพยายาม คนตัวเล็กพยายามจะดิ้นหนี แต่เพราะอาเจียนไปสองรอบเล่นเอาแรงที่ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้วหดหายเข้าไปอีก

 

“ขอโทษ ได้ยินแบบนี้พอใจรึยัง”

 

แม่ง...มีย้อนอีก

 

“ไม่!”

 

“แล้วจะเอาอะไรอีก”

 

“ไม่เอา...ปล่อยดิ อึดอัด”

 

เพราะคณิตทำเสียงนุ่มคนที่เคยฟึดฟัดทีแรกเลยพลอยทำเสียงอ่อนไปด้วย แต่ถึงจะเคลิ้มยังไงปูนก็ไม่อยากใกล้ชิดคณิตเกินความจำเป็นในตอนนี้ อยากคิดอะไรให้รอบคอบ ให้คำตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าควรทำยังไงแต่ดูเหมือนเสียงควมต้องการของปูนจะส่งไปไม่ถึงคนยืนใกล้ๆ เพราะริมฝีปากอุ่นๆที่กดลงมานั้นมันสั่นคลอนหัวใจคนหวั่นไหวให้อ่อนแรงลงปีอก

 

“แล้วแบบนี้พอใจรึยัง”

 

“...”

 

“ขอโทษที่ทิ้งไว้คนเดียว ฉันรีบไปถ่ายงานให้เสร็จแล้วจะได้มาเล่นกันไง”

 

พัง...พังไม่เป็นท่า ปราการบางๆที่ปูนเพียรสร้างขึ้นมาพังทลายลงเพียงแค่จูบๆเดียวและความอบอุ่นที่ทำให้เขายอมทรยศหัวใจตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน ปูนก้มหน้าลงหลบดวงตาเรียวรีที่มีเสน่ห์คู่นั้นเพราะหัวใจเขาชักจะเต้นแรงเกินไป จะบ้าตาย...ก่อนจะยอมรับความรู้สึกตัวเองเขาไม่เคยเป็นหนักขนาดนี้

 

“ถ้าหายโกรธแล้วก็ไปกินข้าวกันเถอะ อาเจียนไปขนาดนั้นเธอคงหิวแย่”

 

คณิตเอาเองว่าอาการยืนก้มหน้าของปูนคือการตอบตกลง เขาจึงเดินจูงมือเด็กหนุ่มให้เดินตามกันไปบนทางเดินไม้ที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดจนกระทั่งมาถึงเพิงไม้เล็กๆที่มีอาหารซึ่งเขาฝากเรือประมงจัดหาไว้ให้ตั้งแต่แรงวางเรียงรายอยู่บนนั้น คนที่ไม่มีอะไรอยู่ในท้องพอได้กลิ่นอาหารก็ออกอาการน้ำลายสอ อยากจะไว้ฟอร์มอยู่หรอก แต่กองทัพมันก็ต้องเดินด้วยท้องเหมือนกัน

 

ทั้งคู่นั่งลงบนพื้นแล้วกินอาหารพวกนั้นท่ามกลางเสียงคลื่นและลมที่เป็นหมือนธรรมชาติบำบัดชั้นดี คณิตยิ้มบางๆเมื่อเห็นว่าคนที่ดูซึมไปเริ่มหน้าขึ้นสีและดูพอใจกับอาหารมื้อนี้ไม่น้อยเพราะมีแต่ของโปรดเจ้าตัวทั้งนั้น

 

“แล้วเราจะกลับกันตอนไหน”

 

ปูนถามทั้งๆที่มีข้าวผัดกุ้งอยู่เต็มปาก คณิตมองปรามแต่ปูนก็ไม่สนใจ ร่างสูงเลยต้องปล่อยเลยตามเลยแล้วหันไปรินน้ำให้

 

“ฉันบอกให้เรือมารับตอนบ่ายสอง ไม่ต้องรีบหรอก เที่ยวให้เต็มที่แล้วพรุ่งนี้เราจะกลับบางแสนกัน”

 

คำว่ากลับบางแสนของคณิตทำเอาปูนรู้สึกใจหายไม่น้อย เมื่อต้องกลับไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ตอกย้ำความจริงเรื่องเพื่อนของร่างสูงมากขึ้นไปอีก และอาจจะเป็นเพราะปูนแสดงความผิดหวังออกทางสีหน้ามากไปคณิตจึงสังเกตเห็นมัน ชายหนุ่มลูบแก้มใสเบาๆเพื่อแทนคำปลอบโยน

 

“เอาน่า ไว้มีโอกาส ฉันจะพาเธอมาเที่ยวใหม่”

 

“มันอาจจะไม่มีก็ได้...โอกาสนั่นน่ะ”

 

“...?”

 

“ผมหมายถึง คุณคงยุ่งไงเราคงไม่มีเวลามาทำเรื่องไร้สาระแบบนี้”

 

ปูนพูดแก้ตัวทั้งที่ความหมายในคำพูดของเขานั้นไม่ใช่ แต่มันยังเร็วเกินไป ปูนไม่ได้กล้าหาญพอที่จะถามคณิตไปตรงๆว่าถ้าครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นคนของรัตติกาล ร่างสูงจะยังเอ็นดูเขาเหมือนกับตอนนี้รึเปล่า ฝ่ายคณิตใจจริงก็ไม่ได้เชื่อข้ออ้างของปูนสักเท่าไหร่ แต่ท่าทางที่บ่งบอกว่าปูนกำลังมีอะไรอยู่ในใจก็บอกให้เขาอย่างเพิ่งไปพูดจี้มากจะดีกว่า

 

มื้ออาหารที่เหลือผ่านไปด้วยความเงียบ ต่างคนต่างตกอยู่ในความคิดของตัวเองจนกระทั่งวุ้นมะพร้าวชิ้นสุดท้ายถูกปูนกินไปจนอิ่มแปร้ ปูนนั่งพิงผนังปล่อยให้ความคิดทุกอย่างลอยไปกับลมเพราะอย่างที่ร่างสูงว่า เวลาที่เขาจะได้ใช้กับคณิตได้อาจจะมีแค่ตอนนี้ก็ได้

 

“ขอยืมขาหน่อยสิ”

 

คณิตที่เพิ่งนำขยะไปทิ้งเดินกลับมาก่อนจะทิ้งตัวลงกับพื้น วางหัวของตัวเองลงบนตักของปูนที่ไม่ได้พูดห้าม

 

“อ่า ลมเย็นสบายจังเลย”

 

“ที่บางแสนก็มีลม”

 

“ฮ่าๆ มันไม่เหมือนกันสักหน่อย”

 

ร่างสูงหัวเราะจนตาหยี่จนปูนเผลอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพนั้นไว้โดยไม่ตั้งใจ แต่คนถูกแอบถ่ายก็ไม่ได้ว่าอะไรหนำซ้ำยังหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาแล้วถ่ายรูปปูนไว้บ้าง

 

“ไม่เอา ไม่ให้ถ่าย”

 

ปูนบ่ายเบี่ยง เพราะตาปูนๆที่เกิดจากการร้องไห้มันไม่ได้น่าดูเลยสักนิด

 

“เอาน่า น่ารักดีออก”

 

“เหมือนกับจะตาย”

 

ว่าแล้วก็ใส่อิโมติคอนรูปกบซะเลย ก่อนจะเช็คอินเกาะขามแล้วอัพขึ้นไอจีให้เสร็จสรรพ คณิตหันหน้าจอของตัวเองให้ปูนดู เมื่อไอ้โต้งเจ้าเก่าคอมเม้นต์มาว่าน้องปูนน่ารักแทบจะทันทีที่เขาอัพภาพขึ้นไป

 

“ป๋าดูสนิทกับพวกพี่โต้งดีเนอะ”

 

ปูนเผลอเรียกคณิตว่าป๋าอีกแล้ว แต่เจ้าของฉายากลับไม่คิดจะท้วงทัก

 

“ก็สนิทที่สุดในกลุ่มเพื่อนมหาลัย เห็นนิสัยจัญไรกันขนาดนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะนิสัยไม่ดีนะ แต่ยกเว้นไอ้ขิงไว้คนแล้วกัน”

 

“ไปว่าเพื่อน ตัวเองนิสัยดีตายล่ะ”

 

“ฉันก็ไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดีสักหน่อย คิดกันไปเองทั้งนั้น แต่เอาเถอะแค่ไม่ชั่วจนสังคมเดือดร้อนแค่นี้ก็พอแล้ว”

 

เด็กหนุ่มมองหน้าคนที่บอกว่าตัวเองไม่ใช่คนดีแล้วนึกค้านในใจ ถ้าอย่างคณิตเป็นคนดีไม่คนอย่างเขาจะเรียกว่าอะไรได้ แอบคิดว่าถ้าหากชายคนนี้ไม่ดีอย่างปากว่าปูนคงไม่ลำบากใจที่จะเดินออกไป

 

“แล้วเพื่อนคนอื่นล่ะ มีอีกไหม”





:hao5:(มีต่อเม้นต์ล่าง) :hao5:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่23][280259]
«ตอบ #238 เมื่อ28-02-2016 18:58:08 »



ปูนตัดสินใจถามหยั่งเชิงไป แม้ว่าตัวเองจะตกประหม่าเพราะมัน ยังถือว่าดีที่ร่างเล็กแค่มือสั่นไม่อย่างนั้นคนที่นอนตักเขาอยู่คงจับสังเกตได้

 

“มีเยอะแยะ ส่วนใหญ่เจอกันตามร้านเหล้า ก็อย่างว่าสมัยนั้นถ้าได้ไปเที่ยวที่ไหนแล้วมีเพื่อนเยอะๆมันดูเท่ดีถึงจะรู้จักกันแค่ผิวเผิน แต่ถ้าถามว่าเสียใจไหมก็ไม่นะ แล้วจริงๆนอกจากพวกไอ้โต้งที่เรียนอยู่วิศวะ ฉันก็มีกลุ่มเพื่อนที่เรียนอยู่คณะเดียวกันอยู่อีกกลุ่ม”

 

หัวใจของปูนเต้นแรงทันทีโดยเฉพาะเมื่อได้เห็นรอยยิ้มที่คณิตมียามที่พูดถึงเพื่อนกลุ่มนั้น ปูนแกล้งขยับตัวทำเป็นเมื่อยเพื่อให้บทสนทนานี้ยุติ เพราะเอาเข้าจริงเขาก็ยังไม่พร้อมที่จะฟังมัน

 

“งั้นขอฉันถามอะไรเธอบ้างได้ไหม”

 

คณิตพูดขณะที่ยกขาของปูนมาพาดบนขาตัวเอง มือที่เรียวยาวบีบนวดไปยังต้นขาที่ตัวเองอาศัยหนุนแทนหมอนอยู่เมื่อครู่

 

“ช่วงนี้มีอะไรมาทำให้ไม่สบายใจหรอ”

 

กะแล้วว่าต้องถามแบบนี้ เพราะความห่วงใยที่แสดงออกทางแววตาของคณิตไม่อาจปกปิดมันไว้ได้ ปูนเม้มปากก่อนจะมองออกไปไกลๆ ถ้าเขาพูดอะไรออกไปตอนนี้มันจะเป็นไรไหมนะ

 

“ป๋า...เคยเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำไปบ้างไหม”

 

ปูนถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นอย่างเห็นได้ชัด มือของคณิตก็หยุดลงไปโดยที่เด็กหนุ่มไม่เห็นเลยว่าคนที่เขาเผลอมีใจให้กำลังทำหน้าแบบไหน

 

“ถ้าเกิดว่าสิ่งไม่ดีที่เราเคยทำมันกำลังย้อนกลับมาทำร้ายเราป๋าจะทำยังไง ป๋ากลัวมันบ้างไหม อยากกลับไปแก้ไขมันรึเปล่า...ผมอยากแก้ไขมันนะ แต่ผมทำไม่ได้ ผมเปลี่ยนอดีตไม่ได้ ลบมันไม่ได้...ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง”

 

ปูนเพิ่งรู้สึกว่าเสียงลมมันน่ากลัวก็วันนี้ คณิตไม่พูดอะไรเขาเองก็ไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมอง เวลาผ่านไปเรื่อยๆเช่นเดียวกับความมั่นใจที่สวนทาง ปูนอยากตีตัวเองที่ถามออกไปแบบนั้นทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้เข้มแข็งพอจะรับผลของมันได้ หยดน้ำใสกลมกลิ้งรินออกจากตา คนที่ดูตัวเล็กลงกว่าเคยพยายามกลั้นก้อนสะอื้นไว้แต่ก็ทำมันไม่ไหวเมื่อคนที่นั่งอยู่ข้างๆคว้าเขาเข้าไปกอด

 

“ยังไม่ทันจะว่าอะไรเลย ร้องไห้ทำไม”

 

“ก็มัน...ฮึก”

 

คณิตกอดปูนไว้จนร่างเล็กค่อยๆคลายสะอื้นลง ให้ตายสิ ขนาดยังไม่ได้พูดเรื่องของรัตติกาลเขายังอ่อนแอขนาดนี้ แล้วถ้าเกิดต้องพูดมันขึ้นมาจริงๆเขาจะทนยังไงไหว คนโตกว่าปาดน้ำตาออกจากหน้าแดงๆของปูนออกแล้วอยากหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปใจจะขาด เพราะตาที่ว่าบวมเหมือนกบอยู่แล้วตอนนี้มันเหมือนยิ่งกว่าเดิมซะอีก...แต่เอาไว้ก่อนแล้วกัน

 

“ที่บอกว่าเสียใจน่ะเรื่องไหนกัน อย่าบอกนะว่าเกี่ยวกับฉัน”

 

“...”

 

“แสดงว่าใช่”

 

เสียงถอนหายใจของร่างสูงดังขึ้นก่อนปูนจะถูกฉุดให้ลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามกันไปริมชายหาดที่ไม่มีใครอื่นนอกจากพวกเขา

 

“ถ้าเป็นเรื่องที่เธอเคยขายตัว ฉันว่าฉันเคยถามเธอไปแล้ว ว่าเคยคิดบ้างไหมว่าสิ่งที่เธอทำสักวันมันจะย้อนกลับมาทำลายตัวเอง แล้วในตอนนั้นเธอก็บอกฉันว่าเธอต้องการให้มันเป็นแบบนั้น มันคงใช้คำว่าไม่รู้ไม่ได้ เธอรู้ดียิ่งว่าที่ฉันรู้ว่าผลของมันเลวร้ายแค่ไหน เพียงแต่ตัวเธอในตอนนั้นยังไม่มีบางสิ่งบางอย่าง”

 

“ผมไม่มีอะไรหรอ...”

 

ฝีเท้าของทั้งคู่หยุดลง คณิตหันมาเผชิญหน้ากับปูนที่พูดอะไรไม่ออก แม้ว่าปัญหาหลักๆที่ทำให้เขาทุกข์ใจอยู่ตอนนี้จะไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้น แต่ความสัมพันธ์ที่ปูนเคยมีกับรัตติกาลจะเรียกว่าคู่รักก็ไม่ใช่ ร่างเล็กจึงรู้สึกเจ็บแปลบตอนที่คณิตพูดคำว่าขายตัวออกมาตรงๆ เพราะสิ่งที่เขาทำกับรัตติกาลก็ไม่ได้ต่างไปจากคำคำนี้เลยเพียงแค่ผลตอบแทนของมันไม่ใช่เงินเท่านั้น

 

“ความรัก...เธอไม่รักตัวเอง”

 

“:..!!”

 

 “ฉันไม่รู้ว่าอะไรทำให้เธอเริ่มกลับมาตระหนักถึงสิ่งที่ทำลงไป แต่ฉันก็ขอบคุณมันที่ทำให้เธอคิดได้ก่อนที่จะสาย”

 

“มันสายไปแล้วป๋า...ผมแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว”

 

“ใช่ ไม่มีใครแก้ไขอดีตของตัวเองได้หรอก และฉันเชื่อว่าทุกคนก็เคยเสียใจกับการกระทำของตัวเองกันทั้งนั้น ฉันเองก็เคยเป็นแต่แล้วยังไงล่ะ อย่างน้อยในวันนี้เราก็รู้แล้วว่ามันไม่ดี แล้วเราจะไม่มีวันทำมันอีกใช่ไหม”

 

ปูนพยักหน้า ไม่ใช่แค่รัตติกาลแต่รวมถึงใครต่อใครที่ไม่ใช่คณิต ปูนจะไม่มีวันทำมันอีกเด็ดขาด

 

“ผลจากสิ่งที่เคยทำเราก็ต้องรับมัน มันอาจจะแย่สักหน่อยแต่คงไม่เลวร้ายเท่าเราไม่รู้ตัวแล้วยังทำมันซ้ำๆ เธอยังเด็ก...เธอเคยโง่และผิดพลาด แต่ถ้าเธออดทนแล้วก้าวผ่านมันไปให้ได้สักวันเธอจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้แน่”

 

คณิตพูดพร้อมกับมองตาปูนไปด้วย ดวงตาที่แสดงออกถึงความเชื่อมั่นทั้งในคำพูดของตัวเองและเด็กผู้ชายตาแดงตรงหน้าเขา ในขณะที่ภาพของคณิตในสายตาปูนมันพร่าเลือนขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากเสียไป...ไม่อยากเสียไปจริงๆนะคนคนนี้ คนที่เข้าใจและอยู่ข้างกัน ปูนจะเสียเขาไปไม่ได้...ปูนขาดคณิตไม่ได้จริงๆ

 

“อยู่ด้วยกันนะ ฮึก จนกว่าผมจะผ่านไปได้ ป๋าต้องอยู่กับผมนะ”

 

ปูนวางใบหน้าเปื้อนน้ำตาลงบนมือของร่างสูงที่มอบสิ่งดีๆให้กับเขาเสมอ ตั้งแต่ได้พบคณิตมีอยู่สิ่งเดียวเท่านั้นที่ปูนรู้สึกเสียใจ...คือตัวเองไม่ได้ขาวสะอาดพอสำหรับผู้ชายคนนี้

 

“ผมจะเป็นคนที่ดีกว่านี้...เป็นคนที่ดีพอสำหรับป๋าให้ได้”

 

“...”

 

“ผมรักป๋านะ รักป๋านะได้ยินไหม”

 

ปูนไม่ได้หลบตาคณิตอีกแล้ว เขาจ้องมองอีกฝ่ายกลับไปแล้วพูดในสิ่งที่ทั้งหัวใจและสมองยืนยันเป็นเสียงเดียวกัน เขารักคณิต...รักมากพอที่จะทิ้งอดีตของตัวเองไปได้ ทั้งอคติที่ย้ำเตือนว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร และความรู้สึกที่เคยมีให้กับใครอีกคน

 

คณิตไม่ได้พูดอะไร ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสดใสทำเพียงแค่ยิ้มให้เหมือนกับที่เคยเป็นมา เสียงคลื่นที่ฟังดูหนวกหูค่อยๆเงียบลง ดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรงก็ดูอ่อนโยนลงทันตา คณิตเคลื่อนใบหน้าเข้าไปหาปูนช้าๆ แล้วมอบจุมพิตแทนคำตอบของคำขอร้องทั้งหมด

 

 

 

“ขอบคุณนะ ฉันได้ยินมันแล้ว”

 

 

.

.

.

.

.

.

.

.

 

เรือประมงลำเดิมจอดเทียบท่าพร้อมกับการกลับมาของคนสองคนที่บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปในเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง คณิตเดินไปขอบคุณคนขับที่มาเป็นธุระให้พร้อมทั้งมอบสินน้ำใจให้ไปเล็กน้อยตามมารยาทโดยที่ทำเป็นไม่สนใจสายตาแปลกๆที่อีกฝ่ายมองมา

 

เพราะในขณะที่คณิตทำทุกอย่างเขาก็กุมมือปูนไม่ปล่อยให้ห่างเลย...

 

“ขอบคุณมากนะครับพี่ ครั้งหน้าถ้าผมมาอีกจะติดต่อไปนะครับ”

 

คณิตหันไปพูดส่งท้ายแล้วพาปูนที่ผิวหน้ายังคงแดงเถือกให้เดินตามไปที่รถซึ่งเขานำมาจอดเอาไว้ไม่ใกล้ ทั้งคู่พากันกลับโรงแรมเพราะรู้สึกเหนื่อยล้า หลังจากที่ปูนพูดคำๆนั้นไปอะไรๆมันก็เกิดขึ้นตามมา

 

ดีนะที่วันนี้ไม่มีพายุ...ไม่งั้นฟ้าผ่าแน่ๆ

 

“เดี๋ยวขึ้นไปอาบน้ำแล้วค่อยลงมากินข้าวกันนะ อยากไปที่ไหนไหม”

 

“ไม่ไปอะ กินของโรงแรมเนี่ยแหละ ผมง่วง”

 

ร่างสูงก็ยอมตามใจ เขาปล่อยให้ปูนเป็นฝ่ายเข้าไปอาบน้ำก่อน ส่วนตัวเองก็จัดการถ่ายไฟล์รูปทั้งหมดลงเครื่องเพื่อจะนำกลับไปทำพรีเซนเทชั่นและแผนงานที่จะนำเสนอให้ทีมบริหารและพ่อของตนพิจารณาต่อไปในอนาคต

 

ก็อกๆ

 

เสียงเคาะประตูดังขึ้น คณิตจึงขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะเขาและปูนไม่มีใครโทรไปสั่งอะไรกับรูมเซอร์วิส ร่างสูงเดินไปที่ประตูมองผ่านตาแมวเล็กๆก่อนจะถอนหายใจออกมา

“มาซะเย็นเลย มีอะไรวะ”

 

เมษาที่อยู่ในชุดสบายๆยืนยิ้มให้กับคณิตจากอีกฝากฝั่งของประตู ชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นเจ้านายของปูนมองเข้าไปในห้องเชิงบอกว่าเขาอยากเข้าไปคุยธุระด้านในมากกว่าคณิตจึงต้องยอมถอยออกไปทั้งๆที่กังวลถึงคนที่กำลังอาบน้ำอยู่

 

“วันนี้ไปไหนมาล่ะ เห็นโรงแรมบอกว่านายกับเด็กนั่นออกไปกันตั้งแต่เช้าเพิ่งจะกลับ”

 

เมษาชิงถามขึ้นก่อนทั้งที่ตัวเองเป็นแขก

 

“เกาะขาม พาปูนไปเล่นน้ำแล้วก็ดูปะการัง”

 

คณิตเลือกตอบไปแบบนั้นแล้วปกปิดวัตถุประสงค์อื่นไว้ไม่ให้เมษารู้ ฝ่ายเมษาก็ทำหน้าเหมือนไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้เถียงอะไรไป

 

“แล้วมึงล่ะไปไหนมา หายไปสองสามวันผู้ช่วยก็ไม่เอาไป”

 

“ก็ไปคุยกับท่านพิเชษฐ์บ้าง นายทหารคนอื่นบ้าง แล้วก็แวะไปดูสาขาที่ระยองมานิดหน่อย”

 

“แล้วจะกลับบางแสนวันไหน กูว่าจะกลับพรุ่งนี้แล้ว และก็จะขอเอาปูนกลับไปด้วยถ้ามึงไม่ว่าอะไร”

 

“กูคงอีกสักพัก ส่วนเด็กนั่นมึงจะเอากลับไปเลยก็ได้ ดูแล้วคงใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้อยู่ดี”

 

น้ำเสียงของเมษาไม่มีความหยามเหยียดเพราะมันเป็นความเคยชินของคนที่ตัดสินคนอื่นด้วยความสามารถที่ทำประโยชน์ให้ได้ คณิตก็ไม่ได้ว่าแต่ก็ไม่เคยชอบใจในนิสัยแบบนี้ แล้วยิ่งมาพูดถึงปูนที่เขารู้ดีว่าเด็กคนนี้มีความสามารถมากกว่าที่เห็นเพียงแค่ยังไม่ได้รับโอกาส

 

“ป๋า ผมอาบน้ำเสร็จ...คุณเมษา”

 

พูดไม่ทันขาดคำ ปูนก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพที่มีเพียงเสื้อคลุมอาบน้ำห่มกาย เส้นผมสีอ่อนก็ยังเปียกชื้นจนน้ำหยดมาเป็นทาง

 

“บอกแล้วไงว่าให้เช็ดผมให้หมาดก่อนค่อยออกมา”

 

คณิตพูดดุก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาวางลงบนกลุ่มผมของปูนแล้วออกแรงขยี้เบาๆ โดยลืมไปแล้วว่าในห้องนี้ไม่ได้มีเพียงแค่พวกเขาสองคนอีกต่อไป ผิดกับปูนที่ตระหนักถึงความจริงข้อนั้นแต่ก็เลือกที่จะปล่อยให้ร่างสูงดูแลตัวเองต่อไปท่ามกลางสายตาของเมษาที่มองมา

 

“เดี๋ยวผมเช็ดต่อเอง ป๋าไปอาบน้ำเถอะจะได้ลงไปกินข้าวกัน”

 

ปูนแสร้งทำเป็นพูดด้วยน้ำเสียงที่จงใจทำให้มันฟังดูออดอ้อนกว่าเคยจนคนฟังทั้งสองคนต้องเลิกคิ้วขึ้นไปตามๆกันโดยเฉพาะเมษาที่เห็นว่าสภาพของปูนในวันนี้แตกต่างไปจากข้อมูลที่มีคนส่งมาให้เขามากนัก

 

“เอางั้นก็ได้ ไอ้เมษรอกูก่อนแล้วกัน ขออาบน้ำแปปเดียว”

 

“อืม ตามสบายกูไม่รีบ”

 

เมษายิ้มให้เพื่อนจนกระทั่งแผ่นหลังของคณิตหายไปหลังประตูห้องน้ำ บรรยากาศผ่อนคลายที่เคยมีหายไปทันตา มันเปลี่ยนเป็นหนักอึ้งเพราะสายตาของคนสองคนที่จ้องมองกันไม่ม่ถอย

 

“ว่าไงครับเจ้านาย ผมนึกว่าคุณจะไม่กลับมาแล้วซะอีก”

 

“ต้องกลับมาสิ แถมดูเหมือนว่าสัญชาตญาณของฉันจะถูก...มีอะไรสนุกๆเกิดขึ้นจริงๆด้วยสินะ”

 

ปูนไม่สนว่าเรื่องสนุกๆที่ว่านั่นจะเป็นอะไร เขาทำเพียงแค่เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งหยิบครีมประทินผิวราคาแพงที่คณิตหามาให้แล้วบรรจงทามันลงไปบนร่างกายที่มีแต่รอยช้ำ หากแต่มันเป็นรอยช้ำที่เกิดขึ้นโดยความเสน่หา ร่างเล็กจงใจแหวกสาบเสื้อคลุมของตัวเองให้กว้างขึ้นเพื่อให้เมษาที่กำลังมองร่องรอยเหล่านั้นผ่านเงาในกระจกเห็นมันได้ทันตา

 

หลักฐานที่บอกว่าเขากับคณิตลึกซึ้งกันขนาดไหน

 

“ขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้ไปทำงานด้วย แล้วก็คงจะไม่ได้กลับไปทำอีก”

 

“หื้ม? เธอจะลาออก?”

 

“ใช่ครับ ความจริงผมก็คิดมาสักพักแล้วว่าการทำงานที่ The Next คงเหมาะกับผมมากกว่า ส่วนเงินค่านาฬิกาไม่ต้องห่วงนะครับ เชิญคุณตัดไปจากเงินเดือนเดือนที่ผ่านมาของผมได้เลย...ผมไม่รับ”

 

เมษาหัวเราะอย่างถูกใจ ในความเปลี่ยนแปลงที่เกินกว่าความคาดหมายของเขาไปมาก ปูนเองก็ยังคงรักษามาดไว้ได้ แม้ว่าภายในใจจะเริ่มมีไฟคุขึ้นมา

 

“ฮ่าๆ ได้ฉันไม่มีปัญหาอะไรหรอก ถ้าจะมีคงเป็นคณิตมากกว่า”

 

“...?”

 

“ได้คนมีฝีมือไปทำงาน แต่ดันได้เรื่องคาวๆแถมไปด้วย น่าเป็นห่วงจริงๆ”

 

ปูนกระตุกยิ้ม ดูเหมือนว่าที่ผ่านมาเขาจะรู้จักนิสัยผู้ชายคนนี้น้อยไปจริงๆนั่นแหละ โดยเฉพาะคำพูดร้ายๆนั่น...เสียดแทงใจชะมัด

 

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ อะไรๆมันก็เปลี่ยนกันได้ ถึงจะลำบากไปหน่อยแต่ผมก็เข้มแข็งเข้าไว้เพราะว่า...”

 

“...?”

 

 

 

 

“คนที่ปากบอกว่าเป็น ‘เพื่อน’ บางคนมันไม่น่าไว้ใจ”

 

 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!!

น้องปูนนนนนนนน ใครสั่งใครสอนให้บอกรักผู้ชายก่อนนนนน >///////< เขินนนน เขียนไปเขินไป ส่วนNC บนเกาะนั้นไซร้....ติดตามได้ในตอนที่ 23.5 เฉพาะในเล่มเท่านั้นนะคับ (จริงๆคือมันยังเขียนไม่ออกนั่นแหละ)

น้องปูนของเช่เป็นเด็กน้อย(แต่ร้ายมาก)คับ ทิ้งป๋าไม่ลงหรอกเอาจริงๆ ส่วนเรื่องพี่กาลจะจัดการยังไงค่อยว่ากัน555 ความคิดความอ่านค่อนข้างเด็กไปซะมาก สังเกตได้จากความเวิ่นเว้อของนาง (ซึ่งตัวจริงก็ไม่ได้ต่างกันเลย) เป็นตัวละครที่จะว่าเขียนง่ายก็ง่ายเขียนยากก็ยาก จะยากตรงเช่ต้องมาเวิ่นเว้อเนี่ยแหละ โดยเฉพาะพาร์ทนี้ เดี๋ยวเอาเดี๋ยวไม่เอา พอโดนป๋าปลอบเข้าหน่อยก็ถวายตัวให้เขา(อีก)แล้ว หนูเอ้ย 5555555

และแน่นอนคับ พูดถึงตอนเสริมในเล่ม เรื่องหนังสือเราก็มา เช่ทำแบบสำรวจความต้องการซื้อหนังสือขึ้นมาอีกแล้วนะคับ ใครสนใจป๋าปูนก็เข้าไปตอบกันได้ คำตอบทุกคำตอบมีค่า ทั้งในเรื่องราคาและรูปเล่มที่จะออกมา เรียนเชิญนะคับ^^

http://goo.gl/forms/YVWnykuEOf

ป.ล. ขอบคุณทุกเม้นต์ทุกโหวตเลย อาทิตย์นี้เช่น่าจะค่อนข้างยุ่ง อาจจะมาไม่เร็วนักแต่คงได้เขียนสักตอนนั่นแหละคับ^^


 

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่23][280259]
«ตอบ #239 เมื่อ28-02-2016 19:20:30 »

น้องปูนต้องสู้นะคะ อย่าทิ้งป๋า  :hao6:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด