- - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]=เปิดพรีออเดอร์= (Up!ตอนพิเศษ Men Talks)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]=เปิดพรีออเดอร์= (Up!ตอนพิเศษ Men Talks)  (อ่าน 165732 ครั้ง)

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่28][240359]
«ตอบ #300 เมื่อ25-03-2016 13:40:57 »

รักกัน แต่สองคนนี้ยังต้องทำความเข้่าใจกันอีกเยอะ

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่28][240359]
«ตอบ #301 เมื่อ25-03-2016 19:47:15 »

อยากฟาดเมษแรงๆ หมั่นไส้ :katai1:

ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่28][240359]
«ตอบ #302 เมื่อ26-03-2016 05:54:15 »

เพิ่งเคยอ่านเรื่องนี้. แต่บอกเลยว่าชอบมากกกกกกกกก

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่28][240359]
«ตอบ #303 เมื่อ26-03-2016 10:33:11 »

 :katai5:

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่28][240359]
«ตอบ #304 เมื่อ26-03-2016 13:09:23 »

ทำไมจู่ๆ เรื่องหลายเรื่องก็เข้ามาหาทั้งคู่เลยล่ะ เมษร้ายนะ สร้างเรื่องให้พี่นิดคิดมากอีกแล้วยังมาเจอลูกค้าคนแรกของปูนอีก น่าสงสารปู้นจัง รออ่านต่อนะคะ

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่28][240359]
«ตอบ #305 เมื่อ29-03-2016 00:12:27 »

เจ็บหัวใจ
สงสารปูนอ่ะ

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่29][310359]
«ตอบ #306 เมื่อ31-03-2016 18:38:56 »


 

แตกที่ 29

…หนี...

 

 

 

 

 

ปูนตื่นเช้าขึ้นมาด้วยอาการปวดไปทั้งตัวโดยเฉพาะใบหน้าที่บวมช้ำขึ้นมาอย่างชัดเจน แต่มันกลับไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวดเท่ากับการที่ไม่ได้เห็นคณิตนอนอยู่ข้างกันในตอนเช้า แม้ว่าขิงและโต้งที่นั่งดื่มกาแฟอยู่ที่ชั้นหนึ่งของบ้านจะบอกกับปูนว่าคณิตถูกพ่อเรียกให้ไปคุยงานด้วยตั้งแต่เช้าก็เถอะ

 

“ปูนอยากกินอะไรไหม เดี๋ยวพี่ทำให้”

 

ขิงแสดงน้ำใจกับปูนด้วยความเป็นห่วง เพราะคนที่เคยมีรอยยิ้มเสมอบัดนี้กลับมีเพียงความเศร้าปรากฏอยู่บนนั้น ปูนส่ายหน้าน้อยๆให้เพื่อนของคนรัก แต่โต้งที่นั่งอยู่ข้างๆกันกลับหันไปบอกให้ขิงทำอาหารอ่อนๆมาให้เขาแทน

 

“ไม่ต้องห่วงหรอกปูน ถึงรสชาติมันจะห่วยแต่ก็น่าจะกินได้”

 

โต้งพูดติดตลกหวังให้ปูนหัวเราะ แต่กลายเป็นว่ายามที่คนตัวเล็กอยู่กับเขาสองต่อสองเจ้าตัวดูเหมือนว่าจะเกร็งมากกว่าเดิมเสียอีก ถึงจะไม่บอกแต่ชายหนุ่มก็เดาออกว่ามันเป็นเพราะอะไร เขาจึงยกมือขึ้นลูบหัวของปูนเบาๆ

 

“โดนต่อยนิดเดียวถึงกับหงอเลยหรอเรา เจ็บมากรึเปล่า”

 

“พี่...ไม่รังเกียจผมหรอครับ”

 

เขาไม่คิดว่าปูนจะพูดออกมาตรงๆ แต่พอดูจากมือที่กำกันไว้แน่นโต้งก็รู้ว่าปูนกดดันแค่ไหนตอนที่ทำมัน

 

“จะให้รังเกียจเรื่องอะไรล่ะ พี่คิดไม่เห็นออก”

 

“ก็เมื่อวาน...”

 

“เมื่อวานพี่รู้แค่ไอ้เวรนั่นเข้ามาหาเรื่องเราก่อน ปูนแค่ทนไม่ไหวเลยต่อยมันไปไม่เห็นน่ารังเกียจตรงไหน แต่ถ้าโกรธน่ะใช่ พี่โกรธที่ปูนไม่ดูแลตัวเอง”

 

ปูนขบริมฝีปากของตัวเองเมื่อได้ฟังถ้อยคำที่จงใจละเหตุการณ์เมื่อวานออกไป เขารู้ว่าโต้งรู้...แต่โต้งก็ไม่พูดถึงมันเพื่อให้ปูนสบายใจ ร่างเล็กทั้งรู้สึกตื้นตันและโล่งใจแบบที่ไม่อาจหาคำใดมาอธิบายได้ นอกจากการพยายามฝืนยิ้มให้โต้งอย่างสุดความสามารถ

 

“ขอบคุณนะครับพี่โต้ง”

 

“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าอยากตอบแทนเรื่องเมื่อวานก็ขอให้ปูนดูแลตัวเองให้มากๆแล้วกัน อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป เราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอนะ”

 

ปูนยิ้มรับแม้จะไม่เชื่อในคำพูดนั้นเท่าไหร่ การโคจรกลับมาพบกับคนคนนั้นเมื่อวานทำให้เส้นทางที่เขาตั้งใจจะเดินถูกสั่นคลอนเสียจนนึกหวั่น แต่ถึงอย่างนั้นปูนก็ไม่มีทางให้เดินกลับไปอีกแล้ว...

 

“ครับ...ผมจะพยายาม”

 

“ดีมาก แล้วก็อย่าลืมนะว่าเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว มีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้ นี่เบอร์โทรศัพท์พี่ส่วนเบอร์นี้ถ้ามีปัญหาหนักๆก็ลองโทรไปนะ”

 

ร่างเล็กเลิกคิ้วขึ้นเมื่อโต้งยื่นนามบัตรมาให้เขาถึงสองใบ แต่ปูนก็พับความสงสัยเก็บไว้แล้วบอกขอบคุณชายหนุ่มอีกครั้งรวมถึงขิงที่อุตส่าห์ทำอาหารเช้าให้กับเขา

 

พอเข้าช่วงสายทั้งสองคนก็ขอตัวกลับกรุงเทพ ตอนแรกปูนคิดว่าเพราะเรื่องของตัวเองทำให้ทริปนี้ล่มแต่โต้งก็ยืนยันว่าพวกเขามีงานด่วนเข้ามาจริงๆเท่านั้นทำให้บ้านหลังน้อยมีเพียงแค่ปูนที่อาศัยอยู่ในตอนนี้

 

‘ฉันไปทำเรื่องหยุดไว้ให้แล้ว รออยู่ที่บ้านนะ เดี๋ยวบ่ายๆเข้าไปหา’

 

ปูนอ่านข้อความที่คณิตส่งมาให้ซ้ำไปซ้ำมา เขาไม่กล้าถามโต้งว่าได้บอกคณิตเรื่องเมื่อวานไหมร่างเล็กจึงไม่มั่นใจว่าคนรักจะทุกอย่างรึยัง ปูนพยายามทำงานบ้านเพื่อไม่ให้ตัวเองคิดมากแต่มันก็ทำได้ยากเมื่อความเงียบรอบกายกลั่นกร่อนความมั่นใจของเขาลงช้าๆ แต่แล้วหัวใจที่ฟีบเหมือนลูกโป่งถูกปล่อยลมก็พองโตขึ้นอีกครั้งเมื่อเสียงรถที่คุ้นเคยดังขึ้น

 

“ป๋า”

 

ปูนก้าวยาวๆไปหาคณิตที่เพิ่งก้าวลงมาจากรถพร้อมกับถือถุงอาหารจากโรงแรมไว้ในมือ ร่างสูงยังไม่ได้พูดอะไรนอกจากบอกให้ปูนกลับเข้าไปในบ้านพร้อมกับให้หยิบจานและชามสำหรับอาหารที่เขาหามา

 

“แผลเป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บอยู่ไหม”

 

คณิตลูบแก้มของปูนเบาๆขณะที่พวกเขากำลังนั่งตรงข้ามกันอยู่บนโต๊ะอาหาร ปูนส่ายหน้าแรงๆทั้งที่มีน้ำรื้นในดวงตา แค่ได้ยินว่าคนรักยังถามไถ่ด้วยความห่วงใยปูนก็อยากจะร้องไห้ออกมาอีกแล้ว

 

“ไม่เจ็บแล้ว แผลนิดเดียวเอง”

 

คณิตไม่อยากเชื่อมันเท่าไหร่ แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ถามแล้วปล่อยให้ปูนได้กินอาหารตรงหน้าให้อิ่มท้อง มันเป็นโจ้กปลาที่เขาสั่งให้พ่อครัวที่โรงแรมทำมาให้เป็นพิเศษ แต่อันที่จริงแค่บอกว่าจะนำมาให้ปูนพวกคนครัวทั้งหลายต่างก็กรูเข้ามาถามเขาด้วยความเป็นห่วงว่าปูนเป็นอะไร ทำให้โจ้กในชามของปูนมีเนื้อปลาเยอะมากจนแทบจะมองไม่เห็นข้าว

 

“ป๋าเป็นอะไรหรอ”

 

ปูนถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นว่าคณิตเอาแต่มองหน้าเขาตลอดตั้งแต่มาถึง จนร่างเล็กรู้สึกเกร็งขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

 

“กำลังคิดอยู่น่ะว่าควรถามเธอเรื่องเมื่อวานดีไหม”

 

“...!!”

 

ปูนคิดไม่ถึงว่าคณิตที่ใจดีกับเขาเสมอจะถามออกมาตรงๆจนเขาไม่ทันได้ตั้งตัว รสเกลืออ่อนๆในปากไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสดชื่นอีกแล้ว กลับกันปูนรู้สึกเหมือนกับว่าอาหารที่กินเข้าไปเริ่มจะตีย้อนกลับขึ้นมา

 

“คือ...ผม...ผม...”

 

“ฉันอยากจะทำเป็นไม่สนใจมัน แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ ขอโทษนะ”

 

“...”

 

“แต่ฉันอยากฟังความจริงทุกอย่างจากปากของเธอมากกว่าคนอื่นจริงๆ”

 

คณิตวางมือของตนลงบนมือของปูนแล้วมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายหวังให้ความหนักแน่นที่เขาเพียรสร้างมันขึ้นมาใหม่หลังจากที่มันพังลามาเมื่อคืน แน่นอนว่าเขายังเหนื่อยแต่คณิตก็ไม่อยากให้ความเหนื่อยของตัวเองทำให้คนตรงหน้าเสียใจ เขาจึงตัดสินใจจะลองดูอีกสักครั้ง

 

 

 

แต่สิ่งที่ปูนตอบเขา...กลับเป็นการชักมือของตัวเองกลับ

 

 

“ผม...แค่ไม่ชอบหน้ามันเฉยๆ มันเข้ามาแซวแถมหาว่าผมกับพี่โต้งเป็นอะไรกันอีกเลยควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้”

 

คำตอบของปูนทำให้คณิตตัวชา ยิ่งเมื่อคนตัวเล็กเสหน้าหนีไปมองอย่างอื่นที่ไม่ใช่เขาคณิตยิ่งรู้สึกเหมือนกับว่าโอกาสที่เขาสร้างให้กับปูนถูกทิ้งไปอย่างไม่ใยดี...ปูนโกหก...ปูนโกหกเขา

 

“ขอโทษนะที่ทำให้ป๋าเป็นห่วง แถมพี่โต้งยังมาเจ็บตัวเพราะผมอีก...ผมสัญญานะว่ามันจะไม่มีครั้งหน้า ผมจะดูแลตัวเองดีๆเหมือนที่ป๋าเคยบอกไง”

 

ปูนยิ้มให้คณิตก่อนจะลุกขึ้นน้ำโจ้กที่พร่องไปแค่นิดเดียวเททิ้งลงถังขยะแต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ถูกทิ้งไปนั้นไม่ได้มีเพียงแค่อาหารที่ไม่เป็นที่ต้องการ

 

“ก็ดี...ถ้าเธอยืนยันอย่างนั้น”

 

“...”

 

“ดูแลตัวเองให้มากๆล่ะ เพราะช่วงนี้ฉันคงไม่ค่อยได้กลับมาที่นี่”

 

คณิตลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ปูนที่เพิ่งตั้งสติได้หลังจากอึ้งในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งได้ยินรีบวิ่งตามไป จนเห็นว่าคณิตกำลังทำอะไร

 

“ป๋าเก็บของทำไม ป๋าจะไปไหน”

 

ร่างเล็กเข้าไปยื้อกระเป๋าเดินทางใบย่อมที่มีเสื้อผ้าของคณิตถูกใส่อยู่ในนั้น และเพราะความกลัวที่จู่โจมเข้ามาทำให้ปูนกะแรงไม่ถูกจนทั้งกระเป๋าและข้าวของภายในนั้นหล่นกระจายเต็มพื้น

 

 

 

ทุกอย่างหยุดนิ่งไม่มีใครคิดจะขยับจากจุดที่ตัวเองยืนอยู่ ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจและเว้นวอน

 

 

 

คณิตอยากให้ปูนพูด

 

 

 

แต่ปูนไม่อยากให้คณิตถาม

 

 

“เมื่อเช้าฉันเข้าไปคุยกับป๊ามา ป๊าบอกว่าให้ฉันเร่งทำโปรเจคที่สัตหีบให้เสร็จก่อนที่ไอ้เมษจะทำได้ ฉันเลยต้องกลับไปนอนที่โรงแรม”

 

“ทำไมต้องไปนอนที่นั่นล่ะ! กลางวันป๋าไปทำงานแล้วกลางคืนก็กลับมานอนที่นี่สิ มันไม่ได้ไกลจากกันมากสักหน่อย ไม่เห็นจำเป็นต้องไปค้างเลย!”

 

“งานนี้มันสำคัญมาก ถ้าฉันเตรียมข้อมูลไม่ดีสิ่งที่เราพยายามทำกันมาก็จะเสียเปล่า...ฉันมีเรื่องต้องรับผิดชอบนะปูน ช่วยเข้าใจหน่อยเถอะ”

 

เสียงถอนหายใจของร่างสูงคมยิ่งกว่าคมมีดใดๆกำลังบาดหัวใจของปูนช้าๆ ปูนยืนมองคนรักค่อยๆเก็บเสื้อผ้าและของทุกอย่างลงไปในกระเป๋าอีกครั้ง ทั้งเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินที่คณิตชอบใส่ กางเกงขายาวที่ปูนว่ามันเหมาะกับคณิตมากๆ ชุดนอนตัวโปรด และนาฬิกาสีน้ำเงิน...ที่แม้ทีแรกคณิตทำท่าลังเลที่จะหยิบมันขึ้นมาแต่สุดท้ายร่างสูงก็หยิบมันใส่ไปในนั้นก่อนจะปิดกระเป๋า

 

“ถ้าพอมีเวลาว่างฉันจะกลับมา เธอเองถ้าแผลหายดีแล้วก็อย่าลืมกลับไปเรียนล่ะ งานที่โรงแรมก็เหมือนกัน”

 

“...”

 

“ฉันไปล่ะ”

 

ทันทีที่สิ้นคำคณิตก็หมุนตัวเตรียมจะเดินออกไปจากห้องแต่การเคลื่อนไหวของเขาก็ถูกหยุดไว้ด้วยมือเล็กๆของคนที่พยายามอย่างมากที่จะไม่ร้องไห้ มือของปูนสั่น...เหมือนกับที่หัวใจของคณิตสั่น แต่ถึงอย่างนั้นการจะแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วโผเข้าหากันเหมือนกาลก่อนก็ทำได้ยากเต็มที

 

“อย่าหนีได้ไหม...ขอร้องล่ะ...อย่าทำแบบนี้”

 

“...”

 

“พี่นิด...ปูนขอร้อง”

 

คณิตวางกระเป๋าในมือของตัวเองลงแล้วประคองใบหน้าของปูนไว้ด้วยมือของตัวเองทั้งสองข้าง ทั้งคู่มองตากัน...มันเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย...ทั้งความรัก...และความไม่เข้าใจ

 

“ฉันเองก็อยากขอร้องเธอบ้าง”

 

“...”

 

“อย่าหนีได้ไหมปูน”

 

มันเป็นคำถามที่ทั้งคู่ต่างก็ให้คำตอบแก่กันไม่ได้...คณิตเดินไปที่รถของตัวเอง...ส่วนปูนก็ยังคงยืนอยู่บนนั้น...เขาหลับตาลงขณะที่ได้ยินเสียงเคลื่อนตัวของรถค่อยๆเบาลงไป ปูนไม่อยากร้องไห้แต่ก็ห้ามมันไม่ไหว

 

ทำไม...มันถึงเจ็บขนาดนี้

 

.

.

.

.

.

.

 

การที่คณิตไม่อยู่บ้านไม่ได้ทำให้ชีวิตประจำวันของปูนเปลี่ยนไป เขายังคงต้องตื่นเช้ามาทำงานบ้าน สายหน่อยก็ออกไปเรียน ตกเย็นก็ไปทำงานก่อนจะกลับมาล้มตัวลงนอนบนที่นอนนุ่มๆ เพียงแต่ทุกการกระทำนั้นมีบางสิ่งที่ขาดหาย

 

ปูนแทบจะไม่ยิ้ม...ความสดใสของปูนมันหายไป

 

อิงอรมองเด็กหนุ่มที่เธอเอ็นดูด้วยความเป็นห่วงแต่ก็ไม่กล้าถาม เพราะพฤติกรรมที่แปลกไปของปูนมันเกิดขึ้นพร้อมๆกับอาการบ้างานของคณิตและการย้ายกลับเข้ามาพักที่โรงแรมแม้จะมีเหตุผลเรื่องโปรเจ็คใหม่เป็นข้ออ้าง แต่เธอก็รู้ว่าหนทางรักของคนทั้งคู่คงไม่ราบเรียบดั่งก่อนอีกแล้ว

 

“ปูนกินขนมไหม พี่เอามากฝาก”

 

หญิงสาวยื่นคัพเค้กอันจิ๋วให้กับปูนพร้อมกับโกโก้ร้อนๆที่น่าจะทำให้ร่างเล็กรู้สึกดีขึ้น ปูนยิ้มรับไมตรีของพี่สาวคนสนิทโดยไม่อิดออดที่จะรับเค้กนั่นมา

 

“ขอบคุณนะครับ”

 

“จ้า ไม่เป็นไร ถ้าปูนอยากได้อีกก็บอกนะ พี่ได้มาเพียบเลย”

 

อิงอรว่าพลางยกกล่องเค้กในมือให้ดู ไปๆมาๆคนทั้งคู่ก็นั่งกินเค้กเหล่านั้นด้วยกันท่ามกลางกองเอกสารที่วันนี้ปูนถูกมอบหมายให้มาช่วยอิงอรจัดการ เธอพยายามชวนปูนคุยเรื่องสนุกๆและพยายามหลีกเลี่ยงเรื่องคนที่กำลังประชุมอยู่ในอีกห้อง เธอไม่รู้หรอกว่าทั้งคู่มีปัญหาอะไรกัน อิงอรแค่อยากให้ปูนยิ้มอย่างเคย

 

“กินเยอะขนาดนี้ ผมคงกินข้าวเย็นไม่ลงแหงๆ”

 

“ไม่ได้ๆ กินขนมแล้วก็ต้องกินข้าวด้วย ปูนผอมไปแล้วนะรู้รึเปล่า”

 

หญิงสาวยกแขนของตัวเองมาเทียบกับของปูน ก่อนจะทำหน้าเศร้าเมื่อเห็นว่ามันไม่ต่างกันเลยสักนิด แบบนี้มันแปลว่าเธออ้วนหรือปูนผอมไปล่ะเนี่ย

 

“ครับผม งั้นเย็นนี้พี่อิงไปกินกับผมนะ ผมอยากกินสุกี้”

 

“ได้เลย งั้นเราเร่งมือกันเถอะ ถ้าเย็นมากคนจะเยอะ”

 

ปูนยิ้มรับแล้วเริ่มลงมือเคลียร์งานตรงหน้าอีกครั้ง เขารับหน้าที่ตรวจความถูกต้องของเอกสารและเรียงลำดับมันใหม่ในบางจุดที่พอทำได้ ส่วนอิงอรก็เดินเข้าเดินออก คอยดูปูนบ้าง แวะไปเอาเอกสารจากแผนกอื่นบ้าง เวลาผ่านไปเรื่อยๆจนปูนรู้สึกว่าเค้กที่อิงอรให้มาถูกย่อยไปหมดแล้ว

 

“ปูน ว่างงานก่อนเถอะจ๊ะ เดี๋ยวไปกินข้าวกันก่อน”

 

เด็กหนุ่มมองนาฬิกาตอนนี้เป็นเวลาทุ่มกว่าๆ เขาหิวจนท้องร้องแต่ก็ยังไม่อยากทิ้งงานไป แต่ดูเหมือนว่าอิงอรจะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร เธอจึงส่ายหน้าแล้วตรงเข้ามาฉุดปูนให้ลุกขึ้น

 

“ไปกินก่อนเดี๋ยวค่อยกลับมาทำ อาจจะไม่ได้กินสุกี้นะ เดี๋ยวเสียเวลา”

 

“ไม่เป็นไรครับ ผมกินอะไรก็ได้”

 

ปูนยอมเดินตามอิงอรมาโดยที่ระหว่างทางนั้นเขาต้องเดินผ่านห้องประชุมที่ยังมีทีมงานนั่งกันอยู่เต็มห้อง ปูนไม่รู้ว่ามันเรียกว่าโชคดีได้ไหมที่ผนังของห้องนี้เป็นกระจกทำให้เขาสามารถมองเห็นคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะซึ่งกำลังคร่ำเคร่งอยู่กับเอกสารหลายใบในมือจนไม่ทันได้สังเกตเขา

 

ร่างเล็กไม่อาจสะลัดภาพของคณิตออกไปจากหัวได้เลยแม้แต่ตอนที่เขากำลังตักอาหารเข้าปากอยู่ อิงอรชวนปูนคุยไปเรื่อยๆ ปูนก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้างเพราะในความคิดของร่างเล็กนั้นมีแต่เรื่องของคนที่ไม่กลับมานอนบ้านเกือบอาทิตย์แล้ว

 

“พี่อิงครับ โปรเจ็คที่สัตหีบ...อีกนานไหมครับกว่าจะเสร็จ”

 

ปูนลืมตัวถามมันออกไป เพราะความอยากรู้มันล้นทะลักออกมา อิงอรมองปูนอย่างสงสารเธอวางช้อนในมือของตัวเองลงก่อนจะจับมือของปูนไว้

 

“คิดถึงหรอ”

 

“...!!”

 

“คณิตน่ะ คิดถึงใช่ไหม”

 

“...”

 

“...”

 

“ครับ...คิดถึง...คิดถึงมาก”

 

ปูนยอมรับออกมาอย่างจำนนพร้อมกันนั้นก็เผยแววตาที่แสดงความอ่อนล้าอย่างถึงที่สุด เขาได้ยินเสียงหญิงสาวตรงหน้าถอนหายใจ ก่อนเธอจะลุกออกไปแล้วกลับมาพร้อมกับกระดาษใบหนึ่ง

 

“พวกที่ประชุมกันอยู่คงยังไม่ได้กินอะไรเหมือนกัน สั่งไปเผื่อดีกว่าเนอะ”

 

“...!!”

 

“ปูนว่า เราจะสั่งอะไรให้พวกเขาดี?”

 

ไม่ต้องรอให้ถามซ้ำสอง ปูนรีบช่วยอิงอรลิสรายการอาหารที่หลากหลายพอสำหรับทีมงานที่กำลังพยายามกันอยู่ แต่พอถึงคิวของคนเป็นหัวหน้าปูนกลับขอละเอาไว้แล้วเดินดุ่มๆไปร้านผัดไทยใกล้ๆกัน ร่างเล็กสั่งผัดไทยกุ้งสดสองห่อ แถมด้วยขนมครกจากร้านข้างๆกันทำให้รวมๆแล้วถุงของคณิตมันใหญ่เกินหน้าเกินตาจากของชาวบ้าน แต่ช่างประไรล่ะ ถ้าทำได้เขาอยากลงมือทำให้เองด้วยซ้ำ

 

พออาหารจากส่วนของอิงอรทำเสร็จพวกเขาก็รีบกลับไปยังโรงแรมโดยใช้รถของปูนที่คณิตทิ้งไว้ให้ใช้ ปูนอาสาเป็นคนจัดการเรื่องอาหารทุกอย่าง อิงอรก็วางใจปล่อยให้ร่างเล็กทำส่วนเธอก็ไปดูส่วนงานของตัวเองต่อ

 

มีพนักงานสองสามคนเข้ามาช่วยปูนเทอาหารจากกล่องใส่ลงไปในจานแล้วลำเลียงมันขึ้นรถเข็นเพื่อนำไปยังห้องประชุมที่ดูเหมือนแต่ละคนลืมเวลากันไปหมดแล้ว ยกเว้นแต่ส่วนของคณิตที่ปูนใช้เวลาจัดมันนานเป็นพิเศษ แต่พอถึงเวลานำมันไปเสิร์ฟร่างเล็กดันเกิดอาการลังเลจนได้แต่ยืนจังก้าอยู่หน้าห้อง เขามองทีมงานแต่ละคนกำลังลงมือทานอาหารในจานของตัวเองยกเว้นแต่คณิตที่ยังไม่มีแม้แต่จานเปล่าให้เห็น

 

“อ้าวปูน เสร็จแล้วก็ยกเข้าไปสิ เหลือของคุณคณิตคนเดียวแล้วเนี่ย”

 

พนักงานที่เข้ามาช่วยปูนยกอาหารบอกกับเด็กหนุ่มที่มายืนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่ยอมไปไหน เขาเห็นปูนทำหน้าลังเลใจก่อนร่างเล็กจะคว้าแขนของคนอายุมากกว่าไว้แล้วเอ่ยปากไหว้วาน

 

“พี่เอาเข้าไปให้คุณคณิตเขาหน่อยได้ไหม ผมปวดท้องน่ะ”

 

“ห๊ะ?”

 

“นะพี่ ผมปวดท้องจริงๆ วานหน่อยนะครับ”

 

ปูนรีบยัดถาดอาหารใส่มืออีกฝ่ายแล้ววิ่งออกไปจากบริเวณหน้าห้องประชุมแทบจะทันที คนถูกวานส่ายหัวอย่างอ่อนใจพรางคิดว่าปูนคงปวดหนักจริงๆก่อนจะเข้าไปในห้องที่ถึงแม้จะเป็นเวลากินข้าวเสียงคุยก็ยังเจื้อยแจ้ว

 

“ข้าวมาแล้วครับคุณคณิต ขอโทษนะครับที่ให้รอนาน”

 

“ขอบคุณมากครับ”

 

คณิตละสายตาจากงานขอตัวเองมาบอกขอบคุณแล้วเอื้อมมือไปรับอาหารของตัวเองมาก่อนจะเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นความผิดปกติบางอย่าง...อาหารของคนอื่นเป็นเมนูง่ายๆที่หาได้จากร้านอาหารตามสั่ง แต่อาหารของคณิตกลับเป็นผัดไทยกุ้งสดที่เยอะเป็นพิเศษ แถมมีขนมครกมาให้ด้วย

 

“ทำไมของผมไม่เหมือนคนอื่นล่ะ”

 

“ไม่รู้สิครับ ผมเองก็ไม่ใช่คนจัด”

 

พนักงานคนนั้นตอบกลับมาอย่างซื่อๆก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานของตัวเองทิ้งให้เจ้านายที่ยังงงไม่หายนั่งงงต่อไป ความจริงเขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจมันมากก็ได้แต่ทุกๆครั้งที่เห็นผัดไทยเขาก็มักจะคิดถึงหน้าของใครบางคน

 

เขาคิดถึงปูน...ที่ไม่ได้คุยกันมาหลายวันแล้ว

 

คณิตพยายามระงับความคิดถึงในอกของตัวเองแล้วหยิบช้อนส้อมขึ้นมาเตรียมจะจัดการอาหารตรงหน้าให้หมด แต่จู่ๆหางตาของเขาก็สังเกตเห็นอะไรแปลกๆอีกครั้ง แต่คราวนี้มันอยู่ที่อีกฝากของกำแพงกระจก ที่กำลังมีหัวของใครสักคนผลุบๆโผล่ๆเหมือนกับกำลังแอบมองมาทางนี้

 

ผมแบบนั้น...สีผมแบบนั้น...เป็นปูนไม่ผิดแน่

 

ร่างสูงได้คำตอบทันทีว่าทำไมอาหารในจานของเขาถึงไม่เหมือนกับคนอื่น รอยยิ้มบางๆถูกจุดขึ้นในรอบหลายวันก่อนที่คณิตจะลงมือทานอาหารด้วยความรู้สึกที่พิเศษกว่าทุกครั้ง

 

ส่วนปูนที่แกล้งบอกว่าจะเข้าไปห้องน้ำกลับวิ่งกลับมาแล้วแอบมองคนที่ตัวเองรักอยู่ห่างๆว่าคณิตจะกินอาหารที่ตัวเองไปซื้อมาให้ไหม แล้วร่างเล็กก็ระเบิดรอยยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าคณิตกำลังกินผัดไทยอย่างน่าอร่อย แถมยิ้มออกมาด้วย

 

ตื๊ดๆ

 

เสียงแจ้งเตือนของโปรแกรมแชทดังขึ้นทำให้ปูนต้องยอมละสายตาจากภาพตรงหน้า กลับมามองโทรศัพท์มือถือของตัวเอง แล้วเขาก็รีบเปิดเข้าไปแทบไม่ทันเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนที่ส่งข้อความเข้ามา

 

 

‘ขอบใจนะ’

 

‘สติ๊กเกอร์หมีกินเบอร์เกอร์’

 

ปูนรู้สึกเหมือนหัวใจที่แล้งน้ำมาหลายวันกำลังได้รับสายฝนที่เย็นฉ่ำเพียงแค่เพราะข้อความสั้นๆสองข้อความนี้ เขาอ่านมันซ้ำไปซ้ำมาแล้วแคปมันเก็บไว้ก่อนที่ปูนจะเดินออกมายืนอยู่หน้ากำแพงอย่างเต็มตัว

 

คนสองคนที่หนีปัญหาได้สบตากันอีกครั้งในที่สุด คณิตมองมาที่ปูนนิ่งๆ ส่วนปูนก็ทำได้แต่ส่งยิ้มให้แล้วพูดออกมาโดยไม่มีเสียงว่า ‘อยากกลับบ้าน’ โดยหวังว่าอีกคนจะเข้าใจความหมายของมัน

 

อยากกลับบ้านที่มีคณิตอยู่

 

อยากกลับบ้านของเรา...

 

 

คณิตยังไม่ให้คำตอบใดๆแต่ปูนก็คิดว่ามันเพียงพอแล้วสำหรับวันนี้ พวกเขาสร้างบาดแผลให้กันและกันเป็นครั้งแรกในฐานะคนรัก...ปูนเพิ่งตระหนักถึงมันในช่วงเวลาที่เขาต้องอาศัยอยู่คนเดียวในบ้านหลังนั้น ดังนั้นหากคณิตต้องการเวลาเขาก็เข้าใจ และเขาจะรอคอยจนกว่าร่างสูงจะกลับมา

 

ปูนยิ้มให้คณิตอีกครั้งก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปยังที่ของตัวเอง เขาพยายามจัดการกับความคิดที่วุ่นวายแล้วบอกตัวเองให้โฟกัสกับงานเหมือนอย่างที่คณิตทำ แต่ก่อนที่เขาจะได้เปิดประตูเข้าไปในห้องเก็บเอกสารเสียงโทรศัพท์ของปูนก็ดังขึ้นอีกครั้งแต่คราวนี้เป็นเสียงเรียกเข้า

 

 

‘เบอร์ที่ไม่ได้บันทึกไว้’

 

ปูนมองมันก่อนจะกดตัดสายไปโดยไม่มีความลังเล

 

:hao5:(มีต่อเม้นต์ล่าง) :hao5:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่29][310359]
«ตอบ #307 เมื่อ31-03-2016 18:40:23 »




หลังจากวันนั้นปูนและคณิตก็ส่งข้อความหากันบ่อยขึ้นแม้จะไม่ได้เป็นการพูดคุยที่มีเนื้อหาสาระมากนัก แต่แค่การถามว่ากินข้าวรึยัง ได้นอนบ้างไหม ไม่สบายรึเปล่า ช่องว่างที่ปวดร้าวระหว่างคนทั้งสองคนก็ค่อยๆสมานเข้าด้วยกันทีละน้อยจนปูนหมายมั่นตั้งใจแล้วว่าสุดสัปดาห์นี้เขาจะชวนคนรักให้กลับมานอนบ้าน

 

ปูนจัดการเก็บกวาดทุกอย่าง แม้จะทำความสะอาดเป็นประจำอยู่แล้วแต่เขาก็ทำใหม่ทั้งหมดเพื่อให้มั่นใจว่าคณิตจะต้องชมเขาเมื่อเห็นว่าปูนดูแลบ้านของเราได้ดีแค่ไหน เขารื้อเสื้อผ้าในตู้มาซัก เปลี่ยนผ้าปูนที่นอนปลอกหมอนหรือแม้แต่ผ้าม่านใหม่ทั้งหมด จนบ้านที่เคยหม่นหมองดูสดใสขึ้นทันตา

 

ผ้าห่มสีน้ำเงินและผ้าปูที่นอนสีฟ้า...

 

อยากให้ป๋ากลับมานอนด้วยกันไวๆจัง...

 

ร่างเล็กตรวจดูความเรียบร้อยเป็นรอบสุดท้ายก่อนจะตรงไปยังครัวเพื่อตรวจดูของสดสำหรับการทำอาหาร แล้วเขาก็ต้องเจอกับความว่างเปล่า เพราะในระหว่างที่คณิตไม่อยู่ที่นี่ปูนก็แทบจะไม่ทำอาหารกินเลยนอกเสียจากกาแฟที่ช่วยให้เขาตื่นเต็มตาหลังจากที่นอนไม่หลับมาทั้งคืน

 

ปูนลิสเมนูที่จะทำคร่าวๆแล้วออกไปซื้อวัตถุดิบโดยใช้รถของคณิตคันเดิมที่ตอนนี้ปูนเริ่มชินกับการใช้มัน เขาเลือกที่จะไปซื้อของในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เพราะของที่ต้องการหลายอย่างมันหาจากท้องตลาดไม่ได้ และถึงราคาจะแพงกว่าปูนก็อยากให้คณิตได้กินของที่มีคุณภาพ

 

ร่างเล็กหยิบเนื้อสัตว์และผักสองสามอย่าง แล้วเริ่มเดินหาเครื่องปรุงเจ้าปัญหาที่ทำให้เขาต้องมาที่นี่ แต่เขาก็ยังลังเลในวินาทีสุดท้ายว่าควรจะเลือกแบบไหนดี ให้ตายสิ เครื่องปรุงของอาหารฝรั่งเนี่ยยุ่งยากชะมัด

 

“ถ้านายจะทำเมนูเนื้อต้องเลือกขวดสีแดง แต่ถ้าทำเมนูปลาให้เลือกขวดสีน้ำเงิน”

 

เสียงของผู้หวังดีดังขึ้นจากทางด้านหลัง แต่ปูนคงยินดีกว่านี้ถ้าหากมันไม่ใช่เสียงของคนที่เขาไม่อยากเผชิญหน้า

 

“คุณเมษา”

 

เมษาที่อยู่ในชุดสูทเป็นทางการเหมือนทุกครั้งยกยิ้มตามมารยาทให้กับปูนก่อนจะหันไปบอกคนติดตามให้ไปยืนรอที่อื่นก่อน ปูนเตรียมจะเดินหนีเพราะไม่อยากคุยด้วยแต่ก็ถูกคนที่สูงกว่าจับไหล่เอาไว้

 

“อย่าเพิ่งสิ ไม่เจอกันตั้งนานไม่คิดจะทักเจ้านายเก่าบ้างรึไง”

 

“สวัสดีครับคุณเมษ...โอเค ผมไปได้รึยัง”

 

อาการกวนประสาทแบบเด็กๆของปูนไม่ได้ทำให้เมษารู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจเท่าไหร่ ออกจะขบขันเสียด้วยซ้ำ ชายหนุ่มมองดูเนื้อแดงในตะกร้าของปูนก่อนจะหวังดีหยิบเครื่องปรุงขวดสีแดงใส่ไปให้

 

“อย่าทำท่าเหมือนจะกัดกันแบบนั้นสิ ฉันแค่อยากคุยด้วยเท่านั้นเอง”

 

“แต่ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ”

 

“หึ อะไรกัน เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ ครั้งก่อนยังทำท่าเหมือนอยากจะเอาชนะฉันอยู่แท้ๆ”

 

เมษาหมายถึงท่าทางของปูนในตอนที่กลับมาจากเกาะขามครั้งนั้น ออกจะแปลกใจและผิดหวังอยู่เหมือนกันที่ปูนดูสงบเสงี่ยมเจียมตัวลง แถมยังพยายามหนีเขาอย่างดื้อๆ

 

“ผมไม่ต้องอยากเอาชนะคุณหรอก เพราะเราไม่ได้แข่งกันมาตั้งแต่แรก...ผมเป็นแฟนของพี่นิดส่วนคุณเป็นได้แค่เพื่อน ต่อให้ทำยังไงความจริงข้อนี้มันก็ไม่มีทางเปลี่ยนอยู่ดี”

 

ปูนให้กำลังใจตัวเองผ่านคำพูดและข่มขวัญเมษาไปพร้อมๆกัน แต่มันดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลสักเท่าไหร่ เพราะคนที่ควรโกรธกลับหัวเราะซะอย่างนั้น

 

“ฮ่าๆ อ่อนหัดจริงๆด้วย ไม่ได้รู้อะไรเลยสินะ”

 

“รู้...รู้อะไร?”

 

“ก็รู้ว่าการแข่งขันน่ะ...มันเริ่มไปตั้งนานแล้ว”

 

เมษาว่าก่อนจะชูข้อมือที่มีนาฬิกาถูกๆในความรู้สึกของเขาให้ปูนดูเป็นการบ่งบอกถึงชัยชนะแรกที่เขาได้มาอย่างง่ายๆ คนตัวเล็กนิ่งค้างก่อนจะกัดฟันกรอดเมื่อได้รับรู้ว่าเมษาทำอะไรลงไปกับของขวัญชิ้นพิเศษที่เขาตั้งใจให้มันกับคณิต...ที่มันถูกทำลายลงไปง่ายๆจนน่าเจ็บใจ

 

“มึงมันชั่ว”

 

“ขอบคุณสำหรับคำชม จะตอบแทนให้ด้วยมันแล้วกันนะ”

 

เมษายิ้มร้ายก่อนจะถอดนาฬิกาเรือนนั้นออกมาแล้วโยนมันเข้าไปในตะกร้าไม่ต่างจากเครื่องปรุงเมื่อครู่เลยสักนิด

 

“ขอให้คำแนะนำหน่อยแล้วกัน เพราะดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจผิดอยู่อย่าง...จริงอยู่ที่เธอเป็นแฟนของคณิต ส่วนฉันเป็นได้แค่เพื่อน แต่ความจริงข้อนี้น่ะมันเป็นจริงได้แค่ครึ่งเดียว”

 

“...!!”

 

“ถึงความเป็นเพื่อนระหว่างฉันกับเขาจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงก็จริง แต่ฐานะคนรักระหว่างเธอกับคณิต...มันเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา”

 

ปูนรู้สึกเหมือนถูกคำพูดของเมษาตีเข้าแสกหน้า แต่การที่เพิ่งรับรู้ว่าสาเหตุที่ทำให้คณิตไม่สวมนาฬิกาที่เขาให้มันเกิดจากคนคนนี้ก็ทำให้ความมั่นใจของปูนหายไปกว่าครึ่ง

 

“เป็นไงล่ะ รู้สึกอยากเป็นเพื่อนกับคณิตเหมือนฉันบ้างไหม”

 

“มึงมันน่าสมเพช”

 

“ฮ่าๆ พูดถึงตัวเองอยู่หรอปูน”

 

“...”

 

“จะบอกให้รู้อีกอย่างก็ได้ ว่าต่อให้ไม่มีเธอเข้ามาฉันก็ไม่คิดจะเป็นอะไรที่มากกว่านั้นกับคณิตอยู่ดี นั่นแหละที่ทำให้เราห่างชั้นกัน...ฉันไม่กลัวว่าคณิตจะเกลียดฉันไหมเพราะถึงเขาเกลียดฉัน คณิตก็จะกลายมาเป็นคู่แข่งที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่ฉันมองหา แต่สำหรับเธอมันไม่ใช่ ถ้าเขาเกลียดเธอขึ้นมา...

 

“...”

 

“เธอก็จะไม่เหลืออะไรเลย”

 

ความหวังดีจอมปลอมถูกฝากไว้กลางใจของปูนอย่างไม่อาจปฏิเสธ เมษาบอกลาปูนแต่ปูนกลับไม่ได้ยินเสียงมันเลยแม้แต่น้อยเพราะในหัวของเขากำลังคิดภาพความโดดเดี่ยวของตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ ปูนเห็นภาพของเมษากำลังเดินจากไปแล้วเขาก็เผลอคว้าชายเสื้อของอีกฝ่ายไว้โดยไม่ได้ยั้งคิด

 

“เขาจะไม่มีวันทิ้งกู...เรารักกัน...มึงได้ยินไหมว่าเรารักกัน!”

 

“เฮ้อ เธอนี่มันน่าสมเพชยันวินาทีสุดท้ายจริงๆนะ”

 

“...!!”

 

“เธอเคยได้ยินคำว่ารักจากปากของเขาไหมปูน...คณิตเคยบอกว่ารักเธอบ้างไหม”

 

หากเปรียบว่าเขากำลังยืนอยู่บนหน้าผา คำถามสุดท้ายของเมษาคงเป็นเหมือนสายลมเบาๆที่สามารถพัดเขาให้ตกลงไปได้อย่างง่ายดาย เมษาจากไปแล้ว การเคลื่อนไหวรอบตัวปูนเกิดขั้นอีกครั้ง หากแต่คนที่ตกลงไปในนั้นกลับยังไม่สามารถหลุดออกมาจากมันได้

 

 

 

 

‘คณิตเคยบอกว่ารักเธอบ้างไหม’

 

 

ไม่...ไม่เลยสักครั้ง

 

 

.

.

.

.

.

.

.

.

 

“วันนี้คณิตกลับบ้านก่อนเลยนะ เดี๋ยวแก้มต้องไปช่วยอาจารย์ฝนดูแลน้องนางรำน่ะ ไปนะ”

 

แก้มบอกกับคณิตหลังจากคาบสุดท้ายจบลงก่อนที่เธอจะวิ่งออกจากห้องไปแทบจะทันที เด็กหนุ่มที่ยังไม่ทันตั้งตัวได้แต่นั่งงงๆแล้วส่ายหน้า เพราะนี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่แก้มผิดนัดกับเขา

 

“โดนแฟนทิ้งแล้วรอวะคณิต เยี่ยมจริงๆ ทีนี้มึงก็จะโสดเป็นเพื่อนกูแล้ว”

 

คณิตหันไปตบหัวเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งที่เสนอหน้ามาพูดเรื่องไม่เป็นมงคลกับเขาแรงๆจนมันร้องโอดครวญ คณิตเก็บของใส่กระเป๋านักเรียนลวกๆก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังอีกห้องเพื่อมองหาเมษา เพื่อนใหม่ของเขาที่พักนี้พวกเขาสนิทกันมากจนน่าแปลกใจ อาจจะเพราะฐานะที่พวกเขายืนอยู่เหมือนกันก็ได้ ความกดดันที่เขาต้องแบกรับ...เมษาเป็นคนที่เข้าใจมันได้อย่างดี

 

“ต้อม ไอ้เมษไปไหนแล้ววะ”

 

ร่างสูงถามคนที่นั่งติดกับเมษเมื่อไม่เห็นว่าคนที่เขาตั้งใจมาหานั่งอยู่ที่โต๊ะเหมือนเคย คนชื่อต้อมหันมาทางคณิตก่อนจะตะโกนตอบมา

 

“ไม่รู้ว่ะ มันหายไปตั้งแต่ต้นคาบแล้ว สงสัยโดดไปนอน”

 

คณิตส่ายหัว หากเป็นวิชาที่ไม่น่าสนใจเมษาก็มักจะทำแบบนี้เสมอแต่ถึงอย่างนั้นคะแนนของมันกลับไม่ต่างจากเขาเผลอๆดันสูงกว่าเสียด้วยซ้ำ คณิตโบกมือลาต้อมแล้วเดินไปยังโรงยิมสถานที่ที่เขารู้ว่าหากเมษาโดดมันจะมาหลบอยู่ที่ไหน อาจจะเพราะเด็กที่นี่ส่วนมากเป็นเด็กเรียนทำให้โรงยิมที่น่าจะเป็นจุดที่ครึกครื้นกลับเงียบสงบผิดกับที่อื่น

 

ร่างสูงเดินไปฮัมเพลงไป เขาคิดว่าจะชวนเมษาไปดูหนังเรื่องใหม่ที่เพิ่งเข้าโรงด้วยกันก่อนจะไปกินบะหมี่จับกังเจ้าดังที่ไม่ได้ไปกินมานานแล้ว แน่นอนว่าปกติเมษาไม่ค่อยได้ไปกับเขาหรอก แต่ของแบบนี้มันต้องมีลูกล่อลูกชนกันบ้าง ถ้าอยากให้เมษาไปเที่ยวเป็นเพื่อนเขาในวันนี้ วันเสาร์อาทิตย์ที่มีค่าคณิตอาจจะต้องเสียมันไปกับการไปดูงานเป็นเพื่อนมันที่โรงแรม ก็โอเคนะ ถึงจะน่าเบื่อไปหน่อยก็เถอะ

 

“เมษ เดี๋ยวก่อนเมษ!”

 

เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ทำให้การก้าวเดินของคณิตหยุดลงแทบจะทันที...นี่มัน...เสียงของแก้ม

 

“เมษฟังแก้มก่อนได้ไหม ขอร้องล่ะ อย่าเพิ่งเดินหนีสิ!”

 

คณิตรีบหลบเข้าหลังกำแพงทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนทั้งคู่ก้าวมาทางนี้ เขาพยายามสงบหัวใจที่เต้นโครมครามยิ่งเมื่อได้เห็นกับตาของตัวเองว่าแฟนสาวที่บอกว่าจะไปช่วยงานครูกำลังพยายามหยุดยื้อคนที่มีศักดิ์เป็นเพื่อนของเขา

 

“แก้มปล่อยเถอะ”

 

“ไม่ปล่อย จนว่าเมษจะคุยกับแก้มให้รู้เรื่อง”

 

“ผมว่าเราไม่มีอะไรต้องคุยกันตั้งแต่แรกแล้วนะ”

 

เขาได้ยินเสียงเมษาถอนหายใจอย่างรำคาญที่สุดก่อนที่มันจะหันมาเผชิญหน้ากับแก้มแต่กลายเป็นว่าสายตาของพวกเขาดันสบกันเข้าพอดี เมษามองตาคณิตนิ่งโดยไม่มีท่าทีกระโตกกระตากเช่นเดียวกับร่างสูงที่กำลังยืนมองความเป็นไปเบื้องหน้าด้วยหัวใจที่ปวดหนึบ

 

“มีสิ...ความรู้สึกของแก้มไง...แก้มบอกแล้วใช่ไหมว่าแก้มชอบเมษ”

 

“และแก้มเป็นแฟนของไอ้คณิตเพื่อนของผม”

 

“...”

 

“ผมว่าแก้มพอเถอะ คณิตมันรักแก้มมากนะรู้ไหม”

 

เมษาพูดทุกคำออกมาโดยไม่ละสายตาไม่จากคณิตเลยสักนิด ส่วนหญิงสาวที่หันหลังให้แฟนหนุ่มที่เธอไม่รู้ว่าอยู่ที่นี่ก็เริ่มร้องไห้ออกมา จนดวงตาที่คณิตชอบบอกว่าชอบมันเริ่มแดงก่ำ

 

“แก้มรู้ แต่แก้ม...แต่แก้มรักเมษจริงๆนะ”

 

ความจริงที่เจ็บปวดกรีดลงบนกลางใจของร่างสูงโดยไม่มีทางออกอื่นใด เขาหลับตาลงก่อนจะหันไปที่อื่น ปล่อยให้หูรับฟังคำพูดสุดท้ายของเมษาเท่านั้น

 

“แต่ผมไม่ได้รักแก้ม และผมจะไม่มีวันทรยศคณิตเด็ดขาด”

 

หลังจากนั้นคณิตก็เป็นโสดเหมือนอย่างที่เพื่อนว่า และเขาก็เปลี่ยนทางเดินในชีวิตด้วยการเลือกเรียนที่คณะอักษรศาสตร์แทนที่จะเป็นคณะบริหารเหมือนที่เคยตกลงกับอดีตแฟนสาวไว้ว่าพวกเขาจะไปที่นั่นด้วยกัน

 

 

 

 

รวมถึงเมษา...ที่เป็นอีกคนที่เขาเคยให้สัญญาเอาไว้

 

 

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!!

พี่เมษกลับมาอีกครั้ง 55555 แต่จะผิดหวังไหมถ้าจะบอกว่าเมษาจะมีบทบาทไม่มากกว่านี้แล้ว (ถ้าเช่คาดไม่ผิดจะเหลือออกมาอีกตอนจบเรื่องกับสเปนะคับ จะหาสามีให้นางตอนนั้นแหละ) สำหรับเช่เมษาไม่ใช่ตัวร้ายที่ทำลายป๋าปูนนะ ถ้าเทียบแล้วเมษาคงเป็นแค่สะเก็ดไฟเล็กๆแต่ตัวเชื้อเพลิงน่ะคือความไม่เข้าใจกันลึกๆของป๋าปูนต่างหาก เมษเป็นคนสร้างสถานการณ์แต่ป๋าปูนจะพังไหมก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของสองคนนั้น เอาง่ายๆว่าเช่ชอบเมษามากกกกกกกก รีบหาสามีให้ด่วนๆเลย >////<

ช่วงนี้เช่ยุ่งมากนะคับ (คนอ่านบอกเอ็งก็ยุ่งตลอดอ่ะ) ช่วงนี้เช่เลยทำได้แค่อัพอาทิตย์ล่ะครั้ง ส่วนเรื่องรวมเล่มจะประกาศรายละเอียดตอนใกล้ๆจบหรือหลังจบไปสักพักนะคับ มีแน่นอนแต่ขอดูอะไรหลายๆอย่างก่อน รอกันนิดนึงนะคับ :)

ป.ล. ขอบคุณทุกเม้นต์ทุกโหวตเลยยยยยยย :mew1:


 

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่29][310359]
«ตอบ #308 เมื่อ31-03-2016 20:32:33 »

ชีวิตคู่ เฮ้อ....มีอะไรทำไมไม่พูดกัน :hao5:

ออฟไลน์ Yumyumsdoll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่29][310359]
«ตอบ #309 เมื่อ31-03-2016 22:08:30 »

 :sad4: :sad4: :sad4: สงสารใครดีหน่วงจัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่29][310359]
« ตอบ #309 เมื่อ: 31-03-2016 22:08:30 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่29][310359]
«ตอบ #310 เมื่อ01-04-2016 19:26:33 »

มรสุมรุมล้อม เราว่าไอ้ลูกค้าคนแรกมันต้องมีอะไรแน่ๆอะ

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่29][310359]
«ตอบ #311 เมื่อ01-04-2016 19:48:28 »

ทำไมน้องปูนไม่พูด : (

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่29][310359]
«ตอบ #312 เมื่อ02-04-2016 01:50:49 »

งือ ป๋ากับน้องจะเข้มแข็งพอมั้ยง่า สงสารคู่นี้ T^T
รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ i_Tipz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่29][310359]
«ตอบ #313 เมื่อ03-04-2016 20:17:12 »

ขอซักทีเถอะ  :z6:

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่29][310359]
«ตอบ #314 เมื่อ06-04-2016 21:47:46 »

เริ่มเกลียดเมษแบบจริงจัง

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่30][080459]
«ตอบ #315 เมื่อ08-04-2016 19:45:13 »


 


แตกที่ 30

… โอกาส...

 

 

 

 

‘เย็นนี้กลับมากินข้าวที่บ้านเรากันนะ’

 

คณิตอ่านข้อความของปูนทันทีที่ออกมาจากห้องประชุม เขาไม่ได้ตั้งใจจะหนีแต่โปรเจ็คนี้มันรัดตัวมากอย่างที่เขาบอกกับร่างเล็กไป นอกจากงานของโรงแรมที่เขาต้องดูแลมันเป็นประจำ คณิตยังต้องมานั่งคิดแผนงานสำหรับโรงแรมแห่งใหม่ที่สัตหีบซึ่งพ่อให้เขารับผิดชอบมันทั้งหมด จนเรียกได้ว่านี่เป็นงานเต็มตัวครั้งแรกของคณิตที่จะชี้ความเป็นไปของ The Next ในยุคของเขา

 

“อิง วันนี้ปูนเข้ามาทำงานรึเปล่า”

 

ร่างสูงเดินไปถามเพื่อนสาวที่กำลังง่วนอยู่กับการอ่านรายงานสรุป อิงอรหันมามองคณิตก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงติดจะหมั่นไส้

 

“สนใจด้วยหรอคะ ว่าน้องเขาจะมาหรือไม่มา”

 

ให้ตายสิ...พอโดนอิงอรพูดแบบนี้เขานี่เห็นหน้าปูนลอยขึ้นมาเลย

 

“ตอบมาก่อนแล้วค่อยด่าได้ไหม”

 

“อิงไม่กล้าด่าคุณคณิตหรอกค่ะ แค่รู้สึกหมั่นไส้นิดหน่อย”

 

หญิงสาวว่าก่อนจะก้มอ่านงานของตัวเองต่อ ทำเป็นไม่สนใจคณิตที่ยืนเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ตรงหน้า ร่างสูงถอนหายใจก่อนจะเดินกลับไปหยิบบางอย่างมาจากโต๊ะของตัวเองเพื่อใช้มันเป็นเครื่องเส้น

 

“น้ำหอมตัวใหม่ เพิ่งส่งตรงมาจากปารีสสดๆร้อนๆ”

 

คณิตแอบเห็นไหล่ของอิงสะดุ้งไหวแค่ได้ยินว่าเขาพูดถึงอะไรโดยไม่ต้องเงยหน้ามามองด้วยซ้ำ

 

“เฮอะ...คิดว่าของแค่นี้จะซื้ออิงได้หรอคะ น้องปูนสำคัญกว่าเยอะ!”

 

 “Limited Edition”

 

“…!!”

 

“จะเอาหรือไม่เอา ถ้าไม่เอาก็...”

 

“น้องปูนมาทำงาน แต่กลับไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วค่ะ!!!”

 

อิงอรตะครุบปากของตัวเองแต่อีกมือก็ไม่วายคว้าขวดน้ำหอมสวยๆมากอดไว้ด้วยความหลงใหล...น้องปูนคะ...พี่อิงขอโทษ อิงโอดครวญในใจขณะที่ร่างสูงยิ้มร่า เขาบอกขอบคุณหญิงสาวเบาๆก่อนจะทำท่าจะลุกออกไป แต่ก็ถูกคนที่กำลังกอดน้ำหอมไว้แน่นคว้าแขนเอาไว้ซะก่อน

 

“เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณคณิตจะถามไปทำไมคะ ยังสนใจน้องเขาอยู่อีกหรอ”

 

ขอยุ่งหน่อยเถอะ ถึงเธอจะเผลอเลือกน้ำหอมขวดนี้มากกว่าปูน แต่อย่างน้อยเธอต้องรู้ให้ได้ว่าคณิตคิดยังไงกับเด็กคนนั้น แต่ฝ่ายที่โดนถามกลับไม่มีท่าทางตกใจแต่อย่างใด เหมือนกับรู้อยู่แล้วว่าอิงอรจะต้องถาม

 

“ผมดูไม่สนใจเขาขนาดนั้นเลยหรอ”

 

“นี่ไม่รู้จริงๆหรือว่าแกล้งโง่คะ”

 

“ฮ่าๆ ล้อเล่นน่า”

 

คณิตเลื่อนเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่ง แล้วพูดกับอิงอรด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่เธอไม่เคยเห็นมันมาก่อน...มันมีทั้งความเอ็นดูและความเศร้าปนอยู่ในนั้น

 

“ก็รู้ตัวอยู่หรอกว่าช่วงนี้ทำตัวไม่ดี แต่มันก็หลายๆอย่างล่ะนะที่ทำให้ไปอยู่ข้างๆเหมือนเดิมไม่ได้”

 

“เพราะงานหรอคะ”

 

“อืม แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก”

 

อิงอรยอมวางน้ำหอมในมือลงแล้วหยิบเอาลูกอมที่เธอมีเก็บไว้ในลิ้นชักยื่นให้เจ้านายที่ดูเหมือนว่าน่าจะต้องการพลังงานอย่างมากในการพูด

 

“ผมอยากดูแลเขาให้ดี อยากให้เราเข้าใจกันมากๆแต่มันก็ไม่เป็นอย่างนั้น ผมไม่เข้าใจเขา แต่แทนที่เราจะได้คุยกันเขากลับปิดบังมันไว้ไม่ให้ผมรู้...ระยะห่างของเรามันเพิ่มขึ้นทีละน้อยทั้งที่ผมพยายามทำให้มันแคบลงแต่พอรู้ตัวอีกที...มันก็ไกลจนน่าใจหาย”

 

“...”

 

“จนบางทีผมก็มานั่งถามตัวเองว่า ผม...รับรักเขาเร็วไปรึเปล่า”

 

คณิตบีบลูกอมในมือแน่นเพราะเจ็บปวดจากสิ่งที่ตัวเองพูดมันออกมา เขาไม่อยากคิดแบบนั้นแต่มันก็อดไม่ได้

 

“บ้าจังเลยนะคะ คุณเนี่ย”

 

“...!!”

 

 

“นิสัยจริงจังเกินเหตุเนี่ยเก็บไว้ใช้เฉพาะเรื่องงานเถอะค่ะ สำหรับเรื่องหัวใจปล่อยๆมันไปบ้างก็ได้”

 

อิงอรแย่งลูกอมกลับมาจากมือของร่างสูง เธอจัดการแกะมันแล้วยื่นให้คนที่สับสนกินมันอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง

 

“นี่คือคำแนะนำจากสาวโสดที่ไม่คิดจะมีใครนะคะบอกไว้ก่อน...อิงไม่รู้หรอกว่าความไม่เข้าใจที่ว่ามันคืออะไร แต่อิงรู้ว่าถ้ายังหนีกันไปแบบนี้คุณจะไม่มีทางเข้าใจเขาแน่ๆ...ชีวิตคนเรามันมีเรื่องราวใหม่ๆเกิดขึ้นตลอดเวลา ถึงวันนี้เราจะเรียนรู้เขาดีแล้ว แต่พอพรุ่งนี้มาถึงเราก็ยังมีเรื่องใหม่ๆให้ศึกษากันต่ออยู่ดี อันนี้น้องเองก็ผิดที่มีอะไรไม่ยอมบอกคุณ แต่ว่ามันก็เป็นหน้าที่ของคณิตที่ต้องทำให้น้องไว้ใจจนยอมพูดออกมานะคะ”

 

หญิงสาวยิ้มให้กับคนที่เป็นทั้งเจ้านายและเพื่อน ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้มาให้คำปรึกษาคนที่เก่งไปซะทุกด้านอย่างคณิต ไม่สิ ยกเว้นเรื่องหัวใจไว้สักอย่างแล้วกัน

 

“น้องปูนยังเด็ก มีอะไรก็คอยประคับประคองกันไปนะคะ ถึงจะไม่เคยบอกแต่อิงเชื่อว่าน้องเขาก็รักคุณมาก...อย่าทำให้น้องเสียใจล่ะ ไม่งั้นคราวหน้าต่อให้เป็นของ Limited Edition สิบชิ้นอิงก็ไม่ช่วยแล้วนะ”

 

คณิตยิ้มแล้วบอกขอบคุณอิงอรก่อนจะเดินออกมา เขาเปิดโปรแกรมแชทจากโทรศัพท์ของตัวเองอ่านข้อความที่ปูนชวนกลับบ้านซ้ำๆก่อนจะตอบกลับไป

 

 

 

 

‘อยากกินอะไรไหม เดี๋ยวจะซื้อไปฝาก’

 

 

 

 

 

คณิตขับรถกลับมาบ้านโดยที่เบาะหลังเต็มไปด้วยขนมที่ปูนชอบและเกมใหม่ที่เพิ่งออกมาได้ไม่กี่อาทิตย์ งานของเขาก็ยังคงเยอะอยู่ แต่เพราะความช่วยเหลือของอิงชายหนุ่มถึงมีเวลาพอที่จะปลีกตัวออกมาได้บ้างอย่างน้อยก็จนกว่าความบาดหมางระหว่างเขากับปูนจะทุเลาเบาบางลง

 

ร่างสูงถือของทั้งหมดเข้าไปในบ้าน เขาได้ยินเสียงทีวีที่เปิดไว้แต่ไม่ยักกะเห็นคนที่ชวนเขากลับมาในวันนี้ ชายหนุ่มวางของกินทุกอย่างลงบนโต๊ะเหลือไว้แค่แผ่นเกมที่เขาตั้งใจจะยื่นมันให้ปูนกับมือ

 

“กลับมาแล้วหรอครับ”

 

คณิตหันไปตามเสียงของปูนที่ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ร่างเล็กอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างเหนื่อยล้า ซึ่งคณิตก็คิดเอาเองว่ามันคงเป็นเพราะการทำงานจึงไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าเดินไปลูบหัวปูนอย่างอ่อนโยน

 

“อืม เป็นยังไงบ้างสบายดีรึเปล่า”

 

ปูนพยักหน้าให้คนรักก่อนจะซุกเข้าหาอ้อมกอดของคณิตด้วยความคิดถึงโดยที่ร่างสูงก็ไม่ได้ขัดขืนหนำซ้ำยังกอดกลับมาอีก

 

“คิดถึงป๋า...คิดถึงมากเลย”

 

“ฉันเองก็คิดถึงเธอเหมือนกัน”

 

คณิตเลือกจะบอกปูนไปตามตรงโดยไม่ไว้ฟอร์มใดๆ เขาพาปูนกลับมานั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่นแล้วยื่นของฝากที่คิดว่าคนตัวเล็กน่าจะชอบให้

 

“อ่ะ อันเก่าเธอน่าจะเล่นจนเบื่อแล้ว”

 

“ขอบคุณครับ แต่ผมคงไม่ค่อยมีเวลาได้เล่นหรอก”

 

ร่างสูงเลิกคิ้วอย่างแปลกใจในคำตอบนั้น รวมถึงท่าทางของปูนที่ไม่สดใสอย่างเคย จริงอยู่ที่พวกเขาเพิ่งห่างๆกันไป แต่มันก็ไม่น่าจะถึงขนาดนี้

 

“เป็นอะไรรึเปล่าปูน ไม่สบายหรอ”

 

คนถูกทักชะงักไปก่อนจะยิ้มให้คนที่ตั้งคำถามแต่มันกลับยิ่งตอกย้ำความสงสัยของร่างสูง โดยเฉพาะดวงตาแดงๆที่คณิตเพิ่งจะสังเกตเห็น

 

“เธอ...ร้องไห้หรอ”

 

“เปล่าครับ ผมเพิ่งตื่นน่ะ ป๋ายังไม่ได้กินอะไรมาใช่ไหม ผมทำกับข้าวไว้ให้แล้วกินกันเลยไหมครับ”

 

ปูนเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้คณิตถามถึงสภาพจิตใจของเขาอีก ร่างเล็กวางเกมในมือลงบนโต๊ะก่อนจะเดินไปจัดการอุ่นอาหารที่ล้วนแต่เป็นสิ่งที่คณิตชอบอย่างคล่องแคล่ว ฝ่ายร่างสูงเองพอเห็นว่าปูนมีท่าทางไม่อยากพูดถึงมันเขาก็พยายามใจเย็นแล้วปล่อยให้คนตัวเล็กได้ใช้เวลาเตรียมใจก่อน

 

คณิตเข้าไปช่วยปูนจัดอาหาร แม้จะช่วยไม่ได้มากแต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ห่วยจนถึงขั้นทำจานแตกหรือครัวไหม้ เสียงพูดคุยระหว่างทั้งสองคนดังขึ้นเป็นระยะโดยส่วนมากจะเป็นการถามสารทุกข์สุกดิบในระหว่างที่ต้องห่างกัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้แชทหากันบ้างในระยะหลังก็ตาม คณิตมองคนข้างกายที่นอกจากสีหน้าเหนื่อยล้าแล้วก็ยังคงเป็นปูนคนเดิมที่เขาคิดถึง และคณิตรู้สึกโล่งใจที่การกลับมาพูดคุยกันระหว่างเขากับปูนดูเหมือนจะราบรื่นกว่าที่คาด

 

“แล้วโปรเจ็คเป็นยังไงบ้างครับ ใกล้จะเสร็จแล้วใช่ไหม”

 

“อืม เหลือต้องเตรียมข้อมูลเพิ่มอีกนิดหน่อย อาจจะต้องลงพื้นที่อีก”

 

“ป๋าจะไปสัตหีบอีกหรอ”

 

“เปล่าหรอก คราวนี้จะให้คนอื่นไป ฉันเองต้องคุมคนอยู่ทางนี้จะหวังแต่พึ่งพาป๊าเหมือนคราวก่อนๆไม่ได้”

 

ปูนพยักหน้ารับแล้วเขี่ยอาหารในจานของตัวเองไปมา จนคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันต้องเอ่ยปากถาม

 

“ไม่หิวหรอ กินนิดเดียวเอง”

 

“ผม...ง่วงๆน่ะครับเลยไม่ค่อยหิว”

 

“งั้นกินขนมไหม ฉันซื้อมาเพียบเลย มีช็อคโกแลตของโปรดเธอด้วย”

 

ไม่พูดเปล่า คณิตลุกไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบช็อคโกแลตบาร์ยี่ห้อโปรดของปูนมาให้พร้อมกันนั้นก็เลื่อนอาหารในจานของปูนที่ถูกเขี่ยจนเละมากินเองเพื่อไม่ให้คนรักเสียน้ำใจโดยที่ทุกการกระทำอยู่ในสายตาของปูนหมด รวมไปถึงภาพของนาฬิกาสีน้ำเงินที่อยู่บนข้อมือของคณิตด้วย

 

“กลับมาใส่ได้แล้วหรอครับ”

 

“หื้ม?”

 

“ผมหมายถึงนาฬิกาน่ะ”

 

ปูนพูดแล้วจับจ้องมันไม่วางตาแม้แต่ตอนที่คณิตใช้มือที่สวมมันไว้เลื่อนมาจับมือของเขาเหมือนกับวันนั้น...วันที่ร่างสูงเดินออกจากบ้านหลังนี้ไป

 

“อืม ขอโทษนะที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ใส่”

 

คณิตยิ้มให้แต่ปูนไม่ได้ยิ้มกลับมา ร่างเล็กพลิกฝ่ามือของตัวเองขึ้นจนกลายเป็นว่ามือของพวกเขากำลังจับกันไว้ด้วยแรงที่มากมายเสียจนคณิตเริ่มรู้สึกแปลกใจอีกครั้ง

 

“ที่ไม่ใส่...ก็เพราะเขาหรอครับ”

 

“อะไรนะ?”

 

“เปล่าครับ ช่างมันเถอะ”

 

ร่างสูงไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองได้ยินนั้นถูกต้องไหมจึงเอ่ยถามกลับไปแต่ปูนกลับปฏิเสธ มือของพวกเขาไม่ได้คลายออกจากกันหนำซ้ำมันยิ่งจับกันแน่นขึ้นทุกขณะโดยที่ในหัวของแต่ละฝ่ายกำลังตั้งคำถาม

 

ปูนอยากรู้ว่าคณิตไม่ใส่มันเพราะเมษาใช่ไหม

 

ส่วนคณิตก็อยากรู้ว่าปูนเป็นอะไรในระหว่างที่เขาไม่อยู่

 

หลังจากมื้ออาหารจบลง ปูนก็เป็นคนอาสาล้างจานทั้งที่หน้าที่นี้มักจะเป็นของคณิตที่เป็นคนรอกินอยู่เสมอ ร่างสูงพยายามไล่ความสงสัยออกจากหัวก่อนจะหันไปเปิดหนังฝรั่งที่เลือกมาจากชั้นวาง โดยหวังว่ามันจะช่วยให้บรรยากาศระหว่างเขากับปูนดีขึ้นได้ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นอย่างที่หวังเพระแทนที่คนตัวเล็กจะสนุกไปกับมันปูนกลับจ้องไปยังหน้าจอนิ่งๆ แม้แต่ฉากยิ่งกันจนเลือดสาดปูนกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย คณิตเริ่มมั่นใจแล้วว่ามันต้องเกิดอะไรขึ้นกับปูนแน่ๆ เขาจึงเลือกที่จะปิดหนังแล้วหันมาเผชิญหน้ากับร่างเล็กด้วยจิตใจที่พยายามมีสติมากที่สุด

 

“มีอะไรอยากจะคุยกันไหมปูน อะไรก็ได้...ทุกเรื่องเลย”

 

“...”

 

“ปูน”

 

“ผมรักป๋านะ”

 

คำบอกรักที่ไม่มีปี่มีขลุ่ยนี้สื่ออารมณ์ต่างไปจากทุกครั้ง มันทั้งหนักหน่วงและเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้คณิตรู้สึกอึดอัดมากกว่าจะซาบซึ้ง

 

“ผมรักป๋า...รักมาก...ปูนรักพี่นิด...ถ้าไม่มีพี่ปูนคงอยู่ไม่ได้”

 

“ปูน...”

 

“แล้วพี่นิดล่ะ...รักปูนบ้างไหมครับ”

 

ปูนถามมันออกมาก่อนจะหันไปจูบคณิตที่ยังไม่มีแม้แต่โอกาสจะเอ่ยตอบ สัมผัสวาบหวามที่ไม่ได้มอบให้ใครมานานล้วงล้ำเข้าไปด้านในโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับ ปูนป้อนความรู้สึกของตัวเองเข้าไปในนั้นทั้งความรัก ความห่วงหา และแม้แต่พายุที่โหมกระหน่ำหัวใจของเขาอยู่

 

ตอบมาสิว่ารักเขา...ตอบมา...ถึงจะแค่โกหกก็ได้

 

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่น้ำตาของปูนรินไหลลงมาจนแก้มของทั้งคู่เปียกชื้นไปหมด แต่ก็ไม่มีใครสนใจทั้งปูนและคณิตต่างก็มอบสัมผัสนั้นให้แก่กันหวังใช้ภาษากายสื่อสารถึงความรู้สึกที่มากล้น ร่างสูงประคับประคองคนในอ้อมแขนของตนไว้หวังให้อีกฝ่ายเข้าใจถึงความรักที่เขามีให้ แต่ครั้งนี้เขาจะพูดมันออกไปเพราะรู้สึกเหมือนกับว่าปูนกำลังต้องการได้ยินมันมากเหลือเกิน

 

“รัก”

 

“...”

 

“พี่รักปูนนะ...ได้ยินไหม”

 

น้ำตาของปูนไหลอีกครั้งก่อนเขาจะรับตัวตนของคณิตเข้ามา ช่องว่างในหัวใจถูกเติมลงด้วยคำที่อยากได้รับมานาน แต่ไม่รู้ว่าทำไม...

 

 

 

เขาก็ยังอยากร้องไห้อยู่ดี

 

:o12:(มีต่อเม้นท์ล่าง) :o12:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่30][080459]
«ตอบ #316 เมื่อ08-04-2016 19:46:11 »



ถึงสุดท้ายพลัสจะไม่รู้ว่าน้าพรป่วยเป็นอะไร แต่หนึ่งสิ่งที่เปลี่ยนไปในบ้านหลังนี้คือนับตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่ได้ออกไปทำงานอีกเลย ตามปกติแล้วน้าพรจะขายโจ้กตั้งแต่ช่วงหัวค่ำเลยไปจนถึงเช้าก่อนที่เธอจะกลับมาเตรียมของต่อในตอนบ่าย ดังนั้นพอน้าพรไม่ได้ทำอะไรจึงกลายเป็นว่าพลัสต้องเผชิญหน้ากับคนที่เขาไม่อยากอยู่ด้วยแทบจะตลอดเวลา

 

“ผมไปเรียนแล้วนะครับ”

 

พลัสบอกลาคนที่มีศักดิ์เป็นแม่บุญธรรมก่อนจะเดินออกมาจากบ้าน ช่วงเวลาไปเรียนถือว่าเป็นช่วงเวลาเดียวที่ร่างบางไม่ต้องทนอยู่กับน้าพรถึงแม้ว่าต่อให้อยู่พวกเขาจะแทบไม่พูดกันเลยก็เถอะ

 

เสียงโทรศัพท์ของเด็กหนุ่มดังขึ้นแทบจะทันทีที่เขาเดินมาถึงหน้าปากซอยก่อนที่รถบิ๊กไบค์สีดำคันใหญ่จะเลี้ยวเข้ามาจอดตรงหน้าพร้อมกับสารถีที่ยังอยู่ในชุดทำงานเพราะบอยเพิ่งเลิกงานเมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงที่แล้วนี่เอง

 

“ถ้าเป็นหนังผมคงคิดว่าพี่แอบติดเครื่องติดตามไว้ที่ตัวผมแน่ๆ มาถึงตรงเวลาตลอดเลยนะ”

 

พลัสพูดลอยๆโดยไม่รู้เลยว่ามันกระทบกระเทียบคนฟังเข้าอย่างจัง บอยไม่ได้พูดอะไรตอบเขาหยิบหมวกกันน็อคสีเดียวกับตัวรถมาสวมให้พลัสก่อนจะพาคนที่มีเรียนเช้าไปส่งที่คณะเหมือนอย่างเคย

 

ตั้งแต่วันที่บอยไปอยู่เป็นเพื่อนพลัสครั้งนั้นพวกเขาก็ไปไหนมาไหนกันบ่อยขึ้น แต่จะพูดว่ากลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนก็คงไม่ได้เพราะสิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือความเต็มใจและความรู้สึกบางอย่างที่เพิ่มพูนมากขึ้นทุกที

 

ร่างบางมองปอยผมสีดำของบอยที่ยาวเลยหมวกกันน็อคออกมาด้วยความเคยชิน โดยเฉพาะเวลาที่มันปลิวไปตามกระแสลมยิ่งเป็นภาพที่พลัสรู้สึกว่ามันน่ามองอย่างประหลาด วิวข้างทางเปลี่ยนไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึงตึกคณะที่ตอนนี้มีนักศึกษาอยู่บางตา ก็นะ ถ้าไม่ใช่วิชาที่เช็คชื่อก็ไม่ค่อยจะเข้ากันหรอก

 

“วันนี้กูจะมารับตอนสี่โมง รอหน่อยแล้วกัน”

 

บอยบอกคนตรงหน้าเพราะตามตารางพลัสจะเลิกเรียนตั้งแต่บ่ายสามโมงแต่วันนี้เขาต้องไปทำธุระบางอย่างเลยไม่อาจมารับตรงเวลาได้

 

“ไม่บอกก่อนล่ะ ผมจะได้ขับรถมาเอง”

 

พลัสแกล้งพูดกวนไปเพราะรู้ว่าบอยไม่มีทางทำอย่างนั้นหรอก และผลตอบแทนของมันก็คือมือใหญ่ๆที่ผลักหัวเขาเข้าเต็มแรง

 

“พูดมาก เข้าตึกไปได้แล้ว กูก็จะกลับแล้วเหมือนกันหิวข้าว”

 

“นี่ยังไม่ได้กินข้าวเช้ามาหรอ”

 

“จะเอาเวลาที่ไหนไปกิน เลิกงานเสร็จก็ต้องรีบมารับมึง”

 

ร่างบางเบะปาก พูดอย่างกับว่ามันเป็นความผิดของเขางั้นแหละ แต่จู่ๆพลัสก็นึกอะไรดีๆขึ้นมาได้มือเล็กจึงเอื้อมไปบิดกุญแจรถบิ๊กไบค์ออกมา

 

“งั้นก็ไปกินข้าวกัน อีกตั้งนานกว่าผมจะเข้าเรียน”

 

ไม่ต้องรอให้บอยตอบรับหรือปฏิเสธ พลัสรีบเดินนำบอยเข้าไปยังโรงอาหารของคณะโดยที่ได้ยินเสียงบ่นของร่างใหญ่ตามมาไม่ขาดสาย เขาเดินไปสั่งเครปมากินเล่นเพราะกินข้าวเช้ามาตั้งแต่อยู่บ้านแล้ว ส่วนของบอยร่างบางก็ปล่อยให้ไปซื้อเองไม่ได้ไปวุ่นวายอะไร

 

ทั้งคู่เลือกนั่งตรงบริเวณม้าหินที่ค่อนข้างห่างจากจุดที่นักศึกษาส่วนใหญ่นั่งอยู่ พลัสเล็มขนมในมือตัวเองไปเรื่อยๆโดยที่ดวงตากำลังจับจ้องท่าทางการกินของบอยไม่ห่าง เคยกินข้าวด้วยกันตั้งหลายครั้งแต่เขาเพิ่งสังเกตนะ ว่าบอยเป็นประเภทชอบเก็บของที่ตัวเองชอบที่หลัง

 

“เด็กชะมัด”

 

“...?”

 

“เปล่า ไม่มีอะไร”

 

พลัสรีบบอกปัดเมื่อเผลอพูดในสิ่งที่ใจคิดออกมาแต่ดูเหมือนบอยจะยังคาใจคำพูดของเขาอยู่ ร่างใหญ่เลยเอาแต่จับจ้องมาที่ใบน้าของพลัส

 

“แล้วกับน้าเป็นยังไงบ้าง ได้คุยกันรึยัง”

 

บอยถามออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ ในขณะที่พลัสพอได้ยินคำถามนั้นก็แสดงสีหน้าแปลกๆออกมา จะบอกว่าเกลียดก็ไม่ถูกแต่จะเรียกว่าเป็นห่วงก็ไม่ใช่

 

“ก็...ไม่”

 

“มึงหนีเขาหรือเขาหนีมึง”

 

“...”

 

“เฮ้อ มึงหนีเขาสินะ”

 

บอยวางช้อนส้อมในมือของตัวเองลงเมื่อกินอาหารในจานจนเรียบร้อย เขาหยิบโค้กขวดเล็กที่ซื้อมาเปิดแล้วรินมันใส่แก้วน้ำแข็งที่มีอยู่เพียงแก้วเดียว แต่แทนที่จะกินเองบอยกับยื่นมันให้กับร่างบางที่ทำหน้างงๆแต่ก็ยอมรับมันไปดื่ม

 

“กูยังยืนยันคำเดิมนะ ว่าเรื่องนี้มันอาจจะมีอะไรมากกว่าที่มึงเห็นก็ได้ กูไม่ได้ขอให้มึงยกโทษให้เขาหรือกลับมารู้สึกดีต่อกันเหมือนเดิม แต่กูไม่อยากให้มึงหนี...บางทีการให้โอกาสเขาอธิบายอาจจะทำให้มึงสบายใจกว่าที่คิด”

 

พลัสไม่ได้ตอบอะไร เขายื่นแก้วน้ำที่พร่องไปนิดหน่อยกลับไปให้เจ้าของมันบ้าง โดยที่บอยก็รับมาทั้งที่สายตายังคงมองพลัสอย่างห่วงใย

 

“แล้วถ้ามันไม่เป็นอย่างที่พี่บอกล่ะ...ถ้าทุกอย่างมันเป็นแบบที่ผมคิด เขาทรยศแม่...ทรยศผม...ถ้ามันยังเจ็บปวดเหมือนเดิม...”

 

“นั่นก็ถือว่ามึงทำดีที่สุดแล้ว”

 

ไม่พูดเปล่าบอยเอื้อมมือมาจับมือพลัสไว้พร้อมกับบีบมันเบาๆอย่างให้กำลังใจ เด็กหนุ่มพูดไม่ออก ความรู้สึกแปลกประหลาดตีรวนขึ้นมาในอกอีกครั้งแล้วมันก็มากมายเสียจนสามารถสั่นไหวปราการในหัวใจของเขาได้

 

พลัสหยิบเรื่องที่บอยพูดมาคิดแม้กระทั่งตอนที่อยู่ในชั้นเรียน เอมมิกาเข้ามาถามด้วยความห่วงใยว่าเขาเป็นอะไร พลัสก็ได้บอกปัดไปว่ากำลังคิดเรื่องฝึกงานอยู่ซึ่งมันก็เป็นจริงเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น ร่างบางใช้เวลาที่เหลือก่อนบอยจะมารับไปกับห้องสมุด เขาไม่ได้เป็นคนขยันขนาดนั้นหรอก แต่แอร์เย็นๆและบรรยากาศเงียบสงบก็ทำให้เขาผ่อนคลายลงได้ ร่างบางเดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาหยุดตรงชั้นหกที่เป็นชั้นที่นักศึกษาที่นี่ชอบมานั่งเล่นมากที่สุด...ชั้นที่มีห้องคอมกับโรงหนัง

 

“ดูหนังห้องที่สามครับ”

 

พลัสบอกหมายเลขห้องดูหนังที่เขาเดินไปดูแล้วว่ามันว่างพร้อมกับยื่นบัตรนักศึกษาไปให้เจ้าหน้าที่จัดการคีย์ข้อมูลก่อนจะถือกล่องอุปกรณ์ที่ได้รับมาตรงไปยังห้องที่มีทีวีจอใหญ่และโซฟาขนาดย่อมตั้งอยู่

 

ร่างบางเลือกเปิดหนังตลกเบาสมองดูเพราะไม่อยากรับอะไรเครียดๆมาใส่หัวเพิ่ม แม้ว่ามันจะตลกฝืดไปบ้างนักแสดงก็หน้าเดิมๆแต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่หน้าจอแต่ผ่านไปแค่ครู่เดียวมันก็ค่อยๆหรี่ลงจนพลัสแทบมองไม่เห็นมัน แต่ก่อนที่สติของเขาจะหมดไปพลัสก็รู้สึกว่าหัวของตัวเองถูกยกขึ้นก่อนมันจะถูกวางลงบนตักแข็งๆที่มีแต่กล้ามเนื้อไม่น่าหนุนนอนเลยสักนิด

 

“พี่เข้ามาได้ยังไง มันต้องใช้บัตรนะ”

 

พลัสพยายามลุกขึ้นนั่งแต่ก็ถูกบอยกดตัวให้นอนลงไปตามเดิม ให้ตายสิ ไม่อายเลยรึไง ถึงจะบอกว่าเป็นห้องดูหนังแต่มันก็ไม่มีประตูปิดนะ

 

“แลกบัตรประชาชนเข้ามา เสียไม่กี่ตังหรอก”

 

บอยบอกแล้วหยิบหูฟังที่ตกอยู่ตรงพื้นไปวางไว้ที่อื่น แต่เพราะว่ามีพลัสนอนอยู่บนตักทำให้ใบหน้าของร่างบางต้องนาบไปกับหน้าท้องของบอยอย่างช่วยไม่ได้ พลัสเผลอสูดลมหายใจเข้าเมื่อได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆที่บอยใช้ประจำ

 

“แล้วไหนบอกจะมาสี่โมง นี่เพิ่งสามโมงกว่าเอง”

 

“พอดีไม่ได้ไปแล้วน่ะ เลยออกมาเลย”

 

“แล้วรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่”

 

“จิ๊ ถามมากจริงนะ สงสัยอะไรนักหนา”

 

พลัสทำหน้ามุ่ยเมื่อถูกอีกฝ่ายว่ามาอย่างนั้น แต่มันก็สงสัยจริงๆนี่ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรหรือไปที่ไหนบอยก็มักจะรู้ได้โดยไม่ต้องบอก

 

“หรือว่าพี่...เป็นสโตรกเกอร์?”

 

“...”

 

“เงียบแบบนี้แสดงว่าใช่ เอาจริงดิ พี่เป็นใช่ไหม”

 

“หึ สโตรเกอร์อะไรนั่นกูไม่เป็นหรอก ถ้าจะเป็นขอเป็นโจรข่มขืนมึงดีกว่า”

 

บอยพูดมาด้วยความปากไวโดยลืมคิดไปเลยว่าคำพูดนั้นจะทำให้ทั้งคนพูดและคนฟังนิ่งไปเหมือนถูกสาป พลัสมองบอยนิ่งเพราะตอนนี้ใบหน้าของร่างใหญ่ดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับสิ่งที่ตัวเองพูดและกระทำลงไป ในขณะที่เขาก็กำลังหวนคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา

 

“อืม...ก็พี่เป็นมันจริงๆนี่นะ...โจรที่ข่มขืนผมน่ะ”

 

“พลัส...กู...”

 

“พี่บอย ผมขอถามอะไรพี่สักอย่างได้ไหม”

 

“...”

 

“ทำไมพี่ถึงทำแบบนั้นกับผม”

 

มันเป็นคำถามที่บีบรัดหัวใจของทั้งคนถามและคนถูกถาม พลัสจับมือของบอยเอาไว้ ไม่ใช่เพื่อไขว่คว้าความอบอุ่นหากแต่เป็นการร้องขอความเห็นใจแก่เขาผู้ซึ่งไม่เคยเข้าใจการกระทำของคนคนนี้เลยสักครั้ง และตอนนี้เขายังไม่เข้าใจการกระทำของตัวเองอีกด้วย

 

ทำไมเขาถึงหยิบยื่นโอกาสให้บอยกันนะ

 

ทั้งคู่เงียบไปเกือบสิบนาที เสียงของหนังที่ดังลอดหูฟังออกมาดูเหมือนจะเป็นเสียงเดียวในห้องดูหนังเล็กๆนี่แต่บอยก็ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เขาถอนหายใจแล้วจับให้พลัสลุกขึ้นเพื่อเผชิญหน้ากัน

 

“อยากได้ยินมันจริงๆน่ะหรอ”

 

“ถ้าไม่อยากผมคงไม่ถาม”

 

“แม้ว่ามันอาจจะทำให้มึงคิดถึงเรื่องวันนั้นอีกงั้นหรอ”

 

“ต่อให้พี่ไม่พูดผมก็คิดถึงมันทุกวัน”

 

“...”

 

“พี่บอย...ผมกำลังให้โอกาสพี่อยู่นะ”

 

บอยรู้ว่าพลัสกำลังให้โอกาสแต่ก็ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะพูดมันออกมาตรงๆ เขาจ้องมองใบหน้าที่มักจะแสดงออกถึงความเย็นชาเสมอนับตั้งแต่คืนนั้นแต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นเหมือนเมื่อก่อน...เหมือนพลัสก่อนที่จะถูกเขาทำลาย

 

“ขอโทษนะพลัส...เรื่องวันนั้นกูผิดเอง”

 

“...”

 

“กูไม่อยากแพ้...แพ้ทั้งที่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยสักอย่าง...แต่มันก็น้อยเกินไป โอกาสที่กูจะชนะเกมนี้น่ะ...มันน้อยลงจนกูเผลอทำร้ายมึง”

 

“แล้วเป็นยังไง พี่รู้สึกยังไงที่ได้เอาชนะผม”

 

“...”

 

“พี่มีความสุขไหมครับ”

 

“ไม่...ไม่เลย”

 

“...”

 

“กูไม่มีความสุข...และกูก็ไม่เคยชนะมึงพลัส”

 

พลัสยิ้มออกมาน้อยๆ มันเป็นรอยยิ้มที่บอยดูไม่ออกว่าพลัสกำลังรู้สึกอย่างไร พลัสกระชับมือที่จับกันไว้เข้าหากันก่อนจะกดปิดหนังที่กำลังดำเนินมาเกือบจบเรื่อง พวกเขาเดินไปคืนอุปกรณ์แล้วออกไปจากห้องสมุด บอยยอมให้พลัสปล่อยมือของตัวเองออกตอนที่พวกเขาเดินมาถึงรถ พลัสไม่ได้พูดอะไร...บอยก็ไม่พูด...เขารู้ว่าพลัสกำลังปล่อยให้ความเงียบนี้เป็นการลงโทษที่แสนเจ็บปวดสำหรับเขา พวกนักโทษประหารคงจะรู้สึกแบบนี้สินะ

 

บอยขับรถมาส่งพลัสที่บ้าน แต่แทนที่วันนี้ร่างใหญ่จะจอดรถที่หน้าปากซอยให้ร่างบางเดินเข้าบ้านไปเหมือนเคย เขากลับขับรถเข้าไปจอดถึงหน้าบ้านที่มีเพียงความเงียบที่ดังอยู่

 

“ผมไปนะครับ พี่ก็ขับรถดีๆล่ะ”

 

“เดี๋ยวก่อนพลัส”

 

บอยคว้าแขนของพลัสไว้ก่อนที่ร่างบางจะเดินเข้าไปด้านใน พลัสเลิกคิ้วขึ้นเหมือนกับการถามว่าบอยมีอะไรจะพูดอีก

 

“เรื่องของมึงกับกู...มึงคิด...”

 

“เรื่องนั้นผมขอเวลาหน่อยเถอะครับ”

 

“...”

 

“ผมดีใจที่พี่ไม่ทิ้งโอกาสที่ผมมอบให้...ผมดีใจที่พี่ยอมพูดมันออกมาแต่บอกตรงๆ...มันคงไม่มีใครรับได้ที่ตัวเองถูกข่มขืนหรอกไม่ว่ามันจะเกิดจากเหตุผลอะไรก็ตาม”

 

“พลัส...”

 

“ถ้าพี่อยากได้คำตอบตอนนี้ ผมคงให้ได้แต่คำตอบที่จะจบเรื่องราวทุกอย่าง...ผมยังเจ็บ เจ็บเกินกว่าที่จะให้อภัยพี่ได้ แม้แต่จะโกหกแล้วเสแสร้งทำดีกับพี่เหมือนเมื่อก่อนก็ยากเกินจะทำ...ผมอยากคิดให้มากกว่านี้ ทบทวนทุกอย่างให้มากๆจนมั่นใจแล้วว่าสิ่งที่พูดออกไปมันจะไม่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง”

 

พลัสยิ้มให้กับทั้งตัวเองและบอย ถ้าถามว่ารู้สึกยังไงที่ได้ยินคำตอบของบอยก็คงบอกได้แค่ว่าถ้าเป็นก่อนหน้าที่บอยจะเข้ามาช่วยเหลือเขาเรื่องน้าพร พลัสคงไม่ลังเลที่จะทำร้ายคนตรงหน้า...แต่มันแปลกไปแล้วหัวใจของเขาน่ะ...ตั้งแต่วันที่พลัสยอมร้องไห้ต่อหน้าคนคนนี้

 

“กูเข้าใจแล้ว”

 

บอยยอมรับออกมาอย่างจำนนและพลัสก็พอใจที่ได้ยินอย่างนั้น ร่างบางเขย่งตัวขึ้นจนริมฝีปากของทั้งคู่จะอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน...พลัสจูบบอยก่อนเป็นครั้งแรก พวกเขาจูบกันด้วยความรู้สึกที่ทั้งเจ็บปวดและมีความสุขจนคับแน่นไปทั้งอก มันมากมายเสียจนทั้งคู่อยากให้เวลาหยุดอยู่ที่ตรงนี้

 

“กู...จะรอ”

 

“ครับ ขอบคุณนะครับที่เข้าใจ”

 

บอยยอมปล่อยให้พลัสเดินกลับเข้าไปในบ้าน ส่วนเขายังยืนอยู่ตรงที่เดิมรอจนกว่าแผ่นหลังเล็กๆนั่นจะหายลับไปหลังประตูบานใหญ่ ชายหนุ่มที่ถูกปรับแพ้ในเกมหัวใจยิ้มออกมา เพราะการแข่งขันครั้งใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง...ไม่สิ...มันถือว่าเป็นการแข่งขันครั้งแรกด้วยซ้ำ

 

เขายิ้มให้กับตัวเองและคนที่ไม่อยู่ตรงนี้ บอยหยิบหมวกกันน็อคขึ้นมาเตรียมจะสวมมันแล้วกลับไปทำงานของตัวเองต่อที่โรงแรมแต่เสียงโครมครามที่ดังมาจากในบ้านทำให้เขาหยุดชะงัก

 

“น้าพร!!! น้าพรครับ!!!!”

 

เสียงตะโกนของพลัสดังขึ้นทำให้บอยรีบวิ่งเข้าไปด้านในแทบจะทันที บอยเปิดประตูเข้าไปก็เจอเข้ากับภาพของพลัสที่กำลังประคองร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้สติ พลัสกำลังร้องเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่สั่นพร่า ใบหน้าที่เผยรอยยิ้มให้กับเขาเมื่อครู่ดูตื่นตระหนกและเสียใจอย่างถึงที่สุดจนบอยต้องเข้าไปตบมันเบาๆเพื่อเรียกสติของร่างบางให้กลับมา

 

“พลัส!! ได้ยินกูไหม!!”

 

“พี่ ฮึก พี่บอย น้าพร...น้าพรเขา”

 

พลัสน้ำตาไหลทันทีที่เห็นว่าคนที่กำลังเรียกเขาอยู่คือใคร เขาอยากจะพูดมากกว่านี้อยากจะอธิบายว่าทำไมน้าพรถึงหมดสติลงไปได้ แต่มัน...ก็พูดไม่ออก

 

“ใจเย็นๆนะ เราต้องพาน้าเขาไปโรงพยาบาลก่อน”

 

“ครับ มีรถ...เรามีรถของพ่ออยู่”

 

ร่างบางชี้ไปยังที่ตู้ไม้ที่มีกุญแจรถญี่ปุ่นคันเก่าของพ่อวางอยู่ในนั้น บอยรีบตรงเข้าไปรื้อมันแล้วหยิบเอากุญแจดอกที่คิดว่าน่าจะใช่ออกมาพร้อมกับส่งให้พลัสถือไว้แล้วเขาเป็นฝ่ายที่อุ้มน้าพรขึ้นมาเอง บอยอุ้มน้าพรไปนอนตรงเบาะหลังก่อนที่เขาจะรับกุญแจคืนมาจากพลัสแล้วขับรถออกไปยังโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยซึ่งอยู่ใกล้มากที่สุด บอยส่งโทรศัพท์ของตัวเองให้กับพลัสพร้อมบอกให้ร่างกดหาเบอร์ของโรงพยาบาลเพื่อบอกทางนั้นว่ากำลังจะพาคนไข้ซึ่งหมดสติไปที่นั่น พลัสก็ทำตามอย่างเก้ๆกังๆเพราะความตกใจและความกลัวที่ยังคงมี

 

เขาใช้เวลาประมานสิบนาทีกว่าๆกว่าจะมาถึง โชคดีที่บอยให้พลัสโทรมาหาทางนี้ก่อนจึงทำให้มีบุรุษพยาบาลและหมอออกมารับร่างของน้าพรโดยไม่ต้องเสียเวลา ร่างบางมองร่างของผู้หญิงที่เคยฝากรอยแผลไว้ในหัวใจของเขาถูกพาเข้าไปในห้องฉุกเฉิน พลัสอยากจะตามเข้าไปด้านในแต่ก็ถูกพยาบาลและบอยห้ามไว้

 

“น้าพร ฮึก น้าพร”

 

“ใจเย็นๆพลัส น้าเขาอยู่ในมือหมอแล้ว”

 

“พี่บอย น้าพร...น้าพรเขาเป็นแบบนี้เพราะผม...เพราะผมเอง”

 

พลัสร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะต้านทานจนบอยต้องคว้าร่างบางมากอดไว้ เขาพยายามข่มใจของตัวเองแล้วพูดปลอบพลัสไปเรื่อยๆทั้งที่ความจริงแล้วใจของบอยนั้น...ก็กำลังกลัวไม่ต่างกัน

 

“น้าพรเขาเห็นผมกับพี่ ฮึก เขาถามว่าผมกำลังทำอะไรแต่ผมก็เดินหนี...ผมบอกน้าพรว่าอย่ายุ่ง แล้วผม...แล้วผมก็เผลอทำน้าเขาตกบันได”

 

มือเล็กบีบกำกันแน่นจนข้อขาว บอยพยายามจับมันคลายออกแต่ก็ทำได้ยากเพราะคนที่เอาแต่โทษตัวเองไม่อยู่ในสติที่จะรับฟังอะไรทั้งนั้น บอยทำได้แค่กอดพลัสไว้แล้วมองไปยังประตูของห้องฉุกเฉิน บอยร้องขอกับทุกสิ่งทุกอย่างขอให้น้าพรปลอดภัย เพราะถ้าไม่...

 

 

 

พลัสอาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต

 

 

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!!

มาช้าแต่ก็ยังมาเนอะ นับจากตอนนี้น่าจะเหลืออีกประมาน10ตอนก็จะจบแล้วคับ บางคนอาจจะมองว่าทำไมเรื่องทุกอย่างแลมากระจุกกันอยู่ตอนสุดท้าย มันก็จริงคับ ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ555 แต่มันก็เป็นความตั้งใจของเช่ที่อยากเขียนให้มันเป็นแบบนั้น ปมของเรื่องนี้ไม่เยอะเลย เพียงแต่ปัญหาทุกอย่างไม่เคยได้รับการสะสางมากกว่า มันเหมือนกับระเบิดเวลาที่มาบึ้มเอาในจุดที่ตัวละครกำลังมีความสุขที่สุดด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่สุดท้ายเช่หวังว่าตัวเองจะกดระเบิดพวกนั้นได้ถูกที่ถูกเวลานะคับ (บอกแต่แรกแล้วว่าแต่งแนวนี้ไม่ถนัดจริงๆ T^T)

แอบมาบอกว่าในเพจมีกิจกรรมให้เล่นชิงกระเป๋ากันด้วย หมดเขตวันที่10นะคับ ส่วนกิจกรรมแจกหนังสือพี่กาล อาจจะอีกสักพักแต่มีแน่นอน ยังไงก็รอไปก่อนเนอะ ช่วงสงกรานเช่จะพยายามหาเวลามาอัพให้ได้สักตอนนะคับ นอยตัวเองเหมือนกันที่มาอัพได้น้อย เช่ก็คิดถึงคนอ่านเหมือนกันเนอะ:)


 

 

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่30][080459]
«ตอบ #317 เมื่อ08-04-2016 21:24:12 »

ดีใจที่ป๋ากลับมาบ้าน แต่ปูนสติแตกไปอีกแล้ว เฮ้อ

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่30][080459]
«ตอบ #318 เมื่อ09-04-2016 09:23:41 »


พูดไม่ออก บอกไม่ถูก ....
จริงๆเราว่าปมของปูนมันควรเดินเรื่องได้แล้ว ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันดูยืดเวลาเกินความจำเป็น
ส่วนพลัส เคลียร์กับพี่บอยแล้วก็ดีไป แต่ก็ยังไม่เคลียร์กับน้าพรอยู่ดี
 อืมมมมมม ตอนหน้าก็คงได้รู้สักทีนะว่าแม่เลี้ยงป่วยเป็นอะไร

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่30][080459]
«ตอบ #319 เมื่อ09-04-2016 09:28:36 »

อยากให้เคลียร์ปมกับปูนสักที  โดดมาที่พลัสอีกแล้ว  แหง่ว ๆ ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่30][080459]
« ตอบ #319 เมื่อ: 09-04-2016 09:28:36 »





ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่30][080459]
«ตอบ #320 เมื่อ09-04-2016 20:18:53 »

เขัยนไปตามที่ใจเช่อยากจะเขียนเลยค่ะ เราไว้ใจเช่นะว่าต่อให้ยุ่งเหยิงยังไงเช่จะมีคำตอบให้คำถามทั้งหมดได้แน่ๆ เอาจริงๆเราชอบเนื้อเรื่องช่วงนี้มากนะ ใจแตกเป็นนิยายแบบเรียลปัญหาชีวิตคู่พวกนี้ก็เรียลจริงๆ มีชีวิตมาก ยิ่งเจอการบรรยายของเช่ไปเหมือนเราหลุดไปอยู่ในนั้นเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้เสมอนะ กอดน้องปูนแน่นมาก :mew1:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่31][140459]
«ตอบ #321 เมื่อ14-04-2016 21:17:07 »



แตกที่ 31

…คนแปลกหน้า...








กาแฟร้อนๆไม่ช่วยให้หัวใจที่ว้าวุ่นทั้งสองดวงสงบลง บอยและพลัสยังคงนั่งอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินที่น้าพรเข้าไปในนั้นกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว บอยเดินไปถามอาการของน้าพรจากพยายามแต่พวกเธอก็ไม่สามารถให้คำตอบได้หากไม่ใช่หมอ พวกพลัสจึงได้แต่รอ...รอ...แล้วก็รอ...ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด



“ไม่เป็นไรน่า ถึงจะตกบันไดแต่หัวน้าเขาก็ไม่มีแผลนะ”



“แบบนั้นมันน่ากลัวกว่าไม่ใช่รึไง”



พลัสไม่ได้โง่ ถ้าหากว่าน้าพรแค่หัวแตกเขาคงไม่กังวลมากขนาดนี้ บอยถอนหายใจแล้วยกกาแฟในมือขึ้นจิบพร้อมกับคะยั้นคะยอให้พลัสทำบ้าง พวกเขานั่งอยู่อย่างนั้นแม้จะเหนื่อยล้าแต่ก็ไม่มีใครหลับลง ดวงตาทั้งสองคู่กำลังจับจ้องไปในจุดเดียวกัน...คือประตูบานใหญ่ที่ทำให้รู้สึกเหมือนว่าเวลามันเดินช้าลง



“คนไหนคือญาติของนางพรทิพย์ครับ”



คุณหมอคนที่มารับน้าพรเข้าไปร้องถามทันทีที่เปิดประตูออกมา บอยกับพลัสที่เห็นดังนั้นก็วิ่งเข้าไปหาโดยไม่รอให้ถามซ้ำสอง



“ผมเองครับ น้าผมเป็นยังไงบ้างหมอ”



พลัสตอบหมอแล้วถามกลับไปแทบจะทันที นายแพทย์ที่ค่อนข้างมีอายุยิ้มให้กับญาติคนไข้ แต่ว่ามันก็ไม่ช่วยยืนยันได้เลยว่าน้าพรจะไม่เป็นไร



“ใจเย็นๆนะครับ ก่อนจะตอบอะไรผมคงต้องขอคุยกับพวกคุณก่อน เชิญทางนี้ครับเดินตามผมมาเลย”



หมอว่าแล้วเดินนำพวกเขาไปยังห้องตรวจที่ทำให้พลัสรู้สึกไม่สบายใจหนักขึ้น บอยจับมือของพลัสไว้พยายามบอกร่างบางว่ายังมีเขาอยู่ตรงนี้ จึงทำให้พลัสพอที่จะสงบใจไม่เข้าไปตะคอกถามหมออีก



“ก่อนอื่นอาการทางสมองของคนไข้ไม่มีอะไรน่าห่วงนะครับ โชคดีที่หัวไม่ได้กระแทกแรงมากนัก”



“น้าคว้าราวบันไดไว้ได้ครับ...แต่หัวก็ยังฟาดอยู่ดี”



พลัสอธิบายออกไปจนทำให้หมอหมดข้อสงสัยในเรื่องนี้ แต่มันก็ไม่ทำให้ความจริงจังและความเครียดบนใบหน้าของหมอทุเลาลงเลย



“ถ้าอย่างนั้นก็ดีครับ...แต่หมอเป็นห่วงเรื่องของหัวใจมากกว่า”



“หัวใจ? หมายความว่ายังไงครับ?”



พลัสถามด้วยความไม่เข้าใจ น้าพรหมดสติเพราะตกบันไดนะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องหัวใจ หมอมองอาการของพลัสก็พอเดาได้ลางๆ เขาอยากเคารพการตัดสินใจของคนไข้แต่มันก็อยู่ในจุดที่เขาไม่สามารถปล่อยไปได้อีก



“คุณพรทิพย์...ป่วยเป็นโรคหัวใจอยู่ครับ”



“...!!”



“ถ้าดูจากบันทึกการรักษา เธอคงรู้ตัวมาได้สักพักแล้วแต่ไม่ได้บอกคุณ”



พลัสเงียบไปดวงกลมๆนั่นก็นิ่งค้าง บอยมองหน้าของพลัสด้วยความเป็นห่วงจับใจแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการอยู่เคียงข้างกันอย่างนี้



“ผมติดต่อแพทย์เจ้าของไข้ไว้แล้วท่านกำลังเดินทางมา ตอนนี้ผมทำได้แค่ช่วยเหลือในเบื้องต้นเท่านั้นครับ แต่หลังจากนี้คงต้องใช้การตรวจและรักษาที่เฉพาะทางมากขึ้น”



“...”



“คุณครับ คุณโอเคไหม”



หมอถามย้ำอีกครั้งเพราะเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูดเลยจนชายหนุ่มอีกคนข้างๆกันต้องบอกว่าจะรับฟังไว้แทนบอยพาพลัสออกมาจากห้องนั้นแล้วเดินไปยังห้องพักฟื้นที่มีร่างของน้าพรนอนหลับไม่ได้สติอยู่ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยริ้วรอยและซีดเซียวไม่ต่างจากร่างบางที่ถึงแม้จะไม่ได้ป่วยแต่อาการกลับย่ำแย่



“นี่สินะ...ที่น้าพยายามปิดผมมาตลอด”



“...”



“ทำไมครับ ทำไมน้าไม่พูด...หรือว่าน้าอยากให้ผมรู้สึกผิดตอนที่น้าอาการหนักกว่านี้รึไง”



“พลัส...”



“หรือว่าน้ากลัวว่าผมจะดีใจถ้าได้รู้ว่าน้ากำลังป่วย แถมยังเป็นโรคหัวใจเหมือนกับที่แม่เป็น แต่น้าคิดผิดนะครับ”



“...”



“เพราะผม...ไม่ได้ดีใจเลยสักนิดเดียว”



น้ำตาของพลัสยืนยันคำตอบนี้ได้เป็นอย่างดี บอยโอบไหล่ที่สั่นไหวของพลัสไว้แล้วให้เวลาร่างบางได้ระบายมันออกมาจนหมด เขาไม่รู้ว่าพลัสกำลังเจ็บปวดมากแค่ไหน แต่มันก็คงมากมายเสียจนสามารถทำลายทิฐิในหัวใจคนเราได้...พลัสกำลังร้องไห้ให้กับคนที่เกลียด คนที่ทำร้ายความรู้สึกของตนมานาน



“น้าต้องฟื้นนะ ฮึก น้ายังไม่ได้ชดใช้ให้ผมกับแม่เลย”



ความต้องการของพลัสในคำพูดนั้นเป็นความจริงอยู่แค่ครึ่งเดียว เขาอยากให้น้าพรฟื้นขึ้นมาแต่ก็ไม่อาจหาข้ออ้างใดๆให้กับคำพูดนั้นได้ดีไปกว่านี้





เขาไม่กล้าบอกว่าอยากให้น้าฟื้นขึ้นมาเพื่อจะขอโทษ



เขาไม่กล้าบอกว่าอยากให้น้าฟื้นขึ้นมาเพื่อจะบอกว่าเขาเสียใจ







“น้าพรจะต้องไม่เป็นไรพลัส...เขาจะต้องไม่เป็นไร”



พลัสพยักหน้ารับคำปลอบโยนนั้นแต่หัวใจมันก็ยังอ่อนล้า ร่างบางส่งข้อความไปบอกพ่อแล้วนั่งเฝ้าน้าพรอยู่ข้างๆเตียงโดยมีบอยอยู่เคียงข้างไม่ห่างไปไหน จนกระทั่งชายมีอายุคนหนึ่งในชุดเสื้อกราวสีขาวจะเดินเข้ามาพร้อมกับถือชาร์ตคนไข้เอาไว้ในมือ



“สวัสดีครับ ผมเป็นหมอเจ้าของไข้คุณพรทิพย์เองนะครับ”



ร่างบางปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มออกแล้วยกมือไหว้คนอายุมากกว่าอย่างนอบน้อม เช่นเดียวกับบอยที่ลุกขึ้นมายืนซ้อนเขาอยู่ทางด้านหลัง



“ผมได้ข้อมูลการรักษาที่ห้องฉุกเฉินมาแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ศีรษะไม่ได้กระทบกระเทือนมาก ที่หมดสติไปน่าจะมีจากความเหนื่อยล้าแล้วก็ระดับความดันที่ผิดปกติ...บอย รู้รึเปล่าว่าคุณพรทิพย์ได้กินยาตรงเวลาทุกครั้งไหม”



พลัสขมวดคิ้วแน่นเมื่อจู่ๆหมอก็เปลี่ยนไปพูดคุยกับคนนอกที่ถูกเขาลากเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ ใช่...บอยเป็นคนนอกแล้วทำไมหมอถึงพูดเหมือนกับว่าบอยรู้เรื่องทุกอย่าง



“เท่าที่ผมรู้มาก็กินครบนะครับ ผมเตือนแกเรื่องนี้อยู่ตลอด”



บอยตอบออกไปโดยไม่มองหน้าพลัส อันที่จริงน่าจะเรียกว่าไม่กล้ามองมากกว่า เพราะสิ่งที่เขาพยายามปกปิดมานานมันกลับกำลังถูกเปิดเผยออกมาในสถานการณ์ที่ไม่สวยงามเลยสักนิด



“ถ้าเป็นแบบนั้นหมอก็สบายใจ แต่ยังไงคืนนี้คงต้องให้พักดูอาการที่นี่ก่อนยังให้กลับบ้านไม่ได้นะ”



“ครับ ถ้าอย่างนั้นขอให้พักในห้องพิเศษเลยนะครับ”



“ได้เดี๋ยวหมอจะจัดการให้”



หลังจากหมอเดินออกไปพลัสก็คว้าหมับเข้าที่แขนของบอยแทบจะทันที ร่างบางบีบมันอย่างแรงไม่ใช่เพื่อระบายความโกรธหากแต่เป็นความไม่เข้าใจต่างหาก เขามึนงงและสับสนจากเรื่องที่เพิ่งได้รับรู้มาก และบอยจำเป็นต้องอธิบาย



“ไปคุยกันที่อื่นแล้วกัน...”



บอยไม่ได้หนีแต่ก็ไม่ได้มั่นใจในตัวเองนัก เขาเดินไปฝากน้าพรกับพยาบาลก่อนจะขอตัวพาพลัสออกมายืนคุยกันด้านนอกที่ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท แต่ถึงอย่างนั้นบอยก็ยังเห็นมันได้ชัด...ดวงตาของพลัสที่มีแต่ความไม่เข้าใจ



“มึง...อยากรู้เรื่องไหนก่อน”



“ถามอย่างนี้แสดงว่าพี่มีเรื่องปิดบังผมอยู่มากเลยสินะ”



“...”



“...”



“ใช่”



บอยยอมรับออกมาอย่างจำนนโดยที่ในหัวกำลังคิดถึงเรื่องราวในวันนั้น วันที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง ทั้งความรัก...และการเฝ้ามองที่ยาวนานเหลือเกิน


.

.

.

.

.

.

.



กลางคืนเป็นเวลาที่ทุกคนควรได้รับการพักผ่อน แต่ในขณะเดียวกันนั้นก็ยังมีคนกลุ่มหนึ่งไม่ได้หลับไม่ได้นอนหากแต่ยังคงต้องออกมาทำมาหากินไม่ต่างจากพวกคนที่ทำงานช่วงกลางวัน



“ป้าครับ เอาโจ้กพิเศษสอง ใส่ตับเยอะๆนะ”



บอยที่เพิ่งเลิกงานได้ไม่นานเดินมาสั่งโจ้กเจ้าประจำด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า แน่ล่ะวันนี้ถือว่าโชคดีที่คิวไม่เยอะ ไม่อย่างนั้นกว่าที่เขาจะได้ลิ้มรสเจ้าอร่อยคงกินเวลานอนไปนานโข



“วันนี้เลิกเร็วนะบอย ที่โรงแรมไม่ยุ่งหรอ”



พรทิพย์ หรือที่ใครๆมักจะเรียกกันว่าป้าพร ถามไถ่ชายหนุ่มด้วยความสนิทสนม เพราะหากพูดถึงคนที่ทำงานดึกๆอย่างบอยแล้วจะหาร้านอาหารอร่อยๆกินตอนนี้ก็เป็นไปได้ยาก ทำให้บอยมาฝากท้องไว้ที่ร้านโจ้กนี้แทบทุกวันแต่ก็นะมันอร่อยมากจนเขาไม่คิดเบื่อเลย



“ครับ วันนี้แขกไม่เยอะมาก หัวหน้าเขาเลยให้ผมกลับมาก่อน”



“ดีแล้วล่ะนะ ป้าเห็นเราทำงานหนักแบบนี้ก็นึกว่าจะรีบเก็บเงินไปแต่งเมียที่ไหน ได้พักซะบ้างก็ดีเดี๋ยวจะพาลล้มป่วยไปก่อน”



เธอพูดกับบอยด้วยความห่วงใยในขณะที่มือก็ทำโจ้กให้ร่างใหญ่ไปด้วย ทั้งคู่คุยกันสัพเพเหระ หลังจากบอยกินเสร็จเขาก็ลุกมาช่วยพรเสิร์ฟโจ้กและเก็บโต๊ะบ้างแม้ว่าเธอจะร้องห้ามแต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดฟัง บอยพับแขนเสื้อของตัวเองขึ้นแล้วนั่งลงตรงแถวๆท่อระบายน้ำเพื่อเทน้ำที่ใช้ล้างจานทิ้งเป็นงานสุดท้ายที่เขารับปากป้าพรแล้วว่าจะทำให้ ค่ำคืนนี้คงยังอีกยาวไกลสำหรับป้าพร แต่สำหรับบอยขอกลับไปนอนเอาแรงก่อนแล้วกันนะ



“อ้าวพลัส มาทำอะไรที่นี่เนี่ย!!”



เสียงร้องเฮ้วของพรดังขึ้นทำให้บอยที่กำลังง่วนอยู่กับงานตรงหลังร้านต้องหันกลับไปมอง เขาเห็นแผ่นหลังของคนคนหนึ่งยืนอยู่เผชิญหน้ากับป้าพรที่กำลังบ่นไม่หยุด เป็นเด็กผู้ชายน่าจะอยู่สักมอปลายเพราะตัวเล็กกว่าเขามากแต่ที่ทำให้แปลกใจก็คือเด็กคนนี้มาที่นี่ทั้งที่ยังสวมใส่ชุดนอน



“ก็พลัสหิวอ่ะน้าพร เมื่อเย็นงอนพ่อนิดหน่อยเลยกินข้าวไปแค่นิดเดียว”



“แล้วทำไมไม่หาอะไรในบ้านกิน ออกมาดึกดื่นแบบนี้ได้ยังไง แล้วแม่เรารู้ไหม ตายๆๆๆ มานี่เลย มาให้น้าตีก่อน!”



ป้าพรว่าแล้วแกล้งเอากระบวกตักโจ้กที่อยู่ใกล้ๆมาทำท่าจะตีเด็กคนนั้น แต่แทนที่จะสำนึกกลับมีเสียงหัวเราะอย่างนึกขันดังขึ้นแทนที่ บอยหันกลับไปล้างมือที่ยังเปื้อนของตัวเองให้เรียบร้อยแล้วเดินไปหาป้าพรที่เอาความจริงก็ไม่กล้าตี อยากเห็นเหมือนกันนะว่าคนที่ทำให้ป้าแกต้องบ่นเป็นหมีกินผึ้งหน้าตาเป็นยังไง



“ป้าครับ ผมทำเสร็จแล้วนะ”



“เอ้าบอย ขอบใจนะจ๊ะ ลำบากแย่เลย”



พรละสายตาจากคนที่เธอกำลังบ่นอยู่แล้วหันมาพูดกับบอย แต่สายตาของบอยตอนนี้กลับจับจ้องไปยังใบหน้าหมดจดของคนที่ยืนส่งยิ้มมาให้ ดวงตากลมๆที่เหมือนมีอะไรส่องประกายอยู่ในนั้น และริมฝีปากแดงเป็นกระจับได้รูปที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตา...



“บอยรอป้าแปปนึงนะ เดี๋ยวป้าทำโจ้กใส่ถุงให้ ตื่นเช้ามาจะได้กิน”



ไม่พูดเปล่าพรรีบหันไปทำโจ้กให้ชายหนุ่มที่ช่วยเหลือเธอเสมอ โดยมีพลัสที่มายืนเลียบๆเคียงๆอยู่ข้างๆไม่ห่าง



“น้าพรๆ ทำให้ผมบ้างสิ ผมก็หิวเหมือนกันนะ”



“ไม่ต้องเลยนะเรา รีบกลับบ้านไปเดี๋ยวนี้เลยไม่รู้รึไงว่ามันอันตราย”



“กลับก็ได้ แต่ขอโจ้กสักถุงก่อนกลับได้ไหม ผมหิวจริงๆนะ เนี่ยๆ ท้องร้องเลยได้ยินไหม”



พลัสว่าแล้วทำท่าเหมือนจะแหวกสาบเสื้อนอนของตัวเองออก อย่างกับว่ามันจำทำให้ได้ยินเสียงท้องที่ร้องโครมครามอยู่ข้างในนั้นได้ พรมองแล้วส่ายหน้าอย่างอ่อนใจในขณะที่บอยที่มองอยู่อดไม่ได้ที่จะหลุดขำออกมา



“พี่ขำผมหรอ”



คำพูดของพลัสทำเอาบอยสะดุ้งโหย่ง ยิ่งเมื่อดวงตากลมๆที่เขาชอบนั้นกำลังจับจ้องมายังชายหนุ่มอย่างไม่พอใจเล็กๆ



“ปะ เปล่า”



“เปล่าอะไร ก็ได้ยินอยู่ว่าพี่ขำ”



“ก็ถ้าได้ยินแล้วจะถามทำไมล่ะ”



บอยลองพูดกวนกลับบ้าง เอาสิ เรื่องกวนเขาก็ไม่แพ้ใครเหมือนกันนะ



“พอเลยๆทั้งคู่ อ่ะบอยน้าใส่ปาท่องโก้ตัวเล็กเพิ่มไปให้อีกนะ ส่วนนี่ของพลัสโจ้กธรรมดาไม่ใส่ผักไม่ใส่ไข่ใส่หมูแค่ก้อนเดียว”



“เอ้า อะไรอ่ะน้าพร ทำไมของผมเป็นแบบนี้อ่ะ”



“ลงโทษจ๊ะ ฮ่าๆ เอ้า ได้ของกินก็กลับไปได้แล้ว”



พรโบกมือไล่พลัสแต่ก็ยังยิ้มให้ลูกชายของเพื่อนสนิทด้วยความห่วงใย พลัสก็ได้แต่ยกมือไหว้ทั้งที่ยังทำหน้างงก่อนจะเดินออกไปที่ถนนโดยมีบอยเดินตามมาอยู่ห่างๆ



“นี่”



“...”



“นี่เธอ”



“ผมชื่อพลัสครับ ชื่อพลัสไม่ได้ชื่อเธอ”



ร่างบางหัสมาพูดกับบอยด้วยใบหน้าที่ยังงออยู่เหมือนเดิม คนตัวโตกว่าเห็นแบบนั้นก็ยิ้มอ่อน เขารู้สึก...เอ็นดูภาพแบบนี้เอามากๆ



“จะกลับบ้านยังไง เอารถมารึเปล่า”



“เปล่า ผมเดินมา”



“แล้วจะเดินกลับ?”



“อืมก็ใช่น่ะสิ พี่นี่ถามแปลกๆ”



พลัสว่าก่อนจะขำออกมาเบาๆ ร่างบางหมุนตัวกลับแล้วเดินต่อไปแต่ก็ได้เพียงไม่กี่ก้าวก่อนมันจะถูกหยุดไว้ด้วยคำพูดของบอย









“บ้านอยู่ไหนล่ะ...ให้พี่ไปส่งไหม”




.

.

.

.

.





พลัสยกมือขอเวลานอกทันทีที่บอยเล่าเรื่องราวการพบกันระหว่างพวกเขาที่ร่างบางจำมันไม่ได้เลยสักนิด ไม่สิ...ไม่มีอยู่ในหัวเลยด้วยซ้ำ



“พี่จะบอกว่าพี่รู้จักผมมาตั้งแต่ตอนนั้น”



“ใช่...ก็ตั้งแต่สมัยที่กูยังเป็นลูกน้องเขาอยู่”



บอยว่าไปตรงๆ เขาพยายามรักษาท่าทีสงบนิ่งไว้ทั้งที่ในใจไม่ใช่เลยสักนิด หลักฐานที่ปรากฏก็คือใบหน้าที่เคยดุดันเสมอตอนนี้กลับขึ้นสีจนสังเกตได้ ไหนจะใบหูที่แดงขึ้นจนน่าขำนั่นอีก แต่นั่นก็ทำให้พลัสไม่เข้าใจมันอยู่ดี



“แล้วมันยังไงกับการที่พี่รู้จักผมตั้งแต่ตอนนั้น”



“...”



“พี่บอย”



“ก็ไม่ยังไง...กูก็แค่มองดูมึงมาตลอด”



“...!!”



“เวลาที่มึงมาช่วยป้าพรเตรียมร้าน เวลาที่กูบังเอิญเห็นมึงเวลาขับรถผ่านไปแถวๆบ้าน...แล้วก็เวลาที่มึงพาแฟนไปเที่ยว”



“แฟน?”



พลัสลองนึกย้อนกลับไป แน่นอนว่าเขาก็เป็นเด็กผู้ชายธรรมดาจะมีแฟนมาบ้างก็คงไม่แปลก ถึงแม้เรื่องที่เขาชอบผู้ชายด้วยกันจะมาแสดงออกอย่างชัดเจนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยก็เถอะ แล้วทำไม...



“พูดขนาดนี้แล้วยังไม่เข้าใจอีกหรอว่ากู...คิดกับมึงยังไง”



“...”



“ตั้งแต่วันนั้นกูก็คิดถึงมึงมาตลอด แต่มึงจำกูไม่ได้เลยสินะ”



มันไม่ใช่คำพูดตัดพ้อ หากแต่มันสะท้อนความอ่อนล้าออกมาอย่างที่พลัสไม่เคยได้ยินจากคนคนนี้ บอยยังคงยิ้มให้เขาอยู่แต่มัน...เศร้าเกินไป



“ส่วนเรื่องป้าพรกูก็ได้คุยกับเขาตลอด ถึงจะไม่ใช่ทั้งหมดแต่กูก็พอรู้มาบ้างว่าเขาย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านแล้วก็อยู่กินกับพ่อมึงทั้งที่แม่มึงเพิ่งตาย มันคงไม่ยุติธรรมถ้ากูจะพูดแบบนี้...แต่ในฐานะคนที่เห็นป้าพรมาตลอดกูกล้ายืนยันว่าป้าเขาก็ไม่ได้มีความสุขกับมันมากนัก...ป้าพรยิ้มน้อยลง ทำงานหนักขึ้นจนกูต้องหาเวลาไปช่วยบ่อยๆแต่ก็ทำไม่ได้มากเพราะงานที่โรงแรมของกูก็มีเหมือนกัน”



“แล้วพี่ก็เจอผมอีกครั้งที่นั่น...ทำไมพี่ไม่บอกว่าเคยรู้จักผมครับ”



พลัสถามด้วยความสงสัย เพราะถ้าหากว่าบอยชอบเขาตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่น่าทิ้งโอกาสที่จะได้ทำความรู้จักกัน แต่ทันทีที่ถามจบใบหน้าของบอยก็เศร้าหมองลง เขามองขึ้นไปยังตึกของโรงพยาบาลแล้วคิดถึงคนที่กำลังหลับไม่ได้สติ



“เพราะขี้ขลาดล่ะมั้ง กูน่ะ”



“...!!”



“ใครจะไปกล้าพูดในเมื่อคนที่แอบมองมาหลายปีจำเราไม่ได้ แถมยังทำท่าเหมือนกับกลัวเรามากทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรให้ด้วยซ้ำ...แล้วที่สำคัญ”







‘บอย...ป้าฝากดูแลน้องด้วยนะลูก’







“เพราะว่าป้าพร...เขารักมึงมาก”



บอยหันมามองหน้าพลัสที่ถึงแม้จะเริ่มเข้าใจกับเรื่องราวบ้างแต่มันก็ยังคงหนักหนาเกินไปอยู่ดี ร่างใหญ่เดินเข้ามาใกล้ๆก่อนจะซบหน้าลงไปบนบ่าเล็กของคนที่ครอบครองหัวใจของเขามานานแต่ความรู้สึกนั้นมันก็ไร้ค่าเสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าคนคนนี้...คนที่ไม่เคยรู้สึกถึงหรือแม้แต่จะสังเกตเห็น



“กู...ไม่มั่นใจในอะไรสักอย่าง ทั้งความรู้สึกของมึง การยอมรับของน้าพรหรือแม้แต่ตัวกูเอง...กูไม่กล้าพลัส...เลยทำได้แค่มองมึงอยู่อย่างนี้ แต่สุดท้ายกูก็ทำพลาดไปจนได้”



“...”



“กูทำร้ายมึง ทำลายความเชื่อใจของป้าพรที่ฝากฝังมึงไว้...เขาขอให้กูดูแลมึงให้ดี เขาโทรถามกูทุกครั้งว่ามึงเลิกงานรึยังมีใครมารังแกบ้างไหม แล้วเขาก็ขอให้กูไม่บอกใครว่าเขากำลังป่วย...เขาขอชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไปแค่เพียงคนเดียว”



เรื่องราวต่างๆประติดประต่อเข้าหากัน ช่วงเวลาที่บอยหายหน้าไปซึ่งตรงกับช่วงที่น้าพรหยุดงาน สาเหตุที่บอยไม่เคยเข้ามาส่งเขาถึงหน้าบ้าน และเหตุผลที่บอยรู้เรื่องเกี่ยวกับเขาแทบจะทุกอย่าง



“สโตกเกอร์จริงๆด้วยสินะ”



“...!!”



“บ้าจริงๆ...ทั้งพี่ทั้งน้าพรเลย”



พลัสพูดทั้งที่ยังร้องไห้ออกมา แต่ถึงอย่างนั้นมือเล็กๆนั่น...กลับยกขึ้นแล้วโอบกอดบอยกลับไปโดยไม่คิดปล่อยแม้สักวินาที




(มีต่อเม้นต์ล่าง)

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่31][140459]
«ตอบ #322 เมื่อ14-04-2016 21:18:04 »


เอกสารเกี่ยวกับรูปแบบโรงแรมถูกแจกจ่ายให้กับพนักงานทุกคนที่เข้าประชุมในวันนี้ คณิตที่เป็นหัวหน้าทีมลุกขึ้นยืนและอธิบายมันให้ทุกคนฟังอีกครั้งด้วยท่าทางจริงจังท่ามกลางสายตาของลูกน้องที่มองมาอย่างชื่นชม



จนกระทั่ง...



“ขอโทษครับ โทรศัพท์ผมเอง”



คณิตบอกขอโทษทุกคนอีกครั้งเมื่อโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นกลางทีประชมเป็นครั้งที่สาม ถึงจะไม่แสดงออกมาเพราะเขาเป็นลูกของเจ้าของแต่คณิตก็ยังรู้สึกถึงสายตาตำหนิที่มองมาได้อยู่ดีโดยเฉพาะจากคนที่อายุมากกว่า ชายหนุ่มเดินไปยังเครื่องมือสื่อสารที่กำลังสั่นอย่างเอาเป็นเอาตายแล้วถอนหายใจเมื่อเห็นว่าชื่อของใครปรากฏอยู่บนนั้น



“อิงอรจัดการให้ผมที”



เขาส่งมันให้กับอิงอรด้วยอาการหัวเสีย ทั้งเรื่องที่ปูนโทรมาไม่หยุดทั้งที่ไม่มีธุระอะไร แล้วก็เรื่องที่เขาไม่อาจปิดเสียงโทรศัพท์ได้เพราะกำลังรอสายคอนเฟิร์มงานจากลูกค้า หญิงสาวรับมันมาแล้วขอตัวออกไปคุยด้านนอกเพื่อให้การประชุมออกไปได้ และทันทีที่ก้าวพ้นออกมาจากประตูห้องเธอก็รีบกดรับสาย



“ปูน นี่พี่อิงนะ”



“อ่ะ สวัสดีครับพี่ แล้วพี่นิดอยู่ไหนครับ ทำไมให้พี่มารับสาย”



อาการถามเป็นชุดของปูนไม่บอกก็รู้ว่าเจ้าตัวกระวานกระวายมากแค่ไหนเธอเองก็อยากจะเข้าข้างปูนหรอกนะ ถ้าเกิดว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นในเวลางานแบบนี้...



“คุณคณิตทำงานอยู่จ๊ะ ติดประชุมเลยให้พี่มารับสายแทน”



“เรื่องด่วนมากเลยหรอครับ ปูนโทรไปตั้งนานแล้ว”



“ไม่ด่วนแต่สำคัญมากจ๊ะ แล้วปูนล่ะมีเรื่องด่วนอะไรรึเปล่า”



อิงอรไม่ได้ตั้งใจจะพูดกระทบ แต่คนที่หวังแค่โทรมาเช็คเฉยๆกลับรู้สึกเหมือนมันคือมือที่บีบคอเขาจนพูดไม่ออก ร่างเล็กอ้ำอึ้ง มือที่กำกันไว้ที่หน้าตักบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆจนมันสั่น...แต่ปูนก็ควบคุมไม่ได้



“เปล่าครับ...ขอโทษนะครับพี่อิงที่โทรมารบกวน”



“ไม่เป็นจ๊ะ เอาไว้ถ้าประชุมเสร็จพี่จะบอกให้คุณคณิตโทรหานะ”



ปูนบอกขอบคุณเธออีกครั้งก่อนจะตัดสายไปอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก และถึงแม้อิงอรจะไม่ได้ตำหนิอะไรเขาก็พอจะรู้ว่าการกระทำของตัวเองนั้นคงสร้างความลำบากใจให้ใครต่อใครไม่น้อยโดยเฉพาะคณิต...ปูนไม่อยากเป็นอย่างนี้ ไม่อยากสร้างความลำบากใจให้ใครต่อใครแต่เพราะความกลัวจากคำพูดของเมษาและเรื่องราวบางอย่างที่เขาอยากจะลืมแต่มันกลับหวนกลับมา



เขากลัว...กลัวอย่างที่ไม่เคยกลัวมาก่อน



“ทำไมทุกอย่างมันถึงเป็นแบบนี้”



ความสุขแสนหอมหวานที่เขารับมาจางหายไปราวกับว่ามันเป็นเพียงความฝัน ปูนมองไปรอบๆห้องที่เคยอบอุ่น ทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะยังคงดังก้องอยู่ในหูเพียงแต่ตอนนี้เขาไม่ได้ยินมันอีกแล้ว



เขาไม่รู้ว่ามันผิดพลาดที่ตรงไหน...ต้นเหตุที่ทำให้คณิตมองเขาด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปจากเดิมปูนไม่รู้จริงๆว่ามันคืออะไร ทั้งที่เรารักกัน แต่คำว่ารักที่คณิตมอบให้เป็นครั้งแรกกลับไม่ได้ทำให้เขาสบายใจอย่างที่คาด...ทั้งที่คณิตยังอยู่ข้างๆแต่ปูนกลับรู้สึกอ้างว้าง...ยิ่งกว่าตอนที่อยู่คนเดียวเสียอีก





‘มีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้’





ปูนคิดถึงคำพูดของโต้งที่บอกกับเขาไว้ก่อนที่จะจากไป ร่างเล็กรู้สึกลังเล...เขาไม่อยากเปิดเผยเรื่องราวส่วนตัวให้คนใกล้ตัวคณิตรับรู้มากสักเท่าไหร่ ตัวเลือกของปูนจึงจบลงที่นามบัตรอีกใบที่โต้งบอกว่าเป็นเพื่อนของตัวเองอีกที



เด็กหนุ่มเปิดโปรแกรมแชทแล้วแอดไอดีที่ถูกระบุไว้ในนั้นแทนการติดต่อทางเบอร์โทรศัพท์เพราะสภาพจิตใจของเขาตอนนี้ปูนไม่มั่นใจเลยว่าตัวเองจะไม่ร้องไห้ออกมาเมื่อต้องพูดถึงมัน เพียงแค่กดเพิ่มเพื่อนไปรูปโปรไฟล์ของอีกฝ่ายก็ปรากฏขึ้นมา มันเป็นรูปภาพสีดำที่มีจุดเล็กๆสีออกขาวเหลืองอยู่ตรงกลางภาพ...พระจันทร์งั้นหรอ



‘สวัสดีครับ’



ปูนเผลอสะดุ้งเมื่อจู่ๆอีกฝ่ายก็ทักเขาขึ้นมาก่อน ร่างเล็กมองมันอย่างลังเลจนกระทั่งวินาทีสุดท้ายแต่เพราะต้องการระบายเขาจึงตอบกลับไปในที่สุด



‘สวัสดีครับ…’



‘น้องของโต้งใช่ไหมครับ’



‘ครับ...พี่โต้งบอกหรอครับว่าผมจะติดต่อมาหา’



‘ครับ พี่ดีใจนะที่เราติดต่อกลับมา’



ปูนขมวดคิ้วน้อยๆเมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาแบบนั้น ดีใจ? ทำไมกัน?



‘พี่เป็นจิตแพทย์เหมือนพี่โต้งหรอครับ’



‘ป่าวหรอก พี่เป็นแค่คนธรรมดาน่ะ’



‘อ้าว...’



*สติ๊กเกอร์หมีสงสัย*



‘แต่การมีเพื่อนคุยดีๆสักคนก็ไม่เลวนักหรอกนะ ว่าไหม”



ปูนเผลอยิ้มออกมาเมื่อสิ่งที่อีกฝ่ายว่าเขาก็เห็นด้วยกับมัน เหมือนอย่างในตอนนี้ที่ปูนเลือกจะพิมพ์ข้อความไปหาคนที่เขาไม่รู้จักและอีกฝ่ายก็ไม่รู้จักเขาเช่นกัน โดยที่ทางนั้นเป็นคนเริ่มเล่าเรื่องราวของตัวเองก่อนเพื่อให้ปูนรู้สึกไว้ใจ



เพื่อนของพี่โต้งคนนี้บอกว่ากำลังออกเดินทางอยู่ในต่างประเทศก็คงเป็นพวกลูกคนรวยล่ะมั้ง คงไม่ต่างจากคณิตและกลุ่มเพื่อนสักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ทำให้ปูนรู้สึกว่าการคุยกับคนคนนี้สนุกและน่าสนใจก็คือคำบอกเล่าเกี่ยวกับเรื่องราวแปลกใหม่ที่อีกฝ่ายพบเจอในทุกๆที่ที่ได้ไป



‘แล้วพี่ทำยังไงอ่ะ ได้ไปแจ้งตำรวจที่นั่นไหม’



‘ไม่ได้แจ้งหรอก เสียเวลาน่ะตำรวจที่นี่ก็ไม่ได้ต่างจากที่ไทยสักเท่าไหร่ พี่ผิดเองด้วยที่คิดว่าเด็กนั่นคงไม่กล้าทำอะไร ที่ไหนได้เผลอแปปเดียวหยิบถุงของพี่ไปเฉยเลย’



‘ถ้ามันเปิดมาเห็นว่าในถุงนั่นมีแต่กระดาษที่จะเอาไปทิ้งคงโมโหน่าดู”



‘ก็นะ อย่างน้อยถุงของกระเป๋าแบรน์เนมนั่นก็น่าจะพอขายได้’



ผู้ชายคนนี้แสร้งทำเป็นมองโลกในแง่ดี แต่การคุยกันมากว่าชั่วโมงแม้จะไม่ได้เห็นหน้าก็พอจะทำให้ปูนเดาได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดแบบนั้น แต่นั่นก็ยิ่งทำให้ปูนรู้สึกสบายใจเข้าไปอีก



‘แต่มันก็แย่นะพี่ อายุแค่นี้ริอาจจะเป็นโจรแล้ว’



‘เขาก็คงมีเหตุผลที่ทำแบบนั้นนั่นแหละ เพียงแต่เราไม่รู้’



สิ่งที่อีกฝ่ายตอบกลับมาทำให้นิ้วของปูนชะงัก เหตุผลของสิ่งที่ทำงั้นหรอมันมีแน่นอนอยู่แล้วแหละ...เพียงแต่จะมีสักกี่คนที่สนใจมัน



‘ใจดีจังนะครับ เขาทำพี่แบบนี้ยังไปสงสารเขาอีก’



‘พี่ไม่ใช่คนใจดีหรอก แถมไม่ใช่คนดีด้วย แค่ไม่อยากทำพลาดซ้ำสองน่ะ’



‘พลาด?’



‘ครั้งหนึ่งเคยตัดสินคนคนหนึ่งไปโดยไม่คิดจะรับฟังเขาเลย’



หากตัวอักษรพวกนี้เปล่งเสียงออกมาได้ ปูนสงสัยว่าเสียงของมันจะเป็นแบบไหน เศร้าสร้อย เสียใจ หรือเสียงหัวเราะอย่างเย้อหยันกันแน่นะ...



‘แฟนพี่หรอ?’



‘ประมานนั้นครับ’



‘เลิกกันแล้วหรอ’



‘อืม...ยังเสียใจมาถึงทุกวันนี้เลย’



แม้จะเพิ่งรู้จักกันและไม่ได้รู้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ปูนกลับรู้สึกเศร้าไปด้วยอย่างน่าประหลาด อาจจะเพราะความกลัวที่สุมอยู่ในหัวใจของเขาที่มีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วยล่ะมั้ง มันเลยอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากวันหนึ่งเขาและคณิตจะต้องจากกันด้วยความไม่เข้าใจแบบนี้บ้าง...เขาจะเป็นยังไง



‘ถ้าเสียใจทำไมไม่กลับไปหาเขาล่ะ’



‘กลับไปไม่ได้แล้วล่ะ ทั้งเขาและพี่ เราต่างก็เดินจากกันไปไกลแล้ว เขามีชีวิตใหม่พี่เองก็เหมือนกัน เพียงแค่พี่อยากมีโอกาสสักครั้งที่จะได้บอกเขาว่า...ขอโทษที่วันนั้นเราไม่ได้คุยกันมากกว่านี้’



ฝ่ายนั้นเงียบไปเหมือนกับปูนที่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อ เขารู้เพียงแค่ว่าเมื่อความสัมพันธ์จบลงย่อมมีคนที่เสียใจเพราะมันเกิดขึ้นเสมอ แต่มันก็น่าแปลกใจว่าทั้งๆที่เราต่างก็รู้ดีถึงความรู้สึกที่จะตามมา แต่มันก็ยังเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้



‘เล่าได้ป่ะ...ว่าพวกพี่ทะเลาะกันเรื่องอะไร’



พอปูนถามอีกฝ่ายก็เงียบไปพักใหญ่จนร่างเล็กถอดใจไปแล้วว่าเขาคงไม่ได้รับคำตอบ แต่ก่อนที่ปูนจะกดปิดหน้าจอ ตัวหนังสือบรรทัดใหม่ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง



‘พี่ละเลยเขาครับ’



‘…’



‘ตอนนั้นพี่มีอะไรหลายอย่างต้องทำ พี่ไม่มีเวลาไปหา ไม่มีเวลาไปอยู่ใกล้ๆ แถมเวลาเจอหน้ากันเขาก็มักจะพูดแต่เรื่องดีๆให้พี่สบายใจ ไม่เคยว่าพี่สักครั้ง ทั้งๆที่พี่เป็นคนผิด’



‘เพราะแค่นั้นเขาเลยทิ้งพี่หรอ แย่ชะมัด’



‘ตอนแรกพี่ก็คิดแบบเรานะ พี่เสียใจและโทษเขาว่าทำไมทำกับพี่แบบนี้ พี่โกรธที่สุดท้ายเขาไม่เลือกพี่ โดยไม่ได้ดูตัวเองเลยว่าพี่ก็ไม่ได้เลือกเขาเหมือนกัน...ถึงเขาจะเป็นคนที่เดินจากไปก่อนแต่พี่ก็รู้ดีว่ามันเป็นเพราะพี่ไม่เคยอยู่ข้างๆเวลาที่เขาต้องการ พี่ไม่พูด เขาก็ไม่ถาม พี่เคยคิดว่าการที่เราเป็นแบบนี้แสดงว่าเราเข้าใจกันแต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่เลย’



ภาพของเขาและคณิตลอยขึ้นมาในหัวของปูนเป็นฉากๆ จนมือที่ประคองโทรศัพท์ไว้นั้นเผลอกำกันแน่นเช่นเดียวกับหัวคิ้วที่ขมวดกันเป็นปม



‘พี่เสียใจที่ตอนนั้นเราไม่ได้คุยกันให้มากกว่านี้ เสียใจที่เราไม่เคยทะเลาะกันเลยจนกระทั่งวันที่เราเลิกกัน...แม้ว่าสุดท้ายทุกอย่างจะลงเอยที่การจากลาเหมือนเดิมแต่อย่างน้อยพี่ก็อยากได้รับรู้ความรู้สึกของเขาบ้าง’



สติ๊กเกอร์รูปยิ้มถูกส่งมาทั้งๆที่ความรู้สึกของคนที่ส่งนั้นมันสวนทางกันสิ้นดี ปูนไม่รู้ว่าควรปลอบอีกฝ่ายยังไงเพราะเขาเองก็ไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น อีกทั้งภาพสะท้อนที่เหมือนกันมากต่างไปแค่ตัวบุคคลและเวลา ทำให้ปูนรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเตือนจากอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ร่างเล็กส่ายหน้าพยายามไล่ความกลัวที่กัดกินหัวใจออกไปก่อนจะพิมพ์คำถามถึงคนที่กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว



‘ถ้าย้อนเวลากลับไปได้...พี่อยากจะทำเหมือนเดิมไหม’



ภาพๆหนึ่งถูกส่งมา มันเป็นรูปภาพของท้องฟ้ายามที่ดวงอาทิตย์กำลังขึ้นแม้จะดูเหงาอย่างน่าประหลาดแต่มันก็สวยจนปูนเผลอยิ้มตาม



‘ไม่ล่ะ...เพราะถ้าเราไม่จากกันในวันนั้น ท้องฟ้ามันอาจจะไม่สดใสเหมือนกับวันนี้ก็ได้”



ปูนอ่านข้อความนั้นแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง เขามองเห็นท้องฟ้าที่ถึงแม้จะไม่สดใสเท่า แต่มันก็ยังคงเป็นท้องฟ้าในวันที่เขากับคณิตยังไม่จากกันไป ร่างเล็กถามตัวเองว่าถ้าหากเขาปล่อยมือจากคณิตแล้วจะได้พบเจอกับท้องฟ้าที่สดใสเหมือนกับภาพที่ถูกส่งมา...เขาจะทำมันไหม





ไม่...คำตอบของปูนมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น


.

.

.

.

.

.



คณิตกลับมาที่บ้านด้วยความรู้สึกที่เหนื่อยล้า ทั้งความเครียดที่สะสมจากงานและความหงุดหงิดเรื่องที่ปูนโทรเข้าไปยังทำให้อารมณ์กรุ่นๆของเขายังไม่เย็นลงนัก แม้อิงอรจะบอกร่างสูงให้ใจเย็นแล้วค่อยๆคุยกับปูน แต่เพราะอาการแปลกๆของเด็กหนุ่มในช่วงนี้ทำให้เขาไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่ามันจะเกิดขึ้นได้



ชายหนุ่มนั่งอยู่ในรถที่ดับเครื่องยนต์เรียบร้อยแต่ยังไม่คิดจะก้าวลงไป เขานึกถึงเหตุการณ์ในคืนวันนั้นที่ปูนเรียกร้องคำว่ารักจากเขาด้วยสีหน้าที่แสดงความรู้เจ็บปวดอย่างน่าประหลาด เขารู้ว่ามันคงมีอะไรเกิดขึ้น แต่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรเพราะพวกเขาไม่เคยเปิดใจพูดคุยกัน รอยแผลที่ถูกปกปิดไว้เบื้องหลังรอยยิ้มที่เขาหลงรักของปูนนั้น...มันทำให้คณิตอดคิดไม่ได้ว่าตัวเองช่างอ่อนแอ



“อย่าเพิ่งท้อสิวะ”



คณิตบอกกับตัวเองก่อนจะก้าวลงไปจากรถ เขาถือกระเป๋าเอกสารและเสื้อสูทไปด้วยโดยที่วันนี้ร่างสูงไม่ได้ซื้อขนมติดมือมาอย่างเคย แต่ยังไม่ทันที่จะได้เข้าไปในบ้าน จู่ๆปูนที่อยู่ในชุดอยู่บ้านสวมผ้ากันเปื้อนก็วิ่งเข้ามาหาทั้งๆอย่างนั้น



“กลับมาแล้วหรอป๋า”



ร่างเล็กทักเขาแล้วรับเสื้อสูทของคณิตมาถือไว้ให้ บรรยากาศกระอักกระอ่วนไม่ได้เกิดขึ้นอาจจะเป็นเพราะรอยยิ้มอ่อนๆที่ปูนแสดงออกมาทำให้คณิตที่คิดไปเองว่าเด็กหนุ่มคงวีนเขาเรื่องวันนี้แน่ๆรู้สึกผิดคาด



“อะ อืม”



“กินข้าวเย็นมารึยัง ผมทำของโปรดป๋าไว้เพียบเลยนะ”



“ยังไม่ได้กิน”



“งั้นก็มากินข้าวกันเถอะ ป๋าไปรอที่โต๊ะก่อน เดี๋ยวผมคดข้าวให้”



ปูนไม่ได้รอให้คณิตพูดอะไร เขาเอาเสื้อสูทไปแขวนไว้บนเก้าอี้ตัวใกล้ๆก่อนจะกลับเข้าไปในครัวทิ้งให้คณิตที่ยังงงไม่หายเข้าไปนั่งยังโต๊ะกินข้าวอย่างที่ปูนว่า พอมาถึงร่างสูงก็มองอาหารตรงหน้าด้วยความแปลกใจ เพราะว่ามันเยอะมากจนไม่มีทางที่คนสองคนจะกินมันหมดได้แล้วที่สำคัญมันก็เป็นของโปรดของเขาทั้งนั้น แถมบางจานยังเป็นเมนูที่ปูนเคยบอกกับเขาว่าไม่ชอบกินมัน



รอไม่นานปูนก็เดินถือข้าวพูนๆสองจานเข้ามาด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มอ่อนประดับ คณิตช่วยรับมันมาถือแล้วได้รับคำขอบคุณจากปูนเป็นรางวัล



“ทำไมถึงทำกับข้าวเยอะแบบนี้ล่ะ”



คณิตถามออกไปด้วยความสงสัย เพราะวันนี้ไม่ใช่วันพิเศษอะไร แถมเมื่อบ่ายก็มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นอีก



“ผมว่างน่ะเลยลองทำอะไรหลายอย่าง รู้ตัวอีกทีก็เต็มโต๊ะแล้ว”



ร่างเล็กว่าก่อนจะตักกับข้าวให้คณิตเป็นการเริ่มต้นมื้ออาหารที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ชายหนุ่มกินข้าวไปก็มองหน้าปูนไปด้วย...ปูนดูสดใสขึ้นแม้ว่าจะไม่เท่าแต่ก่อนแต่มันก็ยังมากกว่าที่เขาเห็นเมื่อเช้า ร่างเล็กชวนเขาคุยไปเรื่อยๆโดยไม่วนเข้าไปในเรื่องที่เขาไม่ยอมรับโทรศัพท์ คณิตจึงตัดสินใจพูดถึงมันเป็นคนแรก



“ปูน เรื่องเมื่อบ่ายน่ะ ฉันขอ...”



“ผมขอโทษนะครับ”



“...!!”



“ผมรู้อยู่แล้วว่าป๋ามีประชุมแต่ก็ยังโทรเข้าไปตั้งหลายสายทั้งที่ไม่มีเรื่องจำเป็น...ผมขอโทษนะครับ”



ปูนทำสิ่งที่คณิตไม่คาดคิดอีกครั้งและมันก็ทำให้คนที่เตรียมจะขอโทษก่อนเพื่อให้เรื่องมันจบไปได้แต่นั่งนิ่ง ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นจากจานของตัวเองก่อนจะเอื้อมมาจับมือของคณิตไว้แล้วบอกเล่าความในใจอีกครั้ง



“ช่วงนี้ผมเอาแต่ใจมาก ชอบทำให้ป๋าลำบากทั้งที่เคยบอกว่าจะเป็นกำลังให้แท้ๆ ขอโทษนะครับที่เป็นแบบนี้ ผมสัญญาว่าจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก”



ปูนไม่ได้ร้องไห้ ใบหน้าที่เขาหลงใหลยังคงไว้ซึ่งรอยยิ้มที่บ่งบอกอะไรหลายๆอย่าง หนึ่งในนั้นคือการพยายามสมานรอยร้าวระหว่างพวกเขาในแบบของปูนที่ยอมถอยไปหนึ่งก้าวทั้งที่มันไม่ใช่นิสัยของร่างเล็กเลยแม้แต่น้อย



การกระทำของปูนทำให้คณิตสะท้อนใจ ในระหว่างที่ปูนกำลังพยายามทำให้เรื่องทุกอย่างดีขึ้นเขากลับเอาแต่คิดในแง่ร้ายว่าปูนคงจะทำในสิ่งที่ทำให้เขาเหนื่อยใจอีกครั้ง คนที่เขามองว่าเป็นแค่เด็กกลับกำลังพยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่ขึ้นก็เพราะเขา ในขณะที่ผู้ใหญ่อย่างคณิตเองกลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม



“ฉันสิที่ต้องขอโทษเธอ ปูน...พี่ขอโทษนะ”



“...!!”



“พี่รู้ว่ารอบตัวเราช่วงนี้มีแต่เรื่อง งานพี่เองก็ยุ่งเราเลยไม่ได้มีเวลามานั่งคุยกันเท่าไหร่ ทั้งที่เคยคิดไว้ว่าจะดูแลเราให้ดีแต่ก็ยังทำไม่ได้ ขอโทษนะ”



คำขอโทษจากคณิตเปลี่ยนให้รอยยิ้มของปูนกลายเป็นรอยน้ำตา ร่างเล็กร้องไห้ออกมาแต่ไม่ใช่เพราะความเศร้าใจซึ่งคณิตก็เข้าใจมันได้เลยลุกขึ้นมาโอบกอดปูนไว้แล้วโยกตัวไปมาเพื่อปลอบโยน



“ปูนผิดเอง ฮึก ทุกเรื่องเลย ปูนผิดเอง”



“เด็กบ้า มันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย”



คณิตฟังคำกล่าวโทษตัวเองของปูนแล้วพูดแย้งไป เพราะเขาเองก็รู้ดีว่าที่สถานการณ์มันเป็นแบบนี้ก็เป็นเพราะความไม่มั่นคงของพวกเขาทั้งสองคนนั้นแหละ หากเปรียบกับสิ่งที่ขิงเคยพูด เขาก็คงเป็นคนที่หวั่นไหวแต่กลับไปยืนอยู่ในจุดเดิมไม่ได้ ส่วนปูนเองก็มีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เดินมาหาเขาไม่ได้อย่างเคย



“ป๋า”



“หื้ม?”



“ผมมีเรื่องมากมายเลยที่อยากจะบอก...แต่มันยาก ฮึก มันยากจริงๆ”



มือที่กำเสื้อของเขาไว้แน่นบ่งบอกถึงความอัดอั้นที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในร่างกายเล็กๆนี้ คณิตลูบแผ่นหลังของปูนไปมาเพื่อปลอบใจทั้งคนรักและตัวเขาเอง



“ถ้าเธอยังไม่พร้อม...ก็ไม่เป็นไรหรอก”



“แต่...”



“เรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกนาน ถ้าวันไหนที่เธอพร้อมจะเล่า...ฉันก็จะอยู่ตรงนี้...จะอยู่ข้างเธอและรับฟังมันเอง”



ไม่ใช่ว่าไม่อยากรู้...ไม่ใช่ว่าอยากใจอ่อนแต่คณิตอยากก้าวผ่านมันไปให้ได้ อย่างน้อยในวันนี้เขาอยากกอดปูนไว้โดยไม่ต้องคิดอะไร เพราะร่างเล็กกำลังพยายามมากเหลือเกินที่จะรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเราไว้แม้กระทั่งยอมเปิดเผยความอ่อนแอของตัวเอง...ปูนพยายามมากเกินไปจริงๆ



คณิตรู้ว่าการยอมปล่อยไปแบบนี้ไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่การยอมให้ทุกอย่างพังลงมาในคราวเดียวแล้วหวังจะประกอบมันใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย หัวใจของคนเรามันเปราะบางไม่ต่างจากแก้วหรอก...หากยังไม่เข้มแข็งพอก็คงแทบจะไม่มีทางที่จะทำให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิม



“ฉันจะเข้มแข็งขึ้นนะปูน...เข้มแข็งพอที่จะยอมรับทุกอย่างของเธอได้”



คณิตบอกความหมายมาดของตัวเองให้ปูนรู้แล้วตั้งใจทำมันนับตั้งแต่วันนั้น เวลามีอะไรไม่สบายใจพวกเขาก็มักจะบอกกัน คณิตพยายามให้เวลากับปูนมากขึ้นแม้ว่างานที่ทำจะรัดตัว ส่วนปูนเองก็พยายามมีเหตุผล เขาข่มความกลัวของตัวเองไว้แล้วหันมาให้ความสนใจกับการเรียนภาษาและการทำงานมากขึ้นเพื่อจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน และก็ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้ปูนได้ระบายความในใจออกไปได้บ้างก็การพูดคุยกับเพื่อนของโต้งที่มักจะมีเรื่องราวดีๆมาเล่าให้เขาฟังอยู่เสมอ



“ช่วงนี้ติดโทรศัพท์จังนะ”



ร่างสูงเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าปูนกำลังพิมพ์แชทคุยกับใครสักคนที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าคือใคร แต่เขาก็แค่สงสัยไม่ได้คิดว่าปูนจะนอกใจอะไรหรอก อย่างน้อยถ้าใช่ปูนคงไม่กล้าคุยกับมันต่อหน้าเขาแบบนี้



“คุยกับเพื่อนอยู่น่ะ ป๋าโกรธหรอ”



“ป่าว ว่าแต่คนอย่างเธอมีเพื่อนด้วยหรอเนี่ย”



ปูนทำหน้าบึ้งก่อนจะฟาดหลังของคณิตเข้าป้าบใหญ่ แต่แทนที่จะสำนึกร่างสูงกลับหัวเราะแล้วดึงปูนให้มานั่งลงบนตักของตัวเองก่อนจะดึงให้คนตัวเล็กหันกลับมาสนใจหนังที่กำลังฉายอยู่บนจอ



“ว่าแต่ถ้าผมคุยกับคนอื่นจริงๆ ป๋าจะไม่หึงผมหน่อยหรอ”



“ไม่”



“อ้าว ทำไมพูดงี้อ่ะ”



“ไม่หึง...แต่ฆ่าทิ้งเลยเข้าใจไหม”



คณิตแสร้งทำหน้าโหดใส่ ส่วนปูนที่ได้ฟังก็หัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจแล้วเอนพิงอกของคณิตไปทั้งตัว มือของทั้งสองคนกุมกันไว้ ร่างสูงรู้สึกดีใจที่วันนั้นพวกเขาตัดสินใจยอมลดทิฐิแล้วถอยออกมากันคนละก้าวจนทำให้วันนี้บรรยากาศระหว่างเขากับปูนนั้นดีขึ้นมาก เมษาเองก็ไม่พูดถึงปูนอีก นาฬิกาเรือนนั้นก็หายไปจากข้อมือของมันโดยที่คณิตไม่คิดจะตั้งคำถาม อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป ถือซะว่ามันเป็นบททดสอบเล็กๆที่ทำให้ร่างสูงรู้ว่าระหว่างเขากับปูนยังขาดอะไรไปสำหรับการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน



อื๊ด...อื๊ด...



เสียงสั่นของโทรศัพท์ทำให้คณิตหลุดออกมาจากความคิดของตัวเอง เขาพยายามมองหาต้นตอของเสียงก่อนจะเห็นว่ามันคือโทรศัพท์ของปูนที่ร่างเล็กวางมันไว้บนโต๊ะตัวใกล้ๆ แต่พอเขากำลังจะปลุกก็ทำให้เพิ่งเห็นว่าปูนเผลอหลับไปแล้วคณิตจึงตัดสินใจขยับปูนที่ไม่ได้สติให้นอนลงบนโซฟาแทนที่ตัวเอง



ในระหว่างที่คณิตกำลังพยายามลุกออกมารับโทรศัพท์ก็ตัดไปหลายครั้งก่อนจะต่อสายเข้ามาใหม่เรื่อยๆ ชายหนุ่มสงสัยว่าเป็นใครที่โทรมาหาปูนเพราะนอกจากคุยกับเขาแล้วเขาก็แทบจะไม่เคยเห็นว่าร่างเล็กใช้มันคุยกับใคร ทันทีที่หลุดออกมาได้ชายหนุ่มก็รีบเดินตรงไปยังโต๊ะที่วางโทรศัพท์เครื่องนั้นเป็นจังหวะเดียวกันกับที่สายเรียกเข้าครั้งใหม่ดังขึ้นพอดี



“สวัสดีครับ”



“...”



“ฮัลโหล สวัสดีครับ”



“มึงเป็นใคร”



เสียงใหญ่ติดแหบๆที่ตอบกลับมาไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจเท่ากับคำพูดที่หยาบคายสำหรับคนที่เพิ่งคุยกันเป็นครั้งแรก



“ผมมารับสายแทนปูนครับ นี่คือโทรศัพท์ของปูน”



“แล้วปูนไปไหน ทำไมไม่มารับเอง”



“ปูนหลับอยู่ครับ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครครับ มีอะไรกับปูนรึเปล่า”



“อย่ามาถาม! มึงนั่นแหละเป็นใคร!”



คณิตชักจะเริ่มไม่สบอารมณ์กับความคุกคามเล็กๆที่คนปลายสายมอบให้ เขาเปรยตามองร่างเล็กที่ยังคงหลับใหลพร้อมกับความสงสัยที่เกิดขึ้นว่าปูนรู้จักผู้ชายคนนี้รึเปล่า



“ผมเป็นแฟนปูนครับ ผมตอบแล้วคราวนี้ถึงตาคุณบ้างที่จะบอกผมว่าคุณเป็นใครแล้วมาโทรหาแฟนผมทำไม”



“...”



“ว่ายังไงครับ”



“เลิกยุ่งกับปูนซะ”



“...!!”



“แล้วอย่าหาว่ากูไม่เตือน...”





ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด...



---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!!

อย่าว่าแต่คนอ่านรำคาญเลยคับเช่ยังรำคาญตัวเองเลย5555 อุปสรรคจะเยอะไปไหนนนนนนน รอบนี้ขนมาให้พิเศษช่วงสงกรานต์ ไปเล่นน้ำกันหรือไปเที่ยวไหนก็ระวังตัวกันด้วยน้า เช่เป็นห่วงคับ :mew2:

ป.ล. ขอบคุณทุกคนเลยน้า


ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่31][140459]
«ตอบ #323 เมื่อ14-04-2016 23:15:04 »

ป๋ากลัวอะไรอะ ทำไมไม่ยอมฟังน้อง
แล้วไอ้คนตอนท้ายนี่มันอะไร :katai1: :fire:

ออฟไลน์ Fujung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่31][140459]
«ตอบ #324 เมื่อ14-04-2016 23:46:51 »

อีกแหละๆ  :angry2:
ปัญหาวิ่งใส่แรงกว่าแดดเดือนเมษา :a5:
เฮ้อ เคลียร์กันให้ได้น้า อย่าไปตีโพยตีพายให้มาก
เป็นกำลังใจให้ทั้งป๋าและปูน :hao5: :hao5:
ถ้าทั้งสองข้ามอุปสรรคนี้ไปได้ น่าจะเข้าใจกันมากขึ้น

อย่าหาว่าพี่สอนเลยนะ หูกระจงควรปลูกให้ห่างจากตัวบ้าน อ้าวไม่เกี่ยวเหรอ :laugh:
อะต่อค่ะต่อ เชิญป๋ากับน้องปูนดราม่ากันต่อ :z2:

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่31][140459]
«ตอบ #325 เมื่อ14-04-2016 23:59:40 »

ใครอ่ะ ?????
 
ทั้งคนในแชท 
 
ทั้งคนที่โทรมา 
 
ฮื่อออ นี่ก็อยากเผือก คาใจนอนไม่หลับจนกว่าคนเขียนจะอัพตอนใหม่ 5555555

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่31][140459]
«ตอบ #326 เมื่อ15-04-2016 06:30:07 »

เห้ยยยย  ใครวะ

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่31][140459]
«ตอบ #327 เมื่อ15-04-2016 20:10:20 »

นั่นกาลใช่ไหม ใช่แน่ๆ :hao6:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่31][140459]
«ตอบ #328 เมื่อ16-04-2016 01:05:00 »

ใครที่โทรมา
ข้องใจอย่างแรง
มาม่าจะมาอีกใช่มั้ย
ป๋าอย่าหูเบา คุยกันดีๆนะ
 :hao5:

ออฟไลน์ Yumyumsdoll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่31][140459]
«ตอบ #329 เมื่อ19-04-2016 01:44:59 »

สงสารทั้งคู่เราอยากให้ผ่านไปได้ ไวๆ เพราะตอนเค้าหวานๆกันน่ารักมากกก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด