ตอนที่ 52
..ไฟ..บ้านเลิศประสงค์“หิน ไอ้หิน” ผมเรียก เดินออกไปหยุดยืนอยู่ระหว่างระเบียงทางเดินหน้าห้องนอน
“ครับ !” เจ้าของชื่อที่อยู่ด้านล่าง กึ่งวิ่งกึ่งเดินมาหาก่อนหยุดยืน เงยหน้าขึ้นมองมายังผม
“สบู่อาบน้ำหมด” ผมพูด คิ้วขมวดชนกันด้วยความไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายปล่อยปละละเลยสิ่งที่ผมควรจะใช้เป็นประจำ
“ขอโทษครับ เดี๋ยวผมจะรีบเตรียมให้นะครับนาย” มันบอก ผมไม่ขานรับ เสร็จธุระแล้วจึงจะตรงกลับเข้าห้อง
“เอ่อ นายครับ !” ไอ้หินเรียกผมไว้ ครั้งนี้มันรีบวิ่งขึ้นบันไดมาคล้ายกลัวว่าจะไม่ทันผม
“........” ผมหันกลับไปมอง
“แม่บ้านบอกว่าสบู่ยี่ห้อนี้หมดแล้วนะครับ ปกติคุณพายุจะเป็นคนซื้อไว้ให้นาย เอ่อ คือ..” อีกฝ่ายอ้ำอึ้ง
“อะไรก็เอามาเถอะ กูจะอาบน้ำ” ผมปัดอย่างรำคาญ
“ครับ” ไอ้หินผงกหัว ผมเดินกลับเข้าห้องมา และก็เข้าใจดีว่าไอ้หินพยายามสื่อถึงอะไร สบู่ที่พายุจัดเตรียมไว้ผมใช้หมดไปตั้งแต่เมื่อคืน ทู่ซี้บีบจนหยดสุดท้ายเพราะขี้เกียจเรียกให้คนมาเปลี่ยน คนดูแลเรื่องของใช้ส่วนตัวของผมได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องคือพายุ ส่วนใหญ่แม่บ้านจึงไม่ได้รับหน้าที่ดูแลงานส่วนนี้เมื่อพายุอยู่ มันรู้ว่าผมชอบหรือไม่ชอบอะไร กระทั่งกลิ่นสบู่ก็รู้ดีว่ายี่ห้อที่ผมชอบใช้คือแบบไหน กลิ่นอะไรด้วย
..
“เฮ้อ ~” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ให้หลังพนักงานที่มาจากค่ายมวย ตลาดและห้างฯ หอบเอกสารที่เสร็จแล้วนำกลับไป พี่ธานขยับเข้ามาและเอื้อมมือหยิบเหยือกน้ำเปล่ารินเติมใส่แก้วให้ ผมนั่งมองโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่มีสายโทรเข้า หน้าจอโชว์ชื่อที่เห็นแล้วว่าจากใคร
“รับไหมครับ” พี่ธานถามพร้อมวางเหยือกลงที่เดิม
“อืม” ผมขานรับในลำคอ อีกฝ่ายจึงหยิบโทรศัพท์และกดรับให้ก่อนจะยื่นมันมา
“ว่า...” ผมทัก
“กลับมาแล้วเหรอครับไอ้เหี้ย” ปลายสายส่งคำด่าย้อนมาในทันที การทักทายอย่างกันเองที่ทำให้จู่ ๆ ผมก็หลุดยิ้ม และรู้ได้เลยว่าคงมีเรื่องที่ทำให้คนที่โทรมาไม่สบอารมณ์อยู่แน่
“คิดถึงปะล่ะ” ผมทักตอบ พี่ธานที่ก้มหน้าจัดเอกสารที่อยู่บนโต๊ะอมยิ้มมุมปากน้อย ๆ
“ฮึ !” ไอ้โปรดหัวเราะขึ้นจมูกประชดกลับ
“อีหงส์นมโตมันบอกว่ามึงหายดีแล้ว กูถึงได้โทรมา” ไอ้โปรดแทบสบถ
“หึ ๆ ๆ ๆ” ผมหัวเราะอย่างยั้งไม่อยู่
“หายดีแล้วเหรอ” ปลายสายลดระดับเสียงลงเป็นจริงจัง
“ดีแล้ว” ผมตอบ
“งั้นก็ดี...” ไอ้โปรดตัดบท ผมเงียบลง รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายมีเรื่องสำคัญกำลังจะพูด
“ก็รู้หรอกนะว่ามึงคงอยากจะพักและนี่คงไม่ใช่เวลา แต่.. ที่สนามแข่งมีเรื่องนิดหน่อย”
“จัดการเองไม่ได้เหรอ” ผมสวนถามตามจริงว่ามันควรจะรับมือได้
“แต่มึงควรต้องมาตัดสินใจด้วยตัวเอง ว่าจะให้กูสามารถจัดการเองได้ไหม” ไอ้โปรดย้อนเรียบ ๆ
“........” ผมเงียบ ได้กลิ่นผิดปกติแล้ว
“เหมือนว่าสนามเราจะถูกใช้เป็นที่เดินเงิน” ปลายสายพูดก่อนทิ้งเสียงลงหนึ่งอึดใจ
“ที่จริงเป็นมาสักพักแล้ว พี่สนแกแอบดูพฤติกรรม ไม่กล้าบอกเราแต่แรก แต่วันนี้การ์ดมาฟ้องกูเพราะวันก่อนพวกมันมีปากเสียงกับการ์ด เกือบจะลงไม้ลงมือกัน” ไอ้โปรดเล่า
“เข้าใจแล้ว” ผมตอบรับ
“กูจะอยู่สนามถึงค่ำ เห็นการ์ดบอกว่าปกติพวกมันจะเอารถมาเปลี่ยนตอนค่ำ ๆ อะนะ ถ้ามึงไม่ว่าอะไร กูก็อยากรีบทำให้มันจบ ๆ” ไอ้โปรดรวบรัด
“ได้ อยากทำอะไรก็ทำเถอะ” ผมอนุญาต ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง
“เจอกันตอนเย็น” ผมตัดบท
“ขอบพระคุณ” ไอ้โปรดตอบรับด้วยน้ำเสียงเหนื่อย ๆ ก่อนตัดสายไป
“ไอ้โปรดพูดว่าขอบพระคุณ” ผมยื่นโทรศัพท์มือถือคืนให้พี่ธาน ปกติไอ้โปรดก็ไม่ใช่คนที่ชอบมีปัญหาเรื่องทำนองนี้อยู่แล้วน่ะนะ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ” พี่ธานถาม
“เห็นมันว่ามีคนใช้สนามเดินเงิน” ผมตอบ
“........” พี่ธานเงียบ
“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน” ผมสบตาอีกฝ่าย แต่แท้จริงแล้วกำลังประชดบอกตัวเอง
“ยินดีต้อนรับกลับครับ” พี่ธานอมยิ้ม ตอบรับผมคล้ายเข้าใจในความหมาย...
- - - - - - - - - - - - - - -
19:05 น. : สนามแข่งรถ การได้มีโอกาสออกมาเดินย่อยอาหารนอกบ้านหลังมื้อค่ำ ถือเป็นเรื่องที่ดี.. มั้งนะ
“พวกมันมาแล้วครับ” ไอ้เด่นที่ออกไปดูต้นทาง เดินกลับเข้ามารายงานให้ทราบ
ผมเดินทางมาถึงสนามได้เกือบยี่สิบนาทีแล้ว บริเวณโรงรถฝั่งของทีมพวกผมยังคงเปิดไฟส่องสว่าง ไอ้โปรดและพวกช่างเครื่องของทีมพวกผมอยู่ในนั้นพร้อมหน้า สนามปิดห้าโมงเย็น ดังนั้นจึงเงียบสงบ ไม่มีใครในที่นี้ทราบว่าผมมา รวมทั้งยังไม่ได้ปรากฏตัวให้ใครเห็นด้วย
“นั่นไอ้ดอยครับ ส่วนข้าง ๆ นั่นไอ้นัด” ไอ้เข้มแนะนำ มือข้างหนึ่งชี้ไปที่เจ้าของชื่อ ชายรูปร่างท้วมและสูงใหญ่ กับชายรูปร่างสันทัด ไม่มีอะไรโดดเด่นนอกจากเครื่องแต่งกายที่สวมใส่ แบรนด์เนมหัวจรดเท้า
“..น่าสงสาร” ผมพึมพำผ่านกระจกหน้าต่างที่อยู่ตรงหน้า
“อะไรเหรอครับ” พี่ธานถามอย่างสงสัย
“ใช้ของแพงแต่ดันดูไม่แพงน่ะ” ผมตอบ
“ไอ้ดอยเหรอ จำไม่เห็นได้..” ผมพึมพำ
“คุณไฟเคยเจอมันแล้วนะครับ” พี่ธานพูด
“อ้อ งั้นเหรอ ก็มัน.. ไม่น่าจำ” ผมผลิยิ้มให้พี่ใหญ่ อีกฝ่ายหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ
แกรบ ~
เสียงแกะถุงเยลลีจากผมทำลายความเงียบสงบระหว่างเรา ทุกคนจับจ้องมาที่ผมเป็นตาเดียว เยลลีรสนี้คือรสที่ชอบที่สุด “รสโคล่า” เป็นขนมนำเข้าจากต่างประเทศ หนึ่งห่อราคา 20 บาท มีเยลลีชิ้นเล็กเท่าขี้เล็บอยู่เพียง 8 ชิ้นเท่านั้น
“เมื่อตอนบ่ายคุณก็กินไปแล้วถุงนึงนี่ครับ เอาถุงนี้มาด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับเนี่ย” พี่ธานออกปากบ่น
“ถุงเล็กนิดเดียว” ผมกระซิบพร้อมถลึงตาประกอบว่า มันนิดเดียวจริง ๆ
“หึ..” พี่เขาส่ายหัวยิ้มอ่อน ๆ ผมจึงหยิบเยลลีใส่ปากพี่ธานไปหนึ่งชิ้น อีกฝ่ายรับไปกินอย่างเสียไม่ได้ ส่วนไอ้เข้มกับไอ้เด่นก็ได้รับไปกินอีกคนละชิ้นเล่นกัน
“แบ่งไปแล้วสาม เหลือห้า” ผมพูดเสร็จก็ยกถุงเยลลีกรอกปากทีเดียวหมดห้าชิ้น ความเปรี้ยวที่ผสมไปกับรสโคล่าพุ่งขึ้น เสียวมาตั้งแต่กระพุ้งแก้มยันหางตาทั้งสองข้าง “ซี๊ดดดดดด ~”
“โอ้ววว สุดยอด” ผมชม ได้ลิ้มรสมาก็หลายยี่ห้อแล้ว ยี่ห้อนี้สุดจริง ๆ
“หึ ๆ ๆ” พี่ธานยิ้มกว้าง
ขนมที่อยู่ในปากถูกอมเลี้ยงเอาไว้เพราะยังไม่อยากกลืน ขณะที่ขาก้าวเดินออกไปยังสถานที่ที่จะสามารถทำให้เห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ถนัด นั่นห้องพักที่จำกัดบุคคลหลักเข้าออกได้เพียงไม่กี่คน ความมืดในห้องถูกรักษาเอาไว้ เพราะไม่ต้องการให้ใครทราบว่าพวกผมมาถึงแล้ว มีเพียงแสงไฟจากอาคารฝั่งของโรงรถสาดลอดหน้าต่างเข้ามา
“อะไหล่ตัวนี้เพิ่งสั่งเข้ามาใหม่เหรอ”
“ครับ เพิ่งมาถึงเมื่อเช้านี้เองครับ”
ผมฟังเสียงของไอ้โปรดที่พูดคุยอยู่กับทีมช่าง ไม่ไกลจากมุมห้องที่ผมนั่งอยู่มากนัก จากนั้นจึงเลื่อนเก้าอี้นั่งลง หันหน้าเข้าโรงรถ พลางเงยหน้ามองพี่ธานที่ยืนอยู่ตรงหน้า เยื้องกับประตูหน้าต่าง อีกฝ่ายยืนล้วงกระเป๋ามองออกไปยังโรงรถ หน้าต่างซึ่งเป็นกระจกแบบที่คนนอกไม่สามารถมองเข้ามาด้านในตัวห้องที่เราอยู่ได้ เยลลีที่อยู่ในปากถูกเคี้ยวจนหมดลง ผมถอนหายใจเซ็ง ๆ
“คุณโปรดครับ มีคนมาขอพบครับ” เสียงของไอ้น้ำ ลูกน้องคนสนิทของไอ้โปรดพูดขึ้น ผมหลุดยิ้ม เมื่อเห็นว่าไอ้โปรดได้ยินสิ่งที่ไอ้น้ำพูดแล้ว แต่มันกลับยังมุดเข้าไปในตัวรถทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ใด ๆ
“พ่อมันก็เป็นแบบนี้” ผมพูด พี่ธานอมยิ้มเล็กน้อย
ทีมงานของผมมองไปยังแขกที่มาถึงปะหลับปะเหลือก ไอ้ดอยกับไอ้นัดยืนมองไอ้โปรดด้วยท่าทางไม่พอใจ
“อีตุ๊ดเอ๊ย” ไอ้นัดพูดขึ้น
“สนามนี้แม่งมีแต่พวกชอบของประหลาดรึไงวะ หึ” ไอ้นัดหันไปพูดกับไอ้ดอยที่มาด้วยกัน ช่างเครื่องที่กำลังทำงานอยู่ต่างหยุดชะงัก ไอ้โปรดขยับตัวออกจากตัวรถด้วยสีหน้าเรียบเฉย มันเท้าเอวและเงยหน้าขึ้นมองเพดานที่สูงขึ้นไปหลายสิบเมตร หลับตา ก่อนจะถอนหายใจออกมา เป็นปฏิกิริยาที่ทำเอาพี่ธานที่ยืนอยู่แสยะยิ้มมุมปากคล้ายชอบใจ
“ไหงยิ้มอย่างนั้นล่ะครับพี่ใหญ่ นั่นเพื่อนผมนะ” ผมแซว
“คนอย่างเขา โดนซะบ้างก็ดีครับ” พี่ธานตอบ
“ใจร้ายจัง” ผมลดเสียงลง กวาดตามองพี่ใหญ่
“มองผมแบบนั้นทำไมครับ” พี่ธานถามเสียงนุ่ม
“อย่าให้รู้ว่าแอบไปกินกันที่ไหนนะครับ” ผมกระดกคิ้วข้างหนึ่ง
“พูดอะไรครับ” พี่ธานว่า
“ก็นะ ถ้าได้กันขึ้นมา บ้านอาจจะพังก็ได้นะครับ” ผมวิเคราะห์ด้วยความหนักใจ พลังม้าด้วยกันทั้งคู่
“พรืดดด !” เสียงของไอ้เด่นที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านหลังผมพยายามอดกลั้นเสียงหัวเราะไว้
“เดี๋ยวจะโดน” พี่ธานช้อนตาขึ้นมองไอ้เด่นตาขวางทำเอาอีกฝ่ายเงียบปากไปสนิท ผมอมยิ้ม ยอมตัดบทจบไว้เท่านี้
“สองคนนี้เขามาขอพบคุณโปรดน่ะครับ” ไอ้น้ำบอก
“มีอะไรคะคุณพี่” ไอ้โปรดดัดเสียง ทำจีบปากจีบคอประชดกลับ
“ฮึ ! เหมือนมันจะยอมรับด้วยว่ะว่ามันเป็นตุ๊ด !” ไอ้ดอยถลึงตา หัวเราะชอบใจยกใหญ่
“ค่ะ ว่าแต่.. ในโลกของพวกคุณพี่นี่คงคิดว่าผู้ชายชอบกันนี่เรียกว่าตุ๊ดหมดเลยสินะคะ ฮะ ๆ งงมากเลอะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ เข้าจายยย ~” ไอ้โปรดกะพริบตาพร้อมนำมือทาบอก ผมกัดฟัน กลั้นหัวเราะไว้จนเริ่มรู้สึกอึดอัดท้อง
ครู่หนึ่ง โรงรถขนาดใหญ่ก็เงียบเสียงลงชั่วอึดใจ ไอ้โปรดถอดถุงมือออกแล้วโยนลงตะกร้าสำหรับเก็บถุงมือใช้แล้วใกล้ ๆ
“ผมจะถือว่า พวกคุณกำลังชมรสนิยมอันสวยงามของผมก็แล้วกัน” เพื่อนรักกลับมาใช้โทนเสียงปกติ ใบหน้าที่เรียบเฉยบ่งบอกว่าลึก ๆ แล้วไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
ไอ้โปรดสบตากับลูกน้องที่ยืนอยู่ใกล้ประตูพร้อมผงกหัวครั้งหนึ่ง พวกมันพากันเลื่อนปิดประตูโรงรถลง ทำเอาแขกที่มาถึงมีปฏิกิริยาเลิ่กลั่กให้เห็น...
“ตกลงว่ามีอะไรให้ช่วยไหมครับ เพราะนี่ไม่ใช่เวลารับแขก” ไอ้โปรดถาม
“ใครเปลี่ยนกุญแจโรงรถกู” ไอ้ดอยถาม
“ผมเอง” ไอ้โปรดตอบ
“เสือกอะไร เอากุญแจมา”
“คงไม่ได้หรอกครับ” ไอ้โปรดผลิยิ้มเล็กน้อย
“พี่สนไม่ได้สั่งสอนพวกมึงเหรอ ว่าอย่ามายุ่งกับโรงรถทีมของพวกกู” ไอ้นัดว่า ไอ้โปรดยืนนิ่ง ดวงตาเหม่อลอยมองไปยังผู้พูด
“คุณควรมาใหม่ในเวลางานครับ” ไอ้โปรดพูดบอก
“โฮะ !” ไอ้ดอยแสยะหัวเราะ เดินตรงเข้าหาไอ้โปรด
“เอากุญแจมา” อีกฝ่ายกระซิบพูด
“มาใหม่เวลางาน” ไอ้โปรดตอบ จับจ้องมองคนตรงหน้าที่สูงเสมอกันไม่กะพริบตา
“การ์ดมึงยังทำอะไรกูไม่ได้เลย ตุ๊ดอย่างมึง ก็ไปอยู่ในที่ ๆ มึงควรอยู่ซะไป เอากุญแจมา...” ไอ้ดอยบดฟันกรามแน่น ลูกน้องของไอ้โปรดพากันขยับตัวในทันทีที่เห็นว่าไอ้โปรดถูกว่าอย่างนั้น
“ผมชื่อโปรด ถ้าพวกคุณพี่ยังไม่รู้ กรุณาเรียกชื่อด้วยครับ” ไอ้โปรดยิ้ม
“ฮึ ! ฮ่า ๆ ๆ อีตุ๊ดนี่มันจะให้กูเรียกชื่อมันว่ะ !” ไอ้ดอยหันหลังกลับไปหัวเราะให้ไอ้นัด
“........” ไอ้โปรดนิ่งไปพลางเหสายตาลงเล็กน้อย
“เอากุญแจมา” ไอ้โปรดพูด สบตาไปทางคนคุมความเรียบร้อยของสนามพร้อมแบมือออก พนักงานวางกุญแจลงบนมือของมัน ไอ้โปรดเงยหน้าขึ้นปะทะสายตากับไอ้ดอยอีกครั้ง รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทั้งคู่
“อยากได้ก็มาเอา” ไอ้โปรดไม่พูดเปล่า มันยัดพวงกุญแจเข้าไปในเป้ากางเกงโดยทันที ทำเอาช่างเครื่องพากันหัวเราะคิกคักชอบใจ
“มาเอาสิคะคุณพี่ แต่ระวังงูฉกนะ ฉก ๆ ฉก ๆ ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ไอ้โปรดท้าทาย กระดกเอวขึ้นลงสู้อากาศ
“เฮ้อออ..” เสียงพี่ธานถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ไอ้สัส !” ไอ้ดอยสบถและเดินเข้าหาไอ้โปรดหน้าดำหน้าแดง ไอ้น้ำเคลื่อนตัวเข้าไปขวางไว้
“อย่าเสือก !” ไอ้ดอยผลักไอ้น้ำออก ด้วยความที่เป็นคนรูปร่างสันทัดจึงเซไปตามแรง
“โกรธจนลมออกจมูกเลย ตายแล้ววววว ~~” ไอ้โปรดถลึงตา ยิ้มกว้าง
“มึง” ไอ้ดอยบดฟัน คว้าคอเสื้อไอ้โปรดขึ้นทันที
“ปล่อยคอเสื้อกูไอ้อ้วน หึ.. มึงนี่น่าจะเป็นผู้ชายคนแรกเลยที่กูเหม็นกลิ่นเหงื่อจากตัวมึงจนจะอ้วกอยู่แล้ว”
“กูไม่ปล่อย หึ.. ไม ? มึงนึกว่ากูกลัวพวกมึงเหรอ” ไอ้ดอยแสยะยิ้ม กวาดตามองไปยังการ์ดที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“ปล่อยคอเสื้อกู” ไอ้โปรดย้ำ
“ฮึ.. ตุ๊ดอย่างมึงน่...”
ผลัวะ !!! ไม่ทันให้ไอ้ดอยได้พูดจบประโยค ไอ้โปรดก็กระแทกหัวเข้าใส่จมูกของไอ้ดอยเต็มแรง ไอ้นัดส่งเสียงโวยวายในทันทีที่เพื่อนของตนถูกจู่โจม
“กูบอกให้เรียกชื่อกูไง ไอ้สัสสสสสส !!!” เพื่อนผมตวาด เสียงของมันลั่นโรงรถจนก้องเข้ามาในห้องที่ผมอยู่ชัดเจน หูของมันแดงด้วยอารมณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ มันหยิบประแจอันใหญ่ที่วางอยู่บนกล่องเครื่องมือ ปรี่เข้าไปฟาดไอ้ดอยเต็มแรง
แต่ด้วยความที่ไอ้ดอยเป็นคนร่างใหญ่ สภาพมันยังมีแรงพอที่จะถีบไอ้โปรดจนล้มลงไม่เป็นท่า..
“คุณไฟครับ” พี่ธานเตือน
“ปล่อยมัน” ผมบอก
“ฮ่า ๆ ๆ เอาเลยไอ้ดอย !” ไอ้นัดส่งเสียงเชียร์ ไอ้โปรดดันตัวเองให้ลุกขึ้นก่อนที่ไอ้ดอยจะพุ่งเข้าใส่ มันแทงประแจที่ถืออยู่ในมือเข้าไปที่คอหอยของไอ้ดอยทันที
“อ้ากกกกกก !”
“ไอ้ดอยยยย !!!”
ทั้งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจากการต่อสู้ ทั้งเสียงตะโกนโหวกเหวกจากคนดูก้องไปทั่วบริเวณโรงรถ ประแจที่อยู่ในมือของไอ้โปรดเต็มไปด้วยคราบเลือดจากใบหน้าของไอ้ดอย
“หยุดได้แล้ว !” ไอ้นัดตะคอก
“........” ไอ้โปรดชะงัก มองปากกระบอกปืนจากไอ้นัดที่จ่อมายังตน
“กูไม่สนุกแล้ว เสียเวลาฉิบหาย เอากุญแจมา” ไอ้นัดข่มเสียงลง ปากสั่นด้วยความโมโห
“หึ..” ไอ้โปรดผลิยิ้ม ขยับตัวลุกขึ้นในขณะที่ไม่ละสายตาไปจากไอ้นัด
“พวกมึงรู้ไหม โลกนี้มีสิ่งที่กูกลัวอยู่สองอย่าง” ไอ้โปรดหันไปพูดกับพวกพนักงานทุกคนด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างดัง
“กลัวตาย กับกลัวไม่ได้เย็x ไอ้เชี่ยยย นี่กูแม่งไม่รู้เลยว่ากูกลัวอันไหนมากกว่ากัน กร๊ากกก” เพื่อนรักยืนเท้าเอว อ้าปากหัวเราะลั่นอยู่คนเดียว
“แต่บางที...ก็คิดว่ากลัวไม่ได้เย็xมากกว่า” ไอ้โปรดเดินเข้าหาด้วยรอยยิ้มที่เปื้อนบนใบหน้า ประแจได้ทำหน้าที่อีกครั้ง มันฟาดเข้าที่ข้อมือของไอ้นัดไม่ทันตั้งตัว ปืนกระเด็นหลุดมือเจ้าของออกไปไกล ในขณะที่ไอ้นัดเอาแต่ร้องด้วยความเจ็บปวด
“มึง.. มึงรู้ไหมว่ามึงกำลังเล่นอยู่กับใคร !?” เสียงของไอ้นัดสะท้อนไปทั่ว ทันทีนั้นความเงียบก็เข้ามาแทนที่ ผมลุกขึ้น เดินออกจากห้อง ได้ยินเสียงคนที่โรงรถยังคงบอกสรรพคุณของลูกพี่ตน