The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real Me อย่าท้าให้บ้ารัก ตอนที่ 61 - ตอนจบ [ส. 11 ธ.ค 64 หน้า 82]  (อ่าน 445677 ครั้ง)

ออฟไลน์ JaaJaaJaaJaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
อ่านมาถึงตอนนี้แล้วนั้นอยากจะขอเบบี้อย่างหนึ่งได้ไหมคะ ?:z13:
.
.
.
ขอเป็นเมียไฟค่ะ อิอิ :katai2-1:
เราหลงรักแคแรคเตอร์ไฟสุดหัวใจเลย นี่มโนว่าถ้าชีวิตนี้ได้เจอผู้ชายแบบไฟจะผลักไสตัวเองไปเป็นเมียชั่วคราว เมียแก้เหงา แก้เงี่ยน ก็ยังดี อยากอยู่รอบๆตัวไฟ :z3: ไฟมีเกแอพพีลสูงมากและเซ็กซี่ว่ะเฮ้ย!!!! กรี๊ดดดดดดด กูหลงมึงไอ้ไฟ  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
แล้วไปทำไม เออนะ อยากรู้
แต่ปากเลือดมาเลียนี่ อหหห. ดิบสัส
โบกป้ายไฟพี่ไฟค่ะ

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
มีเรื่องได้ตลอดปวดหัวแทนไฟจริงๆ  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
มาคอยกัน สมุทรจะให้เหตุผลไฟยังไง แล้วไฟเองจะไปต่อเรื่องสมุทรแค่ไหน  :mew5: :mew5:

ออฟไลน์ aehJTS

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +216/-8
ไฟชัดเจนดีชอบ ไม่ต้องเก็บแล้วไปคิดเอาเอง
ชอบไม่ชอบอะไรบอกกันชัด ๆ  o13

 :pig4: ค่ะ

ออฟไลน์ snack

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 951
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
ไฟเป็นคนน่ากลัวมากโหดกับลูกน้องคนอื่นยังพอเข้าใจได้คนทรยศยังไงก็ต้องโดนลงโทษ

แต่กับสมุทรถ้าจะปรามก็ไม่น่าจะลงไม้ลงมือขนาดนั้น

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ

ออฟไลน์ MooMiew

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
แค่10วันหลังจากอ่านตอนก่อนหน้า พี่สูงเป็นใคร โธ่ความจำ

เรื่องทรยศหักหลังนี่มันละเอียดอ่อนมากเลยนะ คนเราก็ต้องการความไว้ใจเชื่อใจจากคนที่เรารู้สึกดีๆด้วยทั้งนั้นแหละ

กำลังเข้มข้น สมุทรจะทำไงต่อไป รอติดตาม  o13

ออฟไลน์ anythinginitt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
้นานๆ จะเจอตัวเอกแบบไฟ
ดูมีสติและรู้เท่าทันตนเองอ่ะ มองโลกอย่างที่โลกเป็น

ออฟไลน์ +pEnGuIn+

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
โอ๊ยยยย สมุทรไปทำไมมม อยากรู้เลยอ่า
นี่เข้าใจพี่ไฟนะ เป็นเราก็คงโกรธแต่พี่ไฟก็ชัดเจนดี
เตือนในสิ่งที่ควรเตือน
พี่ไฟก็ยังคงเป็นพี่ไฟที่ไม่เชื่อใจใครเลยซักคน
ความรักของสมุทรจะเปลี่ยนพี่เค้าได้มั้ยนะ
แต่ก็ยังไม่อยากจะคิดไกลเพราะสมุทรยังไม่ใจอ่อนให้พี่ไฟเลย
ถถถถถถถถถถถ
มาต่อไวๆน้า เป็นกำลังใจให้ค่าาา

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9
จะสั้น จะนานก็รอได้ค่ะ แค่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านก็ขอบคุณมากแล้วค่ะ :mew1: :mew1: :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pornvrin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
แอบเข้าข้างไฟนิดนึง แต่ยังไม่ปักใจเรื่องสมุทร แต่บางทีตรรกะการใช้ชีวิตของไฟ มันเป็นเรื่องยากนะ ที่จะให้ใครคิดเหมือน ยากอะเรื่องนี้

ปล.ดราม่าเข้มข้นฝุดๆ

ออฟไลน์ naumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
ชอบไฟอ่ะ อ่านตอนใหม่แต่ละตอนชอบมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ชอบที่สุดคือแนวความคิด ตัวตนของไฟในเรื่องคิดได้ขนาดนี้ คนเขียนจะขนาดไหน ยอมรับเลยค่ะ คุณเป็นอะไรที่พิเศษมาก อยากเจอตัวจริงสักครั้ง

ออฟไลน์ NCJung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 988
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-5
อืมมม กินเลือดสมุทรด้วย คุณไฟโรคจิต 5555

ออฟไลน์ CoMa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
เฮียไฟเค้าก็โหดแบบมีเหตุผล แต่ทำไมรู้สึกละมุนตอนเฮียปาดเลือดที่แก้มสมุทร>_<

ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5
โหด..แต่ก็ยังถือว่าปราณี!!!

จุดยืน..ความเป็นตัวตนของไฟชัดเจนเสมอ..

หลงรักจังๆ

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับคุณไฟนะมงคล
ส่วนสมุทรก็หวิวๆอยู่เหมือนกันตอนสมุทรไปผับ
แต่ก็หวังอยู่ลึกๆว่าอย่านะสมุทร
อย่าทำอะไรให้คุณไฟไม่พอใจ
ไม่งั้นไม่ตายดีแน่ๆ อดเป็นพระเอกแน่ๆสมุทร

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ Ball

  • He exists now only in my memory.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-0
ขอย้ำแบบขีดเส้นใต้เน้นตัวหนาแบบโตๆว่าอยู่ #ทีมไฟ
เราชอบและหลงรักทุกความคิดและการกระทำของไฟ
ชัดเจนขนาดนี้ รู้ทั้งรู้ว่าถ้าทำ จะเกิดอะไรขึ้น
แต่ก็นะ คนมันเลี้ยงไม่เชื่องก็คือเลี้ยงไม่เชื่องวันยังค่ำ
กว่าไฟจะมาถึงจุดนี้มันไม่ง่าย กว่าจะเป็น "นาย" คนได้ คิดว่าต้องแลกมากับอะไรกัน?
ทุกอย่างที่หล่อหลอมให้ผู้ชายคนนี้คิดแบบนี้ทำแบบนี้
เราว่ามันยากเกินกว่าใครคนนึงจะคิดฝันเลยล่ะ
แยกสถานะ ความรู้สึกส่วนตัว ทุกอย่าง ถ้าทำไม่ได้คงได้ตายไปนานแล้ว
ชอบคำพูดที่ว่า ไม่มีใครได้ทุกอย่างที่ใจต้องการ เราเห็นด้วยล้านเปอร์เซ็นต์
วันนี้คุณคิดว่าคุณได้ แต่จะมั่นใจได้ยังไงว่าอนาคตจะได้ด้วย
หลายๆอย่างก็เช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่ความรัก ซึ่งมันก็แค่เป็นความรู้สึกนึงที่ครั้งนึงอาจจะมากมาย
แต่หลายปีผ่านไป เราว่ามันเจือจางลงแน่นอน เชื่อได้จริงหรอความรู้สึกแบบนี้
มากกว่าความรัก ที่จะทำให้ความสัมพันธ์คงอยู่ได้มันมีองค์ประกอบมากมาย
อย่างน้อยที่สุดความซื่อสัตย์เป็นพื้นฐานนึงในทุกอย่าง ความเคารพและให้เกียรติก็เช่นกัน

การที่ไฟเตือนสมุทรในลักษณะนี้ เราว่ามันชัดเจนดี
สมุทรควรรู้ว่า ณ ตอนนี้ตัวเองคือใคร และควรกับไม่ควรทำอะไร
ถึงไฟจะจีบก็แล้วไง เรื่องส่วนตัว กับการเป็น "นาย" มันรวมกันได้หรอ
ในเมื่อเขียนยังต่างกัน จะให้กระทำเหมือนกันก็คงไม่ได้
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ไฟอยู่วงการนี้ได้และเราเชื่อว่าจะอยู่ได้อีกนาน
คือการแยกแยะนี่แหละ คนเราคนนึงมีบทบาทที่ต้องได้รับมากมาย
เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นคนรัก เป็นเจ้านาย เป็นลูกน้อง
แต่สิ่งสำคัญที่สุด ก็ต้องดูด้วยว่าในตอนนั้นคุณอยู่สถานะไหน
ทำสิ่งไหนได้และทำสิ่งไหนไม่ได้

อยากฝากถึงสมุทร โดนมาก็หลายทีไม่รู้หรอว่าว่าที่เมียตีนหนักมือหนัก
เราไม่คิดว่าสมุทรจะทรยศหรอก แต่ก็ช่วยกรุณาทำให้เห็นด้วยว่าซื่อสัตย์จริงๆ
ในเมื่อไฟมันแยกแยะออกได้ขนาดนี้ อย่า"หา"เรื่องเลยนะ
คนเรามันไม่ใช่ยอดมนุษย์ที่จะแก้ได้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของคนอื่น...

ปล.ถึงจะยังเคืองสมุทร แต่ก็อยากให้สมุทรตกหลุมไฟเร็วๆ
คนแบบไฟไม่ใช่อ่อนไหวไม่ได้นะ แค่บางทีไม่แสดงออกก็เท่านั้น
ตอนนี้ไม่ได้สมุทรไม่เป็นไร แต่ไฟได้เรานะ you've got my back baby!
จริงๆก็ได้มาตั้งแต่เราเริ่มอ่านล่ะ ฮ่าๆ
เราแค่รักไฟที่เป็นเป็นไฟในแบบของตัวเองนี่แหละ
ขนาดเรายังเป็นขนาดนี้ สมุทรมันต้องหวั่นไหวสักนิดมั่งแหละ!

ขอบคุณเบบี้นะคะ เป็นกำลังใจให้และรอติดตามค่า

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-01-2017 17:13:07 โดย Ball »

ออฟไลน์ chuxm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบนิยายแบบนี้มากค่ะสนุกมาก ดูเรียลจริงๆ เป็นกำลังใจให้ค่ะ :katai2-1: o13

ออฟไลน์ เอวา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เออ กูพึ่งรู้สึกตัวว่ะว่าชอบเฮียไฟเข้าให้แล้ว เผลอๆกูคงรักเค้าเลยแหละ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ flowerloveyaoi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
แปะไว้เดี๋ยวมาอ่าน

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0

ออฟไลน์ candynosugar+

  • กลัวแล้ว
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-2
    • CDNSG+
ไม่ได้อ่านนิยายในเล้าเป็ดมานานมากกกกกกก
วันก่อนเกิดนึกครึ้มอะไรไม่ทราบเลยกดเข้ามา เจอนิยายของพี่เบบี้ที่ไม่ได้อ่านมานานแล้วเช่นกันพอดี...

โคตรรรร คิดถึงเลยค่ะ!

ใช้เวลา 2 วันกว่าจะตามอ่านจนทัน ไม่ผิดหวังเลย
เราชอบวิธีบรรยาย โครงเรื่อง ลักษณะนิสัยตัวละครที่มีตื้นลึกหนาบางแตกต่างกัน
อ่านนิยายแนวมาเฟียๆ มาก็หลายเรื่อง เจอหลายเรื่องเหมือนกันที่ตัวละครมาเฟียชอบทำตัวแบบตลกๆ "..."
แต่เราชอบไฟนะคะ เราว่าบทเวลาที่จะมีเรื่อง มันดูไม่มากเกินพอดี ทุกอย่างดูมีเหตุผลรองรับ
ส่วนเรื่องไฟสมุทรใครจะรุกรับอันนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย เราแบบ ได้ครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน

สรุปคือรอตอนต่อไปนะคะ เข้าใจว่ามีธุระต่างๆ ไม่ต้องรีบก็ได้ เรารอได้เรื่อยๆ
รักและคิดถึง :man1:

ออฟไลน์ Sadistic_seme

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
รอไฟมาแจกแต๊ะเอีย  :mew1: :mew1: :mew1: :mc4: :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ tulakom5644

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ยังเจ้มจ้นและน่าติดตามเฉกเช่นทุกตอนค่ะ แต่ตอนอ่านแล้วแอบเคืองแทนไฟอยู่นะ ที่สมุทรทำเหมือนมีเรื่องลับหลังไฟ  :z3:

ออฟไลน์ Ball

  • He exists now only in my memory.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-0
คิดถึงไฟจังเลยค่ะคุณเบบี้  :hao5:

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15


ตอนที่ 39
..ไฟ..




07:23 น. : บ้านเลิศประสงค์

“คุณไฟ ตื่นแล้วหรือคะ” ป้าอิ่มยิ้มรับ 

“ขอกล้วยหอมปั่นโยเกิร์ตให้ผมหน่อย” ผมสั่ง

“ได้ค่ะ” เธอผงกหัว  ดวงตาเหลือบมองลูกมือของเธอคล้ายเป็นการส่งทอดหน้าที่ต่อ

“คุณพายุเตรียมอาหารเช้าเสร็จพอดีเลยค่ะ”

“อีกละ” ผมพึมพำกับตัวเอง  ป้าอิ่มได้ยินถึงกับอมยิ้ม 

“แล้วรออะไรครับ” ผมเหลือบมองเธอที่ยังคงยืนรออยู่ที่ตีนบันไดไม่ไปไหน  ในมือถือกล่องอาหารขนาดเล็กสำหรับพกพาสะดวก

“เอ่อ..” ป้าอิ่มอ้ำอึ้งพร้อมยิ้มอ่อน

“มาแล้วคร้าบ!” ผมหันไปมองชั้นสองของบ้าน  ไอ้ดินตะโกนโวยวายออกมาจากห้องนอนพร้อมเสียงประตูที่ปิดเสียดังลั่น  ชุดนักเรียนแต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อยอย่างกับนักเรียนดีเด่น  มาพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มทันทีที่เจ้าตัวเห็นว่าผมยืนอยู่กับป้าอิ่มด้วย 

ผมเหลือบสำรวจน้องชายหัวจรดเท้า  ไม่มีที่ให้ติเช้านี้จึงไม่ต้องเปลืองน้ำลาย  ผมไม่ชอบให้คนใกล้ตัวแต่งชุดนักเรียนหรือชุดนักศึกษาไม่เรียบร้อย  ตัวผมเองและพี่ธานมักจะแต่งตัวถูกต้องตามกฏของโรงเรียนเสมอจนเรียนจบมหาวิทยาลัย  ชายเสื้อที่ควรอยู่ในกางเกงก็มักจะอยู่ในกางเกงเสมอแม้ว่าจะออกจากโรงเรียนแล้ว  ถึงเราจะเป็นคนดีหรือไม่  สำหรับผม ในเมื่อเรายังอยู่ในเครื่องแบบของสถาบันก็ควรให้เกียรติในระดับหนึ่ง  มันเป็นหน้าเป็นตาของตัวเราเองซึ่งก็เป็นสิ่งที่ไม่ได้ปฏิบัติยากอะไร  ผมเองก็ยังไม่ได้ขาดใจตายห่าจนทุกวันนี้  พอทำอย่างเคยชินก็มีแต่จะแต่งตัวง่ายไปโดยปริยายเสียด้วยซ้ำ

“เฟรนช์โทสต์โรลค่ะ ตามที่สั่ง” ป้าอิ่มยื่นกล่องให้ไอ้ดินทั้งสองมือ

“ขอบคุณมากครับ ป้าอิ่มน่ารักที่สุด~” มันยกมือไหว้พร้อมรับกล่องไปกอด

“เฟรนช์โทสต์ ?” ผมเหล่ตามอง

“หน้าอย่างมึง ข้าวต้มหมูก็หรูแล้ว” ผมสบถหัวเราะเดินหนี

“โหย เฮียอะ! ไปเรียนละนะ!” มันว่า

“เออ!” ผมตอบอย่างไม่คิดที่จะหันหลังไปมอง

“หันมามองกันหน่อยเซ่!” ไอ้ดินตะโกน  เสียงของมันดังขนาดที่ว่าพายุที่อยู่ในห้องอาหารถึงกับต้องชะโงกหน้าออกมามองตรงประตู  ผมจึงยอมหันกลับไป  อีกฝ่ายฉีกยิ้มกว้างรอ

“ตามจริงมึงควรถึงโรงเรียนตั้งนานแล้ว” ผมอดเหน็บไม่ได้ 

“โด่ว~ หวัดดีคร้าบท่านพี่ทั้งสอง” มันโค้งตัวลงเก้าสิบองศาตัดบทอย่างสวยงาม  ..ดูแล้วกวนส้นตีนนิด ๆ  แม่บ้านที่เห็นพากันหัวเราะคิกคัก

“วันนี้มีขนมปังไข่ดาวอะโวคาโด” พายุรีบสาธยาย  ผมเดินไปนั่งที่เก้าอี้ที่นั่งประจำ

“นี่คือชื่อเมนู ?” ผมกวน  พี่ธานเข้ามาถึงเอ่ยปากทัก “หวัดดีครับ” ให้ได้ยิน

“แล้วก็ไข่ม้วนแฮมชีส” พายุบอก  จานไข่ม้วนแฮมชีสวางลงข้าง ๆ
 
“เออ ให้มันได้อย่างนี้ดิ” ผมชมอย่างพอใจ  จานอาหารที่ถูกตกแต่งด้วยผลไม้รอบจานอย่างน่ารับประทาน  นาน ๆ ทีจะพ้นของร้อนในยามเช้า  เห็นแล้วสดชื่นเป็นบ้า

“คุณพายุทำเหรอครับ” พี่ธานถาม

“ครับ” พายุผงกหัวยิ้ม

“สมุทรมาถึงแล้วนะครับ” พี่ธานบอกขณะที่เลื่อนเก้าอี้นั่ง  ผมผงกหัวเป็นการรับทราบว่าตนเองได้ยินแล้ว

“ตารางสอบของยุกับดิน” พายุพูดถึงกระดาษต้องสงสัยที่วางอยู่ข้างจานอาหารของผม  พอมันบอกอย่างนั้นผมจึงหยิบขึ้นมาดูรายละเอียด

“วันถัดมาหลังจากที่ยุสอบเสร็จ ยุมีแข่งปิงปองรอบชิงก่อนนะ” มันบอก

“นี่มึงจะเข้ารอบชิงแล้วเหรอ” ผมทำหน้าตกใจจงใจแกล้งกวนน้องชาย  อีกฝ่ายถึงกับมองค้อนมาอย่างไม่พอใจที่ผมไม่สนใจมัน  ผมหัวเราะ  วางกระดาษลงที่เดิม

“กูจะให้มึงสองคนไปเซี่ยงไฮ้สักพัก ต้องขึ้นเครื่องทันทีที่มึงวางไม้ปิงปอง” ผมสรุปพร้อมลงมือกินขนมปังไข่ดาวอะโวคาโดห่าเหวอะไรนั่นของมัน

“แต่..เฮีย ไม่ต้องให้ยุอยู่ก่อนเหรอ” มันถามตะกุกตะกัก  ลังเลไม่อยากที่จะไป

“ไม่ หลังจากนั้นไม่ต้อง” ผมตอบ  ตามองจานอาหาร  ตั้งใจให้ลิ้นรับรู้รสชาติที่ถูกปากนี้

“แต่...” พายุอ้ำอึ้ง  ทำท่าจะเสนอเหตุผล

“ไม่ต้อง” ผมสรุปย้ำอีกครั้ง  ตาช้อนขึ้นมองอีกฝ่าย

ผมทราบดีว่าพายุมองออกว่าพวกผมกำลังทำอะไรอยู่  การที่พี่ทัพมาหาถึงบ้านคงทำให้พายุไม่สบายใจในหลายเรื่อง  รวมทั้งผมเองก็ผิดที่เลือกที่จะไม่อธิบายใด ๆ ให้กับมันได้รับทราบ  ที่ผมไม่ต้องการให้พวกมันอยู่เพราะไม่ต้องการให้เป็นห่วงและรับรู้เรื่องที่ควรเป็นห่วงมากกว่านี้  อีกทั้งผมไม่ต้องการห่วงหน้าพะวงหลังด้วย

“มึงกลับมากูจะซื้อหมาตัวที่มึงอยากได้ให้ โอเคไหม” ผมเสนอ  ต้องการให้เรื่องราวจบโดยดี

“.........” อีกฝ่ายนั่งเงียบเชียบ  เรียกว่านิ่งสนิท 

“ไหนเฮียบอกว่าจะไม่ยุ่งกับเรื่องพวกนี้แล้วไง” พายุพูดหน้าตรงไม่ได้เจาะจงมองที่ใคร  ผมกับพี่ธานได้แต่เงียบ  มือยังคงถือขนมปังค้างไว้อยู่

“พี่ทัพต้องการความช่วยเหลือ แล้วกูก็ไม่ได้จะเข้าไปยุ่งเต็มตัว แค่..แค่บางเรื่อง” ผมอธิบาย  ทิ้งเสียงลงพักใหญ่จนแม่บ้านที่ยืนอยู่ปากประตูห้องอาหารทราบว่าเรากำลังพูดถึงเรื่องส่วนตัวจึงทยอยออกไปทีละคน

“ตามจริง..ถ้าไอ้กริดมันไม่เข้ามาในเขตของเรา กูก็คงจะไม่ยุ่งเท่าไหร่ ส่วนพี่ทัพก็คงไม่ขอให้ช่วย”

“มันเรื่องใหญ่แค่ไหน ?” พายุมองมา  คำถามที่ทำให้ผมตอบในทันทีไม่ได้

“ใหญ่กว่าที่ผ่านมาใช่ไหม”

“พายุ..” ผมทิ้งเสียง   

“ทำตามที่พี่ขอก็พอได้ไหม” ผมถอนหายใจนิดหน่อยอย่างอดไม่ได้  มือคว้าส้อมจิ้มสับปะรดวางลงบนจานให้พายุกึ่งบังคับให้มันกิน  มันจะได้เลิกถามสักที

“เฮียชอบผิดสัญญาตลอดเลย” พายุบ่น  คิ้วขมวดเป็นปม  อีกฝ่ายลงมือกินทั้งที่หน้ายังมุ่ยตุ้ยอย่างนั้น

“กูทำแบบนั้นบ่อยเมื่อไหร่เล่า” ผมอมยิ้มมุมปาก  ขนมปังกัดเข้าเต็มปากจนแก้มนูนขึ้นพร้อมหลิ่วตาให้พี่ธานยิ้ม ๆ

“ยุจะบอกม้า” มันพึมพำ  เสียงส้อมกระแทกลงบนจานดังหนวกหู

“บอกย่าด้วย”

“ฉี่~” ปากผมเผยอออกพร้อมเสียงประหลาดเมื่อได้ยินอย่างนั้น  หลังเอนพิงพนักเก้าอี้  พี่ธานหัวเราะมอง

“เฮ้อ คิดถึงปู่เป็นบ้า!” ผมกวนกลับ 

ดูเหมือนอาหารมื้อเช้าวันนี้ที่แปลกลิ้นทำให้ผมกับพี่ธานมีเรื่องให้แกล้งคนบนโต๊ะเป็นพิเศษ  พายุเลือกที่จะกดโทรศัพท์ไปด้วย  หัวข้อสนทนาเปลี่ยนไปในเรื่องของหมาพันธุ์ที่น้องชายผมต้องการ  มันดูวนไปวนมาแล้วก็ยิ้มกริ่มเป็นคนบ้าในโลกของมันคนเดียว 

เสร็จจากโต๊ะอาหารเราแยกย้ายกันไป  พี่ธานได้รับมอบหมายให้ไปที่ค่ายมวยแทนผมในเช้าวันนี้  ผมจะไม่เข้าไปที่นั่นรวมถึงจะไม่ออกไปไหนอีกด้วย  เราจะมีการรวมตัวสำคัญอีกทีในค่ำวันนี้  ผมจึงอยากใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยสักหน่อย  ชุดนอนถูกเปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้นสำหรับออกกำลังกายตัวเดียว  ร่างกายที่ถูกล้างหน้าและแปรงฟันเท่านั้น  รอยพกช้ำตามร่างกายจางหายไปแล้ว  เหลือแต่แผลบนใบหน้าที่เป็นแผลเป็นหลงเหลือให้เห็นอยู่ 

สมุทร เข้ม เด่นและรุ่งอยู่ที่โรงฝึก  พายุออกไปพร้อมหินที่รับหน้าที่ขับรถของพายุให้  ตอนนี้มีเพียงสมุทรคนเดียวที่ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเพื่อเข้าฝึก  เขาคงรอคำสั่งจากผมว่ามีเหตุจำเป็นต้องไปข้างนอกหรือเปล่า  อีกฝ่ายเดินออกมารอที่หน้าโรงฝึกเมื่อเห็นผมปรากฏตัวออกมาจากบ้าน  เขายืนกุมมือสงบเสงี่ยมไม่สบตาผมนัก  ใบหน้าที่มีลักษณะเรียบเฉยยังคงเป็นอย่างนั้นเป็นปกติ  ผมเดินไปหยุดยืนตรงหน้าเขา  ทำให้อีกฝ่ายจำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นมองเป็นมารยาท  เรื่องของเมื่อคืนคืออดีตที่ผมถือว่าเป็นการเตือนอย่างจบแล้วจบเลย  ครั้งเดียวอย่างไม่ขอพูดซ้ำซาก  เช้าวันนี้คือเช้าวันนี้  ปลายจมูกของสมุทรที่ถูกชกนั้นช้ำเป็นสีแดงเข้มเด่นชัด  ไม่แปลกใจอะไรเพราะลูกน้องผมคนอื่น ๆ เคยโดนหนักกว่านี้  ดังนั้น สำหรับเขานี่ถือว่าเบามากแล้ว 

“วันนี้ไม่ต้องออกไปไหน เดี๋ยวนายลงนวมกับไอ้รุ่งแล้วกัน” ผมสั่งงาน

“ครับ” สมุทรผงกหัวรับทราบ 

“......” เรายังคงยืนนิ่งกับที่  มือผมขยับขึ้นเท้าเอวพลางมองหน้าอีกฝ่ายที่ไม่สบตามา  แสงแดดสาดส่องกระทบใบหน้าทำให้ผมต้องหรี่ตาลงเล็กน้อย  คิ้วขมวดเป็นปม     

“ไปที่นั่นทำไม..?” ผมถามขึ้นโต้ง ๆ ด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติ  คำถามนี้ที่พุ่งตรงประเด็น  มันเป็นคนละคำถามกับที่ผมถามเขาเมื่อคืน  เมื่อคืนนี้ผมไม่ได้ต้องการทราบว่าเขาไปที่ผับ Blackfoot ทำไม  สาเหตุห่าเหวเพราะอะไร  ผมไม่ได้อยากรู้  ณ ตอนนั้น มันเป็นแค่การรอสังเกตการณ์ดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายในฐานะเจ้านายและลูกน้อง  ผมถามเขาว่า “ไปไหนมา ?” นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการจะรู้  เขาควรตอบผมอย่างฉะฉานว่าเขาไปไหนมา  ความลังเลที่จะตอบอย่างตรงไปตรงมาของเขามันทำให้ผมทราบว่าเขากำลังคิดที่จะโกหก  และมันน่าโมโหตรงที่มันขัดกับบุคลิกของเขา  แน่นอนว่า สาเหตุที่เขาถูกผมเตือนไม่ใช่การที่เขาไปโผล่ที่นั่น  มันเป็นประเด็นที่เล็กสำหรับผม  ถ้าเขาฉลาดกว่านี้เขาคงจะรู้ว่าผมชกเขาทำไม  เขาเคยยืนหยัดว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เขาได้จากผมไปเพื่อชดใช้หนี้สินเขาจะใช้คืนให้  ผมไม่ได้หวังรอตรงนั้น  ไม่ว่าเขาจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจต่องานที่กำลังทำอยู่นี้  เขาควรสำนึกว่า ณ ตอนนี้เจ้านายของเขาไม่ได้เล่นแคะขนมครกขายเลี้ยงปากท้องลูกน้อง  และในฐานะที่เขาทำงานอยู่กับผม  เขาก็ควรที่จะอ่านผมให้ออกมากกว่านี้ว่าผมจะเป็นเจ้านายให้เขาในลักษณะแบบไหน 

ผมอยู่กินสบายแล้วจะปล่อยให้ลูกน้องลำบากได้งั้นเหรอ  ในมาตรฐานของการดูแลคนทั้งค่ายเป็นไปอย่างเท่าเทียม  ไม่ว่าจะเรื่องอาหาร ที่อยู่ที่พัก สวัสดิการที่แทบป้อนให้ทุกอย่างเพื่อให้ใช้ชีวิตกันอย่างสุขกายสบายใจ  แต่อีกมุมหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นสถานที่ที่ดูแลเลี้ยงคนร้อยพ่อพันแม่  มาตรฐานการอยู่ร่วมกัน สร้างกฏในค่ายให้เท่ากันเพื่อที่จะได้มีกำลังใจในการทำงาน ไม่รู้สึกเหลื่อมล้ำ  ไม่ว่าจะเป็นไอ้นพหรือนักมวยดัง ๆ ที่สร้างชื่อเสียงและรายได้ให้ค่ายไม่รู้กี่สิบล้าน  แต่พวกมันก็ยังต้องกินข้าวหม้อเดียว ครัวเดียวกันกับนักมวยรุ่นเล็ก  ยังต้องเคารพนอบน้อมครูมวยและพี่เลี้ยง  เมื่อออกค่ายฝึกด้วยกันพวกมันกินน้ำพริกผมก็กินน้ำพริก  ลูกน้องกินอะไรเราต้องกินแบบนั้น  คนเราจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้สิ่งแรกคือต้องมองเห็นคุณค่าของตัวเองและคนอื่นก่อน  “มึงต้องขยันกว่านี้ มึงมองว่าตัวมึงทำดีที่สุดแล้วเพราะมึงเอาตัวเองไปเปรียบกับคนที่แย่กว่ามึง มึงคิดแบบนี้ไม่ได้! มีคนฝึกหนักกว่ามึง ตอนนี้มีคนที่เหนื่อยกว่ามึง!!” คำพูดของพ่อตอนที่เราเคยทะเลากัน  น้ำเสียงเย้ยหยันกระแทกกระทั้นนั้นยังฝังอยู่ในกบาลผมจนทุกวันนี้  และมันก็ไม่ง่ายเลยที่ผมจะระงับอารมณ์โกรธของตัวเองได้เมื่อเห็นคนลักษณะความคิดเป็นแบบไอ้มงคล  มันยากที่จะเข้าใจ พอ ๆ กับที่มันยากที่คนแบบมันจะเข้าใจผมนั่นละ

แต่ผมคงปฏิเสธไม่ได้ว่า  การที่พี่เอิร์ธอ่านบางอย่างในตัวผมออก  ผมปฏิเสธไม่ได้เลยว่าถ้าหากไอ้มงคลมันมาสารภาพทุกอย่างจากใจจริง  ผมก็คงไม่คิดที่จะทำแบบนั้นกับมัน  บางทีการช่วยเหลืออาจจะเกิดขึ้น  ผมจะให้อภัยทั้งที่ไม่มีทางรู้ว่ามันกำลังตอแหลผมอยู่รึเปล่า  ผมจะให้อภัยมันทั้งที่ไม่มีทางรู้ว่าในอนาคตมันจะหักหลังผมอีกหรือไม่  จะให้อภัยมันทั้งที่แววตาของมันจะไม่ได้มองผมในความเคารพนับถือในฐานะเจ้านาย  จะให้อภัยทั้งที่ที่ผ่านมามันไม่เคยมองเห็นคุณค่าความดีของคนที่ให้ความรักกับมัน  ให้อภัยทั้งที่ไม่มีทางรู้ว่าคำขอโทษนั้นได้กลั่นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอัตตาตัวตนของมันหรือไม่ 

อย่างไรก็ตาม..สำหรับผม การให้อภัยไม่ได้แปลว่าจะให้โอกาส  ให้อภัยคือการปล่อยอีกฝ่ายไปโดยไม่คิดแค้นเคืองต่อกัน  แต่โอกาสทางความสัมพันธ์ฉันท์คนรู้จักจะไม่มีให้อีก  จะไม่ให้ความเชื่อใจอีกต่อไป  เป็นเพียงการหยิบยื่นโอกาสที่จะปล่อยอีกฝ่ายไปแบบต่างคนต่างอยู่  ต่างสงบ  ตามจริงแล้วผมเป็นคนใจอ่อนอยู่นิดหน่อย ..หึ ผมคิดว่าผมเป็นแบบนั้นน่ะนะ
 
“เรื่องยาวมากเลยครับ” สมุทรตอบ  น้ำเสียงหนักแน่นในคำตอบเป็นที่น่าพอใจ

“ฉันมีเวลาให้นายทั้งวัน” ผมตอบปนหัวเราะ  อีกฝ่ายเบิกตาแทบไม่กะพริบแต่แล้วใบหน้าก็เริ่มมีความหนักใจแสดงให้เห็น  เราทั้งคู่เงียบอยู่นานมากจนได้ยินเสียงพวกที่กำลังซ้อมอยู่หายใจเข้าออกค่อนข้างแรง

“ฉันเป็นคนแบบนี้แหละ” ผมพูดขึ้นห้วน ๆ  สมุทรสบตาผมโดยไม่พูดอะไร 

“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามาก่อนแล้วกัน” ผมโบกมือตัดบทสนทนา

“คุณไฟครับ” อีกฝ่ายเรียก  ผมหันกลับไปมอง

“ผม..” เขาอ้ำอึ้ง

“ผมไม่เคยคิดที่จะ หักหลัง..ทุกคนที่นี่”

“เป็นความคิดที่ดีนี่” ผมอมยิ้มมุมปากชมปัดส่ง ๆ ไปที   

“ผม..ผมมีเรื่องอยากรบกวนให้คุณช่วย” เขาพูด  สีหน้าเต็มไปด้วยความร้อนใจในอก

“บอกแล้วไงว่ามีเวลาให้ทั้งวัน” ผมฉีกยิ้มมุมปากเล็กน้อย  ขาเริ่มก้าวเดินอีกครั้งได้ยินเสียงคนข้างหลังพูดบอกไล่หลังอย่างเบาบางว่า “ขอบคุณครับ”

“จับเวลา!” ผมตะโกนท่ามกลางพวกมันที่กำลังฝึกอยู่  มือคว้านาฬิกาจับเวลามาถือไว้ทำให้พวกมันทราบได้ทันทีว่าผมจะควบคุมพวกมันแทนการที่พวกมันฝึกด้วยตนเอง  นาฬิกาจับเวลาถูกกดเปลี่ยนเพื่อตั้งเวลาใหม่  เช้านี้ผมจะไม่ฝึกตัวเองตามตารางที่วางไว้  แค่อยากพัก  แต่ก็ไม่ได้อยากพักอย่างเด็ดขาดเสียทีเดียว   

“วิตพื้น” ผมสั่งเคลียร์ใหม่ทั้งหมด  พวกมันรีบละมือจากที่ฝึกอยู่ไปรวมตัวที่มุมว่างของโรงฝึกในทันที  ส่วนสมุทรหายตัวเข้าห้องน้ำไปแล้ว

“เร็ว ๆ ๆ ๆ!” ผมเร่ง  ชี้นิ้วไปที่สมุทรที่เพิ่งวิ่งออกมาจากห้องแต่งตัวอย่างรีบร้อน  เขาวางผ้าขนหนูสำหรับเช็ดหน้าไปพาดไว้บนเก้าอี้ก่อนเข้าไปรวมตัวกับคนอื่น 

“พาดเท้าขึ้นไป” ผมสั่ง  พวกมันวางมือไว้บนเบาะที่พื้น  ปลายเท้าพาดขึ้นไปบนเวทีมวยเพื่อเพิ่มแรงโน้มถ่วงให้การวิตพื้นยากกว่าปกติ  แต่ผมชอบแบบนี้มากกว่าเพราะส่วนตัวรู้สึกว่าง่ายกว่า

“เริ่ม” ผมสั่ง  ตัวเลขหลักวินาทีวิ่งอย่างรวดเร็ว  ลำตัวของพวกมันขยับขึ้นลงเป็นไปอย่างพร้อมเพรียง

“นับด้วย ต้องให้บอกรึไง” ผมขมวดคิ้วอย่างนึกรำคาญ 

“สี่! ห้า!” พวกมันเริ่มนับพร้อมกัน

“เริ่มนับใหม่โว้ย! จะโกงกูเหรอ” ผมขึ้นเสียง  อยู่ ๆ ก็รับไม่ได้ขึ้นมา  ไอ้เด่นอมยิ้มเขิน

“หนึ่ง! สอง! ..” พวกมันส่งเสียง  ผมเดินเข้าไปใกล้ไอ้รุ่งที่อยู่ในตำแหน่งหน้าสุด  รอเวลาจนนาฬิกาวนไปนาทีที่สี่จึงนั่งยองลงตรงหน้า  คล้องสายนาฬิกาจับเวลาไว้ที่คอก่อนปัดหน้าจอนาฬิกาไปทางด้านหลังตัดรำคาญ 

“ตีมือมา” ผมบอก  แบมือออกตรงหน้าไอ้รุ่งในขณะที่มันเงยหน้าขึ้นได้จังหวะพอดี  การวิตพื้นสลับไปกับการที่พวกมันต้องมีสติตีมือผมมา

“รอจังหวะด้วย ทำไป” ผมสั่งคนอื่น ๆ  จึงเป็นการวิตพื้นที่เป็นไปโดยช้ากว่าปกติ 

“หายใจ” ผมเตือน  ถัดจากไอ้รุ่งเป็นไอ้เด่นทำให้คนที่รออยู่คนอื่นเริ่มหอบเหนื่อย

“ฟู่~” ไอ้เด่นหอบเหงื่อแตกซก  ผมนำหลังมือสะกิดแก้มมันเบา ๆ เพื่อเตือนให้มันหายใจลึกยาวกว่านี้  ผมใช้เวลาคุมการฝึกของพวกมันอยู่ร่วมชั่วโมง  หลังจากนั้นจึงปล่อยให้ลงนวมกันเอง  สมุทรซ้อมกับไอ้รุ่ง  ส่วนไอ้เข้มจับคู่กับน้องชาย  ผมยืนดูพวกมันไปพลางมือก็กดเปลี่ยนเพลงที่เครื่องเสียงไปพลาง  ส่วนใหญ่เป็นเพลงแนวฮิพฮอพเรียกพลังงานทั้งสิ้น  บางทีผมก็มีเบื่อบ้างนะครับเพลงพวกนี้น่ะ  มันอยู่ที่อารมณ์ในบางเวลาจริง ๆ  เพราะบางครั้งก็นึกครึ้มชอบฟังเพลงลูกกรุงเนิบ ๆ ขณะออกกำลังกาย  แบบนั้นก็สบายหูไปอีกแบบ


ปิ้ม!!  ปิ้ม ๆ ๆ ๆ !!!

“วู้ ~” พวกเราต่างหันไปมองกันเป็นจุดเดียวที่หน้าบ้าน  ผมกดปิดเครื่องเสียงทันที  เสียงโหวกเหวกดังลั่นอย่างไร้มารยาทนั้นมันคุ้นหูอย่างหนีใครไปไม่พ้น  ทำนองเพลง Blues กับการลีดกีตาร์นุ่ม ๆ ดังปะทะกับเสียงเครื่องยนต์ทำให้แม่บ้านวิ่งออกมาจากบ้านหน้าตาตื่น  เมื่อพวกเธอเห็นว่าเจ้าของรถคันดังกล่าวนั้นไม่ใช่คนอื่นคนไกล  เธอจึงรีบกดรีโมทประตูรั้วอนุญาตให้เข้ามาได้  ความติงต๊องของไอ้โปรดทำให้ไอ้กังฟูเห่ารับมาจากที่อยู่ของมัน

“What’s up guys!” รถเปิดประทุนทำให้ไอ้โปรดลุกขึ้นยืนพร้อมโบกผ้าเป็นผีบ้าได้ถนัด  คนขับคือไอ้คินที่บังคับรถเข้ามาอย่างเชื่องช้าอย่างกับจะโชว์รถอย่างจงใจ  ผมเดินไปหยุดยืนที่หน้าโรงฝึกพร้อมเท้ามือพิงเสามองทั้งคู่ปล่อยให้พวกมันทำกันให้เต็มที่ตามสบาย

“Do you know John Lee Hooker? Oh, my King of Blues~” ไอ้โปรดยกมือขึ้นฟ้าทั้งสองข้าง ปากของมันคาบบุหรี่อยู่  ขาข้างซ้ายเหยียบเบาะรถ  กางเกงเอวสูงกับเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสีคลาสสิกแบบที่ดูออกว่าเป็นของนอกแต่กลับยังดูกวนลูกตา  มือสะกิดเกาอยู่ที่เอวประกอบท่าการลีดกีตาร์แบบลวง ๆ ของมัน  เป้าขยับสู้กลางอากาศสองสามที  นึกแล้วอดสงสารผู้บริหารสายการบินของมันไม่ได้  ถ้าสักวันหนึ่งมีคลิปวีดิโอของมันเต้นอยู่กลางรันเวย์ผมก็คงไม่แปลกใจเท่าไหร่


- I’m in the mood, I’m in the mood for love –

เพลงเล่นในทำนองบลูส์ไพเพราะน่าฟัง  เมื่อพ้นเสียงนักร้องไปได้  ไอ้โปรดก็ร้องคลอตามด้วยพลังที่มี “I’m in the mood, I’m in the mood for love yeah!”  ผมหลุดหัวเราะอย่างอดไม่ได้  ภาพในอดีตสมัยมัธยมหวนกลับมาเป็นฉาก ๆ  ไอ้โปรดที่มีพฤติกรรมหลายอย่างชวนหมันไส้และน่าถูกเกลียดมากคนหนึ่งเป็นอันดับต้น ๆ ของโรงเรียน  แต่เพราะความเป็นจริงแล้ว ตัวตนของมันที่เป็นอยู่นี้ก็เป็นแบบนี้นั่นเลยทำให้ไม่มีใครเคยนึกเกลียดหรือถือโทษอะไรกับมันเลย  ผม..จะไม่มีมันเป็นเพื่อนได้ไหมนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2017 13:37:07 โดย เบบี้ »

ออฟไลน์ เบบี้

  • Take up an Hobby.
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2072
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4336/-15

- I said, night time is the right time –

“Yeah, it is. Woohoo!” มันกระแทกเสียงพร้อมสะบัดหน้าไปมากลางอากาศ  ไอ้คินก้มหน้าหัวเราะคล้ายกลั้นไม่อยู่  ผมเดินเข้าหาเพราะดูท่ามันจะไม่หยุดง่าย ๆ  ยืนเท้าเอวมองและถึงกับต้องหรี่ตาลงเพราะแดดที่ส่องเข้าตา

“ว่าไงสหาย รถพี่จ๊าบมะ” ไอ้โปรดเท้าเอวพลางยักคิ้ว  ปากที่คาบบุหรี่อยู่ที่มุมปากดูกวนอารมณ์  พอมันขยับปากพูดจึงทำให้บุหรี่กระดกขึ้นกระดกลง

“เพิ่งเปิดประทุนหน้าปากซอยใช่ไหม” ผมพูดอย่างรู้ทัน  รู้ว่ามันจงใจเพื่อก่อกวนโดยเฉพาะ

“เอ้า! ไอ้นี่พูดหมา ๆ  แดดร้อนขนาดนี้ กูคงเปิดมาตั้งแต่สุวรรณภูมิมั้ง” ไอ้โปรดยอมรับหน้าด้าน ๆ พร้อมกับสำเนียงการพูดที่ดัดให้เหมือนคนสุพรรณ 

“หึ ๆ ๆ” ผมกับไอ้คินก้มหน้าหัวเราะ

“ไปขโมยของใครมา” ผมว่า  คันนี้ไม่ใช่รถยนต์ของมัน

“มีคนเขาร้อนเงินจะเอามาขาย เลยขอมาลองเครื่องสักหน่อย” ไอ้โปรดตอบพร้อมกระโดดลงมาสู่พื้นดิน  ผมกวาดตามองรถเก่าปี 70 ยี่ห้อดังจากแดนอาทิตย์อุทัย  สีแดงโดดเด่นสะดุดตา  ไอ้คินดับเครื่องก่อนลงจากรถ  จัดการโยนกุญแจคืนให้เจ้าของ

“ไง! หวัดดีทุกคน!” ไอ้โปรดหันตัวไปทักทายคนในโรงฝึก  บุหรี่ถูกคีบออกจากปากพร้อมชูแขนตึงขึ้นฟ้า  ขาขวาอ้าออกประกอบให้เข้ากับเสื้อผ้าด้วย

“สวัสดีครับ” ฝั่งนั้นทักทายกลับอย่างดีใจที่ถูกทักและไม่วายที่ขำกับท่าทักทายแปลกใหม่จากไอ้โปรดด้วย

“น่าสงสาร” ผมพูดถึงคนขาย

“เท่าไหร่” ผมถาม  ก้มตัวลงมองไปใกล้ ๆ เบาะรถเพื่อดูการเก็บตะเข็บของเบาะ

“ล้านห้า” ไอ้คินตอบ

“ขับใช้ได้เลย ป๋าเอาไหมละ ?” ไอ้โปรดถลึงตาใส่ผมอย่างตื่นเต้น

“ตีนกูก็มีแค่สองตีน ทุกวันนี้กูควักหมอยจ่ายแทนค่าประกันได้กูทำไปแล้ว” ผมตอบ  พวกมันหัวเราะชอบใจใหญ่  ผมหันหลังให้รถโดยยืนพิงรถมันไว้  มือแตะลงบนขอบกระจกเพื่อสำรวจสินค้า 

“ใช้ได้นี่ เจ้าของไม่ร้องไห้แย่รึไง” ผมพูด

“ร้องระงม!” ไอ้โปรดสบถตอบขำ ๆ  ควันบุหรี่ลอยเตะจมูก  แดดที่สาดส่องมากระทบกับเสื้อสีสันสดใสของมันจนรู้สึกแสบตา

“ควาย..ติดเงินกูแล้วไม่ยอมใช้ ยึดรถแม่งเลย รู้จักโปรดปากน้ำโพน้อยไป” มันบ่นถึงความจริงของที่มา

“ฮ่า ๆ ๆ” พวกผมหัวเราะให้กับคำสร้อย
“กูขู่มันว่าจะเอาไปขายต่อถ้าไม่เอาเงินมาคืน หน้าแม่งอย่างฮา” ไอ้โปรดพ่นหัวเราะด้วยท่าทางสะใจ  พวกผมขำ  ตลกหน้ามันด้วยอะไรด้วย

“แล้ว.. มากันทำไมครับ ?” ผมเหล่มอง 

“กูละเกลียดคำถามนี้ที่หลุดจากปากมึงจริง ๆ” ไอ้คินแทบสบถ

“พี่ทัพบ่นมึงให้กูฟังทุกวัน ตกลงมึงจะเอาไงแน่ กูฟังจนหูจะพังละ” มันอมยิ้มนิดหน่อย  ล้วงกระเป๋ากางเกงพร้อมเอนตัวพิงรถ  ผมเพียงอมยิ้ม

“เคลียร์งานเสร็จพอดี แล้วไอ้เหี้ยนี่เขาชวนมา” ไอ้คินขยายความ  มือชี้ไปทางไอ้โปรด

“ได้หยุดสามวัน น้ำตากูจะไหล” ไอ้โปรดบอก

“ตกลง..มึงจะช่วยพี่ทัพไหมวะ ช่วย ๆ ไปเหอะ สงสารแก” ไอ้โปรดพูดติดท่าทางตลก

“มึงรู้ปะ เมื่อวานเช้า แม่จับมันออกไปใส่บาตรด้วยกัน กูแอบเห็นตรงกลางหัวมันมีผมหงอกเต็มเลยมึง!” ไอ้คินถลึงตาด้วยสีหน้าจริงจังแต่ปากเสือกจะหลุดขำในตอนท้าย  ผมกับไอ้โปรดเองยังตกใจ  สีหน้าที่แสดงออกเหมือนกันก่อนเกร็งตัวแล้วขำกร๊ากออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่  เสียงหัวเราะดังขนาดที่คนในโรงฝึกหันมามอง

“ฮ่า ๆ ๆ  โจ๊กเหรอไอ้เหี้ย” ไอ้โปรดว่า

“โจ๊กเหี้ยไรล่ะ กูแม่ง..จะขำมันก็ขำ สงสารมันก็สงสาร กัดฟันกลั้นไว้แทบตาย” ไอ้คินยิ้มอ่อน

“เออ แล้ว..พี่ยูถูกยิงเหรอ ?” ไอ้โปรดเปลี่ยนเรื่อง  ผมพยักหน้าตอบ  ขี้บุหรี่ในมือของมันถูกดีดลงพื้นปูน

“กูให้ไปอยู่ที่อื่นแล้ว”

“ไอดอลกูเลยอะนะ เย็นยะเยือกประดุจน้ำแข็ง” ไอ้โปรดเงยหน้าขึ้นพ่นควันบุหรี่ออก  พึมพำถึงยูที่อยู่ต่างประเทศพลางอมยิ้ม

“มีผับใหม่มึงน่าจะชอบ..” ผมเลิกคิ้วเมื่อนึกเรื่องดี ๆ ขึ้นได้

“มีผับใหม่ ? กูควรจักรู้ก่อนมึงสิ” ไอ้คินหันหน้ามาเชิงสงสัย

“Blackfoot” ผมขยายความให้กระจ่าง 

“ใหม่พ่อมึงสิ! หาเรื่องให้กูอีกละ” ไอ้คินสะบัดหัวกลับแทบหลุด

“หึ ๆ” ไอ้โปรดขำขึ้นจมูก

“ก็ช่วยงานพี่มึงไง คลานออกมาจากท้องแม่กูรึก็ไม่ใช่” ผมว่า  ไอ้คินถอนหายใจเฮือกใหญ่ผมจึงยักคิ้วให้เพื่อนรักยิ้ม ๆ  เท้าแขนไปที่กระจกหน้ารถเพื่อให้ตัวเองขยับเข้าไปใกล้กับมันมากขึ้น

“พี่มึงทำกูปวดกบาลไปหมด คืนนี้มึงจ่าย รวมของลูกน้องกูด้วย” ผมสรุป 

“โห ไรวะ!” ไอ้คินหน้าเบี้ยวทันที

“แหม่ เหมือนมีเรื่องน่าสนุก” ไอ้โปรดยิ้มกว้างชอบใจ

“Boom, boom, boom, boom.” ผมฮัมเพลงโปรด John Lee Hooker ของไอ้โปรดที่ผมมักได้ยินมันร้องอยู่บ่อยครั้งสมัยมัธยม

“I’m gonna shoot you right now, knock you off of your feet ~” ไอ้โปรดรีบนำบุหรี่ออกจากปากพร้อมร้องต่อผมในทันที  ขาของมันขยับโยกเต้นไปตามทำนองที่สร้างขึ้นเองจนไอ้คินถึงกับหลุดขำ  ผมเองก็ด้วย 

พวกเราพากันเข้าบ้าน  การมาของไอ้โปรดและไอ้คินทำให้แม่บ้านผมตื่นเต้นยกใหญ่  พวกมันเป็นขวัญใจของพวกเธอนี่นะครับ  หลังจากพวกมันใช้พลังงานอย่างเกินจำเป็น  ทำให้เริ่มขี้เกียจ  แม่บ้านต้องนำอาหารมาเสิร์ฟให้ที่ห้องนั่งเล่น  เรียกว่าห้องที่แสนสุขของผมกระจัดกระจายไปด้วยอาหาร  พอพวกมันกินอิ่มก็พากันกลิ้งตัวนอนบนโซฟากันคนละตัว  ผมสั่งไม่ให้แม่บ้านทำความสะอาดจนกว่าพวกมันจะพ้นเขตประตูบ้าน  เพราะถึงทยอยทำความสะอาดไป  เดี๋ยวไอ้โปรดก็ลุกขึ้นมาทำเลอะอยู่ดี 


- - - - - - - - - - - - - - -


21:23 น. : Blackfoot Pub

“เชิญครับคุณไฟ” ชื่อที่ถูกเรียกอย่างฉะฉานทำให้ต้องเหลือบมองป้ายตำแหน่งหน้าที่ที่อยู่บนหน้าอกของอีกฝ่าย “ผู้จัดการร้าน”  ก่อนไล่กวาดขึ้นมองไปยังใบหน้าของคนที่ต้อนรับอยู่พร้อมยิ้มให้ 

“เอ่อ คือว่า..” อีกฝ่ายอ้ำอึ้ง  ดวงตาสีดำสนิทขยับมองไปยังดันหลังของผมก่อนก้มต่ำลง

“เราจะขอเสียมารยาท ขออนุญาตตรวจอาวุธน่ะครับ” เขาพูด

“ฮึ!” ผมพ่นหัวเราะ

“Loving you, baby boy~” ไอ้โปรดที่ยืนอยู่ด้านหลังผมยังคงร้องเพลงไม่เลิก  มันร้องตามเพลงที่เราเปิดบนรถเมื่อครู่และดูเหมือนมันยังไม่สามารถหยุดตัวเองได้  ทำให้ผู้จัดการร้านแอบเหลือบมองไปยังไอ้โปรดที่ก่อกวนบทสนทนาระหว่างเรา

“Nothing can hold me down. Oh, hold me down!” ไอ้โปรดยิ้มกว้างให้ผู้จัดการร้าน  หัวของมันกระดิกโยกไปตามทำนอง  ผู้จัดการร้านยังคงรักษาอาการของเขาไว้ได้  เขาฉีกยิ้มให้ไอ้โปรดอย่างรักษามารยาทอย่างมืออาชีพ

“โทษที ได้สิ” ผมกระแทกเสียงตอบโดยไม่คิดห้ามเพื่อนสนิท

“หน้าผมก็ไม่ใช่คนดีอยู่แล้วนี่นะ” ผมยิ้ม

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ คือว่า..เป็นกฏของทางร้านน่ะครับ” ผู้จัดการกุมมือเข้าหากันอย่างสุภาพขณะก้มหน้าลง  การ์ดของร้านสามคนยืนอยู่ทางด้านหลังเขาอย่างรอคำสั่งต่ออีกทอดหนึ่ง  ผมพยักหน้าส่งสัญญาณให้พี่ธานให้จัดการให้เรียบร้อย  ทั้งพี่ธาน สมุทรและไอ้เด่นจึงต้องขยับตัวออกเพื่อให้ตรวจได้สะดวก  ผู้จัดการร้านพยักหน้าให้กับคนของตนไปทำตามหน้าที่  เพลงในตัวร้านดังลอดออกมาในท่อนอินโทรทำให้ไอ้โปรดเริ่มขยับตัวเต้นหนักกว่าเดิม

“ตรวจฉันด้วยไหม” ผมถามนุ่ม ๆ

“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ” อีกฝ่ายหลบตาผงกหัวเล็กน้อย 

การตรวจร่างกายเป็นไปโดยราบรื่น  พวกผมจงใจไม่พกอาวุธมาเพื่อให้เป็นเรื่องยุ่งยากอยู่แล้ว  การมาครั้งนี้ไม่ใช่จุดประสงค์เช่นนั้น  ผู้จัดการร้านเป็นคนพาผมไปที่โต๊ะวีไอพีด้วยตัวของเขาเอง  ไอ้โปรดนำมือขึ้นลูบปกเสื้อผู้จัดการร้านอย่างเบามือพร้อมร้องเพลงตามที่ดีเจเปิด  พี่ธานที่ตามประกบผมอยู่แอบอมยิ้มน้อย ๆ กับสิ่งที่ไอ้โปรดทำ  มันกวนตีน  และเครื่องดื่มถูกสั่งโดยไอ้คินที่เป็นเจ้าพ่องาน 

“ไม่เบานี่หว่า สืบประวัติลูกค้าขนาดนี้” ไอ้โปรดทักให้หลังพนักงานที่ปล่อยให้เราอยู่ส่วนตัว
 
“เฮียบอกว่าลูกค้ารายใหญ่ ผู้จัดการร้านจำได้หมดทั้งที่เคยมาร้าน..หรือแบบไม่เคย อยากได้แบบนี้ที่ร้านกูสักคน..หึ” ไอ้คินเลิกคิ้ว  มันเบ้ปากด้วยใบหน้ากวนแฝงนัยยะทำให้ผมหัวเราะ  หมากฝรั่งที่อยู่ในปากเริ่มจืดจางและแข็งขึ้นนิดหน่อย  ผมกวาดตาสำรวจตัวร้าน  ไอ้คินละการใช้คำเรียกว่า “พี่ทัพ” เป็น “เฮีย” แทน  ซึ่งก็เป็นที่รู้กันดีในหมู่พวกผมหากอยู่ด้วยกันว่ากำลังหมายถึงใคร 

พี่ธานยืนค้ำหัวอยู่ด้านข้าง  สมุทรกับไอ้เด่นยืนประกบระหว่างสองมุมห่างจากโต๊ะไปคืบหนึ่ง  ผมชี้มือเคาะลงบนโซฟาอนุญาตให้พี่เขานั่งลง  ผู้จัดการร้านกลับมาอีกครั้ง  เขาดูไม่ค่อยสะดวกกับการเข้ามาตรง ๆ พี่ธานจึงรีบลุกทำหน้าที่เป็นฝ่ายรับหน้าเพื่อให้อีกฝ่ายได้เข้ามาทำธุระ 

“ขอประทานโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณไฟกับเพื่อน อยากให้น้อง ๆ ของทางร้านเรามานั่งบริการส่วนตัวไหมครับ” เขาโค้งตัวยิ้มถามอย่างสุภาพ

“ผมเลือกเอง ได้ไหม” ไอ้โปรดพูดขึ้นเสียงดัง
 
“ได้ครับ” ผู้จัดการร้านผงกหัวตอบรับอย่างนุ่มนวล

“เอาไหม ?” มันหันมาถาม  ผมส่ายหัวแทนคำตอบ  รำคาญ ไม่มีอารมณ์

“ดี” มันตอบขำ ๆ  ลุกขึ้นเดินผ่านพี่ธานไปหาเป้าหมายอย่างไม่รีรอ

“ไอ้เหี้ยนี่แม่ง รุงรัง..อย่างกับคนอดอยากตลอดเวลา” ไอ้คินบ่น

“หึ ๆ” ผมหัวเราะ

“ฮ้า! แต่ไหน ๆ  มื้อนี้กูจ่ายอะนะ” ไอ้คินฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันแทบครบ  มันยกแก้ววิสกี้ขึ้นจิบก่อนวางลง  จับเสื้อของตนให้ดูดีก่อนลุกขึ้นตามก้นไอ้โปรดไปติด ๆ  พอผู้จัดการร้านเข้าไปบริการพวกนั้นพี่ธานจึงกลับมานั่งลงข้างผมอย่างเดิม  พนักงานชายเข้ามาเพื่อจะจัดการเครื่องดื่มให้สะดวกแต่พี่เขาปัดมือไล่ไปเสียก่อน  เสียงน้ำแข็งใส่ลงในแก้วให้ผมนั้นใสจนน่าฟัง  ข้อมือหมุนฝาเปิดขวดออกก่อนรินวิสกี้ใส่แก้วอย่างใจเย็น 

“น้ำเปล่า” ผมสั่ง  หยิบวิสกี้มาถือไว้ในมือ  พี่ธานเปิดขวดน้ำเปล่าเพื่อรินใส่แก้วให้ผมเพิ่มอีกแก้วหนึ่ง

“ข้างนอกพร้อมรึยัง” ผมถาม  เขย่าแก้วเล็กน้อยเพื่อให้ความเย็นพอเหมาะก่อนยกขึ้นดื่มจนหมด

“พร้อมแล้วครับ” พี่ธานตอบ  แก้วน้ำเปล่าถูกเลื่อนมาตรงหน้า

“พี่ใหญ่อยากดื่มไวน์ไหม” ผมหันไปถาม  เอนตัวพิงพนักโซฟาพร้อมยกขาซ้ายขึ้นไขว่ห้าง  อีกฝ่ายกลั้นอมยิ้มไม่ให้คำตอบ

“สักหน่อยน่า เดี๋ยวปากไม่แดง” ผมแซว  นำหลังมือตีอกพี่เขาอย่างหยอก ๆ

“เอาอันดับต้น ๆ ของร้านมาสักขวดแล้วกัน ไม่ได้จ่ายเองนี่นะ ถือว่ามาพักผ่อน” ผมอมยิ้ม  พี่ธานผงกหัวรับทราบแล้วลุกจากโต๊ะตรงไปหาผู้จัดการ  ผมเหลือบมองสมุทรที่หากไม่สังเกตให้ดีภายนอกของเขาคงดูเคร่งขรึมในสายตาของคนทั่วไปมากทีเดียว  ไม่นานนักไอ้คินก็กลับมาพร้อมสาวสวยตัวเล็ก  สะโพกของเธอกลมงอนเข้ากับส่วนขา  ผมเหลือบมองตั้งแต่ส่วนล่างขึ้นไปจนถึงใบหน้าหมวย ๆ ของเธอ  ดวงตาโฉบเฉี่ยวมีเสน่ห์  แม้จะร่างเล็กแต่หุ่นอวบอึ๋มชวนมองมันตั้งแต่หน้าอกยันสะโพก  สเปกไอ้คินมันล่ะ

“น้องมากับพี่ มองแต่พี่สิครับ” ไอ้คินพูดกับเธอหยอก ๆ  ก่อนเอนหลังไปทางด้านหลังเพื่อไม่ให้เธอสังเกตเห็น  ปากมันขยับด่าพร้อมถลึงตาใส่ผม “ไอ้เหี้ย!”  ผมได้แต่อมยิ้มอย่างไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียง  เธอนั่งลง  ละสายตาจากผมแล้วนำมือดันตัวไอ้คินด้วยท่าทางเขินอาย  ครู่หนึ่งหางตาของเธอก็ตวัดกลับมาอีกครั้ง  ผมเพียงจ้องตอบ  ความเซ็กซี่ของเธอมีเสน่ห์แปลกตากว่าผู้หญิงหุ่นสูงยาวเข่าดีทั่วไป  เธอมีเสน่ห์แบบชวนให้คิดแต่เรื่องต่ำกว่าสะดือท่าเดียวเลย

“ของกู!” ไอ้คินเอนตัวบังผู้หญิงของมันพร้อมตะโกนดังลั่น  ทั้งผมและเธอต่างหลุดหัวเราะ  หยิบน้ำเปล่าขึ้นดื่มหมดแก้ว  พี่ธานกลับมาพร้อมกับขวดไวน์ที่ถือมาด้วยมือของตัวเองโต้ง ๆ ทำให้ผู้จัดการร้านถึงกับต้องเดินตามมาให้บริการ  พี่เขายืนยันกับผู้จัดการร้านว่าต้องการที่จะเปิดขวดด้วยตัวเอง  แก้วไวน์ถูกพนักงานเสิร์ฟนำวางลงบนโต๊ะเตรียมให้  ขณะเดียวกันไอ้โปรดก็ควงผู้หญิงกลับมาเช่นกัน  เสียงขวดไวน์ถูกเปิดดัง “ปึก!” 

“ไม่ทราบว่าคุณไฟ ไม่อยากรับพนักงานของเรามานั่งบริการด้วยสักคนหรือครับ” ผู้จัดการร้านยังไม่เลิกคะยั้นคะยอ  ผมเหลือบมองเขาอย่างไม่คิดที่จะให้คำตอบ  ทำให้อีกฝ่ายหน้าเจื่อนลง

“อ๋อ! เพื่อนผมเขาชอบหุ่นแบบคนที่ถือขวดไวน์อยู่มากกว่าน่ะครับ หุ่นบางร่างน้อยแบบนี้ไม่คณามือมันหรอก ถ้าแบบน้อง ๆ นี่ต้องสามคนนะครับถึงจะเอาอยู่!” ไอ้โปรดลอยหน้าตอบแทนทีเล่นทีจริงแก้สถานการณ์  มือของมันชี้ไปที่พี่ธานประกอบให้ด้วยอย่างจงใจแกล้ง  ผู้จัดการมองกะหลับกะเหลือกมาที่พี่ธานที่ยังคงนิ่งเฉยตั้งใจรินไวน์อย่างไม่สะทกสะท้าน  มุมปากผมเผยรอยยิ้มขึ้นสูงนิดหน่อยเพื่อเป็นการย้ำให้เขารู้ว่าสิ่งที่ไอ้โปรดบอกนั้นอาจเป็นความจริงก็ได้

“อย่างนั้น หากมีอะไรเรียกใช้ผมได้เลยนะครับ” ผู้จัดการผงกหัวน้อย ๆ ตัดใจจากไป  แก้วไวน์แดงถูกยื่นมาตรงหน้าผมหนึ่งแก้วและของพี่ธานหนึ่งแก้ว
 
“เท่าไหร่ล่ะ ?” ผมถามถึงราคา  น้ำเสียงได้ยินกันแค่สองคน

“สามหมื่นบาทครับ” พี่เขาตอบ  ผมรับมาดมและหลุดหัวเราะในลำคอ

“ผมแค่ทำตามคำสั่งของคุณเท่านั้นนะครับ” อีกฝ่ายขยายความคล้ายกับเกรงต่อความผิดนี้ต่อไอ้คิน  ผมอมยิ้ม  รสไวน์ที่จิบเข้าปากเป็นที่น่าพอใจว่าไม่ได้กำลังสังสรรค์อยู่กับเงินของตน

“คุณริศามาแล้วครับ” พี่เขารายงาน  ผมผงกหัวรับทราบ

“คัดลูกค้าน่าดูเลยนะ” ผมพูดถึง  พี่ธานผงกหัวเห็นด้วย   

“เด็กใหม่พี่ มองไปทั่วร้านตั้งแต่มาถึงแล้ว ไม่เก็บอาการเอาซะเลย” ผมพูด  ยักคิ้วส่งไปทางสมุทร

“อย่าลืมฝึกให้ดีกว่านี้ล่ะ” ผมบอกติดตลก  พี่ธานอมยิ้มน้อย ๆ

“คุณไฟจะไม่ถามเขาหน่อยเหรอครับ”

“ถามสิ แต่แค่อยากฟังบนเตียงสบาย ๆ ยาว ๆ ไรงี้” ผมปั้นหน้าตอบปนหัวเราะ  พี่ธานส่ายหัวยิ้ม ๆ

“ถ้าเกิดถามก่อนเขาก็คงไม่แสดงอาการอย่างนี้ เราต้องการสิ่งที่หมอนี่เป็นอยู่ไม่ใช่รึไงครับ” ผมยกไวน์ที่เหลือขึ้นดื่มจนหมดและพี่ธานไม่ปฏิเสธ

“ผมคิดว่า ถ้าคุณพูดกับเขาให้เข้าใจว่าคุณสามารถช่วยเขาได้ บางทีเขาอาจจะเปิดใจให้คุณมากขึ้นกว่าเดิมนะครับ”

“ไม่ครับพี่ใหญ่” ผมสวนกลับแทบจะทันที  ดวงตาจ้องมองลึกเข้าไปเพื่อยืนยันกับสิ่งที่กำลังพูดอยู่

“ทำแบบนั้นก็เหมือนจงใจสร้างแต่ภาพดี ๆ ให้อีกฝ่ายมองเลยงั้นสิครับ ?” ผมแสยะยิ้ม

“เราเป็นคนดีขนาดนั้นเลยเหรอ ?” ผมพ่นหัวเราะทางจมูก  พี่ธานอมยิ้มปฏิเสธไม่ออก 

“ใช่..ผมต้องมีจังหวะสร้างภาพแน่นอนอยู่แล้วก็ผมอยากได้หมอนั่นนี่นะ แต่ภาพที่ผมจะสร้างกับเขา ผมจะเลือกเองว่าภาพไหนผมจะทำ ..หรือไม่ทำ” กูพูดเองหัวเราะเองก็ได้ด้วย
 
“หากคุณฟังคำเตือนผมบ้างก็คงดี” พี่ธานยิ้มเจ้าเล่ห์คล้ายเห็นด้วยว่าต้องการให้ผมเป็นอย่างที่พูดต่อไป 

“จะหมอนั่น หรือกับพี่..ผมก็จะยังเป็นผม” ผมตัดบทสนทนา  พี่ธานเงียบไป

“ขอโทษนะคะ” ผมช้อนตาขึ้นมองผู้หญิงแปลกหน้าที่เข้ามาทักทายกลางวงจนเป็นจุดสนใจของทุกคน  ไอ้เด่นที่อยู่ใกล้เธอมองตาม  รอจังหวะที่จะกันเธอออกหากผมแสดงอาการไม่ต้อนรับ

“ไฟคะ~” ริศาปรากฏตัวขึ้น  เธอเข้ามายืนขนาบข้างผู้หญิงคนนั้นจนอีกฝ่ายถึงกับชะงักงันอย่างเกรงกลัว  ริศาส่งสายตาไปที่เธอทำให้เธอถึงกับต้องปลีกตัวออกจากที่นี่ในทันที   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2017 13:44:57 โดย เบบี้ »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด