แตกที่ 25
…หวังดี...
เขาว่ากันว่าเวลาคนเรามีความรัก มักจะมองทุกอย่างเป็นสีชมพู
แม้แต่ไข่ดาวที่ไหม้ไปกว่าครึ่ง...ก็เป็นสีชมพูเหมือนกัน
“บนโลกนี้ไม่มีใครเพอร์เฟ็คจริงๆด้วยสินะ”
เด็กหนุ่มร่างเล็กที่ยังคงอยู่ในชุดนอนเขี่ยเจ้าไข่ดาวที่น่าจะเรียกว่าไข่อุกกาบาตมากกว่าไปมาแล้วหันไปทำหน้าเห็นใจใส่แฟนหนุ่มหมาดๆของเขาด้วยท่าทางที่ไม่มีความจริงใจเอาซะเลย
“อย่าบ่นมากน่า แค่ครัวไม่ไหม้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
คณิตเขกหัวปูนเบาๆพลางถอดผ้ากันเปื้อนออกจากชุดทำงานที่เขาไม่ได้สวมมันมาหลายวัน คนตัวโตนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆคนตัวเล็กแล้วทำท่าจะคว้าจานไข่ดาวเจ้าปัญหามากินเองแต่ปูนก็ยื้อไว้
“อย่าแย่งดิ”
“ก็เห็นบ่นว่ามันไหม้”
“ไม่ได้บ่นสักหน่อย แล้วนี่ป๋าทำให้ผมแล้วจะเอาคืนได้ไงล่ะ”
“ไม่แย่งก็ได้ กินไปเถอะ เพราะใช่ว่าฉันจะทำให้เธอกินบ่อยๆ”
“...?”
“ช่วงโปรโมชั่นน่ะรู้จักไหม”
ปูนหัวเราะลั่นแล้วตักโปรตีนสีขาวในส่วนที่ไม่ไหม้เข้าปาก ไข่ดาวมันก็คือไข่ดาวนั่นแหละ ไม่มีรสชาติอะไรที่แปลกไปมีเพียงแค่รอยยิ้มที่จุดขึ้นตรงมุมปากของคนสองคนเท่านั้น มือของปูนและคณิตสอดประสานกันตลอดมื้ออาหารที่ไม่เร่งรีบเท่าไหร่ทั้งที่เป็นเช้าวันจันทร์ ไม่ใช่ว่าไม่มีงานเพียงแต่พวกเขาอยากจะซึมซับความสุขนี้เพิ่มอีกสักนิด
“ถึงจะแปลกๆไปหน่อยที่มาพูดเอาป่านนี้ แต่ก็คิดว่าพูดออกไปจะดีกว่า”
“ปูน...เรามาเป็นแฟนกันเถอะ”
แม้จะผ่านมาแล้วสองวันแต่ปูนยังรู้สึกว่าได้ยินคำพูดของคณิตดังก้องอยู่ในหัว คงไม่ต้องบอกว่าเขากลัวแค่ไหนตอนที่พูดคำว่ารักไป และเขาจะรู้สึกอย่างไรเมื่อมันถูกตอบรับ ร่างเล็กหันไปมองใบหน้าด้านข้างของคนที่บอกว่าจะอยู่เคียงข้างเขาแล้วสัมผัสได้ถึงความสุขอันเปี่ยมล้น
ให้ตายสิ...อยากให้ถึงกลางคืนอีกเร็วๆจัง
“แล้ววันนี้เธอต้องเข้าไปทำงานเลยไหม ในเมื่อไอ้เมษมันยังไม่กลับ”
คนที่รู้ตัวว่าถูกมองแต่แสร้งทำเป็นไม่รู้ถามขึ้น ในขณะที่ปูนเผลอนิ่งไปเมื่อได้ยินคำถามนั้น...เขายังไม่ได้บอกคณิตเลยว่าลาออกจากโรงแรมนั้นแล้ว
“ไม่อ่ะ...”
“งั้นวันนี้ก็ว่างใช่ไหม”
“อืม”
“ดีเลย เมื่อเช้าอิงส่งข้อความมาบอกว่างานเลี้ยงตอนเย็นขาดคนพอดี ไปช่วยหน่อยได้ไหม”
แน่นอนว่าปูนไม่คิดปฏิเสธ เขาตอบรับคณิตด้วยการมอบจูบหวานๆที่มีรสของน้ำส้มเจืออยู่ให้ก่อนจะลุกไปล้างจานและขัดกระทะที่ถูกใช้งานจนดำกว่าทุกครั้ง ในขณะที่เขาทำมันเขาก็นึกถึงเจ้าของชื่อที่ถูกอ้างถึงไปด้วย
เมษา...อดีตเจ้านายของเขา
ไวยิ่งกว่าปรอท เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ปูนประกาศความเป็นศัตรูกับชายคนนั้นไปฝ่ายบุคคลของ The Pilot ก็โทรมาเขาแทบจะทันทีที่ถึงเวลาทำการ ถ้าบอกว่าการลาออกครั้งนี้ไม่เกิดผลกระทบกับปูนเลยก็คงจะเป็นเรื่องโกหก แต่หากเทียบปัญหาเรื่องเงินกับหัวใจ ร่างเล็กเห็นว่าอย่างหลังมันสำคัญกว่ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเมษาที่เพียบพร้อมกว่าเขาแทบทุกอย่างสำหรับปูนแล้วชายคนนี้เป็นศัตรูตัวเป้งที่เขาต้องระวัง
ใช่...เขารู้ว่าเมษาชอบคณิต
ตอนแรกก็ไม่ค่อยมั่นใจหรอก แต่พอลองทบทวนอะไรดูก็เห็นพิรุธหลายอย่าง โดยเฉพาะสายตาที่เมษาชอบใช้มันมองไปยังผู้ชายของเขา...มันเต็มไปด้วยความหลงใหลและอยากเอาชนะ
“ปูน”
“คะ ครับ?”
ร่างเล็กเผลอสะดุ้งเมื่อถูกคณิตแตะเข้าที่สีข้างในระหว่างที่กำลังคิดเรื่องของเมษาอยู่ ชายหนุ่มที่มีเสื้อสูทพาดไว้บนแขนและถือกุญแจไว้ในมือจับปอยผมที่ร่วงลงมาทัดหูของปูนให้เรียบร้อยก่อนจะบอกลา
“ฉันไปทำงานก่อนนะ แล้วเดี๋ยวจะโทรมาตามอีกทีว่าให้ไปกี่โมง”
“แล้วถ้าไม่มีงาน จะโทรหาผมป่ะ”
ปูนแกล้งหยอดถาม โดยที่ข้างในก็แอบอยากให้คนรักตอบว่าโทร คณิตมองใบหน้าออดอ้อนของเด็กหนุ่มตรงหน้าแล้วถอนหายใจ...จะให้ปูนรู้ไม่ได้ว่าใบหน้าแบบนี้มันสั่นไหวหัวใจเขาแค่ไหน
“ฉันไม่ใช้โทรศัพท์ส่วนตัวในเวลางาน”
คำตอบของคณิตทำให้คนตัวเล็กหน้าบึ้งแต่มันก็คลายไปเพราะรอยจูบที่แก้มอันเป็นคำขอโทษจากคนที่บอกลาเขาแล้วเดินไปขึ้นรถของตัวเอง บ้านที่เคยมีเสียงพูดคุยเงียบลงไปทันตา คนว่างงานอย่างปูนจึงใช้เวลาที่มีเหลือเฟือไปกับการทำความสะอาดบ้านและรดน้ำต้นไม้เหมือนที่เคยทำ เพียงแต่ความรู้สึกในระหว่างนั้นมันเปลี่ยนไป เหมือนกับว่า...ที่นี่เป็นบ้านของตัวเองเหมือนกันล่ะมั้ง
ปูนกุมแก้มที่ยิ้มจนปวดของตัวเองขณะกำลังขับรถที่คณิตให้มาใช้ไปยังหอพัก หลังจากวันที่เขาหนีมานอนร้องไห้ที่นี่มันก็ไม่เคยถูกใช้อีก ร่างเล็กมองดูฝุ่นที่จับกันจนหนา หากที่นี่เปรียบเสมือนโลกที่เขาต้องอยู่เพียงลำพัง มันคงได้เวลาที่ปูนสมควรบอกลามันสักที
“ป้าครับๆ ว่างรึเปล่าผมจะมาคุยเรื่องย้ายออก”
ร่างเล็กร้องเรียกหญิงที่ไม่สาวแล้วซึ่งเขาจำได้ดีว่าเป็นเจ้าของหอ คนที่ปูนเรียกวางหนังสือละครในมือของตนลงก่อนจะเดินมาหา
“จะย้ายออกหรอ อ้าว! หนูนั่นเอง”
คนถูกเรียกว่าหนูทำหน้างงน้อยๆ เมื่อจู่ๆป้าเจ้าของหอก็ทำหน้าเหมือนกับว่าดีใจที่เห็นเขายืนอยู่ตรงนี้ ว่าแต่...จำเขาได้ด้วยหรอ
“หนูชื่อปูนใช่ไหม ที่อยู่ชั้นห้า”
“อ่าครับ มีอะไรรึเปล่า”
“คือเมื่ออาทิตย์ที่แล้วตอนที่หนูไม่อยู่มีคนเขามาหาหนูน่ะ”
ปูนทำหน้างงเข้าไปอีก เขาเนี่ยนะมีคนมาหา
“แล้วเขาเป็นใครครับ ได้บอกชื่อไว้ไหม”
“ไม่ได้บอกจ๊ะ ป้าก็รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นใครเพราะตอนนั้นป้าไม่อยู่ให้หลานมันเฝ้าแทนมันก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง มาบอกป้าแค่มีคนมาถามหาคนชื่อปูน ป้าเลยมานั่งนึกๆดูก็เลยจำได้ว่าเป็นหนูเนี่ยแหละ”
คำตอบของเธอไม่ได้ช่วยให้ปูนหายสงสัยเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังนำพาความกังวลใจมาให้อีก แต่เขาก็พยายามสลัดมันทิ้งไปแล้วพูดธุระของตัวเอง
“งั้นก็ช่างเถอะครับ ถ้าเขามีธุระจริงๆคงหาทางติดต่อกับผมเอง ว่าแต่ป้าครับ ถ้าผมจะย้ายออกนี่ต้องทำยังไงบ้าง”
“อ้าว จะย้ายออกหรอ มีปัญหาอะไรรึเปล่าจ๊ะ”
คำถามธรรมดาๆของผู้หญิงคนหนึ่ง ทำให้ปูนหน้าขึ้นสีได้โดยไม่ต้องพยายาม เด็กหนุ่มยิ้มน้อยๆก่อนจะตอบป้าเจ้าของหอไป
“พอดี...จะย้ายไปอยู่กับแฟนน่ะครับ”
“อ่อ มีแฟนนี่เอง แต่น่าเสียดายนะ ถ้าหนูมาเร็วกว่านี้สักสองวัน คงย้ายออกได้เลย”
“อ้าว ทำไมล่ะครับ”
“มันเลยต้นเดือนมาแล้วน่ะสิ ป้าเลยต้องคิดค่าหอเดือนนี้ด้วย”
ปูนร้องอ่อ เขามองเลยไปยังปฏิทินสีชาที่แขวนอยู่ไกลๆก็เห็นว่ามันเป็นจริงอย่างที่เธอว่า เพราะไปสัตหีบซะเป็นอาทิตย์มันเลยเลยเวลาไปแล้ว
“งั้นก็ไม่เป็นไรครับ ป้าคิดราคาตามจริงไปเถอะ”
“จ้า งั้นเป็นว่าหนูย้ายออกเดือนหน้าเนอะ ส่วนห้องป้าจะเก็บไว้ให้ก่อนแล้วกันเผื่อหนูอยากใช้ห้องในเดือนนี้จะได้ไม่เสียสิทธิ”
ปูนตอบตกลงแล้วคุยเรื่องเอกสารกับเจ้าของหออยู่สักครู่ ก็ขอตัวขึ้นไปหยิบพวกสำเนาบัตรประชาชนรวมถึงวุฒิการศึกษาซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เขากลับมาที่หอในวันนี้ เขาเช็คน้ำไฟ กวาดสายตามองไปรอบๆห้องเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกไปแล้วลั่นกลอนมันอีกครั้ง
ก่อนหน้าที่โทรศัพท์ในห้องจะดังขึ้นแค่เพียงไม่กี่นาที...
.
.
.
.
.
.
.
บรรยากาศที่ห่างหายไปนานทำให้ทั้งปูนและคณิตรู้สึกว่าชีวิตของพวกเขาเริ่มกลับเข้าที่ งานเลี้ยงที่พวกเขากำลังดูแลอยู่นี้เป็นงานเลี้ยงอำลาพนักงานชาวต่างชาติของบริษัทรถยนต์ยี่ห้อใหญ่รายหนึ่งที่ถึงแม้จะมีคนไม่มาก แต่งานก็ล้นมือไม่น้อย ทุกคนต่างก็ช่วยกันทำงานสุดความสามารถ แม้แต่คณิตที่ตอนนี้ปูนรู้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใครก็ลงมาทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ แม้กระทั่งการยกแก้วที่ใช้แล้วไปเก็บในจังหวะที่ไม่มีใครว่าง จนเวลาล่วงเลยมาเกือบเที่ยงคืน เสียงเพลงที่เปิดคลอมาตั้งแต่บ่ายก็เงียบลงเช่นเดียวกับห้องจัดเลี้ยงที่กลับมาว่างเปล่าอีกครั้ง คนตัวเล็กที่เพิ่งกลับมาจากห้องน้ำมองดูชายหนุ่มที่ครองหัวใจเขาไว้ทั้งดวงนอนหลับตาอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ คณิตในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเสือที่ไร้การป้องกัน
แบบนี้ต้องแกล้งสักหน่อยแล้ว...
ร่างเล็กย่องเข้าไปใกล้คนที่กำลังหลับจนเขาได้ยินเสียงลมหายใจของคณิตที่ฟังดูคุ้นหูยิ่งกว่าเสียงลมหายใจของตัวเอง ปูนยิ้มกว้างเมื่อสังเกตเห็นรอยเปื้อนจางๆตรงแถวๆหูที่น่าจะเกิดจากตอนที่คนตัวโตเผลอเอามือมาจับโดยไม่ระวัง เขาโน้มหน้าเข้าไปใกล้ขึ้นอีก หวังว่าจะขโมยจุมพิตจากเจ้าชายนิทรา แต่จู่ๆมือใหญ่ๆที่เคยวางอยู่ข้างตัวของร่างสูงก็ขยับขึ้นแล้วคว้าเอาท้ายทอยของปูนไว้
“จะลักหลับฉันยังเร็วไปอีกร้อยปีนะปูน”
ลิ้มร้อนรุกไล่เข้ามาโดยที่ปูนไม่ทันตั้งตัว คนที่เคยคิดจะเป็นฝ่ายจู่โจมถูกดิ้นคลุกคลักเพราะความตกใจแต่พอตั้งสติได้ก็ตอบสนองกลับไปอย่างวาบหวามไม่แพ้กัน ปูนลืมตาขึ้นเล็กน้อยตอนที่กำลังจูบกับคณิตอยู่ ไม่รู้ทำไมเวลาได้เห็นใบหน้าที่แสดงความปรารถนาถึงเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอุ่นใจอยู่เสมอ
“ป๋าแม่ง...ขี้โกงว่ะ”
ปากว่าเขาแต่ดวงตากลับยิ้ม คณิตขยี้ผมของปูนเบาๆก่อนจะยันตัวขึ้นนั่งโดยไม่ลืมที่จะดึงปูนที่ทำหน้าแดงอยู่ให้มานั่งข้างๆกัน
“ผมนึกว่าป๋าหลับซะอีก”
“ไม่ได้หลับแค่พักสายตา แต่ก็แอบเคลิ้มๆอยู่เหมือนกัน”
“งานเยอะหรอ”
“อืม วุ่นตั้งแต่เช้านั่นแหละ มีเอกสารต้องตามเช็คเยอะไปหมด”
หากเป็นเมื่อก่อนปูนคงสงสัยว่าผู้จัดการอย่างคณิตทำไมถึงมีเรื่องให้รับผิดชอบเยอะนักหนา แต่สถานะที่เขาเพิ่งรับรู้ก็ตอบโจทย์สิ่งที่ปูนไม่เข้าใจได้ทุกข้อแม้ว่ามันจะนำพาความรู้สึกที่ไม่ดีมาด้วย
“เป็นลูกเจ้าของโรงแรมนี่...งานหนักเนอะ”
“หื้ม? เธอรู้ด้วยหรอว่าฉันเป็นใคร”
คณิตถามงงๆเพราะจำไม่ได้ว่าเคยบอกเด็กหนุ่มไปว่าเขาเป็นทายาทของโรงแรมนี้ ปูนยิ้มน้อยๆ แต่ไม่รู้ทำไมคณิตถึงรู้สึกว่ามันดูไม่มีความสุขมากนัก
“อืม สักพักแล้ว คุณเมษาบอก”
“ไม่ยักกะรู้ว่าเธอคุยกับเมษาเรื่องนี้ด้วย”
ร่างสูงว่าก่อนจะวางหัวของตนไว้บนบ่าของปูนพร้อมกับหลับตาลง เขาปล่อยให้คนที่อ่อนกว่าลูบหัวของเขาเล่นไปมาได้โดยไม่คิดถือสา
“เป็นลูกเจ้าของโรงแรมแบบนี้เหนื่อยมากไหม”
“มาก แต่บางครั้งมันก็สนุกดี”
“บางครั้ง?”
“อืม ไม่มีใครได้เจอเรื่องดีๆทุกวันหรอกน่า”
ทั้งสองคนเงียบไปเหมือนกับว่าต่างก็กำลังจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ปูนกำลังคิดถึงความจริงบางอย่างที่เขาปกปิดมันไว้ ส่วนคณิตก็คิดถึงท่าทางที่แปลกไปของปูนในหลายวันที่ผ่านมา แม้จะได้ร้องไห้และระบายมันออกมาบ้าง แต่ร่างสูงก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าอะไรที่ทำให้เด็กเจ้าปัญหาของเขาต้องเสียน้ำตาและรอยยิ้มไปตั้งแต่วันนั้น
“ป๋า...ผมมีเรื่องจะบอกแหละ”
“อะไรล่ะ”
“ผม...ลาออกจาก The Pilot แล้วนะ”
คณิตลืมตาทันทีพร้อมกันนั้นก็เปลี่ยนเป็นนั่งตัวตรงแล้วหันหน้าไปหาปูนที่กำลังเสหน้าหันไปมองที่อื่นเหมือนกับกำลังประหม่า จนร่างสูงต้องค่อยๆจับให้คนรักหันมานั่นแหละ ถึงจะคุยกันต่อได้
“มีปัญหาอะไรกับไอ้เมษมันหรอ”
“จะบอกว่ามีก็ใช่...แต่ก็ไม่ใช่เหมือนกัน”
“หมายความว่ายังไง”
“ไม่รู้สิ แต่เอาสั้นๆคือผมไม่อยากทำงานกับทางนั้นแล้ว ทั้งสิ่งแวดล้อมแล้วก็อะไรหลายๆอย่างมันทำให้ผมอึดอัดน่ะก็เลยลาออกมา...ป๋าโกรธไหม”
ถ้าถามว่าการตัดสินใจครั้งนี้สิ่งที่ปูนกลัวที่สุดคืออะไร ก็คงจะเป็นความรู้สึกของคณิตนั่นแหละที่ทำให้ปูนรู้สึกประหม่า ปูนรู้ว่าคณิตเป็นคนที่จริงจังกับงานมาก แม้ปากจะบอกว่าเหนื่อยและไม่สนุก แต่ร่างสูงก็ไม่เคยไม่รับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเองสักครั้ง
“ฉันไม่โกรธหรอก แต่ก็เป็นห่วง”
“ผมไม่เป็นไรหรอกน่า เราจากกันด้วยดีอยู่แล้ว”
ปูนคิดว่าอย่างนั้นนะ...ถ้าหากไม่นับการปะทะคารมระหว่างเขากับเมษาผู้เป็นเจ้าของในวันนั้น แต่เขาค่อนข้างมั่นใจนะว่าทางนั้นคงไม่เอาเรื่องงานมากลั่นแกล้งกัน แต่ถ้าเป็นเรื่องของคณิตล่ะก็...ไม่แน่
“งั้นก็ดี แล้วเธอจะทำยังไงต่อ”
“ก็คงต้องหางานใหม่...ใกล้ๆ...แถวๆนี้”
ว่าแล้วก็หันไปยิ้มให้คณิตอีกสักที คนที่เข้าใจความหมายของคำพูดปูนก็หัวเราะลั่น
“ฮ่าๆ ทีตอนนั้นชวนไม่ยักกะมา”
“ก็ตอนนั้นเล่นตัวอยู่ ตอนนี้ไม่เล่นแล้ว”
คณิตหันไปทำหน้าประมานว่าจริงอ่ะใส่ จนบรรยากาศอึนครึมเมื่อครู่หายไปทันตา ทั้งคู่พากันไปเก็บของที่ห้องทำงานของคณิตก่อนจะมาที่รถซึ่งขามาที่โรงแรมปูนเลือกใช้รถมอร์เตอร์ไซค์รับจ้างอีกครั้งเพื่อที่จะได้กลับด้วยกันได้ พอขับมาได้สักพักปูนก็บ่นหิว คนตัวสูงเลยต้องแวะจอดข้างทางตรงร้านข้าวมันไก่ให้
“ว่าแต่เธอลาออกมาก็ดีเหมือนกันนะ เรื่องนั้นฉันจะได้หมดห่วง”
คณิตพูดขึ้นขณะรับข้าวมันไก่พิเศษสองจานมาจากเด็กเสิร์ฟ ส่วนปูนก็ช่วยจัดช้อนกับส้อมให้
“อะไรหรอ”
“เรื่องเรียน ฉันคิดว่าเธอควรจะกลับไปเรียนต่อสักที”
ปูนทำช้อนร่วงจากมือ แต่คณิตก็รับไว้ได้ทันเพราะเขากะอยู่แล้วว่าคนรักคงมีปฏิกิริยาแบบนี้
“ป๋า...พูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างไหม”
“รู้สิ แถมรู้ด้วยว่าเธอดรอปมาก่อนจะเรียนจบแค่ไม่กี่เทอมเท่านั้น ฉันจะไม่ถามหรอกนะว่าเธอทำแบบนั้นทำไม แต่ในฐานะของคนที่ผ่านโลกมามากว่า ฉันว่าเธอควรกลับไปสู้ต่อสักที”
“แล้วในฐานะคนรัก...ป๋าจะบอกให้ผมกลับไปที่กรุงเทพงั้นหรอ”
น้ำเสียงของปูนฟังดูเว้าวอนจนคณิตอ่อนใจ แต่เรื่องนี้มันสำคัญเกินกว่าเขาจะตามใจร่างเล็กได้เหมือนทุกครั้ง
“ถ้าเธอจะยกสถานะนั้นมาอ้าง ฉันคงขอจบมันตรงนี้ซะดีกว่า”
“...!!”
“ไม่ได้หมายความว่าฉันอยากเลิกกับเธอนะปูน แต่ถ้าการที่เราคบกันทำให้เธอเสียอนาคตฉันก็คงเป็นคนรักที่แย่มาก ฉันยอมทำเป็นไม่เห็นอดีตของเธอได้แต่ฉันยอมให้เธอทำลายอนาคตของตัวเองไม่ได้จริงๆ”
คณิตพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังแต่ไม่ได้กดดันอย่างที่คิด แม้แต่คนฟังที่มีอคติสูงลิ่วอย่างปูนก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงความห่วงใยและหวังดีที่ร่างสูงแสดงออกมา คณิตตักข้าวของตัวเองเข้าปาก เขายังไม่อยากพูดต่อเพื่อให้เวลาปูนได้พิจารณาถึงผลที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำของตัวเอง จะให้บังคับกันก็ทำได้แต่คณิตกลับไม่อยากทำแบบนั้น
ฝ่ายปูนพอคณิตไม่พูดอะไรต่อ เขาก็รู้สึกสับสนจนพลอยหมดความอยากอาหารไปด้วยทั้งที่ตัวเองร้อนจะกินแท้ๆ จนกระทั่งคณิตยื่นช้อนที่มีไก่ชิ้นโตพร้อมน้ำจิ้มมาให้นั่นแหละร่างเล็กถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเขาเหม่อมานานแค่ไหน
“ฉันไม่เคยไม่หวังดีกับเธอ...รู้ใช่ไหม”
ปูนพยักหน้าแล้วยอมอ้าปากรับไก่ชิ้นนั้นมาเคี้ยวไปน้ำตาซึมไปด้วย เขารู้ว่าสิ่งที่คณิตพูดนั้นถูกต้อง แต่สิ่งที่เขาพยายามจะหนีคืออดีตอันขมขื่นที่ไม่อยากจดจำ กรุงเทพไม่ได้น่าอยู่สำหรับปูนอีกแล้ว...นั่นคือสิ่งที่เขาอยากจะบอกให้คนรักรู้
“ผม...เหลือเรียนอีกแค่สามเทอมแล้วก็ฝึกงาน”
“อืม”
“แต่เทอมนี้เขาเริ่มเรียนกันไปแล้ว ให้กลับไปก็คงไม่ทัน อย่างน้อยจนกว่าจะเทอมหน้า...ขอให้ผมอยู่กับป๋าไปก่อนได้ไหม”
น้ำเสียงของปูนเบาหวิวเช่นเดียวกับหัวใจ แต่มันก็ถูกเติมเต็มด้วยคำสัญญาของอีกคนที่หนักแน่นอย่างไม่อาจต้านทาน
“กรุงเทพกับบางแสนอยู่ใกล้กันแค่นี้ แถมปีสูงๆก็ใช่ว่าจะมีเรียนทุกวัน ถ้าวันไหนเธอว่างจะมาอยู่ด้วยกันที่นี่ก็ได้ ถ้าเธอคิดถึงฉันก็จะไปหา”
“ป๋า...”
“สัญญา...ถ้าหากเธอต้องการฉันจะอยู่กับเธอในทุกๆที่”
.
.
.
.
.
.
.
เพราะคำสัญญาของคณิตทำให้ปูนยอมที่จะก้าวไปข้างหน้าต่อได้ แต่อย่างที่ว่าเขาปล่อยให้เวลาล่วงเลยมานานเกินไปจนเพื่อนที่เคยเรียนร่วมห้องกันมาเรียนเลยไปไกลแล้ว ถ้าปูนจำไม่ผิดช่วงนี้ทุกคนคงกำลังเคร่งอ่านหนังสือกันอยู่จนไม่ได้หลับไม่ได้นอน ในขณะที่เขาก็กำลังพยายามในแบบของตัวเองอยู่
“ลงเป็นคอร์สภาษาจีนกับภาษาอังกฤษนะคะ ค่าเรียน 12,000บาทค่ะ”
ปูนหยิบเอาธนบัตรสีเทาจำนวนสิบสอบใบยื่นให้กับพนักงานของสถาบันสอนภาษาที่เปิดอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโรงแรมของคณิตมากนัก แน่นอนว่าเงินทุกบาททุกสตางค์เป็นของเขา ในขณะที่ความคิดเรื่องการมาเรียนภาษาเพิ่มเติมนี้เป็นสิ่งที่ทั้งคณิตและปูนตกลงร่วมกัน
ปูนไม่อยากให้คณิตเป็นห่วง ในขณะที่คณิตก็หวังให้การเรียนที่นี่ทำให้ปูนมีใจอยากกลับไปเรียนอีกครั้ง ร่างเล็กเลือกลงคอร์สในช่วงเวลาเช้าถึงบ่าย ส่วนตอนเย็นและค่ำเขาก็จะเข้าไปช่วยงานที่โรงแรมของคนรักในฐานะบาร์เทนเดอร์และเด็กฝึกงานพิเศษที่จะมีคณิตและอิงอรคอยควบคุมดูแลโดยตรง ปูนจำสีหน้าของหญิงสาวได้ดีว่าเธอดีใจแค่ไหนตอนที่คณิตบอกว่าเขาจะกลายมาเป็นพนักงานของที่นี่ แม้จะเป็นแค่เด็กฝึกแต่อิงอรก็ปลื้มใจเสียจนรีบไปบอกคนทุกแผนก
“ลงทะเบียนเรียบร้อยนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้น้องเข้ามาลองสอบวัดระดับคะแนนดูว่ามีพื้นฐานอยู่ระดับไหน แล้วทางเราจะจัดชั้นเรียนให้ตามความสามารถ ส่วนวันและเวลาก็ตามนี้เลยนะครับ”
“ครับ ขอบคุณมากนะครับ”
ปูนยกมือไหว้คนมีอายุมากกว่า ก่อนจะเดินกลับมาที่รถซึ่งจอดไว้ไม่ไกลเท่าไหร่ พอขึ้นรถมาได้เขาก็จัดการถ่ายรูปใบเสร็จและตารางเรียนส่งไปให้คนที่รอฟังข่าวอยู่ ณ ปลายทาง แถมด้วยรูปเซล์ฟฟี่ของตัวเองอีกสามรูปไปให้ด้วย
“เอาล่ะ เรียบร้อย”
ปูนยิ้มให้กับหน้าต่างสนทนาที่ไม่นานหลังจากนั้นข้อความของเขาก็มีสถานะขึ้นมาว่า ‘อ่านแล้ว’ แทบจะทันที คณิตไม่ได้ตอบปูนกลับมาเป็นข้อความ ร่างสูงเลือกที่จะส่งรูปแก้วกาแฟและงานกองโต รวมถึงรูปใบหน้าด้านข้างที่ทำให้เห็นจมูกโด่งๆและสันกรามคมๆที่ดูยังไงก็เซ็กซี่
ร่างเล็กเซฟรูปถ่ายของคณิตเก็บไว้ในตัวเครื่องแล้วกำลังจะปิดโทรศัพท์เพื่อที่จะขับรถต่อไป แต่เหมือนกับมีอะไรให้เขาดลใจกลับไปดูมันอีกครั้ง
“17 พฤษภาคม...อีกสามวันก็วันเกิดป๋าแล้วนี่”
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คุยกับเช่!
ตอนนี่เรื่อยๆเฉื่อยๆแอบซึ้งเล็กๆ ส่วนตอนหน้าอีเว้นท์วันเกิดป๋าใกล้จะเข้ามาแล้วนะคับ เนื้อเรื่องกำลังจะเข้มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนคนที่งงว่าเขาไปเป็นแฟนกันตอนไหน ก็ที่เกาะนั่นแหละคับ ปูนบอกรักป๋าเสร็จก็อะโบเดเบกัน ฉากเป็นแฟนก็อยู่ในนั้นแต่เช่ยังไม่ได้เขียนนะ มันอยู่ใน extra (จริงๆคือหาเรื่องอู้นั่นแหละ)
วันอังคารนี้นิยายพี่กาลคงจะมาถึงมือเช่ ส่วนนิยายป๋าปูนถ้าใครติดตามเพจก็คงจะเห็นราคาที่เช่เอามาแปะแล้วนะคับ เลยจะมาแจ้งตรงนี้อีกครั้ง เป็นแค่ราคาโดยประมานเปิดขายจริงอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้
:call:หนังสือแบ่งออกเป็น 3 เล่ม เรื่องหลัก2เล่มเล่มละ400หน้า ตอนพิเศษอีก1เล่ม เล่มละ200 หน้า รวมทั้งชุด1000หน้า เปิดขายเฉพาะหนังสืออยู่ที่ราคาประมาน 850 บาท
ส่วน Boxset ราคาอยู่ที่ 260 บาท สามารถเลือกได้นะคับว่าจะเอาหรือไม่เอาก็ได้ แล้วก็มีที่คั่นกับโปสการ์ด แต่รอบนี้มีของแถมพิเศษด้วยคือสมุดโน้ตป๋าปูนขนาดA5 สำหรับผู้ที่โอนเงิน20ท่านแรก และจะเปิดขายสำหรับคนอื่นที่อยากได้เพิ่มเติมในราคาเล่มละ 40 บาทเท่านั้น! แล้วพิเศษสุดๆมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกกันด้วย หากเพจเช่ไลค์ครบพันเมื่อไหร่ จะเปิดให้มีการเล่มเกมชิงหนังสือป๋าปูนกัน ไว้มาร่วมสนุกกันนะคับ ใครอยากติดตามข่าวสารและร่วมเล่นเกมก็เข้ามาไลค์กันนะ^^
ป.ล.ขอบคุณทุกเม้นต์ทุกโหวตและทุกการรอคอยนะคับ (เขียนช้าก็งี้) เหลืออีกแค่(?) 15 ตอนจะจบแล้ว อาทิตย์หน้าเช่ก็คงยุ่งๆกับการแพ็คหนังสืออาจจะมาต่อให้ช้าหน่อย แต่ไม่หายนะ