- - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]=เปิดพรีออเดอร์= (Up!ตอนพิเศษ Men Talks)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [THE END]=เปิดพรีออเดอร์= (Up!ตอนพิเศษ Men Talks)  (อ่าน 165674 ครั้ง)

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่23][280259]
«ตอบ #240 เมื่อ28-02-2016 19:48:18 »

“ถ้าเกิดว่าสิ่งไม่ดีที่เราเคยทำมันกำลังย้อนกลับมาทำร้ายเราป๋าจะทำยังไง ป๋ากลัวมันบ้างไหม อยากกลับไปแก้ไขมันรึเปล่า...ผมอยากแก้ไขมันนะ แต่ผมทำไม่ได้ ผมเปลี่ยนอดีตไม่ได้ ลบมันไม่ได้...ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง”

วรรคนี้อ่านแล้ว ตอกย้ำความรู้สึกตัวเองได้ดีจัง
บางทีเราก็ลืมไปว่า เคยทำอะไรไว้บ้าง
ขอบคุณคนเขียนมากจ๊ะ

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่23][280259]
«ตอบ #241 เมื่อ28-02-2016 21:44:25 »

เป็นการบอกรักที่น่าเอ็นดูมาก เรื่องกาลช่างมันเถอะเนอะ จับมือป๋าไว้แล้วจะดีเองปูนเอ้ย ว่าแต่ป๋าล่ะ รักน้องรึยัง

ออฟไลน์ Yumyumsdoll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่23][280259]
«ตอบ #242 เมื่อ29-02-2016 00:13:39 »

 :z1: :z1: สู้ๆนะปูน ตอนนี้ค่อยสมกับที่เป็นปูนหน่อย อะไรที่มันผ่านมาแล้วก็ถือว่าเป็นแค่ความทรงจำ คนเรามีความทรงจำไม่ดีกันทั้งนั้น แต่อนาคตยังไม่เกิด อย่าเพิ่งไปคิดถึงมันเลย ป๋าน่ารักกกกก เมื่อไหร่ป๋าจะบอกรักปูน ป๋ารักปูนมั้ยอะหรือเอ็นดู เราแยกไม่ออก  :mew4: :mew2:

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่23][280259]
«ตอบ #243 เมื่อ29-02-2016 19:15:32 »

ดีใจที่น้องเลือกป๋ามากกว่าความกลัวของตัวเอง แต่เรื่องกาลก็ยังไม่เคลียร์ แถมมีศัตรูเพิ่มมาอีก


เฮ้อออออออ สู้ๆนะหนู :katai1:

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่23][280259]
«ตอบ #244 เมื่อ01-03-2016 10:14:46 »

เชียร์ปูน ส่วนเมษนี่ร้ายเอาเรื่อง

รออ่านตอนต่อไปน้า

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่24][010359]
«ตอบ #245 เมื่อ01-03-2016 18:59:30 »

 

แบบสำรวจความสนใจการซื้อหนังสือ 'ใจแตก Broken man' by Vivace' Story

 

http://goo.gl/forms/YVWnykuEOf

 

รบกวนนักอ่านทุกท่านที่สนใจ เข้าไปทำแบบสำรวจให้เช่ทีนะคับ

เช่จะนำข้อมูลที่ได้มาประกอบการตัดสินใจการจัดทำหนังสือเรื่องนี้นะคับ

*ตอบแค่คนละหนึ่งครั้งพอนะคับ ไม่ปั้มโหวตนะ*









แตกที่ 24

…ตายใจ...






ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ภาพของรถบิ๊กไบค์คันใหญ่ซึ่งบรรทุกร่างของคนขับเจ้าของดวงตาคมกริบและเด็กหนุ่มในชุดนิสิตกลายมาเป็นภาพคุ้นชินของคนในคณะ เช่นเดียวกันกับวันนี้ที่พลัสมีเรียนตอนเก้าโมงเช้า บอยเลยต้องขับรถไปรับทั้งที่ตัวเองเพิ่งเลิกงานได้ไม่นาน



“วันนี้จะไปไหนรึเปล่า”



บอยถามขณะที่ช่วยร่างบางถอดหมวกกันน็อคออกจากหัว พลัสหยุดคิดไปเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้า



“ไม่ครับ ว่าจะกลับไปอ่านหนังสือสอบ”



“งั้นเดี๋ยวเลิกเรียนกูมารับ”



“พี่เพิ่งออกเวรไม่ใช่หรอ กลับไปนอนก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมกลับเอง”



“บอกว่ามารับก็มารับสิ อย่าปิดเสียงโทรศัพท์ก็แล้วกัน”



ร่างใหญ่ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายเถียงอีก บอยขับรถออกไปโดยที่มีสายตาของพลัสมองตามหลังแต่มันไม่ใช่สายตาอาลัยอาวรณ์หรอกนะ



“ว่าไงจ๊ะสก๊อย มาแต่วันเลยนะแก”



เอมมิกาที่เห็นเพื่อนตัวดีของเธอเพิ่งก้าวลงมาจากรถคันใหญ่ได้สักพักเดินมาทักด้วยน้ำเสียงติดจะจิกกัดเล็กๆ แต่พลัสก็รู้ดีว่าเอมมิกาไม่ได้หมายความตามที่พูด เขาขำเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรก่อนจะเดินนำไปที่โรงอาหารเพื่อหาอะไรลงท้องก่อนที่เวลาเรียนจะเริ่ม



“เฮ้อ ฉันล่ะอิจฉาแกจริงๆได้ซ้อนท้ายบิ๊กไบค์มาเรียน รู้ไหมว่ายัยพวกที่นั่งหลังห้องเอาเรื่องของแกไปพูดกันใหญ่”



เอมิกาเกริ่นขึ้นขณะที่กำลังลังเลว่าจะเลือกนมไขมันต่ำหรือชาเขียวรมน้ำผึ้งผสมมะนาวของโปรดเธอดี พลัสได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะออกมา เพราะเรื่องที่ทุกคนต่างก็อิจฉาเขาเบื้องหลังมันไม่ได้สวยงามเลยสักนิด



“ไม่เห็นมีอะไรต้องอิจฉาเลย จะบิ๊กไบค์หรือมอเตอร์ไซด์ธรรมดามันก็ขับได้เหมือนกันแหละน่า”



“ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่รถย่ะ แต่อยู่ที่คนขับต่างหาก ให้ตายสิ ฉันล่ะไม่เข้าใจจริงๆว่าพี่บอยเขามาหลงเสน่ห์อะไรผู้ชายอกแบนๆอย่างแก”



หญิงพูดเสร็จก็ตัดสินใจหยิบชาเขียวขวดใหญ่ไปคิดเงิน ทำให้ไม่ทันได้สังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเพื่อนรักที่มันเรียบนิ่งเสียจนคาดเดาความคิดไม่ได้ ไม่แปลกที่เอมิกาจะเข้าใจผิดว่าบอยผู้ซึ่งเป็นอดีตเจ้านายเพื่อนของเธอกำลังตามจีบหรืออาจจะถึงขั้นเป็นแฟนกับพลัสแล้ว เพราะร่างบางเจ้าของนัยน์ตาเฉยเมยดวงนั้นเป็นคนบอกเธอเอง...ถึงมันจะเป็นแค่เรื่องโกหกก็ตาม



บอยไม่ได้ตามจีบเขา ชายคนนั้นเพียงแค่อ้างสิทธิในตัวเขาทั้งที่ตัวเองเป็นคนทำลายมันลงกับมือ นับตั้งแต่วันที่พลัสลืมตาขึ้นจากคืนวันอันโหดร้ายบอยก็เข้ามาก้าวกายชีวิตของเขายิ่งกว่าเงาตามตัว เด็กหนุ่มไม่เข้าใจ...เขาไม่เคยเข้าใจการกระทำนั้น แต่พลัสก็เลือกที่จะหยุดตามแล้วปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปแบบนั้น จนกว่ามัน...จะถึงเวลา



แต่ถ้าจะให้มองโลกในแง่ดี การมีบอยเข้ามายุ่มย่ามในชีวิตก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายมากนัก นอกจากนิสัยชอบดุไม่ฟังใครแล้ว หากพลัสยอมทำตัวพูดง่ายบอยก็ตามใจเขาแทบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะอยากกินอะไร อยากได้อะไร อยากไปที่ไหน ขอแค่เขาเอ่ยปากชายคนนั้นก็พร้อมจะประเคนให้ถึงที่ แม้ว่าจะต้องเสียค่าธรรมเนียมนิดหน่อยๆก็เถอะ



“พาร์ทนี้ต้องระวังเรื่องการออกเสียงหน่อย แล้วก็อย่าลืมเรื่องคำเชื่อมเพราะตัวหลอกจะมีเยอะมาก”



บอยอธิบายหลักการทำข้อสอบภาษาจีนให้พลัสฟังอย่างใจเย็น โดยที่พลัสเองก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้างอาจจะเป็นเพราะแอร์เย็นๆในช่วงวันที่ร้อนจัดแบบนี้ทำให้เด็กหนุ่มอยากจะนอนเสียมากกว่าอ่านหนังสือ



“นี่พลัส ฟังกูอยู่ไหม”



คนที่เริ่มสังเกตเห็นว่านักเรียนของตัวเองไม่ได้ตั้งใจฟังเอ่ยถาม แต่พลัสกลับตอบบอยด้วยการกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงของเขาแล้วคว้าผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาห่ม



“ผมง่วง”



“แต่วันเสาร์มึงสอบ”



“เหลือเวลาอีกตั้งสองวัน”



“แต่สองวันนั้นกูไม่ว่างติวให้มึงหรอกนะ”



ก็ช่างหัวกูสิ...พลัสตอบบอยอยู่ในใจโดยที่ไม่ได้พูดออกมา ร่างบางช้อนสายตามองคนที่ทำเสียงเขียวไม่พอใจก่อนจะเขยิบเข้าไปใกล้จนเขาสามารถได้กลิ่นน้ำหอมแบบผู้ชายจากตัวอีกฝ่ายได้ชัดเจน



“ผมง่วง พี่ไม่ง่วงหรอ แทบไม่ได้นอนทั้งวัน”



“ง่วง แต่ติวให้มึงก่อนกูค่อยนอน”



พลัสเบ้ปาก ดูเหมือนคราวนี้แผนหลอกล่อของเขาจะใช้การไม่ได้ เด็กหนุ่มยอมลึกขึ้นนั่งบนเตียงอีกครั้งอย่างไม่เต็มใจ แต่ก็ได้รางวัลเป็นไอศกรีมรสมะนาวที่มีอยู่เต็มตู้เย็นของบอย เวลาเดินผ่านไปเรื่อยๆเช่นเดียวกับหน้ากระดาษที่ค่อยๆลดลง บอยเปลี่ยนจากการนั่งบนพื้นมาเป็นนอนเคียงข้างพลัสอยู่บนเตียงเพื่อให้คนตัวบางนอนหนุนแขนเขาได้



แม้จะแข็งกระด้างไม่น่าฟังแต่เสียงของบอยก็ขับกล่อมคนที่ดวงตาค่อยๆปรือลงได้ยิ่งกว่ายานอนหลับแขนงไหนๆ ตัวของบอยก็แข็งแต่เพราะความเคยชินทำให้เขาสบายและรู้สึกไม่กระดากอายที่จะซบหน้าลงบนอกของชายคนนี้



“ไม่ไหวแล้วหรอ”



“อืม พอแค่นี้ก่อนได้ไหม...นะ”



“เหลืออีกแค่บทเดียวเอง”



“แค่บทเดียวไว้ทำวันอื่นก็ได้ ตอนนี้นอนก่อนเถอะ”



เด็กหนุ่มว่าแล้วหยิบหนังสือออกจากมือของบอยโดยไม่รอให้อีกฝ่ายค้าน เขาเอี้ยวตัวไปหวังจะวางมันลงตรงโต๊ะญี่ปุ่นข้างล่างแต่เพราะแขนที่สั้นกว่าทำให้พลัสต้องเขยิบเข้าไปอีกจนพอมารู้ตัวอีกทีใบหน้าของบอยก็อยู่ห่างเพียงแค่เส้นผมกั้นกลาง ทั้งคู่มองตากันและทุกอย่างก็เป็นไปเหมือนกับทุกๆครั้ง



ความเย็นชืดที่ริมฝีปากทำให้พลัสค่อยๆหลับตาลงแล้วรับรู้รสของมันช้าๆ เสื้อผ้าที่เคยมีติดกายถูกปลดออก ทั้งเสื้อนิสิตสีขาวของพลัส และเสื้อคอวีสีเทาของบอย แผ่นอกเปลือยเปล่าของทั้งคู่บดเบียดกันไปมาจนร่างบางเริ่มรู้สึกว่ายอดอกของตัวเองมันเริ่มชูชันขึ้นเรื่อยๆ เขาเห็นแสงสว่างอีกครั้งเมื่อบอยถอนจูบออกแล้วเคลื่อนใบหน้าหล่อเหลาไปที่ซอกคอหอมกรุ่นแทน กลีบปากสีเข้มค่อยๆดูดเม้มจนพลัสต้องร้องคราง เขารู้สึกได้ถึงคมฟันที่ตอกย้ำความจริงที่เขาควรตระหนักถึง



“เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น”



บอยเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นว่าคิ้วเข้มๆของคนใต้ร่างขมวดกันเป็นปมแน่น เขากดจูบลงไปหวังให้มันคลายออกซึ่งมันก็ได้ผลเด็กหนุ่มที่เมื่อครู่เหมือนกับหลุดไปในภวังค์ของตัวเองเอื้อมมือมาโอบกอดแผ่นหลังกว้างของบอยไว้แล้วร้องขอ



“ผมไม่เป็นไร ต่อเถอะ”



พลัสเป็นฝ่ายรุกบ้าง เขาเคลื่อนตัวลงไปเล่นกับจุกสีเข้มของบอยด้วยท่าทางเงอะงะไม่รู้ประสา แต่เพราะว่ามันเป็นแบบนั้นคนตัวโตกว่าจึงครางในลำคอออกมาอย่างพอใจพร้อมกันนั้นก็คอยลูบสะโพกกลมของพลัสไปด้วย เขาปล่อยให้ร่างบางได้เล่นซนอยู่สักครู่ ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบของใช้จำเป็นมาแล้วจัดการปลดกางเกงของตัวเองออกโดยอีกคนนั้นก็กำลังถอดชั้นในของตัวเองออกช้าๆเช่นกัน



ทุกอย่างเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ลีลาบนเตียงของบอยไม่ได้เร้าร้อนหรือรุนแรงอย่างที่พลัสคาด หากไม่นับคืนแรกที่พลัสถูกบอยขืนใจนั้น ร่างใหญ่ก็มักจะแตะต้องร่างกายเขาด้วยสัมผัสที่แผ่วเบาและทะนุถนอมยิ่งกว่าแก้วที่แตกได้ง่าย ฝ่ามือหยาบหนาแหวกปลีน่องของพลัสออกช้าๆแล้วใช้ส่วนที่อ่อนนุ่มที่สุดของร่างกายสัมผัสมัน รอยจูบของบอยถูกประทับลงในทุกๆที่ พลัสตัวกระตุกเมื่อนิ้วของร่างใหญ่ชำแรกเข้ามา แม้จะมีอุปกรณ์คอยช่วยและแม้ว่าเขาจะเคยผ่านมันหลายครั้งแต่การกระทำที่ฝืนกลไกธรรมชาติก็ไม่เคยนึกชินได้สักที



“อ๊ะ! เจ็บ..พี่บอย อื้ออ อย่าเพิ่ง”



“ใจเย็นๆ หายใจเข้าลึกๆ”



บอยลูบหัวพลัสก่อนจะหันไปหยิบเจลมาบีบใส่ช่องทางของเด็กหนุ่มให้ชุ่มขึ้นอีก ดูเหมือนมันจะช่วยได้ เสียงร้องที่ฟังดูทรมานเปลี่ยนไปเป็นสุขสม ร่างกายของพลัสบิดพลิ้วไปมาจนบอยต้องทาบทับมันไว้พร้อมกับนั้นก็ขยับแท่งร้อนของตัวเองรอเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น



“อึก อ๊าาาาาาาา!”



กายบางเปล่งเสียงออกมาอย่างไม่นึกอายเพราะสติที่แทบจะหลุดลอย ยิ่งยามที่บอยควบความเป็นชายของตัวเองเข้ามาในร่างกายของเขา พลัสยิ่งรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังแตกสลายลงเรื่อยๆ แม้จะถูกกอด ถูกปลอบยังไง พลัสก็ได้แต่ร้องอื้ออึ้งและหลับตาไว้ จนกระทั่งได้ยินเสียงที่พร่ำเรียกชื่อของเขาอยู่ข้างๆหู



“พลัส อ่าาา...พลัส”



“ฮึก อื้ออ”



“ลืมตาสิพลัส อึก...มองหน้ากู”

แม้แต่ในยามนี้บอยก็ยังออกคำสั่งเขาได้ เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นช้าๆจนสบเข้ากับนัยน์ตาสีเข้มที่บ่งบอกความปรารถนาและความรู้สึกบางอย่างออกมาอย่างท่วมท้น บอยเบาจังหวะให้ช้าลงแล้วเริ่มละเมียดชิมจูบของเด็กหนุ่มใต้ร่างอีกครั้ง พลัสก็ยอมจูบตอบคนตัวเล็กกว่าไม่ได้บ่ายหนีซึ่งนั่นเป็นเรื่องดีที่ทำให้บอยพอใจ หากเป็นก่อนหน้านี้เด็กนี่คงไม่ยอมลงให้เขาง่ายๆแน่



“ขยับหน่อย อื้อ ผมอึดอัด”



“ไม่เจ็บแล้วหรอ”



“เจ็บ...แต่ก็ทำเถอะ”



บอยมองคนอวดเก่งแล้วส่ายหัว แต่ถ้าจะให้เขาหยุดตอนนี้มันก็เป็นไปไม่ได้ ชายหนุ่มจึงทำได้แค่หยอดเจลเพิ่มไปอีกแล้วควบคุมจังหวะของตัวเองให้ไม่โลดโผนจนพลัสรับไม่ไหว เสียงครางหวานหูดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ บอยบังคับให้พลัสโอบกอดเขาไว้ก่อนที่ร่างใหญ่จะโหมแรงทั้งหมดใส่เมื่อเห็นว่าคนตัวบางกำลังร้องขอเขาผ่านสายตา จนกระทั่งมาถึงปลายทางที่ของเหลวสีขาวถูกหลั่งออกมาจนเปรอะเปื้อนร่างกายของทั้งคู่



“ฮ๊าาาาา อื้อออออ!”



พลัสรู้สึกได้ถึงถุงบางๆที่อยู่ในกายของเขาถูกเติมน้ำเข้าไปจนเต็มเปี่ยม ร่างบางหายใจหอบทันทีที่ถึงฝั่งฝันเขาก็แทบหมดแรงทั้งๆที่ตัวเองแทบจะไม่ต้องขยับด้วยซ้ำ ในขณะที่คนออกแรงอย่างบอยยังดูสมบูรณ์ดี ใบหน้าคมเข้มที่ไร้ซึ่งรอยยิ้มดูสดชื่นแบบแปลกๆจนพลัสต้องเบนหน้าหนี เขาถูกอีกฝ่ายกดจูบที่ขมับ ตัวตนของบอยถูกถอดออกไปโดยพร้อมกันนั้นเกิดเสียงน่าอายที่ฟังกี่ครั้งก็ไม่ชิน



“ไปอาบน้ำไป ลุกไหวไหม”



“ไหวครับ”



อยากจะแกล้งสำออยว่าลุกไม่ไหวอยู่หรอก แต่บทเรียนจากครั้งที่แล้วสอนเขาว่าสำหรับผู้ชายคนนี้อย่าได้ริอาจหยั่งเชิงหากไม่กลัวผลที่จะตามมา พลัสเข้าไปอาบน้ำล้างเอาคราบไคลและควานเอาความเหนียวเหนอะหนะในช่องทางนุ่มออกช้าๆด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยแทบจะไร้ความรู้สึก...



“เมื่อไหร่นะ...เมื่อไหร่มันจะถึงเวลาสักที”




.

.

.

.

.

.

.

.



ร้านนมใกล้ที่พักถูกเลือกเป็นสถานที่เติมพลังที่ทั้งคู่เผาผลาญมันไปเมื่อบ่าย และก็เหมือนทุกๆครั้งที่บอยไม่ต้องรอให้พลัสสั่ง ชายหนุ่มที่สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีดำพร้อมสำหรับไปทำงานเลือกสั่งส้มตำทอด สปาเก็ตตี้แกงเขียวหวาน และปังเย็นซึ่งล้วนแต่เป็นของโปรดร่างบางทั้งนั้นมาให้พร้อมสรรพ เด็กหนุ่มเขี่ยแป้งที่ถูกตีเป็นเส้นยาวไปมาเพราะในหัวของเขามีแต่ความสงสัย จึงถามออกไปโดยที่ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับคำตอบมากนัก



“ทำไมพี่ถึงรู้ว่าผมชอบกินอะไรไม่ชอบกินอะไรตลอดเลยล่ะ”



คิดว่าคำถามของพลัสจะได้รับความสนใจบ้างไหม...ไม่ ไม่เลยเหมือนที่เคยเป็นมา ไม่รู้ว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่ร่างบางถามถึงเหตุผลที่ชายคนนี้รู้เกี่ยวกับตัวเขาแทบจะทุกอย่าง อาหารที่ชอบ สีโปรด สไตล์เสื้อผ้าที่ใส่ ชอบฟังเพลงอะไร วันหยุดชอบไปเที่ยวที่ไหน บอยรู้มันทุกอย่าง ในขณะที่พลัสนั้น...ไม่เคยรู้จักบอยเลยนอกจากคนที่เคยเป็นหัวหน้าตนและคน...ที่ทำร้ายจิตใจเขา



“จะกินอะไรอีกไหม รีบสั่งซะเดี๋ยวคนจะเยอะ”



“ผมถามพี่อยู่นะ”



“...”



“พี่บอย”



“อย่าเซ้าซี้ ถามกูบ่อยๆไม่เบื่อบ้างรึไง”



“แล้วพี่ล่ะ แถบ่อยๆไม่เบื่อบ้างรึไง”



บอยมีความอดทน แต่มันคงไม่มากพอในกรณีนี้ ชายหนุ่มที่กำลังกินข้าวด้วยอารมณ์ดีๆโยนช้อนลงบนจานของตัวเองจนเกิดเสียงดังไปทั่วทั้งร้าน เสียงพูดคุยต่างๆเงียบลง แต่ละคนต่างก็หันมามองทางนี้แล้วลุ้นว่าคนตัวโตจะลุกขึ้นมาต่อยนิสิตคนนั้นตอนไหน เพราะใบหน้าหล่อเหล่าที่มักดึงดูดใครต่อใครตอนนี้กลับดูน่ากลัวจนแม้แต่เจ้าของร้านก็ไม่กล้าขัด



“กูไม่รู้ว่ามึงไปเอาความปากกล้าแบบนี้มาจากไหน แต่กูแนะนำว่าอย่าใช้มันบ่อยๆจะดีกว่า...อย่าทำให้กูหมดความอดทน เข้าใจไหมพลัส”



เด็กหนุ่มไม่ตอบ กลับกันพลัสไม่แม้แต่จะหลบตาบอยด้วยซ้ำ ทั้งคู่จ้องตากันอยู่อย่างนั้นท่ามกลางความอึดอัดของคนในร้าน แต่สุดท้ายก็ต้องมีหนึ่งคนที่ยอมลงให้ก่อน...



“อย่าพูดแบบนี้อีก มันไม่มีสัมมาคารวะเข้าใจไหม”



พูดเสร็จแล้วบอยก็กุ้งทอดของตัวเองไปวางไว้บนจานของพลัสก่อนจะก้มหน้าก้มตากินต่อเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนรอบข้างต่างพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก ยกเว้นตัวต้นเรื่องที่เอาแต่จ้องมองใบหน้าของชายคนนี้นิ่ง



“พี่บอย”



“หื้ม?”



“พี่ชอบผมหรอ”



ไม่เหมือนกับคำถามก่อนหน้า คราวนี้บอยมีปฏิกิริยาด้วยการเงยหน้าขึ้นสบตากับร่างบางอีกครั้ง ไม่มีความกดดันอยู่ในนั้น มีแต่ความใคร่รู้และต้องการคำตอบที่พลัสแสดงออกมาจนบอยรู้สึกได้



“รู้ไปแล้วได้อะไร ถ้ากูบอกว่าชอบแล้วมึงจะชอบกูหรอ”



“ไม่เกี่ยวกันสักหน่อย”



“ถ้าอย่างนั้นกูก็ไม่บอก”



“...”



“ก่อนจะถามหัวใจกู...มึงถามหัวใจตัวเองก่อนดีกว่า”



พลัสยกยิ้มหากแต่มันเป็นยิ้มหยันที่พยายามปกปิดไว้ให้แนบเนียนมากที่สุด ไม่ต้องรอถามเขาก็ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองอย่างแจ่มแจ้ง









เกลียด...เกลียดที่สุด...เกลียดจนต้องทน







เขาต้องอดทน...จนกว่าจะได้หัวใจของบอยมาโดยสมบูรณ์







“พี่บอย”



“อะไรอีก”



“ผมอยากกิน เครปเค้ก สั่งมาให้หน่อยนะ”



“...”



“...”









“กินของเดิมให้หมดก่อน เดี๋ยวกูค่อยสั่งให้”




.

.

.

.

.



รถบิ๊กไบค์สีดำสนิทของบอยจอดลงตรงปากซอยเข้าบ้านของพลัสในเวลาสองทุ่มตรง เขาหันไปถอดหมวกกันน็อคออกจากหัวของร่างบางให้แล้วหยิบเอาถุงขนมเค้กที่สั่งมาเพิ่มอีกสองสามชิ้นยื่นไปให้เจ้าของมัน



“ถ้ายังไหวคืนนี้ก็อ่านอีกบทที่เหลือด้วยล่ะ พรุ่งนี้กูคงไม่ว่างมาติวให้”



“อืม แล้วพี่จะมารับผมไหม ผมจะได้ไม่รอ”



“มา แต่อาจจะช้าหน่อย ยังไงก็รอกูแล้วกัน”



“ครับ งั้นผมไปแล้วนะ”



พลัสโบกมือลาคนโตกว่าแล้วบอยก็ขับรถออกไปโดยไม่แม้แต่จะบอกลาเขาเลย แต่มันก็เป็นเรื่องปกติเหมือนกับทุกๆครั้งที่ร่างใหญ่พาเขามาส่งบ้าน ซึ่งนี่ก็ถือเป็นหนึ่งในเรื่องแปลกที่พลัสค่อนข้างสงสัย นอกจากคืนแรกที่บอยขืนใจเขา บอยก็ไม่เคยให้พลัสนอนค้างที่ห้อง ต่อให้มีธุระดึกดื่นแค่ไหนบอยก็จะพาเขามาส่งโดยเลือกที่จะจอดรถไว้ข้างหน้าไม่เคยเข้ามาใกล้กว่านั้นแม้แต่นิดเดียว



“อ้าวพลัส กลับมาแล้วหรอลูก”



พลัสสลัดเรื่องของบอยออกจากความคิดของตัวเองก่อนจะหันไปหาบิดาที่กำลังปั่นจักรยานมาทางนี้พอดี ร่างบางตรงปรี่เข้าไปหาแล้วยกมือไหว้พร้อมกับส่งรอยยิ้มสดใสให้กับพ่อที่ตนเคารพรัก



“สวัสดีครับพ่อ ทำไมกลับมาเร็วจัง บอกว่าจะกลับวันอาทิตย์ไม่ใช่หรอ”



พ่อของพลัสทำงานอยู่ที่ท่าเรือ แม้จะรายได้ดีแต่การทำงานค่อนข้างจะหนักมากและไม่เป็นเวลา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่บางครั้งพลัสไม่ได้เจอหน้าพ่อเลยตลอดทั้งอาทิตย์ ดังนั้นบ้านที่พ่อกับแม่ซื้อไว้จึงมีแค่เขากับน้าพรอยู่ด้วยกัน



“เจ้านายเขาให้วันหยุดพักร้อนมาน่ะ คงเพราะเห็นพ่อขยันไป”



คนเป็นพ่อพูดติดตลก แต่มันก็เป็นความจริง



“ถ้างั้นพลัสคงต้องขอบคุณเจ้านายพ่อสินะ ที่ทำให้พลัสได้เจอพ่อไวๆ แล้วนี่พ่อจะอยู่กับพลัสกี่วันครับ”



สองพ่อลูกเดินคุยกันไปเรื่อยๆ โดยมีพลัสคอยจูงจักรยานคันโตให้ส่วนเค้กร่างบางก็ส่งให้พ่อไปถือไว้แทน พวกเขาเดินมาจนถึงบ้านที่ไม่เคยเป็นบ้านอีกเลยสำหรับพลัสตั้งแต่วันที่สูญเสียแม่ไป แต่เด็กหนุ่มก็บอกตัวเองเสมอว่าในฐานะลูกเขาต้องช่วยประคับประคองบ้านหลังนี้ แม้ว่ามันจะทำได้ยากเต็มที...



“อ้าวคุณ กลับมาแล้วหรอไวจัง”



พลัสยกมือไหว้น้าพรที่เดินออกมาจากหลังบ้านทั้งที่เวลานี้แกน่าจะออกไปขายของได้แล้ว



“อ่า ขอโทษทีๆ พอดีเจอลูกกำลังเดินเข้าบ้านน่ะ ผมเลยลืมไปเลยว่าต้องออกไปซื้อน้ำยาล้างจานให้คุณ”



หญิงวัยกลางคนหันมามองพลัสทันทีที่ได้ยิน แม้จะไม่หยาบโลนแต่มันก็มีคำตำหนิเจืออยู่ในนั้น พรถอนหายใจแล้วส่ายหัวสองสามครั้งอย่างปลาๆ



“ช่างเถอะ เดี๋ยวฉันออกไปซื้อเอง คุณจะกินข้าวเลยไหมฉันเพิ่งอุ่นให้เสร็จพอดี”



“เอาสิ พลัสล่ะลูกกินข้าวมารึยัง”



“กินแล้วครับ แต่กินอีกก็ได้”



ร่างเล็กตอบเอาใจพ่อ เพราะอยากใช้เวลาร่วมกันให้ได้มากที่สุด พลัสจึงต้องมากินอาหารเย็นรอบสองทั้งที่ส่วนที่ไปกินกับบอยมายังเต็มท้องอยู่เลย



“พ่อว่าจะถามอยู่ พลัสตัดสินใจรึยังลูกว่าจะไปฝึกงานที่ไหน”



“ตอนแรกก็มีที่คิดไว้ครับ...แต่ตอนนี้ผมไม่แน่ใจ”



เด็กหนุ่มพูดออกมาอย่างเสียดาย จากเริ่มแรกที่คิดว่าจะฝึกงานที่ The Pilot แต่พอมีเรื่องของบอยเขาก็ล้มเลิกความคิดนี้ไปจนกลายเป็นว่าร่างเล็กกำลังคว้างกับการตัดสินใจที่ทำได้ยากยิ่ง



“เอาเถอะ ค่อยๆคิดแล้วกัน เรื่องค่าใช้จ่ายก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เงินเก็บเราก็ยังมีอีกเยอะ ถ้าพลัสอยากจะไปฝึกที่ไกลๆพ่อก็ไม่ว่า”



“ก็น่าสนใจนะครับ แต่พลัสไม่ไปหรอก คิดถึงบ้าน”



พลัสบอกพ่อไปแบบนั้นก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อคุยเป็นเรื่องที่ไม่เครียดเพราะไม่อยากให้อาหารอร่อยๆรสเฝื่อนหมด พอกินเสร็จร่างบางก็เป็นคนอาสาเก็บจานซึ่งทำให้เขาต้องเดินมาเผชิญหน้ากับน้าพรที่กำลังกินกับข้าวแบบเดียวกันอยู่ในห้องครัวหลังบ้าน เด็กหนุ่มเดินตัวลีบ พยายามจัดการทุกอย่างให้เร็วที่สุดเพราะไม่อยากให้เพื่อนของแม่คนนี้มาพูดจาว่ากล่าวตัวเองอีก แต่ดูเหมือนวันนี้พรจะสงบปากสงบคำพอสมควร เธอกินข้าวไปเรื่อยๆไม่แม้แต่จะหันมาสนใจพลัสเลยด้วยซ้ำ จนกระทั่งเด็กหนุ่มก้มหัวให้เธอน้อยๆแล้วเดินจากไป



พลัสเปิดประตูห้องของตัวเอง เขาวางกระเป๋าหนังสือและหนังสือการ์ตูนอีกสองสามเล่มที่หยิบมาจากชั้นล่างลงบนเตียงก่อนจะปลดเสื้อออกเหลือเพียงกางเกงสแลคขายาวสีดำเท่านั้น เด็กหนุ่มมองเงาของตัวเองในกระจก เขาเห็นร่องรอยที่บอยทิ้งเอาไว้ ใหญ่บ้างเล็กบ้างปนๆกันไป พลัสลูบมัน...เขาสัมผัสมันพร้อมกันนั้นก็นึกถึงใบหน้าของบอยยามที่มอบมันให้กับเขาไปด้วย







“ดีแล้ว...หลงผมให้มากๆ...ต้องมาก...มากกว่านี้อีก”







พลัสหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าของตัวเองไว้ก่อนจะส่งมันให้กับบอยพร้อมกับข้อความสั้นๆ







‘ฝันดีนะครับ พรุ่งนี้ผมจะรอนะ’





-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!!

ส่งเข้าด้านมืดไปอีกคนแล้ว โถ่ น้องพลัสของเช่  :hao7: 555555 ถึงคนจะไม่ค่อยชอบน้อง แต่เช่ชอบนะ อย่าที่บอกเป็นตัวละครที่จู่ๆก็โผล่ขึ้นมาตอนเขียน เช่เลยตั้งใจสร้างให้พลัสเป็นตัวตนที่ตรงกันข้ามกับปูน พลัสแข็งในอ่อนนอก ส่วนปูนอ่อนในแข็งนอก บางคนอาจจะเรียกคนแบบนี้ว่าแอ๊บแบ๊วนะคับ แต่บางทีก็มองว่าคนแบบนี้เขารู้จักวางตัวนะ อยู่ในสังคมมันต้องมีคีพลุ๊คกันบ้าง แต่สิ่งที่น้องทำกับพี่บอยตอนนี้ไม่เรียกว่าคีพลุ๊คแล้วล่ะ55555 รอดูกันต่อไป แต่ว่าตอนหน้าก็กลับมาคู่หลักก่อนเนอะ  :katai4:

ขอบคุณสำหรับทุกคนที่เข้าไปทำแบบสำรวจนะคับ ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์เยอะมาก ถึงจะตีพิมพ์พี่กาลมาเรื่องนึงแล้วแต่คิดว่าตัวเองก็ยังอยากฟังความคิดเห็นจากผู้อ่านอยู่ดี ตอนนี้เช่ก็ต้องต่อสู่กับความเวิ่นและความคาดหวังของตัวเองเนี่ยแหละ ว่าอย่าไปทำอะไรผลิกแผลงมากจนบทที่วางไว้เสีย 55555 ไว้ถ้าได้เนื้อหาที่พอสมควรและสรุปการจัดทำได้แล้วจะเปิดให้จองกันนะคับ :katai2-1:

ป.ล.ขอบคุณทุกเม้นต์ทุกโหวตเลยนะ เช่ก็ยังยุ่ง(บอกงี้ทุกที) รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่อัพช้ามากเลย แต่ต่อไปก็อาจจะช้ากว่านี้อีก เฮ้ออออออ อยากแยกร่างงงงงง  :hao5:

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่24][010359]
«ตอบ #246 เมื่อ01-03-2016 19:12:03 »


ว้ายยยยยย
เปิดมาเห็นอัพพอดีเลย
 

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่24][010359]
«ตอบ #247 เมื่อ01-03-2016 21:34:15 »

พลัสเป็นแบบนี้ก็เพราะบอยนั่นแหละ ปูนด้วย ดูขมๆแต่ก็แอบหวานนะคะ ฮาอะ อนาคตกลัวเมียแน่ๆ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่24][010359]
«ตอบ #248 เมื่อ01-03-2016 22:52:37 »

พลัสดูไม่น่าคบขึ้นทุกที เดิมทีก็ไม่ชอบนิสัยของตัวละครนี้อยู่แล้ว
ออกด้านมืดยิ่งไปกันใหญ่เลย  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่24][010359]
«ตอบ #249 เมื่อ02-03-2016 00:47:35 »

 :haun4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่24][010359]
« ตอบ #249 เมื่อ: 02-03-2016 00:47:35 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่24][010359]
«ตอบ #250 เมื่อ02-03-2016 09:57:38 »

พลัส แกมันร้าย

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่24][010359]
«ตอบ #251 เมื่อ02-03-2016 11:47:14 »

ตามอ่านทันแล้ว เย้ๆ

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่24][010359]
«ตอบ #252 เมื่อ02-03-2016 13:20:31 »

 :hao7:

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่24][010359]
«ตอบ #253 เมื่อ02-03-2016 20:56:44 »

พลัสเวอร์ชั่นแซ่บบบบบบ กะแล้วว่าเด็กคนนี้ต้องไม่ธรรมดา :ling3:

ออฟไลน์ Yumyumsdoll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่24][010359]
«ตอบ #254 เมื่อ03-03-2016 01:39:31 »

 :haun4: :haun4:

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่24][010359]
«ตอบ #255 เมื่อ04-03-2016 11:34:47 »

พลัสแรงได้อีก

ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่24][010359]
«ตอบ #256 เมื่อ06-03-2016 02:02:50 »

รอ :hao4:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่25][080359]
«ตอบ #257 เมื่อ06-03-2016 17:07:57 »

 

แตกที่ 25

…หวังดี...

 
 

เขาว่ากันว่าเวลาคนเรามีความรัก มักจะมองทุกอย่างเป็นสีชมพู

 

แม้แต่ไข่ดาวที่ไหม้ไปกว่าครึ่ง...ก็เป็นสีชมพูเหมือนกัน

 

 

 

 

“บนโลกนี้ไม่มีใครเพอร์เฟ็คจริงๆด้วยสินะ”

 

เด็กหนุ่มร่างเล็กที่ยังคงอยู่ในชุดนอนเขี่ยเจ้าไข่ดาวที่น่าจะเรียกว่าไข่อุกกาบาตมากกว่าไปมาแล้วหันไปทำหน้าเห็นใจใส่แฟนหนุ่มหมาดๆของเขาด้วยท่าทางที่ไม่มีความจริงใจเอาซะเลย

 

“อย่าบ่นมากน่า แค่ครัวไม่ไหม้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว”

 

คณิตเขกหัวปูนเบาๆพลางถอดผ้ากันเปื้อนออกจากชุดทำงานที่เขาไม่ได้สวมมันมาหลายวัน คนตัวโตนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆคนตัวเล็กแล้วทำท่าจะคว้าจานไข่ดาวเจ้าปัญหามากินเองแต่ปูนก็ยื้อไว้

 

“อย่าแย่งดิ”

 

“ก็เห็นบ่นว่ามันไหม้”

 

“ไม่ได้บ่นสักหน่อย แล้วนี่ป๋าทำให้ผมแล้วจะเอาคืนได้ไงล่ะ”

 

“ไม่แย่งก็ได้ กินไปเถอะ เพราะใช่ว่าฉันจะทำให้เธอกินบ่อยๆ”

 

“...?”

 

“ช่วงโปรโมชั่นน่ะรู้จักไหม”

 

ปูนหัวเราะลั่นแล้วตักโปรตีนสีขาวในส่วนที่ไม่ไหม้เข้าปาก ไข่ดาวมันก็คือไข่ดาวนั่นแหละ ไม่มีรสชาติอะไรที่แปลกไปมีเพียงแค่รอยยิ้มที่จุดขึ้นตรงมุมปากของคนสองคนเท่านั้น มือของปูนและคณิตสอดประสานกันตลอดมื้ออาหารที่ไม่เร่งรีบเท่าไหร่ทั้งที่เป็นเช้าวันจันทร์ ไม่ใช่ว่าไม่มีงานเพียงแต่พวกเขาอยากจะซึมซับความสุขนี้เพิ่มอีกสักนิด

 

 

 

 

“ถึงจะแปลกๆไปหน่อยที่มาพูดเอาป่านนี้ แต่ก็คิดว่าพูดออกไปจะดีกว่า”

 

 

 

 

“ปูน...เรามาเป็นแฟนกันเถอะ”

 

 

 

 

 

แม้จะผ่านมาแล้วสองวันแต่ปูนยังรู้สึกว่าได้ยินคำพูดของคณิตดังก้องอยู่ในหัว คงไม่ต้องบอกว่าเขากลัวแค่ไหนตอนที่พูดคำว่ารักไป และเขาจะรู้สึกอย่างไรเมื่อมันถูกตอบรับ ร่างเล็กหันไปมองใบหน้าด้านข้างของคนที่บอกว่าจะอยู่เคียงข้างเขาแล้วสัมผัสได้ถึงความสุขอันเปี่ยมล้น

 

ให้ตายสิ...อยากให้ถึงกลางคืนอีกเร็วๆจัง

 

 

“แล้ววันนี้เธอต้องเข้าไปทำงานเลยไหม ในเมื่อไอ้เมษมันยังไม่กลับ”

 

คนที่รู้ตัวว่าถูกมองแต่แสร้งทำเป็นไม่รู้ถามขึ้น ในขณะที่ปูนเผลอนิ่งไปเมื่อได้ยินคำถามนั้น...เขายังไม่ได้บอกคณิตเลยว่าลาออกจากโรงแรมนั้นแล้ว

 

“ไม่อ่ะ...”

 

“งั้นวันนี้ก็ว่างใช่ไหม”

 

“อืม”

 

“ดีเลย เมื่อเช้าอิงส่งข้อความมาบอกว่างานเลี้ยงตอนเย็นขาดคนพอดี ไปช่วยหน่อยได้ไหม”

 

แน่นอนว่าปูนไม่คิดปฏิเสธ เขาตอบรับคณิตด้วยการมอบจูบหวานๆที่มีรสของน้ำส้มเจืออยู่ให้ก่อนจะลุกไปล้างจานและขัดกระทะที่ถูกใช้งานจนดำกว่าทุกครั้ง ในขณะที่เขาทำมันเขาก็นึกถึงเจ้าของชื่อที่ถูกอ้างถึงไปด้วย

 

เมษา...อดีตเจ้านายของเขา

 

ไวยิ่งกว่าปรอท เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ปูนประกาศความเป็นศัตรูกับชายคนนั้นไปฝ่ายบุคคลของ The Pilot ก็โทรมาเขาแทบจะทันทีที่ถึงเวลาทำการ ถ้าบอกว่าการลาออกครั้งนี้ไม่เกิดผลกระทบกับปูนเลยก็คงจะเป็นเรื่องโกหก แต่หากเทียบปัญหาเรื่องเงินกับหัวใจ ร่างเล็กเห็นว่าอย่างหลังมันสำคัญกว่ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเมษาที่เพียบพร้อมกว่าเขาแทบทุกอย่างสำหรับปูนแล้วชายคนนี้เป็นศัตรูตัวเป้งที่เขาต้องระวัง

 

ใช่...เขารู้ว่าเมษาชอบคณิต

 

ตอนแรกก็ไม่ค่อยมั่นใจหรอก แต่พอลองทบทวนอะไรดูก็เห็นพิรุธหลายอย่าง โดยเฉพาะสายตาที่เมษาชอบใช้มันมองไปยังผู้ชายของเขา...มันเต็มไปด้วยความหลงใหลและอยากเอาชนะ

 

“ปูน”

 

“คะ ครับ?”

 

ร่างเล็กเผลอสะดุ้งเมื่อถูกคณิตแตะเข้าที่สีข้างในระหว่างที่กำลังคิดเรื่องของเมษาอยู่ ชายหนุ่มที่มีเสื้อสูทพาดไว้บนแขนและถือกุญแจไว้ในมือจับปอยผมที่ร่วงลงมาทัดหูของปูนให้เรียบร้อยก่อนจะบอกลา

 

“ฉันไปทำงานก่อนนะ แล้วเดี๋ยวจะโทรมาตามอีกทีว่าให้ไปกี่โมง”

 

“แล้วถ้าไม่มีงาน จะโทรหาผมป่ะ”

 

ปูนแกล้งหยอดถาม โดยที่ข้างในก็แอบอยากให้คนรักตอบว่าโทร คณิตมองใบหน้าออดอ้อนของเด็กหนุ่มตรงหน้าแล้วถอนหายใจ...จะให้ปูนรู้ไม่ได้ว่าใบหน้าแบบนี้มันสั่นไหวหัวใจเขาแค่ไหน

 

“ฉันไม่ใช้โทรศัพท์ส่วนตัวในเวลางาน”

 

คำตอบของคณิตทำให้คนตัวเล็กหน้าบึ้งแต่มันก็คลายไปเพราะรอยจูบที่แก้มอันเป็นคำขอโทษจากคนที่บอกลาเขาแล้วเดินไปขึ้นรถของตัวเอง บ้านที่เคยมีเสียงพูดคุยเงียบลงไปทันตา คนว่างงานอย่างปูนจึงใช้เวลาที่มีเหลือเฟือไปกับการทำความสะอาดบ้านและรดน้ำต้นไม้เหมือนที่เคยทำ เพียงแต่ความรู้สึกในระหว่างนั้นมันเปลี่ยนไป เหมือนกับว่า...ที่นี่เป็นบ้านของตัวเองเหมือนกันล่ะมั้ง

 

ปูนกุมแก้มที่ยิ้มจนปวดของตัวเองขณะกำลังขับรถที่คณิตให้มาใช้ไปยังหอพัก หลังจากวันที่เขาหนีมานอนร้องไห้ที่นี่มันก็ไม่เคยถูกใช้อีก ร่างเล็กมองดูฝุ่นที่จับกันจนหนา หากที่นี่เปรียบเสมือนโลกที่เขาต้องอยู่เพียงลำพัง มันคงได้เวลาที่ปูนสมควรบอกลามันสักที

 

“ป้าครับๆ ว่างรึเปล่าผมจะมาคุยเรื่องย้ายออก”

 

ร่างเล็กร้องเรียกหญิงที่ไม่สาวแล้วซึ่งเขาจำได้ดีว่าเป็นเจ้าของหอ คนที่ปูนเรียกวางหนังสือละครในมือของตนลงก่อนจะเดินมาหา

 

“จะย้ายออกหรอ อ้าว! หนูนั่นเอง”

 

คนถูกเรียกว่าหนูทำหน้างงน้อยๆ เมื่อจู่ๆป้าเจ้าของหอก็ทำหน้าเหมือนกับว่าดีใจที่เห็นเขายืนอยู่ตรงนี้ ว่าแต่...จำเขาได้ด้วยหรอ

 

“หนูชื่อปูนใช่ไหม ที่อยู่ชั้นห้า”

 

“อ่าครับ มีอะไรรึเปล่า”

 

“คือเมื่ออาทิตย์ที่แล้วตอนที่หนูไม่อยู่มีคนเขามาหาหนูน่ะ”

 

ปูนทำหน้างงเข้าไปอีก เขาเนี่ยนะมีคนมาหา

 

“แล้วเขาเป็นใครครับ ได้บอกชื่อไว้ไหม”

 

“ไม่ได้บอกจ๊ะ ป้าก็รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นใครเพราะตอนนั้นป้าไม่อยู่ให้หลานมันเฝ้าแทนมันก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง มาบอกป้าแค่มีคนมาถามหาคนชื่อปูน ป้าเลยมานั่งนึกๆดูก็เลยจำได้ว่าเป็นหนูเนี่ยแหละ”

 

คำตอบของเธอไม่ได้ช่วยให้ปูนหายสงสัยเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังนำพาความกังวลใจมาให้อีก แต่เขาก็พยายามสลัดมันทิ้งไปแล้วพูดธุระของตัวเอง

 

“งั้นก็ช่างเถอะครับ ถ้าเขามีธุระจริงๆคงหาทางติดต่อกับผมเอง ว่าแต่ป้าครับ ถ้าผมจะย้ายออกนี่ต้องทำยังไงบ้าง”

 

“อ้าว จะย้ายออกหรอ มีปัญหาอะไรรึเปล่าจ๊ะ”

 

คำถามธรรมดาๆของผู้หญิงคนหนึ่ง ทำให้ปูนหน้าขึ้นสีได้โดยไม่ต้องพยายาม เด็กหนุ่มยิ้มน้อยๆก่อนจะตอบป้าเจ้าของหอไป

 

“พอดี...จะย้ายไปอยู่กับแฟนน่ะครับ”

 

“อ่อ มีแฟนนี่เอง แต่น่าเสียดายนะ ถ้าหนูมาเร็วกว่านี้สักสองวัน คงย้ายออกได้เลย”

 

“อ้าว ทำไมล่ะครับ”

 

“มันเลยต้นเดือนมาแล้วน่ะสิ ป้าเลยต้องคิดค่าหอเดือนนี้ด้วย”

 

ปูนร้องอ่อ เขามองเลยไปยังปฏิทินสีชาที่แขวนอยู่ไกลๆก็เห็นว่ามันเป็นจริงอย่างที่เธอว่า เพราะไปสัตหีบซะเป็นอาทิตย์มันเลยเลยเวลาไปแล้ว

 

“งั้นก็ไม่เป็นไรครับ ป้าคิดราคาตามจริงไปเถอะ”

 

“จ้า งั้นเป็นว่าหนูย้ายออกเดือนหน้าเนอะ ส่วนห้องป้าจะเก็บไว้ให้ก่อนแล้วกันเผื่อหนูอยากใช้ห้องในเดือนนี้จะได้ไม่เสียสิทธิ”

 

ปูนตอบตกลงแล้วคุยเรื่องเอกสารกับเจ้าของหออยู่สักครู่ ก็ขอตัวขึ้นไปหยิบพวกสำเนาบัตรประชาชนรวมถึงวุฒิการศึกษาซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เขากลับมาที่หอในวันนี้ เขาเช็คน้ำไฟ กวาดสายตามองไปรอบๆห้องเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกไปแล้วลั่นกลอนมันอีกครั้ง

 

 

 

ก่อนหน้าที่โทรศัพท์ในห้องจะดังขึ้นแค่เพียงไม่กี่นาที...

 

 

.

.

.

.

.

.

.

 

บรรยากาศที่ห่างหายไปนานทำให้ทั้งปูนและคณิตรู้สึกว่าชีวิตของพวกเขาเริ่มกลับเข้าที่ งานเลี้ยงที่พวกเขากำลังดูแลอยู่นี้เป็นงานเลี้ยงอำลาพนักงานชาวต่างชาติของบริษัทรถยนต์ยี่ห้อใหญ่รายหนึ่งที่ถึงแม้จะมีคนไม่มาก แต่งานก็ล้นมือไม่น้อย ทุกคนต่างก็ช่วยกันทำงานสุดความสามารถ แม้แต่คณิตที่ตอนนี้ปูนรู้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใครก็ลงมาทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ แม้กระทั่งการยกแก้วที่ใช้แล้วไปเก็บในจังหวะที่ไม่มีใครว่าง จนเวลาล่วงเลยมาเกือบเที่ยงคืน เสียงเพลงที่เปิดคลอมาตั้งแต่บ่ายก็เงียบลงเช่นเดียวกับห้องจัดเลี้ยงที่กลับมาว่างเปล่าอีกครั้ง คนตัวเล็กที่เพิ่งกลับมาจากห้องน้ำมองดูชายหนุ่มที่ครองหัวใจเขาไว้ทั้งดวงนอนหลับตาอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ คณิตในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเสือที่ไร้การป้องกัน

 

แบบนี้ต้องแกล้งสักหน่อยแล้ว...

 

ร่างเล็กย่องเข้าไปใกล้คนที่กำลังหลับจนเขาได้ยินเสียงลมหายใจของคณิตที่ฟังดูคุ้นหูยิ่งกว่าเสียงลมหายใจของตัวเอง ปูนยิ้มกว้างเมื่อสังเกตเห็นรอยเปื้อนจางๆตรงแถวๆหูที่น่าจะเกิดจากตอนที่คนตัวโตเผลอเอามือมาจับโดยไม่ระวัง เขาโน้มหน้าเข้าไปใกล้ขึ้นอีก หวังว่าจะขโมยจุมพิตจากเจ้าชายนิทรา แต่จู่ๆมือใหญ่ๆที่เคยวางอยู่ข้างตัวของร่างสูงก็ขยับขึ้นแล้วคว้าเอาท้ายทอยของปูนไว้

 

“จะลักหลับฉันยังเร็วไปอีกร้อยปีนะปูน”

 

ลิ้มร้อนรุกไล่เข้ามาโดยที่ปูนไม่ทันตั้งตัว คนที่เคยคิดจะเป็นฝ่ายจู่โจมถูกดิ้นคลุกคลักเพราะความตกใจแต่พอตั้งสติได้ก็ตอบสนองกลับไปอย่างวาบหวามไม่แพ้กัน ปูนลืมตาขึ้นเล็กน้อยตอนที่กำลังจูบกับคณิตอยู่ ไม่รู้ทำไมเวลาได้เห็นใบหน้าที่แสดงความปรารถนาถึงเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอุ่นใจอยู่เสมอ

 

“ป๋าแม่ง...ขี้โกงว่ะ”

 

ปากว่าเขาแต่ดวงตากลับยิ้ม คณิตขยี้ผมของปูนเบาๆก่อนจะยันตัวขึ้นนั่งโดยไม่ลืมที่จะดึงปูนที่ทำหน้าแดงอยู่ให้มานั่งข้างๆกัน

 

“ผมนึกว่าป๋าหลับซะอีก”

 

“ไม่ได้หลับแค่พักสายตา แต่ก็แอบเคลิ้มๆอยู่เหมือนกัน”

 

“งานเยอะหรอ”

 

“อืม วุ่นตั้งแต่เช้านั่นแหละ มีเอกสารต้องตามเช็คเยอะไปหมด”

 

หากเป็นเมื่อก่อนปูนคงสงสัยว่าผู้จัดการอย่างคณิตทำไมถึงมีเรื่องให้รับผิดชอบเยอะนักหนา แต่สถานะที่เขาเพิ่งรับรู้ก็ตอบโจทย์สิ่งที่ปูนไม่เข้าใจได้ทุกข้อแม้ว่ามันจะนำพาความรู้สึกที่ไม่ดีมาด้วย

 

“เป็นลูกเจ้าของโรงแรมนี่...งานหนักเนอะ”

 

“หื้ม? เธอรู้ด้วยหรอว่าฉันเป็นใคร”

 

คณิตถามงงๆเพราะจำไม่ได้ว่าเคยบอกเด็กหนุ่มไปว่าเขาเป็นทายาทของโรงแรมนี้ ปูนยิ้มน้อยๆ แต่ไม่รู้ทำไมคณิตถึงรู้สึกว่ามันดูไม่มีความสุขมากนัก

 

“อืม สักพักแล้ว คุณเมษาบอก”

 

“ไม่ยักกะรู้ว่าเธอคุยกับเมษาเรื่องนี้ด้วย”

 

ร่างสูงว่าก่อนจะวางหัวของตนไว้บนบ่าของปูนพร้อมกับหลับตาลง เขาปล่อยให้คนที่อ่อนกว่าลูบหัวของเขาเล่นไปมาได้โดยไม่คิดถือสา

 

“เป็นลูกเจ้าของโรงแรมแบบนี้เหนื่อยมากไหม”

 

“มาก แต่บางครั้งมันก็สนุกดี”

 

“บางครั้ง?”

 

“อืม ไม่มีใครได้เจอเรื่องดีๆทุกวันหรอกน่า”

 

ทั้งสองคนเงียบไปเหมือนกับว่าต่างก็กำลังจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ปูนกำลังคิดถึงความจริงบางอย่างที่เขาปกปิดมันไว้ ส่วนคณิตก็คิดถึงท่าทางที่แปลกไปของปูนในหลายวันที่ผ่านมา แม้จะได้ร้องไห้และระบายมันออกมาบ้าง แต่ร่างสูงก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าอะไรที่ทำให้เด็กเจ้าปัญหาของเขาต้องเสียน้ำตาและรอยยิ้มไปตั้งแต่วันนั้น

 

“ป๋า...ผมมีเรื่องจะบอกแหละ”

 

“อะไรล่ะ”

 

“ผม...ลาออกจาก The Pilot แล้วนะ”

 

คณิตลืมตาทันทีพร้อมกันนั้นก็เปลี่ยนเป็นนั่งตัวตรงแล้วหันหน้าไปหาปูนที่กำลังเสหน้าหันไปมองที่อื่นเหมือนกับกำลังประหม่า จนร่างสูงต้องค่อยๆจับให้คนรักหันมานั่นแหละ ถึงจะคุยกันต่อได้

 

“มีปัญหาอะไรกับไอ้เมษมันหรอ”

 

“จะบอกว่ามีก็ใช่...แต่ก็ไม่ใช่เหมือนกัน”

 

“หมายความว่ายังไง”

 

“ไม่รู้สิ แต่เอาสั้นๆคือผมไม่อยากทำงานกับทางนั้นแล้ว ทั้งสิ่งแวดล้อมแล้วก็อะไรหลายๆอย่างมันทำให้ผมอึดอัดน่ะก็เลยลาออกมา...ป๋าโกรธไหม”

 

ถ้าถามว่าการตัดสินใจครั้งนี้สิ่งที่ปูนกลัวที่สุดคืออะไร ก็คงจะเป็นความรู้สึกของคณิตนั่นแหละที่ทำให้ปูนรู้สึกประหม่า ปูนรู้ว่าคณิตเป็นคนที่จริงจังกับงานมาก แม้ปากจะบอกว่าเหนื่อยและไม่สนุก แต่ร่างสูงก็ไม่เคยไม่รับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเองสักครั้ง

 

“ฉันไม่โกรธหรอก แต่ก็เป็นห่วง”

 

“ผมไม่เป็นไรหรอกน่า เราจากกันด้วยดีอยู่แล้ว”

 

ปูนคิดว่าอย่างนั้นนะ...ถ้าหากไม่นับการปะทะคารมระหว่างเขากับเมษาผู้เป็นเจ้าของในวันนั้น แต่เขาค่อนข้างมั่นใจนะว่าทางนั้นคงไม่เอาเรื่องงานมากลั่นแกล้งกัน แต่ถ้าเป็นเรื่องของคณิตล่ะก็...ไม่แน่

 

“งั้นก็ดี แล้วเธอจะทำยังไงต่อ”

 

“ก็คงต้องหางานใหม่...ใกล้ๆ...แถวๆนี้”

 

ว่าแล้วก็หันไปยิ้มให้คณิตอีกสักที คนที่เข้าใจความหมายของคำพูดปูนก็หัวเราะลั่น

 

“ฮ่าๆ ทีตอนนั้นชวนไม่ยักกะมา”

 

“ก็ตอนนั้นเล่นตัวอยู่ ตอนนี้ไม่เล่นแล้ว”

 

คณิตหันไปทำหน้าประมานว่าจริงอ่ะใส่ จนบรรยากาศอึนครึมเมื่อครู่หายไปทันตา ทั้งคู่พากันไปเก็บของที่ห้องทำงานของคณิตก่อนจะมาที่รถซึ่งขามาที่โรงแรมปูนเลือกใช้รถมอร์เตอร์ไซค์รับจ้างอีกครั้งเพื่อที่จะได้กลับด้วยกันได้ พอขับมาได้สักพักปูนก็บ่นหิว คนตัวสูงเลยต้องแวะจอดข้างทางตรงร้านข้าวมันไก่ให้

 

“ว่าแต่เธอลาออกมาก็ดีเหมือนกันนะ เรื่องนั้นฉันจะได้หมดห่วง”

 

คณิตพูดขึ้นขณะรับข้าวมันไก่พิเศษสองจานมาจากเด็กเสิร์ฟ ส่วนปูนก็ช่วยจัดช้อนกับส้อมให้

 

“อะไรหรอ”

 

“เรื่องเรียน ฉันคิดว่าเธอควรจะกลับไปเรียนต่อสักที”

 

ปูนทำช้อนร่วงจากมือ แต่คณิตก็รับไว้ได้ทันเพราะเขากะอยู่แล้วว่าคนรักคงมีปฏิกิริยาแบบนี้

 

“ป๋า...พูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างไหม”

 

“รู้สิ แถมรู้ด้วยว่าเธอดรอปมาก่อนจะเรียนจบแค่ไม่กี่เทอมเท่านั้น ฉันจะไม่ถามหรอกนะว่าเธอทำแบบนั้นทำไม แต่ในฐานะของคนที่ผ่านโลกมามากว่า ฉันว่าเธอควรกลับไปสู้ต่อสักที”

 

“แล้วในฐานะคนรัก...ป๋าจะบอกให้ผมกลับไปที่กรุงเทพงั้นหรอ”

 

น้ำเสียงของปูนฟังดูเว้าวอนจนคณิตอ่อนใจ แต่เรื่องนี้มันสำคัญเกินกว่าเขาจะตามใจร่างเล็กได้เหมือนทุกครั้ง

 

“ถ้าเธอจะยกสถานะนั้นมาอ้าง ฉันคงขอจบมันตรงนี้ซะดีกว่า”

 

“...!!”

 

“ไม่ได้หมายความว่าฉันอยากเลิกกับเธอนะปูน แต่ถ้าการที่เราคบกันทำให้เธอเสียอนาคตฉันก็คงเป็นคนรักที่แย่มาก ฉันยอมทำเป็นไม่เห็นอดีตของเธอได้แต่ฉันยอมให้เธอทำลายอนาคตของตัวเองไม่ได้จริงๆ”

 

คณิตพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังแต่ไม่ได้กดดันอย่างที่คิด แม้แต่คนฟังที่มีอคติสูงลิ่วอย่างปูนก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงความห่วงใยและหวังดีที่ร่างสูงแสดงออกมา คณิตตักข้าวของตัวเองเข้าปาก เขายังไม่อยากพูดต่อเพื่อให้เวลาปูนได้พิจารณาถึงผลที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำของตัวเอง จะให้บังคับกันก็ทำได้แต่คณิตกลับไม่อยากทำแบบนั้น

 

ฝ่ายปูนพอคณิตไม่พูดอะไรต่อ เขาก็รู้สึกสับสนจนพลอยหมดความอยากอาหารไปด้วยทั้งที่ตัวเองร้อนจะกินแท้ๆ จนกระทั่งคณิตยื่นช้อนที่มีไก่ชิ้นโตพร้อมน้ำจิ้มมาให้นั่นแหละร่างเล็กถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเขาเหม่อมานานแค่ไหน

 

 “ฉันไม่เคยไม่หวังดีกับเธอ...รู้ใช่ไหม”

 

ปูนพยักหน้าแล้วยอมอ้าปากรับไก่ชิ้นนั้นมาเคี้ยวไปน้ำตาซึมไปด้วย เขารู้ว่าสิ่งที่คณิตพูดนั้นถูกต้อง แต่สิ่งที่เขาพยายามจะหนีคืออดีตอันขมขื่นที่ไม่อยากจดจำ กรุงเทพไม่ได้น่าอยู่สำหรับปูนอีกแล้ว...นั่นคือสิ่งที่เขาอยากจะบอกให้คนรักรู้

 

“ผม...เหลือเรียนอีกแค่สามเทอมแล้วก็ฝึกงาน”

 

“อืม”

 

“แต่เทอมนี้เขาเริ่มเรียนกันไปแล้ว ให้กลับไปก็คงไม่ทัน อย่างน้อยจนกว่าจะเทอมหน้า...ขอให้ผมอยู่กับป๋าไปก่อนได้ไหม”

 

น้ำเสียงของปูนเบาหวิวเช่นเดียวกับหัวใจ แต่มันก็ถูกเติมเต็มด้วยคำสัญญาของอีกคนที่หนักแน่นอย่างไม่อาจต้านทาน

 

“กรุงเทพกับบางแสนอยู่ใกล้กันแค่นี้ แถมปีสูงๆก็ใช่ว่าจะมีเรียนทุกวัน ถ้าวันไหนเธอว่างจะมาอยู่ด้วยกันที่นี่ก็ได้ ถ้าเธอคิดถึงฉันก็จะไปหา”

 

“ป๋า...”

 

“สัญญา...ถ้าหากเธอต้องการฉันจะอยู่กับเธอในทุกๆที่”

 

.

.

.

.

.

.

.

 

เพราะคำสัญญาของคณิตทำให้ปูนยอมที่จะก้าวไปข้างหน้าต่อได้ แต่อย่างที่ว่าเขาปล่อยให้เวลาล่วงเลยมานานเกินไปจนเพื่อนที่เคยเรียนร่วมห้องกันมาเรียนเลยไปไกลแล้ว ถ้าปูนจำไม่ผิดช่วงนี้ทุกคนคงกำลังเคร่งอ่านหนังสือกันอยู่จนไม่ได้หลับไม่ได้นอน ในขณะที่เขาก็กำลังพยายามในแบบของตัวเองอยู่

 

“ลงเป็นคอร์สภาษาจีนกับภาษาอังกฤษนะคะ ค่าเรียน 12,000บาทค่ะ”

 

ปูนหยิบเอาธนบัตรสีเทาจำนวนสิบสอบใบยื่นให้กับพนักงานของสถาบันสอนภาษาที่เปิดอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโรงแรมของคณิตมากนัก แน่นอนว่าเงินทุกบาททุกสตางค์เป็นของเขา ในขณะที่ความคิดเรื่องการมาเรียนภาษาเพิ่มเติมนี้เป็นสิ่งที่ทั้งคณิตและปูนตกลงร่วมกัน

 

ปูนไม่อยากให้คณิตเป็นห่วง ในขณะที่คณิตก็หวังให้การเรียนที่นี่ทำให้ปูนมีใจอยากกลับไปเรียนอีกครั้ง ร่างเล็กเลือกลงคอร์สในช่วงเวลาเช้าถึงบ่าย ส่วนตอนเย็นและค่ำเขาก็จะเข้าไปช่วยงานที่โรงแรมของคนรักในฐานะบาร์เทนเดอร์และเด็กฝึกงานพิเศษที่จะมีคณิตและอิงอรคอยควบคุมดูแลโดยตรง ปูนจำสีหน้าของหญิงสาวได้ดีว่าเธอดีใจแค่ไหนตอนที่คณิตบอกว่าเขาจะกลายมาเป็นพนักงานของที่นี่ แม้จะเป็นแค่เด็กฝึกแต่อิงอรก็ปลื้มใจเสียจนรีบไปบอกคนทุกแผนก

 

“ลงทะเบียนเรียบร้อยนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้น้องเข้ามาลองสอบวัดระดับคะแนนดูว่ามีพื้นฐานอยู่ระดับไหน แล้วทางเราจะจัดชั้นเรียนให้ตามความสามารถ ส่วนวันและเวลาก็ตามนี้เลยนะครับ”

 

“ครับ ขอบคุณมากนะครับ”

 

ปูนยกมือไหว้คนมีอายุมากกว่า ก่อนจะเดินกลับมาที่รถซึ่งจอดไว้ไม่ไกลเท่าไหร่ พอขึ้นรถมาได้เขาก็จัดการถ่ายรูปใบเสร็จและตารางเรียนส่งไปให้คนที่รอฟังข่าวอยู่ ณ ปลายทาง แถมด้วยรูปเซล์ฟฟี่ของตัวเองอีกสามรูปไปให้ด้วย

 

“เอาล่ะ เรียบร้อย”

 

ปูนยิ้มให้กับหน้าต่างสนทนาที่ไม่นานหลังจากนั้นข้อความของเขาก็มีสถานะขึ้นมาว่า ‘อ่านแล้ว’ แทบจะทันที คณิตไม่ได้ตอบปูนกลับมาเป็นข้อความ ร่างสูงเลือกที่จะส่งรูปแก้วกาแฟและงานกองโต รวมถึงรูปใบหน้าด้านข้างที่ทำให้เห็นจมูกโด่งๆและสันกรามคมๆที่ดูยังไงก็เซ็กซี่

 

ร่างเล็กเซฟรูปถ่ายของคณิตเก็บไว้ในตัวเครื่องแล้วกำลังจะปิดโทรศัพท์เพื่อที่จะขับรถต่อไป แต่เหมือนกับมีอะไรให้เขาดลใจกลับไปดูมันอีกครั้ง

 

 

 

 

“17 พฤษภาคม...อีกสามวันก็วันเกิดป๋าแล้วนี่”

 

 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!

ตอนนี่เรื่อยๆเฉื่อยๆแอบซึ้งเล็กๆ ส่วนตอนหน้าอีเว้นท์วันเกิดป๋าใกล้จะเข้ามาแล้วนะคับ เนื้อเรื่องกำลังจะเข้มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนคนที่งงว่าเขาไปเป็นแฟนกันตอนไหน ก็ที่เกาะนั่นแหละคับ ปูนบอกรักป๋าเสร็จก็อะโบเดเบกัน ฉากเป็นแฟนก็อยู่ในนั้นแต่เช่ยังไม่ได้เขียนนะ มันอยู่ใน extra (จริงๆคือหาเรื่องอู้นั่นแหละ)

วันอังคารนี้นิยายพี่กาลคงจะมาถึงมือเช่ ส่วนนิยายป๋าปูนถ้าใครติดตามเพจก็คงจะเห็นราคาที่เช่เอามาแปะแล้วนะคับ เลยจะมาแจ้งตรงนี้อีกครั้ง เป็นแค่ราคาโดยประมานเปิดขายจริงอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้

 :call:หนังสือแบ่งออกเป็น 3 เล่ม เรื่องหลัก2เล่มเล่มละ400หน้า ตอนพิเศษอีก1เล่ม เล่มละ200 หน้า รวมทั้งชุด1000หน้า เปิดขายเฉพาะหนังสืออยู่ที่ราคาประมาน 850 บาท

ส่วน Boxset ราคาอยู่ที่ 260 บาท สามารถเลือกได้นะคับว่าจะเอาหรือไม่เอาก็ได้ แล้วก็มีที่คั่นกับโปสการ์ด แต่รอบนี้มีของแถมพิเศษด้วยคือสมุดโน้ตป๋าปูนขนาดA5 สำหรับผู้ที่โอนเงิน20ท่านแรก และจะเปิดขายสำหรับคนอื่นที่อยากได้เพิ่มเติมในราคาเล่มละ 40 บาทเท่านั้น! แล้วพิเศษสุดๆมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกกันด้วย หากเพจเช่ไลค์ครบพันเมื่อไหร่ จะเปิดให้มีการเล่มเกมชิงหนังสือป๋าปูนกัน ไว้มาร่วมสนุกกันนะคับ ใครอยากติดตามข่าวสารและร่วมเล่นเกมก็เข้ามาไลค์กันนะ^^

ป.ล.ขอบคุณทุกเม้นต์ทุกโหวตและทุกการรอคอยนะคับ (เขียนช้าก็งี้) เหลืออีกแค่(?) 15 ตอนจะจบแล้ว อาทิตย์หน้าเช่ก็คงยุ่งๆกับการแพ็คหนังสืออาจจะมาต่อให้ช้าหน่อย แต่ไม่หายนะ  :katai5:


 

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่25][080359]
«ตอบ #258 เมื่อ06-03-2016 18:04:37 »

มาให้หายคิดถึง และไม่เครียดเกินไปสำหรับตอนนี้
 :L2: :L2:

ออฟไลน์ Yumyumsdoll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่25][080359]
«ตอบ #259 เมื่อ06-03-2016 18:34:49 »

 :o8:มาแล้ววววววรอทุกวัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่25][080359]
« ตอบ #259 เมื่อ: 06-03-2016 18:34:49 »





ออฟไลน์ Toho48

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่25][080359]
«ตอบ #260 เมื่อ06-03-2016 19:50:41 »

คนอย่างป๋านี่มัน  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่25][080359]
«ตอบ #261 เมื่อ06-03-2016 20:03:12 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่25][080359]
«ตอบ #262 เมื่อ06-03-2016 20:04:47 »

ป๋าเป็นคนน่ารัก
 :-[

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่25][080359]
«ตอบ #263 เมื่อ06-03-2016 20:59:03 »

ป๋าน่ารักมากเลย...งานนี้น้องปูนคงยิ่งหลงป๋า :mew6:

ออฟไลน์ kanomjeeb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่25][080359]
«ตอบ #264 เมื่อ07-03-2016 20:56:35 »

ฟินทั้งๆที่รู้ว่าตอนต่อไปเกิดเรื่องแน่ๆ :ling3:

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่25][080359]
«ตอบ #265 เมื่อ08-03-2016 13:05:01 »

เขาเป็นแฟนกัน
เขามีความสุข
ทำไมเราหน่วง เหมือนว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นรึเปล่า สังหรณ์ใจยังไงชอบกล

ออฟไลน์ Biwty...

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่25][080359]
«ตอบ #266 เมื่อ09-03-2016 23:16:49 »

 :katai5:

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่26][110359]
«ตอบ #267 เมื่อ11-03-2016 19:44:49 »

 

แตกที่ 26

…เวลา(ที่ไม่มีวันตาย)...


 

 

บ่ายแก่ๆของวันจันทร์ที่สิบหก หลังจากปูนเรียนภาษาจีนเสร็จ เด็กหนุ่มก็รีบปรี่มาที่โรงแรมของคณิตด้วยรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างเหมือนอย่างทุกครั้ง แต่ครั้งนี้มีสิ่งหนึ่งที่เขาทำไม่เหมือนกับทุกวัน คือแทนที่จะตรงดิ่งขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมาทำงานกับคนรัก ปูนกลับเดินเข้าไปในส่วนของครัวที่มีคนกำลังรอคอยเขาอยู่

 

 

“นี่ไงมาพอดีเลย ปูนๆมานี่เร็ว”

 

 

อิงอรที่วันนี้อยู่ในชุดสีเหลืองอ่อนกวักมือเรียกเด็กหนุ่มที่โทรมาหาเธอตั้งแต่ช่วงเช้าของเมื่อวาน ปูนวางสัมภาระของตัวเองลงบนโต๊ะใกล้ๆก่อนจะเดินมาไหว้อิงอรและเชฟขนมหวานประจำโรงแรมที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว

 

 

“กำลังคุยกับอีฟอยู่เลยว่าน้องปูนจะมาทันไหม มีเวลาไม่กี่ชั่วโมงเอง”

 

 

“ทำไมล่ะครับ คุณคณิตเขาไม่ไปประชุมแล้วหรอ”

 

 

ปูนถามหญิงสาวถึงกำหนดการณ์เดิมที่คณิตต้องไปประชุมกับโรงแรมอื่นเกี่ยวกับแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวในครึ่งปีหลัง ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดที่ปูนจะเข้ามาเตรียมพร้อมสำหรับงานวันเกิดของคณิตในวันพรุ่งนี้

 

 

“ประชุมเหมือนเดิมจ๊ะ แต่งานเลี้ยงตอนเย็นเห็นว่าจะไม่เข้า เรามีเวลาถึงแค่หกโมงครึ่งนะ อีฟกับน้องจะทำทันไหม”

 

 

อิงอรหันมาถามเพื่อนสาวที่มีใบหน้าหวานไม่ต่างจากขนมที่เธอทำ อีฟหันมายิ้มอ่อนๆให้ปูนก่อนจะพูดให้กำลังใจ

 

“ทันอยู่แล้ว ว่าแต่ปูนคิดมาแล้วใช่ไหมว่าจะทำเค้กอะไร”

 

“ครับ...ผมจะทำเค้กฝอยทอง”

 

คำตอบของปูนไม่สร้างความแปลกใจให้อีฟเท่านั้นแต่รวมถึงอิงอรที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยด้วยว่าเด็กหนุ่มร่างเล็กคนนี้คิดจะทำอะไรเซอร์ไพรส์เจ้านายของเธอ แต่ในเมื่อรับปากว่าจะช่วยแล้วไม่ว่าปูนจะทำอะไรก็ไม่ใช่ปัญหา คนต้นคิดขอให้อีฟซึ่งเป็นเชฟทำขนมฝรั่งรับหน้าที่ทำในส่วนของเนื้อเค้กแบบชิฟฟ่อนที่เขาสังเกตเห็นว่าคณิตชอบกินเค้กแบบนี้เป็นพิเศษเมื่อเทียบกับเค้กแบบอื่นๆที่เขาเคยซื้อมากินตอนอยู่ด้วยกัน ส่วนปูนจะเป็นคนทำฝอยทองเอง

 

“โห ปูนเตรียมอุปกรณ์มาเองเลยหรอเนี่ย”

 

อิงอรทำตาโต เมื่อเห็นว่าภายในกระเป๋าของปูนนั้นมีถุงอุปกรณ์ซ่อนอยู่ ทั้งกรวยสำหรับหยอดฝอยทองให้เป็นสาย เทียนอบขนมที่ค่อนข้างหาซื้อยากในแถบนี้ รวมไปถึงดอกมะลิซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เขาเกือบไปเข้าคลาสวันนี้ช้า

 

“จำได้ว่าไม่เคยเห็นของพวกนี้ในโรงแรมน่ะครับ ผมเลยไปหามาเอง”

 

ปูนตอบพลางนำดอกมะลิที่ว่าลอยลงไปบนน้ำสะอาดที่เขาเตรียมไว้ อิงอรมองเด็กหนุ่มที่ถึงแม้จะเป็นคนรุ่นใหม่แต่กลับหยิบจับอะไรได้คล่องไปหมด

 

“จะว่าไปก็ไม่มีจริงๆล่ะนะ เวลาจะใช้ขนมไทยทีเราก็มักจะสั่งจากเจ้าดังในตลาด อีฟเคยบอกว่าขนมไทยมันทำยากจะให้เตรียมทีละมากๆคนเดียวเห็นทีจะทำไม่ไหว”

 

“ก็ไม่ยากขนาดนั้นหรอกครับ แค่ต้องละเอียดอ่อนหน่อย”

 

ร่างเล็กว่าก่อนจะหันไปหยิบไข่เป็ดและไข่ไก่ออกมา เขาตอกมันลงไปในชามรวมๆกันแล้วใช้มือช้อนเอาแต่ไข่แดงมาใส่ไว้ในชามอีกใบ

 

“ปูนดูคล่องจังเลย เคยทำมาก่อนหรอ”

 

“ครับ...ตอนเด็กๆมีโอกาสได้ช่วยแม่บ่อยๆ แม่ผมทำขนมไทยขายน่ะ”

 

อิงอรมองรอยยิ้มสวยที่ติดดูจะเศร้านิดๆของปูนด้วยความแปลกใจ แต่มันก็ปรากฏขึ้นแค่เพียงแปปเดียว ร่างเล็กขอให้เธอช่วยหยิบน้ำตาลออกมาให้ในขณะที่เจ้าตัวกำลังจัดการนำกระทะทองเหลืองมาตั้งไฟจนเริ่มร้อนได้ที่ หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรอีก เธอมองดูปูนที่กำลังทุ่มเทสมาธิไปกับการหยอดไข่ลงในน้ำเชื่อมที่หอมทั้งกลิ่นใบเตยและน้ำลอยดอกมะลิที่คนตัวเล็กอุตส่าห์เตรียมมา อิงอรยิ้มให้กับภาพๆนั้น เธออดคิดไม่ได้ว่าหากเจ้านายของเธอมาเห็นปูนในตอนนี้ใบหน้าที่ปกติก็ยิ้มแย้มอยู่แล้วของคณิตจะบานถึงขนาดไหน

 

มีแฟนที่ทั้งน่ารักและขี้เอาใจแบบนี้ น่าอิจฉาจริงๆ...

 

คณิตกับปูนไม่ได้บอกเธอหรอก กับคนอื่นก็น่าจะเหมือนกันแต่บรรยากาศที่อบอวลอยู่รอบๆตัวทั้งคู่ และการก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโรงแรม The Next ของปูนก็พอจะทำให้อิงอรเข้าใจเรื่องทุกอย่างได้...คณิตเลือกคนที่จะมายืนอยู่ข้างกายแล้วแต่ยังไม่คิดจะป่าวประกาศออกไป ซึ่งเธอก็จะเอาใจช่วยและเคารพในการตัดสินใจนั้น

 

“พี่อิงครับ รบกวนหยิบตระแกรงมาให้ผมหน่อยได้ไหม”

 

ปูนพูดขึ้นทำให้คนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองสะดุ้งน้อยๆ อิงอรรีบกุลีกุจอไปหยิบเอาตระแกรงและถาดที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ใกล้ๆมาให้ปูนที่เพิ่งจะหยอดฝอยทองจับแรกเสร็จ ร่างเล็กค่อยๆใช้ไม้ปลายแหลมช้อนขนมที่เป็นเส้นยาวขึ้นมาอย่างสวยงามจนอิงอรต้องแปลกใจอีกครั้ง

 

“สวยมากเลยนะเนี่ย สวยพอๆกับที่เรารับมาเสิรฟ์ให้ลูกค้าเลย”

 

“ไม่เห็นสวยเลยพี่อิง อันนี้ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้สวยมากเพราะยังไงเดี๋ยวต้องเอาไปตัดอยู่ดี แต่ถ้าเป็นแบบที่แม่ผมขายลองทำแบบนี้ดูสิ โดนตีก้นลายแน่ๆ”

 

ร่างเล็กหัวเราะออกมาแล้วถือโอกาสให้อิงอรที่ดูท่าจะสนใจกรวยหยอดฝอยทองในมือเขาได้ลองทำบ้าง เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังขึ้นแม้แต่อีฟที่กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมเนื้อเค้กก็ยังหันมาคุยด้วยบ้างจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปเกือบหกโมง เค้กฝอยทองที่ฝีมือกว่าครึ่งเป็นของอีฟก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา

 

“แล้วนี่ปูนจะเอาไปเลยป่ะ หรือฝากพี่ไว้ก่อน”

 

อีฟถามปูนที่กำลังโรยฝอยทองเพิ่มลงไปอีกจนเธอกลัวเหลือเกินว่าชั้นฝอยทองมันจะหนากว่าชั้นเค้ก แต่ก็ไม่อยากพูดขัดอะไรเพราะดูท่าปูนจะมีความสุขกับการทำมันมาก

 

“ฝากพี่อีฟแช่ไว้ที่นี่ก่อนแล้วกันครับ แต่ระวังอย่าให้ลูกเจ้าของโรงแรมมาเห็นซะก่อนล่ะ โอเคเนอะ”

 

ปูนยิ้มยิงฟันให้เชฟสาว ก่อนจะนำเค้กบางส่วนที่เขาและอีกทำแยกไว้แบ่งให้กับหญิงสาวทั้งสองแทนค่าปิดปาก เขาขอบคุณอีฟและอิงอรอีกครั้ง โดยเฉพาะคนหลังที่รับปากจะช่วยเหลือปูนมาตลอด

 

“ขอบคุณนะครับพี่อิง งั้นผมขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ เดี๋ยวเขากลับมาไม่เห็นผมที่เล้าจ์จะหาว่าอู้งาน”

 

“จ้า ส่วนพรุ่งนี้ก็โชคดีนะ”

 

อิงอรอวยพรอีกครั้งพร้อมกับมองแผ่นหลังเล็กของปูนที่หายลับตาไป เธอมองดูนาฬิกาอีกไม่เกินยี่สิบนาทีคณิตก็คงจะกลับมา อีกอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าวันเกิดของเจ้านายเธอก็จะมาถึง

 

“ที่มาช่วยแบบนี้ก็ถือซะว่าเป็นของขวัญวันเกิดแกแล้วกันนะ คณิต”

 

 

.

.

.

.

.

.

.

.

 

กลิ่นกาแฟหอมๆถือเป็นสิ่งที่ใช้แทนนาฬิกาปลุกของปูนในบ้านหลังนี้ คนที่เพิ่งได้หลับไปตอนตีหนึ่งกว่าๆลืมตาขึ้นพร้อมกับอาการปวดหัว แต่ดูเหมือนว่าอีกคนที่นอนพร้อมๆกับเขาจะไม่มีอาการนั้น

 

“ตื่นแล้วหรอ”

 

ปูนตอบคำถามของคณิตด้วยการคลานเข้าไปนอนตักของร่างสูงแล้วหันหน้าเข้าหาหน้าท้องของอีกฝ่ายที่อุ่นจนเขาอดใจไม่ไหวที่จะซุกกายเข้าหา เสียงหัวเราะเบาๆของคณิตดังขึ้น นอกจากฟังดูอ่อนโยนแล้วมันยังช่วยให้เด็กหนุ่มคลายอาการปวดหัวลงด้วย

 

“วันนี้มีเรียนสิบโมงเหมือนเดิมใช่ไหม”

 

“อื้อ แต่ไม่อยากไปเลย”

 

“ทำไมล่ะ มีปัญหาอะไรรึเปล่า”

 

“เปล่า แค่อยากอยู่กับป๋า”

 

เพราะปูนหลับตาอยู่เลยไม่เห็นว่าคำอ้อนของตัวเองจุดรอยยิ้มบนใบหน้าของอีกคนได้กว้างแค่ไหน ฝ่ามือใหญ่ๆของคณิตลูบหัวของปูนเบาๆพลางสางเส้นผมที่พันกันยุ่งจนมันคลายออก อยากจะตามใจคนตัวเล็กอยู่หรอกแต่ก็ทำไม่ได้

 

“ถ้าอยากอยู่ด้วยกันงั้นก็ลุกเลย เดี๋ยวเย็นนี้จะพาไปกินของอร่อย”

 

คณิตพูดล่อเพราะคิดว่าปูนคงไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันอะไร แต่ถึงจะรู้อยู่เต็มอกปูนก็ยังคงตื่นเต้นกับคำเชื้อเชิญนี้ได้อยู่ดี ร่างเล็กลืมตาแล้วลุกขึ้นนั่งบนตักของคนข้างกายโดยไม่คิดขออนุญาต

 

“จริงอ่ะ ป๋าจะพาไปไหนหรอ”

 

“เอาจริงๆก็ยังคิดไม่ออกหรอก เธอมีร้านไหนอยากจะไปไหมล่ะ จะยอมตามใจสักวันหนึ่ง”

 

“ร้านอะไรก็ได้จริงหรอ”

 

“อืม”

 

“งั้น...เรามากินข้าวที่บ้านกันได้ไหม”

 

“บ้าน? หมายถึงที่นี่น่ะหรอ?”

 

ปูนพยักหน้าแรงๆ จนทำให้คณิตนึกสงสัยในตัวร่างเล็กที่ปกติชอบขอให้เขาพาออกไปเที่ยวข้างนอกบ่อยๆ

 

“อื้ม เดี๋ยวผมจะทำกับข้าวไว้รอ เรากลับมากินด้วยกันนะ”

 

“ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ว่าแต่แน่ใจนะว่าจะเอาแบบนี้ วันก่อนยังบ่นอยากกินเนื้อย่างอยู่เลยไม่ใช่หรอ”

 

“วันนั้นก็ส่วนวันนั้นสิ แต่วันนี้ผมอยากกินข้าวบ้าน ยอมให้ป๋ารีเควสกับข้าวได้สองอย่างด้วย ใจกว้างไปเลยใช่ไหมล่ะ”

 

คณิตอยากจะงับนิ้วเรียวๆของปูนที่ชูขึ้นมาบอกความใจกว้างของตัวเอง ทั้งๆที่เงินค่ากับข้าวที่ว่าก็เงินของเขาทั้งนั้น

 

“อื้ม กว้างมาก กว้างเท่ากับหน้าผากเธอเลย”

 

ปูนขมวดคิ้ว รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนหลอกด่าว่าหัวเถิกแต่ยังไม่ทันที่จะได้รู้ตัวคณิตก็ชิงลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวปล่อยให้ปูนนอนงงอยู่บนเตียงต่อ

 

วันนี้ทั้งวันปูนรู้สึกว่าตัวเองไม่มีสมาธิเอาซะเลย เขาตื่นเต้นกับงานฉลองเล็กๆที่ตั้งใจจะจัดให้คณิตในเย็นวันนี้โดยที่ร่างเล็กเป็นคนจัดการเตรียมอาหารทุกอย่าง ทั้งเสต็กและมันบดที่คนรักรีเควสมา รวมไปถึงสลัดและของทานเล่นอีกสองสามอย่างที่ปูนคิดว่าคณิตน่าจะชอบมัน

 

“แล้วเราจะเอาเค้กไปซ่อนไว้ตรงไหนดีเนี่ย”

 

ร่างเล็กมองเค้กฝอยทองก้อนโตที่เขา(และอีฟ)ไปทำกับมาเมื่อวาน หลังจากซื้อของเตรียมทำกับข้าวเสร็จปูนก็วานให้อิงอรถือออกมาให้เขาที่รถโดยที่ระวังไม่ให้เจ้าของวันเกิดอย่างคณิตเห็น มันอาจดูเป็นอะไรที่ยุ่งยากและไร้สาระแต่ปีนี้ปูนอยากจะเป็นคนสุดท้ายที่ได้บอกกับคณิตว่าเขาดีใจแค่ไหนที่ร่างสูงได้เกิดมา และอยากขอบคุณทุกๆอย่างที่ทำให้ปูนได้พบกับคนคนนี้

 

“เอาขึ้นไปเก็บบนห้องนอนก่อนก็ได้มั้ง กินเสร็จจะได้ฉลองกันต่อเลย”

 

คำพูดที่มีนัยทำเอาปูนยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก เขายกขนมเค้กก้อนโตขึ้นไปบนห้องนอนด้วยใบหน้าแดงก่ำพร้อมกับจินตนาการถึงช่วงเวลาดีๆที่ยังมาไม่ถึง ไม่ต่างจากอีกคนหนึ่งซึ่งกำลังนึกถึงมันอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ว่า...

 

“ตี๋ เป็นอะไรรึเปล่า อาหารไม่อร่อยหรอ”

 

นันทยาเอ่ยถามเจ้าของวันเกิดที่เผลอทำหน้านิ่วคิ้วขมวดทุกครั้งเวลาที่ไม่ได้คุยอะไรกับใคร เธอเป็นห่วงกลัวว่าอาหารที่อุตส่าห์ให้เด็กในบ้านไปซื้อมาจากร้านดังเพื่อฉลองวันเกิดให้กับลูกชายจะไม่ถูกปาก

 

“เปล่าครับ อร่อยมากเลยโดยเฉพาะจ้อปู”

 

คณิตพอโดนทักก็เพิ่งรู้ตัวว่าคงเผลอทำสีหน้าไม่ดีออกไปจึงตอบมารดาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูร่าเริงและอบอุ่นเหมือนเช่นทุกครั้งทั้งที่ใจจริงแล้ว จ้อปูเจ้าดังที่ว่ากลับไม่ได้ทำให้เขาอิ่มเอมได้สักเท่าไหร่

 

เพราะใจมันเอาแต่คิดถึงเสต็กและมันบดที่มีคนบอกว่าจะทำไว้รอ...

 

“หรอ งั้นตี๋ก็กินเยอะๆนะ น่าเสียดายที่อาม่าบ่นปวดหลังเลยไม่ได้มานั่งกินข้าวด้วยกันเลย เนอะคุณ”

 

นันทยาหันไปหาบรรพตเพื่อชวนให้สามีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบทสนทนา ชายผู้เป็นพ่อก็พยักหน้าแล้วตักจ้อปูนที่ลูกชายชมว่าอร่อยใส่จานให้คณิตอีก ถึงจะเป็นคนเข้มงวดแต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่รักคณิตเหมือนที่รักลูกสาวอย่างหน่อย

 

“หรือพี่นิดนัดเพื่อนไว้รึเปล่าคะ หน่อยกับแม่ไม่ได้บอกก่อนด้วยว่าปีนี้จะจัดงานที่บ้านให้”

 

หน่อยถามในสิ่งที่สงสัย เพราะแผนการฉลองในครั้งนี้เธอกับมารดาเป็นตัวต้นคิดโดยไม่ได้ถามความพร้อมของคณิตก่อนเลย พอตอนเที่ยงที่พี่ชายของเธอเอาพวงมาลัยมาไหว้อาม่าและพ่อแม่ หน่อยก็จัดการล็อคตัวไว้ไม่ยอมให้คณิตกลับไปทำงานจนล่วงเลยมาถึงตอนนี้

 

ชายหนุ่มชะงักไปพักหนึ่งก่อนจะส่ายหน้า คณิตรับรู้ความตั้งใจของน้องสาวและแม่เป็นอย่างดีจึงไม่อยากพูดให้เสียน้ำใจกันแม้ว่าความจริงแล้ววันนี้จะไม่ได้มีเพียงแต่คนในครอบครัวที่เขาอยากจะอยู่ด้วย จะเป็นห่วงก็แต่ปูนที่เขายังไม่ได้ติดต่อไปบอกว่าอาจจะกลับช้า เพราะต้องอยู่คุยกับอาม่าตั้งแต่บ่ายไม่มีแม้แต่เวลาจะปลีกตัวไปใช้โทรศัพท์

 

“เอ๋ หรือว่าตี๋นัดสาวที่ไหนไว้แล้วไม่บอกม๊ารึเปล่า”

 

นันทยาพอได้ฟังคำลูกสาวก็นึกขึ้นมาได้ เธอหันมาพูดแซวหวังจะได้เห็นลูกชายในมาดเขินอายดูบ้าง แต่คณิตกลับทำหน้านิ่งแล้วไม่พูดอะไรทั้งที่ในใจกำลังคิดหนัก แต่ก็ไม่มีใครนึกสงสัยยกเว้นเพียงหน่อยที่เพิ่งนึกได้ว่าพี่ชายของเธอน่าจะกำลังสานสัมพันธ์อยู่กับใครคนหนึ่งอยู่

 

“ถ้าแกมีแฟนแล้วก็บอกมา จะเป็นใครมาจากไหนป๊ากับม๊าก็ไม่ว่าหรอกแต่พามาให้เห็นหน้าหน่อยก็ดี”

 

บรรพตที่สังเกตอาการของลูกชายอยู่พูดขึ้นแล้วทำทีเป็นสนใจอาหารตรงหน้าต่อ ฟังดูผิวเผินคำพูดของบิดานั้นฟังดูเป็นเรื่องดี แต่จากประสบการณ์คณิตรู้ดีว่าต่อให้บรรพตพูดแบบนี้ก็ไม่ได้แปลว่าครอบครัวของเขาจะยอมรับปูนได้โดยง่าย ปูนที่เป็นทั้งผู้ชาย...และคนที่มีอดีตไม่สวยงาม

 

“ผมทำงานให้ป๊าตลอด ไม่มีเวลาว่างไปหาแฟนหรอกครับ”

 

“อย่ามาอ้างฉันหน่อยเลย ไปสัตหีบคราวนี้เห็นคนบอกว่าหลังๆแกมีเวลาตะล่อนๆไปเที่ยวถึงเกาะขาม”

 

“นั่นก็ผมไปสำรวจพื้นที่ให้ป๊า”

 

“เออๆ จะอ้างอะไรก็อ้างไม่รู้จะปิดบังอะไรกันนักหนา อายุแกก็ปาเข้าไปปูนนี้แล้วฉันไม่มานั่งจ้ำจี้จำไชแกหรอกน่า เป็นห่วงก็แต่แกไปจะไม่มีลูกหลานคอยเลี้ยงดู จะพาไปรู้จักลูกสาวเพื่อนก็ไม่ยอม”

 

คำพูดยาวๆของบรรพตทำเอาลูกๆหัวเราะร่า แม้แต่คณิตที่เมื่อครู่ยังคิดมากเรื่องของปูนยังอดไม่ได้ที่จะขำในความเป็นห่วงแบบดิบๆของบิดา ที่ถึงปากบอกว่าจะไม่เข้ามายุ่งด้วยแต่เมื่อไม่นานมานี้ยังเคยพยายามจะพาเขาไปดูตัวให้ได้ ยังดีที่อาม่าของคณิตเป็นพวกหวงหลานชาย งานนั้นเลยต้องยกเลิกไป

 

“ถึงแต่งงานผมอาจจะไม่มีลูกก็ได้นะป๊า ผมเกลียดเด็กแค่ไหนป๊าก็รู้”

 

ยกเว้นเด็กอยู่คนหนึ่งน่ะนะ...

 

“ไม่เป็นไรตี๋ ม๊าชอบเด็ก ตี๋ไม่อยากเลี้ยงลูกเดี๋ยวม๊าเลี้ยงแทนให้”

 

นันทยารีบออกตัวเพราะกลัวว่าลูกชายไม่คิดจะมีทายาทให้เธอเข้าจริงๆ คณิตอยากเปลี่ยนเรื่องจึงลุกขึ้นไปบีบนวดแขนนุ่มๆของมารดาเป็นการใหญ่

 

“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะครับ เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของเด็กชายคณิตนะ อย่าเพิ่งไปนึกถึงคนที่ยังไม่เกิดเลย

 

กว่าจะผ่านพ้นมื้ออาหารไปได้ ร่างสูงก็ต้องใช้ความสามารถในการแถของตัวเองเบี่ยงประเด็นสนทนาบนโต๊ะให้ห่างไกลจากเรื่องครอบครัวในอนาคตของเขาให้มากที่สุด หากถามว่าเขาจริงจังกับปูนไหมก็ต้องตอบว่าใช่ แต่หากถามว่าพร้อมจะบอกครอบครัวรึยังกับการตัดสินใจครั้งนี้ เขาก็คงตอบว่า...ไม่ คณิตไม่ได้อยากปิดบังใคร เพียงแต่หากมันยังไม่มีทางเป็นไปได้ที่เขากับปูนจะคบกันอย่างเปิดเผยเขาก็ขอบ่มเพาะความสัมพันธ์นี้ไปอย่างเงียบๆก่อนจะดีกว่า เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องเพศที่เป็นกำแพงจารีตอันสูงชัน และโลกแห่งความเป็นจริงไม่ได้มีเพียงเขาและปูนที่อาศัยอยู่

 


(มีต่อเม้นต์ล่าง)
[/color][/b]

ออฟไลน์ vivacestory

  • Mare Mara
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่26][110359]
«ตอบ #268 เมื่อ11-03-2016 19:45:12 »




“ตี๋จะไม่นอนค้างที่บ้านจริงๆหรอ วันเกิดทั้งทีนะ”

 

คนเป็นแม่โอดครวญเมื่อต้องมายืนส่งลูกชายที่กำลังจะกลับไปค้างยังบ้านพักหลักเล็กของตัวเองโดยมีลูกสาวอย่างหน่อยยืนอยู่ข้างๆ

 

“ตอนเช้าผมมีงานน่ะม๊า เดินทางจากที่นั่นจะสะดวกกว่า”

 

“บ้านเราก็สะดวก เมื่อก่อนยังขับรถไปได้ไม่เห็นบ่น หรือว่าตี๋จะซุกสาวไว้ที่บ้านจริงๆเนี่ย ม๊าชักกลัวแล้วนะ”

 

คณิตตรงปรี่เข้าไปกอดมารดาพร้อมกับหอมแก้มซ้ายขวาอย่างเอาใจ

 

“ไม่มีอะไรต้องกลัวหรอกครับ ผมไปก่อนนะ”

 

“อื้อ ขับรถดีๆนะลูก ว่างๆม๊าจะทำขนมไปฝาก”

 

เธอตัดใจบอกลาแล้วปล่อยให้หน่อยเดินไปส่งพี่ชายที่รถโดยที่เธอไม่ได้ตามไปด้วย พอได้จังหวะที่อยู่กับแค่สองคนหญิงสาวจึงได้เปิดปากถาม

 

“วันนี้พี่นิดนัดกับน้องเขาไว้ใช่ไหมคะ”

 

ร่างสูงรู้อยู่แล้วว่าน้องสาวจะถาม เขาจึงไม่แสดงอาการอะไรออกไปมากซึ่งนั่นยิ่งทำให้หน่อยมั่นใจว่าระหว่างพี่ชายกับเด็กคนนั้นน่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในช่วงที่ทั้งคู่ได้ไปพบกับที่สัตหีบตามที่อิงอรเล่าให้ฟัง

 

“อืม นัดกินข้าวกันน่ะ”

 

“ขอโทษด้วยนะคะ หน่อยไม่รู้จริงๆว่าพี่นัดแฟนไว้แล้ว”

 

หน่อยแกล้งพูดหยั่งเชิงในแบบที่ทำให้คณิตคิดในใจว่าน้องสาวของเขาก็มีมุมคล้ายบิดาอยู่เหมือนกัน

 

“ช่างเถอะ พี่ไปก่อนนะเราก็เข้าบ้านได้แล้ว”

 

“พี่นิดไม่ปฏิเสธ แปลว่าเป็นแฟนกันแล้วจริงๆใช่ไหมคะ”

 

“...”

 

“ว่ายังไงคะพี่นิด”

 

คำพูดของหน่อยไม่ใช่สิ่งที่ตรึงคณิตไว้กับที่หรอก หากแต่เป็นสีหน้าเรียบนิ่งที่ฉายออกมามากกว่า คณิตที่เปิดประตูรถค้างไว้หันมาเผชิญหน้ากับน้องสาวโดยที่เขาพยายามประเมินความรู้สึกของหน่อยไปด้วยว่าเป็นอย่างไรหากได้รู้ว่าเขากับปูนเป็นคนรักกันขึ้นมาจริงๆ

 

“เรื่องของพี่น่ะช่างเถอะ เราไม่ต้องคิดมากหรอก”

 

“แต่...”

 

“หน่อย...อย่าเพิ่งคาดคั้นอะไรจากพี่เลยนะ”

 

คณิตบอกความต้องการของตัวเองออกไปแต่ก็ยังคงยิ้มให้หน่อยเหมือนกับไม่ได้โกรธเคืองอะไรเธอเลย หน่อยเองก็พูดไม่ออก แม้จะมีคำถามมากมายอยากจะถามแต่พอเจอพี่ชายในโหมดนี้เข้าไปหญิงสาวเลยได้แต่ปิดปากเงียบแล้วพยักหน้าให้ คณิตบอกลาเธอก่อนจะก้าวขึ้นมาบนรถเขาขับมันออกไปด้วยหัวใจที่พะวงถึงใครบางคนที่อาจจะกำลังรอเขาอยู่ ร่างสูงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เห็นว่าปูนโทรมาหาตอนเย็นเพียงสามสายแล้วก็เงียบหายไปเลย

 

“สี่ทุ่มแล้ว ไม่ใช่ว่าหิ้วท้องไว้รอหรอกนะ”

 

เขาภาวนาให้ปูนไม่ปูนไม่ทำแบบนั้นเพราะแค่นี้ชายหนุ่มก็รู้สึกผิดจะแย่ เขาพยายามสลัดเรื่องที่บ้านออกไปจากหัวแล้วเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นจนเขาสามารถมาถึงบ้านของตัวเองได้ด้วยเวลาเพียงไม่นาน

 

ชายหนุ่มมองแสงไฟที่ลอดออกมาจากผ้าม่านตรงชั้นล่างแล้วถอนหายใจ อย่างน้อยปูนก็ยังอยู่ที่นี่ไม่ได้งอนหนีไปไหน เขารีบก้าวเข้าไปในบ้านพลางนึกแปลกใจที่ไม่เห็นปูนออกมารับแต่แล้วคณิตก็ได้คำตอบ...

 

สิ่งแรกที่ร่างสูงรับรู้หลังจากก้าวเข้ามาในบ้านคือกลิ่นหอมๆของอาหารที่จางลงไปมาก บ้านช่องเงียบเฉียบไม่มีแม้แต่เสียงทีวีหรือวีดิโอเกมที่ปูนชอบเล่นให้ได้ยินนั่นก็เป็นเพราะคนที่มักจะสร้างสีสันให้บ้านหลังนี้เสมอกำลังนอนหลับอยู่บนโซฟาโดยที่มือยังคงถือโทรศัพท์เครื่องบางไว้ด้วย

 

‘หายไปไหน ทำไมไม่โทรบอก’

 

นั่นคือข้อความที่ปูนพิมพ์ทิ้งเอาไว้แต่ไม่ได้กดส่งไปด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง อาจจะเป็นความน้อยใจมากจนโกรธหรือการพยายามเป็นผู้ใหญ่ทั้งที่ไม่ใช่ก็ไม่ทราบ แต่มันก็สะท้อนความรู้สึกของคนตัวเล็กออกมาได้จนหมด

 

คนที่รู้สึกผิดทรุดตัวลงนั่งตรงพื้น เขาลูบมือเล็กๆของปูนเบาๆก่อนจะซบหน้าลงบนมันด้วยความรู้สึกหลากหลาย

 

ทั้งเสียใจแต่ก็ดีใจ...ที่มีคนรอเขาถึงขนาดนี้

 

“อื้อ...”

 

ดูเหมือนว่าสัมผัสแผ่วเบาของคณิตจะทำให้คนขี้เซาตื่นจนได้ ปูนที่เผลอหลับไปทั้งๆที่ยังโกรธลืมตาขึ้นด้วยอารมณ์ขุ่นมัวไม่ต่างจากก่อนหน้า ยิ่งได้สัมผัสถึงผิวกายที่ทาบทับอยู่ตรงมือของตัวเองปูนก็รู้ได้ทันทีว่าคณิตกลับมาแล้ว

 

“ตื่นแล้วหรอ”

 

“...”

 

“ยังไม่ได้กินอะไรเลยใช่ไหม หิวมากรึเปล่า”

 

“...”

 

“นี่...โกรธหรอ”

 

ปูนทำปากคว่ำ ยังมีหน้ามาถามอีกเนอะว่าโกรธไหม คนอุตส่าห์ตั้งใจทำอาหารเตรียมเซอร์ไพรส์แทบตายสุดท้ายก็เป็นหม้าย แถมไม่บอกกล่าวกันสักคำ ร่างเล็กพยายามแย่งยื้ออิสรภาพมือของตัวเองคืนมาแต่คณิตก็ไม่ยอม ชายหนุ่มยึดมันไว้แน่นแล้วกดจูบลงบนนั้นซ้ำๆแทนคำขอโทษที่ไม่ได้เอื้อนเอ่ย แต่ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่พอเพราะปูนยังเบือนหน้าหนี คณิตจึงต้องออกแรงจับใบหน้าที่ขึ้นสีน้อยๆให้หันกลับมาแล้วชิงจูบริมฝีปากด้วยความมั่นใจว่าปูนจะต้องหายโกรธแน่ๆ

 

“อื้ออออ อ่อยอะ  (อื้ออออ ปล่อยนะ)”

 

“หายโกรธได้แล้ว โกรธมากๆเดี๋ยวหน้าแก่นะ”

 

“ป๋าสิแก่! ตัวก็เหม็นไม่ต้องมายุ่งเลย!”

 

คณิตหัวเราะ กลิ่นเหม็นที่ว่าคงเป็นกลิ่นยาของอาม่าที่ติดเสื้อผ้าเขามานั่นแหละ ชายหนุ่มปลดเสื้อตัวนอกของตัวเองออกก่อนจะโน้มตัวลงไปกอดจูบปูนใหม่ คราวนี้คนตัวเล็กไม่มีแม้แต่ข้ออ้างหรือช่วงเวลาให้พักหายใจ เพราะคนตัวใหญ่ไม่ยอมปล่อยเขาให้ห่างกายเลยแม้แต่วินาทีเดียว

 

ปูนเริ่มหายใจหอบ มือที่เคยต่อต้านเปลี่ยนเป็นโอบรัดคณิตให้เข้ามาใกล้จนลิ้นของร่างสูงสามารถสำรวจโพรงปากของเขาได้ถนัดดี คนตัวเล็กรู้สึกถึงฝ่ามืออุ่นๆที่คอยลูบไปตามแผ่นหลังเหมือนกับจะปลอบว่าให้เขาใจเย็นลงก่อนแล้วค่อยคุยกันซึ่งนั่นก็ทำให้คนที่เคยโกรธเป็นฟินเป็นไฟยอมสงบลงได้

 

“ฟังกันได้รึยัง หื้ม...”

 

ถ้าคณิตบอกว่าปูนขี้อ้อน ปูนก็อยากบอกว่าร่างสูงก็ไม่ได้ต่างจากเขาเลยแม้แต่น้อย ทั้งดวงตาวิบวับที่มองมาแล้วน้ำเสียงนุ่มๆที่ฟังอีกครั้งใจก็สั่นไหว ต่อให้โกรธยังไงเป็นใครก็ต้องใจอ่อน

 

“ฉันกลับไปกินข้าวกับที่บ้านมา ต้องอยู่กับอาม่าตลอดเลยไม่มีเวลาโทรบอก ขอโทษนะ”

 

“....อยู่กับอาม่าจริงหรอ”

 

“อื้ม ที่ว่าเหม็นก็กลิ่นยานวดของอาม่า ท่านปวดหลังน่ะ หลานดีเด่นอย่างฉันเลยต้องคอยอยู่นวดให้ ตกเย็นก็ต้องกินข้าวกับที่บ้านเลยกลับมาตอนนี้”

 

เหตุผลของคณิตมันหนักแน่นพอๆกับความจริงใจที่ถ่ายทอดออกมาจนปูนทำได้เพียงพยักหน้าอย่างยอมรับเท่านั้น แต่การเป็นเด็กดีของเขาก็ได้รับจูบหวานๆที่หน้าผากของคณิตเป็นรางวัล อารมณ์ขุ่นๆของปูนจึงดีขึ้นมาก

 

“ช่างเถอะ ผมก็ลืมคิดไปว่าวันเกิดป๋าก็ต้องอยู่กับที่บ้าน”

 

“วันเกิด? เธอรู้ได้ยังไงว่านี่วันเกิดฉัน?”

 

ชิบหายล่ะ...คนที่ถูกจูบจนเบลอเผลอเผยไต๋ออกไปจะตะครุบปากตัวเองตอนนี้ก็ไม่ทัน ปูนหันซ้ายหันขวาพยายามหาทางเอาตัวรอด แต่พอโดนคณิตมองมาอย่างคาดคั้นคนตัวเล็กเลยทำได้แค่สารภาพออกมา

 

“ก็แบบ...ผมเห็นวันเกิดป๋าในบัตรประชาชนไง”

 

“ตั้งแต่เมื่อไหร่”

 

“ก็สักพักแล้ว ไม่ต้องมาทำหน้างี้เลยนะ ป๋าผิดมากกว่าผมอีกที่จะมาช้าแล้วไม่บอก อย่ามาอ้างอาม่าด้วย!”

 

คณิตรู้สึกว่าวันนี้จะมีคนห้ามเขาหาข้ออ้างบ่อยจัง เขาส่ายหัวไปมา ไม่ได้โกรธอะไรสักหน่อยแค่แปลกใจเท่านั้นแหละว่าปูนไปรู้มาจากไหนว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขา แต่เพียงแค่นี้ก็ตอบโจทย์แล้วว่าทำไมคนตัวเล็กถึงโกรธมากขนาดนี้ที่เขามาสายจนพลาดอาหารมื้อสำคัญ

 

“ช่างเถอะ ถึงจะสายไปหน่อยแต่ก็มาเริ่มกันเถอะนะ”

 

“เริ่ม? เริ่มอะไร?”

 

“เซอร์ไพรส์ไง เตรียมไว้ให้ฉันไม่ใช่หรอ”

 

ร่างสูงบุ้ยหน้าไปทางโต๊ะอาหารที่มีของกินวางอยู่เรียงราย แน่นอนว่ามันคงเย็นชืดไปหลายชั่วโมงแล้วแต่มันคงไม่สำคัญอะไรเมื่อเทียบกับการรักษาสัญญา คณิตไม่ปล่อยให้ปูนทำอะไรอีก เขาจัดการนำอาหารทุกอย่างเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟง่ายๆยกเว้นสลัดที่ปูนใช้พลาสติกคลุมไว้จึงยังคงสดอยู่แม้จะอยู่นอกตู้เย็น มื้ออาหารง่ายๆจึงเริ่มขึ้นโดยไม่มีการเซอร์ไพรส์อะไรทั้งนั้น มีเพียงคนสองคนที่คุยเรื่องของกันและกัน ทั้งวันนี้ปูนเรียนเป็นยังไงบ้าง อาการปวดหลังของอาม่าหนักมากไหม หรือแม้แต่ว่านันทยาให้อะไรเป็นของขวัญลูกชายในวันเกิด คณิตบอกปูนในทุกๆเรื่อง ยกเว้นเพียงแต่เรื่องที่เขายังไม่เปิดเผยสถานะที่มีต่อปูนให้ที่บ้านทราบเท่านั้น

 

คณิตไม่ได้ทวงหาของขวัญวันเกิด ปูนก็ไม่ได้พูดถึงเหมือนกัน พวกเขาช่วยกันปิดบ้านแล้วเดินขึ้นไปบนห้องนอนที่ไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆ ร่างเล็กขอตัวไปอาบน้ำก่อนอ้างว่างเหนียวตัวมาก คณิตก็ไม่อยากขัดเขาจึงทำได้แค่นั่งอยู่บนเตียงมองแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่ถูกคลุมด้วยผ้าเนื้อดีจนกระทั่งมันหายไปหลังประตู

 

“น่าแปลกแฮะ นึกว่าจะมีเซอร์ไพรส์อย่างอื่นอีกซะอีก”

 

ชายผู้เกลียดการโดนเซอร์ไพรส์บ่นออกมาเบาๆ พอไม่รู้จะทำอะไรเขาก็หยิบรีโมทขึ้นมากดเปิดทีวีเครื่องใหญ่ที่แขวนติดไว้กับฝาผนัง  แต่แทนที่มันจะเข้าสู่ช่องทีวีตามปกติ หน้าจอตอนนี้กลับแสดงภาพการทำงานของเครื่องเล่นดีวีดีที่ถูกตั้งค่าไว้ให้เล่นอัตโนมัติเมื่อทีวีถูกใช้งาน สักพักหน้าจอสีน้ำเงินหายไปแล้วปรากฏภาพของห้องครัวบ้านนี้ขึ้นมาแทน

 

“ติดยังวะ เฮ้ย ติดแล้วๆ”

 

เสียงของปูนดังขึ้นแม้จะไม่ปรากฏภาพของเจ้าตัว แต่ก็เพียงแค่แปปเดียว เด็กหนุ่มร่างเล็กที่สวมใส่ผ้ากันเปื้อนก็วิ่งเข้ามาในเฟรมด้วยรอยยิ้มสวยๆแบบที่ทำให้คณิตอดที่จะยิ้มตามทุกครั้งไม่ได้ ตอนนี้ก็เช่นกัน...

 

“อะแฮ่มๆ ถ้าป๋าได้ดูวีดิโอนี้อยู่ แสดงว่าผมกำลังยืนเขินอยู่ในห้องน้ำ อย่าเพิ่งเข้าไปหานะ ดูนี่ให้จบก่อนโอเคไหม”

 

“อ่าฮะ”

 

คณิตตอบปูนไปแม้ว่าจะเป็นการตอบผ่านหน้าจอ แต่เขาก็พอจะจินตนาการถึงใบหน้าของคนตัวเล็กตอนนี้ออกได้ว่ามันจะแดงแค่ไหน

 

“วันนี้เป็นวันเกิดของป๋า แก่แล้วนะเราอ่ะ ฮ่าๆ ล้อเล่นๆ ไม่แก่ก็ได้ เรียกว่าคนมีอายุก็แล้วกัน แต่ถ้าจะแก่ยังไงก็เถอะ ป๋าก็ยังหล่ออยู่ไม่ต้องห่วงนะ รองพื้นก็มีแล้ว เดี๋ยวค่อยให้พี่อิงแนะนำครีมบำรุงดีๆให้ที่หลังก็ได้ หรือถ้าอีกสิบปีจากนี้ครีมเอาไม่อยู่แล้ว เดี๋ยวผมพาไปร้อยไหมนะ ป๋าซะอย่าง แพงแค่ไหนก็จ่ายไหวใช่ไหม”

 

คำพูดของปูนทำให้คณิตเผลอเอามือมาลูบตรงหางตาของตัวเอง ไอ้เด็กบ้า...เขาไม่ได้แก่ขนาดนั้นสักหน่อย

 

“เข้าเรื่องกันดีกว่า ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรมาก...แค่อยากบอกว่าดีใจที่ป๋าได้เกิดมา อยากขอบคุณพ่อกับแม่ป๋ามากๆที่ทำให้ป๋าเป็นคนแบบนี้...ผมดีใจที่เราได้พบกัน ถึงจะมีจุดเริ่มต้นที่ไม่ดีแต่ตอนนี้เราก็เดินมาไกลแล้วเนอะ ไกลมากแบบที่ไม่เคยคิดเลยว่าคนอย่างผมจะได้มีวันๆนี้”

 

“...”

 

“ขอบคุณป๋านะที่ดูแลกันมาตลอด ขอบคุณที่คอยดุคอยว่าเวลาผมทำตัวไม่น่ารัก ขอบคุณที่คอยให้กำลังใจและเชื่อใจว่าผมจะเป็นคนดีกว่านี้ได้แม้ว่าก่อนหน้านี้ผมจะหมดหวังในตัวเองไปแล้ว...”

 

“...”

 

“ขอบคุณที่ทำให้ผมรู้สึกว่าความรักของตัวเองมีค่า...ผมรักป๋านะ...ปูนรักพี่นิดได้ยินไหมครับ”

 

คนที่ยิ้มมาตลอดหลุดร้องไห้ในตอนสุดท้ายแม้แต่ตอนนี้ก็อาจจะกำลังร้องอยู่ในที่ที่คณิตไม่สามารถเดินเข้าไปกอดปูนได้ คลิปนั่นหยุดลงที่ตรงนี้และทันทีที่มันจบลงคนที่เก็บตัวอยู่ในห้องน้ำก็ส่งแชทมาหาเขา

 

‘เปิดดูในตู้สิ’

 

นี่สินะเซอร์ไพรส์ของจริง...คณิตยิ้มกว้างก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าซึ่งคนที่ใช้มันเป็นคนสุดท้ายก็คือตัวต้นคิดที่เขาเดาว่ากำลังร้องไห้อยู่แน่ๆ ชายหนุ่มเปิดบานไม้ตรงหน้าออก เสื้อผ้าที่เคยแขวนไว้จนเต็มถูกหยิบออกไปจนหมดแต่กลับมีแสงเทียนและเค้กก้อนใหญ่เข้ามาแทนที่

 

“สุขสันต์วันเกิดนะครับ”

 

ไม่รู้ว่าปูนออกมาจากห้องน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่แน่ๆข้อสันนิษฐานของคณิตนั้นถูกต้อง แผ่นหลังของเขาเปียกชื้นจากหยดน้ำตาเพราะคนตัวเล็กเล่นกอดเขาไว้เสียแน่นทั้งๆที่ตัวเองยังคงสะอื้นฮัก คณิตหมุนตัวกลับมาหาปูน เขาปาดหยาดน้ำใสตรงแก้มของเด็กหนุ่มออกด้วยความรู้สึกมากมายเช่นเดียวกับการแสดงออกผ่านดวงตา

 

“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณจริงๆ”

 

 

“ปูนรักป๋านะ ฮึก รักมากเลย”

 

 

“ฮ่าๆ รู้แล้วน่า ได้ยินชัดทุกคำเลย ไม่ต้องร้องนะ”

 

แต่ยิ่งปลอบปูนก็ยิ่งร้อง แค่เขานึกถึงสิ่งดีๆที่คนคนนี้ให้มาปูนยิ่งรู้สึกว่าตัวเองอยากอ่อนแอลงอีกเพื่อให้คณิตได้ดูแลทุกอย่างในชีวิตเขา ร่างเล็กกระโจนเข้าหาอ้อมแขนของคนรัก

 

“อยู่ด้วยกันนานๆนะ ปีหน้าห้ามมาสายอีก ฮึก สัญญานะ”

 

“อื้ม สัญญา ปีหน้าจะอยู่ด้วยทั้งวันเลยโอเคไหม”

 

ปูนพยักหน้ารับก่อนจะหลับตาลงเมื่อใบหน้าของคณิตโน้มเข้ามากใกล้อีกครั้ง วันนี้เขามีความสุข และเขาก็อยากมีความสุขแบบนี้ในทุกๆวัน เช่นเดียวกับนาฬิกาสีน้ำเงินที่ถูกสวมลงบนข้อมือใหญ่ของคณิต

 

“เวลาของเราจะต้องเดินต่อไปเรื่อยๆ ป๋าอย่าปล่อยให้มันตายนะ”

 

ปูนร้องขอในสิ่งที่ทำได้ยาก

 

แต่คณิตก็ยังคงสัญญาด้วยความมุ่งมั่นของตัวเอง…

 

 

 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

คุยกับเช่!!



 

มาช้ายังดีกว่าไม่มา~~~~  มีใครคิดถึงเมษกันบ้างไหม~~~

 

 

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: - - - ใจแตก (Broken man) - - - [Up #ตอนที่26][110359]
«ตอบ #269 เมื่อ11-03-2016 20:19:00 »

เป็นเซอร์ไพร์สวันเกิดที่ซึ้งมากค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด