- - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]=เปิดพรีออเดอร์= (Up!ตอนพิเศษ Men Talks)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]=เปิดพรีออเดอร์= (Up!ตอนพิเศษ Men Talks)  (อ่าน 165707 ครั้ง)

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #16][220159]
«ตอบ #150 เมื่อ24-01-2016 11:02:53 »

สงสารพลัส แต่พี่บอย....จัดหนักๆเลยนะ :hao7:

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #16][220159]
«ตอบ #151 เมื่อ25-01-2016 07:41:30 »

ยอดมากบอย ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เต็มที่ไปเลย
แอบรำคาญพลัสมานานแล้ว เขี่ยให้หลุดจากวงโคจรของปูนไปเลยยิ่งดี

ปล อยากจับคณิตมาเขย่าๆ เลิกใจดีพร่ำเพรื่อซักทีสิ สงสารปูนง่ะ

ออฟไลน์ Cc-kun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #16][220159]
«ตอบ #152 เมื่อ27-01-2016 00:47:28 »

น้องปูนคิดมากกกกกกกกก
ป๋าออกจะชัดเจน
กาลจะโผล่มามั้ยย

ออฟไลน์ FOUR EYES

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #16][220159]
«ตอบ #153 เมื่อ27-01-2016 21:16:18 »

 กรี๊ดดดด ในที่สุดด   :-[

 เชียร์พี่บอยสุดไตตต เด็ดดอกไม้มาแล้วก็อย่าทิ้งขว้างนะคะ ดูแลเขาดีๆด้วย ไหนๆก็ไหนๆแล้ว
จัดหนักเลยค่ะ  :laugh:

ขอบคุณมากค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ lovenadd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-11
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #16][220159]
«ตอบ #154 เมื่อ27-01-2016 21:51:48 »

พี่กาลจากเรื่องโน้น เค้าเลิกใจร้ายแล้วนี่ครับ

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #16][220159]
«ตอบ #155 เมื่อ27-01-2016 23:40:33 »

โถ่~~~ ไปกันใหญ่ :hao4:

ออฟไลน์ lovenadd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-11
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #16][220159]
«ตอบ #156 เมื่อ28-01-2016 20:15:24 »

คิดถึงน้องปูนแล้ว

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #16][220159]
«ตอบ #157 เมื่อ29-01-2016 19:52:30 »

สงสารพลัส แต่ก็นะ ทำตัวเอง เราทีมน้องปูน 5555555555555555555

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
 


แตกที่ 14.5

…ฝนในตา...


 

 

ผมเชื่อว่าทุกคนเคยได้ยินประโยคที่ว่า ‘ความดีซื้อความรักไม่ได้’

 

ผมก็เคยได้ยินครับ แต่ผมเพิ่งเข้าใจมันก็วันนี้เอง...

 

 

 

“ปูน มาขนเหล้าตรงนี้ให้พี่หน่อย”

 

เด็กหนุ่มที่กำลังพะวงอยู่กับโทรศัพท์ในมือหลุดจากความคิดของตัวเองแล้วรีบปรี่ไปทำงานตามที่หัวหน้าทีมสั่ง เขาส่งยิ้มให้ผู้คนรอบข้างแม้แต่ป้าแม่บ้านที่เดินผ่านโดยไม่สนใจว่าผู้คนเหล่านั้นจะยิ้มรับหรือว่าทำหน้าแบบไหน ปูนแค่ยิ้มแล้วหวังว่าเรื่องทุกอย่างจะผ่านไป เขายินดีทำทุกอย่างเพียงขอให้งานนี้มันเสร็จเร็วขึ้นแค่สักชั่วโมงก็ยังดี

 

“วันนี้ดูมึงรีบๆนะ”

 

บอยที่แอบหลบมาสูบบุหรี่ในช่วงพักเอ่ยกับปูนซึ่งเป็นบาร์เทนเดอร์รุ่นน้องที่เขาชักชวนให้มาทำงานพิเศษในครั้งนี้ด้วยกัน ร่างเล็กหันมาหาคนถามแต่กลับเห็นว่าบอยเอาแต่จ้องไปยังโทรศัพท์ในมือไม่ได้มองมาทางเขาเลยสักนิด ด้วยความสงสัยปูนเลยถือวิสาสะชะโงกดู แต่พอเห็นว่าสิ่งที่ดึงความสนใจจากรุ่นพี่ของเขาไปได้ทั้งหมดคือรูปของใครคนหนึ่ง ปูนก็ได้แต่เบ้ปากอย่างหมั่นไส้

 

“ถามผมน่ะ มองหน้าผมหน่อยสิครับ”

 

“เสียสายตา...ว่าแต่จะตอบได้รึยัง ว่าทำไมวันนี้มึงทำงานลวกๆตลอด”

 

“มีปัญหาหรอ?”

 

“ก็ไม่ กูแค่แปลกใจเท่านั้นแหละ”

 

บอยว่าพลางขยี้บุหรี่ที่ไหม้ไปจนเกือบถึงก้นกรองทิ้ง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้จุดตัวใหม่ ปูนก็แย่งเอาบุหรี่ทั้งซองมาถือไว้เอง

 

“สูบเยอะไปแล้วพี่ เดี๋ยวก็ตายเข้าจริงๆหรอก”

 

“เลิกเสือกเรื่องของกูสักทีเถอะน่า ตอบมาเร็วเข้า เวลาพักจะหมดแล้ว”

 

ร่างเล็กทำท่าจะดื้อดึงต่อแต่พอโดนบอยใช้ดวงตาคมกริบนั้นจ้องมาดุๆก็ได้แค่ยอมยื่นบุหรี่ซองนั้นกลับไปให้ผู้เป็นเจ้าของแล้วเล่าไปตามความจริง

 

“วันนี้...เขามาด้วยน่ะ”

 

“เขา?”

 

“อืม...คนที่ผมเลยเล่าให้พี่ฟังไง”

 

พอได้นึกถึงคนคนนั้นผิวแก้วของปูนก็ร้อนผ่าวขึ้นมามือไม้ก็ชักจะเกะกะไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหน ในขณะที่บอยไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายในการหาคำตอบ เพราะถึงแม้ปูนจะเป็นพวกแอบปลื้มคนนั้นคนนี้ไปทั่ว แต่กลับมีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่เด็กหนุ่มใช้คำว่า ‘รัก’ แทนความรู้สึกที่มีต่อชายคนนั้น...

 

 

‘รัตติกาล’

 

 

“แล้วมึงจะรีบทำไมวะ เดี๋ยวยังไงก็ได้เที่ยวด้วยกันต่ออยู่แล้วนี่”

 

“ก็อยากให้เป็นอย่างนั้นอยู่หรอกพี่...แต่เดี๋ยวพวกผมก็ต้องกลับแล้ว”

 

บอยขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ ถ้าจำไม่ผิดก่อนหน้านี้ปูนยังโทรมาอวดเขาอยู่เลยว่าชายหนุ่มที่ตัวเองกำลังมีความสัมพันธ์ด้วยยอมตกลงจะอยู่เที่ยวที่ชลบุรีกับมันต่อจนเขาต้องทนฟังปูนเพ้อนานเกือบครึ่งชั่วโมง

 

“ไหนทีแรกบอกว่าจะกลับวันอาทิตย์?”

 

“ก็...ทีแรกไงพี่”

 

“...”

 

“แต่ตอนนี้...ไม่ได้แล้ว”

 

ร่างใหญ่มองรอยยิ้มฝืนของคนข้างกายอย่างไม่สบอารมณ์นัก เขาเก็บบุหรี่ที่ยังไม่ได้จุดกลับเข้าไปในซองพลางใช้สายตาคาดคั้นมองปูนไปด้วย

 

“ทำไมไม่ได้ มีปัญหาอะไรอีก”

 

“...”

 

“ไอ้ปูน กูเป็นพี่มึงนะ”

 

ความหวังดีที่ถูกแสดงออกอย่างห่ามๆทำให้คนที่พยายามแบกรับมันไว้คนเดียวหัวเราะออกมาพร้อมกับดวงตาที่มีน้ำเอ่อคลอ ปูนไม่ได้ร้องไห้เป็นเผาเต่ามันเป็นแค่สะเก็ดความรู้สึกเล็กๆที่หลุดออกมาเท่านั้น นอกจากเรื่องชงเหล้าทำเครื่องดื่มที่เขาถนัด ก็มีการเก็บความรู้สึกของตัวเองนี่แหละที่ปูนมั่นใจว่าเขาทำมันได้เก่งกว่าใคร...

 

“พรุ่งนี้พี่เขาต้องพาลูกไปเที่ยวน่ะ เลยอยู่ต่อกับผมไม่ได้”

 

“...!!!”

 

“แต่จริงๆแค่มาส่งผมได้ก็ดีแล้วนะ แถมเขาสัญญาแล้วด้วยว่าหลังจากทำงานเสร็จจะพาผมไปกินอาหารทะเลก่อนกลับกรุงเทพกัน ยังว่าจะถามพี่เนี่ยว่ามีร้านไหนแนะนำบ้าง เอาเป็นแบบบรรยากาศดีๆหน่อย...”

 

“ทำไมมึงโง่อย่างนี้วะปูน”

 

“...”

 

 

“ทำไมมึงไม่บอกกูว่ามันมีลูกมีเมียแล้ว”

 

 

บอยไม่อยากพูดขัดแต่เขาทนเห็นมันต่อไปไม่ได้จริงๆ ใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มซึ่งปูนประดิษฐ์มันให้สวยงามแต่ดวงตานั้นกลับดูเศร้าจนบอยทนฟังไม่ไหว ส่วนคนที่ถูกตราหน้าว่าโง่ก็หยุดนิ่งก่อนจะยิ้มให้บอยอีกครั้งแม้ว่ามันไม่มีประโยชน์อันใด แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ...

 

เขาไม่อยากร้องไห้ให้ตัวเองน่าสมเพชมากไปกว่านี้

 

 

ปูนพบรัตติกาลครั้งแรกในคลับที่ตัวเองทำงานอยู่ วันนั้นไม่ใช่วันที่พิเศษอะไร มันเป็นแค่วันธรรมดาวันหนึ่งที่หลังจากเลิกเรียนเขาต้องมาทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์แล้วควรจะกลับไปนอนอ่านหนังสือที่ห้องหลังจากนั้น เพียงแต่เพราะสายตาและความรู้สึกของปูนถูกหยุดไว้ที่ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกค้าที่ร่างเล็กรับหน้าที่ชงเหล้าให้ จริงอยู่ที่ปูนเคยพบคนที่หล่อกว่านี้มามากมาย แต่ไม่รู้ว่าทำไมใบหน้ายามปวดร้าวของรัตติกาลถึงทำให้ปูนไม่อาจละสายตาไปจากมันได้เลย

 

ปูนไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่คืออะไร แม้กระทั่งวันที่รู้ว่ารัตติกาลมีครอบครัวอยู่แล้ว เขาก็ไม่ถอยออกมาทั้งที่ควรทำ กลับตรงกันข้ามปูนยอมทำทุกอย่างทั้งเรื่องน่าอายในลานจอดรถวันนั้นหรือการทำตัวเป็นเด็กดีเพียงเพื่อให้รัตติกาลพอใจ เพราะเขารู้ดีว่าเหตุผลหนึ่งเดียวที่รัตติกาลเลือกมาหาเขาในวันที่ล้มลงคืออะไร…

 

 

 

‘ความสบายใจ’

 

ถ้าเขาให้มันกับรัตติกาลไม่ได้ทุกอย่างก็คงจะจบลง

 

 

 

“ผมก็ไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้..แต่ผมรักเขานี่จะทำไงได้”

 

ปูนว่ายิ้มๆแล้วยกคำพูดที่เขาใช้มันปลอบใจตัวเองเสมอมาพูดให้บอยฟัง แต่แทนที่จะเห็นใจบอยกลับเดินมาหาแล้วผลักร่างเล็กเข้าเต็มแรงจนแผ่นหลังของปูนปะทะเข้ากับกำแพงแต่ไม่ยักกะเจ็บ

 

“มึงเรียกมันว่าความรัก แต่สำหรับกูมันคือความงมงาย”

 

“...”

 

“ที่เขาไม่เลือกมึงมันก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนอยู่แล้ว...เลิกกับเขาซะปูน”

 

“ไม่ได้”

 

“ไอ้ปูน!”

 

“ผมรักเขาว่ะพี่ อีกอย่างเขามีแค่ลูกนะ เมียพี่กาลเขาไม่อยู่แล้ว อีกไม่นานหรอกพี่เชื่อสิ สักวันเขาคงรักผมบ้าง!”

 

“มึงอย่าโง่ได้ไหม กูบอกให้มึงตัดใจซะไง!”

 

“งั้นพี่ทำให้ผมดูก่อนได้ไหมล่ะ! ถ้าพี่สั่งหัวใจตัวเองได้ก็เลิกรักไอ้เด็กนั่นให้ผมดูก่อนสิ!!!”

 

ปูนย้อนกลับมาอย่างเหลืออดจนคนที่ฟังอึ้งไป มือของบอยที่กักปูนไว้คลายออกก่อนร่างใหญ่จะถอยไปข้างหลังโดยที่สายตายังไม่ละไปจากปูนเลยสักนิด ปูนเองก็รู้สึกผิด...แต่เขาคิดว่าหากพูดแบบนี้ไปบอยจะเข้าใจจุดยืนของเขาบ้าง

 

“มัน...ไม่เหมือนกัน”

 

“ไม่เหมือนตรงไหน...ผมกับพี่ก็รักคนที่เขาไม่รักเราทั้งคู่”

 

“...”

 

“ขอร้องล่ะพี่บอย ผมรู้ว่าพี่เป็นห่วงแต่...ขอให้ผมได้พยายามอีกนิดเถอะ”

 

ทันทีที่ปูนพูดจบก็ถึงเวลาที่พวกเขาต้องกลับเข้าไปทำงานพอดี เสียงฝีเท้าของผู้คนมากมายกำลังเดินผ่านมาทางนี้ซึ่งบรรยากาศโดยรอบยังคงเต็มไปด้วยความหนักอึ้งที่บอยและปูนร่วมกันสร้างมันขึ้นมา คนอายุมากกว่าถอนหายใจก่อนจะขยี้หัวของตัวเองแรงๆเพื่อเรียกสติ บอยใช้ดวงตาคมกริบของตัวเองจ้องมาที่ปูนอีกครั้ง เขาเป็นห่วงมัน แต่ก็รู้จักเด็กนี่ดีพอที่จะรู้ว่าหากปูนตัดสินใจไปแล้วต่อให้อธิบายเหตุผลแค่ไหนมันก็ไม่เป็นผล

 

“มึงคิดว่ามีโอกาสแค่ไหนที่เขาจะเลือกมึง”

 

“...ผมไม่รู้”

 

“ไม่รู้จริง หรือมึงไม่อยากยอมรับว่ามันไม่มีทางกันแน่”

 

“...”

 

“มึงรู้ไหมปูน ว่าทำไมกูถึงไม่เคยทำอะไรนอกจากดูคนเขาอยู่ห่างๆ”

 

“...”

 

“เพราะของเดิมพันในเกมนี้มันคือหัวใจ...ถ้าไม่มีโอกาสชนะกูก็จะไม่ลง”

 

คำพูดที่บอยทิ้งเอาไว้ให้ก่อนจะเดินจากไปปูนเข้าใจมันดี แต่ถ้าหัวใจเขามันฉลาดได้แค่ครึ่งหนึ่งของสมอง ปูนคงไม่ต้องคอยทนกินน้ำใต้ศอกคนอื่นเหมือนอย่างตอนนี้หรอก ร่างเล็กพยายามรวมรวบสติทั้งหมดไปไว้ที่งานแม้ว่ามันจะทำได้ยากเต็มที แต่ก็เพราะความไว้ใจของบอยที่เห็นในฝีมือของเขามันก็ทำให้ปูนต้องพยายามสลัดเรื่องของรัตติกาลออกไปจากหัวจนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเย็นที่วันนี้ท้องฟ้ามันครึ้มผิดปกติ เด็กหนุ่มยืนมองท้องฟ้ากว้างที่มีเมฆสีดำก้อนใหญ่ลอยวนจนแทบมองไม่เห็นพระอาทิตย์ เขามองภาพนั้นพร้อมกับความกังวลใจที่แล่นขึ้นมาในหัวอีกครั้ง

 

“จะเสร็จทันไหมเนี่ย...ไม่อยากให้ฝนตกเลย”

 

ปูนมองเวลาจากนาฬิกาข้อมือของตัวเองแล้วรีบขนไวน์ล็อตสุดท้ายออกไปตามคำสั่งของบอยที่บอกเขาไว้ก่อนหน้า เขารีบทำงานทุกอย่างให้เรียบร้อยในขณะที่คนอื่นยังคงโอ้เอ้เพราะเห็นว่าอีกไม่นานฝนคงตกรีบไปก็เท่านั้น แต่ปูนยังมีความหวังที่อยากจะทำมันให้ทันแล้วรีบปรี่ไปหารัตติกาลที่รอเขาอยู่ในโรงแรมอีกแห่ง แต่ดูเหมือนเสียงฟ้าที่คำรามอยู่ด้านนอกจะดังเกินไป คนบนนั้นเลยไม่ได้ยินความปรารถนาของปูน

 

 “น้องจะฝ่าไปจริงๆหรอ รอให้ฝนซาก่อนไหม”

 

วินมอเตอร์ไซค์คันที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้พูดกับปูนก่อนจะค่อยๆขับออกไปเพราะเห็นว่าการฝ่าพายุตอนนี้มันช่างไม่คุ้มกับค่าจ้างเอาเสียเลย ร่างเล็กมองรถที่เคลื่อนออกไปอย่างร้อนใจ เขานัดกับรัตติกาลไว้ประมานหนึ่งทุ่มแต่ตอนนี้เข็มสั้นของนาฬิกามันเดินไปเกือบถึงเลขสามแล้วปูนก็ยังคงติดแหง็กอยู่ที่เดิม

 

ไม่รู้ว่าโชคร้ายหรืออะไรโรงแรมแห่งนี้ก็ออกจะใหญ่แต่ปูนกลับหาร่มธรรมดาๆสักอันไว้ใช้เดินฝ่าสายฝนไปไม่ได้ ปูนพยายามกดโทรศัพท์หารัตติกาลซ้ำๆแต่ยังไงคนปลายทางก็ไม่รับสายจนเขาทั้งกลัวและท้อไปหมด

 

 “มึงยังไม่ไปอีกหรอวะ”

 

บอยที่เพิ่งสรุปงานเสร็จเดินมาถามปูนที่รีบวิ่งออกมาจากห้องแต่งตัวเป็นคนแรกหลังจากรับค่าตัวเรียบร้อย แต่กลับยังคงไปไม่พ้นประตูหลังของโรงแรมที่แม้แต่ยามก็ยังแอบไปนั่งหลบฝนอยู่ด้านใน ร่างเล็กหันใบหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวังมามองบอยแล้วถอนหายใจออกมาอย่างคนหมดแรง

 

“จะไปยังไงล่ะฝนตกขนาดนี้ พวกวินก็ไม่ยอมพาไปส่ง”

 

“แล้วคนที่มึงมาด้วยล่ะ โทรบอกให้เขามารับสิ”

 

“พี่เขาไม่รับสาย...อาจจะไม่ได้ยิน”

 

ถึงพูดแก้ตัวไปแบบนั้นแต่ในหัวของปูนกลับคิดไปร้อยแปด คงไม่ใช่ว่าตอนนี้พี่กาลหนีกลับกรุงเทพไปก่อนแล้วนะ...พี่จะไม่ทิ้งผมไว้คนเดียวใช่ไหม

 

แต่ดูเหมือนโชคจะยังเข้าข้าง เพราะหลังจากนั้นแค่ครู่เดียวเสียงเตือนที่ปูนตั้งค่าไว้แค่เฉพาะข้อความของรัตติกาลก็ดังขึ้น เขารีบเลื่อนเปิดโทรศัพท์ของตัวเองด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า แต่แล้วมันก็กลับเลือนหายไปแทบจะทันที...

 

 

 

 

 ‘พี่ต้องกลับกรุงเทพด่วน เดี๋ยวทิ้งรถไว้ให้ใช้’

 

‘ค่าโรงแรมปูนใช้เงินที่พี่ทิ้งไว้ให้เลยก็ได้’

 

‘หาข้าวกินด้วยล่ะ....ไม่ต้องรอพี่แล้ว’

 

 

 

ปูนรีบกดโทรศัพท์หารัตติกาลทันที แล้วพยายามข่มอารมณ์ตัวเองไว้ คราวนี้รัตติกาลไม่ปล่อยให้ปูนต้องรอนาน ร่างเล็กจึงกรอกเสียงสั่นๆของตัวเองลงไปโดยมีบอยที่พอจะเดาเหตุการณ์ได้ลางๆยืนมองอยู่ด้วย

 

“พี่กาลจะขับรถไปตอนนี้จริงๆหรอ”

 

เขาถามไปแบบนั้น ทั้งที่ความจริงอยากถามว่า ‘พี่กาลจะทิ้งผมไปอีกแล้วหรอ’ มากกว่าแต่ก็รู้ว่าทำไม่ได้...

 

“อืม ไม่ต้องห่วง ถ้าถึงแล้วพี่จะโทรหา”

 

ปูนยอมรับว่าใจเขาไม่ได้เป็นห่วงสวัสดิภาพของรัตติกาลเลยสักนิด เพราะแรงบีบรัดในอกตอนนี้ทำให้เขาไม่สามารถคิดถึงความสุขของคนอื่นก่อนตัวเองได้ ปูนอยากตะโกนใส่รัตติกาลเป็นพันๆครั้ง ว่าช่วยมารับเขาตอนนี้เลยได้ไหม จะฝ่าพายุหรือลมฝนอะไรก็ได้ขอแค่อย่าทิ้งผมไว้คนเดียวอีก...แต่สุดท้ายคนใจร้ายที่อ่อนโยนที่สุดของปูนก็ไม่เคยฟัง

 

“มารับปูนไปด้วยสิ...นะ ปูนทำงานเสร็จนานแล้วพี่กาลมารับปูนได้เลย”

 

“มันอันตรายนะ”

 

“อันตรายปูนก็ไม่สน...นะพี่กาล มารับปูนได้ไหม”

 

“...”

 

“...”

 

“พี่มีเพื่อนกลับไปด้วย ไม่ต้องห่วงพี่ไม่ฝืนขับกลับคนเดียวแน่”

 

“...!”

 

“เชื่อพี่นะ รออยู่ที่นี่แล้วตอนเช้าเราค่อยขับรถกลับ โอเคไหมครับ”

 

 

หลังจากนั้นปูนก็ไม่รู้ตัวเลยว่าได้เอ่ยปากบอกให้อีกฝ่ายขับรถดีๆไปด้วยน้ำเสียงแบบไหน กว่าจะเริ่มรู้สึกว่าอะไรเป็นอะไรก็ตอนที่บอยใช้หมวกกันน็อคสีดำสนิทมาเคาะเบาๆลงบนหัวของเขานั่นแหละ

 

“รถกูไม่มีหลังคา”

 

“พี่...”

 

“แต่อย่างน้อยมันก็พามึงไปส่งถึงที่ได้”

 

ไม่รอช้า ปูนรีบวิ่งตามบอยไปยังรถบิ๊กไบค์คันใหญ่ เขาไม่สนแม้ว่าห่าฝนที่ตกลงมาจะทำให้เจ็บไปทั่วทั้งร่าง บวกกับความเร็วที่ร่างใหญ่ใช้ยิ่งทำให้เม็ดฝนเม็ดเล็กๆสามารถสร้างความเจ็บปวดให้เขาได้ไม่ต่างจากคมมีด แต่ก็เพราะมันนั่นแหละที่ทำให้บอยสามารถพาปูนมาถึงโรงแรมที่หมายได้ในเวลาอันสั้น

 

“ที่จอดรถไปทางนี้!!”

 

“ขอบคุณมากเลยพี่!! เดี๋ยวผมจะตอบแทนที่หลังนะ!!”

 

ฝนมันตกหนักมากจนพวกเขาต้องตะโกนคุยกัน แต่ปูนก็ไม่มีเวลามากพอที่จะแสดงความขอบคุณอะไรที่ลึกซึ้งกว่านี้ สิ่งเดียวที่เด็กหนุ่มทำได้คือรีบวิ่งไปตามเส้นทางที่บอยบอกแล้วพยายามมองหารถคันใหญ่ที่ควรจะมีเขาและรัตติกาลนั่งมันกลับไปกรุงเทพด้วยกัน

 

 

แต่พายุก็ยังโหดร้ายกับปูนวันยันค่ำ...

 

 

ในขณะที่ปูนกำลังมองหารัตติกาลอย่างเอาเป็นเอาตาย รถโฟล์คเก่าๆคันหนึ่งก็ขับผ่านหน้าเขาไปโดยความเร็วของมันทำให้น้ำซึ่งขังอยู่บนพื้นสาดเข้าที่ตัวของเด็กหนุ่มจนเปียกปอนไปหมด แต่สิ่งที่ทำให้ปูนตัวชาไม่ใช่ความสกปรกที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตัวเอง...หากแต่เป็นคนสองคนที่นั่งอยู่ในนั้น

 

 

หนึ่งคือรัตติกาลที่เขารัก

 

และอีกคนชายที่ชื่อว่าอารัณย์ซึ่งกำลังพรากรัตติกาลจากเขาไป

 

 

ภาพของรถคนนั้นถูกลบหายไปด้วยสายฝนที่สัดสาด ทิ้งไว้แต่เพียงคำถามที่ปูนได้แต่ถามรัตติกาลซ้ำๆโดยที่คนใจร้ายคนนั้นไม่มีทางได้ยินมัน

 

 

พี่บอกผมว่าจะกลับกับเพื่อนไม่ใช่หรอ แล้วพี่เป็นเพื่อนกับคนแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ...คนที่พี่บอกกับผมว่าเกลียดนักหนา ทำไมคนแบบนั้นถึงได้อยู่เคียงข้างพี่แทนที่จะเป็นเด็กดีอย่างผม

 

 

พี่กาลครับ...ผมทำอะไรผิด

 

 

ผมทำอะไรพลาดไปอย่างนั้นหรอ

 

 

ผมยังดีไม่พอสำหรับพี่อีกรึไง...

 

 

 

“พี่กาลโกหก”

.

.

.

.

.

.

.

 

 

“คุณครับ เป็นอะไรรึเปล่า”

 

“...”

 

คณิตที่ออกมาตรวจดูความเรียบร้อยรอบๆโรงแรมของตัวเองหลังจากที่ฝนเริ่มซาลงไปบ้างสะดุดตาเข้ากับร่างของใครสักคนที่เขาไม่รู้จัก ซึ่งกำลังนั่งกอดเข่ามองปลายเท้าของตัวเองอยู่ด้านนอกโรงแรมที่ถึงแม้จะมีที่ร่ม แต่คนคนนี้กลับเลือกที่จะตากสายฝนซึ่งยังคงไหลลงมาเรื่อยๆไม่ขาดสาย

 

ผิวกายซีดขาวทำให้เจ้าของสถานที่รู้สึกเป็นกังวล ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้มานั่งตากฝนที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาพยายามก้มลงเพื่อมองใบหน้าของอีกฝ่ายแต่ก็ไม่เห็นอะไรเพราะท่านั่งอมทุกข์ที่เจ้าตัวแสดงออกมาทำให้คณิตเห็นเพียงเสื้อผ้าที่สกปรกไปหมด จนไม่อาจรู้ได้เลยว่าภายใต้ร่างกายที่แปดเปื้อนไปด้วยโคลนนี้มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งร้องไห้โดยไม่มีแม้แต่น้ำตาให้ไหล

 

 

 

“ไหวไหม อยากได้อะไรรึเปล่า”

 

 

 

“...”

 

 

 

“รับนี่ไป...แล้วก็ลุกขึ้นซะ ผมไม่รู้ว่าคุณเจออะไรมาแต่เชื่อผมเถอะว่าต่อให้คุณนั่งอยู่ตรงนี้ต่อไป อะไรๆก็คงไม่ดีขึ้น”

 

 

“...”

 

 

“ระวังอย่าให้ตัวเองป่วยล่ะ ผมไปนะ”

 

 

เสียงฝีเท้าของผู้มาเยือนจากไปพร้อมกับสายฝนที่หยุดลงแทบจะทันที ปูนที่ยังไม่อาจรวบรวมจิตใจที่แตกสลายให้กลับมาแข็งแกร่งดั่งเดิมได้เงยหน้าขึ้นมองหาแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า แต่ทันทีที่เขาแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ปูนก็พบว่าเมฆหนาที่นำพาสายฝนมาสู่ชีวิตของเขามันหายไปแล้ว

 

 

 

 

“สีเหลือง...”

 

 

 

 

ร่มคันโตสีเหลืองถูกกางอยู่เหนือหัวของปูนพร้อมกับผ้าเช็ดหน้าและขนมปังลูกเกดก้อนหนึ่งที่ถูกวางไว้ข้างๆกัน ปูนมองสิ่งของเหล่านั้นด้วยดวงตาที่พร่าเลือนและความรู้สึกที่ถาโถมเกินกว่าจะอธิบายเป็นคำพูดได้

 

 

แม้ว่าฝนภายนอกจะกันไว้โดยร่มคันนี้

 

 

แต่ตอนนี้น้ำฝนในตาของปูนกลับรินไหลด้วยความอัดอั้น

 

 

 

“ขอบคุณครับ”

 

 

 

 

ปูนพูดกับสายฝนที่กำลังไหลผ่านดวงตาของเขาเอง

 

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!!!

ก่อนอื่น ขอโทษแรงๆคับที่หายไปนานเลย  :hao5: เช่กำลังผจญกับ Hell weak ของนิสิตปี3 อยู่ จู่ๆก็ต้องทำวิจัยสองเรื่องให้เสร็จภายใจเดือนกุมภาเพราะต้องลงไป try out กับเด็กมัธยมที่จะปิดเทอมกันแล้ว กรีดร้องหนักมากกกกกกกกกกกกกกกกกก  :sad4:นรกของเช่มาตกอยู่ในเดือนหน้าหมดเลย ฮืออออออออออออ ไหนจะปิดรอบพี่กาลอีก โอ้ยยยยยยย ปวดตับๆๆๆๆๆๆๆๆ :o12:

ด้วยเพราะเหตุนี้ เช่อาจจะหายไปสักพักนะคับ อาจจะไม่ได้หายไปเลย แต่จะพยายามมาต่ออย่างน้อยอาทิตย์ละตอน ใช้คำว่าพยายามนะ ไม่รู้ว่าเช่จะทำได้ไหม หรือไม่เช่อาจจะต้องมาอัพเป็นเปอร์เซ็นเอา ขอโทษจริงๆนะคับ ขอให้เช่ผ่านวิกฤตไปก่อนนะ มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆที่อาจารย์เพิ่งมาบอกเช่เหมือนกัน อยากกระโดดงับหัวเบ็ตตี้มาก (ชื่อที่ใช้เรียกอาจารย์ เด็กๆอย่างเอาเป็นตัวอย่างนะคับ!) เดี๋ยวได้เข้าโรงพยาบาลอีกเชื่อดิ  :เฮ้อ:


ส่วนตอนนี้ เช่ไม่อยากเรียกมันว่าตอนพิเศษเท่าไหร่คับ มันเหมือนเป็นตอนเติมเต็มเรื่องหลัก เป็นส่วนหนึ่งของทามไลน์ที่หายไปมากกว่า ถ้าคนอ่านไนท์แมร์จะรู้ว่าจะมีอยู่ตอนนึงที่พี่กาลพาปูนมาทำงานแต่สุดท้ายดันกลับกรุงเทพไปกับอารัณย์(พระเอกเรื่องนั้น) ในไนท์แมร์ ปูนจะดูเป็นเด็กแสนดี(หราาาาาาาาาา  :hao7:) คือยอมพี่กาลไปหมด อะไรก็ได้ๆ แต่จริงๆแล้วที่น้องทำแบบนั้นก็เพราะรู้ดีว่าพี่กาลต้องการอะไร ปูนไม่ได้ใจกว้างหรอก แต่แค่ความต้องการมันบังคับ จนเป็นที่มาของการพบกันครั้งแรกของป๋าปูนที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ สำหรับปูนนี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆที่ทำให้น้องยอมเผยความรู้สึกของตัวเองออกมาด้วยการร้องไห้จากตอนแรกที่ฝืนไว้ตลอด ส่วนป๋าก็อบอุ่นมากกกกกกก (แต่เรื่องหลักยังไม่ได้เคลียร์นะคับเฮีย) ใจดีกับน้องตั้งแต่ยังไม่รู้จักกัน ส่วนต่อไปทั้งคู่จะรู้อดีตส่วนนี้กันหรือไม่นั่น ติดตามกันต่อไปนะคับ  :katai5:

ป.ล.ขอบคุณทุกเม้นต์ทุกโหวตเลยคับ ตอนนี้อาจจะสั้นบ้างและค้างกันต่อกับเรื่องหลักเหมือนเดิม แต่รอกันหน่อยนะคับ อยากแต่งต่อให้มาก แต่ภารกิจไม่อำนวยจริงๆ สัญญาว่าถ้าพอว่างเมื่อไหร่จะกลับมา

ส่วนหนังสือพี่กาล ใกล้วันปิดโอนแล้วนะคับ เหลืออีกแค่ 5 วันเท่านั้น ใครจองแล้วยังไม่โอนรีบๆนะคับ ส่วนใครยังไม่ได้จองและโอนก็เร่กันเข้ามา ระวังพลาดนะๆ (แอบบอกว่าในตอนพิเศษที่ไม่ลงในเว็บมีป๋าปูนนิดนึง เน้น! นิดนึง5555)

 

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1

ตอบเม้นต์กันน้าาาาาา




Toho48 >>>> พี่บอยบอก ผมไม่ได้มาเล่นนะครับ 55555 :hao7:


liza sarin >>>> โหดถึงใจน้องพลัสดีนะคับ ฮี่ๆ


kunt >>>> บังคับขาย แถมเป็นขายขาดด้วยนะ


sweetbasil >>>> ระวังน้องปูนมองแรงนะคับ  :katai1:


Smirnoff >>>> เช่ตบด้วย  :beat: :beat:


ลมเพลมพัด >>>> รอก่อนนะๆ เดี๋ยวเช่จัดคู่นี้ให้แซ่บๆเลย  :hao6:


นอนกินแรง >>>> น่าจะไม่กล้าแล้วมั้งคับ มั้ง.... 555555


kanomjeeb >>>> ฮันแน่ รู้นะว่าชอบ


cheyp >>>> เดี๋ยวป๋าต้องเจอน้องเวอร์ชั่นโหดบ้างคับ! อย่าให้เขาว่าเอาได้ว่าเป็นเบี้ยงล่าง!


Cc-kun >>>> โผล่มาในตอนเสริมก่อนแล้วกันนะ น้ำจิ้มๆ  o13


FOUR EYES >>>> เด็ดตอนแรกก็ช้ำล่ะคับบบบบ  :hao7:


lovenadd >>>> เอาตอนเสริมมาตอกย้ำความใจร้ายของพี่กาลนิดหน่อยคับ  :heaven


lnudeel >>>> น้องขี้งอนนิดเดียวเอง  :hao3:


Snowermyhae >>>> เช่ก็ทีมปูนคับ พลัสถึงกับน้อยใจ 55555  :z1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #14.5 (ตอนเสริม)][290159]
« ตอบ #159 เมื่อ: 29-01-2016 21:46:51 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ FOUR EYES

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
จิ้ม  :z13:

ฟ้าหลังฝนสดใสเสมอค่ะ

แต่นั่น!  นั่น !  นั่นมันนนน ..  แฮร่  :laugh:

ขอบคุณค่ายังไงก็สู้ๆนะคะ  เป็นกำลังใจให้ค่ะ :L2: :L2:

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตาฝาดป่ะเนี่ย เช่อัพแล้วๆๆๆๆๆๆ :ling3:

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านแล้วเกลียดตากาลทันไหมเนี่ย (รักไปแล้วอะ)
คือมีอะไรทำไมไม่บอกกันตรงๆ อยากทิ้งก็ทำตามใจตลอด
ดีนะที่ป๋ามาเจอน้อง ไม่งั้นคงนั่งงงอยู่อย่างนั้น  :mew6::mew6:

เรื่องเรียนสู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
บอยก็เป็นคนดีเหมือนกันนี่นา o13

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
น้ำตาซึม

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #17][030259]
«ตอบ #165 เมื่อ03-02-2016 20:33:58 »

 
 

แตกที่ 17

…สิ่งที่ยังไม่เกิด...


 

 

 

“เธออยู่ที่ไหนปูน...เดี๋ยวพี่ไปหา”

 

“เรียกว่าพี่นิดสิ”


 

 

 

 

“...”

 

 

 

 

“พี่เองก็เบื่อเหมือนกัน อย่างชิ่งจะแย่แล้วเนี่ย"

 

 

 

ปูนไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองเป็นคนมีความอดทนสูงเหมือนกัน เพราะไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีทางยืนฟังสองคนนั้นพูดคุยกันด้วยสรรพนามที่ทำเอาดวงตาของปูนพร่าเลือนขึ้นมาชั่วขณะได้ หลังจากทำตัวเป็นน้องที่ดีให้คำแนะนำอะไรบางอย่างกับบอยไปปูนก็รีบเดินกลับมาหาคนที่ถูกเขาทิ้งไว้ข้างหลังแต่กลายเป็นว่าฝ่ายนั้นกลับมีเพื่อนคุยคนใหม่ซะแล้ว...แถมดูท่าจะถูกปากกันพอควร

 

ดวงตาของเราทั้งคู่สบกัน...คณิตเห็นเขานะไม่ใช่ไม่เห็น แต่เพราะความเป็นคนดีที่มีอยู่มากมายในตัวเลยทำให้ป๋าเลือกที่จะยืนอยู่ข้างพลัสที่กำลังโดนรังแกมากกว่าคนที่ไม่เป็นอะไรเลยอย่างเขา

 

 

 

ให้ตายสิ สถานการณ์แบบนี้มันคุ้นชะมัด...

 

 

 

“ช่วยปล่อยแขนนั่นก่อนจะได้ไหม น้องเขาเจ็บ”

 

คณิตพูดขึ้นพร้อมกับจ้องบอยกลับอย่างไม่ยอมอ่อนข้อเลยไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าคนที่ตัวเองกำลังออกโรงปกป้องอยู่นั้นมองมายังปูนด้วยสายตาแบบไหน โดยปูนที่เห็นทุกอย่างกลับยกยิ้มราวกับว่าความวุ่นวายตรงหน้าเป็นเรื่องตลก

 

ตลกจริงๆ...โดยเฉพาะความรู้สึกของเขาเอง

 

ปูนก้าวถอยออกมาโดยไม่คิดจะหันกลับไปมอง อารมณ์ที่ขุ่นมัวตั้งแต่ตอนที่บอยบอกเขาว่าไอ้ขี้เสือกนั่นมันรู้อะไรบ้างก็ทำเอาปูนปวดหัวจะแย่แล้ว ยิ่งต้องมาเห็นว่าคณิตกำลังปกป้องคนที่สร้างความไม่สบายใจให้กับเขาได้อย่างร้ายกาจก็ไม่ใช่เรื่องที่ปูนจะทนยืนดูต่อไปได้

 

 

 

 

อยากบอกป๋าว่าเลิกปกป้องมันซะ มันกำลังทำไม่ดีกับผมนะ...

 

แต่มันก็พูดไม่ได้ เขาเลยต้องอึดอัดแบบนี้...

 

 

 

“ทำไมอยู่คนเดียว คณิตไปไหนซะล่ะ”

 

เสียงของชายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจทำให้ช่วงขาที่ยาวไม่มากของปูนหยุดอยู่กับที่ เมษาที่เพิ่งรินไวน์ที่เหลือเพียงก้นแก้วเข้าปากไปเอ่ยทักปูนอีกครั้งด้วยใบหน้ายิ้มแย้มที่เดาทางอะไรไม่ได้อย่างเคย

 

“คุยกับคนอื่นอยู่ทางนั้นน่ะครับ”

 

“อ้าวหรอ แล้วเดี๋ยวมันจะมาทางนี้รึเปล่า”

 

“...ไม่รู้สิครับ”

 

ปูนนิ่งไปก่อนจะตอบโดยที่ไม่หลงเหลือความมั่นใจจนเมษาลองเอ่ยถาม

 

“เป็นอะไรไป ดูไม่ร่าเริงเหมือนเมื่อกี้เลยนะ”

 

“เปล่านี่ครับ ผมก็เป็นของผมแบบนี้แหละ”

 

พอโดนจี้เข้ามากๆปูนก็เผลอทำตัวไม่มีสัมมาคารวะใส่ทั้งๆที่อีกฝ่ายเป็นเจ้านาย แต่ดูเหมือนว่าเมษาจะไม่ถือสามันออกจะชอบเสียด้วยซ้ำจนคนที่ดูเงียบขรึมตลอดหัวเราะออกมาผ่อนคลายบรรยากาศตึงเครียดโดยรอบ

 

“ฮ่าๆ โอเค ฉันจะจำไว้แล้วกันว่าเธอเป็นคนแบบนี้”

 

เมษาว่าแล้วหันไปหยิบไวน์มาอีกสองแก้วโดยที่หนึ่งในนั้นถูกยื่นมาให้ปูนซึ่งรับมันมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ ร่างเล็กมองของเหลวสีแดงก่ำในมือของตัวเองก่อนจะสบตากับคนที่ยกมันให้เขาอีกครั้ง ซึ่งเมษาก็ยิ้มให้แล้วลิ้มรสไวน์อีกแก้วเหมือนเป็นการบอกให้ปูนทำบ้าง แต่ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะได้ทำตาม เครื่องดื่มราคาแพงนั้นก็โดนชิงไปซะก่อน

 

“อ้าว คุยธุระเสร็จแล้วหรอวะ”

 

เมษาไม่ได้พูดประชดใคร แต่พอคณิตได้ฟังกลับรู้สึกเหมือนโดนเสียดสีเล็กๆ แต่ที่เป็นอย่างนั้นอาจจะเป็นเพราะใบหน้าง้ำงอของปูนที่หันหนีไปแทบจะทันทีที่ได้เห็นว่าคนที่เข้ามาขัดจังหวะคือใคร

 

“เออ แล้วมึงล่ะมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ ไหนบอกว่าจะเข้าไปคุยกับผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวก่อนไง”

 

“คุยเสร็จแล้ว เรื่องดินน่ะ”

 

คณิตพยักหน้ารับโดยที่มือก็คว้าเข้าที่แขนของคนที่ทำท่าจะเดินหนีไปอีกแล้ว ปูนสะบัดหน้าหันมามองร่างสูงอย่างไม่พอใจแต่คณิตกลับยังรักษาท่าทางได้ดีเพราะเห็นสายตาของเมษาที่กำลังลอบสังเกตเขาทั้งคู่ด้วยความสนใจ

 

“จะเปิดสาขาใหม่อีกหรอวะ”

 

“อืม อยากทำที่สัตหีบน่ะ แต่ติดเรื่องทหารเลยต้องให้ผู้ใหญ่เข้าไปคุยให้ มึงไม่สนใจบ้างรึไง”

 

“ไม่ล่ะ กูขี้เกียจ”

 

เมษาหัวเราะออกมาเพราะคำตอบของเพื่อนไม่ผิดจากที่คาดไว้ แต่ก็ไม่ใช่แค่เรื่องนั้นหรอกที่ทำให้เขาขำ แต่เป็นเพราะฉากขัดขืนเล็กๆที่เขากำลังยืนดูอยู่นี่ต่างหากที่กระตุ้นความสงสัยได้ดีจริงๆ

 

“มึงคบกันแล้วหรอวะ”

 

คำถามของเมษาหยุดทั้งปูนและคณิตได้แทบจะทันที เด็กหนุ่มทำหน้าเลิกลั่ก ในขณะที่ร่างสูงนิ่งไปก่อนจะหันมาสบตากับเพื่อนตรงๆ

 

“ยัง”

 

“ยัง...แสดงว่ามีโอกาส เพราะถ้าไม่ใช่แบบนั้นมึงคงปฏิเสธชัดๆไปแล้ว”

 

ภายในใจคณิตกำลังเบ้ปากใส่คนที่รู้ทัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรักษาอาการไว้ก่อนเพราะไม่รู้ว่าคำถามที่เมษาถามมันจะนำมาสู่อะไร

 

“ผมไปได้รึยัง”

 

ปูนที่คิดว่าตัวเองทนอยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัดแบบนี้มานานเกินพอเอ่ยถาม พอดีกับจังหวะที่คณิตกำลังจ้องตากับเมษาอยู่เขาเลยชักมือของตัวเองกลับคืนมาได้ เมษายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจผิดกับคนซึ่งยืนข้างๆปูนที่หันมาให้ความสนใจกับร่างเล็กอีกครั้ง

 

“ไปได้...แต่ต้องไปด้วยกัน”

 

“...”

 

“ฉันมีเรื่องจะถาม”

 

น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงการขอร้องเจือปนอยู่ในนั้นจนใจที่ขุ่นมัวอยู่อ่อนยวบลงนิดหน่อยแต่ก็ไม่ถึงกับกลายมาเป็นขี้ผึ้งลนไฟ ปูนแย่งแก้วไวน์ที่คณิตแย่งเขาไปเมื่อครู่กลับมาถือไว้แล้วดื่มมันโดยมีสายตาของทั้งคู่มองมาหนึ่งคือเมษาที่หัวเราะอย่างถูกใจและคณิตที่เหมือนหยิบเอาอารมณ์เสียๆของปูนมาถือไว้แทน

 

“ขอบคุณมากนะครับคุณเมษา ไว้คราวหน้าผมจะหาโอกาสทำเครื่องดื่มดีๆให้คุณบ้าง อร่อยกว่าไวน์นี่อีก...รับรองเลย”

 

ปูนไม่ได้ตั้งใจจะยั่วใคร หากแต่จริตที่มีติดตัวอยู่มากทำให้ร่างเล็กพูดอ่อนเมษาไปแบบนั้น เขาวางแก้วไวน์ที่บัดนี้ว่างเปล่าลงบนโต๊ะใกล้ๆแล้วเดินออกไปโดนมีร่างของคณิตเดิมตาม คนตัวโตบอกให้เขาหยุดแต่ปูนก็ไม่ฟัง จนกระทั่งทั้งคู่เดินมาถึงสระน้ำด้านนอกที่บัดนี้ไร้ผู้คน

 

“ยอมหยุดได้แล้วรึไง”

 

คณิตเอ่ยทนทีที่ปูนหยุดเดินแต่ก็ยังไม่ยอมหันกลับมามองหน้าเขา ที่ตรงนี้ไม่มีอะไรและไม่มีใครอื่นควรจะให้ความสนใจแต่เด็กหนุ่มที่มักจะมาคลอเคลียกลับยืนเฉยแล้วหันไปมองผืนน้ำนิ่งๆไม่แม้แต่จะตอบคำถามนั้น คณิตรู้ว่าปูนงอนแต่ไม่รู้ว่างอนเรื่องอะไร...จะบอกว่าเป็นเพราะเขาไปคุยกับเด็กคนนั้นงั้นหรอ

 

“ฉันแค่คุยกับเขาเฉยๆเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรเกินเลยแบบที่เธอคิด”

 

“...”

 

“ฉันไม่ได้แก้ตัว แค่ไม่ชอบความเข้าใจผิดที่ทำให้เธอไม่ยอมมองหน้าฉัน”

 

คณิตยกมือขึ้นสัมผัสแก้มของปูนเบาๆก่อนจะออกแรงดันมันให้หันมันหันมาตรงกันเพื่อสบเข้ากับดวงตากลมๆที่วูบไหวเมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ออกฤทธิ์กับหัวใจที่คนตัวโตสร้างขึ้น

 

“ไม่ชอบใจอะไรก็บอก เธอทำมันมาตลอดอยู่แล้วไม่ใช่รึไง”

 

คณิตไม่ชอบความยุ่งยากวุ่นวาย แต่การยอมทำตามใจปูนในบางครั้งถือเป็นข้อยกเว้นที่ทำให้เขารู้สึกดีอยู่เหมือนกัน คนตัวเล็กเม้มปากของตัวเองน้อยๆเหมือนกับเด็กๆเวลาลังเลที่จะพูด แต่พอคณิตใช้นิ้วเกลี่ยไปตามผิวแก้มของเขาเบาๆ คนที่อมพะนำไว้ก็ยอมเอ่ยมันออกมา

 

“ใจดีเกินไปแล้ว...”

 

“หื้อ?”

 

“ป๋าน่ะ...ใจดีกับผมคนเดียวก็พอ”

 

ปูนคว้าชายเสื้อสูทแบบเดียวกับของตัวเองมาจับไว้แล้วออกแรงกระตุกมันเบาๆทั้งที่นัยน์ตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่ผู้เป็นเจ้าของ

 

 

 

“อยากให้พี่นิดใจดีกับน้องคนเดียว...ได้รึเปล่าครับ”

 

 

 

นอกจากจะสั่นไหวหัวใจของคณิตได้...คำพูดของปูนก็อธิบายถึงสาเหตุที่ร่างเล็กไม่พอใจได้เป็นอย่างดี คณิตหลุดยิ้มเท่ๆอย่างถูกใจทั้งใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อและดวงตาออดอ้อนที่แฝงไปด้วยความเอาแต่ใจคู่นั้น ปูนไม่ได้ร้องขออยู่หรอก...มันเป็นการออกคำสั่งต่างหาก

 

“จะว่าได้มันก็ได้ แต่จะว่าไม่ได้ก็ไม่ได้”

 

“...”

 

 

 

“ปูนคิดว่าความใจดีที่พี่ทำให้คนอื่นมันเหมือนกับที่พี่ทำให้ปูนรึไง”

 

 

 

ร้ายกาจ...ทั้งคำพูดที่เป็นการบอกปัดกลายๆและกริยาที่คณิตก้มตัวลงมากระซิบบอกปูนข้างๆหูนี่อีก ความหมางใจถูกลบหายไปจนหมด ปูนหัวเราะน้อยๆแล้วคว้าคอคนที่นานๆทีจะอ่อยเขาบ้างมากอดไว้จนเต็มแรง เท้าของปูนลอยสูงจากพื้นทันทีที่คณิตออกแรงยกคนที่ตัวเล็กกว่ามากมากอดไว้ ปูนร้องเสียงหลงเพราะกลัวตกแต่คณิตก็ไม่คิดจะคลายอ้อมแขนนี้ลง เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังก้องไปทั่วทั้งสระที่มีแต่พวกเขาอยู่เพียงลำพัง

 

ที่ตรงนี้ไม่มีอะไรและไม่มีใครที่พวกเขาควรให้ความสนใจ

 

เพราะฉะนั้นมันคงไม่เป็นไร ถ้าเขาจะทำอะไรที่เอาแต่ใจตัวเองดูบ้าง

 

คณิตคิดแบบนั้น...ก่อนจะจับปูนมาจูบเบาๆ

 

 
:กอด1:( มีต่อเม้นต์ล่าง) :กอด1:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #17][030259]
«ตอบ #166 เมื่อ03-02-2016 20:34:38 »


บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรักผ่านพ้นไปเหลือไว้เพียงกองผ้ามหาศาลไว้ให้ดูต่างหน้า แม้ว่าจะอยากกลับไปพักแค่ไหนแต่ทันทีที่งานแต่งงานนั้นจบลงคณิตก็ต้องกลับเข้าช่วยดูแลกำกับลูกน้องให้เคลียร์สถานที่ให้กลับมาอยู่ในสภาพเรียบร้อยดังเดิมให้เร็วที่สุด เสื้อสูทสีเข้มถูกปลดออกเหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีอ่อนที่อยู่ด้านในเท่านั้นแม้แต่ปูนที่อยู่ในสภาพเดียวกันก็ช่วยพนักงานคนอื่นหยิบจับอะไรบ้างเท่าที่เขาจะทำได้โดยที่ในหัวก็ยังคงเต็มไปด้วยเรื่องที่สระน้ำเมื่อครู่

 

“ปูน เสร็จแล้วไปกินบะหมี่เกี๊ยวกันไหม”

 

พี่พนักงานผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาชวนปูนที่กำลังใส่ผ้าจัดดอกไม้ผืนสุดท้ายลงในถุงเพื่อส่งซัก

 

“ใครไปบ้างอะพี่”

 

“ก็ไปกันหมดนี่เลย พวกหัวหน้าบางคนก็ไป”

 

ปูนลังเล เพราะของจากบุฟเฟต์ที่กินไปตอนหัวค่ำมันไม่คณาท้องเขาเท่าไหร่เลย บวกกับต้องมาลงแรงทำงานเลิกท้องน้อยๆของปูนก็เริ่มร้องอีกแล้ว

 

“เอาไง หรือต้องไปขอคุณคณิตก่อน”

 

ร่างเล็กทำหน้าตกใจในขณะที่อีกฝ่ายยิ้มขำ หญิงสาวเขยิบเข้ามาใกล้แล้วพูดกับปูนด้วยเสียงที่คิดว่าเบาที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังสังเกตเห็นคนอื่นแอบทำตาโตหูผึงรอฟังคำตอบอยู่เหมือนกัน

 

“ว่าไง ต้องขอก่อนไหม”

 

“...ขะ เขออะไรล่ะพี่ ไม่เห็นต้องขอเลย”

 

“ต้องขอสิ ก็ปูนเป็นแฟนคุณคณิตไม่ใช่หรอ”

 

“...!”

 

“ตัวติดกันตลอด เสื้อก็ใส่เหมือนๆกัน แถมท่าทางพวกนั้นอีก ถ้าบอกว่าไม่ใช่แฟนนี่พี่กับไอ้อ๊อดก็เพื่อนกันแล้ว”

 

ไอ้อ๊อดที่ว่าก็ผัวพี่แกนั่นแหละ...มันเป็นคำพูดประชดที่มีความนัยว่าในสายตาของคนอื่นเขากับร่างสูงไม่ต่างจากคนที่มีใจให้กันเลยสักนิด...ก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่ามีใจให้ แต่พวกเขาสองคนต่างก็รู้ดีว่าสถานะที่เป็นอยู่ตอนนี้มันคืออะไรและฉาบฉวยแค่ไหน ปูนเลยยิ้มแกนๆให้อีกฝ่ายไป

 

“ฮ่าๆ ผมเป็นผู้ชายนะพี่”

 

“ผู้ชายแล้วไงล่ะ ไม่เห็นไปไรเลย ปูนกับคุณคณิตอยู่ด้วยกันแล้วน่ารักดีออก ใช่ไหมพวกแก”

 

“ใช่!”

 

คุยกันอยู่แค่สองคนแต่พอถามหาเสียงร่วมกลับมาคนช่วยตอบกันให้เพียบ พี่หลายๆคนเดินมาบนหลังปูนเบาๆแล้วแกล้งพูดแซวให้อายเล่น บางคนก็ไม่พูดอะไรแต่ก็ส่งมายิ้มมาให้ ส่วนคนที่ไม่ชอบก็ก้มหน้าทำงานของตัวเองไปไม่ออกความคิดเห็น ปูนยิ้มออกมาให้กับผู้คนที่นี่ที่ให้การต้อนรับเขาอย่างดีแบบที่ครั้งหนึ่งปูนเคยได้รับมัน...เมื่อนานมาแล้ว

 

“คุยอะไรกันอยู่ ทำงานเสร็จแล้วรึไง”

 

คณิตที่เดินเช็คความเรียบร้อยโดยรอบเดินมาทางกลุ่มที่ร่างเล็กนั่งอยู่ด้วยเมื่อได้ยินเสียงคุยที่ดังผิดปกติ พอเจ้านายใหญ่ของที่นี่เดินมาถึง พวกที่รุมล้อมปูนอยู่ก็แตกฮือออกเหลือไว้เพียงพนักงานใจกล้าเพียงไม่กี่คนที่ยังอยู่ที่เดิมแถมหันไปส่งยิ้มล้อๆให้คณิตอีกต่างหาก

 

“กำลังชวนปูนไปกินบะหมี่เกี๊ยวด้วยกันอยู่ค่ะ สนใจไหมคะคุณคณิต”

 

พนักงานคนหนึ่งพูดขึ้นจนทำให้คนที่เหลือพูดเซ้าเพื่อขอให้คณิตตอบตกลง ร่างสูงที่ยังงงๆหันมาหาปูนเพื่อขอให้อธิบาย แต่คนตัวเล็กก็ทำเพียงหัวเราะแล้วเออออห่อหมกไปตามสถานการณ์เท่านั้น

 

“งานยังไม่เสร็จเลย คิดถึงเรื่องกินแล้วหรอ”

 

“อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้วค่ะ ไปนะคะ น้องปูนเขาบ่นว่าอยากกินมาก”

 

คนที่ถูกสมอ้างชื่อทำหน้าเหรอหรา แต่พอเห็นสายตาของผู้คนที่มองมาอย่างขอร้องก็ไม่กล้าปฏิเสธไปเพราะกลัวจะทำให้ผิดหวังกัน ส่วนคณิตก็ถามปูนย้ำว่าคำพูดนั้นเป็นจริงไหม จนกลายเป็นว่าการยกโขยงไปกินบะหมี่หลังเลิกงานนี้กลายมาเป็นการตัดสินใจของปูนเพียงคนเดียวจนได้

 

“เออ คือ...”

 

“...”

 

“ทำงานเยอะๆมันก็เลยหิว...หาอะไรกินก่อนนอนสักหน่อยก็ดีนะ”

 

ว่าแล้วก็ช้อนตามองอีกทีจนคนรอบข้างเก็บไปหัวเราะคิกคักกันอย่างชอบใจ คณิตสบตากับคนที่ถึงแม้ไม่ขอมาตรงๆเพราะไม่อยากทำอะไรให้มันชัดเจนจนพนักงานเอาไปพูดให้เสียหายกันได้โดยที่ไม่รู้เลยว่าคำพูดนั้นไม่ใช่ปัญหา หากแต่เป็นสายตาและท่าทางของปูนต่างหากที่มันชัดเจนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด

 

“ไปกันเยอะไหม”

 

คณิตหันไปถามพนักงานคนเดิมแทนที่จะเป็นปูนที่ยังใช้ตากลมๆมองมา

 

“ก็หลายคนอยู่ค่ะ มีแต่พวกที่ต้องอยู่เวรเลยไม่ได้ไป”

 

“เฮ้อ...งั้นรีบทำงานให้เสร็จ รับทิป แล้วไปเจอกันที่ร้าน จ่ายกันเองนะงานนี้ ไม่เลี้ยงนะบอกไว้ก่อนเลย”

 

ทันทีที่คณิตพูดจบก็เดินจากไปพร้อมกับเสียงเฮลั่น แม้แต่ปูนก็พลอยยิ้มกับคนอื่นไปด้วย พวกเขาช่วยกันเร่งมือจนกองผ้าขนาดใหญ่ค่อยๆหายไปจนห้องกว้างที่เคยเต็มไปด้วยของประดับตกแต่งกลับมาอยู่ในสภาพโล่งว่างอีกครั้ง ปูนส่งข้อความไปหาคณิตว่าเขาจะซ้อนมอเตอร์ไซด์พี่พนักงานคนหนึ่งไปไม่ติดรถไปด้วยเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเสียใจน้ำที่ชวนเขา คณิตก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากเอ่ยย้ำให้ปูนเอาเสื้อสูทมาสวมทับไปด้วยเพราะกลัวจะหนาว รวมถึงเรื่องสวมหมวกกันน็อคที่ยืนยันเด็ดขาดว่าปูนต้องใส่

 

ปูนยิ้มให้กับสายลมเย็นๆที่พัดผ่านร่างกายของเขาโดยไม่คิดจะเปิดอ่านข้อความของบอยที่เพิ่งส่งมาเพราะไม่อยากให้อารมณ์ดีๆเสียไป ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็เดินทางมาถึงร้านบะหมี่ข้างทางที่มีโต๊ะต่อยาวไปจนเกือบสุดทางฟุตบาท นอกจากบะหมี่แล้วก็ยังมีของกินอย่างอื่นอีกมาก ทั้งโจ้ก อาหารตามสั่ง ยำหรือแม้แต่ส้มตำก็ยังมีขายโดยที่ลูกค้าส่วนมากก็เป็นนักท่องเที่ยวและคนที่เลิกงานดึกอย่างพวกเขานี่แหละ

 

“ปูนกินอะไรดี สั่งเลยๆไม่ต้องรอคุณคณิตหรอก”

 

ปูนลังเลในตอนแรกแต่ก็ยอมทำตามนั้นเพราะเห็นว่าพวกเขามากันก็หลายคนต่อให้สั่งก่อนก็ใช่ว่าจะได้กินทันที ปูนสั่งบะหมี่เกี๊ยวพิเศษสำหรับส่วนของตัวเองแต่ก็ไม่วายส่งข้อความไปถามคณิตที่ยังมาไม่ถึงว่าจะกินอะไรเขาจะได้สั่งให้ก่อนล่วงหน้า

 

“บะหมี่แห้ง เกี๊ยวน้ำพิเศษหมูแดง แล้วก็ โจ้กหมูใส่ไข่...กินเยอะชะมัด ไปหิวมาจากไหนเนี่ย”

 

ร่างเล็กอ่านสิ่งที่คณิตบอกมาอย่างอึ้งๆก่อนจะเดินไปสั่งตามนั้น เป็นอย่างที่ปูนคาด เขาต้องนั่งรอพักใหญ่ก่อนของที่ตัวเองสั่งทั้งหมดจะถูกลำเลียงมาไว้ที่โต๊ะแต่ปูนก็ยังไม่ลงมือทานเพราะอยากรอคนที่กำลังจะมาถึงมากกว่า พนักงานคนอื่นพอเห็นแบบนั้นก็เอ่ยแซวปูนกันใหญ่ ปูนก็ยิ้มๆตอบไปแต่ก็ไม่เคยให้ความชัดเจนกับคำตอบที่ว่าเขากับคณิตเป็นอะไรกัน

 

“นั่นไง พูดถึงก็มาพอดีเลย”

เสียงของพี่คนหนึ่งพูดขึ้นก่อนที่คณิตจะเดินเข้ามาพร้อมกับใครคนหนึ่งที่เดินตามหลัง ปูนที่นั่งอยู่ในท่าสบายเผลอเหยียดหลังตั้งตรงเมื่อเห็นใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกับชายหนุ่มที่เขาเสน่หากำลังส่งยิ้มและพูดคุยกับพนักงานทุกคนแม้แต่ปูนก็พลอยถูกทักไปด้วย

 

“ขอบคุณนะคะที่สั่งให้ก่อน ดีจัง มาถึงก็ได้กินเลย”

 

“คะ ครับ”

 

ร่างเล็กพูดก่อนจะเหลือบหันไปมองคณิตที่กำลังลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมาหวังจะนั่งใกล้ๆเขา แต่มันก็ไม่ไวพอเพราะน้องสาวที่ตัวเล็กกว่ามากกลับแทรกตัวเข้ามาแล้วแย่งเก้าอี้ตัวที่ว่ารวมถึงที่นั่งข้างๆปูนมาเป็นของเธอแทน

 

“พี่นิดนั่งฝั่งนั้นนะ มันโดนควันหม้อก๋วยเตี๋ยวอ่ะ หน่อยร้อน”

 

หน่อยหันไปพูดกับพี่ชายด้วยน้ำเสียงที่ติดจะเอาแต่ใจเล็กๆโดยไม่คิดจะฟังคำทักท้วงใดๆทั้งสิ้น คณิตพยักหน้ารับหน้าอย่างงงๆในขณะที่ปูนทำตาโตด้วยความเอ๋อหนัก จริงอยู่ที่หญิงสาวไม่ได้มีเขี้ยวยาวๆหรือหางงอก แต่ดวงตาเล็กๆที่ราวกับจะมองทะลุเข้าไปในตัวเขาตลอดเวลาทำให้ปูนรู้สึกรับมือไม่ถูกซะเลย

 

เกี๊ยวน้ำพิเศษหมูแดงถูกเลื่อนมาตรงหน้าหน่อย ในขณะที่บะหมี่และโจ้กเป็นส่วนของคณิตที่ดูท่าจะหิวโซไม่น้อยเพราะพอจับช้อนจับตะเกียบได้ก็ซัดเอาๆไม่หันมาสนใจปูนที่วางตัวไม่ถูกเลยสักนิด

 

“ใส่พริกเยอะขนาดนั้นไม่เผ็ดหรอคะ”

 

มือที่กำลังคีบเกี๊ยวเข้าปากชะงักไปเมื่อคนข้างๆทักเขาเรื่องน้ำซุปที่ถูกปรุงจนเปลี่ยนเป็นสีแดงแจ๋ ต่างจากของหน่อยที่เติมน้ำตาลอีกครึ่งช้อนก็กินเลย

 

“ก็...เผ็ดครับ แต่ผมชอบ”

 

“หรอคะ ขอลองชิมหน่อยได้ไหมคะ ดูท่ากินดี”

 

คราวนี้ปูนเกือบจะทำช้อนหลุดมือ เพราะใบหน้านิ่งๆที่หน่อยใช้พูดกับเขามันช่างขัดกับความนัยมันเหลือเกิน ก็พวกเขา...ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น

 

“เอ่อ...จะดีหรอครับ”

 

“ดีสิคะ อยากลองชิมมานานแล้วแต่ปกติที่บ้านไม่ค่อยทานเผ็ดกัน ยิ่งหน่อยเป็นโรคกระเพาะด้วยเลยโดนพี่นิดห้ามมาตลอดเลย”

 

ปูนหันไปมองคนที่ถูกอ้างชื่อซึ่งอีกฝ่ายก็กำลังมองมาที่พวกเขาอยู่ ร่างสูงหันไปหาน้องสาวแล้วทำหน้าเหมือนกับจะพูดประมานว่า ‘ถ้าอยากหาเรื่องปวดท้องก็ลองดู’ แล้วกลับไปให้ความสนใจกับโจ้กของตัวเองต่อเพราะบะหมี่แห้งชามใหญ่ถูกจัดการไปหมดแล้ว

 

“นะคะ ขอชิมหน่อย”

 

“ก็ได้ครับ...แต่นิดเดียวนะเดี๋ยวกินไม่ไหว”

 

ปูนยอมเลื่อนชามไปใกล้ทางนั้นเมื่อหน่อยพยักหน้ารับ เธอใช้ช้อนของตัวเองตักน้ำซุปสีแดงขึ้นมาพอติดปลายช้อนแล้วเอาเข้าปากไปโดยมีสายตาของปูนที่มองตามอย่างลุ้นระทึก แต่ยังไม่ทันที่ปูนจะถอนหายใจสุดลำใบหน้าขาวๆแบบคนจีนก็ขึ้นสีแดงแทบจะทันที

 

“เผ็ดอ่ะ เผ็ดๆๆๆๆ”

 

“น้ำ! ป๋าเอาน้ำมาหน่อย!!”

ด้วยความลืมตัวปูนเผลอเรียกคณิตด้วยสรรพนามที่เขาชอบใช้แล้วคว้าเอาแก้วน้ำที่อีกฝ่ายยื่นมาให้หญิงสาวที่นั่งหน้าแดงปากเจ๋ออยู่ข้างๆ หน่อยรับน้ำไปดื่มทีเดียวจนหมดแก้ว ก่อนที่ทั้งเธอและปูนจะถอนหายใจออกมาพร้อมๆกันด้วยความโล่งอกอย่างกับเพิ่งไปทำอะไรเสี่ยงตายมา ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วเสียงหัวเราะใสๆของทั้งสองคนจะดังขึ้นท่ามกลางสายตาของคณิตและพนักงานคนอื่นที่มองมาอย่างช่วยลุ้น

 

ถึงปากจะบอกว่าไม่เลี้ยงแต่สุดท้ายป๋าคณิตก็เป็นคนจ่ายค่าของกินทั้งหมดตอบแทนพนักงานทุกคนที่วันนี้ช่วยกันทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ ปูนเดินไปบอกลาพี่ๆที่ชวนเขามาโดยที่อีกฝ่ายก็บอกให้เขาแวะไปหาที่โรงแรมบ้างปูนก็ไม่รับปากแต่เขาก็บอกว่าถ้ามีงานใหญ่ที่สองโรงแรมต้องเข้ามาช่วยเหลือกันอีกปูนจะเป็นคนแรกที่อาสารับงานนั้น

 

ภายในห้องโดยสารของรถคันหรูที่คณิตเป็นผู้ขับ มีเสียงของคนสองคนคุยกันไปตลอดทาง วีรกรรมของคณิตที่ชอบแกล้งน้องสาวสมัยยังเด็กถูกนำมาเล่าโดยปูนไม่เบื่อที่จะฟัง ร่างสูงลอบมองใบหน้าเปื้อนยิ้มของเด็กหนุ่มผ่านทางกระจกมองหลังแล้วค่อยหันไปให้ความสนใจกับถนนข้างหน้าที่มีร้านค้าเปิดอยู่บ้างประปราย

 

“แล้วสุดท้ายพี่นิดก็เอาของกินมาขู่ ว่าถ้าหน่อยท่องสูตรคูณไม่ได้จะให้แม่บ้านทำแต่กับข้าวเผ็ดๆให้กินทั้งอาทิตย์เลย”

 

“แล้วเป็นไงบ้างครับ”

 

“แค่วันเดียวเท่านั้นแหละคะ เจอผัดกะเพราใส่พริกเยอะๆเข้าไปจานเดียวหน่อยร้องไห้ไม่ยอมหยุดเลย พี่นิดโดนม๊าตี หลังจากนั้นก็ไม่เคยให้หน่อยกินอะไรเผ็ดๆอีกเลย วันนี้เจอน้ำก๋วยเตี๋ยวแค่ปลายช้อนเลยเป็นอย่างที่เห็นนั่นแหละ”

 

หญิงสาวยิ้มแหยๆโดยมิวายหันไปมองพี่ชายด้วยดวงตาแบบเดียวกันปูนที่เห็นภาพนั้นก็พลอยยิ้มตามพร้อมกับความทรงจำบางอย่างที่ฉายชัดขึ้น

 

“ช่วยไม่ได้ อยากหาเรื่องเอง”

 

“ไม่ได้หาเรื่องสักหน่อย ก็แค่อยากลองทำอะไรใหม่ๆ...เหมือนพี่นิดบ้าง”

 

ไม่รู้ว่าหน่อยจงใจเว้นช่องว่างระหว่างคำพูดนั้นรึเปล่าคณิตจึงรู้สึกเหมือนว่าน้องสาวของเขากำลังพาดพิงคนที่เป็นเรื่องใหม่ๆสำหรับเขาอย่างที่ว่า โดยที่เจ้าตัวเล็กนั่นก็เอาแต่ยิ้มและหัวเราะไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยว่าตัวเองกำลังโดนพูดถึงอยู่

 

“แล้วตกลงจะนอนไหน กลับไปนอนบ้านหรือคอนโด”

 

“นอนกับพี่นิดค่ะ เพราะเดี๋ยวยังไงตอนเช้าเราก็ต้องกลับบ้านด้วยกัน”

 

“...!”

 

คำพูดของหน่อยหยุดเสียงหัวเราะของปูนได้เหมือนกับมีใครเดินมาปิดสวิตช์ ร่างเล็กที่เพิ่งมีความสุขกับบรรยากาศบนรถไปหยกๆเริ่มหุบยิ้มแล้วหันไปมองหน้าคณิตที่ยังไม่ได้พูดอะไรแต่ก็คงกำลังคิดหนักไม่ต่างกัน

 

“ห้องพี่เล็กนิดเดียว เราจะไปนอนตรงไหน”

 

“งั้นก็ไปนอนบ้านที่พี่ซื้อไว้สิคะ ทางนี้ก็ทางไปบ้านนั้นไม่ใช่หรอ”

 

ถึงจะมาไม่กี่ครั้งแต่หญิงสาวก็จำทางไปยังบ้านที่พี่ชายเธอซื้อไว้เพื่อใช้เป็นอาณาจักรส่วนตัวได้ ปูนลอบกลืนน้ำลายไม่กล้าพูดอะไร ส่วนคณิตที่พอรู้ว่าน้องสาวกำลังต้องการจะไล่ต้อนเขาก็ยุติมันทันที

 

“ที่นั่นไม่ว่าง...ถ้าหน่อยจะนอนพี่จะพาย้อนกลับไปที่โรงแรม”

 

“ทำไมไม่ว่างคะ ปกติพี่ก็ไม่ค่อยได้ไปนอนไม่ใช่หรอ”

 

“...”

 

“ฮ่าๆ ช่างเถอะค่ะ พี่นิดโตแล้ว จะคิดจะทำอะไรหน่อยคงว่าอะไรไม่ได้...แต่กับคนอื่นโดยเฉพาะป๊า....หน่อยก็ไม่ทราบเหมือนกันนะคะว่าเขาจะว่ายังไง"

 

"..."

 

"เดี๋ยวพี่นิดจอดที่คอนโดข้างหน้านี้นะคะ หน่อยจะนอนกับเพื่อนแล้วตอนเช้าพี่ค่อยแวะมารับหน่อยแล้วกัน”

 

คณิตไม่รู้ว่าหน่อยคำนวณไว้แล้วรึเปล่าที่จะให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ เขาตบไฟเลี้ยวแล้วหักพวงมาลัยเข้าไปจอดหน้าคอนโดนที่ว่างโดยที่ในรถไม่มีใครพูดอะไรสักคำ ปูนช่วยหยิบกระเป๋าถือของน้องสาวเขาส่งมาให้จากทางด้านหลังซึ่งหน่อยก็รับมันมาพร้อมกับส่งยิ้มให้เหมือนกับว่าตัวเองไม่ใช่คนที่เพิ่งพูดอะไรทำลายบรรยากาศดีๆบนรถคันนี้ไป

 

“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง ปูนก็...กลับบ้านดีๆนะ”

 

“ยัยหน่อย...”

 

“ค่ะๆ ไม่พูดแล้วก็ได้ แต่อย่าลืมนะคะ...พี่ต้องมารับหน่อยตอนเช้า เราจะต้องกลับบ้านด้วยกัน”

 

“...”

 

“ป๊าสั่งมาค่ะ”

 

หน่อยก้าวลงจากรถไปแล้วทิ้งความหนักอึ้งไว้เบื้องหลัง คณิตยังไม่ออกรถ เขามองใบหน้าที่สลดลงของปูนผ่านเงาสะท้อนในกระจก

 

“มานั่งข้างหน้าสิ แล้วจะได้กลับบ้านกัน”

 

“ป๋า...”

 

“ฉันบอกให้มาก็มาเถอะ ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก”

 

ปูนเม้มปากแน่นก่อนจะยอมเปลี่ยนไปนั่งที่ข้างคนขับอย่างที่คณิตบอก ทันทีที่เด็กหนุ่มปิดประตูดีแล้วร่างสูงก็เปลี่ยนเกียร์แล้วขับรถออกไปตามทางที่พวกเขาคุ้นเคยแต่ทว่าการกลับบ้านครั้งนี้มันสร้างความลำบากใจให้ปูนอย่างประหลาด

 

“ป๋า”

 

“หื้ม?”

 

“เรื่องที่พี่หน่อยพูดน่ะ...มันจะ...”

 

“ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้นแหละน่า...อย่างน้อยก็ตอนนี้”

 

คณิตพูดขัดก่อนที่ปูนจะได้พูดจบพร้อมกับเปิดวิทยุภายในรถเพื่อให้เสียงเพลงช่วยทำลายความไม่สบายใจของคนข้างๆออกไป ปูนเองก็พอรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาควรจะพูดถึงมัน เพราะถึงปากจะบอกว่าไม่มีอะไรแต่หัวคิ้วหนาที่ชนกันพอให้เห็นเป็นปมนั้นก็บ่งบอกความคิดส่วนลึกของคณิตได้เป็นอย่างดี

 

คณิตกังวลเกี่ยวกับบางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

 

ส่วนปูนก็กำลังกลัวว่าความสุขที่มีจะหายไปโดยที่เขา...ทำอะไรไม่ได้เลย

 

.

.

.

.

.

.

.

 

 

พลัสเคยชอบแสงแดดยามเช้า แต่ตอนนี้เขากลับเกลียดมันจับใจ หากเปรียบความอัปยศที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นแผลสด ดังนั้นการที่เขาต้องมาเห็นร่องรอยของมันในรุ่งเช้าก็คงไม่ต่างอะไรจากแผลกัดหนองที่ทำให้ปวดร้าวไปทั้งใจ

 

พลัสขยับตัวไม่ได้ แม้แต่จะเอื้อมไปหยิบผ้าห่มมาใช้คลุมกายยังเป็นเรื่องยากที่เขาถอดใจจะทำไปตั้งแต่ความรวดร้าวเบื้องล่างเข้าเล่นงานเขาอย่างจัง เด็กหนุ่มได้แต่นอนนิ่งอยู่บนเตียงในห้องนอนที่ไม่คุ้นตา กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ที่ลอยมาจากที่ไหนสักแห่งไม่ได้ทำให้เขาสบายใจขึ้นเลยสักนิด เพราะกลิ่นที่เขารับรู้ได้ชัดเจนยิ่งกว่าคือกลิ่นคาวของเลือดและของเหลวสีขุ่นที่เปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งร่างของพลัส...และชายอีกคนที่นอนอยู่ข้างๆกัน

 

“วันนี้มีเรียนกี่โมง”

 

“...”

 

บอยถามขึ้นแต่คนข้างๆกลับนอนนิ่งไม่พูดจา ไม่สิ...ต้องบอกว่าไม่ส่งเสียงเลยจะดีกว่า ชายหนุ่มที่รู้สึกเบาไปทั้งตัวแต่หัวใจกลับหนักอึ้งยันกายขึ้นมานั่งมองร่างกายเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่มที่ตกเป็นของเขาอย่างไม่สมบูรณ์ตั้งแต่เมื่อคืนยันรุ่งเช้า

 

ใช่...มันไม่สมบูรณ์

 

เพราะพลัสไม่ได้เต็มใจเลยสักนิด

 

 

“ถ้าคิดว่าเงียบแล้วเอาชนะกูได้ก็ทำไป แต่มึงน่าจะรู้ตัวตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ...ว่าแต่ให้ทำยังไงมึงก็เอาชนะกูไม่ได้”

 

บอยลุกขึ้นจากเตียงโดยที่สายตาของชายหนุ่มไม่ได้ละไปจากพลัสเลยแม้แต่สักวินาที เพราะฉะนั้นร่างบางเลยไม่มีวันได้เห็นว่าดวงตาที่กำลังจับจ้องมาที่ตนนั้นมันเจ็บปวดและถวิลหาแค่ไหน

 

ผ้าห่มผืนหนาถูกคลุมลงบนร่างกายบอบช้ำของคนที่ลืมตาค้างแต่ไร้จุดหมายให้จดจ้อง บอยยื่นมือออกไปก่อนจะชักมันกลับก่อนที่มันจะได้สัมผัสปลายผมสีเข้มนั้นแค่เพียงนิดเดียว เขามองเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยความรู้สึกมากมายที่แสดงออกมาไม่ได้ก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับเสียงปิดประตูที่เป็นดั่งเสียงสัญญาณบอกให้เริ่มต้น

 

ทั้งความเกลียดชัง

 

 

และน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด...

 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!!

ตอนต้นน่ารักกก ตอนจบน่าตบบบบบบ 555 :hao7: เขียนไปเขียนมา ชักอยากจะเอาเรื่องบอยพลัสไปแต่งแยก เข้มข้นกว่าคู่หลักเยอะเหมือนกัน เมื่อคืนนั่งไล่ทามไลน์ดู ป๋าปูนนี่แอบจืดๆนะคับในความรู้สึกเช่ อาจจะเพราะแต่งดราม่ามาตลอดด้วยพอมาแต่งหวานๆหน่อยเลยไม่ค่อยมั่นใจยังไงก็ไม่รู้ > <  อีกอย่างป๋าปูนเช่เอามาจากเรื่องจริงบางส่วน เพราะฉะนั้นบางเรื่องมันเลยดูธรรมดามาก ไม่ลึกลับซับซ้อนอะไร ยิ่งถ้าคนชอบแนวพี่กาลอาจจะผิดหวังบ้างก็อย่าเพิ่งถอดใจเลิกอ่านกันนะคับ  :mew4:

พูดถึงพี่กาล พรุ่งนี้วันที่ 4 ก.พ.แล้วนะคับ วันปิดจองปิดโอนแล้ว!!! ไฟท์ทุกอย่างถึงมือโรงพิมพ์เรียบร้อยรอระบุจำนวนอย่างเดียว ขอย้ำอีกครั้งว่ายังไม่มีแผนจะรีปริ้น เพราะถ้าทำบ็อกจะต้องมีขั้นต่ำจึงทำให้โอกาสรีก็น้อยตามไปด้วย ใครยังลังเลก็ลองเอาไปคิดหนักๆดูนะคับ อยากขาย55555 (งานนี้ไม่มีการเล่นตัวกันแล้ว ง้อวววววววว)  :katai2-1:

ป.ล. ขอบคุณทุกเม้นต์ทุกโหวตนะคับ งานเช่ยุ่งมาก ไม่ได้มาบ่อยๆขอโทษนะคับ โดนทวงมาเยอะเลย จะยุ่งๆไปอีกสองเดือนทนๆหน่อยนะคับ ถ้าอะไรๆเรียบร้อยจะพยายามมาอัพถี่ๆให้ อยากอัพเหมือนกัน เว้นนานแล้วลืมเนื้อเรื่องทุกที :mew2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-02-2016 23:03:56 โดย vivacestory »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #17][030259]
«ตอบ #167 เมื่อ03-02-2016 22:47:31 »

อย่าม่าแรงนะคะ  :ling3:

ออฟไลน์ FOUR EYES

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #17][030259]
«ตอบ #168 เมื่อ04-02-2016 09:03:55 »

ขอบคุณค่ะ   :L2: :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #17][030259]
«ตอบ #169 เมื่อ04-02-2016 11:16:02 »

ดีแล้วค่ะ ป๋าปูนสนุกมากกกก. แยกบอยพลัสก็ดี แอบหมั่นพลัสเบาๆ :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #17][030259]
« ตอบ #169 เมื่อ: 04-02-2016 11:16:02 »





ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #17][030259]
«ตอบ #170 เมื่อ04-02-2016 19:43:02 »

กะแล้วว่าเดี๋ยวต้องมีดราม่าบ้านป๋าลูกคนจีนด้วยสิ
ทีนี้อดีตของปูนตามมาทำร้ายเต็มๆแน่ เข้าใจเรื่องที่เช่พยายามเล่นค่ะ มันไม่ใช่อะไรที่แหวกแนวแต่มาแบบเรียล อินมากกกก

ส่วนคู่รองเราว่าที่คนไม่ค่อยชอบเพราะเป็นตัวร้ายควบด้วยๆแหละมั้ง แล้วเรื่องก็ยังอึดอัดเพราะสาเหตุที่บอยทำแบบนี้เรายังไม่รู้กันเลย

เราชอบนะคะโบคเค่น มาคนละแนวกับกาลแต่โคตรจะเช่อะ เขียนเรื่องที่ไม่มีอะไรให้มีได้ เป็นกำลังใจให้นะ อย่านอยเยอะเราเป็นห่วง :กอด1:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #17][030259]
«ตอบ #171 เมื่อ04-02-2016 20:57:05 »

 :o12:
ลึก ๆ แล้ว บอยก็เจ็บปวดไม่ใช่น้อยนะ
แต่ก็ทำตัวกร่างกลบเกลื่อนไปอย่างนั้น
น่าสงสารจัง
#ทีมบอย

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #17][030259]
«ตอบ #172 เมื่อ05-02-2016 16:57:51 »

อุตส่าห์หวานแล้ว แต่ไหงตอนท้ายสะเทือนอารมณ์ขนาดนี้

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #17][030259]
«ตอบ #173 เมื่อ05-02-2016 18:41:56 »

ถอนหายใจหนักๆ

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #18][060259]
«ตอบ #174 เมื่อ06-02-2016 11:42:15 »

 

แตกที่ 18

…เวลาสีน้ำเงิน...

 

 

 

 

รถของคณิตเลี้ยวเข้าไปในประตูรั้วของบ้านทรงประยุกต์สีสว่างที่ถึงแม้จะไม่โออ่าเหมือนกับบ้านพวกเศรษฐีแต่ก็ใหญ่โตสมฐานะของเจ้าของโรงแรมชื่อดัง ชายหนุ่มกลับมาบ้านด้วยชุดสบายๆไม่ต่างจากน้องสาวที่เดินหน้าสดมาหาคณิตตั้งแต่เช้าที่ร่างสูงขับรถไปรับเธอเหมือนที่สัญญากันไว้

 

เมื่อคืนเขากับปูนไม่ได้ทำอะไรกัน ไม่เชิงว่าหมดอารมณ์หรอกเพียงแต่คำพูดของหน่อยทำให้คณิตมีเรื่องให้คิดมากขึ้น เช่นเดียวกับปูนที่เหมือนกับว่าพอจะเข้าใจสถานการณ์ได้ดีเลยไม่เซ้าซี้ แต่ก็ยังคงมาอยู่ใกล้ๆจนเขาทั้งคู่หลับไปทั้งที่ยังจับมือกันไว้ แล้วพอตื่นเช้าขึ้นมาคณิตก็ได้กินกับข้าวที่ปูนตื่นมาทำให้ตั้งแต่เช้าตรู่แทนกำลังใจจากคนตัวเล็กที่วันนี้มากับเขาไม่ได้

 

 

“อาหารเช้าดีกับสมองนะครับ”

 

 

เจ้าตัวพูดไว้แบบนั้นแล้วทำเหมือนกับว่ามันเป็นแค่มื้อเช้าธรรมดาที่ไม่พิเศษอะไร แต่สำหรับคนที่อยู่กับปูนมาสักพักอย่างคณิต ย่อมรู้ดีว่าในอาหารทุกอย่างมันมีความรู้สึกบางอย่างซ่อนอยู่

 

ปูนกำลังเป็นกังวล...จนทนอยู่เฉยๆไม่ได้

 

 

 

ชายหนุ่มเผลอยกยิ้มจนแม่บ้านที่เดินมาเปิดประตูรั้วให้ชะงัก แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจมันแล้วเดินนำคู่พี่น้องนิดหน่อยให้เดินเข้าไปในห้องอาหารที่มีประมุขของบ้านนั่งดื่มกาแฟรออยู่ตั้งแต่เช้า

 

หากถามว่าคณิตได้ดวงตาเรียวเล็กนั้นมาจากใครก็คงเป็นนายหญิงของบ้านอย่าง ’นันทยา’ไม่ผิดแน่ ซึ่งเชื้อสายจีนที่เธอได้รับสืบทอดจากบรรพบุรุษมาถูกถ่ายทอดไปให้ลูกทั้งสองเกือบจะทุกอย่าง ทั้งดวงตา ผิวขาวๆ และผิวกายละเอียดจะมีก็แต่ส่วนสูงของเจ้าลูกชายนั่นแหละที่ได้คนเป็นพ่อมาเต็มๆ

 

“ป๊าสวัสดีครับ ม๊าสวัสดีครับ”

 

คณิตยกมือไหว้บุพการีทั้งสองโดยที่นันทยาก็หันมารับไหว้ลูกชายแทบจะทันที ผิดกับผู้เป็นพ่ออย่าง ‘บรรพต’ ที่ต้องรอจนอ่านข่าวในมือจบก่อนถึงจะหันมาหาคณิตได้

 

“ช่วงนี้ไม่ค่อยได้กลับบ้านเลยนะนิด ถ้าวันนี้พ่อไม่ให้น้องลากแกกลับมา เราจะได้เจอกันบ้างไหม”

 

แค่ประเด็นแรกก็เหมือนร่างสูงโดนหมัดฮุกเข้าอย่างจัง แต่ก็ไม่ผิดจากที่คณิตคาดนัก นอกจากนักธุรกิจที่เก่งกาจแล้วสำหรับเขาบรรพตยังเป็นพ่อที่เข้มงวดโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับลูกชายคนโตอย่างคณิตที่ถูกปลูกฝังให้มีความคิดและความรับผิดชอบเหนือกว่าคนอื่นมาตั้งแต่เด็ก แต่ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะเขาก็ยังคงเป็นเขา...ไม่ได้ทำอะไรถูกใจพ่อไปซะทุกอย่างหรอก

 

“งานยุ่งน่ะป๊า ถ้าเป็นเดือนนี้ปีที่แล้วผมก็ไม่ได้กลับบ้าน”

 

“ปีที่แล้วแกกินนอนอยู่ที่โรงแรมฉันรู้...แต่ปีนี้ไม่”

 

“...”

 

“เรื่องนี้เอาไว้คุยกันที่หลัง ไปตามน้องมากินข้าวเช้าด้วยกันก่อนไป”

 

คณิตพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกจากห้องไปหาน้องสาวที่แวะเข้ามาไหว้พ่อแม่แปปเดียวก็หนีขึ้นไปบนห้องทิ้งให้เขาต้องคอยรับหน้าอยู่คนเดียว ร่างสูงเปิดประตูห้องของน้องสาวเข้าไปอย่างถือวิสาสะแล้วมันก็ไม่ผิดจากที่เขาคิดนัก เพราะยัยตัวแสบที่ว่ากำลังซุกกายอยู่ใต้ผ้านวมผืนใหญ่ไม่สนใจแสงตะวันที่สาดเข้ามาในห้องเลยสักนิด

 

“ยัยหน่อย กินข้าว”

 

“ไม่เอา หน่อยขอนอนก่อน”

 

ช่ายหนุ่มขำน้องสาวที่ตอบมาเสียงอู้อี้ แต่ถ้าป๊าสั่งเป็นอันรู้กันว่าขัดไม่ได้

 

“เร็วๆอย่าให้ป๊ารอ เดี๋ยวก็โดนดุจนได้”

 

“ไม่โดนหรอก ให้เฮียโดนไปคนเดียวนั่นแหละดีแล้ว”

 

คราวนี้คณิตไม่ปล่อยให้น้องสาวทำตามใจ เขาดึงผ้านวมสีอ่อนนั่นออกแล้วดึงตัวหน่อยที่นอนบ่นอยู่บนพื้นให้ลุกขึ้นมานั่งทั้งที่ไม่เต็มใจ

 

“พูดแบบนี้รู้หรอว่าป๊าให้พี่กลับมาทำไม”

 

“...”

 

“ยัยหน่อย”

 

“ไม่รู้หรอก ใครจะไปเดาใจป๊าได้ เดาไปก็ผิดอยู่ดี”

 

“งั้นแสดงว่าที่พูดบนรถนั่นตั้งใจจะแกล้งปูนสินะ”

 

หน่อยนิ่งไปก่อนจะหันหน้าที่ง้ำงอเล็ก                ๆไปทางอื่น เธอมองตุ๊กตาปลาโลมาตัวละไม่กี่บาทที่พี่ชายซื้อให้ตอนที่ไปพิพิธพันธ์สัตว์น้ำด้วยกันครั้งยังเด็กๆ แล้วคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย...

 

“ไม่ได้จะแกล้ง แค่อยากรู้อะไรนิดหน่อย แต่ที่หน่อยพูดไปมันก็เป็นความจริงนี่...พี่ก็น่าจะรู้ว่าป๊าเรารับเรื่องพวกนี้ไม่ได้หรอก”

 

เธอยักไหล่เหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจ แต่ที่ทำไปก็แค่อยากผ่อนคลายบรรยากาศทะมึนๆที่เธอสร้างมันขึ้นมากับตัวเท่านั้น หน่อยลอบสังเกตสีหน้าของพี่ชายที่เผลอถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้ตัวแล้วตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง

 

 

คณิตยังคงไม่มั่นใจ...

 

เพราะถ้าไม่ใช่ คณิตจะไม่ประหม่า...ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นป๊าก็ตาม

 

 

“ว่าแต่ถามหน่อยแบบนี้สรุปพี่กับเด็กนั่นเป็นแฟนกันจริงๆแล้วหรอ”

 

“ยัง...มันยังมีอะไรหลายอย่างต้องให้คิดน่ะ”

 

“แต่ก็ยังพาไปอยู่ที่บ้านนู้น”

 

“ไม่ได้พาไปอยู่ถาวร เขาก็ยังมีที่ของเขา”

 

แม้ว่าแทบจะไม่ได้กลับไปเลยก็ตาม...คณิตพูดส่วนที่เหลือแค่ในใจ หน่อยพยายามจับสังเกตในทุกคำพูดและท่าทางของพี่ชายแต่ก็ป่วยการ ถ้าคณิตยังไม่อยากพูดเธอก็จะไม่มีวันรู้ นิสัยแบบนี้เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ร่างสูงได้รับมันมาจากป๊าผิดกับเธอที่มีอะไรก็พูดออกไปตรงๆเหมือนแม่

 

“เอาเถอะจะคบกันยังไงหน่อยคงเข้าไปยุ่งไม่ได้ แต่พี่อย่าลืมนะว่า...”

 

“...”

 

 

 

“รอบตัวพี่ไม่ได้มีแต่คนที่รับได้ จะจูบจะหอมกันยังไงก็หลบๆหน่อยนะคะ”

 

 

 

 

.

.

.

.

.

.

.

คณิตคีบผัดถั่วงอกฝีมือม๊าเข้าปากทั้งที่ท้องยังอิ่ม ส่วนยัยน้องสาวตัวดีที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็นั่งกินข้าวอยู่ข้างป๊า คอยตักนู้นตักนี่เอาใจให้เป็นบรรยากาศที่คุ้นเคยดีสำหรับคณิตแม้ว่าพอโตขึ้นช่วงเวลาแบบนี้จะหาได้ยาก

 

“แล้วตกลงที่ป๊าเรียกผมกลับมานี่มีอะไรหรอครับ”

 

คณิตเอ่ยปากถามเพราะเป็นเรื่องปกติของบ้านนี้ที่จะพูดเรื่องงานบนโต๊ะอาหาร ชายที่ผ่านโลกมามากยกน้ำชาขึ้นจิบแล้วตอบลูกชายไป

 

“แกจำท่านพิเชษฐ์ได้ไหม ที่เป็นพลเรืออยู่ที่สัตหีบน่ะ”

 

“ครับ จำได้”

 

“วันก่อนท่านเรียกป๊าเข้าไปคุย บอกว่ามีที่ดินติดชายทะเลอยู่ประมานหนึ่งไม่ได้ใช่ประโยชน์อะไรเลยอยากให้เราเอามันไปใช้”

 

 “หมายความว่ายังไงครับ”

 

“ท่านอยากให้เราไปเปิดสาขาที่นั่นแล้วท่านจะร่วมลงทุนด้วย”

 

คำพูดของพ่อทำเอาคณิตต้องขมวดคิ้วเข้าหากันเพราะลางสังหรณ์บางอย่าง...ที่ดิน...สัตหีบ...อย่าบอกนะว่าเป็นที่เดียวกับไอ้เมษมัน

 

“แล้วป๊าคิดว่ามันคุ้มค่าไหม ทะเลแถวนั้นสมบูรณ์ก็จริงแต่โรงแรมส่วนใหญ่จะเป็นแค่โรงแรมเล็กๆหรือแค่บังกะโล จะมีโรงแรมใหญ่ก็เป็นของทหาร”

 

“ก็เพราะว่าแทบจะไม่มีไงเราเลยต้องรีบทำ แกก็เป็นเพื่อนกับเมษา...ป๊าว่าแกก็น่าจะพอรู้มาบ้างว่าไม่ได้มีแค่เราที่หมายตาที่นั่นไว้”

 

คณิตอยากเถียงพ่อตัวเองใจจะขาดว่าไม่ใช่เราแต่เป็นแค่ป๊าต่างหากที่อยากทำมัน ชายหนุ่มถอนหายใจแรงๆแล้วหันไปยิ้มให้มารดาที่ยื่นมือมาลูบไหล่ของเขาอย่างให้กำลังใจ

 

“ผมรู้ครับ...แล้วเมื่อวานเมษมันก็เข้าไปคุยกับผู้ใหญ่ทางนั้นแล้ว”

 

“งั้นเราก็ยิ่งต้องรีบ ไม่มีเวลาให้บ่ายเบี่ยงแล้วนิด ของอย่างนี้ใครเริ่มก่อนย่อมได้เปรียบ”

 

“แต่ผมว่าถ้าเรารีบเกินไป มันอาจจะพลาดก็ได้นะครับ”

 

ชายที่ทำหน้ามาดมั่นชะงักไปจากคำพูดของลูกชายที่มักจะมีความคิดไม่ตรงกับตนเสมอซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแย่ แต่ครั้งนี้...มันไม่ใช่

 

“แกกลัวว่าจะพลาด หรือแค่ไม่อยากชนงานกับเมษากันแน่”

 

“...!!”

 

“อย่าคิดว่าป๊าไม่รู้ว่าแกเลี่ยงจะชนกับเขามาตลอด เลิกทำตัวเป็นเด็กได้แล้วคณิต...อย่าลืมคำสัญญาที่แกเคยให้กับป๊าไว้สิ”

 

คนเป็นพ่อพูดทิ้งไว้แค่นั้นก่อนจะลุกออกจากโต๊ะอาหารไปโดยที่ไม่ปล่อยให้ลูกชายพูดเถียงอะไรออกมาได้แม้แต่คำเดียว บรรยากาศที่เคยผ่อนคลายกับหนักอึ้งจนหน่อยที่เคยนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามต้องเปลี่ยนมานั่งเคียงข้างพี่ชายที่มีสีหน้าเครียดขึงไปทันตา ส่วนนันทยาที่นั่งอยู่กับลูกชายมาแต่แรกก็พยายามยิ้มเป็นกำลังใจให้แม้ว่ามันจะดูฝืนๆไปบ้าง

 

“เอาน่าตี๋ ป๊าเขาไม่ได้ตั้งใจจะว่าตี๋อย่างนั้นหรอก”

 

คนเป็นแม่เลือกใช้สรรพนามที่มีแค่เธอและแม่ของเธอเท่านั้นที่ใช้มันเรียกคณิต ตามเชื่อสายดั่งเดิมที่บ้านของเธอเคยใช้ นันทยารู้จักนิสัยของลูกเธอดีเช่นเดียวกับสามีที่แต่งเข้ามาในบ้านนี้แล้วอยู่กินกันมานาน

 

“เขากลัวว่าตี๋จะไม่ทำเลยพูดออกมาแบบนั้นเอง...ป๊าเขาก็แค่เป็นห่วง อยากให้ทุกคนในบ้านนี้อยู่สบาย ตี๋เข้าใจป๊าหน่อยนะ”

 

“ครับ ผมเข้าใจป๊า”

 

“งั้นก็...”

 

“แต่ที่ผมไม่เข้าใจก็คือทุกวันนี้บ้านเราลำบากตรงไหนกัน”

 

คณิตหันมายกมือไหว้มารดา ก่อนจะขอตัวลุกออกไปทั้งๆที่นันทยายังพูดไม่จบดี ผู้หญิงทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วส่ายหัวให้ความดื้อรั้นที่ถอดแบบกันออกมาอย่างไม่มีที่ติของบรรพตและคณิต ที่ถึงแม้จะล่วงเลยมาจนอายุปูนนี้ก็ยังไม่เคยลดราวาศอกให้กัน

 

“ม๊าว่าเฮียจะยอมทำตามที่ป๊าบอกไหม”

 

หน่อยหันมาถามแม่ ที่มีสีหน้าลำบากใจไม่ต่างจากเธอ

 

“ก็คงทำ แต่จะทำด้วยความรู้สึกแบบไหนม๊าก็ไม่รู้ ตาคนนั้นก็ปากไวจริงเชียว รู้อยู่ว่าลูกไม่ชอบให้ยกเรื่องนั้นมาขู่ก็ยังทำอยู่ได้”

 

เรื่องนั้นที่ว่าก็คือคำสัญญาที่พ่อและลูกร่วมทำกันมาสมัยที่คณิตกำลังจะขึ้นเรียนชั้นมหาวิทยาลัย สำหรับครอบครัวนักธุรกิจการส่งลูกชายคนโตที่สักวันต้องมารับช่วงต่อให้ไปเรียนในคณะบริหารคงเป็นสิ่งที่ควรจะต้องทำ แต่สำหรับคณิตที่มีสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบอยู่แล้วได้หนีไปสอบเข้าในคณะอื่นโดยที่พ่อแม่อย่างเธอไม่เคยรู้จนกระทั่งวันที่ลูกชายจะเปิดเทอมนั่นแหละ

 

“หน่อยยังจำวันที่ป๊ากับเฮียทะเลาะกันบ้านแทบแตกได้เลย...หน่อยไม่เคยเห็นป๊าโกรธขนาดนั้นมาก่อน”

 

“ม๊าก็ไม่เคยเห็นตี๋ดื้อขนาดนั้นเหมือนกัน ตั้งแต่เด็กๆถึงจะไม่ชอบก็ยังพอทนทำๆไป ไม่รู้ทำไมตอนนั้นถึงจะดื้อเรียนอักษรให้ได้”

 

“ถึงสุดท้ายอาม่าจะมาช่วยพูดและความรู้ที่ตี๋เรียนมามันก็เอามาช่วยงานของโรงแรมได้จริง แต่สัญญาที่ว่าตี๋จะต้องรับช่วงบริหารโรงแรมต่อจากป๋ามันก็เป็นหนามที่ยอกใจตี๋อยู่ลึกๆล่ะนะ...”

 

นันทยาได้แต่ส่ายหัวกับความไม่ลงรอยที่ไม่ได้รุนแรงขนาดว่าเป็นความบาดหมางระหว่างสองพ่อลูกที่ต่างก็ยึดมั่นในความคิดของตัวเอง สำหรับคนที่อยู่ตรงกลางอย่างเธอคงทำได้แต่เป็นห่วงแล้วหวังว่าทุกคนจะผ่านมันไปให้ได้ เธอเข้าใจลูกที่อยากใช้ชีวิตของตัวเองในแบบที่ตัวเองต้องการยังไง...เธอก็เข้าใจความเป็นห่วงของคนเป็นพ่อ ที่ถึงแม้จะเข้มงวดและดุไปบ้างแต่สุดท้ายที่ทำไปก็แค่เพราะว่ารักและเป็นห่วงเท่านั้นเอง

 

.

.

.

.

.

.

.

ปูนเดินดูของผ่านตู้กระจกของร้านโดยไม่คิดจะเข้าไปดูมันใกล้ๆ ในห้างสรรพสินค้าที่มีแต่ของมีราคาที่เขาเอื้อมไม่ถึงไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าทางเดินที่มีแต่ของสวยๆงามๆและแอร์เย็นฉ่ำให้ปูนใช้คลายความเบื่อโดย

 

หลังจากคณิตออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า เขาก็ใช้เวลาที่เหลือไปกับการเก็บกวาดบ้านและดูแลต้นไม้ในสวนเล็กๆเท่าที่จะทำได้ ไม่ใช่เพราะว่าขยันอะไรหรอก แต่เพราะอยากให้ความกังวลที่ยังไม่คลายไปให้มันทุเลาลงอย่างน้อยตอนที่ทำงานเขาก็ไม่ต้องคิดถึงเรื่องพวกนั้นอีก

 

ความลำบากใจในเรื่องครอบครัวของคณิตไม่ใช่เรื่องที่สมควรจะเกิดขึ้นในใจของคนที่ผ่านมาเพียงชั่วคราวอย่างเขา...เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน ดังนั้นการตัดความสัมพันธ์ก็ควรจะทำมันได้ง่ายๆเหมือนกับตอนที่พวกเขาสร้างมันขึ้นมา และยิ่งหากเป็นเพราะครอบครัวไม่ยอมรับ ปูนก็จะไม่เหลือที่ว่างเพียงพอที่เขาจะสามารถใช้มันยืนเคียงข้างกับคณิตได้อีก...

 

ปูนคิดไปเรื่อยๆจนสายตาเขาเหลือบไปเห็นตู้โชว์ของนาฬิกายี่ห้อดัง เขาเดินเข้าไปใกล้มันแล้วพิจารณาสิ่งที่ถูกวางเรียงรายอยู่ในนั้น เขาสะดุดตาเข้ากับนาฬิกาเรือนหนึ่ง ตัวเรือนของมันเป็นสีเงินสวยงามไม่ต่างจากเรือนอื่น หากแต่หน้าปัดสีกรมท่าที่เหมือนกับสีของชุดสูทที่คณิตสวมใส่มันเมื่อคืนทำให้ปูนละสายตาไปจากมันไม่ได้ แล้วยิ่งมาคิดๆดูเสื้อผ้าและของใช้ของคณิตก็มักจะเป็นสีนี้ทั้งนั้น...เขาคงใส่มัน...ไม่สิ ป๋าต้องชอบมันแน่ๆ

 

“พี่ครับๆ เรือนนี้ลดราคาแล้วเหลือเท่าไหร่ครับ”

 

ปูนเรียกพนักงานที่ยืนอยู่ไม่ไกลเพื่อถามราคาของมันโดยทำเป็นไม่เห็นสายตาเคลือบแคลงที่หญิงสาวส่งมาให้แม้จะเพียงนิดเดียวก็เถอะ

 

“ลดแล้วเหลือสองหมื่นหนึ่งร้อยห้าสิบบาทค่ะ”

 

เด็กหนุ่มทำตาโต ในขณะที่พนักงานสาวยกยิ้มขึ้นราวกับจะบอกว่า ‘ฉันกะแล้วว่าแกไม่มีปัญญาซื้อ’ แต่ปูนก็ไม่ว่าเธอหรอก เพราะเขาก็ไม่มีเงินพอที่จะซื้อมันจริงๆ เงินเก็บน่ะมีอยู่ แต่วันนี้เขาไม่ได้เอาบัตรเอทีเอ็มมาด้วยเพราะแค่จะมาเดินเล่นเฉยๆไม่คิดว่าจะได้มาเจอของถูกใจแบบนี้นี่นา...

 

“คุณลูกค้าสนใจจะรับเลยไหมคะ”

 

“เออ คือ ผมคงไม่...”

 

“อ้าว เธอนี่นา”

 

ในขณะที่ปูนจะหันไปปฏิเสธ เสียงทุ้มๆของใครบางคนก็เรียกเขาจากทางด้านหลัง ปูนหันไปมองแล้วก็ต้องรีบยกมือไหว้เมษาที่เดินส่งยิ้มมาให้แทบไม่ทัน เช่นเดียวกับพนักงานสาวที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ที่รีบทำความเคารพชายหนุ่มที่เธอเองก็รู้จักชื่อเสียงของเมษาดี

 

“มาซื้อของน่ะครับ แล้วคุณมาทำอะไร”

 

ปูนไม่ได้อยากรู้ แต่ดูเหมือนเมษาจะไม่ได้ทำแค่ทักเขา ชายหนุ่มเจ้าของร่างกายสูงโปร่งเดินเข้ามาใกล้ๆแล้วชำเลืองมองนาฬิกาที่ปูนสนใจไปด้วย

 

“พาลูกค้ามาเทคแคร์น่ะ แต่เพิ่งส่งกลับโรงแรมไปเลยมาเดินเล่น”

 

“อ่า ครับ...งั้นผมขอตัวก่อนดีกว่า”

 

“จะไปไหนล่ะ เธอดูนาฬิกาเรือนนี้อยู่ไม่ใช่รึไง”

 

เมษาชี้ไปทางนาฬิกาเรือนงามที่ราคาไกลเกินกว่าปูนจะเอื้อมถึง ปูนทำหน้าอ่อมแอ้ม มันไม่ง่ายหรอกนะที่จะพูดออกไปง่ายๆว่าไม่มีเงินซื้อยิ่งกับคนที่พอจะรู้จักกันแบบนี้ด้วย...อายชะมัด

 

“ผมมาดูเฉยๆน่ะครับ ไม่ได้จะซื้อหรอก”

 

ร่างเล็กเลือกจะโกหกไปเพราะไม่อยากเสียหน้า

 

“หรอ ว่าแต่แปลกนะที่เธอเลือกดูนาฬิกาเรือนนี้ มันเป็นแบบผู้ชายฉันว่ามันไม่ค่อยเข้ากับเธอเท่าไหร่หรอก”

 

“แล้วผมไม่ใช่ผู้ชายรึไง”

 

ปูนทำหน้ามุ่ย อีกแล้วกับคำพูดแบบนี้ที่เขามักจะเจอบ่อยๆ ถึงจะตัวเตี้ยและผอมไปหน่อยเขาก็ไม่ใช่ผู้หญิงนะ ไม่ได้ใกล้เคียงเลยด้วย

 

“โทษทีๆ ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่ดูนี่สิ...ข้อมือเธอเล็กนิดเดียวพอมีเทียบกับนาฬิกาฉันว่ามันออกจะใหญ่ไปสักหน่อย”

 

เมษาถือวิสาสะคว้าข้อมือของปูนมาพิจารณาใกล้ๆ มือของผู้ชายคนนี้เย็นมาก...แถมมันยังใหญ่กว่าจนสามารถกำข้อมือของเขาไว้ได้จนมิด เมษาหันไปหยิบนาฬิกาที่ว่ามาลองสวมมันลงไปในข้อมือของปูนที่เล็กกว่ากันครึ่งต่อครึ่ง

 

“เห็นไหม ต่อให้ตัดสายออกมันก็ยังไม่เข้ากัน”

 

“ปล่อยเถอะครับ คนอื่นมองหมดแล้ว”

 

ปูนพูดเตือนไม่ใช่เพราะความเขินอาย สายตาหลายคู่กำลังจดจ้องมาที่พวกเขา ว่าคณิตเป็นที่รู้จักของคนแถวนี้แล้วเมษากลับยิ่งเป็นมากกว่านั้น เด็กหนุ่มพยายามขืนมือของตัวเองออกมาแต่เมษากลับไม่ยอม

 

“มองแล้วยังไงล่ะ ฉันก็แค่ลองนาฬิกาให้เธอไม่ได้ทำอะไรไม่ดีสักหน่อย”

 

“แต่...”

 

“เอาน่า..”

 

ชายหนุ่มยื่นใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาใกล้ๆ แล้วใช้น้ำเสียงที่มากไปด้วยเสน่าห์นั้นกระซิบไปข้างๆหูของปูนที่ขึ้นสีแดงอย่างช่วยไม่ได้

 

 

 

“ทีจูบกับคณิตที่สระน้ำเธอยังไม่นึกอาย...นับประสาอะไรกับแค่นี้”

 

 

 

ปูนผลักอกของเมษาออกแล้วมองอีกฝ่ายตาขุ่น ผู้ชายคนนี้เห็นเขาไม่แปลกใจแต่ทำไมต้องหยิบมาพูดต่างหากที่น่าคิด

 

“ฮ่าๆ ฉันไม่ได้ว่าอะไรหรอกน่า คณิตมันก็เพื่อนฉัน ฉันไม่เอาไปบอกใครหรอก ถ้าอย่างนั้นฉันขอเดานะ...นาฬิกานี้เธอตั้งใจจะซื้อไปให้มันใช่ไหม”

 

ร่างเล็กทำนิ่งไม่ตอบ แต่เมษาก็มีดวงตาที่เฉียบแหลมกว่าที่เขาคิด

 

“เพราะสีของหน้าปัดมัน เป็นสีที่คณิตมันชอบ”

 

ปูนหมดทางแก้ตัวเลยยอมพยักหน้าไปอย่างเสียไม่ได้ เมษายิ้มอ่อนแล้วใช้มือเย็นๆนั้นขยี้ลงบนกลุ่มผมของปูนอย่างเอ็นดูจนคนยิ่งมองกันใหญ่

 

“เงินไม่พอล่ะสิ ใช่ไหม ถ้าฉันไม่เข้ามาทักเธอคงเดินออกไปแล้ว”

 

“ครับ ผมไม่มีเงินพอใจรึยัง”

 

ปูนอดที่จะเหน็บกลับไปบ้างไม่ได้ตามนิสัย ให้ตายสิ เขาไม่ชอบนิสัยรู้ทันของคนคนนี้เลยจริงๆ

 

“เธอจะมีหรือไม่มีเงินก็ไม่ได้ทำให้ฉันมีความสุขขึ้นหรอก แต่ถ้าเป็นความรู้สึกของเพื่อนฉันก็ไม่แน่”

 

“...?”

 

“ใกล้วันเกิดของคณิตแล้ว รู้รึยัง”

 

หัวใจของปูนสะดุดไปพักหนึ่ง วันเกิดของป๋างั้นหรอ...

 

“ไม่ครับ ผมไม่รู้”

 

“งั้นก็พรหมลิขิตแล้ว ที่เธอเกิดอยากจะซื้อของให้มันทั้งๆที่ไม่รู้เรื่องเลย”

 

ปูนไม่รู้ว่าเขาควรจะตีความของเมษาไปในทิศทางไหน ชื่นชมหรือหลอกด่าว่าไม่มีความสำคัญ เขาเดาไม่ออกจริงๆ

 

“ครับ งั้นผมจะไปหาซื้ออย่างอื่นให้เขาแทนแล้วกัน”

 

“ทำไมล่ะ เธอก็เลือกนาฬิกาเรือนนี้แล้วนี่ ทำไมไม่ซื้อ”

 

“ลืมไปรึเปล่าว่าผมไม่มีตัง”

 

“แล้วเธอลืมไปรึเปล่าว่าฉันเป็นใคร”

 

เมษายักคิ้วให้ปูนอย่างกวนประสาท ก่อนจะหยิบเอาบัตรเครดิตสีดำออกมาให้ปูนดู

 

“เฮ้ย คุณจะซื้อให้ผมหรอ ไม่เอานะ แบบนั้นจะเรียกว่าของขวัญได้รึไง”

 

“หึ จะให้เงินเธอเปล่าๆฉันก็ไม่เอาด้วยหรอก ฉันหมายถึงเธอลืมไปแล้วรึไงว่าฉันเป็นเจ้านายของเธอ...เป็นคนที่จ่ายเงินเดือนให้”

 

“...!!”

 

“เงินของเดือนนี้ฉันจะจ่ายล่วงหน้าให้เธอก่อน แล้วเธอจะได้ใช้มันซื้อของขวัญวันเกิดให้คณิต เห็นไหมง่ายนิดเดียว”

 

ปูนรู้สึกเหมือนตัวเองเห็นแสงเรืองรองส่องออกมาจากทางด้านหลังของเมษา ให้ตายสิ พระเจ้าประทานตัวช่วยมาให้เขาแท้ๆ

 

“จริงด้วย ทำแบบนั้นก็ได้นี่นา”

 

“งั้นตกลงตามนั้น เธอจะเอาเรือนนี้ใช่ไหม”

 

“ครับ เอาเรือนนี้แหละ”

 

ร่างเล็กยิ้มให้ชายตรงหน้าก่อนจะเดินเข้าไปหาพนักงานสาวที่ยืนฟังบทสนทนาทั้งหมดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ชายหนุ่มมองแผ่นหลังและใบหน้าที่มีรอยยิ้มประดับไว้ของปูนด้วยความรู้สึกบางอย่าง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

 

“ขอบคุณคุณเมษามากนะครับ สัญญาว่าคราวหน้าผมจะไม่รบกวนคุณแบบนี้อีก”

 

ปูนบอกกับเมษาหลังจากเขาได้นาฬิกาเรือนนั้นมาครอบครองไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายยิ้มให้ก่อนจะย้ำเตือนอะไรบางอย่าง

 

“ไม่เป็นไร แต่อย่าลืมสัญญาของเธอก็แล้วกัน”

 

“สัญญา?”

 

“ที่ว่าจะชงเครื่องดื่มอร่อยๆให้ฉันไง”

 

“อ่อ แน่นอนครับ อยากดื่มเมื่อไหร่ก็เรียกผมไปได้เลย”

 

ร่างเล็กว่าแล้วยิ้มให้เมษาอีกครั้ง พวกเขายืนคุยกันอีกเล็กน้อยก่อนที่ปูนจะขอตัวกลับไปบ้านไปเพราะอยากเตรียมอาหารให้คณิตที่เพิ่งส่งข้อความมาหาว่าเย็นวันนี้จะเข้ามากินข้าวด้วยกัน

 

เมษาโบกมือลาปูนที่เพิ่งเดินออกจากห้างไปพร้อมกับถุงของนาฬิกาเรือนสวยที่มีไว้เพื่อใครบางคนที่พิเศษทั้งสำหรับปูน

 

 

 

 

และสำหรับเมษาด้วยเช่นกัน...

 

 

 

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!!

งานสั้นงานด่วนต้องมา ปั่นก่อนไปเรียนคับ :katai4:ทอล์คนี้ไม่มีไรมาก แค่อยากบอกว่าปิดรอบเล่มพี่กาลแล้ว ใครที่สั่งติดตามข่าวสารได้ที่เพจเลยนะคับ ป๋าปูนก็หาคนวาดรูปประกอบปกแล้ว แต่ยังไม่ได้รวมเร็วๆนี้หรอกคับ แต่สักพักเช่อาจจะทำฟอร์มมาสำรวจความต้องการซื้ออีก แต่ขออีกสักพักแล้วกันนะ  :z10:

ขอบคุณทุกเม้นต์ทุกโหวตเลยนะคับ อาทิตย์หน้าอาจจะไม่อัพเลยเพราะต้องทำงานจริงจังแล้ว อาทิตย์ต่อไปเช่ต้องลงฟิลสำรวจทำวิจัย ขอโทษล่วงหน้านะคับ  :o12:


 

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #18][060259]
«ตอบ #175 เมื่อ06-02-2016 12:22:20 »

เมษาชอบคณิตเหรอสงสัยๆๆๆๆมาก

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #18][060259]
«ตอบ #176 เมื่อ06-02-2016 13:33:12 »

อ่าาา~  คิดถึงน้องปูนแย่สิเนี่ย
เมษานี่แอบรักคณิตรึ//ระแวง :hao7:

ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #18][060259]
«ตอบ #177 เมื่อ06-02-2016 13:43:46 »

ยังไงเนี่ยเมษ  :m16:

ออฟไลน์ FOUR EYES

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #18][060259]
«ตอบ #178 เมื่อ06-02-2016 16:19:49 »

ขอบคุณค่าาา

สู้ๆเน้ออ   :กอด1:

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #18][060259]
«ตอบ #179 เมื่อ06-02-2016 19:55:18 »

เม้นตอนที่17นะ หายไปหลายวันไปทำงานมาค่ะ

เราชอบป๋าปูนนะเราว่าเทียบกับพี่กาลไม่ได้หรอกเพราะคนละแนวกัน

แต่สุดท้ายเราว่าเช่ก็ทำให้เราปวดหัวได้อยู่ดี สู้ๆนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด